คดีปกครอง
เก่ียวกับการบรหิ ารงานบุคคล
ของข้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศึกษา
โดย นนาางยศสิรมวิ ชรยั รณวฒั จนลุ กโพารธณุิ์
หัวขอ้ สนทนา
1.กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ ง
2.คดีที่ศาลปกครองรบั ไวพ้ ิจารณาได้
3.เหตแุ ห่งการฟ้ องเพิกถอนคําสง่ั
4.แนวคําวินิจฉยั คดีของศาลเก่ียวกบั
การบรหิ ารงานบคุ คล
กฎหมายทเ่ี ก่ียวข้อง
1.กฎหมายเฉพาะท่ีเก่ียวกบั การบริหารงาน
บคุ คลประเภทนน้ั ๆ เช่น
• พ.ร.บ. ระเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา 2547
• พ.ร.บ. ระเบียบขา้ ราชการพลเรือน 2551
• พ.ร.บ. ตาํ รวจแห่งชาติ 2547
2.กฎหมายทวั่ ไป
กฎหมายปกครองท่ัวไป
1. พ.ร.บ. วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. 2539
2. พ.ร.บ. ความรบั ผิดทางละเมิด
ของเจา้ หนา้ ท่ี พ.ศ. 2539
3. พ.ร.บ. ขอ้ มลู ขา่ วสาร
ของราชการ พ.ศ. 2540
4. พ.ร.บ. จดั ตงั้ ศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
วธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง
การเตรียมการและการดาํ เนินการของ
เจา้ หนา้ ท่ีเพื่อจดั ใหม้ ีคาํ ส่ังทางปกครอง
หรือกฎ และรวมถึงการดําเนินการใด ๆ
ในทางปกครองตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
คําส่งั ทางปกครอง
การใชอ้ ํานาจตามกฎหมายของเจา้ หนา้ ท่ี
ท่ีมีผลเป็ นการสรา้ งนิติสมั พนั ธ์ข้นึ ระหวา่ ง
บคุ คลในอันท่ีจะก่อ เปล่ียนแปลง โอน สงวน
ระงบั หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสทิ ธิ
หรือหนา้ ท่ีของบคุ คล ไมว่ ่าจะเป็ น
การถาวรหรอื ชว่ั คราว เช่น การสง่ั การ
การอนญุ าต การอนมุ ตั ิ การวนิ ิจฉยั
อทุ ธรณ์ การรบั รอง และการรบั
จดทะเบียน แต่ไม่หมายความถึงการออกกฎ
ตัวอย่างของคาํ ส่ังทางปกครอง
ทเ่ี กี่ยวกับการบรหิ ารงานบุคคล
1. คําสง่ั ที่เก่ียวกบั การบรรจุ การแต่งตง้ั
การเลอื่ นขน้ั เงินเดือน การสง่ั พกั งาน
หรอื สงั่ ใหอ้ อกจากงานไวก้ อ่ น หรอื
การใหพ้ น้ จากตําแหน่ง หรอื การ
ลงโทษทางวินยั
2. คําวินิจฉยั อทุ ธรณค์ ําสงั่
ผลของการวนิ จิ ฉัยว่าเป็ นคาํ สั่งทางปกครอง
1.โดยหลกั อาจถกู ฟ้องเพิกถอนที่ศาล
ปกครองไดถ้ า้ ทาํ ใหเ้ ดือดรอ้ นเสียหาย
2.ตอ้ งนํา พ.ร.บ. วิธีปฏิบตั ิราชการทาง
ปกครองพ.ศ. 2539 มาใชบ้ งั คบั ดว้ ย
8
พ.ร.บ. ว.ิ ปฏิบัติ. มาตรา 3
วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครองตามกฎหมายต่างๆ
ใหเ้ ป็ นไปตามที่กาํ หนดในพระราชบญั ญตั ิน้ี เวน้ แต่ใน
กรณีที่กฎหมายใดกาํ หนดวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
เรื่องใดไวโ้ ดยเฉพาะและมีหลกั เกณฑท์ ี่ประกนั ความเป็ น
ธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบตั ิราชการไม่ตํา่ กว่า
หลกั เกณฑท์ ี่กาํ หนดในพระราชบญั ญตั ิน้ี
ความในวรรคหนึ่งมใิ หใ้ ชบ้ งั คบั กบั ขนั้ ตอนและ
ระยะเวลาอุทธรณห์ รือโตแ้ ยง้ ที่กาํ หนดในกฎหมาย
วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง
คําขอ/การริ่เริ่มของ จนท.
การพิจารณาทางปกครอง
การทาํ คําสงั่ ทางปกครอง
การแจง้ คําสงั่ /ประกาศ
อุทธรณค์ ําสงั่ /การขอใหพ้ ิจารณาใหม่
ยืนยนั คําสงั่ /เพิกถอน/เปลี่ยนแปลง
การบงั คบั ตามคําสงั่
พ.ร.บ.วธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง
มาตรา 40 วรรคหนง่ึ
คําสง่ั ทางปกครองท่ีอาจอทุ ธรณ์
หรอื โตแ้ ยง้ ต่อไปไดใ้ หร้ ะบกุ รณีที่อาจ
อทุ ธรณห์ รอื โตแ้ ยง้ การยน่ื คําอทุ ธรณ์
หรอื คําโตแ้ ยง้ และระยะเวลาสาํ หรบั การ
อทุ ธรณ์ หรอื การโตแ้ ยง้ ดงั กลา่ วไวด้ ว้ ย
11
พ.ร.บ.วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครองฯ
(มาตรา 40 วรรคสอง)
ในกรณีที่มีการฝ่ าฝื นบทบญั ญตั ิตาม
วรรคหนึ่ง ใหร้ ะยะเวลาสาํ หรบั การอทุ ธรณ์
หรอื การโตแ้ ยง้ เรม่ิ นบั ใหมต่ งั้ แต่วนั ท่ีไดร้ บั แจง้
หลกั เกณฑต์ ามวรรคหนึ่ง แต่ถา้ ไมม่ ีการแจง้ ใหม่
และระยะเวลาดงั กลา่ วมีระยะเวลาสน้ั กว่าหนึ่งปี
ใหข้ ยายเป็ นหน่ึงปี นบั แต่วนั ที่ไดร้ บั คําสงั่ ทาง
ปกครอง
12
คาํ แนะนาํ คณะกรรมการฯ
ที่ 1/2540
เรอื่ ง หลกั เกณฑก์ ารแจง้ สิทธิในการ
อทุ ธรณห์ รอื โตแ้ ยง้ คําสง่ั ทางปกครอง
ถา้ หากท่านประสงคจ์ ะอทุ ธรณห์ รอื
โตแ้ ยง้ คําสง่ั น้ี ใหย้ น่ื อทุ ธรณห์ รอื โตแ้ ยง้
คําสง่ั ดงั กลา่ วต่อ ...(1)... ภายใน ...(2)...
วนั นบั แต่วนั ที่รบั ทราบคําสง่ั น้ี 13
พ.ร.บพ..วศธิ .ีป2ฏ5ิบ3ัต9ิรา(ชมกาาตรรทาาง1ป3ก)ครอง
เจา้ หนา้ ท่ีจะพิจารณาทางปกครองไมไ่ ด้
(1) เป็ นค่กู รณีเอง
(2) เป็ นค่หู มน้ั หรอื คส่ ู มรสของค่กู รณี
(3) เป็ นญาติของค่กู รณี
ผพู้ ิทกั (4ษ)ห์ เปร็ อืนผหแรู้ ทอื เนคหยรเอืป็ ตนวผั แแู้ ททนนขโดอยงคชอก่ ู บรณธรี รมหรอื
คก่ ู รณ(5ี ) เป็ นเจา้ หน้ีหรอื ลกู หน้ี หรอื เป็ นนายจา้ งของ
(6) กรณีอ่ืนตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง 14
พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. 2539 (ม. 16)
ในกรณีมีเหตอุ ่ืนใดนอกจากที่บญั ญตั ิไว้
ในมาตรา 13 เกี่ยวกบั เจา้ หนา้ ท่ีหรอื กรรมการ
ในคณะกรรมการท่ีมีอํานาจพิจารณาทาง
ปกครอง ซ่ึงมีสภาพรา้ ยแรงอันอาจทําใหก้ าร
พิจารณาทางปกครองไม่เป็ นกลาง เจา้ หนา้ ที่
หรอื กรรมการผนู้ นั้ จะทําการพิจารณา
ทางปกครองในเรอ่ื งนนั้ ไมไ่ ด้
15
พ.ร.บ.ว(มธิ าีปตรฏาบิ 1ตั 5ิรวารชรกคาสรอทงแาลงะปสากมค) รองฯ
ถา้ คณะกรรมการท่ีมีอํานาจพิจารณาทาง
ปกครองคณะใดมีผถู้ กู คดั คา้ น ในระหว่างที่กรรมการ
ผถู้ กู คดั คา้ นตอ้ งออกจากท่ีประชมุ ใหถ้ ือว่า
คณะกรรมการคณะนนั้ ประกอบดว้ ยกรรมการทกุ คน
ท่ีไมถ่ กู คดั คา้ น
หขปอฏนงาิบ้ กทตั ถร่ีติหา้ร่อนทมไา้่ีปปกทราด่ีตะรว้ ช่อทยมไุี่ไคปมมะไถ่ีมแดกนตู ้ มคนิใหตดัเสกิ้ดคียรงัา้ งรกนไมลมกกา่ น่ ใ็าวหอ้ รใกยห้ผกรก้ถู้ รวรกูม่าะคทสกดัอําาคโงรดใผา้ นยนนู้ สวปน้ั ิธาฏมี บิ ตั ิ
ลงคะแนนลบั และใหเ้ ป็ นที่สดุ
16
พ.ร.บ.วธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครองฯ
(มาตรา 18)
บทบญั ญตั ิมาตรา 13 ถึงมาตรา 16
ไมใ่ หน้ ํามาใชบ้ งั คบั กบั กรณีท่ีมีความจําเป็ น
เรง่ ด่วน หากปลอ่ ยใหล้ า่ ชา้ ไปจะเสียหายต่อ
ประโยชนส์ าธารณะหรอื สิทธิของบคุ คลจะ
เสียหายโดยไมม่ ีทางแกไ้ ขได้ หรอื ไมม่ ี
เจา้ หนา้ ที่อื่นปฏิบตั ิหนา้ ที่แทนผนู้ นั้ ได้
17
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี
อ. 245-246/2552
ผฟู้ ้ องคดีเป็ นนกั บรหิ ารงานทว่ั ไป ระดบั 6
สงั กดั อบจ.เชียงราย ถกู กลา่ วหาว่ามีพฤติการณ์
ทจุ รติ ในการเบิกคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการ
คณะกรรมการสอบสวนวินยั อยา่ งรา้ ยแรงเห็น
ว่า ผฟู้ ้ องคดีกระทําผิดจรงิ ควรลงโทษ
ปลดออกจากราชการ
18
คณะกรรมการสอบสวนวินยั อย่างรา้ ยแรง
คณะอนุกรรมการพิจารณาการดําเนินการ
ทางวินยั และการใหอ้ อกจากราชการ
ก.จ.จ.
นายก อบจ. มีคําสงั่ ปลดออกจากราชการ
คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณแ์ ละการรอ้ งทกุ ข์
ก.จ.จ.
คณะอนกุ รรมการพิจารณาการดําเนินการ
ทางวินยั และการใหอ้ อกจากราชการซึ่งมีนาย ศ.
ในฐานะรองผูว้ า่ ราชการจังหวดั เป็ นประธาน
มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการ
สอบสวนวินยั จึงเสนอความเห็นดงั กลา่ วต่อ
คณะกรรมการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั
เชียงราย (ก.จ.จ.เชียงราย)
ก.จ.จ.เชียงราย ซ่ึงมีนาย ศ. รองผูว้ า่ ราชการ
จังหวดั ปฏบิ ตั ิราชการแทนผูว้ า่ ราชการจังหวดั
เชียงราย เป็ นประธาน มีมติใหป้ ลดผฟู้ ้ องคดีออก
จากราชการ
20
นายก อบจ. มีคําสงั่ ปลดผฟู้ ้ องคดีออกจาก
ราชการตามมติ ก.จ.จ. เชียงราย
ผฟู้ ้ องคดีอทุ ธรณค์ ําสง่ั ลงโทษปลดออกจาก
ราชการต่อ ก.จ.จ. เชียงราย
คณะอนกุ รรมการพิจารณาอทุ ธรณแ์ ละการ
รอ้ งทกุ ขม์ ีมติใหย้ กอทุ ธรณ์ และเสนอความเห็น
ต่อ ก.จ.จ.เชียงราย
ก.จ.จ.เชียงราย ซ่ึงมีนาย ศ. ปฏบิ ตั ิราชการแทน
ผูว้ า่ ราชการจังหวดั ทําหนา้ ท่ีเป็ นประธาน
ในท่ีประชมุ มีมติยกอทุ ธรณ์
ผฟู้ ้ องคดีจึงฟ้ องเพิกถอนคําสง่ั ปลดออก
จากราชการที่ศาลปกครอง
21
ขอ้ 68 วรรคสี่ ของประกาศ
คณะกรรมการกลางขา้ ราชการ อบจ. เรอื่ ง
มาตรฐานทว่ั ไปเก่ียวกบั วินยั .. และการ
ดําเนินการทางวินยั ... กาํ หนดให้
คณะอนกุ รรมการพิจารณาการดําเนินการ
ทางวินยั และการใหอ้ อกจากราชการ ตอ้ งไม่
เป็ นกรรมการในคณะกรรมการขา้ ราชการ
อบจ. หรอื คณะอนกุ รรมการพิจารณา
อทุ ธรณแ์ ละการรอ้ งทกุ ข์
คาํ วนิ จิ ฉัยของศาล
...หลกั เกณฑต์ ามขอ้ 68 วรรคส่ี ของ
ประกาศ... มีเจตนารมณท์ ่ีจะใหก้ ารพิจารณา
เกี่ยวกบั การดําเนินการทางวินยั ... ที่
ดําเนินการโดยคณะกรรมการทงั้ สามชดุ
ดงั กลา่ วซ่ึง..เป็ นขนั้ ตอนหรอื วิธีการอนั เป็ น
สาระสาํ คญั ในการออกคําสงั่ ทางปกครองที่มี
23
ผลกระทบกระเทือนอยา่ งมาก
ต่อสิทธิของขา้ ราชการองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นจงั หวดั ใหม้ ีการดําเนินการอยา่ ง
โปรง่ ใส บรสิ ทุ ธ์ิยตุ ิธรรม และปราศจาก
ความคลางแคลงใจต่อกรรมการแต่ละคน
ในเรอื่ งความเป็ นกลาง รวมทง้ั เพื่อใหม้ ีการ
ตรวจสอบถ่วงดลุ ซึ่งกนั และกนั ระหว่าง
คณะกรรมการทงั้ สามชดุ
24
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.133/2553
... ผฟู้ ้ องคดีไดย้ นื่ อทุ ธรณค์ ําสงั่ ลงโทษต่อ
คณะกรรมการขา้ ราชการคร ู (ก.ค.) อ.ก.ค. วสิ ามญั
เก่ียวกบั การอทุ ธรณแ์ ละการรอ้ งทุกข์ ซึ่งกระทําการ
แทน ก.ค. และมีนาย ป. ในฐานะอนกุ รรมการโดย
ตําแหน่งไดพ้ ิจารณาอทุ ธรณข์ องผฟู้ ้ องคดีและท่ี
ประชมุ ไดม้ ีมติใหย้ กอทุ ธรณข์ องผฟู้ ้ องคดี กรณีจึง
เห็นไดว้ ่า การท่ีนาย ป.ไดเ้ คยพิจารณาวินิจฉยั ใน
เรอื่ งการดําเนินการทางวินยั ผฟู้ ้ องคดีมากอ่ นแลว้
และต่อมาไดเ้ ป็ นเจา้ หนา้ ที่ในชนั้ การพิจารณา
อทุ ธรณใ์ นเรอ่ื งเดิมอีก การพิจารณาใชด้ ลุ พินิจ
ของนาย ป.จึงอาจมีความโนม้ เอียงไปตาม 25
ความเห็นเดิมท่ีตนไดเ้ คยพิจารณาวนิ ิจฉยั ไปแลว้
เมื่อครงั้ ท่ีเป็ นประธานคณะกรรมการ อ.ก.ค.
สาํ นกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ
อนั ถือไดว้ ่ามีสภาพรา้ ยแรงที่อาจทําใหก้ าร
พิจารณาทางปกครองไมเ่ ป็ นกลาง แมจ้ ะไมม่ ีผใู้ ด
คดั คา้ นแต่นาย ป.ยอ่ มเห็นไดเ้ องอยแู่ ลว้ ว่าตนมี
ลกั ษณะตอ้ งหา้ มดงั กลา่ ว นาย ป. จึงสมควรหยดุ
พิจารณาเรอื่ งนน้ั และควรจะใหเ้ จา้ หนา้ ที่อ่ืนเขา้
ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีแทน ตามมาตรา 16 วรรคสอง (1) ซ่ึง
ถือว่าเป็ นขนั้ ตอนหรอื วิธีการอนั เป็ นสาระสาํ คญั
กรณียอ่ มเห็นไดว้ ่ามติดงั กลา่ วบกพรอ่ งใน
สาระสาํ คญั อนั เป็ นเหตใุ หไ้ มช่ อบดว้ ยกฎหมาย 26
คาํ พพิ ทาี่ กอษบา.1ศ3าล9ป/ก2ค5ร6อ2งสูงสุด
ผูฟองคดีเปนขาราชการครู (โรงเรียนบานปาแดงงาม
ถูกผูถูกฟองคดี ศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลําภู (ผูอํานวยการ
สํ า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ห น อ ง บั ว ลํ า ภู
เขต ๒ เดิม)) มีคําสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปงบประมาณ พ.ศ.
๒ ๕ ๕ ๐ ค ร้ั ง ที่ ๒ ใ ห แ ก ผู ฟ อ ง ค ดี ๐ . ๕ ข้ั น ผู ฟ อ ง ค ดี
จึงมีหนังสือรองทุกขตอประธาน ก.ค.ศ. แตไมไดรับแจงผล
การพิจารณา ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งเล่ือนข้ันเงินเดือนไมชอบ
ดวยกฎหมาย เน่ืองจากคณะกรรมการกลั่นกรองการเล่ือน
ขนั้ เงินเดอื น ระดบั สถานศึกษาและระดบั เขตพื้นท่ีการศกึ ษา 27
มีเหตุท่ีมีสภาพรายแรงอันอาจทําใหการพิจารณาทางปกครอง
ไมเปนกลาง อีกท้ัง ยังเปนการนําคะแนนการประเมิน
ในครั้งเดิมมาใชในการประเมินโดยมิไดมีการประเมินคะแนน
ใหแกผูฟองคดีใหมแตอยางใด ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งเล่ือนเงินเดือนดังกลาวขึ้นกรอบใหม
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การแตงต้ังนาย ท.
ซ่ึงดํารงตําแหนงเปนผูแทนหัวหนากลุมสาระการเรียนรู
เปนกรรมการกลั่นกรองฯ ระดับสถานศึกษา ครั้งเดิมและ
ครั้งใหมเปนการแตงต้ังโดยชอบตามประกาศสํานักงาน
คณะกรรมการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน
เรื่อง หลักเกณฑและแนวปฏิบัติในการพิจารณาเลื่อนขั้น
เงินเดือนขาราชการ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๗ อีกท้ัง ไมปรากฏขอเท็จจริงหรือ
พฤติการณวา นาย ท. นาย ก. และนาง ส. ไดใชอํานาจ
ดวยความอคติลําเอียง หรือมีทัศนะที่เปนปฏิปกษในการ
พิจารณากล่ันกรองการเล่ือนข้ันเงินเดือนของผูฟองคดี
แตอยางใด โดยเฉพาะนาย ท. ยอมไมกระทําการใดๆ
ในทางที่เปน ปฏิปกษกับผฟู องคดี เพราะไมเชนนั้นแลว
ผูฟองคดีคงไมเสนอช่ือใหกรรมการประเมินสัมภาษณ
นาย ท. ในฐานะเพื่อนรวมงานของผูฟองคดี ดังนั้น
การพจิ ารณากล่นั กรองเล่ือนขั้นเงินเดือนของผูฟองคดี
จึงไมถือวามีเหตุท่ีมีสภาพรายแรงอันอาจทําใหการ
พิจารณาทางปกครองไมเปนกลางตามมาตรา ๑๖
วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
เม่ือผูประเมินไดดูเอกสาร สัมภาษณผูฟองคดี และสัมภาษณ
เพ่ือนรวมงานของผูฟองคดี ตามวิธีการที่ผูประเมินและ
ผูฟองคดีตกลงกันแลว ผูประเมินทั้งสองไดประเมิน
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของผูฟองคดี
โดยใหคะแนนผูฟองคดี รวม ๑๗๐ คะแนน คิดเปนรอยละ
๘๕ ผลการประเมินอยูในระดับเปนท่ียอมรับได (๘๐–๘๙%)
อยูในขายไดรับการพิจารณาเล่ือนข้ันเงินเดือน ๐.๕ ขั้น
ซึ่งแมวาผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การปฏบิ ัติงานของผูฟอ งคดคี ร้งั ใหมด งั กลาว
จะมีคะแนนรวม ๑๗๐ คะแนน เทากับผลการประเมิน
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานคร้ังเดิม
ก็ตาม แตเม่ือพิจารณาแบบประเมินประสิทธิภาพ
แ ล ะ ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ข อ ง ผู ฟ อ ง ค ดี
ทั้งสองคร้ังจะเห็นวา มีความแตกตางกัน ซึ่งผูประเมิน
ใหคะแนนประเมินในแตละหัวขอยอยของการประเมิน
ทง้ั สองคร้ังไมเทากัน
ผ ล ค ะ แ น น ร ว ม ด า น ผ ล ง า น แ ล ะ ด า น คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ก า ร
ปฏิบัติงานท้ังสองคร้ังไมเทากัน โดยดานผลงาน ตามแบบ
ประเมินเดิมผูฟองคดีได ๑๒๑ คะแนน แตตามแบบประเมิน
ใหม ผูฟองคดีได ๑๒๓ คะแนน สวนดานคุณลักษณะ
การปฏิบัตงิ านตามแบบประเมนิ เดมิ ผฟู อ งคดไี ด ๔๙ คะแนน
แตตามแบบประเมินใหมผูฟองคดีได ๔๗ คะแนน
กรณจี งึ นา เชอ่ื วามีการประเมนิ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล
การปฏิบัติงานของผูฟองคดีใหมแลว มิใชเปนการนําเอา
ผลคะแนนประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลการปฏิบัติงานเดมิ
ม า ก ร อ ก ล ง ใ น แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ แ ล ะ
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานใหม โดยมิไดมีการประเมิน
จริงตามที่ผูฟองคดีกลาวอางแตอยางใด คําสั่งของ
ผูถูกฟองคดีตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗
ที่เล่ือนข้ันเงินเดือนประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐
ครั้งที่ ๒ ใหแกผูฟองคดีใหมจํานวน ๐.๕ ขั้น
จงึ เปนคาํ สงั่ ที่ชอบดว ยกฎหมาย
กฎ ก.พ.ฉบบั ท่ี 18 (พ.ศ.2540)
ขอ้ 21 วรรคหน่ึง
ในการสอบปากคําผถู้ กู กลา่ วหา
และพยาน... หา้ มมิใหบ้ คุ คลอ่ืนอยใู่ น
ที่สอบสวน เวน้ แต่บคุ คลซ่ึง
คณะกรรมการสอบสวนอนญุ าตให้
อยใู่ นที่สอบสวนเพ่ือประโยชนแ์ ห่ง
การสอบสวน
35
พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. 2539 (มาตรา 23)
ในการพิจารณาทางปกครองที่ค่กู รณีตอ้ งมา
ปรากฏตวั ต่อหนา้ เจา้ หนา้ ท่ี ค่กู รณีมีสทิ ธินํา
ทนายความหรอื ท่ีปรกึ ษาของตนเขา้ มา
ในการพิจารณาทางปกครองได้
การใดที่ทนายความหรอื ท่ีปรกึ ษาไดท้ ําลง
ต่อหนา้ ค่กู รณีใหถ้ ือว่าเป็ นการกระทําของค่กู รณี
เวน้ แต่ค่กู รณีจะไดค้ ดั คา้ นเสยี แต่ในขณะนน้ั 36
ข้อมลู ข่าวสารของราชการ???
1. สํานวนการสอบสวนทางวินยั ของขา้ ราชการครู
ที่ สนง. เขตพ้ืนท่ี เก็บไว้
2. เอกสารประกวดราคาของผูร้ บั เหมา
ท่ีนํามามอบใหห้ น่วยงาน
3. ใบปริญญาบตั รท่ีครเู ก็บไว้
4. เอกสารการกยู้ ืมและคํ้าประกนั ของสหกรณ์
ออมทรพั ย์
ข้อมลู ข่าวสารของราชการ
ขอ้ มลู ข่าวสารที่อยู่ในความ
ครอบครองหรือควบคุมดูแลของ
หน่วยงานของรฐั ไม่ว่าจะเป็ นขอ้ มลู
ข่าวสารเก่ียวกบั การดําเนินงานของ
รฐั หรือขอ้ มลู ข่าวสารเก่ียวกบั เอกชน
38
การเขา้ ถึงขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ
หลกั ปรชั ญาพ้ืนฐานของกฎหมาย
1. ไมต่ อ้ งเป็ นผมู้ ีสว่ นไดเ้ สีย
หรอื มีประโยชนเ์ ก่ียวขอ้ ง
2. เปิ ดเผยเป็ นหลกั
ปกปิ ดเป็ นขอ้ ยกเวน้
1. ข้อมลู ท่ีไม่เปิ ดเผย : อาจเสียหายแก่สถาบนั กษตั ริย์
2. ข้อมลู ที่อาจไมเ่ ปิ ดเผย(ม.15)
ความมนั่ คง
การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
ความเห็นและคําแนะนําภายใน
ขอ้ มลู ส่วนบคุ คลท่ีรกุ ล้ําสิทธิโดยไม่ควร
ข้อมูลทกี่ ฎหมายคมุ้ ครอง
อนั ตรายต่อชีวิต/ความปลอดภยั
ปกราะรโชยงั่ชนน้ําส์หานธกั าร:ณกะารแปลฏะิสบิทตั ธิหิขนอา้ งทเี่อกชน
ความหมายของศาลปกครอง
ศาลปกครองเป็ นศาลท่ี มี
อํานาจพิจารณาพิพากษาคดี
ปกครอง
ศัพท์ทใ่ี ช้ต่างจากคดีแพง่
1. ผฟู้ ้ องคดี ไมใ่ ช่ โจทก์
2. ผถู้ กู ฟ้ องคดี ไมใ่ ช่ จําเลย
3. ค่กู รณี ไมใ่ ช่ ค่คู วาม
การยน่ื ฟ้ องคดีต่อศาลปกครอง
พ.ร.บ.จดั ตงั้ ศาลปกครองฯ
(มาตรา 45 วรรคทา้ ย)
ในการดําเนินกระบวนพิจารณา คก่ ู รณี
จะดําเนินการทง้ั ปวงดว้ ยตนเองหรอื จะมอบ
อํานาจใหท้ นายความหรอื บคุ คลอ่ืนซึ่งมี
คณุ สมบตั ิตามระเบียบของที่ประชมุ ใหญ่
ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ กาํ หนดเพื่อ
ฟ้ องคดีหรอื ดําเนินการแทนได้
วธิ ีพิจา(รมณาตารคาด4ีท5่ีป)ระหยดั
1. โดยหลกั ไมเ่ สียคา่ ธรรมเนียมศาล เช่น การ
ฟ้องเพิกถอนคําสงั่ กฎ หรือสงั่ หา้ มการกระทํา
2. คดีละเมดิ ความรบั ผดิ หรือสัญญาที่ขอศาลสงั่
เรียกใชเ้ งินหรือทรพั ยส์ ิน เสียค่าธรรมเนียมศาล
รอ้ ยละ 2 ของทุนทรพั ย์ แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท
และรอ้ ยละ 0.1 สําหรบั ส่วนที่เกิน 50 ลา้ นบาท
3. อาจฟ้องคดีโดยขอยกเวน้ คา่ ธรรมเนียมศาลได้
คดีท่ีข้นึ ศาลปกครอง
1. คดีพิพาทระหว่างหน่วยงานทางปกครอง
เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ดว้ ยกนั หรอื กบั เอกชน
2. คดีพิพาทจากการใชอ้ ํานาจทางปกครอง
ตามกฎหมายหรือการดําเนินกิจการทาง
ปกครอง
3. เป็ นคดีที่กาํ หนดไวใ้ นมาตรา 9
46
หน่วยงานทางปกครอง
1. สว่ นราชการ
2. รฐั วิสาหกิจท่ีตง้ั ข้ึนโดย พ.ร.บ.
หรอื พระราชกฤษฎีกา
3. หน่วยงานอ่ืนของรฐั
4. หน่วยงานท่ีรบั มอบหมายใหใ้ ช้
อํานาจหรอื ใหด้ ําเนินกิจการทาง
ปกครอง
47
รฐั วสิ าหกจิ ที่จดั ตงั้ โดย พ.ร.บ.
1. พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2494
2. พ.ร.บ.การไฟฟ้ านครหลวง พ.ศ. 2501
3. พ.ร.บ.การประปาสว่ นภมู ิภาค พ.ศ. 2522
4. พ.ร.บ. การเคหะแห่งชาติ พ.ศ. 2537
องคก์ ารของรฐั บาลที่จดั ตงั้ โดย พ.ร.ฎ.
1. องคก์ ารเล้ียงไก่
2. องคก์ ารสวนสตั ว์
3. องคก์ ารรบั สง่ สินคา้ และพสั ด ุ
4. องคก์ ารคลงั สนิ คา้
พระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารมหาชน พ.ศ. 2542
มาตรา 5 เม่ือรฐั บาลมีแผนงานหรอื นโยบาย
ดา้ นใดดา้ นหน่ึงโดยเฉพาะเพ่ือจดั ทําบรกิ าร
สาธารณะ และมีความเหมาะสมที่จะจดั ตงั้ หน่วยงาน
บรหิ ารข้ึนใหมแ่ ตกต่างไปจากสว่ นราชการหรือ
รฐั วสิ าหกิจ โดยมีความมงุ่ หมายใหม้ ีการใชป้ ระโยชน์
ทรพั ยากรและบคุ ลากรใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ
จะจดั ตง้ั เป็ นองคก์ ารมหาชน โดยตราเป็ นพระราช
กฤษฎีกาตามพระราชบญั ญตั ิน้ีก็ได.้ ..
ทงั้ น้ี โดยตอ้ งไมเ่ ป็ นกจิ การที่มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือ
แสวงหากาํ ไรเป็ นหลกั
มาตรา 6 ใหอ้ งคก์ ารมหาชนเป็ นหน่วยงานของ
รฐั และเป็ นนิติบคุ คล 50