ใชใ้ นการเล่ือนขน้ั เงินเดือนสาํ หรบั
ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
ท่ีมีสภาพเป็ นขา้ ราชการและไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ี
ราชการตามปกติ แต่กรณีของผฟู้ ้ องคดี
ปรากฏว่า ผฟู้ ้ องคดีตอ้ งออกจากราชการ
ตามคําสงั่ ของผถู้ กู ฟ้ องคดีท่ี 2 ตง้ั แต่วนั ท่ี 9
ธนั วาคม 2554 จนถึงวนั ท่ี 26 สิงหาคม
2556 ผฟู้ ้ องคดียอ่ มไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิงานและ
ไมม่ ีผลงานใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาประเมิน 151
อนั เป็ นผลมาจากคําสง่ั ที่ลงโทษไลผ่ ฟู้ ้ องคดี
ออกจากราชการ การพิจารณาเลื่อนขนั้
เงินเดือนใหผ้ ฟู้ ้ องคดีจึงไมอ่ าจพิจารณา
ภายใตห้ ลกั เกณฑป์ กติได้ ดงั นน้ั การท่ี
ผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 2 ไมเ่ ลอื่ นขนั้ เงินเดือนใน
ระหว่างวนั ที่ 9 ธนั วาคม 2554 ถึงวนั ที่
27 สิงหาคม 2556 จึงเป็ นการละเลย
ต่อหนา้ ท่ีตามท่ีกฎหมายกาํ หนด
152
ในสว่ นของเงินประจําตําแหน่งและ
เงินวิทยฐานะ เมื่อผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 1 มีคําสงั่
ลดโทษจากไลอ่ อกเป็ นตดั เงินเดือนรอ้ ยละ
5 เป็ นเวลาสองเดือน และใหผ้ ถู้ กู ฟ้ องคดี
กลบั เขา้ รบั ราชการตงั้ แต่วนั ท่ี 28 สงิ หาคม
2556 เป็ นตน้ ไป ผฟู้ ้ องคดียอ่ มมีสถานภาพ
เป็ นขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
ตลอดเวลาระหว่างถกู ไลอ่ อกจากราชการ
153
ผถู้ กู ฟ้ องคดีท่ี 2 จึงมีหนา้ ที่จ่ายเงินประจํา
ตําแหน่งและเงินวิทยฐานะ ตงั้ แต่วนั ท่ี
9 ธนั วาคม 2554 จนถึงวนั ที่ 28 สิงหาคม
2556 ใหแ้ กผ่ ฟู้ ้ องคดีตามสิทธิท่ีผฟู้ ้ องคดี
ควรได้
154
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุด
ที่ พม.6/2560
เมื่อครง้ั ผฟู้ ้ องคดีดํารงตําแหนง่ ผวู้ ่า
ราชการจงั หวดั ถกู คณะกรรมการ ป.ป.ช.
(ผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 2) ช้ีมลู ว่าทจุ รติ ต่อหนา้ ที่
และประพฤติชว่ั อยา่ งรา้ ยแรง กรณีไมจ่ บั กมุ
ผกู้ ระทําความผิดตามกฎหมายป่ าไม้ และใน
ฐานะประธานกองทนุ พฒั นาชมุ ชนรอบพ้ืนท่ี
โรงไฟฟ้ าจงั หวดั ลาํ ปาง
155
โดยเป็ นผอู้ นมุ ตั ิใหก้ อ่ สรา้ งอ่างเก็บนํ้า 4 แห่ง
โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากกรมป่ าไม้ ซึ่ง อ.ก.พ.
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแลว้ มีมติลงโทษ
ไลอ่ อก และปลดั กระทรวงมหาดไทย
(ผถู้ กู ฟ้ องคดีท่ี 1) มีคําสง่ั ลงโทษไลอ่ อก
ผฟู้ ้ องคดีอทุ ธรณต์ ่อ ก.พ.ค. (ผถู้ กู ฟ้ องคดี
ท่ี 3) ซึ่งพิจารณาแลว้ มีมติยกอทุ ธรณ์ จึงนําคดี
มาฟ้ องศาล ขอใหเ้ พิกถอนคําสง่ั ลงโทษและ
คําวินิจฉยั อทุ ธรณ์
156
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นว่า ขอ้ กลา่ วหา
ที่อยใู่ นอํานาจไต่สวนและพิจารณา
ผถู้ กู ฟ้ องคดีท่ี 2 หมายถึงขอ้ กลา่ วหา
ที่เก่ียวกบั การกระทําความผิดฐานทจุ รติ
ต่อหนา้ ที่ กระทําความผิดต่อตําแหน่งหนา้ ที่
ราชการ หรอื กระทําความผิดต่อตําแหน่ง
หนา้ ท่ีในการยตุ ิธรรม ซึ่งประมวลกฎหมาย
อาญาไดบ้ ญั ญตั ิถึงองคป์ ระกอบและ
โทษเกี่ยวกบั
157
ความผิดต่อตําแหน่งหนา้ ท่ีราชการไว้ ดงั นน้ั
ความผิดต่อตําแหน่งหนา้ ท่ีราชการและ
ความผิดต่อตําแหน่งหนา้ ท่ีในการยตุ ิธรรม
จึงเป็ นมลู ความผิดทางอาญา สว่ นความผิด
ทางวินยั ฐานทจุ รติ ต่อหนา้ ท่ีถือเป็ นมลู
ความผิดทางวินยั หากการไต่สวนขอ้ เท็จจรงิ
และช้ีมลู ความผิดของผถู้ กู ฟ้ องคดีท่ี 2
ปรากฏว่าเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ผถู้ กู รอ้ งเรยี น
158
ไดก้ ระทําความผิดวินยั ฐานอ่ืน อนั มิใช่ความผิด
ฐานทจุ รติ ต่อหนา้ ท่ี เช่นคดีน้ีที่ช้ีว่าประพฤติชวั่
อยา่ งรา้ ยแรง กรณีดงั กลา่ วจึงไมผ่ กู พนั
ผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 1 ท่ีจะตอ้ งถือเอารายงาน
การไต่สวนขอ้ เท็จจรงิ และความเห็นของ
ผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 2 เป็ นสาํ นวนการสอบสวน
ทางวินยั ของคณะกรรมการสอบสวนวินยั
ตามกฎหมาย หรอื ระเบียบ หรอื ขอ้ บงั คบั
ว่าดว้ ยการบรหิ ารงานบคุ คลของผถู้ กู กลา่ ว159หา
อํานาจกาํ หนดคาํ บังคับของศาล (ม.72)
1)ใหเ้ พิกถอนกฎหรือคําส่งั
หรือส่งั หา้ มกระทํา
2) ใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ภายในเวลาที่ศาลกาํ หนด
3) ใหใ้ ชเ้ งินหรอื สง่ มอบทรพั ยส์ ิน
กระทํา หรอื งดเวน้ กระทํา
4) ใหถ้ ือปฏิบตั ิต่อสิทธิหรอื หนา้ ท่ีของบคุ คล
5) ใหก้ ระทําหรอื ละเวน้ กระทําใหเ้ ป็ นไปตาม
กฎหมาย
คาํ บังคับกรณเี พกิ ถอนคาํ สั่ง
(ม.72 ว.สอง)
ในการมีคําบงั คบั ตามวรรคหนึ่ง (1)
ศาลปกครองมีอํานาจกาํ หนดว่าจะใหม้ ีผล
ยอ้ นหลงั หรอื ไมย่ อ้ นหลงั หรือมีผลไปใน
อนาคตถึงขณะใดขณะหนึ่งได้ หรือจะ
กาํ หนดใหม้ ีเง่ือนไขอยา่ งใดก็ได้ ทงั้ น้ี
ตามความเป็ นธรรมแห่งกรณี
161