กรณที เี่ จ้าหน้าทมี่ ดี ุลพนิ จิ
1) กฎหมายใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีเลือกดําเนินการได้
เนื่องจากไม่ไดว้ างหลกั เกณฑบ์ งั คบั ไว้
หรือกฎหมายบญั ญตั ิใหเ้ ลือกได้
2) ตอ้ งไม่ใช่เป็ นการใชอ้ าํ นาจตามอําเภอใจ
• หลกั การใชด้ ุลพนิ ิจอยา่ งมีเหตุผลและ
หลกั ความไดส้ ัดส่วน
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.77/2547
ผฟู้ ้ องคดีเป็ นนิติกร 7 สงั กดั
กรมสรรพากร ไดร้ บั คําสงั่ ยา้ ยจาก
กรงุ เทพฯ ไปดํารงตําแหน่งสรรพากร
อําเภอกดุ บาก แต่ยงั ใหอ้ ยชู่ ่วยปฏิบตั ิ
ราชการท่ีเดิม เพราะผบู้ งั คบั บญั ชา
ตอ้ งการช่วยเหลือขา้ ราชการระดบั 7
คนหน่ึงใหป้ ฏิบตั ิราชการในกรงุ เทพฯ
กรมสรรพากรอา้ งว่า ผฟู้ ้ องคดีขาด
คณุ สมบตั ิของการเป็ นผบู้ งั คบั บญั ชา
ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาขาดความเชื่อมนั่ ในตวั
ผฟู้ ้ องคดี การพดู จาก็ไมอ่ ยกู่ บั รอ่ งกบั รอย
ทําใหเ้ กิดผลเสียต่อผบู้ งั คบั บญั ชา ไมต่ งั้ ใจ
และไมป่ ฏิบตั ิงานตามที่ไดร้ บั มอบหมาย
ผฟู้ ้ องคดีอทุ ธรณค์ ําสงั่ ต่ออธิบดี
กรมสรรพากร แต่ไมไ่ ดร้ บั คําช้ีแจง
จึงฟ้ องเพิกถอนคําสง่ั และเรยี กคา่ เสียหาย
พ.ร.บ. ระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535
(มาตรา 57 วรรคหนึ่ง)
•การยา้ ยขา้ ราชการพลเรือนสามญั ผูด้ าํ รง
ตาํ แหน่งใดไปแตง่ ตงั้ ใหด้ าํ รงตาํ แหน่งอื่นใน
กรมเดียวกนั ตอ้ งยา้ ยไปแตง่ ตงั้ ใหไ้ ปดาํ รง
ตาํ แหน่งในระดบั เดียวกนั ทงั้ น้ี ตาม
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่ ก.พ. กาํ หนด
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการยา้ ยที่ ก.พ. กาํ หนด
- ยึดเหตุผลและความจาํ เป็ นเพือ่ ประโยชน์ของ
ทางราชการ และการพฒั นาขา้ ราชการเป็ นหลกั
- พจิ ารณาคุณสมบตั เิ ฉพาะตาํ แหน่ง
ตามที่ ก.พ. กาํ หนด
- พจิ ารณาความรูป้ ระสบการณ์ ความสามารถ
ความรบั ผดิ ชอบ ความประพฤติ และคุณลกั ษณะ
อื่นๆ ใหเ้ หมาะสมกบั ความจําเป็ น หนา้ ที่ความ
รบั ผดิ ชอบ และลกั ษณะงานในตาํ แหน่งใหม่
พ.ร.บ.จัดตงั้ ศาลปกครองฯ
(มาตรา 72 วรรคหก)
ในการพิพากษาคดี ใหศ้ าล
ปกครองมีคําสง่ั คืนคา่ ธรรมเนียมศาล
ทง้ั หมด หรอื แต่บางสว่ นตามสว่ นของ
การชนะคดี
การควบคุมการใช้ดุลพนิ จิ
หลกั ความสมเหตสุ มผล และ
หลกั ความไดส้ ดั ส่วน เช่น
1. หลกั แห่งความเหมาะสม 107
2. หลกั แห่งความจําเป็ น
3. หลกั แห่งความไดส้ ดั สว่ น
ในความหมายอยา่ งแคบ
พ.ร.บ. ระเบยี บข้าราชการครแู ละ
บุคลากรทางการศึกษา ม.59
การยา้ ยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา
ผใู้ ดใหไ้ ปดํารงตําแหน่งในหน่วยงานการศึกษาอื่นภายใน
สว่ นราชการหรอื ภายในเขตพ้ืนที่การศึกหรอื ต่างเขตพ้ืนที่
การศึกษา ตอ้ งไดร้ บั อนมุ ตั ิจาก อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ี
การศึกษา... ของผปู้ ระสงคย์ า้ ยและผรู้ บั ยา้ ย และให้
สถานศึกษาโดยคณะกรรมการสถานศึกษาเสนอความเห็น
ประกอบการพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา
และเม่ือ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษาพิจารณาอนมุ ตั ิแลว้
ใหผ้ มู้ ีอํานาจตาม ม.53 เป็ นผสู้ งั่ บรรจแุ ต่งตงั้ 108
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.37/2550
ผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองเป็ นขา้ ราชการคร ู กทม.
ตําแหน่งอาจารย์ 2 ระดบั 7 เดิมผฟู้ ้ องคดีทง้ั สอง
สงั กดั โรงเรยี น พ. ซึ่งเป็ นโรงเรยี นนํารอ่ งใน 70
โรงเรยี นท่ีตอ้ งพฒั นาสรู่ ะบบประกนั คณุ ภาพจาก
หน่วยงานภายนอก
ผอ. โรงเรยี นมีหนงั สอื รายงานไปยงั ผอ.เขตฯ
ขอใหย้ า้ ยผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองเน่ืองจากมีพฤติกรรมที่
ไมส่ นองนโยบาย ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือในกิจกรรม
ต่าง ๆ ไมป่ ฏิบตั ิตามคําสง่ั ผบู้ งั คบั บญั ชา สรา้ ง
ความขดั แยง้ ในกลม่ ุ ขา้ ราชการคร ู กอ่ ใหเ้ กดิ การ
แตกความสามคั คีในโรงเรยี น
ผอ.เขตฯ จึงไดม้ ีบนั ทึกขอ้ ความถึง ผอ.สาํ นกั
การศึกษาว่า พฤติการณข์ องผฟู้ ้ องคดีทง้ั สองเป็ น
กรณีที่ไมถ่ ึงขน้ั ตอ้ งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทาง
วินยั แต่เห็นควรดําเนินการยา้ ยผฟู้ ้ องคดีไปดํารง
ตําแหน่งที่โรงเรยี นอ่ืนใกลบ้ า้ นตามความเหมาะสม
ผอ. สาํ นกั การศึกษาไดม้ ีบนั ทึกขอ้ ความ
รายงานต่อปลดั กทม. ใหแ้ ต่งตงั้ (ยา้ ย) ผฟู้ ้ องคดี
ทงั้ สองไปดํารงตําแหน่งยงั โรงเรยี นอ่ืนที่เหมาะสม
ปลดั กทม. เห็นชอบตามเสนอ จึงไดม้ ีคําสงั่
แต่งตงั้ (ยา้ ย) ผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองไปดํารงตําแหน่ง
อาจารย์ 2 ระดบั 7 โรงเรยี น ค. และโรงเรยี น ว.
ผฟู้ ้ องคดีทง้ั สองเห็นว่า คําสงั่ ยา้ ยไมช่ อบดว้ ย
กฎหมาย และทําใหต้ นไดร้ บั ความเดือดรอ้ น
เสียหาย จึงมีหนงั สอื ถึงปลดั กทม. ขอใหบ้ รรเทา
แกไ้ ขความเดือดรอ้ น แต่เวลาลว่ งเลยไปเกินกว่า
90 วนั แลว้ ยงั ไมไ่ ดร้ บั คําช้ีแจง จึงนําคดีมาฟ้ อง
ศาลใหเ้ พิกถอนคําสง่ั ดงั กลา่ ว และใหม้ ีคําสง่ั ยา้ ยผู้
ฟ้ องคดีทง้ั สองกลบั ไปรบั ราชการท่ีโรงเรยี นเดิม
และใหช้ ดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนอนั เน่ืองมาจาก
ผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองตอ้ งเดินทางไปกลบั ระหว่างท่ีพกั
กบั โรงเรยี นแห่งใหมไ่ กลข้ึน
ข้อยกเว้นตามมาตรา 30
21.. อกเทเกเปปหอรรํา็็ ็นนนณกณใหขมชไีจีอปอดรั้า้ ํา่ืนะตเวทเยต่ารป็จะ็กากนเจมาวารรรลรทบี งิใบาี่กดหทใงัาํ น่วโ่ีค้ คหอนก่กูบักนารทาดรณสาใทนไงีใํามหปกคอ่ไก้ฎําวาคกส้จรรงั่กอะลรทงา่ ะรชทวา้ํางได้
3465.... แต่หา้ มไม่ใหโ้ อกาส ถา้ กอ่ ใหเ้ กิด
ผลเสยี หายรา้ ยแรงต่อประโยชนส์ าธารณ112ะ
1. ข้อยกเว้นตาม ม.30 วรรคสอง (6)
ทคขกหกกกกกกอาาํรานาาาาารรงงอืตรรรรรบสาบกสไไไแ่ามมมนงร่ัคาจงงุ่ั พรคอตอ่่่รใงดค้ หจใออนผรกัาล้หเกก้วุตวงลกนพ้จใหา่าการบลนน้นงราเองทดจงรแั หนตาศสสตา้ รญกรุวอือ่งอื าตเบตาสดหําหตง้ั งั่ินนแรหใกทหงัหอืราสานวอ้อืรงอื่งดัอไเไเมลกผปด่ือต่จตลินน่อาค่าทขกใงวาบนง้ัปางอาเมรงนนะสินญไเุ าทวเดมาก้ศือตาอ่ นรนถ
2.
43..
5.
6.
คําวนิ ิจฉยั
ดเวปกตกกแคตปรสาาาํรําาาก่็ู นรหรรแดมมเะรนคกคบอมนณงมคินอําอสรคพด้ําาีทกสบกรอตสําไยางรจ่ัวกคงสงรั่ารทาใ้ฎํุางดั่านก(นตบา6สแกงัหา3งาข)ตง(่ัรกรล1มป0อ้แแะ่งแลกั)กกเทตหตตาว่ทฐวครร่่งงวงรั้่ง็จ่าาะวพรตรตจนบ(จงอใยงคั้รง้ัรกหึวงงาะ้หฉงิ(นเอ่ค้เรยยปแแปบนกน็ําา็า)้นตล่ึบนงัาสอชยผกะ่โทครองบ่ัม)ดใฟ้รูอ่ีําทหกญ้ผัาย2ณออสคาโใ้ฟทู้อญงกชงง่ั(้ีทําพ่ีมอกคทบคป้ส่ีไตั งาา.ดม่ีงไําักงั่ศิมตคสคสีทวจ่ค.จโต่รดิง.บํ่ัาังั้รต2ปึงาโอีทต้สอแด้5ฏถงงอ3อั้ด้งย4ยือิบนสงทง0งัง้ชว0ตัําแอดนี่เ่าอ)ปคิ.จงงัน้ั็ไบไนวง้ดกดแาใล้ห้ลมา่ ว้้ ว
โรงเรยี น พ. เป็ นโรงเรยี นท่ีไดร้ บั การ
คดั เลือกใหเ้ ป็ นโรงเรยี นนํารอ่ ง ซึ่งการจะ
บรหิ ารกิจการของโรงเรยี นใหบ้ รรลสุ ู่
เป้ าหมายดงั กลา่ วได้ ผบู้ รหิ ารจําตอ้ งไดร้ บั
ความรว่ มมือจากบคุ ลากรทกุ ฝ่ ายภายใน
โรงเรยี นเป็ นสาํ คญั
เมื่อปรากฏว่าปลดั กทม. ไดร้ บั รายงาน
จากผบู้ รหิ ารโรงเรยี นและผบู้ งั คบั บญั ชา
ตามลาํ ดบั ชน้ั ว่า ผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองตาม
ลาํ ดบั ชนั้ ว่า ผฟู้ ้ องคดีทง้ั สองเป็ นผมู้ ีพฤติกรรม
ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือกบั ทางโรงเรยี น และบกพรอ่ ง
ต่อหนา้ ที่หลายประการ เช่น ไมส่ ง่ แผนการสอน
สมดุ งานนกั เรยี นไมม่ ีการตรวจอยา่ งสม่ําเสมอ
ฯลฯ ซ่ึงจากพฤติการณด์ งั กลา่ วผบู้ รหิ าร
โรงเรยี นไดม้ ีการตกั เตือนดว้ ยวาจาแลว้ แต่ก็ยงั
ปรากฏพฤติการณด์ งั กลา่ วอีก ซึ่งผบู้ งั คบั บญั ชา
ไดพ้ ิจารณาแลว้ เห็นว่าแมพ้ ฤติการณด์ งั กลา่ วไม่
ถึงขน้ั ตอ้ งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทางวินยั
แต่กถ็ ือว่าเป็ นอปุ สรรคในการพฒั นาโรงเรยี น
สรู่ ะบบประกนั คณุ ภาพได้
การท่ีผถู้ กู ฟ้ องคดีที่ 1 เห็นชอบใหย้ า้ ย
ผฟู้ ้ องคดีทง้ั สองไปยงั โรงเรยี นที่ขาดแคลน
อตั รากาํ ลงั คร ู ซึ่งเป็ นอตั ราว่างและเป็ นโรงเรยี น
ที่อยใู่ กลก้ บั ท่ีอยตู่ ามท่ีผฟู้ ้ องคดีทงั้ สองไดแ้ จง้ ไวก้ บั
ทางโรงเรยี น กรณีจึงถือวา่ ผูถ้ ูกฟ้ องคดีท่ี 1
ไดใ้ ชด้ ลุ พินจิ ในการออกคําส่งั แต่งตงั้ (ยา้ ย)
ผูฟ้ ้ องคดีทงั้ สองโดยชอบแลว้
เมื่อคําสง่ั ดงั กลา่ วชอบดว้ ยกฎหมาย แมเ้ ป็ น
โรงเรยี นที่อยไู่ กลจากท่ีอยมู่ ากข้ึน ทําใหต้ อ้ งเสยี
คา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทางไปกลบั ระหว่างที่พกั กบั
ท่ีทํางานมากข้ึนกต็ าม กไ็ มอ่ าจถือว่าปลดั กทม.
กระทําละเมิดต่อผฟู้ ้ องคดีทง้ั สอง
คาํ พพิ ทาก่ี อษบา.ศ2า9ล/ป2ก5ค6รอ5งสูงสุด
เม่ือคร้ังผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนสาร
วิทยา ไดยื่นคํารองขอยายไปดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
โรงเรียนหอวัง ซ่ึงคณะอนุกรรมการขาราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
เขต ๒ (อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒)
ไดมีมติเห็นชอบใหผูฟองคดีดํารงตําแหนงดังกลาว ตอมานาย
ธ. ซึ่งดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนบางกะปไดมี
หนงั สอื รอ งเรียนขอความเปนธรรม
โดยอางวามติใหผูฟองคดีไปดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
โรงเรียนหอวังไมชอบดวยกฎหมาย หลังจากนั้น อ.ก.ค.ศ.
วิสามัญเกี่ยวกับการอุทธรณและการรองทุกข (ทําการ
แทนผูถูกฟองคดี) พิจารณาแลวเห็นวา คํารองทุกขของ
นาย ธ. ฟงขึ้น ตอมาสํานักงาน ก.ค.ศ. ไดมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ ถึงผูอํานวยการสํานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ ใหดําเนินการ
เพิกถอนมติ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
เขต ๒ และคําส่งั สาํ นักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา
ท่ี แ ต ง ตั้ ง ผู ฟ อ ง ค ดี ใ ห ดํ า ร ง ตํ า แ ห น ง ผู อํ า น ว ย ก า ร
โรงเรียนหอวัง
และใหผูบังคับบัญชามีคําสั่งยายและแตงต้ังนาย ธ.
ใหดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนหอวังตอไป หลังจากนั้น
อ . ค . ก . ศ . เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า มั ธ ย ม ศึ ก ษ า เ ข ต ๒
ไดพิจารณาแลวมีมติเห็นชอบตามผลการพิจารณาดังกลาว
ผู อํ า น ว ย ก า ร สํ า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า มั ธ ย ม ศึ ก ษ า
เขต ๒ จึงไดมีคําส่ังตามมติของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดี
เ ห็ น ว า ม ติ ข อ ง ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี ต า ม ห นั ง สื อ ดั ง ก ล า ว ไ ม ช อ บ
ดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองศาล ขอใหเพิกถอนมติ
ของผถู ูกฟองคดตี ามหนังสือ ลงวนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คณะกรรมการกล่ันกรอง
การยายฯ ไดพิจารณาประเมินศักยภาพของผูยื่นคํารอง
ขอยาย โดยการประเมินองคประกอบขอ ๑ ถึงขอ ๔
ของหลักเกณฑและวิธีการยายผูบริหารสถานศึกษา สังกัด
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ซึ่งพิจารณา
จ า ก เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ค ว า ม ย า ว ไ ม เ กิ น
๕ หนากระดาษเอ ๔ ที่ผูยื่นคํารองขอยายทุกรายไดสรุป
ส า ร ะ สํ า คั ญ ข อ ง ผ ล ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ
สวนการประเมินศักยภาพตามองคประกอบขอ ๕ คุณวฒุ ิ
ขอ ๖ การรักษาวินัยและจรรยาบรรณ ขอ ๗ ความอาวุโส
ตามหลักราชการ และขอ ๘ ระยะเวลาการดํารงตําแหนง
หรือปฏิบัติงานในสถานศึกษาปจจุบัน เปนขอมูลที่พิจารณา
ไ ด จ า ก ป ร ะ วั ติ ก า ร รั บ ร า ช ก า ร ข อ ง ผู ยื่ น คํ า ร อ ง ข อ ย า ย
เมื่อประเมินทั้ง ๘ องคประกอบครบถวนแลว ปรากฏวา
นาย ธ. ได ๙๒.๐๘ คะแนน มากกวาผูฟองคดีที่ได ๙๐.๖๕
คะแนน คณะกรรมการกลั่นกรองการยายฯ จึงมีมติเสนอให
นาย ธ. ยายไปดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนหอวัง
เมื่อผูฟองคดีไดทราบคะแนนประเมินของคณะกรรมการ
กล่ันกรองการยา ยฯ ดังกลา วอยางไมเปนทางการ
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือขอให อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๒ พิจารณาทบทวนกล่ันกรองการยาย
โดยไดแนบตารางเปรยี บเทียบผลการปฏิบัติงานดีเดน ซ่ึงมี
รายละเอียดในองคประกอบขอ ๒ ความรู ความสามารถ
ในการพัฒนาสถานศึกษา ขอ ๓ ผลการปฏิบัติงาน
และขอ ๔ ประสบการณ โดยไดเสนอผลการพัฒนา
ยกระดับคุณภาพการศึกษา O–NET ของนักเรียนโรงเรียน
สารวิทยาใน ๓ ปการศึกษา ซ่ึงเอกสารที่ยื่นในคร้ังหลังน้ี
มีมากกวาเอกสารประกอบการประเมินของคณะกรรมการ
กล่นั กรองการยายฯ
ท่ีกําหนดใหมีความยาวไมเกิน ๕ หนากระดาษเอ ๔ แมวา
อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ จะมีอํานาจ
หนาท่ีในการพิจารณาใหความเห็นชอบการยายและแตงต้ัง
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในเขตพื้นท่ีการศึกษา
และมีความเห็นตางจากความเห็นของคณะกรรมการกล่ันกรอง
การยายได แตตองระบุเหตุผลใหชัดเจน หรือใหผูที่เก่ียวของ
ไดทราบวาเหตุใดจึงมีความเห็นตางออกไป ดังน้ัน การท่ี อ.ก.ค.ศ.
เขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ นําผลการพัฒนายกระดับ
คุณภาพการศึกษา O–NET ของนักเรียนโรงเรียนสารวิทยา ๓ ป
การศกึ ษา จากสถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแหง ชาติ
ท่ี ผู ฟ อ ง ค ดี ส ง เ พ่ิ ม เ ติ ม ภ า ย ห ลั ง ใ น ช้ั น ร อ ง ทุ ก ข
เพยี งรายเดยี ว มาเปนเหตผุ ลในการพิจารณาทบทวน
ผลการประเมินศักยภาพในองคประกอบขอท่ี ๓
ผลการปฏิบัติงาน และขอท่ี ๔ ประสบการณ
ของผูฟองคดีโดยเห็นวาผูฟองคดีมีการพัฒนา
การศึกษาดีกวานาย ธ. โดยท่ีนาย ธ. ไมมีโอกาส
ดังกลาว จึงเปนการเลือกปฏิบัติและไมเปนธรรม
กับนาย ธ.
สําหรับองคประกอบขอ ๖ การรักษาวินัยและจรรยาบรรณ
ทางวิชาชีพ ท่ี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
เขต ๒ เห็นวานาย ธ. อยูระหวางถูกดําเนินการสอบสวนทาง
วินัยซึ่งไมนาจะไดคะแนนประเมิน ๑๐ คะแนนเต็ม เทากับ
ผูฟองคดีท่ีไมเคยถูกดําเนินการทางวินัย น้ัน เม่ือขอเท็จจริง
รับฟงไดวา นาย ธ. ถูกต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัย
ไมรายแรง ตามคําส่ังสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๒ ลับ กรณีมีผูรองเรียนขอใหตรวจสอบ
การจดั กิจกรรมและการเร่ียไรเงินของโรงเรียนบางกะป
ซ่ึงตอมาคณะกรรมการสอบสวนวินัยไมรายแรงไดเสนอ
รายงานการสอบสวน ตอผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ วา เห็นสมควรยุติเร่ือง
จึงตองถือวานาย ธ. ไมเคยถูกดําเนินการทางวินัย
นอกจากน้ัน ในองคประกอบดานการยอมรับหรือไมยอมรับ
ของชุมชน และ/หรือ บุคลากรภายในและภายนอก
ซ่ึงกําหนดคาคะแนน ๕ คะแนน น้ัน เห็นวา ในเรื่องนี้
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒
ไดมีแตงตั้งคณะกรรมการสืบสวนขอเท็จจริง ซ่ึงอยูระหวาง
ดจรําิงเนตาินมกทาถ่ีรูกจรึงอยงังเรไยีมนอหารจอืทไรมา บผลไดวานาย ธ. กระทําผิด
และเม่ือไมปรากฏขอเท็จจริงอ่ืนที่จะรับฟงไดวานาย ธ.
ไมไดรับการยอมรับจากชุมชนหรือจากบุคลากรภายในและ
ภายนอก การที่คณะกรรมการกล่ันกรองการยายฯ ใหคะแนน
ประเมินศักยภาพ องคประกอบขอ ๖ นาย ธ. ๑๐ คะแนน
จึงเปน ไปตามหลักเกณฑที่กําหนด มติของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่
การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒ ที่แตงตั้งใหผูฟองคดีดํารง
ตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนหอวังไมเปนไปตามหลักเกณฑ
และวธิ ีการยายผูบริหารสถานศึกษาตามที่ผูถูกฟองคดีกําหนด
เปนการออกคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมาย จึงมีมติใหเพิกถอน
นนั้ จึงชอบดว ยกฎหมายแลว
พ.ร.บ.ระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศึกษาฯ (มาตรา 73 วรรคส่ี)
ในกรณีที่ผบู้ งั คบั บญั ชาไมส่ ง่ั เลื่อน
ขน้ั เงินเดือนใหแ้ กข่ า้ ราชการครแู ละ
บคุ ลากรทางการศึกษาผใู้ ด ให้
ผบู้ งั คบั บญั ชาแจง้ ใหผ้ นู้ น้ั ทราบ พรอ้ ม
เหตผุ ลที่ไมเ่ ล่ือนขน้ั เงินเดือน
129
หลักเกณฑก์ ารเล่ือนขนั้ เงินเดือน
สวาํ 1น1กั 17ง.าลตนงาเวลมนั ขมทาตี่ธ2ิคิก3ณารมะคริ.ยฐัณ.ม4ะน0รตฐั (รรมีะนตบตาบรมเีปหทิ ดนี่ น)งั รสือ0205/
ของข2า้ .รกาฎชกกา.รคค.ศร.แู วล่าะดบว้คุ ยลกาากรรเทลาอื่ งนกขานั้ รเศงินึกเษดาือน
3. ประกาศสาํ นกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน เรอื่ ง แนวปฏิบตั ิในการ
พิจารณาเลื่อนขนั้ เงินเดือนขา้ ราชการ สาํ นกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พ.ศ. 2551310
หลักเกณฑก์ ารพิจารณาเล่ือนขนั้ เงินเดือน
1. ผลการปฏิบตั ิงานท่ีเป็ นประโยชน์
ต่อผเู้ รยี นเป็ นหลกั
2. ความประพฤติในการรกั ษาวินยั
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ
วิชาชีพตามท่ี ก.ค.ศ. กาํ หนด
131
คาํ พพิ ทา่ีกอษบาศ.8า6ล/ป2กค5ร6อ3งสูงสุด
ผูฟองคดีรับราชการครู ตําแหนงครูชํานาญการพิเศษ ไดรับ
ความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี (ศึกษาธิการ
จังหวัดนครสวรรค (ผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค เขต ๓ เดิม)) ไดมีคําสั่ง
เล่ือนขั้นเงินเดือน คร้ังที่ ๒ ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ใหผูฟองคดี ๐.๕ ขั้น ซึ่งเปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมาย
การที่ผูอํานวยการโรงเรียนบานดงมันและผูถูกฟองคดี
ไมแจง ผลการประเมนิ การปฏิบตั งิ านใหผูฟ องคดที ราบ
ทําใหผูฟองคดีเสียโอกาสในการปรับปรุงแกไข
การปฏิบัติงานใหดีขึ้น ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ร อ ง ทุ ก ข ต อ ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี แ ล ะ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร
ศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค (กศจ. นครสวรรค)
แตไมไดรับทราบผลการพิจารณา จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งดังกลาว และใหผูถูกฟองคดี
พิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือนใหแกผูฟองคดีใหม
ตามหลกั เกณฑท่ีกฎหมายกําหนด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา แมผูถูกฟองคดีและ
ผูอํานวยการโรงเรียนบานดงมันไมไดแจงผลการประเมินให
ผูฟองคดีทราบ ทําใหผูฟองคดีไมมีโอกาสไดชี้แจง
ใหความเห็น หรือขอคําปรึกษาเก่ียวกับการประเมินและ
ผลการประเมินกอนออกคําส่ังเลื่อนข้ันเงินเดือน อันเปนการ
ไมปฏิบัติตามหลักเกณฑและวิธีการในระบบเปดในการ
พิจารณาเล่ือนข้ันเงินเดือน ตามมติคณะรัฐมนตรี อยางไร
ก็ตาม เมื่อภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีไดมีคําสั่งเล่ือนขั้น
เงินเดือนใหผูฟองคดี ๐.๕ ข้ัน ผูฟองคดีไดใชสิทธิรองทุกข
ตอ กศจ. นครสวรรคแลว
และแมผูบังคับบัญชาจะใหโอกาสผูฟองคดีทราบ
การประเมินและผลการประเมินตามที่ผูฟองคดี
กลาวอาง กไ็ มทาํ ใหผลการประเมินการปฏิบัติงาน
ของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป ดังน้ัน ขอบกพรอง
ในกระบวนพิจารณาทางปกครองกอนออกคําสั่ง
เลื่อนข้ันเงินเดือนดังกลาว จึงมิใชขั้นตอนอันเปน
สาระสําคัญถึงขนาดท่ีทําใหการพิจารณาเลื่อนขั้น
เงนิ เดอื นคร้งั ดังกลาวเสยี ไป
และเม่ือพิจารณาตามแบบประเมินประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ผูประเมินไดประเมินผลการ
ปฏิบัติงานผูฟ องคดี ๔ ดาน ผูฟ อ งคดีไดค ะแนนรวมทงั้ สน้ิ
๔๓๐ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕๐๐ คะแนน ซึ่งเมื่อ
พิจารณาคะแนนของผูฟองคดีในดานผลการปฏิบัติงาน
ผูประเมินใหคะแนนผูฟองคดี ๒๖๖ คะแนน จากคะแนน
เต็ม ๓๐๐ คะแนน ซึ่งเปนคะแนนสูงตามสมควร
โดยไมปรากฏขอเท็จจริงวา การดําเนินการดังกลาว
ของคณะทาํ งานเล่ือนข้นั เงนิ เดอื น
เปนการใชดุลพินิจโดยไมชอบหรือมีลักษณะเปนการ
เลือกปฏิบัติแตอยางใด อีกท้ัง ผูฟองคดีไมไดแสดง
พยานหลักฐานใหศาลเห็นวา ผูฟองคดีมีผลงานดีเดน
อยางไร เพียงแตอางวาผูฟองคดีมีผลงานเปนท่ี
ประจักษ ซ่ึงผลงานท่ีผูฟองคดีกลาวอางเปนคนละ
รอบการประเมินกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน
ในคร้งั น้ี
และการที่ขาราชการผูใดจะไดรับการพิจารณาเล่ือนขั้น
เงินเดือนหน่ึงข้ันในแตละคร้ังตองอยูในหลักเกณฑตามขอ
๖ และขอ ๗ ของกฎ ก.ค.ศ. วาดวยการเลื่อนข้ันเงินเดือน
ของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐
เม่ือไมปรากฏวา กฎ ก.ค.ศ. ดังกลาวไดกําหนดหลักเกณฑ
เก่ียวกับประเพณีปฏิบัติของขาราชการครูและขาราชการ
ท่ัวไปวา ผูใดไดรับการพิจารณาเล่ือนข้ันเงินเดือน
เปนกรณีพิเศษ ๑ ขั้น ในครั้งท่ี ๑ แลว ขาราชการผูน้ัน
จะไดร บั การพจิ ารณาเล่ือนข้ันเงนิ เดือน ๑ ขั้น
ในครัง้ ที่ ๒ ดว ย
จึงไมเปนเหตุท่ีผูฟองคดีจะนํามาอางเพื่อใหการ
พิจารณาเล่ือนขั้นเงินเดือนเปนไปตามความเห็น
ของผูฟองคดีได คําส่ังเล่ือนขั้นเงินเดือนจํานวน
๐.๕ ขัน้ จึงชอบดวยกฎหมายแลว
คาํ พพิ ทาี่ กอษบา.2ศ1าล1ป/ก2ค5ร6อ5งสูงสุด
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงครูชํานาญการ สังกัดโรงเรียนกาญจนาภิเษก
วิทยาลัย สุพรรณบุรี สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี เขต ๑
ไดสงผลงานทางวิชาการวิชาฟสิกส กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร
ประกอบดวย แบบฝกทักษะการคํานวณวิชาฟสิกส (กลศาสตร ๑)
จํานวน ๔ เลม และรายงานการพัฒนานวัตกรรมแบบฝกทักษะการ
คาํ นวณวิชาฟสิกส (กลศาสตร ๑) สําหรับช้ันมัธยมศึกษาปที่ ๔ จํานวน
๑ เลม พรอมภาคผนวก เพ่ือขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนข้ึนแตงต้ัง
ใหดํารงตําแหนงครูชํานาญการพิเศษ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (คณะกรรมการ
ศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี (คณะอนุกรรมการขาราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาสุพรรณบุรี
เขต ๑ เดมิ ))
พิจารณาความเห็นและผลการประเมินโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑
แลวเห็นวา ผลการปฏิบัติงานและผลงานทางวิชาการของ
ผูฟองคดีไมผานเกณฑท่ี ก.ค.ศ. กําหนด จึงมีมติไมอนุมัติ
ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับผลการประเมินดังกลาว จึงนําคดี
มาฟองศาล ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ในการแตงต้ัง
กรรมการเพื่อทําหนาที่ตรวจและประเมินผลงานที่เกิดจากการ
ป ฏิ บั ติ ห น า ที่ ไ ม มี ข อ กํ า ห น ด ใ ด ท่ี ใ ห แ ต ง ต้ั ง จ า ก ผู ที่
มีความสามารถและความเช่ียวชาญในทางวิชาการสาขาวิชา
ฟสิกส และตองเปนผูมีทักษะประสบการณในการสอนสาขา
วิชาฟสิกสในระดับที่ไมตํ่ากวาช้ันมัธยมศึกษาปที่ ๔ ดังที่
ผูฟอ งคดีกลาวอา ง
ในทางกลับกัน สาขาวิชาฟสิกสอยูในกลุมสาระการเรียนรู
วิทยาศาสตร ผูทรงคุณวุฒิที่ไดรับการคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อ
ผูทรงคุณวุฒิท่ี ก.ค.ศ. กําหนด ในกลุมสาระการเรียนรู
วิทยาศาสตร ยอมตองผานกระบวนการตรวจสอบของ ก.ค.ศ.
แลววาเปนผูมีความรูความสามารถที่จะทําการตรวจและ
ประเมินผลงานท่ีเกิดจากการปฏิบัติหนาที่ของผูขอประเมิน
ในทุกสาขาวิชาของกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร อีกทั้ง
ในการตรวจและประเมินผลงานท่ีเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีของ
ผูฟอ งคดมี ไิ ดม ีเฉพาะสวนที่เปน เนอ้ื หาของวิชาฟสกิ สเ ทานน้ั
แตยงั มีสวนท่เี ปนงานวิจัยดวย ในการมอบหมายใหกรรมการ
ทําหนาที่ตรวจและประเมิน จึงตองมีทั้งผูท่ีมีความเช่ียวชาญ
ในสาขาวิชาฟสิกสและผูที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดทํา
งานวิจัย และแมวานาย บ. จะดํารงตําแหนงครูโรงเรียน
วัดปาพฤกษ ซ่ึงเปนโรงเรียนท่ีทําการเรียนการสอนระดับ
ประถมศึกษา แตการดํารงตําแหนงและระดับช้ันของการทํา
การสอนก็มิใชขอเท็จจริงที่ยืนยันวาบุคคลดังกลาวไมมี
ความรูความสามารถท่ีจะทําการตรวจและประเมินผลงาน
ที่เกดิ จากการปฏิบตั ิหนา ทีข่ องผูฟองคดีแตอ ยา งใด
ความบกพรองของผลงานของผูฟองคดีแบงออกไดเปน ๒ กลุม
คือ ความบกพรองดานเนื้อหา และความบกพรองดานรูปแบบ
โดยในสวนท่ีเปนความบกพรองดานเนื้อหาน้ัน มีทั้งในสวนที่ไม
ถูกตองและสวนที่ยังไมครบถวน ซึ่งแมตามคําฟองผูฟองคดี
จะไดแสดงรายละเอียดการโตแยงวาในแตละความเห็นหรือ
ขอสังเกตนั้นไมถูกตอง แตการโตแยงของผูฟองคดีดังกลาว
เปน การโตแ ยง ดลุ พินิจในการประเมนิ ซึง่ จะถือวา การใชด ลุ พินจิ
ดังกลาวเปนการไมชอบดวยกฎหมายไมได เวนแตการใช
ดุลพินิจน้ันเปนการใชอํานาจตามอําเภอใจหรือเปนการใช
ดลุ พินจิ ทไ่ี มม ีขอ เทจ็ จริงหรือเหตุผลสนบั สนุนเพยี งพอ
หรือไมอยูภายในกรอบวัตถุประสงคหรือเจตนารมณ
ของกฎหมาย และการโตแยงดังกลาวก็เปนการโตแยง
โดยอาศัยมุมมองของผูฟองคดี ซึ่งเปนความเห็นแตกตาง
ในทางวิชาการ จึงตองถือวาความเห็นและขอสังเกต
ของกรรมการเปนที่ยุติ อีกทั้ง ความเห็นหรือขอสังเกต
บางสวนก็เปนความบกพรองของผลงานท่ีปรากฏอยูจริง
และในสวนท่ีเปนความบกพรองดานรูปแบบ มีทั้งในสวน
ที่ เ ป น ก า ร พิ ม พ ที่ มี ก า ร ตั ด คํ า ท า ย บ ร ร ทั ด ที่ ไ ม ถู ก ต อ ง
จํานวนมากซ่งึ อาจทาํ ใหก ารสือ่ ความหมายคลาดเคลือ่ น
แ ม ผู ฟ อ ง ค ดี จ ะ อ า ง ว า เ ป น ก า ร พิ ม พ ด ว ย โ ป ร แ ก ร ม
คอมพิวเตอร แตก็อยูในวิสัยที่ผูสงผลงานจะตอง
ตรวจสอบและระมัดระวังไมใหเกิดความผิดพลาดจํานวน
มากดังกลาว เมื่อผลงานของผูฟองคดีมีความบกพรองอยู
มากทั้งในดานเนื้อหาและรูปแบบและไมอยูในเกณฑท่ีจะ
ใหปรับปรุงผลงานทางวิชาการได ซ่ึงการใชดุลพินิจใน
ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ง า น ท า ง วิ ช า ก า ร ข อ ง
ผฟู อ งคดโี ดยผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑
ดังกลาวไมปรากฏวาเปนการใชอํานาจตามอําเภอใจ
หรือเปนการใชดุลพินิจที่ไมมีขอเท็จจริงหรือเหตุผล
ส นั บ ส นุ น เ พี ย ง พ อ ห รื อ ไ ม อ ยู ภ า ย ใ น ก ร อ บ
วัตถุประสงค หรือเจตนารมณของกฎหมายแตอยางใด
ดังน้ัน การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดใชดุลพินิจประเมินผล
งานท่ีเกิดจากการปฏิบัติหนาที่ของผูฟองคดี และ
มีความเห็นใหผูฟองคดีไมผานการประเมิน จึงเปนการ
ใชดุลพินจิ ทีช่ อบดว ยกฎหมาย
คาํ พพิ ากษาที่ อบ.142/2563
ผฟู้ ้ องคดีดํารงตําแหน่งผอู้ ํานวยการ
สถานศึกษา ถกู ลงโทษไลอ่ อกจากราชการ
ผฟู้ ้ องคดีไดย้ น่ื อทุ ธรณต์ ่อ ก.ค.ศ. หรอื ซึ่ง
อ.ก.ค.ศ. วิสามญั เก่ียวกบั การอทุ ธรณแ์ ละ
การรอ้ งทกุ ขท์ ําการแทน ก.ค.ศ. ไดพ้ ิจารณา
แลว้ เห็นว่า การกระทําของผฟู้ ้ องคดีไมเ่ พียงพอ
ฟังว่าเป็ นการทจุ รติ
148
แต่เป็ นการผิดวินยั อยา่ งไมร่ า้ ยแรง จึงมี
มติใหล้ ดโทษจากไลอ่ อกออกจากราชการ
เป็ นตดั เงินเดือนรอ้ ยละ 5 เป็ นเวลาสองเดือน
และใหผ้ ฟู้ ้ องคดีกลบั เขา้ รบั ราชการ
ผถู้ กู ฟ้ องคดีไดจ้ ่ายเงินเดือนใหผ้ ฟู้ ้ องคดี
ครงึ่ หน่ึงของอตั ราเงินเดือนที่ไดร้ บั แต่ไมไ่ ด้
จ่ายเงิน วิทยฐานะและเงินประจําตําแหน่ง...
และไมไ่ ดก้ ารเลื่อนขนั้ เงินเดือนใหผ้ ฟู้ ้ องคดี
149
จึงฟ้ องคดีต่อศาลขอใหเ้ ลอ่ื นขนั้ เงินเดือน
จ่ายเงินวิทยฐานะและเงินประจําตําแหน่ง
ยอ้ นหลงั
ศาลปกครองสงู สดุ วินิจฉยั ว่า ในสว่ น
ของการเลื่อนขนั้ เงินเดือน แมว้ ่าหลกั เกณฑ์
การเล่อื นขนั้ เงินเดือน จะกาํ หนดให้
ผบู้ งั คบั บญั ชาพิจารณาจากผลการ
ปฏิบตั ิงานเป็ นหลกั แต่หลกั เกณฑด์ งั กลา่ ว
150