The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แบบฝึกทักษะวิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แบบฝึกทักษะวิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

แบบฝึกทักษะวิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

แบบฝึกทักษะ วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) พุทธศักราช 2562 จัดทำโดย นางสกุลตา กีรติกุลศักดิ์ ตำแหน่ง ครู วิทยะฐานะครูชำนาญการ สาขาวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิกา


ก คำนำ แบบฝึกทักษะวิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 เป็นแบบฝึกทักษะที่ใช้ ประกอบการเรียนการสอน ผู้สอนจัดทำขึ้นโดยมีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยผู้สอนได้ปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับผู้เรียน รวมทั้งกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละ ภาคเรียน แบบฝึกทัษะเล่มนี้ประกอบด้วยคำชี้แจงสำหรับการใช้แบบฝึกทักษะ วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 แบบทดสอบก่อนเรียน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบ หลังเรียน แบบเฉลยคำตอบแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน และแบบเฉลยคำตอบแบบฝึกทักษะ ขอขอบคุณเจ้าของผลงาน เอกสารตำราทฤษฎีเกี่ยวกับหลักการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้งทฤษฎี รูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้สอนนำมาใช้อ้างอิง ซึ่งเอกสารเล่มนี้นำมาใช้สำหรับการจัดการเรียนรู้ โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ให้เกิด กับผู้เรียนในโอกาศต่อไป สกุลตา กีรติกุลศักดิ์


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง ค รายละเอียดรายวิชา ง ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 1 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 1 1 ใบความรู้หน่วยที่ 1 3 แบบฝึกทักษะที่ 1.1 11 แบบฝึกทักษะที่ 1.2 12 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 1 14 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 2 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 2 17 ใบความรู้หน่วยที่ 2 19 แบบฝึกทักษะที่ 2.1 37 แบบฝึกทักษะที่ 2.2 38 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 2 40 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 3 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 3 43 ใบความรู้หน่วยที่ 3 45 แบบฝึกทักษะที่ 3.1 51 แบบฝึกทักษะที่ 3.2 52 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 3 53 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 4 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 4 56 ใบความรู้หน่วยที่ 4 58 แบบฝึกทักษะที่ 4.1 65 แบบฝึกทักษะที่ 4.2 66 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 4 67


สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 5 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 5 70 ใบความรู้หน่วยที่ 5 73 แบบฝึกทักษะที่ 5.1 81 แบบฝึกทักษะที่ 5.2 82 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 5 84 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 6 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 6 88 ใบความรู้หน่วยที่ 6 90 แบบฝึกทักษะที่ 6.1 107 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 6 108 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 7 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 7 111 ใบความรู้หน่วยที่ 7 113 แบบฝึกทักษะที่ 7.1 126 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 7 129 ใบความรู้และแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 8 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 8 132 ใบความรู้หน่วยที่ 8 134 แบบฝึกทักษะที่ 8.1 139 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 8 140 บรรณานุกรม 143 ภาคผนวก 144 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 145 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 147 เฉลยคำตอบแบบฝึกเสริมทักษะหน่วยที่ 1-8 149


ค คำชี้แจง คำชี้แจง สำหรับการใช้แบบฝึกทักษะวิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 1. เป็นแบบฝึกทักษะที่ใช้พัฒนาการเรียนการสอน วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201- 2005โดยใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ได้ทั้งในและนอกชั่วโมงเรียน 2. ผู้เรียบเรียงได้เรียงลำดับเนื้อหาจากง่าย ปานกลาง จนถึงระดับค่อนข้างยาก เพื่อให้นักเรียนทุกระดับ อ่อน ปานกลาง และเก่ง ได้เรียนรู้ตามความสามารถ 3. แบบฝึกเสริมทักษะชุดนี้แบ่งหน่วยการเรียนออกเป็น 8 หน่วย ในแต่ละหน่วยประกอบด้วย ใบความรู้ แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แบบฝึกเสริมทักษะ 4. วัตถุประสงค์ของการใช้แบบฝึกเสริมทักษะเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น


ง รายละเอียดรายวิชา 1. รหัส/วิชาชีพ 20201-2005 2. สภาพรายวิชา กลุ่มสมรรถนะวิชาชีพเฉพาะ ประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาวิชาการบัญชี หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 3. ระดับรายวิชา ปวช. ปีที่ 2 4. เวลาเรียน 1 ภาคการศึกษา 18 สัปดาห์ รวม 90 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง (ทฤษฎี 1 ชั่วโมง ปฏิบัติ 4 ชั่วโมง) 5. จำนวนหน่วยกิต 3 หน่วยกิต จุดประสงค์รายวิชา 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. เพื่อให้มีทักษะการคำนวณ บันทึกบัญชี และจัดทำแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. เพื่อให้มีกิจนิสัยมีระเบียบ ละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ มีวินัยตรงต่อเวลา และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพบัญชี สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการคำนวณและจัดทำแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. คำนวณและจัดทำแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. บันทึกบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้พึงประเมิน เงินได้พึงประเมินที่ได้รับ การยกเว้น การหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน การคำนวณภาษี การจัดทำและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการบันทึกบัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ข้อใดคือความหมายของภาษีอากร ก. ต้องเป็นเงินเสมอไป ข. สิ่งที่รัฐบาลบังคับจัดเก็บจากประชาชนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนรวม ค. ภาษีที่เรียกเก็บโดยรัฐจะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ง. เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ 2. ลักษณะของภาษีที่ดี ควรเป็นอย่างไร ก. ประหยัด ข. ความแน่นอน ค. ความสะดวก ง. ประหยัด ความแน่นอน และความสะดวก 3. ข้อใด ไม่ใช่ ภาษีทางตรง ก. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ข. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ค. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ง. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 4. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร ก. เพื่อเป็นรายได้ของรัฐบาล ข. เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ค. เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภคของประชาชน ง. เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภคของรัฐบาล 5. อัตราภาษีที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของฐานภาษีคืออะไร ก. อัตราภาษีคงที่ ข. อัตราภาษีถอยหลัง ค. อัตราภาษีก้าวหน้า ง. อัตราภาษีส่วนเพิ่ม แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สอนครั้งที่ 1 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น 1-4-3 รวม 5 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำนวน 5 ชม.


2 6. ข้อใดไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก. ผู้ถึงแก่ความรายระหว่างปีภาษี ข. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ง. ผู้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ 7. ภาษีชนิดใดที่ใช้อัตราภาษีคงที่ ก. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ข. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ค. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ง. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 8. ผู้อยู่เมืองไทยหมายถึงข้อใด ก. ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ข. ผู้อยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 150 วันในปีภาษี ค. ผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึง 150 วันในปีภาษี ง. ผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึง 180 วันในปีภาษี 9. สิ่งที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี คืออะไร ก. อัตราภาษี ข. เงินได้สุทธิ ค. ฐานภาษี ง. รายได้ 10. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินที่เกิดจากแหล่งเงินได้ในประเทศไทย ก. นายเก่งกล้ามีเงินได้จากการเดินทางไปร้องเพลงที่ประเทศญี่ปุ่น 5 วัน เป็นเงิน 500,000 บาท ข. นายกรไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส แต่มีเงินได้จากการให้เช่าบ้านและที่ดินในประเทศไทย ปีละ 300,000 บาท ค. นางก้อยมีเงินได้จากค่าเช่าบ้านที่อยู่ประเทศอังกฤษเดือนละ 20,00 บาท ง. นางแก้วมีเงินได้จากการไปทำงานในประเทศแคนาดาเดือนละ 50,000 บาท


จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับภาษีอากร 2. เพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุผลตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของภาษีอากรได้อย่างถูกต้อง 2. อธิบายผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อย่างถูกต้อง 3. มีการเตรียมความพร้อมความพร้อมของวัสดุ อุปกรณ์ ในการเรียน 4. มีความขยัน รับผิดชอบ และความสามัคคีในการปฏิบัติงานร่วมกัน 5. ผู้เรียนมีการปฏิบัติงานที ่ได้รับมอบหมายอย ่างถูกต้อง รอบครอบ มีเหตุผลตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง สมรรถนะประจำหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื้อหาสาระ ความหมายของภาษีอากร ภาษีอากรเป็นการจัดเก็บรายได้จากประชาชนโดยการบังคับไม่ใช่การสมัครใจ และรัฐบาลนำภาษีที ่จัดเก็บได้ไปใช้ประโยชน์ส่วนรวมโดยรัฐบาลไม ่มีภาระผูกพันในการให้ประโยชน์ตอบแทน โดยตรงแก่ผู้เสียภาษี ภาพประกอบที่ 1. ภาพที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร ที่มา : https://thematter.co/quick-bite/where-taxes-come-from/47569 ใบความรู้หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น 1-4-3 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


4 ประวัติการจัดเก็บภาษีอากร การจัดเก็บภาษีอากรเริ ่มมาตั้งแต ่สมัยสุโขทัย เรื ่อยมาจนถึงสมัยกรุง รัตนโกสินทร์ ซึ่งสามารถสรุปการจัดเก็บภาษีอากรในแต่ละสมัย ดังนี้ สุโขทัย จังกอบ เป็นการจัดเก็บภาษี จากสัตว์หรือสิ่งของ กรุงศรีอยุธยา จังกอบ ส่วย ฤชา อากร ธนบุรี จังกอบ ส่วย ฤชา อากร รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1,2 มีการเก็บ เหมือนกรุงธนบุรี รัชกาลที่ 3 มีการจัดเก็บ ภาษีเพิ่ม 38 ประเภท รัชกาลที่ 4 มีโรงเก็บภาษี เรียกว่า ศุลกสถาน รัชกาลที่ 5 มีการจัดตั้งหอ รัษฎากรพิพัฒน์ รัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้ง กรมสรรพากร รัชกาลที่ 7 มีการออก พระราชบัญญัติมากมาย รัชกาลที่ 8 ให้ใช้ บทบัญญัติแห่งประมวล รัษฎากร รัชกาลที่ 9 ให้อ านาจ กรมสรรพากรจัดเก็บภาษี 5 ประเภท


5 เพื่อเป็นรายได้ของรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมกรบริโภค ของประชาชน วตัถุประสงค ์ในการจัดเกบ็ภาษ ี อากร เพ ื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อกระจายรายได้


6 ประเภทของภาษีอากร การจำแนกประเภทภาษีอากรสามารถจำแนกได้หลายลักษณะ แต่โดยทั่วไปมัก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะของการรับภาระภาษีดังนี้ ยึดหลักความยุติธรรม ยึดหลักความแน่นอน ยึดหลักความประหยัด ยึดหลักความยืดหยุ่น ลักษณะของภาษี อากรที่ดี 5.1 ภาษีทางตรง (Direct Tax) เป็นภ าษีที ่ผู้ช ำ ร ะภ าษีต้ อง รับภาระภาษีไว้เอง ไม่สามารถผลักภาระไป ให้ผู้อื่นได้ เช่น ภาษีมรดก ฯลฯ 5.2 ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax) เป็นภาษีที่ผู้ชำระภาษีสามารถผลัก ภาระภาษีไปให้ผู้อื่นได้ ไม่ต้องรับภาระภาษี ไว้เอง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ลักษณะของภาษีอากรที่ดี


7 องค์ประกอบของ ผู้เสียภาษีอากร ฐานภาษี อัตราก้าวหน้า (Progressive Rate) อัตราถอยหลัง (Regressive Rate) อัตราคงที่ (Proportional Rate) การหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) การประเมินตนเอง (Self Assessment) การประเมินโดยเจ้าพนักงานประเมิน (Authoritative Assessment) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร อัตราภาษี วิธีการเสียภาษีอากร การหาข้อยุติทางภาษี การบังคับ


8 - ผู้แทนโดยชอบธรรม - ผู้พิทักษ์ - ผู้อนุบาล - ผู้จัดกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน ตัวอย่าง นางเก่งกาจมีเงินได้จากเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท นายเก่งกาจย่อมมีหน้าที่ยื่น แบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดา ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ตวัอยา่ง 1 2 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตัวอย่าง นายเจนภพถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2562 ระหว่างปี 2562 นายเจน ภพได้รับเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 พฤษภาคมเป็นเงิน 180,000 บาท นอกจากนี้ยัง มีเงินได้จากการให้เช่าบ้าน 4 หลัง หลังละ 5,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นผู้จัดการมรดก หรือ ทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของนายเจนภพ ต้องทำหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อ เสียภาษีแทนนายเจนภพสำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นปี2562 คือเงินเดือน 180,000 บาท และเงิน ได้จากการให้เช่าบ้านทั้งปี 240,000 บาท (เดือนละ 5,000 บาท x 4 หลัง x 12 เดือน) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล 3 กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง 4


9 ผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40 (1) เพียงประเภทเดียว - กรณีไม่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินเกิน 120,000 บาท. - กรณีมีคู่สมรส ไม่ว่าเงินได้ฝ่ายเดียวหรือ ทั้งสองฝ่าย มีเงิน ได้พึงประเมินรวมกันเกิน 220,000 บาท ผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป ตามมาตรา 40 (1)-(8) - กรณีไม่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท - กรณีมีคู่สมรส ไม่ว่ามีเงินได้ฝ่ายใดฝ่ายเดียวหรือทั้ง สองฝ่าย มีเงินได้พึงประเมินรวมกันเกิน 120,000 ผู้มีเงินได้ที่เป็นกองมรดก มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 ผู้มีเงินได้ที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงบประเมิน 60,000 1 2 3 4 เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี


10 แหล่งเงินได้เกิดในประเทศไทย 1.หน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทย 2.กิจการของนายจ้างในประเทศไทย 3.ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย แหล่งเงินได้เกิดนอกประเทศ 1.หน้าที่งานหรือหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ 2.ทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ แหล่งเงินได้ 1. ผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หมายถึงผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวม เวลาทั้งหมดถึง 180 วันในปีภาษี 2. ผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หมายถึงผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวม เวลาทั้งหมดไม่ถึง 180 วันในปีภาษี ถิ่นที่อยู่ ตัวอย่าง นางสาวกาญจน์ทำงานที่บริษัท มหานคร จำกัด ได้รับเงินเดือนเดือน ละ 25,000 บาท และได้รับโบนัสประจำปี 100,000 บาท นางสาวกาญจน์ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลไทย เนื่องจากนางสาวกาญจน์เป็นผู้ อยู่ในประเทศไทย และมีแหล่งเงินได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่


11 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายความหมายของภาษีอากร .…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. จงบอกวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษี 1 2 3 4 แบบฝึกทักษะที่ 1.1


12 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ประวัติของภาษีอากรได้แก่อะไรบ้าง ตอบ 2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอบ 3. แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่มีอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………….....………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. 2. 3. 4. 1. 2. 3. 4. แบบฝึกทักษะที่ 1.2


13 4. รายได้ของรัฐบาลได้มาจากทางใด .......................................................................................................................................................... ............................ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... 5. ฐานภาษีคืออะไร ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................


คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ข้อใดคือความหมายของภาษีอากร ก. ต้องเป็นเงินเสมอไป ข. ภาษีที่เรียกเก็บโดยรัฐจะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ค. สิ่งที่รัฐบาลบังคับจัดเก็บจากประชาชนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนรวม ง. เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ 2. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของภาษีที่ดี ก. ประหยัด ข. ความแน่นอน ค. ความสะดวก ง. จัดเก็บตามความสมัครใจ 3. ข้อใด ไม่ใช่ ภาษีทางตรง ก. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ข. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ค. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ง. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 4. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร ก. เพื่อเป็นรายได้ของรัฐบาล ข. เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ค. เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภคของรัฐบาล ง. เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภคของประชาชน 5. อัตราภาษีที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของฐานภาษีคืออะไร ก. อัตราภาษีคงที่ ข. อัตราภาษีก้าวหน้า ค. อัตราภาษีถอยหลัง ง. อัตราภาษีส่วนเพิ่ม แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สอนครั้งที่ 1 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น 1-4-3 รวม 5 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำนวน 5 ชม.


15 6. ข้อใดไม่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก. ผู้ถึงแก่ความรายระหว่างปีภาษี ข. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ง. ผู้ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ 7. ภาษีชนิดใดที่ใช้อัตราภาษีคงที่ ก. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ข. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ค. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ง. ภาษีเงินได้นิติบุคคล 8. ผู้อยู่เมืองไทยหมายถึงข้อใด ก. ผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึง 150 วันในปีภาษี ข. ผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึง 180 วันในปีภาษี ค. ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ง. ผู้อยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 150 วันในปีภาษี 9. สิ่งที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี คืออะไร ก. รายได้ ข. เงินได้สุทธิ ค. ฐานภาษี ง. อัตราภาษี 10. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินที่เกิดจากแหล่งเงินได้ในประเทศไทย ก. นางก้อยมีเงินได้จากค่าเช่าบ้านที่อยู่ประเทศอังกฤษเดือนละ 20,00 บาท ข. นางแก้วมีเงินได้จากการไปทำงานในประเทศแคนาดาเดือนละ 50,000 บาท ค. นายเก่งกล้ามีเงินได้จากการเดินทางไปร้องเพลงที่ประเทศญี่ปุ่น 5 วัน เป็นเงิน 500,000 บาท ง. นายกรไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส แต่มีเงินได้จากการให้เช่าบ้านและที่ดินในประเทศไทย ปีละ 300,000 บาท


16 ให้นักเรียนนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน มาสรุปผลการประเมินหลังเรียนจบ หน่วยที่ 1 ว่าจะอยู่ในระดับใด แบบทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อละ 1 คะแนน ระดับคะแนนที่ได้ ดีมาก (9-10 คะแนน) ดี (7- 8 คะแนน) พอใช้ (5- 6 คะแนน) ปรับปรุง (1- 4 คะแนน) สรุปผล ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ที่ 1


คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ก. เงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ข. เงินเดือน โบนัส บำเหน็จ บำนาญ ค. ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด ง. เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม เบี้ยหวัด 2. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 ก. เงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ข. เงินเดือน โบนัส บำเหน็จ บำนาญ ค. ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด ง. เบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม เบี้ยหวัด 3. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 3 ก. เงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ข. เงินเดือน โบนัส บำเหน็จ บำนาญ ค. ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าลิขสิทธิ์ ง. ดอกเบี้ย เงินปันผล 4. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตราใด ก. 40 (1) ข. 40 (2) ค. 40 (3) ง. 40 (4) 5. ข้อใดถือเป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระ ก. นายมี ทนายความเปิดสำนักงานทนายความรับว่าความ ข. นายทอง วิศวกรควบคุมงานก่อสร้างของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ค. นางพัด ผู้ตรวจสอบบัญชีทำงานประจำบริษัทตรวจสอบบัญชี ง. นายแดง ทำงานเป็นผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แบบทดสอบก่อนเรียน สอนครั้งที่ 2-3 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 2 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เงินได้พึงประเมิน และเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น จำนวน 10 ชม.


18 6. นางสาวอุมาพร มีเงินได้จากการให้เช่าบ้านเดือนละ 5,000 บาท เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตราใด ก. 40 (3) ข. 40 (4) ค. 40 (5) ง. 40 (6) 7. นายสมรักษ์ มีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ผู้ว่าจ้างจัดหาวัสดุก่อสร้างเอง เป็นเงินได้ พึงประเมินตามมาตราใด ก. 40 (2) ข. 40 (4) ค. 40 (6) ง. 40 (7) 8. เงินได้พึงประเมินตามข้อใด ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก. ใยไหม มีเงินได้จากการแสดงละคร 100,000 บาท ข. อนุชา มีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 50,000 บาท ค. วิชัย ได้รับเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบุตรเดือนละ 10,000 บาท ง. จิรายุ กำลังศึกษา มีเงินได้จากการเดินแบบนอกเวลาเรียน 75,000 บาท 9. เงินได้พึงประเมินตามข้อใด ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก. เงินรางวัลสลากออมสิน ข. เงินได้จากการเป็นนักกีฬาอาชีพ ค. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ง. ข้อ ข. และข้อ ค. ถูก 10. เงินได้ตามข้อใดที่ได้รับการยกเว้นภาษี ก. เงินได้ของนักแสดงสาธารณะ ข. เงินได้จากการขายที่ดินมรดก ค. ส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ ง. ทุกข้อที่กล่าวมา


จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับความหมายของเงินได้พึงประเมินได้ 2. เพื่อให้มีทักษะในการจำแนกประเภทเงินได้พึงประเมินได้ 3. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นภาษีได้ 4. ตระหนักในคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของเงินได้พึงประเมินได้ 2. สามารถจำแนกแยกแยะประเภทเงินได้พึงประเมินได้ 3. บอกเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้นได้ 4. มีความขยัน รับผิดชอบ และความสามัคคี ในการปฏิบัติงานร่วมกัน 5. ปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างเหมาะสม สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. วิเคราะห์รายละเอียดของเงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท 3. แสดงความรู้เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น เนื้อหาสาระ 1. เงินได้พึงประเมิน 1.1 ความหมายของเงินได้พึงประเมิน เงินได้คืออะไรก็ตามที่เราได้รับมา เฉพาะเงินที่ทำให้เรามีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมาย เรียกชื่อเฉพาะว่า เงินได้พึงประเมิน เงินได้พึงประเมิน (ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ ;2557) หมายถึง เงินได้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องนำมาเสียภาษี ซึ่ง โดยทั่วไปเงินที่เราได้รับจะเป็นเงินได้พึงประเมินแทบทั้งสิ้น เว้นแต่จะมีกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเงินได้ก้อน นั้น เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากความหมายเงินได้พึงประเมิน สิ่งที่ถูกจัดว่าเป็นเงินได้พึงประเมินจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำใ ห้เรารวยขึ้น ได้แก่ - เงินสดหรือเงินที่ได้รับตามเกณฑ์เงินสด รวมถึงทุกอย่างที่ใช้แทนเงินได้ - ทรัพย์สินที่ตีราคาได้ หรือคำนวณได้เป็นเงิน เช่น รถยนต์ บ้าน เป็นต้น ใบความรู้หน่วยที่ 2 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เงินได้พึงประเมิน และเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น


20 - สิทธิประโยชน์ที่ตีราคาได้ หรือประโยชน์ที่อาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน เช่น สิ่งที่ได้รับเพิ่มจากการทำงาน - เงินค่าภาษีที่มีคนจ่ายแทนให้เรา - เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกำหนด หรือเครดิตภาษีเงินปันผล ในทางตรงข้าม อะไรที่ไม่ทำให้เรารวยขึ้นจึงไม่เป็นเงินได้พึงประเมิน เช่น เงินกู้ หรือทรัพย์สินที่ยืมมา เป็นต้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ได้ให้คำนิยาม “เงินได้พึงประเมิน” หมายความว่า เงินได้อันเข้าลักษณะพึง เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อันได้แก่ เงิน ตลอดถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็น เงิน เงินค่าภาษีอากรที่จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ตามมาตรา 40 และเครดิตภาษี ตามมาตรา 47 ทวิด้วย ตามบทนิยามดังกล่าว คำว่า “เงินได้พึงประเมิน” ได้แก่ 1. เงินที่ได้รับ เงินตราไทย หรือเงินตราต่างประเทศ 2. ทรัพย์สินที่ได้รับ ซึ่งอาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ เช่น ค่าเช่าที่นาที่ได้รับเป็นข้าวเปลือก บ้านหรือรถยนต์ ได้รับจากการชิงโชค เป็นต้น 3. ประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงินได้ เช่น ลูกจ้างได้รับสิทธิในการอยู่บ้านฟรีจาก นายจ้าง 4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกให้ เช่น นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างและชำระภาษีหัก ณ ที่ จ่ายแทนให้ด้วย 5. เครดิตภาษีเงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งกำไรในส่วนที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายภาษให้กรมสรรพากร ในส่วนของ การเสียภาษีจากกำไรสุทธิแล้ว ซึ่งเงินปันผลที่เรา(ผู้มีเงินได้)ได้รับเป็นกำไรสุทธิ(หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล) 2. ประเภทของเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากผู้มีเงินได้ประกอบอาชีพแตกต่างกัน เพื่อให้การกำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้พึงประเมินมีความ ใกล้เคียงกันและเป็นธรรม ในการคำนวณภาษี จึงได้จำแนกเงินได้พึงประเมินตามลักษณะของการได้มา แบ่ง ออกเป็น 8 ประเภท ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ตามความเหมาะสม ดังนี้ 1. เงินได้ประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น 1.1 เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ 1.2 เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง 1.3 เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า 1.4 เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ 1.5 เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น มูลค่าของ การได้รับประทานอาหาร เป็นต้น


21 ตัวอย่าง นางสาวมนตระกาลทำงานที่บริษัท มหานคร จำกัด ได้รับเงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท นายจ้างจ่ายค่าเช่าบ้านให้เดือนละ 3,000 บาท และได้รับโบนัสประจำปี 100,000 บาท ดังนั้นนางสาวมนตระกาลมี เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) รวมทั้งสิ้น 376,000 บาท (เงินเดือน 240,000 บาท ค่าเช่าบ้าน 36,000 และโบนัส 100,000 บาท) 2. เงินได้ประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับ ทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็น 2.1 ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด 2.2 เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส 2.3 เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ 2.4 เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า 2.5 เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ 2.6 เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือ จากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว ตัวอย่าง นางสาวเดือนเด่นเป็นกรรมการบริษัท สุขเกษม จำกัด ได้รับเงินค่าตอบแทนจากตำแหน่ง กรรมการบริษัท จำนวน 400,000 บาท ดังนั้นนางสาวเดือนเด่นมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่2 หรือมาตรา 40(2) เงินได้จากตำแหน่งงานที่ทำจำนวน 400,000 บาท 3. เงินได้ประเภทที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงิน ได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล ตัวอย่างที่ 1 นายมนตรีได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์จากการประพันธ์เพลงทั้งปี 200,000 บาท ดังนั้นนายมนตรีมี เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ค่าแห่งลิขสิทธิ์จำนวน 200,000 บาท ตัวอย่างที่ 2 นายศักดิ์สิทธิ์ได้รับเงินค่าเครื่องหมายการค้าจากการอนุญาตให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้า เป็นเวลา 5 ปีเป็นเงิน 500,000 บาท นายศักดิ์สิทธิ์มีเงินได้พึงประเมินประเภท ที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ค่าแห่ง สิทธิอย่างอื่น จำนวน 500,000 บาท 4. เงินได้ประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น โดยแบ่งเป็นเงินได้ดังนี้ (ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ไม่ว่าจะ มี หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอน กับ ราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นผู้ออก และจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์ หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม


22 (ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุน รวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ (ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน (จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือรับช่วงกันไว้รวมกัน (ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือรับช่วงกันหรือ เลิกกัน ซึ่งตี ราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือ ตราสาร แสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกิน กว่าที่ลงทุน เงินได้ประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิที่จะเลือกเสียภาษีโดยวิธีหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนการนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไป ซึ่งจะทำให้ผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตรา ภาษี ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย สามารถประหยัดภาษีได้ (ซ) เงินส่วนแบ่งของก ำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จำกกำรถือหรือครอบครองโท เคนดิจิทัล (ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกิน กว่าที่ลงทุน มาตรา 47 ทวิ ให้ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) ซึ่งได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตาม กฎหมายไทยได้รับเครดิตในการคำนวณภาษีโดยให้นำอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อย ลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้นได้ผลลัพธ์เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนเงินปันผลหรือ ส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการคำนวณภาษี ตัวอย่าง นางสาวสุขใจซื้อหุ้นสามัญของบริษัท สร้างสุข จำกัด 500,000 บาท (บริษัทเสียภาษีในอัตราร้อย ละ 20 ของกำไรสุทธิประจำปี) ได้รับเงินปันผลประจำปี400,000 บาท ดังนั้นนางสาวสุขใจมีเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) จำนวน 50,000 บาท (เงินปันผล 40,000 บาท และเครดิตภาษีเงินปันผล 10,000 บาท) การคำนวณเครดิตภาษีของเงินปันผล เครดิตภาษีเงินปันผล = เงินปันผลที่ได้รับ x อัตราภาษีนิติบุคคล 100 - อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล = 40,000 x 20 80 = 10,000


23 5. เงินได้ประเภทที่ 5 หรือมาตรา 40(5) เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้ เนื่องจาก 5.1 การให้เช่าทรัพย์สิน 5.2 การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน 5.3 การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ ได้รับไว้แล้ว ในกรณี (ก) ถ้าเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้มีเงินได้แสดงเงินได้ต่ำไป ไม่ถูกต้องตามความเป็น จริง เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินได้ตามจำนวนเงินที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ตามปกติ ในกรณี (ข) (ค) ให้ถือว่าเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้วแต่วันทำสัญญาจนถึงวันผิดสัญญาทั้งสิ้น เป็นเงินได้ พึงประเมินของปีที่มีการผิดสัญญานั้น ตัวอย่าง นางนิภานันท์มีเงินได้จากการให้เช่าบ้าน 2 หลัง หลังละ 5,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น นางนิภานันท์ มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 หรือมาตรา 40(5) เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน จำนวน 120,000 บาท (5,000 x 2 หลัง x 12 เดือน) 6. เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้ สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม รูปที่ 2.1 เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ที่มา : https://www.google.com/search 2565 กฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ(แพทย์) วิศวกรรม


24 7. เงินได้ประเภทที่ 7 หรือมาตรา 40(7) ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหา สัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ ตัวอย่าง นายมงคลมีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ต้องจัดหาวัสดุก่อสร้างเองทั้งปี3,500,000 บาท และมีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่รับเหมาเฉพาะค่าแรงทั้งปี1,000,000 บาท ดังนั้นนายมงคลมีเงินได้พึง ประเมินประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) จำนวน 1,000,000 บาท และมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 7 หรือมาตรา 40(7) จำนวน 3,500,000 บาท 8. เงินได้ประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40(8) ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) ถึงประเภทที่ 7 หรือมาตรา40(7) แล้ว ตัวอย่าง นางสาวกัญญารัตน์ มีเงินได้จากร้านอาหารทั้งปี 1,250,000 บาท และมีเงินได้จากร้าน ซัก อบรีดทั้งปี 750,000 บาท ดังนั้นนางสาวกัญญารัตน์มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40(8) จำนวน 2,000,000 บาท สรุปเงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท ที่มา : http:www.taxbugnoms.com เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท ลงทุนกิจการ สร้างรายได้ แรงงานสร้างรายได้ ทรัพย์สินสร้างรายได้ ม.40(1) เงินเดือนตามสัญญา จ้างแรงงาน ม.40(2) ค่าจ้างทั่วไปจาก การรับทำงานให้ ม.40(3) ลิขสิทธิ์ และทรัพย์สิน ทางปัญญา ม.40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ม.40(5) ค่าเช่าทรัพย์สิน ม.40(6) วิชาชีพอิสระ 6 วิชาชีพ ม.40(7) รับเหมา(แรงงาน+ค่าของ) ม.40(8) เงินได้ประเภทอื่น นอกเหนือจาก 1-7


25 3. เงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นภาษี คือ เงินได้ที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ซึ่งมีหลายรายการโดยกระจายอยู่ตามกฎหมายฉบับต่าง ๆ เช่น ประมวลรัษฎากร กฎกระทรวง 1 และพระราชกฤษฎีกา เป็นต้น ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีเหมือน เงินได้ ทั่วไป โดยสรุปได้ดังนี้ 1. ค่าเบี้ยเลี้ยง หรือ ค่าพาหนะ ซึ่งลูกจ้างหรือผู้รับหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรือผู้รับทำงาน ให้ได้จ่ายไป โดยสุจริต ตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน และได้จ่ายไปทั้งหมด ในการนั้น 2. ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามอัตราที่รัฐบาลกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยอัตรา ค่าพาหนะ และเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 3. เงินค่าเดินทางซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง เฉพาะส่วนที่ลูกจ้างได้จ่ายทั้งหมดโดยจำเป็น เพื่อการ เดินทางจากต่างถิ่นในการเข้ารับงานเป็นครั้งแรก หรือในการกลับถิ่นเดิมเมื่อการจ้างสิ้นสุดลงแล้ว แต่ข้อยกเว้นนี้มิ ให้รวมถึงเงินค่าเดินทางที่ลูกจ้างได้รับในการย้ายกลับถิ่นเดิม และในการเข้ารับงานของนายจ้างเดิมภายใน 365 วัน นับแต่วันที่การจ้างครั้งก่อนได้สิ้นสุดลง 4. ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญากันโดยสุจริตก่อนใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พุทธศักราช 2475 มีข้อกำหนดว่า นายจ้างจะชำระเงินบำเหน็จ เงินค่าธรรมเนียม เงินค่านายหน้า หรือเงินโบนัส ให้แก่ลูกจ้าง เป็นจำนวนเดียวเมื่อการงานที่จ้างได้สิ้นสุดแล้ว แม้เงินเต็มจำนวนนั้นจะได้ชำระภายหลังที่ใช้ บทบัญญัติในส่วนนี้ก็ดี เงินบำเหน็จ เงินค่าธรรมเนียม เงินค่านายหน้า หรือเงินโบนัส ส่วนที่เป็นค่าจ้างแรงงาน อันได้ทำในเวลาก่อนใช้ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พุทธศักราช 2475 นั้น ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ 5. เงินเพิ่มพิเศษประจำตำแหน่ง และเงินค่าเช่าบ้าน หรือบ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าสำหรับ ข้าราชการสถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ 6. เงินได้จากการขาย หรือส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์หรือแสตมป์ ไปรษณียากรของรัฐบาล 7. เบี้ยประชุมกรรมาธิการหรือกรรมการ หรือค่าสอน ค่าสอบที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทาง ราชการจ่ายให้ 8. ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นภาษี ได้แก่ ดอกเบี้ยดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยสลากออมสิน หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมสินของรัฐบาลเฉพาะประเภท ฝากเผื่อเรียก (2) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ (3) ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภท ออมทรัพย์เฉพาะ กรณี ที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดปีภาษีนั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศ(มาตรา 42(8)) (4) ดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิดจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศไทยและจากสหกรณ์ออมทรัพย์ตาม กฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ในประเทศ เป็นรายเดือนติดต่อกันมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับแต่วันที่ฝาก โดยมี ยอดเงินฝากแต่ละคราวเท่ากันแต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือนและรวมทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 600,000 บาท 9. การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไร แต่ไม่รวมถึงเรือกำปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไป เรือกลไฟหรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไปหรือแพ


26 10. เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่รับจากการรับมรดก หรือจากการให้โดย เสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี(พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 40) พ.ศ. 2558) 11. รางวัลเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าในวิทยาการ รางวัลสลากกินแบ่งหรือสลากออมสิน ของรัฐบาล รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้ในการประกวดหรือแข่งขัน ซึ่งผู้รับมิได้มีอาชีพในการประกวดหรือแข่งขัน หรือสินบน รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำความผิด 12. บำนาญพิเศษ บำเหน็จพิเศษ บำนาญตกทอด หรือบำเหน็จตกทอด 13. ค่าสินไหมทดแทน เพื่อละเมิด เงินที่ได้จากการประกันภัยหรือการฌาปนกิจสงเคราะห์ 14. เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งต้องเสียภาษี ตาม บทบัญญัติในส่วนนี้ แต่ไม่รวมถึงเงินส่วนแบ่งของกำไรจากกองทุนรวม 15. เงินได้ของชาวนาที่ได้จากการขายข้าว อันเกิดจากกสิกรรมที่ตนและหรือครอบครัว ได้ทำเอง 16. เงินได้ที่ได้รับจากกองมรดกซึ่งได้เสียภาษีเงินได้ไว้ในนามของกองมรดกแล้ว 17. รางวัลสลากบำรุงกาชาดไทย เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อสลากบำรุง กาชาดไทย 18. ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการคืนเงินภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร 19. เงินได้ที่เป็นเงินปันผลหรือเงินเฉลี่ยคืนที่สหกรณ์จ่ายให้แก่สมาชิก 20. เงินปันผลที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบการขนส่งทางทะเลและ ถือกรรมสิทธิ์ เรือไทย หรือที่ประกอบกิจการอู่เรือที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการ พาณิชยนาวี พ.ศ.2521 ซึ่งจะ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ก็ต่อเมื่อได้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรัษฎากรแล้ว 21. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม 22. เงินได้ของกองทุนรวม 23. เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตน ได้รับจากกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วย การ ประกันสังคม 24. เงินได้จากกิจการโรงเรียนราษฎร์ (โรงเรียนเอกชน) แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายของ การรับจ้างทำ ของหรือการให้บริการอื่นใดที่โรงเรียนราษฎร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอาชีวศึกษาได้รับจากผู้ซึ่งมิใช่นักเรียน 25. เงินได้จากการจำหน่ายหรือส่วนลดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งของรัฐบาล 26. เงินได้ส่วนที่เป็นค่าจ้างการทำงานในระหว่างเวลาปิดภาคการศึกษาของคนต่างด้าว ซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือนิสิตที่เข้ามาศึกษา ณ สถานศึกษาในประเทศไทย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน 27. เงินได้ส่วนที่เป็น ค่ารักษาพยาบาล 28. เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เป็นเงินค่าเช่าบ้าน หรือเงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้ อยู่บ้านที่ให้ อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินช่วยการศึกษาบุตร เงินช่วยเหลือบุตร เงินค่าเบี้ยกันดาร เงินยังชีพหรือ เงินค่าอาหารทำการ นอกเวลา 29. เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่าที่ผู้มี เงินได้ได้จ่ายไป โดยสุจริตตามความเป็นจริง หรือเงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่รัฐวิสาหกิจดังกล่าวให้อยู่โดยไม่ต้อง เสียค่าเช่าและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงินมิได้ออกค่าภาษีเงินได้สำหรับเงินได้จำนวนดังกล่าวให้


27 30. เงินช่วยการศึกษาบุตร เงินช่วยเหลือบุตร เงินค่าเบี้ยกันดารหรือเงินยังชีพที่ได้รับจาก รัฐวิสาหกิจ ซึ่ง มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอัตราเดียวกับที่ทางราชการให้แก่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงินมิได้ ออกค่าภาษีเงินได้จำนวนดังกล่าวให้ 31. รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับภาษีอากร 32. ดอกเบี้ยเงินสะสมที่ได้รับจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอัตราเดียวกับที่ ทางราชการจ่ายให้แก่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงินมิได้ออกค่าภาษีเงินได้จำนวนดังกล่าวให้ 33. เงินได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยได้รับจากรัฐบาลของตน ทั้งนี้ โดยให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน 34. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนและเงินใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการ รับทำงานให้ที่คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้แทนของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยได้รับ จากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ 35. ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์เฉพาะเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ ซึ่งใช้สมุดคู่ฝาก ในการฝากถอน 36. เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและ กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้เบิกจ่ายได้ 37. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างและเงินใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ที่คนต่างด้าวซึ่งไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับจาก (1) คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานในการปฏิบัติงานในประเทศไทย (2) รัฐบาลแห่งประเทศของตนใน การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อพยพจาก อินโดจีนใน ประเทศไทย 38. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการ ให้โดยเสน่หาที่ ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยาหรือการปกครองท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง ขึ้นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เฉพาะเงินได้จากการขายในส่วนที่ไม่เกิน 200,000 บาท ตลอดปีภาษีนั้น 39. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ของตนโดยไม่มีค่าตอบแทน บุตรชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมด้วย 40. เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังได้เสียภาษีเงินได้แทน ผู้ขายสินค้า ดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา 48 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 41. ดอกเบี้ยพันธบัตรขององค์การของรัฐบาลหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นสำหรับให้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยก รรมหรืออุตสาหกรรม ทั้งนี้ เฉพาะพันธบัตรที่จำหน่าย ในต่างประเทศและผู้มีเงินได้พึงประเทศนั้นมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย 42. ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 43. เงินได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงเงินได้ จากการขาย หลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นกู้หรือพันธบัตร


28 44. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มี ค่าตอบแทนให้แก่มูลนิธิ ชัยพัฒนา 45. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มี ค่าตอบแทนให้แก่มูลนิธิ ส่งเสริม ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมนา ชินีนาถ 46. เงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะที่ดินที่ต้องเวนคืน และ อสังหาริมทรัพย์อื่นบนที่ดินที่ต้องเวนคืน 47. เงินได้พึงประเมินดังต่อไปนี้ (1) ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาซื้อตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือห้าง หุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและมีการจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคา ไถ่ถอน แต่ไม่รวมถึง กรณีที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นผู้ทรงคนแรก (2) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ไม่มี ดอกเบี้ย (3) ดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือ นิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นก่อนการเป็นผู้ทรงตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ของผู้มีเงินได้ ทั้งนี้ ต้องมีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร จากดอกเบี้ย ดังกล่าว ทั้งจำนวนไว้แล้ว 48. เงินได้ที่ผู้เชี่ยวชาญของประชาคมยุโรปที่เป็นคนต่างด้าวและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับเนื่องจาก การเข้ามาทำงานในประเทศไทย ภายใต้โครงการความช่วยเหลือที่ประเทศไทยได้รับจากประชาคม ยุโรป 49. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 50. เงินได้ที่คณะกรรมการอำนวยการปรับปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทได้รับเพื่อประโยชน์ในการสร้าง พระที่นั่งองค์ใหม่และปรับปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท 51. เงินได้ที่คำนวณได้จากมูลค่าของเครื่องแบบซึ่งลูกจ้างได้รับจากนายจ้างในจำนวนคนละ ไม่เกินสองชุด ต่อปีและเสื้อนอกในจำนวนคนละไม่เกินหนึ่งตัวต่อปี 52. เงินได้เท่าที่ลูกจ้างจ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรอง เลี้ยงชีพในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้างเฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 290,000 บาท สำหรับปีภาษี นั้น 53. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วย กองทุน สำรองเลี้ยงชีพ เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพหรือตายดังนี้ (1) กรณีเกษียณอายุลูกจ้างผู้นั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิก กองทุนสำรองเลี้ยง ชีพ มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ (2) กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีที่แพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและ แสดงความเห็นว่าลูกจ้าง ผู้นั้นไม่สามารถที่จะทำงานในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป ไม่ว่าเหตุทุพพลภาพนั้นจะเกิดเนื่องจากการ ปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ก็ตาม (3) กรณีตาย ไม่ว่าการตายนั้นจะเกิดจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่


29 54. เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จากกิจการโรงเรียน เอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องมิได้ประกอบกิจการอื่นนอกจาก กิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน 55. ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ เฉพาะกรณีที่ผู้ มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 20,000 บาทตลอดปีภาษีนั้น 56. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างที่คนประจำเรือได้รับเนื่องจากการปฏิบัติงาน บนเรือไทยตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการ พาณิชยนาวีที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 57. เงินได้ที่คณะกรรมการบริหาร "ทุนการกุศลสมเด็จพระเทพฯ" ได้รับเพื่อประโยชน์ ของการกุศลสมเด็จ พระเทพฯ 58. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ (1) บ้าน โรงเรียน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งโดยปกติใช้ประโยชน์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย (2) อสังหาริมทรัพย์ตาม (1) พร้อมที่ดิน (3) ห้องชุดสำหรับการอยู่อาศัยในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ทั้งนี้เฉพาะกรณีการทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตาม (1) - (3) ซึ่งผู้มีเงินได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 1 ปี นับแต่วันที่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองในอสังหาริมทรัพย์นั้น 59. ผลประโยชน์ที่ได้จากการควบเข้ากันของธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ และหรือ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน 60. เงินได้เท่าที่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการจ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษี นั้น 61. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้รับจากกองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เนื่องจากออกจากราชการ เพราะเหตุ สูงอายุ เหตุทุพพลภาพ เหตุทดแทน หรือตาย ดังนี้ (1) กรณีเหตุสูงอายุ (2) กรณีเหตุทุพพลภาพ สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะป่วย เจ็บ ทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ที่ทาง ราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าไม่สามารถที่จะรับราชการในตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไปได้ (3) กรณีเหตุทดแทน สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะทางราชการเลิก หรือ ยุบตำแหน่งหรือมี คำสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิดหรือทหารซึ่งออกจากกองหนุนเบี้ยหวัด (4) กรณีตาย สำหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะถึงแก่ความตายในระหว่าง รับราชการ 62. เงินได้ที่คณะกรรมการกองทุนลานกีฬาต้านยาเสพติด สำนักนายกรัฐมนตรีได้รับ เพื่อประโยชน์ ของกองทุนลานกีฬาต้านยาเสพติดดังกล่าว


30 63. ดอกเบี้ยพันธบัตรออมสิน รุ่นพันธบัตรเงินฝากช่วยชาติ 64. เงินได้ที่เป็นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ ซึ่งเป็นคนต่าง ด้าวและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ได้รับจากศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ เนื่องจากการเข้ามาทำงาน ในประเทศ ไทย ภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ 65. รางวัลบัตรออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 66. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินโดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ วัด วัดบาดหลวง โรมันคาทอลิค หรือมัสยิด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้เฉพาะการโอนที่ดินส่วนที่ทำให้วัด วัด บาดหลวงโรมันคาทอลิค หรือมัสยิดมีที่ดินไม่เกินห้าสิบไร่ 67. ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือบริษัทจำกัดควบเข้ากัน หรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน 68. ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและค่าชดเชยที่พนักงานได้รับตาม กฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ แต่ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเหตุ เกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ทั้งนี้ เฉพาะค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงานสาม ร้อยวันสุดท้าย แต่ไม่เกิน 300,000 บาท 69. เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืม สำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้น ตามจำนวน ที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด ทั้งนี้เฉพาะที่จ่ายให้แก่ (1) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ (3) นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วย นิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจ ดังกล่าว เข้ารับช่วง สิทธิเป็นเจ้าหนี้เงินกู้แทนกองทุนรวมตาม (1) หรือ (2) ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้าง 70. เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้างสำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อเช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัยโดยจำนองอาคาร ที่ซื้อหรือสร้าง เป็นประกันการกู้ยืมนั้น ซึ่งรวมถึงอาคารพร้อมที่ดินด้วย เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 40,000 บาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด 71. เงินได้เท่าที่ครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ ตามกฎหมายว่า ด้วยโรงเรียนเอกชนเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น 72. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) (2) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้พึงประเมิน ประเภทค่าแห่ง สิขสิทธิ์ที่มิได้รับโอนมาโดยทางมรดก เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยง


31 ชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ ทั้งนี้เงินได้ที่ได้รับ ยกเว้นข้างต้น เมื่อรวมกับเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ต้องไม่ เกิน 500,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น 73. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับจากกองทุนรวมดังกล่าวเพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตาม หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด 74. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนได้รับจากกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เมื่อครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนออกจากงานเพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด 75. ยกเว้นเงินปันผลที่ได้จากการถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประกอบกิจการธุรกิจเงินร่วมลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้มาตรา 5 อัฏฐารส แห่งพระราชกฤษฎีกาออก ตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2500 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช กฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 396) พ.ศ. 2545 76. ยกเว้นผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อประกอบกิจการธุรกิจเงินร่วมลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 5 อัฏฐารส แห่งพระ ราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 396) พ.ศ. 2545 77. ยกเว้นเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามกฎหมาย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำหรับการกู้ยืมเงิน เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย รวมถึง อาคารพร้อมที่ดินด้วย 78. ยกเว้นดอกเบี้ยและรางวัลสลากออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แต่ไม่ รวมถึงดอกเบี้ย ซึ่งผู้รับมิใช่ผู้ทรงคนแรก ทั้งนี้สำหรับสลากออกทรัพย์ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นไป 79. ยกเว้นเงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยในปีภาษีสำหรับการประกันชีวิตของผู้มีเงินได้ตาม จำนวนที่จ่ายจริงเฉพาะส่วนที่เกิน 100,000 บาท เฉพาะในกรณีที่กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่สิบปีขึ้น ไป และการประกันชีวิตนั้นได้เอาประกันไว้กับผู้รับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในราชอาณาจักร ทั้งนี้ สำหรับเบี้ยประกันที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ อธิบดีกำหนด 80. ยกเว้นเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ (ก) บ้าน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นซึ่งโดยปกติใช้ประโยชน์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย (ข) อสังหาริมทรัพย์ (ก) พร้อมที่ดิน (ค) ห้องชุดสำหรับการอยู่อาศัยในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ทั้งนี้ เฉพาะสำหรับกรณีการทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งผู้มีเงินได้ใช้เป็นที่อยู่


32 อาศัยอันเป็นแหล่งสำคัญ โดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า หนึ่งปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ครอบครองในอสังหาริมทรัพย์นั้น ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดี กรมสรรพากรกำหนด 81. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล และบุคคลที่ถือว่า อยู่ในคณะทูต ตามความตกลง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ 82. ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการขาย แลกเปลี่ยน ให้โอนกรรมสิทธ์หรือสิทธิครอบครอง ใน อสังหาริมทรัพย์ให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล 83. ผู้มีเงินได้ที่ได้รับเงินได้พึงประเมินจากการขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (5) แห่งประมวลรัษฎากร และได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะไว้แล้ว 84. ผู้มีเงินได้ซึ่งอยู่ในประเทศไทย และได้รับเงินส่วนแบ่งของกองทุนรวมที่จัดตั้ง ตามพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และยอมให้ผู้จ่ายเงินได้นั้นหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่ง ประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ 85. ลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 48(3)(ก) และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึง ประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรประเภทเงินฝากประจำ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนด 86. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศ (2) ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากการฝากเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วย สหกรณ์ใน ประเทศ 87. เงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนแล้ว โดยให้ยกเว้นเท่าจำนวนเงินที่บริจาค ให้กองทุนปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 88. เงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินเท่าจำนวนเงินที่บริจาคในการจัดสร้างเครื่องทรง พระพุทธมหามณี รัตนปฏิมากร 89. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ หรือการประนอมหนี้ตามคำขอประนอมหนี้หรือแผนฟื้นฟูกิจการของ ลูกหนี้ที่ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอน ทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการและการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการดำเนินการ ตามคำขอประนอม หนี้หรือแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย 90. ภาษีเงินได้สำหรับเงินได้สุทธิจากการคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา48(1) เฉพาะส่วนที่ ไม่เกิน 150,000 บาทแรก สำหรับปีภาษีนั้น 91. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้าง หนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด


33 92. เงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการให้บริการ และการกระทำ ตราสารอัน เนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของ สถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 93. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของเจ้าหนี้อื่นซึ่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยนำหลักเกณฑ์ของสถาบัน การเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดมาใช้โดยอนุโลม 94. เงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการให้บริการ และสำหรับการกระทำตราสาร อันเนื่องมากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของเจ้าหนี้อื่นโดยนำหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน ที่ธนาคารแห่งประเทศ ไทยกำหนดมาใช้โดยอนุโลม 95. เงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามกฎหมายอื่นในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่ง ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ ดังต่อไปนี้ (1) เงินปันผลที่ได้รับจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งได้รับยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้นภาษีเงิน ได้นิติบุคคลนั้น 2) แห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น จากผู้ได้รับการส่งเสริมตามสัญญาที่ ได้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้มีกำหนดระยะเวลา 5 ปีนับ แต่วันที่ผู้ได้รับการส่งเสริมมีรายได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม 95. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเอกชน และการบริจาคอสังหาริมทรัพย์ ให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 ทั้งนี้สำหรับการโอน กรรมสิทธิ์ในที่ดินตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป 96. เงินได้จากการขายสุรากลั่นชุมชนของผู้ได้รับใบอนุญาตให้ทำสุรากลั่นชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยสุรา จำนวนไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้ทำสุรากลั่นชุมชนเฉพาะกรณีที่ได้รับ อนุญาตให้นำสุรากลั่นชุมชนกายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 97. เงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน เพื่อการปรับเปลี่ยนเทนอุปกรณ์เดิมเป็นจำนวนร้อยละ 25 ของค่าใช้จ่ายนั้น เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5 (6) (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากรโดยให้ยกเว้นตามส่วนเฉลี่ยเป็น จำนวนเงินเท่ากันของจำนวนเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี สำหรับระยะเวลา 5 ปีภาษี 98. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ สภากาชาดไทย 99. เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษีได้รับเฉพาะ ส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้น ทั้งนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป โดย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 100. เงินที่มีลักษณะเดียวกับบำเหน็จดำรงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการและ กฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งพนักงานการท่าเรือแห่ง ประเทศไทย พนักงานการรถไฟ แห่งประเทศไทย และพนักงานธนาคารออมสิน ได้รับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป โดยมีอัตรา


34 และวิธีการคำนวณเช่นเดียวกับบำเหน็จดำรงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกฎหมายว่า ด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญช้าราชการ 101. เงินได้ที่คณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยได้รับเพื่อประโยชน์ของโครงการทุน เล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ ศ. 2547 เป็นต้นไป 102. เงินได้จากการชายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามาฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งกระทำใน ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อชายล่วงหน้า เฉพาะกรณีที่ไม่มีการส่งมอบสินค้า ทั้งนี้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ ศ 2548 เป็นต้นไป (กฎกระทรวง 260 พ.ศ. 2549) 103. เงินได้เท่าที่มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกัน วินาศภัย ที่ ประกอบกิจการในราชอาณาจักรตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับการประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มี เงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ซึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ทั้งนี้ต้องเป็นเบี้ย ประกันภัยที่ได้จ่ายในปี พ.ศ. 2549 เป็นนไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด (กฎกระทรวง 263 พ.ศ.2550) 104. เงินได้เท่าที่นายจ้างจ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยที่ ประกอบกิจการในราชอาณาจักร สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มที่มีกำหนดเวลาไม่เกิน 1 ปี เฉพาะในส่วนที่ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับ (ก) ลูกจ้าง สามี ภริยา บุพการีหรือผู้สืบสันดานซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของลูกจ้างทั้งนี้เฉพาะ การรักษาพยาบาลในประเทศไทย (ข) ลูกจ้างในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศในขณะที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ ในต่างประเทศเป็นครั้งคราว ทั้งนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ 2549 เป็นต้นไป(กฎกระทรวง 263 พ.ศ. 2550) 105. เงินได้ของรัฐวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วน สามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งมีเงินได้ไม่เกิน 1,200,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้นทั้งนี้สำหรับเงินได้พึง ประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ 2553 และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด (กฎกระทรวง 266 พ.ศ. 2551) 106. การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวหรือที่ได้ จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ได้จ่ายไปใน ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน พ ศ 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) เป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (2) กรณีผู้มีเงินได้ซึ่งมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีมีคู่สมรส เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี (1) กรณีสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียวให้ยกเว้นภาษีให้แก่สามีหรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ตาม จำนวนที่ผู้มีเงินได้ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท


35 (2) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ โดยความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี และภริยาจะใช้ สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ก็ตาม ให้สามี หรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินคนละ 15,000 บาท ถ้าความ เป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษี ให้สามีภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตาม จำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคนละ 15,000 บาท - ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการรับเงินจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวหรือผู้ประกอบ ธุรกิจโรงแรม โดยระบุชื่อผู้มีเงินได้ จำนวนเงิน วัน เดือนปี ที่จ่ายเงิน - การได้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธินำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไป คำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร หลังจากหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา 42 ทวิ ถึง มาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด(ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร) เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 187) 107. การยกเว้นเงินได้ที่ผู้มีเงินได้เป็นคนพิการ ผู้มีเงินได้เป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นผู้อยู่ในไทยและอายุไม่เกิน 65 ปี บริบูรณ์ ในปีภาษีได้รับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ได้รับยกเว้นเงินได้จำนวนเงิน 190,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวสามารถใช้สิทธิหักจากเงินได้ประเภทใดก็ได้ แต่ สิทธิทั้งหมดรวมกันแล้วต้องไม่เกินคนละ 190,000 บาท ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงิน ได้ (ฉบับที่ 197)) 108. การยกเว้นเงินได้สำหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น เงิน ได้ที่รับยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากร ได้รับยกเว้นเฉพาะส่วนที่เท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่ได้ลงทะเบียนแจ้ง รายการหรือมูลค่าความเสียหายไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ทั้งนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 207) 109. การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดเพื่อเป็น ที่อยู่อาศัย ยกเว้นภาษีเงินได้เท่าจำนวนเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์แต่ไม่เกินร้อยละสิบของมูลค่า อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000,000 บาท และต้องเป็นการ ซื้อและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นในระหว่างวันที่ 21 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน หรือไม่มีชื่อเป็นหรือเคยเป็นเจ้าบ้าน ในทะเบียนบ้านที่ใช้เป็นหลักฐาน และต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีครั้งแรกภายใน 5 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์ และต้องใช้สิทธิเป็นเวลา 5 ปีภาษีต่อเนื่องกัน โดยให้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละปีภาษี ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตังแต่วันที่ 21 กันยายน 2554 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้(ฉบับที่ 213))


36 สรุปเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรมสรรพากรยกเว้นภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 162 และยกเว้นตามพระ ราชกฤษฎีกา ให้ผู้มีเงินได้นำเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษีไปหักออกจากเงินได้พึงประเมินก่อนนำไปหักค่าใช้จ่ายและ ค่าลดหย่อน


37 1. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 มีกี่ประเภท อะไรบ้าง แบบฝึกทักษะที่ 2.1


38 คำชี้แจง : ให้นักเรียนระบุว่าเงินได้พึงประเมินต่อไปนี้ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น หรือ เงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้รับการยกเว้น โดยทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องที่กำหนดให้ถูกต้อง ลำ ดับ รายการ เงินได้พึง ประเมินที่ได้รับ การยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้ รับการยกเว้น 1 นายกชกร ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง อายุการทำงาน 8 ปี ใน ระหว่างที่ได้รับอุบัติเหตุ ได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายว่า ด้วยการคุ้มครองแรงงาน เป็นเงิน 150,000 บาท 2 นางอุรัศยาได้รับเครื่องแบบพนักงานจากโรงงานที่นาง อุรัศยาทำงานอยู่ปีละ 4 ชุด มูลค่าชุดละ 1,500 บาท และ เสื้อนอกจำนวน 1 ตัว มูลค่า 800 บาท 3 นางสาวแพรวา นักเรียนระดับชั้น ปวช.2 ได้รับรางวัล ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ซึ่งจัดโดย สถาบันการศึกษาของรัฐบาล เป็นเงิน 10,000 บาท 4 นายทักษิณโอนบ้านพักตากอากาศมูลค่า 10 ล้านบาท ให้กับนางสาวแพรพรรณ ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย เนื่องในโอกาสที่นางสาวแพรพรรณสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญา 5 นางเบญจาได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นเงิน 5,600 บาท 6 นายย้งได้รับบำเหน็จตกทอดจำนวน 550,000 บาท เนื่องจากนายยันต์ผู้เป็นบิดาซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ ถึงแก่กรรม 7 นายอนุทินมอบเช็คของขวัญมูลค่า 15 ล้านบาท ให้ นางสาว อินทิรา ซึ่งเป็นลูกจ้างในโอกาสที่นางสาวอินทิราเข้าพิธี มงคลสมรส 8 นายวินิจ อายุ 72 ปี ได้รับบำนาญ ทั้งปี จำนวน 187,000 บาท แบบฝึกทักษะที่ 2.2


39 ลำ ดับ รายการ เงินได้พึง ประเมินที่ได้รับ การยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ไม่ได้ รับการยกเว้น 9 นายแจ็คได้รับสินบนรางวัลจากสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง จำนวน 20,000 บาท เนื่องจากช่วยชี้เบาะแสกระทำผิด ของบุคคลที่จำหน่ายสารเสพติด จนตำรวจจับได้ 10 นายณัฐวุฒิมีอาชีพทำนา มีเงินได้จากการขายข้าวจำนวน 140,000 บาท 11 นางสาวรุจิราเป็นนักร้องอาชีพ ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก การประกวดร้องเพลงไทยสากล ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ แห่งหนึ่ง เป็นเงิน 100,000 บาท 12 นายกัมปนาทเป็นพนักงานขาย ได้รับเบี้ยเลี้ยง จำนวน 7,000 บาท จากการเดินทางไปประชาสัมพันธ์สินค้าที่ จังหวัดนครพนมเป็นเวลา 7 วัน 13 นางสาวศิริวรรณได้รับรางวัลสลากออมทรัพย์ของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรรณ์ เป็นเงิน 27,000 บาท 14 ครูเศรษฐา เป็นครูโรงเรียนเอกชนได้รับเงินจากกองทุน สงเคราะห์ตามกฎหมาย เนื่องจากออกจากงานเพราะเหตุ สูงอายุ เป็นเงิน 180,000 บาท 15 อาจารย์กัญญาพัชรได้รับค่าสอนจำนวน 5,000 บาท สำหรับการสอนนักศึกษา จำนวน 5 ชั่วโมง จาก มหาวิทยาลัยของรัฐ


คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ข้อใดถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ก. นางมุกดาได้รับเงินค่าพาหนะในการเดินทางไปราชการ ข. นางสาวจินดาเป็นชาวนานำข้าวที่ได้จากการกสิกรรมของตนเองไปขาย ค. นางสาวเกศิณีได้รับเงินปันผลจากบริษัท เอกราช จำกัด ง. นายกิตติได้รับเงินค่าเช่าบ้านจากรัฐวิสาหกิจ 2. เงินได้พึงประเมินตามกฎหมายประมวลรัษฎากรมีกี่ประเภท ก. 5 ประเภท ข. 6 ประเภท ค. 7 ประเภท ง. 8 ประเภท 3. นายประวิตรมีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างเฉพาะค่าแรง ไม่รวมค่าวัสดุก่อสร้าง เป็นเงินได้ พึงประเมินประเภทใด ก. ประเภทที่ 1 ข. ประเภทที่ 2 ค. ประเภทที่ 3 ง. ประเภทที่ 4 4. นางสาวอรกัญญา มีเงินได้จากค่าความนิยม ถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใด ก. ประเภทที่ 1 ข. ประเภทที่ 2 ค. ประเภทที่ 3 ง. ประเภทที่ 4 5. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ เป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใด ก. ประเภทที่ 1 ข. ประเภทที่ 2 ค. ประเภทที่ 3 ง. ประเภทที่ 4 6. ข้อใดคือเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 หรือมาตรา 40(5) ก. นายสมชายมีเงินได้จากการให้เช่าที่ดินเพื่อทำไร่อ้อย ข. นางสาวกมลลักษณ์ ได้รับค่านายหน้าจากการเป็นนายหน้าขายรถยนต์ ค. นายศิธา ได้รับเงินค่าตอบแทนจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน ง. นายแพทย์บริบูรณ์ เปิดคลินิกเพื่อรักษาโรคทั่วไป แบบทดสอบหลังเรียน สอนครั้งที่ 2-3 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 2 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เงินได้พึงประเมิน และเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น จำนวน 10 ชม.


41 7. นายสนิทมีเงินจากการให้เช่าแพ เป็นเงินได้ประเภทใด ก. ประเภทที่ 4 ข. ประเภทที่ 5 ค. ประเภทที่ 6 ง. ประเภทที่ 7 8. ข้อใดไม่ใช่เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ก. เงินได้จากการเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไป ข. เงินได้จาการตรวจสอบบัญชี ค. เงินได้จากการว่าความ ง. เงินได้จากการทำเหมืองแร่ 9. นางจริงใจ มีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ผู้รับจ้างจัดหาวัสดุก่อสร้างเอง เป็นเงินได้ พึงประเมินตามมาตราใด ก. มาตรา 40 (5) ข. มาตรา 40 (6) ค. มาตรา 40 (7) ง. มาตรา 40 (8) 10. ข้อใดเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 หรือเงินได้ตามมาตรา 40(8) ก. นายมงคลมีเงินได้จากการเลี้ยงปลาทับทิม ข. นายสมรักษ์มีเงินได้จากค่าเช่าที่นาที่ได้รับเป็นข้าวเปลือก ค. นายแพทย์ทวีมีเงินได้จากการเปิดคลินิกรักษาโรคฟัน ง. นายปอนด์ได้รับค่าจ้างจากการรับเหมาก่อสร้างบ้านพักอาศัย


42 ให้นักเรียนนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน มาสรุปผลการประเมินหลังเรียนจบ หน่วยที่ 2 ว่าจะอยู่ในระดับใด แบบทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อละ 1 คะแนน ระดับคะแนนที่ได้ ดีมาก (9-10 คะแนน) ดี (7- 8 คะแนน) พอใช้ (5- 6 คะแนน) ปรับปรุง (1- 4 คะแนน) สรุปผล ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ที่ 2


คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. เงินได้จากการให้เช่าบ้านในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เท่าใด ก. ร้อยละ 10 ข. ร้อยละ 15 ค. ร้อยละ 20 ง. ร้อยละ 30 2. นายทักษาทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งได้รับเงินเดือน ๆ ละ 25,000 บาท นายทักษาจะมีเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายเท่าใด ก. 150,000 บาท ข. 180,000 บาท ค. 200,000 บาท ง. 60,000 บาท 3. การหักค่าใช้จ่ายตามอัตราร้อยละของเงินได้พึงประเมิน เรียกว่าอะไร ก. การหักค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ข. การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ค. การหักค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริง ง. การหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร 4. เงินได้จากการให้เช่าที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรมในกรณีที่เจ้าของเป็นผู้ให้เช่ากฎหมายยอมให้ หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เท่าใด ก. ร้อยละ 10 ข. ร้อยละ 15 ค. ร้อยละ 20 ง. ร้อยละ 30 5. เงินได้เพิ่งประเมินตามมาตรา 40 (1) และมาตรา 40 (2) นอกจากเงินที่ไหนจ้างจ่ายให้ครั้งเดียว เพราะเหตุออกจากงาน ให้หักค่าใช้จ่ายอย่างไร ก. ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ข. ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ค. ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ง. ร้อยละ 40 แบบทดสอบก่อนเรียน สอนครั้งที่ 4-5 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 3 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ช.ม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้การหักค่าใช้จ่าย จำนวน 10 ช.ม.


44 6. เงินได้พึงประเมิน มาตรา 40 (4) กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายได้เท่าใด ก. ร้อยละ 30 ข. ร้อยละ 20 ค. ร้อยละ 15 ง. หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ 7. เงินได้จากการเป็นทนายความ ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เท่าใด ก. ร้อยละ 10 ข. ร้อยละ 20 ค. ร้อยละ 30 ง. ร้อยละ 60 8. เงินได้ที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละเท่าใด ก. ร้อยละ 30 แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ข. ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ค. ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ง. หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ 9. เงินมาได้จากการผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เท่าใด ก. ร้อยละ 10 ข. ร้อยละ 20 ค. ร้อยละ 30 ง. ร้อยละ 60 10. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้อัตราเท่าใด ก. ร้อยไม่ละ 40 ข. ร้อยละ 20 ค. ร้อยละ 30 ง. ร้อยละ 40 และ 60


Click to View FlipBook Version