95 2. การยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีด้วยตนเอง ตามแบบ ภ.ง.ด.94 และ ภ.ง.ด.90 ตัวอย่าง ในปีภาษี 2565 นายมุ่งมั่น แสนยินดีรับราชการได้รับเงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท จ่ายเงินสะสมเข้า กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เดือนละ 900 บาท มีเงินได้เป็นค่ารับเหมาก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 400,000 บาท และเดือนสิงหาคม 500,000 บาท นายมุ่งมั่นมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย คือ นางจริงใจ ไม่มีเงิน ได้ มีบุตร 2 คน คนที่ 1 เกิดปี 2560 คนที่ 2 เกิดในปี 2562 และนายมุ่งมัน ได้อุปการะเลี้ยงดูบิดาของนางจริงใจ อายุ 70 ปี ไม่มีเงินได้(มีแบบ ล.ย.04) จงคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี และสิ้นปีของนายมุ่งมั่น คำตอบการคำนวณภาษีครึ่งปีของนายมุ่งมั่น ขั้นที่ 1 การคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ มาตรา 40(7) เงินได้ค่ารับเหมาก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 400,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 60 240,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 160,000 หัก ค่าลดหย่อน -ผู้มีเงินได้ 30,000 -คู่สมรส 30,000 -บุตรคนที่ 1 15,000 -บุตรคนที่ 2 เกิดในปี 2562 30,000 -อุปการะเลี้ยงดูบิดาคู่สมรส 15,000 120,000 เงินได้สุทธิ 40,000 ดังนั้นนายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 1 เพราะมีเงินได้ไม่ถึง 150,000 บาทแรก ขั้นที่ 2 การคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 400,000 ภาษีวิธีที่ 2 = (400,000 x 0.5%) = 2,000 บาท นายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 2 เพราะได้รับการยกเว้นภาษีไม่เกิน 5,000 บาท ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบวิธีที่ 1 = 0 บาท กับวิธีที่ 2 = 0 บาท ดังนั้นนายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีครึ่งปีแต่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีด้วย คำตอบการคำนวณภาษีสิ้นปีของนายมุ่งมั่น การคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ เงินได้จากเงินเดือน (50,000 x 12) 600,000 หัก เงินสะสมเข้ากองทุน กบข. (900 x 12) 10,800 คงเหลือ 589,200 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 100,000 529,200 (1) เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง (400,000 + 500,000) 900,000
96 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 60 540,000 360,000 (2) รวมเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 889,200 หัก ค่าลดหย่อน -ผู้มีเงินได้ 60,000 -ผู้มีเงินได้ 60,000 -บุตรคนที่ 1 30,000 -บุตรคนที่ 2 เกิดในปี 2562 60,000 -อุปการะเลี้ยงดูบิดาคู่สมรส 13,000 223,000 เงินได้สุทธิ 666,200 เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี - เงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 5% 7,500 เงินได้สุทธิ 200,000 บาท เสียภาษี 10% 20,000 เงินได้สุทธิ 166,200 บาท เสียภาษี 15% 24,930 ภาษีวิธีที่ 1 52,430 ขั้นที่ 2 การคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 900,000 ภาษีวิธีที่ 2 (900,000 x 0.5%) = 4,500 บาท ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบภาษีวิธีที่ 1 = 52,430 บาท กับภาษีวิธีที่ 2 = 4,500 บาท ดังนั้นนายมุ่งมั่นต้องเสียภาษีวิธีที่ 1 52,430 หัก ภาษีครึ่งปี 0 นายมุ่งมั่นต้องเสียภาษีเพิ่ม 52,430
97 การกรอกแบบ ภ.ง.ด.94 ดังนี้
98
99 การกรอกแบบ ภ.ง.ด.90 ดังนี้
100
101
102
103
104 รูปที่ 7.1 : กรมสรรพากร ที่มา:https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_8.pdf รูปที่ 7.2 : กรมสรรพากร ที่มา : https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_10.pdf สถานที่ยื่นแบบ การขอผ่อนชำระภาษี
105 รูปที่ 7.3 : กรมสรรพากร ที่มา : https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_10.pdf บทกำหนดโทษ
106 1. แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ 1.1 แบบ ภ.ง.ด.90 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินที่มีเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 1-8 1.2 แบบ ภ.ง.ด.91 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้จาการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว 1.3 แบบ ภ.ง.ด.92 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยข้อมูลในระบบคอมพิวเตย์ 1.4 แบบ ภ.ง.ด.93 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับใช้ยื่นก่อนถึงกำหนดเวลายื่น แบบแสดงรายการภาษี 1.5 แบบภ.ง.ด.94 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี สำหรับผู้มีเงินได้ตามมาตรา40 (5) (6) (7) (8) แห่งประมวลรัษฎากร 1.6 แบบ ภ.ง ด.95 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับคนต่างด้าวผู้มีเงินได้ 2. สถานที่ยื่นแบบ ยื่นแบบผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเว็บไซด์ www.rd.go.th หรือแบบยื่นแบบได้ที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ 3. การขอผ่อนชำระภาษี หากมีภาษีที่ต้องชำระจำนวนตั้งแต่ 3,00 บาทขึ้นไป ผู้เสียภาษีสามารถขอผ่อนชำระภาษี ได้เป็น 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม โดยใช้แบบ บ.ช.35 4. บทกำหนดโทษ ความรับผิดทางแพ่งและความรับผิดทางอาญา สรุป
107 คำชี้แจง ให้นักเรียนนำตัวอักษรหน้าข้อความทางขวามือมาใส่หน้าข้อที่มีความหมายตรงกัน 1. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินประเภทต่าง ๆ ที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีไม่มีสามีหรือภริยา 2. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีไม่มีสามีหรือภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว 3. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินประเภทต่าง ๆ ที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีมีสามีหรือภริยา 4. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีมีสามีหรือภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว 5. แบบแสดงรายการสำหรับผู้มีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว 6. แบบแสดงรายการสำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญ 7. แบบแสดงรายการเฉพาะเงินได้ประเภทที่ 1 ยื่นแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 8. แบบแสดงรายการสำหรับยื่นภาษีก่อนถึงกำหนด เวลายื่นแบบ 9. แบบแสดงรายการสำหรับภาษีครึ่งปี 10. การผ่อนชำระภาษี กฎหมายให้ผ่อนเป็น 3 งวด เท่า ๆ กัน แต่ต้องมีภาษีจำนวนตั้งแต่ A. เกิน 100,000 บาท B. ภ.ง.ด. 90 C. ภ.ง.ด. 93 D. 3,000 บาทขึ้นไป E. เกิน 50,000 บาท F. ภ.ง.ด. 95 G. ภ.ง.ด. 94 H. เกิน 30,000 บาท I. 5,000 บาท J. ภ.ง.ด. 92 K. ภ.ง.ด. 91 L. เกิน 60,000 บาท แบบฝึกทักษะที่ 6.1
คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. สำหรับผู้ที่มีรายได้ที่มีหน้าที่ต้องชำระภาษีครึ่งปี จะต้องใช้แบบแสดงรายการชนิดใด ก. ภ.ง.ด. 90 ข. ภ.ง.ด. 91 ค. ภ.ง.ด. 93 ง. ภ.ง.ด. 94 2. ผู้ที่มีสามีหรือภรรยา มีเงินได้จากการจ้างแรงงานเพียงประเภทเดียว สามีและภรรยาจะต้องมีเงิน ได้รวมกันเท่าใด จึงจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ก. 50,000 บาท ข. เกิน 60,000 บาท ค. 100,000 บาท ง. เกิน 120,000 บาท 3. สำหรับผู้มีเงินได้ที่มีเงินได้หลายประเภทจะต้องใช้แบบรายการชนิดใด ก. ภ.ง.ด. 90 ข. ภ.ง.ด. 91 ค. ภ.ง.ด. 93 ง. ภ.ง.ด. 94 4. ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 จะต้องยื่นแบบตามข้อใด ก. ไม่เกินสิ้นเดือนมกราคมปีถัดไป ข. ไม่เกินสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดไป ค. ไม่เกินสิ้นเดือนมีนาคมปีถัดไป ง. ไม่เกินสิ้นเดือนเมษายนปีถัดไป 5. กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีภายในเวลาที่กำหนด และเจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินภาษี ตามที่เห็นว่าถูกต้อง ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดตามข้อใด ก. เสียเบี้ยปรับ 1 เท่า และเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน ข. เสียเบี้ยปรับ 2 เท่า และเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน ค. เสียเบี้ยปรับ 1 เท่า และเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน ง. เสียเบี้ยปรับ 2 เท่า และเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.75 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน 6. ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 (ภาษีครึ่งปี) จะต้องยื่นแบบตามข้อใด ก. ไม่เกินสิ้นเดือนกรกฎาคมในปีภาษีนั้น ข. ไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคมในปีภาษีนั้น ค. ไม่เกินสิ้นเดือนกันยายนในปีภาษีนั้น ง. ไม่เกินสิ้นเดือนตุลาคมในปีภาษีนั้น แบบทดสอบหลังเรียน สอนครั้งที่11-13 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 6 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 15 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้การจัดทำและยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จำนวน 15 ชม.
109 7. การขอชำระภาษีเป็น 3 งวด ๆ ละเท่า ๆ กันได้นั้น ผู้มีเงินได้จะต้องมีภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่จำนวน เท่าใด ก. 2,000 บาท ข. 3,000 บาท ค. 4,000 บาท ง. 5,000 บาท 8. นายกมลมีเงินได้จากเงินเดือนและการให้เช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ต้องใช้ ภ.ง.ด. ตามข้อใดในการยื่นแบบ แสดงรายการเพื่อเสียภาษี ก. ภ.ง.ด.90 ข. ภ.ง.ด.91 ค. ภ.ง.ด.92 ง. ภ.ง.ด.93 9. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสถานที่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก. ผู้เสียภาษีต้องยื่นแบบแสดงรายการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ผู้เสียภาษีมีภูมิลำเนาอยู่ ข. ผู้เสียภาษีต้องยื่นแบบแสดงรายการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ผู้เสียภาษีมีเงินได้เกิดขึ้น ค. ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบแสดงรายการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ ง. ผู้เสียภาษีต้องยื่นแบบแสดงรายการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ 10. กรณีขอคืนภาษีภายหลังการยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีต้องยื่นแบบขอคืนภาษีตามข้อใด และภายใน ระยะเวลากี่ปีนับแต่วันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นรายการภาษีตามที่กฎหมายกำหนด หรือนับแต่วันที่ยื่น รายการ เสียภาษี ก. ยื่นแบบ ค.10 ภายในเวลา 1 ปี ข. ยื่นแบบ ค.10 ภายในเวลา 2 ปี ค. ยื่นแบบ ค.10 ภายในเวลา 3 ปี ง. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ภายในเวลา 2 ปี
110 ให้นักเรียนนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน มาสรุปผลการประเมินหลังเรียนจบ หน่วยที่ 6 ว่าจะอยู่ในระดับใด แบบทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อละ 1 คะแนน ระดับคะแนนที่ได้ ดีมาก (9-10 คะแนน) ดี (7- 8 คะแนน) พอใช้ (5- 6 คะแนน) ปรับปรุง (1- 4 คะแนน) สรุปผล ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ที่ 6
คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการหักภาษี ณ ที่จ่าย ก. เพื่อเป็นการกระจายรายได้และบรรเทาภาระในการชำระเงินภาษีของผู้มีเงินได้ ข. เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอและเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ค. เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอและลดการหลีกเลี่ยงภาษีของผู้มีเงินได้ ง. ถูกทุกข้อ 2. ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายคือบุคคลตามข้อใด ก. นายอมรจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้ธนาคารทหารไทย จำกัด 20,000 บาท ข. กรมสรรพากรจ่ายค่าซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ให้นายสุเทพ 3,000 บาท ค. บริษัท ไทยรุ่งเรือง จำกัด จ่ายค่าเช่าอาคารให้นางสาวศรีรัตน์ 5,000 บาท ง. นางสาวศิรินภาจ่ายเงินซื้อสินค้าจากมูลนิธิสายใจไทย 3. นางสาวสุดสวยได้รับเงินเดือนเดือนละ 44,000 บาท ระหว่างปีได้จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตนเองให้บริษัท เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด 25,000 บาท ได้อุปการะเลี้ยงดูบิดาอายุ 72 ปี ซึ่งไม่มีเงินได้จ่ายเงินสะสมเข้า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง นางสาวสุดสวยถูกหัก ภาษี ณ ที่จ่ายเดือนละเท่าไร ก. 531.66 ข. 876.66 ค. 1,013.33 ง. ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากเงินได้พึงประเมินไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 4. นายสรพงษ์ทำงานมานาน 33 ปีได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 50,000 บาท ออกจากงานได้รับเงินบำเหน็จ 1,650,000 บาท นายสรพงษ์ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 50,000 บาท ข. 58,925 บาท ค. 66,425 บาท ง. 68,450 บาท 5. บริษัท เอไอเอส จำกัด จ่ายเงินค่าโฆษณาให้หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 800,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 8,000 บาท ข. 16,000 บาท 3. 40,000 บาท ง. 80,000 บาท แบบทดสอบก่อนเรียน สอนครั้งที่ 14-15 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 7 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและการบันทึกบัญชี จำนวน 10 ชม.
112 6. กระทรวงกลาโหมจ่ายเงินซื้ออาวุธปืนให้บริษัท ปืนไทย จำกัด 2,000,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 20,000 บาท ข. 40,000 บาท ค. 100,000 บาท ง. 200,000 บาท 7. ข้อใดคือหน้าที่ของผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ก. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และนำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทันทีทุกครั้ง ข. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และนำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทุกวันสิ้นเดือน ค. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 2 ฉบับข้อความ ตรงกัน ให้ผู้ถูกหักภาษี ง. หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทันทีทุกครั้ง 8. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความรับผิดของผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ก. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่ง ผู้มีเงินได้ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้หักและนำส่งนั้น ข. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษีณที่จ่ายและนำส่ง ผู้จ่ายเงินและผู้มีเงินได้ต้องรับผิดร่วมกันในจำนวนเงินที่มิได้ หักและนำส่งนั้น ค. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่ง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้หักและนำส่งนั้น ง. หากผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่มิได้นำเงินส่ง ผู้มีเงินได้ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้นำส่งนั้น 9. การหักภาษีณที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 ต้องใช้แบบแสดงรายการใดและยื่นรายการใน กำหนดเวลาตามข้อใด ก. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ข. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการภายในวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ค. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ง. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1ก ยื่นรายการภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษีที่มีการหักภาษีณ ที่จ่าย 10. กฎหมายกำหนดให้ผู้ถูกหักภาษีณที่จ่ายที่ถูกหักภาษีไว้เกินจำนวนเงินที่ควรต้องเสียภาษี ยื่นคำร้องต่อเจ้า พนักงานประเมินเพื่อขอคืนภาษีภายในกำหนดเวลาตามข้อใด ก. ภายในปีภาษีที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ข. ภายใน 1 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ค. ภายใน 1 เดือนนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ง. ภายใน 3 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2. เพื่อให้มีทักษะการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 3. เพื่อให้มีทักษะในการบันทึกบัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 4. ตระหนักในคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้อง 2. แสดงการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้อง 3. แสดงการบันทึกบัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้อย่างถูกต้อง 4. มีความขยัน รับผิดชอบ และความสามัคคีในการปฏิบัติงานร่วมกัน สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2. คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 3. บันทึกบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย เนื้อหา ใบความรู้หน่วยที่ 7 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการบันทึกบัญชี วิธีการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล ผู้ จ่ายเงินได้พึ่งประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกครั้งที่จ่ายเงินได้พึ่งประเมิน และนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายดังกล่าวส่งให้แก่รัฐบาลภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน วัตถุประสงค์ของการหักภาษีณ ที่จ่าย 1. เพื่อบรรเทาภาระในการชำระเงินภาษีของผู้มีเงินได้ 2. เพื่อให้มีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอ 3. เพื่อลดการหลีกเลี่ยงภาษี
114 เงินได้พึ่งประเมิน (จำนวนที่จ่ายแต่ละครั้ง x จำนวนครั้งที่จ่ายใน 1 ปี) หัก ค่าใช้จ่าย เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ บุตรศึกษา อุปการะเลี้ยงดูบิดา/ มารดา อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/คนทุพพลภาพ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาผู้มีเงินได้/คู่สมรส เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างอาคารอยู่อาศัย เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ คำนวณภาษี คำนวณภาษีตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีที่คำนวณได้ หาร จำนวนครั้งที่ต้องจ่ายใน 1 ปี ผลลัพธ์ คือภาษีหัก ณ ที่จ่าย xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย คือ บุคคลที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นรายกรณี ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร 1. การหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให้นำเงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่ละคราวคูณด้วยจำนวนคราวที่จะต้องจ่าย เพื่อให้ได้จำนวนเงินเสมือน หนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี แล้วคำนวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจำนวน คราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้ตามมาตรา 40 (1) และ (2)
115 แผนภูมิแสดงการคำนวณหัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 เงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่ละ ครั้ง คูณ จำนวนครั้งที่ต้องจ่าย ใน 1 ปี หักค่าใช้จ่ายตามอัตราที่ กฎหมายกำหนด หักค่าลดหย่อนตาม สิทธิ เงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ภาษีที่คำนวณได้หาร จำนวนครั้งที่ต้องจ่ายใน1ปี ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนเงิน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4 6 ตัวอย่าง บริษัท มายา จำกัด คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนพนักงาน 2 คน ตาม รายละเอียดดังนี้ 1. นางสาวคนดีได้รับเงินเดือนเดือนล 25,000 บาท โดยแจ้งข้อมูลเพื่อใช้สำหรับการหัก ค่าลดหย่อนดังนี้ อุปการะเลี้ยงดูมารดาอายุ 65 ปีซึ่งไม่มีเงินได้ จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตนเองซึ่งเข้าเกณฑ์การหักคำลดหย่อนปีละ 20,000 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง 2. นายสมศักดิ์ประวิทย์ได้รับเงินเดือนเดือนละ 80,000 บาท โดยแจ้งข้อมูลเพื่อใช้สำหรับการหักค่าลดหย่อนดังนี้ มีภริยาซึ่งไม่มีเงินได้มีบุตรผู้เยาว์กำลังศึกษา 2 คน จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตนเองซึ่งเข้าเกณฑ์การหักคำลดหย่อน ปีละ 120,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเข้าเกณฑ์การหักคำลดหย่อนปีละ 47,500 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง • การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนค่าจ้าง
116 การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของนางสาวคนดี 40 (1) นางสาวคนดีมีเงินได้จากเงินเดือน (25,000 x 12) หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ อุปการะเลี้ยงดูมารดา เบี้ยประกันชีวิตผู้มีเงินได้ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ คำนวณภาษี เงินได้สุทธิ72,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นบริษัท มายาจำกัด จึงไม่ต้องหักภาษีณ ที่จ่าย จากนางสาวคนดี 300,000 100,000 200,000 60,000 30,000 20,000 9,000 9,000 128,000 72,000 การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของนายสมศักดิ์ 40 (1) นายสมศักดิ์มีเงินได้จากเงินเดือน (80,000 x 12) หัก เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี คงเหลือเงินได้พึ่งประเมินประเภทที่ 1 ที่ต้องนำไปคำนวณภาษี หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ ภริยา บุตรศึกษา 2 คน (30,000 x 2) เบี้ยประกันชีวิตผู้มีเงินได้ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ 960,000 18,800 941,000 100,000 841,200 60,000 60,000 60,000 100,000 47,500 10,000 9,000 346,500 494,700
117 แผนภูมิแสดงการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้พึงประเมินประเภทที่1 และ 2 ที่ นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ตัวอย่าง กรณีจ่ายเงินบำเหน็จตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญ นายโอภาสทำงานมานาน 30 ปี ออกจากงานได้รับเงินบำเหน็จ 1,200,000 บาท นายโอภาสได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนออกจากงาน 40,000 บาท ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ นายโอภาสได้รับเงินบำเหน็จ (40,000 x 30) หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x 30) คงเหลือ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (990,000 x 50%) เงินบำเหน็จที่ต้องนำไปคำนวณภาษี คำนวณภาษี เงินได้สุทธิ 300,000 บาท แรก เสียภาษี 5% เงินได้สุทธิ 195,000 บาท ที่เหลือ เสียภาษี 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ 1,200,000 210,000 990,000 450,000 495,000 15,000 19,500 34,500 เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน กำหนดหักค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x จำนวนปีที่ทำงาน) เหลือเท่าใดหักค่าใช้จ่าย ส่วนที่สองอีกร้อยละ 50 ของเงินที่เหลือ เงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคละธรรมดา ผลลัพธ์ที่ได้คือ จำนวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4
118 การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ กรณีใช้วิธีการคำนวณต่างจากกฎหมายว่า ด้วยบำเหน็จบำนาญ มีขั้นตอนดังนี้ 1. เปรียบเทียบเงินเดือนเดือนสุดท้ายกับเงินเดือนถัวเฉลี่ย 12 เดือนสุดท้าย บวกร้อยละ 10 ของเงินเดือนถัว เฉลี่ย แล้วเลือกจำนวนที่น้อยกว่าไปใช้คำนวณเงินบำเหน็จ - เงินเดือนเดือนสุดท้าย 40,000 - เงินเดือนถัวเฉลี่ย + 10% ของเงินเดือนถัวเฉลี่ย (35,000 x 9) + (40,000 x 3) = 36,250 + 10% ของ 36,250 39,875 บาท 12 ดังนั้นเลือกเงินเดือนถัวเฉลี่ย 39,875 มาใช้คำนวณเงินบำเหน็จ แผนภูมิแสดงการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่1 และ 2 ที่นายจ่างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานกรณีจ่ายทั้งเงินบำเหน็จและ เงินบำนาญ เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน หักค่าใช้จ่ายส่วนแรก (3,500 x จำนวนปีที่ทำงาน) เหลือเท่าใดหักค่าใช้จ่าย ส่วนที่สองอีกร้อยละ 50 ของเงินที่เหลือ เงินได้สุทธินำไปคำนวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคละธรรมดา ผลลัพธ์ที่ได้คือ จำนวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4 กรณีใช้วิธีต่างจากกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญ ตัวอย่าง นายพงษ์พัฒน์ทำงานมานาน 20 ปี ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ได้รับเงินที่นาย จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน 800,000 บาท นายพงษ์พัฒน์ได้รับเงินเดือน เดือนมกราคมกันยายนเดือนละ 35,000 บาท และระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมเดือนละ 40,00 บาท ให้คำนวณภาษี เงินได้หัก ณ ที่จ่าย
119 2. เปรียบเทียบเงินบำเหน็จที่นายจ้างจ่ายให้และเงินบำเหน็จที่คำนวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ย แล้ว เลือกจำนวนที่ น้อยกว่าไปใช้คำนวณหาค่าใช้จ่าย - เงินบำเหน็จที่นายจ้างจ่ายให้ 800,000 บาท - เงินบำเหน็จที่คำนวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ย x จำนวนปีที่ทำงาน 797,500 บาท (39,875 x 20) ดังนั้นเลือกเงินบำเหน็จที่คำนวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ยไปใช้คำนวณหาค่าใช้จ่าย 3. คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ นายพงษ์เทพได้รับเงินบำเหน็จ 800,000 หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x 20) 140,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (797,500 -140,000) x 50% 328,750 468,750 เงินบำเหน็จที่ต้องนำไปคำนวณภาษี 331,250 คำนวณภาษี เงินได้สุทธิ300,000 บาท แรก เสียภาษี5% 15,000 เงินได้สุทธิ31,250 บาท ที่เหลือ เสียภาษี10% 3,125 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ 18,125 กรณีได้รับทั้งเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ นายบรรหารได้รับเงินบำเหน็จ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (3,500 x 35) คงเหลือ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (677,500 x 50%) เงินบำเหน็จที่ต้องนำไปคำนวณภาษี คำนวณภาษี เงินได้สุทธิ 300,000 บาท แรก เสียภาษี 5% เงินได้สุทธิ 38,750 บาท ที่เหลือ เสียภาษี 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบำเหน็จ 800,000 122,500 677,500 388,750 388,750 15,000 3,875 18,875 ตัวอย่าง นายอานนท์ทำงานมานาน 35 ปี ออกจากงานได้รับทั้งเงินบำเหน็จและเงินบำนาญ โดย ได้รับเงินบำเหน็จ 800,000 บาท ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
120 การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย - เงินปันผลที่จ่ายให้นายบวร 50,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (30,000 x 10%) เป็นเงิน - เงินปันผลที่จ่ายให้นางสาวศิรินุช 30,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (30,000 x 10%) เป็นเงิน - เงินปันผลที่จ่ายให้นางวรรณวดี45,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (45,000 x 10%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท สหสมัย จำกัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินปันผลที่ จ่ายให้นายบวร 5,000 บาท นางสาวศิรินุช 3,000 บาท และ นางวรรรณวดี4,500 บาท 5,000 3,000 4,000 การหักภาษีณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) ตัวอย่าง บริษัท สำนักพิมพ์กระดังงาจำกัด จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นางสาวเมวอน ชาวเกาหลี200,000 บาท การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าลิขสิทธิ์ที่จ่ายให้แก่นางสาวเมวอน 200,000 บาท คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 (200,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท สำนักพิมพ์กระดังงา จำกัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่านายหน้า ที่จ่ายให้ นางสาวเมวอนจำนวน 30,000 บาท 30,000 ตัวอย่าง บริษัท สหสมัย จำกัด จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 3 คน ดังนี้นายบวร 50,000 นางสาวศิรินุช 30,000 บาท นางวรรณวดี45,000 บาท ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
121 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ส.ค. 31 ค่าออกแบบก่อสร้างอาคาร 300,000 - เงินสด 255,000 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 45,000 - จ่ายเงินค่าออกแบบก่อสร้างอาคาร ก.ย. 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 45,000 - เงินสด 45,000 - นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตัวอย่าง บริษัท กว้างใหญ่จำกัด จ่ายค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดงสินค้าที่ประเทศลาว ให้บริษัท เอ็น เอที จำกัด ซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย 50,000 บาท ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การหักภาษีณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) และ (8) การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดงสินค้า 50,000 บาท คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 (50,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท กว้างไพศาล จำกัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดง สินค้าที่จ่ายให้บริษัท เอ็นเอทีจำกัด จำนวน 7,500 บาท 7,500 การคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าออกแบบก่อสร้างอาคารสำนักงาน 300,000 บาท คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 (300,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท สะแกกรัง จำกัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าออกแบบ ก่อสร้างอาคารที่จ่ายให้ บริษัท โนบุจำกัด จำนวน 45,000 บาท 45,000 ตัวอย่าง บริษัท สะแกกรัง จำกัด จ่ายค่าออกแบบก่อสร้างอาคารสำนักงานให้บริษัท โนบุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 300,000 บาท ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
122 ตัวอย่าง นายชาติไทย รับราชการเป็นเวลา 30 ปี ได้รับเงินเดือนก่อนออกจากงานเดือนละ 50,000 บาท ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 25x1 ได้รับเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 1,500,000 บาท นาย ชาติไทย จะเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินได้จากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังนี้ การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนายชาติไทย การคำนวณ เงินได้ที่จ่ายจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 1,500,000 หักค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนแรก(7,000 x 30) 210,000 เงินได้พึงประเมินส่วนที่เหลือ 1,290,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง(1,290,000x 50%) 645,000 เงินได้สุทธิ 645,000 คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าซึ่งจะไม่ได้สิทธิยกเว้น 150,000 บาทแรก ภาษีที่ต้องชำระ (300,000 x 5/100)+ (200,000 x 10/100)+ (145,000 x 15/100) 56,750 บาท การบันทึกบัญชี สมุดรายวันทั่วไป หน้า 5 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ก.ย. 30 เงินบำเหน็จ 1,500,000 - เงินสด 1,443,250 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 56,750 - จ่ายเงินบำเหน็จ ต.ค 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 56,750 - เงินสด 56,750 - นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย
123 ตัวอย่าง นายประดิษฐ์ทำงานมาเป็นเวลา 20 ปีขอลาออก ได้รับเงินจากนายจ้าง 500,000 บาท นายประดิษฐ์จะเสีย ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเท่าใด การเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนายประดิษฐ์ นายประดิษฐ์ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้าง 500,000 บาท ทำงานมา 20 ปี นายประดิษฐ์จะเลือกเสียภาษีเงินได้โดยไม่นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อย่างอื่น การคำนวณ เงินได้จากเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้าง 500,000 หักค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนแรก(7,000 x 20) 140,000 เงินได้พึงประเมินส่วนที่เหลือ 360,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง(360,000x 50%) 180,000 เงินได้สุทธิ 180,000 คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าซึ่งจะไม่ได้สิทธิยกเว้น 150,000 บาทแรก ภาษีที่ต้องชำระ( 180,000 x 5/100) = 9,000 บาท การบันทึกบัญชี สมุดรายวันทั่วไป หน้า 1 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ธ.ค. 31 เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 500,000 - เงินสด 491,000 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 9,000 - จ่ายเงินชดชยตามกฎหมายแรงงาน ม.ค. 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เงินสด นำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย 9,000 - 9,000 -
124 ตารางสรุปแบบการยื่นรายการแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แบบแสดง รายการ รายการและประเภทของเงินได้พึงประเมิน กำหนดเวลายื่น รายการและชำระภาษี ภ.ง.ด.1 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.2 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(3) และ (4) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.3 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.1ก แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจำปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ของปีถัดไป ภ.ง.ด.1ก พิเศษ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจำปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) กรณีมีการตั้งฎีกาเบิกเงินเฉพาะข้าราชการครูและ ลูกจ้างของส่วนราชการ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ของปีถัดไป ภ.ง.ด.2ก แบบยื่นรายการแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายประจำปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) และ(4) ภายในเดือนมกราคม ของปีถัดไป ภ.ง.ด.3ก แบบยื่นรายการแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายประจำปี สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)(6)(7)และ(8) ภายในเดือนมกราคม ของปีถัดไป
125 ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้ จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมิน และนำภาษีหัก ณ ที่จ่าย ดังกล่าว นำส่งให้แก่รัฐบาลภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน สรุป
126 คำชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากกรณีดังต่อไปนี้ 1. นายเจริญทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป นายเจริญ มีภริยาและบุตรผู้เยาว์กำลังศึกษา 1 คน บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเดือนละเท่าไร ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ................................ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................ .......................... ...................................................................................................................................................................................... 2. จากโจทย์ข้อ 1. นายเจริญ ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น เป็นเดือนละ 52,000 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป บริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายนายเจริญแต่ละเดือนเท่าไร ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนมิถุนายน นายเจริญจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเดือนละ 1,041.66 บาท ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ .............................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. ........................ ...................................................................................................................................................................................... แบบฝึกทักษะที่ 7.1
127 3. นางสาวดวงใจ เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 40,000 บาท เริ่มทำงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนางสาวสุดดวงใจเดือนละเท่าไร ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... 4. นายมีศักดิ์ ทำงานมาได้ 10 ปี ขอลาออกจากงานโดยได้รับเงินบำเหน็จ 240,000 บาท โดยบริษัทนายจ้าง ได้ คำนวณเงินบำเหน็จตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเดียวกับการคำนวณบำเหน็จบำนาญตามกฎหมาย ดังนั้น บริษัท จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายมีศักดิ์เป็นจำนวนเท่าไร ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ .............................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. ........................ ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... .
128 5. นายกนก ได้รับเงินเดือนจากบริษัท โชคชัยดีจำกัด ตั้งแต่เดือนมกราคม–มิถุนายน เดือนละ 36,000 บาทและตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม–ธันวาคม เดือนละ 40,000 บาท ได้ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ทำงานมาครบ 20 ปี ได้รับเงินบำเหน็จจำนวน 700,000 บาท บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายกนกเป็นจำนวนเงินเท่าไร ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ....... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ............................. ...................................................................................................................................................................................... 6. จากโจทย์ข้อ 5. ถ้าบริษัทโชคชัยดีจำกัด จ่ายเงินบำเหน็จให้นายกนกเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท บริษัท จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายกนกเป็นจำนวนเท่าไร ....................................................................................................................................................... ............................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .................................................................................. .................................................................................... ......................................................................................................................................................................................
ค ำสั่ง : จงเลือกค ำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพยีงค ำตอบเดียว(10 คะแนน) 1. นางสาวสุดสวยได้รับเงินเดือนเดือนละ 44,000 บาท ระหว่างปีได้จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตสำหรับตนเองให้บริษัท เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด 25,000 บาท ได้อุปการะเลี้ยงดูบิดาอายุ 72 ปี ซึ่งไม่มีเงินได้ จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน สำรองเลี้ยงชีพและเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง นางสาวสุดสวยถูกหักภาษี ณ ที่ จ่ายเดือนละเท่าไร ก. 531.66 ข. 876.66 ค. 1,013.33 ง. ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากเงินได้พึงประเมินไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 2. ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายคือบุคคลตามข้อใด ก. นายอมรจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้ธนาคารทหารไทย จำกัด 20,000 บาท ข. กรมสรรพากรจ่ายค่าซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ให้นายสุเทพ 3,000 บาท ค. บริษัท ไทยรุ่งเรือง จำกัด จ่ายค่าเช่าอาคารให้นางสาวศรีรัตน์ 5,000 บาท ง. นางสาวศิรินภาจ่ายเงินซื้อสินค้าจากมูลนิธิสายใจไทย 3. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการหักภาษี ณ ที่จ่าย ก. เพื่อเป็นการกระจายรายได้และทำให้รัฐบาลมีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอ ข. เพื่อเป็นการกระจายรายได้และบรรเทาภาระในการชำระเงินภาษีของผู้มีเงินได้ ค. เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอและเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ง. เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอและลดการหลีกเลี่ยงภาษีของผู้มีเงินได้ 4. บริษัท เอไอเอส จำกัด จ่ายเงินค่าโฆษณาให้หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 800,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 8,000 บาท ข. 16,000 บาท ค. 40,000 บาท ง. 80,000 บาท 5. นายสรพงษ์ทำงานมานาน 33 ปีได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 50,000 บาท ออกจากงานได้รับเงินบำเหน็จ 1,650,000 บาท นายสรพงษ์ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 50,000 บาท ข. 58,925 บาท ค. 66,425 บาท ง. 68,450 บาท แบบทดสอบหลังเรียน สอนครั้งที่14-15 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชี (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 7 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและการบันทึกบัญชี จำนวน 10 ชม.
130 6. ข้อใดคือหน้าที่ของผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ก. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และนำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทันทีทุกครั้ง ข. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และนำเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทุกวันสิ้นเดือน ค. หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน และออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 2 ฉบับข้อความ ตรงกัน ให้ผู้ถูกหักภาษี ง. หักภาษี ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งทันทีทุกครั้ง 7. กระทรวงกลาโหมจ่ายเงินซื้ออาวุธปืนให้บริษัท ปืนไทย จำกัด 2,000,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร ก. 20,000 บาท ข. 40,000 บาท ค. 100,000 บาท ง. 200,000 บาท 8. การหักภาษีณที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 ต้องใช้แบบแสดงรายการใดและยื่นรายการ ใน กำหนดเวลาตามข้อใด ก. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ข. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการภายในวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ค. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1 ยื่นรายการภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ง. ใช้แบบ ภ.ง.ด.1ก ยื่นรายการภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดจากปีภาษีที่มีการหักภาษีณ ที่จ่าย 9. กฎหมายกำหนดให้ผู้ถูกหักภาษีณที่จ่ายที่ถูกหักภาษีไว้เกินจำนวนเงินที่ควรต้องเสียภาษี ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงาน ประเมินเพื่อขอคืนภาษีภายในกำหนดเวลาตามข้อใด ก. ภายในปีภาษีที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ข. ภายใน 1 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ค. ภายใน 1 เดือนนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป ง. ภายใน 3 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งปีซึ่งได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินไป 10. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความรับผิดของผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย ก. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่ง ผู้มีเงินได้ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้หักและนำส่งนั้น ข. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษีณที่จ่ายและนำส่ง ผู้จ่ายเงินและผู้มีเงินได้ต้องรับผิดร่วมกันในจำนวนเงินที่มิได้ หัก และนำส่งนั้น ค. หากผู้จ่ายเงินมิได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่ง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้หักและนำส่งนั้น ง. หากผู้จ่ายเงินได้หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่มิได้นำเงินส่ง ผู้มีเงินได้ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่มิได้นำส่งนั้น
131 ให้นักเรียนนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน มาสรุปผลการประเมินหลังเรียนจบ หน่วยที่ 7 ว่าจะอยู่ในระดับใด แบบทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อละ 1 คะแนน ระดับคะแนนที่ได้ ดีมาก (9-10 คะแนน) ดี (7- 8 คะแนน) พอใช้ (5- 6 คะแนน) ปรับปรุง (1- 4 คะแนน) สรุปผล ............................................................................................................................. ......................................................... .................................................................................................................... .................................................................. แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ที่ 7
คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ภาษีมูลค่าเพิ่มหมายถึงข้อใด ก. ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าและบริการตามความสมัครใจของผู้บริโภค ข. ภาษีที่รัฐบาลบังคับจัดเก็บจากประชาชน จากสินค้าและบริการทุกขั้นตอน ค. ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าทุกขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่าย ตามความสมัครใจของผู้ประกอบการ ง. ภาษีที่จัดเก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าและบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิต การจำหน่าย หรือ การให้บริการ 2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือผู้ที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือบริการเกินเท่าใด ก. รายได้เกิน 1.0 ล้านบาท ข. รายได้เกิน 1.5 ล้านบาท ค. รายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ง. รายได้เกิน 2.00 ล้านบาท 3.การชำระภาษี e-Service สามารถชำระด้วยสกุลเงินบาทผ่านระบบใด ก. RSV ข. SVE ค. EVS ง. VES 4. แบบที่ใช้ในการยื่นเสียภาษี e-Service ข้อใดถูกต้อง ก. แบบ ภ.พ.01 ข. แบบ P.P.30.9 ค. แบบ ภ.พ.30 ง. แบบ PP.36 5. ใครเป็นผู้มีหน้าที่จัดเก็บภาษี e-Service ก. กรมศุลกากร ข. กรมสรรพากร ค. กรมสรรพสามิต ง. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 6. แพลตฟอร์มธุรกิจต่างประเทศที่ให้บริการออนไลน์ในประเทศไทยคือข้อใด ก. Agoda ข. IQIYI, ค. Slack ง. ถูกทุกข้อ แบบทดสอบก่อนเรียน สอนครั้งที่16-17 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 8 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 2001-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษี e-Service จำนวน 10 ชม.
133 7. อัตราภาษ e-Service จัดเก็บในอัตราร้อยละเท่าใด ก. ร้อยละ 3 ข. ร้อยละ 5 ค. ร้อยละ 7 ง. ร้อยละ 10 8. การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ข้อใดไม่ถูกต้อง ก. Facebook ข. Agoda ค. Netflix ง. ABCD 9. การคำนวณภาษี e-Service มีวิธีการคำนวณอย่างไร ก. โดยคำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออกใบกำกับภาษี ข. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีขาย-ภาษีซื้อ ค. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีซื้อ-ภาษีขาย ง. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีขาย+ภาษีซื้อ 10. การบังคับใช้ภาษี e-Service เริ่มบังคับใช้เมื่อใด ก. 1 มิถุนายน 2564 ข. 1 มิถุนายน 2565 ค. 1 กันยายน 2564 ง. 1 กันยายน 2565
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อให้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับภาษีe-Service 2. เพื่อให้เห็นคุณค่าของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของภาษี e-Service ได้อย่างถูกต้อง 3. บอกอัตราภาษีe-Service ได้อย่างถูกต้อง 4. มีความยัน รับผิดชอบ และความสามัคคีในการปฏิบัติงานร่วมกัน 5. ปฏิบัติงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สมรรถนะประจำหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษีe-Service เนื้อหา ภาษี e-Service ภาษี e-Service คือ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service) และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยถ้ามียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องนำส่ง VAT ให้ กรมสรรพากร ซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ โดยคำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออก ใบกำกับภาษี รูปที่ 8.1 การจัดเก็บภาษีe-Service ที่มา: https://www.thestorythailand.com/01/09/2021/40474/ ใบความรู้หน่วยที่ 8 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)พุทธศักราช 2562 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษี e-Service
135 เหตุผลการจัดเก็บภาษี e-Service เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการไทย กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศนั่นเอง เพราะโดย ปกติแล้วเมื่อทำธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยต้องยื่นภาษีชำระ VAT 7% ให้กรมสรรพากรมาโดยตลอด แต่ ผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่มีรายได้ในประเทศไทยกลับไม่ต้องเสียภาษี VAT เลย เนื่องจากกฎหมายเดิมไม่ได้ ครอบคลุมถึง ดังนั้น กฎหมาย e-Service จึงออกมาช่วยปิดช่องโหว่ตรงนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการต่างชาติต้องจดทะเบียน และเสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งกรมสรรพากรก็คาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้นปี ละ 5,000 ล้านบาท และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีการจัดเก็บภาษี e-Service แต่กว่า 60 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ฯลฯ ก็ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศจดทะเบียนและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่หน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศ นั้น ๆ ภาษี e-Service ในประเทศไทย ประเทศไทยได้ประกาศ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 หรือ พ.ร.บ. eService เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการ ที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีรายรับเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ให้บริการในประเทศไทยซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่กรมสรรพากร การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทาง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ซึ่งลักษณะของบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยบริการ ดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การให้บริการดาวโหลดเกม เพลง ภาพยนตร์ ออนไลน์ การให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ ธุรกิจที่ต้องจดภาษี e-Service รูปที่ 8.2 บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มา :https://money.kapook.com/view246039.html
136 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือแพลตฟอร์มของบริษัทต่างประเทศที่ให้บริการทางออนไลน์ในประเทศไทย แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1. ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับขายของออนไลน์ เช่น Amazon, Alibaba 2. ธุรกิจให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Google 3. ธุรกิจให้บริการจองโรงแรมที่พักและการเดินทาง เช่น Agoda, Booking, Airbnb 4. ธุรกิจให้บริการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย เช่น บริการเรียกรถรับ-ส่ง, ขนส่ง 5. ธุรกิจให้บริการสมาชิกดูหนัง-ฟังเพลงออนไลน์ เล่นเกม และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Netflix, Disney, YouTube, IQIYI, Spotify, App Store, Play Store, Zoom, Slack โดยทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจนี้ หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี และยังไม่ได้จดทะเบียน VAT จะต้องมา จด ทะเบียนและดำเนินการทางภาษีผ่านระบบงานภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จาก ต่างประเทศ (VAT for Electronic Service : VES) บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ถ้าต้องการทราบว่าผู้ประกอบการรายไหนจดทะเบียน VAT ในไทยแล้วบ้าง สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่นี่ เลย eservice.rd.go.th การจดทะเบียนภาษี e-Service ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่ได้ ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย ต้องยื่นคำร้องขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท หน้าที่ของผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และแพลตฟอร์ม e-Service ผู้ประกอบการจะทะเบียนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (P.P.30.9) พร้อมกับชำระภาษีเป็น รายเดือนโดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นฯแบบได้ตั้งแต่ วันที่ 1-23 ของเดือนภาษีถัดไป และให้ผู้ประกอบการยื่นแบบฯทุกเดือนไม่ว่าจะมีรายรับจากการให้บริการในเดือน ภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม การชำระภาษี การชำระภาษีสามารถชำระได้ 2 วิธีการดังต่อไปนี้ด้วยสกุลเงินบาทโดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE 1. การโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของกรมสรรพากร 2. การชำระด้วยบัตรเครดิต หน้าที่ของผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และแพลตฟอร์ม e-Service ต้องจัดทำรายงาน ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานภาษีขาย ตามแบบที่กรมสรรพากรกำหนด ให้ลง รายงานภาษีขายภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่ได้ให้บริการ และให้เก็บรักษารายงานภาษีขายพร้อมทั้งเอกสาร ประกอบการลงรายงานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้ทำรายงาน
137 การขอคืนภาษี ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในกรณีดังนี้ -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริการที่ไม่ได้ใช้ในประเทศไทย -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีขายเดิมหรือชำระภาษีเกินกว่าจำนวนที่ต้องชำระ ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ได้ชำระภาษี การ ยื่นขอคืนเงินภาษีอากรและต้องแนบเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าได้เสียภาษีเกินไปโดยupload ผ่านระบบ SVE อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ชำระไว้เกินในเดือนก่อนมาลดยอด ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระในเดือนปัจจุบัน(Offsetting) ที่มา : https://drive.google.com/drive/folders/1hiWM7ULmYJ_PgFVt4M1YAQwapFAc4v5H
138 ภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย e-Service เป็นภาษีในหมวดของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งจัดเก็บ จากการซื้อสินค้าและบริการ แตกต่างจากภาษีเงินได้ที่เรายื่นและเสียภาษีกันในแต่ละปีที่จัดเก็บจาก ฐานรายได้โดยทั่วไป ผู้ประกอบการที่กฎหมายกำหนดจะมีหน้าที่จัดเก็บและนำส่งภาษีที่ว่านี้ให้กับ รัฐบาล ภาษี e-Service คือ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ (e-Service) และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยถ้ามียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องนำส่ง VAT ให้ กรมสรรพากร ซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ โดยคำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออก ใบกำกับภาษี สรุป
139 คำชี้แจง ให้อ่านข้อความแต่ละข้อแล้วพิจารณาว่าข้อความนั้นถูกหรือผิด ถ้าถูกให้ทำเครื่องหมาย √ หน้าข้อที่เห็นว่าถูก ถ้าผิดให้ทำเครื่องหมาย X หน้าขอที่เห็นว่าผิด ...................1. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 บังคับใช้ภาษีe-Service ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นตนไป ...................2. ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ต่างประเทศที่มีรายรับเกิน 1.9 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ....................3. การคำนวณภาษีe-Service คำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อ และห้ามออกใบกำกับภาษี ....................4. หน่วยงานที่จัดเก็บภาษี e-Service คือกรมศุลกากร ....................5. หลักกการกฎหมาย e-Service การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง บริการซึ่งไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ....................6. การให้บริการดาวโหลดเกม เพลง ภาพยนตร์ออนไลน์ การให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์หรือสื่อ สังคมออนไลน์ ถือเป็นการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ...................7. กฎหมาย e-Service บังคับใช้กับกรณีสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศออนไลน์และนำเข้าผ่านด่าน ศุลกากรมายังประเทศไทย ....................8. ผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่ได้ ให้บริการแก่ผู้ใช้ลริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย ต้องยื่นคำร้องขอจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท ....................9. ผู้ประกอบการที่จะทะเบียนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการ P.P.30.9 พร้อมกับชำระภาษีเป็นราย เดือนโดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE ....................10. ผู้ประกอบการสารมารถยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตั้งแต่วันที่ 1-25 ของเดือนภาษีถัดไป ....................11. การชำระภาษีสามารถชำระได้ด้วยสกุลเงินบาทโดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE ..................12. ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานภาษีขายตามแบบที่กรมสรรพากรกำหนด การลงรายการใน รายงานภาษีขายให้ลงภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้ให้บริการ ....................13. แพลตฟอร์มดิจิทัลได้แก่ APP Store, Netflix, YouTube, Agoda, Zoom เป็นต้น ....................14. ประเทศที่มีการจัดเก็บภาษี e-Service ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เป็นต้น ...................15. รักษารายงานภาษีขายพร้อมทั้งเอกสารประกอบการลงรายงานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ วันที่ได้ทำรายงาน แบบฝึกทักษะที่ 8.1
คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (10 คะแนน) 1. ภาษีมูลค่าเพิ่มหมายถึงข้อใด ก. ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าและบริการตามความสมัครใจของผู้บริโภค ข. ภาษีที่รัฐบาลบังคับจัดเก็บจากประชาชน จากสินค้าและบริการทุกขั้นตอน ค. ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าทุกขั้นตอนของการผลิตและการจำหน่าย ตามความสมัครใจของผู้ประกอบการ ง. ภาษีที่จัดเก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นของสินค้าและบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิต การจำหน่าย หรือการให้บริการ 2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือผู้ที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือบริการเกินเท่าใด ก. รายได้เกิน 1.0 ล้านบาท ข. รายได้เกิน 1.5 ล้านบาท ค. รายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ง. รายได้เกิน 2.00 ล้านบาท 3.การชำระภาษี e-Service สามารถชำระด้วยสกุลเงินบาทผ่านระบบใด ก. RSV ข. SVE ค. EVS ง. VES 4. แบบที่ใช้ในการยื่นเสียภาษี e-Service ข้อใดถูกต้อง ก. แบบ ภ.พ.01 ข. แบบ P.P.30.9 ค. แบบ ภ.พ.30 ง. แบบ PP.36 5. ใครเป็นผู้มีหน้าที่จัดเก็บภาษี e-Service ก. กรมศุลกากร ข. กรมสรรพากร ค. กรมสรรพสามิต ง. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 6. แพลตฟอร์มธุรกิจต่างประเทศที่ให้บริการออนไลน์ในประเทศไทยคือข้อใด ก. Agoda ข. IQIYI, ค. Slack ง. ถูกทุกข้อ แบบทดสอบหลังเรียน สอนครั้งที่16-17 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 8 ชื่อวิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น (1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษี e-Service จำนวน 10 ชม.
141 7. อัตราภาษe-Service จัดเก็บในอัตราร้อยละเท่าใด ก. ร้อยละ 3 ข. ร้อยละ 5 ค. ร้อยละ 7 ง. ร้อยละ 10 8. การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ข้อใดไม่ถูกต้อง ก. Facebook ข. Agoda ค. Netflix ง. ABCD 9. การคำนวณภาษี e-Service มีวิธีการคำนวณอย่างไร ก. โดยคำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออกใบกำกับภาษี ข. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีขาย-ภาษีซื้อ ค. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีซื้อ-ภาษีขาย ง. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีขาย+ภาษีซื้อ 10. การบังคับใช้ภาษี e-Service เริ่มบังคับใช้เมื่อใด ก. 1 มิถุนายน 2564 ข. 1 มิถุนายน 2565 ค. 1 กันยายน 2564 ง. 1 กันยายน 2565
142 ให้นักเรียนนำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน มาสรุปผลการประเมินหลังเรียนจบ หน่วยที่ 8 ว่าจะอยู่ในระดับใด แบบทดสอบ ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อละ 1 คะแนน ระดับคะแนนที่ได้ ดีมาก (9-10 คะแนน) ดี (7- 8 คะแนน) พอใช้ (5- 6 คะแนน) ปรับปรุง (1- 4 คะแนน) สรุปผล ............................................................................................................................. ......................................................... ...................................................................................................................................................................................... แบบประเมินผลหน่วยการเรียนรู้ที่ 8
บรรณานุกรม กรมสรรพากร. (2565) คู่มือภาษีสำหรับผู้ประกอบการ. (ออนไลน์) http:www.rd.go.th/6063.html จินตนา แสงวิจิตร. (2563) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. นนทบุรี: บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด. วรรณา วงศ์วิวัฒน์. (2564) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์เอมพันธ์ จำกัด. ศุภมาส เรืองลักษณ์วิลาศ. (2563) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. กรุงเทพฯ : พิมพ์ครั้งที่ 1 สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.) จำกัด. ยุทธนา ศรีสวัสดิ์. iTAX ภาษีง่ายได้อีก. นนทบุรี : ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์, 2557 (ออนไลน์) http:www.iTAX.in.th/Ped เยาวเรศ เวียงคำ. (2562) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. นนทบุรี : บริษัทศูนย์หนังสือ เมืองไทย จำกัด.
ภาคผนวก