145 1.ข 2.ง 3.ก 4.ง 5.ค 6.ข 7.ก 8.ง 9ง 10.ข 1.ข 2.ค 3.ค 4.ง 5.ก 6.ค 7.ง 8.ง 9.ก 10.ข 1.ง 2.ค 3.ข 4.ข 5.ข 6.ง 7.ค 8.ค 9.ข 10.ง 1.ง 2.ข 3.ค 4.ง 5.ค 6.ข 7.ง 8.ค 9.ง 10.ค เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 หน่วยที่ 3 หน่วยที่ 4
146 1.ค 2.ข 3.ก 4.ข 5.ค 6.ค 7.ข 8.ง 9.ข 10.ง 1.ง 2.ง 3.ง 4.ค 5.ค 6.ก 7.ค 8.ก 9.ข 10.ค 1.ง 2.ค 3.ก 4.ค 5.ข 6.ก 7.ค 8.ข 9.ค 10.ง 1.ง 2.ค 3.ข 4.ข 5.ข 6.ง 7.ค 8.ง 9.ก 10.ค หน่วยที่ 5 หน่วยที่ 6 หน่วยที่ 7 หน่วยที่ 8
147 1.ค 2.ง 3.ง 4.ค 5.ข 6.ข 7.ค 8.ข 9.ก 10.ง 1.ค 2.ง 3.ข 4.ค 5.ง 6.ก 7.ข 8.ง 9.ค 10.ก 1.ค 2.ข 3.ง 4.ข 5.ง 6.ข 7.ค 8.ง 9.ค 10.ข 1.ข 2.ง 3.ง 4.ค 5.ค 6.ง 7.ข 8.ค 9.ง 10.ค เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 หน่วยที่ 3 หน่วยที่ 4
148 1.ง 2.ก 3.ค 4.ค 5.ค 6.ง 7.ค 8.ก 9.ข 10.ง 1.ง 2.ง 3.ก 4.ค 5.ก 6.ค 7.ข 8.ก 9.ค 10.ค 1.ก 2.ค 3.ง 4.ข 5.ค 6.ค 7.ก 8.ค 9.ง 10.ข 1.ง 2.ค 3.ข 4.ข 5.ข 6.ง 7.ค 8.ง 9.ก 10.ค หน่วยที่ 5 หน่วยที่ 6 หน่วยที่ 7 หน่วยที่ 8
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 1
150 เพื่อเป็นรายได้ของรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องมืในการควบคุมการบริโภคของประชาชน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อกระจายรายได้ คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. จงอธิบายความหมายของภาษีอากร ภาษีอากร หมายถึงภาษีที่บังคับจัดเก็บรายได้จากประชาชนโดยการบังคับ ไม่มีการสมัครใจ และรัฐบาลนำ ภาษีที่จัดเก็บไปใช้ประโยชน์ส่วนรวม โดยรัฐบาลไม่มีภาระผูกพันในการให้ประโยชน์ตอบแทนโดยตรงแก่ผู้ เสียภาษี 2. จงบอกวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษี 1 2 3 4 แบบฝึกทักษะที่ 1.1
151 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ประวัติของภาษีอากรได้แก่อะไรบ้าง ตอบ 2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอบ 1. •สมัยสุโขทัย -ภาษีจังกอบ 2. •สมัยกรุงศรีอ ยุธา 3. 4. 1.บุคคลธรรมดา 2.ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปี ภาษี 4.ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือ คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล 3.กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง แบบฝึกทักษะที่ 1.2 -จังกอบ -ส่วย -ฤชา อากร สมัยกรุงธนบุรี -จัดเก็บเหมือน สมัยกรุงศรี อยุธยา -สมัยกรุง รัตนโกสินทร์ มี การจัดเก็บ เรื่อยมาจนถึง ร.8 ออก บัญญัติแห่ง ประมวล รัษฎากร จึงถึง รัชกาลปัจจุบัน
152 3. แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่มีอะไรบ้าง 1. แหล่งเงินได้ 1.1 แหล่งเงินได้เกิดในประเทศไทย หมายถึงผู้มีเงินได้พึงประเมินมีแหล่งเงินได้ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก 1) หน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในประเทศไทย 2) กิจการของนายจ้างในประเทศไทย 3) ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย 1.2 แหล่งเงินได้เกิดนอกประเทศไทย หมายถึง ผู้มีเงินได้พึงประเมินที่มีแหล่งเงินได้ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก 1) งานที่ทำหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ 2) ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ 2. ถิ่นที่อยู่ 2.1 ผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมเวลาทั้งหมดถึง 180 วันในปี ภาษี 2.2 ผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมเวลาทั้งหมดไม่ถึง 180 วัน ในปีภาษี 4. รายได้ของรัฐบาลได้มาจากทางใด การจัดเก็บภาษีอากรเพื่อพัฒนาประเทศ กำไรและรายได้จากรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น ๆ อาทิ เช่น ค่าปรับ , รายได้จากการผลิตเหรียญกษาปณ์ 5. ฐานภาษีคืออะไร คือ สิ่งที่เป็นเงื่อนไขทำให้บุคคลต้องเสียภาษี หรือ เป็นมูลค่าเหตุทำให้ต้องเสียภาษี และเป็นสิ่งที่นำมาใช้ใน การคำนวณภาษี เช่น เงินได้ ทรัพย์สิน สินค้าและบริการ สิทธิพิเศษในการประกอบการ เป็นต้น
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 2
154 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 มีกี่ประเภท อะไรบ้าง เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แบ่งออกเป็น 8 ประเภท คือ 1. เงินได้พึงประเมินประเภทที่1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน 2. เงินได้พึงประเมินประเภทที่2 ได้แก่ เงินได้ที่เกิดจากการปฏิบัติงานของผู้มีเงินได้โดยมุ่งถึงผลสำเร็จของ งานเป็นตัวก่อให้เกิดเงินได้เช่น ค่านายหน้า 3. เงินได้พึงประเมินประเภทที่3 ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรม อย่างอื่นหรือคำพิพากษาของศาล 4. เงินได้พึงประเมินประเภทที่4 ได้แก่ เงินได้ที่เป็น (ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ว่าจะมี หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับ ราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและ จำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือ ค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ ทุกชนิด ไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม (ข) เงินปันผล เป็นเงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ 5. เงินได้พึงประเมินประเภทที่5 ได้แก่ เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก (ก) การให้เช่าทรัพย์สิน (ข) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน (ค) การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน ซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้อง คืนเงินหรือ ประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว 6. เงินได้พึงประเมินประเภทที่6เงินได้ประเภทนี้เป็นเงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระใน ลักษณะต่างๆซึ่งผู้มีเงินได้ต้อง ประกอบการเองโดยเฉพาะความประเภทวิชาชีพอิสระที่กำหนดไว้ 6 ประเภทดังนี้ (1) วิชากฎหมาย (2) การประกอบโรคศิลปะ (3) วิศวกรรม (4) สถาปัตยกรรม (5) การบัญชี (6) ประณีตศิลปกรรม แบบฝึกทักษะที่ 2.1
155 7. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 7 หมายถึง เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหา สัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ 8. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (7) แล้ว (มาตรา 40 (8))
156 ลำ ดับ รายการ เงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับการยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ ไม่ได้รับการยกเว้น 1 นายกชกร ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง อายุการทำงาน 8 ปี ใน ระหว่างที่ได้รับอุบัติเหตุ ได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองแรงงาน เป็นเงิน 150,000 บาท √ 2 นางอุรัศยาได้รับเครื่องแบบพนักงานจากโรงงานที่นางอุรัศยา ทำงานอยู่ปีละ 4 ชุด มูลค่าชุดละ 1,500 บาท และเสื้อนอก จำนวน 1 ตัว มูลค่า 800 บาท √ ยกเว้น เครื่องแบบ พนักงาน 2 ชุด และเสื้อนอก 1 ตัว 3,000 บาท 3 นางสาวแพรวา นักเรียนระดับชั้น ปวช.2 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ซึ่งจัดโดยสถาบันการศึกษาของ รัฐบาล เป็นเงิน 10,000 บาท √ 4 นายทักษิณโอนบ้านพักตากอากาศมูลค่า 10 ล้านบาท ให้กับ นางสาวแพรพรรณ ซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเนื่องใน โอกาสที่นางสาวแพรพรรณสำเร็จการศึกษาระดับปริญญา √ 5 นางเบญจาได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นเงิน 5,600 บาท √ 6 นายย้งได้รับบำเหน็จตกทอดจำนวน 550,000 บาท เนื่องจาก นายยันต์ผู้เป็นบิดาซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ ถึงแก่กรรม √ 7 นายอนุทินมอบเช็คของขวัญมูลค่า 15 ล้านบาท ให้นางสาว อินทิรา ซึ่งเป็นลูกจ้างในโอกาสที่นางสาวอินทิราเข้าพิธีมงคล สมรส √ ไม่เกิน 10 ล้าน บาท 5 ล้านบาท 8 นายวินิจ อายุ 72 ปี ได้รับบำนาญ ทั้งปี จำนวน 187,000 บาท √ 9 นายแจ็คได้รับสินบนรางวัลจากสถานีตำรวจแห่งหนึ่งจำนวน 20,000 บาท เนื่องจากช่วยชี้เบาะแสกระทำผิดของบุคคลที่ จำหน่ายสารเสพติด จนตำรวจจับได้ √ 10 นายณัฐวุฒิมีอาชีพทำนา มีเงินได้จากการขายข้าวจำนวน 140,000 บาท √ แบบฝึกทักษะที่ 2.2
157 ลำ ดับ รายการ เงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับการยกเว้น เงินได้พึงประเมินที่ ไม่ได้รับการยกเว้น 11 นางสาวรุจิราเป็นนักร้องอาชีพ ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก การประกวดร้องเพลงไทยสากล ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ แห่งหนึ่ง เป็นเงิน 100,000 บาท √ 12 นายกัมปนาทเป็นพนักงานขาย ได้รับเบี้ยเลี้ยง จำนวน 7,000 บาท จากการเดินทางไปประชาสัมพันธ์สินค้าที่ จังหวัดนครพนมเป็นเวลา 7 วัน √ 13 นางสาวศิริวรรณได้รับรางวัลสลากออมทรัพย์ของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรรณ์ เป็นเงิน 27,000 บาท √ 14 ครูเศรษฐา เป็นครูโรงเรียนเอกชนได้รับเงินจากกองทุน สงเคราะห์ตามกฎหมาย เนื่องจากออกจากงานเพราะเหตุ สูงอายุ เป็นเงิน 180,000 บาท √ 15 อาจารย์กัญญาพัชรได้รับค่าสอนจำนวน 5,000 บาท สำหรับการสอนนักศึกษา จำนวน 5 ชั่วโมง จาก มหาวิทยาลัยของรัฐ √
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 3
159 คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้ 1. นางสาวพิชญามีเงินได้จากเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท ได้รับโบนัสประจำปี 100,000 บาท วิธีทำ เงินได้พึงประเมิน เงินเดือนตลอดทั้งปี (15,000×12) 180,000 บาท บวก โบนัส 100,000 บาท รวมเงินได้พึงประเมินเงินเดือนและเงินโบนัส (180,000+100,000) 280,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 (280,000×50/100) = 140,000 บาท 100,000 บาท เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย (280,000-60,000) 80,000 บาท 2. นายวโรดม ได้รับเงินช่วยเหลือค่าที่พักการเป็นสมาชิกผู้แทนเดือนละ 6,000 บาท วิธีทำ เงินได้พึงประเมิน นายวโรดม ตลอดปีภาษี (6,000×12) 72,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (72,000×50/100) 36,000 บาท เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย (100,000-50,000) 36,000 บาท ข้อสังเกต ค่าใช้จ่ายที่คำนวณได้จริง 36,000 บาท ไม่เกินกว่าที่ประมวลรัษฎากรกำหนด จึงหักได้ 36,000 บาท 3. นายโชค มีเงินได้จากการเขียนบทละครลงในนิตยสารรายเดือน มีรายได้ตลอดทั้งปี 300,000 บาท วิธีทำ เงินได้พึงประเมิน ค่าลิขสิทธิ์บทละครตลอดทั้งปี 300,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (300,000×50/100) = 150,000 100,000 บาท เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย 200,000 บาท ข้อสังเกต ค่าใช้จ่ายที่คำนวณได้ 150,000 บาท เกินกว่าอัตราที่ประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ ไม่เกิน 100,000 บาท จึงต้องถือเอา 100,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายแทน แบบฝึกทักษะที่ 3.1
160 4. นายกุลา เป็นเจ้าของสำนักงานให้เช่ารถยนต์ มีเงินได้จากค่าเช่าตลอดทั้งปี 350,000 บาท และได้จ่ายเป็นค่า ซ่อมแซมไปทั้งหมดในปีนั้น 220,000 บาท วิธีทำ เงินได้พึงประเมินจากการให้เช่ารถยนต์ 350,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง 220,000 บาท เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย (350,000-130,000) 130,000 บาท ดังนั้น ค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง 220,000 บาท มากกว่าหักค่าใช้จ่าย ร้อยละ 30 เป็นการเหมา (350,000×30/100) 105,000 บาท ฉะนั้นจึงเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง 220,000 บาท 5. นายพิพัฒน์ เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจได้รับเงินเดือนๆละ 35,000 บาท ภรรยานางพิมลเป็นข้าราชการกระทรวง การเกษตรและสหกรณ์ ได้รับเงินเดือนๆละ 20,000 บาท และมีเงินได้จากค่านายหน้าในการซื้อขายสินค้า 10,000 บาท ภรรยามีความประสงค์จะแยกคำนวณภาษี วิธีทำ นายพิพัฒน์ เงินได้พึงประเมิน เงินเดือนตลอดปีภาษี (35,000×12) 420,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (420,000×50/100) = 210,000 100,000 เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย (420,000-100,000) 320,000 วิธีทำ นางพิมล เงินได้พึงประเมินเงินเดือน มาตรา 40(1) ของนางพิมล (20,000×12) 240,000 บวก เงินได้พึงประเมิน นางพิมล ค่านายหน้า 40(2) 10,000 รวมเงินได้พึงประเมิน 250,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 100,000 เงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย 150,000
161 คำชี้แจง จงเติมอัตราค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดลงในช่องว่างให้ถูกต้องครบถ้วน หากรายการใดกฎหมายให้เลือก หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรได้ ให้นักเรียนใส่เครื่องหมาย √ ลงในช่องเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความ จำเป็นและสมควร เงินได้พึงประเมิน ประเภท ของเงินได้ อัตราค่าใช้จ่าย เป็นการเหมา เลือกหักค่าใช้จ่าย ตามความจำเป็นและ สมควร ค่านายหน้า 40 (2) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 100,000 - ค่าสิทธิในการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า 40 (3) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 100,000 - เงินได้จากการเปิดสำนักงานทนายความ 40 (6) ร้อยละ 30 √ เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ต้องจัดหาสัมภาระเอง 40 (7) ร้อยละ 60 √ เงินได้จากการทำน้ำแข็ง 40 (8) ร้อยละ 60 √ โบนัสในฐานะผู้ถือหุ้น 40 (4) หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ - เงินได้จากตำแหน่งกรรมการบริษัท 40 (2) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 100,000 - เงินได้ของนักแสดงสาธารณะ 40 (8) ร้อยละ 60 ไม่เกิน 600,000 √ เงินได้จากการให้เช่าที่ดินเพื่อการค้า 40 (5) ร้อยละ 15 √ เงินรายปีที่ภรรยาได้รับจากสามีตามคำพิพากษาของศาล 40 (3) หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ - ค่าส่วนลดจากการจำหน่ายสินค้า 40 (2) ร้อยละ 50 ไม่เกิน 100,000 - เงินได้จากการให้เช่าอาคารพาณิชย์ 40 (5) ร้อยละ 30 √ เงินได้จากกิจการโรงเลื่อย 40 (8) ร้อยละ 60 √ โบนัสจากตำแหน่งกรรมการบริษัท 40 (1) ร้อยละ 50 √ เงินได้จากร้านตัดเย็บเสื้อผ้า 40 (8) ร้อยละ 60 √ เงินได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ 40 (4) หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ - เงินได้จากการตรวจสอบบัญชี 40 (6) ร้อยละ 30 √ เงินได้จากการผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนทีผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สิน โดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว 40 (5) ร้อยละ 20 √ เงินได้จากการรับเขียนแบบบ้าน 40 (6) ร้อยละ 30 √ เงินได้จากการขายที่ดินเงินผ่อน 40 (8) ร้อยละ 60 √ เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ผู้ว่าจ้างจัดหาสัมภาระในส่วน สำคัญให้ 40 (7) ร้อยละ 60 √ เงินได้จากการให้เช่าคอนโดมิเนียม 40 (5) ร้อยละ 30 √ แบบฝึกทักษะที่ 3.2
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 4
163 1. นายปรัชญามีเงินได้จากเงินเดือนเดือนละ 80,000 บาท ได้รับโบนัส 2 เท่าของเงินเดือน มีเงินได้จากการรับเหมา ก่อสร้างที่ต้องจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ 4,000,000 บาท มีค่าใช้จ่ายจริงตามหลักฐาน 3, 150,000 บาท นายปรัชญามีภริยาซึ่งไม่มีเงินได้ มีบุตรผู้เยาว์กำลังศึกษา 1 คนได้อุปกระเลี้ยงดูบิดามารดาของตนเองซึ่งไม่ มีเงินได้อายุ 65 ปี และ 59 ปี และอุปการะเลี้ยงดูมารดาของภรรยาซึ่งไม่มีเงินได้อายุ 61 ปี ระหว่างปีนายปรัชญาจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตให้บริษัท คุ้มเกล้าประกันภัยจำกัด สำหรับตนเองเดือนละ 10,000 บาท สำหรับภรรยาเดือนละ 3,000 บาท สำหรับบุตรคนละ 20,000 บาทต่อปี ทุกกรมธรรม์กำหนดเวลา 20 ปี จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอัตราร้อยละ 10 ของค่าจ้าง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อสร้างบ้านอยู่ อาศัยให้ธนาคารเมืองไทย จำกัด 145,000 บาท จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง นายปรัชญาได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการศึกษา 20,000 บาท ทั้งคู่ได้ร่วมกันบริจาคเงิน ให้มูลนิธิชัย พัฒนา 10,000 บาท วิธีทำ เงินได้พึงประเมินตาม ม.40 (1) เงินเดือน (80,000x12) 960,000 บาท บวก เงินโบนัส 160,000 บาท รวมเงินได้พึงประเมิน 1,120,000 บาท หัก ยกเว้นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 86,000 บาท คงเหลือเงินได้พึงประเมิน 1,034,000 บาท หัก ค่าใช้จ่าย 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท 100,000 บาท คงเหลือเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 934,000 บาท (1) เงินได้พึงประเมินตามม.40(5) การรับเหมาก่อสร้าง 4,000,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายจริง 3,150,000 บาท คงเหลือเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 850,000 บาท (2) รวมเงินได้หลังหัก ค่าใช้จ่าย (1)+(2) 1,784,000 บาท หัก ค่าลดหย่อน - ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท - ภรรยา 60,000 บาท - บุตร 30,000 บาท - บิดา 30,000 บาท - มารดาคู่สมรส 30,000 บาท - ค่าเบี้ยประกันชีวิตผู้มีเงินได้ 100,000 บาท แบบฝึกทักษะที่ 4.1
164 - ค่าเบี้ยประกันชีวิตคู่สมรส 10,000 บาท - กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท - ดอกเบี้นเงินกู้ยืมซื้อที่อยู่อาศัย 100,000 บาท - กองทุนประกันสังคม 9,000 บาท 439,000 บาท คงเหลือเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน 1,345,000 บาท หัก เงินบริจาคทุนการศึกษา (20,000*2) 40,000 บาท คงเหลือเงินได้หลังหักเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา 1,305,000 บาท หัก เงินบริจาคให้มูลนิธิ 5,000 บาท คงเหลือเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน 1,300,000 บาท
165 คำชี้แจง จงตอบคำถามลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ 1. การหักลดหย่อนตามสถานภาพของผู้มีเงินได้ กฎหมายยอมให้หักได้ดังนี้ 1.1 ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท 1.2 สามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ 60,000 บาท 1.3 บุตรของผู้มีเงินได้คนละ 30,000 บาท 1.4 บุตรที่เกิด พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป หักลดหย่อนได้ ทุกคน 1.5 ผู้มีเงินได้และคู่สมรสมีสิทธิหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาได้คนละ 30,000 บาท 1.6 กรณีผู้มีเงินได้เป็นกองมรดก ให้หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท 1.7 กรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ให้หักลดหย่อนคนละ 60,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120,000 บาท 2. การหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้เฉพาะในกรณีที่กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป 3. การหักลดหย่อนเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ ในปีภาษี ตามจำนวนที่จ่าย จริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าลูกจ้างจ่ายเป็นเงินสะสมเข้า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท ให้นำไปหัก เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีให้นำไปหักออกจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) ก่อนหัก ค่าใช้จ่าย 4. การหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ ตามจำนวนเงินที่ได้จ่ายไปจริงในปี ภาษี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (กฎกระทรวง ฉบับที่ 264 (พ.ศ. 2550) 5. การหักลดหย่อนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ ที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ที่ได้จ่ายไปในปีภาษีตาม จำนวนที่จ่ายไปจริง 6. การหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ไม่เกิน เฉพาะส่วนที่ไม่ เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ และเมื่อรวมกับ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและหรือกองทุน กบข. แล้วไม่เกิน 500,000 บาท 7. การหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ไม่เกิน ร้อยละ 15 ของเงิน ได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 500,000 บาท 8. การหักลดหย่อนเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ เป็นจำนวนสองเท่าของเงินได้ที่ได้ จ่ายไปแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น 9. การหักลดหย่อนเงินบริจาคทั่วไป ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักได้ เท่ากับที่บริจาคจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่ เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ แบบฝึกทักษะที่ 4.2
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 5
167 คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง เงินได้สุทธิ ช่วงเงินได้สุทธิ สูงสุดของแต่ละขั้น อัตราภาษี ร้อยละ ภาษีแต่ละขั้น เงินได้สุทธิ ภาษีสะสม สูงสุดของแต่ ละขั้น 1 – 150,000 150,000 - ยกเว้น 0 150,001 – 300,000 150,000 5 7,500 7,500 300,001 – 500,000 200,000 10 20,000 27,500 500,001 – 750,000 250,000 15 37,500 65,000 750,001 – 1,000,000 250,000 20 50,000 115,000 1,000,001 – 2,000,000 1,000,000 25 250,000 365,000 2,000,001 – 5,000,000 3,000,000 30 900,000 1,265,000 5,000,001 บาทขึ้นไป 35 แบบฝึกทักษะที่ 5.1
168 คำชี้แจง จงแสดงการคำนวณภาษี 1. ในปีภาษีปัจจุบัน นายฟิล์มทำงานบริษัท อาร์เอส จำกัด ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 120,000 บาท นายฟิล์มจะเสีย ภาษีเป็นจำนวนเท่าไร การคำนวณภาษีวิธีที่ 1 เงินได้จากเงินเดือน ( 120,000 12 ) = 1,440,000 หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 (50/100 1,440,000) = 720,000 ซึ่งเกิน = 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 1,340,000 หัก ค่าลดหย่อน–ผู้มีเงินได้ = 60,000 เงินได้สุทธิ = 1,280,000 การคำนวณภาษีวิธีที่ 1 ขั้นที่ 1 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ขั้นที่ 2 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 5% เป็นภาษี 7,500 บาท ขั้นที่ 3 เงินได้สุทธิ200,000 บาท เสียภาษี 10% เป็นภาษี 20,000 บาท ขั้นที่ 4 เงินได้สุทธิ 250,000 บาท เสียภาษี 15% เป็นภาษี 37,500 บาท ขั้นที่ 5 เงินได้สุทธิ250,000 บาท เสียภาษี 20% เป็นภาษี 50,000 บาท ขั้นที่ 6 เงินได้สุทธิที่เหลือ ( 280,000 ) เสียภาษี 25% เป็นภาษี 70,000 บาท ดังนั้น นายฟิล์มต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 1 = 185,000 บาท ไม่ต้องคำนวณวิธีที่ 2 เพราะมีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว 2. นายฟิล์มและนางสุขฤทัย เป็นสามีภริยาถูกต้องตามกฎหมาย มีบุตรผู้เยาว์กำลังศึกษา 3 คน นายฟิล์มมีเงินได้ จากเงินเดือน ๆ ละ 100,000 บาท ส่วนนางสุขฤทัยมีรายได้จากค่านายหน้าทั้งปี 500,000 บาท จงคำนวณภาษีที่นาย ฟิล์มต้องชำระ (กรณีคำนวณภาษีร่วมกัน) ขั้นที่ 1 การคำนวณภาษีวิธีที่ 1 เงินได้จากเงินเดือนของนายฟิล์ม (100,000 12) = 1,200,000 บาท หัก ค่าใช้จ่าย ( 1,200,000 50% = 600,000 ) ซึ่งเกิน = 100,000 บาท เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 1,100,000 (1) เงินได้ค่านายหน้าของนางสุขฤทัย = 500,000 หัก ค่าใช้จ่าย (500,000 50% = 250,000) ซึ่งเกิน = 100,000 แบบฝึกทักษะที่ 5.2
169 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 400,000 (2) รวมเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น (1) + (2) = 1,500,000 หัก ค่าลดหย่อน ผู้มีเงินได้ 60,000 คู่สมรส 60,000 บุตร (30,000 3) –สามี 90,000 บุตร (30,000 3) –ภริยา 90,000 = 300,000 เงินได้สุทธิ = 1,200,000 การคำนวณภาษีวิธีที่ 1 (วิธีลัด) เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนสุดท้าย 1,000,000 เป็นภาษีสะสมขั้นก่อนสุดท้าย115,000 (1) เงินได้สุทธิที่เหลือ ( 1,200,000 – 1,000,000 ) 200,000 25% = 50,000 (2) ภาษีวิธีที่ 1 (1) + (2) 165,000 ขั้นที่ 2 การคำนวณภาษีวิธีที่ 2 เงินได้ค่านายหน้า = 500,000 บาท ภาษีวิธีที่ 2 ( 500,000 0.005) = 2,500 บาท ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบภาษีที่ต้องชำระ เปรียบเทียบภาษีวิธีที่ 1 = 219,500 บาท กับภาษีวิธีที่ 2 = 2,500 บาท ดังนั้นนายฟิล์มต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 1 = 165,000 บาท 3. ในปีภาษีปัจจุบัน นายจันทร์กระจ่างทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งได้เงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท และมีรายได้จาก การให้เช่าบ้านทั้งปี เป็นเงิน 500,000 บาท นายจันทร์กระจ่างมีภริยาจดทะเบียนตามกฎหมายคือนางแจ่มจันทา มี บุตรผู้เยาว์ 1 คน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษา ตลอดปีนางแจ่มจันทา และบุตรไม่มีเงินได้แต่อย่างใด นาย จันทร์กระจ่างได้ทำประกันชีวิตกับบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด กรมธรรม์อายุ 10 ปี ได้จ่ายเบี้ยประกันเป็น เงิน 8,000 บาท ได้จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินร้อยละ 4 ของค่าจ้าง ได้จ่ายเงินสมทบเข้า กองทุนประกันสังคมเป็นเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้าง และได้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลศิริราช เป็นเงิน 10,000 บาท ให้ คำนวณภาษีที่นายจันทร์กระจ่างจะต้องเสีย 3.1 ให้คำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ (วิธีที่ 1) ของนายจันทร์กระจ่าง ขั้นที่ 1 เงินได้จากเงินเดือน-นายจันทร์กระจ่าง 240,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 100,000 140,000 เงินได้จากการให้เช่าบ้าน 500,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 30 150,000 350,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 490,000 หัก ค่าลดหย่อน ผู้มีเงินได้–นายจันทร์กระจ่าง 60,000
170 ภริยา–นางแจ่มจันทา 60,000 บุตร 1 คน 30,000 ค่าเบี้ยประกันชีวิต 8,000 เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ( 240,000 4% = 9,600 ) 9,600 เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ( 20,000 5% 12 = 12,000) 9,000 176,600 เงินได้ก่อนหักเงินบริจาค 313,400 หัก เงินบริจาค 10% ของเงินที่เหลือ 10,000 เงินได้สุทธิ 303,400 การ คำนวณภาษีวิธีที่ 1 ขั้นที่ 1 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ขั้นที่ 2 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 5% เป็นภาษี 7,500 บาท ขั้นที่ 3 เงินได้สุทธิ3,400 บาท เสียภาษี 10% เป็นภาษี 340 บาท ดังนั้น ภาษีวิธีที่ 1 นายจันทร์กระจ่างจะต้องเสียภาษี 7,840 บาท 3.2 ให้คำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน (วิธีที่ 2) ของนายจันทร์กระจ่าง ขั้นที่ 2 เงินได้จากการให้เช้าบ้าน 500,000 ภาษีวิธีที่ 2 500,000 0.005 = 750 นายจันทร์กระจ่างไม่ต้องเสียภาษีวิธีที่ 2 เพราะภาษีวิธีที่ 2 ไม่เกิน 5,000 บาทได้รับการยกเว้นภาษี 3.3 ให้สรุปจำนวนภาษีที่นายจันทร์กระจ่างต้องเสีย ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบภาษีวิธีที่ 1 = 7,840 บาท กับภาษีวิธีที่ 2 = 0 บาท ดังนั้น นายจันทร์กระจ่างจะต้องเสียภาษีตามภาษีวิธีที่ 1 7,840 บาท
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 6
172 คำสั่ง ให้นักเรียนนำตัวอักษรหน้าข้อความทางขวามือมาใส่หน้าข้อที่มีความหมายตรงกัน H 1. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินประเภทต่าง ๆ ที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีไม่มีสามีหรือภริยา E 2. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีไม่มีสามีหรือภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว L 3. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินประเภทต่าง ๆ ที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีมีสามีหรือภริยา A 4. เกณฑ์ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบฯ กรณีมีสามีหรือภริยามีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว K 5. แบบแสดงรายการสำหรับผู้มีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว B 6. แบบแสดงรายการสำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญ J 7. แบบแสดงรายการเฉพาะเงินได้ประเภทที่ 1 ยื่นแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ C 8. แบบแสดงรายการสำหรับยื่นภาษีก่อนถึงกำหนด เวลายื่นแบบ G 9. แบบแสดงรายการสำหรับภาษีครึ่งปี D 10. การผ่อนชำระภาษี กฎหมายให้ผ่อนเป็น 3 งวด เท่า ๆ กัน แต่ต้องมีภาษีจำนวนตั้งแต่ A. เกิน 100,000 บาท B. ภ.ง.ด. 90 C. ภ.ง.ด. 93 D. 3,000 บาทขึ้นไป E. เกิน 50,000 บาท F. ภ.ง.ด. 95 G. ภ.ง.ด. 94 H. เกิน 30,000 บาท I. 5,000 บาท J. ภ.ง.ด. 92 K. ภ.ง.ด. 91 L. เกิน 60,000 บาท แบบฝึกทักษะที่ 6.1
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 7
174 คำชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากกรณีดังต่อไปนี้ 1.. นายเจริญทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นไป นาย เจริญมีภริยาและบุตรผู้เยาว์กำลังศึกษา 1 คน บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เดือนละเท่าไร วิธีคำนวณ เงินเดือนเสมือนหนึ่งจ่ายทั้งปี (50,000 x 12) 600,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 (600,000 x 50% = 300,000) หักได้ 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 500,000 หัก ค่าลดหย่อน ผู้มีเงินได้ 60,000 คู่สมรส 60,000 บุตรผู้เยาว์ 1 คน 30,000 150,000 เงินได้สุทธิ 350,000 การคำนวณภาษี ทั้งปี (150,000 x 0%) + (150,000 x 5%) + (50,000 x 10%) = 12,500 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเดือนละ 12,500/ 12 = 1,041.66 บาท สรุปนายเจริญจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตั้งแต่เดือนนมกราคม–พฤศจิกายน เดือนละ 1,041.66 บาท ส่วนเดือนธันวาคมต้องหักภาษี = 12,500–(1,041.66 x 11 = 11,458.33) = 1,041.67 บาท 2. จากโจทย์ข้อ 1. นายเจริญ ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น เป็นเดือนละ 52,000 บาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป บริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายนายเจริญแต่ละเดือนเท่าไร ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนมิถุนายน นายเจริญจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเดือนละ 1,041.66 บาท เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน จะต้องคำนวณใหม่ดังนี้ วิธีคำนวณ เงินเดือนเสมือนหนึ่งจ่ายทั้งปี (52,000 x 12) 624,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 (624,000 x 50% = 312,000) หักได้ 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 524,000 หัก ค่าลดหย่อน (60,000+60,000+30,000) 150,000 เงินได้สุทธิ 374,000 การคำนวณภาษีทั้งปี (150,000 x 0%) +(150,000 x 5%)+ (74,000 x 10%) 14,900 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน เดือนละ 14,900/12 = 1,241.66 บาท การหักภาษี ณ ที่จ่ายเดือนธันวาคม แบบฝึกทักษะที่ 7.1
175 ภาษีเงินได้ที่ต้องชำระจริง เงินเดือน (50,000 x 6)+ (52,000 x 6) 612,000 หัก ค่าใช้จ่าย 50 % แต่ไม่เกิน 100,000 ซึ่งเกิน 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 512,000 หัก ค่าลดหย่อน 150,000 เงินได้สุทธิ 362,000 การคำนวณภาษีวิธีที่ 1 (150,000 x 0%X+(150,000 x 5%)+(62,000 x 10%) = 13,700 บาท การหักภาษี ณ ที่จ่ายเดือนธันวาคม = 13,700 – (1,041.66 x 6= 6,249.96) – (1,241.66 x5 = 6,208.30) = 1,241.47 สรุป นายเจริญจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายดังนี้ เดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายน ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เดือนละ 1,041.66 บาท เดือนกรกฎาคม ถึง เดือนพฤศจิกายน ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เดือนละ 1,241.66 บาท เดือนธันวาคม เดือนละ 1,241.47 บาท 3. นางสาวดวงใจ เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 40,000 บาท เริ่มทำงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนางสาวสุดดวงใจเดือนละเท่าไร วิธีคำนวณ เงินเดือนเสมือนหนึ่งจ่ายทั้งปี (40,000 x 7) 280,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 (280,000 x 50% =140,000) หักได้ 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 280,000 หัก ค่าลดหย่อน – ผู้มีเงินได้ 60,000 เงินได้สุทธิ 220,000 การคำนวณภาษีทั้งปี (150,000 x0%) + (70,000 x 5%) 3,500 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเดือนละ 3,500/7 = 500 บาท สรุป นางสาวดวงใจจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายดังนี้ เดือนมิถุนายน ถึง เดือนธันวาคม ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เดือนละ 500 บาท
176 4. นายมีศักดิ์ ทำงานมาได้ 10 ปี ขอลาออกจากงานโดยได้รับเงินบำเหน็จ 240,000 บาท โดยบริษัท นายจ้าง ได้ คำนวณเงินบำเหน็จตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเดียวกับการคำนวณบำเหน็จบำนาญตามกฎหมาย ดังนั้น บริษัท จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายมีศักดิ์เป็นจำนวนเท่าไร วิธีคำนวณ เงินบำเหน็จที่ได้รับ 240,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายขั้นที่ 1 (7,000 x 10) 70,000 เหลือ 170,000 หัก ค่าใช้จ่ายขั้นที่ 2 (50% ของ 170,000) 85,000 เงินได้สุทธิ 85,000 การคำนวณภาษี (85,000 x 5%) 4,250 บาท ดังนั้น นายมีศักดิ์จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 4,250 บาท 5. นายกนก ได้รับเงินเดือนจากบริษัท โชคชัยดีจำกัด ตั้งแต่เดือนมกราคม–มิถุนายน เดือนละ 36,000 บาทและตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม–ธันวาคม เดือนละ 40,000 บาท ได้ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ทำงานมาครบ 20 ปี ได้รับ เงินบำเหน็จจำนวน 700,000 บาท บริษัทจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายกนกเป็นจำนวนเงินเท่าไร วิธีคำนวณ 1. เงินบำเหน็จที่ได้รับ 700,000 บาท 2. เงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนออกจากงาน 40,000 บาท 3. เงินเดือนถัวเฉลี่ยบวก 10% ของเงินเดือนถัวเฉลี่ย (36,000 x 6) + (40,000 x 6) = 456,000 = 38,000 + (38,000 x 10%= 3,800) =41,800 บาท 12 12 4. เปรียบเทียบ (2) กับ(3) ใช้จำนวนที่น้อยกว่าคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน (40,000 x 20) เป็นเงินบำเหน็จที่ควรจะได้รับ 800,000 บาท 5. เปรียบเทียบ (1) กับ (4) ใช้จำนวนที่น้อยกว่าเป็นฐานในการหักค่าใช้จ่าย 700,000 6. หักค่าใช้จ่ายขั้นที่ 1 (7,000 x 20) 140,000 เหลือ 560,000 7. หักค่าใช้จ่ายขั้นที่ 2 (50% ของ 560,000) 280,000 เงินได้สุทธิ 280,000 8. การคำนวณภาษี (100,000 x 5%) + (180,000 x 10%) 23,000 บาท ดังนั้น นายกนกจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 23,000 บาท
177 6. จากโจทย์ข้อ 5. ถ้าบริษัทโชคชัยดีจำกัด จ่ายเงินบำเหน็จให้นายกนกเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท บริษัท จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายนายกนกเป็นจำนวนเท่าไร วิธีคำนวณ 1. เงินบำเหน็จที่ได้รับ 1,000,000 บาท 2. เงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนออกจากงาน 40,000 บาท 3. เงินเดือนถัวเฉลี่ยบวก 10% ของเงินเดือนถัวเฉลี่ย (เหมือนข้อ 5) 41,800 บาท 4. เปรียบเทียบ (2) กับ (3) ใช้จำนวนที่น้อยกว่าคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน (40,000 x 20) เป็นเงินบำเหน็จที่ควรจะได้รับ 800,000 บาท 5. เปรียบเทียบ (1) กับ (4) ใช้จำนวนที่น้อยกว่าเป็นฐานในการหักค่าใช้จ่าย 800,000 บาท 6. หักค่าใช้จ่ายขั้นที่ 1 (7,000 x 20) 140,000 (1) เหลือ 660,000 7. หักค่าใช้จ่ายขั้นที่ 2 (50% ของ 660,000) 330,000 (2) รวมค่าใช้จ่ายที่สามารถหักได้ทั้งสิ้น (140,000 + 330,000) 470,000 8. การคำนวณภาษี เงินบำเหน็จที่ได้รับจริง 1,000,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 470,000 เงินได้สุทธิ 530,000 การคำนวณภาษี (100,000 x 5%) + (400,000 x 10%) + (30,000 x 20%) 51,000 บาท ดังนั้นนายกนกจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 51,000 บาท
เฉลยแบบฝึกทักษะหน่วยที่ 8
179 คำชี้แจง ให้อ่านข้อความแต่ละข้อแล้วพิจารณาว่าข้อความนั้นถูกหรือผิด ถ้าถูกให้ทำเครื่องหมาย √ หน้าข้อที่เห็นว่าถูก ถ้าผิดให้ทำเครื่องหมาย X หน้าขอที่เห็นว่าผิด ....../............1. พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 บังคับใช้ภาษีe-Service ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นตนไป .........X.......2. ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ต่างประเทศที่มีรายรับเกิน 1.9 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ......../..........3. การคำนวณภาษีe-Service คำนวณจากภาษีขายไม่ให้หักภาษีซื้อ และห้ามออกใบกำกับภาษี ........X.........4. หน่วยงานที่จัดเก็บภาษี e-Service คือกรมศุลกากร ........X........5. หลักกการกฎหมาย e-Service การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง บริการซึ่ง ไม่รวมถึง ทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ......../..........6. การให้บริการดาวโหลดเกม เพลง ภาพยนตร์ออนไลน์ การให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์หรือสื่อ สังคมออนไลน์ ถือเป็นการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ .........X.......7. กฎหมาย e-Service บังคับใช้กับกรณีสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศออนไลน์และนำเข้าผ่านด่าน ศุลกากรมายังประเทศไทย ......../..........8. ผู้ประกอบการที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่ได้ ให้บริการแก่ผู้ใช้ลริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย ต้องยื่นคำร้องขอจด ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท ......../.........9. ผู้ประกอบการที่จะทะเบียนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการ P.P.30.9 พร้อมกับชำระภาษีเป็นรายเดือน โดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE ........X........10. ผู้ประกอบการสารมารถยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตั้งแต่วันที่ 1-25 ของเดือนภาษี ถัดไป ........./........11. การชำระภาษีสามารถชำระได้ด้วยสกุลเงินบาทโดยให้ดำเนินการผ่านระบบ SVE .........X......12. ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานภาษีขายตามแบบที่กรมสรรพากรกำหนด การลงรายการใน รายงานภาษีขายให้ลงภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้ให้บริการ ........./........13. แพลตฟอร์มดิจิทัลได้แก่ APP Store, Netflix, YouTube, Agoda, Zoom เป็นต้น ........./........14. ประเทศที่มีการจัดเก็บภาษี e-Service ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เป็นต้น ........./.......15. รักษารายงานภาษีขายพร้อมทั้งเอกสารประกอบการลงรายงานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ วันที่ได้ทำรายงาน แบบฝึกทักษะที่ 8.1