The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุจิตรา พุ่มพึ่ง, 2023-10-18 23:46:33

AED338

AED338

124 หนังสืออ้ำงอิง กุศล ศรีอุทัย. (2522). คู่มือกายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา. นครราชสีมา: อักษรกิจการพิมพ์. เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์ [the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์[Essencial Atlas of Anatomy]. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ธวัชชานนท์ สิปปภากุล. (2548). การยศาสตร์และกายวิภาคเชิงกล (พิมพ์ครั้งที่ 2) . กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์ [Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์ [Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ : ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ : บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ : เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary. Philadelphia: F.A. Davis.


125 บทที่ 6 ระบบกำรท ำงำนของกล้ำมเนื้อ (Muscular System) ระบบกำรท ำงำนของกล้ำมเนื้อ ระบบกล้ามเนื้อ (MUSCULAR SYSTEM) เป็นระบบที่ประกอบขึ้นด้วย เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่มีเซลล์ กล้ามเนื้อชนิดต่าง ๆ 3 ชนิด คือ STRIATED MUSCLE กล้ามเนื้อลาย CARDIAC MUSCLE กล้ามเนื้อหัวใจ SM00T MUSCLE กล้ามเนื้อไม่มีลายหรือ กล้ามเนื้อเรียบ ระบบกล้ามเนื้อทําหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นที่เก็บสะสมของโปรตีน และเป็นตัวกําหนดรูปร่าง รูปทรงภายนอก ทรวดทรงของ มนุษย์ด้วยส่วนหนึ่ง กล้ามเนื้อประกอบไปด้วยก้อนเส้นใย (Fibre) ที่ยึดและหดได้ กล้ามเนื้อในคนมีประมาณ ครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัว มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ประมาณ 75 % โปรตีน 20 % และอื่น ๆ อีกประมาณ 5 % การทํางานของกล้ามเนื้อจะทําร่วมกันกับกระดูก เอ็น ข้อต่อ และระบบประสาท ทําให้ร่างกายสามารถ เคลื่อนไหวได้ กล้ามเนื้อยังช่วยให้มีการเคลื่อนไหวของอวัยวะภายใน เช่น การบีบตัวและคลายตัวของทางเดิน อาหาร การหายใจ การเต้นของหัวใจ และการบีบตัวของมดลูกขณะคลอด เป็นต้น ซึ่งมีความสําคัญสําหรับ ผู้เรียนศิลปะ จะได้นําข้อมูลไปประกอบในการทํางานศิลปะที่เกี่ยวกับภาพคน ได้อย่างถูกต้องแม่นยํา การศึกษาระบบกล้ามเนื้อมีความจําเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับคําศัพท์ด้วย เช่นเดียวกับการศึกษาระบบโครงสร้าง ของกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่ภาษาที่ใช้มาก มักจะมีรากศัพท์มาจากภาษา LATIN หรือ GREEK จึง ต้องศึกษารากศัพท์ด้วย เพื่อจะได้ทราบความหมายและทําให้เกิดความเข้าใจดียิ่งขึ้น ศัพท์เกี่ยวกับกล้ำมเนื้อ MUSCLE กล้ามเนื้อที่ช่วยในการเคลื่อนไหวและช่วยการทรงตัว TENDON เอ็นของกล้ามเนื้อ ผูกตรึงกับกล้ามเนื้อ ORIGIN จุดที่เกาะต้นของกล้ามเนื้อ INSERTION จุดที่เกาะปลายของกล้ามเนื้อ เพื่อทําให้เกิดการเคลื่อนไหว LIGAMENTS เส้นใยเนื้อเยื่อที่เกาะติดกับกระดูก LONGUS หรือ LONG HEAD ยาวกว่า (ลักษณะของกล้ามเนื้อ) SHORT HEAD สั้นกว่า VEINS เส้นโลหิต PERIOSTEUM เยื่อหุ้มกระดูก EPIMYSIUM เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อทั้งมัด FASCIA เส้นใยผังผืด ห่อหุ้มโครงสร้างกล้ามเนื้อ ABDUCTOR ทําหน้าที่กางออก ADDUCTOR ทําหน้าที่หุบเข้า FLEXOR ทําหน้าที่โค้ง, งอ EXTENSOR ทําหน้าที่เหยียด


126 ELEVATION การยกขึ้น BELLY ส่วนที่เป็นเส้นใยของกล้ามเนื้อ ERECTOR ดึงตัวขึ้น TENSOR ดึงต้นขา DEPRESSOR ทําหน้าที่กดลง ROTATE, ROTATION หมุน, การหมุน SUPINATOR ทําหน้าที่หงายมือ PRONATOR ทําหน้าที่คว่ำมือ COMPRESSOR ทําหน้าที่กดลง AGONIST หรือ PRIME MOVER กล้ามเนื้อหลักที่ทําให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อ ในทิศทางใด ทิศทางหนึ่ง GRAVITY แรงโน้มถ่วง แรงดึงดูดของโลก KNEE JOINT ข้อเข่า FIXATOR กล้ามเนื้อที่ช่วยตรึงข้อ MOTION การเคลื่อนไหว MOVEMENT การเคลื่อนไหว POSITION ตําแหน่ง ACHILLES TENDON เอ็นร้อยหวาย TILT, TILTING เอียง, การเอียง INTERNAL ด้านข้างใน EXTERNAL ด้านข้างนอก หน้ำที่และคุณสมบัติของระบบกล้ำมเนื้อ 1. Movement ช่วยในการเคลื่อนไหวของร่างกาย ช่วยในการหายใจ การเคลื่อนย้ายอาหาร การ ไหลเวียนเลือดและอื่น ๆ 2. Maintenance of posture ช่วยการทรงตัวให้ร่างกายอยู่ในสภาพ ที่จะทรงตัวในท่าต่าง ๆ ได้ ตามที่เราต้องการ 3. Production of heat ช่วยทําให้เกิดความร้อน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ 4. Assist circulation ช่วยทําให้มีการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อของหัวใจ และ กล้ามเนื้อของหลอดเลือด 5. Elasticity ช่วยในการยืดหยุ่น จะมีการหยุ่นตัวได้เมื่อมีน้ำหนัก และยึดตัวออกเมื่อน้ำหนักลดลง นอกจากนั้นกล้ามเนื้อยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีก คือ - Contraction คือ สามารถเปลี่ยนรูปให้สั้นและหนาเข้า (หดตัว)


127 - Tone มีการตึงตัวเตรียมพร้อมที่จะทํางานได้ - Fatigue มีการเมื่อยล้าได้ เมื่อทํางานมากไป - Irritability หรือ Excitability คือมีความไวต่อต่อสิ่งที่มากระตุ้นและมีการตอบสนองสิ่งที่มากระตุ้น นั้นได้ - Autonomic regular rhythmic contraction ได้แก่ กล้ามเนื้อของหัวใจ ซึ่งมีการเต้นเป็นจังหวะ สม่ำเสมอโดยอัตโนมัติและไม่หยุด (กุศล ศรีอุทัย, 2522 : 52-55) ชนิดของกล้ำมเนื้อ เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อที่มีเซลล์กล้ามเนื้อชนิดต่าง ๆ 3 ชนิด คือ กล้ามเนื้อโครงร่างหรือกล้ามเนื้อลาย (Skeletal Muscle หรือ Striated Muscle หรือ Somatic Muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ (Voluntary) สามารถควบคุมได้ ยึดติดกับกระดูก (bone) โดย เอ็นกล้ามเนื้อ (tendon) ทำหน้าที่เคลื่อนไหวโครงกระดูกเพื่อการเคลื่อนที่ของร่างกายและเพื่อรักษาท่าทาง (posture) ของร่างกาย สามารถสั่งการได้ เช่น กล้ามเนื้อ แขน ขา กล้ามเนื้อเรียบ (Smooth Muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกอำนาจจิตใจ (Involuntary) ไม่สามารถ ควบคุมได้ อยู่ที่ผนังของอวัยวะภายใน (Viseral Organ) เช่น หลอดอาหาร (esophagus) กระเพาะอาหาร (stomach) ลำไส้ (intestine) หลอดลม (bronchi) มดลูก (uterus) ท่อปัสสาวะ (urethra) กระเพาะ ปัสสาวะ (bladder) และหลอดเลือด (blood vessel) กล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac Muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่นอกอำนาจจิตใจเช่นกัน แต่เป็นกล้ามเนื้อชนิด พิเศษที่พบเฉพาะในหัวใจ เป็นกล้ามเนื้อที่บีบตัวให้หัวใจเต้น ภาพประกอบที่ 79 การทำงานของระบบกล้ามเนื้อ ที่มา: ธีรวัฒน์ สุวรรณี. (2557). กลไกการท างานกล้ามเนื้อ. สืบค้นจาก http://www.idoctorhouse.com/library/physiology-muscle/


128 กล้ามเนื้อหัวใจจัดเป็นกล้ามเนื้อลาย (striated muscle) เพราะว่ามีซาร์โคเมียร์ (sarcomere) และ เส้นใยจัดเรียงอยู่ในมัดกล้ามเนื้อ (bundle) อย่างเป็นระเบียบซึ่งไม่พบในกล้ามเนื้อเรียบ ระบบกล้ามเนื้อทำหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นที่เก็บสะสมของ โปรตีน และเป็นตัวกำหนดรูปร่าง รูปทรงภายนอก ทรวดทรงของมนุษย์ด้วยส่วนหนาง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับ ผู้เรียนศิลปะ จิตรกรและประติมากรจะได้นำข้อมูลไปประกอบในการทำงานศิลปะที่เกี่ยวกับภาพคนได้อย่าง ถูกต้องแม่นยำ การศึกษาระบบกล้ามเนื้อมีความจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับคำศัพท์ด้วย เช่นเดียวกับระบบ โครงสร้างของกระดูก โครงสร้ำงของกล้ำมเนื้อลำย กล้ามเนื้อลายประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างยาวเหมือนเส้นใยจึงมักเรียกว่า เส้นใยกล้ามเนื้อ (Muscle fibre) รวมกันอยู่จํานวนมาก และในแต่ละเซลล์จะประกอบไปด้วย นิวเคลียสหลายอัน ภายในใยกล้ามเนื้อจะ มีใยฝอย (Myofibrill) ที่มีลักษณะเป็นท่อนยาว เรียงซ้อนกันตามยาวเป็นหมื่น ๆ ท่อนรวมกันเป็นมัด ภายใน เส้นใยฝอยแต่ละเส้นประกอบด้วย เส้นใยเล็ก ๆ เรียกว่า ไมโอฟิลาเมนต์ (Myofilament) ที่มีอยู่ 2 ชนิด คือ Thick myofilaments กับ Thin myofilaments การเรียงตัวของไมโอฟิลาเมนต์ทั้งสองทําให้กล้ามเนื้อเป็น ลาย การทํางานของกล้ามเนื้อลายเกิดจากการหดตัวและการคลายตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวจะ ช่วยให้โครงกระดูกเกิดการเคลื่อนที่ด้วย เพราะกล้ามเนื้อลายยึดติดกับโครงกระดูก กล้ามเนื้อในร่างกายจะ ทํางานกันเป็นคู่ ๆ ในสภาวะตรงกันข้าม (Antagonism) กล่าวคือ เมื่อกล้ามเนื้อด้านหนึ่งหดตัว กล้ามเนื้อด้าน ตรงกันข้ามจะคลายตัวทําให้เกิดการเคลื่อนไหว เช่น ช่วยดึงเข้างอเข้าทํามุมที่ข้อต่อให้แคบลง ช่วยให้ข้อต่อ เหยียดออกเป็นต้น กล้ามเนื้อใดก็ตามเมื่อหดตัวแล้วทําให้อวัยวะนั้นงอเข้ามาเรียกว่า กล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์ (Flexor) แต่กล้ามเนื้อที่หดตัวแล้วทําให้อวัยวะนั้นเหยียดออกเรียกว่า กล้ามเนื้อเอ็กซ์เทนเซอร์ (Extensor)


129 ภาพประกอบที่ 80 ลักษณะของกล้ามเนื้อลาย. สืบค้นจาก http://www.digitalschool.club/digitalschool/health4-6/health6_1/b5/item7.php ลักษณะ รูปร่ำง และขนำดของกล้ำมเนื้อ รูปร่าง ขนาด และการจัดเรียงตัวของกล้ามเนื้อมีความหลากหลายแตกต่างกัน เช่น รูปเรียว ยาว รูป แผ่กว้าง สั้นแคบ รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม และรูปทรงอื่นๆ เป็นต้น หรืออาจ จะรวมตัวกันเป็นพังผืดเหนียว แผ่แบน เป็นเส้นเอ็นซึ่งมีการรวมตัวกันเป็นมัดกลมคล้ายรูปท่อ ทรงกระบอก ส่วนในเรื่องขนาดความยาว ของเส้นใยกล้ามเนื้อนั้น มีความยาวตั้งแต่ 0.5 เซนติเมตร เช่น กล้ามเนื้อของกระดูกหูส่วนกลาง ไปจนถึง ความยาวขนาด 30 เซนติเมตร เช่น กล้ามเนื้อของกระดูกต้นขา เป็นต้น กล้ามเนื้อลายมีจุดเกาะต้นหรือจุดที่อยู่คงที่ (Origin) และที่เกาะปลายหรือจุดที่เคลื่อนไหว (Insertion) ซึ่งทั้งสองจุดเกาะ จะเกาะกับกระดูกโดยตรงหรือไม่ก็ได้ ซึ่งทั้งสองจุด เกาะดังกล่าวส่วนมากจะมี ลักษณะเป็นเอ็น (Tendon or ligament ) ปลายของจุดเกาะต้นบางมัดมีหลายหัว เช่น กล้ามเนื้อ Biceps brachi และ Triceps brachi เป็นต้น


130 ภาพประกอบที่ 81 รูปร่างของกล้ามเนื้อลาย ที่มา: สุทธิ์ ศรีบูรพา. (2540). เออร์กอนนอมิกส์: วิศวกรรมมนุษย์. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น


131 ภาพประกอบที่ 82 กล้ามเนื้อที่เกาะติดกับกระดูก ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.


132 ภาพประกอบที่ 83 ชื่อกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.


133 ภาพประกอบที่ 84 กล้ามเนื้อด้านหลังจากคอถึงเชิงกราน ที่มา: เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2541). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์.


134 ค ำถำมท้ำยบท 1. จงอธิบำยระบบกำรท ำงำนของกล้ำมเนื้อมนุษย์ให้ถูกต้อง 2. ฝึกปฏิบัติกำรวำดภำพระบบกล้ำมเนื้อมนุษย์แต่ละส่วน


บทที่ 7 กล้ำมเนื้อใบหน้ำและล ำคอ (Face and Neck muscles)


136 แผนกำรสอนครั้งที่ 10-11 หัวข้อ กล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 4 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 10-11 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ 2. เพื่อให้นิสิตสามารถฝึกปฏิบัติการวาดภาพกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอได้อย่างถูกต้องตามหลัก กายวิภาค เนื้อหำ ครั้งที่ 10-11 1. กล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ 2. อธิบายและสาธิตการวาดกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 10-11 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 60 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 120 นาที 3. วิจารณ์ผลงาน 20 นาที 4. ถามตอบข้อสงสัย 40 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 10-11 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) 2. เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 3. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 5. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website)


137 กำรประเมินผล ครั้งที่ 10-11 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากกิจกรรมในชั้นเรียน 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท หนังสืออ้ำงอิง เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์[the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ (Essencial Atlas of Anatomy). กรุงเพทฯ: สุวีริยาสาส์น. ธวัชชานนท์ สิปปภากุล. (2548). การยศาสตร์และกายวิภาคเชิงกล (พิมพ์ครั้งที่ 2) . กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์ [Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์ [Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary.Philadelphia: F.A. Davis.


138 บทที่ 7 กล้ำมเนื้อใบหน้ำและล ำคอ กล้ำมเนื้อใบหน้ำและล ำคอ กล้ามเนื้อใบหน้า (MUSCLES OF FACIAL EXPRESSION) กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เป็นกล้ามเนื้อที่มีความสําคัญมากเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากกล้ามเนื้อโครงสร้างที่ อื่น เนื่องจากอยู่ตื้น คือ อยู่ในชั้น SUBCUTANEOUS TISSURE ของผิวหนัง ด้านหนึ่งเกาะกับกระดูกหน้า อีก ด้านหนึ่งเกาะติดกับ ผิวหนังของใบหน้าทําหน้า ที่แสดงความรู้สึกบนใบหน้าลักษณะต่าง ๆ เช่น ดีใจ เสียใจ รัก โกรธ ฯลฯ และจะแสดงอาการทางสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ หรือเวลาขบคิดปัญหาจะขมวดคิ้ว เป็น กล้ามเนื้อที่เน้นลักษณะบุคลิกภาพของแต่ละคน ได้เป็นอย่างดี FRONTALIS กล้ามเนื้อหน้าผาก ทําหน้าที่ยกคิ้วขึ้นลง ทําหน้าผากย่น NASALIS ทําหน้าที่ขยาย หุบปีกจมูกเวลาดมกลิ่น CORRUGATOR ทําหน้าที่ขมวดคิ้ว เวลาขบคิดปัญหา ORBICULARIS OCCULI ทําหน้าที่ปิดตา หรือ หลับตา ZYGOMATICUS MAJOR ทําหน้าที่ยกปาก ORBICULARIS ORIS กล้ามเนื้อวงกลมรอบปาก ทําหน้าที่หุบปาก ห่อปาก ทําริมฝีปาก ยื่น ทําปากจู๋ RISORIUS ทําหน้าที่เวลาแสยะยิ้ม กล้ำมเนื้อส่วนคอ (Muscle of the neck) กล้ามเนื้อสําคัญที่ทําให้คอเกิดการเคลื่อนไหว มีอยู่ 3 มัด ได้แก่ 1. Sternocleidomastoideus บางคนเรียกว่า Sternomastoid เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่พาดทอดยาว 2 ข้างของคอมี 2 หัว เกาะจากกระดูกหน้าอกกับกระดูกไหปลาร้าไปยังด้านนอกของ Mastoid process และ Occipital bone ทําหน้าที่ในการเอียงคอ หันคอ และหมุนคอ 2. Splenius capitis เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านข้างของคอ มี 2 มัด มีจุดเกาะต้นอยู่ที่กระดูกสันหลังส่วน ลําตัว (thoracic spine) อันที่ 3 และ 4 ไปยังจุดเกาะปลายที่ Occipital bone และ temporal bone ของ กระโหลกศีรษะ ทําหน้าที่ยึดคอ เอียงคอ และเงยหน้า 3. Semispinalis capitis เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านข้างของคอ มี 2 มัด เช่นเดียว กัน มีจุดเกาะต้นอยู่ที่ กระดูกสันหลังส่วนคอ (cervicle spine) อันที่ 4 และ 6 ไปยังจุดเกาะปลายที่ occipital bone ของกระโหลก ศีรษะ ทําหน้าที่ยืดคอ เอียงคอ และเงยหน้า ใบหน้าของมนุษย์มีกล้ามเนื้อ 57 มัด ซึ่งทำงานร่วมกัน ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหว อาทิ การ แสดงสีหน้า อารมณ์ การยิ้ม การขมวดคิ้ว การเคี้ยวอาหาร ทุกมัดกล้ามเนื้อทำงานสอดคล้องกัน กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นเหมือนผืนผ้า ผืนเล็กๆ เรียงต่อกัน ในชั้นกล้ามเนื้อบางบางเชื่อมโยงกันด้วยเส้น ใหญ่มากมาย ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ใบหน้าสามารถแสดงความรู้สึก สีหน้าอารมณ์


139 กลุ่มกล้ำมเนื้อที่หนังศีรษะ ผิวหนังที่ศีรษะจัดเป็นส่วนที่หนาที่สุดในร่างกาย ภายใต้ผิวหนังมีกล้ามเนื้อหนังศีรษะจำนวนมากและ แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้ Epicranius คือกล้ามเนื้อหน้าผาก ตรงจุดที่เลิกคิ้ว Frontalis คือกล้ามเนื้อส่วนหน้าของ หน้าผาก ที่ทำหน้าที่ย่นหน้าผาก และเกิดรอยย่นระหว่างคิ้ว Occipitalis คือ กล้ามเนื้อด้านหลังศีรษะ มีหน้าที่รั้งหนังศรีษะไปข้างหลัง ทำให้เคลื่อนไหวไปมา Galea Aponeurotica คือกล้ามเนื้อเส้นเอ็นรูปทรงแบนและกว้าง ปกคลุมกะโหลกศีรษะส่วนบน ทำ หน้าที่เชื่อมกล้ามเนื้อส่วนหน้าที่หน้าผากกับกล้ามเนื้อที่รั้งหนังศีรษะ


140 ภาพประกอบที่ 85 กล้ามเนื้อส่วนศีรษะ หน้าและคอ ที่มา: เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2541). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์.


141 กลุ่มกล้ำมเนื้อ บริเวณใบหน้ำ กล้ามเนื้อชุดนี้ใช้งานเปิดปิดขากรรไกร เช่น การเคี้ยวหรือหาว Masseter and Temporalis คือ กล้ามเนื้อซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสบฟันเวลาเคี้ยวอาหาร Pterygoideus Externus คือ กล้ามเนื้อสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า ซึ่งหนาและสั้น เป็นรูปทรงกรวย ใช้งาน ในการเปิดปากและขยับขากรรไกร กลุ่มกล้ำมเนื้อบริเวณปำก Orbicularis Oris คือ กล้ามเนื้อวงแหวนรอบปาก ซึ่งมีเส้นใหญ่เชื่อมโยงไปมาหลายทิศทาง ทั้งริม ฝีปากบนและริมฝีปากล่าง แก้ม จมูกและบริเวณโดยรอบ มีผลกระทบต่อการอ้าและหุบปาก Buccinator คือ กล้ามเนื้อแก้ม ทำหน้าที่ดูดหรือจูบ (kissing muscle) Mentalis คือ กล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณปลายคาง นอกจากจะทำหน้าที่ยกผิวหนังคางแล้ว ยังทำหน้าที่ ยื่นริมฝีปากล่าง และทำข่างย่นได้อีกด้วย Triangularis menti คือ กล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยม จากบริเวณขากรรไกรล่างขึ้นไปที่ปาก ทำหน้าที่ รั้งมปากลง เช่น เม้มปาก เวลาไม่พอใจหรือโกรธ Risorious คือ กล้ามเนื้อ ยกขากรรไกร ไปยังบริเวณมุมปาก เป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่ ขยับมุมปากไปทางฟันกรามที่อยู่ด้านใน ทำให้ยิ้มได้ Zygomaticus Major คือ กล้ามเนื้อปาก บริเวณพลาดจากกระดูกแก้มไปยังมุมปาก ทำให้มุมปาก ขยับขึ้นลง และขยับข้างได้ Zygomaticus Minor คือ กล้ามเนื้อเล็ก ๆ แนวเฉียงจากกระดูกแก้มไปยังกล้ามเนื้อขอบปาก ทำ หน้าที่ขยับริมฝีปากบนได้ Quadratus labii superioris คือ กล้ามเนื้อเล็ก ๆ ที่รั้งมุมปากล่างลงเวลาทำปากคว่ำ Caninus คือ กล้ามเนื้อส่วนที่ยกริมฝีปากบนให้เชิดขึ้น


142 ภาพประกอบที่ 86 กล้ามเนื้อสำคัญส่วนใบหน้าของมนุษย์ ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


143 กลุ่มกล้ำมเนื้อบริเวณจมูก Procenus คือกล้ามเนื้อรูปพีระมิดพาดสันจมูก ทำหน้าที่รั้งระหว่างคิ้ว ส่งผลให้เกิดรอยย่นตรงกลาง สันจมูก Nasalis คือกล้ามเนื้อหลักของจมูก ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่ทำให้รูจมูกหุบและบานออก Depressor Septi คือกล้ามเนื้อพาดฐานจมูก และรั้งกระดูกอ่อนระหว่างรูจมูกให้ช่องจมูกปิด Dilator Naris Posterior คือกล้ามเนื้อที่อยู่ใกล้ช่องจมูก ซึ่งทำหน้าที่เปิดรูจมูก กว้างขึ้นเพื่อให้อากาศ เข้าไปได้มากขึ้น Dilator Naris Anterior คือกล้ามเนื้อที่บาง ละเอียดอ่อนอยู่ข้างบนระหว่างกลางช่องจมูก ช่วยเปิด ช่องจมูกให้บานพะเยิบ ภาพประกอบที่ 87 กล้ามเนื้อจมูก ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


144 กล้ำมเนื้อเกี่ยวกับกำรเคี้ยว ( MUSCLES OF MASTICATION ) TEMPOLARIS เกาะอยู่ที่ขมับทั้งสองข้าง แผ่เป็นรัศมีเต็มขมับ และลงมาเกาะที่กระดูกขากรรไกรล่าง ทําหน้าที่ อ้า หุบปาก และยื่นปากเวลาเคี้ยวอาหาร มีรูปร่างสีเหลี่ยมผืนผ้าทําหน้าที่ยก MASSETER เกาะอยู่ที่มุมขากรรไกร กระดูกขากรรไกรล่างขึ้นเวลาเคี้ยวอาหาร ภาพประกอบที่ 88 กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการเคี้ยว ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


145 ภาพประกอบที่ 89 กล้ามเนื้อใบหน้า ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.


146 กลุ่มกล้ำมเนื้อบริเวณดวงตำ Orbicularis Oculi คือ กล้ามเนื้อบริเวณรอบเบ้าตาและเปลือกตา ทำหน้าที่ปิดเปลือกตาเวลานอน หลับหรือกระพริบตา Levator Palpebrae คือ กล้ามเนื้อเปลือกตาบน Epiranius คือ กล้ามเนื้อที่ทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น ภาพประกอบที่ 90 ภาพแสดงกล้ามเนื้อตา ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


147 กลุ่มกล้ำมเนื้อบริเวณคอ Platysma คือแผ่นกล้ามเนื้อแบนกว้าง อยู่ใต้ฉันผิวหนังบริเวณคอแผ่ปกคลุมไหปลาร้า ทำให้ผิวหนัง บริเวณลำคอตึง ใช้งานในการแสดงความรู้สึกตกใจ เสียใจ เศร้า และขณะหายใจเข้าแรง ๆ Sternocleidomastoid คือกล้ามเนื้อรูปร่างหนา กว้างและแข็งแรงมาก รูปร่างเหมือนสายคาด บริเวณคอ ซึ่งทำให้เอียงและหันศีรษะไปทางหนึ่งทางใดได้ Tapezius คือ กล้ามเนื้อด้านหลังคอและไหล่ ทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อสายคาดบริเวณคอ ภาพประกอบที่ 91 กล้ามเนื้อคอด้านหน้า ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


148 ภาพประกอบที่ 92 กล้ามเนื้อคอด้านข้าง ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


149 ภาพประกอบที่ 93 กล้ามเนื้อคอด้านหลัง ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


150 กลุ่มกล้ำมเนื้อรอบใบหู ใต้ผิวหนังรอบหูมีกล้ามเนื้อเล็ก ๆ สามมัด ซึ่งมีผลกระทบเล็กน้อยกับลักษณะใบหน้า แต่เชื่อมโยงกับ กล้ามเนื้ออื่น ๆ บนใบหน้า Anterior auricularis คือกล้ามเนื้อหูขนาดเล็กสุดมีรูปร่างบางเหมือนพัด ช่วยรั้งใบหูไปข้างหน้า Superior auricularis คือกล้ามเนื้อใบหูขนาดใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่ขยับยกหูขึ้น Posteria auricularis คือกล้ามเนื้อซึ่งรั้งหูไปข้างหลัง ภาพประกอบที่ 94 หู ที่มา: วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing. กรุงเทพฯ: วาดศิลป์.


151 กำรวำดภำพกล้ำมเนื้อบริเวณใบหน้ำและล ำคอ ภาพประกอบที่ 95 กล้ามเนื้อคอ ที่มา: เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2557). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์.


152 แนวฝึกปฏิบัติเขียนภำพกล้ำมเนื้อใบหน้ำ ภาพประกอบที่ 96 ขั้นตอนการเขียนภาพกล้ามเนื้อใบหน้าด้านหน้า ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


153 ภาพประกอบที่ 97 ขั้นตอนการเขียนภาพกล้ามเนื้อใบหน้าด้านข้าง ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


154 ค ำถำมท้ำยบท 1. จงอธิบำยระบบกล้ำมเนื้อใบหน้ำและล ำคอให้ถูกต้อง 2. ฝึกปฏิบัติกำรวำดภำพกล้ำมเนื้อใบหน้ำและล ำคอ


บทที่8 กล้ำมเนื้อล ำตัว (Trunk Muscles)


156 แผนกำรสอนครั้งที่ 12-13 หัวข้อ กล้ามเนื้อลำตัว ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 4 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 12-13 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับกล้ามเนื้อลำตัว 2. เพื่อให้นิสิตสามารถฝึกปฏิบัติการวาดภาพกล้ามเนื้อลำตัวได้อย่างถูกต้องตามหลักกายวิภาค เนื้อหำ ครั้งที่ 12-13 1. กล้ามเนื้อลำตัว 2. อธิบายและสาธิตการวาดกล้ามเนื้อลำตัว กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 12-13 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 60 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 120 นาที 3. วิจารณ์ผลงาน 20 นาที 4. ถามตอบข้อสงสัย 40 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 12-13 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 2. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 4. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website) กำรประเมินผล ครั้งที่ 12-13 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากกิจกรรมในชั้นเรียน 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท


157 หนังสืออ้ำงอิง เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์ [the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล) กรุงเทพฯ: แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ [Essencial Atlas of Anatomy]. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. ธวัชชานนท์ สิปปภากุล. (2548). การยศาสตร์และกายวิภาคเชิงกล (พิมพ์ครั้งที่ 2) . กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์[Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์ [Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary. Philadelphia: F.A. Davis.


158 บทที่ 8 กล้ำมเนื้อล ำตัว กล้ำมเนื้อล ำตัว กล้ามเนื้อส่วนลำตัว (Muscle of the trunk) แบ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนลำตัวด้านหน้าและด้านหลัง ดังนี้ ภาพประกอบที่ 98 กล้ามเนื้อลำตัว ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. กล้ำมเนื้อส่วนล ำตัวด้ำนหน้ำ PMA PECTOLARIS MAJOR คลุมทับบน PECTOLARIS MINOR มีรูปร่างเหมือนพัดอยู่ด้านหน้า ของอก ทําหน้าที่หุบ งอ และหมุนต้นแขนเข้าด้านใน และรั้งมาข้างหน้า เป็นส่วนเน้นลักษณะเด่นของเพศชาย คือ อกผายไหล่พึ่ง SERATUS MAGNUS กล้ามเนื้ออยู่ทางด้านข้างของอก เกาะติดกับ กระดูกซี่โครงซี่ที่ 1 - 8 และไป เกาะกับกระดูกสะบัก ทําหน้าที่จึงสะบักไปข้างหน้าและข้าง ๆ ช่วยกล้ามเนื้อหัวไหล่ DELTOID เวลายกต้น แขน


159 RECTUS ABDOMINSIS กล้ามเนื้อท้องมีลักษณะเป็นปล้อง ๆ ทําหน้าที่เวลาเกร็งหน้าท้อง เวลายก ของหนัก ภาพประกอบที่ 99 กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวส่วนด้านหน้า ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. กล้ำมเนื้อส่วนล ำตัวด้ำนหลัง Trapezius เป็นกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมคลุมบริเวณคอด้านหลังลงมาถึงหลัง โดยยึดเกาะจากแนว กลางของแผ่นหลังส่วนบนไปเกาะที่กระดูกไหปลาร้าทั้งซ้ายและขวา ทำหน้าที่รั้งกระดูกสะบักมาข้างหลัง กล้ามเนื้อส่วนบนเมื่อหดตัวไหล่จะยกขึ้น ส่วนกลางหดตัวจะดึงสะบัก 2 ข้างเข้ามาหากัน ส่วนล่างหดตัวจะทำ ให้ไหล่ถูกดึงลง Latissimus dorsi เป็นกล้ามเนื้อรูปสามเหลี่ยมแบนกว้าง คลุมอยู่ตอนล่างของแผ่นหลังและบั้นเอว ทอดผ่านไปมุมล่างของกระดูกสะบัก ทำหน้าที่ดึงแขนเข้าชิดลำตัวดึงแขนลงมาข้างล่างด้านหลังและหมุนแขน เข้าด้านใน กล้ามเนื้อนี้ใช้มากในการปีนป่าย ว่ายน้ำ และกรรเชียงเรือจะหดตัวทันทีในขณะที่จาม


160 ภาพประกอบที่100 กล้ามเนื้อลำตัวส่วนด้านหลัง ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


161 ภาพประกอบที่ 101 กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


162 วิธีกำรวำดภำพกล้ำมเนื้อบริเวณล ำตัว ภาพประกอบที่ 102 ขั้นตอนการวาดภาพกล้ามเนื้อลำตัวด้านหน้า ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


163 ภาพประกอบที่ 103 ขั้นตอนการเขียนภาพกล้ามเนื้อลำตัวด้านหลัง ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


164 ภาพประกอบที่ 104 กล้ามเนื้อลำตัว ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).


165 ค ำถำมท้ำยบท 1. จงอธิบำยเกี่ยวกับกล้ำมเนื้อบริเวณล ำตัวให้ถูกต้อง 2. ฝึกปฏิบัติกำรวำดภำพกล้ำมเนื้อบริเวณล ำตัว


บทที่ 9 กล้ำมเนื้อส่วนหัวไหล่และแขน (Shoulder and Arm Muscles)


167 แผนกำรสอนครั้งที่ 14-15 หัวข้อ กล้ามเนื้อส่วนหัวไหล่และแขน ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 4 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 14-15 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ 2. เพื่อให้นิสิตสามารถฝึกปฏิบัติการวาดภาพกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอได้อย่างถูกต้องตามหลักกาย วิภาค เนื้อหำ ครั้งที่ 14-15 1. กล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ 2. อธิบายและสาธิตการวาดกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอ กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 14-15 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 60 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 120 นาที 3. วิจารณ์ผลงาน 20 นาที 4. ถามตอบข้อสงสัย 40 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 14-15 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) 2. เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 3. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 5. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website) กำรประเมินผล ครั้งที่ 14-15 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากกิจกรรมในชั้นเรียน 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน


168 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท หนังสืออ้ำงอิง เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์[the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ [Essencial Atlas of Anatomy]. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์[Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์ [Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อร ดา ลีลานุช, ผู้แปล) กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ: เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary.Philadelphia: F.A. Davis.


169 บทที่ 9 กล้ำมเนื้อส่วนหัวไหล่และแขน กล้ำมเนื้อส่วนหัวไหล่และแขน กล้ามเนื้อส่วนหัวไหล่และแขน (Muscle of the upper limb) ที่ช่วยในการทำงานของ หัวไหล่และแขนที่สำคัญ คือ กล้ำมเนื้อส่วนหัวไหล่ 1. Deltoid เป็นกล้ามเนื้อคล้ายขนนกหลาย ๆ อันมารวมกันเป็นมัดใหญ่หนารูปสามเหลี่ยม จุดเกาะอยู่ที่ไหปลาร้า และกระดูกสะบัก แล้วไปเกาะที่ตอนกลางของกระดูกต้นแขน ทำหน้าที่ยกไหล่ และยกต้นแขน เป็นส่วนที่บ่งบอกลักษณะเพศชายได้อย่างชัดเจน 2. Supraspinatus เริ่มเกาะจากกระดูกสะบักไปยังกระดูกต้นแขน ทำหน้าที่ช่วยกล้ามเนื้อ Deltoid ในการยกหรือกางแขน 3. Infraspinatus เริ่มเกาะจากกระดูกสะบักไปยังกระดูกต้นแขน ทำหน้าที่หมุนต้นแขน ออกด้านนอก และดึงแขนไปด้านหลัง 4. Teres minor และ Teres major เกาะที่กระดูกสะบัก แล้วมาเกาะที่กระดูกต้นแขนโดย Teres minor ทำหน้าที่หมุนแขนออกด้านนอก Teres major ทำหน้าที่หมุนแขนเข้าด้านใน 5. Subscapularis มีจุดเกาะที่กระดูกสะบักและกระดูกต้นแขน ทำหน้าที่หมุนต้นแขนเข้า ด้านในกล้ามเนื้อแขนส่วนต้นที่สำคัญได้แก่ กล้ำมเนื้อส่วนต้นแขน 1. Biceps brachii เป็นกล้ามเนื้อด้านหน้าของต้นแขน มีที่เกาะส่วนบนแยก 2 ทาง คือ เกาะจาก Coracoid process และ Supraglenoid tubercle ไปยัง Tuberosity ของ กระดูกปลายแขนท่อนนอก (Radius) ทำหน้าที่งอต้นแขนและปลายแขน หมุนแขนเข้า และดึงออก 2. Brachialis เป็นกล้ามเนื้อต้นแขนที่อยู่ตรงกลางค่อนมาด้านล่าง เกาะจากกระดูกต้นแขน ไปยัง Tuberosity ของกระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna) ทำหน้าที่งอข้อศอก 3. Coracobrachialis เกาะจาก Coracoid process ของกระดูกสะบักไปยังกึ่งกลางของ กระดูกต้นแขน ทำหน้าที่งอต้นแขน 4. Triceps brachii เป็นกล้ามเนื้อด้านหลังของต้นแขน ปลายบนแยก 3 ทางเกาะที่กระดูก สะบักหนึ่งที่ และอีก 2 ทางเกาะที่กระดูกต้นแขน และมีจุดเกาะปลายที่กระดูกปลาย แขนท่อนใน (Ulna) กล้ามเนื้อมัดนี้จะทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับกล้ามเนื้อ Biceps brachii คือ ทำหน้าที่เหยียดปลายแขน


170 ภาพประกอบที่ 105 กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ แขนและมือ ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


171 ภาพประกอบที่ 106 กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ แขนและมือ ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.


Click to View FlipBook Version