บทที่ 4 กำยวิภำคของกระดูกแขน (Humerus) และมือ (Capus)
76 แผนกำรสอนครั้งที่ 7 หัวข้อ กายวิภาคของกระดูกแขนและมือ ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 2 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 7 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคของกระดูกแขนและมือ 2. เพื่อให้นิสิตสามารถปฏิบัติการวาดภาพกายวิภาคของกระดูกแขนและมือ เนื้อหำ ครั้งที่ 7 1. กายวิภาคของกระดูกแขนและมือ 2. อธิบายและสาธิตการวาดส่วนกายวิภาคของกระดูกแขนและมือ กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 7 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 40 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 60 นาที 3. การวิจารณ์ผลงาน 20 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 7 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 2. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 4. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website) กำรประเมินผล ครั้งที่ 7 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากการฝึกปฏิบัติการวาดภาพกายวิภาคของกระดูก 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท
77 หนังสืออ้ำงอิง เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์[the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ [Essencial Atlas of Anatomy]. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ธวัชชานนท์ สิปปภากุล. (2548). การยศาสตร์และกายวิภาคเชิงกล. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์[Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล) กรุงเทพฯ : ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์[Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ : เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary. Philadelphia: F.A. Davis.
78 บทที่ 4 กำยวิภำคของกระดูกแขน (Humerus) และมือ (Capus) กำยวิภำคของกระดูกต้นแขน (Humerus) กระดูกต้นแขน (HUMERUS BONE) เป็นกระดูกชนิดยาว (1 BONE) ใหญ่ที่สุดของกระดูกส่วนแขน ลักษณะปลายข้างหนึ่งเป็นห้าง ปลายอีกข้างหนึ่งจะแบน กระดูกต้นแขนแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอน กลาง ตอนล่าง หัวกระดูกตอนบนเป็นรูปกลม (HEAD) สําหรับต่อเข้ากับสะบัก (SCAPULA) ตอนใต้หัวกระดูกลงมา ส่วนที่คอดจะเรียกว่า NECK ส่วน SHAFT หรือ BODY ส่วนกลาง ๆ ของ BODY นี้จะมีรอยนูน ซึ่งจะเป็นที่ เกาะของกล้ามเนื้อ DELTOIDEUS กระดูกต้นแขนเป็นกระดูกชิ้นหนึ่งในร่างกายที่มีความยาวมาก ในทางกายวิภาค จึงแบ่งส่วนของ กระดูกต้นแขนออกเป็นสามส่วนซึ่งได้แก่ 1. ปลายบนหรือส่วนหัวกระดูก มีลักษณะกลมเรียกว่า Head ซึ่งจะต่อกับ Glenoid cavity ของ กระดูกสะบัก ติดกับ Head มีปุ่มใหญ่กับปุ่มเล็กเรียกว่า Greater กับ Lesser tubercle 2. ตอนกลางหรือส่วนกลางของกระดูกต้นแขนเรียกว่า Body หรือ Shaft มีลักษณะ เป็นรูป สามเหลี่ยม ตรงกึ่งกลางของ Body มีรอยนูนและหยาบเรียกว่า Deltoid tuberosity เป็นที่ยึดเกาะของ กล้ามเนื้อหัวไหล่ (Deltoid) 3. ปลายล่างหรือส่วนปลายกระดูก มีลักษณะกว้างออกและแบนจากด้านหน้าไปด้านหลัง เกือบตรง กลาง ของปลายสุดเป็นกระดูกรูปรอกเรียกว่า Trochlea เป็นที่สัมผัสกับกระดูก ปลายแขนท่อนใน (Una bone) ถัดไปทางด้านข้างเป็นกระดูกปุ่มกลมเรียกว่า Capitulum หาก มองทางด้าน หน้าเหนือ Trochlea จะ มีรอยปุ่มเรียกว่า Coronoid fossa และหากมองทางด้าน หลังเหนือ Trochlea มีรอยปุ่มรูปสามเหลี่ยมขนาด ใหญ่เรียกว่า Olecranon fossa ส่วนหัวกระดูก (Head of humerus)หรือ (Proximal part) ส่วนหัวกระดูก (Head of humerus) หรือ (Proximal part) เป็นส่วนต้นของกระดูกต้นแขน (Head of humerus) เป็นปลายด้านที่ติดต่อกับกระดูกสะบัก โดยข้อต่อ Glenohumeral joint ซึ่งปลายด้านนี้จะมี ลักษณะกลมมน เพื่อรับกับเบ้าของแอ่ง Glenoid fossa บนมุมด้านข้างของกระดูกสะบัก ถัดลงมาจากส่วน หัวกระดูกจะมีลักษณะคลอดลงเล็กน้อย ซึ่งเรียกแนวคลอดนี้ว่าคอกระดูก เชิงกายวิภาคของกระดูกต้นแขน Anatomical neck ซึ่งเป็นขอบของข้อต่อ Glenohumeral ที่ส่วนหัวของกระดูกต้นแขนนี้ยังมีปุ่มที่ยื่นออกมาอีกสองปุ่ม ได้แก่ ปุ่มใหญ่ของกระดูกต้นแขน (Greater tubercle) และปุ่มเล็กของกระดูกต้นแขน (Lesser tubercle) ในภาพด้านล่างเป็นมุมมองด้านหลังของกระดูกต้นแขนด้านซ้าย แสดงจุดเกาะของกล้ามเนื้อต่าง ๆ
79 ภาพประกอบที่ 48 กระดูกต้นแขน (Humerus bone) ที่มา : สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. ส่วนกลำงกระดูก ส่วนกลางของกระดูกต้นแขนมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกในส่วนต้น และจะเริ่มแบนลงในส่วนล่าง เมื่อตัดส่วนกลางของกระดูกต้นแขนตามแนวขวาง จะพบว่ากระดูกต้นแขนส่วนนี้จะมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม โดยจะมีขอบสามด้าน คือ ขอบด้านหน้า ขอบด้านข้างลำตัว และขอบด้านกลางตัว ส่วนปลำยกระดูก ส่วนปลายกระดูกต้นแขนจะมีลักษณะแบนออกทางด้านข้าง และที่ปลายสุดจะมีพื้นผิวสำหรับข้อต่อ ต่างๆในบริเวณข้อศอก (Elbow joint) โดยปลายที่เป็นพื้นผิวข้อต่อนี้จะเรียกว่าคอนไดล์ (Condyle) ซึ่ง จะมี สองบริเวณ คั่นด้วยแนวสันและร่องแคบ ๆ คอนไดล์ ที่อยู่ทางด้านข้างลำตัวจะเรียกว่า แคปปิทูลัม (Capitulum of humerus) มีลักษณะกลมมนและจะรับกับส่วนหัวของกระดูกเรเดียส (Hade of radius) ขณะที่คอนไดล์ที่อยู่ด้านแนวกลางลำตัวจะมีลักษณะคล้ายรอกเรียกว่า โทรเคลียร์ (Trochlear of humerus) ซึ่งจะรับกับรอยว้าวที่ส่วนหัวของกระดูกอัลนา (Head of ulna) และประกอบกันเป็นข้อต่อแบบบานพับ (Hinge joint)
80 กระดูกปลำยแขน กระดูกปลายแขน (FORE ARM) ประกอบด้วย กระดูก 4 ชิ้น คือ กระดกปลายแขนชิ้นที่เป็นข้อศอก (ULNA BONE) คือ กระดกปลาย แขนอันในมีจํานวนข้างละ 1 ชิ้น เป็นกระดูกชนิดยาว (LONG BONE) ลักษณะ คล้ายกุญแจปากตาย สําหรับขันนอตของช่างต่าง ๆ มี ส่วนประกอบ ดังนี้ OLECRANON PROCESS คือ ส่วนที่ยื่นขึ้นไปคล้าย จะเป็นที่เกาะ (INSERTION) ของกล้ามเนื้อ TRICEPS BRACHII และเป็นส่วนแหลม ๆ ของข้อศอก จะเห็นชัดเวลางอแขน 1. กระดูกปลำยแขนท่อนใน (Ulna bones) เป็นกระดูกที่อยู่ ทางด้านใน (Medial) ของกระดูก ปลายแขน มีจํานวนข้างละ 1 ชิ้น กระดูกปลายแขนท่อนใน มีรูปร่างและสัดส่วน ดังนี้ ปลายด้านบน (upper end) มีลักษณะปลายมนใหญ่ มีปุ่มยื่น 2 ปุ่มคล้ายกล้ามปู ตรงกลาง ระหว่างปุ่มทั้งสองเรียกว่า Trochlea notch ซึ่งจะประกอบเข้าพอดีกับ Trochlea ของกระดูกต้นแขน ปุ่มยืน ด้านบนเป็นปุ่มใหญ่เรียกว่า Olecranon process และปุ่มเล็ก ด้านล่างเรียกว่า Coronoid process ส่วนกลาง (Body) เป็นรูปสามเหลี่ยมเรียวเล็กลง ปลายด้านล่าง (Lower end) เป็นส่วนหัว (Head) ค่อนข้างกลม ใต้ส่วนหัวมีปุ่มยื่นที่ปลายสุด เรียกว่า Styloid process 2. กระดูกปลำยแขนท่อนนอก (Radius bones) เป็นกระดูก ที่วางขนานอยู่ทางด้านนอกคู่กับ กระดูกปลายแขนท่อนใน และมีขนาดสั้นกว่า มีจํานวนข้างละ 1 ชิ้น กระดูกปลายแขนท่อนนอกมีรูปร่างและ สัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้ ปลายด้านบน (Upper end) เป็นปุ่มกลมแบนเรียกว่า Head ถัดลงมาเป็นส่วนของคอ (Neck) ใต้ คอมีปุ่มยืนเรียกว่า Tuberosity ส่วนกลาง (Body) มีลักษณะกลม ตรงที่ต่อจากส่วนคอเมื่อต่ําลงมาจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นรูป สามเหลี่ยม ปลายด้านล่าง (Lower end) มีลักษณะที่ใหญ่กว่าปลายด้านบน และมีปุ่มยืนอยู่ทางด้านข้าง เรียกว่า Styloid process ปลายล่างของกระดูกปลายแขนทั้ง Ulna และ Radius จะไปต่อเป็นข้อกับกระดูก ข้อมือ (Carpus bones) และกระดูกฝ่ามือ (Metacarpus bones) จึงมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม
81 ภาพประกอบที่ 49 รยางค์ส่วนบน (Upper Limb) ที่มา: เชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์[Morpho Anatomy for Artist] (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : ไอดีออล ดิจิตอลพริ้นท์.
82 กระดูกต้นแขนขวา *สัญลักษณ์สีเข้มคือบริเวณที่กล้ามเนื้อเกาะติดกระดูก ภาพประกอบที่ 50 กระดูกต้นแขนขวา ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.
83 กระดูกต้นแขนซ้ำย ภาพประกอบที่ 51 กระดูกต้นแขนซ้าย ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.
84 กระดูกแขนท่อนล่ำง ภาพประกอบที่ 52 กระดูกแขนท่อนล่าง ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.
85 กำยวิภำคของกระดูกมือ (Capus) กระดูกปลายแขนชิ้นที่เป็นข้อมือ (RADIUS BONE) คือ กระดูกปลายแขนอันนอกเล็กและสั้นกว่า อันใน มีข้างละ 1 ชิ้น เป็นกระดูกชนิดยาว (LONG BONE) มีลักษณะคล้ายตาปู คือมีปลายข้างหนึ่งยื่นขึ้นมามี ลักษณะเป็นหัว แต่ตอนบนจะเป็นปลายตัดราบไม่กลมเหมือน (HEAD OF RADIUS) เพื่อสวมเข้ากับปลาย กระดูกต้นแขน (HUMERUS) ทําหน้าที่เป็นข้อต่อรูปวงแหวน (PIYOT) เพื่อให้ RADIUS หมุนบิดไปมาได้เมื่อ คว่ำและหงายมือ กระดูกข้อมือ (CARPUS BONE) เป็นกระดูกสั้น (SHORT BONE) มี ลักษณะเป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยม จัตุรัส เป็นกระดูกเล็ก ๆ มีอยู่ข้างละ 8 ชิ้น ด้วยกัน เรียง กันเป็น 2 แถว ๆ ละ 4 ชิ้น ระหว่างกระดูกมีเอ็น (LIGAMENT) ช่วยยึดเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ กลุ่มกระดูกข้อมือ เป็นกลุ่มของกระดูกชิ้นเล็ก ๆ ที่เรียงตัวอยู่ระหว่างกระดูกของส่วนปลายแขนและ กระดูกฝ่ามือ และเป็นกระดูกที่ประกอบกันเป็นส่วนประกอบหลักของข้อมือ (Wrist) กระดูกส่วนใหญ่ของกลุ่มกระดูกข้อมือจะมีรูปร่างคล้ายลูกเต๋า โดยที่พื้นผิวทางด้านหลังมือ (Dorsal surface) และฝ่ามือ (Palmar surface) จะมีลักษณะขรุขระเนื่องจากมีเอ็นและปลอกหุ้มเอ็น (Tendon sheath) พาดผ่าน ขณะที่พื้นผิวด้านอื่นๆค่อนข้างเรียบเพื่อต่อกับกระดูกชิ้นอื่น ๆ ได้อย่างสนิท กระดูกมือ (Hand) ประกอบไปด้วยกระดูก 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1. กระดูกข้อมือ (Carpal bones) เป็นกระดูกชนิดสั้นเป็น เหลี่ยมชิ้นเล็กๆ มีจํานวนข้างละ 8 ชิ้น รวม 16 ชิ้น แต่ละชิ้นจะยึดติดกันและกันด้วยเอ็น กระดูกข้อมือมีรูปร่าง และสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้ แถวใน (Proximal) ซึ่งอยู่ใกล้ลําตัว ประกอบด้วยกระดูก Scaphoid, Lunate, Triquetrum และ Pisiform แถวปลายล่าง (Distal low) ซึ่งอยู่ห่างลําตัว ประกอบด้วยกระดูก Trapezium, Trapezoid, Capitate และ Hamate ซึ่ง Distal low จะต่อเป็นข้อกับกระดูกข้อมือ โดย trapezium จะอยู่ตรงกับกระดูก หัวแม่มือ และ Humate อยู่ตรงกับทางด้านนิ้วก้อย ข้อสังเกต Capitate เป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง Hamate เป็นกระดูกรูปลิ่มอยู่ที่โคนของกระดูกฝ่ามือชิ้นที่ 5 Triquetrum อยู่ระหว่าง Hamate และ Lunate โดยวางเป็นมุม และสังเกตได้คือจะมีกระดูก Pisiform ชิ้นเล็ก ๆ ติดอยู่ด้วย Pisiform เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ๆ เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย อยู่ทางด้านในของฝ่ามือติดอยู่กับกระดูก Triquetrum Lumate อยู่ระหว่าง Scaphoid กับ Triquetrum Scaphoid เป็นกระดูกที่อยู่ทางด้านข้างติดกับ Trapezoid และ Capitate
86 Trapezoid อยู่ติดกับกระดูกฝ่ามือชิ้นที่ 2 Trapezium อยู่ติดกับกระดูกฝ่ามือชิ้นที่ 1 กระดูกฝ่ำมือ (Metacarpal bones) เป็นกระดูกชนิดสั้น มีจํานวนข้างละ 5 ชิ้น รวม 10 ชิ้น แต่ละ ชิ้นเรียงต่อกับกระดูกนิ้ว จัดเป็นกระดูกชนิดยาวขนาดเล็ก ตั้งอยู่เรียงตามลําดับของนิ้วมือ ตอนกลางโค้งไป ทางด้านหลังมือเล็กน้อย ข้างหน้าเว้าตอนปลายบนติดกับกระดูกข้อมือแถวล่าง และตอนปลายด้านล่างต่อเข้า กับโคนกระดูกนิ้วมือโดยเรียงตามลําดับจากด้านข้าง (Lateral) โดยชิ้นที่ต่อกับกับหัวแม่มือเป็นชิ้นที่ 1 ชิ้นที่ต่อ กับนิ้วก้อยเป็นชิ้นที่ 5 และสามารถคลําได้ตลอดที่ด้านหลังมือ กระดูกฝ่ามือมีรูปร่างและสัดส่วน ดังนี้ ส่วนหัว (Head) มีลักษณะเรียบมนกลม ต่อกับกระดูกนิ้วมือ ส่วนกลาง (Body) มีลักษณะเรียว ส่วนฐาน (Base) เป็นเบ้าสวมกับกระดูกข้อมือ ข้อสังเกต กระดูกฝ่ามือชิ้นที่ 1 ของนิ้วหัวแม่มือจะสั้นกว่าชิ้นอื่น ๆ มีส่วนกลางกว้างและแบน เคลื่อนไหวได้มาก จึงสามารถทําให้นิ้วหัวแม่มือเคลื่อนไปจรดกับทุก ๆ นิ้วได้ มีส่วนหัวเหมือนกับ ชิ้นอื่น ๆ แต่จะมีส่วนฐานเป็น รูปอานม้า กระดูกนิ้วมือ (Finger bones) เป็นกระดูกชนิดสั้น มีจํานวนข้างละ 14 ชิ้น รวม 28 ชิ้น จัดเป็น กระดูกชนิดยาวขนาดเล็ก (MINITURE LONG BONE) มีนิ้วละ 3 ชิ้น ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือมีแค่ 2 ชิ้น กระดูกนิ้ว มือ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ กระดูกนิ้วส่วนต้น เรียก PROXIMAL PHALANX กระดูกนิ้วส่วนกลาง เรียก MIDDLE PHALANX (ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ) กระดูกนิ้วส่วนปลาย เรียก DISTAL PHALANX จะเห็นว่ากระดูกส่วนมือนั้นมีกระดูกจํานวนมาก สลับซับซ้อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดผลดีกระดูกนิ้วมือมี รูปร่างและสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้ ทั้งนี้ ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ (Thumb) เท่านั้นที่จะมีเพียงกระดูกนิ้วมือตอนต้นและตอนปลาย ดังนั้น กระดูกนิ้วมือในมนุษย์จึงมีทั้งหมดข้างละ 14 ชิ้น กระดูกนิ้วมือแต่ละชิ้นจะประกอบไปด้วยสามส่วน ได้แก่ ส่วนโคนกระดูก (Proximal extremities) สำหรับกระดูกนิ้วมือท่อนต้นจะมีลักษณะว้าวเป็น รูปรี เพื่อรับกับปลายของกระดูกฝ่ามือ ขณะที่โคนของกระดูกนิ้วมือท่อนกลางและตอนปลายจะมีรอยบุ๋มลงไป สองจุด ที่คั่นด้วยแนวสันกลางเล็ก ๆ ส่วนกลางกระดูก (Body) มีลักษณะโค้งงไปทางหลังมือเล็กน้อย และทางด้านข้างจะมีรอยที่ เป็นที่เกาะของเอ็นและปลอกหุ้มเอ็น จากกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ที่มาควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ
87 ส่วนปลายกระดูก (Distal extremities) มีขนาดเล็กกว่าทางด้านโคนกระดูก และมีลักษณะ เป็นปุ่มเล็กๆสองปุ่มที่คั่นด้วยร่องแคบ ๆ ในแนวกลาง พื้นผิวด้านฝ่ามือของส่วนปลายสุดของกระดูกนิ้วมือ ท่อนปลายจะมีลักษณะแบนออกเล็กน้อยเพื่อรองรับผิวหนังที่ใช้ในการรับสัมผัสจากปลายนิ้ว กระดูกข้อมือแถวแรก - กระดูกสแคฟฟอยด์ (Scaphoid bone) - กระดูกลูเนท (Lunate bone) - กระดูกไตรกีตรัล (Triquetral bone) - กระดูกพิสิฟอร์ม (Pisiform bone) ภาพประกอบที่ 53 โครงสร้างกระดูกส่วนมือ ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). ตัวอย่างแนวฝึกปฏิบัติเขียนภาพกระดูกแขนส่วนบน. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
88 กระดูก ข้อมือแถวหลัง - กระดูกทราพิเซียม (Trapezium bone) - กระดูกทราพิซอยด์ (Trapezoid bone) - กระดูกแคปปิเตต (Capitate bone) - กระดูกฮาเมต (Hamate bone)
89 วิธีกำรวำดเส้นกำยวิภำคกระดูกแขนท่อนบนและท่อนล่ำง ภาพประกอบที่ 54 ขั้นตอนการวาดกระดูกแขนท่อนบน ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
90 ภาพประกอบที่ 55 ภาพการงอแขนด้านหน้า ที่มา: วัชวัชรพงศ์หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์.
91 ภาพประกอบที่ 26 โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อแขน – มือ ที่มา: วัชวัชรพงศ์หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์.
92 ภาพประกอบที่ 57 โครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อแขน – มือ ที่มา: วัชวัชรพงศ์หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์.
93 ภาพประกอบที่ 58 รยางค์ส่วนบน (Uper Limb) ที่มา : มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์ [Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์.
94 วิธีกำรวำดกระดูกมือ ภาพประกอบที่ 59 ขั้นตอนการวาดกระดูกมือ ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
95 ตัวอย่ำงแนวฝึกปฏิบัติเขียนภำพกระดูกแขนส่วนบน ภาพประกอบที่ 60 กระดูกแขน ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
96 ภาพประกอบที่ 61 กระดูกแขน ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
97 ภาพประกอบที่ 62 กระดูกแขน ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
98 ภาพประกอบที่ 63 กระดูกข้อมือและกระดูกนิ้วมือ ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
99 ค ำถำมท้ำยบท 1. จงอธิบำยส่วนประกอบของกำยวิภำคกระดูกแขนและมือให้ครบถ้วนสมบูรณ์ 2. ฝึกปฏิบัติวำดภำพกำยวิภำคกระดูกแขนและมือ
บทที่ 5 กำยวิภำคของกระดูกขำ และกระดูกเท้ำ (Leg bones & Tarsus)
101 แผนกำรสอนครั้งที่ 8 หัวข้อ กายวิภาคของกระดูกขาและเท้า ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 2 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 8 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคของกระดูกขาและเท้า 2. เพื่อให้นิสิตสามารถปฏิบัติการวาดภาพกายวิภาคของกระดูกขาและเท้า เนื้อหำ ครั้งที่ 8 1. กายวิภาคของกระดูกขาและเท้า 2. อธิบายและสาธิตการวาดส่วนกายวิภาคของกระดูกขาและเท้า กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 8 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 40 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 60 นาที 3. การวิจารณ์ผลงาน 20 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 8 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) 2. เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 3. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 5. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website) กำรประเมินผล ครั้งที่ 8 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากการฝึกปฏิบัติการวาดภาพกายวิภาคของกระดูก 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท
102 หนังสืออ้ำงอิง เคน แอชเวลล์. (2021). แผนที่ร่างกายมนุษย์ [the human body atlas]. (พญ.น้ำทิพย์ พันธุ์อนุกูล, ผู้แปล). กรุงเทพฯ : แอร์โรว์ มัลติมีเดีย. จินตนา เวชสวัสดิ์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ [Essencial Atlas of Anatomy]. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ธวัชชานนท์ สิปปภากุล. (2548). การยศาสตร์และกายวิภาคเชิงกล (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วาดศิลป์. พารามอน. (2564). กายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยา ฉบับปรับปรุง. (ภุชงค์ เดชอาคม, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น. มิเชล ลอริเชลลา. (2563). กายวิภาคอาทิสต์ [Morpho Anatomy for Artist]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอลพริ้นท์. ______. (2565). กายวิภาค: การวาดร่างกายมนุษย์ [Morpho Anatomy for Artist Simplified Form]. (อรดา ลีลานุช, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. วัชรพงศ์ หงส์สุวรรณ. (2556). วาดเส้นแรเงา Anatomy & Figure Drawing (ฉบับปรับปรุงใหม่) (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ : วาดศิลป์. วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: ไทย ควอ ลิตี้บุคส์. สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2525). โครงกระดูกร่างกายมนุษย์. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลป์การพิมพ์ _______. (2541 ). วาดภาพคนและกายวิภาค Drawing & Anatomy. กรุงเทพฯ : เฉลิมชัยการพิมพ์. Ambrus, V. (2006). How to Draw the Human Figure. United State: New Line Books. Peck, S. R. (1951). Atlas of Human Anatomy for the Artist. NY: Oxford University Press, Inc. Sadler, T. W. (2009). Langman's Medical Embryology. United State: Lippincott Williams & Wilkins. Sun Tao, Y. N. (2005). Deconstruction of the Human Body: the Art of Human Anatomy (Modeling Basic Textbook Series of Central Academy of Fine Art) (Chinese Edition). Beijing: People's Fine Arts Publishing House. Taber, C. W., & Venes, D. (2005). Taber's cyclopedic medical dictionary. Philadelphia: F.A. Davis.
103 บทที่ 5 กำยวิภำคของกระดูกขำและกระดูกเท้ำ (Leg bones & Tarsus) กำยวิภำคของกระดูกขำและกระดูกเท้ำ (Leg bones & Tarsus) กระดูกขา (Leg bones) ประกอบด้วยกระดูก 8 ชิ้น (ข้างละ 4 ชิ้น) - กระดูกต้นขา (Femur) - กระดูกสะบ้า (Patella) - กระดูกแข้ง หรือกระดูกทิเบีย (Tibia) - กระดูกน่อง หรือกระดูกฟิบูลา (Fibula) กระดูกต้นขำ (Femur bones) คล้ายกับกระดูกต้นแขน มีจํานวน 2 ชิ้น กระดูกต้นขามีรูปร่างและสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้ 1. ปลายบนสุด เป็นปุ่มกลมเรียกว่า Head ซึ่งจะฝังอยู่ในเบ้า Acetabulum ของกระดูก Hip bone ของกระดูกเชิงกรานพอดี จาก Head เป็น Neck มีปุ่ม 2 ปุ่ม คือ Greater และ Lesser trochanter 2. ส่วนกลาง (Body) มีลักษณะที่ยาวและแข็งแรงมาก ผนังกระดูก หนา มีสันเป็นรอยหยาบมองเห็น ทางด้านหลังตรงกึ่งกลางเรียกว่า Linea aspera 3. ปลายล่างสุด จะขยายออกเป็นปุ่มกลม 2 ปุ่ม คือ Lateral condyle และ Medial condyle ดู ทางด้านหลังมีร่องลึกเรียกว่า Intercondyloid fossa ดูทางด้านหน้ามีร่อง ลึกแบนเรียบเรียกว่า Patellar Surface ซึ่งเป็นที่สัมผัสกับกระดูกสะบ้า (Patella) กระดูกสะบ้ำ (Patella) มี 2 ชิ้น เป็นกระดูกแบนรูปสามเหลี่ยมที่ด้านหน้าหัวเข่า ปลายแหลมจะชี้ลง ข้างล่าง กระดูกสะบ้ามี Ligament patella เกาะอยู่ที่ส่วนปลายยึดให้กระดูกนี้อยู่กับที่ กระดูกหน้ำแข้ง (Tibia) มี 2 ชิ้น แข็งแรงอยู่บนปลายขาด้านใน ปลายบนใหญ่ติดกับกระดูกต้นขา ตอนกลางเป็นรูปสามเหลี่ยมโค้งไปด้านนอกเล็กน้อย หักได้ง่าย ปลายล่างเล็กกว่าปลายบน ด้านในของปลาย ล่างมีปุ่มยืนออกไป ประกอบเป็นตาตุ่มใน (Medialmalleolus) ด้านนอกของปลายล่างมีรอยติดต่อกับปลาย ของกระดูกน่อง (Fibula) และที่พื้นล่างมีรอยติดต่อกับกระดูกข้อเท้า กระดูกน่อง (Fibula) มี 2 ชิ้น เป็นกระดูกยาวเรียวเล็กกว่ากระดูกหน้าแข้ง อยู่ด้านนอกของปลาย ขา ขนานกับกระดูกหน้าแข้ง ปลายบนมีลักษณะรูปสี่เหลี่ยมโต ด้านในติดต่อกับกระดูกหน้าแข้ง ตอนกลาง เรียว หักง่าย ส่วนปลายล่างเป็นแง่แหลม ประกอบเป็นตาตุ่มด้านนอก เรียกว่า Lateral malleolus กระดูก ส่วนปลายติดต่อกับกระดูกข้อเท้า
104 ภาพประกอบที่ 64 กล้ามเนื้อและกระดูกส่วนขาด้านหน้า ที่มา: เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2530). Study & Drawing. กรุงเทพฯ : รวมสาส์น.
105 ภาพประกอบที่ 65 กล้ามเนื้อและกระดูกส่วนขาด้านหลังและด้านข้าง ที่มา: เสน่ห์ ธนารัตน์สฤษดิ์. (2530). Study & Drawing. กรุงเทพฯ: รวมสาส์น.
106 ภาพประกอบที่ 66 กระดูกต้นขา ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
107 ภาพประกอบที่ 67 กระดูกปลายขา ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564). กระดูกปลำยขำ กระดูกปลายขา เป็นกระดูกชนิดยาว วางขนานคู่กันเป็นกระดูกท่อนใหญ่กับกระดูก ท่อนเล็ก มี จํานวนข้างละ 2 ชิ้น รวม 4 ชิ้น ดังนี้ 1. กระดูกปลายขาท่อนใหญ่ (Tibia bones) มีจํานวนข้างละ 1 ชิ้น รวม 2 ชิ้น กระดูกปลายขาท่อน ใหญ่มีรูปร่างและสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้
108 ส่วนปลายบน (Upper end) ขยายใหญ่เป็น Medial condyle และ Lateral condyle ซึ่งสัมผัส โดยตรงกับปุ่มกลมของกระดูกโคนขา ตรงกลางด้านบนสุดมีปุ่มยืนเรียกว่า Internalcondylar eminence ตรงกลาง (Body) ด้านหน้าเป็นสันเรียกว่า Anterior crest ส่วนทางด้านหลังมีรอย พาดโค้งและ หยาบเรียกว่า Posterior Surface ส่วนปลายล่างสุด (Lower end) มีขนาดเล็กกว่าปลายบน ด้านข้างมีปุ่มยืนออกมา เรียกว่า Medial maleolus ล่างสุดเรียบและเป็นเบ้าต่อเป็นข้อกับกระดูกข้อเท้า (Talus) เรียกว่า Articular surface กระดูกปลำยขำท่อนเล็ก (Fibula bones) หรือกระดูกน่อง เป็นกระดูกชนิดยาว มีขนาดเรียวเล็ก กว่ากระดูกปลายขาท่อนใหญ่ มีจํานวนข้างละ 1 ชิ้น ราง 2 ชิ้น กระดูกปลายขาท่อนเล็กมีรูปร่างและสัดส่วนที่ สําคัญดังนี้ ปลายบน เป็นปุ่มแหลมเรียกว่า Styloid process ตําลงมาเป็น Head และ Neck ตรงกลาง ด้านหน้า มีผิวหยาบเรียกว่า Medial surface ปลายล่าง มีรอยเรียบเป็นรูปสามเหลี่ยมสามารถคลำได้ ส่วนปุ่ม ยื่นปลายล่างสุด เรียกว่า Lateral malleolus กระดูกเท้ำ (Foot bones) ประกอบด้วยกระดูก 3 ส่วนดังนี้ 1. กระดูกข้อเท้า (Tarsal bones) เป็นกระดูกชนิดสั้นมี ลักษณะเป็นเหลี่ยม มีจํานวนข้างละ 7 ชิ้น รวม 14 ชิ้น กระดูกข้อเท้าแบ่งได้ดังนี้ 1.1 Calcaneus เป็นกระดูกส้นเท้า มี 1 ชิ้น 1.2 Cuboid มี 1 ชิ้น 1.3 Cuniforms มี 3 ชิ้น คือ Medial, Intermediate และ Lateral 1.4 Navicular มี 1 ชิ้น 1.5 Talus มีลักษณะคล้ายเต่า มี 1 ชิ้น กระดูกข้อเท้าทั้ง 7 ชิ้น มีลักษณะคล้าย ๆ กับกระดูก ข้อมือ ทั้งหมดต่อเป็นข้อซึ่งกัน และกัน มีกระดูก Calcaneus เป็นกระดูกส้นเท้าชิ้นที่ใหญ่ที่สุดของกระดูกข้อ เท้า สําหรับรับน้ำหนักของร่างกาย ส่วน Talus เป็นที่สัมผัสกับส่วนปลายของกระดูกปลายขาท่อนใหญ่ 2. กระดูกฝ่าเท้า (Metatarsal bones) เป็นกระดูกชนิดสั้น มีจํานวนข้างละ 5 ชิ้นรวม 10 ชิ้น แต่ละ ชิ้นเรียงต่อกับกระดูกนิ้วเหมือนกับกระดูกฝ่ามือ เรียงตาม ลําดับจากด้านข้าง (Lateral) โดยชิ้นที่ต่อกับหัวแม่ เท้าเป็นชิ้นที่ 1 ชิ้นที่ต่อกับนิ้วก้อยเป็นชิ้นที่ 5 กระดูกฝ่าเท้ามีรูปร่างและสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้ ส่วนหัว (Head) มีลักษณะเรียบมนกลมและต่อกับกระดูกนิ้วเท้า ส่วนกลาง (Body) มีลักษณะเรียว ส่วนฐาน (Base) เป็นเบ้าสวมกับกระดูกข้อเท้า 3. กระดูกนิ้วเท้า (Finger bones) มีลักษณะคล้าย ๆ กับ กระดูกนิ้วมือ เป็นกระดูกชนิดสั้น มีจํานวน ข้างละ 14 ชิ้น รวม 28 ชิ้น กระดูกนิ้วเท้ามีรูปร่าง และสัดส่วนที่สําคัญ ดังนี้
109 3.1 กระดูกนิ้วเท้าแต่ละชิ้นจะมีส่วนกลาง (Body) เล็กและเรียวกว่า ส่วนหัว (Head) กับส่วน ฐาน (Base) 3.2 กระดูกนิ้วเท้าแต่ละชิ้นเรียกว่า Phalanx แต่ละ Phalanx มี 3 ชิ้น โดยชิ้นแรกเรียกว่า Proximal phalange ชั้นกลางเรียกว่า Middle phalange และชิ้นปลายเรียกว่า Distal phalange ยกเว้น นิ้วหัวแม่เท้าจะมีแค่สองชิ้น คือ Proximal และDistal Phalange โดยแต่ละชิ้นจะต่อเป็นข้อซึ่งกันและกัน กระดูกนิ้วหัวแม่เท้าจะมีลักษณะที่สั้นและกว้างมากที่สุด นิ้วที่ 2 จะยาวที่สุด ส่วนนิ้วก้อยจะสั้นและเล็กที่สุด กระดูกเท้ำ (Tarsus) องค์ประกอบของกระดูกเท้า ประกอบด้วย 1. เท้าส่วนหน้า หรือส่วน forefoot ประกอบไปด้วย - กระดูกฝ่าเท้า 5 ชิ้น (metatarsal bone) - กระดูกนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้ว (phalanges) โดยแต่ละนิ้วจะประกอบไปด้วยกระดูก 3 ชิ้น ยกเว้นนิ้วหัวแม่ เท้าจะมีกระดูก 2 ชิ้น รวมเป็น 14 ชิ้น (2+3+3+3+3) 2. เท้าส่วนกลาง หรือส่วน midfoot ประกอบไปด้วย - กระดูก navicular - กระดูก cuneiform 3 ชิ้น (medial, middle และ lateral cuneiform) - กระดูก cuboid กระดูกเท้าส่วนนี้จะทำหน้าที่เป็นส่วนอุ้งเท้า เมื่อทำงานร่วมกับเอ็น กล้ามเนื้อ และพังผืดฝ่าเท้า ส่วนอุ้งเท้าจะทำหน้าที่เป็นสปริงให้กับเท้า ทำให้สามารถเดินได้และกระโดดได้
110 ภาพประกอบที่ 68 กระดูกเท้าด้านในและด้านนอก ที่มา: วิภาวีบริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ : ไทย ควอลิตี้บุคส์. 3. เท้าส่วนหลัง หรือส่วน hindfoot ประกอบด้วย - กระดูกส้นเท้า หรือ calcaneus bone - กระดูกข้อเท้า หรือ talus bone - กระดูก calcaneus จะเป็นกระดูกส่วนส้นเท้า เป็นจุดเกาะของเอ็นร้อยหวายและพังผืดฝ่าเท้า ทำหน้าที่รับน้ำหนักขณะยืน เดิน วิ่ง
111 ภาพประกอบที่ 69 การวาดกระดูกเท้าด้านบน ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564). 4. กระดูกข้อเท้า (Tarsus) เป็นกระดูกสั้น มีทั้งหมด 14 ชิ้น ข้างละ 7 ชิ้น โดยมีเอ็นหลายเส้นยึดไว้ กระดูกข้อเท้าโตกว่ากระดูกข้อมือมีรูปแปลก ๆ กระดูกข้อเท้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกระดูกชิ้นแรก เรียก Calcaneus ประกอบเป็นส้นเท้า ( HEELbone) เป็นกระดูกที่แข็งแรงที่สุดเพราะรับน้ำหนัก ของร่างกาย
112 ภาพประกอบที่ 70 กระดูกเท้าในมุมต่าง ๆ ที่มา: วิภาวีบริบูรณ์. (2557). กายวิภาคสำหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ : ไทย ควอลิตี้บุคส์. 5. กระดูกฝ่าเท้า (Metatarsus) มีทั้งหมด 10 ชิ้น ข้างละ 5 ชิ้น เป็นกระดูกยาวเรียงกันอยู่ ฝ่าเท้า มีรูปโค้งโดยมีกล้ามเนื้อและเอ็นยึดไว้ ส่วนโค้งเรียก Foot arch มี 2 ลักษณะคือ โค้งไปตามยาว จากส้นเท้าถึงปลายนิ้วเท้า อยู่ทางด้านในของเท้า เรียกว่า Longitudinal arch และโค้งขวาง
113 เรียก Transverse arch ทำให้ข้อเท้ามี Spring ไม่กระเทือนและไม่เจ็บมากเวลาเดินหรือวิ่ง ฝ่าเท้าแบนเรียกว่า Flat foot ภาพประกอบที่ 71 กระดูกฝ่าเท้า ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539 ). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ : โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. 6. กระดูกนิ้วเท้า (Phalanges of the toes) - กระดูกนิ้วเท้าท่อนต้น (Proximal phalanges) เป็นกระดูกที่พบในรยางค์ของสัตว์มีกระดูก สันหลังหลายชนิด ในมนุษย์กระดูกเหล่านี้เป็นกระดูกที่อยู่ที่โคนของนิ้วเท้า ซึ่งนูนออกมา สังเกตได้ชัด เรียกว่า ข้อนิ้วเท้า หรือ มะเหงก (knuckle) - กระดูกนิ้วเท้าท่อนกลาง (อังกฤษ: Intermediate phalanges) เป็นกระดูกที่พบในรยางค์ ของสัตว์มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่ ในมนุษย์กระดูกเหล่านี้เป็นกระดูกที่อยู่ที่ปล้องกลาง
114 ระหว่างข้อนิ้วของนิ้วเท้า สำหรับในสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดอื่น กระดูกนิ้วเท้าท่อนต้นจะ ปรากฏในตำแหน่งที่คล้ายๆ กับเท้าของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นในอุ้งเท้า ปีก กีบหรือครีบ กระดูกนิ้วเท้าท่อนกลางเป็นกระดูกนิ้วมืที่มีความยาวปานกลางเมื่อเทียบกับกระดูกนิ้วเท้าชิ้น อื่นๆ - กระดูกนิ้วเท้าท่อนปลาย (Distal phalanges) เป็นกระดูกที่พบในรยางค์ของสัตว์มีกระดูก สันหลังหลายชนิด ในมนุษย์กระดูกเหล่านี้เป็นกระดูกนิ้วเท้าที่อยู่ปลายสุดของนิ้วเท้า สำหรับ ในสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดอื่น กระดูกนิ้วเท้าท่อนต้นจะปรากฏในตำแหน่งที่คล้าย ๆ กับเท้า ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นในครีบของปลาวาฬหรือปีกของนก โดยทั่วไปกระดูกนิ้วเท้าท่อน ปลายจะถูกต่อด้วยกรงเล็บ สำหรับในไพรเมต (primate) กระดูกนิ้วเท้าท่อนปลายถูกคลุม ด้วยเล็บ กระดูกชิ้นนี้เป็นกระดูกนิ้วเท้าชิ้นที่เล็กที่สุด ภาพประกอบที่ 72 โครงสร้างกระดูกส่วนเท้า ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
115 ภาพประกอบที่ 73 โครงสร้างกระดูกส่วนเท้า ที่มา: สมคิด อินท์นุพัฒน์. (2539). กายวิภาค (Anatomy) ส าหรับผู้ศึกษาศิลปะ. กรุงเทพ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
116 วิธีกำรวำดเส้นกำยวิภำคกระดูกขำท่อนบนและท่อนล่ำง ภาพประกอบที่ 74 ขั้นตอนการวาดกระดูกขาท่อนบนและท่อนล่าง ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
117 ภาพประกอบที่ 75 ตัวอย่างแนวฝึกปฏิบัติเขียนภาพกระดูกส่วนขา ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
118 กระดูกขำท่อนล่ำงข้ำงขวำ ภาพประกอบที่ 76 กระดูกเท้าในมุมต่าง ๆ ที่มา: วิภาวี บริบูรณ์. (2557). กายวิภาคส าหรับนักวาด Anatomy Drawing. กรุงเทพฯ: ไทย ควอลิตี้บุคส์.
119 ภาพประกอบที่ 77 กระดูกเท้า ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564).
120 วิธีกำรวำดกระดูกเท้ำ ภาพประกอบที่ 78 ขั้นตอนการวาดกระดูกเท้า ที่มา: อติยศ สรรคบุรานุรักษ์. (2564). ค ำถำมท้ำยบท 1. จงอธิบำยส่วนประกอบของกำยวิภำคกระดูกขำและเท้ำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ 2. ฝึกปฏิบัติวำดภำพกำยวิภำคกระดูกขำและเท้ำ
ระบบกล้ำมเนื้อ (THE MUSCULAR SYSTEM)
บทที่ 6 ระบบกำรท ำงำนของกล้ำมเนื้อ (Muscular System)
123 แผนกำรสอนครั้งที่ 9 หัวข้อ ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ ผู้สอน อาจารย์ ดร. อติยศ สรรคบุรานุรักษ์ เวลำ 2 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ ครั้งที่ 9 1. เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการทำงานของกล้ามเนื้อร่างกายมนุษย์ 2. เพื่อให้นิสิตสามารถอธิบายเกี่ยวกับระบบการทำงานของกล้ามเนื้อมนุษย์ได้อย่างถูกต้อง เนื้อหำ ครั้งที่ 9 1. ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อร่างกายมนุษย์ 2. อธิบายและสาธิตการวาดส่วนกายวิภาคของระบบการทำงานของกล้ามเนื้อมนุษย์ได้ กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ครั้งที่ 9 1. การสอนบรรยายเนื้อหาและสาธิต 50 นาที 2. การฝึกปฏิบัติ 60 นาที 3. ถามตอบเกี่ยวกับเนื้อหาประจำบท 30 นาที สื่อกำรสอน ครั้งที่ 9 1. เอกสารประกอบการบรรยาย/คำสอน (Lecture Note) เอกสารประกอบการสอน กายวิภาคและภาพคน (ANATOMY AND HUMAN DRAWING ) 2. หนังสือ ตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. มัลติมีเดีย : ภาพนิ่ง วีดิทัศน์(Picture/Video) 4. อินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์(Internet/Website) กำรประเมินผล ครั้งที่ 9 1. การสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ประเมินผลจากกิจกรรมในชั้นเรียน 3. ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานและร่วมอภิปรายในชั้นเรียน 4. ประเมินจากแบบฝึกหัด/คำถามท้ายบท