วิทยานิพนธน์ ี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยมหาจัุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น THE DESIRABLE CHARACTERISTICS OF THE LOCAL POLITICIANS IN KHON KAEN MUNICIPALITY พระพรหมวหาริอติธมฺโม (แดนดงยิ่ง)
วิทยานิพนธน์ ี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยมหาจัุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทยาลิ ัย) คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พระพรหมวหาริอติธมฺโม (แดนดงยิ่ง)
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree of Master of Political Science Graduate School Mahachulalongkornrajavidyalaya University C.E. 2021 (Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University) The Desirable Characteristics of the Local Politicians in Khon Kaen Municipality Phra Promwihan Athidhammo (Daendongying)
ก ชื่อวิทยานพนธิ ์ : คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนใน เขตเทศบาลนครขอนแก่น ผู้วิจัย : พระพรหมวิหาร อติธมฺโม (แดนดงยิ่ง) ปริญญา : รัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ : ผศ. ดร.สุรพล พรมกุล, ป.ธ. ๕, พธ.บ (การสอนสังคมศึกษา), ศศ.ม. (สังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา), ศน.ม. (รัฐศาสตร์การปกครอง), Ph.D. (Social Science) : ผศ. ดร.ชาญชัย ฮวดศรี, พธ.บ. (สังคมศึกษา), M.A. (Political Science), Ph.D. (Political Science) วันสําเร็จการศึกษา : ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕ บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้๑) เพื่อศึกษาระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่น ที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๒) เพื่อเปรียบเทียบระดับคุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๓) เพื่อศึกษา ข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนคร ขอนแก่น เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีโดยใช้วิธีการศึกษาด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ และวิธีการวิจัย เชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างมีจํานวน ๔๐๐ คน และผู้ให้ข้อมูลสําคัญ จํานวน ๑๐ คน เครื่องมือที่ใช้เก็บ รวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์แล้วจึงนํามาทําการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ โปรแกรมสําเร็จรูปทางสังคมศาสตร์และวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท ผลการวิจัยพบว่า ๑) ระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแก่น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านความรู้ความสามารถมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน ด้านมนุษยสัมพันธ์ด้านคุณลักษณะตาม หลักสัปปุริสธรรม และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านภาวะความเป็นผู้นํา ตามลําดับ ๒) ผลการเปรียบเทียบ พบว่า ประชาชนที่มีเพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ เฉลี่ยต่อเดือนต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ในภาพรวม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ๓) ข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขต เทศบาลนครขอนแก่น พบว่า ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ด้วยการเปิดโอกาสให้ ประชาชนเข้าถึงข่าวสารการดําเนินงาน พร้อมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปเพื่อ ตอบสนองความต้องการของประชาชน อีกทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการกําหนดแผน นโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข Thesis Title : The Desirable Characteristics of the Local Politicians in Khon Kaen Municipality Researcher : Phra Promwihan Athidhammo (Daendongying) Degree : Master of Political Science Thesis Supervisory Committee : Assist. Prof. Dr. Suraphon Promgun, Pali V, B.A. (Social Study Teaching), M.A. (Social Sciences for Development), M.A. (Political Science), Ph.D. (Social Science) : Asst. Prof. Chanchai Huadsri, B.A. (Social Study), M.A. (Political Science), Ph.D. (Political Science) Date of Graduation : May 18, 2022 Abstract The objectives of this research were as follows: 1) to study the level of desirable local politician characteristics of people in Khon Kaen Municipality; 2) to compare the level of desirable local politician characteristics of people in Khon Kaen Municipality; 3) to study the suggestions on characteristics of desirable local politicians for people in Khon Kaen Municipality. This study utilized the mixedmethod research methodology: quantitative and qualitative research with 400 samples and ten key informants. The tools used in collecting the data were a questionnaire and an interview form. The obtained data were analyzed by the social science computer program and contextual analysis. The research results were as follows: 1) The overall level of desirable characteristics of local politicians in Khon Kaen municipality was statistically rated at a high level. All studied aspects were rated the same. The highest-rated aspect was 'knowledge and ability, followed by 'morality and ethics,' 'working ideal,' 'human relations,' 'characteristics based on Sappurisadhamma, ' and the least, 'leadership.' 2) The comparison results revealed that people with different gender, ages, education levels, occupation, and average monthly incomes had different opinions on desirable characteristics of local politicians with a statistical significance level of 0.05. 3) The suggestions on characteristics of desirable local politicians for people in Khon Kaen Municipality was that there should be a public hearing by giving the public access to operational news, encouraging local government organizations
ค to meet the needs of the people, and encouraging local administrative organizations to formulate policy plans following people's needs in local development for maximum benefits.
ง กิตติกรรมประกาศ วิทยานิพนธ์เล่มนี้สําเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเพราะความเมตตาอนุเคราะห์จากคณะกรรมการ ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.สุรพล พรมกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ชาญชัย ฮวดศรีและจากอาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คือ ดร.สุธิพงษ์สวัสดิ์ทา ที่ได้กรุณา สละเวลาให้คําปรึกษาแนะนําและคอยให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงแก้ไขด้วยดีมาโดยตลอด จึง ขอเจริญพรขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาทุกท่านเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ดร.สุรพล สุยะพรหม ประธานกรรมการสอบป้องกัน วิทยานิพนธ์รองศาสตราจารย์ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้กรุณาให้คําแนะนําในการ ปรับปรุงแก้ไขเป็นอย่างดีและผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบแก้ไขเครื่องมือในการวิจัย คือ พระมหาสําราญ กมฺมสุทโธ,ผศ.ดร. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.วิทยา ทองดีผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.บุรินทร์ภู่สกุล ดร.สุธิ พงษ์สวัสดิ์ทา ดร.สมควร นามสีฐาน ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบแก้ไขเครื่องมือในการวิจัยจน สําเร็จด้วยดี ขอขอบคุณ เจ้าคณะอําเภอเมืองขอนแก่น เจ้าคณะตําบลในเมือง เขต ๒ ผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านรัฐศาสตร์ ปลัดเทศบาลนครขอนแก่น ผู้อํานวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน ประธานสภาเทศบาลนครขอนแก่น หัวหน้าฝ่ายแผนงานและโครงการสํานักการศึกษาเทศบาลนคร ขอนแก่น หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนสํานักสวัสดิการสังคมเทศบาลนครขอนแก่น ประธานชุมชนโนนทัน ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการให้สัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลแก่ผู้วิจัยเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณครอบครัวรวมไปถึงญาติพี่น้องทุก ๆ คน เพื่อน ๆ หลักสูตรรัฐศาสตร มหาบัณฑิตทุกรูป/คน คณาจารย์เจ้าหน้าที่แม่บ้าน ประจํามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นทุกท่านที่ได้ให้ความรู้ทางการศึกษา คอยอํานวยความสะดวกในการ ดําเนินการต่าง ๆ และคอยสนับสนุนให้กําลังใจมาโดยตลอดจนการทําวิทยานิพนธ์สําเร็จลุล่วงไปได้ ด้วยดี คุณความดีใด ๆ อันพึงบังเกิดมีจากวิทยานิพนธ์นี้ผู้วิจัยขอมอบแด่ทุกท่านที่เอ่ยนามมา ข้างต้น เพื่อตอบแทนพระคุณที่ทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์วิทยานิพนธ์เล่มนี้กับผู้วิจัย จนประสบความสําเร็จอย่างดียิ่ง พระพรหมวิหาร อติธมฺโม (แดนดงยิ่ง) ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕
จ สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ก บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ข สารบัญ จ สารบัญตาราง ช สารบัญแผนภาพ ฏ คําอธบายสิ ัญลักษณ์และคําย่อ ฐ บทที่ ๑ บทนํา ๑ ๑.๑ ความเป็นมาและความสาคํ ัญของปัญหา ๑ ๑.๒ คําถามการวิจัย ๓ ๑.๓ วัตถุประสงค์การวิจัย ๓ ๑.๔ ขอบเขตการวิจัย ๓ ๑.๕ สมมติฐานการวิจัย ๔ ๑.๖ นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย ๕ ๑.๗ ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ๖ บทที่ ๒ แนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๗ ๒.๑ แนวคิดเกยวกี่ับนักการเมือง ๗ ๒.๒ แนวคิดเกยวกี่ับคุณลักษณะของนักการเมือง ๑๓ ๒.๓ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นํา ๑๙ ๒.๔ แนวคิดเกยวกี่ับเทศบาล ๒๕ ๒.๕ ข้อมลทูั่วไปของพื้นที่การศึกษา ๓๒ ๒.๖ หลักพทธธรรมทุี่เกี่ยวข้องกับทรรศนะของประชาชนต่อนักการเมืองท้องถิ่น ๓๔ ๒.๗ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๓๖ ๒.๘ กรอบแนวคิดในการวิจัย ๔๗ บทที่ ๓ วิธีดาเนํนการวิ ิจัย ๔๘ ๓.๑ รูปแบบการวิจัย ๔๘ ๓.๒ ประชากร กลุ่มตัวอย่าง และผใหู้ ้ข้อมูลสําคัญ ๔๘ ๓.๓ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๕๖ ๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล ๕๙ ๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล ๕๙
ฉ บทที่ ๔ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ๖๑ ๔.๑ การวิเคราะห์ระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๖๑ ๔.๑.๑ ผลการวิเคราะห์ความถี่และร้อยละปัจจัยส่วนบุคคลของประชาชนใน เขตเทศบาลนครขอนแก่น ๖๑ ๔.๑.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึง ประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๖๔ ๔.๒ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๗๖ ๔.๓ ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑๐๙ ๔.๔ องค์ความรู้ที่ได้จาการวิจัย ๑๑๘ บทที่ ๕ สรปผลุอภิปรายและข้อเสนอแนะ ๑๑๙ ๕.๑ สรุปผลการวิจัย ๑๑๙ ๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย ๑๒๒ ๕.๓ ข้อเสนอแนะ ๑๓๑ บรรณานุกรม ๑๓๒ ภาคผนวก ๑๓๘ ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญและหนังสือขออนุญาตตรวจเครื่องมือวิจัย ๑๓๙ ภาคผนวก ข หนังสือขออนุญาตสัมภาษณเพ์ ื่อการวิจัย ๑๔๖ ภาคผนวก ค แบบสอบถามและแบบสมภาษณั ์เพื่องานวิจัย ๑๕๗ ภาคผนวก ง รายนามผู้ให้ขอมู้ลสําคญในการส ั ัมภาษณ์การวิจัย ๑๖๘ ภาคผนวก จ ผลการหาดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ๑๗๐ ภาคผนวก ฉ ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามแบบสอบถาม (Try out) ๑๗๖ ภาคผนวก ช ภาพประกอบการสัมภาษณ์๑๘๐ ประวัติผู้วิจยั๑๘๕
ช สารบัญตาราง ตารางที่หน้า ตารางที่๒.๑ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับนักการเมือง ๑๒ ตารางที่๒.๒ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมือง ๑๘ ตารางที่๒.๓ สรุปแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นํา ๒๓ ตารางที่๒.๔ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล ๓๐ ตารางที่๒.๕ สรุปข้อมูลทั่วไปของพื้นที่การศึกษา ๓๓ ตารางที่๒.๖ สรุปหลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ๓๖ ตารางที่๒.๗ สรุปงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๔๓ ตารางที่๓.๑ การสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ๕๐ ตารางที่๔.๑ แสดงจํานวนและร้อยละ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนก ตามเพศ ๖๒ ตารางที่๔.๒ แสดงจํานวนและร้อยละ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนก ตามอายุ๖๒ ตารางที่๔.๓ แสดงจํานวนและร้อยละ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนก ตาม ระดับการศึกษา ๖๓ ตารางที่๔.๔ แสดงจํานวนและร้อยละ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนก ตามอาชีพ ๖๓ ตารางที่๔.๕ แสดงจํานวนและร้อยละ ปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนก ตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๖๔ ตารางที่๔.๖ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณ ลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขต เทศบาลนครขอนแก่น โดยรวม ๖๕ ตารางที่๔.๗ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ การแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกน่ด้านความรู้ความสามารถ ๖๖ ตารางที่๔.๘ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านคุณธรรมจรยธรรมิ๖๗ ตารางที่๔.๙ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกน่ด้านมนุษยสมพั ันธ์๖๗
ซ ตารางที่๔.๑๐ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านภาวะความเป็นผู้นํา ๖๘ ตารางที่๔.๑๑ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านอุดมการณในการปฏ ์ ิบัติงาน ๖๙ ตารางที่๔.๑๒ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกน่ด้านคุณลกษณะตามหลั ักสัปปรุิสธรรม ๗๐ ตารางที่๔.๑๓ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับคุณ ลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนคร ขอนแก่น ด้านหลักธมมัญญัุตา (รู้จักเหตุ) ๗๐ ตารางที่๔.๑๔ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแก่นด้านหลักอัตถัญญุตา (รจู้ักผล) ๗๑ ตารางที่๔.๑๕ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านหลกอั ัตตัญญุตา (รู้จกตนั ) ๗๒ ตารางที่๔.๑๖ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านหลกมั ัตตญญัุตา (รู้จกประมาณ ั ) ๗๓ ตารางที่๔.๑๗ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านหลกกาลัญญัุตา (รู้จกกาลั ) ๗๔ ตารางที่๔.๑๘ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกน่ด้านหลักปริสญญัุตา (รู้จกชัุมชน) ๗๕ ตารางที่๔.๑๙ แสดงค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการแปลผลระดับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาล นครขอนแกนด่ ้านหลกปัุคคลญญัุตา (รู้จกบัคคลุ ) ๗๖ ตารางที่๔.๒๐ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จําแนกตามเพศ ๗๗ ตารางที่๔.๒๑ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จําแนกตามอายุ๗๘
ฌ ตารางที่๔.๒๒ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอายุ๗๙ ตารางที่๔.๒๓ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านความรู้ความสามารถ ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอายุ๘๐ ตารางที่๔.๒๔ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านคุณธรรมจริยธรรมผลต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามอายํุ๘๑ ตารางที่๔.๒๕ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านมนุษยสัมพันธ์ผลต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามอายํุ๘๒ ตารางที่๔.๒๖ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านภาวะความเป็นผู้นํา ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอายุ๘๓ ตารางที่๔.๒๗ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน ผลต่างนยสั ําคญนั ้อย (LSD.) จําแนกตามอายุ๘๔ ตารางที่๔.๒๘ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามหลักสัปปรุิสธรรมผลต่างนัยสําคัญน้อย (LSD.) จําแนกตามอายุ๘๕ ตารางที่๔.๒๙ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จําแนกตามระดับการศึกษา ๘๖ ตารางที่๔.๓๐ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามระดับการศึกษา ๘๗ ตารางที่๔.๓๑ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านความรู้ความสามารถ ผลต่างนัยสําคัญน้อย ทสีุ่ด (LSD.) จําแนกตามระดับการศึกษา ๘๘ ตารางที่๔.๓๒ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณธรรมจริยธรรมผลต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามระดํ ับการศึกษา ๘๙ ตารางที่๔.๓๓ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านมนุษยสัมพันธ์ผลต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามระดํ ับการศึกษา ๙๐
ญ ตารางที่๔.๓๔ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านภาวะความเป็นผู้นํา ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามระดับการศึกษา ๙๑ ตารางที่๔.๓๕ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านอุดมการณ์ในการ ปฏิบัติงานผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามระดับการศึกษา ๙๒ ตารางที่๔.๓๖ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามหลักสัปปุริสธรรมผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามระดับ การศึกษา ๙๓ ตารางที่๔.๓๗ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จําแนกตามอาชีพ ๙๔ ตารางที่๔.๓๘ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามอาชํ ีพ ๙๕ ตารางที่๔.๓๙ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านด้านความรู้ความสามารถ ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอาชีพ ๙๖ ตารางที่๔.๔๐ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณธรรมจริยธรรมผลต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามอาชํ ีพ ๙๖ ตารางที่๔.๔๑ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านมนุษยสัมพันธ์ผลต่าง นัยสําคญนั ้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามอาชํ ีพ ๙๗ ตารางที่๔.๔๒ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านภาวะความเป็นผู้นํา ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอาชีพ ๙๘ ตารางที่๔.๔๓ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านอุดมการณ์ในการ ปฏิบัติงานผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอาชีพ ๙๙ ตารางที่๔.๔๔ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามหลักสัปปรุิสธรรมผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามอาชีพ ๑๐๐ ตารางที่๔.๔๕ ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จําแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๑
ฎ ตารางที่๔.๔๖ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๒ ตารางที่๔.๔๗ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านความรู้ความสามารถต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามรายได ํ ้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๓ ตารางที่๔.๔๘ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณธรรมจริยธรรมต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามรายได ํ ้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๔ ตารางที่๔.๔๙ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านมนุษยสัมพันธ์ต่าง นัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จาแนกตามรายได ํ ้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๕ ตารางที่๔.๕๐ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านภาวะความเป็นผู้นํา ผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๖ ตารางที่๔.๕๑ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านอุดมการณ์ในการ ปฏิบัติงานผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๗ ตารางที่๔.๕๒ แสดงผลการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่คุณลักษณะของ นักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนด้านคุณลักษณะตามหลักสัป ปุริสธรรมผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) จําแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ๑๐๘
ฏ สารบัญแผนภาพ แผนภาพที่หน้า แผนภาพที่๒.๑ กรอบแนวคดในการว ิ ิจัย ๔๗ แผนภาพที่๔.๑ สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับจากการวิจัย ๑๑๘
ฐ คําอธิบายสัญลักษณ์และคําย่อ อักษรย่อในวิทยานิพนธ์ครั้งนี้ใช้อ้างอิงจากพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย การอ้างอิงระบุเล่ม/ข้อ/หน้า หลังอักษรย่อชื่อคัมภีร์ให้ใช้อักษรย่อตัวพื้นปกติเช่น ที.สี.(ไทย) ๙/๒๗๖/๙๘. หมายถึง ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ภาษาไทย เล่ม ๙ ข้อ ๒๗๖ หน้า ๙๘ ฉบับ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๓๙ ก. คําย่อชื่อคมภั ีร์พระไตรปฎกิ พระสุตตันตปฎกิ คําย่อ ชื่อคัมภีร์ภาษา องฺ.สตฺตก.(ไทย) = สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต (ภาษาไทย)
บทที่๑ บทนํา ๑.๑ ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา นับแต่ประเทศไทยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็นต้นมา เป็นผลให้มีการตราพระราชบัญญัติกําหนดแผนและขั้นตอนตอนการกระจายอํานาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พุทธศักราช ๒๕๔๒ นับเป็นจุดเปลี่ยนสําคัญต่อการเมืองท้องถิ่น และ ต่อมามีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๕๐ ก็ได้เพิ่มอํานาจให้กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้นเป็นลําดับ๑ ส่วนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในหมวด ๑๔ การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเห็นได้ว่า จะต้องมีการจัดทํากฎหมายรองรับเกิดขึ้น เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการกําหนดหน้าที่และอํานาจดูแลและจัดทําบริการสาธารณะและกิจกรรม สาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน๒ ดังนั้น ผลจากการกระจายอํานาจของส่วนกลางที่ผ่านมา ส่งผลให้ท้องถิ่นแต่ละแห่งมี ลักษณะของการจัดการปกครองที่มีตัวแทนมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ทําให้ การเมืองเรื่องการเลือกตั้งขยายไปสู่การเมืองระดับท้องถิ่นมากขึ้น ประชาชนทั้งในเมืองและในชนบท ต่างเกี่ยวพันกับการเลือกตั้ง และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นําชุมชนในระดับต่าง ๆ ได้มีโอกาสเข้าสู่การ แข่งขันตามระบอบประชาธิปไตยทําให้อํานาจรัฐเปลี่ยนมือจากข้าราชการส่วนกลางที่ถือครองอํานาจ มายาวนานไปสู่นักการเมืองท้องถิ่นทําให้เกิดการแข่งขันกันเพื่อเข้าชิงตําแหน่งในองค์กรปกครอง ท้องถิ่นที่เข้มข้นและรุนแรงยิ่งขึ้น๓ อีกทั้งการที่ส่วนกลางถ่ายโอนภารกิจต่าง ๆ สู่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นเพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้การเมืองท้องถิ่นมีความตื่นตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็วและทําให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเคลื่อนเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของระบบการเมืองท้องถิ่นในระดับที่เข้มข้นมากขึ้น๔ ๑ อภิชาต สถิตนิรามัย, รัฐธรรมนูญ การกระจายอํานาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เดือนตุลา, ๒๕๕๕), หน้า ๒. ๒ โชคสุข กรกิตติชัย, ทิศทางการปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐, (กรุงเทพมหานคร: กลุ่มงานบริการวิชาการ ๑ สํานักวิชาการ, ๒๕๖๐). ๓ เวียงรัฐ เนติโพธิ์, การกระจายอํานาจกับแบบแผนใหม่ของเครือข่ายอิทธิพล, (กรุงเทพมหานคร: เอดิสันเพรส โปรดักส์, ๒๕๕๑). ๔ จรัส สุวรรณมาลา, “วัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทย”, วารสารสถาบันพระปกเกล้า, ปีที่ ๕ ฉบับที่๓ (กันยายน-ธันวาคม ๒๕๕๐): ๘๓-๑๐๖.
๒ การปกครองท้องถิ่นคือการปกครองที่รัฐกลางหรือส่วนกลางได้กระจายอํานาจไปให้หน่วยการ ปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสิทธิตามกฎหมาย มีพื้นที่และประชากรเป็นของตนเอง ประการ สําคัญขององค์กรดังกล่าวจะต้องมีอํานาจอิสระ (Autonomy) ในการปฏิบัติอย่างเหมาะสม มี วัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง ตามเจตนารมณ์ของ การปกครองในระบบประชาธิปไตย๕ การปกครองส่วนท้องถิ่นจึงเป็นพื้นที่ทางการเมืองที่เหมาะสม ที่สุดสําหรับการฝึกฝนให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในกิจการบ้านเมืองที่สามารถพัฒนาต่อไปเป็น พลเมืองที่แข็งขันของประเทศชาติได้ ๖ อีกทั้งการปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นการฝึกฝนความเป็น พลเมืองในสังคมประชาธิปไตยเพราะการเมืองท้องถิ่นนั้นมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมใน กิจกรรมสาธารณะ๗ โดยตัวแสดงทางการเมืองท้องถิ่นที่มีบทบาทหลัก มีทั้งที่อยู่ในภาคการเมืองคือ ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น ภาคราชการส่วนท้องถิ่น คือพนักงานและหน่วยปฏิบัติการของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมเช่นผู้นําชุมชนหรือบุคคลที่ได้รับการเคารพยกย่อง จากสมาชิกชุมชน การเมืองท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องของการเข้ามาแสวงหาอํานาจและใช้อํานาจของบุคคลต่อ กลุ่มบุคคลเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะหรือกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะบุคคลในท้องถิ่นนั้น ภายใต้บริบทของการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอํานาจและผลประโยชน์ในท้องถิ่น ดังนั้น นักการเมืองท้องถิ่นคือบุคคลที่เสนอตัวเข้าสู่ระบบการเมืองท้องถิ่น ภายใต้ระบบการเลือกตั้งใน ระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสําคัญที่ทําให้นักการเมืองท้องถิ่นมีความชอบธรรมในการเป็นตัวแทนเข้าไป ทําหน้าที่แทนประชาชนในท้องถิ่นทั้งการบริหารท้องถิ่น (ฝ่ายบริหาร) และการควบคุมตรวจสอบ (ฝ่ายนิติบัญญัติ) ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทํางานนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งอุปสรรคต่าง ๆ นั้นล้วน แล้วแต่มีผลต่อการบริหารงานและยังส่งผลถึงภาพลักษณ์ขององค์กร นักการเมืองท้องถิ่นที่ได้รับ เลือกตั้งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่จะต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในท้องถิ่นผ่านการเลือกตั้ง โดยตรงของประชาชน การที่ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้แทนเข้ามาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นนั้น ประชาชนจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติหรือคุณลักษณะของผู้สมัครเป็นหลัก จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของสุคนธ์เถาทองและคณะ, ไชโย ขนบบวรกุล ไพสิน นกศิริ, รณกฤต ทะนิต๊ะ พบว่า คุณลักษณะนักการเมืองท้องถิ่นประกอบด้วย ด้านความรู้ ความสามารถ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ด้านมนุษยสัมพันธ์ด้านภาวะความเป็นผู้นํา โดยในแต่ละด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นของประชาชนต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นอยู่ในระดับปาน ๕ วุฒิสาร ตันไชย, การกระจายอํานาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, พิมพ์ค รั้งที่๖, (กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอ.พี. กราฟิค ดีไซน์และการพิมพ์จํากัด, ๒๕๔๘). ๖ เอนก เหล่าธรรมทัศน์, แปรถิ่น เปลี่ยนฐาน: สร้างการปกครองท้องถิ่นให้เป็นรากฐานของ ประชาธิปไตย, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๒). ๗ อุดม ทุมโฆษิต, การปกครองท้องถิ่นสมัยใหม่ : บทเรียนจากประเทศพัฒนาแล้ว, (กรุงเทพมหานคร: โครงการเอกสารและตํารา คณะรัฐประศาสนศาสตร์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, ๒๕๕๐).
๓ กลาง ดังนั้น จึงจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึง ประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อศึกษาหาแนวทางการพัฒนาและ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนเพื่อเป็น ประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่ต้องการจะเข้ามาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น นําไปเป็น แนวทางในการพัฒนาตนเองเพื่อการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนต่อไป ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาปัญหาคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึง ประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นและคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นมีผลต่อ การเลือกนักการเมืองเพื่อเข้าไปบริหารงานหรือไม่อันจะส่งผลประโยชน์กับนักการเมืองท้องถิ่นที่จะ ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป และเป็นประโยชน์กับนักการเมืองท้องถิ่นที่ปฏิบัติงานในปัจจุบัน ทํา ให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของประชาชนต่อไป ๑.๒ คําถามการวิจัย ๑.๒.๑ ระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขต เทศบาลนครขอนแก่นเป็นอย่างไร ๑.๒.๒ ผลการเปรียบเทียบระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ๑.๒.๓ ข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนใน เขตเทศบาลนครขอนแก่นเป็นอย่างไร ๑.๓ วัตถุประสงค์การวิจัย ๑.๓.๑ เพื่อศึกษาระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนใน เขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๓.๒ เพื่อเปรียบเทียบระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๓.๓ เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๔ ขอบเขตการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) คือ เป็น การศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative research) และเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เพื่อ ศึกษาคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ผู้วิจัยได้ดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยกําหนดขอบเขตการวิจัยไว้ดังนี้
๔ ๑.๔.๑ ขอบเขตด้านเนื้อหา ในด้านเนื้อหาผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาเกี่ยวกับระดับคุณลักษณะของนักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ในด้านความรู้ความสามารถ ด้าน คุณธรรมจริยธรรม ด้านมนุษยสัมพันธ์ด้านภาวะความเป็นผู้นํา ด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน และ ด้านคุณลักษณะตามหลักสัปปุริสธรรม ๑.๔.๒ ขอบเขตด้านตัวแปร ตัวแปรต้น คือ ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่เพศ อายุระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อ เดือนของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ตัวแปรตาม คือ ศึกษาคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนใน เขตเทศบาลนครขอนแก่นประกอบด้วย ๕ ด้าน ดังนี้๑) ด้านความรู้ความสามารถ ๒) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ๓) ด้านมนุษยสัมพันธ์๔) ด้านภาวะความเป็นผู้นํา ๕) ด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน ๖) ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสัปปุริสธรรม ๑.๔.๓ ขอบเขตด้านประชากร ๑) ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนทั่วไปที่มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อาศัยอยู่ในเขต เทศบาลนครขอนแก่น จํานวน ๙๑,๖๕๐ คน๘ ๒) ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่พระสังฆาธิการ ๔ รูป เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ๖ คน ๑.๔.๔ ขอบเขตด้านพื้นที่ สถานที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ชุมชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และสถานที่ ราชการในเขตพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่นเพื่อลงพื้นที่เก็บข้อมูลเชิงปฏิบัติการ และรวบรวมข้อมูลเพื่อ นํามาวิเคราะห์ต่อไป ๑.๔.๕ ขอบเขตด้านระยะเวลา การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดําเนินการวิจัยตั้งแต่เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงเดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมเวลา ๖ เดือน ๑.๕ สมมติฐานการวิจัย ๑.๕.๑ ประชาชนที่มีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่ พึงประสงค์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นแตกต่างกัน ๑.๕.๒ ประชาชนที่มีอายุต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่ พึงประสงค์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นแตกต่างกัน ๘ สํานักทะเบียนเทศบาลนครขอนแก่น, สถิติประชากร, (เอกสารอัดสําเนา).
๕ ๑.๕.๓ ประชาชนที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นแตกต่างกัน ๑.๕.๔ ประชาชนที่มีอาชีพต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่ พึงประสงค์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นแตกต่างกัน ๑.๕.๕ ประชาชนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่างกันมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะของ นักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ในเขตเทศบาลนครขอนแก่นแตกต่างกัน ๑.๖ นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย คุณลักษณะที่พึงประสงค์หมายถึง ลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักการเมืองท้องถิ่น อันเป็นคุณลักษณะที่สังคมต้องการในด้านความรู้ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรม มนุษยสัมพันธ์ ภาวะความเป็นผู้นํา และอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน นักการเมือง หมายถึง นักการเมือง, ผู้นําทางการเมืองหรือบุคคลทางการเมือง เป็นบุคคล ผู้เกี่ยวข้องกับการมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะและการวินิจฉัยสั่งการ ในที่นี้หมายถึงนักการเมือง ส่วนท้องถิ่นในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายกเทศมนตรีหมายถึง บุคคลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในเขต เทศบาลนครขอนแก่น มีหน้าที่ในการบริหารงาน วางระเบียบข้อบังคับเพื่อให้งานของเทศบาลเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย สมาชิกสภาเทศบาล หมายถึง เป็นบุคคลที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงมาจากประชาชนในเขต เทศบาลนครขอนแก่น เพื่อให้มาทําหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในการตรวจสอบและควบคุมฝ่าย บริหารตามหลักการถ่วงดุลอํานาจในระบบรัฐสภา ด้านความรู้ความสามารถ หมายถึง พฤติกรรมทฎไดี่้แสดงออกมาโดยสามารถนําเอา หลักการของความรู้ความสามารถในแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมต่อการ ปฏิบัติงานขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้านคุณธรรมจริยธรรม หมายถึง หลักความประพฤติของพลเมืองที่ดีได้แก่ความเมตตา กรุณา ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละรู้จักผิดชอบชั่วดี ด้านมนุษยสัมพันธ์หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกมาในรูปสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นที่ เกี่ยวข้อง ได้แก่การปรับตัวให้เข้ากับสังคม มีความเป็นกันเอง เข้าร่วมกิจกรรมในสังคม เคารพและให้ เกียรติแก่บุคคลทุกระดับ ด้านภาวะความเป็นผู้นํา หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกมาในการทํางานให้บรรลุผล สําเร็จตลอดจนรวมถึงการสร้างวิสัยทัศน์เป็นบุคคลที่มีแนวคิดก้าวหน้าและทันสมัยด้านการบริหาร จัดการ ด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน หมายถึง ผู้บริหารควรมีความมุ่งมั่นในงานอย่างแน่วแน่ ตามวิชาความรู้ที่เรียนได้ถ่ายทอดมาและมีความรับผิดชอบรวมทั้งคุณธรรมและจริยธรรมเป็นที่ยึด
๖ ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักหลักสัปปุริสธรรม หมายถึง ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ทําให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดีธรรมของผู้ดี ๑.๗ ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ๑.๗.๑ ทําให้ทราบระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชน ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๗.๒ ทําให้ทราบผลเปรียบเทียบระดับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๗.๓ ทําให้ทราบข้อเสนอแนะคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของ ประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ๑.๗.๔ เพื่อเป็นข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นที่พึง ประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่น
บทที่๒ แนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมุ่งศึกษาถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของนักการเมือง ท้องถิ่นที่พึงประสงค์ของประชาชนในเขตเทศบาลนครขอนแก่นจึงได้มีการศึกษาแนวคิด และงานวิจัย ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับนักการเมือง ๒.๒ แนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมือง ๒.๓ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นํา ๒.๔ แนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล ๒.๕ ข้อมูลทั่วไปของพื้นที่การศึกษา ๒.๖ หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ๒.๗ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๒.๘ กรอบแนวคิดในการวิจัย ๒.๑ แนวคิดเกี่ยวกับนักการเมือง ภายใต้ความเป็นรัฐสมัยใหม่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่หลากหลายซึ่งสามารถแบ่ง ออกเป็น ๔ ประเภทสําคัญตามลักษณะของการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองประเภทแรกคือผู้ที่ไม่สนใจ การเมืองมักเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่กําลังพัฒนาไม่สนใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือ กระบวนการทางการเมืองเช่นไม่ไปเลือกตั้งไม่สนใจเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือลงรับสมัครเลือกตั้ง ไม่สนใจเรื่องราวต่าง ๆ ทางการเมืองประเภทที่สองผู้สนใจทางการเมืองเป็นบุคคลที่สนใจเรื่องราวต่าง ข่าวสารทางการเมืองและอาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการดําเนินกิจการของรัฐรู้ถึง ความสําคัญของตัดสินใจของสถาบันทางการเมือง แต่ยังไม่ถึงระดับที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งประเภทที่ สามผู้แสวงหาอํานาจและผู้นําในสังคมการเมืองหนึ่ง ๆ มีบุคคลบางคนพยายามแสวงหาอํานาจ มากกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งทําให้เขามีอํานาจหรืออิทธิพลทางการเมืองมากกว่าบุคคลเหล่านี้จะพยายาม แสวงหาอิทธิพลเพื่อผลทางด้านนโยบายระเบียบข้อบังคับและการตัดสินใจในการบังคับใช้กฎหมาย การแสวงหาอํานาจก็เพื่อประโยชน์ทางการเมืองการคุ้มครองผลประโยชน์ประชาชนหรือผลประโยชน์ ของตัวเองและพวกพ้องตัวเองประเภทสุดท้ายผู้ทรงอํานาจทางการเมืองหมายถึงบุคคลที่มีทรัพยากร ทางการเมืองหรือเป็นผู้ใช้อํานาจทางการเมืองอันเนื่องมาจากความแตกต่างของสภาพแวดล้อมที่
๘ เอื้ออํานวยให้แก่บุคคลเหล่านี้มากกว่าบุคคลโดยทั่วไปในระบบการเมืองเมื่อพิจารณา บุคคลทั้ง ๔ ประเภทจึงพบได้ว่านักการเมืองในความหมายทั่วไปคือผู้แสวงหาอํานาจและผู้นํา นักการเมืองจึงเป็นกลุ่มบุคคลซึ่งมีอํานาจในสังคมใดสังคมหนึ่งโดยมีตําแหน่งหน้าที่สําคัญและมี ชื่อเสียงอาจรวมถึงบุคคลหลายอาชีพด้วยกันเป็นบุคคลที่มีตําแหน่งสูงมีอํานาจหน้าที่ราชการซึ่งเป็น บุคคลส่วนน้อยในสังคมและเป็นผู้ควบคุมทรัพย์สินสวนใหญ ่หร่ ือมีสถานภาพสังคมในระดับสูงหรือเป็น ผู้มีอิทธิพลไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในกระบวนการตัดสินใจที่ผลต่อสมาชิกในสังคม สําหรับความหมายของนักการเมืองท้องถิ่นเมื่อพิจารณาในมิติของการเมืองท้องถิ่นก็จะ พบได้ว่าการเมืองท้องถิ่นมีสองมิติเช่นเดียวกับการเมืองระดับชาติคือมิติของการเมืองภาคตัวแทนและ การเมืองภาคพลเมืองกล่าวคือการเมืองท้องถิ่นในมิติของภาคตัวแทนคือการเมืองที่ประชาชนเลือก นักการเมืองท้องถิ่นเข้าไปทําหน้าที่แทนตนเองในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั่นคือผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นส่วนมิติภาคพลเมืองเป็นการเมืองที่เกิดขึ้นจากประชาชนหรือชุมชนเข้ามามี ส่วนร่วมตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่น การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง การลงชื่อเพื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น การเข้าชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง๑ ๒.๑.๑ ความหมายของนักการเมือง คําว่า “นักการเมือง” (politician) มาจากคําว่า “การเมือง” (politics) ซึ่งมาจากภาษา กรีก คือคําว่า polis แปลว่าเมืองหรือนคร ตามประวัติศาสตร์การปกครองของกรีกในสมัยโบราณนั้น เมืองหรือนครนั้นมีฐานะเป็นรัฐ (state) หรือที่เรียกว่านครรัฐ เช่น นครรัฐเอเธนส์นครรัฐสปาร์ตา เมืองหรือนครในสมัยโบราณจึงกลายมาเป็น “รัฐ” ตามความหมายในปัจจุบัน ในนครรัฐเอเธนส์ถือว่า สังคม คือ การเมืองประชาชนทั้งหมดในฐานะที่มีส่วนร่วมในกิจการของรัฐก็คือนักการเมือง และ บุคคลที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการอํานวยการปกครองของรัฐหรือเมืองก็คือประชาชนที่เกี่ยวข้อง กับการเมืองมากกว่าคนอื่น ๆ๒ นักการเมืองท้องถิ่น หมายถึง ผู้ซึ่งอยู่ในอํานาจหรือตําแหน่งที่ถูกกําหนดให้เป็นผู้นําเป็นผู้ ซึ่งสามารถมีอิทธิพลในการจัดสรรและจัดการต่อสิ่งที่มีคุณค่าต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น ๆ ในชุมชนนั้น และสามารถที่จะก่อให้เกิดการกระทํากิจกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสามารถที่จะจูงใจให้ผู้อื่น ปฏิบัติตามความคิดเห็นความต้องการหรือคําสั่งสอนของตนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการทั้งของ ตัวผู้นําเองและสมาชิกของชุมชนดังนั้นสรุปได้ว่านักการเมืองท้องถิ่นหมายถึงผู้ที่มีบุคลิกภาพเด่น ประกอบกับความสามารถพิเศษในชุมชนนั้น ๆ ซึ่งในกลุ่มชนแต่ละกลุ่มย่อมประกอบด้วยบุคคลที่มี บุคลิกภาพความรู้ความสามารถหรือทักษะที่แตกต่างกันไปในขณะที่ทุกคนมีความผูกพันซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้เองสถานการณ์ที่บีบตัวขึ้นจึงผลักดันในสมาชิกของกลุ่มบางคนกลายเป็นผู้นําย่อม ๑ ปธาน สุวรรณมงคล, การเมืองท้องถิ่น : การเมืองของใครโดยใครเพื่อใคร, (กรุงเทพมหานคร: จตุพรดีไซด์, ๒๕๕๔), หน้า ๒๓. ๒ ธีรภัทร์เสรีรังสรรค์, ปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบัน, พิมพ์ครั้งที่๓, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๓๒).
๙ เนื่องมาจากคุณลักษณะพิเศษประจําตัวอีกด้วยเช่นความซื่อสัตย์สุจริตความยุติธรรมความโอบอ้อม อารีและความเสียสละ๓ นอกจากนี้ยังหมายถึงบุคคลซึ่งมีบุคลิกภาพ อุปนิสัยและความสามารถดีเด่นใน สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งหรือในกิจกรรมอย่างใดกิจกรรมอย่างหนึ่งซึ่งจะเป็นผู้ที่สามารถจูงใจ ประชาชนให้มีความคิดเห็นคล้อยตามและลงมือทํางานอย่างใดอย่างหนึ่งประเภทของผู้นําท้องถิ่นใน หมู่บ้านหนึ่ง ๆ นั้นอาจจะจําแนกลักษณะโครงสร้างของผู้นําแบ่งออกเป็นสองประเภทคือผู้นําแบบ เป็นทางการเช่นผู้ใหญ่บ้านกํานันและแบบไม่เป็นทางการเช่นผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นต้น ๒.๑.๒ นักการเมืองท้องถิ่นกับโครงสร้างอํานาจในระดับท้องถิ่น ๑) โครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบขั้วเดียวหรือแบบรวมศูนย์ท้องถิ่นมักมีชนชั้นนํา กลุ่มหนึ่งที่รวมตวกั ันเหนียวแน่นผูกขาดอํานาจและการตัดสินใจของสังคมในทุกเรื่องในลักษณะชนชั้น นํานิยมความสัมพันธ์เชิงอํานาจเป็นไปในลักษณะผูกขาดอํานาจทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมทั้งใน ระดับจังหวัดหรือชุมชนท้องถิ่นเพราะมีชนชั้นนําอยู่ขั้วเดียวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกลุ่มมีความ เข้มแข็งเหนือกว่ากลุ่มอื่น ๆ มีผู้อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์อย่างกว้างขวางมากมายและมีสายสัมพันธ์แนบ แน่นกับข้าราชการในจังหวัดหน่วยงานต่าง ๆ และท้องถิ่นเป็นผู้มีบารมีและมีอิทธิพลจนเป็นเหตุให้ ผูกขาดอํานาจทางการเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จ (Monopolistic Politics) โดยปราศจากคู่แข่งทาง การเมืองที่มีศักยภาพที่จะแข่งขันได้อีกทั้งชนชั้นนําลักษณะนี้จะเป็นผู้กุมอํานาจในการตัดสินใจ ทั้งหมดทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบขั้วเดียวนี้ชนชั้นนําของการเมืองระดับชาตินักการเมือง ท้องถิ่นผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ จะเป็นเครือข่ายเดียวกันทําให้การบริหารราชการต่าง ๆ หรือการ ดําเนินกิจกรรมของจังหวัดนั้น ๆ มีเสถียรภาพสูงมีความเป็นเอกภาพและปราศจากความขัดแย้งใด ๆ เพราะเมื่อเกิดปัญหาจะมีผู้ที่คอยจัดการความขัดแย้งให้การบริหารดําเนินการต่อไปอย่างคล่องตัวและ รวดเร็ว ๒) โครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบ ๒ หรือ ๓ ขั้วอํานาจการเมืองเป็นเรื่องของการ แข่งขันกันระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆอํานาจและโครงสร้างอํานาจจึงไม่ตายตัว แต่เปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลาโครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบ ๒ หรือ ๓ ขั้วอํานาจมักมีการต่อสู้แข่งขันระหว่างกลุ่ม ต่างๆ ทั้งการเมืองระดับชาติระดับท้องถิ่นหรือความขัดแย้งภายในชุมชนเพราะไม่มีกลุ่มใดมีอํานาจ เหนือกลุ่มใดอย่างเด็ดขาดแต่ละกลุ่มต่างมีฐานทางเศรษฐกิจที่เท่ากันมีเครือข่ายในจังหวัดเท่า ๆ กันมี ผู้อยู่ภายใต้อุปถัมภ์เท่า ๆ กันอีกทั้งขั้วต่าง ๆ เหล่านั้นมีการต่อสู้แข่งขันกันทั้งก่อนการเลือกตั้งและ ภายหลังจากการเลือกตั้งเช่นในระดับท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งได้เป็นฝ่ายบริหารอีกกลุ่มหนึ่งจะได้เป็นฝ่าย สภาเป็นต้นซึ่งมีข้อดีคือทําให้ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมีการตรวจสอบถ่วงตุลซึ่งกันและกัน ๓ ธีระพงศ์ธนเจริญรัตน์, “หลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นําอู่กลางประกันภัย”, ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎี บัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยรามคําแหง, ๒๕๕๓).
๑๐ ๓) โครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบหลายขั้วจนไม่มีขั้วอํานาจที่ชัดเจนโครงสร้าง อํานาจท้องถิ่นแบบนี้จะไม่ถูกครอบงําแบบเบ็ดเสร็จอย่างแบบโครงสร้างขั้วเดียวและไม่มีความรุนแรง เท่ากับโครงสร้างแบบ ๒ หรือ ๓ ขั้วอํานาจเพราะอํานาจไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่กับชนชั้นนํากลุ่มใดกลุ่ม หนึ่งการต่อสู้ของชนชั้นนําต่าง ๆ ยังอิสระต่อกันมากจนไม่มีใครมีอํานาจเหนือใครจนชนชั้นนําต่าง ๆ ต้องจับมือกันเป็นพันธมิตรเพื่อรวมตัวกันมาบริหารงานท้องถิ่น๔ ๒.๑.๓ วัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่นกับนักการเมืองท้องถิ่น วัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่นกับนักการเมืองท้องถิ่นมี๓ แบบคือ ๑) วัฒนธรรมการเมือง แบบปรึกษาหารือซึ่งพัฒนามากจากความโดดเด่นของการมีองค์กรชุมชนที่เข้มแข็ง ๒) วัฒนธรรม การเมืองแบบแข่งขันซึ่งพัฒนามาจากการแย่งชิงและยึดครองฐานเสียงและผลประโยชน์ทางการเมือง ระหว่างกลุ่มการเมืองในระดับชาติและท้องถิ่น ๓) วัฒนธรรมการเมืองแบบรวมศูนย์-ผูกขาดอํานาจ ทางการเมืองซึ่งพัฒนามาจากการรวมศูนย์อํานาจและการจัดระบบความสัมพันธ์ทางการเมืองการ ปกครองแนวดิ่งในอดีต ๑) วัฒนธรรมการเมืองแบบปรึกษาหารือหรือแบบสมาคม (Deliberative / Civic political Culture) ประกอบขึ้นด้วยพลเมืองที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นญาติมิตรรักใคร่นับถือกันผูกพัน ระหว่างกันและกันและเชื่อถือไว้วางใจกันและกันค่อนข้างสูงส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองหรือชาวชุมชนมา แต่กําเนิดมีจิตใจรักและผูกพันกับเมืองหรือชุมชนของตนเองอย่างชัดเจนมีจิตสํานึกสาธารณะให้ ความสําคัญกับการเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่ม / สมาคมชมรมองค์กรชุมชนในการจัดกิจกรรมบริการ สาธารณะของชุมชนจึงมีองค์กรชุมชนทําหน้าที่จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์จํานวนหลายกลุ่มหลาย องค์กรแต่ละกลุ่ม / องค์กรมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนเช่นกลุ่มส่งเสริมอาชีพกลุ่ม เหมืองฝ่ายกลุ่มสวัสดิการกลุ่มออมทรัพย์สหกรณ์กลุ่มส่งเสริม / อนุรักษ์วัฒนธรรมกลุ่มอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของชุมชน ฯลฯ เป็นต้นกลุ่มเหล่านี้มีกิจกรรมต่อเนื่องมีผู้เข้าร่วม กิจกรรมจํานวนมากอย่างสม่ําเสมอ การเลือกตั้งในท้องถิ่นในวัฒนธรรมแบบปรึกษาหารือนี้อาจมีนักการเมืองท้องถิ่นลง รับสมัครเลือกตั้งจากหลายกลุ่มและมีการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้นระหว่างกลุ่มต่าง ๆ แต่ในที่สุด ผู้ที่ได้รับเลือกจะเป็นผู้ที่กลุ่มองค์กรชุมชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับมากที่สุดเมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง แล้วการแข่งขันทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งก็ค่อย ๆ คลี่คลายและหมดไปนักการเมือง ท้องถิ่นจึงเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่ม / องค์กรชุมชนและประชาชนทั่วไปและ สนับสนุนให้มาทําหน้าที่เป็นผู้บริหารท้องถิ่นเป็นคนในท้องถิ่นไม่มีความสัมพันธ์กับพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองภายนอกเป็นนักประสานงานมากกว่าเป็นผู้นําที่เข้มแข็งเด็ดขาดส่วนใหญ่มีแบบ แผนบริหารแบบเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่ม / องค์กรชุมชนรับฟังความคิดเห็นผ่านเวทีชุมชนและการ ปรึกษาหารือระหว่างกลุ่ม / องค์กรชุมชน ๔ ระดม วงษ์น้อม, “แนวคิดเรื่องชนชั้นนําและการศึกษาโครงสร้างอํานาจชุมชน”, รัฐศาสตร์สาร, (พฤษภาคม-สิงหาคม ๒๕๒๖): ๑-๓๖.
๑๑ ๒ ) วัฒนธรรมการเมืองแบบแข่งขัน รุนแรง (Fragmented and volatile Competition) การเมืองแบบนี้อาจจะพบเห็นได้ในชุมชนเขตเมืองหรือถึงชนบทถึงเมืองที่มีการ แบ่งกลุ่มการเมืองเป็นฝึกเป็นฝ่ายหลายกลุ่มหลายพวก (Fragmented / Plural society) ที่เข้ากัน ไม่ได้และไม่มีพวกโดยกลุ่มโตมีอํานาจทางการเมืองเหนือกลุ่มอื่นอย่างเด็ดขาดการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็น การแข่งขันทางการเมืองนักการเมืองท้องถิ่นลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งจํานวนหลายกลุ่มและมีท่าที่ เป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างชัดเจนใช้กลยุทธ์การต่อสู้แบบทําลายล้างเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ไม่ ประนีประนอมอาจใช้วิธีนอกกฎหมายและใช้ความรุนแรงประกอบกันในบางกรณีมีการดึงนักการเมือง และพรรคการเมืองระดับชาติเข้าร่วมเป็นพลังสนับสนุนกลุ่มการเมืองท้องถิ่นด้วยในกรณีเช่นนี้จะยิ่ง ทําให้การต่อสู้แข่งขันในการเลือกตั้งท้องถิ่นเพิ่มความเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้น ๓) วัฒนธรรมการเมืองแบบผูกขาด-รวมศูนย์อํานาจ (Monopolistic and centralized political culture) การผูกขาดและรวมศูนย์อํานาจทางการเมืองอาจเกิดขึ้นจากหลาย สาเหตุเช่นเกิดจากการก่อตัวของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นซึ่งอาศัยอํานาจรัฐเป็นองค์ประกอบในขั้นต้น เช่นกํานันผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีอิทธิพลที่อิงอํานาจของส่วนราชการหรือหน่วยงานของ รัฐหรืออาศัยอํานาจบารมีนักการเมืองระดับชาติหรือเกิดกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่ผูกขาดอํานาจทางการ เมืองเพราะมีผลงานเป็นที่ยอมรับหรือมีนโยบายการดําเนินงานที่ประชาชนในท้องถิ่นนิยมชมชอบ เข้าถึงความต้องการของประชาชนทําให้กลุ่มการเมืองนั้น ๆ ได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาอีกหลายครั้ง ติดต่อกันแม้จะเปลี่ยนตัวผู้นําทางการเมือง แต่กลุ่มการเมืองนั้น ๆ อาจยังได้รับการเลือกตั้งกลับเข้า มาอย่างต่อเนื่องหรืออาจเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกันการเมืองในระบบวัฒนธรรมแบบนี้จะมีกลุ่ม การเมืองที่ผูกขาดอํานาจการเมืองท้องถิ่นโดดเด่นเพียงกลุ่มเดียวปราศจากคู่แข่งที่สามารถท้าทาย อํานาจได้จริงๆดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งนักการเมืองท้องถิ่นจึงไม่มีคู่แข่งทางการเมืองที่เข้มแข็งเพียง พอที่จะท้าทายอํานาจของกลุ่มที่กุมอํานาจทางการเมืองได้ไม่ค่อยมีความขัดแย้งรุนแรงเพราะกลุ่ม ผูกขาดอํานาจทางการเมืองในท้องถิ่นได้จัดสรรอํานาจและผลประโยชน์ทางการเมืองให้คนกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว๕ สรุป นักการเมือง หมายถึง บุคคลซึ่งมีบุคลิกภาพ อุปนิสัยและความสามารถซึ่งจะเป็นผู้ที่ สามารถจูงใจประชาชนให้มีความคิดเห็นคล้อยตามและลงมือทํางานอย่างใดอย่างหนึ่งประเภทของ ผู้นําท้องถิ่นในหมู่บ้านหนึ่ง ๆ นั้นอาจจะจําแนกลักษณะโครงสร้างของผู้นําออกเป็นสองประเภทคือ ผู้นําแบบเป็นทางการ เช่น ผู้ใหญ่บ้านกํานันและแบบไม่เป็นทางการ เช่น ผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งผู้ที่มี ชื่อเสียง ๕ จรัส สุวรรณมาลา, “วัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทย”, วารสารสถาบันพระปกเกล้า, ปีที่ ๕ ฉบับที่๓ (กันยายน-ธันวาคม ๒๕๕๐): ๘๓-๑๐๖.
๑๒ ตารางที่๒.๑ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับนักการเมือง นักวิชาการหรอแหลื ่งขอมู้ล สรุปแนวคิดเกี่ยวกับนักการเมือง ปธาน สุวรรณมงคล. การเมืองท้องถิ่น: การ เมือง ของใครโดยใครเพื่อใคร. สําหรับความหมายของนักการเมืองท้องถิ่นเมอื่ พิจารณาในมิตของการเมิ ืองทองถ้ ิ่นก็จะพบได้ว่า การเมองทื ้องถนมิ่ีสองมิติคือ มิติของภาคตัวแทนมิติ ภาคพลเมืองเปนการเม็องทื ี่เกดขิ ึ้นจากประชาชน หรือชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมตามที่กฎหมายบญญั ัติไว้ เช่น การไปใช้สทธิ ิเลือกตั้ง ธีรภัทร์เสรรีังสรรค์. ปญหาการเมั ืองไทยในปจจัุบัน. “นักการเมองื ” (politician) มาจากคําว่า “การเมือง” (politics) ซึ่งมาจากภาษากรีก คอคื ําว่า polis แปลว่าเมืองหรือนคร ตามประวัติศาสตรการ์ ปกครองของกรกในสม ี ัยโบราณนั้นเมืองหรือนครนั้น มีฐานะเป็นรัฐ (state) หรือที่เรยกวี ่านครรัฐ“รฐั” ตามความหมายในปัจจุบัน ถือวาส่ ังคม คือ การเมือง ประชาชนทั้งหมดในฐานะที่มสี่วนร่วมในกจการของิ รัฐก็คือ นกการเมั ือง ธีระพงศ์ ธนเจริญรตนั ์.หลกสัูตรการพัฒนาภาวะ ผู้นําอู่กลางประกันภัย. นักการเมือง หมายถึง ผู้ซงอยึ่ในอู่ ํานาจหรอตื ําแหน่ง ที่ถกกูําหนดใหเป้ ็นผู้นําเป็นผู้ซึ่งสามารถมีอทธิ พลใน ิ การจดสรรและจั ัดการต่อสิ่งที่มคีุณค่าต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น ๆ ในชุมชนนั้นและสามารถที่จะ ก่อให้เกดการกระทิ ํากจกรรมหริ ือการเปลี่ยนแปลง รวมทงสามารถทั้ี่จะจูงใจให้ผู้อนปฏ ื่บิัติตามความ คิดเห็นความต้องการหรอคื ําสั่งสอนของตนหรอการื เปลี่ยนแปลงรวมทั้งสามารถทจะจีู่งใจให้ผู้อื่นปฏิบัติ ตามความคิดเหนความต็ ้องการหรือคําสั่งสอนของ ตน ระดม วงษ์น้อม. แนวคิดเรองชนชื่ั้นนําและการศึกษา โครงสร้างอํานาจชุมชน. โครงสร้างอํานาจในระดับท้องถนิ่๑) โครงสร้าง อํานาจท้องถิ่นแบบขั้วเดยวหรี ือแบบรวมศูนย์ ท้องถิ่น ๒) โครงสร้างอํานาจทองถ้ ิ่นแบบ ๒ หรือ ๓ ขั้วอํานาจการเมือง ๓) โครงสร้างอํานาจท้องถิ่นแบบ หลายขั้วจนไม่มขีั้วอํานาจที่ชัดเจน จรัส สุวรรณมาลา. วัฒนธรรมการเมองทื ้องถนใน ิ่ ประเทศไทย. วัฒนธรรมการเมืองทองถ้ ิ่นกับนักการเมืองท้องถิ่นมี ๓ แบบคือ ๑) วัฒนธรรมการเมองแบบปร ืกษาหารึ ือ ๒) วัฒนธรรมการเมืองแบบแขงข่ ัน ๓) วัฒนธรรม การเมองแบบรวมศืูนย์-ผูกขาดอํานาจทางการเมือง
๑๓ จากการทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับนักการเมืองทําให้ผู้วิจัยได้ทราบถึงบทบาทหน้าที่ของ นักการเมืองในระดับท้องถิ่นพร้อมทั้งโครงสร้างอํานาจในระดับท้องถิ่น ๒.๒ แนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมือง ๒.๒.๑ คุณลักษณะของนักการเมืองที่ดี นักการเมืองหรือผู้ปฏิบัติงานทางการเมืองเป็นส่วนประกอบสําคัญของการพัฒนาระบอบ การเมืองการปกครองของประเทศเพราะนักการเมืองเป็นบุคคลที่ประชาชนมอบอํานาจให้ทําหน้าที่ แทนตน ดังนั้นจึงจําเป็นอย่างยิ่งที่นักการเมืองจะต้องมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และเหมาะสมกับการ ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเจ้าของอํานาจสําหรับคุณสมบัติของการเป็นนักการเมืองที่ดีได้มี นักวิชาการให้ความเห็นไว้หลายประการสรุปได้ดังนี้ คุณสมบัติของการเป็นนักการเมืองที่ดีจะต้องมีคุณภาพสูง มีคุณวุฒิที่จะเป็นประโยชน์ต่อ การบริหารประเทศชาติมีคุณประโยชน์ทํางานเพื่อส่วนรวมด้วยความเสียสละไม่เห็นแก่ตัวมีวิสัยทัศน์ กว้างไกลตื่นตระหนกน้อยเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เฉพาะหน้ามีคุณลักษณะชีวิตที่ดีมีลักษณะพื้นฐาน ของการดําเนินชีวิตแบบเสมอต้นเสมอปลาย มีประวัติดีมีการดําเนินชีวิตตั้งแต่อดีตที่โปร่งใสทั้งในชีวิต หน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวมีกริยา มีวาทศิลป์ไม่โกหกไม่กลับกลอกไม่ปลิ้นปล้อนสามารถพูดจา สื่อสารได้ดีกับบุคคลในทุก ๆ ระดับและที่สําคัญมีคุณธรรม จริยธรรมซื่อสัตย์จริงใจต่อประชาชนและ ประเทศชาติ ๖ นักการเมืองไทยที่พึงประสงค์จะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการณ์ปกครอง และการบริหารเข้าใจลึกซึ้งถึงปรัชญาการปกครองแบบประชาธิปไตย มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลเปิด กว้างรับฟังความคิดหลาย ๆ ฝ่าย มีจริยธรรม และมีศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจริยธรรมและ จรรยาบรรณทางการเมืองไม่ทําลายหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยอุทิศชีวิตเพื่อประโยชน์ของ สังคมและประเทศชาติไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์โดยใช้ตําแหน่งอํานาจที่ตน ครอบครองอยู่ ๗ คุณสมบัตินักการเมืองที่ดีคือ นักการเมืองต้องมีความผูกพันทางอุดมการณ์ (ideological commitment) มีจิตวิญญาณประชาธิปไตยและต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยนั้นเป็นกรรมวิธีเพื่อ จุดมุ่งหมายบางอย่างและขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่มีเป้าหมายบั้นปลายที่มีคุณค่าในตัวเองปฏิบัติตาม กรอบกติกาเพื่อรักษาไว้ซึ่งกระบวนการประชาธิปไตย ต้องมีจริยธรรมทางการเมือง (political ethics) มีความรู้ทางการเมือง (political knowledge) ที่สําคัญจําเป็นต้องมีความรู้เรื่องปรัชญา ทางการเมือง มีประสาทสัมผัสทางการเมือง (political sense) ความสามารถในการเข้าใจนัยสําคัญ ๖ เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์, แนวคิดการปฏิรูปการเมืองไทย, (กรุงเทพมหานคร: เอเชียเพรซ, ๒๕๓๙), หน้า ๑๓๙-๑๔๙. ๗ ลิขิต ธีรเวคิน, การเมืองการปกครองของไทย, พิมพ์ครั้งที่๕, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๓), หน้า ๓๔.
๑๔ ทางการเมืองอันเกิด จากเหตุการณ์ทางการเมืองรวมทั้งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ทาง การเมือง (political mood) ของสังคม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักการเมือง คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักการเมืองประกอบด้วยคุณลักษณะ ๕ ด้าน ดังนี้ ๑) ด้านความรู้ความสามารถ ความรู้ความสามารถของผู้บริหารที่ควรมีหมายถึง พฤติกรรมที่ได้แสดงออกมา โดย สามารถนําเอาหลักการของความรู้ความสามารถในแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะ แก่งานนั้น จนเป็นทยอมถึงความสําเร็จ ประกอบด้วยการดําเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับความรู้ใหม่ๆ ต่อการปฏิบัติงานขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒) ด้านคุณธรรมจริยธรรม คุณธรรมและจริยธรรม หมายถึง หลักความประพฤติโดยผ่านการฝึกอบรมให้เป็น ความประพฤติของพลเมืองที่ดีเน้นเป็นรายบุคคลต่อการตระหนักถึงผลทางสังคมที่สามารถจะดํารง รูปแบบของสังคม ๓) ด้านมนุษยสัมพันธ์ มนุษยสัมพันธ์หมายถึง การติดต่อเกี่ยวข้องระหว่ามนุษย์อันจะเป็นสะพานทอดไปสู่ การสร้างมิตร ชนะมิตรและจูงใจคน รวมทั้งการสร้างหรือพัฒนาตนเองให้เป็นที่รู้จักรักใคร่ชอบพอแก่ คนทั่วไปอย่างกว้างขวางได้รับการสนับสนุนร่วมมือจากบุคคลทุกฝ่ายเป็นการสร้างตนให้เป็นคนดีของ สังคม พร้อมทั้งแสดงให้เห็นลักษณะสําคัญของการเป็นผู้นําในอนาคตอีกด้วย ๔) ด้านความเป็นผู้นํา ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่พยายามรวบรวมความต้องการและประสานความคิดของ สมาชิกในกลุ่มเข้าด้วยกัน นับว่าผู้นํามีส่วนช่วยให้กลุ่มได้กําหนดจุดมุ่งหมายในการทํางาน และสารมา รถดําเนินการจนบรรลุจุดมุ่งหมายได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ผู้นํานั้นไม่ใช่ผู้ที่มีอํานาจสูงสุดแต่เป็นผู้ที่ สามารถกระตุ้นให้คนทั้งหมดทํางานร่วมกันได้ ๕. ด้านอุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน อุดมการณในการปฏิบัติงาน หมายถึง ผู้บริหารควรมีความมุ่งมั่นในงานอย่างแน่วแน่ ตามวิชาความรู้ที่เรียนได้ถ่ายทอดมาและมีความรับผิดชอบรวมทั้งคุณธรรมและจริยธรรมเป็นที่ยึด๘ ๘ สาโรช บัวศรี, จริยธรรมศึกษา, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๒๖), หน้า ๑๔.
๑๕ คุณลักษณะของนักการเมืองที่ดีมีดังนี้ ๑) คุณลักษณะด้านวิชาการ ๑.๑ มีความรู้ด้านวิชาชีพเป็นอย่างดี ๑.๒ มีความรู้ด้านความรู้ทั่ว ๆ ไปดี ๑.๓ มีประสบการณ์ในการบริหาร ๒) คุณลักษณะด้านบุคลิกภาพ ๒.๑ มีบุคลิกภาพด้านร่างกายดีบุคลิกลักษณะดีมีชีวิตชีวา วาจาดีวางตัว เหมาะสมมีบุคลิกภาพด้านจิตใจดีมีความเชื่อมั่น ศรัทธาผู้อื่น มีความอดทนกล้าหาญ มีเมตตาจิต มี วินัยมีใจเป็นธรรม และมีอารมณ์ขัน ๒.๒ มีบุคลิกด้านสังคมดีมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ช่วยเหลือสังคม เห็น ประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตัว ๓) คุณลักษณะด้านความสามารถในการปฏิบัติงาน มีสติปัญญาฉลาด รู้บทบาทตน รับผิดชอบ มีความกล้า แนบเนียน เด็ดขาด กระตือรือร้น บังคับตนเองได้รวมทั้งมีความสามารถใน ด้านการตัดสินใจ การจูงใจ การประสานงาน มีผลงานที่ประสบผลสําเร็จ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่น มีดังนี้ ๑) คุณลักษณะด้านบุคลิกภาพ คือ ความกระตือรือร้นในการทํางาน ควบคุมอารมณ์ ได้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ๒) คุณลักษณะด้านคุณธรรม คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบ ความจริงใจ ต่อผู้ร่วมงาน ๓) คุณลักษณะด้านความเป็นผู้นํา คือ มีปฏิภาณไหวพริบ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความสามารถในการโน้มน้าว ๔) คุณลักษณะด้านมนุษยสัมพันธ์คือ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นประสาน ความเข้าใจอันดีระหว่างผู้ทํางานร่วมกัน รู้จักให้เกียรติ ๕) คุณลักษณะด้านความสามารถ คือ มีความเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตนเองมี ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย และมีจตวิ ิทยาชุมชน ๖) คุณลักษณะด้านการปฏิบัติงาน คือ มีความสามารถในการให้คําแนะนํา ชี้แจง ระเบียบรู้ขอบเขตของงานที่รับผิดชอบ มีความสามารถในการสรรหาและคัดเลือกบุคคล๙ ๙ ชลิตา อินทราไสย, “คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารกองเภสัชกรรมตามความคิดเห็นของ ข้าราชการและเจ้า หน้าที่กองเภสัชกรรม สํานักอนามัย กรุงเทพมหานคร”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชานโยบายสาธารณะ, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๔๖), หน้า ๒๒.
๑๖ คุณลักษณะของนักการเมืองที่ดี๗ ประการดังต่อไปนี้ ๑) เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งหมายถึง เป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการ ปกครองการบริหาร เข้าใจลึกซึ้งถึงปรัชญาการปกครองแบบประชาธิปไตยมีความเข้าใจเป็นอย่างดี เกี่ยวกับโครงสร้างและกระบวนการทางการเมือง เข้าใจรัฐธรรมนูญกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมาย เลือกตั้ง และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองที่สําคัญที่สุด คือ ต้องบริหารงานเป็น โดยใช้คน ให้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล ไม่คับแคบและดื้อรั้น ต้องเปิดกว้างรับฟัง ความคิดเห็นหลาย ๆ ฝ่าย มีประเด็นปัญหาและแนวทางการแก้ไขอย่างเฉียบขาด ไม่สุดโต่งไปตาม สมัยนิยมหรือลูกทุ่งจนเกินเลย สามารถประสานความรู้จากที่อื่นกับภูมิปัญญาของชาติหรือของ ท้องถิ่นได้ ๓) ต้องเป็นบุคคลที่มีจริยธรรมและมีศีลมีสัตย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจริยธรรมและ จรรยาบรรณทางการเมือง รักษาหลักการของความยุติธรรมและความถูกต้อง ไม่ทําลายหลักการ ปกครองแบบประชาธิปไตย ที่สําคัญที่สุดต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปไตย ๔) ต้องสามารถอุทิศชีวิตเพื่อชดใช้หนี้แผ่นดิน กระทําการทุกอย่างเพื่อประโยชน์ ของสังคมและประเทศชาติรักษาและปกป้องผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนยากไร้ไม่ฉ้อ ราษฎร์บังหลวง มุ่งกอบโกยผลประโยชน์โดยใช้ตําแหน่งอํานาจที่ครองอยู่ ๕) ต้องต่อสู้ในกระบวนการทางการเมืองอย่างเที่ยงธรรม ไม่ใช้เงินซื้อเสียง ไม่ใช้เงิน ชักจูงลูกพรรคจากพรรคอื่นมาเข้าพรรคตน ไม่โก่งค่าตัวเพื่อที่จะหาเงินก้อนใหญ่เข้ากระเป๋า ๖) ต้องสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่มีอารยะ ไม่สร้างกระบวนการทางการเมือง แบบน้ําเน่า การพูดจากต้องมีหลักฐาน ต้องมีข้อมูล มีทฤษฎีมีเหตุผล ที่สําคัญต้องไม่สร้างภาพอัน อัปลักษณ์ของนักการเมืองให้ปรากฏเพราะจะทําให้ระบอบประชาธิปไตยเสื่อมความชอบธรรม ๗) ต้องผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม รักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ไม่ตะแบง ตีความแบบศรีธนญชัย ไม่ลูบหน้าปะจมูก เลือกปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่สําคัญที่สุดระบบและสังคม จะต้องผลักดันให้บุคคลที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากวงการเหลือเพียงแต่บุคคลที่พึงประสงค์ไว้ทําหน้าที่ แทนประชาชน พร้อม ๆ กับกลไกการควบคุมไม่ให้บุคคลเหล่านี้ออกนอกกรอบ๑๐ ผู้นําหรือนักการเมืองท้องถิ่น ควรมีคุณสมบัติแบ่งออกเป็นด้านต่าง ๆ ๕ คุณลักษณะ ดังนี้ ๑) คุณลักษณะทางกาย เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ง่ายที่สุด ผู้นําจึงต้องเอาใจใสดูแลสุขภาพ และรูปร่างให้อยู่ในลักษณะแข็งแรงและสมส่วนเพื่อจะได้เกิดความคล่องตัวกระฉับกระเฉงในการ ปฏิบัติงานซึ่งผู้นําที่ประสบความสําเร็จจําเป็นต้องมีกําลังกายและพลังประสาทที่เข้มแข็ง นอกจากนั้น ๑๐ ธวัชชัย วงศ์สังยะ, “คุณลักษณะนักการเมืองท้องถิ่นในอุดมคติ: กรณีศึกษาเขตตําบล บางโปรง อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ”, วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์การเมืองและการ บริหารจัดการ, (คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๕๔), หน้า ๒๕.
๑๗ แล้ว ผู้นํายังต้องรู้จักการวางตน การควบคุมตนเอง การพูดจาดีเข้าสังคมเก่ง มีความอ่อนน้อมถ่อม ตน ไม่โอ้อวดตนเอง ๒) คุณลักษณะด้านสติปัญญา ได้แก่ความเป็นผู้มีความรู้ดีเฉลียวฉลาด มีความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์มีความรอบคอบและความจําดีนอกจากนี้ยังต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ให้ก้าวหน้า ทันสมัยอยู่เสมอเป็นผู้มีความคิดไกล มีโลกทัศน์กว้าง หาทางปรับปรุงงานให้ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา ๓) คุณลักษณะด้านจิตใจ ได้แก่การเป็นผู้ที่มีคุณธรรม คือเป็นผู้ที่มีความดีงามตาม หลักธรรมของศาสนาประจําใจอยู่เป็นนิจ มีความยุติธรรม มีความอดทนต่อความยากลําบากในงาน และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีมีความเสียสละรวมทั้งเป็นผู้มีจิตใจเบิกบานอยู่เสมอ ๔) คุณลักษณะด้านงาน ได้แก่การศรัทธาในองค์การและงานที่ตนรับผิดชอบ รักงาน รักผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงาน มีความรับผิดชอบสูงและต้องการความสําเร็จสูง มีเป้าหมายและ วิธีการที่แน่นอน สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้มีความกระตือรือร้นในงานให้คล้อยตามให้ได้ สามารถสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นได้ ๕) คุณลักษณะด้านสังคม เนื่องจากงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จําเป็นต้องอาศัยการประสานงานเพื่อความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ๆ ดังนั้นผู้นําองค์การ จึงต้อง เป็นผู้ที่เปิดตัวเองชอบการติดต่อพบปะสังสรรค์กับบุคคลอื่น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต้องการมีส่วน ร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และร่วมมือกับบุคคลอื่นด้วย๑๑ สรุป คุณลักษณะผู้นําหรือ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นนั้น เป็นคุณลักษณะที่ติด ตัวมาแต่กําเนิดหรือสร้างขึ้นในภายหลัง ด้วยการเรียนรู้และการฝึกฝน เกิดจากประสบการณ์ทั้ง ทางตรงและทางอ้อม ที่ส่งผลต่อความมีประสิทธิภาพในการบริหารงานของผู้นํา เช่น เป็นบุคคลมี วิสัยทัศน์มองการณ์ไกลเปิดกว้างรับฟังความคิดหลาย ๆ ฝ่าย มีจริยธรรม และมีศีลธรรม โดยเฉพาะ อย่างยิ่งจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการเมือง อุทิศชีวิตเพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติ ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงไม่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์โดยใช้ตําแหน่งอํานาจที่ตนครอบครองอยู่ ๑๑ บุบผา จานทอง, “คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนายกองค์การบริหารส่วนตําบลในทัศนะของ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง: ศึกษาเฉพาะกรณีตําบลหน้าพระธาตุอําเภอพนัสนิคมจังหวัดชลบุรี”, วิทยานิพนธ์รัฐ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๕๐), หน้า ๒๔-๒๕.
๑๘ ตารางที่๒.๒ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมือง นักวิชาการหรอแหลื ่งข้อมูล สรุปแนวคิดเกยวกี่ับคุณลักษณะของ นักการเมือง เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์. แนวคดการปฏ ิ ิรูปการ เมืองไทย. คุณสมบัติของการเป็นนักการเมืองที่ดีจะต้องมี คุณภาพสูง มีคณวุ ุฒิที่จะเป็นประโยชน์ต่อการ บริหารประเทศชาติมีคุณประโยชน์ทํางานเพื่อ ส่วนรวมด้วยความเสียสละไมเห่ ็นแก่ตัวมี วิสัยทัศน์กว้างไกล ลิขิต ธีรเวคิน. การเมืองการปกครองของไทย. นักการเมืองไทยที่พึงประสงค์จะต้องเป็นผู้มี ความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการณ์ปกครองและ การบริหารเข้าใจลึกซึ้งถึงปรัชญาการปกครอง แบบประชาธิปไตย มีวิสัยทัศน์มองการณ ์ไกล เปิดกว้างรับฟัง ความคิดหลาย ๆ ฝ่าย มี จริยธรรม และมีศีลธรรม สาโรช บัวศรี. จริยธรรมศึกษา. คุณลักษณะทพี่ึงประสงค์ของนักการเมือง ประกอบด้วยคุณลักษณะ ๕ ด้าน ดังนี้๑) ด้าน คุณลักษณะด้านความรู้ความสามารถ ๒) ดาน้ คุณธรรมจริยธรรม ๓) ด้านมนุษยสัมพันธ์๔) ด้านความเป็นผู้นํา ๕) ด้านอุดมการณ์ในการ ปฏิบัติงาน ชลิตา อินทราไสย. คุณลกษณะทั ี่พึงประสงค์ของ ผู้บริหารกองเภสัชกรรมตามความคิดเห็นของ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กองเภสัชกรรม สานํ ัก อนามัย กรุงเทพ มหานคร. คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่น มีดังนี้ ๑) คุณลักษณะด้านบุคลิกภาพ ๒) คุณลักษณะ ด้านคุณธรรม ๓) คุณลักษณะด้านความเป็น ๔) คุณลักษณะด้านมนุษยสัมพันธ์๕) คุณลักษณะ ด้านความสามารถ ๖) คุณลักษณะดานการ้ ปฏิบัติงาน ธวัชชัย วงศ์สังยะ.คุณลักษณะนักการเมือง ท้องถิ่นในอุดมคติ : กรณีศึกษาเขตตําบล บาง โปรง อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ. คุณลักษณะของนักการเมืองที่ดี๗ ประการ ดังต่อไปนี้๑) เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ๒) เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศนมองการณ์ ์ไกล ๓) ต้อง เป็นบุคคลที่มจรี ิยธรรม ๔) ต้องสามารถอุทิศชีวิต เพื่อชดใช้หนี้แผ่นดิน ๕) ต้องต่อสู้ในกระบวนการ ทางการเมืองอย่างเที่ยงธรรม ๖) ต้องสร้าง วัฒนธรรมทางการเมืองที่มีอารยะ ๗) ต้องผดุงไว้ ซึ่งหลักนิติธรรม
๑๙ จากการทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักการเมืองผู้วิจัยได้นํามาใช้ในการ กําหนดตัวแปรตามคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่น ๕ ด้าน ได้แก่๑) ด้านคุณลักษณะด้านความรู้ ความสามารถ ๒) ด้านคุณธรรมจริยธรรม ๓) ด้านมนุษยสัมพันธ์๔) ด้านความเป็นผู้นํา ๕) ด้าน อุดมการณ์ในการปฏิบัติงาน ๒.๓ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นํา นักการเมืองท้องถิ่นถือเป็นผู้นําของประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ดังนั้นในการศึกษาเกี่ยวกับ คุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่น ผู้วิจัยจึงได้นําแนวคิดเกี่ยวกับคุณลักษณะผู้นํา มาศึกษานําเสนอ เนื้อหาตามลําดับ ดังนี้ ๒.๓.๑ ความหมายของผู้นํา คําว่า ผู้นํา (Leader) นั้นได้มีผู้ให้ความหมายไว้อย่างหลากหลาย ดังต่อไปนี้ ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่ทําให้องค์การประสบความก้าวหน้าและบรรลุผลสําเร็จ โดยเป็นผู้ที่ มีบทบาทแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา หรือ ผู้นํา คือ บุคคลซึ่งก่อให้เกิด ความมั่นคง และช่วยเหลือบุคคลต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกลุ่ม๑๒ ผู้นํา (Leader) จะเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อการทํางานของผู้ตาม เป็นขวัญและกําลังใจ ในการทํางานให้กับผู้ตาม ผู้นําจึงเปรียบเสมือน ผู้รวมพลังให้สามารถทํางานได้จนสัมฤทธิ์ผล ซึ่ง คุณลักษณะของการเป็นผู้นําทุกประเด็นที่คิดและทําต้องอยู่บนแนวคิดที่ว่า มองกว้าง คิดไกล และใฝ่ สูง มองกว้าง คือ ไม่ใช่มองอยู่แค่องค์การของตน ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องมีผลส่งมาหรือมีอิทธิพล กระทบจากภายนอก จากคนพวกอื่น กลุ่มอื่น จากปัญหาของโลก จากกระแสโลกาภิวัตน์ต้องรู้ทั่ว และรู้ทัน คิดไกล คือ คิดในเชิงเหตุปัจจัยทั้งไปข้างหน้าและไปข้างหลัง เหตุปัจจัยที่เป็นมาจากอดีต ประสานเข้ากับปัจจุบันแล้วเห็นอนาคต สามารถวางแผนเตรียมการเพื่ออนาคตให้บรรลุจุดหมาย ใฝ่ สูง คือ มองจุดหมายที่ดีงาม ความดีงามของชีวิตความดีงามของสังคม ความเจริญก้าวหน้า ความมี สันติสุขของมวลมนุษย์ผู้นําจะต้องมีความปรารถนาในสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง ๑๓ ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่สามารถใช้อํานาจหน้าที่และอํานาจบารมีในการโน้มน้าวจิตใจ ผู้อื่นให้คล้อยตามความคิดเห็นของตนและจูงใจให้เกิดการประสานความร่วมมือปฏิบัติงานจนบรรลุ วัตถุประสงค์ของหน่วยงานได้ ๑๔ ๑๒ สุรชัย ชูค้ํา, “การศึกษาภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา อําเภอโนนแดงสังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต ๓”, วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, (คณะศึกษาศาสตร์: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๕๒), หน้า ๑๗. ๑๓ เรวัตร์ชาตรีวิศิษฎ์, ภาวะผู้นํา, (กรุงเทพมหานคร: อิน เฮาส์โนวเลจ, ๒๕๕๔), หน้า ๒๔. ๑๔ กาญจนา แสงสารพันธ์, “การศึกษาภาวะผู้นํากับการบริหารคุณภาพทั้งองค์การของโรงเรียนจุฬา ภรณราชวิทยาลัย”, วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, (คณะศึกษาศาสตร์: มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๔๘), หน้า ๑๘.
๒๐ ผู้นํา หมายถึง บุคคลผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นผู้มีและใช้ อํานาจในหน่วยงาน ที่จะดําเนินการดูแล ช่วยเหลือ กํากับ ติดตาม ประสานงาน สนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรในหน่วยงาน เพื่อให้ปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ จนกระทั่งผลงานบรรลุเป้าหมาย สูงสุดของหน่วยงาน๑๕ สรุปได้ว่า ผู้นํา (Leader) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในกลุ่ม ทําหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะ ช่วยเหลือ จูงใจ กํากับ ติดตาม ให้สมาชิกในกลุ่มปฏิบัติงานในระดับต่าง ๆ ที่ต้องการ เพื่อให้บรรลุ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของหน่วยงานที่ตั้งไว้ ๒.๓.๒ องค์ประกอบของคุณลักษณะของผู้นํา หากจะกล่าวถึงองค์ประกอบของคุณลักษณะของนักการเมืองท้องถิ่นในการบริหารงาน นั้น ผู้นําหรือนักการเมืองท้องถิ่นที่ถือเป็นผู้นําของประชาชนในชุมชน จะต้องมีคุณลักษณะองค์รวมที่ ทําให้ประชาชนไว้ใจ เชื่อใจ มีความสามารถ จนทําให้ประชาชนให้ความไว้วางใจให้บริหารจัดการ ชุมชนได้ในเรื่องขององค์ประกอบของคุณลักษณะของนักการเมือง นักวิชาการที่ศึกษาเรื่องนี้ดังนี้ คุณลักษณะของผู้นําที่ดีต้องประกอบด้วยคุณลักษณะทางร่างกายที่สมบูรณ์ต้องมีความ ฉลาด มีความสามารถในการตัดสินใจในบทบาทของตน มีความเชื่อมั่นในตนเอง ปรับตัวมีความ ยืดหยุ่นตามสมควร มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบงาน มีสมรรถนะภาพในการทํางาน เข้าใจผู้ร่วมงาน และความต้องการของผู้ร่วมงาน มีทักษะในการสื่อสาร มนุษยสัมพันธ์การจูงใจ และมีความต้องการ ความสําเร็จในงาน๑๖ คุณลักษณะของผู้นําที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดความเป็นผู้นําที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่การมี ทัศนคติที่ดีของผู้นําในงาน ต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เฉลียวฉลาด มีความพร้อมและเต็มใจที่จะ รับผิดชอบงาน มีทักษะ มีความยืดหยุ่น และมีความเชื่อมั่นในตนเอง๑๗ คุณลักษณะที่บ่งบอกภาวะความเป็นผู้นํา คือ คุณลักษณะของผู้นําที่มีพลังความสามารถ สูง ทนต่อความเครียดได้ดีมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีการควบคุมอารมณ์ภายในตนเองได้ดีมีวุฒิ ภาวะทางอารมณ์มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์มีทักษะในการจูงใจผู้อื่น และมีความต้องการ ความสําเร็จในสิ่งที่ได้กระทําไป๑๘ ๑๕ เกรียงศักดิ์สุวรรณวัจน์, “รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุขององค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อภาวะผู้นํา ผู้นําของหัวหน้ากลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา” , ดุษฎีนิพนธ์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, (คณะศึกษาศาสตร์: มหาวิทยาลัยนเรศวร, ๒๕๔๙). ๑๖ Gardner, J. W., Leadership, (New York: Macmillan, 1990). ๑๗ Clement, L. M. & Richard, S. T., Effective leadership in student services, (San Francisco: Jossey- Bass, 1992). ๑๘ Yukl, G., Leadership in organization 4th ed., (Englewood Cliffs: Prentice Hall, 1998).
๒๑ คุณลักษณะที่สอดคล้องกับความหมายของผู้นําในฐานะผู้ใช้ความสามารถของตน ช่วยให้ ผู้อื่นปฏิบัติภารกิจได้บรรลุเป้าหมายคุณลักษณะที่ตรงตามสมมติฐานดังกล่าวได้แก่มีความเฉลียว ฉลาด มีความรู้สึกไวในการรับรู้ต่อความต้องการของผู้อื่น ความเข้าใจในงานมีความริเริ่ม มีความ อดทนต่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ มีความมั่นคงของตนเอง ต้องการแสวงหางานรับผิดชอบ และต้องการ อยู่ในฐานะที่มีอํานาจและการควบคุม อย่างไรก็ตามความจําเป็นใช้คุณลักษณะแต่ละชนิดมากน้อย อย่างไรนั้นอยู่อยู่กับสถานการณ์โดยผลวิจัยเหล่านี้ไม่อาจระบุคุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งว่า จําเปน็หรือให้ความแน่ใจอย่างเพียงพอว่าจะทําให้ผู้นําประสบความสําเร็จได้แต่อย่างใด๑๙ คุณลักษณะของผู้นําที่ประสบความสําเร็จ ต้องประกอบไปด้วย ๑) คุณลักษณะทางด้านสติปัญญา ได้แก่การมีไหวพริบ ปฏิภาณดีมีความรอบคอบ มี เหตุผล มีความรู้ความเด็ดขาดและความราบรื่นในการใช้ความคิดตลอดจนการตัดสินใจ ๒) คุณลักษณะด้านบุคลิกภาพ ได้แก่ ความสามารถในการปรับตัว มีความตื่นตัว มี คุณธรรม มีความยุติธรรม ไม่ยึดติดกับระเบียบประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ๓) คุณลักษณะด้านความสามารถ ได้แก่ ความสามารถในการร่วมมือกับผู้อื่น ความสามารถที่ได้รับการยกย่องเป็นที่ยอมรับและการมีเคล็ดลับในการจัดการ๒๐ คุณลักษณะของการเป็นผู้นําที่ผู้ตามต้องการ ดังนี้ ๑) มีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา คือ ผู้นําจะต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ไม่เอนเอียงมีอคติถือพรรคถือพวก ๒) เล็งเห็นการณ์ไกล มีจินตนาการ จงรักภักดีคือ ผู้นําจะต้องมีเป้าหมายการทํางานที่ ชัดเจน สามารถคาดการณ์ถึงแนวโน้มต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่องค์การได้มีความคิดกว้างไกลและห่วงใย องค์การ ๓) มีแรงดลใจ กล้าหาญ เอาใจใส่คือ ผู้นําจะต้องมีความกระตือรือร้น มีแรงดลใจ มีความ กล้าหาญและมีความเอาใจใส่อย่างดีและยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ตามมีพลัง กําลังใจ มีความเต็มใจ และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามด้วย ๔) มีความสามารถ เฉลียวฉลาด มีความเป็นผู้ใหญ่คือ ผู้นําจะต้องพัฒนาตนเองให้มี ความสามารถในการทํางาน มีความเฉลียวฉลาดในการแก้ไขปัญหา และมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอต่อ เหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ๒๑ ๑๙ ปาริชาติทองมา, “ศึกษาสภภาพภาวะผู้นําแบบเปลี่ยนสภาพและแบบแลกเปลี่ยนของ ผู้บริหาร โรงเรียนเอกชนจังหวัดเพชรบูรณ์”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา, (บัณฑิต วิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์, ๒๕๕๐), หน้า ๑๑. ๒๐ เกียรติกําจร กุศล, “รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้างเชิงสาเหตุขององค์ประกอบที่มีอิทธิพล ต่อ ภาวะความเป็นผู้นําของคณบดีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย”, ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎี บัณฑิต สาขาอุดมศึกษา, (คณะครุศาสตร์: จุฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย, ๒๕๔๓), หน้า ๒๒. ๒๑ เรวัตร์ชาตรีวิศิษฎ์, ภาวะผู้นํา, (กรุงเทพมหานคร: อิน เฮาส์โนวเลจ, ๒๕๕๔), หน้า ๑๓๐.
๒๒ ๒.๓.๓ ทฤษฏีเกี่ยวกับผู้นํา ทฤษฎีคุณลักษณะภาวะผู้นํา ระยะแรกของการศึกษาภาวะผู้นําเริ่มในปีค.ศ. ๑๙๓๐ - ๑๙๔๐ แนวคิดมาจากทฤษฎี มหาบุรุษ (Greatman Theory of Leadership) ของกรีกและโรมันโบราณ มีความเชื่อว่า ภาวะ ผู้นําเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือโดยกําเนิด (Born leader) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่สามารถ พัฒนาขึ้นได้ ลักษณะผู้นําที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงจะประกอบด้วย ความเฉลียวฉลาด มีบุคลิกภาพ ซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้นําและต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถด้วย Fiedler’s Contingency Model of Leadership Effectiveness Fiedler กล่าวว่า ภาวะผู้นําที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยปัจจัย ๓ ส่วน คือ ๑) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นําและผู้ตาม บุคลิกภาพของผู้นํามีส่วนสําคัญที่จะทําให้กลุ่ม ยอมรับ ๒) โครงสร้างของงาน งานที่ให้ความสําคัญ เกี่ยวกับโครงสร้างของงานอํานาจของผู้นําจะ ลดลง แต่ถ้างานใดต้องใช้ความคิด การวางแผน ผู้นําจะมีอํานาจมากขึ้น ๓) อํานาจของผู้นํา ผู้นําที่ดีที่สุด คือ ผู้ที่เห็นงานสําคัญที่สุดแต่ถ้าผู้นําที่จะทําเช่นนี้ได้ผู้นํา ต้องมีอํานาจและอิทธิพลมาก แต่ถ้าผู้นํามีอิทธิพลหรืออํานาจไม่มากพอจะกลายเป็นผู้นําที่เห็น ความสําคัญของสัมพันธภาพระหว่างผู้นําและผู้ตามมากกว่าเห็นความสําคัญของงาน ทฤษฎีของ Fiedler ภาวะผู้นําที่มีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ถ้าสัมพันธภาพของผู้นําและผู้ตามดีและมีโครงสร้างของงานชัดเจนผู้นําจะสามารถ ควบคุมสถานการณ์ขององค์กรได้ ๒๒ สรุป ผู้นํา คือ บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในกลุ่ม ที่สามารถทําให้สมาชิกในกลุ่มปฏิบัติงานใน ระดับต่าง ๆ ที่ต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของหน่วยงานที่ตั้งไว้หรือวัตถุประสงค์ ของตนและขององค์กรได้ ๒๒ Sopit Krumam Rotchanaruk, ทฤษฎีภาวะผู้นํา (Leadership Theories), [ออนไลน์], แหล่งที่มา: https://www.gotoknow.org/posts/376994 [๑๐ กุมภาพันธ์๒๕๖๕].
๒๓ ตารางที่๒.๓ สรุปแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นํา นักวิชาการหรอแหลื ่งข้อมูล สรุปแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นาํ สุรชัย ชูค้ํา. การศึกษาภาวะผู้นําการเปลี่ยน แปลงของผู้บริหารสถานศึกษา อําเภอโนนแดง สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต ๓. ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่ทําให้องค์การประสบ ความก้าวหน้าและบรรลผลสุาเรํ ็จ โดยเป็นผู้ที่มี บทบาทแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เป็น ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือ ผู้นํา เรวัตร์ชาตรีวิศิษฎ์. ภาวะผู้นํา.กรุงเทพมหา นคร: อินเฮาส์โนวเลจ. ผู้นํา (Leader) จะเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อการ ทํางานของผู้ตาม เป็นขวัญและกําลังใจในการ ทํางานให้กับผู้ตาม ผู้นําจึงเปรียบเสมือน ผู้รวม พลังให้สามารถทํางานได้จนสัมฤทธิ์ผล กาญจนา แสงสารพันธ์.การศึกษาภาวะผู้นํากับ การบริหารคุณภาพทั้งองค์การของโรงเรียนจุฬา ภรณราชวิทยาลัย. ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่สามารถใช้อํานาจหน้าที่ และอํานาจบารมีในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้ คล้อยตามความคิดเห็นของตนและจูงใจให้เกิด การประสานความร่วมมือปฏิบัติงานจนบรรลุ วัตถุประสงค์ของหน่วยงานได้ เกรียงศักดิ์สุวรรณวัจน์. รูปแบบความสัมพันธ์ เชิงสาเหตุขององค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อภาวะ ผู้นําของหัวหน้ากลุ่มนิเทศ ตดตามิและ ประเมินผลการจัดการศึกษา สํานักงานเขตพื้นที่ การศึกษา. ผู้นํา หมายถึง บุคคลผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นผู้มีอํานาจใน หน่วยงานที่จะดําเนินการดูแลและพัฒนา บุคลากรในหนวยงาน่เพื่อให้ปฏิบัติงานได้เต็ม ศักยภาพ Gardner, J. W. Leadership. New York: Macmillan. คุณลักษณะของผู้นําที่ดีต้องประกอบด้วย คุณลักษณะทางร่างกายที่สมบูรณ์ต้องมีความ ฉลาด มีความสามารถในการตัดสินใจในบทบาท ของตน มีความเชื่อมั่นในตนเอง ปรับตัวมีความ ยืดหยุ่นตามสมควร มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบ งาน Clement, L. M. & Richard, S. T. Effective leadership in student services. San Francisco: Jossey- Bass คุณลักษณะของผู้นําที่จะช่วยสนับสนุนให้เกดิ ความเป็นผู้นําที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่การมี ทัศนคติที่ดีของผู้นําในงาน ต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เฉลียวฉลาด มความพรี ้อมและเต็ม ใจที่จะรับผิดชอบงานและมีความเชื่อมั่นในตนเอง Yukl, G. Leadership in organization (4th ed.). Englewood Cliffs: Prentice Hall. คุณลักษณะทบี่่งบอกภาวะความเป็นผู้นํา คือ คุณลักษณะของผู้นําที่มีพลังความสามารถสงูทน ต่อความเครียดได้ดีมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มี การควบคุมอารมณ์ภายในตนเองได้ดีมีวุฒิภาวะ
๒๔ นักวิชาการหรอแหลื ่งข้อมูล สรุปแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับผู้นาํ ทางอารมณ์มคีุณธรรม มความซี ื่อสัตย์มทีกษะั ในการจูงใจผู้อนื่ ปาริชาติทองมา. ศึกษาสภาพภาวะผู้นําแบบ เปลี่ยนสภาพและแบบแลกเปลี่ยนของ ผู้บรหาริ โรงเรียนเอกชนจังหวัดเพชรบูรณ์. คุณลักษณะทสอดคลี่้องกับความหมายของผู้นํา ในฐานะผู้ใช้ความสามารถของตน ช่วยให้ผู้อื่น ปฏิบัติภารกิจได้บรรลุเป้าหมายคุณลักษณะที่ตรง ตามสมมติฐานดังกล่าวได้แก่มีความเฉลียวฉลาด มีความรู้สึกไวในการรับรู้ต่อความต้องการของ ผู้อื่น มีความอดทนต่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ มี ความมั่นคงของตนเอง เกียรติกําจร กุศล.รูปแบบความสัมพันธ์โครงสร้าง เชิงสาเหตุขององค์ประกอบที่มีอิทธิพล ต่อภาวะ ความเป็นผู้นําของคณบดีสถาบันอุดมศึกษาของ รัฐ ในสังกัดทบวง มหาวิทยาลัย. คุณลักษณะของผู้นําที่ประสบความสําเร็จ ต้อง ประกอบไปด้วย ๑) คุณลักษณะทางด้าน สติปัญญา ๒) คุณลักษณะด้านบุคลิกภาพ ๓) คุณลักษณะด้านความสามารถ เรวัตร์ชาตรีวิศิษฎ์. ภาวะผู้นํา. คุณลักษณะของการเป็นผู้นําที่ผู้ตามต้องการ ดังนี้ ๑) มความซี ื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ๒) เล็งเหน็ การณ์ไกล มีจนตนาการิจงรักภักดี๓) มแรงดลี ใจ กล้าหาญ เอาใจใส่คือ ผู้นาจะตํ ้องมีความ กระตือรือร้น มีความกล้าหาญและมีความเอาใจ ใส่อย่างดี๔) มีความสามารถ เฉลียวฉลาด ทฤษฎีภาวะผู้นํา (Leadership Theories) ทฤษฎีคุณลักษณะภาวะผู้นํา (Trait Theories) ลักษณะผู้นําทดี่ีและมีประสิทธิภาพสูงจะ ประกอบด้วย ความเฉลียวฉลาด มีบุคลิกภาพ ซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้นําและต้องเป็นผู้ที่มี ความสามารถด้วย ภาวะผู้นําที่มีประสิทธิภาพ ต้องประกอบด้วยปัจจัย ๓ สวน่คือ ๑) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นําและผู้ตาม บุคลิกภาพ ของผู้นํา มีส่วนสําคัญ ที่จะทาให ํ ้กล่มยอมรุบั ๒) โครงสร้างของงาน งานที่ให้ความสําคัญ เกยวกี่ับ โครงสร้างของงานอํานาจของผู้นําจะลดลง แต่ถ้า งานใดต้องใช้ความคิด การวางแผน ผู้นําจะมี อํานาจมากขึ้น ๓) อํานาจของผู้นํา ผู้นําที่ดทีี่สุด คือ ผู้ที่เห็นงานสําคัญทสีุ่ดแต่ถ้าผู้นําที่จะทําเช่นนี้ ได้ผู้นําต้องมีอํานาจและอิทธิพลมาก
๒๕ จากการทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับผู้นําทําให้ผู้วิจัยได้ทราบถึง คุณลักษณะของการเป็นผู้นํา ที่ผู้ตามต้องการ ได้แก่๑) มีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ๒) เล็งเห็นการณ์ไกล มีจินตนาการ จงรักภักดี๓) มีแรงดลใจ กล้าหาญ เอาใจใส่คือ ผู้นําจะต้องมีความกระตือรือร้น มีความกล้าหาญและ มีความเอาใจใส่อย่างดี๔) มีความสามารถ เฉลียวฉลาด ทฤษฎีคุณลักษณะภาวะผู้นํา (Trait Theories) ลักษณะผู้นําที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงจะ ประกอบด้วย ความเฉลียวฉลาด มีบุคลิกภาพซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้นําและต้องเป็นผู้ที่มี ความสามารถด้วย ภาวะผู้นําที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยปัจจัย ๓ ส่วน คือ ๑) ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้นําและผู้ตาม บุคลิกภาพของผู้นํา มีส่วนสําคัญ ที่จะทําให้กลุ่มยอมรับ ๒) โครงสร้างของ งานงานที่ให้ความสําคัญ เกี่ยวกับโครงสร้างของงานอํานาจของผู้นําจะลดลง แต่ถ้างานใดต้องใช้ ความคิด การวางแผน ผู้นําจะมีอํานาจมากขึ้น ๓) อํานาจของผู้นํา ผู้นําที่ดีที่สุด คือ ผู้ที่เห็นงานสําคัญ ที่สุดแต่ถ้าผู้นําที่จะทําเช่นนี้ได้ผู้นําต้องมีอํานาจและอิทธิพลมาก ๒.๔ แนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล ๒.๔.๑ ประวัติและความเป็นมาของเทศบาล เทศบาลถือได้ว่าเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากที่สุด ในปัจจุบัน (ไม่นับรวมสุขาภิบาลซึ่งได้ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลตําบลไปหมดแล้ว) เทศบาลในประเทศไทย ถือกําเนิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๗๖ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. ๒๔๗๖ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๑ ปีภายใต้รัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น๒๓ ปรีดีพนมยงค์ถือเป็นบุคคลสําคัญคนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดการจัดตั้ง เทศบาลขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๗๖ ซึ่งเป็นผู้นําแนวคิดเรื่องการปกครองท้องถิ่นที่ใช้อยู่แพร่หลายใน ตะวันตกเข้ามาใช้ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีส่วนสําคัญที่สุดคนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงการ ปกครองเมื่อ ปีพ.ศ. ๒๔๗๕ อีกด้วยความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยมีความพยายามในการจัดตั้ง เทศบาลหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เช่น พระราชดําริของพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ต้องการให้ประเทศไทยมีการปกครองท้องถิ่น เพื่อทําการปกครองตนเองขึ้น ตามแบบอย่างประเทศตะวันตกที่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล ดังจะ เห็นได้จากการให้พระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับ ประจําวันที่๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ซึ่งมีใจความสําคัญตอนหนึ่งว่า “เรากําลังเตรียมออกพระราชบัญญัติเทศบาลขึ้นมาใหม่เพื่อทดลองเกี่ยวกับสิทธิเลือกตั้ง ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนี้ประชาชนจะมีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล…ข้าพเจ้าเห็นว่าสิทธิ การเลือกตั้งของประชาชนควรจะเริ่มต้นที่การปกครองท้องที่ในรูปเทศบาล ข้าพเจ้าเชื่อว่าประชาชน ควรจะมีสิทธิมีเสียงในกิจการของท้องถิ่น เรากําลังพยายามให้การศึกษาเรื่องนี้แก่เขา ข้าพเจ้าเห็นว่า ๒๓ นรนิติเศรษฐบุตร และคณะ, “การเสริมสร้างสมรรถนะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”, รายงาน วิจัยร่วมกันระหว่างไทย-ญี่ปุ่น, (กรุงเทพมหานคร: มิสเตอร์ก๊อปปี๊, ๒๕๔๕), หน้า ๑.
๒๖ เป็นการผิดพลาด ถ้าเราจะมีการปกครองระบอบรัฐสภาก่อนที่ประชาชนจะมีโอกาสเรียนรู้และมี ประสบการณ์อย่างดีเกี่ยวกับการใช้สิทธิเลือกตั้งใน กิจการปกครองท้องถิ่น”๒๔ นอกจากนี้เรายังพิจารณาได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาถึง ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเทศบาลในประเทศไทยขึ้นคณะหนึ่งซึ่งมีนายอาร์ดีเรก เป็นประธาน๒๕ โดยที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวเสนอให้มีการจัดตั้ง “ประชาภิบาล” ซึ่งภายหลังต่อมาเรียกว่า “เทศบาล” และความพยายามในการจัดตั้งเทศบาลยังปรากฏให้เห็นอีกครั้งในการจัดตั้ง คณะกรรมการอีกคณะหนึ่งเพื่อทําหน้าที่ในการร่างพระราชบัญญัติเทศบาลในปลายรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่มีการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่อย่างใด มี หลายคนอาจสงสัยว่าทําไมเทศบาลจึงกลายเป็นการปกครองท้องถิ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ที่สุดแทนที่จะเป็นสุขาภิบาล ซึ่งถือเป็นการปกครองท้องถิ่นรูปแบบหนึ่งเช่นกัน คําตอบต่อคําถาม เหล่านี้ก็คือ นักวิชาการด้านการปกครองท้องถิ่นส่วนใหญ่มองว่า สุขาภิบาลไม่ใช่การ ปกครอง ท้องถิ่นที่แท้จริง กล่าวคือ สุขาภิบาล มีองค์ประกอบบางประการที่ไม่เป็นไปตามหลักการกระจาย อํานาจ เพราะมีกรรมการสุขาภิบาลหลายตําแหน่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาล ไม่ได้มาจากการ เลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในท้องถิ่น เช่น การกําหนดให้ประธานสุขาภิบาลบางแห่งเป็น นายอําเภอ เป็นต้นด้วยเหตุนี้เอง จึงมีผู้กล่าวว่า “เทศบาล” ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ.๒๔๗๖ จึง กลายเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เต็มรูปแบบประเภทแรกของการปกครองท้องถิ่นไทย ๒.๔.๒ กําเนิดเทศบาลในประเทศไทย นักวิชาการส่วนใหญ่ที่ศึกษาเรื่องเทศบาลในประเทศไทยมองว่า เทศบาลมาจาก “พัฒนาการของสุขาภิบาล” กล่าวคือ มองว่าเทศบาลในปัจจุบันจะมีไม่ได้เลย หากไม่มีการเกิดขึ้น ของสุขาภิบาล เพราะเทศบาลถือเป็นผลพวงประการสําคัญของสุขาภิบาล ซึ่งเป็นหน่วยการ ปกครอง คล้ายการปกครองท้องถิ่นรูปแบบแรกก่อนเทศบาลเสียอีก นักวิชาการในกลุ่มนี้ได้ยกตัวอย่างอันเป็นที่ น่าสนใจเพื่อสนับสนุนแนวคิดของตนดังกล่าวว่าในระหว่างรัชกาลที่๕ ถึงรัชกาลที่๗ ประเทศไทยมี สุขาภิบาลตามหัวเมืองต่าง ๆ จํานวนทั้งสิ้น ๓๕ แห่ง ซึ่งในระยะนี้สุขาภิบาลแทบจะไม่มีการขยายตัว ในแง่ของจํานวนเลย จนทําให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๗ ทรงมีพระราชดําริ เพื่อกระจายอํานาจให้มากขึ้นดังกล่าวที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้จึงได้ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา คณะหนึ่งเพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเทศบาลขึ้นในประเทศไทย อันเป็นแนวคิดที่จะให้ เทศบาลขึ้นมาทําหน้าที่แทนสุขาภิบาลที่มีอยู่จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทศบาลที่มีขึ้นในปัจจุบัน เป็นผล พวงประการหนึ่งของการจัดตั้งสุขาภิบาลในอดีตที่ผ่านมา ๒๔ ชูวงศ์ฉายะบุตร, การปกครองท้องถิ่นไทย, (กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๙). หน้า ๑๒๓-๑๒๔. ๒๕ สนธิเตชานันท์, แผนพัฒนาการเมืองไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยตามแนว พระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม, ๒๕๑๙), หน้า ๒๔- ๒๕.
๒๗ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแนวคิดว่าด้วยการกําเนิดขึ้นของเทศบาลไทยจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่ สาระสําคัญมากนักที่จะเป็นประเด็นในการมุ่งพิจารณาหรือถกเถียงสําหรับกาลปัจจุบัน หากแต่ ประเด็นที่สําคัญกว่านั้นก็คือ เราจะทําให้เทศบาลไทย เข้มแข็งขึ้นได้อย่างไรต่างหาก ๒.๔.๓ เหตุผลในการจัดต้งเทศบาลขั ึ้นในประเทศไทย หากจะกล่าวถึงเหตุผลในการจัดตั้งเทศบาลในประเทศไทยแล้ว เราอาจมีเหตุผลในการ จัดตั้งเทศบาลในประเทศไทยได้๓ เหตุผลใหญ่ๆ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง จัดตั้งเทศบาลเพื่อให้สอดคล้องกับการเมืองการปกครองในระดับชาติที่ เป็นประชาธิปไตย กล่าวคือ เมื่อการปกครองในระดับชาติเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของตนเข้าไปทําหน้าที่ด้านนิติบัญญัติและทํา หน้าที่ในการบริหารประเทศ มีการแบ่งอํานาจอธิปไตยออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่อํานาจในทางนิติ บัญญัติอํานาจบริหาร และอํานาจตุลาการ ดังนั้น การปกครองในระดับท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชน จึงจําเป็นต้องมีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตยในระดับชาติโดยที่องค์กรเทศบาล เป็น องค์กรทางการเมืองแรกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นปกครองตนเองได้อย่างเต็มที่ตามหลักการ กระจายอํานาจ อีกทั้งยังมีการล้อโครงสร้างของการเมืองในระดับชาติมาจําลองใส่ไว้ในเทศบาลด้วย คือ มีการแบ่งแยกฝ่ายบริหาร และฝ่ายสภาที่ทําหน้าที่ในการออกเทศบัญญัติออกจากกัน และในทํา หน้าที่ในการตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันนอกจากนี้การจัดตั้งเทศบาลยังคงต้องให้สอดคล้อง ไปกับระเบียบบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ ที่ได้แบ่งการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่การบริหารราชการส่วนกลาง การบริหารราชการส่วนภูมิภาค และการบริหารราชการส่วน ท้องถิ่น ซึ่งเทศบาลก็คือการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นนั่นเอง ประการที่สอง จัดตั้งเทศบาลเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของรัฐบาล เนื่องจากภารกิจของ รัฐบาลมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อาจจะลงไปควบคุมดูแล หรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ดังนั้น รัฐบาลจึงจําเป็นต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรการเมืองอื่น ๆ เพื่อช่วยแบ่ง เบาภาระหน้าที่ต่าง ๆ นี้ลง และทําให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับการบริการจากภาครัฐได้รวดเร็วและ ทั่วถึงยิ่งขึ้น เหตุผลในประการนี้พิจารณาได้จากคํากล่าวของ ปรีดีพนมยงค์ที่ว่า “ในประเทศไทยที่มีอาณาเขตกว้างขวางและมีพลเมืองมาก พลเมืองทั้งหมดในประเทศ นั้น ๆ อาจมีส่วนได้ส่วนเสียเหมือนกันก็มีและกิจการบางอย่างพลเมืองอันอยู่ในท้องถิ่นหนึ่ง อาจมี ส่วนได้เสียกับพลเมืองอีกท้องถิ่นหนึ่ง เหตุฉะนั้นจึงมีความจําเป็นอยู่เองที่จะรวมอํานาจบริหารมาไว้ที่ ศูนย์กลาง…แห่งเดียวย่อมจะทําไปไม่ได้เพราะจะเป็นการเพิ่มความติดขัดและไม่สะดวกแก่ราชการ” นอกจากการแบ่งเบาภารกิจของรัฐบาลแล้ว ยังก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างอื่นแก่รัฐบาล ได้อีกส่วนหนึ่ง นั้นก็คือ “แรงสนับสนุนทางการเมือง” ที่รัฐบาลในขณะนั้นจะได้รับมากขึ้น เนื่องจาก เมื่อรัฐบาลได้แบ่งภาระหน้าที่บางอย่างไปให้แก่เทศบาลแล้ว เทศบาลจะทําหน้าที่ในการให้บริการขั้น พื้นฐานแก่ประชาชนในเขตเทศบาล เมื่อประชาชนได้รับการบริการอย่างรวดเร็วจากเทศบาลโดยตรง ก็ไม่จําเป็นต้องรองบประมาณหรือความช่วยเหลือจากรัฐบาล และได้รับการบริการที่รวดเร็ว ซึ่งส่งผล
๒๘ ให้ประชาชนมีทัศนคติในแง่บวกต่อรัฐบาล เนื่องจากสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ได้เมื่อเปรียบเทียบกับการปกครองในระบบเก่าที่ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาปกครองตนเอง ประการที่สาม จัดตั้งเทศบาลเพื่อเป็นสถาบันฝึกประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน เนื่องจาก ในขณะนั้น เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ ประชาธิปไตยได้เพียง ๑ ปีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครอง ดังนั้น การ จัดตั้งเทศบาลที่มีโครงสร้างล้อมาจากการปกครองในระดับชาติจึงเป็นเสมือนสถาบันหนึ่งที่จะช่วยให้ ประชาชนในท้องถิ่นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองมากขึ้น หากพิจารณาถึงเหตุผลต่าง ๆ ของการจัดตั้งเทศบาลแล้ว เราจะพบว่าเหตุผลในการจัดตั้ง เทศบาลในระยะเริ่มต้น มีวัตถุประสงค์ในสร้างความมั่นคงทางการเมืองในระดับชาติมากเสียกว่า การ มีเทศบาลเพื่อทําหน้าที่ด้านการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนตามหลักการจัดการปกครองท้องถิ่น ในปัจจุบัน ๒.๔.๔ พัฒนาการของเทศบาลในประเทศไทย เทศบาลในประเทศไทย นับว่ามีการพัฒนาการที่ก้าวหน้ามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการ ปกครองท้องถิ่นในรูปแบบอื่น ๆ อย่างไรก็ตามการพัฒนาของเทศบาลไทยในอดีตที่ผ่านมาก็ไม่ ก้าวหน้าเท่าใดนัก เนื่องจากยังมีเทศบาลอีกเป็นจํานวนมากที่ยังไม่สามารถพึ่งตนเองได้และ จําเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลตลอดเวลาหากนับถึงปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาลมาแล้วกว่า ๗๐ ปีมีกฎหมายแม่บทเทศบาล (ที่ไม่นับ รวมกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม) ทั้งสิ้น ๔ ฉบับ และยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศบาลอีก เช่น กฎหมายว่าด้วยรายได้เทศบาล กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรรายได้ประเภทภาษีให้แก่เทศบาล และ กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล รวมอีกหลายฉบับ กฎหมายแม่บทของเทศบาล ทั้ง ๔ ฉบับมีดังต่อไปนี้ พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. ๒๔๗๖ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๑ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๘๖ และมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีก ๑ ครั้งในปีพ.ศ. ๒๔๘๗ พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมีการแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงปัจจุบัน รวม ๑๒ ครั้ง ๒.๔.๕ ประเภทของเทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้กําหนดให้เทศบาลในประเทศไทยมีทั้งหมด ๓ ประเภท อันได้แก่เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตําบล ซึ่งเทศบาลแต่ละประเภทก็มี ลักษณะและองค์ประกอบที่แตกต่างกันออกไปดังมีรายละเอียดดังนี้
๒๙ เทศบาลนคร เทศบาลนคร ได้แก่ท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีราษฎรตั้งแต่ห้าหมื่นคนขึ้นไป ทั้งมีรายได้ พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลนคร การจัดตั้งเทศบาลนครจะกระทําได้โดยการประกาศ กระทรวงมหาดไทยโดยยกฐานะเป็นเทศบาลนคร๒๖ เทศบาลนครประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและ คณะเทศมนตรี (หรือนายกเทศมนตรี) แล้วแต่กรณีโดยที่สภาเทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้๒๔ คน โดยมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๔ คน๒๗ นอกจากนี้กฎหมายยังกําหนดให้เทศบาลนครมีหน้าที่ แตกต่างไปจากเทศบาลเมืองและเทศบาลตําบลอีกด้วย๒๘ เทศบาลเมือง เทศบาลเมือง ได้แก่ท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดหรือท้องถิ่นชุมนุมชนที่มี ราษฎรตั้งแต่หนึ่งหมื่นคนขึ้นไป ทั้งมีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลเมือง การ จัดตั้งเทศบาลเมืองจะกระทําได้โดยการประกาศกระทรวงมหาดไทยโดยยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง๒๙ เทศบาลเมืองประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีโดยที่สภาเทศบาลมีสมาชิกสภา เทศบาลได้๑๘ คนและมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๓ คน๓๐ เทศบาลตําบล เทศบาลตําบล๓๑ ได้แก่ท้องถิ่นซึ่งมีประกาศกระทรวงมหาดไทยยกฐานะขึ้นเป็น เทศบาลตําบล (เทศบาลตําบลไม่ได้กําหนดจํานวนราษฎรในพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนเหมือนกับเทศบาล เมืองและเทศบาลนคร) ๓๒ เทศบาลตําบลประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีโดยที่สภา เทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้๑๒ คน โดยมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๒ คน๓๓ สรุป เทศบาลนคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสําหรับเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากร ตั้งแต่๕๐,๐๐๐ คนขึ้นไปและมีรายได้พอเพียงต่อการให้บริการสาธารณะตามหน้าที่ที่กฎหมาย บัญญัติไว้การจัดตั้งเทศบาลนครกระทําโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ (ฉบับล่าสุด) ๓๔ ปัจจุบันมีเทศบาลนครอยู่๓๐ แห่งทั่ว ประเทศ (ไม่นับรวมกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา) เทศบาลนครแห่งแรกของไทย ๓ แห่งคือเทศบาล นครกรุงเทพ เทศบาลนครธนบุรีและเทศบาลนครเชียงใหม่จัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๗๘ ต่อมาเทศบาล ๒๖ มาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๒๗ มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๒๘ มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๒๙ มาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๓๐ มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๓๑ มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๓๒ มาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖.๓๓ มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖. ๓๔ มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖.
๓๐ นครกรุงเทพและเทศบาลนครธนบุรีได้ถูกยุบรวมกันเป็นเทศบาลนครหลวงในปีพ.ศ. ๒๕๑๔ และในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เทศบาลนครหลวงได้ถูกยุบพร้อมกับจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรีเพื่อจัดตั้ง กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นเทศบาลนครจึงเหลือแต่เพียงเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งเป็นเทศบาลนคร แห่งแรกในส่วนภูมิภาค จนกระทั่งปีพ.ศ. ๒๕๓๗ จึงมีการจัดตั้งเทศบาลนครแห่งที่สองในส่วนภูมิภาค คือเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และเทศบาลนครอื่น ๆ มาตามลําดับ๓๕ ตารางที่๒.๔ สรุปแนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล นักวิชาการหรอแหลื ่งขอมู้ล สรุปแนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล นรนิติเศรษฐบตรและคณะุ ,การเสริมสร้างสมรรถนะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลถือไดว้าเป่ ็นองค์กรปกครองส่วนท้องถนทิ่ี่มี ประวัติความเปนมายาวนานมากท็ ี่สุดในปัจจุบนั เทศบาลในประเทศไทย ถือกําเนิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๗๖ ตามพระราช บัญญัติจดระเบั ียบเทศบาล พ.ศ. ๒๔๗๖ ภายหลังการเปลยนแปลงการปกครอง ี่ ๑ ปีภายใต้รัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรฐมนตรั ในขณะน ี ั้น ชูวงศ์ฉายะบุตร, การปกครองท้องถิ่นไทย เทศบาลถือไดว้าเป่ ็นองค์กรปกครองส่วนท้องถนทิ่ี่มี ประวัติความเปนมายาวนานมากท็ ี่สุดในปัจจุบนั (ไม่ นับรวมสุขาภิบาลซึ่งได้ปัจจุบันได้รับการยกฐานะเป็น เทศบาลตําบลไปหมดแล้ว) เทศบาลในประเทศไทย ถือกําเนิดขึ้นเมอปื่ีพ.ศ. ๒๔๗๖ ตามพระราช บัญญัติ จัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. ๒๔๗๖ ภายหลังการ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๑ ปีภายใต้รฐบาลของั พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรในขณะน ี ั้น สนธิเตชานันท. ์แผนพัฒนาการเมืองไปสู่การ ปกครองระบอบประชาธิปไตยตามแนวพระราชดําริ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้เรายงพั ิจารณาได้จากข้อเท็จจรงทิ ี่วา่มี การจดตั ั้งคณะกรรมการเพื่อศกษาถึ ึงความเปนไปได ็ ้ ในการจัดตงเทศบาลในประเทศไทยข ั้ึ้นคณะหนึ่งซึ่งมี นายอาร์ดีเรก เป็นประธานโดยที่คณะกรรมการชุด ดังกล่าวเสนอให้มีการจัดตงั้ “ประชาภิบาล” ซึ่ง ภายหลังต่อมาเรียกว่า “เทศบาล” มาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญตัิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลนคร ได้แก่ท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีราษฎรตั้งแต่ ห้าหมื่นคนขึ้นไป ทั้งมรายได ี ้พอควรแกการท่ ี่จะ ปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลนคร การจดตั ั้งเทศบาลนคร จะกระทําได้โดยการประกาศกระทรวงมหาดไทยโดย ๓๕ สํานักบริหารการทะเบียน, กรมการปกครอง, กระทรวงมหาดไทย, ระบบสถิติทางการทะเบียน : รายงานสถิติจํานวนประชากรและบ้านประจําปีพ.ศ. ๒๕๖๒, (กรุงเทพมหานคร: สํานักบริหารการทะเบียน, กรมการปกครอง, กระทรวงมหาดไทย, ๒๕๖๒).
๓๑ นักวิชาการหรอแหลื ่งขอมู้ล สรุปแนวคิดเกี่ยวกับเทศบาล ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญตัิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖. มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติ เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลนครประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและคณะ เทศมนตรี (หรือนายกเทศมนตรี) แล้วแต่กรณีโดยที่ สภาเทศบาลมีสมาชิกสภาเทศบาลได้๒๔ คน โดยมี รองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๔ คน มาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญตัิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลเมือง ได้แก่ท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งศาลากลาง จังหวัดหรือท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีราษฎรตั้งแต่หนึ่งหมื่น คนขึ้นไป ทั้งมีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่ ของเทศบาลเมือง การจัดตั้งเทศบาลเมืองจะกระทําได้ โดยการประกาศกระทรวงมหาดไทยโดยยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญตัิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖. มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติ เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลเมืองประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและ นายกเทศมนตรีโดยที่สภาเทศบาลมีสมาชิกสภา เทศบาลได้๑๘ คนและมีรองนายกเทศ มนตรีได้ไม่ เกิน ๓ คน มาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัตเทศบาลิพ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลตําบลได้แก่ท้องถิ่นซงมึ่ีประกาศ กระทรวงมหาดไทยยกฐานะขึ้นเป็นเทศบาลตําบล (เทศบาลตาบลไม ํ ่ได้กําหนดจานวนราษฎรในพ ํนทื้ี่ไว้ อย่างชดเจนเหมัอนกืบเทศบาลเมั ืองและเทศบาลนคร) มาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญตัิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖. มาตรา ๔๘ อัฏฐ แห่งพระราชบัญญัติ เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ เทศบาลตําบลประกอบไปด้วยสภาเทศบาลและ นายกเทศมนตรีโดยที่สภาเทศบาลมีสมาชิกสภา เทศบาลได้๑๒ คน โดยมีรองนายกเทศมนตรีได้ไม่เกิน ๒ คน สํานักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. พ.ศ. ๒๕๖๒ เทศบาลนคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสําหรับ เมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรตั้งแต่๕๐,๐๐๐ คนขึ้น ไปและมีรายได้พอเพียงต่อการให้บริการสาธารณะ ตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้การจัดตั้งเทศบาล นครกระทําโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยยกฐานะ เป็นเทศบาลนครตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ (ฉบับล่าสุด) ปัจจุบันมีเทศบาลนครอยู่๓๐ แห่งทั่วประเทศ จากการทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับเทศบาลทําให้ผู้วิจัยได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของ เทศบาล พัฒนาการของเทศบาลรวมไปถึงการแบ่งประเภทของเทศบาล
๓๒ ๒.๕ ข้อมูลทั่วไปของพื้นที่การศึกษา สภาพทั่วไป และข้อมูลพื้นฐานของเทศบาลนครขอนแก่น ๒.๕.๑ ประวัติเทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น เดิมได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง โดยพระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งเทศบาลเมืองขอนแก่น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่๒๐ สิงหาคม ๒๔๗๘ นายกเทศมนตรีคน แรก คือ พระเสนาราชภักดีเข้าดํารงตําแหน่ง เมื่อวันที่๒๒ มิถุนายน ๒๔๗๘ ก่อนได้รับการยกฐานะ เป็นเทศบาลเมืองตามพระราชกฤษฎีกา ๒ เดือน ศาลาเทศบาลเมืองขอนแก่นตั้งอยู่ในที่ดินราชพัสดุ แปลงที่ตั้งศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ในขณะนั้นอยู่ทางทิศใต้ด้านตะวันตกของถนนกลางเมืองตําบล ในเมือง อําเภอเมืองขอนแก่น ตรงข้ามกับสถานีตํารวจภูธร อําเภอเมืองขอนแก่นในปัจจุบัน จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. ๒๔๙๒ จึงได้ย้ายที่ทําการไปอยู่ในที่ดินแปลงที่ตั้งสถานีอนามัยและสถานีดับเพลิง ด้านตะวันออกของถนนกลางเมือง อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน มาจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นเวลา ๑๖ ปีต่อมากระทรวงมหาดไทย ให้สํานักงานเทศบาลเมืองขอนแก่นใช้อาคารร่วมกับอําเภอ เมืองขอนแก่น ซึ่งได้ย้ายมาอยู่ตั้งแต่วันที่๘ กุมภาพันธ์๒๕๐๘ จนถึงวันที่๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๗ รวม เป็นเวลา ๑๙ ปีใน พ.ศ. ๒๕๒๗สํานักงานเทศบาลนครขอนแก่นได้ก่อสร้างขึ้นใหม่ตั้งอยู่เลขที่๓/๓ ถนนประชาสําราญ ตําบลในเมืองอําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยได้เปิดทําการตั้งแต่วันที่๒๒ ตุลาคม ๒๕๒๗ จนถึงปัจจุบัน๓๖ ๒.๕.๒ ด้านประชากร ประชากรในจังหวัดขอนแก่น มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันเป็นส่วนใหญ่ คนในพื้นที่เป็นชาว พื้นเมืองเดิมในสมัยก่อนประวัติศาสตร์คาบเกี่ยวกับสมัยประวัติศาสตร์มีร่องรอยทางโบราณคดี ปรากฏ เช่น ชุมชนโบราณโนนนกทาบ้านนาดีตําบลกุดธาตุกิ่งอําเภอหนองนาคํา และที่โนนเมือง บ้านนาโพธิ์อําเภอชุมแพมีอายุอยู่ประมาณ ๓,๐๐๐ ปีเศษ ต่อมาในสมัย และสมัยลพบุรีได้พบโครง กระดูก และเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นไม่ทราบว่าเป็นเผ่าพันธุ์หรือชาติพันธุ์ใดแน่นอน เพราะดินแดนที่ราบสูงกว้างใหญ่มีชนชาติโบราณเข้ามาอาศัยอยู่นานแล้วเช่นชุมชนบ้านเชียง จังหวัด อุดรธานีเป็นต้น พื้นที่จังหวัดขอนแก่นเดิมเคยอยู่ในอํานาจการปกครองของขอมมาก่อนมีโบราณสถานศา สนสถานของศาสนาพราหมณ์ปรากฏอยู่ทั่วไป จากนั้นจึงตกอยู่ใต้อํานาจการปกครองของอาณาจักร ล้านช้างเวียงจันทน์จําปาศักดิ์ประชาชนลาวได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่ราบสูงการอพยพ ของประชากรปรากฏชัดยิ่งขึ้น ในสมัยธนบุรีและต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ๓๖ กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักงานจังหวัดขอนแก่นชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัด ขอนแก่น อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น, ประวัติเทศบาลนครขอนแก่น, ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓.
๓๓ การอพยพของประชากรเข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเมืองอยู่ในเขต จังหวัดขอนแก่น แบ่งเป็น เส้นทางใหญ่ได้สามทางคือ อพยพมาจากแขวงหลวงพระบาง, แขวงเวียงจันทน์และแขวงจําปาศักดิ์ นอกจากประชากรดั้งเดิมแล้ว ในเขตเมืองขอนแก่นยังมีชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นจํานวน มาก ซึ่งถือเป็นชุมชนใหญ่และมีบทบาทสําคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมถึง ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และชาวต่างชาติอื่น ๆ ซึ่งย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดขอนแก่น ข้อมูลประชากร กระทรวงมหาดไทย ณ เดือนมีนาคม ๒๕๖๓ จังหวัดขอนแก่นมี ประชากร จํานวน ๑,๘๐๒,๘๗๒ คน แยกเป็นชาย ๘๘๗,๕๐๑ คน หญิง ๙๑๕,๓๗๑ ตน อําเภอที่มี ประชากรมากที่สุด คือ อําเภอเมืองขอนแก่น มีจํานวน ๔๑๖,๒๘๕ คนส่วนอําเภอที่มีประชากรน้อย ที่สุด คือ อําเภอเวียงเก่า มีจํานวน ๑๙,๙๕๐ คน๓๗ ตารางที่๒.๕ สรุปข้อมูลทั่วไปของพื้นที่การศึกษา นักวิชาการหรอแหลื ่งข้อมูล สรุปข้อมูลทั่วไปของพนทื้ี่การศึกษา กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักงานจังหวัดขอนแก่นชั้น๓ ศาลากลาง จังหวัดขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น. เทศบาลนครขอนแก่น เดิมได้รับการยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง โดยพระราชกฤษฎีกา การจัดตั้ง เทศบาลเมืองขอนแก่น มผลบีงคั ับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๔๗๘ นายก เทศมนตรีคนแรก คือ พระเสนาราชภักดีเข้าดํารงตําแหน่ง เมื่อ วันที่๒๒ มิถุนายน ๒๔๗๘ กอนได ่ ้รับการยก ฐานะเป็นเทศบาลเมืองตามพระราชกฤษฎีกา ๒ เดือน ศาลาเทศบาลเมืองขอนแก่นตั้งอยู่ในที่ดิน ราชพัสดุแปลงที่ตั้งศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ในขณะนั้นอยทางทู่ ิศใต้ด้านตะวันตกของถนน กลางเมืองตําบลในเมือง อําเภอเมืองขอนแก่น ตรงข้ามกับสถานีตํารวจภูธร อําเภอเมือง ขอนแก่นในปัจจุบัน กองแผนและงบประมาณ องค์การบริหารสวน่ จังหวัดขอนแก่น ณ วันที่๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓. ข้อมูลประชากร กระทรวงมหาดไทย ณ เดือน มีนาคม ๒๕๖๓ จังหวัดขอนแก่นมีประชากร จํานวน ๑,๘๐๒,๘๗๒ คน แยกเป็นชาย ๘๘๗,๕๐๑ คน หญิง ๙๑๕,๓๗๑ ตน อําเภอที่มี ประชากรมากที่สุด คือ อําเภอเมืองขอนแก่น มี จํานวน ๔๑๖,๒๘๕ คนส่วนอําเภอที่มีประชากร ๓๗ กองแผนและงบประมาณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น, ข้อมูลประชากร, ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓.