การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมืองของนิสติ ระดบั ปริญญาตรี
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
THE POLITICAL ACTIVITY PARTICIPATION OF UNDERGRADUATE
STUDENTS IN MAHACHULALONGKORNRAJAVIDYALAYA UNIVERSITY,
KHON KAEN CAMPUS
พระมหาสทุ ธดิ ล จติ ตฺ ปญโญ (ภูนอก)
วทิ ยานิพนธน์ ีเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษา
ตามหลักสตู รปรญิ ญารัฐศาสตรมหาบณั ฑติ
บณั ฑติ วิทยาลยั
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓
การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดบั ปรญิ ญาตรี
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
พระมหาสทุ ธิดล จติ ตฺ ปญโญ (ภูนอก)
วทิ ยานพิ นธน์ ีเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา
ตามหลักสตู รปรญิ ญารฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ
บณั ฑิตวิทยาลยั
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
พทุ ธศักราช ๒๕๖๓
(ลขิ สิทธเ์ิ ป็นของมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย)
The Political Activity Participation of Undergraduate
Students in Mahachulalongkornrajavidyalaya University,
Khon Kaen Campus
Phramaha Suttidon Cittapañño (Poonok)
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of
the Requirements for the Degree of
Master of Political Science Program
Graduate School
Mahachulalongkornrajavidyalaya University
C.E. 2020
(Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)
ก
ชอื่ วิทยานพิ นธ์ : การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนสิ ติ ระดับปริญญาตรี
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
ผู้วิจยั : พระมหาสุทธิดล จติ ตฺ ปญฺโญ (ภนู อก)
ปริญญา : รฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ
คณะกรรมการควบคมุ วทิ ยานพิ นธ์
: ดร.ปรชั ญา มีโนนทองมหาศาล, น.บ. (นติ ิศาสตร)์ , น.ม. (นติ ิศาสตร)์ ,
ศศ.ม. (รัฐศาสตร)์ , Ph.D. (Political Science)
: ผศ. ดร.สรุ พล พรมกลุ , ป.ธ. ๕, พธ.บ (การสอนสังคมศกึ ษา),
ศศ.ม. (สังคมศาสตรเ์ พื่อการพฒั นา), ศน.ม. (รัฐศาสตรก์ ารปกครอง),
Ph.D. (Social Science)
วันสาํ เร็จการศกึ ษา : ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
บทคัดยอ่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังน้ี ๑) เพ่ือศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมือง ๒) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๓) เพื่อ
เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ตามปัจจัยส่วนบุคคลและตามหลักสาราณียธรรม
และ ๔) เพื่อศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี
(Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จํานวน ๑๘๖ คน และผู้ให้ข้อมูลสําคัญ
จํานวน ๑๒ คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
คือ ค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน โดยการทดสอบค่าที (t-test) และการ
ทดสอบค่าเอฟ (F-test)
ผลการวิจัยพบวา่
๑) ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสติ ระดบั ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแกน่ โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก
๒) นิสิตท่ีมีเพศ อายุ ช้ันปี สาขาวิชา และเกรดเฉล่ียต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมือง โดยรวมไมแ่ ตกตา่ งกัน ส่วนนิสิตทม่ี ีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื งตามหลกั สาราณียธรรม
โดยรวมต่างกัน มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมืองแตกต่างกัน
๓) แนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น พบว่า ควรจัดกิจกรรมรณรงค์ให้นิสิต
ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้หลักสูตรจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ให้นิสิตรู้จักวิเคราะห์
สืบค้นข้อมูลข่าวสารจากส่ือประเภทต่าง ๆ ฝึกให้นิสิตเขียนบทความวิชาการ และหาช่องทางในการ
ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานในวารสารหรืองานประชุมวิชาการในระดับชาติ และรู้จักใช้เหตุผลในการบูรณา
การกับหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา
ข
Thesis Title : The Political Activity Participation of Undergraduate
Students in Mahachulalongkornrajavidyalaya University,
Khon Kaen Campus
Researcher : Phramaha Suttidon Cittapañño (Poonok)
Degree : Master of Political Science Program
Thesis Supervisory Committee
: Dr. Pruchya Meenonthongmahasan, Bachelor of Laws,
Master of Laws, M.A. (Political science),
Ph.D. (Political science)
: Assist. Prof. Dr. Suraphon Promgun, Pali V,
B.A. (Social Study Teaching),
M.A. (Social Sciences for Development),
M.A. (Political Science), Ph.D. (Social Science)
Date of Graduation : February 15, 2021
Abstract
The objectives of this research were: 1) to study the level of the political
activity participation; 2) to study the level of the political activity participation in
accordance with the Sālāṇīyadhamma (the States of Conciliation); 3) to compare the
political activity participation based on the samples’ personal factors; 4) to study the
guidelines to promote the political activity participation of the undergraduate
students in Mahachulalongkornrajavidyalaya University, Khon Kaen Campus. This
study was carried out by means of the mixed method research to collect the data
from 186 samples and 12 key informants. The research tools were the questionnaire
and the interview form. The statistics used in the data analysis were: Frequency,
Percentage, Mean, Standard Deviation, t-test and f-test.
The research results were as follows:
1) The level of the political activity participation in accordance with the
Sālāṇīyadhamma of the undergraduate students in Mahachulalongkornrajavidyalaya
University, Khon Kaen Campus in overall was statistically rated at a high level.
2) The undergraduate students with different personal factors: gender, age,
class, fields of study and GPA showed their participation in political activities
indifferently. The students with the political activity participation in accordance with
Sālāṇīyadhamma in overall showed their political activity participation differently.
ค
3) The guidelines for promoting the participation in political activities of the
undergraduate students, Mahachulalongkornrajavidyalaya University, Khon Kaen Campus
are to organize the campaign activities for students to use the right to vote, to
organize academic discussion activities about elections for students to analyze,
search for information from various media, train students to write academic articles
and find ways to publish and disseminate works in journals or national conferences
and get them to know how to use reasons integrated with Buddhist principles.
ง
กติ ติกรรมประกาศ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความเมตตานุเคราะห์ของคณะกรรมการที่
ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ประกอบด้วย ดร.ปรัชญา มีโนนทองมหาศาล ประธานกรรมการควบคุม
วิทยานิพนธ์ และผศ.ดร.สุรพล พรมกุล กรรมการ ที่ได้กรุณาให้คําปรึกษา แนะนํา ดูแลเอาใจใส่ให้
ความช่วยเหลอื ในการปรับปรุงแกไ้ ขมาดว้ ยดโี ดยตลอด
ขอกราบขอบพระคุณ พระครูสุตธรรมภาณี, ผศ. และขอบคุณ ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี,
ดร.สุธิพงษ์ สวัสดิ์ทา, ผศ.ดร.ปัญญา คล้ายเดช, ดร.สมควร นามสีฐาน ที่กรุณารับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิท่ี
ให้ความอนุเคราะห์ตรวจสอบความถูกต้องท้ังด้านภาษา เนื้อหา ระเบียบวิธีและเครื่องมือท่ีใช้ในการ
ดําเนนิ การวจิ ัยครงั้ น้ี
ผู้วิจัยขอขอบคุณ นิสิตคฤหัสถ์ระดับปริญญาตรีท่ีกําลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ในการตอบแบบสอบถาม และผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณ พระมหาดาวสยาม วชิรปญฺโญ, ผศ.ดร.
พระมหาโยธิน โยธิโก, รศ.ดร. และขอขอบคุณ ผศ.ดร.นิเทศ สน่ันนารี, ดร.สุธิพงษ์ สวัสดิ์ทา, ดร.
สวาท ฮาดภักดี, นายธนรัฐ อดทน, นายพัฒนพงษ์ หนองนํ้า, นางสาวยุวดา สนแก้ว, นายรัฐศาสตร์
โซ่เชียงคํา, นางสาวอริษา นามตะ และนางสาวกัญญาภร เมืองเก่า ท่ีได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีใน
การตอบแบบสมั ภาษณ์
ขอขอบคุณคณะกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ คือ ผศ.ดร.ยุทธนา ปราณีต ประธาน
สอบป้องกันวิทยานิพนธ์, รศ.ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ กรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์, ท่ีได้ให้
ข้อเสนอแนะเพื่อให้วทิ ยานิพนธฉ์ บบั น้มี ีความถกู ต้องและสมบูรณย์ ง่ิ ข้นึ
สุดท้าย ขอขอบพระคุณคณาจารย์คณะรัฐศาสตรมหาบัณฑิตทุกท่าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่
ทุกคนที่ได้ให้ความรู้ ประสิทธ์ิประสาทวิทยาการ และประสบการณ์ รวมถึงให้ความเมตตาเอื้อเฟ้ือ
ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ และเป็นกําลังใจให้แก่ผู้วิจัยมาตลอด คุณความดี การทําประโยชน์ใด ๆ
อันเกิดจากวิทยานิพนธ์นี้ ผู้วิจัยขอมอบบูชาเป็นกตเวทิตาคุณมารดา บิดา ญาติสนิท มิตรสหายและ
เพ่ือนร่วมชั้นเรียนทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ ท่ีเป็นกําลังใจ และให้การสนับสนุนในทุก ๆ เรื่อง รวมท้ัง
ญาติ และผูม้ ีพระคณุ ทุกท่าน
พระมหาสทุ ธิดล จิตฺตปญโฺ ญ (ภูนอก)
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
สารบญั จ
เรอื่ ง หนา้
บทคดั ยอ่ ภาษาไทย ก
บทคดั ย่อภาษาอังกฤษ ข
กติ ติกรรมประกาศ ง
สารบญั จ
สารบญั ตาราง ช
สารบญั แผนภาพ ฐ
บทท่ี ๑ บทนาํ ๑
๑.๑ ความเปน็ มาและความสําคญั ของปัญหา ๑
๑.๒ คําถามการวิจยั ๔
๑.๓ วัตถุประสงคข์ องการวิจยั ๔
๑.๔ ขอบเขตการวิจัย ๕
๑.๕ สมมตฐิ านการวิจยั ๖
๑.๖ นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั ๖
๑.๗ ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการวิจยั ๗
บทที่ ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ๙
๒.๑ แนวคดิ เกี่ยวกับการมีสว่ นร่วมทางการเมอื ง ๙
๒.๒ แนวคดิ เกย่ี วกับกิจกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมือง ๒๘
๒.๓ หลกั พทุ ธธรรมที่เกยี่ วข้อง ๓๔
๒.๔ ขอ้ มลู บรบิ ทเรื่องทว่ี จิ ัย ๓๖
๒.๕ งานวจิ ัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง ๓๙
๒.๖ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั ๔๘
บทที่ ๓ วิธดี าํ เนนิ การวจิ ัย ๔๙
๓.๑ รปู แบบการวิจยั ๔๙
๓.๒ ประชากร กลมุ่ ตัวอยา่ ง และผใู้ ห้ข้อมลู สาํ คัญ ๔๙
๓.๓ เคร่อื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั ๕๑
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมลู ๕๔
๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล ๕๕
บทที่ ๔ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ๕๖
๔.๑ ข้อมลู ทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ๕๗
ฉ
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ ๕๙
๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสา
ราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ๖๓
๔.๔ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ตามปัจจยั สว่ นบคุ คล ๗๐
๔.๕ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ๗๖
๔.๖ ผลการวิเคราะห์แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น ๑๐๙
๔.๗ ผลการวิเคราะห์แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น ๑๑๓
๔.๘ สรปุ องค์ความรทู้ ไ่ี ด้รบั จากการวจิ ยั ๑๑๘
บทท่ี ๕ สรปุ การอภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ ๑๑๙
๕.๑ สรปุ ผลการวจิ ัย ๑๑๙
๕.๒ การอภปิ รายผลการวจิ ัย ๑๒๒
๕.๓ ข้อเสนอแนะ ๑๒๘
บรรณานุกรม ๑๓๐
ภาคผนวก ๑๓๕
ภาคผนวก ก รายนามผเู้ ชย่ี วชาญในการตรวจสอบเครอื่ งมือวิจยั และหนังสอื
ขอความอนุเคราะห์ตรวจแก้ไขเคร่ืองมอื ท่ใี ช่ในการทําการวจิ ยั ๑๓๖
ภาคผนวก ข หนังสอื ขอความอนเุ คราะหใ์ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ๑๔๓
ภาคผนวก ค หนังสือขอความอนุเคราะห์ในการสัมภาษณ์เพื่อการวจิ ัย ๑๔๕
ภาคผนวก ง ตวั อยา่ งเครือ่ งมือวิจัยทง้ั เชิงปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ ๑๕๘
ภาคผนวก จ ผลของการหาคา่ IOC แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์
และค่าสัมประสทิ ธแิ์ อลฟา่ ๑๗๐
ภาคผนวก ฉ ประมวลภาพจากการศกึ ษาภาคสนามการสมั ภาษณ์ ๑๘๐
ภาคผนวก ช ตารางสําเร็จรปู คํานวณหาขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งของ
เครซีและมอรแ์ กน ๑๘๘
ประวตั ผิ ้วู ิจยั ๑๙๐
ช
สารบัญตาราง
ตารางท่ี หน้า
ตารางที่ ๒.๑ สรุปแนวคิดเกย่ี วกับการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง ๒๕
ตารางที่ ๒.๒ สรุปแนวคิดเกยี่ วกับกิจกรรมทางการเมือง ๓๓
ตารางที่ ๒.๓ สรปุ หลกั พุทธธรรมที่เกย่ี วขอ้ ง ๓๕
ตารางท่ี ๒.๔ สรุปงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ๔๖
ตารางท่ี ๓.๑ แสดงท่ีมาของกลุ่มตัวอย่างแต่ละสาขา ตามสัดสว่ นของประชากร ๕๐
ตารางที่ ๔.๑ จาํ นวนความถ่ขี องผูต้ อบแบบสอบถาม จําแนกตามเพศ ๕๗
ตารางท่ี ๔.๒ จํานวนความถข่ี องผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตามอายุ ๕๗
ตารางที่ ๔.๓ จาํ นวนความถข่ี องผตู้ อบแบบสอบถาม จําแนกตามชน้ั ปี ๕๘
ตารางที่ ๔.๔ จํานวนความถข่ี องผ้ตู อบแบบสอบถาม จาํ แนกตามสาขาวิชา ๕๘
ตารางที่ ๔.๕ จาํ นวนความถขี่ องผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตามเกรดเฉลยี่ ๕๙
ตารางท่ี ๔.๖ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
๕๙
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น โดยภาพรวม
ตารางที่ ๔.๗ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ๖๐
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น ด้านการเลอื กตงั้ ๖๑
ตารางที่ ๔.๘ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
๖๒
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการติดตาม
ข่าวสารทางการเมอื ง ๖๓
ตารางท่ี ๔.๙ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการ ๖๔
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง
ตารางที่ ๔.๑๐ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ๖๔
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการ
เสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมประชาธปิ ไตย ๖๕
ตารางท่ี ๔.๑๑ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
โดยภาพรวม
ตารางท่ี ๔.๑๒ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ดา้ นเมตตากายกรรม
ตารางท่ี ๔.๑๓ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
ดา้ นเมตตาวจกี รรม
ซ
ตารางท่ี ๔.๑๔ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต ๖๖
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ๖๗
ดา้ นเมตตามโนกรรม ๖๘
๖๙
ตารางที่ ๔.๑๕ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต ๗๐
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ๗๑
ดา้ นสาธารณโภคี ๗๒
ตารางท่ี ๔.๑๖ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต ๗๓
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ๗๔
ดา้ นสลี สามญั ญตา ๗๕
ตารางท่ี ๔.๑๗ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต ๗๖
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านทฏิ ฐสิ ามญั ญตา
ตารางท่ี ๔.๑๘ แสดงการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามเพศ
ตารางที่ ๔.๑๙ แสดงความแปรปรวนของระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามอายุ
ตารางท่ี ๔.๒๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามช้ันปี
ตารางที่ ๔.๒๑ แสดงการทดสอบความแตกตา่ งระดบั การมีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของ
นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น เป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยท่ีสุด (LSD.) ด้านการเสริมสร้าง
วฒั นธรรมประชาธปิ ไตย จําแนกตามช้ันปี
ตารางที่ ๔.๒๒ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามสาขาวิชา
ตารางที่ ๔.๒๓ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกเกรดเฉล่ีย
ตารางท่ี ๔.๒๔ แสดงการทดสอบความแตกต่างระดับการมีส่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองของ
นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น เป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) ด้านการ
แลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ทางการเมอื ง จําแนกตามเกรดเฉลี่ย
ฌ
ตารางที่ ๔.๒๕ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย ๗๗
ธรรมกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ๗๘
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน ๗๙
เมตตากายกรรม ๘๐
๘๑
ตารางที่ ๔.๒๖ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ๘๒
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต ๘๓
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น ๘๔
จําแนกตามดา้ นการเลอื กตง้ั ๘๕
ตารางที่ ๔.๒๗ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการติดตามขา่ วสารทางการเมือง
ตารางที่ ๔.๒๘ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง
ตารางที่ ๔.๒๙ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามดา้ นการเสรมิ สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย
ตารางที่ ๔.๓๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน
เมตตาวจกี รรม
ตารางท่ี ๔.๓๑ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการเลอื กตัง้
ตารางที่ ๔.๓๒ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตาม ด้านการติดตามขา่ วสารทางการเมอื ง
ตารางท่ี ๔.๓๓ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ทางการเมอื ง
ญ
ตารางท่ี ๔.๓๔ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ๘๖
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต ๘๗
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ๘๘
จําแนกตามดา้ นการเสรมิ สร้างวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย ๘๙
๙๐
ตารางท่ี ๔.๓๕ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย ๙๑
ธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ๙๒
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน ๙๓
เมตตามโนกรรม ๙๔
ตารางท่ี ๔.๓๖ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามด้านการเลือกตัง้
ตารางท่ี ๔.๓๗ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการตดิ ตามขา่ วสารทางการเมือง
ตารางท่ี ๔.๓๘ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามดา้ นการแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ทางการเมือง
ตารางท่ี ๔.๓๙ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการเสรมิ สร้างวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย
ตารางที่ ๔.๔๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน
สาธารณโภคี
ตารางท่ี ๔.๔๑ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการเลอื กตั้ง
ตารางที่ ๔.๔๒ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการติดตามขา่ วสารทางการเมอื ง
ฎ
ตารางท่ี ๔.๔๓ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ทางการเมือง ๙๕
ตารางที่ ๔.๔๔ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามดา้ นการเสรมิ สรา้ งวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย ๙๖
ตารางที่ ๔.๔๕ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน
สลี สามญั ญตา ๙๗
ตารางท่ี ๔.๔๖ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการเลอื กตงั้ ๙๘
ตารางที่ ๔.๔๗ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามด้านการตดิ ตามขา่ วสารทางการเมือง ๙๙
ตารางท่ี ๔.๔๘ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ทางการเมือง ๑๐๐
ตารางที่ ๔.๔๙ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการเสรมิ สร้างวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย ๑๐๑
ตารางท่ี ๔.๕๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตาม
ดา้ นทิฏฐสิ ามญั ญตา ๑๐๒
ตารางที่ ๔.๕๑ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการเลอื กตง้ั ๑๐๓
ฏ
ตารางที่ ๔.๕๒ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามดา้ นการติดตามขา่ วสารทางการเมอื ง ๑๐๔
ตารางที่ ๔.๕๓ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
จาํ แนกตามด้านการแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ทางการเมือง ๑๐๕
ตารางท่ี ๔.๕๔ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมกบั ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
จําแนกตามด้านการเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมประชาธิปไตย ๑๐๖
ตารางท่ี ๔.๕๕ แสดงผลสรุปโดยภาพรวม การเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น โดยจําแนกตามปจั จยั สว่ นบคุ คลที่ ตามสมมตฐิ าน ๑ - ๕ ๑๐๗
ตารางท่ี ๔.๕๖ แสดงผลสรุปโดยภาพรวมการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทาง
การเมืองตามหลักสารารียธรรมกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของ
นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่ ตามสมมตฐิ าน ๖ ๑๐๘
ตารางท่ี ๔.๕๗ สรุปแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
ดังนี้ ๑๑๒
ตารางท่ี ๔.๕๘ สรุปแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสา
ราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น ดงั น้ี ๑๑๗
สารบญั แผนภาพ ฐ
ภาพท่ี หน้า
แผนภาพที่ ๒.๑ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั ๔๘
บทที่ ๑
บทนาํ
๑.๑ ความเปน็ มาและความสาํ คัญของปัญหา
การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองของประชาชน โดย
ประชาชน และเพ่ือประชาชน ความหมายของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว
อํานาจสูงสุด หรืออํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชนทําหน้าท่ีปกครองตนเองโดยตรง
(Direct Democracy) แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถกระทําได้ จึงเกิดรูปแบบการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยแบบผู้แทน (Indirect Democracy or Representative government) โดยประชาชน
เลือกผู้แทนข้ึนทําหน้าท่ีแทนตนและผู้แทนเหล่านั้นมีหน้าที่ร่วมกันกําหนดทั้งผู้ปกครอง (รัฐบาล)
นโยบาย และวิธีการปฏิบัติทางนโยบาย การที่ประชาชนทําหน้าที่ปกครองด้วยตนเองโดยตรง หรือการ
เลือกผูแ้ ทนเขา้ ไปทําหน้าท่ีแทนตนนั้น เป็นกลไกลท่ีสําคัญท่ีสดุ ทจี่ ะทําให้กระบวนการทางการเมอื งการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยทุกกระบวนการ ทุกระดับและทุกมิติ ดําเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนผู้เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตยต้องมี
คุณสมบัติที่เอ้ือหรือสนับสนุนต่อหลักการประชาธิปไตย เช่น มีความสนใจ กระตือรือร้นท่ีจะเข้ามีส่วน
ร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือติดตาม ควบคุม และ
ตรวจสอบการทํางานของรัฐบาลอยา่ งจริงจัง หรืออาจกล่าวอีกนัยหน่ึงว่าประชาชนต้องมีวัฒนธรรมทาง
การเมืองตามทัศนะท่ีว่า “กิจกรรมทางการเมืองการปกครองเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องเอาใจใส่รับผิดชอบ
จะหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธให้พ้นความรับผิดชอบของตนหาได้ไม่” เพราะการมีส่วนร่วมทางการเมืองการ
ปกครองของประชาชน เป็นหัวใจสําคัญในการส่งเสริมความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตยแบบ
ผู้แทน เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงทัศนะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ท่ีจะ
มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน๑ ซ่ึงการเมืองเป็นกิจกรรมและกระบวนการท่ีเกิดข้ึนในระบบ
การเมืองโดยมีเป้าหมายเพื่อให้สังคมบรรลุถึงข้อตกลงทางผลประโยชน์ร่วมกันนั่นก็คือเป้าหมายในการ
จัดสรรทรัพยากรและสิ่งที่มีคุณค่าร่วมกันในสังคมซึ่งเป็นมิติหนึ่งของพฤติกรรมความสัมพันธ์หรือ
สถาบันของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้อิทธิพลการใช้อํานาจ และอํานาจหน้าท่ีภายใน
ระบบการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นตัวชี้วัดท่ีสําคัญประการหน่ึงของระบบการเมืองของ
๑ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย, (กรุงเทพมหานคร: สํานักการพิมพ์สํานักงานเลขาธิการสภา
ผแู้ ทนราษฎร, ๒๕๖๐), หนา้ ๗-๘.
๒
ระบอบประชาธิปไตยสังคมใดท่ีจะมีความเป็นประชาธิปไตยสูงหรือต่ําพิจารณาได้จากการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองของประชาชนสังคมท่ีประชาชนมีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองสูงย่อมมีระดับความ
เป็นประชาธิปไตยสูง ในทางตรงกันข้ามสังคมใดประชาชนมีระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองตํ่า
แสดงว่าสังคมนั้นมีระดับความเป็นประชาธิปไตยต่ํา รัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ ของไทยในอดีตท่ีผ่านมา
เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีอายุ ๒๐ ปี บริบูรณ์เป็นผู้มีสิทธ์ิในการออกเสียงเลือกต้ังผู้แทนของตน แต่ใน
ความเป็นจริงแล้วจะเห็นว่าผู้ท่ีอายุตํ่ากว่า ๒๐ ปี ที่อยู่ในวัยท่ีกําลังศึกษาได้แสดงออกถึงความ
เคล่ือนไหวทางการเมืองก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับชาติหลายครั้ง เช่น การเดินขบวนของกลุ่ม
พลังนิสิตนักศึกษาและประชาชนในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และเม่ือ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และ
เม่ือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ๒๕๓๕ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นเยาวชนและนิสิต
นักศึกษาส่วนใหญ่ที่มีอายุไม่ถึง ๒๐ ปี บริบูรณ์กระทั้งต่อมาได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้เปล่ียนแปลงผู้มีสิทธิเลือกต้ังจากเดิม ๒๐ ปี มาเป็น ๑๘ ปี
บริบูรณ์ข้ึนไปซ่ึงในอดีตที่ผ่านมาน้ันช้ีให้เห็นว่าเยาวชนนิสิตนักศึกษาได้มีการแสดงออกถึงการมีส่วน
ร่วมในทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ๒
นิสิตมหาวิทยาลัยเป็นอีกกลุ่มท่ีมีบทบาทต่อการเมืองไทย ซึ่งได้รวมตัวกันทํากิจกรรม
ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ในขณะท่ีนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ได้ดําเนินกจิ กรรมทางการเมืองในหลายรปู แบบ ดังน้ี ๑) นิสิตมหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น คณะพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ กว่า ๓๐ รูป
หรือคน ยื่นหนังสือให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา โดยย่ืนข้อเรียกร้องไปถึง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ๔ ข้อ คือ (๑) ให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและ
มาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาชุดปัจจุบัน (คณะของนายไพบูลย์ นิติตะวัน) (๒) ให้
พระสงฆ์เป็นผู้นําพาประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันมีบทบาทปฏิรูปแก้ปัญหาพระพุทธศาสนาท้ังระบบ
(๓) ให้หยุดคุกคามมหาเถรสมาคมอันเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาใน
ประเทศไทย (๔) ให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองอุปถัมภ์บํารุงพระพุทธศาสนาด้วยความเป็นสัมมาทิฏฐิ๓
๒) ได้มีแถลงการณ์จากสภานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ใน
วันท่ี ๒ เมษายน ๒๕๕๙ เรื่องขอสนับสนุนและแสดงจุดยืนร่วมกับองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนา
ภาคใต้ และประกาศลงอกุ เขปนยี กรรม แก่ พระพุทธอสิ ระ (พระสวุ ิทย์ ธีรธมฺโม) ซงึ่ เป็นผู้ว่ายาก สอน
ยาก แก้ยาก มีพฤติกรรมยุยงสงฆ์ให้แตกแยก ประจบสอพอฆราวาส ยอมให้ฆราวาสช้ีนําบงการ
ทําลาย ให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาเป็นกิจกรรมการแสดงออกทางการเมือง๔ และสโมสรนิสิต
๒ สมพร เฟื่องจันทร์, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ
เจ้าพระยา”, วารสารสารสนเทศ, ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๕๘): ๙๘-๙๙.
๓ Mgronline, พระ มจร.ขอนแก่นจ้ียุบคณะ กก.ปฏิรูปพระพุทธศาสนา, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา:
https://mgronline.com/local/detail/9580000025345 [๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓].
๔ แถลงการณ์, “ขอสนับสนุนและแสดงจุดยืนร่วมกับองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาภาคใต้ และ
ประกาศลงอุกเขปนียกรรมแก่ พระพุทธอิสระ (พระสุวทิ ย์ ธีรธมโฺ ม)”, สภานิสติ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ , ณ วนั ท่ี ๒ เมษายน ๒๕๕๙ สืบค้นเมอื่ (๒๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓).
๓
คฤหัสถ์ มจร วิทยาเขตขอนแก่น ออกแถลงการณ์ขอให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและ
มาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่าสโมสรนิสิตคฤหัสถ์
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี ยกเลิกคณะกรรมการปฏริ ูปฯ ซง่ึ สโมสรนิสติ คฤหสั ถ์
ออกมาคร้ังน้ีเพื่อปกป้องและพิทักษ์ไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา และถ้านายกฯ ไม่ยกเลิกคณะกรรมการ
ปฏิรูปฯ ชุดนี้ สโมสรนิสิตคฤหัสถ์ในฐานะพุทธศาสนิกชนจะออกไปรวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงการ
ปกป้องพระพุทธศาสนาเบ้ืองต้นสโมสรนิสิตคฤหัสถ์ วิทยาเขตขอนแก่นจะย่ืนข้อเรียกร้องให้กับรอง
อธิการบดี มจร. วิทยาเขตขอนแก่นและผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น๕ ๓) ได้มีการจัดกิจกรรมเสวนา
วิชาการในหัวข้อ “การเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๖๐” บรรยายโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ในขณะน้ัน ซึ่งจัดร่วมกับหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ในวันที่ ๘
กันยายน ๒๕๖๒ ที่ห้องประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัด
ขอนแก่น๖ ๔) เม่ือวันพุธท่ี ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการการเลือกตัง้ นายก
องค์กรบริหารนิสิตและนายกสโมสรนิสิต ประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ได้ดําเนินจัดการเลือกตั้งนายกองค์กรบริหารนิสิต ณ หน่วยเลือกต้ัง
ห้องประชุมใหญ่ อาคาร ๘๐ ปี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น นิสิต
เข้าร่วมกิจกรรมการเลือกต้ังนายกองค์กรบริหารนิสิตในระดับปริญญาตรี มี ๑. คณะครุศาสตร์
สาขาวิชาการสอนภาษาไทย สาขาวิชาสังคมศึกษา ๓. คณะพุทธศาสตร์ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
สาขาวิชาปรัชญา ๕. คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ๖. คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชา
รฐั ศาสตร์ สาขาวชิ ารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวชิ านิติศาสตร๗์
จากเหตุการณ์ดังกล่าวน้ัน เหตุการณ์ท่ี ๑ และ ๒ ถือว่านิสิตได้ดําเนินกิจกรรมในขณะที่
คสช. ได้ดําเนินการบริหารประเทศอยู่ และได้ทําการปฏิรูปการเมืองและสังคมหลายด้านรวมถึงการ
ปฏิรูปพระพุทธศาสนา ซึ่งกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ได้
แสดงออกเนื่องจากเห็นว่าบุคคลผู้เป็นประธานในการปฏิรูปพระพุทธศาสนาไม่มีความรู้ทาง
พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง การแสดงออกของนิสิตในครั้งนั้น ได้สะท้อนไปยังรัฐบาลจนทําให้นาย
สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ๘ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาท่ี วัดธาตุ พระอารามหลวง
ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ได้เข้าพบพระโสภณพัฒนบัณฑิต (รองอธิการบดี
๕ Mgronline, แยกย่อย เครือข่ายสงฆ์ มาจากไหน? รุกหนัก จ้ีรัฐ-สปช.ยุบคณะปฏิรูปฯ
พระพุทธศาสนา, [ออนไลน์], แหล่งที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9580000024595 [๙
สงิ หาคม ๒๕๖๓].
๖ The Buddh, ‘ปิยบุตร’ เทศน์กัณฑ์ ‘อริยสัจ ๔’ ช้ีรธน.๖๐ คือ’สมุทัย’ทําคนไทยทุกข์
(ออนไลน์), แหลง่ ท่มี า: http://thebuddh.com/?p=43619 [๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓].
๗ คณะอนุกรรมการการเลือกต้ังนายกองค์กรบริหารนิสิตและนายกสโมสร. “ผลการเลือกตั้งนายก
องค์กรบริหารนิสติ ประจาํ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓”. บันทึกข้อความ. ท่ี อกต. ๐๐๒/๒๕๖๓. [๒๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๓].
๘ สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. สรุปภารกิจตรวจเย่ียมวัดจังหวัดขอนแก่น ของรัฐมนตรี
ประจาํ สาํ นกั นายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธ์ุ ตนั ยวุ รรธนะ), [ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://old.onab.go.th/news/
สรปุ ภารกิจตรวจเย่ียม [๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓].
๔
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น) รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น และได้
สนทนาในเรอ่ื งการปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์ และได้พบปะกับพุทธศาสนิกชนเพ่ือสรา้ งความเข้าใจให้กับ
ชุมชน ข้อมูลท่ีกลา่ วมาล้วนเปน็ ปรากฏการณ์ที่นา่ สนใจนําไปสูก่ ารศึกษาเพ่ือค้นหาคําตอบและนําไปสู่
การพฒั นาการเรียนรูท้ างการเมืองของนสิ ิตในขณะท่ีศึกษาอยู่
ดังนั้น จากสภาพการณ์ที่กล่าวมาแล้ว จึงทําให้ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาวิจัยเก่ียวกับ “การมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” ซ่ึงผลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนและส่งเสริมการมีส่วนร่วม
กิจกรรมทางการเมอื งในระบอบประชาธิปไตยทเ่ี ข้มแข็งในอนาคต
๑.๒ คาํ ถามการวิจัย
๑.๒.๑ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ เปน็ อยา่ งไร
๑.๒.๒ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น แตกต่างกัน หรือไม่
๑.๒.๓ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
กบั การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื ง แตกต่างกนั หรือไม่
๑.๒.๔ แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ เป็นอย่างไร
๑.๓ วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั
๑.๓.๑ เพ่ือศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
๑.๓.๒ เพ่อื ศึกษาระดับการมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองตามหลกั สาราณียธรรมของ
นิสติ ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
๑.๓.๓ เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตามปัจจัยส่วนบุคคลและตาม
หลักสาราณียธรรม
๑.๓.๔ เพ่ือศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๕
๑.๔ ขอบเขตการวจิ ัย
๑.๔.๑ ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา
ในการศกึ ษาครั้งนี้ ผู้วิจยั มุ่งศึกษา “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” ดงั นี้
ขอบเขตเนอ้ื หา ซง่ึ ประกอบด้วย ๑. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมอื ง ๒. เปรยี บเทียบ
การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมือง ๓. การส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง
๑.๔.๒ ขอบเขตดา้ นตวั แปร
ในการศกึ ษาครง้ั นี้ ผูว้ จิ ยั กําหนดขอบเขตดา้ นตัวแปรที่ใช้ในการวจิ ยั ครัง้ น้ี
ตัวแป รต้น (Independent Variables) คือ ข้อมูลปั จจัยส่วนบุ คคลของผู้ตอบ
แบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ช้ันปี สาขาวิชา เกรดเฉลี่ย และการมีส่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลกั สาราณียธรรม
ตัวแปรตาม (Dependent Variables) คือ ความคิดเห็นที่มีต่อการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมอื งของนสิ ติ ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ท้ัง ๔ ด้าน คือ (๑) ด้านการเลือกต้ัง (๒) ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง (๓) ด้านการ
แลกเปล่ยี นความคิดเห็นทางการเมือง (๔) ดา้ นการเสริมสร้างวฒั นธรรมประชาธิปไตย
๑.๔.๓ ขอบเขตด้านประชากร/และผู้ให้ข้อมูลสําคญั
๑) ประชากร ได้แก่ นิสิตคฤหัสถ์ระดับปริญญาตรีท่ีกําลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่ จํานวน ๓๗๗ คน๙ โดยแยกตามสาขาวิชา ดงั น้ี
๑) สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา จํานวน ๕ คน
๒) สาขาวชิ าปรชั ญา จํานวน ๓ คน
๓) สาขาวิชาการสอนภาษาไทย จํานวน ๑๑๘ คน
๔) สาขาวชิ าสงั คมศึกษา จํานวน ๑๐๗ คน
๕) สาขาวิชาภาษาอังกฤษ จํานวน ๑๘ คน
๖) สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ จาํ นวน ๗๓ คน
๗) สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ จาํ นวน ๒๖ คน
๘) สาขาวิชานติ ศิ าสตร์ จํานวน ๒๗ คน
รวมประชากรทงั้ ส้นิ จํานวน ๓๗๗ คน
๒) ผู้ให้ข้อมูลสําคัญ (Key Informations) ผู้วิจัยทําการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth
Interview) ผ้ใู ห้ข้อมลู สําคญั จํานวน ๑๒ รปู หรือคน
๙ ฝ่ายทะเบียนและวัดผล สํานักวิชาการ วิทยาเขตขอนแก่น, สถิตินิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓, (ขอ้ มลู ณ วันท่ี ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓).
๖
๑.๔.๔ ขอบเขตดา้ นพนื้ ที่
พื้นท่ีท่ีใช้ในการทําวิจัยคร้ังนี้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่
๑.๔.๕ ขอบเขตด้านระยะเวลา
ระยะเวลาในการดําเนินงานวิจัย ตั้งแต่เร่ิมต้นจนถึงเก็บรวบรวมข้อมูลและสรุปผลรวมท้ัง
การจัดทําเป็นวิทยานิพนธ์ เป็นเวลาทั้งส้ิน ๔ เดือน ต้ังแต่เดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ ถึงเดือน
ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
๑.๕ สมมติฐานการวิจัย
๑.๕.๑ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่ มีเพศตา่ งกนั มสี ่วนร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื ง แตกตา่ งกนั
๑.๕.๒ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่นมีอายตุ ่างกนั มสี ่วนร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื ง แตกต่างกนั
๑.๕.๓ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่นมีช้ันปีต่างกนั มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื ง แตกตา่ งกนั
๑.๕.๔ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่ มสี าขาวิชาตา่ งกัน มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง แตกตา่ งกัน
๑.๕.๕ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่ มีเกรดเฉลย่ี ต่างกนั มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื ง แตกต่างกนั
๑.๕.๖ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่นมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมอื ง แตกตา่ งกัน
๑.๖ นิยามศพั ท์เฉพาะทใี่ ชใ้ นการวิจัย
๑.๖.๑ การมีส่วนร่วมทางการเมือง หมายถึง กิจกรรมหรือพฤติกรรมทางการเมืองท่ีมี
จุดมุ่งหมายเพ่ือจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ซ่ึงเป็นผู้ท่ีมีความชอบธรรมในการตัดสินใจ
แบ่งคุณค่าท่ีมีอยู่จํากัดในสังคม ไม่ว่าการกระทําหรือพฤติกรรมนั้นจะสําเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ก็
ตามของนิสติ ระดับปริญญาตรขี องมหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
๑.๖.๒ กิจกรรมทางการเมอื ง หมายถึง พฤตกิ รรมของนิสติ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณ
ราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีแสดงออกในลกั ษณะทางการเมอื ง ดงั นี้
๑) ด้านการเลือกต้ัง หมายถึง การมีส่วนร่วมของนิสิตในกระบวนการเลือกต้ัง
ประกอบด้วย ๑.กิจกรรมการมีส่วนร่วมก่อนการเลือกต้ัง คือ (๑) ตรวจบัญชีรายช่ือว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ
เลือกตั้งหรือไม่ (๒) ตรวจสอบพรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง (๓) ร่วมรณรงค์เลือกต้ัง (๔) ฟัง
การปราศรัยนโยบายของผู้สมัครและพรรคการเมือง (๕) สอดส่องดูแลพฤติกรรมท่ีมิชอบ (๖) ศึกษา
ประวัตผิ ้สู มัคร (๗) ให้การศกึ ษาแก่ประชาชน (๘) การต่อรองนโยบายของพรรคการเมอื ง ๒. กิจกรรม
๗
การมีส่วนร่วมระหว่างการเลือกต้ัง (๑) สังเกตการณ์การซื้อเสียง (๒) ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
(๓) ติดตามการนับคะแนน (๔) ร่วมเป็นคณะกรรมการประจําหน่วยเลือกต้ัง (๕) แจ้งเหตุหากพบ
เหตุการณ์ผิดปกติ (๖) ชักชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกต้ัง (๗) ไม่รับเงินซ้ือเสียง (๘) ตรวจสอบดูแล
การเลือกต้ังให้เป็นไปตามกติกา ๓. กิจกรรมการมีส่วนร่วมหลังการเลือกต้ัง (๑) ติดตามผลการ
เลือกต้ัง (๒) ติดตามผลการใช้สิทธิเลือกต้ัง (๓) ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล (๔) ติดตามตรวจสอบการ
ทาํ งานของผูแ้ ทนทเี่ ราเลอื ก (๕) แสดงพลงั กลมุ่ ถอดถอนนกั การเมอื ง ถา้ พบวา่ มกี ารกระทําโดยมชิ อบ
๒) ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง หมายถึง การที่นิสิตติดตามสถานการณ์
ทางการเมือง ได้แก่ การติดตามข่าวสารทางหนังสือพิมพ์ การติดตามการเคล่ือนไหวรายการข่าว
การเมืองทางโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต การมีส่วนร่วมในการเสนอเรื่องร้องเรียน และการติดตาม
การฟังอภิปรายไมไ่ วว้ างใจรฐั บาล
๓) ด้านการแลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการเมือง หมายถึง การที่นิสิตมีส่วนร่วมใน
การให้ความรู้ทางการเมืองแก่ประชาชน ได้แก่ การจัดประชุมอภิปรายให้คําแนะนําให้คําปรึกษา
ทางการเมืองแก่ประชาชนหรือการเสนอข่าวสารทางการเมืองแก่ประชาชน การจัดกิจกรรมทางการ
เมือง การเสนอข่าวสารน่ารู้เก่ียวกับการเมืองทางวิทยุ บทความ การพูดคุยเพ่ือแลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นทางการเมอื งกบั ประชาชน
๔) ด้านการเสรมิ สรา้ งวัฒนธรรมประชาธิปไตย หมายถงึ การเสรมิ สร้างความเช่อื มั่น
ศรทั ธาและสนับสนนุ หลักการปกครองแบบประชาธปิ ไตย เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ยข์ องบคุ คล
ความเสมอภาคและเสรีภาพของบุคคล การเคารพในกฎหมาย การเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมี
ความสํานึกในหน้าท่ีพลเมือง ความไว้วางใจเพื่อนมนุษย์ รู้จักการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผลและไม่
มีจิตใจเป็นเผด็จการ
๑.๖.๓ นิสิต หมายถึง นิสิตคฤหัสถ์ท่ีกําลังศึกษาในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๑.๖.๔ ระดับปริญญาตรี หมายถึง ระดับชั้นปีของนิสิตที่กําลังศึกษาอยตู่ ามเกณฑ์ของแต่
ละหลักสตู รในระดับปรญิ ญาตรชี ้นั ปีที่ ๑ - ๕ ประจาํ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
๑.๖.๕ มหาวิทยาลัย หมายถึง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแกน่
๑.๗ ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการวจิ ยั
๑.๗.๑ ทําให้ทราบถึงระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
๑.๗.๒ ทําให้ทราบถึงระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งตามหลักสาราณียธรรม
ของนสิ ติ ระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๑.๗.๓ ทําให้ทราบถึงผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตามปจั จัยส่วนบุคคล
และตามการมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื งตามหลกั สาราณยี ธรรม
๘
๑.๗.๔ ทําให้ได้แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดบั ปรญิ ญาตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
๑.๗.๕ เพ่ือนําผลการวจิ ัยไปเผยแพรใ่ นระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นขอ้ มูลสารสนเทศในการ
เผยแพร่
บทท่ี ๒
แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
การวิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสาร
แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับเร่ืองที่ผู้วิจัยได้ทําการวิจัย กรอบแนวคิดในการวิจัย
ประกอบด้วยแนวคิดดังตอ่ ไปน้ี
๒.๑ แนวคดิ เก่ียวกับการมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง
๒.๒ แนวคิดเก่ียวกับกจิ กรรมทางการเมือง
๒.๓ หลกั พทุ ธธรรมทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง
๒.๔ ขอ้ มลู บรบิ ทเรื่องทวี่ ิจัย
๒.๕ งานวิจยั ทเ่ี กย่ี วข้อง
๒.๖ กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
๒.๑ แนวคดิ เก่ียวกบั การมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง
ผ้วู ิจัยได้ทาํ การศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการมีสว่ นร่วมทางการเมือง ดงั น้ี
๒.๑.๑ ความหมายของการมสี ว่ นรว่ ม
การมีส่วนร่วม (Participation) ตามพจนานุกรมอังกฤษฉบับอ๊อกฟอร์ด ได้ให้คํานิยามไว้
ว่า “เป็นการมีส่วน (ร่วมกับคนอ่ืน) ในการกระทําบางอย่างหรือบางเร่ือง” คําว่า การมีส่วนร่วม
โดยมากมักจะใชใ้ นความหมายตรงข้ามกับคําวา่ “การเมินเฉย (Apathy)” ฉะน้ัน คําว่าการมีส่วนร่วม
ตามความหมายขา้ งต้น จงึ หมายถงึ การที่บคุ คลกระทําการในเรือ่ งใดเรื่องหน่ึงหรือในประเด็นท่ีบุคคล
น้ันสนใจ ไม่ว่าเขาจะได้ปฏิบัติการเพื่อแสดงถึงความสนใจอย่างจริงจังหรือไม่ก็ตาม และไม่จําเป็นท่ี
บุคคลนั้นจะต้องเข้าไปเก่ียวข้องกับกิจกรรมนั้นโดยตรงก็ได้ แต่การมีทัศนคติ ความคิดเห็น ความ
สนใจ ห่วงใย ก็เพียงพอแล้วที่จะเรียกว่าเป็นการมีส่วนร่วมได้ และยังได้ให้คําจํากัดความของการมี
ส่วนร่วมของประชาชนว่า “การมีส่วนร่วมของประชาชน” หมายถึง การท่ีกลุ่มประชาชน หรือ
ขบวนการท่ีสมาชิกของชุมชนที่กระทําการออกมาในลักษณะของการทํางานร่วมกัน ที่จะแสดงให้เห็น
ถึงความต้องการร่วม ความสนใจร่วม มีความต้องการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายร่วมทางเศรษฐกิจและ
สังคมหรือการเมือง หรือการดําเนินการร่วมกันเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อรองอํานาจมติชน ไม่ว่าจะเป็น
๑๐
ทางตรงหรือทางอ้อม หรือการดําเนินการเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อรองอํานาจทางการเมือง เศรษฐกิจ
การปรับปรุงสถานภาพทางสงั คมในกลุ่มชุมชน๑
การมีส่วนร่วม (Participation) หมายถึง การได้เข้าไปเก่ียวข้องท่ีอาจเป็นการเข้าร่วม
แบบทางตรง หรือทางอ้อมในการทํากิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงก็ได้ โดยอาจจะเป็นปัจเจกบุคคลหรือ
กลุ่มคนหรือองค์กรประชาชนไดอ้ าสาเขา้ มามีสว่ นร่วมดําเนนิ งานกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เร่มิ ตงั้ แต่
การร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมลงมือปฏิบัติ โดยมีความเข้าใจปัญหาของตนและตระหนักถึงสิทธิของ
ตน การมีส่วนร่วมเก่ียวข้องในด้านจิตใจ และอารมณ์ความรู้สึกของบุคคลในสถานการณ์ กลุ่มที่จะ
กระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์ท่ีจะกระทําในสิ่งที่บรรลุเป้าหมายของกลุ่ม และแบ่งความรับผิดชอบกัน
ระหว่างเพ่ือนสมาชิกในกลุ่มทําให้เกิดการมีส่วนร่วม และการมีส่วนร่วมจะก่อให้เกิดความพอใจของ
สมาชิกและมีแรงใจท่ีจะมุ่งสู่ความสําเร็จ ตลอดจนทําให้เขาได้รับการยอมรับมีความรับผิดชอบ และ
เกดิ ความนบั ถอื ตนเองมากข้ึน ซึ่งเปน็ การตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของสมาชิก๒
ในขณะเดยี วกนั ไดม้ นี กั วิชาการให้ความหมายการมีส่วนร่วมไวอ้ ีกวา่
๑. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามีส่วนร่วมในการคิด
ริเร่ิม การพิจารณาตัดสินใจ การร่วมปฏิบัติและการร่วมรับผิดชอบในเรื่องอันมีผลกระทบมาถึงตัว
ประชาชนเอง และการท่ีจะสามารถทําให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหาและ
นํามาซ่ึงสภาพเป็นอยู่ท่ีดีข้ึนและจําเป็นจะต้องยอมรับปรัชญาว่า มนุษย์ทุกคนต่างปรารถนาท่ีจะอยู่
ร่วมกันอย่างเป็นสุข ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เป็นท่ียอมรับของผู้อ่ืน และพร้อมท่ีจะอุทิศตน
เพื่อกิจกรรมของกลุ่ม ขณะเดียวกันจะต้องยอมรับด้วยความบริสุทธิ์ใจว่ามนุษย์นั้นสามารถพัฒนาได้
ถา้ มีโอกาสและการชีแ้ นะที่ถกู ทาง๓
๒. การเก่ียวข้องทางจิตและอารมณ์ของบุคคลหนึ่งในสถานการณ์ซึ่งผลของการเกี่ยวข้อง
ดังกล่าวเป็นสิ่งเร้าให้เกิดให้กระทําการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของกลุ่มนั้น กับท้ังทําให้เกิดความรู้สึกร่วม
รบั ผดิ ชอบกับกลุ่มดงั กลา่ วด้วย๔
๓. การท่ีผู้นําอนุญาตให้ผู้ตามเป็นจํานวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ให้เข้ามามีส่วนร่วมใน
การตัดสินใจมากที่สุดเท่าท่ีจะมากได้ เป็นต้นว่า การยอมรับให้ผู้ตามหรือใต้บังคับบัญชาได้เข้ามามี
๑ เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์, การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการดําเนินนโยบายของรัฐบาลด้านการ
บริการจัดหางาน, (กรุงเทพมหานคร: กองแผนงานและสารสนเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน, ๒๕๕๐),
หนา้ ๑.
๒ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย, (กรุงเทพมหานคร: สํานักการพิมพ์สํานักงานเลขาธิการสภา
ผ้แู ทนราษฎร, ๒๕๖๐), หน้า ๑๑.
๓ ยุวัฒน์ วุฒิเมธี, การพัฒนาชุมชนและการพัฒนาชนบท, (กรงุ เทพมหานคร: พัฒนาชุมชน, ๒๕๓๖),
หน้า ๒๕-๒๖.
๔ นิรนั ดร์ จงวุฒิเวศน์, กลวธิ ี แนวทาง กลวิธกี ารส่งเสริมการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในการพัฒนา
ชนบท, (กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลัยรามคาํ แหง, ๒๕๓๗), หน้า ๑๘๕.
๑๑
ส่วนในการกําหนดสภาพการทํางาน กําหนดนโยบายและแม้กระทั้งการเลือกตั้งผู้นําหรือ
ผบู้ งั คับบญั ชาด้วย๕
๔. การกระทําการอย่างใดอย่างหน่ึงโดยการเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเก่ียวข้องหรือมีส่วนใน
การดําเนินภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ดี พาร์รีมิได้ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมในแง่ของ
แนวความคดิ เฉย ๆ หากไดใ้ หค้ วามหมายแนวความคดิ นใี้ นลักษณะทส่ี ามารถวัดได้๖
สรุปได้ว่า การมีส่วนร่วม หมายถึง การที่บุคคลกระทําการในเรื่องใดท่ีสนใจ ไม่ว่าจะได้
ปฏิบัติการเพื่อแสดงถึงความสนใจอย่างจริงจังหรือไม่ก็ตาม และไม่จําเป็นที่บุคคลนั้นจะต้องเข้าไป
เก่ียวข้องกับกิจกรรมน้ันโดยตรงก็ได้ แต่การมีทัศนคติ ความคิดเห็น ความสนใจ ห่วงใย ก็เป็นการมี
สว่ นรว่ ม
๒.๑.๒ ความหมายของการมีส่วนรว่ มทางการเมือง
การมีส่วนรว่ มทางการเมือง (Political participation) หมายถงึ การกระทําใด ๆ ก็ตามที่
เกิดข้ึนด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะประสบความสําเร็จหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการจัดอย่างเป็นระเบียบหรือไม่
และไม่ว่าจะเกิดข้ึนเป็นครั้งคราวหรือต่อเนื่อง จะใช้วิธีการท่ีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพ่ือผลใน
การท่ีจะมีอิทธิผลต่อการเลือกนโยบายของรัฐ หรือต่อการบริหารงานของรัฐ หรือต่อการเลือกผู้นํา
ทางการเมืองของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นไปในระดับท้องถ่ินหรือในระดับชาติก็ตาม เพื่ออิทธิพลของกลุ่ม
การเมืองในการเลือกกําหนดบุคคลในวงการรัฐบาล หรือกดดันรัฐบาลให้กระทําตามท่ีพลเมืองผู้น้ัน
หรือกลมุ่ น้ันต้องการ ตลอดจนมีอิทธิพลตอ่ การกําหนดนโยบายของรัฐทั้งในการเมืองการปกครองระดับ
ท้องถิ่นและระดับชาติ ดังน้ันจะเห็นได้ว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองมีลักษณะที่รวมกันสองประการ
ได้แก่ (๑) ต้องเป็นไปตามความสมัครใจและ (๒) ต้องมีจุดหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้มี
อํานาจ นอกจากน้ันกิจกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองต้องเป็นไปตามท่ีระบบการเมืองและกฎหมาย
กําหนดใหก้ ระทาํ ได้ หรืออาจใชว้ ิธกี ารทีไ่ ม่ถกู ตอ้ งตามกฎหมายก็ได้๗
ความหมายของคําว่า มีส่วนร่วมทางการเมือง ไมยรอน ไวยเนอร์ ได้กล่าวถึงการกระทําท่ี
เรียกกันวา่ การมีสว่ นร่วมอยู่ ๑๐ กรณีดว้ ยกันดังน้ี๘
(๑) การมีส่วนร่วมท่ีหมายถึง การกระทําในการสนับสนุนหรือการกระทําในการเรียกร้อง
กับผู้นําของรัฐบาล ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยและเผด็จการก็ได้ เช่น การออกเสียง
๕ ติน ปรัชพฤธ์ิ, พฤติกรรมมนุษย์ในองค์การ, พิมพ์คร้ังท่ี ๒๑, (นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,
๒๕๔๖), หนา้ ๖๖๒.
๖ เรอ่ื งเดยี วกนั , หน้า ๖๖๓.
๗ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย, หน้า ๑๒-๑๓.
๘ นรนิติ เศรษฐบุตร, เอกสารการสอนชุด สถาบันและกระบวนการการทางการเมืองไทย หน่วยท่ี
๑๕ การมีส่วนร่วมทางการเมือง, พิมพ์คร้ังที่ ๒๐, (นนทบุรี: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๔๒),
หน้า ๘๙๓ – ๘๙๔.
๑๒
ประชามติ การร่วมชุมนุมเห็นด้วยกับการกระทําของรัฐบาล เพื่อแสดงว่าเป็นการสนับสนุนของ
มหาชนหรือเพอื่ แสดงวา่ รัฐบาลมคี วามชอบธรรม ทัง้ ๆ ท่ีบางทปี ระชาชนก็ไม่อาจเลือกทางอนื่ ได้
(๒) การมีส่วนร่วมท่ี หมายถึง ความพยายามที่สําเร็จในการสร้างผลกระทบต่อการการ
ดําเนินการของรัฐบาลหรือ การเลือกผู้นํารัฐบาล อย่างเช่น การวิพากษ์วิจารณ์ในระบบการเมืองแบบ
ประชาธปิ ไตยของบคุ คลหรอื กลมุ่ บคุ คล
(๓) การมีส่วนร่วมที่ หมายถึง การกระทําของพลเมืองของรัฐตามท่ีกําหนดไว้ในตัวบท
กฎหมาย อย่างเช่นการออกเสียงเลือกต้ัง การร่วมชุมนุม การยื่นข้อเรียกร้องและการว่ิงเต้นในเรื่อง
ตา่ ง ๆ ที่เปน็ ไปตามกฎหมาย ดังน้นั การกระทาํ เหลา่ นีเ้ นน้ ท่วี ่าตอ้ งไม่ขัดตอ่ กฎหมาย
(๔) การมีส่วนร่วมที่ หมายถึง วิธีการท่ีมีตัวแทน (Representation) ซ่ึงความหมายน้ีผู้ที่
เห็นก็ คือ พวกที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยแบบมีตัวแทน พวกที่ไม่เห็นด้วยก็คือพวกที่นิยมแบบ
ประชาธปิ ไตยโดยตรง
(๕) การมีส่วนร่วม หมายถึง ความรู้สึกผิดแผกแปลกปลอม (Alienation) ด้วยว่า
ความรู้สึกน้ีทําให้ ขาดความสนใจและขาดการกระทําได้ เพราะการไม่กระทําท่ีมาจากความรู้สึกผิด
แผกแปลกปลอมนัน้ อาจก่อให้เกิดผลตามมา แตป่ ัญหาก็มใี ห้คดิ ว่า เราจะยดึ ถือปฏิบัติอยา่ งไร ในการ
ที่จะถือว่าการไม่กระทําอันใด ซ่ึงเน่ืองมาจากความรู้สึกผิดแผกแปลกปลอมเป็นการมีส่วนร่วมแต่การ
ไมก่ ระทําในกรณอี ืน่ ๆ ไมเ่ ปน็ การมสี ว่ นร่วม
(๖) การมีส่วนร่วมที่เรา หมายถึง การกระทําของพวกท่ีมีความต่ืนตัวทางการเมืองมาก
อย่างพวกท่ีสมัครเข้ารับเลือกตั้ง หรือพวกที่เข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แล้วเรายังหมายรวมไปถึง
การกระทําที่ดูจะมีการต่ืนตัวทางการเมืองน้อยด้วย เช่น พวกท่ีไม่ไปลงคะแนนเสียงแต่ก็ชอบถกเถียง
พูดจากันเกย่ี วกับเรอื่ งการบ้านการเมืองกบั เพอ่ื นบ้าน หรอื พวกทแ่ี สดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือ
พวกทีส่ นใจข่าวสารทางการเมืองในส่ือสารมวลชน
(๗) แม้การมีส่วนร่วมทางการเมืองน้ัน มีคนมองว่าเป็นเรื่องของความต่อเน่ือง แต่ก็ได้
หมายรวมถึงการกระทําทางการเมืองท่ีเกิดขั้นเป็นครั้งคราวและมีความรุนแรงเข้าไว้ด้วย เช่นการเกิด
การจลาจลวนุ่ วาย หรือการพิจารณาทางการเมือง เป็นตน้
(๘) การมีส่วนร่วมทางการเมือง ซ่ึงมองว่าต้องมีจุดหมายที่จะมีอิทธิพลต่อผู้นําทาง
การเมืองนั้นก็ดูได้ไปถึง การกระทําที่ต้องการไปมีอิทธิพลต่อการปฏิบัติการและดําเนินการของ
ข้าราชการได้ดว้ ย
(๙) การมีส่วนรว่ มน้บี างคนกม็ องเพยี งการกระทําท่ีจะมีผลตอ่ การดาํ เนินการทางการเมอื ง
ระดับชาติเท่าน้ันเอง แต่ท่ีจริงก็รวมถึง การดําเนินการที่มีผลกระทบต่อการเมืองระดับท้องถิ่นและ
ระดับชาติ
(๑๐) การมีส่วนร่วมทางการเมืองก็ดูที่การปฏิบัติทางการเมือง ซึ่งอะไรจะเป็นการปฏิบัติ
ทางการเมืองน้ันก็เป็นเรื่องท่ีอาจต่างกันได้ตามกาลเทศะ วันหน่ึงอาจนับว่าเป็น แต่อีกวันเวลาหนึ่ง
อาจไมน่ ับวา่ เปน็ หรอื ในท้องถนิ่ ดินแดนหนงึ่ อาจถอื ว่าเปน็ แต่ในอกี ดนิ แดนหนง่ึ อาจไมถ่ อื ว่าเปน็ ก็ได้
ในขณะทีก่ ิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีกระทาํ โดยสมคั รใจของสมาชิกในสงั คมส่วนรวมในการคดั เลอื ก
ผู้ปกครองและกําหนดนโยบายของรัฐ การกระทํานั้นอาจร่วมกันโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ ซ่ึง
บคุ คลทม่ี ีส่วนร่วมทางการเมอื งนน้ั ได้แก่ บคุ คลท่ีเกย่ี วข้องกบั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
๑๓
(๑) การใชส้ ทิ ธอิ อกเสยี งเลือกตั้ง
(๒) การติดตามขา่ วสารทางการเมือง
(๓) การแลกเปลยี่ นความเหน็ ทางการเมือง
(๔) การเขา้ ชุมนมุ ทางการเมือง
(๕) การชว่ ยเหลอื ดา้ นการเงินแกพ่ รรคการเมอื งหรือผู้แทนราษฎร
นอกจากน้ันลักษณะของการกระตือรอื ร้นในการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองยังพิจารณาได้
จากการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ๙ กิจกรรมของประชาชนแต่ละบุคคลที่มี
จุดหมายเพ่ือที่จะมอี ิทธพิ ลต่อการตดั สนิ ใจของรัฐบาล โดย Huntington ไดพ้ ิจารณาแงม่ ุมที่สําคัญและ
กําหนดขอบเขตของความหมายให้ชัดเจนขึ้นว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองน้ัน ไม่รวมถึงทัศนคติเป็น
กระบวนการกระทําของการมีส่วนร่วมที่เป็นประชาชนธรรมดา ซึ่งกิจกรรมทางการเมืองของผู้มีส่วน
ร่วมทางการเมืองที่เป็นประชาชนธรรมดานั้นจะมีลักษณะเป็นช่วง ๆ ไม่ต่อเน่ืองกัน เป็นกิจกรรมท่ีไม่
เต็มเวลา และเป็นบทบาทรองจากบทบาทอ่ืน ๆ นอกจากน้ีการมีส่วนร่วมทางการเมืองยังหมายความ
เฉพาะการกระทําท่ีมีจุดมุ่งหมาย เพื่อมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ซ่ึงเป็นผู้ที่มีความชอบธรรม
ในการตัดสินใจในการแบ่งสรรทรัพยากรในสังคมที่มีอยู่อย่างจํากัด ซ่ึงการกระทําต่าง ๆ นี้ ไม่รวมไปถึง
การกดดันหรือมีอิทธิพลต่อกลุ่มต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล๑๐ กิจกรรมท่ีบุคคลมีจุดประสงค์เพ่ือมี
อทิ ธพิ ลในกระบวนการตัดสนิ ใจของรัฐบาล โดยแยกลักษณะท่นี า่ สนใจไว้ ๔ ประการ
(๑) การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีความหมายในเร่ืองกิจกรรมไม่ใช่ทัศนคติ ไม่ใช่เป็นเรื่อง
ของความคิด ความรู้สึก หรือความเชื่อทางการเมือง แต่ยอมรับว่าทัศนคติทางการเมืองมีผลต่อ
รปู แบบหรอื การแสดงออกของการมสี ่วนรว่ มทางการเมือง แต่ไม่ใชเ่ ปน็ กจิ กรรม
(๒) การมีส่วนร่วมทางการเมืองใช้กับบุคคลธรรมดา ส่วนนักการเมืองหรือผู้นําทาง
การเมอื งนัน้ เราถือว่าเป็นบทบาททางการเมอื ง
(๓) การมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นเรื่องของการแสดงออกเพื่อมีผลต่อการตัดสินใจของ
รัฐบาลหรือผู้นําประเทศ เช่น ถ้านักศึกษาชุมนุมประท้วงในมหาวิทยาลัยเพื่อไล่อธิการบดีออกจาก
ตําแหน่ง จะไม่ใช่เร่ืองการมีส่วนร่วมทางการเมือง จนกว่านักศึกษาจะใช้การประท้วงน้ีกดดันรัฐบาล
หรือผู้นําทางการเมืองให้ช่วยบังคับให้อธิการบดีลาออก ดังนั้น การมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงควรเป็น
เร่ืองของความพยายามที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล สนับสนุนรัฐบาล ปกป้องหรือเปลี่ยนแปลง
ตัวผู้นําและสถาบันทางการเมือง ๆ การมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงเป็นได้ท้ังถูกกฎหมายและผิด
กฎหมายสันติหรือรุนแรง ความประสงค์ที่จะผลักดันรัฐบาลน้ีไม่จําเป็นต้องเป็นส่ิงท่ีสร้างหรือริเริ่มข้ึน
จากตวั ผูม้ ีสว่ นรว่ มเอง แต่อาจจะมาจากผ้อู ื่นรวมท้งั ผูน้ าํ ทางการเมอื งไดด้ ้วย
๙ McClosky, H. Political Participation, (International Encyclopedia of the Social
Science, 1986), pp 252-253.
๑๐ Huntington, Samuel p, and Nelson, John M, No Easy Choice : Political Participation
and Developing Countries, (Cambridge Mass: Harvard University Press, 1976), pp 4-7.
๑๔
(๔) การมีส่วนร่วมทางการเมืองอาจไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผู้นําหรือ
รัฐบาลแต่อย่างใด แม้ว่าผู้มีส่วนร่วมมีวัตถุประสงค์กดดันรัฐบาล การมีส่วนร่วมทางการเมืองจะมีผล
มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับอํานาจทางการเมืองของผู้มีส่วนร่วม ซึ่งมักมีอํานาจทางการเมืองไม่มากนัก
และไม่สามารถผลักดันการตัดสินใจของรัฐบาลได้ตลอดเวลาและทุก ๆ เรื่อง๑๑ การแสดงออกซ่ึงการ
กระทําทางการเมือง ซึ่งมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่สําคัญ ได้แก่ การกําหนดตัวผู้ปกครอง การ
แสดงออกซึ่งการมีส่วนร่วมทางการเมืองท่ีสําคัญที่สุดของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย คือ การ
แสดงออกซ่ึงการเป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตย ดังน้ัน การท่ีประชาชนแสดงออก ในฐานะที่เป็นเจ้าของ
อํานาจอธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยจะแสดงออกซึ่งการกําหนดตัว
ผปู้ กครองโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ดังน้ัน การจัดการเลือกต้ังผู้ปกครองหรอื ผู้นําทางการเมืองท้ัง
ฝา่ ยนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจงึ เป็นการกระทําทางการเมอื งเพอื่ ยืนยันสิทธิในการเปน็ เจ้าของอํานาจ
อธิปไตยของประชาชน การที่ผู้นําทางการเมืองจะมีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองหรือไม่ จึง
ขึ้นอยู่กับการยอมรับหรือการให้ฉันทานุมัติจากประชาชน ดังน้ันกระบวนการเลือกตั้งจึงเป็น
กระบวนการท่ีสําคัญ ท่ีสะท้อนท้ังการเป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตยของประชาชน และสะท้อน
เจตจํานงท่ัวไปของประชาชน ด้วยเหตุน้ีการเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและตระหนัก
ในคุณค่าของการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเพ่ือกําหนดผู้นําทางการเมืองของตน จึงมีความสําคัญอย่าง
ย่ิงในสังคมใดถ้าประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าความสําคัญของการ
เลือกตั้งผู้นําทางการเมืองจะทําให้ประชาชนได้มีโอกาสได้ผู้นําทางการเมืองท่ีดี กล่าวคือ จะทําให้ได้
ผู้นาํ ที่มคี วามรคู้ วามสามารถและคุณธรรมทางการเมอื ง ผ้นู ําประเภทน้จี ะส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีชวี ติ ที่
ดี ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทําให้ประชาชนมีชีวิตที่มีความสุข
ในทางตรงกันข้ามถ้าสังคมใดประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าและความสําคัญ
ของการใช้สิทธิเลือกตั้งผู้นําทางการเมือง จะเท่ากับการเปิดโอกาสให้บุคคลท่ีด้อยประสิทธิภาพและ
ฉ้อฉลเข้ามาอํานาจทางการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งข้ึน ทั้งนี้เพราะ
ปัญหาของประชาชนมิได้รับการเอาใจใส่แก้ไขให้บรรลุผล ซํ้าร้ายจะย่ิงก่อให้เกิดปัญหาทับทวีคูณ
ยิ่งขึ้น เม่ือบุคคลเหล่านี้ใช้อํานาจฉ้อฉลและเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน การส่งเสริมให้ประชาชน
แสดงออกซึ่งการใช้สิทธิเลือกต้ังผู้นําทางการเมืองอย่างกว้างขวางและท่ัวถึงจึงเป็นกลไกลสําคัญ ใน
การพัฒนาระบอบประชาธิปไตย โดยจําต้องส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกต้ังด้วยความรู้และความ
เข้าใจในความสําคัญของการเลือกตั้งอย่างแท้จริงมิใช่ส่งเสริมด้วยการกระทําที่งมงายและไร้เหตุผล
หรือด้วยอามิสสินจ้าง นอกจากประชาชนจะมีสิทธิในการเลือกตั้งผู้นําทางการเมืองแล้ว ประชาชนยัง
มีสิทธิในการถอดถอนผู้นําทางการเมืองที่ประพฤติมิชอบด้วย กล่าวคือ ในกรณีท่ีผู้นําทางการเมือง
มิได้กระทําเพ่ือสนองตอบเจตจํานงทั่วไปของประชาชน หรือกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งท่ีขัดต่อ
คณุ ภาพทางการเมอื ง หรอื การเปน็ แบบอยา่ งดที ข่ี องประชาชน ประชาชนมีสิทธิท่ีจะแสดงออกเพอ่ื ขับ
ไล่ผู้นําท่ีไม่พึงประสงค์เหล่าน้ันได้ อาจกระทําด้วยการแสดงประชามติไม่ยอมรับผู้นําทางการเมืองท้ัง
๑๑ สุจิต บุญบงการ, การมีส่วนร่วมทางการเมืองกับการพัฒนาทางการเมือง, (กรุงเทพมหานคร:
ศูนยว์ จิ ยั จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๗), หน้า ๓๖-๓๘.
๑๕
โดยนิตินัย ถ้ากฎหมายบัญญัติไว้หรือพฤตินัยก็ได้ ซึ่งจะมีผลให้ผู้นําท่ีไม่พึงประสงค์น้ันออกจาก
ตําแหน่งในท่ีสุด ดังน้ัน การใช้อํานาจของประชาชนในการกําหนดผู้ปกครองจึงเป็นการแสดงออกซึ่ง
การมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งที่สําคัญย่งิ และเปน็ กลไกทส่ี ําคญั ทจี่ ะช้ใี ห้เหน็ วา่ ประชาชนมีอาํ นาจในการ
กําหนดทิศทางการพัฒนาประเทศท้ังในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเพียงใด ด้วยเหตุนี้การมี
ส่วนรว่ มทางการเมอื งของประชาชน นอกจากจะสะทอ้ นระดบั ของการพัฒนาการเมอื งแลว้ ยงั สะทอ้ น
ถึงแนวโน้มในการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกด้วย๑๒ การเข้าร่วมทาง
การเมืองในลักษณะต่าง ๆ ซึง่ จะเหน็ ได้ดังต่อไปน้ี
(๑) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ การกระทําที่เป็นการสนับสนุนหรือการกระทํา
เรยี กรอ้ งตอ่ ผนู้ ํารัฐบาล
(๒) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ ความพยายามเพ่ือให้สัมฤทธิ์ผลในการใช้อิทธิพลต่อ
การปฏิบัติงานของรัฐบาลหรอื การเลอื กสันผ้นู ํารัฐบาล
(๓) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ การกระทําท่ีมีความถูกต้องตามตัวบทกฎหมายของ
พลเมอื ง
(๔) การมสี ่วนรว่ มทางการเมือง คอื การกระทําท่มี ีผู้แทนทางการเมอื ง
(๕) การมีส่วนร่วมทางการเมือง สภาพท่ีบุคคลไมอ่ ยากเขา้ ร่วมทางการเมือง เพราะเหน็ ว่า
ประโยชน์อะไรไมไ่ ดเ้ ลยหรือไดน้ ้อยมาก
(๖) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ ผู้ท่ีเข้าร่วมทางการเมือง โดยจะหมายร่วมไปถึงผู้ที่มี
ความกระตือรือร้นหรือต่ืนตัวทางการเมืองเป็นพิเศษ เช่น ผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
การเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การเข้าร่วมประชุมในทางการเมืองและการให้เวลาสนใจต่อปัญหา
สาธารณะ นอกจากน้ียังรวมไปถึงการเข้าร่วมทางการเมืองในระดับต้น ๆ ด้วย เช่น การไปใช้สิทธิ
เลอื กต้ัง หรือการไมไ่ ดไ้ ปเลือกตัง้ แตว่ า่ ได้พดู คุยสนทนากนั ในเรื่องราวทางการเมอื งกับเพ่ือนบ้าน การ
แสดงความคิดเห็นและการลงประชามติทางการเมือง การให้ความสนใจแก่ข่าวสารทางการเมืองจาก
ส่อื สารมวลชน
(๗) การมีส่วนร่วมทางการเมอื ง คือ การกระทาํ ทีม่ ีความต่อเน่อื งอยู่ตลอดเวลาซึง่ กจิ กรรม
เหล่าน้ีจะมีสภาวะเป็นสถาบัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการกระทําท่ีเป็นคร้ังคราวซ่ึงเกิดขึ้นมาอย่าง
ทันทีทนั ใดและมีระดับความรุนแรง เชน่ การจลาจลวุ่นวาย การรวมกลุ่ม ยกพวกตีกัน การลอบฆ่ากัน
ในทางการเมอื ง
(๘) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ การกระทําท่ีเป็นความพยายามท่ีจะมีอิทธิพลเหนือ
การปฏิบัติของราชการ
(๙) การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ การกระทําท่ีมีผลกระทบต่อการเมืองในระดับชาติ
และการเมอื งในระดับถอ้ งถน่ิ
๑๒ สมบัติ ธํารงธัญวงศ์, ทัศนคติทางการเมืองของเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานคร, (กรุงเทพมหานคร:
โครงการเอกสารและตาํ รา คณะรฐั ศาสตร์ สถาบนั บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, ๒๕๓๘), หน้า ๓๒-๓๓.
๑๖
(๑๐) การมีส่วนร่วมทางการเมือง การกระทําทางการเมือง แต่ว่าในขณะเดียวกัน ในแต่
ละสังคมการกระทําทางการเมืองกจ็ ะแตกตา่ งกันออกไป ในสงั คมหน่งึ อาจจะถือว่าเป็นการกระทําทาง
การเมือง แต่อีกสังคมหน่ึงถือว่าไม่เป็นก็ได้ หรือแม้กระทั่งในวันเวลาหน่ึงอาจจะเป็น แต่อีกเวลาหน่ึง
ไมน่ ับว่าเป็น เช่น การรวมกลุ่มและทําลายทรัพย์สินในบางคร้ังบางแห่งจะมองว่าเป็นการกระทําท่ีเป็น
อาชญากรรม แตก่ ็อาจจะมองวา่ เป็นการกระทําทางการเมืองอกี ทัศนะหนงึ่ ๑๓
สรุปได้ว่า การมีส่วนร่วมทางการเมือง หมายถึง การที่สมาชิกในสังคมมีส่วนร่วมกิจกรรม
ต่าง ๆ ในทางการเมือง โดยต้องเป็นไปตามความสมัครใจและมีจุดมุ่งหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการ
ตัดสินใจของผู้มอี าํ นาจ โดยการกระทํานั้นอาจร่วมกนั โดยทางตรงหรอื ทางออ้ มกไ็ ด้
๒.๑.๓ ลกั ษณะของการมสี ว่ นร่วมทางการเมือง
นักวิชาการได้กล่าวถึงลักษณะของการมีส่วนร่วมแตกต่างกันในลักษณะต่าง ๆ ทั้งน้ีข้ึนอยู่
กบั ความสนใจว่าจะศกึ ษาในดา้ นใด ดังน้ี
๑) การมีสว่ นรว่ มของประชาชน ๔ ขัน้ ตอน๑๔ คือ
(๑) การมีสว่ นร่วมในการคน้ หาปัญหาและสาเหตขุ องปญั หา
(๒) การมสี ่วนรว่ มในการวางแผนดาํ เนนิ กิจกรรม
(๓) การมีสว่ นรว่ มในการลงทนุ และปฏบิ ัติงาน
(๔) การมสี ว่ นรว่ มในการติดตามประเมินผลงาน
๒) การมีสว่ นร่วมในการดําเนินงานใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ของนโยบายการพฒั นา คอื ๑๕
(๑) ร่วมทําการศึกษา ค้นคว้าปัญหา สาเหตุของปัญหาและการลดปัญหาท่ีเกิดขึ้นใน
ชมุ ชนรวมตลอดจนความต้องการของชมุ ชน
(๒) ร่วมคิดหาและสร้างรูปแบบการพัฒนา เพ่ือแก้ไขปัญหาและลดปัญหาของชุมชน
เพ่ือสรา้ งสรรค์สิ่งใหม่ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชน หรือสนองความต้องการของชุมชน
สรุปได้ว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีลักษณะทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การสมัคร
การเลือก การคิด การวิพากษ์ทางการเมือง การร่วมกําหนดนโยบายหรือมาตรการ การนําเสนอ
การวางแผน การตัดสนิ ใจ การคัดค้าน การแสดงความคดิ เหน็ การเรียกรอ้ ง ฯลฯ
๑๓ ประสิทธิ สันติกาญจน์, “การเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร”,
วิทยานิพนธ์ศึกษาศาตรมหาบัณ ฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, (บัณ ฑิตวิทยาลัย:
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๓๐), หนา้ ๙.
๑๔ เจิมศักด์ิ ป่ินทอง, การระดมประชาชนเพ่ือพัฒนาชนบท, (กรุงเทพมหานคร: เจริญสินการพิมพ์
๒๕๓๙), หนา้ ๑๑-๑๓.
๑๕ ไพรัตน์ เดชะรินทร์, นโยบายและกลวิธีการมีส่วนร่วมของชุมชนในยุทธศาสตร์การพัฒนา
ปัจจุบันในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชนบท, (กรุงเทพมหานคร: ศักด์ิโสภาการพิมพ์, ๒๕๒๗),
หนา้ ๖-๗.
๑๗
๒.๑.๔ ความสําคัญของการมสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง
การมีส่วนร่วมทางการเมือง (Political participation) ถือเป็นหัวใจสําคัญในการเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตยเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ร่วม
ตัดสินใจต่อการเมืองการปกครองของประเทศ และที่สําคัญการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
นั้นเป็นการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐและควบคุมการทํางานของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และ
เจ้าหน้าท่ีภาครัฐได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ีการมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นทั้งเป้าหมายและ
กระบวนการทางการเมือง กล่าวคือ การมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นเป้าหมายสําคัญของการพัฒนา
ระบบการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ท้ังนี้ เพราะการมีส่วนร่วมทางการเมือง เป็นดัชนีช้ีวัดที่สําคัญ
ประการหนึ่งของระบอบประชาธปิ ไตย สงั คมใดจะมรี ะดบั ความเป็นประชาธิปไตยสงู หรอื ตาํ่ พิจารณา
ได้จากระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตํ่าแสดงว่า
สังคมน้ันมีระดับความเป็นประชาธิปไตยต่ํา โดยนัยนี้นักวิชาการทางรัฐศาสตร์บางกลุ่มจึงถือว่า การ
พัฒนาทางการเมืองคือ การทําให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง ดังนั้น การมีส่วนร่วมทางการ
เมืองจึงเป็นเป้าหมายของการพัฒนาทางการเมือง โดยตรงโดยเฉพาะการพัฒนาการเมืองให้เป็น
ประชาธิปไตย๑๖
สรุปได้ว่า การมีส่วนร่วมทางการเมือง มีความสําคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ
ระบอบประชาธิปไตยและเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจต่อ
การเมืองการปกครอง ช่วยให้เกิดการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐและควบคุมการทํางานของฝ่ายนิติ
บญั ญตั ิ ฝ่ายบรหิ าร และเจา้ หน้าทภ่ี าครฐั ได้
๒.๑.๕ รูปแบบการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง
รูปแบบการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง ๒ รูปแบบใหญ่ ๆ คอื ๑๗
๑) รูปแบบท่เี ปน็ ทางการ (Conventional Forms)
(๑) การออกเสยี งเลือกตงั้
(๒) การพดู จาปรกึ ษาเรอื่ งการเมอื ง
(๓) กิจกรรมรณรงค์หาเสียงเลือกต้ัง
(๔) การจดั ต้งั และเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลมุ่ ต่าง ๆ
(๕) การตดิ ตอ่ ส่วนตัวกับเจา้ หน้าท่กี ารเมอื ง
๒) รปู แบบทไี่ ม่เปน็ ทางการเมือง (Unconventional Forms)
(๑) การยนื่ ข้อเรียกร้อง
(๒) การเดินขบวน
๑๖ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย, หน้า ๑๙-๒๐.
๑๗ Almond, Gabriel, The Civic Culture. (Boston: Lihle, Brow and Company, 1955), pp.
145-146.
๑๘
(๓) การเข้าประจันหน้ากัน
(๔) การละเมิดกฎระเบียบของสังคม
(๕) การใชค้ วามรนุ แรงทางการเมอื ง
(๖) สงครามจอมโจรและการปฏวิ ตั ิ
อกี ท้ังรูปแบบของกิจกรรมในการมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งของพลเมอื งมี ๔ รูปแบบ คือ๑๘
๑) การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองทําให้ประชาชนมี
อิทธิพลเหนือผู้นํา เพราะทําให้ผู้นําจําเป็นต้องปรับปรุงนโยบายเพื่อคะแนนเสียงของตน แต่ละ
คะแนนเสียงดังกล่าว คือ ความเห็นเก่ียวกับความช่ืนชอบของพลเมืองที่มีต่อผู้นําได้เพียงเล็กน้อย
เท่านั้น เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงการลงคะแนนเสียงจากผู้สมัครคนหน่ึงไปยังอีกคนหน่ึง
เทา่ นัน้ มิไดแ้ สดงความชน่ื ชอบพเิ ศษ
๒) กิจกรรมการรณรงค์หาเสียง การท่ีพลเมืองได้มีส่วนร่วมในการรณรงค์หาเสียงเลือกต้ัง
นน้ั ทําให้สามารถเพ่ิมอทิ ธพิ ลเหนือผลการเลอื กตั้งได้
๓) การติดต่อขั้นต้นของพลเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองรูปแบบน้ี หมายถึง การ
ติดต่อ เผชิญหน้าของบุคคลท่ีมีต่อรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐบาลซ่ึงเป็นการกระทําตามลําพัง โดย
ตัดสินใจเก่ียวกับเวลา เป้าหมาย และเนื้อหาสาระของการมีส่วนร่วมเอง การเข้ามีส่วนร่วมทาง
การเมอื งในรูปแบบนส้ี ามารถคาดหวงั ในผลประโยชนไ์ ดม้ าก
๔) กิจกรรมท่ีร่วมมือกัน ลักษณะของการมีส่วนร่วมทางการเมืองในรูปแบบนี้ คือ การ
กระทําร่วมกันเป็นกลุ่มหรือองค์กรในเร่ืองเกี่ยวกับปัญหาการเมือง และสังคมเพ่ือที่จะมีอิทธิพลเหนือ
การดําเนินงานของรัฐบาล การกระทําดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ และจะเกี่ยวกับ
ปญั หาใดของกลุม่ ก็ได้
นอกจากนั้นได้มีผู้กล่าวถึงการมีการมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งสามารถนํามาเรียบเรียง
ไว้ กล่าวคือ๑๙ (๑) การวางแผน (๒) การร่วมปฏิบัติตามแผน (๓) การร่วมประเมินผล (๔) การร่วม
กําหนดมาตรฐาน (๕) การร่วมรักษามาตรฐาน การมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบเป็นทางการ ได้แก่
กิจกรรมต่าง ๆ คือ (๑) การใช้สิทธิเลือกตั้ง (๒) การเข้าไปมีส่วนร่วมกิจกรรมของพรรคการเมือง
(๓) การติดตามข่าวสารทางการเมือง (๔) การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง (๕) การ
ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนทางการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบไม่เป็นทางการ
ได้แก่ กิจกรรมต่าง ๆ คือ (๑) การให้ความรู้เก่ียวกับประชาธิปไตยและกระบวนการเลือกตั้งตาม
๑๘ Nie, Norman H. and Verba, Sidney, “ The Handbook Political Science” , Vol. 4
Massachusetts: Addison Wesley, (1975): 9-12.
๑๙ สายสุนีย์ ปวุฒินันท์, “ความรู้ ทัศนคติ และการมีส่วนร่วมทํากิจกรรมในโครงการการบริหารท่ัวท้ัง
องค์กรของเจ้าหน้าท่ีในโรงพยาบาลท่ัวไปของรัฐ : กรณีศึกษาโรงพยาบาลสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี”, วิทยานิพนธ์
วทิ ยาศาตรมหาบณั ฑติ , (บณั ฑติ วิทยาลยั : มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, ๒๕๔๑), หนา้ ๔๙.
๑๙
รัฐธรรมนูญ (๒) การจัดกิจกรรมท่ีสามารถปลูกฝังประชาธิปไตย (๓) การเสริมสร้างวัฒนธรรม
ประชาธปิ ไตย๒๐
รปู แบบการมีส่วนรว่ มทางการเมือง จงึ พอแยกได้ ๕ อยา่ งดังตอ่ ไปน้ี๒๑
(๑) การออกเสียงเลอื กตั้ง (Voting) ซ่งึ เปน็ กิจกรรมที่ประชาชนจํานวนมากเข้าร่วมได้และ
ในประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะได้ปฏิบัติอยู่เสมอ รูปแบบน้ีเป็นรูปแบบที่
ถูกต้องตามกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้อิทธิพลหรือแสดงออกซึ่งเจตจํานงในการเลือก
ตัวแทนหรือนโยบาย วิธีการนี้จะสําคัญก็ต่อเมื่อการเลือกตั้งเป็นเครื่องตัดสินชี้ขาดว่าใครจะเป็น
รัฐบาลหรอื ผูก้ ําหนดนโยบายแตล่ ะระดับ
(๒) การรณรงค์หาเสียง (Campaign Activity) กิจกรรมในเร่ืองนี้ก็คล้าย ๆ กับรูปแบบที่
หน่ึง และอยู่ในกระบวนการการเลือกต้ังด้วย แต่การท่ีใครคนใดเข้าร่วมในการรณรงค์หาเสียงนั้นจะ
ทําให้การกระทําของเขามีผลมากกว่าการไปออกเสียงแต่อย่างเดียว เพราะจะมีผลกระทบต่อการแพ้
ชนะหรือผลในการเลือกตั้งทั้งมวล และส่งผลไปถึงการกําหนดนโยบายหรือเลือกรัฐบาลได้ ฉะนั้นการ
เข้าร่วมในการรณรงค์หาเสียงจึงเป็นกิจกรรมที่กินเวลาและต้องใช้ความตั้งใจมากทําให้ผู้ที่เข้าร่วมใน
กิจกรรมนม้ี ีจํานวนร่วมน้อยกวา่ การออกเสยี งเลือกตั้ง
(๓) การกระทําของแต่ละบุคคลเป็นเอกเทศต่อปัญหาการเมืองและสังคม (Particularized
Contacts) ในกรณีนี้ก็หมายถึงเอกชนได้ริเร่ิมทําการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพ่ือแก้ปัญหาใด ๆ
เฉพาะของตัวเองหรือของครอบครัว หรือในบางทีก็เร่ืองเกี่ยวกับปัญหาส่วนรวมของบ้านเมือง แต่ทว่า
เป็นการติดต่อโดยเอกชน อย่างเช่นราษฎรโดยส่วนตัวได้ติดต่อกับผู้แทนราษฎรหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เพ่ือแสดงความคดิ เหน็ และเรยี กร้องให้ผู้แทนราษฎร หรือเจา้ หน้าทขี่ องรัฐพิจารณาปัญหาทเี่ ขาเสนอ
(๔) การเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่ม (Cooperative Activity) ท่ีแสดงออกต่อปัญหาทาง
การเมืองและสังคม แบบน้ีก็ไม่อยู่ในกระบวนการการเลือกตั้งแต่กิจกรรมอย่างนี้จะเป็นของกลุ่มและ
หมู่คณะที่เกี่ยวพันกับเรื่องปัญหาสังคมและการเมือง ในกรณีน้ีราษฎรจะไม่กระทําการโดด ๆ อย่าง
แบบทีส่ าม แต่จะกระทํากนั เป็นหมู่คณะ เพ่อื ให้มอี ิทธพิ ลต่อการกระทําของรฐั บาล
(๕) กิจกรรมท่ีใช้ความรุนแรงและเป็นการกระทําที่อาจผิดกฎหมาย การกระทําน้ีอาจ
ดําเนินไปได้โดยมีจุดมุ่งหมายท่ีจะเปล่ียนนโยบาย หรือเปลี่ยนรัฐบาล หรือเปลี่ยนผู้นําทางการเมือง
น้นั ก็คือการกอ่ ความวุ่นวาย การพิฆาตผนู้ ําทางการเมือง
๒๐ พิสิษฐ์ วงศารัตน์ศิลป์, “ความคิดเห็นของประชาชนในการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเขต
อําเภอเมืองนนทบุรี จงั หวดั นนทบุรี”, วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร,์ ปที ี่ ๗ ฉบับที่ ๑ (มกราคม – เมษายน
๒๕๖๐): ๑๙๖.
๒๑ นรนิติ เศรษฐบุตร, เอกสารการสอนชุด สถาบันและกระบวนการการทางการเมืองไทย หน่วยที่
๑๕ การมีส่วนร่วมทางการเมือง, พิมพ์คร้ังที่ ๒๐, (นนทบุรี: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๔๒),
หนา้ ๘๙๘ – ๙๐๐.
๒๐
สรปุ การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีรูปแบบ ๒ รูปแบบ คือ ๑. การมีส่วนร่วมทางการเมือง
แบบเปน็ ทางการ ๒. การมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งแบบไม่เป็นทางการ
๒.๑.๖ องค์ประกอบของการมสี ว่ นรว่ มทางการเมือง
การมีส่วนร่วมทางการเมืองมีองค์ประกอบ ดังนี้
มานิตย์ นวลละออ กล่าวถึง องค์ประกอบของการมีส่วนร่วม โดยพิจารณาจาก Model
Dimension of People Participation ดังนี้๒๒
๑) ระบบคุณค่า สมมติฐาน และเป้าหมายของผู้ดําเนินการ การใช้กรอบความคิดทฤษฎี
การมสี ่วนร่วม
๒) คณุ ลกั ษณะของการมีสว่ นร่วม
(๑) การมีสว่ นรว่ มนนั้ อยู่ในข้นั ตอนใด
(๒) ใครบา้ งท่เี ข้ามามีสว่ นร่วม
(๓) การมีส่วนรว่ มในแตล่ ะขั้นตอนเกิดขึ้นได้อย่างไร
๓) บรบิ ทของการมีสว่ นรว่ ม
(๑) ลกั ษณะทางเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง
(๒) ลักษณะของกจิ กรรมการพัฒนา
(๓) ศักยภาพของบุคคล
๔) ผลท่ีเกิดข้ึน
(๑) เชิงรปู ธรรม
(๒) เชงิ นามธรรม
สรุปได้ว่า องค์ประกอบของการมีส่วนร่วมทางการเมือง มีดังนี้ (๑) เป้าหมายของการ
ดําเนินการ (๒) สาเหตุของการมีส่วนร่วม (๓) วิธีการดําเนินการ และ (๔) ผลของการดําเนินการ
ที่ปรากฏในเชงิ รปู ธรรมและนามธรรม
๒.๑.๗ ปัจจยั ท่มี ีผลต่อการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง
นักรัฐศาสตร์ให้ความสนใจเกี่ยวกับปัจจัยอันเป็นสาเหตุของการมีส่วนร่วมทางการเมือง
โดยการพยายามหาสาเหตุว่าเหตุใดสังคมหน่ึงจึงมีการขยายตัวของการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็น
อยา่ งมาก สาเหตุท่ีมีผลทําให้เกิดความแตกตา่ งของการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง ดังนค้ี อื
๒๒ มานิตย์ นวลละออ, การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนกับการบริหารการพัฒนา,
(กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร,์ ๒๕๔๔), หน้า ๔.
๒๑
ปจั จัยทม่ี ีอทิ ธิพลต่อการมสี ่วนร่วมทางการเมือง ประกอบดว้ ย๒๓
๑) ปัจจัยด้านสิ่งเร้าจากสภาพแวดล้อม (Environmental Stimuli) หมายถึง ลักษณะ
ของระบบสังคม และสถานการณ์ทางการเมือง ซ่ึงไม่เพียงจะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทางการเมือง
ของบุคคลเท่าน้ัน แต่ยังมีส่วนให้ข้อมูลต่าง ๆ เก่ียวกับขอบเขตและทางเลือกต่าง ๆ ในการมีส่วนร่วม
ทางการเมือง บุคคลแต่ละคนแม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกันก็จะรับส่ิงเร้าจากระบบการเมืองและ
สังคมได้ไม่เท่ากัน เพราะบุคคลแต่ละคนจะเลือกรับรู้และเลือกสรรเฉพาะส่ิงเร้าท่ีเหมาะสมและ
เหมาะสมกับความตอ้ งการของตนเท่านัน้
๒) ปัจจัยเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคล (Personal Factor) คือ พฤติกรรมความต้องการ
ทางบุคลิกภาพ ความต้องการทางจิตใจและร่างกายและความเชื่อต่าง ๆ รวมท้ังทัศนคติทางการเมือง
แบบประชาธิปไตยของแต่ละคน
ปัจจัยส่วนบุคคลถือเป็นปัจจัยภายในบคุ คลท่ีเอ้ืออาํ นวยให้บุคคลเขา้ มามีสว่ นร่วมทางการ
เมอื งในระดบั แตกตา่ งกันออกไป ซงึ่ ประกอบไปด้วยปจั จยั ทีส่ ําคัญ ๓ ประการคอื
(๒.๑) ทรัพยากร คือมีปัจจัยสนับสนุนให้สามารถเข้าร่วมทางการเมืองได้ เช่น มีความ
เฉลียวฉลาด มกี ารศึกษา มีทักษะ และทนุ ทรพั ย์
(๒.๒) แรงจูงใจ คือ ส่ิงท่ีชักจูงให้บุคคลสนใจท่ีจะเข้าร่วมทางการเมือง เช่น ความ
ต้องการช่ือเสยี ง ความสาํ นึกของกลมุ่ ความตอ้ งการปรับปรุงงานทอ้ งถิ่น
(๒.๓) โอกาส คอื มีเวลาที่เหมาะสม มีความพรอ้ มที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมโดยท่ัวไปตัว
แปรท่ีใช้ในการศกึ ษาระดบั การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งมีจํานวนมากไมใ่ ช่ เพียงตัวแปรเรื่อง การศึกษา
รายได้ อายุ แต่ว่าจะครอบคลมุ ไปถึงตัวแปร ศาสนา การเป็นสมาชิก องคก์ าร ทีอ่ ยอู่ าศยั ฯลฯ
นอกเหนือจากปัจจัยทั้งสองที่ Milbrath และ Goel ได้กล่าวมาแล้วยังพอสรุปปัจจัย
อ่ืน ๆ อีกท่ีมีผลการมีส่วนร่วมทางการเมืองคือ
๓) ปัจจัยด้านสภาพการเมือง ซึ่งเป็นส่วนของสภาพแวดล้อมท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการ
เข้ามีส่วนร่วมทางการเมือง มีปัจจัยที่สําคัญดังนี้ คือ ระดับการพัฒนา เป็นลักษณะของกระบวนการ
สร้างความทันสมัย (Modernization) เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างสังคมด้ังเดิม กับสังคม
ทันสมัย กระบวนการน้ีเป็นผลให้สังคมด้ังเดิมแปรเปลี่ยนไป มีการขยายตัวของเมือง สร้างความเป็น
เมืองและความสนใจ โดยจะกระตุ้นให้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการได้รับข่าวสารทาง
การเมืองจากสือ่ มวลชน หรือจากการส่อื สารระหว่างบุคคล๒๔
๔) สภาพแวดล้อมทางสังคม ซึ่งมีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนเป็น
รูปธรรมและมองเห็นชัดเจนมากท่ีสุด นอกจากตัวแปรทางด้านสภาพแวดล้อมทางสังคมยังเป็น
๒๓ Milbreath, lester W. and Goel, M.L, “Political Participation”, In How and Why Do
People Get Involved in Politics, p. 28 2hd ed, (Chicago: Rand McNally college Publishing, 1977),
pp. 30-42.
๒๔ จันทิมา พิจารย์, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงในอําเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่”,
วทิ ยานพิ นธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบณั ฑติ , (บัณฑิตวทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั เชียงราย, ๒๕๕๒), หนา้ ๑๔.
๒๒
ตัวแปรต้นของการมีส่วนร่วมทางการเมืองอีกด้วย ตัวแปรทางด้านสภาพแวดล้อมทางสังคม ได้แก่
ที่อยอู่ าศัย การเปน็ สมาชกิ องค์การ๒๕
สรุปไดว้ ่า ปจั จยั ทีม่ ผี ลต่อการมสี ่วนรว่ มทางการเมือง สาเหตทุ ีท่ ําให้เกิดความแตกต่างกัน
๒ ปัจจัยคือ (๑) ปัจจัยภายใน คือ การมีทักษะ การมีความสนใจ การมีความเชื่อ การมีทัศนคติทาง
การเมือง และ (๒) ปัจจัยภายนอก คือ ระบบสังคม สถานการณ์ทางการเมือง การทันสมัยของสังคม
การรับรู้ข่าวสารทางการเมือง ของแต่ละบุคคลเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่
แตกต่างกัน
๒.๑.๘ การมีสว่ นร่วมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
แนวความคิดของการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จําแนกเป็น ๔
แนวความคดิ ได้แก่
๑) การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรง (Direct Democracy)
ซ่ึงการมีส่วนร่วมในลักษณะน้ีประชาชน หรือพลเมืองของรัฐจะทําหน้าที่เป็น “สภา” โดยทุกคนจะมี
ส่วนร่วมในการประชุมพิจารณาเร่ืองต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพราะเชื่อว่า ประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม
ในการกําหนดกฎเกณฑ์ในสังคม แต่ภายหลังเมื่อสมาชิกของสังคมเพ่ิมจํานวนมากข้ึนและสังคมมี
ความซับซ้อนขึ้น ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรงเลยกลายเป็นเรื่องยากที่จะสามารถ
ทําได้จริง เพราะประชาชนทุกคนไม่สามารถเข้ามาใช้อํานาจของตนเองได้ในทุกกิจกรรมของประเทศ
ปัจจุบันมีการใช้ประชาธิปไตยทางตรงในเรื่องของการลงประชามติ (Referendum) การเสนอร่าง
กฎหมายโดยประชาชน (Initiative) การถอดถอนผู้แทนรายบุคคลหรอื ทงั้ สภา๒๖
๒) การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน หรือประชาธิปไตย
โดยอ้อม (Representative Democracy) การมีส่วนร่วมในรูปแบบน้ี คือ การที่ประชาชนได้ทํา
หนา้ ทีเ่ ลือกผู้แทนของตนเขา้ ไปใช้อาํ นาจอธิปไตยแทนตนในรัฐสภา ผ่านระบบท่เี รยี กวา่ “เลอื กตง้ั ”๒๗
๓) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
(Participatory Democracy) หรือที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” ซึ่งเป็นการนําการมี
ส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรงมาผสมผสานกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองใน
ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนและได้โอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครอง
มากย่ิงข้ึนโดยให้ประชาชนมีอํานาจตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารในเร่ืองสําคัญ ๆ ท่ีมี
ผลกระทบต่อการดําเนนิ ชีวติ และวิถีชีวติ ของประชาชนอํานาจในการตรวจสอบและควบคุมการทาํ งาน
ของ “ผู้แทน” ซ่ึงก็คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี ร่วมท้ังการเปิด
โอกาสให้ “สถาบันการเมือง” ตา่ ง ๆ อาทิ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน องคก์ รอิสระ องค์กรตาม
๒๕ อ้างแล้ว, หน้า ๑๔.
๒๖ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย, หน้า ๑๓.
๒๗ เร่อื งเดียวกัน, หนา้ ๑๔.
๒๓
รฐั ธรรมนูญ องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น สอ่ื มวลชนสามารถทําหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบการ
ใช้อํานาจรฐั ได้อย่างเตม็ ท่ี๒๘
๔) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบถกแถลง (สาน
เสวนาหาทางออก) (Deliberative Democracy) เป็นประชาธิปไตยแบบถกแถลงที่เป็นกระบวนการ
สําคัญของประชาธิปไตยภาคผลเมือง ประชาธิปไตยชุมชน เป็นความพยายามท่ีจะแก้ไขปัญหาที่เกิด
จากข้อบกพร่องของประชาธิปไตยแบบตัวแทนท่ีเป็นรูปแบบสถาบันที่ตายตัว ไม่สามารถตอบสนอง
ความต้องการของประชาชนที่มีความซับซ้อน และมีความแตกต่างหลายหลายได้ ท้ังน้ี หลักการ
ประชาธิปไตยแบบถกแถลงไม่ได้เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน เพราะระบอบ
ประชาธิปไตยท้ังสองแบบสามารถอยู่คู่กันได้ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยแบบถกแถลงจะช่วยแก้ไข
ปัญหาข้อบกพร่องต่าง ๆ ของระบบการเมืองแบบตัวแทน โดยการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองท่ีมี
ความสํานึกทางการเมือง (Active citizen) และมีจิตสาธารณะรวมหมู่ (Civic life) รูปแบบการมีส่วน
ร่วมในลักษณะน้ีท่ีเห็นได้ชัด คือ การที่ภาคประชาชนหรือภาคพลเมืองเข้าร่วมกันวิเคราะห์
แลกเปลี่ยนถกแถลงกันเพ่ือนําเสนอแนวคิดของตนในการสร้างนโยบายท่ีเหมาะสมสําหรับตนเอง
หลักการสําคัญของการมีส่วนร่วมในรูปแบบน้ี คือ กระบวนการที่ให้ประชาชนทุกคน หรือภาค
พลเมือง ได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะและตอบสนองข้อเรียกร้องเพ่ือให้ตัวแทนของตนหรือรัฐบาล
นาํ ไปปฏบิ ตั ติ อ่ ไป๒๙
การมีส่วนร่วมในทางการเมืองของประชาชนจึงกระทําได้หลายรูปแบบ รูปแบบท่ี
หลากหลายเหล่านี้ ได้ทําให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองท่ีกว้างข้ึน การมีส่วนร่วมทางการเมือง
เป็นกลไกลหนึ่งที่ทําให้ประชาชนได้มีโอกาสสื่อสารกับรัฐมากย่ิงข้ึนเป็นกระบวนการส่ือสารสองทางที่
มีเป้าหมายโดยรวม เพ่ือที่จะให้เกิดการตัดสินใจที่ดีข้ึน และได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชน
รวมทั้งมีโอกาสสานผลประโยชน์ร่วมกันทําให้เกิดการดําเนินนโยบายการเมืองเศรษฐกิจ และสังคม
เปลี่ยนผ่านไปสู่ “การเป็นประเด็นสาธารณะ” ท่ีทุกคน ทุกภาคส่วนต้องให้ความสําคัญและสนใจ
ท่ีสําคัญการมีส่วนร่วมทางการเมืองทําให้เปลี่ยนช่ัวความคิดท่ีว่าการตัดสินใจทางการเมืองและ
กิจกรรมทางการเมืองเป็นเรือ่ งของ “นกั การเมอื ง” ไปสูก่ ารเปน็ “เรือ่ งของทุกคน”๓๐
สรปุ ไดว้ ่า การมีสว่ นร่วมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยมี ๔ ประเภท คือ (๑) การมี
ส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยตรง (๒) การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตยแบบตัวแทน (๓) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบมี
ส่วนร่วม และ (๔) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแบบถกแถลง
เป็นกลไกลท่ีทาํ ให้ประชาชนไดม้ โี อกาสส่ือสารกับรฐั มากยิง่ ขนึ้
๒๘ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์, การมีส่วน
ร่วมทางการเมอื งในระบอบประชาธิปไตย, หน้า ๑๔-๑๕.
๒๙ เรื่องเดยี วกัน, หน้า ๑๕-๑๖.
๓๐ เรือ่ งเดยี วกัน, หนา้ ๑๖.
๒๔
๒.๑.๙ ประโยชน์ของการมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง
ประโยชนข์ องการมีส่วนร่วมทางการเมอื งในระบอบประชาธิปไตย มดี ังน้ี๓๑
๑) คุณภาพของการตัดสินใจดขี ้นึ เน่ืองจากกระบวนการปรึกษาหารือกับสาธารณะจะช่วย
สร้างความกระจ่างให้กับวัตถุประสงคแ์ ละความต้องการของโครงการหรอื นโยบาย และบ่อยคร้งั ทกี่ าร
มสี ว่ นรว่ มทางของประชาชนนาํ มาสู่การพจิ ารณาทางเลอื กใหม่ ๆ ท่ีน่าจะเป็นคําตอบท่มี ปี ระสิทธิภาพ
ท่สี ดุ
๒) ใชต้ น้ ทนุ น้อยและลดความลา่ ช้าลง แม้วา่ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมสี ว่ นร่วมจะตอ้ ง
ใช่เวลาและค่าใช่จ่ายมากกว่าการตัดสินใจฝ่ายเดียว แต่การตัดสินใจฝ่ายเดียวที่ไม่คํานึงถึงความ
ต้องการแท้จรงิ ของประชาชนนั้น อาจนํามาซึ่งการโต้แย้งคัดค้านหรือการฟ้องร้องกันอันทําให้ต้องเสีย
ค่าใชจ้ ่ายสูงในระยะยาว เกดิ ความลา่ ชา้ และความล้มเหลวของโครงการได้ในที่สดุ
๓) การสร้างฉันทามติ การมีส่วนร่วมของประชาชนจะสร้างข้อตกลงและข้อผูกพันอย่าง
มั่นคงในระยะยาวระหว่างกลุ่มที่มีความแตกต่างกัน ช่วยสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ลดข้อ
โตแ้ ย้งทางการเมอื งและช่วยใหเ้ กดิ ความชอบธรรมตอ่ การตดั สนิ ใจของรฐั บาล
๔) การนําไปปฏิบัติง่ายขึ้น การเข้ามามสี ่วนร่วมในการตัดสินใจทําให้ประชาชนมีความรู้สึก
ของการเป็นเจ้าของการตัดสินใจนั้นและทันท่ีที่การตัดสินใจได้เกิดข้ึน พวกเขาก็อยากเห็นมันเกิดผล
ในทางปฏิบตั ิ และยงั อาจเขา้ มาชว่ ยกันอยา่ งกระตือรือรน้ อีกด้วย
๕) การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าท่ีเลวร้ายที่สุด เพราะการเปิดโอกาสให้ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามา
แสดงความต้องการและข้อห่วงกังวลต้ังแต่เริ่มต้นโครงการ จะช่วยลดโอกาสของการโต้แย้งและการ
แบง่ ฝ่ายทีจ่ ะเปน็ ปัจจยั ท่ีจะทําใหเ้ กดิ การเผชญิ หนา้ อย่างรนุ แรงได้
๖) การคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือและความชอบธรรม เน่ืองจากกระบวนการตัดสินใจท่ี
โปร่งใสและเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม จะสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชนและเกิด
ความชอบธรรม โดยเฉพาะเมื่อตอ้ งมีการตดั สนิ ใจเรอ่ื งทีม่ ีการโต้แยง้ กนั
๗) การคาดการณ์ความห่วงกังวลและทัศนคติของสาธารณชนเพราะเม่ือเจ้าหน้าที่ท่ี
เก่ียวข้องได้มาทํางานร่วมกับสาธารณชนในกระบวนการมีส่วนร่วม พวกเขาจะได้รับรู้ถึงความห่วง
กังวลและมุมมองของสาธารณชนต่อการทํางานขององค์กร ซ่ึงจะทําให้เจ้าหน้าท่ีสามารถคาดการณ์
ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองของสาธารณชนตอ่ กระบวนการและการตัดสินใจขององค์กรได้
๘) การพัฒนาภาคประชาสังคม ประโยชน์อย่างหน่ึงของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
ประชาชน คอื ทาํ ให้ประชาชนมคี วามรทู้ ้ังในส่วนของเน้ือหาโครงการและกระบวนการตัดสนิ ใจของรัฐ
รวมทั้งเป็นการฝึกอบรมผู้นํา และทําให้ประชาชนได้เรียนรู้ทักษะการทํางานร่วมกันเพ่ือแก้ปัญหา
ต่าง ๆ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพในอนาคต
๓๑ เรือ่ งเดยี วกัน, หนา้ ๑๗-๑๙.
๒๕
สรุปได้ว่า ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมทางการเมือง มีดังนี้ คือ (๑) การตัดสินใจมี
คุณภาพ (๒) ใช้ต้นทุนน้อยและลดความล่าช้าลง (๓) การสร้างฉันทามติ (๔) การนําไปปฏิบัติง่ายขึ้น
(๕) การหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่เลวร้ายท่ีสุด (๖) การคงไว้ซ่ึงความน่าเช่ือถือและความชอบธรรม
(๗) การคาดการณ์ปฏกิ ริ ิยาตอบสนองของสาธารณชน (๘) การพฒั นาภาคประชาสังคม
ตารางที่ ๒.๑ สรปุ แนวคิดเก่ียวกับการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง
นกั วิชาการหรอื แหล่งข้อมลู สรุปแนวคิด
เกียรตขิ จร วัจนะสวสั ดิ์ (๒๕๕๐, หน้า ๑) การมีส่วนร่วม หมายถงึ การทบ่ี ุคคลกระทําการใน
เร่อื งใดเรื่องหนึ่งหรอื ในประเดน็ ทบี่ ุคคลนนั้ สนใจ ไม่
วา่ เขาจะได้ปฏิบตั ิการเพ่ือแสดงถงึ ความสนใจอย่าง
จริงจงั หรือไมก่ ็ตาม และไม่จําเป็นท่ีบคุ คลนน้ั จะต้อง
เข้าไปเกี่ยวขอ้ งกับกิจกรรมน้ันโดยตรงก็ได้ แต่การมี
ทัศนคติ ความคิดเห็น ความสนใจ ห่วงใย ก็เพียงพอ
แล้วที่จะเรยี กวา่ เป็นการมสี ่วนร่วมได้
สาํ นกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร กลมุ่ งาน การมีสว่ นรว่ ม (Participation) หมายถงึ การไดเ้ ข้า
ผลติ เอกสาร สาํ นกั งานประชาสัมพันธ์ (๒๕๖๐, ไปเก่ียวขอ้ งท่ีอาจเปน็ การเข้ารว่ มแบบทางตรง หรอื
หน้า ๑๑) ทางออ้ มในการทาํ กิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงก็ได้ โดย
อาจจะเปน็ ปจั เจกบคุ คลหรือกล่มุ คนหรอื องคก์ ร
ประชาชนได้อาสาเข้ามามีสว่ นรว่ มดําเนนิ งาน
กจิ กรรมอย่างใดอย่างหน่ึง
ยุวฒั น์ วุฒิเมธี (๒๕๓๖, หน้า ๒๕-๒๖) การมสี ่วนรว่ ม หมายถึง การเปดิ โอกาสให้ประชาชน
ได้เข้ามสี ว่ นรว่ มในการคิดรเิ รมิ่ การพิจารณา
ตัดสินใจ การรว่ มปฏิบัติและการรว่ มรับผิดชอบใน
เรอ่ื งอันมีผลกระทบมาถึงตวั ประชาชนเอง
นิรนั ดร์ จงวุฒิเวศน์ (๒๕๓๗, หนา้ ๑๘๕) การมสี ว่ นร่วม หมายถงึ การเกย่ี วขอ้ งทางจิตและ
อารมณข์ องบคุ คลหน่ึงในสถานการณซ์ ึ่งผลของการ
เกี่ยวขอ้ งดงั กล่าวเป็นส่ิงเร้าให้เกดิ ให้กระทาํ การให้
บรรลุจุดมุง่ หมายของกลุ่มนนั้
ตนิ ปรัชพฤธิ์ (๒๕๔๖, หนา้ ๖๖๒) การมสี ่วนร่วม หมายถงึ การกระทําการอย่างใด
อยา่ งหน่งึ โดยการเข้าไปมสี ว่ นร่วมหรอื เก่ียวขอ้ งหรือ
มีส่วนในการดาํ เนนิ ภารกิจอย่างใดอย่างหน่ึง
สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลมุ่ งาน การมีสว่ นร่วมทางการเมอื ง (Political
ผลิตเอกสาร สํานักงานประชาสัมพันธ์ (๒๕๖๐, participation) หมายถึง การกระทําใด ๆ กต็ ามท่ี
หน้า ๑๒-๑๓) เกดิ ขน้ึ ดว้ ยความเตม็ ใจ ไม่ว่าจะประสบความสําเร็จ
หรือไม่ ไมว่ า่ จะมีการจดั อย่างเปน็ ระเบยี บหรอื ไม่
และไม่วา่ จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือต่อเนื่อง จะใช้
๒๖
นักวิชาการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรุปแนวคิด
วิธกี ารทีถ่ ูกต้องคามกฎหมายหรือไม่ เพือ่ ผลในการท่ี
จะมอี ทิ ธิผลตอ่ การเลือกนโยบายของรัฐ
ไมยรอน ไวยเนอร์ อ้างใน นรนติ ิ เศรษฐบตุ ร, การมีส่วนร่วมที่ หมายถึง ความพยายามที่สาํ เร็จใน
(๒๕๔๒, หนา้ ๘๙๓ – ๘๙๔) การสรา้ งผลกระทบตอ่ การการดาํ เนินการของ
รัฐบาล
McClosky, H. (1986, pp. 252-253) กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีกระทําโดยสมัครใจของสมาชกิ ใน
สังคมส่วนรวมในการคดั เลอื กผูป้ กครองและกําหนด
นโยบายของรัฐ การกระทาํ นนั้ อาจร่วมกันโดย
ทางตรงหรอื ทางออ้ มก็ได้
Huntington, Samuel p, and Nelson, กจิ กรรมของประชาชนแตล่ ะบุคคลที่มจี ดุ หมาย
John M (1976, pp. 4-7) เพื่อทจ่ี ะมอี ิทธิพลต่อการตัดสนิ ใจของรัฐบาล
สุจิต บุญบงการ (๒๕๓๗, หนา้ ๓๖-๓๘) กิจกรรมทบี่ คุ คลมีจดุ ประสงคเ์ พ่อื มีอิทธพิ ลใน
กระบวนการตัดสินใจของรัฐบาล
สมบบัติ ธาํ รงธัญวงศ์ (๒๕๓๘, หนา้ ๓๒-๓๓) การแสดงออกซึง่ การกระทาํ ทางการเมอื ง
ประสทิ ธิ สนั ตกิ าญจน์ (๒๕๓๐ หนา้ ๙) การกระทาํ ทีม่ คี วามต่อเนื่องอยตู่ ลอดเวลาซ่งึ
กจิ กรรมเหล่าน้จี ะมสี ภาวะเป็นสถาบัน นอกจากนี้ยงั
รวมไปถึงการกระทาํ ท่เี ป็นคร้งั คราวซงึ่ เกิดข้ึนมา
อย่างทนั ทีทนั ใด
เจมิ ศักดิ์ ป่ินทอง (๒๕๓๙, หนา้ ๑๑-๑๓) การมีสว่ นรว่ มของประชาชนมี ๔ ข้นั ตอน คอื
(๑) การมสี ่วนร่วมในการคน้ หาปัญหาและสาเหตุ
ของปญั หา (๒) การมสี ่วนร่วมในการวางแผนดาํ เนิน
กจิ กรรม (๓) การมีส่วนร่วมในการลงทุนและ
ปฏบิ ัตงิ าน (๔) การมสี ว่ นร่วมในการตดิ ตาม
ประเมนิ ผลงาน
ไพรตั น์ เดชะรินทร์ (๒๕๒๗), หนา้ ๖-๗) การมีสว่ นรว่ มในการดาํ เนินงานใหบ้ รรลุ
วัตถปุ ระสงค์ของนโยบายการพฒั นา คอื
(๑) รว่ มทาํ การศึกษา ค้นควา้ ปญั หา สาเหตขุ อง
ปญั หาและการลดปัญหา
(๒) รว่ มคดิ หาและสร้างรูปแบบการพฒั นา เพอื่ แก้ไข
ปญั หาและลดปัญหาของชุมชน
สํานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร, กลุ่ม เปน็ หัวใจสําคญั ในการเสรมิ สรา้ งความเขม็ แขง็ ของ
งานผลิตเอกสาร สาํ นักงานประชาสัมพันธ์ ระบบประชาธิปไตยเปน็ การเปิดโอกาสใหป้ ระชาชน
(๒๕๖๐, หนา้ ๑๙-๒๐) ไดแ้ สดงความคดิ เห็น ร่วมตัดสนิ ใจต่อการเมืองการ
ปกครองของประเทศ
๒๗
นักวชิ าการหรอื แหล่งข้อมลู สรปุ แนวคดิ
Almond, Gabriel (1955, pp. 145-146) รปู แบบการมีสว่ นร่วมทางการเมือง ๒ รูปแบบใหญ่
ๆ คือ (๑) รูปแบบทเี่ ปน็ ทางการ (๒) รปู แบบทีไ่ ม่
เปน็ ทางการเมือง
Nie, Norman H. and Verba, Sidney, รูปแบบของกจิ กรรมในการมสี ่วนรว่ มทางการเมือง
(1975, pp. 9-12) ของพลเมอื งมี ๔ รูปแบบ (๑) การลงคะแนนเสยี ง
เลือกตั้ง (๒) กจิ กรรมการรณรงคห์ าเสยี ง (๓) การ
ตดิ ตอ่ ขั้นตน้ ของพลเมอื ง (๔) กจิ กรรมท่ีรว่ มมอื กนั
สายสุนีย์ ปวุฒนิ ันท์ (๒๕๔๑, หนา้ ๔๙) การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง กล่าวคือ (๑) การ
วางแผน (๒) การร่วมปฏบิ ัติตามแผน (๓) การรว่ ม
ประเมนิ ผล (๔) การรว่ มกําหนดมาตรฐาน (๕) การ
ร่วมรกั ษามาตรฐาน
พสิ ษิ ฐ์ วงศารตั น์ศลิ ป์ (๒๕๖๐, ๑๙๖) การมีส่วนร่วมทางการเมือง มี ๒ แบบ คอื (๑) การมี
สว่ นร่วมทางการเมอื งแบบเป็นทางการ (๒) การมี
สว่ นร่วมทางการเมืองแบบไมเ่ ป็นทางการ
นรนติ ิ เศรษฐบตุ ร (๒๕๔๒, หน้า ๘๙๘ – รูปแบบการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง จงึ พอแยกได้ ๕
๙๐๐) อย่าง (๑) การออกเสยี งเลอื กตง้ั (๒) การรณรงค์หา
เสยี ง (๓) การกระทําของแต่ละบคุ คลเป็นเอกเทศตอ่
ปญั หาการเมอื งและสังคม (๔) การเขา้ ร่วมกจิ กรรม
ของกล่มุ (๕) กิจกรรมทใ่ี ช้ความรนุ แรงและเป็นการ
กระทําที่อาจผดิ กฎหมาย
มานิตย์ นวลละออ (๒๕๔๔, หน้า ๔) องคป์ ระกอบของการมสี ่วนรว่ ม (๑) ระบบคณุ ค่า
(๒) คณุ ลกั ษณะของการมีส่วนรว่ ม (๓) บรบิ ทของ
การมสี ่วนร่วม (๔) ผลทเ่ี กิดข้นึ
Milbreath, lester W. and Goel, M.L, ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ การมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง
(1977, pp. 30-42) ประกอบดว้ ย (๑) ปัจจัยด้านสงิ่ เรา้ จาก
สภาพแวดล้อม (๒) ปัจจัยเกย่ี วกับลักษณะสว่ น
บุคคล
จันทิมา พิจารย์ (๒๕๕๒, หนา้ ๑๔) ปจั จัยท่มี ีอิทธพิ ลต่อการมีส่วนรว่ มทางการเมือง
ปัจจัยด้านสภาพการเมือง สภาพแวดล้อมทางสังคม
สาํ นักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร กลมุ่ งาน แนวความคดิ ของการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื งใน
ผลติ เอกสาร สาํ นักงานประชาสัมพนั ธ,์ ระบอบประชาธปิ ไตย จําแนกเปน็ ๔ คือ
(๒๕๖๐, หน้า ๑๓ –๑๖) (๑) ระบอบประชาธปิ ไตยโดยตรง (๒) ระบอบ
ประชาธปิ ไตยแบบตัวแทน หรือประชาธิปไตยโดย
อ้อม (๓) ระบอบประชาธิปไตยแบบมสี ่วนรว่ ม
(๔) ระบอบประชาธิปไตยแบบถกแถลง
๒๘
นักวิชาการหรอื แหล่งข้อมูล สรุปแนวคิด
สาํ นกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กลมุ่ งาน ประโยชนข์ องการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื งในระบอบ
ผลติ เอกสาร สาํ นักงานประชาสมั พันธ์, ประชาธิปไตย มีดังนี้ (๑) คุณภาพของการตัดสนิ ใจดี
(๒๕๖๐, หนา้ หน้า ๑๗-๑๙.) ข้ึน (๒) ใชต้ ้นทุนนอ้ ยและลดความล่าชา้ ลง (๓) การ
สร้างฉันทามติ (๔) การนําไปปฏบิ ตั ิง่ายขึน้ (๕) การ
หลีกเลีย่ งการเผชิญหน้าทเี่ ลวร้ายทสี่ ุด (๖) การคงไว้
ซึ่งความน่าเช่ือถือและความชอบธรรม (๗) การ
คาดการณค์ วามห่วงกงั วลและทัศนคตขิ อง
สาธารณชน (๘) การพัฒนาภาคประชาสังคม
๒.๒ แนวคิดเกีย่ วกบั กิจกรรมการมีส่วนร่วมทางการเมอื ง
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทําการสังเคราะห์ตัวแปรท่ีจะนําไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรม
ทางการเมืองของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น พบว่ามีทั้งหมด
๔ ตวั แปร ตามรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี
๑) ด้านการเลอื กต้งั
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๓(๓) มาตรา ๒๓๖ และ
มาตรา ๒๕๖(๑) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ ให้อํานาจแก่ประชาชนสามารถ
เขา้ มามีส่วนรว่ มทางการเมืองโดยตรง สามารถสรปุ สาระสําคญั ได้ดังน้ี
ผู้มีสิทธิเลือกต้ังไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ คน มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามหมวด ๓ สิทธิ
เสรภี าพของปวงชนชาวไทยหรอื หมวด ๕ หนา้ ที่รฐั ท้งั น้ตี ามกฎหมายว่าด้วยการเขา้ ช่อื เสนอกฎหมาย
ผู้มีสิทธิเลือกต้ังจํานวนไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานรัฐสภา
พร้อมด้วยหลักฐานพอสมควรเพ่ือกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใด
มีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนญู หรอื กฎหมายหรอื ฝา่ ฝืนไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ คน มีสิทธิเข้าช่ือขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตาม
กฎหมายวา่ ด้วยการเขา้ ชื่อเสนอกฎหมาย
การมีสว่ นร่วมของประชาชนในกระบวนการเลอื กต้ัง
การเลือกตั้งเป็นสิทธิและหน้าท่ีของประชาชนชาวไทยทุกคน ท่ีมีอายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์
เพ่ือไปทําหน้าท่ีคัดเลือกตัวแทนของตนเข้าไปออกกฎหมายและเข้าไปบริหารประเทศ ดังน้ัน ประชาชน
จะต้องมีส่วนร่วมในการเลือกต้ัง และทําให้การเลือกตั้งสุจริตและเท่ียงธรรม ประชาชนสามารถมีส่วน
รว่ มในกระบวนการเลือกต้ังได้ดังน้ี
๑. สมคั รเปน็ สมาชกิ พรรคการเมือง
๒. สอดสอ่ งดแู ลการเลอื กตงั้ แจ้งเหตุหรอื เบาะแสการทจุ ริตซอ้ื สิทธิขายเสียง
๓. ใช้สทิ ธเิ ลอื กต้ังโดยพรอ้ มเพรียง
๒๙
๔. ร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งโดยเป็นสมาชิกหรืออาสาสมัครขององค์การเอกชนท่ี
คณะกรรมการการเลอื กตั้งรบั รองใหต้ รวจสอบการเลือกตงั้
๕. ร่วมเป็นเจ้าหน้าท่ีจัดการเลือกตั้งในระดับต่าง ๆ เช่น กรรมการประจําหน่วยเลือกต้ัง
กรรมการนับคะแนน กรรมการการเลือกตั้งประจําองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการการเลือกต้ัง
ประจาํ เขตเลอื กตัง้ เป็นต้น การมีส่วนรว่ มในการเลอื กต้ัง สามารถจําแนกรายละเอยี ดได้ดังนี้
๑) กจิ กรรมการมสี ว่ นร่วมก่อนการเลือกตัง้
๑.๑ ตรวจบญั ชรี ายชื่อวา่ ตนเป็นผู้มสี ิทธเิ ลือกตัง้ หรือไม่
๑.๒ ตรวจสอบพรรคการเมอื งและผู้สมัครรับเลือกตงั้
๑.๓ รว่ มรณรงคเ์ ลือกต้ัง
๑.๔ ฟงั การปราศรยั นโยบายของผสู้ มัครและพรรคการเมือง
๑.๕ สอดสอ่ งดูแลพฤติกรรมท่ีมิชอบ
๑.๖ ศกึ ษาประวตั ผิ สู้ มัคร
๑.๗ ให้การศึกษาแกป่ ระชาชน
๑.๘ การต่อรองนโยบายของพรรคการเมือง
๒) กจิ กรรมการมีส่วนรว่ มระหวา่ งการเลือกตัง้
๒.๑ สังเกตการณ์การซือ้ เสียง
๒.๒ ลงคะแนนเสียงเลอื กตงั้
๒.๓ ตดิ ตามการนบั คะแนน
๒.๔ ร่วมเป็นคณะกรรมการประจาํ หนว่ ยเลือกตัง้
๒.๕ แจ้งเหตุหากพบเหตุการณผ์ ดิ ปกติ
๒.๖ ชกั ชวนประชาชนไปใชส้ ทิ ธิเลือกต้งั
๒.๗ ไม่รับเงินซอ้ื เสยี ง
๒.๘ ตรวจสอบดูแลการเลือกตงั้ ใหเ้ ปน็ ไปตามกตกิ า
๓) กจิ กรรมการมีสว่ นรว่ มหลงั การเลอื กตั้ง
๓.๑ ตดิ ตามผลการเลอื กต้ัง
๓.๒ ติดตามผลการใชส้ ทิ ธิเลอื กต้ัง
๓.๓ ติดตามการจดั ตั้งรฐั บาล
๓.๔ ตดิ ตามตรวจสอบการทํางานของผู้แทนทีเ่ ราเลอื ก
๓.๕ แสดงพลังกลมุ่ ถอดถอนนักการเมอื ง ถา้ พบว่ามีการกระทาํ โดยมชิ อบ
๓๐
ในการวิจัยคร้ังน้ีผู้วิจัยจะได้นํา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา
๑๓๓ (๓) มาตรา ๒๓๖ และมาตรา ๒๕๖ (๑) นํามาเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามการวิจัย ให้
สมบรู ณ์ตอ่ ไป๓๒
๒) ด้านการตดิ ตามข่าวสารทางการเมือง
บุคคลจะเป็นพลเมืองดีของสังคมนั้น ต้องตระหนักถึง บทบาท หน้าท่ี ที่จะต้องปฏิบัติ
สอดคล้องกับหลักธรรม วัฒนธรรมประเพณี และรัฐธรรมนูญท่ีกําหนดไว้ รวมทั้งบทบาททางสังคม ท่ี
ตนดํารงอยู่ เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และได้ประสิทธิผลท้ังในส่วนตนและสังคม เนื่องด้วย
สังคมไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในฐานะนักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยได้โดยเริ่มจากการติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่เสมอ เพ่ือจะได้รับรู้ความ
เคล่ือนไหวท้ังทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แล้วสามารถนําข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อการดําเนินชีวิตประจําวัน ปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ข่าวสาร
บ้านเมืองจึงมีความหลากหลาย ดังนั้นนักเรียนจะต้องมีวิธีการติดตามข่าวสารบ้านเมือง เพื่อให้เกิด
ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคมมากทีส่ ุด โดยสามารถปฏบิ ตั ไิ ดด้ งั น้ี
๑. ติดตามข่าวสารหลากหลายครอบคลุมทุกด้าน คือ ศึกษาข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย
รอบร้ทู กุ ดา้ น เพ่ือใหท้ ันต่อความเปล่ียนแปลงและรกั ษาผลประโยชนข์ องตนเอง
๒. ใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสาร ควรตดิ ตามข่าวสารจากสื่อทห่ี ลากหลาย เพื่อให้
ได้ข้อมลู จาํ นวนมาก แลว้ นํามาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้ไดข้ ้อมูลท่ีถูกต้องนา่ เช่ือถือ
แนวทางปฏิบัติตนเป็นพลเมืองทด่ี ีในการตดิ ตามข่าวสารบา้ นเมือง มีดังน้ี
๑. ติดตามข่าวสาร อย่างสม่ําเสมอ เพ่ือจะได้รับรู้เหตุการณ์ได้ทันท่วงที และ นํามาใช้ให้
เกดิ ประโยชน์ท้งั แก่ตนเองและผอู้ ืน่
๒. แสดงความคิดเห็นในข่าวสารอย่างสร้างสรรค์ เพ่ือให้เกิดมุมมองและแนวคิดที่
หลากหลาย และไมว่ จิ ารณ์ ข่าวสารในทางเสียหาย ควรนาํ มาวเิ คราะห์แลกเปล่ยี นอย่างสร้างสรรค์
๓. ใช้วิจารณญาณในการรับชมข่าวสารต่าง ๆ และวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข่าว ไม่
หลงเชื่อขา่ วสารโดยง่าย
จากแนวปฏิบัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า การติดตามข่าวสารบ้านเมืองมปี ระโยชนท์ ั้งตอ่ ตนเอง
และต่อส่วนรวม คือ ทําให้รับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ซ่ึงเป็นข้อมูลท่ีมีประโยชน์ในการดํารงชีวิตประจําวัน
เป็นส่ิงที่ช่วยทําให้โลกทัศน์ของเรากว้างข้ึน ช่วยเพ่ิมพูนความรู้และการติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่
เสมอ ช่วยทาํ ใหเ้ รา ไดร้ ้จู กั คดิ วิเคราะหป์ ระเด็นปญั หาตา่ ง ๆ อย่างถกู วธิ ี๓๓
๓๒ สํานักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง, การมีส่วนร่วม, [ออนไลน์], แหล่งที่มา: https://www.
ect.go.th/ect_th/news_page.php?nid=767&filename= [๒๓ ตลุ าคม ๒๕๖๓].
๓๓ ปุณญทิพย์ รักภูเสนโพธิ์กุล, “พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย”, กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนอํานาจเจริญ อําเภอเมือง จังหวัดอํานาจเจริญ สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๒๙ [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: https://www.kroobannok.com/news_file/p62748592020.pdf
[๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๓].
๓๑
๓) ด้านการแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ทางการเมอื ง
ในระบอบประชาธปิ ไตยถอื เป็นหน้าทีข่ องรัฐบาลท่ีต้องสง่ เสรมิ ให้ประชาชนมีความกล้าหาญ
ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา และด้วยเหตุด้วยผลการวิพากษ์วิจารณ์โดย
ประชาชน จะเป็นเสมือนกลไกที่คอยควบคุม กํากับและตรวจสอบการทํางานของรัฐบาล เป็นกลไกท่ีจะ
ช่วยเสริมสร้าง ประสิทธิภาพในการบริหารของระบบราชการให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน
อย่างเสมอภาค ในปัจจุบันการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้สื่อต่าง ๆ อาทิ วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
นับว่ามีบทบาทสําคัญในการ ควบคุม กํากับและตรวจสอบการกระทําของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเป็นการ
กระตุ้นให้ประชาชนสนใจกิจกรรมของรัฐบาลมากขึ้น ท้ังนี้เพราะการวิพากษ์วิจารณ์การกระทําของ
รัฐบาลจะก่อให้เกิดประเด็นของการพูดคุย จะพัฒนาไปสู่ความรู้ความเข้าใจ และผลต่อการตัดสินใจของ
ตนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อการกระทําของรัฐบาล ถ้าไม่เห็นด้วยอาจพัฒนาไปสู่การมีส่วนร่วมท่ี
มรี ะดบั สูง เชน่ การเข้าร่วมรณรงค์ทางการเมอื ง เป็นต้น๓๔
๔) ดา้ นการเสรมิ สร้างวฒั นธรรมประชาธปิ ไตย
กระบวนการเรียนรู้มีความสําคัญต่อการพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย
เพราะสังคมท่ีมีความเป็นประชาธิปไตย ประกอบด้วยเงื่อนไขพ้ืนฐานคือ ประชาชนท่ีมีความ
กระตือรือร้น ในการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขัน และท่ีสําคัญประชาชน เหล่าน้ันจะต้องมี
สํานึกในความเท่าเทียมกัน (Sense of equality) ในสิทธิระหว่างปัจเจกบุคคล (บุคคลแต่ละคน)
ภายใต้ความเป็นพลเมืองของรัฐ (Citizenship) ในหลักการเสรีประชาธิปไตย โดยมี เป้าหมายปกป้อง
คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตยของรัฐพลเมืองย่อมได้รับการ
รบั รองสทิ ธิจากรฐั อย่างเทา่ เทยี มกนั ใน ๓ ด้าน ประกอบดว้ ย
(๑) สิทธิพื้นฐานของพลเมือง (Civil rights) ซึ่งประกอบด้วย สิทธิในการได้รับความเสมอ
ภาคภายใตก้ ฎหมาย สทิ ธิเสรีภาพส่วนบุคคล สิทธิครอบครองทรัพยส์ ิน หรือสิทธใิ นการทาํ สัญญา
(๒) สิทธิทางการเมือง (Political rights) ได้แก่ สิทธิในการเลือกตั้ง สิทธิการเข้าสู่
ตาํ แหน่งทางการเมอื ง สิทธกิ ารรวมกลุม่ สมาคม หรือพรรคการเมือง เป็นต้น
(๓) สิทธิทางสังคม (Social rights) ได้แก่ สิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการพ้ืนฐานทางสังคม
และเศรษฐกิจ เช่น สวัสดิการการรักษาพยาบาล การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สิทธิในการประกอบอาชีพ
และการประกนั สังคม เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การได้รับการรับรองสิทธิดังกล่าวของพลเมือง จําเป็นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข
ของการมีพันธะหน้าท่ีที่พลเมืองต้องปฏิบัติต่อรัฐด้วยเช่นกัน นั่นคือ หน้าท่ีในการเสียภาษีการเกณฑ์
ทหาร การมีความภักดีต่อรัฐ ตลอดจนการมีความรับผิดชอบต่อการมีส่วนร่วมในกระบวนการทาง
การเมือง เช่น การใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกต้ัง เป็นต้น ท้ังนี้ พันธะหน้าที่และความรับผิดชอบของ
๓๔ คงฤทธ์ิ กุลวงษ์, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตําบลหนอง
บ่อ อําเภอนาแก จังหวัดนครพนม”, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๓ ประจําเดือน
กันยายน-ธนั วาคม ๒๕๖๑): ๑๑๗.
๓๒
พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อาจเรยี กได้อกี อย่างหน่ึงว่าเปน็ “คุณธรรมของ พลเมอื ง” หรอื ความ
สํานึกในความเป็นสมาชิกของรัฐและตระหนักในพันธะหน้าที่และความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติในฐานะ
ท่ีเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนการเมือง จึงนับเป็นคุณสมบัติพ้ืนฐานสําคัญที่แสดงถึงวัฒนธรรมทาง
การเมืองแบบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นจริง คุณธรรมของพลเมืองไม่สามารถจะ
พัฒนาข้ึนเองได้โดยธรรมชาติ จําเป็นต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้และเสริมสร้างให้เกิดข้ึนในหมู่
พลเมอื ง เช่นเดียวกับการเสรมิ สร้างความรู้ความเข้าใจในสิทธิของพลเมือง
สําหรับกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย
(Democratic Values) มีข้อถกเถียงเก่ียวกระบวนการเรียนรู้ทางการเมืองใน ๒ ลักษณะ ก็คือ ด้าน
หนึ่งเช่ือว่าความโน้มเอียง ในการเป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการเรียนรู้ผ่านการ
พฒั นาสถาบันการเมอื ง เช่น พรรคการเมือง รฐั สภา รัฐบาล รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างระยะ
ยาว อันเป็นผลจากการพฒั นาทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ความเป็นสมยั ใหม่ แต่อีกด้านหน่ึงเห็นว่า ความ
เป็นประชาธิปไตยเกิดข้ึนได้จากปัจจัยระยะส้ัน ผ่านกระบวนการศึกษา และกระบวนการเรียนรู้การมี
ส่วนรว่ มทางการเมืองผ่านกลุ่มทางสังคม และ กลุม่ ทางการเมืองในชุมชน
ทั้งนี้ การเสริมสร้างวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตยท่ีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสามารถ
เกิดข้ึนได้ โดยกระบวนการเสริมสร้างความรู้ทางการเมืองแก่พลเมือง (Civic education) สองแนวทาง
คือ
แนวทางแรก กระบวนการที่เป็นทางการ เช่น ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาท้ังในและนอก
ระบบเพื่อเสริมสรา้ งความรู้ทางการเมืองแก่พลเมอื ง
แนวทางที่สอง กระบวนการทไ่ี ม่เป็นทางการ เชน่ การรวมกลุ่มอย่างสมคั รใจ (Voluntary
associations) และการสร้างเสริมปฏิสัมพันธ์ของคนในสังคม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมในวิถี
สาธารณะ และปลูกฝัง “ความผูกพันกับชุมชน” (Community attachment) หรือความรู้สึกเป็น
ส่วนหน่ึงของกลุ่มและชุมชน (Group identity) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการพัฒนาความรู้สึกเป็น
ส่วนหน่ึง ของชุมชนเป็นปัจจัยสําคัญต่อการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยและ
การมีส่วนร่วม เน่ืองจากความรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนจะทําให้คนเกิดความรู้สึกผูกพันและ
ตอ้ งการมีส่วนร่วมในวถิ ีพลเมือง (Civic life) อย่างกระตือรือร้น ตัวช้วี ัดความสาํ เร็จของการเสริมสรา้ ง
วฒั นธรรมทางการเมืองแบบประ ส่วนร่วมทางการเมือง ประกอบด้วย
๑. ประชาชนมคี วามรู้ทางการเมือง
๒. ประชาชนมที ักษะในการเป็นพลเมือง เช่น ยอมรบั ในความแตกต่าง
๓. ประชาชนมีความไวว้ างใจในสังคมและสถาบันทางการเมือง ตัวชี้วัดเหลา่ น้ีคือ เป้าหมาย
หลักของการเสริมสรา้ งความรูท้ างการเมอื งแก่พลเมอื ง๓๕
๓๕ สาํ นักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร, วัฒนธรรมทางการเมอื ง, พิมพ์ครงั้ ที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร:
สาํ นกั การพิมพ์สํานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร, ๒๕๕๖), หน้า ๓๘-๔๑.
๓๓
สรุปได้ว่า กิจกรรมทางการเมืองมี ๔ กิจกรรม คือ (๑) ด้านการเลือกตั้ง (๒) ด้านการ
ติดตามข่าวสารทางการเมือง (๓) ด้านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง (๔) ด้านการ
เสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมประชาธปิ ไตย
ตารางที่ ๒.๒ สรปุ แนวคดิ เกย่ี วกบั กิจกรรมทางการเมอื ง
นกั วชิ าการหรอื แหล่งขอ้ มลู สรุปแนวคิด
สํานกั งานคณะกรรมการการเลือกตงั้
(ออนไลน)์ , รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๑๓๓(๓) มาตรา ๒๓๖ และมาตรา ๒๕๖
ปณุ ญทพิ ย์ รักภเู สนโพธิ์กุล (ออนไลน)์ (๑) แหง่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.
๒๕๖๐ ใหอ้ าํ นาจแก่ประชาชนสามารถเข้ามามสี ่วน
คงฤทธิ์ กุลวงษ์ (๒๕๖๑, ๑๑๗) ร่วมทางการเมืองโดยตรง
สํานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร ในฐานะนักเรียนสามารถมีส่วนรว่ มในการปกครอง
(๒๕๕๖, หน้า ๓๘-๔๑) ระบอบประชาธปิ ไตยไดโ้ ดยเร่มิ จากการติดตาม
ข่าวสารบา้ นเมอื งอยเู่ สมอ เพื่อจะได้รับรูค้ วาม
เคล่ือนไหวทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ
การเมือง แล้วสามารถนาํ ขอ้ มูลเหลา่ นน้ั มาใช้ใหเ้ กดิ
ประโยชน์ตอ่ การดําเนนิ ชวี ิตประจําวัน
ในการแสดงความคดิ เห็นทางการเมืองอยา่ ง
ตรงไปตรงมา และด้วยเหตุด้วยผล การ
วพิ ากษว์ จิ ารณ์โดยประชาชน จะเป็นเสมือนกลไกที่
คอยควบคุม กาํ กับ และตรวจสอบการทํางานของ
รัฐบาล เปน็ กลไกท่ีจะชว่ ยเสรมิ สรา้ ง ประสทิ ธิภาพ
ในการบรหิ ารของระบบราชการให้ตอบสนองความ
ต้องการของประชาชนอย่างเสมอภาค
กระบวนการเรียนรมู้ คี วามสําคญั ตอ่ การพัฒนา
วฒั นธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย เพราะ
สงั คมทม่ี ีความเปน็ ประชาธิปไตย ประกอบด้วย
เงอ่ื นไขพนื้ ฐานคอื ประชาชนที่มคี วามกระตอื รอื รน้
ในการมีสว่ นรว่ มทางการเมืองอย่างแขง็ ขนั และที่
สําคญั ประชาชน เหลา่ นั้นจะต้องมสี าํ นึกในความ
เท่าเทียมกนั