๓๔
๒.๓ หลกั พทุ ธธรรมท่ีเกยี่ วขอ้ ง
จากท่ีผู้วิจัยได้ศึกษาหลักสาราณียธรรม ซ่ึงเป็นหลักธรรมอันเป็นท่ีต้ังแห่งความระลึกถึง
เป็นหลักธรรมที่จะส่งเสริมความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอ ซ่ึงจะเป็นเคร่ืองมือในการ
เสริมสร้างความสามคั คีมีนํ้าหนง่ึ ใจเดียวกนั ให้เกิดข้นึ ในสังคม ดังตอ่ ไปนี้
๒.๓.๑ ความหมายของหลกั สารณยี ธรรม ๖
ความหมายของหลักสารณียธรรม ๖ ประการ มดี งั นี้
สารณียธรรม ๖ ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความให้ระลึกถึง ธรรมเป็นเหตุท่ีระลึกถึงกัน หลักการ
อยรู่ ่วมกนั สาราณยี ธรรม กใ็ ช้
๑. เมตตากายกรรม ต้ังเมตตากายกรรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ท้ังต่อหน้าและลับหลัง คือ
ชว่ ยเหลือกิจธุระของผ้รู ่วมคณะด้วยความเต็มใจ แสดงกิริยาอาการสุภาพ เคารพนับถือกัน ท้ังต่อหน้า
และลับหลงั
๒. เมตตาวจีกรรม ต้ังเมตตาวจกี รรมในเพื่อนพรหมจรรย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วย
บอกแจ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ สั่งสอน แนะนําตักเตือนด้วยความหวังดี กล่าววาจาสุภาพ แสดงความ
เคารพนับถอื กัน ท้ังต่อหน้าและลบั หลงั
๓. เมตตามโนกรรม ต้ังเมตตามโนกรรม ในเพ่ือนพรหมจรรย์ ท้ังต่อหน้าและลับหลัง คือ
ตงั้ จิตปรารถนาดี คดิ ทาํ สิง่ ที่เป็นประโยชนแ์ ก่กนั มองกนั ในแงด่ ี มีหนา้ ตายม้ิ แยม้ แจ่มใสต่อกัน
๔. สาธารณโภคี ได้ของสิ่งใดมาก็แบ่งปันกัน คือ เม่ือได้สิ่งใดมาโดยชอบธรรม แม้เปน็ ของ
เล็กน้อย ก็ไม่หวงไว้ผู้เดียว นํามาแบ่งปันเฉล่ียเจือจาน ให้ได้มีส่วนร่วมใช้สอยบริโภคท่ัวกัน ข้อนี้ ใช้
อัปปฏิวิภตั ตโภคี ก็ได้
๕. สีลสามัญญตา มีศีลบริสุทธ์ิเสมอกันกับเพ่ือนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ท้ังต่อหน้าและลับ
หลัง คือ มีความประพฤติสุจริตดีงาม ถูกต้องตามระเบียบวินัย ไม่ทําตนให้เป็นท่ีน่ารังเกียจของหมู่
คณะ
๖. ทิฏฐิสามัญญตา (มีทิฏฐิดีงามเสมอกันเพื่อนพรหมจรรย์ท้ังหลาย ทั้งต่อหน้าและลับ
หลัง คือ มีความเห็นชอบร่วมกัน ในข้อที่เป็นหลักการสําคัญที่จะนําไปสู่ความหลุดพ้น สิ้นทุกข์ หรือ
ขจดั ปัญหา
ธรรม ๖ ประการน้ี มีคุณคือ เป็นสารณียะ ทําให้เป็นท่ีระลึกถึง เป็นปิยกรณ์ ทําให้เป็นที่
รัก เป็นครุกรณ์ ทําให้เป็นที่เคารพ เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์ ความกลมกลืนเข้าหากัน เพ่ือความไม่
ววิ าท เพอ่ื ความสามัคคี และเอกภาพ ความเปน็ อนั หน่งึ อันเดยี วกนั ๓๖
๓๖ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์คร้ังท่ี
๑๖, (กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั เอส. อาร.์ พรน้ิ ติง้ แมส โปรดกั สจ์ ํากัด, ๒๕๕๑), หนา้ ๒๐๐-๒๐๑.
๓๕
สรุป หลักสาราณียธรรม ๖ ประการ เป็นหลักธรรมที่นํามาซึ่งความสามัคคีของหมู่คณะ
และสรา้ งความเปน็ นํา้ หนึ่งใจเดยี วกัน ซง่ึ เปน็ ไปเพื่อประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ่วนร่วม
๒.๓.๒ การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื ง ตามหลักสารณียธรรม ๖
ธรรมเป็นท่ีตั้งแห่งความระลึกถึงกัน ถือว่าเป็นธรรมที่เป็นพลังสร้างความสามัคคีในหมู่
คณะ มีอยู่ ๖ ข้อ ดังนี้
๑) เมตตากายกรรม ทําต่อกันด้วยความเมตตา ร่วมกิจกรรม ร่วมชุมนุม ด้วยการช่วยเหลือ
กจิ ธรุ ะต่าง ๆ โดยเตม็ ใจ โดยการประพฤติชอบทางกาย
๒) เมตตาวจกี รรม คือ การพูดจากับผ้อู นื่ ดว้ ยดว้ ยความรกั และเมตตา
๓) เมตตามโนกรรม คดิ ตอ่ กันด้วยเมตตา คอื ตงั้ จิตปรารถนาดี
๔) สาธารณโภคี ได้มาแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ แบ่งปันลาภผลที่ได้มาโดยชอบธรรมแม้เป็น
ของเลก็ น้อยกแ็ จกจ่ายใหไ้ ดม้ ีสว่ นรว่ มใช้สอยบริโภคทั่วกนั
๕) สีลสามัญญตา ประพฤติให้ดีเหมือนเขา คือ มีความประพฤติสุจริตดีงามรกั ษาระเบียบ
วนิ ัยของสว่ นร่วม
๖) ทิฏฐิสามัญญตา ปรับความเห็นเข้ากันได้ คือ เคารพรับฟังความคิดเห็นกันมีความ
เห็นชอบร่วมกัน ยดึ ถอื อุดมคติ หลกั แหง่ ความดงี ามหรือจดุ หมายสูงสดุ อันเดยี วกนั ๓๗
สรุป การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ตามหลักสารณียธรรม ๖ ได้แก่ (๑) เมตตา
กายกรรม คือ การมีเมตตาทางกายต่อคนอื่น (๒) เมตตาวจีกรรม คือ การมีเมตตาทางวาจาต่อคนอื่น
(๓) เมตตามโนกรรม คือ การมีเมตตาทางใจต่อคนอื่น (๔) สาธารณโภคี คือ การรู้จักแบ่งปันส่ิงของแก่
คนอน่ื (๕) สลี สามัญญตา คือ การประพฤตทิ ี่เสมอกัน (๖) ทิฏฐิสามญั ญตา คือ การมคี วามคิดเสมอกัน
ตารางท่ี ๒.๓ สรปุ หลกั พุทธธรรมที่เกีย่ วข้อง
นักวชิ าการหรอื แหลง่ ข้อมลู สรปุ แนวคดิ
พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) (๒๕๕๑, สารณียธรรม ๖ ธรรมเปน็ ทตี่ ั้งแห่งความใหร้ ะลกึ ถงึ
หน้า ๒๐๐-๒๐๑) ธรรมเป็นเหตทุ ร่ี ะลึกถึงกนั หลักการอยู่รว่ มกัน
ชาญชยั ฮวดศรี (๒๕๕๘, หน้า ๑๒๔-๑๒๕) ธรรมเปน็ ทต่ี ัง้ แห่งความระลกึ ถึงกัน ถือวา่ เปน็ ธรรม
ทเี่ ปน็ พลังสรา้ งความสามคั คีในหม่คู ณะ
๓๗ ชาญชัย ฮวดศรี, “รูปแบบการส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองเชิงพุทธของผู้นําชุมชนจังหวัด
ขอนแก่น”, การประชุมวิชาการระดับชาติครั้งท่ี ๒ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏกําแพงแสน
(๒๕๕๘): ๑๒๔-๑๒๕.
๓๖
๒.๔ ข้อมูลบรบิ ทเรอ่ื งที่วจิ ัย
๒.๔.๑ ความเป็นมาของมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ พระราชสารเวที (ปัจจุบันที่พระธรรมวิสุทธาจารย์) เจ้าอาวาสวัดธาตุ
(พระอารามหลวง) และรองเจ้าคณะภาค ๙ ในสมัยน้ันมีความดําริให้จัดต้ังมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขตขอนแก่น เพื่อเป็นสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาสําหรับพระภิกษุ
สามเณรในจังหวัดขอนแก่น ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๙ และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยความ
สนับสนุนของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) นายกสภามหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัยและพระเถรานุเถระทุกระดับในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดขอนแก่น เมื่อทุกอย่างมีความ
พร้อมจึงเสนอเรื่องขออนุมัติการจัดตั้งไปยังมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย ได้อนุมัติให้จัดต้ังวิทยาเขตขอนแก่นเม่ือวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๒๘ ตามหนังสือท่ี ๗๑๔/
๒๕๒๘ ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๘ ซ่ึงลงนามโดย พระมหานคร เขมปาลี (ปัจจุบันที่พระราชรัตนโมลี)
เลขาธกิ ารมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั (ตําแหน่งในขณะนั้น) โดยใช้ชื่อเป็นทางการว่า "มหาจฬุ าลงกรณ
ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วิทยาเขตขอนแก่น" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีคําสั่งที่ ๘ ลง
วันท่ี ๒๗ มีนาคม ๒๕๒๙ แต่งตั้งให้พระราชสารเวที เป็นผู้รักษาการตําแหน่งรองอธิการบดี และแต่งตั้ง
ให้ พระมหาโสวิทย์ โกวิโท เป็นผู้รักษาการตําแหน่งคณบดีคณะพุทธศาสตร์ และมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ได้เปิดภาคการศึกษาครั้งแรกวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ในคณะ
พุทธศาสตร์ สาขาวิชาเอกศาสนา มีนิสิตจํานวน ๒๑ รูป และได้กําหนดเปิดป้ายมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๓๐ โดยมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภ
มหาเถร) เป็นประธาน
ต่อมาเน่ืองจากมีพระภิกษุ สามเณร คฤหัสถ์ ในท้องถ่ินและประเทศใกล้เคียง สนใจสมัคร
เข้าศึกษาเป็นจํานวนมาก อาคารเรียนท่ีมีอยู่เดิมท่ีวัดธาตุฯ ไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน
พระครูสริ ิสารธรรม เจ้าคณะตาํ บลโคกสี จึงให้ใชท้ ่ีดนิ โคกสร้างหล่ม วดั ปา่ ศรเี จริญธรรม เป็นท่ตี ั้งวิทยา
เขตแห่งใหม่ ประกอบด้วย อาคารเรียน อาคารหอสมุดสารสนเทศ อาคารสถานีวิทยุกระจายเสียง และ
อาคารหอประชุม และเม่ือวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
กุมารี ทรงเปิดป้ายมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ตําบลโคกสี และทรง
เปิดป้ายอาคารหอสมุดสารสนเทศ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) เมื่อวันที่ ๑
พฤษภาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ วิทยาเขตขอนแก่น ได้ขยายที่ทําการจาก วัดธาตุ ตําบลเมืองเก่า
อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มาต้ังอยู่ ณ เลขที่ ๓๐ หมู่ที่ ๑ ถนนขอนแก่น-นํ้าพอง ตําบลโคกสี
อาํ เภอเมอื ง จังหวดั ขอนแก่น๓๘
๓๘ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น, การจัดตั้งวิทยาเขตขอนแก่น,
[ออนไลน์], แหลง่ ที่มา: http://kk.mcu.ac.th/history.php [๑๖ กันยายน ๒๕๖๓].
๓๗
๒.๔.๒ ความสําคัญ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีภารกิจหลัก ๔ ประการ
คือ ผลิตบัณฑิต วิจัยและพัฒนา ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม และทะนุบํารุง
ศิลปวัฒนธรรม
๑. ดา้ นผลิตบัณฑิต ดําเนินการผลิตและพัฒนากาํ ลังคนใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของ
คณะสงฆ์และสังคมในการพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายชัดเจนท่ีจะพัฒนาคุณลักษณะของบัณฑิตที่พึง
ประสงค์คือ มีปฏิปทาน่าเล่ือมใส ใฝ่รู้ใฝ่คิด เป็นผู้นําด้านจิตใจและปัญญา มีความสามารถในการ
แก้ปัญหา มีศรัทธาอุทิศตนเพ่ือพระพุทธศาสนา รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม รู้เท่าทันความเปล่ียนแปลง
ทางสังคม มีโลกทศั นท์ ่ีกว้างไกล มีศักยภาพท่ีจะพัฒนาตนเองให้เพยี บพรอ้ มดว้ ยคุณธรรมและจรยิ ธรรม
๒. ด้านวิจัยและพัฒนา ดําเนินการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ให้
สามารถนาํ ไปใช้ในการผลิตให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อความสามารถในการพ่ึงตนเองและการ
แขง่ ขนั ในระดบั นานาชาติ
๓. ด้านการส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม ให้บริการวิชาการทาง
พระพุทธศาสนาแก่หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทั้งภาครฐั และเอกชนในดา้ นให้คําปรึกษาแนะนําด้านศาสนาและ
การพัฒนาสังคม รวมทั้งการฝึกอบรมและการพัฒนาจริยธรรมอันจะก่อให้เกิดสังคมที่เหมาะสมเพ่ือ
การพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมภมู ภิ าคและประเทศชาติ
๔. ด้านการทะนบุ ํารงุ ศิลปวฒั นธรรม อนรุ กั ษ์และฟื้นฟศู ิลปะและวัฒนธรรม อันเปน็ จารีต
ประเพณี รวมทั้งศิลปะบริสุทธิ์และศิลปประยุกต์ เพ่ือให้มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์รวมของชุมชน และ
แบบอย่างท่ดี ขี องสังคม๓๙
๒.๔.๓ สภาพการจัดการเรยี นการสอน
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีหลักสูตรระดับปริญญา
ตรี ซึ่งเปดิ สอน ๔ คณะ ๘ สาขา มีรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี
๑. หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มีนิสิตประจําปีการศึกษา
๒๕๖๓ รวมนสิ ิตท้ังหมด ๕ คน
๒. หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา มีนิสิตประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓ รวม
นสิ ติ ทัง้ หมด ๓ คน
๓. หลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มีนิสิตประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓
รวมนิสติ ทง้ั หมด ๑๘ คน
๔. หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มีนิสิตประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓
รวมนิสติ ทั้งหมด ๑๐๗ คน
๓๙ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น, พันธกิจของมหาวิทยาลัย ,
[ออนไลน์], แหล่งท่มี า: http://kk.mcu.ac.th/vision.php [๑๖ กันยายน ๒๕๖๓].
๓๘
๕. หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มีนิสิตประจําปีการศึกษา
๒๕๖๓ รวมนิสิตทงั้ หมด ๑๑๘ คน
๖. หลกั สตู รรัฐศาสตรบณั ฑติ มีนิสติ ประจาํ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ รวมนิสติ ทงั้ หมด ๗๓ คน
๗. หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต มีนิสิตประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓ รวมนิสิต
ทัง้ หมด ๒๖ คน
๘. หลกั สูตรนติ ิศาสตรบณั ฑติ นิสิตประจาํ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ รวมนสิ ิตทงั้ หมด ๒๗ คน
ดังน้ัน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีนิสิตเข้าศึกษาใน
ปีการศึกษา ๒๕๖๓ จํานวน นิสิตคฤหัสถ์ชาย ๑๗๕ คน นิสิตคฤหัสถ์หญิง ๒๐๒ คน รวมท้ังสิน ๓๗๗
คน๔๐
๒.๔.๔ กิจกรรมทางการเมืองของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ได้ดําเนินกิจกรรมทาง
การเมือง ดงั นี้
๑. นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น คณะพุทธศาสตร
บัณฑิต คณะครุศาสตรบัณฑิต คณะสังคมศาสตรบัณฑิต กว่า ๓๐ รูปหรือคน ย่ืนหนังสือให้ยุบ
คณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา โดยย่ืนข้อเรียกร้องไปถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี ๔ ข้อ คอื
(๑) ให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการ
พระพุทธศาสนาชุดปัจจบุ นั (คณะของนายไพบลู ย์ นติ ติ ะวนั )
(๒) ให้พระสงฆ์เป็นผู้นําพาประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันมีบทบาทปฏิรูปแก้ปัญหา
พระพุทธศาสนาทัง้ ระบบ
(๓) ให้หยุดคุกคามมหาเถรสมาคมอันเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของพระสงฆ์และ
พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย
(๔) ให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองอุปถัมภบ์ ํารงุ พระพทุ ธศาสนาด้วยความเปน็ สมั มาทฏิ ฐ๔ิ ๑
๒. ได้มีแถลงการณ์จากสภานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙ เร่ืองขอสนับสนุนและแสดงจุดยืนร่วมกับองค์กรพิทักษ์
พระพุทธศาสนาภาคใต้ และประกาศลงอุกเขปนียกรรมแก่ พระพุทธอิสระ (พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม) ซ่ึง
เป็นผู้ว่ายาก สอนยาก แก้ยาก มีพฤติกรรมยุสงฆ์ให้แตกแยก ประจบสอพอฆราวาส ยอมให้ฆราวาส
๔๐ สาํ นักวิชาการ วิทยาเขตขอนแก่น. ฝ่ายทะเบียนและวัดผล สํานักวิชาการ วิทยาเขตขอนแก่น. สถิติ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา ๒๕๖๓. (๑๐ กรกฎาคม
๒๕๖๓).
๔๑ Mgronline, พระ มจร.ขอนแก่นจี้ยุบคณะ กก.ปฏิรูปพระพุทธศาสนา, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา:
https://mgronline.com/local/detail/9580000025345 [๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓].
๓๙
ช้ีนําบงการทําลาย ให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาเป็นกิจกรรมการแสดงออกทางการเมือง๔๒
และสโมสรนิสิตคฤหัส มจร. วิทยาเขตขอนแก่น ออกแถลงการณ์ขอให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูป
แนวทางและมาตรการปกปอ้ งพทิ ักษก์ ิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏริ ูปแห่งชาติ (สปช.) วา่ สโมสรนสิ ิต
คฤหสั ถ์ขอให้ พล.อ.ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา นายกรฐั มนตรี ยกเลกิ คณะกรรมการปฏิรูปฯ ซึ่งสโมสรนสิ ิต
คฤหัสถ์ออกมาคร้ังน้ีเพื่อปกป้องและพิทักษ์ไว้ซ่ึงพระพุทธศาสนา และถ้านายกฯ ไม่ยกเลิก
คณะกรรมการปฏิรูปฯ ชุดน้ี สโมสรนิสิตคฤหัสถ์ในฐานะพุทธศาสนิกชนจะออกไปรวมตัวกันเพื่อ
แสดงออกถึงการปกป้องพระพุทธศาสนาเบื้องต้นสโมสรนิสิตคฤหัสถ์ วิทยาเขตขอนแก่นจะยื่นข้อ
เรียกรอ้ งใหก้ ับรองอธิการบดี มจร. วิทยาเขตขอนแก่นและผวู้ ่าราชการจังหวัดขอนแก่น๔๓
๓. ได้มีการจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการในหัวข้อ “การเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๖๐”
บรรยายโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ในขณะน้ัน ซ่ึงจัดร่วมกับหลักสูตร
รัฐศาสตรมหาบัณฑิต ในวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๖๒ ที่ห้องประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ จงั หวดั ขอนแกน่ ๔๔
๔. เม่อื วนั พธุ ท่ี ๒๖ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ทผ่ี ่านมาคณะอนกุ รรมการการเลอื กตงั้ นายก
องค์กรบริหารนิสิตและนายกสโมสรนิสิต ประจําปีการศึกษา ๒๕๖๓ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ได้ดําเนินจัดการเลือกต้ังนายกองค์กรบริหารนิสิต ณ หน่วยเลือกต้ัง
ห้องประชุมใหญ่ อาคาร ๘๐ ปี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น นิสิต
เข้าร่วมกิจกรรมการเลือกต้ังนายกองค์กรบริหารนิสิตในระดับปริญญาตรี มี ๑. คณะครุศาสตร์
สาขาวิชาการสอนภาษาไทย สาขาวิชาสังคมศึกษา ๓. คณะพุทธศาสตร์ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
สาขาวิชาปรัชญา ๕. คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ๖. คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชา
รฐั ศาสตร์ สาขาวชิ ารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวชิ านติ ศิ าสตร๔์ ๕
๒.๕ งานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง
การวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยต่าง ๆ ที่
เกยี่ วขอ้ งกบั เร่ืองทผ่ี ู้วิจัยได้ทําการวจิ ยั ดังต่อไปนี้
๔๒ แถลงการณ์, ขอสนับสนุนและแสดงจุดยืนร่วมกับองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาภาคใต้ และ
ประกาศลงอุกเขปนียกรรมแก่ พระพุทธอิสระ (พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม), สภานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่ , ณ วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙ (๒๗ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓).
๔๓ Mgronline, แยกย่อย เครือข่ายสงฆ์ มาจากไหน? รุกหนัก จ้ีรัฐ-สปช.ยุบคณะปฏิรูปฯ
พระพุทธศาสนา, [ออนไลน์], แหล่งท่ีมา: https://mgronline.com/politics/detail/9580000024595 สืบค้น
เม่ือ (๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓).
๔๔ The Buddh, ‘ปิยบุตร’ เทศน์กัณฑ์ ‘อริยสัจ ๔’ ช้ีรธน.๖๐ คือ’สมุทัย’ทําคนไทยทุกข์,
[ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://thebuddh.com/?p=43619 [๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓].
๔๕ คณะอนุกรรมการการเลือกต้ังนายกองค์กรบริหารนิสิตและนายกสโมสร. “ผลการเลือกตั้งนายก
องคก์ รบรหิ ารนสิ ติ ประจําปกี ารศึกษา ๒๕๖๓”. บนั ทกึ ขอ้ ความ. ที่ อกต. ๐๐๒/๒๕๖๓. [๒๗ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓].
๔๐
๒.๕.๑ งานวิจยั เกีย่ วกบั การมีสว่ นร่วมทางการเมือง
ผ้วู จิ ัยได้ศกึ ษางานวิจยั เก่ยี วกบั การมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง ดังน้ี
บุญบา เขียวดี ได้ทําการวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา : ศึกษา
กรณี นักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี” ผลการวิจัยพบว่า ๑)
ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย
อุบลราชธานี ในภาพรวม พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายละเอียดในแต่ละด้าน
พบว่า ด้านความสนใจทางการเมือง พบว่า นักศึกษามีความสนใจทางการเมืองอยู่ในระดับมาก
ดา้ นการไปใช้สิทธเ์ิ ลือกตั้ง พบวา่ นกั ศึกษามีส่วนรว่ มทางการเมอื ง โดยการใช้สทิ ธิเลือกตง้ั อยู่ในระดับ
มากท่ีสุด ด้านการเชิญชวนให้ผู้อื่นเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่า นักศึกษามีการเชิญชวนให้
ผู้อ่ืนออกไปใช้สิทธ์ิเลือกต้ัง อยู่ในระดับมาก ด้านการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง พบว่า นักศึกษา
เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอยู่ในระดับน้อย ๒) ผลการวิเคราะห์ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการเข้า
มามีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พบว่า ปัจจยั ที่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา ได้แก่ ปัจจัยด้านอายุ ชั้นปี
ที่ศึกษา ความสนใจข่าวสารทางการเมือง การกล่อมเกลาทางการเมืองโดยผ่านการเรียนวิชาการเมือง
การปกครอง ผ่านการอบรมหลกั สตู รท่ีเกย่ี วข้องกบั การเมืองการปกครอง การร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
กับการเมือง การเข้าร่วมกิจกรรมความเคล่ือนไหวทางด้านการเมืองการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความ
คิดเห็นทางการเมืองและการไปใช้สิทธิ์เลือกต้ัง ขณะที่ปัจจัยด้าน เพศ สาขาวิชา การเป็นสมาชิก
สโมสรหรือชุมชนต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย และเหตุผลของการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่มีความสัมพันธ์กับ
การมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองของนักศกึ ษา ซึ่งสอดคลอ้ งกบั การวเิ คราะห์ข้อมลู เชิงคุณภาพ๔๖
สําราญ วิเศษ ได้ทําการวิจัยเรื่อง “กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา
ระดับปริญญาตรี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
นครพนม” ผลการวิจัยพบว่า ๑) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับปาน
กลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองอยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน โดย
เรียงลําดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการแสดงความคิดเห็น รองลงมาได้แก่ ด้านข้อมูลข่าสาร ด้าน
การประเมินผล และด้านการตัดสินใจตามลําดับ ๒) การเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
นักศึกษา พบว่า นักศึกษา ท่ีมีเพศ ช้ันปีท่ีกําลังศกึ ษาและระบบการเรียนแตกต่างกัน พบว่า นักศึกษา
ท่ีมีเพศ ช้ันปีที่กําลังศึกษาและระบบการเรียนแตกต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมืองแตกต่างกันอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๓) ควรมีสื่อที่ทันสมัยในการให้ข้อมูลข่าวสารทางการเมือง ควร
นําเสนอข้อมูลทางวิทยุ โทรทัศน์ และโปสเตอร์ เสนอข่าวสารให้มีความหลากหลาย ควรมีการ
๔๖ บุญบา เขียวดี, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา : ศึกษากรณี นักศึกษาระดับปริญญาตรี
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการปกครอง,
(บณั ฑติ วทิ ยาลัย: มหาวิทยาลยั อุบลราชธาน,ี ๒๕๕๒).
๔๑
ประเมินผลทางการเมืองตามสภาพความเป็นจริงท่ีเกิดข้ึนในแต่ละเขตการเลือกต้ัง ควรมีการเผยแพร่
ข้อมลู ดา้ นการเมอื งมากกวา่ น้ี๔๗
สมพร เฟื่องจันทร์ ได้ทําการวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิต
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ผลการวิจัยพบว่า ๑) ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของ
นิสิตในด้านการศึกษา สังคม และครอบครัวอยู่ในระดับปานกลาง ๒) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
นิสิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอยู่ในระดับปานกลาง ท้ังด้านการรับรู้ข่าวสาร
การกลอ่ มเกลาทางการเมืองและการมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง๔๘
ยุทธพงษ์ เขื่อนแก้ว ได้ทําการวิจัยเรื่อง “ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์” ผลการวิจัยพบว่า ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัย
กาฬสินธุ์ อยู่ระดับปานกลาง การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาอยู่ระดับปานกลาง ผลการ
ทดสอบสมมตฐิ านพบวา่ นกั ศกึ ษาท่ีมเี พศและคณะต่างกนั มีความรคู้ วามเขา้ ใจทางการเมอื งเหมอื นกัน
แต่นักศึกษาที่ช้ันปีและมีผลคะแนนเฉลี่ยสะสม (GPA) ต่างกันมีความเข้าใจทางการเมืองแตกต่างกัน
และนักศึกษาท่ีเรียนต่างชั้นปีมีส่วนร่วมทางการเมืองเหมือนกัน แต่นักศึกษาที่มีเพศ คณะ ผลคะแนน
เฉล่ียสะสม (GPA) ต่างกัน มีส่วนรวมทางการเมืองแตกต่างกัน แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเริ่ม
จากการปลกู ฝั่งจิตสาํ นึกเยาวชนสู่ความเป็นพลเมอื งตามวถิ ีประชาธปิ ไตย๔๙
ชนาธิป ธนรัช และภัครดา สายอรุณ ได้ทําการวิจัยเรื่อง “ปัจจัยท่ีมีผลต่อการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน”
ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิทยาเขตกําแพงแสน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X̅=๓.๒๖๙ S.D.= .๘๖๙) ผลการทดสอบ
สมมติฐานพบว่า ปัจจัยลักษณะพ้ืนฐาน คือ ชั้นปีที่กําลังศึกษา และคณะที่กําลังศึกษา มีผลต่อการมี
ส่วนรว่ มทางการเมืองโดยภาพรวมอย่างมีนัยสําคัญ ในแต่ละด้านพบว่า ปัจจัยชั้นปีท่ีกําลังศึกษา มีผล
ต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ด้านการมีส่วนร่วมในระดับภายนอกมหาวิทยาลัยอย่างมีนัยสําคัญ
และพบว่า ปัจจัยคณะที่กําลังศึกษา มีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้านการมีส่วนร่วมในระดับ
๔๗ สําราญ วิเศษ, “กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชารัฐ
ประศาสนศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม”, วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม,
ปีที่ ๒ ฉบับท่ี ๑ (มกราคม – เมษายน ๒๕๕๕): ๕.
๔๘ สมพร เฟ่ืองจันทร์, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ
เจ้าพระยา”, วารสารสารสนเทศ, ปที ่ี ๑๔ ฉบบั ท่ี ๒ (กรกฎาคม – ธนั วาคม ๒๕๕๘): ๙๗.
๔๙ ยุทธพงษ์ เข่ือนแก้ว, “ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยกาฬสินธ์ุ”,
วารสารวิชาการแพรวากาฬสนิ ธ์ุ มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ, ปีที่ ๓ ฉบับท่ี ๒ (พฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๕๙): ๘๙.
๔๒
ภายในมหาวิทยาลัยอย่างมีนัยสําคัญ ในขณะท่ีความรู้ทางการเมือง ไม่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วน
รว่ มทางการเมืองในภาพรวมและรายด้านทั้ง ๒ ด้าน อย่างมนี ยั สาํ คญั ๕๐
เทิดศักดิ์ ยอแสงรัตน์ และวราภรณ์ เทพสัมฤทธ์ิพร ได้ทําการวิจัยเร่ือง “ทัศนคติการมี
ส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต” ผลการวิจัยพบว่า ๑.ผู้ตอบ
แบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จํานวน ๑๙๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๗ มีอายุระหว่าง ๑๘-๒๐
ปี จํานวน ๒๔๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๖ มีระดับการศึกษาในช้ันปีท่ี ๔ จํานวน ๑๒๐ คน คิดเป็น
ร้อยละ ๓๒.๐ ศึกษาในวิทยาลัยการท่องเที่ยวนานาชาติ จํานวน ๑๕๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๘
๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทัศนคติต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ
ภูเก็ตโดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วย เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความรู้ ความเข้าใจ
มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ด้านพฤติกรรม และ ด้านอารมณ์ ความรู้สึก มีค่าเฉลี่ยตํ่าสุด ๓. ผลการ
วิเคราะห์ข้อมูลระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตโดยรวม
อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการเลือกตั้ง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา
ด้านการเป็นผู้มีบทบาทในชุมชน และด้านการเป็นเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองและผู้รณรงค์หาเสียง
เลือกตั้ง มีค่าเฉลี่ยต่ําสุด ผลการวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการมีส่วนร่วมทางการ
เมือง ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นรายด้านมีดังนี้ ๑) ด้านการเลือกต้ัง คือ บ้านอยู่
ต่างจังหวัด บัญชีรายช่ือตกหล่น มีหน่วยเลือกตั้งไม่เพียงพอต่อจํานวนประชาชน มีการซื้อสิทธิ์ขาย
เสียง ระยะเวลาการเลือกตั้งนอกเขตมีน้อย อยู่ในช่วงเรียนหรือสอบไม่สามารถไปเลือกต้ังได้ ไม่รู้จักผู้
ลงสมัคร ๒) ด้านการเป็นเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองและผู้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง บางครั้งให้ข้อมูลไม่
ชัดเจนทําให้ขาดความน่าเชื่อถือ ๓) ด้านการเป็นผู้มีบทบาทในชุมชนคือไม่วางตัวเป็นกลาง ๔) ด้าน
การติดต่อกับทางราชการมีความล่าช้า ไม่ย้ิมแย้ม ๕) ด้านการเปน็ ผู้ประท้วง คอื มกี ารรบั จ้างประท้วง
๖) ด้านการเป็นผสู้ ่ือข่าวสารทางการเมือง คือ สื่อสารความคิดเห็นไม่ตรงกัน ผลการสรุปข้อเสนอแนะ
ในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นรายด้าน มีดังน้ี ๑) ด้าน
การเลือกต้ัง คือ การเพิ่มหน่วยการเลือกตั้ง ให้เพียงพอในทุก ๆ เขตรณรงค์ต่อต้านการซ้ือสิทธิขาย
เสียง ควรจัดให้มีการเลือกตั้งแบบอัตโนมัติ ๒) ด้านการเป็นเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองและผู้รณรงค์หา
เสียงเลือกตั้ง คือ ควรให้ข้อมูลอย่างชัดเจน ๓) ด้านการเป็นผู้มีบทบาทในชุมชน คือควรเป็นกลาง
สรา้ งความน่าเชื่อถือ ๔) ด้านการติดต่อกบั ทางราชการ คือยมิ้ แย้มและให้การต้อนรบั ท่ีเปน็ มิตร มีการ
ประเมินความพึงพอใจเพื่อแก้ปัญหา ๕) ในการเป็นผู้ประท้วง คือ ควรวางตัวเป็นกลาง ๖) ด้านการ
เปน็ ผู้สอ่ื ข่าวสารทางการเมือง คอื ควรรับฟงั ขา่ วสารใหถ้ ูกตอ้ งก่อนนาํ ไปประชาสัมพันธ๕์ ๑
๕๐ ชนาธิป ธนรัช และภัครดา สายอรุณ, “ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน”, วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ปีท่ี ๒๘
ฉบับที่ ๒ (พฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๖๐): ๑๐๗.
๕๑ เทิดศักดิ์ ยอแสงรัตน์ และวราภรณ์ เทพสัมฤทธิ์พร, “ทัศนคติการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต”, วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, ปีท่ี ๑๓ ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม –
ธันวาคม ๒๕๖๐): ๓๗-๓๘.
๔๓
เปรมศักด์ิ แก้วมรกฎ ได้ทําการวิจัยเรื่อง “วัฒนธรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
วัยรุ่นในสังคมพหุวัฒนธรรม : กรณีศึกษา อําเภอเทพา จังหวัดสงขลา” ผลการวิจัยพบว่า ด้าน
ลักษณะการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของวัยรุ่นจะเป็นไปในรูปแบบของการพูดคุยเร่ืองการเมือง
แต่ที่เป็นหลัก คือ การไปเลือกตั้งโดยส่วนใหญ่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพราะเห็นว่าเป็นหน้าท่ีท่ีสําคัญ ด้าน
ลักษณะการมีส่วนร่วมทางการเมอื งทวี่ ัยรุ่นพึงประสงค์ ได้แก่ ๑) ตอ้ งการพนื้ ท่ีเพอื่ ใช้ในการแสดงออก
ทางการเมือง ๒) การเลือกตั้ง ๓) มีส่วนร่วมในการเลือกผู้ปกครองระดับท้องถ่ินด้วยตนเอง แนว
ทางการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของวัยรุ่น ได้แก่ ๑) ครอบครัว ปลูกฝังจิตสํานึก
การเมือง ๒) โรงเรียน ให้ความรู้เกี่ยวกับการเมือง ๓) ชุมชน ต้องสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองข้ึนมา
๔) ศาสนา ต้องปลูกฝังเร่ืองความดีหรือสิ่งที่ควรประพฤติ ๕) หน่วยงานทางการปกครองมีส่วนสําคัญ
เพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ปัญหาและอุปสรรคสําคัญในการมีส่วนร่วมทางการเมือง
ของวัยรุ่น ได้แก่ ๑) การศึกษา ที่ยังไม่ท่ัวถึงโดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ห่างไกล ๒) วัยรุ่นติดยาเสพติดจน
ทําตัวนิ่งเฉยเร่ืองบ้านเมือง ๓) สภาพเศรษฐกิจครอบครัว รายได้ไม่พอเล้ียงชีพทําให้วัยรุ่นสนใจแต่
เร่ืองปากท้องและทํางาน ๔) การพนันฟุตบอลแพร่หลาย ๕) เกรงกลัวอันตราย จนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
เก่ยี วกบั กจิ กรรมต่าง ๆ ทางการเมือง เพราะกลัวจะตกเปน็ เปา้ หมายของฝา่ ยตรงข้าม๕๒
ภาควัฒ ปล้องสุวรรณ และวรพันธ์ ทองหมัน ได้ทําการวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วม
ทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์
การศึกษาสุราษฎร์ธานี” ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัย
มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานีโดยรวม พบว่า อยู่ใน
ระดับปานกลาง จําแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพและรายได้ต่อเดือน เมื่อพิจารณาเป็น
รายด้าน พบว่า ด้านการไปใช้สิทธิ์เลือกต้ังมีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมาด้านการแสดงความคิดเห็น
ทางการเมืองและด้านการติดตามผลทางการเมืองมีค่าเฉลี่ยตํ่าสุด ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์
การศึกษาสุราษฎร์ธานีโดยรวม จําแนกตามเพศ อายุ ระดับชั้นปีที่ศึกษาไม่แตกต่างกันอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ส่วนอาชีพ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๑ และ
รายได้ต่อเดือนแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๐๑ ข้อเสนอแนะเก่ียวกับปัญหาและ
แนวทางแก้ไขปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานี ปัญหาคือ นักศึกษาส่วนมากไม่ค่อยต่ืนตัวทาง
การเมือง เพราะบางคร้ังเกิดความเบ่ือหน่ายการเมืองไทย คือ หน่วยงานของรัฐและสถาบันการศึกษา
๕๒ เปรมศักดิ์ แก้วมรกฎ, “วัฒนธรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของวัยรุ่นในสังคมพหุวัฒนธรรม :
กรณีศึกษา อําเภอเทพา จังหวัดสงขลา”, วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี, ปีท่ี ๑๒ ฉบับพิเศษ (ตุลาคม
๒๕๖๑): ๒๑๗.
๔๔
ควรส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ของประเทศและนโยบายของรัฐบาล เพ่ือพัฒนา
วฒั นธรรมทางการเมืองให้ดีขน้ึ ซ่งึ จะทาํ ให้นกั ศึกษามีสว่ นร่วมทางการเมืองมากขึ้นตอ่ ไป๕๓
พิสิฐพงศ์ สีดาว และจักรวาล สุขไมตรี ได้ทําการวิจัยเร่ือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง
ของนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร ผลการวิจัยพบว่า ๑) การมีส่วนร่วมทางการเมือง
ของนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร โดยรวม ทั้ง ๔ ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง
เมื่อพิจารณารายด้านโดยเรียงลําดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการลงคะแนนเสียง
เลือกตั้ง มีค่าเฉลี่ย ๓.๓๔ ดา้ นการติดตามข่าวสารทางการเมือง มีค่าเฉลย่ี ๓.๑๘ ด้านการรณรงค์ทาง
การเมือง มีค่าเฉลี่ย ๒.๗๙ และด้านการชุมนุมทางการเมือง มีค่าเฉล่ีย ๒.๕๔ ตามลําดับ ๒) ผลการ
เปรยี บเทียบการมสี ่วนร่วมทางการเมอื งของนักศกึ ษาสงั กดั อาชีวศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร ทมี่ ปี ระเภท
วิชา และ ระดับชั้นปีต่างกัน มีส่วนร่วมทางการเมือง โดยรวมทั้ง ๔ ด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญ
ทางสถิติท่ีระดับ .๐๕ ส่วนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีเพศและอายุต่างกัน
มีส่วนร่วมทางการเมืองโดยรวมทั้ง ๔ ด้าน ไม่แตกต่างกัน ๓) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริม
การมีส่วนรว่ มทางการเมืองของนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา จังหวดั สมุทรสาคร พบว่า ด้านการติดตาม
ข่าวสารทางการเมือง ควรติดตามข่าวสารทางการเมืองในส่วนของข้อมูลท่ีมีความสําคัญ และมาจาก
แหล่งข้อมูลท่ีเช่ือถือได้ ด้านการรณรงค์ทางการเมือง ทุกคนควรเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ทาง
การเมืองเพราะการรณรงค์ทางการเมืองเป็นกิจกรรมขับเคล่ือนการปกครองในระบอบประปาธิปไตย
ด้านการร่วมชุมนุมทางการเมือง ควรเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์โดย
จะต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดและไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ด้านการลงคะแนนเลือกตั้ง ควรใช้
สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งทุกคร้ังที่สามารถกระทําได้ และควรให้ความสําคัญกับการเลือกต้ังในทุกระดับ
เพื่อแสดงให้เห็นว่านักศึกษาเป็นผู้รู้หน้าท่ีและรักษาสิทธิที่ตนเองมีตามวิถีทางการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย๕๔
๒.๕.๒ งานวิจัยเก่ียวกับกิจกรรมทางการเมือง
ผวู้ จิ ัยไดศ้ ึกษางานวิจยั เกยี่ วกบั กิจกรรมทางการเมอื ง ดังนี้
สุวิมล แซ่กอง ได้ทําการวิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ
ยะลาในกิจกรรมส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย” ผลการศึกษาพบว่า โดยภาพรวมการมีส่วนร่วมของ
นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาในกิจกรรมส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย อยู่ในระดับปานกลาง
และการเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ผล
การศึกษาพบว่า ปัจจัยเพศ ปัจจัยสังกัดคณะ ปัจจัยผลการศึกษาของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา
๕๓ ภาควัฒ ปล้องสุวรรณ และวรพันธ์ ทองหมัน, “การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตธรรมาโศกราช ศูนย์การศึกษาสุราษฎร์ธานี”, วารสาร มจร อุบล
ปริทรรศน,์ ปีท่ี ๕ ฉบบั ท่ี ๑ (มกราคม – เมษายน ๒๕๖๓): ๓๘-๓๙.
๕๔ พิสิฐพงศ์ สดี าว และจกั รวาล สุขไมตรี, “การมีส่วนร่วมทางการเมอื งของนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา
จงั หวดั สมุทรสาคร”, วารสาร มจร วชิ าการลา้ นนา, ป่ที ่ี ๙ ฉบบั ที ี่ ๑ (มกราคม – มถิ นุ ายน ๒๕๖๓): ๑.
๔๕
ปัจจัยการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมท่ีส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยของนักศึกษา ปัจจัยการเข้าร่วม
กิจกรรมทางการเมืองในมหาวิทยาลัย และปัจจัยการเรียน ในวิชาท่ีเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยส่งผล
ต่อการเขา้ มามีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมท่สี ่งเสรมิ ระบอบประชาธปิ ไตย๕๕
๒.๕.๓ งานวิจยั เก่ยี วกบั หลักสาราณยี ธรรม
ผู้วิจยั ไดศ้ กึ ษางานวจิ ยั เกีย่ วกบั หลกั สาราณยี ธรรม ดังนี้
พระมหาศุภกิจ สุดสังข์ ได้ทําการวิจัยเรื่อง “หลักธรรมที่มีผลต่อความขัดแย้งทาง
การเมืองของประชาชนในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา” ผลการวิจัยพบว่า (๑)
ระดับหลักธรรมที่มีผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองของประชาชนในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จงั หวัดฉะเชงิ เทรา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงอันดบั จากมากไปหานอ้ ย ได้ดงั นี้ คือ
ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านวจีกรรม ด้านที่มีค่าเฉล่ียน้อยท่ีสุด คือ ด้านสีลสามัญญตา (๒) ระดับ
ขัดแย้งทางการเมืองของประชาชนในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยภาพรวมมี
ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาด้านที่มีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด คือ ด้านการร่วมมือร่วมใจ รองลงมา
คือ ด้านการปรองดอง และด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการต่อสู่ (๓) ปัจจัยด้านหลักธรรมที่มี
ผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองของประชาชนในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
พบว่า หลักธรรมท่ีมีผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองของประชาชนในเขตอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ประกอบดว้ ย สลี สามัญญตา วจกี รรม และกายกรรม๕๖
สรุปได้ว่า จากการศึกษางานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง พบว่ามนี ักวจิ ัยได้กล่าวถงึ ประเดน็ สําคญั คือ
(๑) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา (๒) กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา
(๓) การมีสว่ นร่วมทางการเมืองของนิสติ (๔) ความรู้ความเขา้ ใจทางการเมืองของนักศกึ ษา (๕) ปัจจัย
ที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของนิสิตระดับปริญญาตรี (๖) ทัศนคติการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ
นกั ศึกษา (๗) การมสี ว่ นรว่ มของนกั ศึกษาในกิจกรรมส่งเสรมิ ระบอบประชาธปิ ไตย (๘) วัฒนธรรมการ
มสี ่วนร่วมทางการเมืองของวยั รุ่นในสังคมพหุวัฒนธรรม (๙) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (๑๐) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา
(๑๑) หลักธรรมทมี่ ีผลต่อความขดั แย้งทางการเมือง แตย่ งั ไมม่ ีการศกึ ษาในประเดน็ “การมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี” หากยังไม่มีการทําวิจัยในประเด็นดังกล่าวอาจขาด
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการ
เมอื ง และไมม่ ีแนวทางในการสง่ เสริมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื ง
๕๕ สุวิมล แซ่กอง, “การมีส่วนร่วมของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาในกิจกรรมส่งเสริมระบอบ
ประชาธิปไตย”, วารสารมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา, ปีที่ ๑๓ ฉบบั ที่ ๑ (มกราคม – เมษายน ๒๕๖๑): ๖๑.
๕๖ พระมหาศุภกจิ สุดสงั ข,์ “หลักธรรมทีม่ ีผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองของประชาชนในเขตอําเภอ
เมอื งฉะเชิงเทรา จังหวดั ฉะเชิงเทรา” วิทยานิพนธ์รฐั ประศาสนศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชารฐั ประศาสนศาสตร์,
(บัณฑติ วทิ ยาลัย: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราชนครินทร์, ๒๕๖๑).
๔๖
ดังนั้น ผู้วิจัยจึงเห็นประเด็นสําคัญในการกําหนดกรอบแนวคิดในการทําวิจัยที่เด่นชัด คือ
การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ๔ ด้าน โดยการสังเคราะห์ คือ ๑) ด้านการเลือกตั้ง
๒) ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง ๓) ด้านการแลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการเมือง ๔) ด้าน
การเสริมสรา้ งวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย
ตารางท่ี ๒.๔ สรปุ งานวิจยั ท่เี ก่ยี วข้อง
นักวชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มลู สรุปแนวคิด
บญุ บา เขยี วดี (๒๕๕๒, บทคดั ยอ่ ) ผลการวิจยั พบวา่ ระดบั การมีส่วนร่วมทางการ
เมืองของนักศกึ ษาระดับปริญญาตรี คณะ
รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี ในภาพรวม
พบวา่ มคี า่ เฉลยี่ อยู่ในระดับมาก
สาํ ราญ วิเศษ (๒๕๕๕, หน้า ๕) ผลการวจิ ัยพบวา่ การมสี ่วนรว่ มทางการเมืองของ
นกั ศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
สมพร เฟ่อื งจันทร์ (๒๕๕๘, หน้า ๙๗) ผลการวิจยั พบว่า การมสี ่วนรว่ มทางการเมืองของ
นิสิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอยู่
ในระดบั ปานกลาง ท้ังด้านการรบั รู้ข่าวสาร การ
กลอ่ มเกลาทางการเมอื งและการมสี ่วนรว่ ม
ทางการเมอื ง
ยุทธพงษ์ เขอื่ นแกว้ (๒๕๕๙, หน้า ๘๙) ผลการวิจัยพบว่า ความรูค้ วามเข้าใจทางการเมือง
ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั กาฬสนิ ธ์ุ อยู่ระดบั ปาน
กลาง การมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองของนกั ศึกษาอยู่
ระดบั ปานกลาง
ชนาธปิ ธนรชั และภัครดา สายอรุณ (๒๕๖๐, ผลการวจิ ยั พบว่า การมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองของ
หน้า ๑๐๗) นิสติ ระดับปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วิทยาเขตกําแพงแสน โดยภาพรวมอยู่ในระดบั
ปานกลาง
เทิดศักด์ิ ยอแสงรัตน์ และวราภรณ์ เทพ ผลการวจิ ยั พบว่า ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ทัศนคติ
สมั ฤทธ์ิพร (๒๕๖๐, หนา้ ๓๗-๓๘) ตอ่ การมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งของนักศกึ ษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏภเู กต็ โดยภาพรวมอยู่ในระดบั
เห็นด้วย เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายด้าน พบว่า ด้าน
ความรู้ ความเขา้ ใจ มคี า่ เฉลย่ี สงู สุด รองลงมา
ดา้ นพฤตกิ รรม และ ด้านอารมณ์ ความรสู้ กึ มี
คา่ เฉล่ียต่ําสุด
เปรมศักดิ์ แก้วมรกฎ (๒๕๖๑ หนา้ ๒๑๗) ผลการวจิ ยั พบวา่ แนวทางการเสริมสรา้ งการมี
สว่ นร่วมทางการเมอื งของวยั รุน่ ไดแ้ ก่
(๑) ครอบครวั ปลกู ฝงั จิตสาํ นึกการเมอื ง
๔๗
นักวชิ าการหรอื แหล่งขอ้ มูล สรุปแนวคิด
(๒) โรงเรียน ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับการเมอื ง
(๓) ชุมชน ต้องสร้างวฒั นธรรมทางการเมืองขึ้นมา
(๔) ศาสนา ตอ้ งปลูกฝงั เรอื่ งความดหี รอื สง่ิ ที่ควร
ประพฤติ (๕) หน่วยงานทางการปกครองมีส่วน
สําคัญ เพราะเปน็ หนว่ ยงานทรี่ ับผดิ ชอบโดยตรง
ภาควฒั ปลอ้ งสวุ รรณ และวรพนั ธ์ ทองหมัน ผลการวิจยั พบวา่ การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งของ
(๒๕๖๓ หน้า ๓๘-๓๙) นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลัย
วทิ ยาเขตธรรมาโศกราช ศูนยก์ ารศกึ ษาสุราษฎร์
ธานโี ดยรวม พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง
พสิ ฐิ พงศ์ สีดาว และจกั รวาล สุขไมตรี (๒๕๖๓ ผลการวิจัยพบว่า ๑) การมสี ว่ นรว่ มทางการเมือง
หนา้ ๑) ของนักศกึ ษาสงั กดั อาชีวศึกษาจงั หวดั สมุทรสาคร
โดยรวม ท้งั ๔ ด้าน อยู่ในระดบั ปานกลาง เม่อื
พจิ ารณารายด้านโดยเรียงลาํ ดับตามคา่ เฉล่ียจาก
มากไปหาน้อย ดังนี้ ดา้ นการลงคะแนนเสยี ง
เลอื กตัง้ มีคา่ เฉล่ีย ๓.๓๔ ดา้ นการตดิ ตามข่าวสาร
ทางการเมอื ง มคี า่ เฉล่ีย ๓.๑๘ ด้านการรณรงค์
ทางการเมอื ง มคี า่ เฉลยี่ ๒.๗๙ และด้านการชมุ นมุ
ทางการเมอื ง มคี า่ เฉลี่ย ๒.๕๔ ตามลาํ ดับ
สวุ มิ ล แซ่กอง (๒๕๖๑, หนา้ ๖๑) ผลการศกึ ษาพบวา่ โดยภาพรวมการมสี ว่ นรว่ ม
ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลาใน
กิจกรรมส่งเสรมิ ระบอบประชาธิปไตย อยใู่ นระดับ
ปานกลาง
พระมหาศุภกจิ สุดสงั ข์ (๒๕๖๑, บดคัดย่อ) ผลการวจิ ยั พบว่า ระดบั หลกั ธรรมทีม่ ีผลตอ่ ความ
ขดั แย้งทางการเมอื งของประชาชนในเขตอําเภอ
เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยภาพรวม
อยู่ในระดบั มากทุกด้าน โดยเรียงอันดับจากมาก
ไปหานอ้ ย ได้ดงั น้ี คือ ดา้ นทีม่ คี า่ เฉลยี่ สงู สดุ คือ
ดา้ นวจีกรรม ดา้ นท่มี คี า่ เฉลยี่ น้อยท่ีสุด คอื ดา้ น
สลี สามญั ญตา
๔๘
๒.๖ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั
งานวิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดและงานวิจัยที่
เกย่ี วขอ้ ง ผ้วู ิจัยนําแนวคิดของ เปรมศักด์ิ แก้วมรกฎ, พสิ ิษฐ์ วงศารตั น์ศิลป์ แล
ตัวแปรอิสระ ตวั แปรตาม
(Independent Variables) (Dependent Variables)
ขอ้ มูลทัว่ ไปของผู้ตอบ กิจกรรมทางการเมืองของนสิ ิตระดบั
แบบสอบถาม ไดแ้ ก่ ปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณ
- เพศ ราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
ใน ๔ ดา้ น ได้แก่
- อายุ ๑) ด้านการเลอื กตั้ง
๒) ดา้ นการติดตามข่าวสารทางการเมือง
- ช้ันปี ๓) ด้านการแลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการ
- สาขาวิชา เมอื ง
- เกรดเฉลยี่ ๔) ด้านการเสรมิ สร้างวัฒนธรรม
ประชาธิปไตย
หลักสาราณียธรรม ๖
- ดา้ นเมตตากายกรรม
- ดา้ นเมตตาวจีกรรม
- ด้านเมตตามโนกรรม
- ดา้ นสาธารณโภคี
- ด้านสลี สามญั ญตา
- ด้านทิฏฐิสามัญญตา
แผนภาพที่ ๒.๑ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย
บทที่ ๓
วิธีดาํ เนินการวจิ ยั
การวิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed
Methods Research) โดยผูว้ ิจัยไดก้ าํ หนดวิธีการดําเนินการวจิ ยั ตามลําดบั ดังนี้
๓.๑ รปู แบบการวิจัย
๓.๒ ประชากร กลมุ่ ตัวอย่าง และผใู้ หข้ ้อมูลสําคัญ
๓.๓ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมูล
๓.๕ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
๓.๑ รปู แบบการวจิ ัย
การวิจัยเร่ือง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed
Methods Research) โดยการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ
(Qualitative Research) โดยใช้การวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research) จากแบบสอบถาม
(Questionnaire) ประกอบการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสําคัญ (Key
Informant) จาํ นวน ๑๒ รปู หรอื คน
๓.๒ ประชากร กลุม่ ตวั อยา่ ง และผูใ้ ห้ข้อมลู สาํ คญั
๓.๒.๑ ประชากร และกลมุ่ ตวั อยา่ ง
๑) ประชากร (Population) ได้แก่ นิสิตคฤหัสถ์ระดับปริญญาตรีที่กําลังศึกษาอยู่ใน
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น จํานวน ๓๗๗ คน๑
๑ สํานักวิชาการ วิทยาเขตขอนแก่น. ฝ่ายทะเบียนและวัดผล สํานักวิชาการ วิทยาเขตขอนแก่น. สถิติ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา ๒๕๖๓. (๑๐ กรกฎาคม
๒๕๖๓).
๕๐
๒) กลุ่มตวั อย่าง
ข้ันที่ ๑ การคํานวณขนาดตัวอย่างท่ีเหมาะสมสําหรับใช้ในการวิจัย โดยใช้เทคนิควิธีการ
สุ่มตัวอย่างแบบ Krejcie and Morgan๒ โดยใช้สูตรจากตารางสําเร็จรูป ผู้วิจัยดูช่องตารางจํานวน
ประชากรที่ ๓๖๐-๓๗๙ คน จงึ ไดก้ ลมุ่ ตวั อย่างในการวจิ ัย จาํ นวน ๑๘๖ คน
ขั้นที่ ๒ ทําการสุ่มตัวอย่างแบบช้ันภูมิ (Stratified random sampling) โดยเลือกจาก
นิสิตตามสาขาวิชาท่ีกําลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ในแตล่ ะชั้นภูมจิ ะทําการสมุ่ ตัวอยา่ งแบบสัดสว่ น ดงั ต่อไปน้ี๓
ตารางที่ ๓.๑ แสดงที่มาของกลมุ่ ตัวอย่างแตล่ ะสาขา ตามสัดสว่ นของประชากร
ชัน้ ภูมิ ประชากรใน จาํ นวน สูตร ขนาดกลุ่มตวั อย่าง
ท่ี สาขาวิชา ประชากร n๑๘=๖n×1×N๕N1 (n)
๑ พระพุทธศาสนา ๓
๒ ปรชั ญา ๕ ๓๗๗ ๒
๓
๓ การสอนภาษาไทย ๑๘๖ ×๓ ๕๘
๔ การสอนสงั คม ๑๑๘ ๕๒
๑๐๗ ๓๗๗
๕ ภาษาอังกฤษ ๙
๑๘ ๑๘๖ ×๑๑๘
๖ รฐั ศาสตร์ ๓๖
๗ รัฐประศาสนศาสตร์ ๗๓ ๓๗๗ ๑๓
๒๖ ๑๘๖ ×๑๐๗
๘ นติ ิศาสตร์ ๑๓
รวม ๒๗ ๓๗๗ n = ๑๘๖
N =๓๗๗ ๑๘๖ ×๑๘
๓๗๗
๑๘๖ ×๗๓
๓๗๗
๑๘๖ ×๒๖
๓๗๗
๑๘๖ ×๒๗
๓๗๗
กลมุ่ ตัวอยา่ ง
๒ ปัญญา คล้ายเดช, ระเบียบวิจัยทางรัฐศาสตร์, พิมพ์คร้ังท่ี ๒, (ขอนแก่น: หจก.ขอนแก่นการพิมพ์,
๒๕๖๐), หน้า ๑๖๕.
๓ สุรพล พรมกุล, ระเบียบวิธีวิจัยทางรัฐศาสตร์, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์,
๒๕๕๔), หน้า ๗๙.
๕๑
(๒.๑) วิธีการสุ่มตัวอย่าง เลือกสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) เป็นการ
เลือกตัวอยา่ งโดยผูว้ ิจัยพยายามเก็บตัวอย่างเท่าท่ีจะทําได้ตามท่ีมีอย่หู รือได้รับความร่วมมอื ตัวอย่างที่
ได้จึงเป็นกรณีที่บังเอิญหรือยินดีให้ความร่วมมือหรืออยู่ในสถานท่ีหรือตกอยู่ในสภาวะดังกล่าวตาม
จํานวนทต่ี อ้ งการ
๓.๒.๒ ผ้ใู ห้ข้อมูลสาํ คญั
ผู้วิจัยทําการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลสําคัญจํานวน ๑๒ รูป
หรือคน ประกอบด้วย ดังนี้
๑. พระมหาดาวสยาม วชิรปญฺโญ, ผศ.ดร. ผู้อํานวยการวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
๒. พระมหาโยธิน โยธิโก, รศ.ดร. ผู้อํานวยการสํานักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
๓. ผศ.ดร.นิเทศ สนั่นนารี ผชู้ ่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
๔. อาจารย์ ดร.สุธิพงษ์ สวัสด์ิทา อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
๕. อาจารย์ ดร.สวาท ฮาดภักดี อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
๖. นายธนรฐั อดทน นกั วชิ าการศกึ ษา กลุ่มงานบรกิ ารการศึกษา
๗. นายพัฒนพงษ์ หนองน้าํ นายกสโมสรนสิ ติ มจร. ขอนแกน่
๘. นางสาวยุวดา สนแก้ว นสิ ติ มจร. ขอนแกน่
๙. นายรฐั ศาสตร์ โซ่เชยี งคาํ นิสิต มจร. ขอนแก่น
๑๐. นางสาวอรษิ า นามตะ นิสิต มจร. ขอนแกน่
๑๑. นางสาวกัญญาภร เมอื งเก่า นิสิต มจร. ขอนแกน่
๑๒. นางสาวอ้อมพร แก้วดี นิสติ มจร. ขอนแกน่
๓.๓ เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย
เครื่องมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั ประกอบดว้ ย
๓.๓.๑ แบบสอบถาม
การศึกษาวิจัยคร้ังน้ีใช้เคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม
(Questionnaire) โดยแบ่งแบบสอบถามออกเป็น ๓ ตอน
ตอนที่ ๑ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ซ่ึงถาม
เกีย่ วกบั เพศ, อาย,ุ ชนั้ ปี, สาขาวชิ า และเกรดเฉล่ยี
๕๒
ตอนท่ี ๒ สอบถามที่ถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยได้กําหนดให้ผู้ท่ีตอบ
แบบสอบถาม ทําเครื่องหมาย () ลงในช่องปริมาณความคิดเห็นที่ผู้ตอบเห็นว่าตรงกับตนเองเพียง
ระดับเดียวจาก ๕ ระดับ (Rating Scale)๔ ทั้ง ๔ ด้าน จํานวน ๒๔ ข้อ คอื
๑. ดา้ นการเลอื กตั้ง จํานวน ๑๕ ขอ้
๒. ด้านการตดิ ตามข่าวสารทางการเมอื ง จาํ นวน ๖ ข้อ
๓. ดา้ นการแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ทางการเมือง จาํ นวน ๖ ข้อ
๔. ดา้ นการเสริมสรา้ งวฒั นธรรมประชาธปิ ไตย จาํ นวน ๖ ขอ้
ตอนท่ี ๓ สอบถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
ของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยได้
กําหนดให้ผู้ท่ีตอบแบบสอบถาม ทําเคร่ืองหมาย () ลงในช่องปริมาณการปฏิบัติตนที่ผู้ตอบเห็นว่า
ตรงกับตนเองเพยี งระดับเดยี วจาก ๕ ระดบั (Rating Scale)๕ ท้ัง ๖ ดา้ น จาํ นวน ๓๐ ข้อ คือ
๑. ดา้ นเมตตากายกรรม จาํ นวน ๕ ขอ้
๒. ดา้ นเมตตาวจกี รรม จํานวน ๕ ขอ้
๓. ดา้ นเมตตามโนกรรม จํานวน ๕ ข้อ
๔. ดา้ นสาธารณโภคี จํานวน ๕ ขอ้
๕. ด้านสีลสามัญญตา จํานวน ๕ ขอ้
๖. ดา้ นทฏิ ฐสิ ามญั ญตา จํานวน ๕ ขอ้
โดยคําถามในตอนที่ ๒ และที่ ๓ มีลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า
(Likert Scale) ระดบั ดังนี้
มากท่ีสดุ ให้คะแนน ๕
มาก ให้คะแนน ๔
ปานกลาง ให้คะแนน ๓
น้อย ใหค้ ะแนน ๒
น้อยทส่ี ดุ ให้คะแนน ๑
การแปลผล
เกณฑท์ ีใ่ ช้แปรผลขอ้ คาํ ถามท่ไี ด้จากการประเมินผล ดังนี้
ชว่ งค่าเฉล่ยี การแปลผล
๔ เรือ่ งเดยี วกัน, หน้า ๒๑๗.
๕ เรือ่ งเดียวกนั , หน้า ๒๑๗.
๕๓
และแปลผลของค่าเฉล่ยี โดยใช้เกณฑ๖์ ดังนี้
คา่ เฉลย่ี ๔.๕๐ – ๕.๐๐ แปลผลว่า อยใู่ นระดับมากท่สี ุด
คา่ เฉล่ยี ๓.๕๐ – ๔.๔๙ แปลผลวา่ อยู่ในระดบั มาก
ค่าเฉล่ีย ๒.๕๐ – ๓.๔๙ แปลผลว่า อยู่ในระดบั ปานกลาง
ค่าเฉล่ยี ๑.๕๐ – ๒.๔๙ แปลผลวา่ อยใู่ นระดบั น้อย
ค่าเฉล่ยี ๑.๐๐ – ๑.๔๙ แปลผลว่า อยูใ่ นระดับน้อยทีส่ ุด
๓.๓.๒ การตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่อื งมือ
ในการหาคุณภาพเครอ่ื งมอื ผู้วจิ ัยไดด้ าํ เนนิ การตามข้นั ตอน ดังน้ี
๑. ขอคําแนะนําจากอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เช่ียวชาญ ตรวจสอบเคร่ืองมือท่ี
สรา้ งไว้
๒. หาความเท่ียงตรง (Validity) โดยการนําแบบสอบถามท่ีสร้างเสร็จ เสนอประธานและ
กรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพ่ือขอความเห็นชอบและนําเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ แล้วนํามาปรับปรุง
ใหเ้ หมาะสม ซึง่ ผ้เู ชยี่ วชาญท้งั ๕ ทา่ นประกอบด้วย
๑) พระครูสุตธรรมภาณี ผศ. ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหา
จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
๒) ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี ผู้อํานวยการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
๓) อาจารย์ ดร.สุธิพงษ์ สวัสด์ิทา อาจารย์ประจําหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
๔) ผศ.ดร.ปัญญา คลา้ ยเดช อาจารยป์ ระจาํ หลักสูตรรฐั ศาสตรบัณฑติ มหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาลยั สงฆ์ชยั ภูมิ
๕) อาจารย์ดร.สมควร นามสฐี าน กรรมการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
เพ่ือพิจารณาทั้งในด้านเน้ือหาสาระ และโครงสร้างของคําถาม รูปแบบของแบบสอบถาม
ตลอดจนภาษาท่ีใช้และตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)๗ ได้ค่าดัชนี
ความสอดคลอ้ ง ตง้ั แต่ ๐.๘ – ๑.๐๐
๓. หาความเช่ือม่ันของเครื่องมือ (Reliability) นําแบบสอบถามท่ีปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไป
ทดลองใช้ (Try out) กับกลุ่มตัวอย่างที่มีลกั ษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้ แต่ไม่ใช่กลุ่ม
ตัวอย่างจํานวน ๓๐ คน แล้วนํามาหาค่าความเชื่อม่ันของแบบสอบถาม โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ค่า
๖ ชูศรี วงศ์รัตนะ, เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย, พิมพ์ครั้งที่ ๗, (กรุงเทพมหานคร: เทพเนรมิตร,
๒๕๔๑), หนา้ ๗๕.
๗ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๔๐ – ๑๔๑.
๕๔
สัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของครอนบาค (Cronbach)๘ ได้ค่าความ
เช่ือมั่น เท่ากับ ๐.๙๔๗ แสดงให้เห็นว่าแบบสอบถามมีความเช่ือม่ันอยู่ในระดับสูงสามารถนําไปแจก
กับกลมุ่ ตวั อยา่ งไดจ้ รงิ
๔. นําแบบสอบถามที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพ่ือ
ขอความเห็นชอบ และจัดพิมพ์แบบสอบถามเป็นฉบับสมบูรณ์ในการนําไปใช้แจกกลุ่มตัวอย่างในการ
วิจยั ต่อไป
๓.๓.๓ แบบสัมภาษณ์ (Interview)
ผ้วู ิจัยไดด้ าํ เนินการสรา้ งแบบสัมภาษณด์ ังน้ี
๑) ศึกษาวิธีการสร้างแบบสัมภาษณ์ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตําราและ
งานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง เพ่ือเป็นแนวทางในการกําหนดกรอบความคดิ ในการสัมภาษณ์
๒) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและเอกสารการวิจัยต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึง
รายละเอยี ดตา่ ง ๆ เพือ่ ให้ครอบคลุมวตั ถุประสงค์ของการวิจยั ทก่ี ําหนดไว้
(๓) ขอคําแนะนาํ จากอาจารยท์ ่ีปรึกษาเพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการสัมภาษณ์
(๔) สร้างแบบสัมภาษณ์ให้ครอบคลุมวตั ถุประสงค์ของการวิจยั เพื่อใช้เปน็ เคร่ืองมือในการ
เก็บขอ้ มูลจากผใู้ ห้ขอ้ มูลสําคญั (Key Informants) เพอ่ื นาํ มาวเิ คราะห์
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมลู
๓.๔.๑ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแบบสอบถาม
ในการวจิ ยั คร้งั น้ี ผูว้ ิจยั ดาํ เนินการเก็บรวบรวมข้อมลู ดังน้ี
๑. ทําหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากศูนย์บัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ถึง พระโสภณพัฒนบัณฑิต,รศ.ดร.
รองอธิการบดี วิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือขออนุญาตเข้าทําการเก็บรวบรวมข้อมูลในมหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
๒. นําแบบสอบถามท่ีผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วไปเก็บข้อมูล โดยนําแบบสอบถามไป
แจกให้กับกลมุ่ ตัวอยา่ งจํานวน ๑๘๖ คน
๓. เม่ือได้แบบสอบถามกลับคืนมาแล้ว นํามาตรวจสอบความสมบูรณ์ จัดระเบียบข้อมูล
นําขอ้ มลู ทีไ่ ดไ้ ปวเิ คราะหแ์ ละประมาณผลในโปรแกรมสาํ เร็จรูปทางสถิติตอ่ ไป
๓.๔.๒ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากแบบสัมภาษณ์
ในการวจิ ยั ครั้งน้ี ผู้วจิ ัยดําเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมลู มีขน้ั ตอน ดงั น้ี
๑. ขอหนังสือจากศูนย์บัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ถงึ ผูใ้ หข้ ้อมลู สาํ คญั (Key Informants) เพ่อื สมั ภาษณ์ตามที่กําหนดไว้
๘ บญุ ชม ศรสี ะอาด, การวิจัยเบื้องตน้ , พิมพ์ครัง้ ท่ี ๗, (กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาสน์ , ๒๕๔๕), หน้า
๑๐๒.
๕๕
๒. ทําการนัดวัน เวลา และสถานท่ีกบั ผู้ให้ขอ้ มูลสําคัญ (Key Informants) เพ่ือสัมภาษณ์
ตามทกี่ าํ หนดไว้
๓. ดําเนินการสัมภาษณ์ตามวัน เวลาและสถานท่ีที่กําหนดไว้ จนครบทุกประเด็นโดยขอ
อนุญาตใช้วิธกี ารจดบันทึกและการบนั ทึกเสียงประกอบการสมั ภาษณ์
๔. นาํ ขอ้ มลู ดิบที่ไดม้ ารวบรวมเพอ่ื วิเคราะหโ์ ดยวิธกี ารท่ีเหมาะสมและนาํ เสนอตอ่ ไป
๓.๕ การวิเคราะหข์ ้อมูล
๓.๕.๑ การวเิ คราะหข์ ้อมูลจากแบบสอบถาม
ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูปเพื่อการวิจัยทาง
สังคมศาสตร์ โดยสถติ ิ ดังนี้
สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) สําหรับอธิบายลักษณะสําคัญทั่วไปของกลุ่ม
ตวั อย่างและพรรณนา ปัจจยั สว่ นบุคคล สถติ ทิ ่ีใช้ คือ ค่าความถี่ (Freqency), ค่ารอ้ ยละ (Percentage),
และอธิบายถงึ การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื งของนิสิตระดบั ปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
ของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น คือ ค่าเฉล่ีย
(Mean) และ คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
สถิติอนุมาน (Inferential Statistics) ใช้สําหลับทดสอบสมมติฐาน เพ่ือเปรียบเทียบการ
มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลและตามหลักสาราณียธรรม สถิติที่ใช้
คือ การทดสอบค่าที (t-test) ในกรณีตัวแปรต้นสองกลุ่ม และทดสอบค่าเอฟ (F-test) ด้วยวิธีการ
วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นสามกลุ่มข้ึนไป เมื่อพบว่า
มีความแตกต่างจะทําการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างเป็นสําคัญน้อย
ท่ีสุด (Least Significant Difference : LSD) การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ โดยใช้เทคนิค
การวเิ คราะห์เนอ้ื หา (Content Analysis Technique) ตามลาํ ดบั สาํ คญั
๓.๕.๒ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์
ผูว้ ิจยั วิเคราะห์ขอ้ มลู จากแบบสัมภาษณโ์ ดยวิธีการดงั น้ี
๑. นาํ ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสมั ภาษม์ าถอดเสียงและบันทกึ เป็นขอ้ ความ
๒. นําข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษ์และการจดบันทึกมาจําแนกเป็นประเด็นและเรียบเรียง
เฉพาะประเด็นท่ีเกยี่ วกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั
๓. วิเคราะห์คําให้สัมภาษณ์ของผู้ให้ข้อมูลสําคัญตามวัตถุประสงค์การวิจัย โดยใช้เทคนิค
การวิเคราะหเ์ นื้อหา (Content Analysis Technique) ประกอบบริบท (Context)
๔. สังเคราะหข์ ้อมูลตามวัตถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัยและนาํ เสนอต่อไป
บทที่ ๔
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
การวิจัยเรื่อง “การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น” มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพ่ือศึกษา
ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ๒) เพ่ือศึกษาระดับการมีส่วน
ร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี ๓) เพื่อเปรียบเทียบ
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี ตามปัจจัยส่วนบุคคลและและตาม
หลักสาราณียธรรม ๔) เพื่อศึกษาแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของ
นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เป็นการวิจัย
แบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) โดยการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้การวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research)
จากแบบสอบถาม (Questionnaire) ประกอบการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้
ขอ้ มลู สําคัญ (Key Informant)
ผู้วิจัยไดใ้ ชเ้ ครอ่ื งมือการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสมั ภาษณ์ โดยแจกแบบสอบถาม
ให้กับกลุ่มประชากรตัวอย่าง จํานวน ๑๘๖ ฉบับ และได้รับแบบสอบถามที่มีความถูกต้องและสมบูรณ์
กลับจํานวน ๑๘๖ ฉบับ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ของแบบสอบถามท้ังหมด แล้วจึงนํามาทําการวิเคราะห์
ข้อมูลด้วยโปรแกรมสําเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ ในส่วนแบบสัมภาษณ์ได้นําไปสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้
ข้อมูลสําคัญที่กาํ หนดไว้ จํานวน ๑๒ คน แลว้ นํามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเน้ือหาต่อไป โดยผลการวิเคราะห์
ข้อมูลมดี งั ตอ่ ไปนี้
๔.๑ ขอ้ มูลทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
ของนสิ ิตระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
๔.๔ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น ตามปัจจัยส่วนบคุ คล
๔.๕ ผลการเปรียบเทียบการมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมืองตามหลกั สาราณียธรรมกับ
การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
๕๗
๔.๖ ผลการวิเคราะห์แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของ
นสิ ติ ระดบั ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่
๔.๗ ผลการวิเคราะห์แนวทางการในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
ตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแกน่
๔.๘ สรุปองคค์ วามรู้ท่ีได้รบั จากการวิจยั
๔.๑ ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ผลการวิเคราะห์สถานภาพส่วนบุคคลของนิสิต จากการแจกแบบสํารวจความคิดเห็นของ
นสิ ิต จํานวน ๑๘๖ คน ปรากฏวา่ ไดร้ ับแบบสอบถามคนื จํานวน ๑๘๖ คน โดยจาํ แนกตาม เพศ อายุ
ช้นั ปี สาขาวิชา เกรดเฉลีย่ มีรายละเอียดดงั น้ี
ตารางท่ี ๔.๑ จาํ นวนความถ่ขี องผู้ตอบแบบสอบถาม จาํ แนกตามเพศ
เพศ จํานวน (n = ๑๘๖)
ชาย ๗๙ รอ้ ยละ
หญงิ ๑๐๗ ๔๒.๕
๕๗.๕
รวม ๑๘๖ ๑๐๐
จากตารางท่ี ๔.๑ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จํานวน ๑๐๗ คน
คิดเปน็ รอ้ ยละ ๕๗.๕ และเป็นเพศชายจํานวน ๗๙ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๔๒.๕
ตารางท่ี ๔.๒ จํานวนความถี่ของผตู้ อบแบบสอบถาม จาํ แนกตามอายุ
๑๘ – ๑๙ ปี อายุ จํานวน (n = ๑๘๖)
๒๐ – ๒๑ ปี รวม
๒๒ – ๒๓ ปี ๔๙ ร้อยละ
๒๔ ปีขึ้นไป ๘๒ ๒๖.๓
๔๗ ๔๔.๑
๘ ๒๕.๓
๔.๓
๑๘๖ ๑๐๐
จากตารางที่ ๔.๒ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง ๒๐ – ๒๑ ปี
จํานวน ๘๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๑ รองลงมามีอายุระหว่าง ๑๘ – ๑๙ ปี จํานวน ๔๙ คน คิดเป็น
ร้อยละ ๒๖.๓ ตามด้วย อายุระหว่าง ๒๒ – ๒๓ ปี จํานวน ๔๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๓ ตามด้วย
และลําดบั สดุ ทา้ ย อายรุ ะหว่าง ๒๔ ปขี ้ึนไป จํานวน ๘ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔.๓
๕๘
ตารางท่ี ๔.๓ จาํ นวนความถขี่ องผู้ตอบแบบสอบถาม จําแนกตามชนั้ ปี
ชั้นปีที่ ๑ ช้ันปี จาํ นวน (n = ๑๘๖)
ชั้นปที ่ี ๒ รวม
ช้นั ปีที่ ๓ ๔๕ ร้อยละ
ชน้ั ปที ่ี ๔ ๓๗ ๒๔.๒
ช้นั ปที ่ี ๕ ๔๘ ๑๙.๙
๕๔ ๒๕.๘
๒ ๒๙
๑.๑
๑๘๖ ๑๐๐
จากตารางท่ี ๔.๓ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ในช้ันปีท่ี ๔ จํานวน ๕๔ คน
คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ตามด้วยชั้นปีที่ ๓ จํานวน ๔๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๘ ตามด้วยชั้นปีที่ ๑
จํานวน ๔๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๔.๒ ตามด้วยชั้นปีท่ี ๒ จํานวน ๓๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๙ และ
ชัน้ ปสี ดุ ทา้ ยชั้นปที ี่ ๕ จาํ นวน๒ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑.๑
ตารางท่ี ๔.๔ จาํ นวนความถข่ี องผูต้ อบแบบสอบถาม จาํ แนกตามสาขาวชิ า
สาขาวชิ า จํานวน (n = ๑๘๖)
สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา ๓ รอ้ ยละ
สาขาวิชาปรชั ญา ๒
สาขาวิชาการสอนภาษาไทย ๕๘ ๑.๖
สาขาวชิ าสงั คมศกึ ษา ๕๒ ๑.๑
สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ๙ ๓๑.๑
สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ ๓๖ ๒๘
สาขาวชิ ารัฐประศาสนศาสตร์ ๑๓ ๔.๘
สาขาวิชานติ ิศาสตร์ ๑๓ ๑๙.๔
๗
รวม ๑๘๖ ๗
๑๐๐
จากตารางท่ี ๔.๔ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ในสาขาวิชาการสอนภาษาไทย
จาํ นวน ๕๘ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๑.๒ รองลงมาสาขาวิชาสงั คมศึกษา จํานวน ๕๒ คน คิดเป็นร้อยละ
๒๘ ตามด้วยสาขาวิชารัฐศาสตร์ จํานวน ๓๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๔ ตามด้วยสาขาวิชารัฐ
ประศาสนศาสตร์ จํานวน ๑๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๗ ตามด้วยสาขาวิชาติศาสตร์ จํานวน ๑๓ คน คิด
เป็นร้อยละ ๗ ตามด้วยสาขาวิชาพระพุทธศาสนา จํานวน ๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๑.๖ และลําดับ
สุดทา้ ยสาขาวชิ าปรชั ญาจํานวน ๒ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓.๘
๕๙
ตารางท่ี ๔.๕ จาํ นวนความถขี่ องผตู้ อบแบบสอบถาม จําแนกตามเกรดเฉลย่ี
ต่ํากว่า ๑.๕๐ เกรดเฉล่ีย จํานวน (n = ๑๘๖)
๑.๕๑-๒.๐๐ รวม
๒.๐๑-๒.๕๐ - รอ้ ยละ
๒.๕๑-๓.๐๐ ๓ -
๓.๐๑-๓.๕๐ ๓๕ ๑.๖
๓.๕๑-๔.๐๐ ๖๙
๗๒ ๑๘.๘
๗ ๓๗.๑
๓๘.๗
๑๘๖ ๓.๘
๑๐๐
จากตารางท่ี ๔.๕ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีเกรดเฉล่ีย ๓.๐๑-๓.๕๐ จํานวน ๗๒
คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๘.๗ ตามด้วยเกรดเฉลย่ี ๒.๕๑-๓.๐๐ จาํ นวน ๖๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๑ ตามด้วย
เกรดเฉลี่ย ๒.๐๑-๒.๕๐ จาํ นวน ๓๕ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๑๘.๘ ตามดว้ ยเกรดเฉล่ีย ๓.๕๑-๔.๐๐ จํานวน ๗
คน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๘ และเกรดเฉลยี่ สดุ ทา้ ย ๑.๕๑-๒.๐๐ จํานวน ๓ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑.๖
๔.๒ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
ผลวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ทั้ง ๔ ด้าน คือ ๑) ด้าน
การเลือกต้ัง ๒) ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง ๓) ด้านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการ
เมือง ๔) ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย โดยแสดงค่าเฉล่ีย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยมี
รายละเอียดดังน้ี
ตารางท่ี ๔.๖ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น โดยภาพรวม
(n = ๑๘๖)
ระดับการมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื งของนสิ ติ ระดับการมสี ่วนรว่ ม
ท่ี ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราช
x̅ S.D. แปลผล
วิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
๑ ด้านการเลอื กต้งั ๓.๖๑ ๐.๖๘ มาก
๒ ดา้ นการตดิ ตามข่าวสารทางการเมอื ง ๓.๗๐ ๐.๖๙ มาก
๓ ดา้ นการแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ ทางการเมือง ๓.๓๑ ๐.๙๑ ปานกลาง
๔ ด้านการเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรมประชาธปิ ไตย ๓.๙๕ ๐.๗๓ มาก
รวม ๓.๖๔ ๐.๖๒ มาก
๖๐
จากตารางที่ ๔.๖ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยภาพรวม อยู่ในระดับ
มาก (x̅ = ๓.๖๔) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบวา่ ด้านที่อยู่ในระดับมาก เรียงลําดับจากค่าเฉลี่ยจาก
มากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีค่าเฉล่ียมากที่สุด (x̅ = ๓.๙๕)
รองลงมา คือ ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง (x̅ = ๓.๗๐) และด้านการเลือกต้ัง (x̅ = ๓.๖๑)
สว่ นดา้ นที่อยู่ในระดบั ปานกลาง ไดแ้ ก่ ดา้ นการแลกเปล่ียนความคดิ เห็นทางการเมือง (x̅ = ๓.๓๑)
ตารางที่ ๔.๗ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น ดา้ นการเลือกตง้ั
ขอ้ ดา้ นการเลือกตั้ง (n = ๑๘๖)
ระดับการมสี ่วนร่วม
การมสี ว่ นร่วมก่อนการเลือกต้งั
๑ การตรวจบญั ชีรายช่อื ว่าตนเป็นผูม้ ีสทิ ธ์ิเลอื กต้ัง x̅ S.D. แปลผล
๒ การตรวจสอบนโยบายพรรคการเมืองและผสู้ มัครรับเลอื กตงั้
๓ การสอดสอ่ งดูแลพฤตกิ รรมทมี่ ชิ อบ ๓.๙๗ ๐.๙๔ มาก
๔ การไดศ้ กึ ษาถงึ ประวัติผู้สมคั ร ๓.๘๐ ๐.๘๖ มาก
๕ การให้ความรเู้ ก่ียวกับการเลอื กตง้ั แกป่ ระชาชน ๓.๕๙ ๐.๘๙ มาก
๓.๓๔ ๑.๐๖ ปานกลาง
การมสี ว่ นรว่ มระหว่างการเลอื กตง้ั ๓.๔๐ ๐.๙๓ ปานกลาง
๑ การชักชวนประชาชนไปใช้สิทธเ์ิ ลือกต้ัง
๒ การแจง้ เหตุหากพบเหตุการณผ์ ดิ ปกติ ๓.๗๖ ๐.๙๓ มาก
๓ การสงั เกตการณ์การซื้อเสียง ๓.๔๘ ๑.๐๒ ปานกลาง
๔ การร่วมเปน็ คณะกรรมการประจาํ หน่วยเลอื กตัง้ ๓.๖๔ ๑.๐๐
๕ การติดตามการนับคะแนน ๒.๙๖ ๑.๒๔ มาก
๖ การตรวจสอบดูแลการเลือกตงั้ ให้เป็นไปตามกติกา ๓.๕๐ ๑.๑๒ ปานกลาง
๓.๕๘ ๑.๐๓
การมีส่วนรว่ มหลงั การเลอื กต้งั มาก
๑ การติดตามผลการเลอื กตงั้ มาก
๒ การติดตามผลการใช้สทิ ธิเ์ ลอื กตง้ั
๓ การตดิ ตามการจัดตั้งรฐั บาล ๓.๘๙ ๑.๖๕ มาก
๔ การติดตามตรวจสอบการทํางานของผแู้ ทนทที่ ่านเลือก ๓.๗๒ ๐.๙๕ มาก
๓.๘๒ ๐.๙๑ มาก
รวม ๓.๖๖ ๐.๙๖ มาก
๓.๖๑ ๐.๖๘ มาก
๖๑
จากตารางที่ ๔.๗ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการเลือกต้ัง โดยรวม
อยูใ่ นระดบั มาก (x̅ = ๓.๖๑) เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า
ประเด็นการมีส่วนร่วมก่อนการเลือกตั้ง ข้อที่ ๑ นิสิตมีส่วนร่วมเก่ียวกับการตรวจบัญชี
รายชื่อว่าตนเป็นผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้ง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅ = ๓.๙๗) รองลงมา คือ ข้อท่ี ๒ การตรวจสอบ
นโยบายพรรคการเมอื งและผสู้ มัครรับเลือกตัง้ (x̅ = ๓.๘๐) และข้อที่ ๓ การสอดส่องดแู ลพฤติกรรมที่
มชิ อบ (x̅ = ๓.๕๙) ตามลาํ ดบั
ประเด็นการมีส่วนร่วมระหว่างการเลือกต้ัง ข้อท่ี ๑ นิสิตมีส่วนร่วมเก่ียวกับการชักชวน
ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกต้ัง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅ = ๓.๗๖) รองลงมา คือ ข้อที่ ๓ การสังเกตการณ์การ
ซ้ือเสียง (x̅ = ๓.๖๔) และข้อท่ี ๖ การตรวจสอบดูแลการเลือกต้ังให้เป็นไปตามกติกา (x̅ = ๓.๕๘)
ตามลาํ ดบั
ประเด็นการมสี ่วนร่วมหลังการเลือกตง้ั ข้อที่ ๑ นสิ ติ มีส่วนร่วมเก่ียวกับการติดตามผลการ
เลือกตั้ง มีคา่ เฉลี่ยสูงสุด (x̅ = ๓.๘๙) รองลงมา คือ ข้อที่ ๓ การติดตามการจัดตั้งรัฐบาล (x̅ = ๓.๘๒)
และข้อที่ ๒ การตดิ ตามผลการใช้สิทธ์เิ ลือกต้ัง (x̅ = ๓.๗๒) ตามลาํ ดับ
ตารางที่ ๔.๘ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการติดตามข่าวสารทางการ
เมอื ง
(n = ๑๘๖)
ขอ้ ดา้ นการติดตามข่าวสารทางการเมือง ระดบั การมสี ว่ นรว่ ม
x̅ S.D. แปลผล
๑ การติดตามขา่ วสารการเมืองทางหนงั สือพิมพ์ ๓.๒๔ ๑.๑๕ ปานกลาง
๒ การตดิ ตามขา่ วสารการเมืองทางโทรทศั น์ และทางวทิ ยุ ๓.๘๑ ๐.๙๖ มาก
๓ การตดิ ตามขา่ วสารการเมอื งทางสื่อออนไลน์ เช่น เฟสบคุ๊ ๔.๒๕ ๐.๘๘ มาก
ไลน์ ทวติ เตอร์ เป็นตน้
๔ การติดตามขา่ วสารการเมอื งของต่างประเทศเพอื่ เปรยี บเทยี บ ๓.๗๕ ๐.๙๒ มาก
กับข่าวการเมืองของไทย
๕ การไดแ้ สดงความคดิ เหน็ ทางการเมอื งผ่านสื่อ ๓.๓๕ ๑.๒๓ ปานกลาง
๖ การวิเคราะห์ความนา่ เชอื่ ถอื ของข่าว ๓.๘๑ ๐.๙๐ มาก
รวม ๓.๗๐ ๐.๖๙ มาก
จากตารางท่ี ๔.๘ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการติดตามข่าวสาร
ทางการเมือง โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̅ = ๓.๗๐) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจาก
มากไปหาน้อย พบว่า ข้อท่ี ๓ การติดตามข่าวสารการเมืองทางส่ือออนไลน์ เช่น เฟสบคุ๊ ไลน์ ทวิตเตอร์
๖๒
เป็นต้น มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅ = ๔.๒๕) รองลงมา คือ ข้อท่ี ๖ การวิเคราะห์ความน่าเช่ือถือของข่าว (x̅ =
๓.๘๑) และขอ้ ที่ ๒ การติดตามขา่ วสารการเมืองทางโทรทัศน์ และทางวิทยุ (x̅ = ๓.๘๑) ตามลําดบั
ตารางที่ ๔.๙ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ทางการเมอื ง
(n = ๑๘๖)
ข้อ ดา้ นการแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นทางการเมือง ระดบั การมสี ว่ นร่วม
x̅ S.D. แปลผล
๑ การมสี ว่ นรว่ มในการจัดประชมุ อบรม ใหค้ าํ แนะนําเกย่ี วกบั ๓.๐๖ ๑.๒๐ ปานกลาง
การเมอื งแกป่ ระชาชน
๒ การเสนอขา่ วสารเกยี่ วกับการเมอื งในช้นั เรียนและนอกช้ัน ๓.๒๓ ๑.๐๙ ปานกลาง
เรียน
๓ การมสี ่วนรว่ มในการวิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมอื งกับ ๓.๔๐ ๑.๐๗ ปานกลาง
เพ่อื น ๆ ในช้นั เรียนและนอกชน้ั เรยี น
๔ การมสี ว่ นรว่ มในการวิพากษก์ ารปฏบิ ัตหิ น้าทข่ี องนักการเมือง ๓.๓๗ ๑.๑๒ ปานกลาง
๕ การวิเคราะห์การรณรงคข์ อ้ เรยี กรอ้ งของกลมุ่ ผ้ชู มุ นมุ ทาง ๓.๔๘ ๑.๐๗ ปานกลาง
การเมอื ง
รวม ๓.๓๑ ๐.๙๑ ปานกลาง
จากตารางที่ ๔.๙ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ ด้านการแลกเปล่ียนความ
คิดเห็นทางการเมือง โดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = ๓.๓๑) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่
ในระดับปานกลางทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อท่ี ๕ การวิเคราะห์การ
รณรงค์ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅ = ๓.๔๘) รองลงมา คือ ข้อท่ี ๓
การมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองกับเพ่ือน ๆ ในช้ันเรียนและนอกช้ันเรียน (x̅
= ๓.๔๐) และข้อที่ ๔ การมีส่วนร่วมในการวิพากษ์การปฏิบัติหน้าที่ของนักการเมือง (x̅ = ๓.๓๗)
ตามลําดับ
๖๓
ตารางที่ ๔.๑๐ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรม
ประชาธปิ ไตย
ข้อ ดา้ นการเสรมิ สร้างวัฒนธรรมประชาธปิ ไตย (n = ๑๘๖)
๑ การเคารพในเสียงข้างมากอันเปน็ สทิ ธขิ์ ้นั พืน้ ฐานของ ระดบั การมสี ่วนร่วม
ประชาธปิ ไตย x̅ S.D. แปลผล
๔.๑๓ ๐.๙๑ มาก
๒ การเคารพในความเทา่ เทยี มกันของทุกคนในสงั คม
๓ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตามหลักการและเหตุผล ๔.๓๒ ๒.๒๗ มาก
๔ การยินดีรับฟังความคดิ เห็นทแ่ี ตกต่าง ๓.๙๕ ๐.๙๓ มาก
๕ การมสี ่วนรว่ มในการชักชวนใหเ้ พือ่ นนิสติ ตระหนักในสทิ ธ์ิ ๔.๐๔ ๐.๘๗ มาก
๓.๘๒ ๐.๙๖ มาก
และหน้าท่ีของตน
๖ การมสี ่วนร่วมในการใหค้ วามรกู้ บั ประชาชนเกยี่ วกบั การ ๓.๖๕ ๑.๐๐ มาก
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ๓.๗๒ ๑.๐๒ มาก
๗ การส่งเสริมใหน้ สิ ติ และประชาชนไดร้ ับรถู้ งึ สทิ ธ์ทิ างสงั คมทพี่ ึง
๓.๙๕ ๐.๗๓ มาก
ไดร้ บั เชน่ สทิ ธิใ์ นการรักษาพยาบาล เป็นตน้
รวม
จากตารางท่ี ๔.๑๐ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านการเสริมสร้าง
วฒั นธรรมประชาธิปไตย โดยรวม อยู่ในระดบั มาก (x̅ = ๓.๙๕) เม่อื พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าอยู่ใน
ระดับมากทุกข้อ เรียงลําดบั คา่ เฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ขอ้ ที่ ๒ การเคารพในความเท่าเทียมกัน
ของทุกคนในสังคมมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = ๔.๓๒) รองลงมา คือ ข้อที่ ๑ การเคารพในเสียงข้างมาก
อันเป็นสิทธิ์ขั้นพ้ืนฐานของประชาธิปไตย (x̅ = ๔.๑๓) และข้อที่ ๔ การยินดีรับฟังความคิดเห็นท่ี
แตกตา่ ง (x̅ = ๔.๐๔) ตามลาํ ดบั
๔.๓ ผลการวิเคราะห์ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น
ผลวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
โดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ๑) ด้านเมตตากายกรรม ๒) ด้านเมตตาวจีกรรม ๓) ด้านเมตตามโนกรรม
๔) ด้านสาธารณโภคี ๕) ด้านสีลสามัญญตา ๖) ด้านทิฏฐิสามัญญตา โดยแสดงค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบน
มาตรฐาน โดยมรี ายระเอียดดังน้ี
๖๔
ตารางที่ ๔.๑๑ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดย
ภาพรวม
(n = ๑๘๖)
ระดบั การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมอื งตามหลกั ระดบั การมสี ว่ นรว่ ม
ขอ้ สาราณยี ธรรมของนสิ ิตระดบั ปรญิ ญาตรี มหาวิทยาลยั x̅ S.D. แปลผล
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแกน่
๑ ด้านเมตตากายกรรม ๓.๕๘ ๐.๘๘ มาก
๒ ดา้ นเมตตาวจีกรรม ๓.๙๘ ๑.๒๒ มาก
๓ ด้านเมตตามโนกรรม ๔.๑๐ ๑.๑๐ มาก
๔ ดา้ นสาธารณโภคี ๓.๗๘ ๐.๗๖ มาก
๕ ด้านสีลสามญั ญตา ๔.๐๕ ๐.๗๕ มาก
๖ ดา้ นทฏิ ฐิสามญั ญตา ๔.๑๑ ๐.๗๖ มาก
รวม ๓.๙๓ ๐.๖๗ มาก
จากตารางที่ ๔.๑๑ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = ๓.๙๓) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า อยู่ในระดับ
มากทุกด้าน เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านทิฏฐิสามัญญตา (x̅ = ๔.๑๑) ด้าน
เมตตามโนกรรม (x̅ = ๔.๑๐) ด้านสีลสามัญญตา (x̅ = ๔.๐๕) ด้านเมตตาวจีกรรม (x̅ = ๓.๙๘)
ด้านสาธารณโภคี (x̅ = ๓.๗๘) และด้านเมตตากายกรรม (x̅ = ๓.๕๘) ตามลาํ ดับ
ตารางท่ี ๔.๑๒ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้าน
เมตตากายกรรม
(n = ๑๘๖)
ขอ้ ด้านเมตตากายกรรม ระดับการมสี ่วนร่วม
x̅ S.D. แปลผล
๑ การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางการเมือง เมือ่ ได้รบั ทราบจากสอื่ ๓.๔๖ ๑.๑๖ ปานกลาง
๒ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางการเมือง เพราะได้รับการชกั ชวนจาก ๓.๒๘ ๑.๑๐ ปานกลาง
เพื่อนและคนใกล้ชิด
๓ การเข้ารว่ มกิจกรรมทางการเมอื งอยา่ งเปิดเผย ๓.๔๔ ๑.๒๑ ปานกลาง
๔ การปฏบิ ัตติ อ่ คนอน่ื อย่างเป็นมิตร ๔.๐๒ ๐.๙๓ มาก
๕ การเข้ารว่ มกจิ กรรมทางการเมอื งด้วยความเต็มใจ ๓.๗๐ ๑.๐๘ มาก
รวม ๓.๕๘ ๐.๘๘ มาก
๖๕
จากตารางที่ ๔.๑๒ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ด้านเมตตากายกรรม โดยรวม อยู่ในระดับมาก ( x̅ = ๓.๕๘) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อท่ี ๔ การปฏิบัติต่อคนอ่ืนอย่างเป็นมิตรมีค่าเฉลี่ยมาก
ที่สุด ( x̅ = ๔.๐๒) รองลงมาคือ ข้อท่ี ๕ การเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองด้วยความเต็มใจ ( x̅ =
๓.๗๐) และขอ้ ท่ี ๑ การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางการเมือง เมอ่ื ไดร้ บั ทราบจากส่ือ ( x̅ = ๓.๔๖) ตามลาํ ดับ
ตารางที่ ๔.๑๓ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านเมตตาวจีกรรม
(n = ๑๘๖)
ข้อ ดา้ นเมตตาวจกี รรม ระดบั การมสี ว่ นร่วม
x̅ S.D. แปลผล
๑ การชกั ชวนคนอืน่ ให้ตระหนักถึงหนา้ ทใ่ี นการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๓.๕๙ ๑.๐๖ มาก
ทางการเมือง
๒ การรบั ฟังความคดิ เหน็ ที่แตกต่างจากผู้อน่ื ๔.๒๒ ๓.๐๕ มาก
๓ การไม่ใช้อารมณ์การพูดคุยกบั ผู้ทเี่ หน็ ต่าง ๓.๙๒ ๑.๐๒ มาก
๔ การจะอธบิ ายใหค้ นทเ่ี หน็ ต่างจากแนวคดิ ของทา่ นไดเ้ ข้าใจถงึ ๔.๐๐ ๓.๐๙ มาก
เจตนารมณข์ องท่านอยา่ งประนปี ระนอม
๕ การจะไม่ย่ัวยุให้เกดิ การแตกแยกในสงั คมด้วยหลักการความคิด ๔.๑๙ ๓.๑๔ มาก
ที่แตกตา่ งกนั
รวม ๓.๙๘ ๑.๒๒ มาก
จากตารางที่ ๔.๑๓ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ด้านเมตตาวจีกรรม โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̅ = ๓.๙๘) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
พบว่าอยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อที่ ๒ การรับฟังความ
คิดเห็นที่แตกต่างจากผู้อื่นมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = ๔.๒๒) รองลงมา คือ ข้อที่ ๕ การจะไม่ยั่วยุให้
เกิดการแตกแยกในสังคมด้วยหลักการความคิดที่แตกต่างกัน (x̅ = ๔.๑๙) และข้อที่ ๔ การจะ
อธิบายให้คนที่เห็นต่างจากแนวคิดของท่านได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของท่านอย่างประนีประนอม (x̅
= ๔.๐๐) ตามลําดับ
๖๖
ตารางท่ี ๔.๑๔ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านเมตตามโนกรรม
ข้อ ด้านเมตตามโนกรรม (n = ๑๘๖)
๑ การแสดงออกด้วยมติ รไมตรีกบั ทกุ คนในการมีส่วนร่วมใน ระดบั การมสี ว่ นร่วม
กจิ กรรมทางการเมือง x̅ S.D. แปลผล
๔.๐๙ ๐.๘๖ มาก
๒ การไมม่ ีอคติต่อผู้ทมี่ คี วามคิดเหน็ ทแ่ี ตกตา่ งจากทา่ น
๓ การพรอ้ มจะรับฟงั ความคดิ เหน็ ของคนอน่ื ๔.๐๓ ๐.๙๑ มาก
๔ การเหน็ วา่ การรบั ฟงั ซงึ่ กนั และกนั เปน็ ทางออกของการแกไ้ ข ๔.๐๖ ๐.๙๑ มาก
๔.๓๑ ๓.๘๔ มาก
ปญั หา
๕ การคิดว่าคนที่เห็นตา่ ง คือ ผู้ท่ีหาทางออกรว่ มกนั ๔.๐๐ ๐.๘๖ มาก
๔.๑๐ ๑.๑๐ มาก
รวม
จากตารางที่ ๔.๑๔ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ด้านเมตตามโนกรรม โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̅ = ๔.๑๐) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
พบว่าอยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อที่ ๔ การเห็นว่าการ
รับฟังซึ่งกันและกันเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหามีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = ๔.๓๑) รองลงมา คือ
ข้อที่ ๑ การแสดงออกด้วยมิตรไมตรีกับทุกคนในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง (x̅ =
๔.๐๙) และข้อท่ี ๓การพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น (x̅ = ๔.๐๖) ตามลาํ ดับ
๖๗
ตารางท่ี ๔.๑๕ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านสาธารณโภคี
(n = ๑๘๖)
ข้อ ดา้ นสาธารณโภคี ระดบั การมสี ่วนรว่ ม
x̅ S.D. แปลผล
๑ การสนับสนุนการเขา้ ไปมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมือง ๓.๘๑ ๐.๙๐ มาก
และสงั คม
๒ การจะชกั ชวนให้คนอ่นื เข้ารว่ มกิจกรรมทางการเมอื ง ๓.๕๖ ๑.๐๐ มาก
๓ การจะช่วยอธิบายถงึ หน้าท่แี ละการรกั ษาผลประโยชน์ในการ ๓.๗๐ ๑.๐๐ มาก
เข้ารว่ มกจิ กรรมทางการเมือง
๔ การเห็นวา่ ทุกคนมสี ทิ ธท์ิ จี่ ะเข้ารว่ มกิจกรรมทางการเมอื ง ๔.๐๔ ๐.๘๗ มาก
เสมอกนั
๕ การจะช่วยกระตุ้นใหค้ นรอบข้างของทา่ นตระหนกั ในหนา้ ท่ีใน ๓.๘๑ ๐.๙๖ มาก
การเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางการเมือง
รวม ๓.๗๘ ๐.๗๖ มาก
จากตารางท่ี ๔.๑๕ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
ของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้านสา
ธารณโภคี โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก (x̅ = ๓.๗๘) เม่ือพจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่าอยใู่ นระดบั มากทุกข้อ
เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อที่ ๔ การเห็นว่าทุกคนมีสิทธ์ิท่ีจะเข้าร่วมกิจกรรม
ทางการเมอื งเสมอกันมคี า่ เฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = ๔.๐๔) รองลงมา คือ ขอ้ ที่ ๑ การสนับสนุนการเขา้ ไปมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและสังคม (x̅ = ๓.๘๑) และข้อที่ ๕ การจะช่วยกระตุ้นให้คนรอบ
ข้างของท่านตระหนักในหนา้ ทีใ่ นการเข้ารว่ มกจิ กรรมทางการเมอื ง (x̅ = ๓.๘๑) ตามลําดับ
๖๘
ตารางที่ ๔.๑๖ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านสีลสามัญญตา
ขอ้ ดา้ นสีลสามัญญตา (n = ๑๘๖)
ระดบั การมสี ่วนร่วม
๑ การเคารพในระเบียบวนิ ัยของสงั คม x̅ S.D. แปลผล
๒ การให้ความสําคญั กบั ทกุ คนอยา่ งเท่าเทียมกับการมีส่วน ๔.๑๘ ๐.๘๖ มาก
๔.๐๔ ๐.๘๕ มาก
ร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื ง
๓ การชักชวนให้คนอื่นตระหนกั ถึงการมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรม ๓.๙๐ ๐.๙๔ มาก
ทางการเมอื งอย่างทดั เทียมกัน ๓.๙๙ ๐.๙๒ มาก
๔ การปฏิบตั ติ ่อผู้อืน่ ดว้ ยความเสมอภาค ๔.๑๔ ๐.๙๐ มาก
๕ การเหน็ ว่าการเคารพในระเบยี บของสงั คมเป็นสงิ่ ท่นี าํ มา
๔.๐๕ ๐.๗๕ มาก
ซ่งึ ความสามคั คีในสังคม
รวม
จากตารางที่ ๔.๑๖ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น ด้านสีลสามัญญตา โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̅ = ๔.๐๕) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
พบว่าอยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อที่ ๑ การเคารพใน
ระเบียบวินัยของสังคมมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (x̅ = ๔.๑๘) รองลงมา คือ ข้อที่ ๕ การเห็นว่าการ
เคารพในระเบียบของสังคมเป็นสิ่งที่นํามาซึ่งความสามัคคีในสังคม (x̅ = ๔.๑๔) และข้อที่ ๒ การ
ให้ความสําคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง (x̅ = ๔.๐๔)
ตามลาํ ดับ
๖๙
ตารางที่ ๔.๑๗ ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรมของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ด้านทิฏฐิสามัญญตา
ขอ้ ด้านทิฏฐสิ ามญั ญตา (n = ๑๘๖)
ระดบั การมสี ว่ นร่วม
๑ การเคารพในความคิดเห็นของคนอ่ืน x̅ S.D. แปลผล
๒ การยินดีรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ ง ๔.๑๖ ๐.๘๙ มาก
๓ การแสดงความคิดเหน็ บนพืน้ ฐานของสิทธิเสรีภาพของตน ๔.๑๕ ๐.๘๑ มาก
๔ การไดร้ บั ฟังความคิดเห็นของคนอืน่ ท่านจะยงั ไมเ่ ชื่อ แตจ่ ะ ๔.๑๐ ๐.๙๓ มาก
๔.๐๐ ๐.๘๖ มาก
พจิ ารณาอย่างมสี ตเิ สมอ
๕ การเห็นว่าการรับฟังความคดิ เห็นซึ่งกันและกันเป็นส่งิ สําคญั ๔.๑๕ ๐.๘๕ มาก
ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ๔.๑๑ ๐.๗๖ มาก
รวม
จากตารางที่ ๔.๑๗ พบว่า ระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรมของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่นด้านทิฏฐิสามัญญตา โดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̅ = ๔.๑๑) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า
อยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลําดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย พบว่า ข้อท่ี ๑ การเคารพในความ
คดิ เห็นของคนอ่นื มีค่าเฉล่ียมากที่สุด (x̅ = ๔.๑๖) รองลงมา คอื ขอ้ ที่ ๒ การยินดรี ับฟังความคิดเหน็ ที่
แตกต่าง (x̅ = ๔.๑๕) และข้อท่ี ๕ การเห็นว่าการรับฟังความคิดเห็นซ่ึงกันและกันเป็นสิ่งสําคัญของ
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย (x̅ = ๔.๑๕) ตามลาํ ดบั
๗๐
๔.๔ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
ตามปัจจัยส่วนบุคคล
สมมติฐานท่ี ๑ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแกน่ ที่มเี พศตา่ งกนั มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมือง แตกตา่ งกัน
การวเิ คราะหส์ มมตฐิ านที่ ๑ ใช่สถติ ิ t-test คือ กลุ่มตวั อยา่ ง ๒ กลุ่ม มีความเป็นอิสระต่อ
กัน ใช้ระดับความเชื่อมั่น ๙๕% ดังน้ัน จะเป็นไปตามสมมติฐานต่อเม่ือค่า Sig. น้อยกว่า ๐.๐๕ และ
นาํ เสนอในรูปตารางประกอบการบรรยาย
ตารางท่ี ๔.๑๘ แสดงการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่ จําแนกตามเพศ
การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมทาง เพศ (n = ๑๘๖)
การเมือง t Sig.
ชาย หญงิ
ดา้ นการเลอื กตง้ั -๐.๕๑ ๐.๖๑
ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง (x)̅ (S.D.) (x)̅ (S.D.) -๑.๘๗ ๐.๐๖
ดา้ นการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ๓.๕๘ ๐.๗๕ ๓.๖๓ ๐.๖๔ -๐.๗๘ ๐.๔๔
ทางการเมือง ๓.๕๙ ๐.๗๔ ๓.๗๘ ๐.๖๔
ดา้ นการเสริมสร้างวฒั นธรรม ๓.๒๕ ๐.๙๓ ๓.๓๕ ๐.๙๐ -๑.๘๗ ๐.๐๖
ประชาธิปไตย
๓.๘๔ ๐.๗๔ ๔.๐๔ ๐.๗๑ -๑.๕๐ ๐.๑๔
รวม
๓.๕๖ ๐.๖๗ ๓.๗๐ ๐.๕๗
จากตารางที่ ๔.๑๘ พบว่า นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง โดยรวมไม่แตกต่าง
กัน ซ่ึงไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ต้ังไว้ เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง โดยรวมไม่
แตกต่างกัน ซ่ึงไมเ่ ป็นไปตามสมมติฐานท่ตี งั้ ไว้
สมมติฐานท่ี ๒ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแก่นทีม่ อี ายุต่างกนั มีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมือง แตกตา่ งกนั
การวิเคราะห์สมมติฐานที่ ๒ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความ
แปรปรวนแบบทางเดียวเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉล่ียท่ีมากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความ
เช่ือมั่น ๙๕% ดังนั้น ถ้าเป็นไปตามสมมติฐานต่อเมื่อค่า Sig. น้อยกว่า ๐.๐๕ ถ้าพบความแตกต่าง
๗๑
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ๐.๐๕ จะเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD. (Least Significant
Difference) และนาํ เสนอในรปู ตารางประกอบการบรรยาย ดงั ต่อไปน้ี
ตารางท่ี ๔.๑๙ แสดงความแปรปรวนของระดับการมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามอายุ
ด้านการเลือกตง้ั ความแปรปรวน SS (n = ๑๘๖)
ระหวา่ งกลมุ่ ๑.๘๙ df MS F Sig.
ด้านการตดิ ตามข่าวสาร ภายในกลมุ่ ๘๔.๖๕
ทางการเมอื ง รวม ๘๖.๕๔ ๓ ๐.๖๓ ๑.๓๖ ๐.๒๖
๑๘๒ ๐.๔๗
ระหว่างกล่มุ ๐.๑๖ ๑๘๕
ภายในกล่มุ ๘๗.๒๒
๘๗.๓๘ ๓ ๐.๐๕ ๐.๑๑ ๐.๙๕
รวม ๑๘๒ ๐.๔๘
๑๘๕
ดา้ นการแลกเปลีย่ นความ ระหวา่ งกลมุ่ ๒.๐๑ ๓ ๐.๖๗ ๐.๘๐ ๐.๔๙
คิดเหน็ ทางการเมือง ภายในกลมุ่ ๑๕๒.๑๕ ๑๘๒ ๐.๘๔
รวม ๑๕๔.๑๗ ๑๘๕
ดา้ นการเสรมิ สรา้ ง ระหวา่ งกลุ่ม ๐.๒๗ ๓ ๐.๐๙ ๐.๑๗ ๐.๙๒
วัฒนธรรมประชาธปิ ไตย ภายในกลมุ่ ๙๗.๑๙ ๑๘๒ ๐.๕๓
รวม ๙๗.๔๖ ๑๘๕
ระหวา่ งกลุ่ม .๕๗ ๓ ๐.๑๙ ๐.๔๙ ๐.๖๙
รวม ภายในกลุ่ม ๗๐.๐๙ ๑๘๒ ๐.๓๙
รวม ๗๐.๖๖ ๑๘๕
จากตารางที่ ๔.๑๙ ผลการทดสอบสมมตฐิ าน พบวา่ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีอายุต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง
โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่เป็นไปตามสมมติฐานท่ีต้ังไว้ เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นิสิต
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีอายุต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมอื ง โดยรวมไมแ่ ตกต่างกัน ซึ่งไมเ่ ปน็ ไปตามสมมติฐานท่ตี ั้งไว้
๗๒
สมมติฐานที่ ๓ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแก่นท่ีมีชัน้ ปตี ่างกนั มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื ง แตกตา่ งกนั
ตารางท่ี ๔.๒๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ จําแนกตามชนั้ ปี
ด้านการเลือกตัง้ (n = ๑๘๖)
ความแปรปรวน SS df MS F Sig.
ดา้ นการติดตามข่าวสาร
ทางการเมือง ระหว่างกลุ่ม ๐.๖๒ ๔ ๐.๑๖ ๐.๓๓ ๐.๘๖
ภายในกลมุ่ ๘๕.๙๑ ๑๘๑ ๐.๔๗
รวม ๘๖.๕๔ ๑๘๕
ระหวา่ งกล่มุ ๑.๘๓ ๔ ๐.๔๖ ๐.๙๗ ๐.๔๓
ภายในกลมุ่ ๘๕.๕๔ ๑๘๑ ๐.๔๗
รวม ๘๗.๓๘ ๑๘๕
ด้านการแลกเปล่ยี นความ ระหว่างกลมุ่ ๑.๘๕ ๔ ๐.๔๖ ๐.๕๕ ๐.๗๐
คดิ เหน็ ทางการเมอื ง ภายในกลมุ่ ๑๕๒.๓๑ ๑๘๑ ๐.๘๔
รวม ๑๕๔.๑๗ ๑๘๕
ด้านการเสริมสร้าง ระหว่างกลมุ่ ๘.๙๓ ๔ ๒.๒๓ ๔.๕๖ ๐.๐๐*
วฒั นธรรมประชาธิปไตย ภายในกลมุ่ ๘๘.๕๓ ๑๘๑ ๐.๔๙
รวม ๙๗.๔๖ ๑๘๕
ระหว่างกลมุ่ ๑.๒๔ ๔ ๐.๓๑ ๐.๘๑ ๐.๕๒
รวม ภายในกลมุ่ ๖๙.๔๒ ๑๘๑ ๐.๓๘
รวม ๗๐.๖๖ ๑๘๕
*มนี ัยสาํ คญั ทางสถติ ิท่ีระดบั ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๐ พบว่า ผลการทดสอบสมมติฐาน นิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีช้ันปีต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมือง โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมติฐานท่ีต้ังไว้ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีช้ันปีต่างกัน มีส่วนร่วม
ในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย แตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญ
๗๓
ทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ ส่วนด้านการเลือกตั้ง ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมือง และด้านการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองมกี ารมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมือง ไม่แตกต่างกัน
ดังน้ัน เมื่อพบความแตกต่างกัน จึงได้ทําการทดสอบหาค่าค่าเฉลี่ยรายคู่ โดยใช้วิธีผลต่าง
นยั สําคัญน้อยท่สี ุด (Least Significant Difference : LSD.) ดงั นี้
ตารางท่ี ๔.๒๑ แสดงการทดสอบความแตกต่างระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เป็น
รายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยท่ีสุด (LSD.) ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรม
ประชาธปิ ไตย จําแนกตามชั้นปี
ระดบั ชนั้ ปี (x)̅ ชนั้ ปที ่ี ๑ ชัน้ ปีท่ี ๒ ระดับชนั้ ปี (n = ๑๘๖)
๓.๙๐ ๓.๙๘ ชั้นปีท่ี ๓ ช้นั ปที ่ี ๔
-๐.๐๘ ๓.๘๖ ๓.๙๘ ชัน้ ปีที่ ๕
ชน้ั ปที ่ี ๑ ๓.๙๐ - ๐.๐๔ -๐.๐๘ ๖.๐๐
ชน้ั ปีที่ ๒ ๓.๙๘ - - ๐.๑๒ ๐.๐๐ -๒.๑๐*
ช้นั ปีท่ี ๓ ๓.๘๖ - - -๒.๐๒*
ชนั้ ปที ี่ ๔ ๓.๙๘ - - - -๐.๑๒ -๒.๑๔*
ชั้นปีที่ ๕ ๖.๐๐ - - -- -๒.๐๒*
*มนี ัยสําคัญทางสถิติท่รี ะดับ ๐.๐๕ --
-
จากตารางที่ ๔.๒๑ พบว่า นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีช้ันปีต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรม
ประชาธิปไตย แตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ จํานวน ๔ คู่ ได้แก่ นิสิตช้ันปีท่ี ๑
มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมือง ดา้ นการเสริมสรา้ งวฒั นธรรมประชาธิปไตย แตกต่างกบั ชั้นปีท่ี ๕
นิสิตชั้นปีที่ ๒ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย
แตกตา่ งกับ ชน้ั ปที ่ี ๕ นิสติ ชั้นปีที่ ๓ มีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสรมิ สรา้ งวฒั นธรรม
ประชาธิปไตย แตกต่างกับ ช้ันปีท่ี ๕ และนิสิตชั้นปีที่ ๔ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการ
เสริมสร้างวฒั นธรรมประชาธิปไตย แตกตา่ งกับ ช้นั ปีที่ ๕ นอกนั้นไม่พบความแตกตา่ งรายคู่
๗๔
สมมติฐานที่ ๔ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแกน่ ทมี่ ีสาขาวิชาตา่ งกนั มสี ว่ นร่วมในกิจกรรมทางการเมอื ง แตกตา่ งกัน
ตารางที่ ๔.๒๒ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตาม
สาขาวิชา
ดา้ นการเลอื กตั้ง ความแปรปรวน SS df (n = ๑๘๖)
ระหวา่ งกล่มุ ๕.๑๖ ๗.๐๐ MS F Sig.
ดา้ นการติดตามข่าวสาร ภายในกลุ่ม ๘๑.๓๘ ๑๗๘.๐๐ ๐.๗๔ ๑.๖๑ ๐.๑๓
ทางการเมอื ง รวม ๘๖.๕๔ ๑๘๕.๐๐ ๐.๔๖
ดา้ นการแลกเปล่ยี น ระหวา่ งกลมุ่ ๓.๐๘ ๗.๐๐ ๐.๔๔ ๐.๙๓ ๐.๔๙
ความคิดเหน็ ทางการ ภายในกลมุ่ ๘๔.๓๐ ๑๗๘.๐๐ ๐.๔๗
เมือง ๘๗.๓๘ ๑๘๕.๐๐
ดา้ นการเสรมิ สรา้ ง รวม ๐.๙๘ ๑.๑๘ ๐.๓๒
วฒั นธรรม ๖.๘๕ ๗.๐๐ ๐.๘๓
ประชาธิปไตย ระหว่างกลมุ่ ๑๔๗.๓๒ ๑๗๘.๐๐
ภายในกลุ่ม ๑๕๔.๑๗ ๑๘๕.๐๐ ๐.๘๐ ๑.๕๖ ๐.๑๕
รวม ๐.๕๒
รวม ๕.๖๓ ๗.๐๐
๙๑.๘๓ ๑๗๘.๐๐ ๐.๕๖ ๑.๕๐ ๐.๑๗
ระหวา่ งกลมุ่ ๙๗.๔๖ ๑๘๕.๐๐ ๐.๓๗
ภายในกลุ่ม
๓.๙๔ ๗.๐๐
รวม ๖๖.๗๒ ๑๗๘.๐๐
๗๐.๖๖ ๑๘๕.๐๐
ระหว่างกลุม่
ภายในกลมุ่
รวม
จากตารางที่ ๔.๒๒ พบว่า ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า นิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีสาขาวิชาต่างกัน มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมือง โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เม่ือพิจารณาเป็นราย
ด้าน พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีสาขาวิชาต่างกัน
มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมือง โดยรวมไม่แตกต่างกนั ซึ่งไมเ่ ปน็ ไปตามสมมตฐิ านท่ตี ั้งไว้
๗๕
สมมติฐานท่ี ๕ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแก่นท่ีมีเกรดเฉลี่ยตา่ งกนั มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง แตกต่างกัน
ตารางที่ ๔.๒๓ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญา
ตรี มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น จาํ แนกเกรดเฉลีย่
(n = ๑๘๖)
ความแปรปรวน SS df MS F Sig.
ระหวา่ งกลมุ่ ๓.๑๘ ๔.๐๐ ๐.๗๙ ๑.๗๒ ๐.๑๕
ด้านการเลอื กต้งั ภายในกลุม่ ๘๓.๓๖ ๑๘๑.๐๐ ๐.๔๖
รวม ๘๖.๕๔ ๑๘๕.๐๐
ดา้ นการติดตามข่าวสาร ระหว่างกลุ่ม ๑.๕๖ ๔.๐๐ ๐.๓๙ ๐.๘๒ ๐.๕๑
ทางการเมอื ง ภายในกลุ่ม ๘๕.๘๒ ๑๘๑.๐๐ ๐.๔๗
รวม ๘๗.๓๘ ๑๘๕.๐๐
ด้านการแลกเปลยี่ นความ ระหว่างกลุม่ ๘.๗๘ ๔.๐๐ ๒.๑๙ ๒.๗๓ ๐.๐๓*
คิดเหน็ ทางการเมอื ง ภายในกลมุ่ ๑๔๕.๓๙ ๑๘๑.๐๐ ๐.๘๐
รวม ๑๕๔.๑๗ ๑๘๕.๐๐
ด้านการเสรมิ สร้าง ระหว่างกลมุ่ ๔.๑๐ ๔.๐๐ ๑.๐๒ ๑.๙๙ ๐.๑๐
วฒั นธรรมประชาธิปไตย ภายในกลมุ่ ๙๓.๓๖ ๑๘๑.๐๐ ๐.๕๒
รวม ๙๗.๔๖ ๑๘๕.๐๐
ระหวา่ งกลมุ่ ๑.๖๗ ๔.๐๐ ๐.๔๒ ๑.๑๐ ๐.๓๖
รวม ภายในกลุ่ม ๖๘.๙๙ ๑๘๑.๐๐ ๐.๓๘
รวม ๗๐.๖๖ ๑๘๕.๐๐
*มีนัยสาํ คญั ทางสถติ ิท่ีระดับ ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๓ พบว่า ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า นิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นที่มีเกรดเฉล่ียต่างกัน มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมือง โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซ่ึงไม่เป็นไปตามสมมติฐานท่ีต้ังไว้ เม่ือพิจารณาเป็นราย
ด้าน พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นที่มีเกรดเฉลี่ยต่างกัน
มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ดา้ นการแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ทางการเมอื ง แตกต่างกัน อย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติทรี่ ะดับ ๐.๐๕ ส่วนดา้ นการเลอื กตั้ง ด้านการตดิ ตามข่าวสารทางการเมอื ง และด้าน
การเสริมสรา้ งวัฒนธรรมประชาธิปไตย มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมือง ไมแ่ ตกตา่ งกนั
ดังนั้น เม่ือพบความแตกต่างกัน จึงได้ทําการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ โดยใช้วิธีผลต่าง
นัยสําคัญน้อยท่สี ดุ (Least Significant Difference : LSD.) ดังน้ี
๗๖
ตารางที่ ๔.๒๔ แสดงการทดสอบความแตกตา่ งระดับการมีส่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื งของนิสิต
ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เป็น
รายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (LSD.) ด้านการแลกเปล่ียนความคิดเห็น
ทางการเมอื ง จําแนกตามเกรดเฉลย่ี
เกรดเฉล่ยี (x)̅ ๑.๕๑- ๒.๐๑- เกรดเฉล่ีย (n = ๑๘๖)
๒.๕๐ ๒.๕๑-
๒.๐๐ ๓.๕๑ ๓.๐๐ ๓.๐๑- ๓.๕๑-
-๑.๓๘* ๓.๔๓ ๓.๕๐ ๔.๐๐
๒.๑๓ -๑.๓๐* ๓.๑๗ ๒.๙๗
- ๐.๐๘ -๑.๐๔ -๐.๘๔
๑.๕๑-๒.๐๐ ๒.๑๓ - o.๓๔ ๐.๕๔
- - ๐.๒๖ ๐.๔๖
๒.๐๑-๒.๕๐ ๓.๕๑ -
- - - o.๒๐
๒.๕๑-๓.๐๐ ๓.๔๓ -
- - --
๓.๐๑-๓.๕๐ ๓.๑๗ -
๓.๕๑-๔.๐๐ ๒.๙๗ -
*มีนัยสาํ คัญทางสถติ ิท่รี ะดับ ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๔ พบว่า นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นท่ีมีเกรดเฉล่ียต่างกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการ
แลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการเมือง แตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ จํานวน ๒
คู่ ได้แก่ นิสิตที่มีเกรดเฉลี่ย ๑.๕๑-๒.๐๐ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการแลกเปล่ียน
ความคิดเห็นทางการเมือง แตกต่างกับ นิสิตท่ีมีเกรดเฉล่ีย ๒.๐๑-๒.๕๐ และนิสิตท่ีมีเกรดเฉลี่ย
๑.๕๑-๒.๐๐ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง
แตกตา่ งกบั นสิ ติ ท่มี เี กรดเฉลีย่ ๒.๕๑-๓.๐๐ นอกน้นั ไมพ่ บความแตกต่างรายคู่
๔.๕ ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรมกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่
สมมติฐานท่ี ๖ นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยา
เขตขอนแก่น มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ต่างกัน มีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมอื ง แตกตา่ งกนั
การวิเคราะห์สมมติฐานท่ี ๖ ใช้สถิติ F-test (One-way ANOWA) ในการทดสอบความ
แปรปรวนแบบทางเดียวเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยที่มากกว่าสองกลุ่ม ใช้ระดับความ
เช่ือม่ัน ๙๕% ดังน้ัน ถ้าเป็นไปตามสมมติฐานต่อเมื่อค่า Sig. น้อยกว่า ๐.๐๕ ถ้าพบความแตกต่าง
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ ๐.๐๕ จะเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีการของ LSD. (Least
Significant Difference) และนําเสนอในรปู ตารางประกอบการบรรยาย ดงั ตอ่ ไปน้ี
๗๗
ตารางที่ ๔.๒๕ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
กับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จาํ แนกตามด้านเมตตากายกรรม
(n = ๑๘๖)
ความแปรปรวน SS df MS F Sig.
ระหวา่ งกลุ่ม ๒๖.๓๙ ๔ ๖.๖๐ ๑๕.๐๒ ๐.๐๐*
ดา้ นการเลอื กตั้ง ภายในกลมุ่ ๗๙.๕๑ ๑๘๑ ๐.๔๔
รวม ๑๐๕.๙๐ ๑๘๕
ด้านการติดตาม ระหวา่ งกลมุ่ ๓๑.๔๖ ๔ ๗.๘๗ ๒๑.๕๑ ๐.๐๐*
ข่าวสารทางการเมือง ภายในกลุม่ ๖๖.๒๐ ๑๘๑ ๐.๓๗
รวม ๙๗.๖๖ ๑๘๕
ด้านการแลกเปลี่ยน ระหว่างกลุ่ม ๔๘.๗๒ ๔ ๑๒.๑๘ ๑๘.๙๑ ๐.๐๐*
ความคดิ เหน็ ทางการ ภายในกลุ่ม ๑๑๖.๖๑ ๑๘๑ ๐.๖๔
เมอื ง รวม ๑๖๕.๓๓ ๑๘๕
ด้านการเสรมิ สรา้ ง ระหวา่ งกลุ่ม ๓๖.๔๘ ๔ ๙.๑๒ ๒๒.๙๘ ๐.๐๐*
วฒั นธรรม ภายในกลุ่ม ๗๑.๔๔ ๑๘๐ ๐.๔๐
ประชาธปิ ไตย รวม ๑๐๗.๙๑ ๑๘๔
ระหวา่ งกลมุ่ ๒๙.๗๐ ๔ ๗.๔๓ ๒๔.๒๑ ๐.๐๐*
รวม ภายในกลุ่ม ๕๔.๙๐ ๑๗๙ ๐.๓๑
รวม ๘๔.๖๐ ๑๘๓
*มีนยั สาํ คญั ทางสถิติทร่ี ะดับ ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๕ พบว่านิสิตมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
๖ ด้านเมตตากายกรรม ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ในภาพรวมแตกต่างกัน อย่าง
มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ซ่ึงเป็นไปตามสถิติที่ตั้งไว้ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีส่วน
ร่วมในกจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ดา้ นเมตตากายกรรม ตา่ งกนั การมสี ่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกันในทุกด้าน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ ซ่ึงเป็นไปตาม
สถิตทิ ต่ี ้งั ไว้
ดังนั้น เม่ือพบความแตกต่างจึงได้ทําการทดสอบเพื่อหาความแตกต่างรายคู่ โดยใช้วิธี
ผลตา่ งนยั สําคัญน้อยท่สี ุด (Least Significant Difference : LSD.) ดังนี้
๗๘
ตารางท่ี ๔.๒๖ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตาม
หลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามด้านการเลือกตง้ั
(n = ๑๘๖)
หลกั นอ้ ยท่สี ดุ ดา้ นการเลือกต้งั มาก มากทส่ี ุด
สาราณียธรรม (x)̅ ๒.๕๐ นอ้ ย ปานกลาง ๓.๘๐ ๔.๑๗
๓.๒๑ ๓.๒๗
น้อยทีส่ ดุ ๒.๕๐ - -๑.๓๐* -๑.๖๗*
นอ้ ย ๓.๒๑ - -๐.๗๑ -๐.๗๗ -๐.๕๙* -๐.๙๖*
- -๐.๐๖ -๐.๕๓* -๐.๙๐*
ปานกลาง ๓.๒๗ - -- -๐.๓๖*
มาก ๓.๘๐ - -- -
-- - -
มากท่ีสดุ ๔.๑๗ -
*มนี ยั สาํ คัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๖ พบว่า นิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรม ๖ ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ
๐.๐๕ จํานวน ๗ คู่ ไดแ้ ก่
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับน้อยท่ีสุด แตกต่าง
จากนสิ ิตท่มี ีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื ง ด้านการเลือกตงั้ ในระดบั มาก และระดับมากท่สี ุด
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับน้อย แตกต่างจาก
นสิ ติ ท่มี ีส่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง ด้านการเลอื กต้ัง ในระดับมาก และระดบั มากทสี่ ุด
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับปานกลาง แตกต่าง
จากนิสิตทม่ี ีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื ง ดา้ นการเลือกตั้ง ในระดบั มาก และระดบั มากท่สี ุด
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับมาก แตกต่างจากนิสิต
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเลือกตั้ง ในระดับมากท่ีสุด นอกนั้นไม่พบความแตกต่าง
รายคู่
๗๙
ตารางท่ี ๔.๒๗ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตาม
หลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามด้านการติดตามขา่ วสารทางการเมือง
ดา้ นการติดตามขา่ วสารทางการเมือง (n = ๑๘๖)
หลกั นอ้ ยที่สดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ
สาราณียธรรม (x)̅ ๒.๐๐ ๓.๓๒ ๓.๒๔ ๓.๘๐ ๔.๒๒
-๒.๒๒*
นอ้ ยท่สี ดุ ๒.๐๐ - -๑.๓๒* ๑.๒๔* -๑.๘๐* -๐.๙๑*
-๐.๙๘*
น้อย ๓.๓๒ - - ๐.๐๘ -๐.๔๙* -๐.๔๒*
ปานกลาง ๓.๒๔ - - - -๐.๕๖* -
มาก ๓.๘๐ - - - -
มากทสี่ ุด ๔.๒๒ - - - -
*มนี ยั สําคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดับ ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๗ พบว่า นิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรม ๖ ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ
๐.๐๕ จํานวน ๙ คู่ ไดแ้ ก่
นสิ ิตมหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่ส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับน้อยที่สุด แตกต่างจากนิสติ ที่มี
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมอื ง ในระดับปานกลาง ระดับมาก
และระดบั มากที่สดุ
นสิ ิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น ที่ส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับน้อย แตกต่างจากนิสิตที่มีส่วน
ร่วมในกจิ กรรมทางการเมอื ง ดา้ นการตดิ ตามข่าวสารทางการเมือง ในระดบั มาก และระดับมากท่ีสดุ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับปานกลาง แตกต่าง
จากนิสิตทมี่ ีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมอื ง ด้านการติดตามข่าวสารทางการเมอื ง ในระดับมาก และ
ระดบั มากทส่ี ดุ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับมาก แตกตา่ งจากนิสิต
ท่ีมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง ด้านการติดตามขา่ วสารทางการเมือง ในระดับมากท่ีสุด นอกน้ัน
ไมพ่ บความแตกตา่ งรายคู่
๘๐
ตารางที่ ๔.๒๘ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตาม
หลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามดา้ นการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นทางการเมือง
(n = ๑๘๖)
ด้านการแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง
หลกั นอ้ ยทสี่ ุด น้อย ปานกลาง มาก มากทีส่ ุด
สาราณียธรรม (x)̅ ๒.๐๐ ๒.๓๗ ๓.๐๓ ๓.๕๕ ๔.๐๖
น้อยทส่ี ดุ ๒.๐๐ - -๐.๓๗ -๑.๐๓ -๑.๕๕* -๒.๐๖*
นอ้ ย ๒.๓๗ - - -๐.๖๖* -๑.๑๘* -๑.๖๙*
ปานกลาง ๓.๐๓ - - - -๐.๕๑* -๑.๐๒*
มาก ๓.๕๕ - - - - -๐.๕๑*
มากทส่ี ดุ ๔.๐๖ - - - - -
*มีนยั สําคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ ๐.๐๕
จากตารางที่ ๔.๒๘ พบว่า นิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรม ๖ ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ
๐.๐๕ จาํ นวน ๘ คู่ ไดแ้ ก่
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมอื งตามหลกั สาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดบั น้อยที่สดุ แตกต่างจาก
นิสิตท่ีมสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ดา้ นการแลกเปลีย่ นความคิดเห็นทางการเมือง ในระดับมาก
และระดับมากท่ีสดุ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับนอ้ ย แตกต่างจากนิสิต
ท่ีมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการแลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการเมือง ในระดับปาน
กลาง ระดับมาก และระดบั มากที่สดุ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับปานกลาง แตกต่าง
จากนิสิตที่มสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ทางการเมือง ในระดับ
มาก และระดับมากที่สดุ
๘๑
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับมาก แตกตา่ งจากนิสิต
ทีม่ สี ่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ ทางการเมือง ในระดับมากทีส่ ุด
นอกนัน้ ไม่พบความแตกตา่ งรายคู่
ตารางที่ ๔.๒๙ แสดงค่าเฉลี่ยรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตาม
หลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามด้านการเสริมสรา้ งวัฒนธรรมประชาธิปไตย
ดา้ นการเสริมสร้างวฒั นธรรมประชาธิปไตย (n = ๑๘๖)
หลัก น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากที่สุด
สาราณียธรรม (x)̅ ๒.๕๐ ๓.๗๔ ๓.๕๕ ๔.๑๑ ๔.๖๙
-๒.๑๙*
น้อยทสี่ ุด ๒.๕๐ - -๑.๒๔* -๑.๐๕* -๑.๖๑* -๐.๙๖*
-๑.๑๕*
น้อย ๓.๗๔ - - ๐.๑๙ -๐.๓๗* -๐.๕๙*
ปานกลาง ๓.๕๕ - - - -๐.๕๖* -
มาก ๔.๑๑ - - - -
มากท่สี ุด ๔.๖๙ - - - -
*มนี ยั สําคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๒๙ พบว่า นิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณีย
ธรรม ๖ ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ
๐.๐๕ จํานวน ๙ คู่ ไดแ้ ก่
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมอื งตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดบั น้อยท่ีสุด แตกต่างจาก
นิสิตท่ีมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ในระดับน้อย
ระดบั ปานกลาง ระดบั มาก และระดับมาก
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดบั นอ้ ย แตกต่างจากนิสิต
ท่ีมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ในระดับมาก และ
ระดบั มาก
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับปานกลาง แตกต่าง
จากนิสิตที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ในระดับ
มาก และระดับมาก
๘๒
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตากายกรรม ในระดับมาก แตกตา่ งจากนิสิต
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ในระดับมากท่ีสุด
นอกน้ันไม่พบความแตกตา่ งรายคู่
ตารางท่ี ๔.๓๐ แสดงความแปรปรวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
กั บ ร ะ ดั บ ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ใน กิ จ ก ร ร ม ท า ง ก า ร เมื อ ง ข อ งนิ สิ ต ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า ต รี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนกตามด้าน
เมตตาวจีกรรม
(n = ๑๘๖)
ความแปรปรวน SS df MS F Sig.
ระหวา่ งกลุ่ม ๒๔.๑๖ ๔ ๖.๐๔ ๑๓.๓๘ ๐.๐๐*
ด้านการเลือกตงั้ ภายในกลุ่ม ๘๑.๗๓ ๑๘๑ ๐.๔๕
รวม ๑๐๕.๙๐ ๑๘๕
ดา้ นการติดตาม ระหวา่ งกลุ่ม ๓๑.๒๕ ๔ ๗.๘๑ ๒๑.๒๙ ๐.๐๐*
ข่าวสารทางการเมอื ง ภายในกลมุ่ ๖๖.๔๑ ๑๘๑ ๐.๓๗
รวม ๙๗.๖๖ ๑๘๕
ด้านการแลกเปล่ยี น ระหวา่ งกลุม่ ๒๔.๗๘ ๔ ๖.๒๐ ๗.๙๘ ๐.๐๐*
ความคดิ เห็นทางการ ภายในกลุ่ม ๑๔๐.๕๕ ๑๘๑ ๐.๗๘
เมอื ง รวม ๑๖๕.๓๓ ๑๘๕
ดา้ นการเสรมิ สรา้ ง ระหว่างกลุ่ม ๓๖.๘๒ ๔ ๙.๒๑ ๒๓.๓๑ ๐.๐๐*
วัฒนธรรม ภายในกลมุ่ ๗๑.๐๙ ๑๘๐ ๐.๓๙
ประชาธปิ ไตย รวม ๑๐๗.๙๑ ๑๘๔
ระหวา่ งกลมุ่ ๒๕.๔๕ ๔ ๖.๓๖ ๑๙.๒๖ ๐.๐๐*
รวม ภายในกลมุ่ ๕๙.๑๕ ๑๗๙ ๐.๓๓
รวม ๘๔.๖๐ ๑๘๓
*มีนยั สาํ คัญทางสถิติทีร่ ะดับ ๐.๐๕
จากตารางที่ ๔.๓๐ พบว่านิสติ มีสว่ นร่วมในกจิ กรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม
๖ ด้านเมตตาวจีกรรม ต่างกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองในภาพรวมแตกต่างกัน อย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ ซึ่งเป็นไปตามสถิติที่ตั้งไว้ เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นิสิตมี
ส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตาวจีกรรม ต่างกัน การมีส่วน
รว่ มในกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกันในทุกด้าน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ ๐.๐๕ ซ่ึงเป็นไป
ตามสถติ ทิ ่ีตั้งไว้
๘๓
ดังน้ัน เมื่อพบความแตกต่างจึงได้ทําการทดสอบเพื่อหาความแตกต่างรายคู่ โดยใช้วิธี
ผลต่างนัยสําคญั นอ้ ยทส่ี ดุ (Least Significant Difference : LSD.) ดังนี้
ตารางท่ี ๔.๓๑ แสดงค่าเฉล่ียรายคู่ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตาม
หลักสาราณียธรรมกับระดับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของนิสิตระดับ
ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จําแนก
ตามด้านการเลอื กตงั้
(n = ๑๘๖)
หลกั น้อยทีส่ ุด ด้านการเลือกต้งั มาก มากทส่ี ดุ
สาราณยี ธรรม (x)̅ ๓.๖๗ น้อย ปานกลาง ๓.๖๔ ๔.๑๕
๒.๕๗ ๓.๓๑
น้อยทสี่ ดุ ๓.๖๗ - ๐.๐๓ -๐.๔๘
น้อย ๒.๕๗ - ๑.๑๐* ๐.๓๖ -๑.๐๗* -๑.๕๗*
- -๐.๗๔* -๐.๓๓* -๐.๘๔*
ปานกลาง ๓.๓๑ - -- -๐.๕๑*
มาก ๓.๖๔ - -- -
-- - -
มากทส่ี ุด ๔.๑๕ -
*มนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ ๐.๐๕
จากตารางท่ี ๔.๓๑ พบว่า นิสิตมีการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตามหลัก
สาราณียธรรม ๖ ต่างกนั การมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมทางการเมอื งแตกต่างกนั อย่างมนี ยั สําคัญทางสถิติ
ทร่ี ะดับ ๐.๐๕ จํานวน ๗ คู่ ได้แก่
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตาวจีกรรม ในระดับน้อยที่สุด แตกต่างจาก
นิสติ ท่มี ีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมือง ดา้ นการเลือกตัง้ ในระดบั น้อย
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กจิ กรรมทางการเมอื งตามหลักสาราณยี ธรรม ๖ ด้านเมตตาวจีกรรม ในระดับนอ้ ย แตกต่างจากนิสติ ท่ี
มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเลือกต้ัง ในระดับปานกลาง ระดับมาก และระดับมาก
ทส่ี ดุ
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณียธรรม ๖ ด้านเมตตาวจีกรรม ในระดับปานกลาง แตกต่างจาก
นิสติ ที่มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมทางการเมอื ง ดา้ นการเลอื กตง้ั ในระดบั มาก ระดบั มากท่ีสุด
นิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมใน
กิจกรรมทางการเมืองตามหลักสาราณยี ธรรม ๖ ด้านเมตตาวจกี รรม ในระดับมาก แตกต่างจากนิสิตที่
มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ด้านการเลือกตั้ง ในระดับมากที่สุด นอกนั้นไม่พบความแตกต่าง
รายคู่