The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) 66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Narin Ker Kirdteraphong, 2024-06-06 04:27:33

ทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) 66

ทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) 66

pg. 10 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง การเต้น การทำท่า หรือการแสดงที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราวอันจะถือได้ว่าเป็นงานนาฏกรรมได้ รูปแบบ รายการเกมโชว์ของโจทก์จึงไม่ใช่งานนาฏกรรม ฎีกาที่ 3332/2555 การแสดงการเดินแบบเสื้อผ้าไม่มีการทำท่าที่ประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว จึงไม่ อาจรับฟังว่าการแสดงการเดินแบบเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทนาฏกรรม กลุ่มที่ 2 โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ โสตทัศนวัสดุ หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของภาพโดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมี ลักษณะอย่างใด อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีก โดยใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น และให้ หมายความรวมถึงเสียงประกอบงานนั้นด้วย ถ้ามี สิ่งบันทึกเสียง หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียงอื่น ใด โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะใดๆ อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องมือที่จำเป็น สำหรับการใช้วัสดุนั้น แต่ทั้งนี้มิให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์หรือเสียงประกอบโสตทัศนวัสดุ อย่างอื่น ฎีกาที่ 9801/2555 น. เป็นผู้คิดค้นรูปแบบรายการโทรทัศน์ประเภทสปอร์ตเรียลลิตี้ "THE WINNER" ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์จัดประกวดและคัดเลือกนักฟุตบอลให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อทำการ เผยแพร่ออกอากาศทางโทรทัศน์ แม้รูปแบบรายการโทรทัศน์ดังกล่าวที่ น. คิดขึ้นในขณะนำมาเสนอกับจำเลย จะยังไม่มีการแสดงออกทางความคิดจนเกิดเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 แต่ต่อมาได้มีการจดทะเบียนตั้งบริษัทโจทก์โดยมี น. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจโจทก์ โจทก์และ จำเลยตกลงร่วมกันผลิตรายการโทรทัศน์ดังกล่าวและได้ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างกัน โดยจำเลยตกลงที่จะ ชำระค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ในการได้สิทธิผลิตและออกอากาศชุดรายการโทรทัศน์ดังกล่าว ข้อตกลงเกี่ยวกับ การที่โจทก์อนุญาตให้สิทธิจำเลยผลิตรายการตามรูปแบบรายการดังกล่าวและนำไปออกอากาศจึงมีผลผูกพัน และสามารถบังคับได้ตามกฎหมายระหว่างโจทก์และจำเลย โจทก์แจ้งต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่าโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุ ชื่อ "THE WINNER" ก่อนที่โจทก์จะได้สร้างสรรค์งานดังกล่าวซึ่งขณะนั้นไม่มีงานลิขสิทธิ์เกิดขึ้น การแจ้งดังกล่าวจึงไม่ทำ ให้โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าว เพราะการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์นั้น จะต้องมีการสร้างสรรค์งานและเข้า เงื่อนไขตามที่บัญญัติไว้ตามกฎหมาย โจทก์เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้สร้างสรรค์งานโสตทัศนวัสดุเทป ต้นฉบับรายการโทรทัศน์ "THE WINNER" ตอนที่ 1 ถึง 3 ก่อนที่จำเลยจะนำมาตัดต่อเพื่อออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์ เป็นตอนที่ 1 ถึง 3 โจทก์จึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุเทปต้นฉบับรายการ โทรทัศน์ตอนที่ 1 ถึงที่ 3 ดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 8 (2) จำเลยได้มีการประชุมร่วมกับโจทก์และตกลงให้จำเลยตัดต่อเทปต้นฉบับเพื่อออกอากาศใหม่ ถือว่า โจทก์ยินยอมให้จำเลยทำการตัดต่อเทปตอนที่ 1 ถึง 3 ใหม่ตามการแสดงออกทางความคิดของจำเลยเพื่อ ออกอากาศ เป็นการที่โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยดัดแปลงงานโสตทัศน์วัสดุเทปต้นฉบับรายการโทรทัศน์ อันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยจึงมีลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุเทปโทรทัศน์รายการโทรทัศน์ที่ดัดแปลงแล้วนำ ออกอากาศในตอนที่ 1 ถึง 3 ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 11 จำเลยนำเทปรายการโทรทัศน์ตอน


pg. 11 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ที่ 1 ถึง 3 ที่จำเลยได้ออกอากาศมาตัดต่อใหม่เป็นเทปรายการโทรทัศน์ดังกล่าวตอนที่ 4 ถึง 6 เป็นการที่ จำเลยดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนเอง จำเลยจึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุเทปรายการ โทรทัศน์ ตอนที่ 4 ถึงที่ 6 ดังกล่าว เทปรายการโทรทัศน์ตอนที่ 7 ถึง 27 เป็นเทปรายการโทรทัศน์ที่จำเลยสร้างสรรค์ขึ้นภายหลังที่โจทก์ อนุญาตให้จำเลยผลิตรายการโทรทัศน์ดังกล่าวตามบันทึกข้อตกลง โดยโจทก์ให้สิทธิจำเลยในการผลิตและ ออกอากาศชุดรายการโทรทัศน์ "THE WINNER" ที่โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิในรูปแบบรายการดังกล่าว โดยไม่ ปรากฏข้อตกลงอื่นเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานโสตทัศนวัสดุเทปรายการโทรทัศน์ ที่จำเลยได้รับ อนุญาตให้ผลิต จำเลยซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์งานโสตทัศนวัสดุเทปรายการโทรทัศน์ตอนที่ 7 ถึง 27 ดังกล่าวจึง เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 8 (2) ภาพยนตร์ หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลำดับของภาพ ซึ่งสามารถนำออกฉาย ต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์หรือสามารถบันทึกลงบนวัสดุอื่น เพื่อนำออกฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์ และให้ หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์นั้นด้วย ถ้ามี *งานแพร่เสียงแพร่ภาพ (น่าสนใจ) หมายความว่า งานที่นำออกสู่สาธารณชนโดยการแพร่เสียงทาง วิทยุกระจายเสียง การแพร่เสียงและหรือภาพทางวิทยุโทรทัศน์ หรือโดยวิธีอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน ฎีกาที่ 7872/2549 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณ รับเสียงและภาพ ภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วม แล้วแพร่หรือถ่ายทอดสัญญาณนั้นผ่านสายรับสัญญาณไปยังห้องพัก ที่จำเลยให้บริการ อันเป็นการจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพภาพยนตร์รายการโทรทัศน์ของโจทก์ร่วมซึ่งเป็น ผู้เสียหายโดยมิได้รับอนุญาต และเมื่อจำเลยจัดทำเพื่อให้ผู้เช่าห้องพักในอาคารที่พักของตนได้รับชมโดยผู้เช่า ต้องเสียค่าเช่า ซึ่งรวมถึงบริการสัญญาณเสียงและภาพตามฟ้อง จึงเป็นการกระทำความผิดเพื่อการค้า คำถาม สัญญาอนุญาตให้เราไปแพร่เสียงแพร่ภาพการประกวด Miss Universe Thailand เป็นสัญญา อนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์หรือไม่ การจะเป็นอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ได้การจัดประกวดนั้น ต้องเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ แต่ การจัดประกวด Miss Universe Thailand ไม่ใช่งานวรรณกรรม ไม่ใช่งานศิลปกรรม จึงไม่เป็นงานอันมี ลิขสิทธิ์แต่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สิทธิในการแพร่เสียงแพร่ภาพเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ซึ่งการแพร่เสียงแพร่ภาพอาจจะแพร่เสียง แพร่ภาพในงานอันไม่มีลิขสิทธิ์ก็ได้ เช่น การจัดงานอีเว้นต่างๆ การแข่งกีฬา หรือแพร่เสียงแพร่ภาพในงานอันมี ลิขสิทธิ์ก็ได้ เช่น ขอถ่ายทอดภาพยนตร์ ซึ่งการแพร่เสียงแพร่ภาพในงานอันไม่มีลิขสิทธิ์นั้นงานที่แพร่เสียงแพร่ ภาพเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์แต่การจัดงานนั้นไม่มีลิขสิทธิ์ได้ กลุ่มที่ 3 งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะงานที่ไม่ถือเป็นงานอันมี ลิขสิทธิ์ มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ (1) ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารอันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ (2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย


pg. 12 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง (3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือ หน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น (4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ (5) คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตาม (1) ถึง (5) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของ รัฐหรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น คือ เป็นงานที่ต้องการเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้ไม่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ แต่ถ้านำข่าวมาวิเคราะห์อาจ เป็นงานวรรณกรรมได้ หรือนำคำพิพากษาฎีกามาย่อใหม่ก็อาจเป็นงานวรรณกรรมได้ ฎีกาที่ 508/2508 ผู้เสียหายได้แปลประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1669 เป็น ภาษาอังกฤษแล้วตีพิมพ์จำหน่ายย่อมได้ลิขสิทธิ์ในคำแปลนั้น คำแปลดังกล่าวเป็นวรรณกรรมตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ.2474 มาตรา 4 และผู้เสียหายได้ลิขสิทธิ์ตาม มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ฎีกาที่ 973/2551 สำหรับเฉพาะในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานวิจารณ์คำศัพท์ทั้ง 7 คำคือ ครอบครอง ครอบครองปรปักษ์ คู่สัญญา ตัวการ พินัยกรรม คดีดำ คดีแดง ซึ่งเป็นบางส่วนของหนังสือที่โจทก์เป็นผู้เขียน นั้น จำต้องวิเคราะห์เป็นคำๆ ไป ซึ่งเนื้อหางานวิจารณ์คำแต่ละคำนั้นประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งได้แก่ คำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งการวิจารณ์ ส่วนที่สองเนื้อหาการวิจารณ์ และส่วนที่สามซึ่ง เป็นส่วนที่พิพาทกันในคดีนี้ คือ ส่วนความหมายของคำศัพท์ ตามที่ควรจะเป็น ดังนั้นเนื้อหาส่วนที่สามซึ่งเป็น บทสรุปดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องการชี้ให้เห็นว่า ความหมายที่ถูกต้องตามกฎหมายต้องเป็นอย่างไร ซึ่ง เมื่อพิเคราะห์ความหมายของคำที่เป็นบทสรุปของโจทก์ แต่ละความหมายนั้นแล้วก็พบว่า ความหมายของคำว่า ครอบครอง ครอบครองปรปักษ์ ตัวการ และพินัยกรรม ล้วนมีเนื้อหาตรงกับความหมายที่ปรากฏอยู่แล้วใน กฎหมายคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายอาญา แตกต่างกันบ้างเฉพาะถ้อยคำที่ เป็นรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การเชื่อมโยงคำ หรือการเรียงประโยค ดังนั้น ในส่วนความหมายของคำว่า ครอบครอง ครอบครองปรปักษ์ ตัวการ และพินัยกรรม ในหนังสือของโจทก์นั้น จึงเป็นเนื้อความในตัวบท กฎหมาย โจทก์ย่อมไม่มีลิขสิทธิ์ในความหมายของคำดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 7 (2) *ฎีกาที่ 8313/2561 (น่าสนใจยังไม่เคยออกข้อสอบอาจารย์บอกว่าอาจจะเสนอเป็นข้อสอบ) งานที่โจทก์กล่าวอ้างเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดทุนหรือตลาดหลักทรัพย์ โดยรวบรวมข้อมูล จากแหล่งต่างๆ มีการค้นคว้ามาจากข้อมูลมาจากข่าวสารในประเทศและต่างประเทศ การสัมภาษณ์บุคคลที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลและเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุน ทั้งยังมีการวิเคราะห์และคาดการณ์เพื่อประกอบ ในการตัดสินใจของนักลงทุน ก่อนนำเผยแพร่ผ่านโปรแกรมแอสเพน (Aspen) แสดงให้เห็นว่างานของโจทก์ เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลข่าวมาวิเคราะห์กลั่นกรองแล้วเรียบเรียงเป็นบทความ บทสัมภาษณ์และบทวิเคราะห์ งานของโจทก์จึงไม่ใช่แค่เพียงการเสนอข่าวประจำวันและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นข่าวสารเท่านั้น แต่ เป็นงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์


pg. 13 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองใครบ้างและคุ้มครองสิทธิอะไร มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียว ดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์และสิ่งบันทึกเสียง (4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น (5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิตาม (1) (2) หรือ (3) โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไข ดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ การพิจารณาว่าเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง (5) จะเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ให้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ดัดแปลง หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม หรือจำลองงานต้นฉบับ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น แปลนิยายจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เผยแพร่ต่อสาธารณชน หมายความว่า ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน โดยการแสดง การบรรยาย การ สวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ ได้จัดทำขึ้น ข้อสังเกต การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานจำกัดเฉพาะ 4 งานนี้เท่านั้น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์และสิ่งบันทึกเสียง ไม่รวมถึงวรรณกรรม ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น คือ ให้ประโยชน์แก่บุคคลที่สาม เช่น เจ้าของลิขสิทธิ์รูปถ่าย อนุญาตให้สถาบันศิลปกรรมแห่งหนึ่งนำไปออกแสดงให้ประชาชนได้รับชม โดยเก็บค่าเข้าชมได้ แต่กำหนด เงื่อนไขว่าค่าเข้าชมครึ่งหนึ่งจะต้องมอบให้กับองค์กรสาธารณกุศล ซึ่งหมายความว่า องค์กรสาธารณกุศลนั้น เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์รูปถ่ายนั้น แต่ถ้าเป็นอนุญาตให้ใช้สิทธิ เช่น ก. อนุญาตให้ ข. ใช้สิทธิ อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะ ที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้เช่น อาจารย์อนุญาตให้ ก. พิมพ์หนังสือของอาจารย์ได้โดย กำหนดว่าต้องใช้กระดาษจากโรงพิมพ์ของเอ เท่านั้นเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรม โดยต้องดู กฎกระทรวง พ.ศ.2540 ออกตามความใน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ประกอบ การอนุญาตให้ใช้สิทธิในกฎหมายลิขสิทธิ์จะต่างจากเรื่องการอนุญาต ให้ใช้สิทธิในกฎหมายการค้า คือ การอนุญาตให้ใช้สิทธิในกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ต้องทำเป็นหนังสือและสามารถที่จะทำด้วยวาจาก็ได้ และถ้าไม่ กำหนดเงื่อนไขเลยสามารถอนุญาตให้คนอื่นใช้สิทธิได้ด้วย แต่ถ้าเป็นการอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยเด็ดขาดต้องทำ เป็นหนังสือและระบุข้อห้ามไว้ตาม มาตรา 16


pg. 14 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง มาตรา16 ในกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ได้อนุญาตให้ผู้ใดใช้สิทธิตาม มาตรา ๑๕ (5) ย่อมไม่ตัดสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธินั้นได้ด้วย เว้นแต่ในหนังสืออนุญาตได้ระบุ เป็นข้อห้ามไว้ ฎีกาที่ 8452/2547 โจทก์เป็นผู้ประพันธ์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในนวนิยายเรื่องดาวพระศุกร์ ทำสัญญาอนุญาตให้จำเลยร่วมที่ 2 นำนวนิยายเรื่องดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ 1 ครั้ง เพื่อจัดฉายตาม โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศภายใน 7 ปี ดังนี้ แม้จำเลยร่วมที่ 2 จะมีลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ที่ได้ดัดแปลงขึ้น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 9 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะที่ทำสัญญาก็ตาม แต่สิทธิในลิขสิทธิ์ สำหรับงานภาพยนตร์ดังกล่าวของจำเลยร่วมที่ 2 มีจำกัดอยู่เพียงสิทธิในการโฆษณาหรือเผยแพร่ต่อ สาธารณชน ซึ่งภาพยนตร์นั้นด้วยการฉายตามโรงภาพยนตร์ภายใน 7 ปีตามสัญญาเท่านั้น จำเลยร่วมที่ 2 ไม่มี สิทธิในการทำซ้ำหรือดัดแปลง นำออกโฆษณา หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยวิธีอื่น ฎีกาที่ 2572/2548 โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานวรรณกรรมเรื่องผีเสื้อและดอกไม้ จำเลยที่ 1 เป็น เจ้าของลิขสิทธิ์ในงานภาพยนตร์ที่สร้างจากวรรณกรรมของโจทก์ โดยได้รับอนุญาตจากโจทก์ แม้สัญญา อนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะระบุให้จำเลยที่ 1 สามารถนำภาพยนตร์ที่สร้างไว้ออก ทำซ้ำและเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ได้โดยไม่ได้ระบุถึงการทำในรูปแบบวีดีโอซีดี ก็ไม่ทำให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียว ของจำเลยที่ 1 ในการทำซ้ำหรือดัดแปลงภาพยนตร์ดังกล่าวอันเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนเสียไป ฎีกาที่ 5395/2546 (น่าสนใจ) โจทก์เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิจากเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ เรื่อง TIANDI ซึ่งเป็นการอนุญาตให้โจทก์แต่ผู้เดียวหรือโดยเด็ดขาด ในการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวใน ประเทศไทยรวมทั้งการนำไปผลิตเป็นโฮมวีดีโอ ในประเภทวิดีโอซีดีและดิจิตอลเวอร์แซทไทล์ดิสก์ ออกให้เช่า และขายด้วยตลอดระยะเวลา 60 เดือน อันเป็นลิขสิทธิ์บางส่วนในงานภาพยนตร์ การที่จำเลยทั้งสองนำภาพ และเสียงของภาพยนตร์เรื่องTIANDI ไปผลิตเป็นแผ่นวิดีโอซีดีออกจำหน่ายแก่ประชาชนในประเทศไทยโดย ไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ในระหว่างอายุสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยเด็ดขาด จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่โจทก์ มีสิทธิใช้แต่ผู้เดียวในประเทศไทย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง ฎีกาที่ 7713/2540 ลำพังของสัญญาอย่างเดียวจะนำมาพิจารณาชี้ขาดว่าเป็นสัญญาใดไม่ได้ ต้อง พิจารณาเนื้อหาสาระสำคัญของสัญญาประกอบด้วย ฎีกาที่ 7036/2543 แม้สัญญาจะระบุชื่อสัญญาว่า "หนังสือสัญญาขายลิขสิทธิ์"แต่มีข้อความใน รายละเอียดกำหนดจำนวนตำราคณิตคิดเลขเร็วสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 ให้จำเลยที่ 1 พิมพ์ กำหนดเดือนและปีที่เริ่มจำหน่าย และการคิดเงินค่าลิขสิทธิ์ โจทก์มิได้ลงนามในฐานะผู้ขายและจำเลย ที่ 1 มิได้ลงนามในฐานะผู้ซื้อเอกสารดังกล่าว จึงเป็นเพียงบันทึกข้อตกลงเท่านั้น จากการคิดค่าแห่งลิขสิทธิ์เป็น รายเล่มและกำหนดจำนวนพิมพ์ของหนังสือแต่ละเล่ม แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ได้มี เจตนาที่จะซื้อขายสิทธิในการทำซ้ำงานมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ แต่เป็นกรณีที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิแต่ ผู้เดียวของโจทก์ในการทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ได้ตาม มาตรา 13(4) และ 14 แห่งพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่ทำข้อตกลงดังกล่าวเท่านั้น ข้อตกลงดังกล่าวจึง มิใช่ข้อตกลงในการซื้อขายลิขสิทธิ์ จึงเป็นเพียงสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์


pg. 15 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง การโอนลิขสิทธิ์ มาตรา 17 เจ้าของลิขสิทธิ์อาจโอนลิขสิทธิ์ของตนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลอื่นได้ และจะ โอนให้โดยมีกำหนดเวลาหรือตลอดอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ก็ได้ การโอนลิขสิทธิ์ตามวรรคสองซึ่งมิใช่ทางมรดก ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ถ้า ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ในสัญญาโอน ให้ถือว่าเป็นการโอนมีกำหนดระยะเวลาสิบปี คือ การโอนลิขสิทธิ์ที่มิใช่ทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ถ้าไม่ได้กำหนด ระยะเวลาไว้ในสัญญาโอน ให้ถือว่าเป็นการโอนมีกำหนดระยะเวลาสิบปีและการโอนจะต่างจากเรื่องอนุญาต ให้ใช้สิทธิเรื่องอนุญาตให้ใช้สิทธิเฉพาะอนุญาตโดยเด็ดขาดที่จะต้องทำเป็นหนังสือแต่ถ้าเป็นอนุญาตให้ใช้สิทธิ ทั่วๆไปวาจาก็ได้ แต่ถ้าเป็นการโอนลิขสิทธิ์หรือที่เรียกว่าซื้อขายกันต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและ ผู้รับโอน แต่ไม่ต้องจดทะเบียน จะโอนทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้จะระบุเวลาคุ้มครองก็ได้หรือจะโอนตลอดอายุ การคุ้มครองลิขสิทธิ์ก็ได้ ฎีกาที่ 18884/2555 แม้ตามสำเนาสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงเอกสารหมาย ล. 11 ระบุข้อความ ว่า โจทก์เป็นผู้ประพันธ์เพลงตกลงโอนขายและ ศ. ตกลงซื้อลิขสิทธิ์เพลงรวมเพลงพิพาทในคดีนี้ด้วย โดยการ โอนนี้เป็นการโอนขายลิขสิทธิ์ทั้งหมดและเสร็จเด็ดขาดตลอดอายุแห่งลิขสิทธิ์ ศ. ผู้ซื้อตกลงจ่ายเงินให้แก่โจทก์ 190,000 บาท ในวันที่ 3 ธันวาคม 2527 อันเป็นวันทำสัญญา แต่ปรากฏในหน้า 2 ของสัญญาเอกสาร หมาย ล. 11 ว่า ศ. ได้จ่ายค่าตอบแทนให้โจทก์อีก 30,000 บาท หลังวันทำสัญญาแล้วนานถึง 6 ปี 15 วัน แสดงให้เห็นว่าค่าตอบแทนตามสัญญามิได้มีการจ่ายให้แก่กันเป็นเงิน 190,000 บาท เพียงครั้งเดียวตามที่ ระบุไว้ในสัญญาเอกสารหมาย ล. 11 ข้อ 3 แม้สัญญาในข้อ 1 จะระบุว่าเป็นการโอนขายลิขสิทธิ์และเสร็จ เด็ดขาดตลอดอายุแห่งลิขสิทธิ์ ก็ไม่มีเหตุผลพอเชื่อว่าเป็นสัญญาโอนขายลิขสิทธิ์ทั้งหมดตลอดอายุแห่งลิขสิทธิ์ เพราะหากเป็นการโอนขายลิขสิทธิ์ทั้งหมดตลอดอายุแห่งลิขสิทธิ์จริง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ ศ. ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้แก่โจทก์ภายหลังวันทำสัญญาอีก การที่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้โจทก์อีกภายหลังกลับมีเหตุให้เชื่อว่าสัญญา ดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์เท่านั้น มิใช่สัญญาโอนขายลิขสิทธิ์ทั้งหมด เมื่อสัญญาเอกสาร หมาย ล. 11 เป็นสัญญาโอนขายลิขสิทธิ์เพียงแต่ชื่อ แต่เจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญาระหว่างโจทก์กับ ศ. เป็น การทำสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์เพลงของโจทก์ ลิขสิทธิ์ในเพลงดังกล่าวจึงยังคงเป็นของโจทก์ มิได้ตกเป็น ของ ศ. ดังนั้น ศ. จึงมีสิทธิเฉพาะตัวในฐานะเป็นผู้รับอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ในเพลงดังกล่าว และมีขอบเขตใน สิทธิตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเท่านั้น ศ. จึงไม่มีสิทธินำเพลงดังกล่าวไปอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิในลิขสิทธิ์อีก การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ 1.สร้างสรรค์โดยอิสระ 2.สร้างสรรค์ในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง มาตรา 9 เป็นเรื่องการจ้างแรงงาน ลิขสิทธิ์เป็นของผู้สร้างสรรค์คือลูกจ้าง โดยนายจ้างมีสิทธินำงานออกเผยแพร่ ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์แห่งการจ้างแรงงาน ฎีกาที่ 9523/2544 ลูกจ้างสร้างสรรค์โปรแกรมคอมพิวเตอร์


pg. 16 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง 3.สร้างสรรค์โดยการรับจ้างบุคคลอื่น มาตรา 10 เป็นเรื่องการจ้างทำของ ลิขสิทธิ์เป็นของผู้ว่าจ้าง ฎีกาที่ 3240/2543 งานสร้างสรรค์ที่ผู้รับจ้างทำขึ้นมาจะตกเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างก็ต่อเมื่อการ ว่าจ้างนั้นมีผลสมบูรณ์ผูกพันกันโดยชอบ โจทก์สร้างสรรค์งานภาพเขียนขึ้น แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่ามีเหตุ มาจากการที่จำเลยมาติดต่อกับโจทก์เพื่อให้โจทก์จัดทำป้ายโฆษณาการคล้องช้างในงานอยุธยามรดกโลกก็ตาม แต่ในชั้นแรกโจทก์กับจำเลยยังไม่ได้ตกลงกันในเรื่องราคาค่าจ้าง รวมทั้งรายละเอียดของภาพโฆษณา ต่อมา โจทก์ได้เขียนภาพต้นแบบขึ้นนำไปให้จำเลยพิจารณาจำเลย ก็ขอให้ปรับปรุงรายละเอียดบางประการ จากนั้น โจทก์จึงเสนอราคาค่าจ้างแต่จำเลยเห็นว่าแพงไปและตกลงกันไม่ได้ จำเลยจึงไม่ว่าจ้างโจทก์ทำป้ายโฆษณา ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าโจทก์กับจำเลยยังตกลงกันในเรื่องสาระสำคัญของสัญญาไม่ได้ การว่าจ้างหรือสัญญาจ้าง ทำของระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงไม่ได้เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ งานสร้างสรรค์ภาพ "พิธีคล้องช้าง" ที่โจทก์ทำขึ้นจึงหาตกเป็นลิขสิทธิ์ของจำเลยตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ไม่ แต่เป็นลิขสิทธิ์ ของโจทก์เพียงผู้เดียว ฎีกาที่ 2189-2190/2548 แม้สัญญาจ้างแรงงานกับสัญญาจ้างทำของจะมีลักษณะที่คล้ายกันคือ ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างต่างก็ต้องทำงานให้แก่นายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง และนายจ้างหรือผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายสินจ้างแก่ ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างเป็นการตอบแทนเช่นกัน แต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันที่สำคัญ คือ ตามสัญญาจ้างแรงงาน นั้นลูกจ้างต้องทำงานให้นายจ้างตามวัตถุประสงค์แห่งสัญญาจ้างแรงงาน ที่ตกลงกันโดยไม่จำเป็นต้องมีการตก ลงกันโดยมุ่งประสงค์ต่อผลสำเร็จของการงานอันใดอันหนึ่งโดยเฉพาะ หรือคิดค่าตอบแทนจากผลสำเร็จของ การงานที่ตกลงกันแต่อย่างใด นายจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานมีสิทธิบังคับบัญชามอบหมายและควบคุมกำกับ การทำงานของลูกจ้างให้ทำงานใดๆ ภายใต้ข้อตกลงเกี่ยวกับหน้าที่และสภาพการจ้างงานนั้นได้ ส่วนสัญญาจ้าง ทำของนั้น ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างจะมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อความสำเร็จของงานอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามข้อตกลงที่ว่าจ้างให้ทำกัน โดยถือเอาผลสำเร็จของการงานที่ตกลงให้ทำกันนั้นเป็นสาระสำคัญ โดยผู้ว่าจ้าง มิได้มีสิทธิบังคับบัญชาสั่งการผู้รับจ้างแต่อย่างใด พฤติการณ์ที่มีการจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน และผู้ว่าจ้างจัดหา อุปกรณ์เครื่องมือในการทำงานให้ผู้ทำงานนั้น แม้จะเป็นพฤติการณ์ที่มักเกิดขึ้นในกรณีของการจ้างลูกจ้าง ทำงานให้แก่นายจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานก็ตาม แต่ก็มิใช่ข้อเท็จจริงที่ทำให้ฟังได้ว่าเป็นกรณีตามสัญญาจ้าง แรงงานเสมอไปทั้งหมด เนื่องจากสัญญาจ้างทำของก็อาจมีพฤติการณ์การจ่ายค่าตอบแทนหรือการจัดหา เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทำงานเช่นเดียวกับการจ้างแรงงานได้เช่นกัน การที่โจทก์ทั้งสองทำงานวาดภาพ นกให้แก่ บ. นั้นก็เพื่อใช้ประกอบหนังสือ "A Guide to the Birds of Thailand" ที่ บ. จะจัดทำขึ้น โดยในการวาดภาพต้องทำให้สอดคล้องกับข้อมูลทางวิชาการที่เป็น รายละเอียดเกี่ยวกับนกแต่ละวงศ์แต่ละชนิด ต้องใช้ซากนกที่ บ. เก็บรวบรวมไว้จำนวนมาก และต้องเดินทาง ไปดูนกในสภาพธรรมชาติ กับยังต้องค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้การวาดภาพนกนี้ต้องใช้เวลานานหลายปี และ เป็นกรณีจำเป็นที่จะต้องให้โจทก์แต่ละคนทำงานที่สถานที่ทำงานของ บ. เพื่อความสะดวกในการเทียบเคียง ข้อมูลและประสานข้อมูลการบรรยายด้วยข้อความกับภาพวาดให้สอดคล้องต้องกัน ทั้งยังได้ความ ว่าในการ ทำงานวาดภาพนก บ. ไม่ได้กำหนดให้โจทก์ที่ 1 วาดภาพนกเป็นตัวๆ แต่จะกำหนดเป็นวงศ์ แล้วโจทก์ที่ 1


pg. 17 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง จะวาดภาพนกในวงศ์นั้นทั้งหมด การกำกับดูแลของ บ. เป็นเพียงการเร่งรัดงานเท่านั้น สำหรับโจทก์ที่ 2 ก็วาด ภาพโดยได้รับคำแนะนำให้ข้อมูลจาก ฟ. และดูตัวอย่างจากซากนก กับข้อมูลจากหนังสือต่างๆ หาก ฟ. หรือ บ. เห็นว่าไม่ถูกต้อง และแจ้งให้โจทก์ที่ 2 ทราบ ถ้าโจทก์ที่ 2 เห็นด้วยก็จะแก้ไข แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็จะไม่แก้ไข อันเป็นการแสดงว่าโจทก์ทั้งสองทำงานวาดภาพโดยมีอิสระในการทำงานมาก มิใช่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา เยี่ยงที่นายจ้างมีต่อลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานแต่อย่างใด และในการเดินทางไปดูนกในสภาพตามธรรมชาติ ก็ยังปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งผิดปกติวิสัยของผู้เป็นลูกจ้าง ทั้งเมื่อโจทก์ทั้งสองวาดภาพ เพื่อประกอบการทำหนังสือดังกล่าวแล้วเสร็จ โจทก์ทั้งสองก็ไม่ได้ทำการวาดภาพหรือทำงานกับ บ. หรือจำเลย ที่ 1 อีกแต่อย่างใด เห็นได้ว่าสภาพการทำงานให้แก่ บ. ของโจทก์ทั้งสองดังกล่าว บ. จะมุ่งประสงค์ ถึงความสำเร็จในการจัดทำหนังสือเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะกำหนดจำนวนงานได้แต่แรก เพราะต้องศึกษาค้นคว้าข้อมูลและศึกษาดูนกกับวาดภาพนกเพิ่มเติมจนกว่าจะเห็นว่ามีข้อมูลและภาพวาดที่ สมบูรณ์เป็นที่พอใจที่จะรวมจัดพิมพ์เป็นหนังสือได้ การที่จ่ายค่าตอบแทนให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นรายเดือนใน พฤติการณ์การทำงานในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้จึงอาจเป็นการแบ่งจ่ายค่าจ้างทำของให้เหมาะสมแก่สภาพ งานในลักษณะดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นการเอาเปรียบโจทก์แต่ละคนและเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสองที่ไม่ต้องรอ รับค่าตอบแทนเมื่องานเสร็จสิ้นในภายหลังที่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากเช่นนั้น ตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ ว่า การวาดภาพนกของโจทก์ทั้งสองเป็นไปตามสัญญาจ้างทำของ และเมื่อไม่ปรากฏว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น ลิขสิทธิ์จึงตกเป็นของผู้ว่าจ้าง มิใช่ตกเป็นของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ผู้รับจ้าง แต่อย่างใด ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 7 และ 8 อันเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ดังนั้น แม้หากจะถือข้อ กล่าวอ้างของโจทก์ทั้งสองว่างานตามคำฟ้องเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ โจทก์ทั้งสองก็ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมไม่มี อำนาจฟ้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ตามคำฟ้องแต่อย่างใด 4.สร้างสรรค์โดยการจ้างหรือตามคำสั่งหรือในความควบคุมของ กระทรวง ทบวง กรม หรือ หน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น มาตรา 14 การสร้างสรรค์ในฐานะพนักงานหรือลูกจ้างมาตรา 9 ฎีกาที่ 1908/2546 โจทก์รับราชการอยู่ที่ฝ่ายวิจัยและประเมินผล สถาบันพัฒนาข้าราชการ พลเรือน สำนักงาน ก.พ. มีหน้าที่โดยตรงในการประเมินผลการฝึกอบรม ไม่มีหน้าที่จัดทำเอกสารหรือเขียน ตำราทางวิชาการเพื่อใช้ในการฝึกอบรม และสำนักงาน ก.พ. ก็มิได้มีคำสั่งให้โจทก์เขียนหนังสือ "คู่มือการ ประเมินผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" และหนังสือ "คู่มือการประเมินและ ติดตามผลสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" หรือมีการจ่ายค่าตอบแทนให้ โจทก์เขียนหนังสือทั้ง สองเล่มดังกล่าวนอกเวลาราชการ การที่โจทก์เขียนหนังสือดังกล่าวขึ้น จึงไม่ถือว่าเป็นงานที่โจทก์ต้องปฏิบัติ ตามหน้าที่ในกรอบงานของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรมอันมี ลิขสิทธิ์ขึ้นเอง และในการเขียนหนังสือคู่มือทั้งสองเล่มของโจทก์ โจทก์ได้กำหนดเค้าโครงการเขียนและได้คิด กำหนดสารบัญรวมทั้งได้เขียนอธิบายเนื้อหาสาระและรายละเอียดต่างๆ แต่ละประเด็นโดยใช้ถ้อยคำและ คำอธิบายของโจทก์ใหม่ทั้งหมดตามความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ของโจทก์โดยตรง จึงเป็นงานนิพนธ์ที่ โจทก์ทำขึ้นโดยไม่ได้ลอกเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โจทก์จึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมหนังสือ ทั้งสองเล่ม หาใช่สำนักงาน ก.พ. ไม่


pg. 18 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง 5.ดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์โดยได้รับอนุญาต มาตรา 11 แต่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เดิมก็ยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่ 6.การนำเอางานลิขสิทธิ์มารวบรวมหรือประกอบเข้ากัน โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ หากทำโดยการคัดเลือกหรือจัดลำดับโดยมิได้ลอกเลียนงานของบุคคลอื่น มาตรา 12 7.การโอนลิขสิทธิ์ มาตรา 17 ส่วนเรื่องอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์อาจารย์บอกว่าให้อ่านผ่านๆ การละเมิดลิขสิทธิ์ 1.ละเมิดโดยตรง มาตรา 27 มาตรา 27 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน 2.ละเมิดโดยอ้อม มาตรา 31 มาตรา 31 ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่าง ใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ (4) นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ฎีกาที่ 3977/2534 หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มที่จำเลยขายหรือเสนอขายพิมพ์ลอกเลียน จากหนังสือฉบับแท้จริงของกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่างเห็น ได้ชัด จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปี แล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมี ความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่างๆ ที่ สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่ จำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือ แบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตเห็นว่าหนังสือของกลางดังกล่าว มีลักษณะ แตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหายที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งผู้เสียหายสงวน ลิขสิทธิ์ ดังนี้ถือว่าจำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มนั้น โดยรู้อยู่แล้ว่าเป็นหนังสือที่ พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 27 หมายเหตุ มาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอยู่ในมาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537


pg. 19 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ข้อยกเว้นลิขสิทธิ์ มาตราหลัก มาตรา 32 การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัด ต่อการแสวงหาประโยชน์จากงาน อันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอัน ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติ สนิท (3) ติชม วิจารณ์ หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้า พนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว (6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อัน มิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร (8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ โดยสรุป เรื่องลิขสิทธิ์ต้องทราบถึงองค์ประกอบของงานอันมีลิขสิทธิ์ คือต้องมีการแสดงออกซึ่ง ความคิด ไม่คุ้มครองความคิดแต่ต้องแสดงออกมา และต้องสร้างสรรค์โดยตนเองและต้องเป็นงานที่ชอบด้วย กฎหมายและเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ***จบการบรรยาย*** สรุปโดย A08 ตรวจทาน c3


pg. 1 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิตสมัยที่ ๑/๗๖ วิชา กฎหมายทรัพย์สินปัญญา (ลิขสิทธิ์) (ภาคปกติ) บรรยายโดย อาจารย์ ดร. ธรรมนูญ ทิพยาภรณ์ บรรยายวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ครั้งที่ ๑) (สัปดาห์ที่ ๑๐) สวัสดีครับ อาจารย์ชื่อธรรมนูญ พิทยาภรณ์นะครับ วันนี้อาจารย์จะมาบรรยายวิชากฎหมายทรัพย์สิน ทางปัญญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์นะครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ก็เคยอยู่ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และสำนักงานศาลยุติธรรม วันนี้เนื่องจากเป็นการบรรยายครั้งแรกอาจารย์ก็จะพูดถึงข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งอาจารย์จะบรรยายทั้งหมดสี่ครั้ง ก่อนที่ผมจะลงสู่เนื้อหา อาจารย์อยากจะอธิบายเกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงของโลกในปัจจุบันก่อน นักศึกษาหลายท่านเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันนี้นักวิชาการหลายฝ่าย รวมถึงนักวิชาการฝ่ายเศรษฐศาสตร์มองว่ายุคสมัยที่เราอยู่กันนี้เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ ดังนั้น นักศึกษาก็อาจจะคุ้นหรือเคยได้ยินคำว่าไทยแลนด์ ๔.๐ เพราะในภาคอุตสาหกรรมของหลายประเทศมักจะ เรียกยุคสมัยปัจจุบันว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ ๔ ซึ่งก็จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นส่วนมาก โดยเฉพาะระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องให้ คนมาควบคุม สามารถคิดแก้ปัญหาได้เช่น Chat GPT โดยในปัจจุบันนั้นมีแนวคิดกันว่าเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ระบบ AI นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆได้เช่น การแพทย์ อุตสาหกรรมและการผลิตรวมถึงทางธุรกิจ ดังนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้จึงอาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จนอาจทำให้สิ่งที่กำลังใช้อยู่ ในปัจจุบันต้องมีการเลิกใช้ไปเพราะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดความท้าทายในด้านกฎหมายขึ้น เพราะเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ภาคไม่ว่าจะเป็น ภาคอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจ จึงเกิดคำถามตามมาว่ากฎหมายจะสามารถรองรับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เช่น กรณีที่ AI เป็นผู้สร้างสรรค์งาน ก่อให้เกิดภาพวาดขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จึงมีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ ในภาพ ดังกล่าว หรือถ้า AI สามารถคิดและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถจดสิทธิบัตรได้ก็จะมีคำถามว่ากฎหมายด้าน ทรัพย์สินปัญญาจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และจะครอบคลุมมีขอบเขตกว้างขวางเพียงใด ตำราและเอกสารที่ใช้ประกอบการศึกษา หลัก ๆ ก็คือคำอธิบายกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของเนติ บัณฑิตยสภา, คำอธิบายกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช, คำอธิบายกฎหมายลิขสิทธิ์ ของ อ.ธัชชัย ศุภผลศิริและตำราของอาจารย์ท่านอื่น ๆ ตำราข้างต้นเป็นตำราที่อาจารย์หยิบยกมาเป็นตัวอย่าง เท่านั้น กฎหมายที่ใช้ในการเรียนได้แก่ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ , พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๕, อนุสัญญากรุงเบิร์นฯฉบับแก้ไข ปี ค.ศ. ๑๙๗๑, ข้อตกลง TRIPs, สนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การ ทรัพย์สินทางปัญญาโลก สำหรับข้อตกลงระหว่างประเทศหรือสนธิสัญญานี้ มีความเกี่ยวพันกับกฎหมาย ทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งข้อตกลงระหว่างประเทศเหล่านี้อาจารย์ไม่ได้ต้องการให้ท่องจำเพียงแต่อาจารย์จะ อธิบายให้เห็นว่าข้อตกลงระหว่างประเทศเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของเรา อย่างไร เพราะในการปฏิบัติงานจริงนั้นมักจะเกี่ยวโยงกับข้อตกลงระหว่างประเทศเหล่านี้ค่อนข้างมากและเป็น เรื่องที่จำเป็นต้องทราบ


pg. 2 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ทรัพย์สินทางปัญญา คือ สิ่งที่สร้างสรรค์จากความคิด เช่น สิ่งประดิษฐ์ งานวรรณกรรม งาน ศิลปกรรม สัญลักษณ์ ชื่อ และงานที่ใช้ในทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ๑. ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม ครอบคลุม สิทธิบัตรการประดิษฐ์ เครื่องหมายการค้า การออกแบบทาง อุตสาหกรรม และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น ๒. ลิขสิทธิ์งานวรรณกรรม ได้แก่ นิยาย บทร้อยกรอง ละคร ภาพยนตร์ เพลง งานศิลปกรรม ได้แก่ ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพถ่าย งานประติมากรรม และการออกแบบทางสถาปัตยกรรม รวมถึงสิทธิของ ศิลปินในการแสดง ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง ผู้แพร่เสียงแพร่ภาพ รายการทางวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น ในปัจจุบันประเทศต่าง ๆ มีการบัญญัติกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ๑. ลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียง ๒.เครื่องหมายการค้า ๓.สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ๔.การออกแบบทางอุตสาหกรรม ๕.สิทธิบัตร ๖.แผนผังภูมิวงจรรวม ๗.ความลับทางการค้า ๘.การคุ้มครองพันธุ์พืช ๙ .กฎหมายอื่น ๆ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในระดับระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญาทั้ง ๒ ประเภท ได้รับการรับรองเป็นครั้งแรกโดยข้อตกลงระหว่างประเทศ ๒ ฉบับ คือ ๑. อนุสัญญากรุงปารีส เพื่อการคุ้มครองทรัพย์สินอุตสาหกรรม พ.ศ. ๑๘๘๓ ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็น ภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยอนุสัญญานี้ได้มีการบัญญัติขึ้นมาเพื่อคุ้มครอง ทรัพย์สินทางปัญญาประเภทแรกซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาในทางอุตสาหกรรม ๒. อนุสัญญากรุงเบิร์น เพื่อการคุ้มครองงานวรรณกรรม และศิลปกรรม ค.ศ. ๑๘๘๖ ประเทศไทยเข้า เป็นภาคีอนุสัญญาฉบับนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ โดยอนุสัญญานี้เป็นการบัญญัติออกมาเพื่อ คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาประเภทที่สองซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอันเกี่ยวกับงานที่มีลิขสิทธิ์นั่นเอง ปัจจุบันอนุสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ อยู่ในความดูแลขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual property Organization/WIPO) ข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญมีหลายฉบับ ได้แก่ - อนุสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty) โดยประเทศไทยเข้าเป็นภาคี อนุสัญญาฉบับนี้ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ - ข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Agreement on Trade – Related Aspects of Intellectual Property Rights/TRIPs) ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลกตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๘ และผูกพันตามข้อตกลง TRIPs ในเวลาต่อมา


pg. 3 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง และอนุสัญญาที่สำคัญ ดังนี้ ๑. อนุสัญญากรุงโรม เพื่อการคุ้มครองนักแสดง ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง และองค์การแพร่เสียงแพร่ภาพ ๒. สนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ๓. สนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก สนธิสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ ตามข้อสองและข้อสามนี้ เป็นการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต ๔. สนธิสัญญามาร์ราเคชเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงงานที่มีการโฆษณาแล้ว สำหรับคนตา บอด คนพิการทางการเห็นและคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์ ๕. อนุสัญญากรุงปักกิ่งว่า ว่าด้วยการแสดงภาพและเสียง การศึกษากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาจำเป็นต้องศึกษาข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็น ภาคีด้วยทั้งนี้เพราะกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาโดยทั่วไปที่ใช้บังคับเป็นกฎหมายที่บัญญัติเพื่อให้สอดคล้อง หรือรองรับหรืออนุวัติการตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี ในหลายกรณีมีการบัญญัติ กฎหมายให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีแนวโน้มจะเป็นภาคีในอนาคตด้วย ตัวอย่างกรณีที่มีการนำกฎหมายต่างประเทศมาอนุวัติใช้กับกฎหมายภายในประเทศ เช่น ๑. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “การโฆษณา” หมายความว่า การนำ สำเนาจำลองของงานไม่ว่าในรูปหรือลักษณะอย่างใดที่ทำขึ้นโดยความยินยอมของผู้สร้างสรรค์ออกจำหน่าย โดยสำเนาจำลองนั้นมีปรากฏต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมากพอสมควรตามสภาพของงานนั้น แต่ทั้งนี้ไม่ หมายความรวมถึง การแสดงหรือการทำให้ปรากฏซึ่งนาฏกรรม ดนตรีกรรม หรือภาพยนตร์ การบรรยายหรือ การปาฐกถา ซึ่งวรรณกรรม การแพร่เสียงแพร่ภาพเกี่ยวกับงานใด การนำศิลปกรรมออกแสดงและการก่อสร้าง งานสถาปัตยกรรม” จะเห็นได้ว่าการโฆษณาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์นั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะ ไม่ใช่การโฆษณาสินค้าหรือการโฆษณาโดยทั่วไป ไม่ใช่การทำแผ่นพับแจกตามข้างถนนหรือการ โฆษณาทางทีวี แต่หมายถึงการนำสำเนาของงานออกจำหน่ายต่อสาธารณะชนโดยมีจำนวนมากพอสมควรตาม สภาพของงานนั้น โดยบทบัญญัตินี้เป็นการบัญญัติให้สอดคล้องกับอนุสัญญากรุงเบิร์น เพื่อการคุ้มครองงาน วรรณกรรมและศิลปะกรรม ค.ศ. ๑๙๗๑ ข้อ ๓ (๓) การโฆษณาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ก็เช่น สมมุติว่าอาจารย์เขีบนบทความมาฉบับนึง อาจารย์ ต้องการให้งานนี้มีการโฆษณาเพื่อได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย การโฆษณางานดังกล่าวไม่ใช่ว่าอาจารย์ จะต้องนำเอาบทความนั้นไปโฆษณาตามทีวี เพียงแต่อาจารย์จะต้องทำ “สำเนาจำลอง” หรือตัวก๊อปปี้ของ บทความนั้น จำนวนมากพอสมควรแก่ผลงานนั้น แล้วนำมาวางตามร้านหนังสือเพื่อให้ปรากฏต่อสาธารณะชน ก็จะเป็นการโฆษณาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์แล้ว ๒. กรณีมาตรา ๔ ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ บัญญัติว่า “วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ และ ให้หมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย” ซึ่งบทบัญญัติในส่วนของความหมายที่หมายความรวมถึง “โปรแกรมคอมพิวเตอร์” นั้น เป็นการบัญญัติให้สอดคล้องกับข้อตกลง TRIPs ที่บัญญัติให้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ให้ได้รับการคุ้มครองในประเภทงานวรรณกรรมตามอนุสัญญากรุงเบิร์นฉบับ พ.ศ. ๑๙๗๑ ๓. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔ บัญญัติว่า “ข้อมูลการบริหารสิทธิ” หมายความว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์ งานสร้างสรรค์ นักแสดง การแสดง เจ้าของลิขสิทธิ์ หรือระยะเวลาและเงื่อนไขการ


pg. 4 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนตัวเลข หรือ รหัสแทนข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลเช่นว่านี้ติดอยู่หรือปรากฏเกี่ยวข้อง กับงานอันมีลิขสิทธิ์ หรือสิ่งบันทึกการแสดง” ตัวอย่างเช่น ภาพวาดของอาจารย์เฉลิมชัยที่มีการใส่ลายมือชื่อ เข้าไปในภาพวาดของท่าน หรือชื่อของผู้ที่ถ่ายภาพซึ่งปรากฏอยู่บนภาพถ่ายของเขา ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็น ข้อมูลบริหารสิทธิซึ่งเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์หรือเจ้าของลิขสิทธิ์นั่นเอง โดยข้อมูลเช่นว่านี้จะติดอยู่กับ งานอันมีลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือภาพถ่ายหรืองานอื่น ๆ เป็นต้น ความหมายของ “ข้อมูลการบริหารสิทธิ” ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์มีความสอดคล้องกับบทบัญญัติ ของสนธิสัญญาว่าด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ที่กำหนดว่า “ข้อมูลการบริหารสิทธิ หมายความว่า ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงงานที่ผู้สร้างสรรค์งาน เจ้าของสิทธิใด ๆ ในงาน หรือข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลา และเงื่อนไขในการใช้งานตัวเลข หรือรหัสแทนข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลดังกล่าวติดอยู่กับสำเนางาน หรือ ปรากฏเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่งานต่อสาธารณชน” เช่นกัน บทบัญญัติทั้งสามกรณีนี้เป็นตัวอย่างในการนำเอาข้อตกลงระหว่างประเทศมาบัญญัติเป็นกฎหมายไทย ในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ นอกจากนี้พระราชบัญญัตินี้ลิขสิทธิ์ก็ยังได้นำเอากฎหมายต่างประเทศมาใช้ใน พระราชบัญญัติอีกเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุการคุ้มครอง ประเภทของงาน เป็นต้น ดังนั้นในการตีความตัวบทกฎหมายของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ก็อาจจะต้องพิจารณาถึงบทบัญญัติของกฎหมาย ต่างประเทศด้วย เพราะถ้าหากมีการตีความขัดกับอนุสัญญาที่เราได้เข้าร่วมเป็นภาคีก็อาจจะก่อให้เกิดผล ตามมาเพราะในบางเรื่องนั้น หากเราไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาก็จะมีบทลงโทษด้วย ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ ในข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญานั้น ศาลฎีกาได้มีการหยิบยกเอาข้อตกลงระหว่าง ประเทศมาใช้ประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีด้วย ดังเช่น ที่ปรากฎในฎีกาที่ ๓๖๘๙/๒๕๕๑ และฎีกาที่ ๘๘๓๔/๒๕๔๒ ฎีกาที่ ๓๖๘๙/๒๕๕๑ ...ผู้เสียหายเป็นนิติบุคคล...ตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่นและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานศิลปกรรมภาพตัวการ์ตูนโดราเอมอน งานดังกล่าวมีการโฆษณาครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๒ ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาคีแห่งอนุสัญญากรุงเบอร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและ ศิลปกรรมที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย การตีความว่า งานศิลปกรรมภาพตัวการ์ตูนอันมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย เดิม ซึ่งมีอายุการคุ้มครอง ๓๐ ปี มีอายุแห่งความคุ้มครองขยายออกไปเป็น ๕๐ ปี นับแต่มีการโฆษณางานเป็น ครั้งแรกดังกล่าว โดยผลของพระราชบัญญัติฉบับใหม่ (พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗) นอกจากจะเป็นการ ตีความไปตามบริบทของกฎหมายทั้งฉบับแล้ว ยังสอดคล้องกับหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับอายุแห่งความคุ้มครอง ลิขสิทธิ์ในอนุสัญญากรุงเบอร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรมที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก ข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ๑. อนุสัญญากรุงเบิร์น ว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม อนุสัญญากรุงเบิร์นออกมาครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๘๘๖ และมีการแก้ไขหลายครั้ง ทั้งหมด ๗ ครั้ง ปัจจุบัน ที่เราเข้าเป็นภาคี คือ ฉบับที่ ๑๙๗๑ และพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ที่เราใช้ในปัจจุบันก็บัญญัติให้ สอดคล้องกับอนุสัญญากรุงเบิร์น กรุงปารีส ปี ค.ศ. ๑๙๗๑ จริง ๆ แล้วอนุสัญญากรุงเบิร์นพยายามที่จะมีการ แก้ไขครั้งที่ ๘ ในปี ๑๙๙๖ โดยมีการประชุมที่กรุงเจนีวา หลังจากที่พิจารณาไปแล้วเห็นว่า ควรแยกออกมา


pg. 5 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศอีกฉบับต่างหากดีกว่าที่จะไปอยู่ภายใต้อนุสัญญากรุงเบิร์น แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การ ดูแลขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกอยู่ ข้อตกลงระหว่างประเทศที่ว่านั้น ใช้ WIPO ค.ศ. ๑๙๙๖ ๒. ข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้า (TRIPs) TRIPs เกิดขึ้นโดยมีข้อตกลงก่อตั้งองค์การการค้าโลกเป็นข้อตกลงหลัก ซึ่งหากประเทศใดต้องการเข้า ร่วมเป็นสมาชิกขององค์กรการค้าโลกก็จะต้องลงนามยอมรับข้อตกลงก่อตั้งองค์กรการค้าโลกรวมถึงข้อตกลง อื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็น GATT ๑๙๙๔, GATS, TRIPs, ฯลฯ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกของ องค์กรการค้าโลกจึงต้องยอมรับเอาข้อตกลงต่าง ๆ รวมถึงข้อตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่ เกี่ยวข้องกับการค้า (TRIPs) มาด้วย ๓. สนธิสัญญามาร์ราเคชเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงงานที่มีการโฆษณาแล้ว สำหรับคน ตาบอดคนพิการทางการเห็น และคนพิการทางสื่อสิ่งพิมพ์ ๔. สนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก สนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเป็นข้อตกลงพิเศษที่เกี่ยวข้องกับ อนุสัญญากรุงเบิร์น เป็นสนธิสัญญาฉบับหนึ่งที่เรียกว่าเป็น “สนธิสัญญาในเรื่องของอินเทอร์เน็ต” ใน สนธิสัญญาฉบับนี้มีการกำหนดให้ประเทศภาคีบัญญัติกฎหมายคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและมาตรการ ทางเทคโนโลยี ซึ่ง “ข้อมูลการบริหารสิทธิ” (Right Management Information/RMI) นั้น หมายความถึง “ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงผู้สร้างสรรค์งานสร้างสรรค์ นักแสดง การแสดงเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือระยะเวลาและเงื่อนไขการ ใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ตลอดจนตัวเลข หรือรหัส แผนข้อมูลดังกล่าว โดยข้อมูลเช่นว่านี้ติดอยู่หรือปรากฏเกี่ยวข้อง กับงานอันมีลิขสิทธิ์ หรือสิ่งบันทึกการแสดง” ฉะนั้น ข้อมูลการบริหารสิทธิจึงเป็นข้อมูลอะไรก็ตามที่บ่งชี้ให้ผู้ที่ เห็นข้อมูลได้ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างสรรค์งาน ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และมีเงื่อนไขในการใช้ลิขสิทธิ์อย่างไร ซึ่งข้อมูลการบริหารสิทธินี้จะติดอยู่กับตัวผลงานเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของงานและเงื่อนไขในการที่ผู้อื่นจะใช้ งานดังกล่าว โดยเฉพาะงานอันมีลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น ลายน้ำ ลายเซ็น การใช้หมายเลข ISBN หรือหมายเลขอื่น ๆ เป็นต้น โดยข้อมูลบริหารสิทธิเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่ยึดโยงถึงเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อให้ผู้อื่น สามารถติดต่อและขออนุญาตในการใช้ลิขสิทธิ์ได้ ฎีกาที่ ๙๗๓/๒๕๖๑ โจทก์ฟ้องว่า ...โจทก์ได้ถ่ายรูปสะพานมอญหรือสะพานอุตตมานุสรณ์ ซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีหลังจาก... สะพานพังลงมาเป็นทางยาวประมาณ ๕๐ เมตร และโจทก์ได้ทำสัญลักษณ์ของโจทก์ ซึ่งเป็นภาพคนสะพายกระเป๋าเดินทางและมีอักษรภาษาอังกฤษคำว่า "The Trekman" กำกับอยู่ให้ปรากฏอยู่ที่มุมของด้านล่างของภาพ โจทก์ได้นำภาพถ่ายดังกล่าวไปลงในเว็บไซต์ Facebook ของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่ายสะพานดังกล่าว จำเลย ได้กระทำการทำซ้ำหรือดัดแปลงด้วยการคัดลอกภาพถ่ายสะพานมอญจากหน้าเว็บไซด์ Facebook ของโจทก์ โดยตัดแต่งรูปส่วนที่ปรากฏสัญลักษณ์ของโจทก์ออกไป แล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวไป แสดงบนหน้าเว็บไซต์ของจำเลยอันเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์... มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ในภาพถ่ายของโจทก์และ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามคำฟ้องหรือไม่... หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เป็นพยานเบิกความว่า พยานมอบภาพถ่ายน้ำป่าที่ไหลหลากพัด สะพานมอญขาดให้แก่... ผู้สื่อข่าวของจำเลย ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ กำกับที่บ่งบอกถึงความเป็น


pg. 6 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เจ้าของภาพแต่อย่างใด เชื่อว่าพยานปากนี้เบิกความ... ตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น... เมื่อผู้สื่อข่าวของ จำเลยได้ภาพถ่ายดังกล่าวจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ได้ว่าภาพถ่ายหมาย จ.๙ เป็นภาพถ่ายที่ทำซ้ำขึ้นโดย ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๒) การกระทำของจำเลยจึงไม่ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในภาพถ่ายของโจทก์" ข้อพิจารณา ฎีกานี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้นำภาพถ่ายของโจทก์ไปใช้ โดยจำเลยได้ลบ สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ถ่ายภาพออก โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวนั้นถือเป็นข้อมูลบริหารสิทธิอย่าง หนึ่ง ซึ่งถ้ามีการลบตามกฎหมายปัจจุบันจะถือว่าเป็นการลบข้อมูลบริหารสิทธิจึงเป็นการละเมิดต่อเจ้าของ ลิขสิทธิ์ แต่ฎีกานี้มีการนำสืบพยานหลักฐานไปไม่ถึงว่าจำเลยเป็นผู้ลบข้อมูลบริหารสิทธิของโจทก์ แต่จำเลยไป นำเอารูปมาใช้จากช่องทางอื่นโดยไม่ทราบว่าภาพถ่ายดังกล่าวเป็นรูปของโจทก์ มาตรการทางเทคโนโลยี มาตรการทางเทคโนโลยี หมายความถึง เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทำซ้ำหรือควบคุมการ เข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์ หรือสิ่งบันทึกการแสดงโดยเทคโนโลยีเช่นว่านี้ได้นำมาใช้กับงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่ง บันทึกการแสดงกันอย่างมีประสิทธิภาพ (แก้ไขโดยพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๕) มาตรการทางเทคโนโลยีหรือมาตรการป้องกันทางเทคโนโลยี TPMs เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คุ้มครองสิทธิ ของเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิของนักแสดงและควบคุมการเข้าถึงงานอันมีลิขสิทธิ์หรือสิ่งบันทึกการแสดงได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การเข้ารหัส (encryption) หรือการใช้ Password เป็นต้น ตัวอย่างเช่น หากเราจะเข้าไปดูหนังใน Netflix หรือผู้ใช้บริการ streaming เจ้าอื่น ผู้ให้บริการก็จะมี การเก็บค่าใช้จ่ายในการรับชมเป็นรายเดือน และก็จะต้องมีรหัสผ่านในการรับชม ซึ่งรหัสผ่านเหล่านี้เป็น มาตรการทางเทคโนโลยีในการที่จะป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับ อนุญาต ซึ่งก็จะมีคนบางกลุ่มที่พยายามจะดูหนังโดยที่ไม่เสียค่าบริการโดยใช้วิธีการแฮ็กข้อมูลในระบบ ดังนั้น การที่แฮ็กเข้าไปเพื่อดูหรือนำข้อมูลออกมาเผยแพร่ก็จะเป็นการกระทำต่อมาตรการทางเทคโนโลยี การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ มาตรา ๗๘ วรรคแรก บัญญัติว่า “งานอันมีลิขสิทธิ์อยู่แล้วตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรม และศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔ หรือพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้” มาตรานี้เป็นการกำหนดว่า แม้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ฉบับเก่าจะถูกยกเลิกไป ก็ยังคงให้งานอันมีลิขสิทธิ์นั้นยังคงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับ ปัจจุบัน เป็นการคุ้มครองต่อจากพระราชบัญญัติฉบับเก่า มาตรา ๗๘ วรรคสอง บัญญัติว่า “งานที่ได้จัดทำขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และไม่มี ลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔ หรือพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ แต่เป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ได้รับความคุ้มครอง ลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้” วรรคสอง เป็นการกล่าวถึงงานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับ ก่อนแต่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ซึ่งผลงานดังกล่าวนั้นได้จัดทำขึ้นก่อนที่พระราชบัญญัติ นี้ใช้บังคับ แม้เดิมพระราชบัญญัติเก่าจะไม่ให้ความคุ้มครอง ก็ให้งานนั้นได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้แม้จะมีการจัดทำผลงานดังกล่าวขึ้นก่อนมีการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ก็ตาม แต่จะ


pg. 7 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ไปฟ้องคนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนที่พระราชบัญญัตินี้จะประกาศใช้ไม่ได้เพราะกฎหมายอาญาไม่ใช้บังคับย้อนหลัง แต่ถ้าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อันเกิดขึ้นหลังจากพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทำ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังคงละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ก็สามารถฟ้องได้ นอกจากนี้มาตรา ๘ ยังเป็นมาตราที่พูดถึงการได้มา ซึ่งลิขสิทธิ์อีกมาตราหนึ่ง มาตรา ๘ บัญญัติว่า “ให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรืออยู่ในราชอาณาจักร หรือเป็นผู้มีสัญชาติหรืออยู่ในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็น ภาคีอยู่ด้วย ตลอดระยะเวลาหรือเป็นส่วนใหญ่ในการสร้างสรรค์งานนั้น (๒) ในกรณีที่ได้มีการโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนั้นในครั้งแรกได้กระทำขึ้นในราชอาณาจักร หรือในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย หรือในกรณี ที่การโฆษณาครั้งแรกได้กระทำนอกราชอาณาจักรหรือในประเทศอื่นที่ไม่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการ คุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย หากได้มีการโฆษณางานดังกล่าวในราชอาณาจักรหรือใน ประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วยภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้มีการโฆษณาครั้งแรก หรือผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลักษณะตามที่กำหนดไว้ใน (๑) ในขณะที่มีการ โฆษณางานครั้งแรก ในกรณีที่ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย ถ้าผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล นิติบุคคลนั้นต้องเป็นนิติ บุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย” การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ตามมาตรา ๘ นั้นมีจุดเกาะเกี่ยวอยู่สามจุด คือ ๑. หลักสัญชาติ ๒. หลักถิ่นที่อยู่ ๓. หลักการโฆษณางานครั้งแรก ๑. หลักสัญชาติ หากผู้สร้างสรรค์มีสัญชาติของประเทศภาคีที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีในข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคีในข้อตกลงอนุสัญญากรุงเบิร์น หรือข้อตกลง TRIPs ผู้นั้นก็จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๘ (๑) ๒. หลักถิ่นที่อยู่ หากผู้สร้างสรรค์ผลงานไม่ได้มีสัญชาติของประเทศภาคีที่ไทยเข้าร่วมในข้อตกลงระหว่างประเทศอัน เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ด้วยก็จะพิจารณาจากถิ่นที่อยู่ของบุคคลนั้น หากบุคคลดังกล่าวได้เข้าไปอยู่ในประเทศที่เป็น ภาคีตลอดเวลาที่สร้างสรรค์ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ หรือใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ใน ประเทศภาคีของอนุสัญญากรุงเบิร์น ก็จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๘ (๑) ๓. หลักการโฆษณางานครั้งแรก ตามมาตรา ๔ การโฆษณา หมายความว่า การนำสำเนาจำลองของงานไม่ว่าในรูปหรือลักษณะอย่างใด ที่ทำขึ้นโดยความยินยอมของผู้สร้างสรรค์ออกจำหน่าย โดยสำเนาจำลองนั้นมีปรากฏต่อสาธารณชนเป็น จำนวนมากพอสมควรตามสภาพของงานนั้น


pg. 8 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง หากผู้สร้างสรรค์ผลงานได้โฆษณางานครั้งแรกในประเทศภาคี เช่น ผู้เขียนนิยายไม่ได้มีสัญชาติของ ประเทศภาคีและไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศภาคี แต่ได้ทำการตีพิมพ์หนังสือจำนวน ๓,๐๐๐ เล่มไปขายใน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นภาคีของอนุสัญญากรุงเบิร์น กรณีนี้ก็จะถือว่ามีการโฆษณางานครั้งแรกในประเทศภาคี และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๘ (๒) แต่ถ้าหากการโฆษณางานครั้งแรกนั้นไม่ได้ทำในประเทศภาคีแต่ต่อมาได้นำงานดังกล่าวมาโฆษณาใน ประเทศภาคี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่มีการโฆษณาครั้งแรกของงานนั้น ก็จะได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๘ (๒) เช่นกัน เช่น ผู้สร้างสรรค์ผลงานไม่ได้มีสัญชาติเป็นบุคคลของประเทศภาคีและไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศ ภาคี โดยผลงานดังกล่าวได้มีการโฆษณาครั้งแรกภายในประเทศของผู้สร้างสรรค์ผลงานเอง แต่หลังจากนั้นผู้ สร้างสรรค์ผลงานได้ทำการโฆษณางานดังกล่าวในประเทศภาคีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่มีการโฆษณางานครั้ง แรก งานดังกล่าวก็จะได้รับความคุ้มครองตาม ๘ (๒) เช่นกัน ความแตกต่างระหว่างลิขสิทธิ์กับกรรมสิทธิ์ ลิขสิทธิ์นั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้ให้คำ จำกัดความว่า หมายถึง สิทธิในงานอันมีลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายให้ความคุ้มครองจึงต่างกับกรรมสิทธิ์ตามที่ บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๓๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยสภาพงานอันนี้ลิขสิทธิ์จึงไม่อาจได้มา โดยการครอบครองปรปักษ์ได้ ฎีกาที่ ๘๔๖/๒๕๓๔ เมื่อจำเลยทั้งสองอ้างว่า โจทก์ขายลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทให้แก่ป. ต่อมา ป. ขาย ต่อให้จำเลยที่ ๑ อีกทอดหนึ่ง แต่จำเลยทั้งสองไม่มีหลักฐานการซื้อขายลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทระหว่าง ป. กับ โจทก์เป็นหนังสือมาแสดงต่อศาล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น มาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า ลิขสิทธิ์นั้นโอนได้ แต่การโอนสิทธิหรือใช้ประโยชน์เช่นนั้นไม่สมบูรณ์เว้นแต่จะได้ทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อเจ้าของหรือ ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจโดยชอบจากเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงฟังได้ว่าโจทก์ขายลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทให้ ป. ไม่มี ลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทที่จะขายให้จำเลย เพลงพิพาทยังเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์อยู่ เมื่อโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง สองละเมิดลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาท โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ในแผ่นเสียงที่ผลิต ออกจำหน่ายก่อนจำเลยทั้งสองจะซื้อลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทจาก ป. ที่กระดาษกลางแผ่นเสียงมีข้อความระบุว่า เนื้อร้องและทำนองเป็นของผู้ใด ใครเป็นผู้ขับร้อง จำเลยทั้งสองจึงทราบดีว่าโจทก์เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องเพลง พิพาทจำเลยทั้งสองมิได้ซื้อลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทจาก ป. โดยสุจริตเพราะหากจำเลยทั้งสองสุจริตจริงก่อนซื้อ จำเลยทั้งสองน่าจะให้ป. แสดงหลักฐานว่า ป. ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาจากโจทก์แล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ ขอให้ ป. แสดงหลักฐานดังกล่าวและจำเลยทั้งสองไม่มีหลักฐานการซื้อลิขสิทธิ์จากโจทก์มาแสดง การกระทำ ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์แล้ว โจทก์เพิ่งทราบว่า จำเลยทั้งสอง ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๒๙ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๙ จึงเป็นการ ฟ้องคดีภายในกำหนด ๓ เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่นโดยอายุการครอบครองหรือ การครอบครองปรปักษ์นั้น มีได้เฉพาะกับทรัพย์สินเพียง ๒ ประเภท คือ อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๘๒ ซึ่งบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ ๔ ทรัพย์สิน มุ่งให้ความคุ้มครองในเรื่องกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในทรัพย์สินดังกล่าว


pg. 9 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เป็นสำคัญ ส่วนลิขสิทธิ์แม้จะเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง แต่เป็นทรัพย์สินอีกประเภทหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ แตกต่างจากอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ จนไม่อาจจัดเป็นทรัพย์สินในความหมายของประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๔ ได้ กล่าวคือลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า "ลิขสิทธิ์""งาน" และ "ผู้สร้างสรรค์" กับมาตรา ๑๓ แห่ง พระราชบัญญัติเดียวกันได้ให้ความหมายของคำว่า "สิทธิแต่ผู้เดียว" ไว้โดยเฉพาะแล้ว สิทธิในงานอันมีลิขสิทธิ์ ตามที่กฎหมายให้ความคุ้มครองจึงต่างกับสิทธิในกรรมสิทธิ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๓๖ แห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิในลิขสิทธิ์เป็นสิทธิในนามธรรมซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองแก่รูปแบบของการ แสดงออกซึ่งความคิดของผู้สร้างสรรค์ เป็นผลงาน ๘ ประเภท ตามคำจำกัดความของคำว่า "งาน" ดังกล่าว ข้างต้น การจะได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์งานจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖ แห่ง พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ ส่วนผู้อื่นซึ่งมิใช่ผู้สร้างสรรค์ งานอาจได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๘ มาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเท่านั้น และลิขสิทธิ์มิได้มีอายุแห่งการคุ้มครองโดยไม่ จำกัดเวลาอย่างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๔ แต่มีอายุแห่งการ คุ้มครองจำกัดและสิ้นอายุแห่งการคุ้มครองได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๖ ถึงมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติ เดียวกันพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์มิได้บัญญัติให้ผู้ใดอาจมีลิขสิทธิ์ได้โดยการครอบครองปรปักษ์ ทั้งสภาพของ ลิขสิทธิ์ก็ไม่อาจมีการครอบครองเพื่อให้ได้มา ซึ่งสิทธิตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ มาตรา ๑๓ ดังเช่นสิทธิใน กรรมสิทธิ์บนอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีการครอบครองได้ สิ่งที่จำเลยทั้งสองครอบครองไว้จึงเป็น เพียงการครอบครองแผ่นกระดาษที่มีเนื้อเพลงพิพาทอันเป็นสังหาริมทรัพย์เท่านั้น มิได้ก่อให้เกิดสิทธิในลิขสิทธิ์ ได้แต่อย่างใด การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์จะได้มาโดยทางใดได้บ้างเป็นเรื่องที่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ดังกล่าวข้างต้น เมื่อไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ใดได้มาซึ่งลิขสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ จำเลยทั้งสองจึงไม่ อาจอ้างว่าได้ลิขสิทธิ์ในเพลงพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะเรียกสำนวนคดีอาญา เรื่องอื่นของศาลชั้นต้นมาเป็นพยานของศาลในคดีนี้ ซึ่งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๙ และ ๒๔๐ แต่เท่าที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษามา มิได้ใช้ข้อเท็จจริงอัน เกิดจากสำนวนคดีดังกล่าวเลย ไม่ทำให้คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองต้องเสียไป คำพิพากษาของศาลล่างทั้ง สองจึงชอบแล้ว แม้หนังสือแบบพิมพ์คณิตศาสตร์จะประกอบไปด้วยทฤษฎีทางคณิตศาสตร์อันไม่ได้รับความคุ้มครอง เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ก็ตาม แต่หนังสือแบบฝึกหัดคณิตคิดเร็วของโจทก์เป็นตำราเรียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึง ๖ ที่มีคำอธิบายในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์และการใช้สูตรคณิตศาสตร์ต่างๆ ถือเป็น งานวรรณกรรมตามความหมายในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์สร้างสรรค์ผลงานดังกล่าว ผลงานของโจทก์จึงมิได้เป็นเพียงแค่ความคิดขั้นตอน กรรมวิธี หรือระบบวิธีใช้งานหรือทำงาน แนวคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎีทางคณิตศาสตร์อันไม่ได้รับ ความคุ้มครองแต่อย่างใดไม่ หนังสือแบบฝึกหัดคณิตคิดเร็วจึงเป็นงานวรรณกรรมอันนี้ลิขสิทธิ์ของโจทก์ ฎีกาที่ ๗๐๓๖/๒๕๔๓ หนังสือแบบฝึกคณิตคิดเลขเร็วของโจทก์เป็นตำราเรียนของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงปีที่ ๖ โดยวางรากฐานการเรียนการสอนเป็นขั้นตอนเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรชั้น ประถมศึกษา มีเนื้อหาสาระของตัวอย่าง การคิดและวิเคราะห์ แบบทดสอบคิดเลขเร็ว และโจทก์ปัญหาใน ภาคผนวกเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างทักษะในสายการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์โดยให้นักเรียนมีแนวการ


pg. 10 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง คิดและมีการวิเคราะห์หาคำตอบได้รวดเร็ว และดัดแปลงวิธีการคิดให้เป็นแนวทางของตนเองได้ ทั้งเป็นงานที่ ทำให้เกิดความเข้าใจในการคิดเลข มีความสัมพันธ์กันตามลำดับความง่ายยากตามขั้นตอน จูงใจให้เกิดความ สนุกสนานในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อให้มีความสามารถในการคิดเลขได้รวดเร็วยิ่งขึ้น การที่โจทก์นำ ตัวเลขรูปภาพสัญลักษณ์ โจทก์ปัญหาและเครื่องหมายต่าง ๆ กันมาปรับใช้โดยมีวิธีการคิดตามลำดับเพื่อให้เข้า กับหลักสูตรและพัฒนาเสริมสร้างทักษะในการเรียนตามวัยของเด็กนักเรียนในลำดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึง ปีที่ ๖ โดยอาศัยข้อมูลและประสบการณ์จากการใช้สอนในโรงเรียนมาเป็นเวลานานหลายปี เป็นการริเริ่ม สร้างสรรค์งานของโจทก์เพื่อให้นักเรียนสามารถคิดคำนวณเลขได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถือได้ว่าเป็นงานนิพนธ์ที่โจทก์ ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยแสดงออกซึ่งการริเริ่มของโจทก์เองอันเป็นงานวรรณกรรมตามความหมายในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์สร้างสรรค์งานดังกล่าว หาใช่เป็นเพียงความคิด ขั้นตอนกรรมวิธี ระบบวิธีใช้หรือทำงาน แนวความคิด หลักการการค้นพบ หรือทฤษฎี ทางคณิตศาสตร์ อันไม่ได้รับความคุ้มครองแต่อย่างใดไม่ หนังสือแบบฝึกคณิตคิดเลขเร็วจึงเป็นงานวรรณกรรม อันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ การออกแบบปากกาลูกลื่นถือเป็นงานสร้างสรรค์อันเข้าลักษณะศิลปกรรม และงานจิตรกรรมซึ่งเป็น งานสร้างสรรค์รูปทรงที่เกี่ยวกับปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้อันเข้าลักษณะศิลปกรรมประเภทงาน ประติมากรรม การออกแบบปากกาลูกลื่นจึงเป็นผลงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๖ ประกอบด้วยมาตรา ๔ ฎีกาที่ ๖๓๗๙/๒๕๓๗ แบบปากกาเป็นงานสร้างสรรค์อันเกิดจากการนำเอาการสร้างแบบพิมพ์ รูปลักษณะของปากกา และแบบแม่พิมพ์ซึ่งเขียนด้วยลายเส้นประกอบเป็นรูปทรงอันเข้าลักษณะศิลปกรรม ประเภทงานจิตรกรรม และการสร้างแม่พิมพ์กับหุ่นจำลองของปากกาดังกล่าวซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์รูปทรงที่ เกี่ยวกับปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้ อันเข้าลักษณะศิลปกรรมประเภทงานประติมากรรมมาประกอบเข้า ด้วยกัน และสร้างขึ้นเป็นปากกาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการขีดเขียนและเพื่อประโยชน์ทางการค้าอันเป็น ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานจิตรกรรม และประติมากรรมดังกล่าว งานสร้างสรรค์ แบบปากกาจึงเป็นงานศิลปะประยุกต์ อันอาจได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๔(๗) ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีคุณค่าทางศิลปหรือไม่ งานออกแบบปากกา ค. และ ล. ซึ่งรวมงานสร้างแบบพิมพ์ รูปลักษณะของปากกา แบบแม่พิมพ์ หุ่นจำลองและแม่พิมพ์ปากกา เป็นศิลปกรรมประเภทงานศิลปประยุกต์ ซึ่งเกิดจากการนำเอางานจิตรกรรมและประติมากรรมมารวมกันโดย ย.ป.ข. กรรมการโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๓ และอ. ผู้รับจ้างจากโจทก์ที่ ๑ ได้สร้างสรรค์ขึ้นขณะที่อยู่ในราชอาณาจักร บุคคลทั้งสี่จึงเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในแบบปากกา ค. และ ล. ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๖ ประกอบด้วยมาตรา ๔ เมื่อบุคคลทั้งสี่ได้ทำ หนังสือสัญญาโอนลิขสิทธิ์ในแบบปากกาดังกล่าวให้ แก่โจทก์ทั้งสี่แล้ว โจทก์ทั้งสี่จึงเป็นผู้ได้ไปซึ่งลิขสิทธิ์และ เป็นผู้ที่มีลิขสิทธิ์ในแบบปากกา ค. และ ล. ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๗,๘ และ ๑๕ ย่อมได้ รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ฎีกาที่ ๕๓๐๖/๒๕๕๐ โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ข้อมูลการออกแบบ สร้าง ประกอบ ติดตั้งระบบกรอง น้ำ เครื่องกรองน้ำ และสารเคมีสำหรับปรับสภาพน้ำ ซึ่งมีข้อความเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทโจทก์ ข้อมูล ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ตัวเลขแสดงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และรูปภาพผลิตภัณฑ์ประกอบ โดยโจทก์เป็นผู้ สร้างสรรค์ด้วยตนเองจากความรู้ ความสามารถ ความวิริยอุตสาหะ และประสบการณ์ในธุรกิจประเภทนี้มาคิด


pg. 11 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง คำนวณออกแบบผลิตภัณฑ์จนสามารถใช้งานได้มีประสิทธิภาพสัมฤทธิผลได้ตามความต้องการของลูกค้า โดย มิได้ลอกเลียนมาจากผู้อื่น และโจทก์ได้แสดงออก ซึ่งข้อมูลนั้นโดยนำมาลงในเว็บไซต์ของโจทก์เอง กับจัดพิมพ์ เป็นเอกสารภาษาอังกฤษเป็นเล่มซึ่งประกอบด้วยแคตตาล๊อก โบรชัวร์ ประวัติความเป็นมาของบริษัท รายละเอียดคำอธิบายสินค้า และรูปภาพประกอบ โจทก์จึงย่อมได้ลิขสิทธิ์ ในข้อมูลดังกล่าวซึ่งเป็นงาน วรรณกรรม ทั้งนี้ไม่ว่าข้อมูลซึ่งเป็นงานวรรณกรรมนั้นจะมีคุณภาพหรือไม่ มีคุณค่าทางสุนทรียภาพ มีอรรถรส มีคนอ่านหรือไม่มีใครอ่านก็ยังถือเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ในเมื่องานนี้เป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยตัวโจทก์เองกรณี หาจำต้องมีอรรถรสหรือสุนทรีภาษาแต่อย่างใดไม่ งานข้อมูลการออกแบบ สร้าง ประกอบ ติดตั้งระบบกรองน้ำ เครื่องกรองน้ำ สารเคมีสำหรับปรับสภาพน้ำและรูปภาพประกอบ ในเว็บไซต์ของโจทก์จึงเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา ๔ และมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสามละเมิดลิขสิทธิ์งานวรรณกรรมของโจทก์ โดยทำซ้ำ ดัดแปลงข้อมูล รูปภาพในเว็บไซต์และ ในเอกสารโฆษณาสินค้า การทำซ้ำ ดัดแปลงข้อมูลต่างๆ ของเครื่องกรองน้ำในเว็บไซต์ มิใช่เป็นการทำซ้ำ ดัดแปลงงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเพียงการทำซ้ำ ดัดแปลงข้อมูลต่างๆ ของเครื่องกรองน้ำซึ่งเป็นงาน วรรณกรรมต่างหากจากงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นการกระทำละเมิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา ๒๗ และ มาตรา ๓๑ มิใช่ละเมิดงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตาม มาตรา ๓๐ เมื่อ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์โดยการนำข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำของโจทก์ไปทำซ้ำ เป็นรูปเล่มสินค้าเครื่องกรองน้ำออกเผยแพร่ให้ลูกค้าของจำเลยทั้งสาม คดีโจทก์จึงมีมูลเฉพาะการละเมิด ลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา ๒๗ และมาตรา ๓๑ ส่วนงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตาม มาตรา ๓๐ มิได้ ถูกละเมิด จึงไม่มีมูล วันนี้หมดเวลาแล้ว ในครั้งหน้าอาจารย์จะมาบรรยายต่อในเรื่องหลักการพื้นฐานของกฎหมายลิขสิทธิ์ ส่วนในครั้งถัด ๆ ไปอาจารย์ก็จะพูดถึงการละเมิดทางเว็บไซต์ และการขอให้นำข้อความอันเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์ ความรับผิดของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตและการละเมิดเทคโนโลยีใหม่ วันนี้ขอจบการ บรรยายเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ ***จบการบรรยาย*** สรุปโดย A03 ตรวจทาน C5


pg. 1 สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิตสมัยที่ 1/76 วิชา กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) บรรยายโดย ดร.ธรรมนูญ พิทยาภรณ์ บรรยายวันที่ 3 สิงหาคม 2566 (ครั้งที่ 2)(สัปดาห์ที่ 11) สวัสดีครับ คราวที่แล้วได้บรรยายถึงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาโดยภาพรวมและได้พูดถึง กฎหมายลิขสิทธิ์ในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญและพูดถึงเรื่อง บทเฉพาะกาล และจุดเกาะเกี่ยวของประเทศที่เป็นภาคีข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยเราเซ็นข้อตกลง ระหว่างประเทศไว้ วันนี้จะพูดถึงกฎหมายลิขสิทธิ์ของไทย คำถามแรกที่ตั้งคำถามคืออะไรได้รับความคุ้มครองตาม กฎหมายลิขสิทธิ์บ้าง เงื่อนไขประการแรกที่ต้องพิจารณา คือ 1.ประเภทงานที่ได้รับความคุ้มครอง พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 มาตรา 6 งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใด ในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะ ของผู้สร้างสรรค์ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด คือ ถ้าไม่ใช่งานที่กำหนดไว้ในมาตรา 6 ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่เมื่อใดถ้าผู้ร่างกฎหมายหรือ ข้อตกลงระหว่างประเทศต้องการขยายความคุ้มครองประเภทของงาน ก็อาจจะเพิ่มประเภทของงาน เข้าไปได้ วรรณกรรม หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ และให้หมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น window word excel สมมุติอาจารย์เขียนหนังสือคำอธิบายทรัพย์สิน ทางปัญญาให้แก่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หนังสือที่เขียนมาเข้าข่ายเป็นงานวรรณกรรม หรือ พระเทศน์ที่ปรากฏอยู่ในยูทูบหรือในติ๊กต็อกเข้าข่ายเป็นงานวรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์หมายความว่า คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานหรือเพื่อให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาโปรแกรม คอมพิวเตอร์ในลักษณะใด นาฏกรรม หมายความว่า งานเกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงที่ประกอบขึ้น เป็นเรื่องราว และให้หมายความรวมถึงการแสดงโดยวิธีใบ้ด้วย การแสดงโดยวิธีใบ้ เช่น นักแสดงคนหน้าขาวแสดงท่าทางว่าตนรู้สึกอย่างไรโดยไม่ได้พูด ส่วนการ เต้นเช่นท่าเต้นต่างๆหรือการคิดท่าเต้นโดยนักคิดท่าเต้นและมีการแสดงออกโชว์ก็เป็นงานนาฏกรรมที่ได้รับ ความคุ้มครอง


pg. 2 ศิลปกรรม (น่าสนใจ) หมายความว่า งานอันมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ (1) งานจิตรกรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วยเส้น แสง สีหรือสิ่งอื่น อย่างใดอย่าง หนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ลงบนวัสดุอย่างเดียวหรือหลายอย่าง เช่น อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วาดภาพไทยโบราณเรียกว่างานจิตรกรรม ภาพสีน้ำมัน ภาพสีน้ำต่างๆ (2) งานประติมากรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงที่เกี่ยวกับปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้ เช่น งานปูนปั้นต่างๆ (3) งานภาพพิมพ์ ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวิธีทางการพิมพ์ และหมายความรวมถึง แม่พิมพ์หรือแบบพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ด้วย (4) งานสถาปัตยกรรม ได้แก่ งานออกแบบอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง งานออกแบบตกแต่งภายใน หรือภายนอก ตลอดจนบริเวณของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือการสร้างสรรค์หุ่นจำลองของอาคาร หรือ สิ่งปลูกสร้าง เช่น พิมพ์เขียว แบบแปลน (5) งานภาพถ่าย ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพที่เกิดจากการใช้เครื่องมือบันทึกภาพโดยให้แสงผ่าน เลนส์ไปยังฟิล์มหรือกระจก และล้างด้วยน้ำยาซึ่งมีสูตรเฉพาะ หรือด้วยกรรมวิธีใด ๆ อันทำให้เกิดภาพขึ้น หรือการบันทึกภาพโดยเครื่องมือหรือวิธีการอย่างอื่น หมายความรวมถึงภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลด้วย (6) งานภาพประกอบ แผนที่ โครงสร้าง ภาพร่าง หรืองานสร้างสรรค์รูปทรงสามมิติอันเกี่ยวกับ ภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือวิทยาศาสตร์ (7) งานศิลปะประยุกต์ ได้แก่ งานที่นำเอางานตาม (1) ถึง (6) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ หลายอย่าง รวมกันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากการชื่นชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าวนั้น เช่น นำไปใช้สอย นำไปตกแต่งวัสดุหรือสิ่งของอันเป็นเครื่องใช้หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า กรณีงานศิลปะประยุกต์เป็นกรณีที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น โคมไฟที่มีผ้าหรือกระดาษหุ้มไว้มีรูปภาพ ต่างๆหรือรูปการ์ตูนหรือลวดลายต่างๆให้ดูสวยงาม หรือวอลล์เปเปอร์ที่มีลวดลายต่างๆ หรือพวงกุญแจรูป ตุ๊กตาต่างๆ และงานศิลปกรรมไม่ว่าจะมีคุณค่าทางศิลปะหรือไม่ กฎหมายก็ให้ความคุ้มครอง ดนตรีกรรม หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อบรรเลงหรือขับร้องไม่ว่าจะมีทำนอง และคำร้องหรือมีทำนองอย่างเดียว และให้หมายความรวมถึงโน้ตเพลงหรือแผนภูมิเพลงที่ได้แยกและเรียบ เรียงเสียงประสานแล้ว โสตทัศนวัสดุ หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของภาพโดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมี ลักษณะอย่างใด อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีก โดยใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น และให้ หมายความรวมถึงเสียงประกอบงานนั้นด้วย ถ้ามี เช่น มีการนำภาพไปใส่ไว้ในวัสดุเพื่อให้กลับมาเล่นซ้ำได้


pg. 3 ภาพยนตร์หมายความว่า โสตทัศนวัสดุอันประกอบด้วยลำดับของภาพ ซึ่งสามารถนำออกฉาย ต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์หรือสามารถบันทึกลงบนวัสดุอื่น เพื่อนำออกฉายต่อเนื่องได้อย่างภาพยนตร์ และ ให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์นั้นด้วย ถ้ามี สิ่งบันทึกเสียง หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียง อื่นใด โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะใด ๆ อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องมือ ที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น แต่ทั้งนี้มิให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์หรือเสียงประกอบ โสตทัศนวัสดุอย่างอื่น เช่น แผ่นซีดีเพลง เทปคาสเซ็ท งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หมายความว่า งานที่นำออกสู่สาธารณชนโดยการแพร่เสียง ทาง วิทยุกระจายเสียง การแพร่เสียงและหรือภาพทางวิทยุโทรทัศน์ หรือโดยวิธีอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน เช่น สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรีนเวฟ ช่อง FM ต่างๆ ช่องทีวี ข้อสังเกต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) นำมาจากข้อตกลง TRIPs ข้อ 10 การบันทึก (Fixation) มีคำถามว่ากรณีที่มีการสร้างสรรค์งานขึ้นมาตามประเภทต่างๆ ถ้าไม่ได้ทำ การบันทึกไว้จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ เช่น มีนักการเมืองปราศรัยบนเวทีสดๆไม่มีสคริปต์ไว้ กรณีนี้ไม่มี การบันทึกไว้ก่อนที่จะพูดและระหว่างที่พูดก็ไม่ได้อัดคลิปวิดิโอไว้ แต่มีคนถ่ายวิดิโอไว้และนำไปใช้ประโยชน์ ถามว่านักการเมืองที่ปราศรัยฟ้องคนที่อัดคลิปไว้เพื่อไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ หรือการแรปสด หรือการดีด กีตาร์สดๆ ซึ่งตามกฎหมายไทยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการบันทึกไว้ ดังนั้นการกล่าวปราศรัยสด การเทศนาสด การแรปสด น่าจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ในมาตรา 6 ตอนท้ายของวรรคแรกบอกว่า “ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยวิธีหรือรูปแบบ อย่างใด” คือ ไม่ว่างานดังกล่าวจะแสดงออกโดยรูปแบบใดก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย กรณีที่เด็กอนุบาลวาดรูปต่างๆแม้จะไม่สวยไม่มีคุณค่าทางศิลปะ หรือรูปภาพของแวนโก๊ะที่มี ราคาสูง ก็เป็นงานศิลปกรรม ซึ่งคุณค่าทางศิลปะมีแนวความคิดว่าในการออกกฎหมายของประเทศต่างๆ มองว่าไม่ควรเอาคุณค่าทางศิลปะมาใช้เป็นเงื่อนไขว่างานนั้นควรได้รับความคุ้มครองหรือไม่ ใครวาดรูป ออกมาแม้เป็นเด็กอนุบาล หรือคนที่ร้องเพลงไม่เพราะ หรือคนที่เขียนหนังสือขึ้นมาแต่ไม่ค่อยมีคนอยาก อ่าน ก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งมุมมองของการร่างกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับกฎหมาย ลิขสิทธิ์มีมุมมองว่าไม่ต้องการแยกแยะคุณภาพของงาน ต้องการคุ้มครองสิทธิ์ของงานเมื่อมีการสร้างงาน ขึ้นมาไม่ว่างานนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตามงานของทุกคนควรที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย 2.การแสดงออกซึ่งความคิด (Expression of Idea) กฎหมายคุ้มครองการแสดงซึ่งความคิด ซึ่งความคิด (Idea) กับ การแสดงออกซึ่งความคิด (Expression of Idea) มีความหมายไม่เหมือนกัน หลักการของเรื่องนี้มาจากมาตรา 6 วรรคท้าย ที่ว่า การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือ ขั้นตอน กรรมวิธีหรือระบบ หรือวิธีใช้หรือทำงาน หรือแนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎี ทางวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์


pg. 4 หมายความว่า การคุ้มครองลิขสิทธิ์คุ้มครองถึงการแสดงออกซึ่งความคิด ไม่ใช่ตัวความคิดหรือ ขั้นตอน กรรมวิธีหรือระบบ หรือวิธีใช้หรือทำงาน หรือแนวความคิด หลักการ การค้นพบ หรือทฤษฎี ทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ยกตัวอย่าง หนังเรื่อง Armageddon กับเรื่อง Deep Impact ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องอุกกาบาต ชน โลกและทำให้คนในโลกตาย ซึ่งทั้งสองเรื่องมีจุดเริ่มต้นเหมือนกันแต่เนื้อหาการลำดับเรื่องสถานที่ต่างๆจะไม่ เหมือนกัน ซึ่งการแสดงออกทางความคิดของหนังทั้งสองเรื่องเราจะดูจากงานที่ปรากฏ เมื่อเป็นภาพยนตร์ก็ ดูจากเนื้อหารายละเอียดต่างๆในภาพยนตร์ซึ่งทั้งสองเรื่องจะมีความแตกต่างกันอย่างมากและชัดว่าทั้งสอง เรื่องไม่เป็นการก๊อปปี้กันและไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์กัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันคือเหมือนกันในส่วน จุดเริ่มต้นของความคิดในการทำหนังเกี่ยวกับอุกกาบาต และอีกเรื่องคือหนังเกี่ยวกับซอมบีที่มีอยู่หลายเรื่อง มีจุดเริ่มต้นของความคิดในการทำหนังเหมือนกัน แต่รายละเอียดของเนื้อหาในหนังจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หรือเพลงเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 กับเพลงสมเด็จพระเจ้าตากหรือเพลงที่มีการกล่าวถึงบุคคล สำคัญจะมีค่ายเพลงออกเพลงที่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญหลายค่ายเพลง แต่เนื้อเพลงของแต่ละค่ายก็จะไม่ เหมือนกัน ซึ่งแต่ละค่ายที่ออกเพลงมานั้นเป็นการซ้ำในเรื่องของความคิดแต่การแสดงออกซึ่งความคิดไม่ เหมือนกัน เพราะแต่ละเพลงมีเนื้อเพลงไม่เหมือนกัน โดยในส่วนของความคิดจะไม่ได้รับความคุ้มครองตาม กฎหมายลิขสิทธิ์แต่ส่วนของการแสดงออกซึ่งความคิดได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ที่ความคิด ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้ผูกขาดทางความคิดในเรื่องต่างๆ 3.การสร้างสรรค์ด้วยตนเอง (Originality) การสร้างสรรค์ด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหม่ แม้เป็นงานที่เคยปรากฏอยู่แล้วแต่เป็นงานที่ สร้างสรรค์ด้วยตนเองก็ได้รับความคุ้มครอง เช่น วาดภาพนกอินทรีย์ไม่เป็นงานใหม่แต่เป็นการสร้างสรรค์ ด้วยตนเองก็อาจได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ถ้าครบเงื่อนไขอื่นๆเพราะเป็นงานประเภท ศิลปกรรมในลักษณะงานจิตรกรรมและเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดด้วยการสร้างสรรค์ด้วยตนเอง และแม้ รูปนกจะไม่สวยแต่ก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์เพราะคุณค่าทางศิลปะไม่ใช่เงื่อนไขของการ ได้รับความคุ้มครอง 4.ไม่ขัดต่อกฎหมาย เช่น คลิปวิดิโอโป๊ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ฎีกาที่ 3705/2530 ลิขสิทธิ์ที่บุคคลสามารถเป็นเจ้าของได้ จะต้องเป็นลิขสิทธิ์ในงานที่ตน สร้างสรรค์โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าวีดีโอเทปของกลาง 1 ที่โจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มีบทแสดงการร่วมเพศระหว่างหญิงและชายบางตอนอันเป็นภาพลามก ซึ่งผู้ใดทำหรือมีไว้หรือมีส่วน เกี่ยวข้องในการค้าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 งานของโจทก์ดังกล่าวจึงมิใช่งาน สร้างสรรค์ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ใช่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) และไม่มีอำนาจฟ้อง


pg. 5 สิ่งที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ 1.ไม่เข้าเกณฑ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไข 4 ข้อข้างต้น 2.ข่าว รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประกาศ คำสั่งของหน่วยงานรัฐ คำพิพากษา คำแปลและการรวบรวม สิ่งดังกล่าวที่หน่วยงานรัฐทำ เช่น การแปลกฎหมายของไทยเป็นอังกฤษซึ่งทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่ได้ รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์แต่ถ้าเป็นการแปลของบุคคลทั่วไปไม่ได้ทำโดยหน่วยงานของรัฐก็จะ ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ 3.งานที่สิ้นอายุแล้ว เช่น งานมีอายุการคุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์และมีอายุคุ้มครองต่ออีก 50 ปีหลังจากผู้สร้างสรรค์ตาย เมื่อครบ 50 ปีงานนั้นก็จะสิ้นการคุ้มครอง บุคคลทั่วไปสามารถเอางานชิ้น นั้นมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต หรืองานตกเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน 4.เจ้าของสละลิขสิทธิ์ วิธีการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ ผู้สร้างสรรค์งาน สร้างสรรค์งานขึ้นมาก็จะได้รับลิขสิทธิ์ในงานที่ตนสร้างสรรค์ขึ้น กรณีจ้างแรงงาน นายจ้างจ้างให้ลูกจ้างวาดรูป งานที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นของลูกจ้างเว้นแต่จะตกลง กันไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 9 กรณีจ้างทำของ ผู้ว่าจ้างจะเป็นเจ้าของงานเว้นแต่ตกลงกันเป็นอย่างอื่นตามมาตรา 10 การสร้างสรรค์งานโดยการจ้างหรือตามคำสั่งหรือในความควบคุมของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานของรัฐเป็นเจ้าของงาน เว้นแต่ตกลงเป็นอย่างอื่นตามมาตรา 14 การดัดแปลงงานโดยได้รับอนุญาต ผู้ดัดแปลงได้ลิขสิทธิ์ในส่วนที่ดัดแปลงแต่ไม่กระทบสิทธิ เจ้าของเดิม มาตรา 11 ดัดแปลง หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม หรือจำลองงาน ต้นฉบับใน ส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น การแปลวรรณกรรมจากอังกฤษเป็นไทย ถ้าเป็นศิลปะกรรมเปลี่ยนจากรูปสองมิติเป็นสามมิติ หรือกรณีผู้เขียนนิยายแฮรี่พอตเตอร์อนุญาตให้คนไทยแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ผู้แปลย่อมได้ ลิขสิทธิ์ในงานที่แปลเป็นการดัดแปลงงาน แต่หากเป็นการดัดแปลงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดัดแปลงงาน ไม่ได้ลิขสิทธิ์ในงานที่ดัดแปลง การรวบรวมงานโดยได้รับอนุญาต (Compilation of Data) ผู้รวบรวมได้ลิขสิทธิ์ในงานที่ รวบรวม แต่ไม่กระทบสิทธิเจ้าของเดิม มาตรา 12 เช่น อัลบั้มรวมฮิตเพลง แต่ถ้ารวบรวมงานโดยไม่ได้รับ อนุญาตก็เป็นละเมิดลิขสิทธิ์เช่น ศาลทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดทำวารสารทางกฎหมาย โดยเชิญชวน นักวิชาการมาเขียนบทความเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและนำบทความนั้นมารวบรวมไว้ในวารสาร ศาล ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้รวบรวมบทความนั้นโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของบทความ จึงเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์ใน งานที่รวบรวมนั้น


pg. 6 การโอนลิขสิทธิ์โดยทางนิติกรรม คือทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน มาตรา 17 วรรคสาม ถ้าไม่ทำตามแบบถือเป็นโมฆะ แต่การเป็นโมฆะในการโอนลิขสิทธิ์อาจตีความเป็นสัญญาอนุญาต ให้ใช้สิทธิได้แล้วแต่กรณี การโอนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายมรดก เป็นไปตามกฎหมายมรดก ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกา ฎีกาที่ 15453-15454/2558 คดีก่อนโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกเดิมเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นละเมิดงานอันมีลิขสิทธิ์โจทก์โดยร่วมกัน ทำซ้ำดัดแปลงที่รูปภาพหรือตัวงานที่เรียกว่า อุลตร้าแมนหรือยอดมนุษย์ชนิดต่าง ๆ ม าจัดทำสมุดภาพ ระบายสี ขาย เสนอขาย หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งสมุดภาพระบายสีที่ละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์เพื่อการค้า และหากำไรและจำเลยที่ 1 แอบอ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในอุลตร้าแมน เอซอุลตร้าแมน อุลตร้าเซเว่น อุลตร้าแมนทาโร่ อุลตร้าแมนโซฟี่ อุลตร้าแมนแจ็ค จัมโบ้เอหรือจัมบอร์กเอซ และได้ตั้งตัวแทนในการจัดหา ผู้รับอนุญาตผลิตสินค้ารูปอุลตร้าแมนออกจำหน่าย ทำสัญญาให้บุคคลอื่นใช้สิทธิบันทึกสำเนาภาพยนตร์เป็น วีดิทัศน์โดยนำไปแสวงหาประโยชน์ทางการค้า และแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ และขายสิทธิในตัวอุลตร้า แมนแก่บริษัท ซ. ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกร่วมกันชำระค่าเสียหาย แต่คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 อนุญาตให้จำเลยที่ 3 สร้างอุลต ร้าแมนมิลเลเนี่ยม อุลตร้าแมนโซลหรือดาร์คอุลตร้าแมนและอุลตร้าแมนเอลิทโดยลอกเลียนดัดแปลง ลักษณะพิเศษหรือคาแรคเตอร์ของอุลตร้าแมนที่โจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นงานที่โจทก์สร้างขึ้น ภายหลังภาพยนตร์อุลตร้าแมนทั้งเก้าเรื่องที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีคดีพิพาทกันตามคดีก่อน จำเลยทั้ง สามร่วมกันนำตัวละครอุลตร้าแมนมิลเลเนี่ยม อุลตร้าแมนโซลหรือดาร์คอุลตร้าแมนและอุลตร้าแมนเอลิทอ อกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อประโยชน์การค้า โดยการนำออกแสดงสดบนเวทีและเก็บค่าแสดง ดังนั้น คดี นี้จึงเป็นการที่โจทก์ฟ้องโดยกล่าวอ้างว่าเป็นการที่จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่างกรรมกันกับคดีละเมิดใน คดีก่อน และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีเดิมไว้แล้ว ทั้งเป็นเวลาภายหลังที่ศาลทรัพย์สินทาง ปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้ว โดยที่โจทก์มิอาจยกขึ้นกล่าวอ้างหรือมี คำขอบังคับขณะยื่นฟ้องคดีก่อนได้ จึงไม่ใช่คำฟ้องในเรื่องเดียวกันกับคำฟ้องในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้อนที่ ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สิน ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) เมื่อพิจารณาลักษณะของการกระทำของจำเลยทั้งสามที่จัดทำอุลตร้าแมนมิลเลเนี่ยม ดาร์คอุลตร้าแมน และอุลตร้าแมนเอลิท เพื่อนำไปอนุญาตให้บุคคลอื่นผลิตตัวหุ่นและของเล่น หรือใช้กับ ฉลากสินค้า ต่าง ๆ หรือจัดทำเป็นชุดหุ่นที่ใช้ในการแสดงบนเวทีแล้ว มีเหตุผลให้เชื่อว่า การจัดทำอุลตร้า แมนของจำเลยทั้งสาม จนทำให้ปรากฏเป็นรูปลักษณะตามคำฟ้องได้ต้องอาศัยรายละเอียดจากภาพวาดที่ แสดงลักษณะอุลตร้าแมนของโจทก์ ดังนั้น การจัดทำอุลตร้าแมนมิลเลเนี่ยม ดาร์คอุลตร้าแมน และ อุลตร้าแมนเอลิทของจำเลยทั้งสาม จึงเป็นการกระทำต่อผลงานอุลตร้าแมนของโจทก์ที่แสดงออกในรูปของ งานจิตรกรรม อันได้แก่ภาพวาดที่แสดงลักษณะของอุลตร้าแมน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของผลงาน


pg. 7 อุลตร้าแมนที่โจทก์ได้ออกแบบหรือสร้างสรรค์ก่อนที่โจทก์จะนำงานจิตรกรรมนั้นมาดัดแปลงเป็นงาน ภาพยนตร์อุลตร้าแมน ฎีกาที่ 4488/2559 การทำซ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ ที่ผู้เสียหายอนุญาตให้ทำขึ้น หรือทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิด ลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ก็ล้วนเป็นการกระทำต่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ซึ่งถือเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์ในงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 30 (1) เพราะชุดคำสั่งที่ เขียนด้วยภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (source code) หรือภาษาเครื่อง (object code) อันเป็นโปรแกรม คอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 ซึ่งบันทึกอยู่ในงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือ บันทึกอยู่ในบันทึกของงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายนั้นเป็นตัวงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 และ 6 ครั้งต่อไปจะมาต่อคำพิพากษาฎีกาและเรื่องสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ ข้อยกเว้นไม่เป็นละเมิดลิขสิทธิ์ ***จบการบรรยาย*** ตรวจทานC4


pg. 1 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิตสมัยที่ 1/76 วิชา กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) บรรยายโดย อ.ดร. ธรรมนูญ พิทยาภรณ์ บรรยายวันที่ 31 สิงหาคม 2566 (ครั้งที่ 3) (สัปดาห์ที่ 15) สวัสดีครับนักศึกษา สำหรับวันนี้ก็จะพูดถึงต่อจากคราวที่แล้ว ในส่วนของสิทธิเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ โดยจะ พูดถึง เรื่อง สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์และสิทธิของผู้สร้างสรรค์ ความจริงคราวที่แล้วเราได้พูดถึงเรื่องของผู้ สร้างสรรค์ สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ไปบ้างแล้ว ในวันนี้จะมาลงรายละเอียดกันว่าเขาเหล่านั้นมีสิทธิอย่างไรบ้าง นอกจากจะพูดถึงเรื่องของสิทธิเจ้าของลิขสิทธิ์ สิทธิของผู้สร้างสรรค์แล้ว ในครั้งนี้ก็จะพูดคุยในเรื่องของสิทธิ ข้างเคียง กฎการละเมิดลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้น การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ เกี่ยวข้อง ในประเด็นแรกที่จะพูดคุย ก็คือ สิทธิที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ โดยสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์และสิทธิของ ผู้สร้างสรรค์จะมีความแตกต่างกัน คราวที่แล้วอาจารย์ได้พูดถึงไว้บ้างแล้วว่า กรณีที่มีการสร้างสรรค์งานขึ้นมา อาจจะมีคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายคน ในบางกรณีอาจจะมีแค่คนเดียว เช่น ครูเพลงคนหนึ่งแต่งเพลงขึ้นมา แล้วก็เอาไปใช้ในการแสดงเพื่อที่จะหารายได้ อาจจะไปร้องเพลงในผับหรือสถานบริการ สถานบันเทิง หรือบน เวทีแสดงคอนเสิร์ต เพื่อที่จะได้รายได้ตอบแทน กรณีอย่างนี้ครูเพลงเป็นคนสร้างสรรค์งานก็จะเข้าข่ายเป็นงาน ดนตรีกรรม จะได้รับความคุ้มครอง เข้าเงื่อนไขตามที่เราได้พูดคุยกันในครั้งที่ผ่านมา เมื่อเข้าองค์ประกอบครบ ก็จะได้รับความคุ้มครอง ได้รับความคุ้มครองโดยเขาเป็นผู้สร้างสรรค์งานด้วยตนเอง เขาได้ลิขสิทธิ์ในงานเพลง หรือดนตรีกรรมที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าครูเพลงคนนี้เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงส่วนของตัวเองคนเดียว แต่มีการโอนลิขสิทธิ์ สมมุติ ว่ามีค่ายเพลง อย่างเช่น ค่ายแกรมมี่ ค่ายอาร์เอส หรือค่ายอื่นๆ มาขอซื้อเพลง มาขอซื้อลิขสิทธิ์เพลงของครู เพลงคนที่ว่านี้ มันก็จะมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องเป็น 2 คน คนหนึ่ง คือ ครูเพลงที่เป็นคนแต่งเพลง คนที่แต่งเพลง จะเรียกว่าเป็นผู้สร้างสรรค์งาน เมื่อสร้างสรรค์งานขึ้นมาแล้วก็จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นทั้งผู้สร้างสรรค์และ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วย แต่เมื่อเขาโอนลิขสิทธิ์ไปให้บริษัท สมมุติเป็นบริษัทแกรมมี่โดยถูกต้องตามกฎหมาย ผลคือใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ครูเพลงยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่อีกหรือไม่ ครูเพลงไม่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว เพราะได้โอนลิขสิทธิ์ที่ตัวเองมีเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นมาให้กับทางบริษัทแกรมมี่แล้ว บริษัทแกรมมี่จึงเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ในเพลงที่แต่งนั้น คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วครูเพลงยังมีสิทธิอะไรอยู่บ้างหรือไม่ สิทธิตามกฎหมายสำหรับเจ้าของ ลิขสิทธิ์จะไปอยู่กับแกรมมี่แล้ว แต่ว่าสิทธิของผู้ที่สร้างสรรค์งาน คือ ครูเพลงเขายังมีสิทธิ์ในฐานะเป็นผู้ สร้างสรรค์งานอยู่ เดี๋ยวเราลองมาดูด้วยกันว่าสิทธิของตัวละคร 2 ตัวนี้ คือ เจ้าของลิขสิทธิ์กับผู้สร้างสรรค์ ซึ่ง บางครั้งก็เป็นคนเดียวกัน บางครั้งก็อาจจะมีการโอนไปและมีมากกว่า 1 คน เข้ามาเกี่ยวข้อง เรามาลองดู ด้วยกันนะครับ ตัวละครแรกที่อาจารย์อยากจะพูดถึงก่อน ก็คือ เจ้าของลิขสิทธิ์ คำถาม คือ ถ้าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ 2537 เจ้าของลิขสิทธิ์จะมีสิทธิอะไรบ้าง สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ขอให้นักศึกษาลองดูใน ตัวบทตามมาตรา 15


pg. 2 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียว ดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์และสิ่งบันทึกเสียง (4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น (5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิตาม (1) (2) หรือ (3) โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไข ดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ การพิจารณาว่าเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง (5) จะเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ให้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง หลักการพื้นฐานของกฎหมายลิขสิทธิ์ก็คือ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทุกฉบับไม่ว่าจะสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หรือกฎหมายอื่นที่อาจารย์ได้กล่าวถึงมาแล้ว จะมีลักษณะที่เป็นพิเศษจะไม่เหมือนกับการ คุ้มครองตามกฎหมายที่เราใช้โดยปกติทั่วไป คือ จะมีลักษณะที่เป็นการให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวกับคนที่เ ป็น เจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญานั้น ในการที่จะได้รับความคุ้มครองมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการที่จะใช้ ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ ก็คือ เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ที่มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้ประโยชน์จากงาน อันมีลิขสิทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือว่าเขามีสิทธิหวงกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาใช้ประโยชน์จากงานที่ว่านั้น ถ้าใครเอาไปใช้และไม่ได้รับอนุญาต ไม่ขออนุญาตก่อนก็จะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิดังต่อไปนี้ 1. ทำซ้ำหรือดัดแปลง ทำซ้ำ ตัวอย่างเช่น อาจารย์เอาหนังสือคำอธิบายกฎหมายลิขสิทธิ์ไป ถ่าย เอกสารทั้งเล่ม ไปพิมพ์ทั้งเล่ม และนำออกขาย อย่างนี้ก็จะเป็นการทำซ้ำ ส่วนดัดแปลงก็จะมีความหมายดังที่ ปรากฏอยู่ในมาตรา 4 อย่างที่ได้คุยกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ขอให้นักศึกลองทบทวนดูนะครับ ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ให้คำจำกัดความของคำว่า “ทำซ้ำ” ว่า “ทำซ้ำ” หมายความรวม ถึงคัดลอกไม่ว่าโดยวิธีใดๆ เลียนแบบ ทำสำเนา ทำแม่พิมพ์ บันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือ บันทึกเสียงและภาพ จากต้นฉบับ จากสำเนา หรือจากการโฆษณาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ทั้งนี้ไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้หมายความถึง คัดลอกหรือทำสำเนาโปรแกรม คอมพิวเตอร์จากสื่อบันทึกใด ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ โดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงาน ขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน จะเห็นได้ว่าในตัวบทพูดถึงเรื่องของการคัดลอกหรือทำสำเนา ทีนี้ถามว่าทำสำเนาจากอะไรสมมุติว่า บริษัทแกรมมี่ออกอัลบั้มเพลงมา 1 อัลบั้ม สมมุติว่าเป็นของ Bodyslam อัลบั้มที่ว่านี้ก็ออกขายตามท้องตลาด ถามว่าแผ่นที่ขายในท้องตลาดของทางบริษัทเป็นแผ่นที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ คำตอบ ก็คือว่าแผ่นนี้ทางเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นคนเอาออกมาขายเอง เป็นคนดำเนินการเองก็สามารถ ดำเนินการได้ แผ่นนี้จึงเป็นแผ่นที่ชอบด้วยกฎหมาย สมมุติว่าเพื่อนของนักศึกษาคิดว่าอัลบั้มนี้ขายดีก็ไปซื้อ แผ่นจริงมาแล้วมา Copy จำนวน 1,000 แผ่น แล้วเอาไปขาย อย่างนี้เราก็จะเรียกว่า “แผ่นผี” เป็นแผ่นที่ ไม่ได้ขออนุญาต เป็นแผนที่ละเมิดลิขสิทธิ์


pg. 3 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง คำถาม คือ กรณีที่เพื่อนนักศึกษาไปเอาแผ่นจริงมา Copy ถือว่าเป็นการทำซ้ำ เข้าเงื่อนไขตาม ความหมายของมาตรา 4 ที่บอกว่าทำซ้ำคืออะไรแล้วหรือไม่ อันนี้มีการทำสำเนา มีการทำ Copy ตัวอัลบั้ม เพลงแผ่นซีดีออกมาจำนวน 1,000 แผ่น ทำจากต้นฉบับหรือจากสำเนาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญก็คือทั้งหมด คือทั้งอัลบั้ม ทีนี้จะเกิดคำถามว่าถ้าเกิดว่าไม่ได้ Copy จากแผ่นจริง อย่างเช่นว่ามีใครคนหนึ่งเห็นเพื่อน นักศึกษาขายแผ่นผีและเห็นเป็นลู่ทางในการทำประโยชน์ได้ก็เลยไปซื้อแผ่นผีของเพื่อนนักศึกษาที่ทำ Copy มา 1 แผ่น แล้วนำไป Copy ถามว่ากรณีอย่างนี้คนที่เอาไป Copy ถือเป็นการทำซ้ำหรือไม่ คำตอบ ก็คือยังถือว่า เป็นการทำซ้ำอยู่ คือ ไม่ว่าจะทำจากแผ่นจริงหรือจากแผ่นผีก็ตาม และมีข้อสังเกตว่าอาจจะทำเพียงบางส่วนก็ ได้ไม่จำเป็นจะต้อง Copy มาทั้งหมด “ดัดแปลง” หมายความว่า ทำซ้ำโดยเปลี่ยนรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมหรือจำลองงานต้นฉบับใน ส่วนอันเป็นสาระสำคัญโดยไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ตัวอย่างของการดัดแปลง ได้แก่ การแปลหนังสือว่านวนิยายภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย หรือการ เปลี่ยนทำนองและการเรียบเรียงเสียงประสานจากเพลงป๊อปเป็นเพลงแร็พ 2. สิทธิในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ในมาตรา 4 ได้ให้คำจำกัดความไว้“เผยแพร่ต่อสาธารณชน” หมายความว่า ทำให้ปรากฏต่อ สาธารณชน โดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การ ก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น อย่างเช่น นำเพลงไปร้องแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต หรือว่าเอางานเขียนขึ้นไปอ่านให้คนฟัง อย่างนี้ก็จะ เป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชน 3. ให้เช่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง อาจารย์เคยพูดถึง เรื่องนี้บ้างแล้วว่าที่มาของมาตรานี้ แต่เดิมกฎหมายลิขสิทธิ์เราไม่ได้คุ้มครองสิทธิในการให้เช่า ต่อมาข้อตกลง TRIPs ซึ่งประเทศไทยมีอนุสัญญาด้วย บัญญัติไว้ใน article 11 และข้อ 14 พูดถึงข้อกำหนดหรือบทบัญญัติที่ ให้ประเทศที่เป็นภาคีต้องออกกฎหมายคุ้มครองในเรื่องสิทธิในการให้เช่าให้เช่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง ด้วย มีคำถามว่า กรณีทำกิจการให้เช่าหนังสือการ์ตูนหรือหนังสือวนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ลิขสิทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิในการให้เช่าตามมาตรา 15 หรือไม่ คำตอบ คือ ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในการให้เช่า เพราะหนังสือเป็นงานวรรณกรรมโดยทั่วไปไม่ได้ เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียง เฉพาะงาน 4 กรณีเท่านั้นที่กฎหมาย บัญญัติให้เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิในการให้เช่า 4. สิทธิในการให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น สมมุติว่า อาจารย์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือที่อาจารย์แต่งขึ้นมา อาจารย์เป็นผู้สร้างสรรค์งาน อาจารย์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ อาจารย์ให้โรงพิมพ์พิมพ์หนังสือออกมาแล้วนำไป วางขายที่แผงหนังสือ อาจารย์ได้ผลประโยชน์ตอบแทนมา ประโยชน์ที่เกิดจากการที่เขาต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้กับอาจารย์ อาจารย์จะสามารถโอนสิทธิประโยชน์ที่ว่านี้ให้แก่บุคคลอื่นได้ เช่น อาจารย์โอนหรือมอบสิทธิ ประโยชน์ที่ได้จากลิขสิทธิ์หนังสือเล่นนี้ให้กับนักศึกษาในห้องนี้ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมของ เนติบัณฑิตได้


pg. 4 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง 5. การอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิเช่น เจ้าของลิขสิทธิ์งานนิยาย Harry Potter ทำสัญญาอนุญาตให้ใช้ สิทธิ กับบริษัท ก. โดยอนุญาตให้บริษัท ก. มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยในการแปลนิยายดังกล่าวเป็น ภาษาไทยและมีสิทธิได้รับประโยชน์จากการพิมพ์จำหน่ายงานแปลดังกล่าว สิทธิของผู้สร้างสรรค์ มาตรา 18 ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้มีสิทธิที่จะแสดงว่าตนเป็น ผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าว และมีสิทธิที่จะห้ามมิให้ผู้รับโอนลิขสิทธิ์หรือบุคคลอื่นใดบิดเบือน ตัดทอน ดัดแปลง หรือทำโดยประการอื่นใดแก่งานนั้นจนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง หรือเกียรติคุณของ ผู้สร้างสรรค์ และเมื่อผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตายทายาทของผู้สร้างสรรค์มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับตา มสิทธิ ดังกล่าวได้ตลอดอายุแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร ตัวอย่างเช่น อาจารย์เฉลิมชัยวาดภาพ อาจารย์เฉลิมชัยเป็นผู้สร้างสรรค์งานประเภทศิลปกรรม ลักษณะงานจิตรกรรม อาจารย์เฉลิมชัยโอนลิขสิทธิ์ไปให้นาย ก. นาย ก. ได้รับลิขสิทธิ์ ผู้ที่ได้รับโอนลิขสิทธิ์ไปก็ ได้กรรมสิทธิ์ของภาพวาดดังกล่าวไปด้วย แต่ปรากฏว่าเขาไปลบชื่อของอาจารย์เฉลิมชัยที่เซ็นไว้ในภาพวาด ออก เนื่องจากได้รับโอนลิขสิทธิ์แล้ว นักศึกษาว่านาย ก. มีสิทธิทำอย่างนั้นได้หรือไม่ และจะกระทบถึงสิทธิของ อาจารย์เฉลิมชัยหรือไม่ ตอบ นาย ก. ได้กรรมสิทธิ์ในภาพวาดดังกล่าวแล้ว นาย ก. จะขายภาพดังกล่าวให้คนอื่นหรือทำลาย ภาพนั้นก็ได้ แต่ถ้านาย ก. จะลบลายเซ็นหรือสัญลักษณ์ที่อาจารย์ทำไว้บนภาพใส่ลายเซ็นนาย ก. ลงไปในภาพ แทนแล้วนำภาพดังกล่าวไปแสดงในงานนิทรรศการก็จะเป็นการกระทบสิทธิของอาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์ภาพดังกล่าวในการแสดงว่าอาจารย์ใช้เฉลิมชัยเป็นผู้สร้างสรรค์ หรือถ้าภาพที่นาย ก. ซื้อมาเป็นภาพทะเล นาย ก. วาดภูเขาเพิ่มเติมลงไปในภาพดังกล่าวแล้วนำไป แสดงในงานนิทรรศการจะเป็นการกระทบสิทธิของอาจารย์เฉลิมชัย ที่ห้ามมิให้มีการบิดเบือน ตัดตอน ดัดแปลง หรือทำโดยประการอื่นใดแก่งานจนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง หรือเกียรติคุณของผู้สร้างสรรค์งาน ดังกล่าว สิทธิข้างเคียง สิทธิข้างเคียง หมายความรวมถึง สิทธิของนักแสดง สิทธิของผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง และสิทธิของ องค์กรแพร่เสียงแพร่ภาพ แม้นักแสดง ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียง และองค์กรเผยแพร่เสียงแพร่ภาพ มิได้เป็นผู้ที่ สร้างสรรค์งานขึ้นด้วยตนเอง แต่เป็นผู้ที่มีบทบาทเป็นสื่อกลางในการนำงานที่มีลิขสิทธิ์ออกเผยแพร่ต่อสังคมใน วงกว้าง สังคมสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากงานดังกล่าวได้กว้างขวางมากขึ้น ดังนั้น ในหลายประเทศจึงมี การบัญญัติกฎหมายคุ้มครองสิทธิของบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศบัญญัติกฎหมายโดยแยก การคุ้มครองสิทธิข้างเคียงออกจากลิขสิทธิ์ แต่ในบางประเทศบัญญัติคุ้มครองสิทธิข้างเคียงไว้ในกฎหมาย ลิขสิทธิ์ สำหรับประเทศไทยนั้น พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 บัญญัติคุ้มครองสิทธิข้างเคียง โดยบัญญัติ เรื่องสิทธิของนักแสดงไว้ในหมวด 2 ของพระราชบัญญัติ และบัญญัติคุ้มครองสิ่งบันทึกเสียงและงานแพร่เสียง แร่ภาพ โดยบัญญัติเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามมาตรา 6 ทั้งนี้ โดยมีการบัญญัติความหมายของคำว่า นักแสดง สิ่ง บันทึกเสียง และงานแพร่เสียงแพร่ภาพไว้ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ “นักแสดง” หมายความว่า ผู้แสดง นักดนตรี นักร้อง นักเต้น นักรำ และผู้ซึ่งแสดงท่าทาง ร้อง กล่าว พากย์ แสดงตามบทหรือในลักษณะอื่นใด


pg. 5 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ยกตัวอย่างเช่น Black Pink ขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย Black Pink ทั้งร้องทั้งเต้นเขาควร จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ สมมุติว่ามีคนมาบันทึกภาพและเสียงการแสดงแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ในทาง การค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต “สิ่งบันทึกเสียง” หมายความว่า งานอันประอบด้วยลำดับของเสียงดนตรี เสียงการแสดง หรือเสียง อื่นใด โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะใด ๆ อันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีกโดยใช้เครื่องมือที่จำเป็น สำหรับการใช้วัสดุนั้น แต่ทั้งนี้มิให้หมายความรวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์หรือเสียงประกอบโสตทัศนวัสดุ อย่างอื่น ตัวอย่างเช่น บริษัท G ผลิตแผ่นซีดีซึ่งบันทึกเสียงร้องและเสียงดนตรีของวงดนตรีที่เป็นศิลปินใน บริษัทออกจำหน่ายในท้องตลาด “งานแพร่เสียงแพร่ภาพ” หมายความว่า งานที่นำออกสู่สาธารณชนโดยการแพร่เสียงทาง วิทยุกระจายเสียง การแพร่เสียงและหรือภาพทางวิทยุโทรทัศน์ หรือโดยวิธีอย่างอื่นอันคล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น สถานีวิทยุแพร่เสียงรายการวิทยุ FM คลื่น 95, คลื่น 105, Green Wave, Hot Wave พวกนี้คือการแพร่เสียง ส่วนการแพร่ภาพ ก็อย่างเช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ช่อง 7 ไทยพีบีเอส พวกทีวี ดิจิตอลหรือว่าเคเบิ้ลทีวี ก็อาจจะถือว่าเป็นงานได้เสียงแพร่ภาพ สิทธิของนักแสดง มาตรา 44 นักแสดงย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการกระทำอันเกี่ยวกับการแสดงของตน ดังต่อไปนี้ (1) แพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งการแสดง เว้นแต่จะเป็นการแพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนจากสิ่งบันทึกการแสดงที่มีการบันทึกไว้แล้ว (2) บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึกไว้แล้ว (3) ทำซ้ำซึ่งสิ่งบันทึกการแสดงที่มีผู้บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนักแสดงหรือสิ่งบันทึกการแสดง ที่ได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์อื่น หรือสิ่งบันทึกการแสดงที่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิของนักแสดงตาม มาตรา 53 นักแสดงจึงมีสิทธิ ดังนี้ 1. แพร่เสียงแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งการแสดง เว้นแต่การกระทำดังกล่าวเป็นการ กระทำจากสิ่งบันทึกการแสดง 2. บันทึกการแสดงที่ยังไม่มีการบันทึก 3. ทำซ้ำสิ่งบันทึกการแสดงที่บันทึกไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือที่ได้รับอนุญาตเพื่อวัตถุประสงค์อื่น หรือที่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 53 การละเมิดลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์แบ่งออกได้เป็น 1. การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้น และ 2. การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง 1. การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้น บัญญัติไว้ในมาตรา 27-30 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 การกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้น ได้แก่


pg. 6 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง 1. ทำซ้ำ มีการให้คำจำกัดความไว้ในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และต่อมาในปี 2558 มี การเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรา 28/1 เกี่ยวกับการทำซ้ำภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ว่า การบันทึกเสียงหรือภาพ หรือทั้งเสียงและภาพจากภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 28/1 การทำซ้ำโดยการบันทึกเสียงหรือภาพหรือทั้งเสียงและภาพจากภาพยนตร์อันมี ลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ในโรงภาพยนตร์ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่ บางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ในระหว่างการฉายในโรงภาพยนตร์ ให้ถือว่าเป็นการละเมิด ลิขสิทธิ์ และมิให้นำมาตรา 32 วรรคสอง (2) มาใช้บังคับ 2. ดัดแปลง 3. เผยแพร่ต่อสาธารณชน 4. ให้เช่าโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์สิ่งบันทึกเสียงหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 28 และ 30 5. งานแพร่เสียงแพร่ภาพตามมาตรา 29 มาตรา 29 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานแพร่เสียงแพร่ภาพอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) จัดทำโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน (2) แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ ทั้งนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน (3) จัดให้ประชาชนฟังและหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพ โดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น ในทางการค้า ข้อสังเกต นาย ก. เป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์ นาย ข. ทำซ้ำงานของนาย ก. โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของนาย ก. ต่อมานาย ค. ทำซ้ำงานของนาย ข. โดยมิได้รับอนุญาตจากนาย ก. งานที่นาย ค. ทำซ้ำเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์งานของนาย ก. หรือไม่ ในกรณีดังกล่าวในต่างประเทศมี แนวความคิดว่าเป็นการลอกเลียนโดยอ้อม การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของนาย ก. แล้ว สำหรับการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ นั้น ต้องมีปริมาณการทำซ้ำหรือดัดแปลงมากน้อย เพียงใดจึงจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 4 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ บัญญัติว่า การคัดลอกในส่วนอัน เป็นสาระสำคัญ หรือปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ เป็นการทำซ้ำหรือดัดแปลงที่เป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ระบุถึงปริมาณการทำซ้ำหรือดัดแปลงว่ามากน้อยเพียงใด 2. การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง การละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ การละเมิดขั้นรองเป็น กรณีที่ผู้กระทำละเมิดรู้หรือมีเหตุควรรู้ว่างานใดละเมิดลิขสิทธิ์ กระทำการเพื่อหากำไรและกระทำดังต่อไปนี้ (1) ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือเสนอให้เช่าซื้อ (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ (4) นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร


pg. 7 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง กรณีของการละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง ผู้ที่ขายหรือเสนอขายงานที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าเป็นงานที่ได้ทำขึ้น โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ก็เป็นการช่วยให้ผู้ที่กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้นสามารถจำหน่ายทรัพย์ที่ละเมิด ลิขสิทธิ์ได้โดยสะดวกมากขึ้น อัตราโทษของการละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นต้น และการละเมิดลิขสิทธิ์ขั้นรอง บัญญัติไว้ในหมวด 8 บท กำหนดโทษ มาตรา 69 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 70 ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึง หนึ่งแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ ฎีกาที่ 4488/2559 การทำซ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก เจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ที่ผู้เสียหาย อนุญาตให้ทำขึ้น หรือทำซ้ำจากบันทึกของงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของ ผู้เสียหาย ก็ล้วนเป็นการกระทำต่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ซึ่งถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 30 (1) เพราะชุดคำสั่งที่เขียนด้วยภาษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (source code) หรือภาษาเครื่อง (object code) อันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 ซึ่งบันทึกอยู่ในงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือบันทึกอยู่ในบันทึกของ งานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายนั้นเป็นตัวงานโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายที่ ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 และ 6 ฎีกาที่ 1908/2546 โจทก์รับราชการอยู่ที่ฝ่ายวิจัยและประเมินผล สถาบันพัฒนาข้าราชการพล เรือน สำนักงาน ก.พ. มีหน้าที่โดยตรงในการประเมินผลการฝึกอบรม ไม่มีหน้าที่จัดทำเอกสารหรือเขียนตำรา ทางวิชาการเพื่อใช้ในการฝึกอบรม และสำนักงาน ก.พ. ก็มิได้มีคำสั่งให้โจทก์เขียนหนังสือ "คู่มือการประเมินผล การฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" และหนังสือ "คู่มือการประเมินและติดตามผล สำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" หรือมีการจ่ายค่าตอบแทนให้ โจทก์เขียนหนังสือทั้งสองเล่ม ดังกล่าวนอกเวลาราชการ การที่โจทก์เขียนหนังสือดังกล่าวขึ้น จึงไม่ถือว่าเป็นงานที่โจทก์ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ในกรอบงานของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ขึ้นเอง และในการเขียนหนังสือคู่มือทั้งสองเล่มของโจทก์ โจทก์ได้กำหนดเค้าโครงการเขียนและได้คิดกำหนดสารบัญ รวมทั้งได้เขียนอธิบายเนื้อหาสาระและรายละเอียดต่าง ๆ แต่ละประเด็นโดยใช้ถ้อยคำและคำอธิบายของโจทก์ ใหม่ทั้งหมดตามความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ของโจทก์โดยตรง จึงเป็นงานนิพนธ์ที่โจทก์ทำขึ้นโดยไม่ได้ ลอกเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โจทก์จึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมหนังสือทั้งสองเล่ม หาใช่ สำนักงาน ก.พ. ไม่


pg. 8 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง แนวความคิด ทฤษฎี และตัวข้อมูลความรู้ไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6 วรรคสอง หากจำเลยที่ 1 นำแนวความคิด ทฤษฎี และตัวข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการ ประเมินและติดตามผลการฝึกอบรมของบุคคลอื่นรวมทั้งของโจทก์ไปสร้างสรรค์งานวรรณกรรมของตน จำเลย ที่ 1 จะต้องสร้างสรรค์งานนั้นขึ้นมาโดยมีเนื้อหารายละเอียดและลักษณะการแสดงออกซึ่งความคิดของจำเลย ที่ 1 เอง ไม่ใช่เพียงแต่คัดลอกหรือเลียนแบบงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นในส่วนอันเป็น สาระสำคัญซึ่งถือว่าเป็นการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิแต่ผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 15 (1) หากจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27 (1) แห่ง พ.ร.บ. ฉบับเดียวกัน หนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 ในหัวข้อความหมายของการประเมินผล ขั้นตอนใน การประเมินผลการฝึกอบรม รูปแบบของรายงาน แนวทางเบื้องต้นในการวิเคราะห์โครงการฝึกอบรม การ กำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ของการประเมินผล และการวางแผนประเมินผล มีข้อความที่เหมือนและ คล้ายกับข้อความที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ "คู่มือการประเมินผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการ ฝึกอบรม/สัมมนา" และ "คู่มือการประเมินและติดตามผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/ สัมมนา" ของโจทก์ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญของงานประมาณ 30 หน้า จากจำนวนประมาณ 150 หน้า ข้อความบางตอนมีลักษณะเกือบเหมือนกันคำต่อคำ บางตอนมีลักษณะดัดแปลงให้ต่างกันเล็กน้อย และบาง ตอนก็เพียงแต่ปรับเปลี่ยนหัวข้อเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยากที่จะเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึง เป็นการทำซ้ำและดัดแปลงงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จากโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ แม้ในการเผยแพร่ตำราและสิ่งตีพิมพ์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยจำเลยที่ 2 ไม่ได้มุ่งแสวงหา ผลกำไรแบบธุรกิจเอกชน เพราะตั้งราคาจำหน่ายหนังสือใกล้เคียงกับต้นทุน แต่จำเลยที่ 1 ก็ได้รับค่าตอบแทน จากงานเขียน แสดงให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำเพื่อหากำไรแล้ว แม้จะไม่ได้กำไรเท่า ธุรกิจเอกชนก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำซ้ำและดัดแปลงงานวรรณกรรมอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ การจำหน่ายหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งหนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำ เพื่อหากำไรโดยรู้อยู่แล้วว่างานนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้จำหน่ายหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งหนังสือดังกล่าวอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ มหาวิทยาลัยจำเลยที่ 2 เป็นหน่วยงานราชการ จัดพิมพ์ตำราต่าง ๆ ตามระเบียบว่าด้วยสำนักพิมพ์ ของมหาวิทยาลัยจำเลยที่ 2 โดยมีคณะกรรมการบริหารของสำนักพิมพ์พิจารณาในขั้นต้น และมีบรรณาธิการ ตรวจคุณภาพ ในการจัดพิมพ์หนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังกล่าว จึงย่อมจะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่อาจทราบในเบื้องต้นได้ว่าหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือที่เขียนขึ้น โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ ส่วนการจำหน่ายและเผยแพร่ต่อสาธารณชนในระยะต่อมานั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟัง ไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่าหนังสือดังกล่าวจำเลยที่ 1 เขียนขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ในงาน วรรณกรรมของโจทก์ แล้วจำหน่ายหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งหนังสือดังกล่าวเพื่อการค้า การกระทำของ จำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 31 (1) และ (2)


pg. 9 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 นั้น ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 3 ประการ คือ (1) เป็นการกระทำต่าง ๆ ตามที่มาตรา 32 วรรคสอง ถึงมาตรา 33 บัญญัติไว้ (2) การกระทำนั้นต้องไม่ขัด ต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และ (3) การกระทำนั้นต้องไม่ กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร แม้จำเลยที่ 1 จะเขียนหนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการสอนและเป็นผลงานทางวิชาการที่จำเลยที่ 1 ใช้ ประกอบการพิจารณาขอรับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ อันอาจถือได้ว่าเป็นการวิจัยงานหรือทำซ้ำและ ดัดแปลงโดยผู้สอนเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันการศึกษาโดยไม่ได้หากำไร ซึ่งเข้าข้อยกเว้น การละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 32 วรรคสอง (1)และ (7) แห่ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ก็ตาม แต่ปรากฏ ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำถึงขั้นจัดพิมพ์เพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อหากำไร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่ เข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว การคัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอันอาจเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตาม มาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จะต้องปรากฏว่าเป็นการกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์บางตอนตาม สมควร และมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น แม้จะปรากฏว่าจำเลยที่ 1 จะคัด ลอก หรือเลียน งานวรรณกรรมของโจทก์จำนวนประมาณ 30 หน้า จากจำนวนทั้งหมดประมาณ 150 หน้า อันอาจถือได้ว่า เป็นงานบางตอนก็ตาม แต่ปรากฏว่าการนำงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์มาบางตอนดังกล่าวล้วนเป็นส่วนของ เนื้อหาสาระที่สำคัญ และมีปริมาณงานเป็นจำนวนมาก จึงถือได้ว่าเป็นการคัด ลอก หรือเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ ของผู้อื่นเกินสมควร ประเภทขนาด 8 หน้ายก ซึ่งจำเลยที่ 1 สามารถที่จะแสดงการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของ โจทก์ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำเชิงอรรถหรือกล่าวถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อจำเลยที่ 1 นำข้อความของงาน นั้นมาเขียนไว้ในหนังสือของจำเลยที่ 1 ดังที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำแล้วในส่วนอื่น ๆ ของหนังสือดังกล่าว การที่ จำเลยที่ 1 เพียงแต่อ้างอิงถึงชื่อโจทก์และบุคคลอื่นพร้อมงานเขียนรวม 26 รายการ ไว้ในหัวข้อเอกสารอ้างอิง ที่ท้ายเล่มในกรณีเช่นนี้ ผู้อ่านย่อมไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าข้อความส่วนใดของงานดังกล่าวเป็นงานเขียนของ โจทก์ซึ่งจำเลยที่ 1 คัดลอกมา จึงยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าเป็นการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ของโจทก์ อันจะถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เข้าหลักเกณฑ์ประการแรกของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เมื่อจำเลยที่ 1 จัดทำหนังสือซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกับงานที่โจทก์สร้างสรรค์ขึ้นออกจำหน่าย จึง เป็นการแบ่งตลาดของผู้บริโภคซึ่งจะซื้อหนังสือประเภทดังกล่าวออกไปส่วนหนึ่ง อันเป็นการขัดต่อการแสวงหา ประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของโจทก์และกระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ เกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์สองประการหลังของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 32 วรรคหนึ่ง ฎีกาที่ 5843/2543 พฤติการณ์ที่จำเลยทำซ้ำโดยถ่ายเอกสารงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมไว้ หลายชุดแล้วเก็บไว้ที่ร้านค้าของจำเลยซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ซึ่งมีการเรียนการสอนโดยใช้หนังสือของโจทก์ ร่วมและมีโอกาสที่จำเลยจะขายเอกสารที่ทำซ้ำขึ้นแก่นักศึกษาได้สะดวก เป็นการทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ของ โจทก์ร่วมโดยการถ่ายสำเนาเอกสารจำนวน 43 ชุด ไว้เพื่อขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อขายอันเป็นการที่จำเลย ทำซ้ำขึ้นเองเพื่อการค้าและแสวงหาประโยชน์จากการขายสำเนางานที่จำเลยทำซ้ำขึ้นมา มิใช่การรับจ้างถ่าย


pg. 10 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เอกสารจากนักศึกษาที่ต้องการได้สำเนางานที่เกิดจากการทำซ้ำไปใช้ในการศึกษาวิจัยอันเป็นเหตุยกเว้นมิให้ถือ ว่าการทำซ้ำของจำเลยเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 32(1) แต่อย่างใด ฎีกาที่ 5469/2552 การนำส่วนที่เป็นสาระสำคัญ (Substantial part) ของเพลง "สายชล" ไปใช้ ในภาพยนตร์ หากจะมีการนำไปใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางการค้า ย่อมจะต้องดำเนินการขออนุญาตจาก เจ้าของลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย การนำเพลง "สายชล" ไปใช้ในภาพยนตร์เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยมี จุดประสงค์ในการหากำไรและมีการจัดทำโสตทัศนวัสดุในรูปแบบวีซีดีและดีวีดีเพื่อจำหน่ายในเวลาต่อมา นับเป็นการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าของจำเลยทั้งสองแล้ว จึงไม่เข้าข่ายที่จะได้รับยกเว้นตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 32 นอกจากนี้ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 18 กำหนดว่า ผู้สร้างสรรค์งานอันมีลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. นี้มีสิทธิ ที่จะแสดงว่าตนเป็นผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่า โจทก์เป็นผู้ประพันธ์ทำนองเพลง "สายชล" โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะแสดงว่าโจทก์เป็นผู้สร้างสรรค์ทำนองเพลง "สายชล" ดังกล่าว ส่วนคำขออื่นของโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสองยุติการจำหน่ายและเผยแพร่ต่อสาธารณชน การเก็บแผ่นวี ซีดีและดีวีดีออกจากตลาดรวมทั้งการลงประกาศในหนังสือพิมพ์นั้น เห็นว่า แม้งานดนตรีกรรมของโจทก์ในส่วน ที่เป็นสาระสำคัญจะถูกนำไปใช้ แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ทั้งการทำให้ปรากฏข้อความว่านางสาว จ. เป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลง "สายชล" ยังไม่ถือว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาละเมิดสิทธิของโจทก์ เมื่อ พิจารณาเปรียบเทียบความเสียหายของโจทก์กับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ตลอดจน ค่าเสียหายที่ได้กำหนดให้แก่โจทก์แล้ว จึงเห็นควรไม่กำหนดให้จำเลยทั้งสองต้องดำเนินการต่างๆ อีก ฎีกาที่ 664/2549 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 62 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า งานที่มีการ ฟ้องร้องในคดีนั้นเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ และโจทก์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เว้นแต่จำเลยจะโต้แย้งว่าไม่มีผู้ใดเป็น เจ้าของลิขสิทธิ์ หรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ซึ่งข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นเพียงข้อสันนิษฐานในข้อเท็จจริงที่ศาล จะรับฟัง เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่หากข้อเท็จจริงใน สำนวนคดีนี้ปรากฏต่อศาลเองว่างานที่ฟ้องร้องกันนี้มิใช่งานอันมีลิขสิทธิ์ที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย และเป็นกรณีที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อให้ลงโทษทางอาญา ศาลย่อมมีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยรับสัญญาณภาพและเสียงของโจทก์ร่วมที่ส่งสัญญาณไปตามสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง จากนั้น ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับสายสัญญาณเคเบิ้ลเข้าเครื่องถอดรหัสสัญญาณไปพ่วงต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์ของ จำเลย แล้วขยายสัญญาณโทรทัศน์แยกและต่อสัญญาณแพร่เสียงแพร่ภาพไปยังห้องเช่าต่าง ๆ ของผู้พักอาศัย ในอาคารของจำเลย โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์จากค่าเช่าห้องพักและค่าบริการจากผู้เช่าเพื่อแสวงหากำไร ในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วมทั้งสอง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการจัดทำงานแพร่ ภาพแพร่เสียงอีกทอดหนึ่ง ซึ่งงานแพร่เสียงแพร่ภาพดังกล่าวเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมทั้งสอง เมื่อการ กระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อการค้า จำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 29 ประกอบมาตรา 69 วรรคสอง ฎีกาที่ 6359/2551 การที่จำเลยจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพรายการบันเทิงต่างประเทศในงาน แพร่เสียงแพร่ภาพของผู้เสียหายทั้งสอง โดยการลักลอบใช้อุปกรณ์เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม (จานดาวเทียม) รับสัญญาณงานแพร่เสียงแพร่ภาพดังกล่าวเข้ามาแล้วส่งผ่านเข้าไปในเครื่องรวมสัญญาณ จากนั้นจึงส่งสัญญาณ ผ่านทางสายนำสัญญาณไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องพักในอพาร์ตเมนต์ โดยเรียกเก็บเงินและ


pg. 11 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ผลประโยชน์เป็นค่าบริการรายเดือนรวมอยู่ในค่าเช่าห้องพักของจำเลย เป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อ ความเสียหายอย่างมากแก่ผู้เสียหายทั้งสอง เนื่องจากอาคารดังกล่าวมีห้องพักที่เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเช่าพัก ได้หลายห้อง ซึ่งหากผู้เช่าห้องพักแต่ละห้องบอกรับเป็นสมาชิกของผู้เสียหายทั้งสองเอง ผู้เสียหายทั้งสองก็จะ ได้รับค่าสมาชิกและค่าบริการรายเดือนเป็นจำนวนมาก การกระทำของจำเลยจึงนับว่าร้ายแรง หากศาลไม่ กำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลย จำเลยก็จะไม่หลาบจำกลับมากระทำความผิดซ้ำอีก และเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่ ผู้อื่น จึงเห็นสมควรลงโทษจำเลยไปโดยไม่รอการกำหนดโทษ จำเลยแพร่สัญญาณงานแพร่เสียงแพร่ภาพของผู้เสียหายทั้งสองให้สาธารณชนผู้ใช้บริการเช่าห้องพัก ในอพาร์ตเมนต์ของจำเลยได้รับชมรับฟังด้วยการต่อสัญญาณเข้าไปในห้องเช่า ซึ่งมีลักษณะเป็นการแพร่เสียง แพร่ภาพต่อไปจากการแพร่เสียงแพร่ภาพของผู้เสียหายทั้งสองโดยไม่มีการบันทึกงานนั้นไว้ก่อน การกระทำ ของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพตามมาตรา 29 (1) ฎีกาที่ 3977/2534 หนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มที่จำเลยขายหรือเสนอขายพิมพ์ลอกเลียน จากหนังสือฉบับแท้จริงของกระทรวงศึกษาธิการผู้เสียหาย มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือฉบับแท้จริงอย่าง เห็นได้ชัด จำเลยเป็นพ่อค้าประกอบอาชีพจำหน่ายหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดมานานประมาณ 20 ปี แล้ว มีร้านค้าของตนเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของคุรุสภา จำเลยย่อมมี ความรู้ความเข้าใจมีประสบการณ์และความชำนาญในการตรวจตราหนังสือแบบเรียนและแบบฝึกหัดต่างๆ ที่ สั่งมาจำหน่ายในร้านค้าของตนว่าถูกต้องหรือไม่ จำเลยได้รู้เห็นหนังสือของกลางนั้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่เป็นหนังสือ แบบเรียนหรือแบบฝึกหัดที่แท้จริงของผู้เสียหาย และย่อมสังเกตเห็นว่าหนังสือของกลางดังกล่าว มีลักษณะแตกต่างจากหนังสือของผู้เสียหายที่จำเลยเคยสั่งซื้อจากองค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งผู้เสียหายสงวน ลิขสิทธิ์ ดังนี้ ถือว่าจำเลยขายหรือเสนอขายหนังสือของกลางจำนวน 91 เล่มนั้น โดยรู้อยู่แล้ว่าเป็นหนังสือที่ พิมพ์ขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 27 หมายเหตุ มาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอยู่ในมาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ฎีกาที่ 5715/2562 ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ แม้ขณะเกิดเหตุจำเลย มิได้อยู่ในร้าน แต่จำเลยในฐานะเจ้าของร้านซึ่งประกอบกิจการร้านคาราโอเกะย่อมมีหน้าที่ต้องตรวจตราดูแล และควบคุมการดำเนินกิจการของร้านให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและไม่ผิดกฎหมาย การที่จำเลยเป็นผู้ติดต่อให้ เจ้าของตู้เพลงคาราโอเกะหยอดเหรียญที่มีงานเพลงซึ่งได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายมาติดตั้งที่ร้าน คาราโอเกะของจำเลย จำเลยย่อมอยู่ในวิสัยที่จะตรวจสอบได้ว่างานเพลงที่ติดตั้งในหน่วยความจำของตู้เพลงคา ราโอเกะหยอดเหรียญดังกล่าวเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายหรือไม่ จำเลยจึงรู้หรือมีเหตุอัน ควรรู้ว่างานดังกล่าวทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย เมื่อมีการเปิดเพลงดังกล่าวจากตู้เพลงคาราโอเกะ หยอดเหรียญโดยแบ่งปันผลประโยชน์กัน จึงเป็นความผิดสำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐาน เผยแพร่ต่อสาธารณชนในงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายเพื่อหากำไรอันเป็นการกระทำเพื่อ การค้า ฎีกาที่ 8330/2549 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 15 (5) มิได้บัญญัติให้สัญญา อนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือต่างกับพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ที่มาตรา 68 วรรคสอง บัญญัติให้สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียน


pg. 12 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เครื่องหมายการค้า การโอนลิขสิทธิ์ มาตรา 17 วรรคสาม บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการโอนลิขสิทธิ์ซึ่งมิใช่ทางมรดก ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน สำหรับวันนี้ก็ขอยุติการบรรยายไว้เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ ***จบการบรรยาย*** สรุปโดยA04 ตรวจทานC2


pg. 1 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง สรุปคำบรรยายเนติบัณฑิตสมัยที่ 1/76 วิชา กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคปกติ) บรรยายโดย อ.ดร.ธรรมนูญ พิทยาภรณ์ บรรยายวันที่ 7 กันยายน 2566 (ปิดคอร์ส)(สัปดาห์ที่ 16 ) สวัสดีครับ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะครับ ในส่วนที่ผมรับผิดชอบจะเป็นกฎหมายลิขสิทธิ์นะครับ ประเด็นที่ จะพูดถึงในวันนี้ต่อจากคราวที่แล้วเป็นเรื่องของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ ครั้งก่อนๆเราได้พูดถึงกฎหมาย ลิขสิทธิ์ในแง่ที่ว่างานอะไรที่ได้รับการคุ้มครอง เงื่อนไขของกฎหมายมีอะไรบ้างที่คุ้มครองงานอันมีลิขสิทธิ์ เมื่องานนั้นครบถ้วนตามเงื่อนไขที่เราได้ศึกษามาครบถ้วนแล้ว งานนั้นก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ลิขสิทธิ์เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ต้องมาดูว่างานนั้นเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ถ้าเทียบเคียงกับ กฎหมายอาญาทั่วไปเรื่องครบองค์ประกอบภายนอก ครบองค์ประกอบภายในในการกระทำความผิด แต่ อาจจะมีเหตุยกเว้นความผิดตามกฎหมายอาญาได้ ลิขสิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 32 วรรคแรก การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่ขัด ต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอัน ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 32 วรรคแรก เป็นหลักการพื้นฐานของข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 32 วรรคสอง ภายใต้บังคับบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมี ลิขสิทธิ์ตามวรรคหนึ่ง มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (2) ใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นในครอบครัวหรือญาติสนิท (3) ติชม วิจารณ์หรือแนะนำผลงานโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (4) เสนอรายงานข่าวทางสื่อสารมวลชนโดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น (5) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของศาลหรือเจ้า พนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย หรือในการรายงานผลการพิจารณาดังกล่าว (6) ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอน เพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อัน มิใช่การกระทำเพื่อหากำไร (7) ทำซ้ำ ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอนหรือทำบทสรุปโดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษา เพื่อ แจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการกระทำเพื่อหากำไร (8) นำงานนั้นมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถามและตอบในการสอบ การนำเข้าซ้อน (Parallel Import) คือ การนำเข้าสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศและขายแข่งกับสินค้าที่มี ลิขสิทธิ์เช่นเดียวกันในตลาดภายในประเทศโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์การนำเข้าซ้อนเกิดขึ้น ได้กับทั้งลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าด้วย


pg. 2 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง เช่น บริษัท A (บริษัทอังกฤษ) เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือหนึ่งเล่ม ทำสัญญาอนุญาตให้บริษัท B (บริษัทไทย) พิมพ์จำหน่ายหนังสือดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริษัท B ขายหนังสือในประเทศไทย ราคาเล่มละ 2,000 บาท และบริษัท A ได้ทำสัญญาอนุญาตให้บริษัท C (บริษัทสิงคโปร์) พิมพ์จำหน่าย หนังสือดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวในประเทศสิงคโปร์ บริษัท C ขายหนังสือในประเทศสิงคโปร์ราคาเล่มละ 1,000 บาท นาย ก. ซื้อหนังสือจากบริษัท C ในประเทศสิงคโปร์ จำนวน 1,000 เล่ม และนำเข้ามาขายใน ประเทศไทยในราคาเล่มละ 1,500 บาท กรณีของนาย ก. จึงเป็นการนำเข้าซ้อน หลักการขายครั้งแรกหรือหลักการระงับสิ้นไปแห่งสิทธิ หลังจากการขายครั้งแรก สิทธิในลิขสิทธิ์ย่อมระงับสิ้นไป ฎีกาที่ 2817/2543 (เทียบเคียงกับเรื่องเครื่องหมายการค้า) เมื่อผู้ผลิตสินค้าที่เป็นเจ้าของ เครื่องหมายการค้าได้จำหน่ายสินค้าของตนในครั้งแรก ซึ่งได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้านั้นจาก ราคาสินค้าที่จำหน่ายไปเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้ผู้ซื้อสินค้าซึ่งประกอบการค้าปกตินำสินค้านั้น ออกจำหน่ายอีกต่อไป โจทก์ที่ 1 ผู้ผลิตสินค้าปัตตะเลี่ยน ไม่มีสิทธิหวงกันไม่ให้จำเลยนำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะ เลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงที่จำเลยซื้อจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ที่ 1 ในประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ มาจำหน่ายในประเทศไทยได้ โจทก์ที่ 2 เป็นผู้นำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมาย การค้าคำว่า "WAHL" ของโจทก์ที่ 1 จากประเทศสหรัฐอเมริกามาจำหน่ายในประเทศไทย โจทก์ที่ 1 ไม่ได้ตั้ง ให้โจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์ที่ 1 ในประเทศไทยแต่เพียงผู้ เดียว โจทก์ที่ 2 จึงเป็นเพียงผู้นำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจากโจทก์ที่ 1 มา จำหน่ายในประเทศไทยผู้หนึ่งเท่านั้น การที่จำเลยนำเข้าซึ่งสินค้าปัตตะเลี่ยนที่มีเครื่องหมายการค้าคำว่า "WAHL" เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 อัน เป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421 คดีระหว่างนายสุภาพ เกิดแสงบริษัท กับ John Wiley & Sons Inc. นายสุภาพ เกิดแสง เป็นคนไทยที่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล ประเทศสหรัฐอเมริกา John Wiley & Sons Inc. เป็นบริษัทที่พิมพ์จำหน่ายตำราที่ใช้ในการเรียน โดยพิมพ์จำหน่ายตำราภาษาอังกฤษขายใน ประเทศสหรัฐอเมริกาในราคาที่สูงกว่าที่ขายในประเทศไทย นายสุภาพให้คนซื้อตำราดังกล่าวจากร้านใน ประเทศไทยส่งไปให้ที่นิวยอร์ก ต่อมานายสุภาพขายตำราดังกล่าวให้นักศึกษาอเมริกันหลายคนโดยได้กำไรจาก การขายดังกล่าว John Wiley & Sons Inc. ฟ้องว่านายสุภาพละเมิดลิขสิทธิ์ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้นายสุภาพแพ้ ศาลฎีกาของประเทศสหรัฐอเมริกาพิพากษากลับให้นายสุภาพชนะคดี โดยวินิจฉัยว่า เมื่อนาย สุภาพซื้อหนังสือมาแล้ว ตามหลักการขายครั้งแรกผู้ซื้อหนังสือมีสิทธิที่จะขายหนังสือดังกล่าวต่อไปได้โดยไม่ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่านายสุภาพจะซื้อหนังสือจากต่างประเทศแล้วนำไปขายในสหรัฐอเมริกาก็ตาม เป็น คดีที่ศาลฎีกาของประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับรองหลักการขายครั้งแรกอย่างชัดแจ้ง มาตรา 32/1 การจำหน่ายต้นฉบับหรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์โดยผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในต้นฉบับ หรือสำเนางานอันมีลิขสิทธิ์นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรานี้เป็นกฎหมายที่แก้ใหม่ในปีพ.ศ.2558 เพื่อรับรองหลักการขายครั้งแรก


pg. 3 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ประเด็นต่อมา การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามปกติถือเป็นการทำซ้ำหรือไม่ อาจารย์จรัญ ภักดีธนา กุล ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่ากรณีนี้ไม่ถือเป็นการทำซ้ำ และมีนักกฎหมายหลายท่านเห็นว่าไม่เป็นการทำซ้ำ และมีอีกแนวความคิดมองว่าแม้จะมีการเก็บไว้ในหน่วยความจำชั่วคราวในแรมของคอมพิวเตอร์ในเวลาสั้นๆ ช่วงที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่างเดียวก็ถือว่าทำซ้ำแล้ว ในประเทศสหรัฐอเมริกาบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ว่ากรณีแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนกฎหมายไทยอยู่ในมาตรา 32/2 มาตรา 32/2 การกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ที่ทำหรือได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายในระบบ คอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นการทำซ้ำที่จำเป็นต้องมีสำหรับการนำสำเนามาใช้เพื่อให้อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบ คอมพิวเตอร์ หรือกระบวนการส่งงานอันมีลิขสิทธิ์ทางระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้ตามปกติ มิให้ถือว่าเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ หมายความว่าเป็นการทำซ้ำแต่เป็นข้อยกเว้นไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่อมาประเด็นเรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ และการระงับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว มาตรา 32/3 ของพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ถูกยกเลิก ซึ่งเดิมเป็นมาตราที่สำคัญ เป็นมาตราที่ให้ อำนาจศาลในการพิจารณาออกคำสั่งบล็อกเว็บไซต์หรือดึง นำ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ถูกอ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ แต่มาตรา 16 ของพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2565 ให้ใช้บังคับในบาง กรณีและอีกช่องทางอยู่ในมาตรา 20(3) ของพ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และมาตรา 43/1 – 43/8 ของพ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยเข้ามาแทนมาตรา 32/3 ที่ยกเลิกไป ซึ่งเป็นเรื่องข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ให้บริการ ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ให้บริการ มาตรา 43/1 – 43/8 เป็นกระบวนการ Notice and Takedown คือ กระบวนการแจ้งให้ผู้ให้บริการนำข้อมูลที่อ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์หรือ ระงับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ผู้ให้บริการเช่น ผู้ให้บริการ มีความหมายรวมถึง 1. ผู้ให้บริการที่เป็นสื่อกลางส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่นผ่าน ทางระบบคอมพิวเตอร์ คือ เป็นทางผ่านของข้อมูล 2. ผู้ให้บริการเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นการชั่วคราว คือ การเก็บข้อมูลที่ใช้บ่อยๆ ไว้ชั่วคราวเพื่อ สามารถใช้งานได้รวดเร็วขึ้น 3. ผู้ให้บริการรับฝากข้อมูลคอมพิวเตอร์ คือ ให้บริการจัดเก็บข้อมูล 4. ผู้ให้บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ เช่น Google กระบวนการ Notice and Takedown เป็นกระบวนการแจ้งและการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อ้างว่าได้ ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ หรือระงับการเข้าถึงข้อมูล ดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนของกระบวน Notice and Takedown ที่เข้ามาแทนมาตรา 32/1 มีดังนี้ 1. เจ้าของลิขสิทธิ์มีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์บนระบบหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของ ผู้ให้บริการตามมาตรา 43/4 หรือมาตรา 43/5


pg. 4 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง 2. เจ้าของลิขสิทธิ์แจ้งผู้ให้บริการ โดยดำเนินการตามมาตรา 43/6 คือ ทำเป็นหนังสือหรือผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์และตามรายละเอียดที่กฎหมายกำหนด 3. ผู้ให้บริการดำเนินการ โดย ก. นำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อ้างว่าทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ (Takedown) หรือ ข. ระงับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว (Blocking) ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ให้บริการจะระงับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว หรือที่เราเรียกว่าถูกบล็อก 4. ให้ผู้ให้บริการแจ้งผู้ใช้บริการที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำละเมิดลิขสิทธิ์ 5. ผู้ใช้บริการดังกล่าวมีสิทธิโต้แย้งไปยังผู้ให้บริการ อาจจะทำเป็นหนังสือหรือผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์และดำเนินการตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด 6. ให้ผู้ให้บริการส่งสำเนาคำโต้แย้งไปยังเจ้าของลิขสิทธิ์และแจ้งว่าจะนำข้อมูลดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบ หรือยุติการระงับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันที่ผู้ให้บริการได้รับคำโต้แย้ง 7. เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามข้อ 6 ให้ผู้ให้บริการนำข้อมูลดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบ หรือยุติการระงับการ เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ภายใน 15 วัน เว้นแต่ผู้ให้บริการได้รับแจ้งพร้อมหลักฐานว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้อง ดำเนินคดีกับผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการที่ได้รับยกเว้นความรับผิดต้อง 1.ได้ประกาศมาตรการยกเลิกการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซ้ำและปฏิบัติตามมาตรการนั้น 2.ดำเนินการตามมาตรา 43/2 – 43/5 กรณีของผู้ให้บริการที่เป็นสื่อกลางส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการ อื่นผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 43/2 กรณีของผู้ให้บริการเก็บ ข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นการชั่วคราว ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 43/3 กรณีของผู้ให้บริการรับฝาก ข้อมูลคอมพิวเตอร์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 43/4 กรณีของผู้ให้บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรา 43/5 กรณีที่ผู้ให้บริการนำข้อมูลที่อ้างว่าทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบหรือระงับการเข้าถึงข้อมูล นั้น ผู้ให้บริการที่ดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดโดยสุจริตไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายที่ เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวมาตรา 43/6 ตอนท้าย กรณีที่มีการแจ้งเท็จเป็นเหตุให้มีการนำข้อมูลออกจากระบบหรือระงับการเข้าถึงข้อมูลนั้น โดยรู้หรือมี เหตุควรรู้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ ผู้แจ้งต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น ข้อสังเกต การนำข้อมูลออกจากระบบ (Takedown)ต่างจากการระงับการเข้าถึงข้อมูล (Blocking) และการระงับการเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์บางส่วนจะต่างจากการระงับการเข้าถึงข้อมูลทั้งเว็บไซต์ การที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกแห่งในประเทศไทยระงับการเข้าถึงข้อมูล ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ใช้บริการ ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศยังคงเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้


pg. 5 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ส่วนเรื่องมาตรการคุ้มครองลิขสิทธิ์เพิ่มเติมในเรื่องข้อมูลการบริหารสิทธิ มาตรการทางเทคโนโลยี ให้ กลับไปดูเองนะครับ ข้อสอบคงไม่ออกถึงสองเรื่องนี้แต่ข้อสอบอาจจะออกข้อมูลการบริหารสิทธิ มาตรการทาง เทคโนโลยี ในแง่ที่ว่าได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์หรือไม่ก็ได้นะครับ ***จบการบรรยาย*** สรุปโดย A08 ตรวจทาน c06


pg. 11 “ผ ่ าคา บรรยายกร ๊ ุ ป” ห ้ ามนา ไฟล ์ สร ุ ปของทางเพจไปเผยแพร ่ ท ุ กช ่ องทาง ฎีกาที่ 12/2550 รูปแบบการออกแบบผลิตภัณฑ์ของจำเลยตามสิทธิบัตรทั้ง 2 คำขอคล้ายกับ รูปแบบผลิตภัณฑ์เสาอากาศรับสัญญาณที่มีผู้อื่นเปิดเผยและเผยแพร่มาก่อน แม้รูปแบบปีกของจำเลยทำให้ การรับสัญญาณดีขึ้นก็เป็นเรื่องของประสิทธิภาพ มิใช่เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 56 ประกอบมาตรา 57 (1) (2) (3) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบของ จำเลยจึงไม่สมบูรณ์ตามมาตรา 64 9. การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรไม่ได้ พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 9 บัญญัติว่า การประดิษฐ์ดังต่อไปนี้ไม่ได้รับความ คุ้มครองตามพระราชบัญญัติ (1) จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกัด จากสัตว์หรือพืช (2) กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (3) ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ (4) วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์ หรือสัตว์ (5) การผลิตที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนามัย หรือสวัสดิภาพของประชาชน 10. การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้ มาตรา 58 บัญญัติว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ขอรับสิทธิบัตรไม่ได้ (1) แบบผลิตภัณฑ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (2) แบบผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ในคราวหน้านักศึกษาต้องเตรียมดูในเรื่องของเงื่อนไขการขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ตามมาตรา 5 ซึ่งมีมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และอนุสิทธิบัตรตามมาตรา 65 ทวิ ซึ่งเราก็ใช้มาตรา 6 เป็นหลักมาก่อน ล่วงหน้านะครับ ส่วนการออกแบบผลิตภัณฑ์ก็น่าจะเป็นครั้งถัดไปคือครั้งที่ 3 สำหรับวันนี้ก็ขอยุติการบรรยายว่าเพียงครั้งนี้ สวัสดีครับ ***จบการบรรยาย*** สรุปโดย a04


Click to View FlipBook Version