The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TAN RUNNING, 2021-07-21 04:09:12

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ฯ ป.5 เทอม1

ilovepdf_merged

แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวชิ าวิทยาศาสตร์
ระดับชันประถมศึกษาปที 5

ภาคเรียนที 1

นางสาวจตพุ ร สุวรรณประเสริฐ

ครผู สู้ อน

โรงเรียนวัดนราภริ มย์

สาํ นักงานเขตพนื ทีการศกึ ษานครปฐม เขต 2
สาํ นักงานการศึกษาขันพืนฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาพนื้ ฐาน

วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

ตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้วี ดั (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

คณะผู้เรยี บเรยี ง
กสุ มุ าลย์ ตลึงจติ ร
ฐาปกรณ์ คาหอมกุล

คณะบรรณาธกิ ารและผตู้ รวจ
ดร.อภิชาติ พยัคฆิน
วนั เฉลิม กลิ่นศรีสขุ
ปทิตตา ขาทัพ

สงวนลิขสิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ

คานา

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และได้
กาหนดมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ตา่ งๆ เพอ่ื ให้สถานศึกษานาไปใช้เป็นกรอบทิศทาง
ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วางแผนจัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียน
ให้มีความรู้ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีกาหนดให้
พร้อมทั้งดาเนินการวัดประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีคุณภาพตามหลักการของหลักสูตร เพ่ือให้เกิดผล
สาเรจ็ ตามเจตนารมณ์ของการปฏิรปู การศึกษาไทย ดังนัน้ ข้ันตอนการนาหลกั สตู รสถานศึกษาไปปฏบิ ัติจริงใน
ช้ันเรียนของครูผสู้ อน จึงจัดเป็นหัวใจสาคัญของการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี นใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายของหลกั สูตร

บริษัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากัด จึงไดจ้ ัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เล่ม 1 เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน โดยจัดทาเป็น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward
Design) ท่ีมุ่งเน้นกระบวนการคิดและการประกันคุณภาพผู้เรียน ช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง
กับการประเมินคุณภาพการศึกษา สามารถม่ันใจในผลการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียนท่ีมีหลักฐาน
ตรวจสอบผลการเรยี นรู้อยา่ งเป็นระบบ

คณะผู้จัดทาหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ได้ดาเนินการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามรปู แบบท่ีสานัก
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) กาหนดข้ึน เพือ่ เป็นเอกภาพเดียวกันตามองคป์ ระกอบต่อไปน้ี

องคป์ ระกอบของหน่วยการเรียนร้อู ิงมาตรฐาน

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ เวลาเรยี น ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ชนั้

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด

2. สาระการเรียนรู้
2.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

2.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (ถา้ ม)ี

3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) )
)
6. การวัดและการประเมินผล
6.1 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
6.2 การประเมินก่อนเรียน
(ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ประจาหนว่ ยการเรียนรู้
6.3 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
6.4 การประเมินหลงั เรียน
(ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ประจาหน่วยการเรยี นรู้

7. กิจกรรมการเรยี นรู้

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรู้

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ชน้ั ช่ัวโมง
เรอ่ื ง เวลาเรยี น

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น (ถ้าม)ี

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

7. การวดั และประเมินผล
วิธีสอนและข้นั ตอนการจดั กิจกรรม

8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้

คานา (ต่อ)

ผู้สอนสามารถนาแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ ไปเป็นคู่มือวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ประกอบการใช้หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 1 ที่ทางบริษัทจัดพิมพ์
จาหนา่ ย โดยออกแบบการเรียนรู้ (Instructional Design) ตามหลักการสาคญั คือ

1 หลักการจัดการเรียนรูอ้ งิ มาตรฐาน

หนว่ ยการเรยี นรูแ้ ต่ละหน่วย จะกาหนดมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชว้ี ัด* ไว้เป็นเปา้ หมายในการจดั การ
เรยี นการสอน ผู้สอนจะต้องศึกษาและวิเคราะหร์ ายละเอียดของมาตรฐานตัวชีว้ ัดทุกข้อว่า ระบุให้ผูเ้ รียนต้องมี
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเร่ืองอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และผลการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนกับ
ผู้เรียนตามมาตรฐานตัวช้ีวัดน้ีจะนาไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านใด
แกผ่ ู้เรยี น

มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั ผ้เู รยี นรอู้ ะไร

นาไปสู่ ผเู้ รยี นทาอะไรได้

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

2 หลกั การจัดกจิ กรรมการเรียนร้ทู ่เี นน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญ

เมื่อผู้สอนวิเคราะห์รายละเอียดของมาตรฐานตัวชี้วัดและได้กาหนดเป้าหมายการจัดการเรียนการสอน
เรียบร้อยแล้ว จึงกาหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรยี นการสอนให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ
ตามข้ันตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีออกแบบไว้จนบรรลุตัวช้ีวัดทกุ ข้อ

มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด เปา้ หมาย หลกั การจดั การเรียนรู้
การเรียนรู้
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน และการพฒั นา เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ
คุณภาพ สนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รยี น เนน้ พฒั นาการทางสมอง
ของผ้เู รียน กระตนุ้ การคิด
เนน้ ความรคู้ คู่ ณุ ธรรม

3 หลกั การบรู ณาการกระบวนการเรยี นรูส้ ู่มาตรฐานตัวชว้ี ัด

เม่ือผู้สอนกาหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึง
กาหนดรูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ ที่จะฝึกฝนผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้บรรลุผลตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด โดยเลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ที่เป็น
เป้าหมายในหนว่ ยนั้นๆ เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการเรียนรู้
ด้วยตนเอง กระบวนการเผชิญสถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิดวิเคร าะห์อย่างมีวิจารณญาณ
กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรู้ที่มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตินั้นจะต้องนาไปสู่การ
เสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี นตามสาระการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ในแต่ละ
หน่วยการเรียนรู้

4 หลักการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหนว่ ย ผู้สอนต้องกาหนดข้ันตอนและ
วิธีปฏบิ ตั ิใหช้ ดั เจน โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรียนได้ลงมือฝกึ ฝนและฝกึ ปฏบิ ัตมิ ากท่สี ุด ตามแนวคดิ และวิธกี ารสาคญั คือ

1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ท่ีผูเ้ รียนทุกคนตอ้ งใชส้ มองในการคดิ และทาความเข้าใจ
ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ
สามารถนาเสนอผลงาน แสดงองคค์ วามรูท้ ีเ่ กดิ ข้ึนในแต่ละหน่วยการเรยี นร้ไู ด้

2) การสอน เป็นการเลือกวิธีการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ในหน่วยน้ันๆ และท่ีสาคัญคือ
ต้องเป็นวิธีการท่ีสอดคล้องกับสภาพผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องเลือกใช้วิธีการสอน เทคนิคการสอน และ
รูปแบบการสอนอย่างหลากหลาย เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างราบร่ืนจน
บรรลุตวั ชวี้ ัดทกุ ข้อ

3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวิธีการและข้ันตอนฝึกปฏิบัติท่ีส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถคิด
อย่างเป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบการสอนโดยใช้การคิด
แบบโยนิโสมนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักรการ
เรยี นรู้แบบ 4MAT รปู แบบการเรียนการสอนแบบรว่ มมือ เทคนคิ JIGSAW, STAD, TAI, TGT เป็นต้น

4) วธิ ีการสอน ควรเลือกใช้วธิ ีการสอนทส่ี อดคล้องกับเนือ้ หาของบทเรยี น ความถนัด ความสนใจ และ
สภาพปัญหาของผู้เรียน วิธสี อนที่ดีจะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุผลการเรยี นรู้ตามตวั ช้ีวดั ในระดับ
ผลสัมฤทธิ์ท่ีสูง เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การ
แสดงบทบาท สมมติ การใช้กรณีตัวอย่าง การใช้สถานการณ์จาลอง การใช้ศูนย์การเรียน การใช้
บทเรียนแบบโปรแกรม เป็นต้น

5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใช้เทคนิคการสอนที่สอดคล้องกับวิธีการสอน และช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจ
เน้ือหาในบทเรียนได้ง่ายข้ึน สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการ
เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการเล่า
นิทาน การเล่นเกมเทคนิคการใช้คาถาม การใช้ตัวอย่างกระตุ้นความคิด การใช้สื่อการเรียนรู้ที่
นา่ สนใจ เป็นตน้

6) สอื่ การเรยี นการสอน ควรเลือกใชส้ ่ือหลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทาความกระจา่ งใหเ้ น้อื หา
สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และเป็นเคร่ืองมือช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้บรรลุตัวช้ีวัดอย่าง
ราบรนื่ เช่น ส่ือส่ิงพมิ พ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวดี ิทัศน์ แผ่นสไลด์ คอมพิวเตอร์ VCD LCD
Visualizer เป็นตน้ ควรเตรยี มสือ่ ให้ครอบคลุมทั้งส่ือการสอนของครแู ละส่ือการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น

5 การจดั กจิ กรรมตามวฏั จักรการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)

รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างองค์
ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือทา โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเคร่ืองมือสาคัญเพื่อการ
พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งผู้จัดทาได้นามาใช้เป็นแนวทาง
ออกแบบกจิ กรรมการเรียนการสอนในแตล่ ะหนว่ ยตามลาดับขั้นตอนการเรียนรู้ ดงั น้ี

กระตุน้ ควำมสนใจ
(Engagement)

ZX

ตรวจสอบผล สำรวจและคน้ หำ
(Evaluation) (Exploration)

ZX ZX

ขยำยควำมเขำ้ ใจ อธบิ ำยควำมรู้

(Elaboration) (Explanation)

ZX ZX

รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)

ข้นั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)

เป็นข้ันที่ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียน เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนด้วยเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่

น่าสนใจโดยใช้เทคนิควิธีการสอนและคาถามทบทวนความรู้หรือประสบการณ์เดิมของผู้เรียน เพื่อ

เชื่อมโยงผู้เรียนเข้าสู่ความรู้ของบทเรียนใหม่ ช่วยให้ผู้เรียนสามารถสรุปประเด็นสาคัญที่เป็นหัวข้อ

และสาระการเรียนรู้ของบทเรียนได้ จึงเปน็ ขนั้ ตอนการสอนที่สาคญั เพราะเปน็ การเตรยี มความพรอ้ ม
และสร้างแรงจงู ใจใฝเ่ รยี นรู้แกผ่ ู้เรยี น
ข้ันท่ี 2 สารวจและค้นหา (Exploration)

เป็นข้ันท่ีผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนลงมือศึกษา สังเกต หรือร่วมมือกันสารวจ เพื่อให้เห็น
ขอบข่ายของปัญหา รวมถึงวิธีการศึกษาค้นคว้า การรวบรวมข้อมูลความรู้ท่ีจะนาไปสู่ความเข้าใจ
ประเด็นปัญหานั้นๆ เมื่อผู้เรียนทาความเข้าใจในประเด็นหัวข้อที่จะศึกษาค้นคว้าอย่างถ่องแท้แล้ว ก็
ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลความรู้ สารวจตรวจสอบ โดยวิธีการต่างๆ เช่น สัมภาษณ์ ทดลอง
อา่ นคน้ ควา้ ข้อมลู จากเอกสาร แหล่งข้อมลู ต่างๆ จนไดข้ อ้ มูลความรูต้ ามที่ต้งั ประเด็นศึกษาไว้

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
เป็นข้ันท่ีผู้สอนมีปฏิสัมพันธก์ ับผู้เรียน เช่น ให้การแนะนา ตั้งคาถามกระตุ้นให้คิด เพื่อให้ผู้เรียน

ค้นหาคาตอบ และนาข้อมูลความรูจ้ ากการศึกษาค้นคว้าในขัน้ ท่ี 2 มาวิเคราะห์ สรุปผล และนาเสนอ
ผลท่ีได้ศึกษาค้นคว้ามาในรูปแบบสารสนเทศต่างๆ เช่น เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน์ เขียน
ความ-เรียง เขียนรายงาน เป็นต้น ในขั้นตอนนี้ฝึกให้ผู้เรียนใช้สมองคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่าง
เปน็ ระบบ

ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
เป็นขั้นท่ีผู้สอนเลือกใช้เทคนิควิธีการสอนต่างๆ ท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนนาความรู้ท่ีเกิดขึ้นไปคิดค้น

สืบค้นต่อๆ ไป เพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ระดมสมองเพ่ือคิด
สร้างสรรค์ร่วมกัน ผู้เรียนสามารถนาความรู้ท่ีสร้างขึ้นใหม่ไปเช่ือมโยงกับประสบการณ์เดิมโดยนา
ข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ หรือนาไปปฏิบัติในสถานการณ์ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
ชีวิตประจาวันของตนเอง เพื่อขยายความรู้ความเข้าใจให้กว้างขวางย่ิงขึ้น ในขั้นตอนน้ีฝึกสมองของ
ผ้เู รียนให้สามารถคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์อยา่ งมีคุณภาพ เสรมิ สร้างวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลออกไป

ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
เป็นขั้นทผี่ ู้สอนประเมินมโนทศั น์ของผู้เรียน โดยตรวจสอบจากความคิดทเี่ ปลี่ยนไปและความคิด

รวบยอดที่เกิดขึ้นใหม่ ตรวจสอบทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแก้ปัญหา การตอบคาถามรวบยอด
และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพ่ือการสร้างสรรค์ความรู้ร่วมกัน ผู้เรียน
สามารถประเมินผลการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อสรุปผลว่ามีความรู้อะไรเพ่ิมข้ึนมาบ้าง เกิดความเข้าใจ
มากน้อยเพียงใด และจะนาความรู้เหล่าน้นั ไปประยกุ ต์ใช้ในการเรียนรู้เรื่องอ่ืนๆ ไดอ้ ย่างไร ผู้เรียนจะเกิด
เจตคตแิ ละเห็นคุณค่าของตนเองจากผลการเรยี นรูท้ เี่ กดิ ขึ้น ซ่ึงเปน็ การเรยี นรู้ทม่ี ีความสุขอยา่ งแทจ้ ริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) จึงเป็นรูปแบบการเรียน
การสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญอย่างแท้จริง เพราะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนของ
กระบวนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และฝึกฝนให้ใช้กระบวนการคิดและกระบวนการกลุ่มอย่างชานาญ
ก่อให้เกิดทักษะชีวิต ทักษะการทางาน และทักษะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ จึงส่งผลทาให้ผู้เรียนสามารถ

บรรลุผลสัมฤทธ์ิตามมาตรฐานและตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่
หลกั สตู รกาหนดไวต้ อ่ ไป

6 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบยอ้ นกลับตรวจสอบ

เมื่อผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงกาหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบร้อยแล้ว
จึงนาเทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และส่ือการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะนา
ผู้เรียนไปสู่การสร้างช้ินงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสาคัญตามธรรมชาติวิชา
รวมท้ังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวั ดที่เป็นเป้าหมายของหน่วยการ
เรียนรู้ ตามลาดับข้นั ตอนการเรียนร้ทู ี่กาหนดไว้ ดงั นี้

จากเปา้ หมายและหลกั ฐาน เป้าหมายการเรียนรขู้ องหน่วย
คดิ ยอ้ นกลับสจู่ ดุ เร่ิมตน้
ของกจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักฐานชิ้นงาน/ภาระงาน
แสดงผลการเรยี นรขู้ องหนว่ ย
4 กิจกรรม คาถามชวนคิด

3 กิจกรรม คาถามชวนคดิ จากกิจกรรมการเรียนรู้

2 กจิ กรรม คาถามชวนคิด ทลี ะขั้นบันไดส่หู ลักฐาน

1 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ และเป้าหมายการเรยี นรู้

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงแล้ว จะต้อง
ฝึกฝนกระบวนการคิดทุกข้ันตอน โดยใช้เทคนิคการต้ังคาถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับคาถามให้สัมพันธ์
กับเน้ือหาการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และ
การประเมินคา่ นอกจากจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดความเขา้ ใจบทเรยี นอยา่ งลึกซึง้ แลว้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อม
เพ่ือสอบ O-NET ซ่ึงเป็นการทดสอบระดบั ชาติท่ีเน้นกระบวนการคิดระดบั วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ด้วยและในแต่
ละแผนการเรียนรู้จึงมีการระบุคาถามเพ่ือกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไว้ด้วยทุกกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ฝึกฝน
วิธีการทาขอ้ สอบ O-NET ควบค่ไู ปกบั การปฏิบัติกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามตัวช้วี ดั ท่สี าคญั

การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้ และการ
ประเมินผลด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)

ตามหลักสูตรแกนกลางฯ 2551 และหลักสูตรอนาคต สสวท. พร้อมทั้งออกแบบเครื่องมือการวัดและ

ประเมินผล รวมทั้งแบบบันทึกผลการเรียนร้ดู ้านต่างๆ ไว้ครบถว้ น สอดคลอ้ งกับมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน
เช่น แบบบันทึกผลด้านการคิดวิเคราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประกอบการ
จัดทารายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Reports) จึงม่ันใจอย่างย่ิงว่า การนาแผนการจัดการ
เรียนรู้ฉบับปรับปรุงใหม่ไปเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนตามแผนการสอนท่ีจัดทาเป็นรายคาบไว้อย่าง

ละเอียด จะช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นตามมาตรฐานการศึกษาและการประกัน
คณุ ภาพภายในสถานศึกษาทกุ ประการ

สารบญัคณะผูจ้ ดั ทา

คณะผจู้ ดั ทา

 การพฒั นาศักยภาพการคดิ ของผู้เรียน หนา้
 คาอธิบายรายวิชา
 โครงสรา้ งรายวิชาพื้นฐาน พเิ ศษ 1-19
 โครงสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ พิเศษ 20-21
พิเศษ 22-23
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ พเิ ศษ 24-26
บทท่ี 1 เรียนร้กู ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ส่ิงมีชีวติ กบั สิง่ แวดลอ้ ม 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชวี ิตสัมพันธ์ 13-22
บทท่ี 1 ลกั ษณะทางพันธุกรรมของสง่ิ มชี ีวิต 23
บทท่ี 2 แรงในชวี ิตประจาวัน 41-84
แรงลพั ธ์ 85-116
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 แรงเสียดทาน 117
บทที่ 1 พลังงานเสียง 132-140
บทที่ 2 เสียงรอบตัวเรา 141-159
160
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 173-215
บทท่ี 1

การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผเู้ รียน

โดย เอกรนิ ทร์ สี่มหาศาล

1 การคดิ และกระบวนการคิด

การคิดเป็นพฤตกิ รรมการทางานทางสมองของมนุษย์ในการเรียบเรยี งข้อมูลความรู้และความรู้สกึ นึกคิดที่
เกิดจากกระบวนการเรียนร้ผู ่านการดู การอา่ น การฟงั การสังเกต การสมั ผสั และการดงึ ขอ้ มูลความรู้ทบ่ี รรจุอยู่
ในสมองเดิมตามประสบการณก์ ารเรียนรู้ทถ่ี ูกส่งั สมมา

ทักษะการคิดจึงเป็นพฤติกรรมท่ีมนุษย์แสดงการกระทาออกมาได้อย่างชัดเจนมองเห็นเป็นรูปธรรม เช่น
พฤติกรรมการสังเกต แสดงออกด้วยการเพ่งดูอย่างพินิจพิเคราะห์ หรือพฤติกรรมการเปรียบเทียบ เป็นการนา
ลักษณะของสิง่ ของตงั้ แตส่ องอย่างขนึ้ ไปมาเปรียบเทียบกนั เพอื่ แสดงให้เหน็ ถึงส่งิ เหมือนหรอื สิ่งต่าง เปน็ ตน้

ดังน้ัน การคิดจึงเป็นพฤติกรรมซับซ้อนที่มีลักษณะแยกย่อยแตกต่างกันไป เช่น การคิดวิเคราะห์ การคิด
สร้างสรรค์ การคิดไตร่ตรองโดยใช้วิจารณญาณ ซึ่งล้วนเก่ียวข้องกับกระบวนการทางานของร่างกาย ประสาท
สัมผัสท้ัง 5 และการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลท่ีรับรู้เข้ามาใหม่กับข้อมูลเก่าท่ีถูกบรรจุอยู่ในคลังสมองของคนเรา
ตลอดเวลา

หากเปรียบเทียบการทางานของระบบคอมพิวเตอร์กับสมองมนุษย์หรืออาจเปรียบได้กับสมองคนกับ
สมองกลจะพบว่า การทางานของสมองคน ประกอบด้วยความชาญฉลาด 3 ลักษณะ คอื

1. ความสามารถในการเรียนรู้และสืบค้น (Tactical Intelligence) ท้ังในรูปแบบการสังเกต การค้นหา
การซกั ถาม การทดลองปฏิบตั ิ เปน็ ต้น

2. ความสามารถในการแยกแยะคุณค่า (Emotional Intelligence) ทั้งในรูปแบบการตัดสิน การลงมติ
การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ด้วยอารมณ์ความรู้สึกท่ีเห็นด้วย หรือต่อต้าน หรือวางเฉย
เป็นตน้

3. ความสามารถในการประมวลเน้ือหาสาระ (Content Intelligence) จากเรื่องราวท่ีเรียนรู้ใหม่
ผสมผสานกับประสบการณ์เดิมท่ีถูกจัดเก็บอยู่ในสมอง โดยผ่านกระบวนการกล่ันกรอง และ
สังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่ ที่มักประกอบไปด้วยความเข้าใจ เหตุผล และทัศนคติ ทั้งในเชิงบวกหรือ
เชิงลบ ซึ่งความรู้สึกนึกคิดต่อเรื่องราวต่างๆ น่ีเอง ท่ีสมองกลของคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานได้
เหมือนสมองของมนุษย์

การฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้แก่ผู้เรียนจึงต้องกระตุ้นการทางานและเสริมสร้างความสามารถของสมอง
ทั้ง 3 ด้านท่ีกล่าวมา จึงจะบังเกิดผลการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ คือ บังเกิดความรู้ความเข้าใจที่มีความชัดเจนย่ิงข้ึน
บังเกิดความชานาญในทักษะและการปฏิบัติได้คล่องแคล่วขึ้น และท่ีสาคัญบังเกิดค่านิยมคุณธรรมท่ีงอกงามข้ึน
ในจติ ใจของผเู้ รียน

พิเศษ 1

1

2 การสร้างศักยภาพในการคดิ ของสมอง

การจัดการเรียนการสอนตามจุดหมายของการปฏิรูปการเรียนรู้ทศวรรษท่ี 2 และเป้าหมายการเรียนรู้ของ
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 มีจุดมงุ่ หมายสาคัญ คือ การฝึกฝนให้ผเู้ รียนมีความสามารถในการ
คิดและการเรียนรู้ ผู้สอนต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สัมพันธ์กับกระบวนการทางานทางสมองของผู้เรียน (Brain-
Based Learning : BBL) โดยฝึกฝนพฤติกรรมการคิดระดับต่างๆ ตามลาดับทักษะกระบวนการคิดที่เป็นแกนสาคัญ
(Core Thinking Processes) ดังนี้

1. การสงั เกตลกั ษณะของส่ิงต่างๆ
2. การสงั เกตและระบคุ วามเหมือน
3. การสงั เกตและจาแนกความแตกต่าง
4. การจดั หมวดหมู่สิง่ ของหรือตวั อย่างทเ่ี ขา้ พวก
5. การระบสุ ่ิงของและจาแนกตวั อย่างทไ่ี ม่เขา้ พวก
6. การเปรียบเทียบและระบขุ ้อมลู ความรไู้ ด้ถกู ตอ้ ง
7. การค้นหาสง่ิ ของท่มี ลี ักษณะหมวดหมู่เดียวกนั
8. การรวบรวมและจัดลาดบั ส่ิงของตามขนาด
9. การรวบรวมและจัดลาดับเหตุการณ์ตามกาลเวลา
10. การยกตวั อย่างและการกลา่ วอา้ ง
11. การสรุปความหมายจากส่ิงทีอ่ ่านหรอื ฟงั
12. การสรุปความหมายจากสงิ่ ทสี่ งั เกตและพบเห็น
13. การวิเคราะหเ์ ชอ่ื มโยงความสมั พนั ธ์
14. การวิเคราะห์รปู แบบและจดั ลาดับความสาคญั
15. การวเิ คราะหข์ ้อมูลและสร้างความรคู้ วามคิด
16. การนาเสนอข้อมูลความร้คู วามคิดเปน็ ระบบ
17. การแยกแยะขอ้ เท็จจริง และรายละเอยี ดทีเ่ ป็นความคิดเห็น
18. การนิยามและการสรุปความ
19. การคน้ หาความเชื่อพ้ืนฐานและการอ้างองิ
20. การแยกแยะรายละเอยี ดทเ่ี ชอ่ื มโยงสัมพันธก์ ันและการใช้เหตผุ ล
21. การคิดวิเคราะหข์ ้อมลู ความรูจ้ ากเร่อื งที่อ่านอย่างมีวจิ ารณญาณ
22. การตั้งสมมตฐิ านและการตดั สินใจ
23. การทดสอบสมมตฐิ าน อธิบายสาเหตุและผลที่เกิดขนึ้
24. การพินิจพเิ คราะห์ ทาความกระจ่าง และเสนอความคดิ ทีแ่ ตกตา่ ง
25. การคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ การจัดระบบและโครงสร้าง
26. การออกแบบสรา้ งสรรคแ์ ละการประยุกตด์ ดั แปลง

พิเศษ 2

1

รูปแบบการคิดท้ัง 26 ประเภทนี้ ผู้สอนสามารถนามาสร้างเป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอน
มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติและแสดงพฤติกรรมการคิดตามลาดับเน้ือหาการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัยและจิตวิทยาการ
เรยี นรู้ ตงั้ แต่ระดับช่วงชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1-3 ประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 และระดับมัธยมศึกษา ปีท่ี 1-6 ซงึ่ จะสะท้อนออกมาได้
อย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนมีความสามารถคิดคล่อง คิดละเอียด คิดกว้าง คิดลึกซ้ึง คิดหลากหลาย และคิดสร้างสรรค์แตกต่างกัน
ไปตามคณุ ลกั ษณะและภมู หิ ลงั ประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ่ีสัง่ สมอยู่ในสมองเดิมของผู้เรียนแต่ละคน

3 การพัฒนากระบวนการคิด

การคิดเป็น คิดคล่อง คิดได้ชัดเจน จนสามารถคิดเป็น ปฏิบัติเป็น และแก้ปัญหาได้ จะมีลักษณะเป็น
กระบวนการการพัฒนาการคิดแก่ผู้เรียน จึงเป็นการสอนกระบวนการและฝึกฝนวิธีการอย่างหลากหลายที่เป็น
ปจั จยั ส่งเสริมเก้ือกลู กนั คอื

1. การสร้างความพร้อมด้านร่างกาย นับต้ังแต่การรับประทานอาหาร ดื่มน้า การหายใจ การผ่อนคลาย
การฟงั เสียงดนตรีหรือฟงั เพลง การบริหารสมองดว้ ยการบริหารร่างกายอยา่ งถูกวธิ ี

2. การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ืออานวยต่อการคิด การเสรมิ แรงให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้
และพฒั นาตนเอง

3. การจัดกิจกรรมและการสรา้ งเนอ้ื หาการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมต่อการฝกึ ฝนวธิ กี ารคิดรปู แบบตา่ งๆ โดยใช้
การเรยี นรูก้ ระตุ้นผ่านการสอนและการฝึกทกั ษะการคิด

4. การจัดกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้เพ่ือส่งเสริมการคิดตามทฤษฎตี ่างๆ ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา
มาแล้ว เช่น ทฤษฎีพหุปัญญา ทฤษฎีการสร้างความรู้ หลักเสริมสร้างความเป็นพหูสูตและหลัก
โยนิโสมนสิการของพุทธศาสนา การจัดกิจกรรมบูรณาการการสอนกับการฝึกทักษะการคิดในกลุ่ม
สาระต่างๆ และการเรียนรูผ้ ่านการทาโครงงาน เป็นตน้

5. การใช้เทคนิควธิ กี ารท่ีส่งเสริมพฒั นาการคดิ ของผเู้ รยี น สอดแทรกในบทเรียนตา่ งๆ เช่น เทคนิคการใช้
คาถาม การอภิปรายโดยใช้เทคนิคหมวก 6 ใบ การทาผังกราฟกิ แผนภูมิความรู้ ผังมโนทัศน์ และการ
ใช้กิจกรรมบริหารสมอง (brain gym) เป็นต้น ซ่ึงมีผู้พัฒนาเทคนิควิธีการเหล่าน้ีและได้รับความนิยม
อย่างแพร่หลายในสถานศึกษาต่างๆ

หมายเหตุ : การสร้างศักยภาพการคิดผ่านการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการคิดให้แก่ผู้เรียนเป็น
หัวใจสาคัญอย่างยิ่งของการปฏิรูปการศึกษา และยังใช้เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครู รวมท้ั งมาตรฐานการ
ปฏิบัติงานของวิชาชีพครู โปรดศึกษาวิธีการออกแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นกระบวนการคิด จากคู่มือครูและ
แผนการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา ท่ีจัดพิมพ์เผยแพร่โดย
บรษิ ทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากดั และศกึ ษาค้นคว้าจาก www.aksorn.com ได้ตลอดเวลา

พิเศษ 3

1

จดุ เน้นการพฒั นาทกั ษะการคิดของผเู้ รียน

ตามนโยบายปฏริ ูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561)

ม.4-6 ทกั ษะการคิดแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์

ม.3 ทักษะกระบวนการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
ทักษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์

ม.2 ทกั ษะการสังเคราะห์ ทกั ษะการประยุกต์ใชค้ วามรู้

ทกั ษะการคิด ม.1 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมิน
ขนั้ สงู ทกั ษะการสรุปลงความเห็น

ทกั ษะการคิด ป.6 ทักษะการสรปุ อ้างอิง ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้
ขนั้ พืน้ ฐาน ป.5 ทักษะการแปลความ ทกั ษะการตีความ

ป.4 ทกั ษะการตั้งคาถาม ทักษะการใหเ้ หตผุ ล

ป.3 ทักษะการรวบรวมข้อมลู ทักษะการเช่ือมโยง

ป.2 ทกั ษะการเปรียบเทียบ ทักษะการจาแนกประเภท

ป.1 ทักษะการสงั เกต ทักษะการจดั กลุม่

ท่มี า : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เนน้ การพฒั นาผู้เรยี นสกู่ ารปฏิบตั .ิ
กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.

พิเศษ 4

1

ทกั ษะการคิดท่ีนามาใช้ในการพฒั นาผเู้ รียนในแต่ละระดบั ชนั้

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะการสงั เกต ทักษะการสารวจค้นหา ทักษะการเปรียบเทยี บ ทกั ษะการระบุ ทักษะการ

จาแนก ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน ทกั ษะการทดสอบสมมตฐิ าน ทกั ษะการเชอ่ื มโยง ทักษะการให้

ป.6 เหตุผล ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทักษะการสร้างความรู้ ทักษะการ

วิเคราะห์ ทักษะการสรุปลงความเหน็ ทกั ษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการคิด

แก้ปญั หา ทกั ษะกระบวนการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ

ทักษะการสังเกต ทักษะการสารวจ ทกั ษะการสารวจคน้ หา ทกั ษะการเปรียบเทยี บ ทักษะการ

ป.5 ระบุ ทักษะการจาแนก ทักษะการตง้ั สมมติฐาน ทกั ษะการทดสอบสมมติฐาน ทักษะการเชื่อมโยง
ทักษะการใหเ้ หตผุ ล ทักษะการสรปุ อ้างองิ ทกั ษะการนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ทกั ษะการสรา้ ง

ความรู้ ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทักษะการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

ทักษะการสงั เกต ทักษะการสารวจ ทักษะการสารวจค้นหา ทกั ษะการระบุ ทักษะการให้เหตุผล

ป.4 ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการทดสอบสมมตฐิ าน ทกั ษะการสรา้ งความรู้ ทกั ษะการสรปุ
อ้างองิ ทกั ษะการจาแนก ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ทักษะการ

ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้

ทักษะการสงั เกต ทักษะการสารวจ ทกั ษะการสารวจค้นหา ทกั ษะการระบุ ทกั ษะการให้เหตผุ ล

ป.3 ทักษะการตั้งสมมตฐิ าน ทักษะการทดสอบสมมตฐิ าน ทกั ษะการจาแนก ทักษะการเชื่อมโยง
ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะการนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ทักษะการ

ประยกุ ต์ใช้ความรู้ ทักษะการเปรียบเทยี บ ทกั ษะกระบวนการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

ทกั ษะการสงั เกต ทักษะการสารวจ ทกั ษะการสารวจค้นหา ทกั ษะการระบุ ทกั ษะการให้เหตผุ ล

ป.2 ทักษะการสรปุ อ้างอิง ทักษะการจัดกลุ่ม ทักษะการจาแนก ทักษะการเปรยี บเทยี บ ทักษะการ

เชอื่ มโยง ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ป.1 ทกั ษะการสังเกต ทกั ษะการสารวจ ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการระบุ ทักษะการจัดระเบยี บทักษะ
การให้เหตผุ ล ทกั ษะการสรปุ อา้ งอิง ทกั ษะการจาแนก ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ ฯลฯ

ที่มา : สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน. 2553. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนา
ทักษะการคดิ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ระดับประถมศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.

พิเศษ 5

1

จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน

ตามนโยบายปฏริ ูปการศกึ ษาในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561)

นโยบายปฏิรูปการศกึ ษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561)

วสิ ยั ทัศน์ คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอยา่ งมคี ุณภาพ
เปา้ หมาย ภายในปี 2551 มกี ารปฏิรูปการศึกษาและการเรยี นรูอ้ ย่างเป็นระบบ

ประเดน็ หลักของเปา้ หมายปฏิรปู การศกึ ษา
1. พฒั นาคณุ ภาพ มาตรฐานการศึกษา และการเรยี นร้ขู องคนไทย
2. เพ่มิ โอกาสทางการศึกษาและการเรยี นร้อู ย่างทวั่ ถึงและมีคณุ ภาพ
3. สง่ เสริมการมสี ว่ นรว่ มของทุกภาคส่วนในการบริหารและการจดั การศึกษา

กรอบแนวทางในการปฏิรปู การศกึ ษา และการเรยี นรู้อย่างเป็นระบบ
1. พัฒนาคุณภาพคนไทยยคุ ใหม่
2. พัฒนาคุณภาพครยู ุคใหม่
3. พฒั นาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรูใ้ หม่
4. พฒั นาคณุ ภาพการบริหารจัดการใหม่

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา จดุ เนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน
ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551  ด้านความสามารถ ทักษะ และคุณลกั ษณะของผูเ้ รยี น
 เปา้ หมายหลักสตู ร/คุณภาพผ้เู รียน
 การจัดการเรียนรู้ โรงเรียนจะตอ้ งประกันไดว้ า่ ผูเ้ รียนทกุ คนมคี วามสามารถ ทักษะ และคุณลกั ษณะของ
 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ผเู้ รยี นตามจดุ เน้น

นโยบายดา้ นการศึกษาของรัฐบาลมงุ่ เนน้ แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น
ใหผ้ ู้เรียน  ดา้ นการจดั การเรยี นรู้

 มคี วามสามารถในการรบั รู้ 1. โรงเรียนจะตอ้ งจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมคี วามสามารถ ทักษะ และคุณลักษณะทเี่ ปน็
 รักทจ่ี ะเรียนรใู้ นรูปแบบที่หลากหลาย จดุ เน้น พร้อมท้ังผลักดนั ส่งเสริม ให้ครูผสู้ อนออกแบบและจดั การเรียนรูต้ ามความ
 สนกุ กบั การเรยี นรู้ ถนดั ความสนใจ เต็มศักยภาพของผู้เรียน
 มโี อกาสได้เรียนรนู้ อกหอ้ งเรยี น
2. การจดั การเรียนรู้พงึ จดั ให้เชือ่ มโยงกบั วถิ ีชวี ิต เน้นการปฏบิ ตั จิ ริงทั้งในและนอก
อยา่ งสร้างสรรค์ ห้องเรยี น โดยจัดกิจกรรมนอกห้องเรยี นไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 30 ของเวลาเรยี น

3. ใชส้ ่อื เทคโนโลยที ห่ี ลากหลาย เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสนกุ กับการเรียน และเพ่ิมพนู ความรู้
ความเข้าใจ

4. แสวงหาความรว่ มมือจากชุมชน จัดแหลง่ เรยี นรู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ มารว่ มในการจดั
การเรยี นรู้

5. ผบู้ รหิ ารตอ้ งเป็นผูน้ าทางวชิ าการ ตลอดจนกากับ ดูแล นเิ ทศการจัดการเรียนรู้
อย่างสมา่ เสมอ และนาผลการนเิ ทศมาปรับปรงุ พัฒนาการเรียนการสอนของครู

 ด้านการวัดและประเมนิ ผล
ครูทุกคนวัดผลและประเมนิ ผลผเู้ รียนเปน็ รายบคุ คลตามจุดเน้นดว้ ยวิธกี ารและ

เคร่อื งมอื ทหี่ ลากหลาย เน้นการประเมนิ สภาพจริง ใชผ้ ลการประเมินพฒั นาผเู้ รยี นอยา่ ง
ต่อเนอื่ ง และรายงานคุณภาพผ้เู รียนตามจดุ เนน้ อยา่ งเป็นระบบ

ที่มา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเนน้ การพฒั นาผู้เรยี นสู่การปฏบิ ตั ิ. กรุงเทพมหานคร :
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.

พิเศษ 6

1

การขับเคล่ือนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 และการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง
(พ.ศ. 2552-2561) ให้ประสบผลสาเร็จตามจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมกัน
ดาเนนิ การ กระทรวงศึกษาธกิ ารไดก้ าหนดจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ดังน้ี

ทกั ษะความสามารถ คณุ ลกั ษณะ

ม.4-6 แสวงหาความรู้ เพ่ือแกป้ ัญหา จดุ เน้นตามช่วงวยั คณุ ลกั ษณะตามหลกั สตู ร
ใชเ้ ทคโนโลยี เพ่อื การเรยี นรู้  มุ่งมน่ั ในการศึกษา
 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และการทางาน  ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต
 อยู่อย่างพอเพียง  มีวนิ ยั
มที ักษะการคิดขนั้ สูง ทักษะชีวติ ทกั ษะการ  ใฝ่เรียนรู้
 ใฝ่เรยี นรู้  อยอู่ ยา่ งพอเพียง
สอ่ื สารอย่างสรา้ งสรรค์ตามช่วงวัย  มงุ่ ม่นั ในการทางาน
 ใฝ่ดี  รักความเป็นไทย
แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง  มีจติ สาธารณะ
ม.1-3 ใช้เทคโนโลยี เพื่อการเรยี นรู้
มที กั ษะการคดิ ขน้ั สงู ทกั ษะชีวติ ทักษะการ
สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวยั

ป.4-6 อา่ นคล่อง เขียนคล่อง คดิ เลข
คล่อง ทักษะการคดิ ข้ันพ้นื ฐาน

ทักษะชวี ิต ทกั ษะการส่อื สารอยา่ งสร้างสรรค์

ตามชว่ งวัย

ป.1-3 อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น
มที กั ษะการคิดขั้นพ้ืนฐาน ทักษะ

ชีวติ ทักษะการส่อื สารอย่างสรา้ งสรรคต์ าม

ช่วงวยั

ที่มา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผเู้ รยี นสกู่ ารปฏิบตั .ิ กรุงเทพมหานคร
: สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร.

พิเศษ 7

1

แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน

พิเศษ 8

1

การดาเนินการตามจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในการขับเคลื่อนหลักสูตร และการปฏิรูปการศึกษา
ในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) สู่การปฏิบัติในสถานศึกษาน้ัน ครูเป็นบุคลากรสาคัญที่สุดในการ
ดาเนินการในระดับห้องเรียนในการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายตาม
จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน ดงั แผนภมู ิ

แนวทางการปฏบิ ตั ิระดับสถานศึกษา

  นโยบาย ยุทธศาสตร์ เป้าหมายการพัฒนาผ้เู รียน
ทาความเขา้ ใจใหก้ ระจ่าง  แนวทางการพฒั นาผเู้ รียนตามจุดเนน้
 บทบาทหน้าที่ของผเู้ ก่ียวข้อง
 ตรวจสอบ ทบทวน  การจัดการเรียนร้ทู ห่ี ลากหลายทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น
 คณุ ภาพผเู้ รยี นในภาพรวมของสถานศกึ ษา
วเิ คราะหจ์ ดุ เด่น จุดพฒั นา  คุณภาพผเู้ รียนแยกเปน็ รายวิชาและระดบั ชัน้
 จุดเด่น จดุ พัฒนาของสถานศึกษา
 กาหนดเป้าหมาย  จุดเดน่ จุดพฒั นาของผู้เรยี น
การพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น  ปกี ารศึกษา 2553 ระยะที่ 1
ตามจดุ เน้น  ปกี ารศึกษา 2554 ระยะที่ 2, 3
 ปกี ารศึกษา 2555 ระยะท่ี 4, 5
 กาหนดภาระงาน
การพฒั นาคุณภาพ  ทบทวน ออกแบบหลักสตู รการเรยี นรู้
ตามจุดเนน้  ทบทวน ปรับโครงสรา้ งเวลาเรยี น ตารางเรยี น
 ออกแบบการเรยี นรทู้ ้งั ในและนอกห้องเรยี น
 ดาเนินการ  การวัดผลและประเมนิ ผลตามหลกั สตู รและจดุ เนน้
พฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียน  ดาเนนิ การพฒั นาผู้เรยี นตามหลกั สตู รทีอ่ อกแบบ
ตามจดุ เนน้  นิเทศ กากบั ตดิ ตาม และประเมนิ ระหวา่ งการปฏิบตั ิงานตามแผน
 วัดผลและประเมนิ ผลผู้เรียนตามจุดเน้น
 ตรวจสอบ
ปรบั ปรุง พฒั นา  ตรวจสอบ ปรับปรงุ พฒั นา
 นาผลการตรวจสอบ ปรับปรงุ ไปใชพ้ ัฒนา
 สรุป และรายงานผล
การพฒั นาผูเ้ รยี น  ผลการดาเนินงาน
 ความภาคภมู ใิ จ และความสาเรจ็
 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข

พิเศษ 9

1

แนวทางการปฏบิ ัติระดบั สถานศกึ ษา

ขัน้ ท่ี ประเดน็ ท่เี กีย่ วข้อง วิธกี าร ผลที่ได้รบั

1. ทาความ 1. นโยบาย จุดเน้น ยุทธศาสตร์ และ 1. ประชมุ ชี้แจง 1. ผูท้ ี่เกย่ี วขอ้ งมีความตระหนัก
เขา้ ใจให้ เป้าหมายการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี น 2. ประชาสมั พันธผ์ ่าน เหน็ ความสาคัญในบทบาท
กระจา่ ง ตามจุดเนน้ ของตนเอง
สือ่ ตา่ งๆ ท้งั ใน
2. ตรวจสอบ 2. แนวทางการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ระดบั สถานศึกษา 2. มคี วามเข้าใจในการนา
ทบทวน ตามจดุ เนน้ และชมุ ชน จดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพ
วเิ คราะห์ ผู้เรยี นไปสกู่ ารปฏบิ ัติ
จุดเดน่ จดุ 3. บทบาทหน้าทขี่ องผู้เก่ียวข้องท้ังใน 1. ตรวจสอบเอกสาร
พฒั นา และนอกโรงเรียน ขอ้ มลู ต่างๆ 3. มีความรว่ มมือในระดบั
องคก์ รและชมุ ชน
3. กาหนด 4. แนวทางการออกแบบหลักสตู รและ 2. วเิ คราะห์ข้อมลู ท่ี
เปา้ หมาย ตารางการเรียนรทู้ ่เี หมาะสมกบั การ เก่ียวขอ้ ง 4. ครูมีความรู้ ความเข้าใจ
การพฒั นา พัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ตามจดุ เนน้ ในการออกแบบหลกั สตู ร
คณุ ภาพ 3. ประชมุ เชงิ ปฏิบัติการ และปรับตารางเรียน
ผู้เรียนตาม 1. คณุ ภาพผเู้ รยี นในภาพรวมของ 4. ประชมุ สมั มนา ให้เหมาะสมกับจดุ เนน้
จดุ เน้น สถานศึกษาทงั้ จุดเด่นและจุดพัฒนา
เชน่ ผลการประเมนิ ในระดับชาติ 1. ประชุม วางแผน 5. มกี ารปรบั พฤตกิ รรมการ
สมศ. เขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียน 2. จดั ทาแผนพฒั นา เรยี นการสอนตามแนวทาง
ฯลฯ ปฏริ ปู การศึกษารอบสอง
คณุ ภาพ
2. ผลการเรยี นของผู้เรยี นแยกเปน็ 1. ข้อมูลสารสนเทศ
ระดบั ช้นั และรายวิชา ระดับ 2. จดุ เด่น จดุ พฒั นาด้าน
สถานศกึ ษา เขตพื้นทก่ี ารศึกษา ฯลฯ
คณุ ภาพผูเ้ รยี น สถานศกึ ษา
1. ตวั ช้ีวัดภาพความสาเรจ็ ของ และครผู สู้ อน
สถานศกึ ษา ระยะท่ี 1
ภาคเรยี นที่ 2/2553 เป้าหมายสถานศึกษา และมี
แผนการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น
2. ตวั ชวี้ ัดภาพความสาเร็จของ ตามจดุ เน้นในแต่ละระยะท่ี
สถานศึกษา ระยะท่ี 2 สอดคลอ้ งกับบรบิ ท และ
ภาคเรยี นท่ี 1/2554 ศกั ยภาพของสถานศกึ ษา/ผเู้ รยี น

3. ตัวชวี้ ัดภาพความสาเรจ็ ของ
สถานศกึ ษา ระยะที่ 3
ภาคเรยี นที่ 2/2554

พิเศษ 10

1

ข้ันท่ี ประเดน็ ทีเ่ ก่ยี วข้อง วธิ ีการ ผลที่ได้รับ

4. ตวั ช้วี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ

สถานศกึ ษา ระยะท่ี 4

ภาคเรยี นที่ 1/2555

5. ตวั ชี้วดั ภาพความสาเร็จของ
สถานศึกษา ระยะท่ี 5
ภาคเรยี นท่ี 2/2555

4. กาหนด 1. ทบทวนจุดแข็ง จุดอ่อนของ 1. ประชุม ทบทวน 1. สถานศกึ ษามหี ลักสตู รการ

ภาระงาน องค์ประกอบ เชน่ วสิ ัยทัศน์ หลักสตู รฯ และ เรียนรทู้ ส่ี ง่ เสรมิ การพฒั นา

การพัฒนา โครงสรา้ งเวลาเรยี น การจัดรายวชิ า/ ปรบั ปรงุ หลักสตู ร คณุ ภาพผ้เู รยี นตามจดุ เน้น

คุณภาพตาม กจิ กรรมเพิ่มเตมิ การจดั ตารางเรยี น 2. ประชมุ ปฏิบตั กิ าร 2. ตารางเรยี นใหม่

จุดเนน้ ฯลฯ ปรับโครงสร้าง 3. ครูผสู้ อนมีวิธกี ารจดั การ
2. ออกแบบหลักสตู รการเรยี นรทู้ ่ี
เวลาเรยี น และจัดทา เรียนรู้ทห่ี ลากหลายตาม

สอดคล้องกบั การพัฒนาคุณภาพ แผนการเรียนรู้ จุดเน้น

ผูเ้ รยี นตามจุดเน้น (พิจารณาได้จาก 3. สารวจ จดั หา พัฒนา 4. สือ่ แหลง่ เรยี นรู้ท่ีหลากหลาย

ตวั อย่าง 4 ลกั ษณะ) สื่อและแหล่งการ 5. มเี คร่อื งมือ วิธีการวัดผล

3. ปรบั โครงสร้างเวลาเรยี น และตาราง เรยี นรู้ และประเมนิ ผลตามจดุ เน้น

เรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รการ

เรียนรู้ท่ีออกแบบไว้

4. ออกแบบการจัดการเรียนรใู้ หส้ ่งเสริม
การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้นทง้ั
ในและนอกห้องเรียน

5. จดั หา จัดทาสอื่ แหล่งเรยี นรู้ และภมู ิ

ปัญญาทอ้ งถิน่ ทีเ่ หมาะสมกบั การ

จดั การเรียนรู้

6. ออกแบบการวัดและประเมินผล ท่ี

หลากหลายและเหมาะสมกบั ผูเ้ รยี น

โดยเน้นการประเมินสภาพจริง

5. ดาเนินการ 1. จดั การเรยี นรู้ตามหลักสูตรและตาราง 1. ครูจัดกจิ กรรมการ 1. ผู้เรยี นไดร้ ับการพัฒนาตาม

พัฒนา เรียนท่ีออกแบบไว้ โดยเน้นการพฒั นา เรียนรู้อย่างหลากหลาย จุดเน้น

คณุ ภาพ คุณภาพผ้เู รยี นตามจุดเนน้ ท้ังในและนอก 2. ครมู รี ูปแบบและนวตั กรรม

ผ้เู รยี นตาม 2. วดั และประเมนิ ผลความกา้ วหนา้ ของ ห้องเรียน การจัดการเรยี นรทู้ ี่นาไป

จดุ เนน้ ผู้เรยี นระหว่างเรยี น 2. ออกแบบการวัดและ พัฒนาคุณภาพผู้เรยี นไดต้ าม

3. วดั และประเมินผลคณุ ภาพผเู้ รยี นตาม ประเมนิ ผลที่สอดคลอ้ ง จดุ เนน้

ตัวชี้วัดของจดุ เน้น กบั จดุ เน้น

พิเศษ 11

1

ขน้ั ท่ี ประเดน็ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง วธิ ีการ ผลทีไ่ ดร้ บั

6. ตรวจสอบ 1. ตรวจสอบ ประเมนิ ผลการพัฒนา 1. ประชุมครเู พอ่ื 1. หลกั สตู รและการจัดการ
ปรบั ปรงุ
พัฒนา คณุ ภาพผ้เู รยี นตามจุดเนน้ ในข้นั ที่ 5 ประเมินผลการนา เรียนรไู้ ดร้ บั การพฒั นา

7. สรุปและ - การใชห้ ลกั สตู รการเรยี นรทู้ ีส่ ง่ เสรมิ หลักสตู รไปใช้ 2. กระบวนการบริหารหลักสตู ร
รายงานผล
การพัฒนา การพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นตาม 2. ผูท้ ีเ่ กีย่ วขอ้ งประเมิน มกี ารขบั เคลือ่ น
ผเู้ รยี น จุดเน้น ตนเอง 3. ผูเ้ รยี นมีการพฒั นาตาม
- การใช้โครงสรา้ งเวลาเรียนและ
3. ตรวจสอบแผนการ จดุ เนน้

ตารางเรียนตามรปู แบบของ จดั การเรยี นรู้

หลักสตู รการเรยี นรู้

- การจดั การเรยี นรู้ท่ีหลากหลายท้งั

ในและนอกห้องเรียน

- การวัดและประเมนิ ผลที่เน้นการ

พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นตามจุดเน้น

2. นาผลการตรวจสอบปรบั ปรงุ จุดออ่ น
และพัฒนาจุดเดน่

1. สรปุ ผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนตาม 1. ประชุมสมั มนา 1. มผี ลการพัฒนาคณุ ภาพ

จดุ เน้นในดา้ นการดาเนินงาน ผลการ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ผู้เรยี นตามจดุ เน้น

ดาเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และ 2. นาเสนอผลงาน 2. มีแนวทางและนวตั กรรม

ขอ้ เสนอแนะ คณุ ภาพผเู้ รยี น การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น

2. รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ตามจุดเนน้ ตามจดุ เน้น
ตามจุดเน้น เม่อื ส้ินสดุ ตามระยะท่ี 1-5 3. จัดนิทรรศการ 3. มีหลักฐานและรอ่ งรอยในการ

3. นาผลจากรายงานไปใช้ในการวางแผน แสดงผลงานหรือ พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นตาม

และพฒั นา ประชาสมั พันธผ์ ลงาน จดุ เนน้

สู่สาธารณชน 4. มคี วามภาคภมู ิใจใน

4. สรปุ รายงานผล เสนอ ความสาเรจ็

ผูท้ ่ีเกย่ี วขอ้ ง 5. ไดข้ ้อเสนอแนะเพอื่ การ

พัฒนา

ที่มา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเนน้ การพัฒนาผเู้ รียนส่กู ารปฏบิ ตั .ิ กรงุ เทพมหานคร
: สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.

พิเศษ 12

1

แนวทางการปฏิบัติระดบั ห้องเรยี น

 ตรวจสอบ  โครงสร้างรายวชิ า ตารางเรยี น
ทบทวนรายวิชาและกจิ กรรม  หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั กิจกรรม และโครงการ
ในความรับผดิ ชอบ  ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้

 วเิ คราะห์ผเู้ รียน  จดั ทาข้อมูลสารสนเทศระดับชนั้ เรยี น
รายบคุ คล  จดั กลุ่มการพัฒนาผเู้ รยี นตามจดุ เนน้

 กาหนดแนวทาง  รปู แบบกิจกรรมในและนอกห้องเรยี น
การจัดการเรียนรู้  หนว่ ยการเรยี นรู้ กิจกรรมโครงการ
ที่สอดคล้องกับจดุ เน้น  แผนการจัดการเรยี นรู้

  จดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางที่ออกแบบ
 วัดและประเมนิ ผลการพัฒนาผู้เรยี น
ดาเนนิ การจดั การเรียนรู้  วิจัย และนวตั กรรมการเรยี นรู้
 นเิ ทศ ตดิ ตาม และแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
 นาเสนอผล
การพัฒนาผู้เรยี น  รายงานผลการพฒั นาผู้เรยี นรายบุคคล/กลุ่ม
 รายงานผลการพฒั นาตามจดุ เน้น
ตามจดุ เนน้  รายงานการพฒั นาวจิ ยั /นวตั กรรมการเรียนรู้
 รายงานภาพความสาเรจ็ อุปสรรค และปญั หา

พิเศษ 13

1

แนวทางการปฏิบัตริ ะดบั ห้องเรยี น

ขั้นท่ี ประเด็นทเี่ กีย่ วข้อง วิธกี าร ผลทีไ่ ด้รบั

1. ตรวจสอบ 1. โครงสรา้ งรายวิชา 1. ศึกษาเอกสาร ข้อมลู ตา่ งๆ 1. ไดจ้ ุดเด่น จดุ พฒั นาของ
ทบทวนรายวิชา
และกจิ กรรมใน โครงสร้างกิจกรรมพัฒนา ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การพัฒนา รายวิชาและกจิ กรรมในความ
ความรบั ผิดชอบ
ผู้เรยี น คุณภาพผู้เรยี นตามจดุ เน้น รับผิดชอบ
2. วิเคราะหผ์ ้เู รยี น
เป็นรายบคุ คล 2. ตารางเรียนหน่วยการ 2. วเิ คราะหจ์ ดุ เด่นจดุ พฒั นา 2. ไดแ้ นวทางการปรับปรุง/

เรียนรู้ ทกุ ดา้ น พัฒนารายวชิ าและกิจกรรม

3. แผนการจดั กิจกรรมพฒั นา 3. นาข้อมลู ของสถานศกึ ษามา ใหส้ อดคล้องกับแนวทางการ

ผเู้ รยี นและแผนปฏบิ ัติการ เปรียบเทยี บกับแนว พฒั นาคุณภาพผู้เรยี นตาม

โครงการตา่ งๆ ทางการพฒั นาคุณภาพ จุดเน้นของ สพฐ. และ

4. ส่ือ แหลง่ การเรยี นรู้ และ ผเู้ รยี นตามจุดเน้นของ สถานศึกษา

ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ สพฐ. 3. มขี ้อมลู พน้ื ฐานในการกาหนด

5. คณุ ภาพผ้เู รยี นทุกระดบั ทง้ั 4. ตรวจสอบความสอดคล้อง ทศิ ทางการพฒั นาคณุ ภาพ

ในภาพรวมและแยก ของสื่อ แหล่งการเรยี นรู้ ผู้เรยี นตามจุดเนน้

รายวชิ า เช่น NT, O-Net, สถานศึกษา

สมศ., เขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา ที่ปรบั ปรงุ ใหม่และสิ่งท่ใี ช้

อยู่เดมิ

1. ขอ้ มูลด้านสตปิ ญั ญา ทกั ษะ 1. ศึกษา รวบรวมข้อมลู 1. มขี อ้ มูลพื้นฐานของผู้เรียน

ความสามารถ และ รายบคุ คล โดยใช้วธิ กี าร เปน็ รายบุคคล

คณุ ลักษณะ ดงั นี้ 2. มขี อ้ มลู ทีเ่ ป็นจดุ เดน่ จดุ พัฒนา

2. สขุ ภาพ ร่างกาย - ตรวจสอบจากข้อมลู ของผเู้ รียนรายบุคคล และ

3. พนื้ ฐานครอบครวั เอกสารของสถานศึกษา รายกลมุ่

เศรษฐกจิ และ Portfolio นกั เรยี น 3. มีหลกั ฐาน รอ่ งรอยเพื่อ
4. สังคม เพ่อื น และเกี่ยวขอ้ ง
- สอบถาม นาไปสกู่ ารพัฒนาผเู้ รยี นเป็น

5. ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน - สมั ภาษณ์ รายบุคคล รายกลมุ่ อย่างเป็น

6. ผลงานท่ภี าคภมู ิใจประสบ - สงั เกต ฯลฯ รูปธรรม

ความสาเร็จ 2. วิเคราะหจ์ ุดเด่น จุดด้อย

7. ผลกระทบทเี่ ปน็ ปญั หา ของผเู้ รยี นรายบุคคล

3. จัดกลมุ่ ผเู้ รียน โดยใหแ้ ตล่ ะ

กลุ่มมีความสอดคล้อง
ใกลเ้ คยี งกันตามจุดเน้น

ระดับชนั้

พิเศษ 14

1

ขน้ั ที่ ประเดน็ ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง วธิ ีการ ผลท่ไี ดร้ ับ

3. กาหนดแนวทาง 1. หน่วยการเรยี นรู้ 1. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ 1. มแี นวทางในการพฒั นาผเู้ รยี น
การจดั การเรยี นรู้ 2. แผนการจดั การเรียนรู้
ทส่ี อดคล้องกับ 3. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นา และการจัดกจิ กรรมที่ เปน็ รายบุคคลและรายกลมุ่
จุดเนน้
ผเู้ รยี น หลากหลายเหมาะสมกบั สอดคลอ้ งตามจุดเน้น
4. ดาเนินการจัดการ 4. แผนปฏบิ ตั ิการโครงการ
เรียนรู้ จุดเนน้ การพฒั นาผู้เรยี น 2. มรี ปู แบบการจัดการเรยี นรู้
และกิจกรรมพเิ ศษต่างๆ และตารางเรยี นทก่ี าหนด ทเ่ี หมาะสมกบั ผูเ้ รยี นตาม
5. สอ่ื แหลง่ การเรยี นรู้ ภมู ิ
2. จดั ทา จัดหาส่ือ แหลง่ การ จุดเนน้
ปัญญา
6. การวัดและประเมนิ ผล เรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกับ 3. มสี ่ือ แหล่งการเรียนรู้

1. การจัดการเรยี นรตู้ าม กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี ท่ีหลากหลายสอดคล้อง
จดุ เนน้ ท้งั ในและนอก
หอ้ งเรยี น ออกแบบ ตามจดุ เนน้

2. การประเมินความกา้ วหน้า 3. ออกแบบเคร่อื งมอื วัดผลและ 4. มเี ครอ่ื งมือวัดและประเมิน
ของผู้เรยี น
ประเมนิ ผลท่หี ลากหลาย คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจดุ เนน้
3. การประเมนิ คณุ ภาพผเู้ รยี น โดยเน้นการประเมนิ สภาพ
ตามจดุ เนน้
จริงในระดับช้ันเรียน
4. การพฒั นานวัตกรรมการ
เรียนรู้ 1. จดั การเรียนรู้ในหอ้ งเรยี น 1. ผเู้ รยี นมีทักษะความสามารถ

5. การวจิ ยั เพื่อพัฒนาคณุ ภาพ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ และคณุ ลักษณะตามจดุ เน้น
ผเู้ รยี นในระดบั ช้นั เรยี น
2. จดั กิจกรรมนอกหอ้ งเรียนท่ี 2. ชุมชนมีสว่ นรว่ มในการ
6. การนิเทศ แลกเปลย่ี น
เรยี นรู้ ส่งเสริมจุดเน้นตามศกั ยภาพ จัดการเรียนรู้

ผ้เู รยี น 3. มกี ารใชน้ วัตกรรมการเรียนรู้
3. วัดและประเมิน ตามจุดเนน้

ความก้าวหน้าของผ้เู รยี น 4. ผู้เรยี นไดแ้ สดงออกตาม

และประเมินคุณภาพตาม ศักยภาพของตนเอง

จดุ เนน้ 5. มีการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน

4. พฒั นานวัตกรรมการเรียนรู้ท่ี โดยใช้กระบวนการวิจยั

ช่วยให้เกดิ การพัฒนาเตม็ 6. มกี ารสร้างความรว่ มมือ

ตามศักยภาพทัง้ รายบุคคล ระหวา่ งครแู ละผู้ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

และรายกลมุ่ 7. มีการนาหลกั สตู รการเรยี นรู้
5. นาผลการประเมนิ ไปใช้ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ

พฒั นาและแกไ้ ขปญั หา

ผเู้ รยี นตามกระบวนการวิจยั

6. ครผู สู้ อนและผู้เกย่ี วขอ้ ง มี

การนิเทศแลกเปลย่ี นเรยี นรู้

โดยเนน้ การสรา้ งความ

รว่ มมอื

พิเศษ 15

1

ขั้นท่ี ประเด็นทเ่ี กย่ี วข้อง วิธกี าร ผลที่ได้รบั

5. นาเสนอผลการ 1. ผลการพฒั นาผูเ้ รยี นตาม 1. ประเมินผลการพฒั นา 1. มผี ลการพัฒนาผเู้ รยี นตาม
พัฒนาผเู้ รียน จดุ เน้นรายบุคคลและราย
ตามจุดเน้น กลมุ่ คุณภาพผ้เู รยี นตามจุดเนน้ จดุ เน้นในทุกมติ ทิ ัง้ รายบุคคล

2. ผลการพัฒนานวัตกรรม ด้วยวิธีการต่างๆ รายกลมุ่ และระดับห้องเรียน
การเรยี นรู้
2. วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ผลการ 2. มีหลักสตู รการเรียนรรู้ ะดบั
3. ผลการวิจัยในช้นั เรียน
4. ผลการพฒั นาหลักสตู ร พฒั นาผู้เรยี นท้ังรายกลมุ่ หอ้ งเรยี นทีเ่ ปน็ ตัวอยา่ งใน

การเรยี นรใู้ นระดับ และรายบคุ คลตามจุดเน้น การพัฒนาผ้เู รยี นตามจดุ เนน้
ห้องเรียน
3. นาผลการพฒั นาผเู้ รียนไป 3. มกี ารวจิ ยั ในชน้ั เรยี นทเี่ ป็น

จดั ทาเปน็ ข้อมลู ในระดบั แนวทางในการพฒั นาผู้เรยี น

ห้องเรยี นเพอ่ื ใช้ในการ ตามจดุ เนน้

พัฒนาผู้เรียนตามจดุ เนน้ 4. มีรูปแบบความรว่ มมอื ของครู

4. สรุปผลการนานวตั กรรม และผู้ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

การเรยี นรู้และการวิจยั ใน 5. มเี อกสารรายงานและข้อมลู

ช้ันเรียน สารสนเทศท่ีเปน็ ร่องรอย

5. จดั ทารายงานผลการพัฒนา หลกั ฐานในการพฒั นาผู้เรยี น

ผ้เู รยี นตามจุดเนน้ ระดับ ตามจุดเนน้

ห้องเรียนในความ

รบั ผดิ ชอบ

6. จดั ทารายงานผลการพัฒนา

หลกั สตู รการเรยี นรรู้ ะดบั

ห้องเรียนในความ

รับผดิ ชอบ

ท่มี า : สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเนน้ การพัฒนาผู้เรียนสู่การปฏิบัต.ิ กรุงเทพมหานคร
: สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.

พิเศษ 16

1

แนวทางการประเมินตามจดุ เน้นคณุ ภาพผเู้ รียน

ทักษะการคิด

จุดเน้น : ทกั ษะการคิดขั้นพื้นฐาน

ช้ัน ความสามารถ วิธีการวัดและประเมนิ ผล
และทักษะ
วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ป.1 ทักษะการสังเกตและ 1. ให้ผ้เู รียนสงั เกตรูปภาพ - แบบทดสอบ ผา่ น :
ทกั ษะการจัดกลุ่ม ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ แลว้ - แบบบนั ทกึ ผเู้ รยี นจดั กลมุ่ และบอกเหตผุ ล
ให้ผเู้ รียนจัดกลุ่มรูปภาพ ได้ถูกต้องและเหมาะสม
ผลไม้ หรอื สัตว์ ฯลฯ การสังเกต หมายเหตุ
พรอ้ มบอกเหตผุ ลในการ จัดกลมุ่ และบอก เกณฑ์การประเมนิ อาจจะจดั เป็น
จดั กลุ่ม เหตุผลการ ระดับคณุ ภาพก็ได้ ถ้าหากมกี าร
จัดกลมุ่ จดั กลุม่ หรือบอกเหตุผลหลาย
2. จดั วสั ดหุ รอื สิ่งของให้ รายการ เช่น
ผ้เู รยี นสังเกตแลว้ ใหผ้ เู้ รยี น
จดั กลมุ่ วสั ดุหรือสง่ิ ของ ถ้าหากมีการสงั เกตแลว้
พร้อมกับบอกเหตผุ ลใน สามารถจัดกลมุ่ และบอกเหตผุ ล
การจดั กลุม่ โดยมีครคู อย ได้ 6 รายการ อาจกาหนดเกณฑ์
สงั เกตการณ์การจัดกลุ่ม การประเมิน ดงั น้ี
และการอธิบายเหตุผล ระดับ 1 จดั กลมุ่ แตบ่ อก
ในการจดั กลมุ่ ของผเู้ รยี น
ฯลฯ เหตผุ ลไม่ได้
ระดบั 2 จดั กลุ่มและบอกเหตผุ ล

ได้ 1-2 รายการ (ผา่ น)
ระดบั 3 จดั กลุม่ และบอกเหตผุ ล

ได้ 3-4 รายการ
ระดับ 4 จัดกล่มุ และบอกเหตผุ ล

ได้ 5-6 รายการ

พิเศษ 17

1

ชน้ั ความสามารถ วิธีการวัดและประเมนิ ผล
และทกั ษะ
วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ป.2 ทักษะการเปรยี บเทียบ 1. ใหผ้ ู้เรยี นสังเกตรูปภาพ - แบบทดสอบ ผ่าน :
และทักษะการจาแนก วสั ดุ หรือส่งิ ของ ฯลฯ ทมี่ ี - แบบบันทึก ผูเ้ รยี นเปรยี บเทยี บ หรือจาแนก
ขนาดตา่ งกันแลว้ ให้ และบอกเหตุผลไดถ้ กู ต้อง
นักเรยี นเปรียบเทยี บขนาด การสงั เกต เหมาะสม
หรอื ความสงู และจาแนก การเปรียบเทียบ หมายเหตุ
รูปภาพ วัสดุ หรือส่ิงของ และการจาแนก เกณฑก์ ารประเมินอาจจะจดั เปน็
ฯลฯ ท่มี ลี กั ษณะ ระดับคณุ ภาพก็ได้ ถา้ หากมกี าร
เหมอื นกันหรือคล้ายกัน เปรยี บเทยี บหรือจาแนกแลว้ บอก
พร้อมบอกเหตผุ ล เหตผุ ลหลายรายการ เชน่

2. ให้นักเรียนสังเกตวัสดุหรอื ถ้าหากมกี ารสังเกตแล้ว
ส่งิ ของ ซึ่งวัสดุหรอื สงิ่ ของ สามารถเปรยี บเทยี บ หรือจาแนก
ทีน่ ามาใหน้ กั เรียนสงั เกต แลว้ บอกเหตผุ ลได้ 8 รายการ
เปน็ วสั ดุหรือสง่ิ ของชนดิ อาจกาหนดเกณฑก์ ารประเมิน
เดียวกัน เช่น ก้อนหนิ ดงั นี้
ใบไม้ ดินสอ ปากกา ฯลฯ ระดบั 1 เปรียบเทยี บ หรือ
แต่มขี นาด หรอื มคี วามสูง
หรือความยาวต่างกนั จาแนก แตบ่ อกเหตผุ ล
แล้วใหผ้ ู้เรยี นเปรียบเทยี บ ไม่ได้
ขนาด หรือความสูงหรือ ระดบั 2 เปรียบเทยี บ หรอื
ความยาว จากนัน้ ให้ จาแนก แล้วบอกเหตุ
ผู้เรยี นจาแนกสงิ่ ของท่ี ผลได้ 1-3 รายการ
ไมเ่ หมอื นกัน หรือแตกตา่ ง (ผ่าน)
กันไว้เป็นหมวดหมู่ ระดับ 3 เปรียบเทยี บ หรอื
พรอ้ มกับอธิบายเหตผุ ล จาแนก แล้วบอกเหตุ
การจาแนก ครสู งั เกต ผลได้ 3-4 รายการ
การเปรยี บเทียบและ ระดบั 4 เปรยี บเทยี บ หรือ
การจาแนกของผู้เรียน จาแนก แล้วบอกเหตุ
ฯลฯ ผลได้ 5-6 รายการ

พิเศษ 18

1

ชัน้ ความสามารถ วิธีการวัดและประเมินผล
และทกั ษะ
วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ป.3 ทกั ษะการรวบรวม 1. ใหผ้ ้เู รียนวางแผน/ - แบบทดสอบ ผา่ น :
ขอ้ มลู และทกั ษะ ออกแบบ กาหนด สถานการณ์ ปฏบิ ัติ - ผเู้ รยี นวางแผน/ออกแบบ
การเชื่อมโยง จุดประสงค์ วิธกี ารเก็บ จรงิ กาหนดจุดประสงค์ วิธีการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู และ รวบรวมข้อมลู และนาเสนอ
นาเสนอข้อมูลจาก ข้อมูลได้เหมาะสมตามประเด็น
สถานการณท์ ่กี าหนดให้ ท่ีกาหนด
- ผเู้ รยี นเลือกข้อมลู ท่เี กีย่ วข้อง
2. ให้ผูเ้ รียนเลอื กขอ้ มลู ที่ สัมพันธก์ นั และบอก
เกย่ี วขอ้ งสัมพนั ธ์กัน และ ความหมายและอธบิ ายเหตผุ ล
บอกความหมายของขอ้ มูล ของข้อมูลได้เหมาะสม
โดยอาศยั ความรู้ และ
ประสบการณ์เดมิ ของ
ตนเองพร้อมกับอธิบาย
เหตผุ ลประกอบ

ป.6 ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ 1. ประเมนิ ทักษะการสรปุ - แบบทดสอบ ผ่าน :

และทกั ษะการนาความรู้ อา้ งอิงโดยการกาหนด การสรุปอ้างองิ - สรุปสถานการณ์ หรอื เรอ่ื งราว

ไปใช้ สถานการณห์ รอื เรือ่ งราว - แบบทดสอบการนา ต่างๆ และมกี ารอ้างอิง

ตา่ งๆ จากหนงั สอื พิมพ์ ความรูไ้ ปใช้ แหลง่ ข้อมลู ได้เหมาะสม

ขอ้ ความจากโฆษณา แลว้ - สรุปและบอกวิธกี ารนาขอ้ สรปุ

ให้ผ้เู รยี นสรปุ ความเปน็ ไป จากสถานการณ์หรอื เรื่องราว

ได้ พร้อมกบั สรุปข้ออา้ งองิ ตา่ งๆ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้

จากแหลง่ ขอ้ มลู ทเี่ ชอื่ ถอื ได้ เหมาะสม

2. กาหนดเนอื้ หาหรอื เรอ่ื งราว

ใหผ้ เู้ รยี นอา่ น แลว้ ให้

ผู้เรยี นสรุป และบอก

วิธีการท่จี ะนาไปใชใ้ น

ชวี ิตประจาวนั โดยการ

ตอ่ ยอดจากเนอ้ื หาหรอื

เรื่องราวที่อ่าน

พิเศษ 19

1

ชน้ั ความสามารถ วธิ ีการวดั และประเมินผล
และทกั ษะ
วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

ม.1 ทักษะการวเิ คราะห์ 1. ประเมนิ ทกั ษะการคดิ - แบบทดสอบ ผ่าน :
ทักษะการประเมนิ วเิ คราะห์ โดยการกาหนด สถานการณ์ - วิเคราะห์ข้อมลู จากสถานการณ์
และทกั ษะการสรปุ สถานการณใ์ หผ้ เู้ รยี น
ความคดิ เห็น แลว้ ต้งั คาถามใหผ้ ูเ้ รยี น ไดเ้ หมาะสม
วิเคราะห์ - สรปุ และอธิบายเหตผุ ลได้

2. กาหนดสถานการณห์ รอื เหมาะสม
คาถามแลว้ ใหผ้ ้เู รยี น
ประเมินหรือตดั สิน

3. กาหนดสถานการณใ์ ห้
ผู้เรยี นแล้วตง้ั คาถามให้
ผู้เรยี นสรปุ พรอ้ มกับ
อธบิ ายเหตผุ ล

ม.4-6 ทกั ษะการคดิ แก้ปญั หา ประเมินทักษะการคดิ - แบบทดสอบ ผ่าน :
อยา่ งสรา้ งสรรค์ แก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ สถานการณท์ ีเ่ นน้ ผู้เรยี นแกป้ ัญหาจากสถานการณ์
โดยการกาหนดสถานการณ์ การคดิ แก้ปญั หา ทก่ี าหนดใหไ้ ดเ้ หมาะสมอยา่ ง
ให้ผู้เรียนแกป้ ัญหา โดยเนน้ อย่างสร้างสรรค์ สร้างสรรค์และมคี วามเป็นไปได้
การแกป้ ญั หาเชงิ บวกทเ่ี ป็น ในการแก้ปญั หาในชีวิตจริง
วธิ ีการท่สี ร้างสรรค์ และมี
ความเป็นไปได้ในการนาไป
ใช้แกป้ ัญหาในชวี ิตจริง

ทีม่ า : สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผู้เรียนส่กู ารปฏบิ ัต.ิ
กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร.

พิเศษ 20

1

คาอธิบายรายวิชา

รายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 80 ชัว่ โมง/ปี

ศึ ก ษ า แ ล ะ เรี ย น รู้ เกี่ ย ว กั บ โ ค ร ง ส ร้ า งแ ล ะ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง สิ่ งมี ชี วิ ต ท่ี เห ม า ะ ส ม ใน แ ต่ ล ะ แ ห ล่ ง ท่ี อ ยู่
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิต และความสัมพันธ์กับสิ่งไม่มีชีวิต โซ่อาหารและบทบาทหน้าท่ีของ
สิ่งมีชวี ติ ท่เี ป็นผู้ผลติ และผ้บู รโิ ภคในโซ่อาหาร ตระหนกั ในคณุ ค่าของสงิ่ แวดล้อมทมี่ ีตอ่ การดารงชวี ิตของสง่ิ มีชวี ิต
ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ ลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันของ
ตนเองกับพ่อแม่ การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดยี วกันที่กระทาต่อวัตถุในกรณีที่วัตถอุ ยู่น่ิง การเขียน
แผนภาพแสดงแรงที่กระทาต่อวตั ถุทอ่ี ยูใ่ นแนวเดียวกันและแรงลพั ธ์ท่กี ระทาต่อวตั ถุ การใช้เครอ่ื งช่งั สปริงในการ
วัดแรงที่กระทาต่อวัตถุ ผลของแรงเสียดทานที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ การเขียนแผนภาพ
แสดงแรงเสียดทานและแรงท่ีอยู่ในแนวเดียวกันที่กระทาต่อวัตถุ การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง การเกิดเสียงสูง
เสยี งตา่ การเกิดเสยี งดัง เสียงคอ่ ย การวดั ระดับเสยี งโดยใชเ้ ครื่องมือวัดระดับเสยี ง และเสนอแนะแนวทางในการ
หลีกเลย่ี งและลดมลพษิ ทางเสียง

โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีสามารถนาไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญหา หรือสร้างสรรค์พัฒนา
งานในชีวติ จริงได้ ซ่ึงเน้นการเชื่อมโยงความรทู้ างวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี กับกระบวนการทาง
วิศวกรรมศาสตร์ และให้มที ักษะสาคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้
และการแก้ปญั หาทีห่ ลากหลาย

เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะการคิด และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน รวมท้ัง
สง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นเกิดจติ วทิ ยาศาสตร์และมเี จตคตทิ ่ีดีต่อการเรยี นวทิ ยาศาสตร์

พิเศษ 21

1

ตวั ชวี้ ัด
ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2
ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2
ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
รวม 27 ตัวชว้ี ัด

พิเศษ 22

1

โครงสร้างรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ป.5

ลาดบั ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ช่ือบท มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา
ที่ เรียนรู้/ (ชว่ั โมง)
บทท่ี 1 เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด
1. เรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง วิท ยาศ าส ต ร์เป็ นการศึกษ า 3
วิทยาศาสตร์ - เก่ียวกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบ ตัว
2. สิง่ มชี วี ติ กับส่งิ แวดลอ้ ม วิธีการและข้ันตอนท่ีใช้เพ่ือตอบ 12
บทท่ี 1 ว 1.1 ป.5/1 ปัญหาที่สงสัย เรียกว่า วิธีการทาง 7
ชีวติ สัมพนั ธ์ ว 1.1 ป.5/2 วิทยาศาสตร์
ว 1.1 ป.5/3
บทที่ 2 ลกั ษณะ ว 1.1 ป.5/4 ในการสืบเสาะหาความรู้อย่าง
ทางพนั ธกุ รรมของ เป็นระบบ ผู้เรียนควรฝึกฝนทักษะ
สง่ิ มีชวี ิต ว 1.3 ป.5/1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้
ว 1.3 ป.5/2 เกิดความชานาญ เพื่อให้สามารถ
คน้ หาคาตอบได้อยา่ งถกู ต้อง

เม่ือทาการศึกษาและแสวงหา
ความรู้ โดยใช้กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์แล้ว ผู้เรียนจะเกิดจิต
วิทยาศาสตร์

สิ่งมีชีวิตท้ังพืชและสัตว์ต่างๆ จะ
มีโครงสรา้ งและลกั ษณะทเี่ หมาะสม
ใน แ ต่ ล ะ แ ห ล่ ง ที่ อ ยู่ เพ่ื อ ให้
ดารงชวี ติ และอยรู่ อดได้ ซ่ึงในแหล่ง
ท่ี อ ยู่ ห น่ึ ง ๆ สิ่ ง มี ชี วิ ต จ ะ มี
ความสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน และ
สัมพันธ์กับส่ิงมีชีวิต เพื่อประโยชน์
ตอ่ การดารงชีวิต

ส่ิงมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์
เมื่อเจริญเติบโตเต็มท่ีแล้ว จะมีการ
สื บ พั น ธุ์เพ่ื อ เพ่ิ ม จ าน วน แ ล ะ
ดารงชีวิต โดยลูกท่ีเกิดมาจะได้รับ
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
จากพ่อแม่ จึงทาให้มีลักษณะที่
คล้ายกับพ่อแม่ แต่จะแตกต่างจาก
สงิ่ มชี วี ิตอนื่

พิเศษ 23

1

ลาดับ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ชื่อบท มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา
ที่ เรียนรู้/ (ชั่วโมง)
ตวั ช้ีวัด
3. แรงในชวี ิตประจาวัน บทท่ี 1 แรงลพั ธ์ แรงลัพธ์ คือ ผลรวมของแรง 3
ว 2.2 ป.5/1 หลายแรงที่กระทาต่อวัตถุเดียวกัน 6
บทท่ี 2 แรงเสียด ว 2.2 ป.5/2 ในทิศทางเดียวกัน หรือผลต่างของ 10
ทาน ว 2.2 ป.5/3 แรงสองแงท่ีกระทาต่อวัตถุในทิศ
ทางตรงขา้ มกัน สาหรับวัตถุท่ีอยู่นิ่ง
4. พลังงานเสียง บทท่ี 1 เสยี ง ว 2.2 ป.5/4 แรงลัพธจ์ ะมีค่าเป็นศูนย์
รอบตัวเรา ว 2.2 ป.5/5
แรงเสยี ดทาน คือ แรงที่เกิดข้ึน
ว 2.3 ป.5/1 ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุสองชนิด
ว 2.3 ป.5/2 เพื่อต้านการเคล่ือนที่ของวัตถุน้ันๆ
ว 2.3 ป.5/3 และมี ทิศ ท างต รงข้ามกับ การ
ว 2.3 ป.5/4 เคลอื่ นท่ีของวัตถุน้นั ๆ
ว 2.3 ป.5/5
เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือน
ของวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดเสียง
เสี ย ง เ ค ล่ื อ น ที่ ไ ด้ ทุ ก ทิ ศ ท า ง โ ด ย
อาศัยตัวกลาง ได้แก่ ของแข็ง
ของเหลว และอากาศ มาถึงหูของ
เรา

เสียงจากแหล่งกาเนดิ เสียงตา่ งๆ
จะมีเสียงสูง เสียงต่า หรือมีเสียงดัง
เสียงค่อย แตกต่างกัน หากเสียงมี
ค ว าม ดั งม า ก ๆ จ ะ ก่ อ ให้ เกิ ด
อันตรายต่อการไดย้ นิ เสยี งของเรา

พิเศษ 24

1

โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

ใช้รูปแบบการสอนแบบ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) เวลา 40 ชั่วโมง

ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ช่อื บท แผนการจัด ทักษะการคดิ เวลา
การเรยี นรู้
(ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 บทท่ี 1 เรยี นรู้ 1. เรยี นร้กู ระบวนการ 1. ทักษะการระบุ 3
เรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 2. ทักษะการสงั เกต 3

3. ทักษะการเชอื่ มโยง 2
4. ทักษะสารวจค้นหา
5. ทักษะการใหเ้ หตผุ ล 2
3
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 บทที่ 1 ชีวติ สมั พนั ธ์ 1. การปรบั โครงสรา้ ง 1. ทักษะการระบุ
สิ่งมีชวี ิตกบั สงิ่ แวดล้อม ของสิง่ มชี ีวติ 2. ทกั ษะการสังเกต
3. ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
4. ทกั ษะการเปรียบเทียบ

5. ทักษะการตง้ั สมมตฐิ าน

6. ทักษะการทดสอบ

สมมตฐิ าน

2. ความสัมพันธ์ของ 1. ทักษะการสังเกต
สงิ่ มชี ีวิตกับสิง่ มชี วี ติ 2. ทักษะการให้เหตผุ ล

ในสิ่งแวดลอ้ ม 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์

4. ทักษะการสารวจค้นหา

5. ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู

3. ความสมั พันธข์ อง 1. ทกั ษะการสังเกต

ส่งิ มีชวี ติ กับส่ิงไมม่ ีชวี ติ 2. ทักษะการเช่ือมโยง

ในสง่ิ แวดล้อม 3. ทักษะการวิเคราะห์

4. ทักษะการรวบรวมขอ้ มลู

4. โซ่อาหาร 1. ทักษะการระบุ
2. ทักษะการสงั เกต

3. ทกั ษะการเชอ่ื มโยง

4. ทกั ษะการวิเคราะห์

5. ทกั ษะการเปรียบเทียบ

6. ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ

7. ทกั ษะการสารวจค้นหา

พิเศษ 25

1

ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ช่ือบท แผนการจัด ทกั ษะการคิด เวลา
การเรยี นรู้
(ชัว่ โมง)
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 บทท่ี 1 ชวี ติ สัมพนั ธ์ 5. ความสาคัญของ 1. ทกั ษะการสังเกต
สิง่ มชี ีวติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม (ต่อ) 2
(ต่อ) ส่ิงแวดลอ้ ม 2. ทักษะการเชือ่ มโยง
3. ทักษะการให้เหตผุ ล 2
2
4. ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ
1
5. ทกั ษะการสารวจค้นหา
2
6. ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู
3
7. ทกั ษะการจาแนกประเภท

8. ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้

บทท่ี 2 ลักษณะทาง 6. ลกั ษณะทางพันธกุ รรม 1. ทกั ษะการระบุ
พนั ธกุ รรมของ
สิ่งมชี ีวิต ของสง่ิ มชี วี ิต 2. ทกั ษะการสังเกต

3. ทกั ษะการให้เหตผุ ล

4. ทกั ษะการต้ังสมมติฐาน

7. การถา่ ยทอดลักษณะ 1. ทักษะการสงั เกต

ทางพันธุกรรมใน 2. ทักษะการวเิ คราะห์

ครอบครัวของมนุษย์ 3. ทกั ษะการตัง้ สมมติฐาน
4. ทกั ษะการทดสอบ

สมมตฐิ าน

8. การถ่ายทอดลกั ษณะ 1. ทกั ษะการระบุ

ทางพันธกุ รรมของสตั ว์ 2. ทกั ษะการสงั เกต

3. ทกั ษะการวิเคราะห์

4. ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ

5. ทกั ษะการสารวจค้นหา

9. การถา่ ยทอดลกั ษณะ 1. ทกั ษะการระบุ

ทางพนั ธกุ รรมของพชื 1. ทักษะการสังเกต

2. ทักษะการใหเ้ หตผุ ล

3. ทักษะการตัง้ สมมติฐาน
4. ทักษะการทดสอบ

สมมตฐิ าน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 บทที่ 1 แรงลพั ธ์ 1. แรงลพั ธ์ 1. ทักษะการสงั เกต
แรงในชีวติ ประจาวัน 2. ทักษะการให้เหตผุ ล

3. ทกั ษะการสารวจค้นหา

4. ทักษะการคิดวิเคราะห์

พิเศษ 26

1

ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ชือ่ บท แผนการจัด ทกั ษะการคิด เวลา
การเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 บทที่ 2 แรงเสยี ดทาน 1. ทักษะการสังเกต (ชัว่ โมง)
แรงในชีวติ ประจาวนั 2. แรงเสียดทาน 2. ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
(ตอ่ ) บทท่ี 1 เสยี งรอบตวั เรา 3. ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3
3. ประโยชน์ของแรง 1. ทักษะการสงั เกต 2
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เสยี ดทาน 2. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 2
พลังงานเสยี ง 1. ทกั ษะระบุ
1. ตัวกลางของเสยี ง 2. ทกั ษะการสังเกต 2
3. ทักษะการสารวจค้นหา
2. เราไดย้ ินเสยี งได้ 4. ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ 2
อยา่ งไร 5. ทักษะการวเิ คราะห์
1. ทักษะระบุ 2
3. การเกิดเสียงสูง เสียง 2. ทกั ษะการสงั เกต
ตา่ 3. ทักษะการสารวจค้นหา 2
4. ทกั ษะการสรุปอ้างอิง
4. การเกดิ เสยี งดงั เสยี ง 5. ทกั ษะการวเิ คราะห์
ค่อย 1. ทกั ษะระบุ
2. ทกั ษะการสงั เกต
5. มลพิษทางเสียงคือ 3. ทกั ษะการวเิ คราะห์
อะไร 4. ทักษะการสรุปอ้างอิง
5. ทักษะการสารวจค้นหา
1. ทักษะระบุ
2. ทักษะการสังเกต
3. ทกั ษะการวเิ คราะห์
4. ทักษะการสรุปอ้างอิง
5. ทักษะการสารวจคน้ หา
1. ทักษะระบุ
2. ทักษะการสงั เกต
3. ทกั ษะการวเิ คราะห์
4. ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ

พิเศษ 27

1

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรียนรกู้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เวลา 3 ชวั่ โมง

เรียนรกู้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด

-

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (K)
2. ฝกึ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างถกู ต้อง (P)
3. รบั ผดิ ชอบตอ่ งานที่ไดร้ บั มอบหมาย (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
-

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คอื วิธีการและขนั้ ตอนทีน่ ักวทิ ยาศาสตรใ์ ช้ดาเนินการเพ่อื ค้นคว้าหา
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) วิธีการทางวิทยาศาสตร์
2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ 3) จติ วทิ ยาศาสตร์

วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ คือ ขั้นตอนการทางานอยา่ งเป็นระบบที่นกั วทิ ยาศาสตร์ใช้ในการค้นควา้ หา
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึง่ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การตั้งคาถาม การคาดคะเนคาตอบหรือต้งั สมมติฐาน
การรวบรวมข้อมูลหรอื การทดลอง การวเิ คราะหข์ อ้ มูล และการสรุปผล

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ ทักษะที่เป็นความ
ชานาญและความสามารถในการสบื เสาะเพื่อค้นหาคาตอบ และการแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ได้อยา่ งถกู ต้องและ
เหมาะสม โดยนักวทิ ยาศาสตร์ไดแ้ บ่งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรอ์ อกเปน็ 2 ข้นั ทักษะข้ันพื้นฐาน
8 ทกั ษะ และทักษะขั้นผสม 6 ทักษะ รวม 14 ทักษะ ซ่ึงในชั้นเรียนน้นี ักเรียนต้องเรยี นรู้ทักษะ 3 ทักษะ
คือ ทกั ษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซของวัตถุ และ
ทักษะการสร้างแบบจาลอง

13

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรียนรู้วิทยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรยี นรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

จิตวิทยาศาสตร์ คือ ลักษณะนสิ ัยของบุคคลท่ีเกิดขน้ึ จากการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตรป์ ระกอบด้วยลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น ความมีเหตุมีผล ความ
สนใจใฝ่รู้ ความม่งุ มัน่ ความอดทน ความรับผดิ ชอบ ความซ่ือสัตย์ ความละเอยี ดรอบคอบ

5. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ ม่ันในการทางาน

2) ทักษะสารวจคน้ หา

3) ทักษะการระบุ

4) ทักษะการให้เหตุผล

5) ทกั ษะการเชอื่ มโยง

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงท่ี 1

ขั้นนา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูทกั ทายกบั นักเรียน แล้วแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรยี นในวันนี้ให้นักเรียนทราบ
2. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพื่อวดั ความรเู้ ดิมของนกั เรยี นก่อนเข้าสู่บทเรยี น
3. ครสู นทนากับนกั เรียนเพ่อื ทบทวนความรเู้ ดมิ เกีย่ วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ที่ไดเ้ รียนมา
ตั้งแต่ในช้ัน ป.4
4. ครูส่มุ เลือกตวั แทนนักเรียน 3-4 คน ให้ออกมาหน้าช้นั เรยี น พร้อมตั้งคาถามว่า กระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์คืออะไร และมีความสาคัญต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรยี นอ ยา่ งไร โดยให้
นกั เรยี นตอบคาถามทีละคน

14

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรยี นรกู้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

(แนวตอบ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ วิธีการและข้ันตอนที่ใช้ดาเนินการค้นคว้าหาความรู้
ทางวิทยาศาสตร์)
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
5. นกั เรยี นศึกษาภาพและแนวคิดสาคัญหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ จากหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หนา้ 2
6. ครูให้นักเรียนดูภาพในหน้าบทที่ 1 เรยี นรูก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
หน้า 3 แล้วถามคาถามสาคัญประจ าบทว่า นักเรียนคิดว่านักวิทยาศาสตร์ควรมีลักษณะอย่างไร
จากนน้ั ให้นกั เรยี นช่วยกนั อธิบายคาตอบ
(แนวตอบ นักวทิ ยาศาสตรค์ วรมลี กั ษณะ เชน่ เป็นคนชา่ งสงั เกต มีความรอบคอบ มีวินยั มีความ
อดทน)
7. ครใู ห้นักเรียนเรียนร้คู าศัพทท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกบั การเรียนใน บทที่ 1 โดยครูเป็นผู้อ่านนาและให้นักเรยี น
อ่านตาม ดังนี้

Scientific Method (ไซอีน’ ทฟิ คิ ‘เม็ธธดั ) วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
Science Process Skill (‘ไซอนี ซ ‘โพรเซซ็ ซกิล) ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
Scientific Attitude (ไซอีน’ ทฟิ ิค ‘แอท็ ทิทวิ ด) จิตวทิ ยาศาสตร์

ขัน้ สอน

ขนั้ สารวจคน้ หา (Explore)
1. ครูให้นักเรียนสังเกตภาพจากหนังสือเรียน หน้า 3 แล้วถามว่า นักเรียนคิดว่าเด็กในภาพกาลังทา
อะไร แลว้ เกีย่ วข้องกับวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์หรอื ไม่
2. นกั เรียนทกุ คนชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ภาพในหนังสือเรียน หน้า 3
(แนวตอบ เด็กกาลงั ทาการทดลองในห้องปฏิบัติการวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์เข้า
มาเก่ยี วข้อง)
3. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน จากนน้ั แตล่ ะกลุม่ ร่วมกันทากิจกรรมนาสู่การเรียน โดยดูภาพ
สถานการณ์จากหนังสือเรียน หน้า 4 แลว้ ช่วยกันตอบคาถามโดยเขยี นคาตอบลงในสมุดประจาตัว
หรือทาลงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 แลว้ นาเสนอคาตอบของกลุม่ หน้าช้ันเรียน เพื่อ
อภิปรายและสรปุ คาตอบร่วมกัน
4. ครจู ัดกจิ กรรมการนาเสนอคาตอบของนักเรียนแต่ละกลุ่มให้น่าสนใจ และให้นกั เรียนร่วมกนั สรุป
คาตอบที่ถูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )

15

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรยี นรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

5. สมาชิกในแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศกึ ษาข้อมลู และภาพเก่ียวกบั วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์จากหนังสือเรยี น
หนา้ 5 จากนน้ั ครูตั้งคาถามว่า วธิ ีการทางวิทยาศาสตรม์ ีก่ีขน้ั ตอน อะไรบา้ ง โดยครูขออาสาสมคั ร
นักเรียนตอบคาถาม 2-3 คน
(แนวตอบ วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ ระบุปัญหา ตั้งสมมตฐิ าน รวบรวมข้อมูล
วเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรุปผล)
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)

6. ครูให้คาชมเชยหรือมอบรางวัลให้กับนักเรียนที่ตอบคาถาม เพ่ือเป็นการเสริมแรงในการกล้า
แสดงออก

7. ครยู กตวั อย่างสถานการณว์ ่า หากในเช้าวันหนึ่ง เมอ่ื นักเรียนมาถงึ ห้องเรยี น แล้วพบว่ามขี นมหนึ่ง
กล่องวางอยู่บนโต๊ะของตนเอง โดยท่ีนักเรียนไม่รู้วา่ เป็นของใคร นักเรียนคดิ ว่าควรทาอย่างไร
จากนนั้ ให้นักเรยี นช่วยกันตอบคาถามทีละประเด็น ดงั น้ี
1) นักเรยี นรู้สึกอย่างไรกับส่ิงท่ีเหน็
(แนวตอบ รู้สึกแปลกใจและเกดิ ความสงสัย)
2) นกั เรียนจะทาอย่างไรเพ่อื ใหห้ ายสงสัย
(แนวตอบ ค้นหาคาตอบ เช่น ถามจากเพื่อน ๆ ว่า เป็นขนมของใคร และใครนามาวางไว้ หรือ
ไปสงั เกตกลอ่ งขนมใกล้ ๆ โดยสังเกตวา่ เป็นขนมอะไร และคาดเดาว่าน่าจะเปน็ ขนมของใคร)

8. ครใู ห้แตล่ ะกลมุ่ ไปศึกษาเนื้อหาเก่ียวกบั วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรใ์ นหนงั สือเรยี น หนา้ 6 และจากส่ือ
ดิจทิ ัลจากในหนงั สือเรยี น หน้า 6 โดยใชโ้ ทรศพั ท์มอื ถือสแกน QR Code เรื่อง วิธหี าแรงลพั ธ์

9. นักเรียนศึกษาตัวอย่างการใช้วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ จากหนงั สือเรียน หน้า 7 จากนน้ั ให้สมาชิก
แต่ละคนนาขอ้ มูลทศี่ ึกษาได้มาอภิปรายและร่วมกันสรุปผลภายในกลุ่ม
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)

10. ครอู ธิบายเพิ่มเติมให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า วิทยาศาสตร์ เปน็ การศึกษาเก่ียวกบั ส่ิงตา่ ง ๆ ที่อย่รู อบตัว
เรา ซึ่งในการศึกษาส่ิงต่าง ๆ เราตอ้ งใช้วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์เพ่ือค้นคว้าหาความรู้หรือคน้ หา
คาตอบของส่ิงทีเ่ ราสงสยั

ชวั่ โมงท่ี 2

ขน้ั สอน

ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
11. ครูต้ังคาถามกระตนุ้ ความคดิ ว่า ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรค์ อื อะไร นักเรยี นร้จู ักหรอื ไม่
จากน้นั ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ยา่ งอสิ ระ

16

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
แผนฯ ที่ 1 เรยี นรกู้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

(แนวตอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ ทกั ษะทางสตปิ ัญญาท่ีเป็นความสามารถหรือ
ความชานาญทนี่ ักวิทยาศาสตรน์ ามาใช้ในการสืบเสาะเพือ่ ค้นหาความรู้ หรือการแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ
ไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม)
12. ครูนาดอกไมม้ าให้นกั เรียนช่วยกันสงั เกต จากนั้นให้ชว่ ยกันบอกส่ิงที่สังเกตได้ โดยครูเขยี นสิ่งที่
นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบไว้บนกระดาษ
13. ครอู ธบิ ายว่า คาตอบของนักเรียนเกิดขนึ้ จากการสงั เกต ซง่ึ เป็นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ท่สี าคญั ของนักวทิ ยาศาสตร์ทักษะหน่ึง
14. ครูสนทนากับนักเรียนเพ่ือทบทวนความรูเ้ ดิมเก่ียวกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ท่ี
นกั เรียนได้เรียนมาต้ังแต่ชั้น ป.4 แล้ว โดยต้ังคาถามวา่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มี
ความสาคญั ต่อการเรยี นวิทยาศาสตรอ์ ย่างไร จากน้นั ใหน้ กั เรียนทกุ คนช่วยกันแสดงความคิดเห็น
(แนวตอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นทกั ษะท่ีเราต้องนามาใช้ในการสืบเสาะเพ่ือ
ค้นหาความรู้ หรอื การแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ ในการเรียนวิทยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)
15. นักเรียนจบั กลมุ่ เดมิ จากชัว่ โมงท่ีแลว้ จากนน้ั ใหร้ ่วมกันศึกษาขอ้ มูลจากเก่ียวกับทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือเรียน หนา้ 8-13
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ )
16. ครูแจกอุปกรณ์ให้นักเรยี นกลุ่มละ 1 ชุด ประกอบด้วย เทียนไข 1 เล่ม และไม้ขีดไฟ 1 กลัก
จากนนั้ ตงั้ คาถามเพื่อให้นักเรียนชว่ ยกนั ตั้งสมมตฐิ านว่า เม่ือจุดเทียนไขท้ิงไว้ 10 นาที ผลจะเป็น
อย่างไร แล้วให้นกั เรยี นทาการทดลอง ดงั นี้

1) ช่วยกนั ตั้งสมมตฐาน แล้วบันทกึ ผลลงในสมุดประจาตวั
2) สงั เกตและวัดขนาดของเทียนไขก่อนจดุ
3) จุดเทยี นไขตั้งทง้ิ ไว้ 10 นาที จากนั้นสังเกต
4) ดบั เปลวไฟท่ีเทยี นไข จากน้ันวัดขนาดเทยี นไขทเ่ี หลือ
5) รว่ มกันอภปิ รายและสรุปผลภายในกลุ่ม
6) นาผลการทดลองท่ีสรปุ ได้ มาสร้างแบบจาลองและนาเสนอในรูปแบบเพื่อนาเสนอ

หน้าชน้ั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครจู บั สลากเลือกลาดับของแตล่ ะกลมุ่ ใหอ้ อกมานาเสนอผลการทากิจกรรม โดยให้นักเรยี นกล่มุ ท่ี
ถูกเลือกเป็นอันดับแรกส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทดลองทีละกลุ่มจนครบ จากนั้นให้
นกั เรียนทุกกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายผลการทากจิ กรรมจนไดข้ อ้ สรุปว่า เม่ือจดุ เทียนไขทิ้งไว้ 10 นาที
ขนาดของเทยี นไขเปลย่ี นแปลงไป โดยมีขนาดลดลง

17

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรียนร้กู ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)
2. ครูให้ความรู้ความเข้าใจกับนักเรียนเพ่มิ เติมว่า การทากจิ กรรมจุดเทียนไข เป็นการใชน้ ักเรียนได้

ใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ และใชท้ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์
ระหว่างสเปซของวัตถุ ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล และทักษะการสร้าง
แบบจาลอง ซง่ึ ในการทากจิ กรรมการทดลองจะทาใหน้ กั เรียนเกิดจิตวทิ ยาศาสตร์ดว้ ย

ช่ัวโมงที่ 3

ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ครูตั้งคาถามเพื่อเชื่อมโยงเร่อื งทไ่ี ด้เรียนรู้จากชั่วโมงท่แี ล้วว่า บุคคลทีม่ ีจิตวทิ ยาศาสตรจ์ ะมีลักษณะ
อย่างไรบา้ ง จากนั้นให้นักเรียนช่วยกนั เสนอคาตอบอยา่ งอิสระ
(แนวตอบ เช่น มีวินัย สนใจใฝ่เรียนรู้ มีระเบียบ ละเอียดรอบครอบ มคี วามอดทน มีความใจกวา้ ง
ฟังความเหน็ ของผูอ้ น่ื )
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล)
2. ครใู ห้นักเรียนจับคู่กับเพอ่ื นโดยใชก้ ารเรยี นรแู้ บบร่วมมือ เทคนิคค่คู ิด (Think-Pair-Share) แลว้ ให้
ศกึ ษาเนื้อหาเกย่ี วกบั จิตวทิ ยาศาสตร์เพิ่มเติม จากหนังสอื เรียน หน้า 14-15
3. ครอู ธบิ ายเกี่ยวกับจิตวทิ ยาศาสตร์ให้นักเรียนเขา้ ใจเพิ่มเติมว่า จิตวิทยาศาสตร์ คือ ลักษณะนิสัย
ของบุคคลที่เกิดข้ึนจากการศึกษาหาความรทู้ างวิทยาศาสตร์โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
จติ วิทยาศาสตร์ประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ เช่น ความมีเหตมุ ีผล ความสนใจใฝ่รู้ ความม่งุ มั่น
ความอดทน ความรับผดิ ชอบ ความซือ่ สัตย์ ความละเอียดรอบคอบ
4. ครูสนทนากับนกั เรียนเพอ่ื ทบทวนความรเู้ ก่ยี วกบั เนื้อหาท่ไี ด้เรยี นผา่ นมาจากหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1
บทที่ 1 เรยี นรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยสมุ่ เรียกช่ือนกั เรียนให้ออกมาเล่าวา่ ตนเองไดร้ ับ
ความรู้อะไรบ้าง
5. นกั เรียนเขียนสรปุ ความรู้เก่ียวกับเรอื่ งท่ีได้เรียนมาจากบ ทที่ 1 ในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น แผนผัง
ความคิด แผนภาพ ลงในสมุดประจาตัว หรืออาจทากิจกรรมสรุปความรู้ประจาบทที่ 1 ใน
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)
6. นกั เรยี นศึกษาแผนผังความคดิ (Mind Mapping) สรุปสาระสาคัญ ประจาบทที่ 1 จากหนังสือเรยี น
หนา้ 16 เพื่อตรวจสอบกับการเขยี นสรปุ ความรูท้ ่ีนกั เรียนทาไว้ในสมดุ ประจาตวั
7. นกั เรียนทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะบทท่ี 1 จากหนงั สอื เรยี น หน้า 17-18 ข้อ 1-5 ลงในสมุดประจาตัว
หรือทาในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
8. นกั เรียนแตล่ ะคนทากิจกรรมทา้ ทายการคดิ ขน้ั สงู จากแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

18

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรยี นรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

9. ครมู อบหมายงานให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 3-4 คน จากน้ันศึกษากจิ กรรมสร้างสรรค์ผลงานจาก
หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ หนา้ 19 แลว้ ให้ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมโดยมีข้ันตอน โดยใหร้ ่วมกนั ทากจิ กรรม
นอกเวลาเรียน แลว้ นามาสง่ เพอื่ นาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี นต่อไป
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

10. นักเรียนทาแบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง เรียนรู้วิทยาศาสตร์ จากในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

11. นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนของหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรื่อง เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เพื่อตรวจสอบ
ความร้คู วามเขา้ ใจหลงั เรยี น

ข้ันสรปุ

1. ครูสุ่มเลือกนักเรยี น 4-5 คน ให้ออกมาพูดสรปุ เก่ยี วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่ได้เรียน
ผ่านมา

2. ครถู ามประเดน็ คาถามเกย่ี วกับวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ
จิตวิทยาศาสตร์ จากน้ันให้นักเรียนตอบคาถามทีละคนเพื่อตรวจสอบความรูค้ วามเข้าใจของ
นกั เรียนแตล่ ะคน

ขนั้ ปร1ะ2เ.มิน

ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครปู ระเมินผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้นั เรยี น
2. ครูตรวจผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนและแบบทดสอบหลังเรียน ของหน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
3. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมนาส่กู ารเรียนจากสมดุ ประจาตัวหรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 1
4. ครตู รวจสอบผลการทากจิ กรรมการทดลองการจุดเทียนไขจากสมุดประจาตัว นักเรียน และการ
นาเสนอแบบจาลอง
5. ครตู รวจผลการสรุปความรู้เกีย่ วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จากสมดุ ประจาตัวนักเรยี น
6. ครูตรวจผลการทากิจกรรมฝึกฝนทักษะบทที่ 1 ในสมุดประจาตวั หรอื ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 1
7. ครูตรวจผลการทากจิ กรรมทา้ ทายการคิดขั้นสงู ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

19

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรียนรู้วิทยาศาสตร์
แผนฯ ที่ 1 เรยี นร้กู ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

8. ครูตรวจชิน้ งาน/ผลงานแบบจาลองการเจริญเติบโตของพืชหรอื สตั ว์ และการนาเสนอชิน้ งาน/
ผลงาน หนา้ ชั้นเรียน

9. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมทบทวนท้ายหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์

7. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมินตาม
สภาพจรงิ
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ - สมุดประจาตวั หรือ
แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60
เรียน หน่วยการ กอ่ นเรียน ป.5 เล่ม 1 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจาตัว
เรียนร้ทู ่ี 1 เรยี นรู้ - ร้อยละ 60
- สมดุ ประจาตัวหรือ ผ่านเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 1 - รอ้ ยละ 60
7.2 ประเมินระหวา่ ง - สมุดประจาตวั หรอื ผา่ นเกณฑ์
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
การจดั กจิ กรรม ป.5 เล่ม 1 - รอ้ ยละ 60
- สมดุ ประจาตัวหรอื ผา่ นเกณฑ์
การเรียนรู้ แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 1 - ร้อยละ 60
1) การทากจิ กรรมนาสู่ - ตรวจสมดุ ประจาตัวหรือ - แบบการนาเสนอ ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน/ผลการทา
การเรียน แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ป.5 เล่ม 1

2) ผลบนั ทึกการทา - ตรวจสมุดประจาตัว

การทดลองจุด

เทียนไข

3) กิจกรรมสรุปความรู้ - ตรวจสมดุ ประจาตวั หรือ

ประจาบทท่ี 1 แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์

ป.5 เลม่ 1

4) กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ - ตรวจสมุดประจาตัวหรอื

บทท่ี 1 แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์

ป.5 เลม่ 1

5) กจิ กรรมทา้ ทายการ - ตรวจสมุดประจาตวั หรอื

คดิ ข้นั สูง แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์

ป.5 เล่ม 1

6) การนาเสนอผลงาน/ - ประเมนิ การนาเสนอ

ผลการทากิจกรรม ผลงาน/ผลการทา

กจิ กรรม

20

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรยี นรู้วิทยาศาสตร์
แผนฯ ที่ 1 เรยี นรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

รายการวัด วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
7) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล
8) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
การทางานกลุ่ม การทางานกลุม่ - ระดบั คุณภาพ 2
การทางานกลุ่ม - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน
9) คุณลกั ษณะ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพ 2
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
7.3 การประเมินหลังเรียน วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 ป.5 เลม่ 1
1) แบบทดสอบท้าย - แบบทดสอบหลงั เรียน - ร้อยละ 60
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 - ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ผ่านเกณฑ์
2) แบบทดสอบหลงั หลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ - ร้อยละ 60
เรียน หนว่ ยการ ที่ 1 ผ่านเกณฑ์
เรยี นรทู้ ่ี 1 เรียนรู้
วิทยาศาสตร์

8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรยี นรู้วิทยาศาสตร์
3) วัสดุ-อปุ กรณ์การทดลองในกจิ กรรมที่ 1 เช่น เทยี นไข ไม้ขดี ไฟ
4) QR Code เรอื่ ง การใชว้ ิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์
5) สมุดประจาตัวนกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็

21

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
แผนฯ ท่ี 1 เรียนรกู้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

9. ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

10. บันทึกผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ดา้ นอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ ม)ี )

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

22

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 สิง่ มีชีวติ กับสิ่งแวดล้อม
แผนฯ ท่ี 1 การปรับโครงสร้างของสิง่ มีชีวติ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1

การปรบั โครงสรา้ งของสงิ่ มีชวี ิต

เวลา 3 ช่วั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด

ว 1.1 ป.5/1 บรรยายโครงสรา้ งและลักษณะของสิ่งมีชีวิตท่ีเหมาะสมกบั การดารงชีวติ ซ่ึงเป็นผล
มาจากการปรับตวั ของสงิ่ มชี ีวติ ในแตล่ ะแหลง่ ท่อี ยู่

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บรรยายโครงสร้างหรอื ลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ทีเ่ หมาะสมต่อการดารงชีวติ ในแหล่งท่อี ยูไ่ ด้ (K)
2. สารวจและสบื คน้ ขอ้ มลู เก่ียวกับโครงสรา้ งหรือลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมต่อการดารงชวี ิต

ในแหล่งท่อี ยไู่ ด้ (P)
3. แสดงความสนใจและมีความกระตือรอื ร้นในการสืบค้นขอ้ มลู (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

อธิบายโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตท่ี พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

เหมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ในแต่ละแหล่งที่อยู่

4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

สง่ิ มีชวี ติ ทัง้ พืชและสัตว์มีโครงสร้างและลักษณะท่ีเหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่ ซ่ึงเป็นผลมาจากการ
ปรบั ตัวของสง่ิ มีชวี ติ เพ่อื ดารงชวี ติ และอยูร่ อดได้ในแต่ละแหล่งท่อี ยู่

5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งมั่นในการทางาน

2) ทักษะการใหเ้ หตุผล

3) ทกั ษะการระบุ

4) ทกั ษะการทางานกล่มุ

40

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 สิ่งมีชีวติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 การปรับโครงสร้างของสิ่งมีชวี ติ

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
5) ทกั ษะการต้งั สมมติฐาน
6) ทักษะการทดสอบสมมติฐาน
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงที่ 1

ขั้นนา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายกับนกั เรยี น แลว้ แจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ทีจ่ ะเรยี นในวนั น้ีใหน้ กั เรียนทราบ
2. ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื วัดความรู้เดิมของนักเรียนก่อนเขา้ สู่บทเรยี น
3. ครกู ระต้นุ ความสนใจของนกั เรยี นก่อนที่จะเรยี นในวนั นี้ โดยใหน้ ักเรียนดูภาพชา้ งทีอ่ าศัยอยู่ในปา่
และปลาที่อาศัยอยูต่ ามแนวปะการงั จาก PowerPoint
4. ครูตง้ั คาถามเพ่ือกระตุน้ ความคิดให้กับนักเรียน เชน่
1) โครงสร้างลักษณะของชา้ งและปลาวา่ เป็นอย่างไร
2) ช้างและปลามีลกั ษณะแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ แตกต่างกัน เพราะช้างอาศัยอยู่บนบก ใช้ขาในการวิ่งหรอื เดิน แต่ปลาอาศยั อย่ใู น
นา้ ใช้ครบี ในการวา่ ยน้าหรอื เคลอ่ื นที่ เปน็ ต้น)
5. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า จากส่ิงท่ีนักเรยี นสงั เกตเห็นนัน คือ โครงสร้างและลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตท่ี
แตกตา่ งกัน
6. ครูต้ังคาถามเพ่ิมเติมว่า สาเหตทุ ่ีทาให้โครงสร้างของส่ิงมีชวี ิตแตกต่างกัน คืออะไร จากน้ันให้
นกั เรียนชว่ ยกนั ระดมความคิดในการตอบคาถาม และบนั ทึกความรู้ท่ไี ด้ลงในสมดุ ประจาตัว
7. ครูสมุ่ เลือกนกั เรยี นประมาณ 2–3 คน ในการตอบคาถาม เม่ือนักเรียนตอบคาถามเรียบรอ้ ยแล้ว
ครูสรุปความรวู้ ่า สาเหตุหลักท่ีทา้ ใหโ้ ครงสร้างและลกั ษณะของสง่ิ มีชีวิตแตกต่างกันนนั เปน็ ผลมา
จากแหล่งที่อยูอ่ าศยั
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบุคคล)
8. ครูให้คาชมเชยนักเรยี นท้งั ห้องที่ชว่ ยกนั ทากจิ กรรม แล้วมอบรางวัลหรอื ของขวญั ใหก้ บั นกั เรียน ท่ี
ตอบคาถาม

41


Click to View FlipBook Version