The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by TAN RUNNING, 2021-07-21 04:09:12

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ฯ ป.5 เทอม1

ilovepdf_merged

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แรงในชีวติ ประจาวัน
แผนฯ ท่ี 3 ประโยชน์ของแรงเสยี ดทาน

รายการวัด วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
2) แบบทดสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบ
- แบบทดสอบหลงั เรยี น - รอ้ ยละ 60
เรยี นหน่วยการ หลงั เรยี น หน่วยการ
เรียนรทู้ ี่ 3 แรงใน เรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ผ่านเกณฑ์
ชีวติ ประจาวัน

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แรงในชวี ิตประจาวัน
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แรงในชีวิตประจาวนั
3) แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แรงในชีวิตประจาวนั
4) วัสดุ-อปุ กรณ์ในการทากจิ กรรมสร้างสรรคผ์ ลงาน
5) บตั รภาพกจิ กรรมตา่ ง ๆ
6) รองเท้าแตะ
7) สมดุ ประจาตวั

8.2 แหล่งการเรียนรู้
- ห้องเรยี น

157

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 แรงในชีวิตประจาวัน ลอ้ ยางรถยนต์ 
แผนฯ ท่ี 3 ประโยชน์ของแรงเสยี ดทาน

บตั รภาพ

การเล่นฟุตบอล

การใชก้ รรไกรตัดกระดาษ การปนี หนา้ ผาจาลอง

158

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 แรงในชีวติ ประจาวนั
แผนฯ ที่ 3 ประโยชน์ของแรงเสยี ดทาน

9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

10. บนั ทึกผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
 ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

159

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 1 ตัวกลางของเสยี ง

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง

ตัวกลางของเสยี ง

1. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ดั

ว 2.3 ป.5/1 อธบิ ายการไดย้ ินเสียงผา่ นตวั กลางจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. ระบุตัวกลางของเสยี งแต่ละประเภทได้ (K)
2. อธบิ ายการเคลอ่ื นทข่ี องเสียงผ่านตวั กลางตา่ ง ๆ ได้ (K)
3. ทดลองเกย่ี วกับการเคล่อื นที่ของเสยี งผา่ นตวั กลางตา่ ง ๆ ได้ครบทุกขน้ั ตอน (P)
4. มคี วามม่งุ มนั่ ในการทากจิ กรรมอยา่ งตั้งใจ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ ้องถิ่น

ตัวกลางของเสียงและการเคล่ือนท่ีของเสียงผ่าน พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
ตัวกลาง

4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกาเนิดเสียงและอาศัยตัวกลางในการเคลอ่ื นท่ี ซึ่งตัวกลางของเสียงจะมี
ด้วยกนั 3 ประเภท คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดยเสียงจะเดินทางผ่านตัวกลางทมี่ ีสถานะของแข็งได้
ดกี วา่ ตวั กลางท่มี ีสถานะของเหลวและสถานะแก๊ส ตามลาดบั

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ัย

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะระบุ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน

2) ทักษะการสงั เกต

3) ทักษะการสารวจคน้ หา

4) ทักษะการสรุปอา้ งอิง

173

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 พลังงานเสียง คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 ตวั กลางของเสยี ง

สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
5) ทักษะการวเิ คราะห์
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงที่ 1

ขน้ั นา

ขัน้ กระตุน้ ความสนใจ (Engage)

1. ครูทักทายกับนกั เรยี น ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ทจ่ี ะเรยี นในวนั นี้ใหน้ ักเรียนทราบ

2. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพอื่ วัดความรูเ้ ดมิ ของนกั เรยี นก่อนเขา้ สู่กิจกรรม

3. นกั เรยี นอ่านสาระสาคัญและดูภาพ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลงั งานเสียง จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.5

เลม่ 1 หนา้ 96 จากนั้นครูถามนักเรยี นวา่ ภาพน้ีเก่ียวข้องกับเสียงอย่างไรบ้าง แล้วให้นักเรียนช่วยกนั ตอบ

คาถามอย่างอิสระ

(แนวตอบ เกย่ี วขอ้ งกบั การได้ยนิ เสยี งของคนเรา)

4. ครใู ห้นกั เรียนดูภาพจากหนงั สือเรยี น หน้า 97 แล้วถามคาถามสาคญั ประจาบทว่า เสยี งตา่ ง ๆ ที่อยู่

รอบตัวเราเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ย่างไร จากนัน้ ให้นักเรยี นช่วยกนั ตอบคาถามได้อย่างอิสระ

(แนวตอบ เสยี งตา่ ง ๆ เกดิ ขึ้นจากการสนั่ สะเทอื นของวัตถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนดิ เสยี ง)

5. ครูให้นักเรยี นเรียนรูค้ าศพั ท์ที่เก่ยี วข้องกับการเรียนในบทที่ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 97 โดยครูขอ

อาสาสมัครนกั เรียน 1 คน เป็นผ้อู า่ นนาและให้นกั เรียนอ่านตามทีละคา ดงั นี้

Sound (ซาวนด) เสียง

Hear (เฮยี ) การไดย้ ิน

Vibration (ไว'เบรชัน) การส่ันสะเทอื น

Noise Pollution (นอยซ พะ'ลชู นั ) มลพิษทางเสียง

Sound Level Metter (ซาวนด 'เล็ฟวึล 'มีเทอ) เครื่องวดั ระดบั เสยี ง

6. นักเรยี นทากิจกรรมนาสูก่ ารเรยี นจากหนังสอื เรียน หน้า 98 โดยให้นักเรียนไปสังเกตเสยี งต่าง ๆ ท่ี

เกดิ ข้ึนภายใน 1 วัน จากน้ันบันทึกผลลงในสมุดประจาตวั พร้อมบอกว่า เสียงท่ีได้ยินนน้ั เป็นเสียง

จากแหล่งกา เนิดเสียงปร ะเภทใด หรือให้นักเรียนทากิจกรรมน าสู่กา รเรียนในแบบฝึกหัด

วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

174

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ท่ี 1 ตวั กลางของเสียง

ขนั้ สอน

ขัน้ สารวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศกึ ษาข้อมูลในหวั ขอ้ การได้ยนิ เสยี งผ่าน
ตัวกลางจากหนงั สอื เรยี น หน้า 99
2. ครูถามคาถามนักเรียน แลว้ ให้นักเรียนแต่ละคนตอบคาถามอยา่ งอิสระว่า แหล่งกาเนิดเสียงใน
ชวี ติ ประจาวันท่ีนักเรียนรูจ้ ักมีอะไรบ้าง
(แนวตอบ เช่น กลอง รถยนต์ สนุ ัข นก)
3. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายวา่ เสยี งต่าง ๆ ท่ีเกดิ ข้ึนรอบตัวเรา บางครั้งแหล่งกาเนดิ เสียงอย่หู ่าง
จากตวั เรามาก แตท่ าไมเราถึงยงั ได้ยนิ เสยี งเหลา่ นน้ั
4. ครูแจกใบงาน เร่ือง การเคล่อื นท่ีของเสยี งผา่ นตัวกลาง เพอ่ื ให้นักเรยี นทาการทดลองเก่ียวกับการ
เคล่อื นท่ขี องเสียง โดยปฏิบตั กิ จิ กรรม ดงั นี้
1) ใสน่ ้าในแก้วประมาณคร่ึงแก้ว
2) จุม่ ส้อมเสียงลงในนา้ แลว้ สังเกตว่า เกิดเสยี งหรือไม่ รวมท้งั สงั เกตการเปลย่ี นแปลงท่ผี ิวน้าจากนั้น
บันทกึ ผลลงในใบงาน
3) ใช้ค้อนเคาะส้อมเสียงแล้วจุ่มส้อมเสียงลงในนา้ ทันที สังเกตการเกิดเสียงและการเปลย่ี นแปลงที่
ผิวนา้ และบนั ทึกผลการทดลองลงในใบงาน
5. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรู้ทไี่ ด้จากการทดลองจนไดข้ ้อสรุปว่า ขณะท่ีเกิดเสียงรอ้ มเสยี งจะ
ส่ัน ซ่งึ สังเกตจากเมอ่ื จุ่มส้อมเสยี งลงในน้าผิวน้ามีการส่นั ไปดว้ ย ดงั น้นั เสยี งที่เกดิ ข้ึนจะเคลอ่ื นทจ่ี าก
แหล่งกาเนิดเสยี ง (ในท่นี ี้ คือ สอ้ มเสียง) ทุกทศิ ทางผ่านตัวกลาง (ในทนี่ ้ี คอื น้า)
6. ครูจัดกิจกรรมการนาเสนอคาตอบของนักเรียนแตล่ ะกลุ่มใหน้ ่าสนใจและให้นักเรยี นรว่ มกันสรุป
คาตอบท่ถี ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ )

ช่ัวโมงท่ี 2

ข้ันสอน

ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
7. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน (กลุ่มเดิมจากช่วั โมงที่ 1) จากน้ันแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาและทา
กจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง การไดย้ ินเสยี งผา่ นตวั กลางของเสยี ง จากหนงั สือเรียน หน้า 100-101 แล้วบันทึก
ผลลงในสมดุ ประจาตวั หรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

175

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 1 ตัวกลางของเสยี ง

ข้นั อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูให้ตัวแทนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผล การทากจิ กรรมท่ี 1
หน้าชนั้ เรยี นโดยจบั สลากหมายเลขกล่มุ จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกนาเสนอตามลาดับ
2. ครใู หค้ าชมเชยกบั ตวั แทนนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทอี่ อกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชั้นเรียน
3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความร้ทู ไี่ ด้จากการทดลอง จนไดข้ ้อสรปุ ดังนี้
 เราได้ยินเสียงเพอื่ นพดู ชดั เจนขณะท่ีเรานาถ้วยมาครอบหู แสดงว่า เสียงเดนิ ทางผ่านเสน้ เชือกท่ี
เป็นของแข็งไดด้ ีกว่าอากาศ
 วัตถุทเี่ สียงเดินทางผ่านได้ เรียกวา่ ตัวกลางของเสียง ได้แก่ อากาศ ของเหลว และของแข็ง ซึ่ง
เสยี งต่าง ๆ จะเดินทางผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็งได้ดีและเร็วกว่า ตวั กลางท่ีเปน็ ของเหลวและ
อากาศ

ข้ันสอน

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. นกั เรยี นทุกกล่มุ ศึกษาเนื้อหาเกยี่ วกบั ตัวกลางของเสียงจากหนงั สือเรียน หน้า 102
2. นักเรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนงั สือเรียน หน้า 101 ลงในสมุดหรอื ทาในแบบฝกึ หัด

วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

ข้ันสรุป

ครูให้นักเรียนสรปุ ความร้จู ากการเรยี นจนได้ข้อสรปุ ร่วมกันว่า เสียงตา่ ง ๆ จะเดนิ ทางผ่าน
ตัวกลาง ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว และอากาศ ซ่ึงเสียงตา่ ง ๆ จะเดินทางผ่านตัวกลางที่เปน็ ของแขง็ ได้ดี
และเร็วกวา่ ตวั กลางทเี่ ป็นของเหลวและอากาศ

ขนั้ ประเมนิ

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนกั เรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถามพฤติกรรม การทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าช้ันเรยี น
3. ครตู รวจผลการทากิจกรรมนาสกู่ ารเรยี นในสมุดประจาตวั หรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

176

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 1 ตัวกลางของเสยี ง

4. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมที่ 1 เรือ่ ง การได้ยินเสียงผ่านตวั กลางของเสียงในสมุดประจาตัวหรือ
ในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

5. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจาตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5
เลม่ 1

6. ครูตรวจสอบผลการทาใบงาน เรื่อง การเคล่อื นทขี่ องเสียงผา่ นตวั กลาง

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 การประเมนิ ก่อน - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพ
เรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 จรงิ
- แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจแบบทดสอบ
เรียน หนว่ ยการ ก่อนเรียน หน่วยการ - สมุดประจาตัวหรอื - ร้อยละ 60
เรียนรู้ท่ี 4 พลังงาน เรยี นร้ทู ี่ 4 แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
เสียง ป.5 เล่ม 1
- ผลการทากจิ กรรมที่ 1 ใน - รอ้ ยละ 60
7.2 ประเมินระหว่าง ผ่านเกณฑ์
การจดั กิจกรรม สมุดประจาตัวหรือ
การเรียนรู้
1) กิจกรรมนาสู่การ - ตรวจสมุดประจาตัวหรอื
เรียน แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 1
2) ผลบันทกึ การทา - ตรวจผลการทากจิ กรรม

กิจกรรมท่ี 1 ท่ี 1 ในสมดุ ประจาตัว

หรือแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 ป.5 เลม่ 1

3) กิจกรรมหนูตอบ - ตรวจสมุดประจาตวั หรอื - สมดุ ประจาตัวหรือ - ตอบถูก 2 ใน 3
ได้ แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ขอ้ ผ่านเกณฑ์
ป.5 เล่ม 1 ป.5 เลม่ 1

4) ผลบันทึกการทา - ตรวจใบงาน เรือ่ ง การ - ใบงาน เร่ือง การเคล่ือนท่ี - ร้อยละ 60
ใบงาน เรอื่ ง การ เคลื่อนทข่ี องเสยี งผา่ น
เคลือ่ นทข่ี องเสียง ตวั กลาง ของเสียงผ่านตวั กลาง ผ่านเกณฑ์
ผ่านตวั กลาง

177

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสียง วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
แผนฯ ที่ 1 ตัวกลางของเสียง - ประเมนิ การนาเสนอ
ผลทากิจกรรม - แบบประเมนิ การนาเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2
รายการวัด - สังเกตพฤติกรรม ผลทากิจกรรม ผ่านเกณฑ์
การทางานรายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
5) การนาเสนอผล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
การทากิจกรรม - สงั เกตความมวี ินยั
ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่น - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2
6) พฤติกรรม ในการทางาน
การทางาน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล

7) คณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 พลงั งานเสียง
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 พลังงานเสียง
3) แบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 พลังงานเสยี ง
4) วสั ด-ุ อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที่ 1 เช่น ตะปู แกว้ พลาสตกิ กรรไกร เชือก
5) ส้อมเสยี ง
6) ใบงาน เร่ือง การเคล่ือนทขี่ องเสียงผ่านตวั กลาง

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) หอ้ งเรยี น
3) อินเทอรเ์ นต็

178

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ท่ี 1 ตัวกลางของเสียง

ใบงาน

เร่อื ง การเคลื่อนทขี่ องเสียงผ่านตัวกลาง

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นทาการทดลองและอธิบายการเคล่ือนที่ของเสยี ง

อปุ กรณ์

1. สอ้ มเสียง 1 อัน 2. คอ้ น 1 อัน

3. แก้วนา้ 1 ใบ

วธิ ีทา
1. ใสน่ า้ ลงในแก้วประมาณครง่ึ แก้ว
2. จุ่มสอ้ มเสียงลงในน้า แล้วสงั เกตว่า เกิดเสียงหรอื ไม่ รวมท้ังสงั เกตการเปลี่ยนแปลงท่ีผิวน้า จากนน้ั
บันทึกผลลงในตาราง
3. ใชค้ ้อนเคาะสอ้ มเสียง แลว้ จุ่มส้อมเสียงลงในนา้ ทนั ที สงั เกตการเกิดเสียงและการเปลยี่ นแปลงทผ่ี วิ นา้
แล้วบนั ทกึ ผล
4. ร่วมกันอภปิ รายเพื่อสรุปผลการทดลอง

ตารางบนั ทกึ ผล การเกดิ เสยี ง การเปลย่ี นแปลงที่ผิวน้า
การทดลอง

1. จุ่มส้อมเสียงลงในนา้

2. ใชค้ อ้ นเคาะสอ้ มเสียง แล้วจุ่ม
ส้อมเสียงลงในนา้ ทนั ที

สรปุ ผลการทดลอง

179

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 1 ตวั กลางของเสียง

ใบงาน เฉลย

เรอ่ื ง การเคลือ่ นท่ขี องเสียงผา่ นตวั กลาง

คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนทาการทดลองและอธิบายการเคล่ือนท่ีของเสยี ง

อุปกรณ์

1. ส้อมเสยี ง 1 อัน 2. คอ้ น 1 อัน

3. แก้วนา้ 1 ใบ

วธิ ีทา
1. ใส่นา้ ลงในแก้วประมาณครง่ึ แก้ว
2. จุม่ ส้อมเสยี งลงในนา้ แลว้ สงั เกตวา่ เกดิ เสียงหรือไม่ รวมทงั้ สงั เกตการเปลีย่ นแปลงทผี่ วิ นา้ จากน้นั
บนั ทกึ ผลลงในตาราง
3. ใช้ค้อนเคาะสอ้ มเสยี ง แล้วจมุ่ ส้อมเสยี งลงในนา้ ทนั ที สังเกตการเกดิ เสียงและการเปล่ียนแปลงที่ผวิ น้า
แลว้ บนั ทกึ ผล
4. รว่ มกนั อภิปรายเพื่อสรุปผลการทดลอง

ตารางบันทกึ ผล การเกดิ เสียง การเปลี่ยนแปลงท่ีผิวน้า
การทดลอง ไมม่ เี สยี งเกิดขน้ึ ผิวน้าน่งิ เป็นปกติ

1. จ่มุ ส้อมเสียงลงในนา้

2. ใชค้ อ้ นเคาะส้อมเสียง แล้วจมุ่ มเี สยี งเกดิ ข้นึ ผิวน้าเกิดการส่นั สะเทือน
สอ้ มเสยี งลงในนา้ ทนั ที

สรุปผลการทดลอง
ขณะท่ีเกิดเสียงส้อมเสียงจะส่ัน ซึ่งสังเกตจากเม่ือจ่มุ ส้อมเสียงลงในน้า ผวิ น้ามกี ารสั่นไปด้วย ดังนั้น

เสียงท่ีเกิดข้ึนจะเคล่อื นท่ีจากแหล่งกาเนิดเสียง (ในทนี่ ้ี คือ ส้อมเสียง) ทุกทศิ ทางผ่านตัวกลาง (ในที่นี้ คือ
นา้ ) .

180

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 1 ตวั กลางของเสียง

9. ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

181

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 2 เราได้ยินเสียงไดอ้ ย่างไร

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เวลา 2 ช่วั โมง

เราไดย้ นิ เสียงได้อยา่ งไร

1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั

ว 2.3 ป.5/1 อธบิ ายไดย้ ินเสยี งผา่ นตัวกลางจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายส่วนประกอบหูและหน้าท่ีของแต่ละสว่ นที่ใชใ้ นการรับเสยี งได้ (K)
2. อธิบายการไดย้ ินเสยี งผา่ นตัวกลางตา่ ง ๆ ได้ (K)
3. มีความมุง่ ม่นั ในการทากิจกรรมอย่างตั้งใจ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
การได้ยนิ เสียงผา่ นตวั กลาง

4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกาเนิดเสียงและอาศัยตวั กลางในการเคลอื่ นท่ี ซ่ึงตัวกลางของเสียงจะมี
ด้วยกัน 3 ประเภท คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ซ่ึงหูเป็นอวัยวะรับเสยี งประกอบด้วย 3 ส่วน คอื หู
ชัน้ นอก หูชั้นกลาง และหูช้ันใน เมื่อเสียงเดินทางผา่ นตัวกลางของเสียงเข้ามาถึงรูหู จะทาให้ส่วนประกอบ
ภายในหูเกดิ การส่ันสะเทือน จึงทาใหเ้ ราไดย้ นิ เสียง

5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทักษะระบุ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
2) ทักษะการสังเกต
3) ทักษะการสารวจคน้ หา

4) ทักษะการสรปุ อ้างองิ

182

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลงั งานเสียง คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 2 เราไดย้ ินเสยี งได้อยา่ งไร

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
5) ทักษะการวเิ คราะห์
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงท่ี 1

ข้นั นา

ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ (Engage)

1. ครูทักทายกับนกั เรียน ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ทจ่ี ะเรียนในวนั น้ีให้นกั เรียนทราบ
2. ครนู าภาพโลมาและค้างคาวมาให้นักเรียนดู แล้วต้งั คาถามว่า นักเรียนคิดว่าโลมาและค้างคาวทใี่ ช้

เสียงในการนาทาง มีอวัยวะรับเสียงเหมือนมนษุ ย์หรือไม่ จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ
คดิ เหน็ ได้อย่างอิสระ
(แนวตอบ ไมเ่ หมือน)
3. ครูอธิบายเชื่อมโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ เสียงเม่ือถูกส่งจากแหลง่ กาเนิด ผู้รับเสียงจะต้องมีอวัยวะรับ
เสียงเพือ่ จะรับรูแ้ ละตอบสนองต่อเสียงนั้น ในบทเรียนน้ีเราจะศึกษาสว่ นประกอบและหน้าที่ของหู
ซึง่ เป็นอวัยวะรบั เสียงของมนุษย์
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)

ข้นั สอน

ข้นั สารวจคน้ หา (Explore)

1. ครูทาสลากคาถาม แล้วสุม่ นักเรียนออกมา 2 คน เพือ่ มาจบั สลากคาถาม ดงั น้ี
 นักเรียนคดิ วา่ เม่ือเกดิ ไฟไหมใ้ นอาคารเสยี งกร่ิงเตือนไฟไหม้มีประโยชนห์ รือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ มีประโยชน์ เพราะเป็นการเตือนภัยให้หลบหนอี อกจากอาคารได้ทันเวลา)
 นักเรยี นคดิ ว่า เพราะเหตุใดบางคนจึงไม่ได้ยินเสียงสญั ญาณไฟไหม้ และทาใหห้ นีออกจากอาคาร
ไมท่ ัน
(แนวตอบ อยใู่ นหอ้ งทป่ี ดิ กัน้ เสียง หูตึง)

183

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ที่ 2 เราไดย้ ินเสียงไดอ้ ย่างไร

2. ครูใช้เทคนิคกล่มุ สืบค้น G.I. โดยแบ่งกลุ่มให้นักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน โดยคละตาม
ความสามารถประกอบดว้ ย เกง่ ปานกลาง (ค่อนขา้ งเก่ง) ปานกลาง (คอ่ นข้างอ่อน) และออ่ น

3. ครแู จกใบงาน เรือ่ ง เราได้ยินเสียงได้อยา่ งไร จากนั้นมอบหมายใหส้ มาชิกทุกคนในกล่มุ ปฏบิ ัติตาม
ขั้นตอนการทากิจกรรม เร่ือง เราได้ยินเสยี งได้อย่างไร โดยให้ไปสบื ค้นขอ้ มลู เพิ่มเติมเก่ียวกับการ
ได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง องค์ประกอบของการได้ยนิ เสียง และส่วนประกอบของหูมนุษย์ จาก
หนงั สอื เรียน หน้า 102-104 และจากแหล่งข้อมูลอ่ืน ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ ห้องสมดุ พร้อมวาดภาพ
หรอื ติดภาพแบบจาลองส่วนประกอบของหแู ละหน้าทข่ี องส่วนประกอบของหแู ต่ละสว่ นลงในใบงาน

4. ให้สมาชกิ ในกลุ่ม 1 คน นาข้อมูลทีท่ กุ คนสืบคน้ มาไดบ้ นั ทกึ ลงในใบงาน และร่วมกันตรวจสอบความ
ถูกตอ้ ง แล้วใหส้ มาชกิ ทุกคนรว่ มกนั สรา้ งแบบจาลองส่วนประกอบของหู
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)

ชั่วโมงท่ี 2

ขน้ั สอน

ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสมุ่ เลอื กตัวแทนกลมุ่ 3-4 กลุ่ม ให้ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมและแบบจาลองของตนเอง
หน้าชัน้ เรยี น โดยมคี รคู อยแนะนาเพ่มิ เติม
2. ครูให้ทกุ กลุ่มตรวจสอบและแก้ไขแบบจาลองให้ถกู ต้อง แลว้ นาไปวางไว้ทหี่ น้าห้องเรียน เพื่อให้
เพ่อื นกลุม่ อื่น ๆ ไดศ้ กึ ษาเพมิ่ เติม
3. ครูใหค้ าชมเชยกบั นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ทีอ่ อกมานาเสนอผลการทากิจกรรมหน้าชนั้ เรยี น
4. ครูสรปุ เพิ่มเติมให้นกั เรยี นฟังว่า เม่ือแหลง่ กาเนิดเสียงส่ัน จะสง่ พลังงานผา่ นอากาศมาถึงหขู องเรา
ใบหจู ะสะท้อนคลื่นเสียงเข้าไปในรหู ู ทาให้เย่ือแก้วหูส่ัน มีผลทาให้กระดูกค้อน กระดูกท่ัง และ
กระดกู โกลนสั่น พลงั งานจากการสัน่ จะถูกส่งผ่านไปยังเสน้ ประสาทภายในคอเคลียและสง่ ผ่านไปยัง
เส้นประสาทใหญท่ ไ่ี ปสสู่ มอง จึงทาให้เราไดย้ ินเสยี ง ดงั นั้น เยือ่ แกว้ หูจงึ เป็นอวยั วะสาคญั ท่ที าให้เรา
ไดย้ ินเสียง โดยครูให้นักเรียนดูภาพประกอบในหนังสอื เรียน หนา้ 104

184

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ที่ 2 เราไดย้ นิ เสียงไดอ้ ยา่ งไร

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. นกั เรียนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนงั สอื เรียน หน้า 101 ลงในสมดุ ประจาตัวหรือแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

2. นกั เรยี นทุกกลุม่ ศึกษาเน้ือหาเก่ยี วกบั ตวั กลางของเสยี ง จากหนงั สอื เรยี น หน้า 10-104
3. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แล้วให้ศกึ ษาข้อมูลเก่ียวกับการผ่านตัวกลางของเสียงเพิ่มเติมจาก

สื่อดิจิทัลในหนงั สือเรียน หนา้ 103 โดยใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เร่อื ง ตัวกลางของเสียง
4. ให้นักเรียนนาความรู้ท่ีได้จากการศึกษาจากการสแกน QR Code เรื่อง ตัวกลางของเสียง มา

อภปิ รายเกยี่ วกบั ตัวกลางของเสียง และร่วมกันสรุปภายในช้นั เรียน โดยให้ครูคอยอธิบายเพิ่มเติมใน
ส่วนที่บกพร่อง
5. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและคาถาม โดยครูถามคาถาม ดังนี้
1) จากการสบื ค้นขอ้ มลู หูของมนษุ ยแ์ บ่งเป็นกสี่ ว่ น อะไรบา้ ง

(แนวตอบ หขู องมนษุ ยป์ ระกอบไปดว้ ย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ หูชน้ั นอก หูชัน้ กลาง และหชู ั้นใน)
2) นักเรยี นคดิ วา่ สว่ นประกอบหูส่วนใดท่เี ราขาดไปแลว้ แตย่ ังสามารถรับเสียงได้ เพราะเหตใุ ด

(แนวตอบ หูชนั้ นอก เพราะไม่มีประสาทสัมผสั ในการรบั เสยี งที่ส่งมาจากแหลง่ กาเนิดเสียง)
3) ถ้าต้องการใหก้ ารส่งสัญญาณไฟไหม้มีคณุ ภาพ นกั เรียนคิดวา่ ควรคานึงถงึ เรือ่ งใดบา้ ง

(แนวตอบ ความดังของสญั ญาณ ตัวกลางท่ีเสยี งเคลื่อนที่ผ่านต้องไมถ่ กู ขวางก้ัน คุณภาพของหู
ของผ้รู บั เสยี ง)
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)

ขน้ั สรุป

1. ครูให้นกั เรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกันว่า การได้ยนิ เสียงต้องมอี งค์ประกอบ 3
อยา่ ง ได้แก่ แหลง่ กาเนดิ เสยี ง ตัวกลางของเสียง และอวยั วะรับเสยี ง (ห)ู

2. ครูอธบิ ายเสริมเพือ่ สรปุ ความรู้ว่า เมอื่ แหลง่ กาเนิดเสยี งสั่น จะส่งพลังงานผ่านอากาศมาถงึ หขู องเรา
ใบหูจะสะท้อนคล่ืนเสียงเขา้ ไปในรหู ู ทาให้เยือ่ แก้วหูส่ันมผี ลทาให้กระดกู ค้อน กระดูกท่ัง และ
กระดกู โกลนส่นั พลงั งานจากการส่นั จะถูกส่งผา่ นไปยังเส้นประสาทภายในคอเคลียและส่งผ่านไปยัง
เส้นประสาทใหญท่ ่ไี ปสสู่ มอง จงึ ทาให้เราได้ยินเสียง ดังนน้ั เยื่อแกว้ หูจงึ เป็นอวยั วะสาคัญท่ที าใหเ้ รา
ได้ยนิ เสียง

185

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 2 เราไดย้ นิ เสียงไดอ้ ย่างไร

ข้นั ประเมนิ

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลมุ่ และจากการนาเสนอผลการทากิจกรรมหนา้ ชน้ั เรียน
2. ครตู รวจสอบผลการทากิจกรรมในใบงานท่ี 2 เร่ือง เราไดย้ ินเสยี งได้อยา่ งไร
3. ครตู รวจสอบผลการสร้างแบบจาลองสว่ นประกอบของหู
4. ครูตรวจสอบผลการทากจิ กรรมหนูตอบไดใ้ นสมดุ ประจาตวั หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ กี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมินระหว่าง
การจัดกิจกรรม

การเรยี นรู้ - ตรวจสมดุ ประจาตัวหรอื - ตรวจสมดุ ประจาตวั - ตอบถกู 2 ใน 3 ข้อ
1) กิจกรรมหนูตอบ แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
หรอื แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์
ได้

ป.5 เล่ม 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.5

เลม่ 1

2) ผลบันทึกการทา - ตรวจใบงาน เรื่อง เรา - ใบงาน เรอ่ื ง เราได้ยิน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ใบงาน เรือ่ ง เรา ไดย้ นิ เสียงไดอ้ ยา่ งไร
ได้ยินเสียงได้ เสียงได้อยา่ งไร
อย่างไร - ตรวจช้ินงานแบบจาลอง
ส่วนประกอบของหู - ช้นิ งานแบบจาลอง - ระดับคุณภาพ 2
3) ชิ้นงาน ส่วนประกอบของหู ผา่ นเกณฑ์
แบบจาลอง - ประเมนิ การนาเสนอ
ส่วนประกอบของ ผลทากิจกรรม - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
หู - สงั เกตพฤตกิ รรม นาเสนอผลทากจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
การทางานรายบคุ คล - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
4) การนาเสนอผล การทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
การทากิจกรรม

5) พฤติกรรม
การทางาน
รายบคุ คล

186

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 2 เราได้ยนิ เสียงได้อยา่ งไร

รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

6) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อนั พึงประสงค์

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 พลังงานเสยี ง
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 พลงั งานเสียง
3) บตั รภาพโลมาและค้างคาว
4) ใบงาน เรอ่ื ง เราได้ยนิ เสยี งไดอ้ ย่างไร
5) วสั ด-ุ อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการสรา้ งแบบจาลองส่วนประกอบของหู
6) QR Code เร่อื ง ตัวกลางของเสียง
7) สมดุ ประจาตวั นักเรยี น

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) หอ้ งเรียน
3) อนิ เทอร์เน็ต

187

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 2 เราได้ยนิ เสยี งได้อย่างไร

ใบงาน

เรอื่ ง เราได้ยินเสยี งได้อย่างไร

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นทาการทดลองและสร้างแบบจาลองสว่ นประกอบของหู เพือ่ อธิบายการได้ยนิ เสียง

อุปกรณ์

1. ดินนา้ มนั หลากสี 2. สีไม้ 1 กลอ่ ง

วธิ ีทา
1. รว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับส่วนประกอบของหทู ่ที าให้มนษุ ยไ์ ดย้ ินเสยี ง
2. รว่ มกนั สืบคน้ เกี่ยวกบั ส่วนประกอบของหูและหนา้ ท่ีของแต่ละสว่ นท่ีใชใ้ นการรบั เสียง จากนั้นวาดภาพ
หรอื ตดิ ภาพแบบจาลองส่วนประกอบของหแู ละหน้าทขี่ องแต่ละส่วนลงในใบงาน
3. ร่วมกันสรา้ งแบบจาลองเพือ่ แสดงส่วนประกอบของหูท่ีใช้ในการรับเสียง แลว้ นาเสนอเก่ียวกับหนา้ ที่
ส่วนประกอบต่าง ๆ หนา้ ช้นั เรยี น

บันทกึ ขอ้ มลู

(วาดภาพหรอื ติดภาพ)

188

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 พลงั งานเสียง หน้าที่ของสว่ นประกอบ
แผนฯ ท่ี 2 เราได้ยินเสยี งได้อย่างไร

บนั ทึกสว่ นประกอบของหแู ละหนา้ ทข่ี องแต่ละส่วน

ส่วนประกอบของหู

1. เปน็ ส่วนที่คอยรบั การส่นั สะเทือนมา เปน็ สว่ นที่คอยรบั การสั่นสะเทือนมาจากเยอ่ื แกว้ หู เมอ่ื ได้รับเสยี ง

เปน็ สว่ นทีค่ อยรับการสั่นสะเทือนมา แลว้ จะสง่ การสัน่ สะเทอื นไปสสู่ ่วนนอกสุดของหูชน้ั ใน .

2. เป็นสว่ นทค่ี อยรบั การสน่ั สะเทอื นมา เปน็ สว่ นทค่ี อยรบั การสน่ั สะเทือนมาจากเยอื่ แก้วหู เมอ่ื ได้รับเสยี ง

เป็นสว่ นที่คอยรับการส่นั สะเทอื นมา แล้วจะส่งการสั่นสะเทือนไปสูส่ ่วนนอกสุดของหชู ัน้ ใน .

3. เป็นสว่ นทค่ี อยรับการสัน่ สะเทือนมา เปน็ ส่วนที่คอยรบั การส่นั สะเทอื นมาจากเยอื่ แก้วหู เมอ่ื ได้รบั เสียง

เป็นสว่ นที่คอยรับการสัน่ สะเทอื นมา แลว้ จะสง่ การสน่ั สะเทือนไปส่สู ่วนนอกสดุ ของหชู ั้นใน .

4. เป็นส่วนทค่ี อยรับการสน่ั สะเทือนมา เปน็ สว่ นท่ีคอยรบั การส่นั สะเทอื นมาจากเย่ือแก้วหู เม่ือไดร้ ับเสยี ง

เป็นสว่ นท่คี อยรับการสั่นสะเทือนมา แลว้ จะสง่ การส่นั สะเทอื นไปสู่สว่ นนอกสดุ ของหชู น้ั ใน .

5. เป็นสว่ นท่คี อยรับการสั่นสะเทือนมา เป็นสว่ นทค่ี อยรับการสั่นสะเทอื นมาจากเยอ่ื แก้วหู เม่อื ไดร้ บั เสียง

เป็นสว่ นทีค่ อยรับการสั่นสะเทอื นมา แลว้ จะสง่ การส่นั สะเทือนไปสสู่ ว่ นนอกสดุ ของหชู ั้นใน .

189

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื งพลงั งานเสียง
แผนฯ ท่ี 2 เราไดย้ นิ เสยี งไดอ้ ย่างไร

ใบงาน เฉลย

เรอ่ื ง เราได้ยินเสียงได้อยา่ งไร

คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนทาการทดลองและสรา้ งแบบจาลองส่วนประกอบของหู เพ่อื อธิบายการไดย้ นิ เสียง

อุปกรณ์

1. ดนิ น้ามนั หลากสี 2. สไี ม้ 1 กล่อง

วิธที า
1. รว่ มกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับส่วนประกอบของหูที่ทาให้มนุษย์ไดย้ ินเสยี ง
2. รว่ มกันสืบคน้ เก่ียวกับสว่ นประกอบของหูและหน้าทีข่ องแตล่ ะส่วนท่ีใช้ในการรับเสียง จากนั้นวาดภาพ
หรือตดิ ภาพแบบจาลองสว่ นประกอบของหแู ละหนา้ ทีข่ องแต่ละส่วนลงในใบงาน
3. ร่วมกันสร้างแบบจาลองเพอื่ แสดงสว่ นประกอบของหูที่ใช้ในการรับเสียง แล้วนาเสนอเกี่ยวกบั หน้าท่ี
สว่ นประกอบตา่ ง ๆ หนา้ ชน้ั เรียน

บนั ทกึ ข้อมูล

(วาดภาพหรือตดิ ภาพ)

190

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เรอื่ งพลงั งานเสยี ง หน้าทข่ี องสว่ นประกอบ
แผนฯ ที่ 2 เราได้ยนิ เสยี งได้อยา่ งไร

บนั ทึกสว่ นประกอบของหแู ละหนา้ ท่ขี องแต่ละส่วน

สว่ นประกอบของหู

1. ใบหูเป็นสว่ นยรับการสน่ั สะเทือนมา ชว่ ยในการรับคลืน่ เสยี ง เพอื่ ใหเ้ สยี งเขา้ ส่รู ูหูเปน็ ส่วนทีค่ อยรบั อนม

เป็นส่วนทีค่ อยรับการสั่นสะเทอื นมา เป็นสว่ นทค่ี อยรบั ก ารส่นั สะเทือนมา

2. รหู ูเป็นส่วนทีย่ รับการส่ันสะเทือนมา เปน็ ทางผา่ นของคล่นื เสยี งเข้าสูอ่ วยั วะภายในหูเป็นสว่ นท่ี เทือนมา

เปน็ ส่วนทค่ี อยรบั การสน่ั สะเทอื นมา เปน็ ส่วนท่ีคอยรับการสั่ นสะเทอื นมา

3. เยื่อแก้วหูเป็นสว่ นทร่ี สน่ั สะเทอื นมา เปน็ ส่วนของหทู เ่ี กิดการสน่ั สะเทือน เมื่อไดร้ ับเสยี งเปน็ สว่ นทคี่ อยา

เปน็ ส่วนที่คอยรับการสน่ั สะเทือนมา เป็นสว่ นทค่ี อยรั บการสน่ั สะเทือนมา

4. กระดูกค้อน กระดกู ทั่ง กระดูกโกลน เป็นสว่ นทคี่ อยรับการสนั่ สะเทือนมาจากเย่อื แก้วหู เมอื่ ได้รบั เสียง

เปน็ ส่วนที่คอยรับการสัน่ สะเทอื นมา แลว้ จะสง่ การสั่นสะเทอื นไปสสู่ ่วนนอกสดุ ของหูช้ันใน .

5. คอเคลยี เป็นสว่ นทค่ี อยรับการ เปน็ สว่ นทค่ี อยรบั การสัน่ สะเทือนของคลนื่ เสยี งท่มี าจากหูช้นั กลาง

เป็นสว่ นทค่ี อยรับการส่ันสะเทือนมา และสง่ ไปยงั เส้นประสาทในการรับฟังเปน็ สว่ นทีค่ อยรับการ

191

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 ความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวติ 
แผนฯ ที่ 2 ความหลากหลายของพืช

บตั รภาพ

192

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ
แผนฯ ท่ี 2 ความหลากหลายของพืช

9. ความเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ่ไี ด้รับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

10. บันทึกผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ดา้ นอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค

 แนวทางการแก้ไข

193

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ที่ 3 การเกิดเสียงสูง เสียงต่า

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เวลา 2 ช่ัวโมง

การเกิดเสยี งสงู เสียงต่า

1. มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั

ว 2.3 ป.5/2 ระบุตวั แปร ทดลอง และอธบิ ายลักษณะการเกิดเสยี งสูง เสยี งต่า

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายลกั ษณะการเกดิ เสียงสงู เสยี งต่าได้ (K)
2. ทดลองเพอื อธิบายการเกิดเสียงสงู เสยี งตา่ ไดค้ รบทกุ ขนั้ ตอน (P)
3. ให้ความสนใจในการเรยี นรูอ้ ย่างตั้งใจ (A)

3. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น

แหล่งก่าเนิดเสียงสันดว้ ยความถีตา่ จะเกิดเสียงต่า พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
หรือทุ้ม แหลง่ ก่าเนิดเสียงสันด้วยความถีสูงจะเกิด

เสียงสงู หรอื แหลม

4. สาระส่าคัญ/ความคดิ รวบยอด

เสียงสูง เสียงต่า เป็นลักษณะของเสยี งทีมคี วามสัมพันธก์ ับแหลง่ กา่ เนดิ เสียง หากแหลง่ ก่าเนดิ เสยี งสันด้วย
ความถีตา่ จะเกิดเสียงต่าหรือทุม้ หรือถา้ สันด้วยความถสี งู จะเกิดเสยี งสงู หรอื แหลม

5. สมรรถนะสา่ คัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสา่ คัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสือสาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทกั ษะระบุ 3. มุ่งมันในการทา่ งาน
2) ทกั ษะการสงั เกต
3) ทักษะการวเิ คราะห์

4) ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ
5) ทกั ษะการจา่ แนกประเภท

194

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 พลังงานเสียง คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3 การเกิดเสยี งสงู เสียงตา่

สมรรถนะส่าคญั ของผ้เู รียน
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงที่ 1

ข้นั นา่

ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engage)

1. ครูทกั ทายกบั นักเรยี น แลว้ แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ทีจะเรียนในวันน้ีใหน้ กั เรยี นทราบ
2. ครขู ออาสาสมัครนกั เรยี น 2 คน ให้แต่ละคนออกมารอ้ งเพลงหน้าห้องคนละเพลง จากนน้ั ครูถาม

ค่าถามนักเรยี นทอี ยูใ่ นห้องว่า นักเรียนคดิ ว่าเพือนทั้ง 2 คน มีเสยี งรอ้ งทเี หมือนกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ ไม่เหมือนกัน เพราะเพื่อนคนที่หน่ึงมีเสียงสูง เพ่ือนคนท่ีสองมเี สียงต่า หรือเหมือนกัน
เพราะเพ่ือนทั้ง 2 คน มีเสียงสงู เหมอื นกนั )
3. ครูอาจนา่ กตี าร์มาดีดใหน้ ักเรียนฟงั จากนนั้ ถามนกั เรียนวา่ การดดี กีตาร์ตา่ ง ๆ ท่าใหเ้ กิดเสียงตา่ งกัน
หรือไม่ อยา่ งไร จากน้นั ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระ
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทา่ งานรายบุคคล)

ขั้นสอน

ขั้นส่ารวจคน้ หา (Explore)

1. นักเรียนอา่ นเนื้อหาในหัวข้อลักษณะของเสียงจากหนังสือเรยี น หนา้ 105 หลงั จากนน้ั ครถู ามคา่ ถาม
เพือนา่ เขา้ สู่บทเรียนว่า นกั เรียนคิดว่า เสยี งสงู เสยี งตา่ เสยี งดัง และเสยี งคอ่ ย มลี ักษณะอยา่ งไร
(แนวตอบ เสียงสูงมีลักษณะเสยี งแหลม เสยี งต่ามีลักษณะเสียงทุ้ม เสียงดังมลี ักษณะดัง เสียงค่อยมี
ลักษณะเบา)

2. ครอู ธิบายเชือมโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า เสยี งสูง เสียงต่า เกิดจากการสันของแหลง่ กา่ เนดิ เสียงตา่ งกัน
ซึงเราจะศึกษาในบทเรียนต่อไปนี้ว่า การสันของแหล่งก่าเนิดเสยี งแบบใดทีให้เสยี งสูง แบบใดให้
เสียงต่า ซึงความสงู ต่าของเสียงเป็นสมบัติประการหนึงของเสยี งทีมีความสัมพนั ธก์ ับแหล่งกา่ เนิด
เสยี ง

195

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 3 การเกิดเสียงสงู เสียงตา่

3. ครูเขียนข้อความว่า ความยาวของแหลง่ ก่าเนิดเสียงมีผลตอ่ การเกิดเสียงสูง เสียงตา่ หรอื ไม่ อย่างไร
บนกระดานด่า

4. นักเรียนร่วมกนั ตง้ั สมมติฐานของระบปุ ญั หาทคี รูได้เขียนไว้บนกระดานดา่
(แนวตอบ มผี ล คือ แหล่งกา่ เนิดเสียงที่มคี วามยาวมาก ท่าให้เกดิ เสียงตา่ สว่ นแหล่งกา่ เนิดทมี่ คี วาม
ยาวน้อย ท่าใหเ้ กิดเสยี งสูง)

5. ครใู ห้นักเรียนนบั 1-5 ไปเรือย ๆ จนครบทกุ คนในหอ้ ง จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นทนี บั ได้เลขตัวเดยี วกนั มา
อย่กู ลมุ่ เดียวกนั

6. เมือจับกลุ่มได้แล้ว นกั เรียนแต่ละกลุ่มท่ากิจกรรมที 2 การเกิดเสียงสูง เสียงต่า โดยใหแ้ ต่ละกลุ่ม
ศกึ ษาขั้นตอนจากหนังสอื เรยี น หนา้ 106 ตอนที 1 และปฏิบัตกิ ิจกรรม ดงั นี้
1) วางไมบ้ รรทัดยนื ออกมาจากขอบโต๊ะประมาณ 10 ซม. ใชม้ ือกดทีปลายไม้บรรทัด แล้วปล่อย
สงั เกตการสันของไม้บรรทัดและเสียงทีได้ยิน แลว้ บันทึกผลลงในสมุดประจ่าตัวหรือแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
2) วางไม้บรรทัดยืนออกมาจากขอบโตะ๊ ประมาณ 20 ซม. ใชม้ อื กดทปี ลายไมบ้ รรทัดแรงเท่ากบั คร้ัง
แรก สงั เกตการสนั ของไม้บรรทัดและเสียงทไี ดย้ ินเปรยี บเทยี บกับครัง้ แรก แล้วบนั ทกึ ผล
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการท่างานกลมุ่ )

ชัว่ โมงที่ 2

ข้นั สอน

ขั้นสา่ รวจค้นหา (Explore) (ต่อ)
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มท่ากจิ กรรมที 2 การเกดิ เสียงสูง เสียงตา่ ตอนที 2 โดยให้ศกึ ษาขน้ั ตอนการท่า
และปฏบิ ัติกิจกรรมจากหนังสือเรยี น หน้า 107 ให้ครบถ้วน แล้วบันทกึ ผลลงในสมดุ ประจา่ ตวั หรือ
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการท่างานกลุ่ม)

ขัน้ อธบิ ายความรู้ (Explain)

1. ครูสุม่ เลอื กตวั แทนนักเรยี นของแต่ละกลุม่ ให้ออกน่าเสนอผลการท่ากิจกรรมทีหน้าช้นั เรียน โดยมีครู

คอยแนะนา่ เพิมเตมิ
2. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ทีไดจ้ ากการทดลองจนได้ขอ้ สรุปวา่ ความยาวของแหล่งกา่ เนดิ เสียงมผี ล

ต่อความถ่ใี นการส่ัน

196

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ เสียงสูง เสยี งต่า

3. ครูอธิบายเพิมเติมให้นกั เรียนฟงั วา่ ถ้าแหล่งก่าเนดิ เสียงมีความยาวมาก จะมีมวลมาก จึงสั่นด้วย
ความถตี่ ่า ท่าให้เกดิ เสียงต่า แต่ถ้าแหล่งก่าเนดิ เสียงมีความยาวน้อย จะมมี วลนอ้ ย จึงส่นั ดว้ ยความถ่ี
สูง ท่าให้เกดิ เสียงสงู

ข้ันสอน

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. นักเรยี นทกุ กลมุ่ ศึกษาเนอื้ หาเกียวกับเสยี งสงู เสยี งต่า จากหนังสือเรยี น หนา้ 108
2. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ โดยครถู ามค่าถาม ดงั นี้

1) จากการทดลองกิจกรรมที 2 ทผี า่ นมา สาเหตุทที า่ ให้เกดิ เสยี งสงู เสียงตา่ คอื อะไร
(แนวตอบ ความยาวและมวลของแหล่งก่าเนดิ )

2) เพราะเหตใุ ดความยาวและมวลของแหลง่ ก่าเนดิ จงึ ท่าให้เกดิ เสยี งสูง เสยี งตา่ ได้
(แนวตอบ ความยาวและมวลของแหล่งก่าเนิดที่ต่างกัน จะส่นั สะเทอื นด้วยความถต่ี า่ งกนั ทา่ ให้
เกิดเสยี งสูง เสยี งต่าต่างกัน)

3) นักเรยี นจะน่าความรู้เรือง เสยี งสูง เสยี งต่า ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจ่าวนั ไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ เช่น ใชส้ รา้ งเครื่องดนตรี ใช้ปรับระดบั เสียงสูง เสยี งต่าของเคร่ืองดนตรี)

3. นกั เรยี นทา่ กิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสอื เรียน หน้า 107 ลงในสมดุ หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
ป.5 เลม่ 1
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการท่างานรายบคุ คล)

ขน้ั สรุป

1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรยี นจนได้ขอ้ สรุปรว่ มกนั วา่ เสียงสงู เสยี งตา่ เปน็ ลักษณะของเสียง
ท่มี คี วามสัมพันธ์กับแหล่งก่าเนิดเสียง หากแหลง่ ก่าเนิดเสียงสนั่ ด้วยความถต่ี า่ จะเกิดเสยี งตา่ แตถ่ ้า
สั่นด้วยความถี่สงู จะเกดิ เสียงสงู

2. ครอู ธบิ ายเสริมเพือสรปุ ว่า ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การเกิดเสยี งสูง เสียงต่า คือ ขนาดของแหลง่ ก่าเนดิ เสียง
ความยาวของแหลง่ กา่ เนิดเสียง และความตึงของแหลง่ กา่ เนดิ เสียง

ขัน้ ประเมิน

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผลนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบค่าถาม พฤติกรรมการท่างานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทา่ งานกลมุ่ และจากการนา่ เสนอผลการทา่ กจิ กรรมหนา้ ช้นั เรียน

197

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 3 การเกดิ เสียงสูง เสยี งต่า

2. ครูตรวจสอบผลจากการท่ากิจกรรมที 2 เรือง การเกิดเสยี งสูง เสยี งต่า ในสมุดประจา่ ตวั หรือใน
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

3. ครูตรวจสอบผลจากการท่ากิจกรรมหนตู อบไดใ้ นสมดุ ประจ่าตัวหรือในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5
เลม่ 1

7. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมินระหว่าง - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

การจดั กจิ กรรม - ตอบถูก 2 ใน 3 ขอ้
ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้
1) ผลบันทกึ การทา่ - ตรวจผลการท่ากจิ กรรม - ผลการท่ากิจกรรมที 2 - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
กิจกรรมที 2 ที 2 ในสมดุ ประจ่าตัว ในสมุดประจา่ ตัวหรือ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 ป.5 เล่ม 1

2) กิจกรรมหนูตอบ - ตรวจสมุดประจ่าตวั - สมดุ ประจ่าตัวหรือ
ได้ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ป.5 ป.5 เลม่ 1

เล่ม 1

3) การนา่ เสนอผล - ประเมินการน่าเสนอ - แบบประเมนิ การ

การท่ากิจกรรม ผลทา่ กิจกรรม น่าเสนอผลทา่ กิจกรรม

4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม

การท่างาน การท่างานรายบคุ คล การทา่ งานรายบุคคล

รายบุคคล

5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน

อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มนั คณุ ลกั ษณะ

ในการทา่ งาน อันพงึ ประสงค์

198

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เสยี งสูง เสียงต่า

8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที 4 พลงั งานเสยี ง
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี 4 พลงั งานเสียง
3) วัสด-ุ อปุ กรณก์ ารทดลองในกิจกรรมที 2 เชน่ ช้อน โตะ๊ เขียนหนงั สือ น้่าเปลา่ ไมบ้ รรทดั พลาสตกิ
ขวดแก้วทีมขี นาดเทา่ กนั เครอื งวดั ระดับเสียง
4) สมุดประจ่าตัวนกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น

199

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ท่ี 3 การเกดิ เสยี งสงู เสียงต่า

9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงช่อื .................................
( ................................ )

ตา่ แหน่ง .......

10. บนั ทึกผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสา่ คญั ของผเู้ รยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ดา้ นอนื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีมีปญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

200

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ เสยี งดัง เสยี งคอ่ ย

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 เวลา 2 ช่วั โมง

การเกดิ เสยี งดัง เสียงคอ่ ย

1. มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด

ว 2.3 ป.5/3 ออกแบบการทดลองและอธิบายลกั ษณะการเกดิ เสยี งดงั เสียงคอ่ ย
ป.5/4 วัดระดับเสียงโดยใชเ้ ครอ่ื งมือวัดระดับเสียง

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายลักษณะการเกิดเสยี งดงั เสยี งคอ่ ยได้ (K)
2. ออกแบบการทดลองเพอ่ื อธบิ ายการเกิดเสียงดัง เสยี งคอ่ ยได้ (P)
3. ใช้เคร่ืองมอื เพอื่ วัดระดับเสียงได้ (P)
4. มีการทางานรว่ มกับผอู้ น่ื ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ

แหล่งกาเนิดเสียงที่ส่ันด้วยพลังงานสูงจะเกิด พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา

เสียงดัง แหล่งกาเนิดเสยี งท่ีสั่นดว้ ยพลังงานน้อยจะ

เกดิ เสียงคอ่ ย

4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

เสียงดัง เสียงคอ่ ย เป็นสมบัติของเสียงท่เี รียกวา่ ความดงั ของเสียง ข้ึนอยูก่ ับปริมาณพลังงานของเสยี งจาก
แหลง่ กาเนิดเสียงทเี่ ดินทางมาถึงหขู องผรู้ ับเสียง ถ้าแหล่งกาเนิดเสยี งส่ันด้วยพลงั งานมากจะทาให้เกิดเสียงดัง
แต่ถ้าแหล่งกาเนดิ เสยี งสั่นดว้ ยพลังงานน้อยจะเกดิ เสยี งค่อย

201

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 พลงั งานเสียง
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ เสียงดงั เสยี งคอ่ ย

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ มัน่ ในการทางาน
1) ทักษะระบุ
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทักษะการวเิ คราะห์
4) ทกั ษะการสรปุ อา้ งอิง
5) ทักษะการสารวจค้นหา
6) ทกั ษะการจาแนกประเภท
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ช่วั โมงที่ 1

ขนั้ นา

ขัน้ กระตุ้นความสนใจ (Engage)

1. ครูทกั ทายกบั นักเรียน แล้วแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ท่จี ะเรยี นในวนั น้ีใหน้ ักเรียนทราบ
2. นกั เรียนเคาะโตะ๊ ตามคาสง่ั ครู ดงั น้ี

 คร้งั ที่ 1 ใช้ไม้บรรทัดเคาะโต๊ะใหม้ ีเสยี งเบา ๆ 3 คร้ัง
 ครัง้ ที่ 2 ใชไ้ มบ้ รรทัดเคาะโต๊ะใหม้ ีเสียงดัง ๆ 3 ครัง้
3. ครูถามคาถามเพ่ือนาเขา้ สู่บทเรยี นว่า นักเรียนใชพ้ ลังงานในการเคาะโต๊ะครง้ั ไหนมากกวา่ กัน
(แนวตอบ ครัง้ ที่ 2)
4. ครอู ธิบายเชอ่ื มโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ ถ้าต้องการให้เสียงเคาะโต๊ะมีระดับเสยี งตา่ งกนั นกั เรียนตอ้ ง
ใช้พลังงานในการสร้างเสียงต่างกัน และในบทเรียนนี้นักเรียนจะได้ศึกษาว่า พลังงานของ
แหล่งกาเนดิ เสยี งสง่ ผลต่อระดบั เสียงอยา่ งไร
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล)

202

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 4 การเกิดเสียงดัง เสยี งค่อย

ขนั้ สอน

ขน้ั สารวจค้นหา (Explore)
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 4-5 คน (คละความสามารถ เกง่ -คอ่ นข้างเกง่ -ปานกลาง-
ออ่ น)
2. ครูใชร้ ปู แบบการเรียนรู้แบบรว่ มมือ โดยใชเ้ ทคนิค L.T. เร่ิมจากกาหนดใหส้ มาชิกแต่ละกลุ่มกาหนด
ลาดบั ที่ของตนเอง จากนัน้ ครแู จ้งบทบาทหน้าท่ีของสมาชกิ แตล่ ะหมายเลข ดงั นี้
 สมาชกิ คนท่ี 1 ทาหน้าทีเ่ ตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ทใี่ ชใ้ นการทากจิ กรรม
 สมาชิกคนท่ี 2 ทาหนา้ ที่ศึกษาข้ันตอนการทากิจกรรม แลว้ มาอธบิ ายใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มฟัง
 สมาชกิ คนที่ 3 ทาหนา้ ทบ่ี นั ทกึ ผลการทากิจกรรม
 สมาชิกคนท่ี 4 ทาหนา้ ที่นาเสนอผลการทากจิ กรรม
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ )
3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันต้ังสมมติฐานว่า พลังงานในการส่ันของแหล่งกาเนิดเสยี งส่งผลต่อระดับเสียง
อยา่ งไร
(แนวตอบ ถ้าแหล่งกาเนิดเสียงสั่นดว้ ยพลงั งานมาก ระดบั เสยี งจะดังมากกวา่ แหล่งกาเนิดเสียงทสี่ ่ัน
ดว้ ยพลงั งานนอ้ ย)
4. จากน้นั ให้สมาชิกคนท่ี 1 เตรียมและตรวจสอบอปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการทากิจกรรมท่ี 3 เรือ่ ง การเกิดเสยี ง
ดัง เสยี งค่อย ตอนท่ี 1 ในหนังสือเรยี น หนา้ 109
5. สมาชิกคนท่ี 2 ศึกษาขัน้ ตอนการทากิจกรรมตอนที่ 1 จนเข้าใจ แล้วมาอธิบายวิธีการทากิจกรรมให้
สมาชกิ ในกลุ่มฟงั และถามเม่ือเกดิ ความสงสัย เพ่ือใหเ้ กิดความเข้าใจเหมอื นกัน
6. นักเรยี นร่วมกันระดมความคิดและคิดหาวธิ ีการทาให้กลอ่ งเสียงดงั เสียงค่อย จากนั้นช่วยกันทา
กจิ กรรมตามวธิ ที อ่ี อกแบบไว้
7. สมาชิกคนท่ี 3 บันทกึ ผลการทากจิ กรรมลงในสมุดประจาตัวหรอื แบบฝกึ หัดวทยิ าศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

203

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ท่ี 4 การเกดิ เสยี งดัง เสียงคอ่ ย

ชัว่ โมงท่ี 2

ขน้ั สอน

ขั้นสารวจค้นหา (Explore)(ตอ่ )
8. ครูและนักเรยี นร่วมกันต้ังสมมติฐานวา่ ระยะห่างของแหล่งกาเนดิ เสยี งมผี ลต่อความดังของเสียงที่
ผรู้ ับเสยี งไดร้ บั หรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ ถ้าระยะห่างจากแหล่งกาเนิดเสียงมีผลต่อความดังของเสียง ดังนั้น ระยะห่างจาก
แหล่งกาเนิดเสียงนอ้ ย ระดับเสียงจะดงั มากกวา่ ระยะห่างจากแหล่งกาเนดิ เสียงมาก)
9. สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มชว่ ยกนั ทากิจกรรมตอนที่ 2 จากหนังสือเรียน หนา้ 110 โดยใหป้ ฏบิ ัติหนา้ ท่ี
เดิมจากการทากจิ กรรมในชั่วโมงท่ีผ่านมา

ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มเลือกสมาชิกคนท่ี 4 ของแต่ละกลุ่มให้ออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าที่ช้ันเรียนตามลาดับ
การจับสลากของครู
2. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้ทไี่ ดจ้ ากการทดลองจนได้ข้อสรุปวา่ ความดังของเสยี งขนึ้ อยู่กับพลงั งาน
ในการสัน่ ของแหลง่ กาเนดิ เสยี ง และระยะทางระหวา่ งตัวเรากับแหล่งกาเนิดเสียง

ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. ทกุ กลมุ่ ศึกษาเนอื้ หาเกย่ี วกบั เสียงดงั เสยี งค่อย จากหนังสือเรยี น หน้า 111
2. ครใู หน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็น โดยครถู ามคาถาม ดังนี้

1) จากการทดลอง สาเหตุท่ที าให้เสียงดัง เสยี งคอ่ ยตา่ งกนั คืออะไร
(แนวตอบ พลงั งานที่แหลง่ กาเนดิ เสยี งส่ันสะเทือน)

2) นกั เรยี นจะนาความรู้เรื่องเสียงดงั เสียงคอ่ ย ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ ใช้ในการควบคมุ ระดับเสยี งจากแหล่งกาเนดิ เสยี งได้)

3. ครอู ธิบายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเข้าใจว่า ในการวัดความดงั ของเสยี ง เราจะใช้เคร่ืองมอื วัดระดับความ
เข้มเสยี งหรอื ความดงั เรียกว่า เครอ่ื งวดั ระดับเสยี ง ซ่งึ เป็นหน่วยการวดั เป็น เดซิเบล (dB)

4. นักเรียนทากิจกรรมหนตู อบไดจ้ ากหนงั สือเรียน หน้า 110 ลงในสมดุ หรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 1
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น)

204

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ เสยี งดงั เสยี งค่อย

ข้นั สรุป

ครูสุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ให้ออกมาสรุปความรู้จากการเรยี นว่า เสียงดัง เสียงคอ่ ย เป็นสมบตั ิหน่ึง
ของเสียงที่เรียกว่า ความดังของเสียง ซ่ึงข้ึนอยู่กับพลังงานในการสั่นของแหล่งกาเนิดเสียงและ
ระยะทางระหวา่ งตัวเรากบั แหล่งกาเนิดเสียง โดยเราสามารถวัดความดังของเสียงไดโ้ ดยใช้เครอ่ื งมือ
วดั ระดบั ความเขม้ เสยี งและมีหน่วยเป็น เดซเิ บล (dB)

ขัน้ ประเมิน

ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมที่ 3 เรื่อง การเกิดเสียงดัง เสียงค่อย ในสมุดประจาตัวหรือ
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1
3. ครตู รวจสอบผลการทาหนูตอบไดใ้ นสมดุ ประจาตัวหรอื แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

7. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ ง - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกจิ กรรม
- ตอบถูก 2 ใน 3 ข้อ
การเรยี นรู้ - ตรวจผลการทากจิ กรรม - ผลการทากิจกรรมที่ 3 ผ่านเกณฑ์
1) ผลบันทึกการทา ท่ี 3 ในสมดุ ประจาตวั ในสมดุ ประจาตัวหรือ - ระดบั คณุ ภาพ 2
หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรมท่ี 3 - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 ป.5 เล่ม 1

2) กจิ กรรมหนูตอบ - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตัวหรอื

ได้ หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 ป.5 เลม่ 1

3) การนาเสนอผล - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมินการ

การทากิจกรรม ผลทากจิ กรรม นาเสนอผลทากิจกรรม

4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทางาน
รายบคุ คล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล

205

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลงั งานเสียง
แผนฯ ที่ 4 การเกดิ เสยี งดงั เสียงค่อย

รายการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน

5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มั่น คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อนั พึงประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลงั งานเสียง
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสียง
3) วัสดุ-อุปกรณ์การทดลองในกจิ กรรมที่ 3 เชน่ ไม้ กล่องกระดาษ โทรศัพทม์ อื ถือ เคร่ืองวดั ระดับ
เสียง
4) ไม้บรรทดั
5) สมดุ ประจาตัวนักเรยี น

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรยี น

206

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหลากหลายของสงิ่ มชี ีวติ
แผนฯ ที่ 2 ความหลากหลายของพืช

9. ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหนง่ .......

10. บันทึกผลหลงั การสอน

 ด้านความรู้

 ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))

 ปญั หา/อุปสรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

30

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 5 มลพิษทางเสยี งคอื อะไร

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5

มลพษิ ทางเสียงคอื อะไร

เวลา 2 ช่วั โมง

1. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั

ว 2.3 ป.5/5 ตระหนักในคณุ ค่าของความรเู้ ร่ืองระดับเสียง โดยเสนอแนะแนวทางในการหลีกเลีย่ ง

และลดมลพิษทางเสยี ง

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายเกย่ี วกบั มลพิษทางเสียงและอันตรายจากมลพิษทางเสียงได้ (K)
2. เสนอแนะแนวทางในการหลีกเลย่ี งและลดมลพิษทางเสียงในรปู แบบต่าง ๆ ได้ (P)
3. ตระหนักในคุณคา่ ของความรู้เรอื่ งระดบั เสยี ง (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู ้องถ่นิ
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
แนวทางในการหลีกเล่ียงและลดมลพิษทางเสียง

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การรับฟังเสียงที่ดงั มาก ๆ เปน็ เวลานาน ๆ ทาให้เกดิ อนั ตรายต่อเยอื่ แกว้ หูได้ เสยี งบางเสียงแม้วา่ จะดงั ไม่
มากจนมอี ันตรายต่อเยื่อแก้วหู แตก่ ่อให้เกิดความรู้สึกหงดุ หงิดและราคาญ โดยเสยี งที่มีลักษณะเช่นนี้ เรียกว่า
มลพษิ ทางเสยี ง ซ่งึ การปอ้ งกันและหลีกเล่ียงมลพิษทางเสยี งสามารถทาได้หลากหลายวิธี

5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะระบุ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทักษะการวิเคราะห์

4) ทกั ษะการสรปุ อ้างอิง

208

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสยี ง คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 5 มลพษิ ทางเสียงคอื อะไร

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

5) ทักษะการเชอ่ื มโยง
6) ทักษะการนาความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชวั่ โมงท่ี 1

ขนั้ นา

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ (Engage)

1. ครูเปิดวดิ โี อจาก YouTube เกีย่ วกับมลพษิ ทางเสยี ง ให้นักเรยี นดู
2. ครถู ามคาถามเพื่อกระต้นุ ความคิดของนักเรียน ดังน้ี

1) ถ้านกั เรยี นจะเลือกท่อี ยู่อาศัยนกั เรียนจะเลอื กท่ีอยใู่ กล้สนามบินหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ เลอื กที่ใกล้สนามบนิ เพราะสะดวกตอ่ การเดินทางไปต่างประเทศ หรือเลอื กหา่ งจาก
สนามบิน เพราะไม่ไดร้ บั มลพษิ ทางเสยี ง)

2) มลพิษทางเสยี งเปน็ ปญั หาต่อสขุ ภาพของเราหรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ เปน็ ปญั หา เชน่ รบกวนการพักผ่อนทาให้พักผอ่ นไมเ่ พียงพอ รบกวนสมาธิการทางาน
ทาใหป้ ระสทิ ธิภาพในการทางานลดลง)

3. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามอย่างอสิ ระ จากน้ันครูให้คาชมเชยหรือมอบรางวลั ใหก้ ับนักเรียนทีต่ อบ
คาถามได้ถกู ต้อง เพอื่ เปน็ การเสรมิ แรง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)

4. ครอู ธิบายเชอ่ื มโยงให้นักเรียนเข้าใจวา่ มลพิษทางเสยี งเป็นปัญหาต่อมนุษย์ แตเ่ สียงแบบไหนจึงจะ
เรยี กวา่ มลพษิ ทางเสียง เราจะศกึ ษาในบทเรียนตอ่ ไปนี้

5. นักเรยี นศึกษาภาพและขอ้ มูลในหัวข้อ อนั ตรายจากมลพิษทางเสียง จากหนงั สือเรยี น หนา้ 112

209

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 5 มลพษิ ทางเสยี งคืออะไร

ขัน้ สอน

ข้นั สารวจค้นหา (Explore)
1. ครูต้ังคาถามเพ่ือกระตุ้นนักเรียนก่อนทากจิ กรรมวา่ เสียงท่ีเกิดขึน้ ในชีวิตประจาวันใดบ้าง เป็น
มลพษิ ทางเสียง จากน้นั ขออาสาสมัครนกั เรียนตอบคาถาม 2-3 คน
(แนวตอบ เช่น เสยี งการจราจร เสยี งรถไฟ เสยี งแตรรถยนต์)
2. นักเรียนจับกลุ่มกับเพือ่ น 2-3 คน เพ่ือทากิจกรรมที่ 4 เรือ่ ง มลพิษทางเสียง โดยร่วมกันศึกษา
ขัน้ ตอนการทากิจกรรมจากหนังสือเรยี น หน้า 113 แลว้ ไปสืบคน้ เพ่ิมเติมเกี่ยวกบั มลพิษทางเสียง
อันตรายจากมลพิษทางเสียงในชีวิตประจาวัน พร้อมสืบค้นวิธีป้องกันอันตรายที่เกดิ จากมลพษิ ทาง
เสยี งจากหนังสือเรียน หน้า 115 รวมทง้ั จากแหล่งอ่ืน ๆ แล้วบันทึกขอ้ มลู ท่สี บื คน้ มาได้ลงในสมุด
ประจาตัวหรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1
3. นักเรยี นนาขอ้ มูลทท่ี กุ คนสืบคน้ มาไดม้ าสรุปรว่ มกัน จากน้ันนาขอ้ มลู ทั้งหมดจดั ทาแผ่นพับใหค้ วามรู้
เก่ียวกับมลพษิ ทางเสียงและแนวทางในการปอ้ งกันมลพษิ ทางเสียง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ )

ขน้ั สอน

ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มตัวแทนนกั เรียนให้ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรมของตนเองหน้าชน้ั เรียน โดยมีครูคอย
แนะนาเพม่ิ เตมิ
2. ครใู ห้แตล่ ะกลุม่ นาผลงานแผน่ พบั ของกลมุ่ ตนเองไปเปรยี บเทียบกับกลุ่มอ่นื ๆ พร้อมทัง้ ถามคาถาม
ดังน้ี
1) นกั เรียนจะนาแผ่นพบั ไปแจกให้กับใคร
(แนวตอบ คนที่ทางานบริเวณที่มีเสียงดงั และชุมชนทอ่ี ยู่ในบริเวณท่มี ีเสียงดัง เช่น ใกล้โรงงาน
อตุ สาหกรรม ใกลถ้ นน หรือสนามบนิ )
2) เพราะเหตุใดนกั เรยี นจงึ นาแผ่นพบั ไปแจกใหค้ นกลุ่มดงั กลา่ ว
(แนวตอบ เพอ่ื ประชาสัมพันธใ์ ห้ทราบถงึ อันตรายของเสียงท่ดี งั เกนิ ไปและรู้วิธีป้องกนั เสยี งดงั )
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

210

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 5 มลพิษทางเสียงคืออะไร

ชว่ั โมงที่ 2

ขั้นสอน

ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. นกั เรียนทุกกลุม่ ศกึ ษาเนอ้ื หาเกยี่ วกับมลพิษทางเสยี ง อันตรายจากมลพษิ ทางเสียง และแนวทางการ
ป้องกันมลพิษทางเสียง จากหนังสือเรยี น หนา้ 114-116

2. ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายและแสดงความคดิ เห็น โดยครูถามคาถาม ดังนี้
1) มลพิษทางเสยี ง คืออะไร
(แนวตอบ เสยี งท่มี คี วามดงั มาก ๆ หรอื เสยี งท่ีกอ่ ให้เกิดความราคาญ)
2) นกั เรียนคดิ วา่ เสยี งสนุ ขั และเสียงฟ้าผ่า จัดเป็นมลพิษทางเสียงหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ เป็น เพราะเสยี งสุนัขเป็นเสียงท่ีไม่ดังมาก แต่เป็นเสียงทก่ี ่อให้เกิดความราคาญ ส่วน
เสียงฟ้าผ่าเป็นเสียงทม่ี ีความดงั มาก และบางครง้ั อาจจะดังต่อเน่ืองเป็นเวลานาน จึงจัดเป็น
มลพษิ ทางเสียงได)้

3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรียนเข้าใจว่า การรบั ฟังเสียงที่มีระดบั ความเข้มเสียงต้ังแต่ 85 เดซิเบลขึ้น
ไป ตดิ ตอ่ กนั เกนิ วันละ 8 ชว่ั โมง จะทาให้เย่ือแกว้ หูเป็นอันตรายได้ ดังนั้น นักเรียนไม่ควรฟังเสยี งที่
ดงั มาก ๆ ติดตอ่ กันเป็นเวลานาน

4. นกั เรียนแต่ละคนทากิจกรรมหนูตอบได้จากหนังสือเรยี น หน้า 113 ลงในสมุดประจาตัวหรือ
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

5. นกั เรยี นทากจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรู้ที่ 1 จากหนังสือเรียน หน้า 116 ลงในสมุดประจาตัว
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)

6. ครสู นทนากับนกั เรยี นเพือ่ ทบทวนความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกับเนอ้ื หาทไ่ี ดเ้ รยี นผา่ นมาจากหนว่ ยการ
เรียนรู้ท่ี 4 บทที่ 1 พลังงานเสียง โดยสุ่มเรียกชื่อนักเรียนให้ออกมาเล่าว่าตนเองได้รับความรู้
อะไรบา้ ง

7. นักเรียนเขียนสรุปความรู้เก่ียวกับเรื่องที่ได้เรียนมาจากบทท่ี 1 ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนผัง
ความคิด แผนภาพ ลงในสมดุ

8. นักเรียนศึกษาแผนผังความคิด (Mind Mapping) สรปุ สาระสาคัญประจาบทท่ี 1 จากหนังสือเรยี น
หน้า 117 เพอื่ ตรวจสอบกบั การเขยี นสรปุ ความรูท้ นี่ ักเรยี นทาไวใ้ นสมดุ ประจาตัว

9. นกั เรียนทากิจกรรมฝึกทักษะบทที่ 1 จากหนังสอื เรียน หนา้ 118 ข้อ 1-3 ลงในสมดุ ประจาตัวหรือ
แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

10. นักเรยี นแต่ละคนทากจิ กรรมทา้ ทายการคิดข้นั สูงจากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)

211

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลังงานเสียง
แผนฯ ที่ 5 มลพิษทางเสียงคอื อะไร

11. นักเรยี นแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 3-4 คน จากนั้นศึกษากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนงั สอื เรยี น หน้า
119 แล้วใหป้ ฏิบัติกิจกรรมตามขนั้ ตอน ดงั น้ี
1) ช่วยกันระดมความคิดเพ่ือออกแบบและประดษิ ฐ์แบบจาลองโทรศัพท์ทสี่ ามารถทาให้ผู้ฟังคน
อน่ื ๆ หลายคนได้ยนิ เสยี งผู้พดู 1 คน พร้อมกนั โดยใชค้ วามรู้เร่ืองตัวกลางของเสียง
2) นาเสนอแนวคิดและผลงานในการประดษิ ฐ์ภายในช้นั เรยี น
3) นาผลงานไปทดสอบการใช้งานและปรับปรงุ แก้ไขผลงาน

(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม)
12. นักเรยี นทาทบทวนท้ายหน่วยหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 พลงั งานเสยี ง ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5

เล่ม 1
13. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสียง เพื่อตรวจสอบความรู้

ความเข้าใจหลงั เรยี น

ขัน้ สรุป

ให้นักเรยี นดตู ารางตรวจสอบตนเองจากหนังสอื เรยี น หน้า 116 จากนัน้ ถามนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล
ตามรายการ ขอ้ 1-5 จากตาราง เพือ่ เป็นการตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจของนักเรียนหลังจากเรียน
หากนกั เรยี นคนใดตรวจสอบตนเองโดยอยู่ในเกณฑค์ วรปรบั ปรุง ให้ครูทบทวนบทเรียนหรอื หากิจกรรม
อื่นซอ่ มเสริม เพ่ือให้นักเรยี นมีความร้คู วามเข้าใจบทเรียนมากขน้ึ

ข้ันประเมนิ

ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมินผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทางานกลุม่ และจากการนาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าชั้นเรียน
2. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี นของหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 พลังงานเสียง
3. ครูตรวจสอบผลจากการทากิจกรรมที่ 4 เรอ่ื ง มลพิษทางเสียง ในสมดุ ประจาตวั หรอื แบบฝกึ หัด
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1
4. ครูตรวจสอบผลจากการทากจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรูท้ ่ี 1 ในสมุดประจาตัว
5. ครูตรวจสอบผลจากการทากิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจาตัวหรือแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.5
เล่ม 1
6. ครูตรวจสอบผลจากการทาสรุปความรู้เก่ียวกบั เสยี งรอบตวั เราในสมุดประจาตวั
7. ครูตรวจสอบผลจากการทากิจกรรมฝกึ ฝนทกั ษะในสมุดประจาตัวหรือแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ป.5
เลม่ 1

212

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลงั งานเสยี ง
แผนฯ ที่ 5 มลพษิ ทางเสียงคอื อะไร

8. ครตู รวจชิ้นงาน/ผลงานแบบจาลองโทรศัพท์ และการนาเสนอชิน้ งาน/ผลงานหน้าชน้ั เรยี น
9. ครตู รวจสอบผลจากการทาทบทวนทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 พลังงานเสียงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

ป.5 เลม่ 1
10. ครตู รวจสอบผลจากการทาแบบทดสอบทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง พลงั งานเสยี ง

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ ง - ผลการทากิจกรรมที่ 4 - ร้อยละ 60
ในสมุดประจาตวั หรอื ผ่านเกณฑ์
การจัดกิจกรรม แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 1 - ตอบถูก 2 ใน 3 ข้อ
การเรยี นรู้ - สมดุ ประจาตัวหรือ ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
1) ผลบันทึกการทา - ตรวจผลการทากิจกรรม ป.5 เล่ม 1 - รอ้ ยละ 60
กจิ กรรมท่ี 4 ท่ี 4 ในสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั ผา่ นเกณฑ์
หรอื แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60
- สมุดประจาตวั ผา่ นเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 - รอ้ ยละ 60
- สมุดประจาตวั หรอื ผ่านเกณฑ์
2) กิจกรรมหนูตอบ - ตรวจสมดุ ประจาตวั หรอื แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
ป.5 เล่ม 1 - ร้อยละ 60
ได้ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
- แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ป.5 เล่ม 1 ป.5 เล่ม 1 ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คณุ ภาพ 2
3) กจิ กรรมพฒั นา - ตรวจสมุดประจาตัว - แบบจาลองโทรศัพท์ ผ่านเกณฑ์
- ระดบั คุณภาพ 2
การเรียนรู้ที่ 1 - แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑ์
นาเสนอผลทากจิ กรรม
4) สรุปความรู้ - ตรวจสมุดประจาตัว - แบบสังเกตพฤติกรรม
การทางานรายบุคคล
ประจาบทท่ี 2

5) กิจกรรมฝึกทกั ษะ - ตรวจสมุดประจาตัวหรอื

แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

ป.5 เล่ม 1

6) กิจกรรมทา้ ทาย - ตรวจแบบฝกึ หัด

การคิดขั้นสงู วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1

7) ผลงาน/ช้นิ งาน - ตรวจแบบจาลอง

โทรศพั ท์

8) การนาเสนอผล - ประเมินการนาเสนอ

การทากจิ กรรม ผลทากจิ กรรม

9) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม

การทางาน การทางานรายบคุ คล

รายบุคคล

213

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 พลงั งานเสียง
แผนฯ ท่ี 5 มลพษิ ทางเสียงคืออะไร

รายการวดั วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพ 2
10) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
อนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่นั - ร้อยละ 60
- แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน ป.5 เล่ม 1
- ร้อยละ 60
7.2 การประเมินหลัง - แบบทดสอบหลังเรยี น ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4
เรียน

- ทบทวนท้ายหน่วย - ตรวจแบบฝกึ หัด

หน่วยการเรียน รู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1

ที่ 4

- แบบทดสอบหลงั - ตรวจแบบทดสอบ

เรยี นหน่วยการ หลังเรียน หน่วยการ

เรียนรทู้ ่ี 4 เรยี นรทู้ ่ี 4

พลังงานเสียง

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พลังงานเสยี ง
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 พลังงานเสียง
3) แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 พลังงานเสยี ง
4) วิดีโอจาก YouTube เรอ่ื ง มลพษิ ทางเสียง
5) วสั ด-ุ อุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
6) สมดุ ประจาตัวนักเรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อินเทอร์เนต็

214

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พลังงานเสยี ง
แผนฯ ที่ 5 มลพษิ ทางเสียงคอื อะไร

9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

ข้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื .................................
( ................................ )

ตาแหน่ง .......

10. บนั ทกึ ผลหลังการสอน

 ด้านความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

 ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

 ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

215


Click to View FlipBook Version