The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เป็นบทละครพูด พระราชนิพนธ์ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kkao2542, 2021-03-16 01:07:29

วรรณกรรมไทย เรื่อง มัทนะพาธา

เป็นบทละครพูด พระราชนิพนธ์ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖

Keywords: มัทนะพาธา

วรรณคดสี ำหรับงำนนำฏยศิลป์
เรื่อง มทั นะพำธำ

นำย ภำคภูมิ ศรีประเสริฐ
6181163031

รำยงำนน้ีเป็ นส่วนหนงึ่ ของกำรศึกษำหลกั สูตรครุศำสตรบัณฑิต
สำขำวชิ ำนำฏยศิลป์ ศึกษำ คณะมนษุ ยศำสตร์และสังคมศำสตร์

มหำวิทยำลยั รำชภัฏบ้ำนสมเดจ็ เจ้ำพระยำ
ภำคเรียนที่ 1 ปี กำรศึกษำ 2563



คำนำ

รายงานทางการศึกษาฉบับน้ีเป็ นส่วนหน่ึงรายวิชา วรรณกรรมสาหรับนาฏยศิลป์ ศึกษา รหัส
2151310 หลกั สูตรครุศาสตร์บณั ฑิต (ค.บ.5ปี ) สาขาวิชานาฏยศิลป์ ศึกษา รายงานเล่มน้ีได้รวบรวมเน้ือหา
เก่ียวกบั วรรณกรรม เร่ือง มทั นะพาธา โดยแบ่งเน้ือหาหลกั ออกเป็น 6 หัวขอ้ ประกอบด้วย ประวตั ิความ
เป็นมา ประวตั ิผแู้ ต่ง เน้ือเรื่องยอ่ บทประพนั ธ์ ตวั ละครในเรื่อง และการวเิ คราะหต์ วั ละคร

รายงานทางการศึกษาเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือเก็บรวบรวมขอ้ มูลต่างๆท่ีเกี่ยวขอ้ งกับวรรณกรรม เร่ือง
มัทนะพาธา เพ่ือเป็ นคุณประโยชน์แก่บุคคลที่จะศึกษาและต้องการขอ้ มูลเพื่อใช้ในการเรียนการศึกษา
เร่ืองราวของวรรณกรรมท้งั ยงั เป็นการฝึ กกระบวนการคิดและวเิ คราะหเ์ น้ือหาท่ีได้จากการศึกษาในรายวิชา
วรรณกรรมสาหรับนาฏยศลิ ป์ ศกึ ษา

ผศู้ กึ ษามคี วามต้งั ใจและหวงั เป็นอยา่ งยิง่ ว่า รายงานทางการศึกษาเล่มน้ีจะเป็นรายงานทีม่ ีประโยชน์
ต่อนกั เรียน นกั ศกึ ษา หรือบคุ คลท่ีมคี วามสนใจในเรื่องราวของวรรณกรรมเรื่องน้ี หากมีขอ้ ผิดพลาดประการ
ใด ทางผูศ้ กึ ษาตอ้ งขออภยั มา ณ ท่นี ้ีดว้ ย

ภาคภมู ิ ศรีประเสริฐ
2563

สำรบัญ ข

เรื่อง หน้ำที่

คานา ก
สารบญั ข
สารบญั รูปภาพ ค
ประวตั คิ วามเป็นมา 1
ประวตั ิผแู้ ต่ง 5
เรื่องยอ่ 7
บทประพนั ธ์ 9
ตวั ละครในเร่ืองและการวิเคราะหต์ วั ละคร 165
อา้ งองิ 176

สำรบญั รูปภำพ ค

ภำพท่ี หน้ำที่

ภาพที่ 1 1
ภาพท่ี 2 2
ภาพท่ี 3 3
ภาพท่ี 4 3
ภาพท่ี 5 4
ภาพท่ี 6 4
ภาพที่ 7 9
ภาพท่ี 8 9
ภาพท่ี 9 10
ภาพท่ี 10 12
ภาพที่ 11 12
ภาพท่ี 12 13
ภาพท่ี 13 14
ภาพท่ี 14 14

1

๑.ประวตั ิควำมเป็ นมำเร่ืองมทั นะพำธำ

มทั นะพาธา เป็นวรรณคดีประภท “บทละครพดู ” พระราชนิพนธ์เรื่องเอกของพระบาทสมเดจ็ พระ
มงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั รัชกาลท่๖ี ไดร้ ับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรวา่ ให”้ เป็นยอดของบทละครพดู คาฉนั ท”์
เป็นหนงั สือท่แี ต่งดี ใชฉ้ นั ทเ์ ป็นบทละครพดู ซ่ึงแปลกและแต่งไดย้ าก เป็นเรื่องทม่ี ีตวั ละครและฉาก
สอดคลอ้ งกนั วฒั นธรรมภารตะโบราณและเขา้ กบั เน้ือเร่ืองไดด้ ี ท้งั ยงั เลอื กถอ้ ยคาทสี่ ่ืออารมณ์ความรู้สึก
ของตวั ละครไดด้ เี ยี่ยมตลอดจนมกี ารวางโครงเร่ืองทช่ี วนใหต้ ิดตามท้งั ยงั สอดแทรกคตสิ อนใจเรื่องความรัก
ไดอ้ ยา่ งซาบซ้ึงกนิ ใจ

มทั นะพาธาเป็นศลิ ปะการแสดงท่ีเพิง่ นิยมกนั ในปลายรชั กาลท่ี ๕ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้
เจา้ อยู่หวั เมอ่ื ยงั ดารงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกมุ าร ไดเ้ สด็จไปทรง
ศกึ ษาทีป่ ระเทศองั กฤษ พระองคส์ นพระทยั ละครพูดของตะวนั ตกมาก โปรดการเสดจ็ ไปทอดพระเนตรการ
แสดงละครพดู และต่อมากไ็ ดท้ รงวิจารณก์ ารละคร ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร ทรงจดั แสดงละคร
ตลอดจนทรงแสดงละครเอง ในขณะทท่ี รงศกึ ษาอยูใ่ นประเทศองั กฤษ

เมอื่ เสดจ็ นิวตั ปิ ระเทศไทยใน พ.ศ. ๒๔๔๕ ขณะทรงพระชนมายุ ๒๒ พรรษา ไดท้ รงต้งั ทวปี ัญญา
สโมสรข้ึนท่ีพระราชวังสราญรมย์ แล้วทรงสร้างโรงละครเล็กข้ึนสาหรับการแสดงละครพูด
โดยเฉพาะ เรียกว่า โรงละครทวปี ัญญา บทละครพูดทท่ี รงพระราชนิพนธ์ข้ึนในระยะแรกๆ เป็นเรื่องทีท่ รง
แปลแลว้ ดดั แปลงมาจากบทละครภาษาองั กฤษ เช่น เรื่องชิงนาง หาโล่ เหน็ แก่ลูก เป็นตน้ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็น
รอ้ ยแกว้ ท่ีเป็นร้อยกรองก็เป็นบทละครพูดคากลอน เชน่ พระร่วง เวนิสวานิช เป็นตน้ มเี พยี งเร่ืองเดยี วท่ที รง
พระราชนิพนธไ์ วเ้ ป็นบทละครพูดคาฉันทค์ ือ มทั นะพาธา หรือตานานดอกกหุ ลาบ

ภาพที่ ๑ หนงั สือมทั นะพาธา
ท่ีมา: http://www.lungkitti.com/product.detail_878723_en_5580842

2

มทั นะพาธาเป็นบทละครพูดคาฉนั ท์ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรงพระราชนิพนธ์
ไวเ้ มื่อ วนั ที่ ๒ กนั ยายน ๒๔๖๖ ซ่ึงเป็นชว่ งทมี่ พี ระราชกจิ มาก ขณะทรงพระประชวรและประทบั
อยู่ ณ พระราชวงั พญาไท ต่อจากน้นั ก็เสดจ็ พระราชดาเนินทางชลมารค ประทบั แรมตามทตี่ ่างๆ เชน่ บางปะ
อิน สุพรรณบรุ ี สิงหบ์ รุ ี ลพบรุ ี โดยไดท้ รงพระราชนิพนธ์เรื่องมทั นะพาธาไปดว้ ย จนเมือ่ กลบั ถงึ กรุงเทพฯ
วนั ที่ ๔ ตลุ าคม ๒๔๖๖ และทรงพระราชนิพนธ์ตอ่ ที่พระราชวงั พญาไทจนจบเมอ่ื
วนั ที่ ๑๘ ตลุ าคม ๒๔๖๖ ทรงใชเ้ วลาพระราชนิพนธ์ ๑ เดือน ๑๗ วนั

ต่อมาในเดอื นมกราคม ๒๔๖๗ ไดท้ รงแปลบทละครพดู คาฉันทเ์ รื่องมทั นะพาธาเป็นรอ้ ยแกว้
ภาษาองั กฤษพร้อมดว้ ยอภธิ านศพั ท์ เม่ือทรงแปลเสร็จในเดือนพฤษภาคม ๒๔๖๘ กไ็ ดพ้ ระราชทานแก่
พระวรวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพทิ ยลาภพฤฒิยากรเพ่อื ให้พจิ ารณาทูลเกลา้ ฯ ถวายความเหน็ พระวงศเ์ ธอ กรม
หมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรกราบบงั คมทลู วา่ ทรงเช่ียวชาญภาษาองั กฤษมาก น่าจะทรงพระราชนิพนธ์
เป็น Blank verse (กลอนเปลา่ ซ่ึงเป็นคาประพนั ธ์ที่กาหนดจานวนคาโดยไมบ่ งั คบั สมั ผสั แต่เนน้ จงั หวะ
ของเสียง) ตามแบบบทละครพดู ของเชคสเปี ยร์ได้ จงึ ไดท้ รงพระราชนิพนธ์แปลใหมเ่ ป็นรอ้ ยกรองตามคา
กราบบงั คมทลู แต่ไดท้ รงพระราชนิพนธ์ไวถ้ งึ กลางองคท์ ี่ ๔ กท็ รงพระประชวรและเสดจ็ สวรรคตเสียกอ่ น

ภาพท่ี ๒ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๖
ท่ีมา: http://onnomdee.blogspot.com/2017/01/6.html

ยอ้ นกลบั ไปเมื่อคร้ังจะเร่ิมทรงพระราชนิพนธ์ ไดท้ รงพยายามหาคาบาลสี ันสกฤตสาหรบั ช่ือดอก
กุหลาบ พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป ขณะยงั เป็นรองอามาตยโ์ ทหลวงธุรกจิ ภธิ าน) คน้ ไดศ้ พั ทภ์ าษา
สันสกฤตวา่ กุพชก แต่ไดท้ รงพระราชวนิ ิจฉัยวา่ ถา้ จะใหเ้ ป็นช่ือนางเอกอาจตอ้ งเปลีย่ นเสียงพยางคห์ ลงั
เป็น กุพชกา ซ่ึงมีเสียงน่าฟัง แตจ่ ะไปตรงกบั ศพั ทท์ แ่ี ปลวา่ นางค่อม จึงทรงเลือกใชค้ าว่า มทั นา เป็นชื่อ
นางเอก มทั นา มาจากศพั ท์ มทน แปลวา่ ความลุ่มหลง หรือ ความรัก นอกจากน้นั เมือทรงพบศพั ทม์ ทน
พาธาจากพจนานุกรมสันสกฤตซ่ึงมีความหมายว่า ความเจบ็ หรือเดือดรอ้ นแห่งความรกั ซ่ึงตรงกบั แกน่ เรื่อง
ของบทละครเรื่องน้ี จึงทรงใชช้ ่ือว่า มทั นะพาธา หรือตานานแห่งดอกกหุ ลาบ

3

ภาพที่ ๓ นางมทั นา
ท่ีมา: http://online.fliphtml5.com/hrie/xuxd/#p=1

ความเป็นมา : มทั นะพาธา แปลวา่ “ความเจบ็ ปวดหรือความเดือดร้อนเพราะความรกั ”
บทละครพูดคาฉันทเ์ รื่องมทั นะพาธาหรือตานานดอกกุหลาบมีลกั ษณะเป็นบทละครพูดคาฉันท์ จานวน ๕
องค์ (ตอน) แบง่ เป็น ๒ ภาค คือ ภาคสวรรคแ์ ละภาคพ้ืนดนิ นางเอกของเรื่องมนี ามวา่ “มทั นา”ซ่ึงมี
ความหมายวา่ “ความ ล่มุ หลงหรือความรัก”แทนคาว่า“กพุ ชกะ”ที่แปลวา่ ดอกกุหลาบบทละครพูดคาฉันท์
เร่ืองมทั นะพาธา เม่อื พระราชนิพนธเ์ สร็จกพ็ ระราชทานแกส่ มเด็จพระ นางเจา้ อนิทรศกั ด์ศิ จีพระวรชายา
แนวคิดของเรื่องเป็นเรื่องทเ่ี กยี่ วกบั ความรักความลุม่ หลงความเจ็บร้าวระทมเพราะความรกั ซ่ึงตวั ละครทกุ
ตวั จะตอ้ งไดร้ บั รสดงั กล่าวไว้

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ : บทละครพูดคาฉันท์ เรื่อง มทั นะพาธา ประกอบดว้ ยคาประพนั ธห์ ลายชนิด
ดงั น้ี ๑. กาพย์ ๓ ชนิด คือ กาพยย์ านี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘
๒.ฉนทั ๒์ ๑ชนิด เช่น วิชชุมมาลาฉันท๘์ อินทรวเิ ชียรฉันท๑์ ๑ อุปชาติฉนั ท๑์ ๑ ภุชงคประยาตฉันท๑์ ๒
อนิ ทวงศฉ์ นั ท๑์ ๒ วสันตดิลกฉันท๑์ ๔ เป็นตน้
หมายเหตุ : ตวั เลขทีต่ ามหลงั ชื่อฉันท์ หมายถงึ จานวนคาใน ๑ บาท

จากประวตั คิ วามเป็นมาขา้ งตน้ ผศู้ กึ ษาสรุปความไดว้ า่ มทั นะพาธา เป็นวรรณคดปี ระภท “บทละคร

พูด” พระราชนิพนธเ์ ร่ืองเอกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่๖ี ไดร้ ับการยกย่องจาก

วรรณคดีสโมสรว่าให้”เป็นยอดของบทละครพดู คาฉันท”์ เป็นหนงั สือที่แต่งดี ใชฉ้ นั ทเ์ ป็นบทละครพูดซ่ึง

แปลกและแต่งไดย้ าก เป็นเร่ืองทีม่ ีตวั ละครและฉากสอดคลอ้ งกนั วฒั นธรรมภารตะโบราณและเขา้ กบั เน้ือ

เรื่องไดด้ ี ท้งั ยงั เลอื กถอ้ ยคาที่สื่ออารมณ์ความรูส้ ึกของตวั ละครไดด้ เี ยีย่ มตลอดจนมกี ารวางโครงเรื่องท่ีชวน

ให้ตดิ ตามท้งั ยงั สอดแทรก คตสิ อนใจเร่ืองความรกั ไดอ้ ยา่ งซาบซ้ึงกินใจ ขณะทรง

พระชนมายุ ๒๒ พรรษา ไดท้ รงต้งั ทวีปัญญาสโมสรข้ึนทีพ่ ระราชวงั สราญรมย์ แลว้ ทรงสร้างโรงละครเลก็

ข้ึนสาหรบั การแสดงละครพูดโดยเฉพาะ เรียกว่า โรงละครทวีปัญญา บทละครพดู ทที่ รงพระราชนิพนธข์ ้นึ

ในระยะแรกๆ เป็นเร่ืองทท่ี รงแปลแลว้ ดดั แปลงมาจากบทละครภาษาองั กฤษ เชน่ เร่ืองชิงนาง หาโล่

4

เหน็ แก่ลกู เป็นตน้ ซ่ึงส่วนใหญเ่ ป็นร้อยแกว้ ทเี่ ป็นรอ้ ยกรองกเ็ ป็นบทละครพดู คากลอน เชน่ พระร่วง
เวนิสวานิช เป็นตน้ มเี พยี งเร่ืองเดยี วท่ีทรงพระราชนิพนธไ์ วเ้ ป็นบทละครพูดคาฉันทค์ อื มทั นะพาธา หรือ
ตานานดอกกหุ ลาบ ทรงใชเ้ วลาพระราชนิพนธ์ ๑ เดือน ๑๗ วนั คือต้งั แต่ ๒ กนั ยายน ๒๔๖๖ ถงึ ๑๘ ตุลาคม
๒๔๖๖ ต่อมาในเดือนมกราคม ๒๔๖๗ ไดท้ รงแปลบทละครพูดคาฉนั ทเ์ รื่องมทั นะพาธาเป็นร้อยแกว้
ภาษาองั กฤษพร้อมดว้ ยอภิธานศพั ท์ เมื่อทรงแปลเสร็จในเดือนพฤษภาคม ๒๔๖๘ กไ็ ดพ้ ระราชทานแก่
พระวรวงศเ์ ธอ กรมหมืน่ พทิ ยลาภพฤฒิยากรเพือ่ ให้พิจารณาทลู เกลา้ ฯ ถวายความเหน็ พระวงศเ์ ธอ กรม
หมืน่ พทิ ยลาภพฤฒิยากรกราบบงั คมทลู วา่ ทรงเช่ียวชาญภาษาองั กฤษมาก น่าจะทรงพระราชนิพนธ์
เป็น Blank verse (กลอนเปล่า ซ่ึงเป็นคาประพนั ธ์ที่กาหนดจานวนคาโดยไมบ่ งั คบั สมั ผสั แต่เนน้ จงั หวะ
ของเสียง) ตามแบบบทละครพูดของเชคสเปี ยร์ได้ จงึ ไดท้ รงพระราชนิพนธแ์ ปลใหมเ่ ป็นร้อยกรองตามคา
กราบบงั คมทูล แตไ่ ดท้ รงพระราชนิพนธไ์ วถ้ ึงกลางองคท์ ี่ ๔ ก็ทรงพระประชวรและเสดจ็ สวรรคตเสียก่อน
เมื่อคร้ังจะเริ่มทรงพระราชนิพนธ์ ไดท้ รงพยายามหาคาบาลีสันสกฤตสาหรบั ชื่อดอกกหุ ลาบ พระสาร
ประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป ขณะยงั เป็นรองอามาตยโ์ ทหลวงธุรกิจภธิ าน) คน้ ไดศ้ พั ทภ์ าษาสันสกฤตว่า กพุ
ชก แตไ่ ดท้ รงพระราชวนิ ิจฉยั ว่าถา้ จะใหเ้ ป็นชื่อนางเอกอาจตอ้ งเปลย่ี นเสียงพยางคห์ ลงั เป็น กุพชกา ซ่ึงมี
เสียงน่าฟัง แตจ่ ะไปตรงกบั ศพั ทท์ แี่ ปลว่า นางคอ่ ม จึงทรงเลือกใชค้ าวา่ มทั นา เป็นช่ือนางเอก มทั นา มาจาก
ศพั ท์ มทน แปลวา่ ความลุ่มหลง หรือ ความรัก นอกจากน้นั เมือทรงพบศพั ทม์ ทนพาธาจากพจนานุกรม
สันสกฤตซ่ึงมีความหมายว่า ความเจบ็ หรือเดอื ดร้อนแห่งความรัก ซ่ึงตรงกบั แก่นเร่ืองของบทละครเรื่องน้ี

จงึ ทรงใชช้ ่ือว่า มทั นะพาธา หรือตานานแห่งดอกกุหลาบ ผศู้ ึกษาจงึ เลือกทจ่ี ะหยิบยกวรรณคดีเรื่อง
น้ีข้ึนมาเน่ืองดว้ ยเหตผุ ล ๒ ประการคอื
๑.ไดร้ บั การยกยกจากวรรณคดสี โมสรว่า “เป็นยอดของบทละครพูดคาฉันท”์
๒. สอดแทรกคติสอนใจเรื่องความรักไดอ้ ย่างซาบซ้ึงกนิ ใจ ซ่ึงไมว่ า่ จะยุคใดสมยั ใด เร่ืองราวของความรักก็
ยงั คงเป็นเร่ืองท่ตี อ้ งมสี ติและรู้จกั เหตุผล ยงั คงตอ้ งเป็นเรื่องท่ไี ดร้ ับการขดั เกลาอยู่เสมอ ไมว่ า่ ความรักน้นั จะ
สุขสมหวงั หรือจะไม่เป็นไปดง่ั ใจหวงั ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ท่ีทรงแสดงใหเ้ ห็นถงึ อนุภาพของความรัก

5

๒.ประวัติผู้แต่ง

ภาพท่ี ๔ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั
ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รชั กาลที่ ๖ มีพระนามเดิมว่ามหาวชิราวุธเป็นโอรสองคท์ ี่
๒๙ ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชสมภพเมื่อวนั ท่ี ๑ มกราคม
๒๔๒๓ ทรงศกึ ษาในประเทศไทยจนพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา กเ็ สดจ็ ไปศึกษาต่อทปี่ ระเทศองั กฤษ ตอ่ มา
เสด็จนิวตั ปิ ระเทศไทยเม่ือวนั ที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๓๘ เพือ่ รบั การสถาปนาเป็นเจา้ ฟ้ามหาวชิราวุธสยามงกฎุ
ราช กุมาร ( ผทู้ ่ีจะไดเ้ ป็นพระมหากษตั ริยอ์ งคต์ อ่ ไป ) และทรงกลบั ไปศึกษาวชิ าทหาร ณ โรงเรียนทหารบก
ทแี่ ซนด์ เฮิซต์ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๓ ไดเ้ ขา้ ศึกษาวชิ าประวตั ศิ าสตร์และวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลยั ออกซฟอร์ด
แต่ทรง พระปรีชาสามารถทางดา้ นอกั ษรศาสตร์เป็นพิเศษ จนแตง่ บทละครเป็นภาษาองั กฤษได้ เมอ่ื สาเร็จ
การศึกษา พระองคท์ รงเสด็จประพาสยโุ รปกอ่ น แลว้ จึงเสดจ็ นิวตั ปิ ระเทศไทย เสดจ็ ข้ึนครองราชยเ์ ม่อื วนั ท่ี
๒๓ ตลุ าคม ๒๔๕๓ ขณะมีพระชนมายุ ๓๐ พรรษา สวรรคตเม่ือวนั ที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๔๖๘ ปี ฉลู รวม
พระชนมายุ ๔๕ พรรษา ( ครองราชย์ ๑๕ ปี )ไดร้ บั การถวายพระราชสามมญั ญาวา่ พระบาทสมเด็จพระ
ปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวธุ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว พระสยามเทวมหาธีรราชเจา้

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว มีพระอจั ฉริยภาพและทรงบาเพญ็ พระราชกรณียกจิ ใน
หลาย สาขา ท้งั ดา้ นการเมืองการปกครอง การทหาร การศกึ ษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และทส่ี าคญั
ทีส่ ุดคอื ดา้ นวรรณกรรมและอกั ษรศาสตร์ ไดท้ รงพระราชนิพนธ์บทร้อยแกว้ และร้อยกรองไวน้ บั พนั เร่ือง
กระทงั่ ทรงไดร้ ับ การถวายพระราชสมญั ญาเมือ่ เสด็จสวรรคตแลว้ ว่า "สมเดจ็ พระมหาธีรราชเจา้ " พระองค์
เป็นพระมหากษตั ริยใ์ น พระราชวงศจ์ กั รีพระองคแ์ รกท่ีไมม่ ีวดั ประจารชั กาล แตไ่ ดท้ รงมกี ารสถาปนา
โรงเรียนมหาดเลก็ หลวง หรือวชิราวธุ วทิ ยาลยั ในปัจจบุ นั ข้ึนแทน ดว้ ยทรงพระราชดาริวา่ พระอารามน้นั มี
มากแลว้ และการสร้างอารามในสมยั ก่อนน้นั ก็ เพอ่ื บารุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จงึ ทรงพระราชดาริ
ใหส้ รา้ งโรงเรียนข้ึนแทน

6

พระบรมราชานุสาวรียแ์ ห่งแรกของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั สร้างแลว้ เสร็จเม่ือ พ.ศ.
๒๔๘๕ ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซ่ึงเป็นบริเวณทด่ี นิ ส่วนพระองคท์ ีพ่ ระราชทานไวเ้ ป็นสมบตั ขิ อง
ประชาชนเพื่อจดั งานสยามรฐั พิพธิ ภณั ฑแ์ สดงสินคา้ ไทยแกช่ าวโลกเป็นคร้งั แรก เพื่อบารุงเศรษฐกิจและ
พาณิชยกรรมของ ประเทศ (แต่มทิ นั ไดจ้ ดั ก็เสดจ็ สวรรคตเสียกอ่ น) และทรงต้งั พระราชหฤทยั วา่ เมอ่ื เสร็จ
งานแลว้ จะพระราชทาน เป็นสวนสาธารณะพกั ผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ ท้งั น้ี ในวนั คลา้ ยวนั
สวรรคตของทุกปี วนั ท่ี ๒๕ พฤศจกิ ายน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว หรือผแู้ ทนพระองค์ จะเสดจ็ พระราช
ดาเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายบงั คมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลมุ พินีแห่งน้ี ในวนั น้นั มหี น่วยราชการ
หน่วยงานเอกชน นิสิตนกั ศึกษา พอ่ คา้ ประชาชนจานวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสกั การะ และยงั ทรง
พระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ าเพญ็ พระ ราชกุศลอุทศิ ถวาย ณ วชิราวธุ วทิ ยาลยั

ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ องคก์ ารการศกึ ษาวิทยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้
ยกยอ่ ง พระเกยี รติคณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ว่าทรงเป็นบคุ คลสาคญั ของโลก ผมู้ ี
ผลงานดเี ด่นดา้ น วฒั นธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนกั ปราชญ์ นกั ประพนั ธ์ กวี และนกั แตง่ บทละครไวเ้ ป็น
จานวนมาก
วตั ถปุ ระสงคใ์ นการพระราชนิพนธ์ เรื่อง มทั นะพาธา ทรงต้งั พระทยั เพ่ือเป็นหนงั สืออา่ นกวีนิพนธท์ ี่
สนุกสนานในดา้ นเน้ือหา และเป็นคติสอนใจใหเ้ หน็ ถึงอานุภาพของความรกั
ผลงานพระราชนิพนธ์ : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงมพี ระปรีชาสามารถทางดา้ นอกั ษร
ศาสตร์เป็นเลศิ จงึ ทรงมีพระราชนิพนธ์ท้งั ร้อยแกว้ และร้อยกรองกว่า๒๐๐เร่ืองเช่นเรื่องศกนุ ตรารามเกยี รต์ิ
บท ละครเรื่องเวนิสวานิช เป็นตน้ ในงานพระราชนิพนธท์ รงใชน้ ามปากกาว่าอศั วพาหุรามจิตติ พนั แหลมศรี
อยุธยานาย แกว้ นายขวญั พระขรรคเ์ พชร นายแกว้ ณ อยุธยา นอ้ ยลา ทา่ นราม ณ กรุงเทพ สาหรบั บทละคร
พดู คาฉนั ท์ เร่ือง มทั นะพาธา ไดร้ ับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของบทละครพดู คาฉันท์
นอกจากน้ีพระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัวยงั ทรงไดร้ บั พระราชสมญั ญานามวา่ “พระมหาธีรราชเจา้ ”
ซ่ึงมีความหมายว่า“นกั ปราชญ์ ผยู้ ิง่ ใหญ่”

7

๓.เนื้อเร่ืองย่อ

ภาพที่ ๕ วรรณคดีมทั นะพาธารูปแบบนิทานก่อนนอน
ทีม่ า: http://elib.lpru.ac.th/library/book_detail/02001884

ทา้ วสุเทษณ์เป็นเทพผใู้ หญ่บนสรวงสวรรค์ เป็นทกุ ขอ์ ยดู่ ว้ ยความลมุ่ หลงเทพธิดามทั นา แมจ้ ิตรรถ
ผสู้ ารถคี ่บู ารมจี ะนารูปของเทพเทวีผเู้ ลอโฉมหลายต่อหลายองคม์ าถวายให้เลอื กชม สุเทษณก์ ม็ ิสนใจไยดี จติ
ระรถจึงนามายาวินวิทยาธรมาเฝ้า สุเทษณใ์ ห้มายาวนิ ใชเ้ วทมนตร์เรียกนางมทั นามาหา เมอื่ มาแลว้ นางมทั นา
กเ็ หมอ่ ลอยมมิ สี ติสมบรู ณเ์ พราะตกอยู่ในฤทธ์ิมนตรา สุเทษณม์ ติ อ้ งการไดน้ างดว้ ยวธิ ีเย่ียงน้นั จึงให้มายาวิน
คลายมนตร์ แตค่ ร้ันไดส้ ตแิ ลว้ นางมทั นาก็ปฏิเสธว่ามมิ ีจิตเสน่หาตอบดว้ ยมวิ ่าสุเทษณจ์ ะเก้ียวพาและ ราพนั
รักอย่างไร สุเทษณ์โกรธนกั จงึ จะสาปมทั นาให้ไปเกดิ ในโลกมนุษยน์ างมทั นาขอใหน้ างไดไ้ ปเกดิ เป็น
ดอกไมม้ ี กล่นิ หอมเพื่อใหม้ ีประโยชน์บา้ ง สุเทษณ์จึงสาปมทั นาให้ไปเกดิ เป็นดอกกุหลาบทีง่ ามท้งั กลิน่ ท้งั
รูป และมแี ต่ เฉพาะบนสวรรคย์ งั ไมเ่ คยมบี นโลกมนุษย์ โดยทใี่ นทกุ ๆ 1 เดอื น นางมทั นาจะกลายร่างเป็นคน
ไดช้ วั่ 1 วนั 1 คนื ในเฉพาะวนั เพญ็ ของแต่ละเดือนเทา่ น้นั และถา้ นางมีความรักเม่ือใด นางก็จะมิตอ้ งคนื รูป
เป็นกหุ ลาบอีก แต่นาง จะไดร้ บั ความทุกขท์ รมานเพราะความรกั จนมิอาจทนอยูไ่ ด้ และเมือ่ น้นั ถา้ นางออ้ น
วอนขอความช่วยเหลือ ตนจงึ จะงดโทษทณั ฑน์ ้ีให้แก่นางนางมทั นาไปจุตเิ ป็นกหุ ลาบงามอยใู่ นป่ าหิมะวนั
บรรดาศิษยข์ องฤษนี ามกาละทรรศนิ มา พบเขา้ จึงนาความไปบอกพระอาจารย์ กาละทรรศินจงึ ให้ขุดไปปลกู
ในบริเวณอาศรมของตน ในขณะทจ่ี ะทาการขดุ กม็ ีเสียงผหู้ ญิงร้อง กาละทรรศนิ เล็งญาณดูกร็ ู้วา่ เป็นเทพธิดา
มาจุติ จึงไดเ้ อย่ เชิญและสญั ญาวา่ จะคอยดูแลปกป้อง สืบไป เมอ่ื น้นั การจึงสาเร็จดว้ ยดี

วนั เพญ็ ในเดือนหน่ึงทา้ วชยั เสนกษตั ริยแ์ ห่งหัสตินาปรุ ะไดเ้ สด็จออกล่าสัตวใ์ นป่ าหิมะวนั และได้
แวะมาพกั ที่อาศรมพระฤาษี คร้ันไดเ้ ห็นนางมทั นาในโฉมของนารีผูง้ ดงามก็ถึงกบั ตะลึงและตกหลุมรกั
จนถึงกบั รบั สัง่ ให้ มหาดเลก็ ปลกู พลบั พลาพกั แรมไวใ้ กลอ้ าศรมน้นั ทนั ทีทา้ วชยั เสนราพนั ถึงความรกั ลกึ ซ้ึง
ทีม่ ีต่อนางมทั นา คร้นั เมื่อ นางมทั นาออกมาทลี่ านหนา้ อาศรมกม็ ิเห็นผูใ้ ด ดว้ ยเพราะทา้ วชยั เสนหลบไปแฝง
อย่หู ลงั กอไม้ นางมทั นาได้ พรรณาถึงความรกั ที่เกิดข้นึ ในใจอยา่ งท่วมทน้ ทา้ วชยั เสนไดส้ ดบั ฟังทุกถอ้ ย
ความจึงเผยตวั ออกมาท้งั สองจึง กล่าวถึงความรูส้ ึกอนั ล้าลกึ ในใจท่ตี รงกนั จนเขา้ ใจในรักท่มี ีต่อกนั จากค่า
คืนถึงยามรุ่งอรุณ ทา้ วชยั เสนจึงทรง ประกาศหม้นั และคาสัญญารัก ณ ริมฝงั่ ลาธารใกลอ้ าศรมน้ันเม่อื มีความ
รักแลว้ นางมทั นาก็ยงั คงรูปเป็นนางผงู้ ดงามมติ อ้ งกลายรูปเป็นกุหลาบอกี ทา้ วชยั เสนไดท้ ูลขอนางมทั นา

8

พระฤาษกี ็ยกใหโ้ ดยใหจ้ ดั พิธีบชู าทวยเทพ และพิธวี ิวาหม์ งคลในป่ าน้นั เสียกอ่ นทา้ วชยั เสนเสดจ็ กลบั วงั
หลายเพลาแลว้ แต่ก็มไิ ดเ้ สด็จไปยงั พระตาหนกั ขา้ งใน ดว้ ยวา่ ยงั ทรงประทบั อยแู่ ต่ในอทุ ยาน พระนางจณั ฑี
มเหสีใหน้ างกานลั มาสืบดจู นรูว้ า่ พระสวามนี าสาวชาวป่ ามา ดว้ ย จึงตามมาพบทา้ วชัยเสนกาลงั อยกู่ บั นางมทั
นาพอดี เม่ือพระนางจณั ฑีเจรจาค่อนขอดดหู ม่ินนางมทั นา ทา้ วชยั เสนกก็ ริ้ว และทรงดุดา่ วา่ เป็นมเหสีผรู้ ิษยา
พระนางจณั ฑแี คน้ ใจนกั ให้คนไปทูลฟ้องพระบดิ าผเู้ ป็นเจา้ แห่งมคธ นครใหย้ กทพั มาทาศกึ กบั ทา้ วชยั เสน
จากน้นั ก็คบคิดกบั นางค่อมอราลแี ละวิทูรพราหมณ์หมอเสน่ห์ ทาอบุ ายกลนั่ แกลง้ นางมทั นาโดยส่งหนงั สือ
ไปทลู ทา้ วชยั เสนวา่ นางมทั นาป่ วย คร้ันเมอ่ื ทา้ วชยั เสนรีบเสดจ็ กลบั มาเย่ยี มนางมทั นา กก็ ลบั พบหมอ
พราหมณก์ าลงั ทาพธิ ีอยูใ่ กลๆ้ ตน้ กุหลาบ วิทูรกบั นางเกศินีขา้ หลวงของนางจณั ฑีจึงทลู ใส่ความ วา่ นางมทั
นาใหท้ าเสน่ห์เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ่วมชื่นชูสมสู่กบั ศุภางค์ ทา้ วชยั เสนกร้ิวนกั รับส่งั ใหศ้ ภุ างคป์ ระหารนางมทั นา แต่
ศุภางคไ์ ม่ยอม ทา้ วชยั เสนจงึ สง่ั ประหารท้งั คพู่ ระนางจณั ฑไี ดช้ อ่ งรีบเขา้ มาทูลว่าตนจะอาสาออกไปหา้ มศึก
พระ บิดาซ่ึงคงเขา้ ใจผดิ ว่านางกบั ทา้ วชยั เสนน้นั บาดหมางกนั แตท่ า้ วชยั เสนตรัสว่าทรงรูท้ นั อุบายของนางท่ี
คดิ ก่อศึก แลว้ จะห้ามศึกเอง พระองคจ์ ะขอออกทาศึกอกี คราแลว้ ตดั หัวกษตั ริยม์ คธพอ่ ตาเอามาใหน้ างผขู้ บถ
ต่อสวามตี นเอง

ขณะต้งั ค่ายรบอยู่ทน่ี อกเมือง วิทรู พราหมณ์เฒ่าไดม้ าขอเขา้ เฝ้าทา้ วชยั เสนเพอื่ สารภาพความท้งั ปวง
วา่ พระนางจณั ฑีเป็นผวู้ างแผนการรา้ ย ซ่ึงในท่สี ุดแลว้ ตนสานึกผิดและละอายต่อบาปท่เี ป็นเหตใุ ห้คน
บริสุทธ์ิตอ้ ง ไดร้ ับโทษประหาร ทา้ วชยั เสนทราบความจริงแลว้ คงั่ แคน้ จนดาริจะแทงตนเองให้ตาย แต
อามาตยน์ นั ทวิ รรธนะ เขา้ หา้ มไวท้ นั และสารภาพว่าในคนื เกิดเหตนุ ้นั ตนละเมิดคาส่งั มิไดป้ ระหารศุภางค์
และนางมทั นา หากแต่ไดป้ ลอ่ ย เขา้ ป่ าไป ซ่ึงนางมทั นาน้นั ไดโ้้ สมะทตั ศษิ ญเ์ อกของฤาษกี าละทรรศิน
นาพากลบั สู่อาศรมเดิม แต่ศภุ างคน์ ้นั แฝงกลบั เขา้ ไปร่วมกบั กองทพั แลว้ ออกต่อสู้กบั ขา้ ศึกจนตวั ตาย ทา้ วชยั
เสนจงึ รับสัง่ ให้ประหารทา้ วมคธท่ีถูกจบั มาเป็นเชลย ไวก้ ่อนหนา้ น้นั แลว้ ส่วนพระนางจณั ฑีมเหสีน้นั ทรง
ใหเ้ นรเทศออกนอกพระนคร ดว้ ยทรงเหน็ ว่าอนั นารีผมู้ ใี จมุง่ รา้ ยต่อผเู้ ป็นสามีกค็ งตอ้ งแพภ้ ยั ตนเอง มอิ าจอยู่
เป็นสุขไดน้ านแน่ฝ่ายนางมทั นาน้นั ไดท้ าพธิ ีบชู าเทพและวอน ขอร้องใหส้ ุเทษณ์จอมเทพช่วยนางดว้ ย สุ
เทษณน์ ้นั กย็ ินดจี ะแกค้ าสาปและรับนางเป็นมเหสี แตน่ างมทั นาก็ยงั คง ปฏิเสธและว่าอนั นารีจะมีสองสามี
ไดอ้ ยา่ งไร สุเทษณเ์ หน็ ว่านางมทั นายงั คงปฏเิ สธความรกั ของตนจงึ กริ้วนกั สาปส่ง ให้นางมทั นาเป็นดอก
กหุ ลาบไปตลอดกาล มิอาจกลายร่างเป็นมนุษยไ์ ดอ้ ีกตอ่ ไปเมื่อทา้ วชยั เสนตามมาถงึ ในป่ า นางปริยมั วะทาที่
ตามมาปรนนิบตั ดิ แู ลนางมทั นาดว้ ยก็ทูลเลา่ ความท้งั ส้ินให้ทรงทราบ ทา้ วชยั เสนจึงรอ้ งร่าใหด้ ว้ ย ความอาลยั
รักแลว้ ขอให้พระฤษีช่วย โดยใชม้ นตราและกลา่ วเชิญนางมทั นาให้ยนิ ยอมกลบั เขา้ ไปยงั เวยี งวงั กบั ตน อกี
คราเมอ่ื พระฤษที าพิธีแลว้ ทา้ วชยั เสนก็ราพนั ถึง ความหลงผดิ และความรกั ทม่ี ีต่อนางมทั นาใหต้ น้ กุหลาบได้
รับรู้ จากน้นั จงึ สามารถขดุ ตน้ กหุ ลาบไดส้ าเร็จ ทา้ วชยั เสนไดน้ าตน้ กหุ ลาบข้ึนวอทองเพื่อนากลบั ไปปลูกใน
อุทยาน และขอใหฤ้ าษกี าละทรรศินให้พรวิเศษวา่ กุหลาบจะยงั คงงดงามมิโรยราตราบจนกว่าตวั พระองคเ์ อง
จะส้ิน อายุขยั พระฤษีกอ็ วยพรให้ดงั ใจ และประสิทธิประสาทพรใหก้ ุหลาบน้นั ดารงอยู่คูโ่ ลกน้ีมิมีสูญพนั ธ์

9

อีกท้งั ยงั เป็นไม้ ดอกทีก่ ลิ่นอนั หอมหวานสามารถช่วยดบั ทกุ ขใ์ นใจคนและดลบนั ดาลให้จติ ใจเบิกบานเป็น
สุขได้ ชาย-หญิงเมอ่ื มรี ัก กจ็ กั ใชด้ อกกุหลาบเป็นสญั ลกั ษณแ์ ห่งความรกั แทส้ ืบต่อไป

๔.บทประพนั ธ์

บทชมนาง แทนดว้ ย สีชมพู
บทชมบุรุษ แทนดว้ ย สีน้าเงนิ
บทชมดอกไม้ แทนดว้ ย สีแดง
บทชมสตั ว์ แทนดว้ ย สีเขียว
บทชมอ่ืนๆ แทนดว้ ย สีม่วง

องกท์ ่ี ๑

ฉาก: ลานหนา้ มุขเดจ็ แห่งวมิ านของสุเทษณะเทพบุตร์, บนสวรรค.์

[ก่อนเปิ ดม่าน, ตวั ละคอนเหล่านตี้ ้องพร้อมอย่บู นเวที, คือ: สุเทษณะเทพบตุ ร์ , เอกเขนก
อย่บู นเตียงที่บนมุขเดจ็ , มนี างอับสรอย่งู านพดั คน ๑; จิตระเสนนั่งอย่หู น้ามุขเดจ็ , และมี
บริวารของสุเทษณ์น่ังรายเปนแถวท้งั ๒ ข้างเวที; กลางเวทมี พี วกคนธรรพสารับ ๑, ถือช่อ
ดอกไม้ทั้ง ๒ มือทกุ คน. พิณพาทย์ทาเพลงโหมโรงจนถงึ เวลาควรจะเปิ ดม่าน, จึ่งทาเพลง
เหาะ. พอเปิ ดม่าน, พวกคนธรรพกเ็ ร่ิมร้องและราอย่างแบบราโคม, ดนตรีเล่นคลอเสียงไป
ตลอด, ไม่ต้องรับ.]

บทร้องของคนธรรพ์

(ลำเหำะ)

[ยานี, ๑๑.]

๏ ฃา้ บาท ตอ่ ธุลพี ระบาทา
ผภู้ กั ดี

พรอ้ มกนั ถวาย เศียระพาทแด่เทวนั
อา-

10

๏ ขอจง นิราศทุกขไ์ รโ้ รคนั –
เสวยสุข

ตะรายแลภยนั - ตะรายาอยา่ ยายี

๏ กะตะบญุ บาระมี
พระองคท์ รงมี
คุณ

บาเพญ็ ในอตี- ตะกาลดลผลไพบูลย์

๏ ชาติ เถลิงรฐั ราไชสูรย์
ก่อนเปน
สุกฺษตั ร์

ในวงศะ สุระแมนแควน้ ปัญจาล
ประยูร

๏ ทรง ฤทธิรุทมหาศาล
ธรรมล้ามะนุษ

บาเพญ็ พะลี ทุกอย่างงามตามวสิ ยั
การ

๏ คร้นั ถึง ภูมิศวรจากไผท
เวลาควร

เสด็จสุราลยั เสวยสุขในแดนสรวง

๏ เหลา่ ปกป้องเกศฃา้ ท้งั ปวง
ฃา้ พ่งึ พระเดช

11

จ่งึ พรอ้ มณ ภกั ดีหมายถวายพร
แดดวง

๏ ส่ิงใด จงสิทธินิรันดร
พระประสงค์

ใดองคจ์ อม ไม่โปรดปรานเร่งผ่านไป ฯ
อมร

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ์. เหวยจิตระเสน มึงบงั อาจเล่น ลอ้ กไู ฉน?

จิตระเสน. เทวะ, ฃา้ บาท จะบงั อาจใจ ทาเช่นน้ันไซร้ ไดบ้ พ่ ึงม.ี

สุเทษณ.์ เช่นน้นั ทาไม พวกมึงมาให้ พรกูบดั น้ี,
วา่ ประสงคใ์ ด ใหส้ มฤด?ี มงึ รูอ้ ย่นู ่ี ว่ากเู ศรา้ จิต
เพราะไมไ่ ดส้ ม จิตท่ีใฝ่ ชม, อกกรมเนืองนิตย.์

จติ ระเสน. ตฃู า้ ภกั ดี กม็ ีแต่คดิ เพอื่ ใหท้ รงฤทธ์ิ โปรดทกุ ขณะ.

สุเทษณ์. กไู มพ่ อใจ ! ไลค่ นธรรพไ์ ป บดั น้ีเทียวละ.
อย่ามวั รอร้งั

จิตระเสน. เอวเทวะ! (หันไปสง่ั คนธรรพ.์ ) เออพอแลว้ นะ, พวกเจา้ จงไป.
(พวกคนธรรพถวายบงั คมแลว้ เขา้ โรง.)
ฃา้ บาทไดเ้ ตรียม อบั สรเสงี่ยม สง่างามไว้
เพ่ือรอ้ งและรา บาเรอเทพไท, แมโ้ ปรดจะได้ เรียกมาบดั น้ี.

สุเทษณ.์ เอาเถดิ ลองดู เผือ่ วา่ ตวั กู จะค่อยสุขี.

จติ ระเสน. (เรียก) คณาอบั สร ผฟู้ ้อนราด,ี ออกมาบดั น้ี ราถวายกร.

(พิณพาทย์ทาเพลงเร็ว. คณะอับสรราออกมาถงึ กลางเวที, ลา, แล้วราและร้องบท
ต่อไปนี,้ และดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.)

12

บทร้องของอบั สร
(ลำนำงนำค.)

[ฉบงง, ๑๖.] กม้ เกศยอกร

๏ เหลา่
ฃา้ คณาอบั สร

บงั คม
พระเทพ
รังสรรค์

๏ พานกั พระคุณอนนั ต์
เนาสุขทกุ วนั

อเนก
ประดจุ โพธ์ิ
ทอง

๏ อนั ประดจุ ลออง
พระเมตตา
เนืองนอง

วะรุณ
ระรื่นรวยเยน็

๏ พระ ดิประดจุ เปน
กรุณาแน่เห็น

วายุ
ราเพยช่ืนใจ

13

๏ พระ ฃา้ บาทจ่งึ ได้
มุทติ าแน่วใน

มา
นะเปนนิตยใ์ น
งาน

๏ พระ จติ ให้เบกิ บาน
อเุ บกฃาสมาน

บเ่ ส่ือมบ่
สูญภกั ดี

๏ เจา้ นาย โลกฤๅจะมี
องคใ์ ดในตรี

เหมอื น
พระผูน้ ง่ั เกศา

๏ ขอพ่งึ ไปจนเวลา
ยุคลบาทา

ประจวบ
เม่ือกลั ป์
บรรลยั ฯ

(เพลงเร็ว: อบั สรจับระบาสักสามท่าแล้ว, สุเทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสนกส็ ่ังพวกนางให้
เลิกการระบา, และพวกนางถวายบงั คมแล้ว, พิณพาทย์ทาลา, พวกอบั สรเข้าโรง, พวกเทพ
บริวารกค็ ลานเข้าโรงไปด้วย.)

[ยาน,ี ๑๑.] รามิดีประการใด,

จิตระเสน. อนั นางอบั สรศรี

14

ขอเทวะฤทธ์ ิได้ โปรดตานิติประทาน.
สุเทษณ.์ ดแี ลว้ ท้งั การรา และลานาขบั รอ้ งหวาน,
ก็ฟังเพราะเสนาะดี;
ท้งั ดนตรีประสาน และงึมเหงาอย่เู ชน่ น้ี
แตก่ ทู ใ่ี จเศรา้ วา่ เหตนุ ้นั เปนฉันใด.
ตวั เจา้ กร็ ู้ดี อนั โรครกั น้ีหนกั ใจ;
จิตระเสน. ฃา้ ทราบและพลอยโศก, สุรางคด์ กี ็มถี ม.
แต่ในสุราลยั ประสงคน์ างสะอางชม
ฃา้ เช่ือว่าพระองค์ หทยั แทท้ กุ นงคราญ
คงไดส้ ัมฤทธ์ิสม
ผิจะเชยสมคั สมาน
สุเทษณ.์ [อนิ ทวงส,์ ๑๒.] ก็จะสิทธิสมฤด,ี
มะทะนาวสิ ุทธิศรี
จริงอยนู่ ะเจา้ เอย วรรูปวเิ ลขวิไลย.
นางใดณแมนการ มะประเสริฐวิเศษวิสยั
เวน้ เดียวกแ็ ต่โฉม นะจะเทียบจะเทียมจะทนั ;
ผเู้ ลิศสุรางคม์ ี กลทาบสุภาสุพรรณ,
แตเ่ ห็นอนงคร์ า- พระอรุณแอร่มละลาน,
ไม่มอี นงคใ์ ด กลน้าณทอ้ งละหาน,
งามผวิ ประไพผ่อง
งามแกม้ แฉลม้ ฉนั
งามเกศะดาขา

15

งามเนตรพนิ ิจปาน สุมณีมะโนหะรา;

งามทรวงสลา้ งสอง วรถนั สุมนสุมา-

ลีเลดิ ประเสริฐกวา่ วรุบลสะโรชะมาศ;

งามเอวอนงคร์ าว สุรศลิ ปิ ชาญฉลาด

เกลากลงึ ประหน่ึงวาด วรรูปพิไลยพะวง;

งามกรประหน่ึงงวง สุระคชสุเรนทะทรง,

นวยนาฏวิลาศวง ดุจะราระบาระเบง;

ซ้าไพเราะน้าเสียง อรเพยี งพิรมประเลง,

ไดฟ้ ังก็วงั เวง บม่ วิ า่ งมวิ ายถวิล.

นางใดจะมีเทียบ มะทะนาณฟ้าณดิน,

เปนยอดและจอดจนิ - ตะนะแน่วณอกณใจ.

(จิตระรถออก, ไปไหว้สุเทษณ์, แล้วหมอบคอยฟังรับสั่ง.)

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. ออ้ , จิตระรถเจา้ ไป ตามที่กูใช,้ สาเร็จประสงคฤ์ ๅหวา?

จติ ระรถ. เทวะ, ฃา้ บาทไคลคลา ตามองคม์ หา ฤษผี นู้ ามนารท

ไปทวั่ ทุกแดนสามหมด; ในฟากฟ้าจรด จนถึงขอบนะภาลยั ;

ไปทว่ั แดนมนุษสุดไกล บ่เวน้ แห่งใด, กระทงั่ ยงั ขอบจกั กะวาฬ;

ไปทวั่ ในแดนบาดาล, ทวั่ ทุกสถาน ทกุ ถิน่ จนจบภพไตร.

ไปถงึ ซ่ึงแควน้ แดนใด, ฃา้ บาทกไ็ ด้ วาดรูปอนงคง์ ามงอน,

16

มาเพือ่ ถวายมหิศร; ขอองคอ์ มร จงทอดพระเนตร์รูปา.

สุเทษณ์. มาเถดิ นารูปข้ึนมา, และจงเจรจา แถลงซ่ึงลกั ษณ์ใหก้ ู.

(จิตระรถเรียกคนใช้ให้นารูปออกมา, แล้วเอาขนึ้ ไปถวายสุเทษณ์ทอดพระเนตรพลาง, จิต
ระรถแถลงลกั ษณะแห่งรูปไปพลาง.)

[อุปชาต,ิ ๑๑.] วะธิดาสง่าตรู,
วะสุมาลิโศภณ.
จิตระรถ. ประถมกร็ ูปเท- กลดอกกะมลสน
มีนามะเรียกยู- กริ ิยาสง่าศรี.
งามเนตร์และเกศแกม้ วระเทพะนารี
ธิส่ิงประเสริฐปน สุระอคั คะเทวิน,
วธูวเิ ศษเปน
ฃา้ องคอ์ ุมาศรี อ๊ะฉน้นั จะจงจนิ -
เนาครี ิไกลาศ. บม่ ิควรคะนึงถงึ .
สิริร่างสอางซ่ึง
สุเทษณ.์ จะประเทียบบแ่ พใ้ คร.
ตะนาจะราคิน, กละภาพพิเศษไซร้,
ยละร่านระตีพนู .
จติ ระรถ. ทตุ ียะรูปนาง มหิษีบดีสูร
แสนงามและหากถึง
นางช่ือวเิ ลขา
วโิ รจน์วไิ ลยใคร
สะขีพระเทวี

17

สุเทษณ.์ ผสู้ ิงณไวกูณฐ์. อะ๊ มิควรจะมุ่งหมาย.
จติ ระรถ. หริราชะนารายณ์,
หล่อนเปนกานลั แห่ง ก็จะทรงพระโกรธา.
สุเทษณ.์ จะมุ่งณโฉมฉาย อระเทพะกญั ญา,
จติ ระรถ. ฉน้นั ถวายรูป สะวเิ ลขวิไลยวรรณ;
ชื่อเมนะกาภา อมะราวดีสวรรค,์
ฃา้ เห็นณสวนกลาง พะสะกนธะชวนชม,
วิจิตรวศิ ิษฎส์ รร- วรศพั ทะเริงรมย์
นางชา่ งประเลงขบั
เปรอองคส์ ุโรดม. กม็ ิควรจะมุ่งมาด
ธิมหิทธ์ ิกาแหงกาจ,
ทา้ วศกั ฺระทรงฤท- จะประหดั ประลยั ลาน.
ผทิ รงพิโรธอาจ วรราชะนงคราญ
ฉน้นั ถวายรูป วรเฃตตะกาศ;ี
หน่อนาถะผผู้ า่ น วมิ ะลาสุนารี,
ปรากฎพระนามนาง จะติน้นั บพ่ งึ หา,
วสิ ุทธ์วศิ ิษฎท์ ่ี สุระเทวะกญั ญา.
พระโฉมบแ่ พโ้ ฉม

18

สุเทษณ.์ แพย้ อดฤดฃี า้ ดจุ ะกากะเปรียบหงส.์

จติ ระรถ. นี่รูปธิดาทา้ ว วรเกาศิกาพงศ์

นรินทะราชทรง บรุ ะกานฺยะกพุ ฺชา,

ประกาศพระนามเรียก วรเรณุกาภา.

สุเทษณ์. เปรียบโฉมวิเลขา มะทะนาบ่แพน้ าง

จติ ระรถ. นี่รูปธิดารา- ชะวทิ รรภะโศภางค์,

พระนามอนงคน์ าง ทมะยนั ตบิ งั อร.

สุเทษณ์. จะมวั สาแดงรูป อระเนาณดนิ ดอน,

หวงั หาสง่างอน ฤจะเปรียบธิดาสรวง.

จติ ระรถ. ฃา้ วาดวิเลขา อระงามณแดนปวง

ถวายพระปิ่ นสรวง, และก็สุดจะโปรดปราน

และรูปธิดานา- คะและลูกอสูรหาญ,

อนั เหน็ ณบาดาล, ดนุวาดถวายไว้

เพ่ือทอดพระเนตรเล่น ตละตนก็ผ่องใส;

จะควรมคิ วรไซร้ ฤกส็ ุดจะปราณี

(จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาด ๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, จิตระ
รถส่งให้คนใช้นาเข้าโรงไป.)

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ์. ปวงรูปเจา้ วาดมาน้ี เปนรูปนารี ทล่ี ว้ นประเสริฐเลดิ งาม;

19

จติ ระรถ. แต่กดู ูทกุ นงราม กย็ งั เหน็ ทราม กว่านารีรัตนม์ ทั นา.
สุเทษณ์. ฉน้นั แมไ้ ม่อาจหา เทียมเทา่ มทั นา ฤๅกูจะกลา่ วชมเชย?
จติ ระรถ. เปนกรรมกแู ลว้ เจา้ เอย, จาตอ้ งชวดเชย ทีร่ กั สมคั จริงใจ.
ฉน้นั ตอ้ งคิดแกไ้ ข โดยอบุ ายให้ พระองคไ์ ดส้ มจนิ ดา.
สุเทษณ.์ จะแกฉ้ ันใดเลา่ หวา? กหู มดปัญญา.
จิตระรถ. ฃา้ บาทขอทูลบดั น้ี
สุเทษณ.์ ยามฃา้ เท่ียวไปถึงท่ี ขนุ โขดครี ี ศรีมนั ทะระงามงอน,
จิตระรถ. ไดพ้ บหน่ึงวิทยาธร เรืองวทิ ยากร มีนามว่ามายาวิน,
สุเทษณ.์ ผูน้ ้ีมคี วามรู้ชิน เชิงชาญโยคิน และเช่ียวอาถารรพว์ ทิ ยา,
จติ ระรถ. รู้จกั ใชโ้ ยคะนิทรา ไปผูกหทยา แห่งผทู้ ่ีอยแู่ มไ้ กล,
อาจร่ายมนตร์เรียกมาได.้
อ๊อ ! จริงหรือไฉน?
ฃา้ บาทไดเ้ ห็นเองแลว้
ถา้ จริงเฃากเ็ ปนแกว้ !
ฃา้ บาททราบแลว้ จ่งึ กลา้ นาตวั เฃามา.
พามาดว้ ยแลว้ หรือหวา?
หมอเอกน้นั มา คอยอยขู่ า้ งนอกพระลาน.
ขอไดโ้ ปรดให้ทาการ ลองเวทชานาญ ชานิถวายสกั คร้ัง.

20

สุเทษณ.์ เจา้ พูดชวนกใู ห้หวงั ! แมไ้ มส่ มดงั ปากวา่ จะทาฉนั ใด?
จิตระรถ. ฃา้ บาทเชื่อแน่แกใ่ จ อยแู่ ลว้ จ่งึ ได้ กลา้ พามาเฝา้ ทูลเกศ.

ขอโปรดทดลองดูเวท, เผอ่ื พระทรงเดช จะได้ดงั พระจินตนา.
สุเทษณ์. ดลี ะ, เรียกเฃาเฃา้ มา ชว่ั ดีกน็ ่า จะลองใหเ้ ห็นประจกั ษ.

(จิตระรถถวายบงั คมแล้วเข้าโรงไป.)

จติ ระเสน. เทวะ ! ฃา้ สงสัยนกั , แต่ไมอ่ ยากทกั อยากทว้ งต่อหนา้ สารถ.ี
เวทมนตร์น้นั เฃาอาจมี จริงอยูพ่ อที่ จะเรียกเอาใครใครมา
แตจ่ ะบงั คบั หทั ยา ให้รักน้นั ฃา้ ยงั นึกระแวงแคลงนกั .
หากเรียกโฉมยงนงลกั ษณ์ มาแลว้ ไม่ภกั - ดิอยเู่ ปนฃา้ บทมาลย,์
ก็จะกลบั กลายเปนการ เสื่อมเกียรตวิ ิศาล ขององคพ์ ระจอมเทวนั .

สุเทษณ์. เจา้ พูดถกู ทกุ ส่ิงอนั , แต่กอู ดั อ้นั อรุ ะดว้ ยรกั รึงใจ,
ฉน้นั ถงึ อย่างไรๆ เพยี งแตใ่ ห้ได้ เห็นวรพกั ตร์เลิดงาม
แห่งมทั นานงราม, กอ็ าจมคี วาม ประโมทยม์ นสั สมถวลิ .

(จิตระรถพามายาวินออกมา มายาวินเปนวิทยาธร, น่งุ ห่มหนงั เสือ.)

จิตระรถ. เทวะ, นี่มายาวนิ มาเฝ้าบดนิ - ทะดว้ ยมะโนภกั ดี.
สุเทษณ.์ ขอบใจท่ีมาคราน้ี; เฃาว่าทา่ นมี ซ่ึงโยคะวิทยาชาญ.
หากเราจะขอใหท้ ่าน ชว่ ยเปล้ืองราคาญ จะไดล้ ะหรือวา่ มา.
มายาวนิ . เทวะ, อนั เวทวิทยา ฃา้ รู้เรียนมา เต็มใจจะใชฉ้ ลอง

21

สุเทษณ์. พระเดชพระคุณลออง ธุลบี าทลอง จนเตม็ สตปิ ัญญา.
ทา่ นมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหทั ยา ใครๆไดห้ มดฤๅไฉน?

[ภชุ งคปั ปะยาตร,์ ๑๒] ประหน่ึงตูทนงไป,
กเ็ หมอื นปิ ดวชิ าการ.
มายาวนิ . จะทูลเทวะเกรงดู อภยั ฃา้ จะทลู สาร,
จะงาเง่อื นบทลู ไซร้ ก็มอี ยปู่ ระจาตน.
พระจงโปรดประทานซ่ึง และมนตร์ครูก็ไดส้ น
และความจริงวิชาการ คดีเพิม่ บเคลิม้ หลง.
อถรรพเ์ วทะเจนอย,ู่ ตะใครไดป้ ระดจุ จง,
มโนจาและซ้าคน้ จะเรียกใหต้ ระบึงมา
ฉน้นั อาจจะผกู จติ - ณเขาจกั กะวาฬา,
และใชโ้ ยคะแลว้ คง คะโลกตา่ ณบาดาล.
บนานแมจ้ ะอยูถ่ ึง กเ็ รียกดายมิยากนาน,
ฤอย่สู รวงฤอยูน่ า- พระอาถพั พะมนตร์ไหว.
จะเปนหญิงฤเปนชาย ประสงคใ์ หด้ นูไซร้
เพราะใครเลยจะทนทาน กโ็ ปรดมีพระบญั ชา.
ฉน้นั แมพ้ ระองคม์ ี
ประชมุ มนตระเรียกใคร

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ์. อนั ตวั เราน้ี จติ จ่ออย่ทู ่ี โฉมมะทะนา,

22

มายาวนิ . ผเู้ ลิดเลอสรร ในช้นั กามา พะจรฟากฟ้า บ่มใี ครทนั .
ต้งั แต่เรามา เกิดในฟากฟ้า พภิ พภูมสิ วรรค์
สุเทษณ.์ เราเห็นตอ้ งจติ คดิ อยากเชยขวญั แต่โอน้ างน้นั หลอ่ นไม่ปลงใจ.
มายาวิน. ฃา้ บาทเลง็ ดู ดว้ ยญาณก็รู้ นางน้ีคือใคร,
สุเทษณ.์ อกี ท้งั รู้เลศ ว่าเหตุไฉน นงรามจ่งึ ไม่ ปลงใจยินดี.
รูว้ า่ อย่างไร?
หากทูลความไซร้ จงโปรดปราณี.
เอาเถดิ อย่าเกรง, เร่งบอกบดั น้ี มีเหตรุ า้ ยดี จงเลา่ มาพลนั .

[อนิ ทะวเิ ชยี ร, ๑๑.] วรราชะราชนั
ฑะวสิ ุทธิปัญจาล,
มายาวิน. เมอ่ื คร้งั พระองคเ์ ปน

ครองเฃตประเทศขณั -

ตรสั ใชอ้ มาตยเ์ ปน วรทูตะทูลสาร

ถงึ ราชะผผู้ ่าน นรชาต์สิ ุราษฎร์งาม,

ขอองคธ์ ิดาช่ือ มะทะนาวิไลยราม
เปนราชินีตาม วรราชประเพณี;
แตท่ า้ วสุราษฎร์ไซร้ บมยิ อมและยินดี

ใหซ้ ่ึงพระบุตรี, พระก็ทรงพระโกรธา.

ตรสั เกณฑพ์ หลกอง จตรุ งคะเสนา

ยกไปประชิตรา- ชะบุรีวโรดม.

23

โจมตีบุรีป่ น บม่ ทิ นทลายลม่ ,
จบั ไดน้ โรดม นรนาถสุราษฎร์มา;
จ่งึ มีพระโองการ จะประหารพระชีวา,
แต่หากธิดามา และประนอมมโนฉันท,์
ยอมเปนวะธูบาท บริจาริกานนั ท,์
ไถ่โทษะชีวนั ก็จะงดพระอาญา.
ฝ่ ายนางก็ยอมตาม วรราชะบญั ชา,
พอ่ รอดพระชนมา กเ็ พราะลกู สิภกั ดี.
คร้นั นางเสด็จถึง วรมาละกาศรี
กม้ เกศและกราบที่ ทวิบาทพระภบู าล,
แลว้ ทูลแถลงโดย สิริสจั จะวาทหวาน
วา่ องคพ์ ระนงคราญ บมิอยากจะขดั ไท,้
แตไ่ ดป้ ะฏญิ ญา วรสัจจะมนั่ ไว้
ว่าจกั มิยอมให้ นรฝืนฤดรี ัก.
คร้งั น้ีแหละสุดแสน จะประดกั ประเดดิ นกั ,
เพราะวา่ บดิ ารกั จะบรอดพระชนมา,
จ่งึ ยอมถวายตวั และก็ไถ่พระโทษา
ขององคช์ นกนา- ถะบตอ้ งมลายชนม.์

24

เสร็จกจิ จะการดี กรณียะเปนผล,
กราบบาทยคุ ลตน มะทะนาจะลาตาย.
ว่าพลางยุพาชกั วรขคั คะแพรวพราย
แทงตรงพระทรวงตาย เฉพาะพกั ตร์พระภมู .ี
ตายแลว้ กาเนิดใน สุรภพพิศิษฎน์ ้ี;
ฝ่ ายองคพ์ ระภูมี กบ็ าเพญ็ พะลกี รรม,์
จนไดส้ าเร็จผล จรดลณแดนสฺวรรค์
มาพบและรักกนั เพราะวะเคยสิเนหา.

แตก่ รรมพระทาไว้ ณพระชาต์อิ ดีตมา

ขอ้ งขดั และขวางหน้า บม่ ิใหพ้ ระสมจินต.์

อนั ถอ้ ยดนุทูล ฤก็สัจจะท้งั สิ้น,
ขอองคพ์ ระผปู้ ิ่ น สุรเทวะปราณี.

[สุรางคณา, ๒๘]

สุเทษณ์. ทท่ี ่านเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ที่ทา่ นไมตรี

และเราขอเพยี ง เส่ียงเคราะหด์ ูที เผอื่ โชคจะมี ดีไดส้ ักครา.

มายาวิน. แลว้ แตจ่ ะโปรด, ไม่ทรงพโิ รธ ก็บญุ นกั หนา;

ขอประทานไฟ จะไดบ้ ูชา.

จติ ระรถ. (ร้องตะโกนส่ังไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่ส่ังไว.้

25

(คนใช้นาเครื่องทาพิธีออกมา, คือบายศรี ๑, หัวหม,ู เป็ด, ไก่, มะพร้าวอ่อน, ขันเหมสาหรับ
จุดไฟ, และเทียนชะนวนจุดไฟพร้อม; ของเหล่านเี้ อาไปต้งั ตรงหน้ามายาวิน, และมีคนเอาหญ้า
คามาทอดแล้วเอาหนงั กวางปูบนหญ้าคาเปนอาสนะ. มายาวินขนึ้ น่งั ขัดสมาธิ์บนอาสนะ, จดุ ไฟ
ในขันเหม, แล้วกล่าวคาบูชาต่อไปน.ี้ )

[สัทฺทุลฺลวิกฺกฬี ิต, ๑๙.]

มายาวนิ . โอมบงั คมพระคเณศะเทวะศิวะบตุ ร์

ฆ่าพิฆฺนะส้ินสุด ประลยั ;

อา้ งามกายะพระพรายประหน่ึงระวิอุทยั ,

กอ้ งโกญจนะนาทให้ สะหรรษ;์

เปนเจา้ สิปปะประสิทธ์ิวิวิธะวรรณ

วทิ ยาวิเศษสรร- พะสอน;

ยามฃา้ กอบกรณียพ์ ิธีมะยะบวร,

จงโปรดประทานพร ประสาท.

โอมนารายะณะเทพเถลงิ อรุ ะคะอาสน์,

ขีข่ ุนสุบรรณ์ราช จรลั ;

ถอื ศงั ขจ์ กั ระคะทาธรณิผนั

ปราบยกั ษะกมุ ภณั ฑ์ มลาย;

เชี่ยวชาญโยคะวธิ ีพระพีระอภิปราย

ดลกิจจะท้งั หลาย สะมทิ ธ์ิ.

ยามฃา้ กอบกรณียพ์ ธิ ีมะยะวจิ ิตร์

26

จงสมมะโนสิท- ธิเทอญ.

(พิณพาทย์ทาเพลงสาธกุ าร. มายาวินไหว้บูชาส่ีทิศ,แล้วร่ายมนตร์ต่อไป.)

อา้ สองเทเวศร์ โปรดเกศฃา้ บาท ทรงฟังซ่ึงวาท ที่กราบทูลเชิญ,

โปรดช่วยดลใจ ทรามวยั ให้เพลนิ จนลืมขวยเขนิ แลว้ รีบเร็วมา.

ดว้ ยเดขเทพไท ทรามวยั รูปงาม จงไดท้ ราบความ ฃา้ ขอน้ีนา,

แมค้ ิดขดั ขนื ฝื นมนตร์คาถา ขอให้นิทรา เขา้ สึงถงึ ใจ.

มาเถิดนางมา อย่าชา้ เช่ืองชอ้ ย ตูฃา้ น้ีคอย ตอ้ นรับทรามวยั .

อา้ นางโศภา อย่าชา้ มาไว ตูฃา้ ส่งั ให้ โฉมตรูรีบจร.

โฉมยงอยา่ ขดั รีบรัดมาเถดิ ขนื ขดั คงเกิด ในทรวงเร่ารอ้ น,

มาเร็วบดั น้ี รีบลลี าจร มาเร็วบงั อร ฃา้ เรียกนางมา.

(มายาวินประนมมือและนงั่ บริกรรม. พิณพาทย์ทาเพลงตระสันนิบาต. ทกุ ๆ คนตง้ั ตาคอย
มองดู. พอรัวท้ายตระ มทั นาเดิรออกมา, ตาจ้องเป๋ งไม่แลดใู ครและกิริยาอาการเปนอย่างคนทยี่ งั
หลบั อย่,ู และพดู หรือแสดงกิริยาอย่างคนท่ีฝัน. สุเทษณ์ลกุ จากบลั ลงั ก์ลงมาต้อนรับด้วยความ
ยนิ ดี แต่คร้ันเห็นมทั นาจงั งงั อย่ไู ม่ยมิ้ แย้มกช็ งัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.)

[สุรางคณา, ๒๘.]

สุเทษณ.์ นางมาแลว้ ไซร้ แตว่ ่าฉันใด จ่ึงไมพ่ ดู จา?

มายาวิน. นางยงั งงงวย ดว้ ยฤทธ์ิมนตรา, แตว่ ่าตูฃา้ จะแกบ้ ดั น้ี.
(พูดส่ังมทั นา.)

ดูกอ่ นสุชาตา มะทะนาวิไลยศรี,

27

ยามองคส์ ุเทษณม์ ี วรพจน์ประการใด,
นางจงทานูลตอบ มะธุรสธตรสั ไซร้;
เฃา้ ใจมิเฃา้ ใจ ฤก็ตอบพะจพี ลนั .
มทั นา. เฃา้ ใจละเจา้ ฃา้ ; ผิวะองคส์ ุเทษณ์น้นั
ตรสั มาดฉิ นั พลนั จะเฉลยพระวาที.

[วสนั ตะดิลก, ๑๔.] มะทะนาสุรางคศ์ รี,
บมเิ วน้ สิเน่หห์ นกั ;
สุเทษณ.์ อา้ โฉมวไิ ลยะสุปรฺ ิยา ก็จะยอมสมคั รัก.
ก็มิขดั จะคลอ้ ยตาม.
พ่รี กั และกอบอภริ ะตี วจะเจา้ แถลงความ?
สุรเทวะโปรดปราน.
มทั นา. บอกหน่อยเถอะว่าดะรุณิเจา้ อรไทยบแ่ จง้ การ?
สุเทษณ.์ ตฃู า้ สมคั ฤมสิ มคั ชยะโปรดสถานใด?
จริงฤๅนะเจา้ สุมะทะนา และบทอดบทงิ้ ไป.
ฤจะทอดจะทิ้งเสีย?
มทั นา. ฃา้ ขอแถลงวะจะนะตาม เพราะมอิ าจจะคลอเคลีย.
ฤจะหายเพราะเคลยี คลอ?
สุเทษณ.์ รักจริงมจิ ริงฤก็ไฉน บมิตอบพะจีพอ?

มทั นา. รกั จริงมิจริงกส็ ุระชาญ
สุเทษณ์. พร่ี กั และหวงั วธุจะรัก
มทั นา. พระรักสมคั ณพระหทยั

สุเทษณ.์ ความรักละเห่ียอุระระทด

มทั นา. ความรักระทดอุระละเห่ีย

สุเทษณ.์ โอโ้ อ๋กระไรนะมะทะนา

28

มทั นา. โอโ้ อ๋กระไรอะมระงอ้ มะทะนามิพอดี !

สุเทษณ์. เสียแรงสุเทษณน์ ะประดพิ ทั ธ์ มะทะนาบเปรมปรีย.์

มทั นา. แมฃ้ า้ บเปรมปฺริยะฉะน้ี ผิจะโปรดก็เสียแรง.

สุเทษณ์. โอร้ ูปวิไลยะศุภะเลดิ บมคิ วรจะใจแขง.

มทั นา. โอร้ ูปวไิ ลยะมละแรง ละก็จาจะแขงใจ.

(สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยงั คงตาลอยไม่จบั ตาอยู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จ่ึงลองพูดไปอกี .)

สุเทษณ.์ หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจา้ จะวา่ ไร?

มทั นา. ฃา้ บาทจะขดั ฤกม็ ไิ ด้ ผิพระองคจ์ ะทรงปอง.

สุเทษณ.์ ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบนอ้ ง?

มทั นา. เตม็ ใจมิเตม็ ดนุกต็ อ้ ง ประติบตั ์ริ ะเบยี บดี.

(สุเทษณ์ไม่พอใจในคาตอบของนาง, จึ่งหันไปพูดกบั มายาวิน.)

[สุรางคณา, ๒๘]

สุเทษณ์. แน่ะมายาวิน เหตใุ ดยพุ ิน จึงเปนเช่นน้ี?

ดรู าวมะเมอ เผลอๆ ฤดี ประดจุ ไมม่ ี ชีวติ จติ ใจ.

คราใดเราถาม หล่อนกย็ อ้ นความ เหมอื นเช่นถามไป,

ดงั น้ีจะยวน ชวนเชยฉันใด ก็เปรียบเหมอื นไป พดู กบั หุ่นยนตร์.

มายาวนิ . เทวะ, ที่นาง อาการเปนอย่าง น้ีเพราะฤทธ์ิมนตร์;

โยคะอนั ขลงั บงั คบั ไดจ้ น ให้ตอบยุบล ไดต้ ามตอ้ งการ

แตจ่ ะบงั คบั ใครๆ ให้กลบั มโนวญิ ญาณ,

29

ให้ชอบใหช้ งั ยืนยงั อยู่นาน ย่อมจะเปนการ สุดพน้ วสิ ัย.
หากว่าพระองค์ มพี ระประสงค์ อยู่เพียงจะให้
นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ฃา้ อาจผูกใจ ไวด้ ว้ ยมนตรา,
มิใหน้ งรัตน์ ด้อื ดึงข้ึงขดั ซ่ึงพระอชั ฌา,
บงั คบั ให้ยอม ประนอมเปนฃา้ บาทบริจา ริกาเทวนั .
สุเทษณ์. อ๊ะ ! เราไม่ขอ ไดน้ างละหนอ โดยวิธีน้ัน !
เสียแรงเรารกั สมคั ใจครัน อยากใหน้ างน้นั สมคั รกั ตอบ.
ผกู จติ ดว้ ยมนตร์ แลว้ ตามใจตน ฝ่ ายเดียวมชิ อบ,
เราใฝ่ ละโบม ประโลมใจปลอบ ใหน้ างนึกชอบ นึกรักจริงใจ.
ฉน้นั ท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อยา่ ชา้ ร่าไร,
หากเราโชคดี คร้ังน้ีคงได้ สิทธ์ิสมดงั ใจ; รีบคลายมนตรา.
มายาวิน. เอว เทวะ
(มายาวินประนมมือแล้วร่ ายมนตร์ ต่อไปนี)้

(วิชฺชุมฺมาลา, ๘.)

มายาวิน. อนั เวทอาถรรพ์ ทีพ่ นั ธ์ผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร์ อยูบ่ ดั น้ีนา,
จงเคลือ่ นคลายฤทธ์ิ จากจติ กญั ญา คลายคลายอยา่ ชา้ สวสั ดีสวาหาย !

(พิณพาทย์ทาเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่ าไปทางมัทนา. ฝ่ ายมทั นาค่อย ๆ
รู้สึกตัว, เอามือลบู ตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวกพ็ อได้สติบริบูรณ์. บดั นีน้ างเหลยี วแล
ไปเหน็ สุเทษณ์กต็ กใจ, ต้ังท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)

[ฉบงง, ๑๖.]

30

สุเทษณ.์ อา้ มทั นาโฉมฉาย เฉิดชว่ งดงั สาย วิชชปุ ระโชตอิ มั พร

ไหนๆ กเ็ จา้ สายสมร มาแลว้ จะรอ้ น และรนและรีบไปไหน?

มทั นา. เทวะ, อนั ฃา้ น้ีไซร้ มาน่ีอยา่ งไร บทราบสานึกสักนิด;

จาไดว้ ่าฃา้ สถิต ในสวนมาลิต และลมราเพยเชยใจ,

แตอ่ ยู่ดๆี ทนั ใด บงั เกิดรอ้ นใน อุระประหน่ึงไฟผลาญ,

รอ้ นจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ลม้ ลงส้ินสมฤด.ี

ฉันใดมาไดแ้ ห่งน้ี? หรือวา่ ไดม้ ี ผใู้ ดไปอุม้ ฃา้ มา?

ขอพระองคจ์ งเมตตา และงดโทษฃา้ ผบู้ ุกรุกถึงลานใน.

สุเทษณ์. อา้ อรเอกองคอ์ ไุ ร พี่จะบอกให้ เจา้ ทราบคดดี งั จนิ ต;์

พี่เองใชม้ ายาวิน ใหเ้ ชอญยุพิน มาท่ีน้ีดว้ ยอาถรรพ.์

มทั นา. เหตใุ ดพระองคท์ รงธรรม์ จ่ึงทาเชน่ น้ัน ใหฃ้ า้ พระบาทตอ้ งอาย

แกห่ มชู่ าวฟ้าท้งั หลาย? โอพ้ ระฦๅสาย พระองคบ์ ทรงปราณี.

(มัทนาร้องได้. พิณพาทย์ทาเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.)

สุเทษณ.์ อา้ ยอดสิเนหา มะทะนาวิสุทธิศรี,

อย่าทรงพระโศกี วรพกั ตร์จะหม่นจะหมอง.

พี่น้ีนะรักเจา้ และจะเฝ้าประคบั ประคอง

คู่ชิดสนิธนอ้ ง บม่ ใิ หร้ ะคางระคาย.

พ่ีรักวะธูนวล บม่ คิ วรระอาละอาย,

31

อนั นาริกบั ชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรกั .
รูปเจา้ วไิ ลยราว สุระแสรง้ ประจติ ประจกั ษ,์
มิควรจะรา้ งรัก เพราะพะธูพิถีพิถนั ;
ธาดาธสรา้ งองค์ อรเพราพสิ ุทธิสรรพ์
ไวเ้ พื่อจะผกู พนั - ธนะจติ ตะจองฤดี.
อนั พ่สี ิบญุ แลว้ ก็พะเอินประสพสุรี
แลรักสมคั มี มนะม่งุ ทนุถนอม
ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดปี ระนีประนอม
รับรกั และยินยอม ดนุรักสมคั สมาน.
หากนางมขิ อ้ งขดั ประดิพทั ธ์ประสมประสาน,
ท้งั สองจะสุขนาน มนะจอ่ บจดื บจาง.
อา้ ช่วยระงบั ดบั ทขุ ะพ่ีระคายระคาง;
พี่รกั อนงคน์ าง ผมิ สิ มฤดถี วิล,
เหมอื นพมี่ ิไดค้ ง วรชีวะชีวติ นิ -
ทรียไ์ ซรบ้ ใ่ ฝ่ จนิ - ตะนะห่วงและห่อนนิยม.
ชีพอย่กู ็เหมอื นตาย, เพราะมิวายระทวยระทม
ทุกขย์ ากและกรากกรม อุระช้าระกาทว,ี
อา้ ฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี

32

พอให้ดนูน้ี สุขะรื่นระเริงระรวย.

[วสันตะดลิ ก, ๑๔.] ดนุน้ีผเิ อออวย
บมติ รงกะความจริง.
มทั นา. ฟังถอ้ ยดารัสมะธุระวอน ประดพิ ทั ธะแด่หญงิ ,
จกั เปนมสุ าวะจะนะดว้ ย ผวิ ะจิตตะตอบรัก;
อนั ชายประกาศวะระประทาน จะเฉลยฉน้นั จกั
หญงิ ควรจะเปรมกะมะละย่ิง กจ็ ะหลงละเลงิ ไป.
แต่หากฤดีบอะภริ ม บมคิ ดิ จะปดใคร,
เปนปดและลวงบรุ ุษะรกั วรเมตตะธรรมา.
ตฃู า้ พระบาทสิสุจริต ฤกค็ วรจะปรีดา,
จ่งึ หวงั และม่งุ มะนะสะใน กรุณาธิคุณครัน;
อนั วา่ พระองคก์ รุณะขอ้ ย อุระแห่งกระหม่อนฉัน,
อีกควรฉลองวรมหา ทะนะตอบพระวาจา
ดงั น้ีคะนึงฤก็ระบม ผวิ ะทรงพระโกรธา,
ท่ีตนบอาจจะอภวิ นั - ทะยุคลและกราบกราน.
ใหถ้ ูกประดุจสุระประสงค,์
หมอ่ มฉันก็โอนศริ ะณบา- มะนะรักสมคั สมาน,
อภิรมยฤ์ เปนไฉน?
[อินทวงส,์ ๑๒.]

สุเทษณ์. ทีห่ ล่อนมยิ ินยอม
มคี ่สู ะมรมาน

[วสันตะดิลก, ๑๔.]

33

มทั นา. หม่อมฉนั บมีบุรุษะผู้ ประดิพทั ธะใดใด,
เปนโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมฤสมรส.

[อินทวงส์, ๑๒.] ดนุกลา่ วสิเนหะพจน์,
ก็มคิ วรฤดีจะดา.
สุเทษณ์. เช่นน้นั ก็เชิญฟัง
เจา้ งามประเสริฐหมด กส็ านึกเสนาะคา,
ดจุ ะไดท้ านูลมา.
[วสนั ตะดลิ ก, ๑๔.]
รสะรกั ฉน้นั ฤจ๋า?
มทั นา. หมอ่ มฉนั สดบั มะธุระถอ้ ย หะสะดว้ ยประการไฉน?
แตต่ อ้ งทานูลวะจะนะซ้า
พระจะผิดสะฐานใด?
[อนิ ทวงส์, ๑๒.] อนุวตั นพ์ ระบญั ฑูร.

สุเทษณ์. น่ีเจา้ มยิ อมรับ ก็ระตปี ระมวลประมูล,
ตวั ฉันจะเลวสา ทุขะทว่ มระทมหะทยั !
สิริลกั ษะณาวไิ ลย,
[วสันตะดิลก, ๑๔.] สติเพือ่ พะวงอนงค.์

มทั นา. อา้ องคพ์ ระผสู้ ุระวิศิษฎ์, วรศพั ทะท่านทรง
หมอ่ มฉันสิทรามเพราะบ่มไิ ด้

[อนิ ทวงส,์ ๑๒.]

สุเทษณ.์ ย่ิงฟังพะจศี รี
ย่งิ ขดั กย็ ่ิงพูน
อา้ เจา้ ลาเภาพกั ตร์
พจ่ี วนจะคลงั่ ไคล้

(วสันตะดิลก, ๑๔.)

มทั นา. โอโ้ อ๋ละเห่ียอุระสดบั

34

ออ้ ยองิ่ แสดงวรประสง- คะณตวั กระหมอ่ มฉนั ;

อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคณุ อเนกน้นั ,

จนใจเพราะผิดคตสิ ุธรรม์ สุจริตประตชิ ฺญา.

ขอใหพ้ ระองคอ์ ะมะระเท- วะเสวยประโมทา,

หม่อมฉนั จะขอประณตะลา สุระราชลิลาศไป.

(มทั นากราบแล้วต้งั ท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จบั ข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ.)

(ฉบงง, ๑๖.)

สุเทษณ์. ชา้ ก่อน! หลอ่ นจะไปไหน?

มทั นา. หมอ่ มฉันอย่ไู ป กเ็ คร่ืองแตท่ รงราคาญ.

สุเทษณ์. ใครหนอบอกแกน่ งคราญ วา่ พร่ี าคาญ?

มทั นา. หม่อมฉันสังเกตเองเหน็ .

สุเทษณ.์ เออ! หล่อนน้ีมาลอ้ เลน่ ! อนั ตวั พี่เปน คนโง่ฤๅบา้ ฉนั ใด?

มทั นา. หม่อมฉนั เคารพเทพไท ทลู อย่างจริงใจ ก็บมิทรงเช่ือเลย,

กลบั ทรงดารสั เฉลย ชวนชกั ชมเชย และชิดสนิธเสนหา.

พระองคท์ รงเปนเทวา ธิบดปี รา- กฎเกียรติยศเกรียงไกร,

มีสาวสุรางคน์ างใน มากมวลแลว้ ไซร้ ในพระพมิ านมณี,

จะโปรดปรานฃา้ บาทน้ี สกั กีร่ าตรี? และเมื่อพระเบ่ือฃา้ น้อย

จะมติ อ้ งนง่ั ละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเงอ้ ชะแงแ้ ลหรือ?

หม่อมฉนั น้ีเปนผูถ้ ือ สจั จาหน่ึงคือ วา่ แมม้ ริ ักจริงใจ,

35

ถึงแมจ้ ะเปนชายใด ขอสมพาศไซร้ ก็จะมยิ อมพรอ้ มจติ .
ดงั น้ีขอเทพเรืองฤทธ์ิ โปรดฃา้ นอ้ ยนิด, ฃา้ บาทขอบงั คมลา.

[กมล, ๑๒.] ชิชิชา่ งจานรรจา,
ฤกระบดิ กระบวนความ.
สุเทษณ์. (ตวาด) อเุ หม่ ! บมิตอบณคาถาม,
มะทะนาชะเจา้ เลห่ ์ กะละเลน่ สานวนหวล.
ตะละคาอุวาทา จะสดบั ดนูชวน,
ดนุถามกเ็ จา้ ไซร้ ชนะหลอ่ นทนงใจ.
วนิดาพยายาม และสมคั สมรไซร้
กแ็ ละเจา้ มิเตม็ จติ วนิดานิวาศสฺวรรค,์
ผิวะใหอ้ นงคน์ วล มรุอน่ื ก็ฃา้ พลนั
บม่ ิยอมจะร่วมรัก ยะบอ่ ยากจะยินยล;
กด็ ะนูจะยอมให้ จุตสิ ู่ณแดนคน,
ผวิ ะนางพะเอนิ ชอบ จะกาเนิดณรูปใด?
จะทรุ นทุรายศลั - ฤจะเปนอะไรไซร้,
เพราะฉน้ันจะใหน้ าง และจะสาปประดจุ สรร;
มะทะนาประสงคต์ น จะสานึกณโทษทณั ฑ,์
ทวบิ ทจะตรู ์บาท
วธุเลือกจะตามใจ
จะสถติ ฉน้นั กว่า

36

และผิวอนดนูพลนั จะประสาทพระพรให้
วนิดาจรลั กลบั ณประเทศสุราลยั ;
ก็จะชอบสะฐานใด วธุตอบดนูมา

[สาลิน,ี ๑๑.] พระจะลงพระอาญา
บมิมงุ่ จะอวดด.ี
มทั นา. อา้ เทพศกั ด์สิทธ์ิซ่ึง และก็โชคบพึงม,ี
ฃา้ เปนแต่เพียงฃา้ วรบาทพระจอมแมน.
หมอ่ มฉันน่ีอาภพั จะประจบและตอบแทน
จ่งึ ไมไ่ ดร้ องศรี คณนาประมวญม.ี
อนั ทรงเมตตาควร ฤดิฃา้ ณบดั น้ี,
คุณท่านที่มากแสน รุจเิ รขวิไลยวรรณ,
อนั โปรดให้เลือกตาม จะประสิทธ์ิประสาทพนั ธุ์
ขอเปนซ่ึงมาลี ธะระรื่นระรวยหอม.
สุดแทแ้ ต่จอมสรวง ก็จะไดป้ ระณตนอ้ ม
ขอเพยี งใหม้ คี นั - สุระบ่มบาเพญ็ บญุ .
ดว้ ยกลิ่นของฃา้ บาท มรุทรงพระการุญ,
ใจนิตยบ์ ูชาจอม
ฃา้ ขอแตเ่ พยี งให้

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ.์ ทเ่ี จา้ งอนงอ้ ขอน้ัน เราจะยอมสรร- พะสิทธิดงั ใจจนิ ต.์

37

มายาวิน. ดรู าท่านมายาวนิ , นางน้ีถวลิ จะถอื รูปเปนมาลี.
ก็บปุ ผาอย่างใดมี ทงี่ ามท้งั สี อีกท้งั มีกลนิ่ ส่งไกล?
แต่ตอ้ งใหม้ ีหนามไว้ ป้องกนั มใิ ห้ เหลา่ เดรจั ฉานผลาญยบั .
เทวะ ! อนั ไมง้ ามสรรพ มีลกั ษณ์ตอ้ งกบั พระองคด์ ารสั น้นั มี
ในนนั ทะโนทยานศรี องคพ์ ระศจี ธโปรดเปนยอดมาลา.
เห็นมีแตใ่ นฟากฟ้า ในแดนคนหา ไมน้ ้ีมไิ ดแ้ ห่งไหน.

[อินทะวเิ ชียร, ๑๑.] ชะกะสีอรุณแสง
ดรุณีณยามอาย;
มายาวนิ . ไมเ้ รียกผะกากุพ- สุวคนธะมากมาย,
ปานแกม้ แฉลม้ แดง มธุรสขจรไกล;
ดอกใหญ่และเกสร ดุจะเขม็ ประดบั ไว,้
อยทู่ นบวางวาย บมิใคร่จะห่างเหิน.
อกี ท้งั สะพรัง่ หนาม บริโภคอร่อยเพลิน,
ผ้ึงเขียวสิบินไขว่ นรล้ิมเพราะเลิดรส;
อนั กุพฺชะกาหอม, พิธะโทษะหายหมด,
รสหวานสิหวานเชอญ ทษุ ะเสมหะเสื่อมสรรพ;์
กนิ แลว้ ระงบั ตรี มะคุณาภริ มยน์ นั ท,์
คือลมและดลี ด และระงบั พยาธี.
อกี ท้งั เจริญกา-
เยน็ ในอุราพลนั ,

38

[ฉบงง, ๑๖.]

สุเทษณ.์ ดีละ, จะใหม้ ารศรี เปนดอกไมน้ ้ี โฉมยงจะวา่ ฉันใด?
มทั นา. ไหนๆ จะเปนดอกไม,้ หมอ่ มฉันพอใจ เปนดอกท่ีออกนามมา.

ฃา้ ขอกม้ เกศวนั ทา ท่ีจอมเทวา การุญใหเ้ ลือกเช่นน้ี.
สุเทษณ.์ ดว้ ยอานาจอิทธ์ิฤทธี อนั ประมวญมี ณตวั กผู แู้ รงหาญ,

กสู าปมทั นานงคราญ ใหจ้ ุติผา่ น ไปจากสุราลยั เลิด,
สู่แดนมนุษยแ์ ละเกดิ เปนมาลเี ลดิ อนั เรียกวา่ กพุ ฺชะกะ,
ให้เปนเช่นน้นั กว่าจะ รูส้ ึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ.
ทุกเดอื นเมอ่ื ถงึ วนั เพญ็ ให้นางน้ีเปน มนุษยอ์ ย่กู าหนดมี
เพียงหน่ึงทวิ าราตรี; แตห่ ากนางมี ความรกั บรุ ุษเม่อื ใด,
เมื่อน้นั แหละใหท้ รามวยั คงรูปอยู่ไซร้ บคนื กลบั เปนบุปผา.
หากรกั ชายแลว้ มทั นา บมีสุฃา- ภริ มยเ์ พราะเริดรา้ งรัก,
และนางเปนทกุ ขย์ ิ่งนกั จนเหลอื ท่จี กั อดทนอยูอ่ กี ต่อไป,
เมอื่ น้นั ผวิ า่ อรไทย กล่าววอนเราไซร้ เราจ่ึงจะงดโทษทณั ฑ.์

[จติ ระปทา, ๘.]

นางมะทะนา จตุ ิอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค,์
ไปเถอะกาเนิด ณหิมาวนั ดงั ดนุลน่ั วจสิ าปไว้ !
(พิณพาทย์ทาเพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถงึ รัวท้าย
มทั นาร้องกร๊ีดและล้มลมกับพืน้ )

(ปิ ดม่ำน.)

39

องกท์ ่ี ๒

ตอนท่ี ๑

ฉำก: ในกลำงหิมะวนั .

[เปนลานหญ้าอย่ใู นระหว่างต้นไม้ใหญ่งาม ๆ, ทตี่ รงกลางแห่งด้านหลังของเวที มีต้น
กุหลาบอย่ตู ้น ๑, ซึ่งมีดอกแต่ดอกเดียว, เปนดอกใหญ่, สีชมพแู ก่. นอกจากต้นกหุ ลาบมตี ้น
ดอกไม้อย่างอื่นอกี บ้างกไ็ ด้, และตามต้นไม้มกี ล้วยไม้กาลังออกดอกไสวอย่หู ลายช่อ.]

(เปิ ดม่านขนึ้ เหน็ เวทวี ่างอย่.ู แล้วนาค และศนุ , ศิษย์ของพระกาละทรรศินมนุ ี, จึ่งออกมา.)
นาค. มนั อยทู่ างน้ีแน่! แกไม่ไดก้ ลิน่ หรือ?
ศุน. ฮือ!
นาค. จะพูดอะไรก็ไม่พูด. มีแต่รอ้ งฮอื เท่าน้นั .
ศนุ . กจ็ ริงๆ น่ี ให้ตายสิ! (ลงน่ังเหยียดตีน, และแสดงอาการกิริยาเหนื่อย.)
นาค. จริงอะไร?
ศนุ . อยดู่ ีๆ ใชใ้ หต้ ามหากลิน่ , ใครจะไปหาพบ. (นอนเหยียดลงกับพืน้ )
นาค. ทาไมจมูกแกไมม่ หี รือ? (นั่งบนตอไม้.)
ศนุ . ก็มนี ่ะสิ! แตเ่ กิดมายงั ไมเ่ คยรับใชเ้ ชน่ น้ีเลย. ฃา้ สูดหากลนิ่ เสียจนจมูกเย้มิ แลว้ , รู้

ไหม?
นาค. จมูกเยิ้มกด็ ีอยู่แลว้ , แปลวา่ แกไมเ่ จบ็ .
ศุน. เอะ๊ ! อย่างไรกนั ?
นาค. ฃา้ เคยสังเกตเห็นอา้ ยด่างของฃา้ , เมอื่ ไรจมูกมนั แห้งละก็แปลวา่ มนั ไมส่ บาย.

40

ศนุ . อุวะ! แลว้ กนั ! เอาฃา้ ไปเฃา้ ประเภทหมาเสียแลว้ !
นาค. กด็ นี ี่นะ; หมาจมกู มนั เก่งกวา่ คนเราอกี .
ศนุ . (ยกมอื ขนึ้ ปัด) เฮย้ ! อย่าเล่นน่า! จกั๊ ะจ้.ี (ผงกหัวขนึ้ มองดู.) เอ๊ะ! พิกลแฮะ หมายวา่

แกเลน่ รงั แกอกี . ทีแ่ ทแ้ มลงภนู่ ่ะเอง. (นอนลงอกี .)
นาค. แกวา่ แมลงภู่หรือ? เอ! ท่าทางชอบกล! (ลกุ ขนึ้ เดิรมอง.)
ศุน. นน่ั ลกุ ข้ึนเดิรไขว่อย่ทู าไมนะ? ฃา้ เวียนหัวพลิ กึ .
นาค. ทีไ่ หนมแี มลงภตู่ อ้ งมขี องหอม, ฉน้นั – (เดิรค้นต่อไป.)
ศนุ . (เอกเขนกขึน้ , หันหน้าไปทางหลงั เวท.ี ) แกน่ี- (เห็นดอกกหุ ลาบ, จ่ึงร้องขนึ้ .) นนั่

แน่! ไดต้ วั แลว้ , ใหต้ กนรกสิ!
นาค. อะไร?
ศุน. อา้ ยของหอมของแก. (ชีด้ อกกหุ ลาบ.) นน่ั เปนไร.
นาค. (เดิรเข้าไปยงั ต้นกุหลาบ.) จริงของแก; อา้ ยดอกนี่เอง. เอ๊ะ!เฃาเรียกดอกอะไรนะ?
ศนุ . ชบา.
นาค. บดั ซบ! ชบาหอมมหี รือ?
ศุน. มี หอมเขยี ว!
นาค. มลิ กั ขู! หอมเขยี วมหี รือ?
ศนุ . ไม่มีกเ็ เลว้ ไปสิ.
นาค. อีกประการหน่ึง, ชบาไม่มีหนาม; น่ีหนามชุมพิลกึ .
ศนุ . ถา้ ฉน้นั เรียกว่าอะไรล่ะ?

41

นาค. ถา้ ฃา้ รูฃ้ า้ จะถามแกหรือ? แตบ่ างทโี สมะทตั จะรูจ้ กั . ไปบอกข่าวใหเ้ ฃาทราบเหน็ จะ
ดนี ะ.

ศุน. ดีสิ. แกรีบไปเถอะ.

นาค. ก็แกล่ะ?

ศุน. ฃา้ จะอยเู่ ฝา้ อา้ ยตน้ ไมน้ ่ี. (นอนลงอีก.)

นาค. ชิๆ! มนั จะหายไปไหนได้เทยี วนะ. ตน้ ไมม้ นั เดิรหนีไปเองไดเ้ มอ่ื ไร.

ศุน. ก็เผ่อื มคี นมาลกั เอาไปเสียละ่ ?

นาค. ผคู้ นอะไรมมี าในป่ าน้ีนอกจากพวกเรา.

ศนุ . ก็พวกเราน่ะแหละ; ถา้ แมว้ า่ เราไปเสียท้งั สองคน, แลว้ มีคนอื่นในพวกเรามาพบ
ตน้ ไมน้ ่ีเขา้ แลว้ รีบเอาความไปเรียนทา่ นอาจารยไ์ ดก้ อ่ น, เรามขิ าดทนุ หรือ?

นาค. กจ็ ริงอยู่, แตว่ ่าถา้ ทา่ นอาจารยไ์ ดท้ ราบฃา่ วที่ทา่ นปราถนาแลว้ ก็เปนผลเทา่ กนั ไมใ่ ช่
หรือ?

ศนุ . มนั จะเทา่ กนั อย่างไรได,้ พอ่ เจ้าประคณุ เอ๋ย. ใครเปนผเู้ อาความไปบอกไดก้ อ่ นคน
น้นั ก็ตอ้ งไดบ้ าเหนจ็ สิ.

นาค. ถา้ เช่นน้นั แกไปบอกฃ่าวเถอะ, จะไดไ้ ดบ้ าเหนจ็ .

ศนุ . อ๋อ, ฃา้ ไม่เปนคนท่อี ยากไดบ้ าเหนจ็ ถึงปานน้นั ดอก. แกไปเถอะ.

นาค. สรูปความกเ็ ปนอนั วา่ แกข้เี กยี จเกินท่จี ะเดิรไปรบั บาเหนจ็ , แตไ่ ม่อยากให้ใครแย่ง
ความชอบ, ฉน้นั หรือ?

ศุน. สรูปความวา่ แกมวั พดู อยู่เชน่ น้ีเสียเวลาเปล่า! จะไปกไ็ ปเถอะ เด๋ยี วกจ็ ะตามหาโส
มะทตั ไม่พบเท่าน้นั เอง!

(โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศินออก.)

42

โสมะทตั . ไดย้ ินใครออกช่ือฉนั หรือ?

ศุน. (ตกใจ, รีบน่ังขนึ้ .) ผมเอง, ขอรับ, ออกนามนาย. (ชีต้ ้นกุหลาบ.) ผมหาพบดอกไมท้ ่ี
ส่งกลนิ่ หอมไดแ้ ลว้ ขอรับ. นนั่ ขอรับ.

โสมะทตั . กด็ แี ลว้ , แตท่ าไมไมร่ ีบไปบอกฉนั ?

ศนุ . ผมกาลงั จะรีบไปอยแู่ ลว้ -

โสมะทตั . ฉน้นั จ่งึ ยงั นอนเหยียดยาวฉน้ันหรือ?

ศนุ . ท่ีผมเหยยี ดน้นั ก็เพือ่ ให้แขง้ ขายดื เสียก่อน แลว้ จะลกุ ข้ึนว่ิงไปโดยรวดเร็วเต็มฝีเทา้ .

โสมะทตั . ออ้ ! ถา้ ฉน้นั เมื่อไดเ้ ตรียมพร้อมอยูแ่ ลว้ ทจี่ ะวิง่ ก็ออกว่ิงไปเรียนท่านอาจารยใ์ ห้
ทราบเดยี๋ วน้ี.

ศุน. ขอรบั ! ไปปร๋ือเปนลมพดั เทยี วละขอรับ. (ไหว้แล้วลกุ ขึน้ วิ่งเข้าโรงไป.)
(โสมะทตั ไปพิจารณาดกู หุ ลาบด้วยความพิศวงอย่คู รู่ใหญ่ๆ แล้วจึ่งกล่าวคาชม.)

[อปุ ฏั ้ติ า, ๑๑.] บมิเห็นณแห่งใด

โสมะทตั . อนั บุษปะประหลาด

งามสรรพะวไิ ล- ยะวิเศษะมาลี;

สีแดงก็มิจา้ ดุจะดอกชบาสี,

งามดงั ดรุณี ยละเพลินเจริญตา.

กลน่ิ หอมก็ระรวย รสะลมราเพยพา

ถงึ ไหนฤก็น่า จะระร่ืนพิรมหวล.

แมแ้ ตง่ ศิระเกลา้ วนิดาลอองนวล

เห็นแน่จะประมวญ วรลกั ษะณานาง;

43

ลอยภาชะนะน้า ก็จะทาอทุ กพลาง

หอมร่ืนระสะอย่าง สุรเทวะโอสถ.

จดั ภาชะนะต้งั พะลเิ ทวะทรงยศ,

กลิน่ หอมบละลด จะประลุณเเดนสรวง.

อนั บุษฺปะประเสริฐ ณสกลพิภพปวง

งามเลิดและเหมาะดวง ฤดเิ ท่าบพึงหา.

(พระกาละทรรศินคณาจารย์ออก, มีศนุ กบั บริวารอ่ืน ๆ ถือจอบเสียมตามมาหลายคน.)

[ฉบงง, ๑๖.]

กา ไหนเล่าตน้ ไมท้ ่วี ่า มีดอกสง่า และหอมประเสริฐส่งไกล?
ละทรรศนิ .

ศุน. อยนู่ ี่เจา้ ฃา้ ! ฃา้ ไซร้ เปนผทู้ ไี่ ด้ ประสพพบดอกอศั จรรย.์

นาค.. ตูฃา้ มาดว้ ยพรอ้ มกนั .

ศนุ . แต่ว่าดฉิ นั เปนผปู้ ระสพพบแท.้

นาค.. ตฃู า้ เดริ หาเจยี นแย่ ส่วนเฃานอนแผ่ สบายอยู่กลางปัฐพี.

ศุน. จะนอนหรือนง่ั ตามที แตเ่ ห็นของดี-

นาค เพราะโชคเท่าน้นั บนั ดาล!

กา มวั เถียงกนั ไมเ่ ขา้ การ! ไปเกบ็ ดวงมาลย์ มาใหเ้ ราพลนั ทนั ใด.
ละทรรศนิ .

(พระกาละทรรศินไปนง่ั บนตอไม้. ฝ่ ายนาคกับศนุ นั้นต่างวิ่งแย่งกนั ไปเกบ็ ดอกกหุ ลาบ;
นาคเปนผ้ยู ื่นมือเข้าไปถกู หนามเข้ากห็ ดมือกลับโดยอาการตกใจ, ฝ่ ายศนุ หัวเราะเยาะและยน่ื มือ
เข้าไป, กถ็ กู หนามบ้างต้องหดมือกลบั ออกมาเหมือนกนั .)

44

โสมะทตั . สองคนอยา่ มวั ร่าไร! ทา่ นสั่งแลว้ ไย มทิ าดงั ท่านบญั ชา?

นาค.. ไม่ไหวจริงๆ เจา้ ฃา้ .

ศุน. ท่านดลี องมา เก็บเอาไปเองเถิดหนอ.

โสมะทตั . อย่ามวั พูดจาต่อลอ้ ตอ่ เถียงเราหนอ; จงเก็บดอกไมโ้ ดยพลนั .

นาค.. โอช้ า่ งไม่เห็นใจกนั ! ใช่ว่าดิฉนั จะแสร้งขดั คาพีพ่ ราหมณ์;

จริงๆ อยากใคร่ทาตาม, แต่วา่ ถูกหนาม!

ศนุ . โอยเจบ็ พิลึกกึกกอื !

โสมะทตั . แกท้งั สองคนหวั ด้อื , ไรค้ วามนบั ถอื จ่ึงขดั คาเราผใู้ หญ่;

ชา่ งเถดิ ไมจ่ าตอ้ งใช!้

ศนุ . ดแี ลว้ เชอญไป ถูกหนามเล่นบา้ งแหละด!ี
(โสมะทตั ตรงเข้าไปจะเดด็ ดอกกุหลาบ, ถูกหนามเข้าบ้างต้องหดมือออกมา. ศิษย์สองคน

หัวเราะ. ซึ่งทาให้โสมะทตั ขดั ใจ, ชักมีดเหน็บออกจะฟันก่ิงกุหลาบ.)
กา ชา้ กอ่ น! อย่าตดั มาลี ทง่ี ามเชน่ น้ี; เราอยากใคร่ใหข้ ุดไป
ละทรรศนิ .

ปลกู หนา้ อาศรมเพื่อได้ ดเู ล่นต่อไป อีกนานสาราญฤดี.
(โสมะทัตส่ังพวกบริวารให้ขุดต้นกหุ ลาบ. พอบริวารเอาเครื่องมือขุดลงกม็ ีเสียงเหมือน
ผ้หู ญิงร้อง “โอ๊ย!” พวกบริวารตกใจ, โจษย์กนั ต่าง ๆ นานา. โสมะทตั บงั คับให้ขดุ อีกกม็ ีเสียง
ร้องเช่นนน้ั อกี ทุกคราว เล่นตลกพดู กนั เองพอสมควร, แล้วในทส่ี ุดพวกบริวารไม่มใี ครกล้าขุด.
โสมะทัตจะลงมือขดุ เอง, แต่พระกาละทรรศินยกมือห้ามไว้.)

[อเุ ปนทะวิเชยี ร, ๑๑.]

45

กา อ๊ะ! อย่านะอยา่ เพอ่ ! ผวิ ะมงิ่ สุมาลี
ละทรรศนิ .

จะไปกะเราน ละกจ็ ่งึ จะพาไป:

เพราะเราสิเล็งญา- ณะเเละทราบฉน้ีได;้

ผะกาพิเศษไซร้ บมใิ ชผ่ ะกาจริง,

และเปนวะธูผู้ ปะระเศรษฐะยอดหญิง,

เพราะรักษะสัจยง่ิ บมิยอมจะเสียธรรม,์

กถ็ กู การาบให้ จุติจากณแดนสฺวรรค์

กาเนิดประดุจพนั - ธุผกาพิเศษน้ี.

ณวนั พระจนั ทร์เพญ็ ก็จะเปนสุนารี

และคงฉน้นั มี เฉพาะหน่ึงทิวากาล

และเอกะราตรี ก็จะกลบั สกนธป์ าน

ผะกาสุคนธ์หวาน รสระรื่นระรวยไซร.้

ณถิน่ วนารัณ- ยะกะน้ีสิอยู่ไกล

กฎุ แี ละทิ้งไว้ จะลาบากสกนธน์ าง;

ฉน้นั จะกลา่ วชวน จระไปณสวนขา้ ง

กุฎีดนูพลาง จะทนุถนอมด.ี

(พระกาละทรรศินลุกขนึ้ ไปทต่ี ้นกหุ ลาบแล้วพดู กบั ต้นกุหลาบต่อไป.)

[สัทธะรา, ๒๑.]


Click to View FlipBook Version