The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เป็นบทละครพูด พระราชนิพนธ์ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kkao2542, 2021-03-16 01:07:29

วรรณกรรมไทย เรื่อง มัทนะพาธา

เป็นบทละครพูด พระราชนิพนธ์ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๖

Keywords: มัทนะพาธา

146

บาเรอบาทะคา่ เชา้ บเคยคลาดและคลาไกล.

พระแมโ่ ปรดกระหมอ่ มฉนั กอ็ ยา่ พลนั เสด็จไป,

จะทรงท้งิ สะขใี ห้ อนาถโอบ้ สงสาร.

มทั นา. อะ๊ ปรฺ ียมั วะทานาง จะหมองหมางมิเฃา้ การ,

มใิ ชฉ่ ันมสิ งสาร ฤชิงชงั นะหลอ่ นเอ๋ย.

เพราะต้งั แตด่ ะนูไป ณกรุงไกรก็ทรามเชย,

บาเรอจติ สนิธเคย ประจบดีบเวน้ วนั ;

และเห็นแลว้ ละรักจริง ผจิ าทง้ิ ก็ตวั ฉนั

จะเสียใจและโศกศลั ย์ มินอ้ ยแน่ละโฉมตรู.

ผเิ ทวาธเก้ือกูล จะลองทูลและถามดู,

ผิพานางนะไปอยู่ กะฃา้ ไดจ้ ะพาไป.

ปริยมั วะ พระแมเ่ จา้ เสด็จสู่ พิภพสฺวรรคณ์ ช้นั ใด
ทา.

ก็อยากตามเสด็จไป บาเรอบาทบคลาดคลา.

(บัดนศี้ นุ มารายงานกับปริยมั วะทาว่าพร้อมแล้ว, มัทนาจ่ึงลุกจากตอไม้ไปนง่ั ทหี่ น้ากองฟื น
และก่อไฟ. คนอ่ืนน่ังในทอี่ ันควร. มทั นาจดุ ไฟเสร็จแล้วกล่าวคาวอนเทวดา.)

(รโธทฺธตา, ๑๑) ประชมุ นะฃา

มทั นา. ฃา้ ประณมกะระกระพุม

ไหวส้ ุเทษณ์วระมหา มหิทธบิ รู ณ์,

เชอญสดบั สุวระพจน์ ประณตทานูล

147

วอนพระองคะอนุกลู และเมตตะดว้ ย.

ยามดนูสิทุขะจตั ธตรัสจะช่วย

โดยพระมงุ่ กรุณะอวย พระพรประทาน;

ฃา้ พระบาทฤทขุ ะมี ฤดีจะราน,

เทวะโปรดและอุปะการ จะสิทธิผล:

เมตตะธรรมะนะสิจนุ และหนุนสกล

ชว่ ยผดงุ นิกะระชน ประโลมฤด.ี

เชอญเสด็จอะมะระมา ณวาระน้ี,

รับเสวยวระพลี ดนูถวาย.

โดยดนูทขุ ะวิโยค และโชคกห็ าย,

อยากจะใคร่ชิวะมลาย บ่ทนและทุกข,์

อยูก่ โ็ ศกะจะทวี บมีสนุก,

สามทิ ง้ิ ฤวะจะสุข ฤมเี จริญ

(ตกั นา้ มันเนยหยอดที่กองไฟ, แล้วกล่าวต่อไป.)

อา้ สุเทษณผ์ ิกรุณา ก็ฃา้ สิเชอญ

ลอ่ งนะภาพะระและเหิร ระเหจ็ และมา.

โปรดเถอะองคอ์ ะมะระรบั สดบั วะทา,

ฃา้ พระบาทมะทะนา จะทลู อะมร!

148

(พิณพาทย์ทาเพลิงตระเชอญ. พอถงึ รัวท้ายตระ เมฆด้านหลังเวทีแหวกออก, และสุเทษณ์
ลอยอย่ใู นระหว่างเมฆ, แต่สมมตว่าไม่มใี ครเหน็ นอกจากมัทนา.)

[สวาคตา, ๑๑] วจะวา่ วอน,

สุเทษณ.์ ฃา้ สดบั สุมะทะนา

ใจก็นึกกรุณะหลอ่ น ฤดสิ งสาร;

เลง็ กร็ ูณ้ พะหุเหตุ์ ทุขะเภทพาล

ใคร่จะชว่ ยและอปุ ะการ ยุวะนารี.

หากวะ่ โฉมศุภะอนงค์ จะประสงคล์ ี

ลาณแดนสุระวะดี กจ็ ะพาไป,

เพอ่ื ถนอมวระวะธู ดจุ ะคู่ใจ

เปนมะเหษอิ รไทย ก็จะแสนสุข;

ฃา้ จะเล้ยี งสะมระรัตน์ และขจดั ทุกข,์

ชวนภิรมยร์ ะติสนุก บมิเวน้ วนั .

ฃา้ จะหาสุระนะรี ยวุ ะดสี วรรค.์

เปนสะขคี ณะกานลั ปฏิบตั ์นิ าง,

ทกุ ทิวาจะบมิตอ้ ง ฤดิหมองหมาง,

นง่ั สดบั สุดุริยาง- คะประเลงนิตย;์

ในสุราละยะวิมาน จะสราญจิต,

แนบดะนูมะนะสนิธ และสิเนหา;

149

คงบท่ ากะมละหมอง ชละนองตา

เชน่ พระองคะนรสา- มกิ ระทาแลว้ !

เชอญนะรีระตะนะมิง่ มณิยิ่งแกว้

ไปกะฃา้ ละกจ็ ะแคลว้ ภยะดว้ ยพลนั .

เชอญนะรีสิริสารวย จระดว้ ยกนั ,

สู่พภิ พอะมระสรรค์ เถอะจะวา่ ไร?

(มัทนาก้มหน้าน่ิงนึกอย่สู ักครู่ ๑ ก่อน, แล้วจ่ึงคลานเฃ้าไปทางด้านหลังและยกมือไหว้,
แล้วทูลตอบอย่างฉาดฉาน.)

(รโรทฺธตา, ๑๑) ก็จบั ฤทยั ,

มทั นา. ฟังพระวาทะวรศพั ท์

เหน็ พระทรงกรุณะไซร้ บจืดบจาง;

ฃา้ จะทลู นะฤกย็ าก บอยากจะพราง,

แตม่ ิทูลอะมระทาง ก็คงมโิ ปรด.

ฃา้ พระบาทะฤกเ็ ขลา และเฉาและโฉด,

คงมิพน้ สุระพโิ รธ และโทษะกร.

ฃา้ เฉลยพระมะธุรส สุราดศิ ร

ไดก้ ด็ งั ประดุจะก่อน ณภมู สิ รรค.์

อนั จะทรงพระกรุณา ณฃา้ ฉน้นั ,

เปนพระคณุ ดะนุจะพรร- ณะนาบได้;

150

หากจะมีวิถิถนดั บขดั หะทยั ,
ท้งั จะใชณ้ ธุระใด บมีระอา,
แต่จะโปรดดะนุและให้ คระไลนะภา
เปนพระบาทะบริจา- ริกาฉน้ี,
เกรงจะผดิ พระนิตธิ รร- มะอนั นะรี
เสพยก์ ะสองบุรุษะมี ฤใครจะชม?
อนั พระองคอ์ ะมระเศรษ- ฐะเดชอุดม
จ่งึ มคิ วรจะอภิรม- ยะนาริทราม;
ฃา้ ทานูลวะจะนะตรง ดารงณความ
สตั ฺยะธรรมะคะตงิ าม นะเทวะไท!

[สวาคตา, ๑๑] ก็จะวา่ ไร?
บมจิ งจินต,์
สุเทษณ์. พูดพกิ ลละมะทะนา, และณแดนดิน
ชวนณสรวงกบ็ มิไป ก็จะขนื อยู่;
หล่อนจะคงกะมละแคน้ ฤกฃ็ า้ ดู
อยู่จะแสนทุขะยุพิน จะประสาทใด,
อนั จะชว่ ยธุระยพุ า คะอะนงคไ์ ด?้
ไร้วิถแี ละก็ดะนู ดนุรู้ที.
จึงจะสมวรประสง-
จงเฉลยวะจะนะให้

151

[รโธทธฺ ตา, ๑๑.] พระสามิท่ี
ณเกศถกล.
มทั นา. ใดจะพึงกะมละกว่า ประสิทธิผล,
เปนวราภะระณะศรี หทยั ถนดั
ฃา้ ก็ขออะมระฤทธ์ิ นเรนทะรัตน,์
ชว่ ยประสาทะสุขะดล ตนิ าและมา
แห่งพระวรี ะชยะเสน ฉน้นั แหละฃา้
ใหพ้ ระจากนะคะรหสั ฺ- จะเปรมหทยั !
รบั ดนูจระณขณั ฑ,์
โศกจะส่างและมะทะนา วธุห่วงได,้
บมยิ อมรัก?
[สวาคตา, ๑๑.] ก็สบดั พกั ตร์,
บมมิ ดี .ี
สุเทษณ์. ผวั ก็ทิ้งและบมหิ วง ละนะคร้ ังน้ ี;
ทีดะนูวะธุไฉน มะนะรกั ไซร้,
ฃา้ จะวอนสุปิ ยะรัตน์ ฤจะยอมให้
ราวกะทรามและทรุ ะลกั ษณ์ นะฤอยา่ คดิ .
ฃา้ จะกล่าววะจะนะจงั อภิรมจิต,
คอื ผินางจะบมิมี
ฃา้ จะมีฤดิประนอม
หลอ่ นนะรกั บุรุษะใด
เมอ่ื ดนูจะบมิสม

152

จกั มิยอมบุรุษะชิด มะทะนาแลว้ .

จาจะลาละปิ ยะนาฎ เพราะจะคลาดแคลว้ ,

คงมิเหน็ สุวะธุแกว้ มณิกลอยตา.

แต่ณกาละทิวะน้ี วนิดาภา

เปนสุกพุ ฺชะกะผะกา บมิเปล่ียนเลย,

เพ่อื ประกนั บรุ ุษะอ่ืน บมิช่ืนเชย.

โฉมอนงคด์ รุณิเอย, วจะฃา้ ขลงั ,

สาปกจ็ กั อะจริ ะสิท- ธิสะมทิ ธ์ิดงั

ฃา้ ประกาศวะจะนะสงั่ นะสดบั ด:ี

กลายเถอะร่างสุมะทะนา ดุจะมาล,ี

เปนสุกพุ ฺชะกะฉน้ี เถอะนิรันดร!

(พิณพาทย์ทาเพลงรัวสามลา. มัทนาฟบุ ตัวก้มหน้าลงและนิ่งไปเหมือนตาย, แล้วค่อยๆ
กลายเปนต้นกุหลาบอย่างเช่นทีเ่ ห็นในต้นองก์ท่ี ๒ สุเทษณ์ดูอยู่จนนางกลายเปนกหุ ลาบไปแล้ว
กห็ ายไปในกลบี เมฆ. คนอื่น ๆ จ้องดมู ทั นาอย่ดู ้วยความประหลาดใจอย่างมิรู้ทางเหนือทางใต้,
จนจบเพลงจ่ึงต่างคนต่างสกิดกันและพูดกนั ซุบซิบ, เว้นแต่ปริยมั วะทาวิ่งเฃ้าไปท่ีต้นกุหลาบ
และกล่าวคาครวญ.)

[ปิยวทา, ๑๒]

(พิณพาทย์ทาเพลงโอด: ปริยัมวะทาร้องไห้สอึกสอืน้ .. พอจบหน้าพาทย์กพ็ อพระกา

ละทรรศินเดิรนาเสดจ็ ท้าวชัยเสนออกมาทางซ้าย; นนั ทิวรรธนะ, โสมะทัต, และนายทหารตาม

ออกมาด้วย. ในชั้นต้นผ้ทู ่มี าใหม่ยังไม่มีใครเห็นต้นกหุ ลาบ.)

[ฉบงง, ๑๖]

153

ปริยมั วะ ทขุ ะอะโหพระมะทะนา พระมาตวุ ร,
ทา.
พระจะมะลายพระชิวะจร พระแมไ่ ฉน
บมิดารัสวะจะนะชวน, พระด่วนคระไล,
พระมละทง้ิ ดะนุพิไร พิลาปอะนนั ต;์
พระวรคณุ อดุละครอง และป้องและกนั ,
ดนุฉน้ีฤจะมิศลั - ยะเศรา้ อรุ า.
ก็ผิวะรูณ้ คตฃิ า ปฺริยมั วะทา
ฤจะมิตามพระวรมา- ตุวายชิวาตม?์
พระปิ ยะเทวจิ ระไป กใ็ จจะฃาด;
ผวิ ะจะตามยคุ ะละบาท มขิ ดั และขวาง,
จะตริ ะตามบะทะดาเนิร บเหินบห่าง
และประติบตั ์ปิ ระดจุ ะอยา่ ง อดีตะกาล.
ชะชะพระมจั จฤุ กระไร หทยั ธพาล,
ก็ดนุน้ีสิมิประหาร, ประหารพระแม่.
ทุขะระทมกะมละเปล่ยี ว จะเหลยี วจะแล
กบ็ ประสพสุขะณแด, จะพ่งึ ณใคร?
พระปิ ยะมาตจุ ระด้นั ณสรรคะใด
ดนุจะขอจะริกะไป ณกาละน้ี!

154

ชยั เสน. เอ๊ะ! พระคุณว่าเทวี เธออยูแ่ ห่งน้ี, แต่บเห็นทรามวยั .

กา เทวีต้งั แต่มาไพร, ทุกสัปดาห์ได้ เสด็จณแดนดงน้ี,
ละทรรศนิ .

เพอ่ื ทรงทากจิ พล;ี นี่กองอคั คี ยงั อยเู่ พอื่ เปนพยาน.

เธอว่าจะกอบยญั ญะการ วอนเทพพศิ าล ขอใหอ้ านวยพรศรี.
(ระหว่างนโี้ สมะทัตได้แลเหน็ ต้นกหุ ลาบแล้ว, จ่ึงเฃ้าไปไหว้อาจารย์และพดู .)

โสมะทตั . ฃา้ ขอโอกาสมุนี! โปรดดทู างน้ี (ช้ีตน้ กุหลาบ.)

กา (เหลยี วไป, และพดู อย่างตกใจ.) อะโห! เรามาชา้ ไป!
ละทรรศิน.

ชยั เสน. เอะ๊ ก็นนั่ นารีใด ซบตวั ร้องไห้ อยูท่ ฃ่ี า้ งพุม่ พฤกษา?

กา นนั่ คือปรฺ ิยมั วะทา นารีทม่ี า พรอ้ มกบั พระราชเทวี.
ละทรรศนิ .

ชยั เสน. ปรฺ ิยมั วะทานารี, ฃา้ ขอโทษที; เชอญเจา้ มาหาฃา้ เถดิ !

(ปริยมั วะทาคลานมากราบทา้ วชยั เสน.)

ปริยมั วะ จงเล่าให้เราว่าเถิด เหตุใดโฉมเฉิด จ่ึงไดโ้ ศกาอาดูร.
ทา. เร่ืองทีห่ มอ่ มฉนั จะทูล องคน์ เรนทร์สูร คงแทบมทิ รงเชื่อได.้

ชยั เสน. เอาเถดิ แถลงเร่ืองไป, อนั เราน้ีไซร้ จะเช่ือจะฟังบงั อร.

[อินทะวเิ ชียร, ๑๑.] มะทะนาเสด็จจร

ปริยมั วะ ต้งั แตพ่ ระเทวี
ทา.

155

มาสู่พะนาดร พระฤดบี มีสุข,
เฝา้ แต่จะทรงศลั - ยะกาสรวลและครวญขุก
เขญ็ มีทวีทุก ทิวะราตริโศกา.
จ่งึ ทรงพระปรารภ พะลิบวงสุเทวา,
ทุกเสาร์เสด็จมา วนะถิน่ สนามน้ี.
กอ่ อคั คขิ ้ึนแลว้ ละก็กลา่ วพระวาที
ทูลเทวะนามมี พระสุเทษณว์ เิ ศษฤทธ์ิ,
ขอใหเ้ สด็จมา และประทานพระพรสิทธ์ ิ,
ขอให้ธปลดปลิด ทขุ ะทว่ มณวญิ ญาณ์.
ไดต้ ้งั พะลีกรร- มะณสามสุสบั ดาห,์
แต่ยงั บเห็นปรา- กฏะผลณการยญั .
จนมาณคราน้ี สิประเดิมพะลกี รรม์
ไมช่ า้ ก็หมอ่ มฉัน นะสิเห็นพิกลนกั ,
คอื เห็นพระแมเ่ ธอ นะชะเงอ้ และแหงนพกั ตร์
สู่ฟ้าประดุจจกั จะทานูลกะเทพไท;
หม่อมฉันชะเงอ้ บา้ ง กบ็ เหน็ วะ่ มใี คร,
แตอ่ งคพ์ ระแม่ไซร้ ธประพฤต์ปิ ระดจุ เห็น,
ท้งั เง่ียพระโสตฟัง วะจะดงั จะยินเจน

156

แลว้ ตรสั เฉลยเปน คติถอ้ ยกระทงความ,
ฃา้ จากระแสได้ และจะขอพยายาม
ทลู เลา่ แถลงตาม วรพจนพ์ ระแม่วา่ :

(รโธทฺธตา, ๑๑) คระไลนะภา
ริกาฉน้ี,
“อนั จะโปรดดะนุและให้ มะอนั นะรี
“เปนพระบาทะบริจา ฤใครจะชม?
“เกรงจะผดิ พระนิตธิ รร- ฐะเดชอดุ ม
“เสพยก์ ะสองบรุ ุษะมี ยะนาริทราม;
“อนั พระองคอ์ มระเศรษ- ดารงณความ
“จ่งึ มิควรจะอภริ ม- นะเทวะไท!”
“ฃา้ ทานูลวะจะนะตรง
“สตั ยะธรรมะคติงาม วะทะชวนจะพาไป
ผิวะยอมสิเนหา,
[อนิ ทะวเิ ชยี ร, ๑๑.] จะประนอมกะเทวา!
ฤกร็ ู้อยู่แลว้ ด.ี
ชยั เสน. ออ้ ! คอื สุเทษณ์กลา่ ว อภปิ รายะอกี ที
ยงั ฟ้าสุราลยั เพราะวะ่ ยงั มจิ บลง.
แตน่ างมิยินยอม
เรื่องเดมิ นะตฃู า้
ปรฺ ียมั วะทาจง
ตอ่ จากตะก้ีน้ี,

157

ปริยมั วะ ต่อน้นั กไ็ ดเ้ ห็น วรเทวนิ งั่ ตรง,
ทา.
ดูทา่ ประหน่ึงม่ง มนะฟังพระบญั ชา
แห่งเทวะผเู้ ผย พะจะจากณฟากฟ้า,
แลว้ จ่งึ พระมาตา ธอุวาทะดงั น้ี:

(รโธทฺธตา, ๑๑.) พระสามิที่
ณเกศถกล.
“ใดจะพงึ กะมละกวา่ ประสิทธิผล
“เปนวะราภะระณะศรี หทยั ถนดั
“ฃา้ ก็ขออะมระฤทธ์ิ นเรนทะรัตน,์
“ช่วยประสาทะสุขะดล ตนิ าและมา
“แห่งพระวีระชยะเสน ฉน้นั แหละฃา้
“ให้พระจากนะคะรหสั ฺ- จะเปรมหทยั !”
“รบั ดะนูจระณขณั ฑ,์
“โศกจะสร่างและมะทะนา ดะนุเหน็ พระแม่ไซร้
ณนะภาและฃา้ ดู
[อนิ ทะวเิ ชยี ร, ๑๑.] ทรุ เหตุพกิ ลอย่,ู
นะสิซีดบสดแดง;
พอตรสั ฉะน้ีแลว้ ดจุ ะพายพุ ดั แรง,
คงต้งั พระเนตร์ไป
อีกหน่อยก็สงั เกต
โดยพกั ตระโฉมตรู
แลว้ มีสาเนียงมา

158

อึงอลณหนแห่ง กละเมทินีไหว.
คร้นั เมือ่ สงบพา- ยุคะนองสิมองไป
เหน็ องคพ์ ระแม่ไซร้ ธระทมและลม้ นอน,
แลว้ เห็นประหลาทมี วระบุบผะงามงอน
แทนองคพ์ ระมารดร ดุจะเหน็ ณแห่งน้นั .

[ปิยวทา, ๑๒.] วโิ ยคและศลั ย,์

ดนุกแ็ สนกมละโศก

เพราะบมิรูแ้ ละบมิทนั จะเตรียมหทยั ;

ผิดนุรูร้ ะหสะความ จะตามพระไป

และประติบตั ์พิ ระอรไทย บคดิ ระอา,

เพราะดนุรักปิ ยะนะรี ฉน้ีและถา้

ชิวะดนูจะมระณา บหวงบแหน.

พระปิ ยมาตพุ ระเสดจ็ ประเวศณแมน

ดนุจะมีสุขะณแดน มะนุษไฉน?

(ปริยมั วะทาซบหน้าลงร้องไห้. ท้าวชัยเสนกร็ ้องไห้ด้วย, และแขงใจดบั โศกและพูด.)

[อนิ ทวงส,์ ๑๒.] ภยะเภทะจบั หทยั ,

ชยั เสน. ฟังนางแถลงเหตุ

เห็นเปนพยานไซร้ มะทะนาวเิ ศษะแท;้

ดว้ ยหลอ่ นสิจงรัก มนะภกั ดิสุดละแม้

159

เทวนั ธชวนแม่ บมยิ อมประนอมฤดี.
หานาริรัตนไ์ หน ณประเทศะเมทนิ ี
เปรียบมงิ่ มะเหษี ดนุไดน้ ะสุดจะหา!
แมร้ อประเด๋ียวเดยี ว ฤก็ผวั ก็คงจะมา
ทนั พบและแกว้ ตา นะก็คงบรอ้ นกะมล
เปนกรรมกระทาไว้ ณอดีตประสิทธิผล,
ผวั จ่งึ มิทนั ยล วระพกั ตร์สุลกั ษะณา.
ถึงแม่จะเปนกพุ ฺ- ชะกะแลว้ กช็ า่ งเถอะฃา้
ขอนาสุมาลา ณนะครทนุถนอม;
จกั จดั คณานาง สะขิภกั ดแิ วดและลอ้ ม,
ท้งั มที หารพรอ้ ม จระต้งั กระบวนคระไล.
ถงึ เวียงจะต้งั การ สุรยญั พเิ ศษพิสัย,
ป่ าวร้องประกาศให้ มรุอีกมนุษนิกร
รู้เร่ืองประเทอื งเทอด วระเกียรตสิ ายสมร,
เทวานะรากร ก็จะพร้อมและโมทะนา.
อีกเราจะรบั ตวั วระนาฎปรฺ ิยมั วะทา
กลบั คืนพระภารา และจะเล้ยี งประดุจณเดิม,
ให้สมกะท่ซี ่ือ สุจริตคุณาเฉลิม

160

ปริยมั วะ ยศศกั ดสิ ่งเสริม, และดนูจะขออะภยั
ทา. ทไี่ ดก้ ระทาโทษ วธุผิดสุธรรมะไซร้,
คงตอบและแทนให้ สุขะศานตส์ ราญทว.ี
หมอ่ มฉนั กเ็ ปนฃา้ วระบาทพระภูบดี,

แต่นอ้ ยบเคยมี วระนาถะอ่นื ฤไกล.
เม่อื ทรงพระการุณ- ยะก็ฃา้ สราญหทยั ,
ชีวิตถวายไว้ ณธุลีพระบาทยคุ ล.

[ฉบงง, ๑๖.]

ชยั เสน. มนุ ีฃา้ ขออีกหน จงชว่ ยดว้ ยมนตร์ ให้ฃา้ ไดส้ มจนิ ดา;

ช่วยกลา่ วปิ ยะวาจา ให้มะทะนา ยอมไปนครหสั ดิน.

กา อนั อาตะมะก็ยนิ - ดีช่วยนรินทร์ เพอ่ื ใหธ้ สมประสงค,์
ละทรรศิน.

เพราะเชื่ออยูว่ ่าธคง เตม็ หทยั ทรง บารุงซ่ึงมง่ิ ไมน้ ้ี,

และถา้ อยู่กรุงจะดี กว่าคงอยทู่ ี่ ณกลางอรัญกนั ดาร.

โปรดสง่ั ใหเ้ ฃาเตรียมการ ขดุ รุกขะมาลย,์ เพราะเช่ือวา่ คงยอมไป.
(ท้าวชัยเสนส่ังนนั ทิวรรธนะให้เตรียมเครื่องมือ. ฝ่ ายพระกาละทรรศินไปท่ตี ้นกุหลาบและ
พูดกบั ต้นไม้นน้ั .)

(มนั ทกั กนั ตา, ๑๗.)

กา อา้ โฉมฉายสายสะมะระมะทะนา, ฟังบิดาว่า เถอะทรามวยั .
ละทรรศนิ .

161

อนั องคส์ มเด็จพระนรปะติไซร้ ทา่ นจะรับไป ณเขตขณั ฑ์;
ลกู เคยม่งุ ภกั ดิณปะระมะธรร- มาธิราชนั - ยะสาม,ี
ทา่ นตามมาจากวระสุระบรุ ี โดยกะมลท่ี สิเนหา,
หากลกู ยอมไปละก็วระสุดา คงจะไดส้ า- ระพตั สุข,
ไปอย่เู วียงเนียงฤก็จะบมทิ ุกข์ ปราศะเขญ็ ขกุ และปลอดภยั .
ภูมีดกี วา่ อะมระเพราะหะทยั ท่านสิรักใคร่ สุนารี,
พ่อแลเหน็ ปรากะฏะฤดฉิ น้ี จ่ึงมอบศรี สุดาอร
แดอ่ งคส์ มเด็จปะระมะอดศิ ร, แลว้ จะไดน้ อน ละตาหลบั .
อา้ ลูกนอ้ ยกลอยฤดิบิตุระรับ เชอญเถอะงามสรรพ สุมาลี!
(พระกาละทรรศินเรียกศงั ข์มาหลั่งนา้ ทโ่ี คนต้นกหุ ลาบ, แล้วทลู เชอญท้าวชัยเสนให้ตรัส
ชวนเอง. ท้าวชัยเสนจ่ึงไปกล่าวคาชวนดงั ต่อไปน.ี้ )

(อีทิสะ, ๒๐.)

ชยั เสน. อา้ วะธูดะนูนะทุกขท์ วี
เพราะแสนจะโศกวโิ ยคสุปรี- ยะอย่าแหนง,
พส่ี ิผิดเพราะจิตวิโรธะแรง,
อบุ ายะชว่ั บรู้บแจง้ สิจ่ึงหลง,
ยามตระหนกั สิชกั จะบา้ จะปลง
ประหารชิวีบมปี ระสงค์ จะคงอย่,ู
แตพ่ ะเอินสุเสวิเตอื นดะนู

162

ฉน้นั สิจ่งึ สานึกนะตู บวางวาย;
เสดจ็ ประยทุ ธะสมนิยมก็หมาย
และมุ่งฤดจี ะรบั พระสาย สมรพลนั ,
จากพะนาและคนื ณเขตตะขณั ฑ์
และมุง่ จะเสกสุนารินนั - ทะนาภา
เปนพระอคั คะราชินีมหา
สุมาตแุ ห่งนิกรประชา ณหสั ฺดิน;
โอพ้ ะเอนิ กม็ ามิพบยพุ นิ ,
กระน้นั นะฃา้ ยงั ถวลิ จะรับไป.
จ่งึ จะเชอญสุกพุ ฺชะกาวิไลย
แหละแทนอนงคะจงคระไร เถอะพฤกษา,
ฃา้ จะรับประทบั ณศีวกิ า,
และพร้อมกระบวนจะแห่ณธา- นิรังสรรค;์
ถึงบุรีจะไดเ้ ฉลิมพระขวญั ,
จะเปรอมิให้อนาถณวนั ฤราตรี.
เชอญเถอะแม่ดนูเชอญนะมาระศรี,
เสดจ็ เถอะอย่าระคายฤดี ดนูวอน!
(ท้าวชัยเสนเรียกศงั ข์หลง่ั นา้ ที่โคนต้นกุหลาบ, แล้วให้คนขดุ กข็ ดุ ได้โดยสดวก. นนั ทิ
วรรธนะกเ็ รียกวอทองออกมา, และให้ยกต้นกหุ ลบขนึ้ บนวอ.)

163

[ฉบงง, ๑๖.]

ชยั เสน. กอ่ นทตี่ ูฃา้ จะจร ฃา้ ขอรบั พร จากองคม์ ุนีทรงญาณ;
จงโปรดอานวยเถดิ ท่าน, เพ่อื ชว่ ยให้การ เดิรกลบั เปนไปไดด้ .ี
อกี เมอ่ื ไปถึงธานี ขอให้มาลี อยู่ดบี ไดโ้ รยรา,
และใหด้ ารงคงกว่า ชีวิตของฃา้ จะถงึ ณอายขุ ยั .

(กสุ ุมติ ลดา, ๑๘.)

กา ฃา้ ขอให้เทพองคอ์ ะธิปะตณิ ไตร-
ละทรรศนิ .

ตรึงษะโปรดให้ พระพรสิทธ์ิ
แดอ่ งคส์ มเด็จราชะปะระมะบพิตร์
เรืองมหาฤท- ธิเดชา,
มีชยั ในการยุทธะและบมปิ ะรา-
ชยั ณทว่ั หลา้ สกลขาม,
ขอจงทรงสฺวสั ดนี ิจจะสุขะอภริ าม
รมยะทกุ ยาม บเสื่อมซา.
หน่ึงอวยพรให้กุพฺชะกะสุระผกา
คงดิลกหลา้ บสูญพรรณ,
เปนส่ิงชวนยวนจิตตะนระสุวะคนั ธ์
ชว่ ยระงบั สรร- พะทกุ ขห์ นกั ;
หญิงชายยามเร่ิมรู้ระสะณฤดิรัก

164

ใชก้ ุหลาบจกั ระเริงใจ,
อนั ดวงมาลีกุพฺชะกะสิผวิ ะให้
พงึ จะรูไ้ ด้ ว่ารกั แท,้
และยามดมดอกกพุ ฺชะกะนะกจ็ ะแก้
เดอื ดณดวงแด และสุขพลนั .
ขอมาลีศรีกพุ ฺชะกะสิริสุคนั ธ์
จงประดษิ ฐพ์ รรณ นิรนั ดร!
(ชัยเสนคุกเฃ่าลงไหว้รับพรพระฤษี, แล้วให้ต้ังกระบวนแห่วอทรงต้นกุหลาบ, องค์เอง
เดิรนาหน้าวอ. พิณพาทย์ทาเพลงกลอนโยน, กระบวนแห่เดิรผ่านจากหลืบขวาเลยไปเฃ้าโรง
ทางหลืบซ้าย.)

(ปิ ดม่ำน)
จบเร่ืองมทั นะพำธำเท่ำนี้

165

๕. ตวั ละครในเรื่องและกำรวิเครำะห์ตัวละคร

ตวั ละครหลกั ในเรื่องมทั นะพาธามี ๑๐ ตวั ละคร
๑.มทั นา: นางเอกของเร่ือง เป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรคใ์ นภาคสวรรค์ และเป็นดอกกุหลาบและมนุษยใ์ น
ภาคพ้นื ดิน
๒.ชยั เสน: พระเอกของเรื่องเป็นกษตั ริยเ์ มืองหัสดินบุรี
๓.สุเทษณ:์ เทพผมู้ อี ิทธิฤทธ์ิบนสววรค์
๔.จณั ฑ:ี พระมเหสีของทา้ วชยั เสน
๕.สุภางค:์ ทหารเอกของทา้ วชยั เสน
๖.นางค่อมอราล:ี ขา้ หลวงหรือคนรับใชพ้ ระมเหสีจณั ฑี
๗.จิตรรถ: ขา้ รบั ใชห้ รือคนขบั รถของสุเทษณ์
๘.พราหมณว์ ฑิ รู : เป็นพราหมณ์เมอื งของพอ่ นางจณั ฑี
๙.พระฤาษกี าละทรรศนิ :ผบู้ าเพญ็ พรตอยใู่ นป่ าและรับนางมทั นาเป็นลกู สาว
๑๐.มายาวนิ : ผมู้ วี ิชาสะกดจติ ทีส่ ุเทษณ์ใชส้ ะกดจติ เรียกนางมทั นามาหา

วเิ คราะหต์ วั ละครจากบทละครพูดคาฉันทเ์ รื่องมทั นะพาธาตามหลกั อริยสัจส่ี
วเิ คราะห์ตวั ละครจากบทละครพูดคาฉันทเ์ ร่ืองละครพดู คาฉันทเ์ ร่ืองมทั นะพาธาตามหลกั อริยสจั ส่ี

ผลงานวจิ ยั ระดบั มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าภาษาไทย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ของ อาจารย์ กนกกาญจน์
นุกลู ซ่ึงปัจจุบนั เป็นอาจารยป์ ระจา คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลยั อีสเทิร์นเอเชีย เป็นแนวคดิ ในการเช่ือมโยง
เน้ือหาของ วรรณคดลี กั ษณะของตวั ละคร พระอจั ฉริยภาพในการทรงเป็นนักประพนั ธ์ของลน้ เกลา้ รัชกาลท่ี
๖ โดยนาแนวคดิ ทางพระพุทธศาสนาคือหลกั อริยสัจสี่มาอธิบายใหเ้ หน็ ภาพ ผทู้ อ่ี า่ นวรรณคดไี ทยมาแลว้
หลายๆ เรื่องคงจะมี ความเหน็ วา่ วรรณคดีไทยหลายเรื่องมีเน้ือหาเกยี่ วกบั ความรักของตวั ละครเอกชายหญิง
ทตี่ อ้ งมีอปุ สรรคนานปั การ ทาให้ความรกั ไมส่ มหวงั เรื่องราวท้งั หมดจงึ จบลงดว้ ยความเศร้า และความทุกข์
ของตวั ละคร บทละครพดู คาฉนั ท์ เรื่องมทั นะพาธากเ็ ป็นวรรณคดีเร่ืองหน่ึงทีต่ วั ละครพบกบั ความทกุ ข์
เนื่องจากความรกั

-ตวั ละครเอกของเร่ืองคอื
•มทั นา มีทกุ ขค์ ือ ทกุ ขแ์ ละเหตุแห่งทกุ ขอ์ นั เกิดจากความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในความไมร่ กั และทกุ ขแ์ ละเหตุแห่ง
ทกุ ขอ์ นั เกิดจากความยึดมนั่ ถอื มนั่ ในรกั
•ทา้ วชยั เสน เป็นกษตั ริยผ์ มู้ จี ติ ใจโลเลและออ่ นแอมีทกุ ขค์ อื ทุกขแ์ ละเหตแุ ห่งทุกขอ์ นั เกิดจากความรัก และ
ทุกขแ์ ละเหตุแห่งทุกขอ์ นั เกิดจากความหึงหวง
•สุเทษณ์ มหาเทพผูย้ ง่ิ ใหญด่ ารงตนอยใู่ นธรรมอนั ประเสริฐคือพรหมวหิ าร ๔ แต่มอิ าจสมหวงั ในความรกั ก็
มีทกุ ขแ์ ละเหตุแห่งทกุ ขค์ ือ ทกุ ขแ์ ละเหตุแห่งทุกขอ์ นั เกดิ จากการไมไ่ ดใ้ นสิ่งทีร่ ัก นนั่ คือมทั นา แตก่ ารดารง
ตนอยู่ ในพรหมวหิ าร ๔ ทาให้สุเทษณส์ ามารถละอกุศล และเพยี รสร้างกศุ ลใหเ้ กดิ ข้ึนในใจเพ่ือใหต้ นเองพน้

166

ทุกขไ์ ด้ ดงั ที่ สุเทษณ์ให้อภยั และระงบั ความโกรธของตนได้ อกี ท้งั หาทางช่วยมทั นาใหพ้ น้ ทุกขโ์ ดยให้มทั
นากลายร่างเป็นดอก กหุ ลาบชว่ั นิรันดร์ เพอื่ ไมต่ อ้ งเป็นทกุ ขเ์ พราะรกั อกี
•นางจณั ฑี ผมู้ ีโทสะเป็นนิจมที กุ ขแ์ ละเหตุแห่งทกุ ขอ์ นั เกดิ จากความอจิ ฉาริษยา ซ่ึงมาจากการขาดสติย้งั คดิ
ให้ถูกตอ้ งและรอบคอบกอ่ นตดั สินใจทาส่ิงตา่ งๆ
•พระกาละทรรศิน ผนู้ าดอกกุหลาบมทั นามาดูแลเล้ียงดูเป็นลูก มีทุกขแ์ ละเหตุแห่งทกุ ขอ์ นั เกดิ จากการ พลดั
พรากจากผเู้ ป็นทีร่ กั ซ่ึงมาจากความรัก ความห่วงใยท่ีมตี อ่ มทั นา
•ทา้ วมคธ บดิ าผูร้ ักลูกยิ่งชีวิตมีทกุ ขแ์ ละเหตุแห่งทกุ ขอ์ นั เกิดจากความรกั ลูกคือนางจณั ฑี ทกุ ขแ์ ละเหตแุ ห่ง
ทกุ ขข์ องทา้ วมคธมาจากความรัก ความห่วงใยทีม่ ีต่อนางจณั ฑี
•ศุภางค์ ทหารเอกผมู้ หี วั ใจภกั ดมี ีทกุ ขแ์ ละเหตแุ ห่งทกุ ขอ์ นั เกิดจากโมหะคือความหลงเป็นทุกขแ์ ละเหตแุ ห่ง
ทกุ ขจ์ ากความยดึ มน่ั ในความรัก ความซ่ือสตั ย์ และความจงรักภกั ดที ี่มตี อ่ ทา้ วชยั เสน
•นางคอ่ มอราลี นางค่อมผูอ้ ปั ลกั ษณ์ท้งั ร่างกายและจติ ใจมที ุกขแ์ ละเหตแุ ห่งทกุ ขอ์ นั เกิดจากความรกั ซ่ึงมา
จากความรกั ความภกั ดีท่มี ีต่อนางจณั ฑี
•ปริยมั วะทา นางขา้ หลวงผมู้ ใี จภกั ดีต่อมทั นามที กุ ขแ์ ละเหตุแห่งทุกขอ์ นั เกดิ จากความจงรกั ภกั ดีซ่ึงมาจาก
ความรกั ความภกั ดที ีม่ ตี ่อมทั นานายผูเ้ ป็นท่ีรกั

-ความทกุ ขข์ องตวั ละครสาคญั ๔ ตวั คือ
มทั นา ทา้ วชยั เสน สุเทษณ์ และนางจณั ฑี ลว้ นเกิดจากความรัก ความปราถนาดแี บบมกี ิเลส จึงทาให้วนเวยี น
อย่ใู นทกุ ขอ์ ย่างไม่รู้จบส้ิน มเี พียงสุเทษณเ์ ทา่ น้นั ท่ีเร่ิมแรกมีมลู เหตแุ ห่งทกุ ขม์ าจากความรักแบบเสน่หา แต่
ดว้ ยเพราะสุเทษณ์คอื มหาเทพผดู้ ารงตนอยู่ใน พรหมวิหาร ๔ จึงทาให้อกศุ ลในจติ เบาบาง ซ่ึงถือเป็นตวั
ละคร แบบอย่างทกี่ าลงั สอนให้เห็นวธิ ีปฏิบตั ิเพ่อื พน้ ทกุ ขจ์ ากโลกยี ะ ไปสู่โลกุตระ

-ตวั ละครรอง ๕ ตวั คือ
พระกาละทรรศิน ทา้ วมคธ ศภุ างค์ อราลี และ ปริยมั วะทาเป็นทกุ ขเ์ พราะความรกั ความปราถนาดีที่ ทุ่มเท
และหวงั ดมี ากเกินไป หรือเป็นความมรกั ทขี่ าดปัญญาจนทาใหเ้ ป็นทุกขซ์ ่ึงความทกุ ขข์ องตวั ละครท้งั ๙ ตวั
ลว้ นแตม่ าจากความไมไ่ ดด้ งั ใจปรารถนาหรือตณั หา ท้งั สิ้น ไม่วา่ ความทุกขน์ ้นั จะเกดิ จากความรกั แบบมี
กิเลส หรือ ความรักที่ขาดปัญญานน่ั เอง

167

วิเครำะห์ตวั ละคร

๑.นำงมัทนำ

ภาพที่ ๖ นางมทั นา
ทมี่ า: https://narintron5653.wordpress.com

ลักษณะทำงกำยภำพ

๑.เป็นผมู้ รี ูปโฉมงดงาม

๒.มคี ุณสมบตั ขิ องกุลสตรี
๓.มนี า้ํ เสียง วาจา ไพเราะ อ่อนหวาน

๔.ผิวพรรณขาวนวลผอ่ ง

๕. คว้ิ และผมดกดา จมกู โด่ง รูปปากเรียวสวย และมใี บหนา้ รูปไข่

ลกั ษณะทางจติ วติ ยา

๑.มีความสามารถในการใชภ้ าษา ฉลาดในการเจรจา และมีสัจจะ

๒.มีความซ่ือตรง จริงใจ กลา้ หาญ

๓.เป็นผูม้ ีใจซ่ือตรงและมน่ั คงในความรัก

ภูมหิ ลงั :เป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรคช์ ้นั กามาและถูกสาปโดยสุเทษณ์ให้มาเป็นดอกกุหลาบบนโลกมนุษย์

168

๒.ท้ำวชัยเสน

ภาพท่ี ๗ ทา้ วชยั เสน
ทม่ี า: https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fzortuck.blogspot.com

ลักษณะทำงกำยภำพ

๑.มผี มดกดาและยาว

๒.มตี ากลมโต คิ้วและขนตาดกดา

๓.ผวิ พรรณขาวผอ่ ง

๔.ดูกายา เท่ มเี สน่ห์

๕.วาจาอ่อนหวาน

ลกั ษณะทางจิตวติ ยา

๑.มคี วามสามารถในการใชภ้ าษา ฉลาดในการเจรจา และมีสัจจะ

๒.มคี วามซื่อตรง จริงใจ กลา้ หาญ

๓.เป็นผมู้ ีใจซ่ือตรงและมน่ั คงในความรกั

๔. กริ ิยาสง่างาม

๕.มคี วามรู้ ความเช่ียวชาญในการวิชาการอย่างกวา้ งขวาง

๖.ทาตามความพอใจของตนเอง

๗.เช่ือคนง่าย ใชอ้ ารมณ์ ขาดเหตผุ ล ไม่รอบคอบ

ภมู ิหลงั :ราชาผทู้ รงครองเมอื งรหสั ตนิ าปุระ

169

๓.ท้ำวสุเทษณ์

ภาพที่ ๘ ทา้ วสุเทษณ์
ทมี่ า: https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2Fzortuck.blogspot.com

ลกั ษณะทำงกำยภำพ

๑.มีผมดกดาและยาว

๒.มีตากลมโต ค้ิวและขนตาดกดา

๓.ผิวพรรณขาวผ่อง

ลกั ษณะทางจติ วติ ยา

๑.มอี ทิ ธิฤทธ์ิ

๒.มนั่ คงในความรัก

๓.เอาแตใ่ จตนเอง เห็นแก่ตวั

ภมู ิหลงั :เป็นเทพบนสวรรค์

170

๔.นำงจณั ฑี

ภาพท่ี ๙ นางจณั ฑี
ทม่ี า: https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2F1.bp.blogspot.com%2F-

ลักษณะทำงกำยภำพ

๑.มีผมดกดาและยาว

๒.มีตากลมโต คว้ิ และขนตาดกดา

๓.ผิวพรรณขาวผ่อง

๔.พูดตรง พดู จาไมไ่ พเราะน่าฟัง

ลกั ษณะทางจติ วติ ยา

๑.มีความอิจฉาริษยา

๒.มรี กั เดยีวใจเดียว

๓.เป็นผมู้ จี ติ ใจโหดรา้ ย และโกหก

ภูมิหลงั : ธิดาแห่งมคธนคร

171

๕.สุภำงค์

ภำพที่ ๑๐ สุภำงค์
ท่ีมำ: https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2F1.bp.blogspot.com%2F-

ลักษณะทำงกำยภำพ

๑.มผี มดกดาและยาว

๒.มีตากลมโต คิว้ และขนตาดกดา
๓.ผิวพรรณสีนา้ํ ผ้ึง

๔.พูดจาไพเราะ

ลกั ษณะทางจติ วิตยา

๑.มคี วามสามารถในการใชภ้ าษา ฉลาดในการเจรจา และมสี ัจจะ

๒.มีความซื่อตรง จริงใจ กลา้ หาญ

๓.เป็นผมู้ ีใจซื่อตรง

๔.รกั เจา้ นายรักบา้ นเมือง

ภมู หิ ลงั : เป็นทหารเอกเมอื งรหสั ตินาปุระ

172

๖.จติ รรถ

ภาพท่ี ๑๑ จิตรรถ
ท่มี า: https://l.facebook.com/l.php?u=http%3A%2F%2F1.bp.blogspot.com%2F-

ลกั ษณะทำงกำยภำพ

๑.มผี มดกดาและยาว

๒.มีตากลมโต ควิ้ และขนตาดกดา

๓.รปู ร่างสูง กายา

ลกั ษณะทางจติ วติ ยา

๑.รักเจา้ นาย

๒.มีความหวงั ดี มีความคดิ ทดี่ ี

๓.มคี วามซ่ือสตั ย์ จริงใจ

ภมู ิหลงั :เป็นเทพรบั ใชส้ ุเทษณ์บนสวรรค์

173

๗.พรำหมณ์วทิ รู

ภาพที่ ๑๒ พราหมณ์วิทรู
ทม่ี า: https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.flickr.com

ลกั ษณะทำงกำยภำพ

๑.มีสีขาวและยาว

๒.มีคว้ิ หนวดที่ยาวและสีขาว

๓.ใบหนา้ มีรอยเห่ียวยอ่ น

ลกั ษณะทางจิตวิตยา

๑.รักเจา้ นาย

๒.มคี วามโลเลในความคดิ

๓.มีความซ่ือสตั ย์ จริงใจ

๔.รู้จกั ความถกู ตอ้ งผิดชอบชว่ั ดี

ภูมิหลงั :เป็นพราหมณเ์ มอื งมคธนคร

174

๘.พระฤำษกี ำลทรรศิน

ภาพที่ ๑๓ ฤาษกี าลทรรศิน
ทีม่ า: https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.flickr.com

ลกั ษณะทำงกำยภำพ

๑.มีผมสีขาวและยาว

๒.มีคิ้ว หนวดท่ียาวและสีขาว

๓.ใบหนา้ มรี อยเหี่ยวย่อน

ลกั ษณะทางจิตวติ ยา

๑.รักเจา้ นาย

๒.มีความโลเลในความคดิ

๓.มคี วามซื่อสัตย์ จริงใจ

๔.รูจ้ กั ความถกู ตอ้ งผดิ ชอบชว่ั ดี

ภูมิหลงั :เป็นพราหมณเ์ มืองมคธนคร

175

๙.มำยำวิน

ภาพที่ ๑๔ มายาวิน
ทมี่ า: https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.dailymotion.com

ลกั ษณะทำงกำยภำพ

๑.มผี มดกดาและยาว

๒.มีคว้ิ หนวดทย่ี าวและสีดา

๓.ใบหนา้ มีรอยเหี่ยวย่อน

ลกั ษณะทางจิตวิตยา

๑.ผมู้ เี วทยม์ นตส์ ะกดจิตคนได้

๒.รู้จกั ใจเขาใจเรา

๓.มีความซื่อสัตย์ จริงใจ

๔.รู้จกั ความถกู ตอ้ งผิดชอบชว่ั ดี

ภูมหิ ลงั : วทิ ยาธร ผมู้ ีวิชาอาคมใชเ้ วทยม์ นตบ์ นสวรรค์

176

อ้ำงองิ

กนกกาญจน์ นุกลู .(2557).วิเคราะหบ์ ทละครพดู คาฉันทม์ ทั นะพาธา.วารสารวชิ าการมหาวิทยาลยั อสี เทิร์น
เอเชีย ฉบบั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,8,(1),188-191. https://www.tci-
thaijo.org/index.php/EAUHJSci/article/view

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว.สืบคน้ จาก: https://th.wikipedia.org/(28 พฤศจิกายน 2563)

ธนวรรณ โสขมุ า.คณุค่าทางวรรณกรรม(ออนไลน์).สืบคน้ จาก: https://sites.google.com/(28 พฤศจิกายน
2563)


Click to View FlipBook Version