The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3611006TM-คู่มือครูวรรณคดีและวรรณกรรม-ม6[211119]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พิสมัย สืบเลย, 2022-12-19 02:46:13

3611006TM-คู่มือครูวรรณคดีและวรรณกรรม-ม6[211119]

3611006TM-คู่มือครูวรรณคดีและวรรณกรรม-ม6[211119]

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)

1. ใหน กั เรียนคดั ลอกบทประพนั ธ ๒.๕) กลวิธีการแต่ง กวีมีกลวิธีในการน�าเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครโดยการเล่าด้วย
ตอนที่นกั เรยี นประทบั ใจในการ ถ้อยค�าภาษาท่ีไพเราะงดงาม ท้ังการใช้ค�าที่ท�าให้เห็นภาพและการใช้ความเปรียบสะท้อนให้เห็น
เลือกใชคํามากท่สี ดุ วิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อน สภาพความเป็นอยู่ การพิพากษาคดีรวมถึงการตัดสินประหารชีวิต
• บทประพันธท ่ีนักเรยี นคดั ลอก กวีถ่ายทอดเรอ่ื งราวได้สมจริงนา่ ประทบั ใจและชวนติดตาม ดงั บทประพนั ธ์
มามีความเหมาะสมสาํ หรบั
การทอ งจําอยางไร ครานน้ั พระองคผ์ ูท้ รงภพ ฟังจบแค้นคั่งดงั เพลงิ ไหม้
(แนวตอบ ตัวอยา ง เหมอื นดินประสวิ ปลวิ ตดิ กับเปลวไฟ ดูด๋เู ป็นได้อวี นั ทอง
“คร้ันเวลาดึกกําดดั สงดั เงียบ จะว่ารักขา้ งไหนไมว่ ่าได ้ น้�าใจจะประดงั เขา้ ทั้งสอง
ใบไมแ หง แกรงเกรียบระรบุ รอ น ออกนั่นเข้าน่มี สี �ารอง ยิ่งกวา่ ท้องทะเลอนั ล้�าลึก
พระพายโชยเสาวรสขจายขจร จอกแหนแพเสาสา� เภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไมร่ ู้สกึ
พระจันทรแจมแจง กระจางดวง” เหมือนมหาสมุทรสดุ ซงึ้ ซึก น�า้ ลึกเหลอื จะหยั่งกระทงั่ ดิน
เหมาะสมสาํ หรับการทอ งจาํ อิฐผาหาหาบมาทุม่ ถม กจ็ ่อมจมสญู หายไปหมดส้ิน
เพราะบรรยายธรรมชาตไิ ดอยา ง อีแสนถอ่ ยจัญไรใจทมิฬ ดังเพชรนิลเกดิ ขึ้นในอาจม
ชัดเจนโดยการเลน สมั ผสั ใน รูปงามนามเพราะนอ้ ยไป ใจไม่ซอื่ สมศกั ดเิ์ ท่าเส้นผม
อยางไพเราะทัง้ สัมผัสสระและ แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นยิ ม สมาคมกแ็ ต่ถึงฤดูมัน
อกั ษรทาํ ใหทองจาํ ไดง า ย มึงน้ถี อ่ ยยิ่งกว่าถอ่ ยอีทา้ ยเมือง จะเอาเร่ืองไมไ่ ดส้ กั สง่ิ สรรพ์
สัมผสั สระ เชน ดดั - สงดั ,
แหง - แกรง , พาย - ขจาย ๗.๒ คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์
สัมผสั อกั ษร เชน ดกึ - (กาํ )ดดั ,
สงัด - เงียบ, แกรง - เกรยี บ, การพิจารณาคุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ เสภาเร่อื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎีกา ใช้
ระ - รบุ - รอ น, พระ - พาย, กลอนเสภามาเล่าเรอ่ื งนับว่าเหมาะสมกับเนือ้ เรอ่ื งมาก เพราะเสภาเร่ืองขุนช้างขนุ แผนมลี กั ษณะ
ขจาย - ขจร, จัน(ทร) - แจม - เปน็ นิทาน ความงามในดา้ นร้อยกรองจึงมีอย่มู ากทง้ั ความไพเราะลกึ ซ้ึงกนิ ใจ ดงั น้ี
แจง - (กระ)จาง) ๑) การสรรค�า กวีเลือกใช้ค�าในลักษณะต่างๆ เพ่ือให้เกิดความไพเราะ สื่อความคิด
ความรู้สกึ และอารมณ์ได้ ดงั นี้
2. ใหนักเรยี นทอ งบทประพันธท ่ี
นกั เรียนคดั เลอื กมา หนา ช้ันเรยี น ๑.๑) การเลือกใช้ค�าไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามความหมายทีต่ อ้ งการ กวเี ลือกใช้ค�าไวพจนไ์ ด้
ใหค รูและเพือ่ นในหอ งฟง ถกู ตอ้ งตรงตามความหมายทตี่ อ้ งการ การใชค้ า� ไวพจนแ์ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสามารถของกวที เี่ ลอื ก
ใชค้ า� ไดห้ ลากหลายโดยไมเ่ สยี ความ และทา� ใหบ้ ทประพนั ธม์ สี มั ผสั คลอ้ งจองเกดิ ความไพเราะ เชน่
อธบิ ายความรู
อดั อึดฮดึ ฮัดดว้ ยขัดใจ เมื่อไรตะวนั จะลบั หลา้
ใหน กั เรียนยกตวั อยางบทประพันธ เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลา จนสุริยาเล้ียวลบั เมรุไกร
จากเรอื่ งทน่ี ักเรยี นคดิ วามี
วรรณศิลปโ ดดเดน ที่สุด พรอม 44
อธบิ ายวา โดดเดนอยา งไร
นกั เรียนควรรู
(แนวตอบ ตัวอยา งบทประพันธ
“มาอยไู ยกับอา ยหนิ ชาติ นิทาน เปนเรือ่ งทเี่ กิดจากจนิ ตนาการของผแู ตงนาํ มาเลา สกู ันฟง เดมิ ไมมกี ารบนั ทกึ เปน
ลายลักษณอักษรและไมท ราบวา ใครเปน ผแู ตง ขน้ึ มาเปน คนแรก ผฟู ง จะจดจาํ เพ่อื นําไปเลาตอ
แสนอบุ าทวใจจติ รษิ ยา เรอ่ื งที่เลาใชถ อ ยคําธรรมดาเปนภาษารอ ยแกว สนั นิษฐานวา คนเรารจู ักเลานิทานต้งั แตเริม่ มี
ดังทองคาํ ทาํ เลย่ี มปากกะลา ภาษาพดู ตดิ ตอส่อื สารกนั
หนาตาดาํ เหมอื นมินหมอมอม”

วรรณศลิ ปท่ีโดดเดน เชน
สัมผสั ในโวหารภาพพจนจ ะชว ย
ใหผ ูอานเขา ใจเรอื่ งและเกิดเสียง
เสนาะทไ่ี พเราะคลอ งจอง ทาํ ให
จดจําเรอ่ื งไดง าย)

44 คูม ือครู


กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

จากบทประพันธ์ค�าว่า ตะวันและสุริยา หมายถึง พระอาทิตย์ กวีเลือกใช้ค�าได้ อธบิ ายความรู
หลากหลายเหมาะกบั บริบท
ใหนกั เรยี นอธบิ ายการใช
๑.๒) การเลือกใช้คา� ทเ่ี หมาะแก่เนอ้ื เรื่องและฐานะของบุคคลในเรือ่ ง เช่น คาํ ไวพจนใ นบทประพนั ธเ สภาเร่ือง
ขุนชา งขุนแผน พรอ มยกตัวอยา ง
จะกลา่ วถึงพระองค์ผู้ทรงเดช เสด็จคนื นเิ วศนพ์ อจวนค่�า คาํ ไวพจนท ี่ปรากฏในบทประพันธ
ฝพี ายรายเลม่ มาเตม็ ล�า เรอื ประจา� แหนแหเ่ ซง็ แซ่มา
พอเรอื พระทนี่ ง่ั ประทบั ท่ี ขุนชา้ งก็รล่ี งตีนท่า (แนวตอบ คาํ ไวพจนท าํ ใหกวี
ลอยคอชูหนงั สอื ด้ือเข้ามา ผุดโผลโ่ งหน้ายดึ แคมเรอื เลือกใชค าํ ไดหลากหลายให
สัมผสั คลองจองกัน เชน คําวา
กวเี ลือกใชค้ า� เหมาะกับฐานะของบคุ คล ไดแ้ ก่ ค�าวา่ พระองคผ์ ู้ทรงเดช เสด็จนเิ วศน ์ ตะวัน สุรยิ า หมายถงึ ดวงอาทิตย
เรือพระท่ีนั่ง ประทับ ใช้กับพระมหากษัตริย์ ส่วนค�าว่า ร่ี ตีนท่า ลอยคอ ชู ผุดโผล่ โงหน้า ดังบทประพันธ
จะใชก้ บั ขนุ ชา้ ง
“อัดอึดฮดึ ฮดั ดวยขดั ใจ
เม่ือไรตะวันจะลับหลา
เขาหอ งหวนละหอ ยคอยเวลา
จนสรุ ิยาเลยี้ วลบั เมรไุ กร”)

ยายจนั งนั งกยกมอื ไหว้ นนั่ พ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว ขยายความเขาใจ
ไม่นงุ่ ผ่อนนงุ่ ผา้ ดนู ่ากลัว ขนุ ช้างมองดูตวั ก็ตกใจ
ใหน กั เรียนยกบทประพันธจ าก
กวีเลือกใช้ค�าเหมาะแก่เนื้อเรื่องเกี่ยวกับบ่าวท่ีตกใจยกมือไหว้แล้วบอกขุนช้าง วรรณคดเี ร่ืองอืน่ ที่มคี าํ ไวพจน
วา่ จะไปไหนท�าไมไม่น่งุ ผ้า ขนุ ช้างดตู ัวเองก็ตกใจเช่นกัน ความหมายเหมือนกบั เสภาเรื่อง
ขุนชา งขนุ แผน
๑.๓) การเลอื กใชค้ �าไดเ้ หมาะแก่ลกั ษณะค�าประพนั ธ์ ค�าประพนั ธเ์ ร่ืองขนุ ช้างขุนแผน
คอื กลอนเสภาทใ่ี ชข้ ับเสภาในงานมงคล เน้อื เร่ืองแมจ้ ะมีขนาดยาวแตก่ ใ็ ช้คา� งา่ ยๆ ส่วนใหญ่เปน็ (แนวตอบ วรรณคดีเร่อื งอื่นท่ีมีการ
คา� ไทยแท้ ผูอ้ ่านหรือผฟู้ งั สามารถเข้าใจคา� ทีก่ วีใช้ได้ดโี ดยไมต่ ้องตีความหมายอย่างลกึ ซ้ึง เสภา ใชคาํ ไวพจนล ักษณะเดียวกบั เสภา
เรื่องขุนช้างขุนแผนจึงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน นับว่ากวีเลือกใช้ค�าได้เหมาะแก่ลักษณะ เรอื่ งขุนชา งขนุ แผน เชน กาพยเหเ รอื
ของค�าประพันธ์ เชน่ ดังบทประพนั ธ

แมเ่ ลย้ี งลูกมาถงึ เจ็ดขวบ เคราะหป์ ระจวบจากแม่หาเหน็ ไม่ “เหน็ ฝงู ยูงรําฟอ น
จะคดิ ถึงลูกบ้างอย่างไร หาไมใ่ จแม่ไม่คดิ เลย คิดบงั อรรอนราํ กราย
ถา้ คดิ เหน็ เอ็นดูวา่ ลูกเต้า แม่ทนู เกล้าไปเรอื นอย่าเชือนเฉย สรอ ยทองยองเย้ืองกราย
ใหล้ ูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครัง้ แม่เคยเล้ยี งลูกมา เหมอื นสายสวาทนาดนวยจร”
คําไวพจน คําวา บงั อร กับ
จากบทประพนั ธข์ า้ งตน้ เปน็ ตอนทพ่ี ลายงามขนึ้ เรอื นขนุ ชา้ งเพอ่ื พาแมม่ าอยดู่ ว้ ย จงึ ได้ สายสวาท หมายถึง หญิงสาว
พยายามพูดโน้มน้าวให้แม่เห็นใจกลับมาอยู่ด้วยกัน หลังจากต้องจากกันเม่ือพลายงามอายุเพียง อนั เปนทรี่ ัก เปน ตน)
เจ็ดขวบ
นกั เรยี นควรรู
45
ผุดโผล เปน คาํ ซอ นแบบซอน
ความหมาย หมายถึง ทะลงึ่ หรือ
สูงเดน ข้ึนมาปรากฏอยเู หนอื พื้นดนิ
พืน้ น้าํ มกั เขยี นผิดเปน “ผลดุ โผล”
ซึ่งคําวา “ผลดุ ” หมายถงึ หลุดเขา
หรอื ออกโดยเรว็

คมู อื ครู 45


กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%)

ใหนักเรียนรวมกนั แลกเปล่ียน บอกว่าเราจบั ไขม้ าหลายวนั เกรงแม่จะไมท่ นั มาเหน็ หนา้
แสดงความคดิ เห็นวา การเลอื กใชคาํ เมื่อคืนน้ซี ้า� มอี ันเป็นมา เราใช้คนไปหาแม่วันทอง
โดยคาํ นึงถึงเสยี งมีความสําคญั ใน
บทประพนั ธอ ยา งไร จากบทประพันธข์ ้างต้นกวีใชค้ า� ง่ายๆ เล่าเร่ืองโดยไม่ตอ้ งตีความหมายก็เขา้ ใจถงึ เร่อื ง
ได้ว่า พลายงามให้คนไปบอกขุนช้างเพื่อไม่ให้ขุนช้างโกรธและเป็นความกัน ว่าพลายงามจับไข้
(แนวตอบ การใชเสยี งถือวา มี มาหลายวนั กลวั วา่ แม่จะไมท่ ันมาดใู จจึงใช้คนให้ไปหาแมว่ นั ทอง
ความสาํ คญั ตอ การประพนั ธร อ ยกรอง
เพราะชวยใหผอู านเกดิ จินตภาพ ๑.๔) การเลอื กใช้คา� โดยค�านงึ ถึงเสยี ง ดงั นี้
เกดิ ทว งทาํ นองสละสลวย ทาํ ใหจ ดจาํ (๑) การเลน่ ค�า กวีนา� คา� ค�าเดียวมาใช้ในท่ีใกล้ๆ กัน เพือ่ ท่ีจะย�า้ ความหมายของ
และเขา ถึงอรรถรสไดงา ย กวีจงึ นยิ ม
เลนคาํ สมั ผัสใน ทง้ั สมั ผัสสระและ เนือ้ ความให้หนักแน่นมากขึน้ เชน่
สัมผสั อกั ษร)

ขยายความเขา ใจ วนั นั้นแพก้ ูเมอื่ ดา� นา้� กก็ รวิ้ ซ�้าจะฆ่าให้เปน็ ผี
แสนแคน้ ด้วยมารดายงั ปราน ี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
ใหนกั เรียนยกตัวอยา งบทประพันธ แคน้ แม่จ�าจะแก้ใหห้ ายแคน้ ไม่ทดแทนอ้ายขนุ ช้างบา้ งไมไ่ ด้
จากวรรณคดีเรือ่ งใดก็ไดท ีแ่ สดงให หมายจิตคดิ จะให้มนั บรรลยั ไมส่ มใจจ�าเพาะเคราะหม์ นั ดี
เหน็ การใชส มั ผัสในทีแ่ พรวพราว
เหมือนตัวอยางในบทเรียนท่ีมกี าร กวเี ลน่ คา� วา่ แคน้ เพอื่ จะเนน้ ความหมายใหเ้ หน็ วา่ พลายงามคดิ เคอื งแคน้ ขนุ ชา้ ง
เลน เสียงสมั ผสั ใน ท้ังสมั ผสั สระและ อยตู่ ลอดเวลา และเป็นความแคน้ ทีฝ่ ังใจ
สัมผัสอักษร พรอมเขยี นผงั สัมผัสใน
(๒) การเล่นเสียงสัมผัส คือ การสรรค�าให้มีสัมผัสเสียง เพื่อให้เกิดท�านองที่
(แนวตอบ ตัวอยางจากกาพยเหเรือ ไพเราะนา่ ฟงั และแสดงใหเ้ หน็ ความสามารถของกว ี ซง่ึ มที ง้ั การเลน่ เสยี งพยญั ชนะและเสยี งสระ เชน่
พระนิพนธใ นเจา ฟา ธรรมธิเบศร
เงยี บสตั ว์จตั บุ ททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจา่ งไข
“เรอื ชัยไววอ งวิง่ นา้� ค้างตกกระเซน็ เย็นเยือกใจ สงัดเสยี งคนใครไม่พดู จา
รวดเร็วจริงยิ่งอยา งลม ไดย้ ินเสยี งฆอ้ งยา่� ประจา� วงั ลอยลมลอ่ งดงั ถงึ เคหา
เสียงเสาเรา ระดม คะเนนบั ย่�ายามได้สามครา ดเู วลาปลอดหว่ งทักทนิ
หม ทายเยิน่ เดนิ คกู นั ”)

สมั ผัสสระ ไดแ้ ก ่ สัตว ์ - จตั (ุ บท), สวา่ ง - กระจ่าง, เซน็ - เยน็ ,
ใคร - ไม,่ ย่�า - จา� , ยาม - สาม

สมั ผัสพยญั ชนะ ได้แก ่ ( จัตุ)บท - (ทวิ)บาท, ดาว - ดาษ - เดือน,
เย็น - เยือก, ส(งัด) - เสียง, ลอย - ลม - ล่อง,
(คะ)เน - นับ, ยา่� - ยาม

46

46 คมู อื ครู


กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

๒) การใชโ้ วหาร คอื การใชถ้ อ้ ยคา� อยา่ งมชี นั้ เชงิ ในการเขยี น เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจและรบั รู้ อธบิ ายความรู
อารมณค์ วามรสู้ กึ ความคิด ประสบการณ์ หรอื เรอ่ื งท่ีเกดิ จากจนิ ตนาการไดต้ รงตามจดุ มุง่ หมาย
ของกวี ในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา มีการใช้โวหารท่ีก่อให้เกิดอารมณ์ ใหน กั เรยี นอธบิ ายการใชโ วหาร
สะเทอื นใจหลายอารมณ ์ กวใี ชโ้ วหารตา่ งๆ ถา่ ยทอดอารมณข์ องตวั ละครทา� ใหผ้ อู้ า่ นสามารถเขา้ ใจ ในเสภาเรื่องขุนชางขุนแผน
เนือ้ เรื่องได้เป็นอย่างดี
• นักเรยี นอธิบายเปรยี บเทียบ
๒.๑) อุปมาโวหาร เป็นการใช้ถ้อยคา� แสดงการเปรยี บเทียบอย่างมชี นั้ เชงิ โดยการนา� การใชพ รรณนาโวหารและ
สง่ิ ทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั มาเปรยี บเทยี บ ดงั เหตกุ ารณต์ อนทพี่ ลายงามขน้ึ เรอื นขนุ ชา้ งเพอ่ื พานางวนั ทอง บรรยายโวหารวาใชต างกนั
มาอยบู่ า้ นกบั ตน พลายงามไดก้ ลา่ วเปรยี บเทยี บนางวนั ทองกบั ขนุ ชา้ งวา่ ไมม่ คี วามเหมาะสมคคู่ วร อยางไร
กัน ความวา่ (แนวตอบ พรรณนาโวหารเปน
การกลา วถงึ รายละเอียดของ
มาอยู่ไยกบั อ้ายหนิ ชาต ิ แสนอุบาทว์ใจจติ ริษยา สง่ิ ตา งๆ ในขณะทบ่ี รรยายโวหาร
ดงั ทองคา� ทา� เล่ยี มปากกะลา หน้าตาด�าเหมือนมินหม้อมอม แสดงใหเหน็ การเลา เรอื่ งเปน
เหมอื นแมลงวันวอ่ นเคล้าที่เนา่ ชวั่ มาเกลือกกลัว้ ปทุมมาลย์ทหี่ วานหอม ลําดบั โดยตลอด ซ่งึ บางครงั้ จะมี
ดอกมะเดือ่ ฤๅจะเจอื ดอกพะยอม วา่ นกั แมจ่ ะตรอมระกา� ใจ พรรณนาโวหารเขามาแทรก
ขณะท่ีกาํ ลงั เลาเรือ่ ง)
พลายงามได้กล่าวเปรียบเทียบการท่ีนางวันทองอยู่กับขุนช้างว่า เหมือนกับน�าสิ่งท่ีมี
คา่ อยา่ งทองคา� คอื นางวนั ทองมาเลยี่ มปากกะลา ซงึ่ กะลาเปน็ ภาชนะดอ้ ยคา่ หมายความถงึ ขนุ ชา้ ง ขยายความเขาใจ
นอกจากจะเปรียบขุนช้างว่าด้อยค่าแล้ว ยังเปรียบขุนช้างว่าหน้าตาด�าเหมือนเขม่าติดก้นหม้อ
ขนุ ชา้ งเหมอื นแมลงวนั ทบี่ นิ ตอมของเนา่ เหมน็ แลว้ มาตอมดอกบวั งามอยา่ งนางวนั ทอง และเปรยี บ ใหน กั เรยี นเขยี นความเรยี งเกยี่ วกบั
ความแตกต่างของขุนช้างกับนางวันทองว่า ขุนช้างเป็นเหมือนดอกมะเดื่อท่ีไม่มีกล่ินและไม่อาจ ตวั ละครทีน่ กั เรยี นชอบมากทีส่ ุดจาก
ติดกล่นิ หอมจากดอกพะยอมซ่งึ หมายถึงนางวนั ทองได้ ถ้านางวันทองยังอย่กู บั ขนุ ช้างกต็ อ้ งชา้� ใจ เสภาเรอ่ื งขุนชางขุนแผน โดยใช
เพราะความไมค่ ่คู วรกนั กวีเปรียบเทียบความแตกตา่ งอยา่ งชดั เจนระหวา่ งนางวันทองกับขุนชา้ ง โวหารตา งๆ ทีป่ รากฏในเร่ือง
ความยาวของความเรียงไมน อยกวา
๒.๒) บรรยายโวหาร เปน็ กระบวนการแตง่ ท่มี เี น้อื เรอ่ื ง มบี ทบาท ด�าเนนิ เรอื่ งว่าใคร ครงึ่ หนา กระดาษ พรอ มทงั้ ใหน กั เรยี น
ทา� อะไร ทา� อยา่ งไร ทไ่ี หน และเมอ่ื ไหร ่ บรรยายโวหารใชใ้ นการเลา่ เรอ่ื ง เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตั้งชื่อเร่อื งอยางสรางสรรคด ว ย
มลี กั ษณะเล่าเปน็ เรื่องยาว จึงใช้บรรยายโวหารในการด�าเนินเรอ่ื ง ดงั บทประพนั ธ์

ขอเดชะละอองธลุ ีบาท องคห์ ริรักษ์ราชรงั สรรค์

เม่อื กระหมอ่ มฉันมาแตอ่ ารญั ครัง้ นนั้ โปรดประทานขุนแผนไป
ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจ�าจอง กระหม่อมฉนั มีทอ้ งนน้ั เติบใหญ่
อยทู่ ีเ่ คหาหนา้ วัดตะไกร ขนุ ชา้ งไปบอกว่าพระโองการ

47

คูมอื ครู 47


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธิบายความรู (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%)

1. ใหนกั เรยี นศึกษาการใชภาพพจน มรี ับสง่ั โปรดปรานประทานให้ กระหมอ่ มฉันไม่ไปกห็ ักหาญ
ในเสภาเรอ่ื งขุนชางขุนแผน ตอน ยอื้ ยดุ ฉดุ คร่าทา� สามานย์ เพื่อนบ้านจะชว่ ยก็สดุ คิด
ขนุ ชา งถวายฎกี า ด้วยขุนชา้ งอา้ งว่ารบั ส่ังให้ ใครจะขัดขนื ไวก้ ็กลัวผิด
จนใจจะมิไปกส็ ดุ ฤทธ ิ์ ชวี ิตอย่ใู ตพ้ ระบาทา
2. ครูสุมนักเรียน 3 - 5 คน มาชว ยกนั
อธบิ ายการใชภาพพจนช นิดตางๆ จากบทประพันธ์เป็นตอนท่ีพระพันวษารับสั่งถามนางวันทองว่าท�าไมไปอยู่กับขุนช้าง
(แนวตอบ ท้ังทพ่ี ระองคท์ รงประทานนางให้ขุนแผน นางวันทองจงึ อธิบายเรือ่ งราววา่ ขุนช้างมาฉุดกระชาก
• การใชภ าพพจนอ ุปมาปรากฏ ลากไปโดยอา้ งคา� ส่งั ของพระองค์ กวใี ช้การบรรยายโวหารชว่ ยใหผ้ ู้อา่ นลา� ดบั เหตุการณ์ได้ดแี ละ
คําแสดง “การเปรียบความ เขา้ ใจเรือ่ งราวได ้ แม้จะเลา่ ย้อนความในอดีต
เหมือน” เชน ดจุ ดงั คลา ย ๓) การใช้ภาพพจน์ เป็นการใช้กลวิธีการเรียบเรียงถ้อยค�าลักษณะค�าลักษณะต่างๆ
เหมอื น ราว ปาน เปนตน ทผี่ ปู้ ระพนั ธต์ ง้ั ใจใช ้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ผลทางจนิ ตภาพหรอื ทา� ใหเ้ กดิ ความซาบซงึ้ ใจไดม้ ากกวา่ การเขยี น
• การใชภ าพพจนอุปลกั ษณ ธรรมดา
ปรากฏคาํ แสดง “การเปรียบ
เปน” ในบทประพันธ เชน ๓.๑) การใช้ภาพพจน์อุปมา เป็นภาพพจน์ที่ใช้การเปรียบเทียบอธิบายลักษณะของ
เปน คอื เทา เปน ตน ) สิ่งใดสิง่ หนง่ึ โดยสง่ิ ทน่ี า� มาใชเ้ ป็นความเปรยี บน้ันเปน็ ส่งิ ท่ีรจู้ ักกนั ดี น�ามาเปรียบเทยี บเพ่ือใหเ้ หน็
ลกั ษณะใดลักษณะหนง่ึ เพยี งดา้ นเดยี ว และจะมคี า� เชื่อมแสดงการเปรียบเทยี บไว้อย่างชัดเจน เชน่
ขยายความเขาใจ คล้าย เหมอื น ดงั ราว ราวกับ ดุจ เปรยี บปาน เปน็ ตน้ ดังบทประพนั ธ์

ใหนักเรยี นยกตวั อยา งบทประพันธ ครานนั้ ขนุ ชา้ งไดฟ้ งั วา่ แคน้ ดังเลือดตาจะหล่ังไหล
ท่ใี ชโ วหารภาพพจนท ่ีตา งจาก ดบั โมโหโกรธาท�าว่าไป เรากไ็ ม่ว่าไรสุดแตด่ ี
บทเรยี น ดงั ตอ ไปนี้
จากบทประพันธ์เปน็ ตอนทขี่ า้ รบั ใชข้ องจมื่นไวยฯ มาบอกขนุ ช้างว่า ทีน่ างวันทองหาย
• ภาพพจนอ ปุ มา ไป เพราะไปดแู ลจม่นื ไวยฯ ท่ีไม่สบายมาก ขนุ ช้างรู้ทันทีว่าเป็นเร่ืองโกหกจึงโกรธมาก กวเี ปรียบ
• ภาพพจนอ ปุ ลักษณ ให้เห็นวา่ ขนุ ช้างทง้ั โกรธทั้งแคน้ จนเหมือนว่าเลอื ดจะไหลออกจากตา
• ภาพพจนอติพจน
(แนวตอบ ๓.๒) การใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ เป็นภาพพจน์ที่ใช้ในการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็น
1. ภาพพจนอุปมา เชน อีกสิ่งหน่ึง ค�าที่ใช้เปรียบ ได้แก่ ค�าว่า เป็น คือ เท่า เรียกให้เข้าใจง่ายว่า การเปรียบเป็น
ดังบทประพันธ์
“คราวนน้ั เม่อื ตามไปกลางปา
หนา ดําเปนหนงึ่ ทามนิ หมอ ไหม” เจา้ พลายงามตามรบั เอากลับมา ท่ีนี้หน้าจะด�าเปน็ น�า้ หมึก
หรอื ก�าเรบิ ใจดว้ ยเจ้าไวยก�าลงั ฮกึ จะพาแม่ตกลกึ ใหจ้ �าตาย

“ชนะความงามหนา ดงั เทยี นชยั 48
เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลกึ ”
2. ภาพพจนอ ุปลกั ษณ

“เจา พลายงามตามรบั เอากลบั มา
ทีน้หี นาจะดาํ เปน นํ้าหมกึ ”
3. ภาพพจนอ ติพจน

“นจิ จาใจเจา จะใหพ ี่เจ็บจติ
ดงั เอากริชแกระกรดี ในอกผัว”)

48 คูมอื ครู เกรด็ แนะครู

ครแู นะใหนกั เรยี นเห็นวาภาพพจนใ นวรรณคดีมีความสําคญั ภาพพจนท าํ ใหส ิ่งท่เี ปน
นามธรรมกลายเปนรูปธรรม ซงึ่ ทาํ ใหวรรณคดเี ขาสูประสาทสัมผสั ของเราไดง าย โดยการไดยนิ
ไดเ ห็น ไดสมั ผสั ฯลฯ ไดรว มมีประสบการณที่กวี นักเขียนถา ยทอดไดชดั เจน ทําใหเ ขา ใจและ
เขาถงึ วรรณคดไี ดดยี ่งิ ขนึ้


กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

กวีกล่าวถึงตอนท่ีนางวันทองบอกแก่พลายงามที่มาตามนางไปอยู่ด้วย จะท�าให้นาง อธิบายความรู
อับอายขายหน้าไม่กล้าพบหน้าใครอีก โดยใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์เปรียบหน้าของนางวันทองที่มี
ความอบั อายจนหมองคลา�้ จนดา� เปน็ นา�้ หมกึ ทา� ใหผ้ อู้ า่ นจนิ ตนาการไดว้ า่ จะอบั อายขายหนา้ เพยี งใด 1. ใหน กั เรยี นจดั กลมุ 4 กลมุ อภปิ ราย
๔) ลลี าการประพนั ธ ์ กระบวนการแตง่ คา� ประพันธข์ องกวีอยา่ งมแี บบแผน เสภาเรื่อง ลลี าการประพนั ธด า นรสในวรรณคดี
ขุนช้างขุนแผน ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา มีเนื้อความท่ีพรรณนาได้งดงามอยู่หลายตอน ทงั้ น้ีเพราะ เสภาเรื่องขนุ ชาขนุ แผน ตอน
กวีสามารถดา� เนนิ เรือ่ งไดส้ มจรงิ และแทรกรสวรรณคดีตา่ งๆ เขา้ ถึงอารมณ์ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ขุนชา งถวายฎีกา ดงั ตอ ไปนี้
กลุมท่ี 1 เสาวรจนี
๔.๑) เสาวรจนี เป็นบทชมความงามที่กวีเลือกใช้ถ้อยค�าที่ไพเราะกล่าวถึงความงาม กลมุ ที่ 2 นารปี ราโมทย
จากเสภาเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา มีบทชมความงามของเรือนขุนช้างส้ันๆ กลมุ ที่ 3 พโิ รธวาทัง
ในตอนท่พี ลายงามข้นึ เรอื นขนุ ชา้ ง แต่กวีกเ็ ลอื กสรรค�าได้ไพเราะชวนอ่าน ดงั บทประพันธ์ กลมุ ที่ 4 สัลลาปงคพิสยั

จุดเทยี นสะกดขา้ วสารปราย ภูตพรายโดดเรอื นสะเทอื นผาง 2. สงตวั แทนแตละกลุมนําเสนอ
สะเดาะดาลบานเปดิ หน้าตา่ งกาง ย่างเท้ากา้ วขน้ึ ร้านดอกไม้ หนาชั้นเรยี น
หอมหวนอวลอบบปุ ผาชาต ิ เบกิ บานก้านกลาดกง่ิ ไสว
เรณูฟรู ่อนขจรใจ ยา่ งเทา้ ก้าวไปไมโ่ ครมคราม 3. ครแู ละนักเรียนรวมกันสรุปสาระ
สําคญั จากลีลาการประพันธเสภา
๔.๒) นารีปราโมทย์ เป็นบทเก้ียว บทโอ้โลม แสดงความรักใคร่ ดังตอนท่ีขุนแผน เร่ืองขุนชางชุนแผน ตอน ขุนชาง
เขา้ หานางวนั ทอง แลว้ นางวนั ทองคดิ ถงึ ความหลงั เกดิ นอ้ ยใจจงึ แกลง้ หลบั ขนุ แผนจงึ โอโ้ ลมแสดง ถวายฎีกา
ความรักใคร่และยอมรบั ผิดเพ่ือให้นางวันทองยอมพดู จาด้วย
ขยายความเขา ใจ
โอ้เจา้ แกว้ แววตาของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา
ดังนม่ิ น้องหมองใจไม่น�าพา ฤๅขดั เคืองคดิ ว่าพที่ อดทิ้ง เสภาเรอ่ื งขนุ ชางขนุ แผนเปน
ความรกั หนักหน่วงทรวงสวาท พ่ีไม่คลาดคลายรักแต่สกั สิง่ วรรณคดีทมี่ ีลีลาการประพันธครบ
เผอิญเปน็ วิปริตพ่ีผิดจริง จะนอนนิง่ ถอื โทษโกรธอยู่ไย ทุกกระบวนในวรรณคดีประกอบดว ย
เสาวรจนี นารปี ราโมทย พโิ รธวาทัง
๔.๓) พโิ รธวาทงั คอื กระบวนความตดั พอ้ ต่อว่า หงึ หวง โกรธ ว่ากลา่ วประชดประชนั และสัลลาปงคพสิ ัย จากนนั้ ให
กวีถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ของตวั ละครได้อยา่ งกินใจ ดังเช่น เหตกุ ารณ์ตอนท่ขี ุนแผนแอบมาหา นกั เรียนยกตัวอยางบทประพันธจาก
นางวันทอง นางกล่าวค�าตัดพ้อต่อว่าขุนแผน ขุนแผนจึงพยายามขอโทษขอคืนดี ค�าตัดพ้อ วรรณคดีเรือ่ งอน่ื ท่ีแสดงใหเ ห็นลลี า
ของนางน้ันกวีใช้ส�านวนโวหารที่ไพเราะคมคาย แสดงถึงความน้อยเน้ือต�่าใจของนางวันทอง การประพนั ธอยา งนอย 1 กระบวน
ความขมข่นื ใจทตี่ อ้ งทนทุกขท์ รมานมาโดยตลอดกไ็ ด้ระบายออกมา ดังความว่า
(แนวตอบ นทิ านคาํ กลอนเรื่อง
49 พระอภัยมณี ตอนหนนี างผีเสือ้
กวีใชสัลลาปงคพิสยั แสดงความเศรา
โศกอาลยั ของพระอภยั มณที ีต่ องจาก
ลูกสนิ สมุทร เพราะตนกาํ ลงั หนีจาก
นางผเี สอื้ สมทุ ร ดงั บทประพันธ

“จะไปไหนไมพ นผีเสื้อนาํ้
วบิ ากกรรมกจ็ ะสูอยูเปน ผี
ทา นสง เราเขา ทเ่ี กาะละเมาะน้ี
แลวรบี หนีไปในน้าํ แตล าํ พงั
แลว วาแกสินสมทุ รสุดทร่ี ัก
แมน นางยักษจะมารบั จงกลบั หลงั
อันตัวพอ ขอตายวายชวี นั
กันแสงส่งั ลูกยาดว ยอาลัย”)

คูมอื ครู 49


กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

ใหนกั เรียนประเมนิ คาทาง ทีจ่ รงิ ใจเห็นไปอยู่เรอื นอ่นื คงคิดคนื ทห่ี ม่อมเปน็ แมน่ มั่น
วรรณศิลปจากเสภาเรือ่ งขุนชาง ดว้ ยรกั ลกู รกั ผวั ยงั พวั พนั คราวน้นั กไ็ ปอยเู่ พราะจา� ใจ
ขุนแผน ตอน ขนุ ชา งถวายฎกี า แค้นคดิ ด้วยมติ รไม่รักเลย ยามมที เี่ ชยเฉยเสยี ได้
โดยจัดอภปิ รายรว มกนั ถาม-ตอบ เสยี แรงร่วมทุกขย์ ากกนั กลางไพร กินผลไมต้ ่างขา้ วทุกเพรางาย
แลกเปลีย่ นความคดิ เห็นกนั โดยแบง พอไดด้ ีมีสขุ ลมื ทุกข์ยาก กเ็ พราะหากหม่อมมีซ่ึงทห่ี มาย
เปน กลมุ ใหญ 2 กลมุ ใชป ระสบการณ วา่ นักกเ็ ครอื่ งเคืองระคาย เอน็ ดนู ้องอย่าใหอ้ ายเขาอีกเลย
และความรเู ปน เครือ่ งมอื ในการ
พิจารณาตดั สินประเมนิ คา วรรณศิลป และตอนที่พลายงามมีความโกรธแค้นขุนชา้ ง ท�าให้พลายงามไปพรากนางวนั ทองจาก
อยา งมีเหตุผล ขนุ ชา้ ง เมอ่ื พลายงามไปเรอื นขนุ ชา้ งและเขา้ ไปในหอ้ งนอนเหน็ ขนุ ชา้ งนอนเคยี งขา้ งนางวนั ทอง กย็ ง่ิ
โกรธแค้นแทบจะฆ่าขุนชา้ งทงั้ ที่หลบั กวีใชถ้ อ้ ยค�าถ่ายทอดอารมณโ์ กรธจัดของพลายงาม ทา� ให้
เกรด็ แนะครู ผู้อ่านสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได ้ ดงั ตัวอย่าง

ครแู นะนาํ เทคนคิ การประเมนิ คา ชมพลางยา่ งเยอ้ื งช�าเลอื งมา เปดิ ม้งุ เหน็ หนา้ แมว่ ันทอง
วรรณคดีเร่อื งทอ่ี า นดวยการให นิ่งนอนอยูบ่ นเตียงเคียงขนุ ชา้ ง มันแนบขา้ งกอดกลมประสมสอง
นกั เรียนถามตนเองวา “อา นเรอ่ื งแลว เจบ็ ใจดงั หวั ใจจะพังพอง ขยับจอ้ งดาบง่าอยากฆา่ ฟนั
ประทบั ใจ หรอื มอี ารมณค ลอ ยตาม จะใคร่ถบี ขนุ ชา้ งท่ีกลางตวั นึกกลวั จะถูกแมว่ นั ทองน่ัน
กบั อารมณของเรือ่ งหรอื ไม อยา งไร”
โดยแนะนาํ เพ่ิมเตมิ วาถา นกั เรยี น ๔.๔) สลั ลาปงั คพสิ ยั เปน็ บทแสดงความเศรา้ โศก ครา่� ครวญ เชน่ เหตกุ ารณท์ พี่ ลายงาม
ประทบั ใจก็แสดงวาวรรณกรรม ไปหานางวนั ทองท่บี า้ นขุนชา้ ง ดงั บทประพันธ์
เร่อื งน้ันมีคณุ คาทางดา นเนือ้ หาและ
วรรณศลิ ปจ นสามารถทําใหผ อู า น ครานนั้ จึงโฉมเจ้าวันทอง เศรา้ หมองดว้ ยลกู เปน็ หนกั หนา
เกดิ อารมณส ะเทอื นใจตามทผี่ แู ตง พ่อพลายงามทรามสวาทของแมอ่ า แม่โศกาเกอื บเจียนจะบรรลัย
ตองการได ใช่จะอิม่ เอบิ อาบดว้ ยเงนิ ทอง มใิ ชข่ องตวั ท�ามาแตไ่ หน
ทง้ั ผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รกั ใครเ่ หมือนกับพอ่ พลายงาม
ทกุ วนั น้ใี ชแ่ ม่จะผาสกุ มีแต่ทุกขใ์ จเจบ็ ดังเหน็บหนาม
ตอ้ งจา� จนทนกรรมที่ติดตาม จะขนื ความคดิ ไปกใ็ ชท่ ี

หลงั จากทพ่ี ลายงามออ้ นวอนแมใ่ หไ้ ปอยดู่ ว้ ย โดยเทา้ ถงึ ความหลงั ทต่ี วั เองตอ้ งจากแม่
ตงั้ แตเ่ ดก็ ไมม่ โี อกาสไดอ้ ยดู่ ว้ ย เมอ่ื เตบิ โตรบั ราชการมยี ศศกั ดจิ์ งึ อยากใหแ้ มม่ าอยดู่ ว้ ย พลายงาม
ตดั พอ้ วา่ แมค่ งไมร่ กั ไมค่ ดิ ถงึ ลกู นางวนั ทองไดฟ้ งั ลกู ตดั พอ้ จงึ ครา�่ ครวญเศรา้ โศกวา่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง

50

50 คูม อื ครู


กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ไม่อาจเป็นได้ดังใจคิดอยากให้พลายงามเข้าใจ กวีได้แสดงให้เห็นความเศร้าโศกและความอึดอัด ขยายความเขาใจ
ลา� บากใจของผ้เู ปน็ แม ่ และให้เหน็ ความจา� เป็นจงึ ต้องทนอยูก่ บั คนท่ไี ม่ไดร้ กั
1. ใหน ักเรียนยกตัวอยา งคา นยิ ม
๗.๓ คุณค่าด้านสงั คม ทป่ี รากฏในเสภาเร่ืองขนุ ชาง
ขนุ แผน ตอน ขนุ ชา งถวายฎีกา
การอ่านวรรณคดีเพื่อพิจารณาคุณค่าทางสังคมเป็นการอ่านที่ต้องใช้กระบวนการวิเคราะห์ ทน่ี ักเรยี นเห็นวามปี ระโยชน
ความสมั พนั ธก์ นั ทัง้ ทเี่ ป็นนามธรรมและรปู ธรรม ไดแ้ ก ่ จริยธรรมในสังคมและสภาพความเป็นอยู่ ตอ ตนเอง
เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ นทิ านพน้ื บา้ นของจงั หวดั สพุ รรณบรุ ี และเปน็ นทิ านทม่ี เี นอื้ เรอื่ งยาว (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถ
สถานท่ีต่างๆ ในเร่ืองเป็นสถานท่ีจริงซ่ึงยังปรากฏอยู่จนทุกวันน้ี เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็น ยกตัวอยา งไดหลากหลาย
วรรณคดีท่ีสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ค่านิยม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ ตามความสนใจของนักเรยี น
การปกครอง การศึกษา ศาสนา การคมนาคม จรยิ ธรรม และภูมศิ าสตร์ของไทยในอดีต ทา� ใหเ้ หน็ เชน คานิยมความมสี ัมมาคารวะ
ส่ิงที่เกี่ยวข้องกบั ชวี ติ ประจา� วันต้ังแตเ่ กิดจนกระท่ังตายของคนในสังคมไทยสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ดังบทประพนั ธ
และสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี สามารถพจิ ารณาคณุ คา่ ดา้ นสงั คมตามแนวทางได ้ ดงั น้ี “จมนื่ ไวยสารภาพกราบบาทา
๑) สะท้อนสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคม ดังตัวอย่างบทประพันธ์ ลูกมาผิดจรงิ หาเถยี งไม”
ตอ่ ไปน้ี การมีสัมมาคารวะเปน ประโยชน
ตอ ตนเอง ผูปฏิบตั ิจะเปนท่ีรักใคร
หอมหวนอวลอบบปุ ผาชาต ิ เบกิ บานกา้ นกลาดกงิ่ ไสว ของบคุ คลทั่วไป เปน ตน)
เรณฟู รู ่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไมโ่ ครมคราม
ขา้ ไทนอนหลบั ลงทับกนั สะเดาะกลอนถอนล่ันถึงชน้ั สาม 2. ครูและนักเรยี นรว มกนั สรปุ ความรู
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวาม อร่ามแสงโคมแกว้ แววจบั ตา ลงสมดุ
มา่ นมู่ลี่มฉี ากประจา� กนั้ อฒั จันทรเ์ ครื่องแกว้ ก็หนกั หนา
ชมพลางย่างเยอ้ื งช�าเลืองมา เปดิ มุ้งเห็นหนา้ แม่วนั ทอง นกั เรยี นควรรู

จากบทประพนั ธส์ ะทอ้ นสภาพความเปน็ อยขู่ องผทู้ มี่ ฐี านะรา่� รวย จะประดบั ประดาบา้ น สะเดาะกลอนถอนลน่ั เกดิ จาก
เรือนอยา่ งสวยงาม พร่งั พรอ้ มดว้ ยขา้ ทาสบรวิ าร และตกแต่งต้นไม้ดอกไมอ้ ยา่ งสวยงาม ขา้ ทาส การถอดสลกั ลมิ่ ประตู ซึ่งเปน เครื่อง
ในบา้ นนอนเกยกันอย่ ู โดยลงกลอนไวแ้ น่นหนาถงึ สามช้นั ภายในเรือนมกี ระจกเป็นฉากตอ้ งแสง ก้ันหรือกลอนประตู เพือ่ ไมใ หป ระตู
โคมไฟแวววบั จบั ตา ม่านมลู ่ีจดั แตง่ เปน็ ฉากและเครอื่ งแกว้ วางเปน็ ชั้นๆ มากมาย แบบเรือนไทยเลอื่ นหรือผลักเขา ไปได

ได้ยินเสียงฆ้องยา่� ประจา� วัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา
คะเนนบั ย่า� ยามไดส้ ามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทิน

ในสมัยโบราณจะตีฆ้องเพื่อบอกเวลา คะเนนับย�่ายามได้สามครา เป็นการบอกเวลา
สามยามหรอื ตสี าม

51

คมู อื ครู 51


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%)

1. จากการศึกษาบทประพนั ธ ๒) สะทอ้ นความเชอ่ื ของคนในสงั คม ความเช่ือซ่ึงมีอยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมา
ใหนกั เรียนรว มกนั ระดมความคดิ - โดยตลอดจะปรากฏในวรรณคดีสว่ นใหญข่ องไทย โดยเฉพาะเสภาเรอ่ื งขุนช้างขนุ แผน เป็นเรื่องที่
เห็นตอประเด็นคาํ ถามตอไปนี้ เต็มไปด้วยความเช่อื ในด้านตา่ งๆ ของคนในสังคม นักเรยี นจะเห็นไดจ้ ากตอนขุนชา้ งถวายฎีกาน ี้
• ความสมั พนั ธของครอบครวั เช่น ความเชอ่ื เกย่ี วกับไสยศาสตร ์ ความเชอ่ื เก่ยี วกบั ความฝนั ความเช่ือเรอ่ื งกรรม เป็นต้น
คนไทยในสมยั รัตนโกสินทร
ทีป่ รากฏในเสภาเรอื่ งขนุ ชา ง ๒.๑) ความเชื่อเก่ียวกับไสยศาสตร์ ตอนที่พลายงามคิดท่ีจะขึ้นเรือนขุนช้างเพ่ือพา
ขุนแผน มลี ักษณะอยางไร นางวนั ทองมาอย่ดู ้วย พลายงามต้องเตรียมตวั หลายประการ เริม่ จากดเู วลาฤกษย์ าม เซน่ พราย
(แนวตอบ ความสัมพนั ธข อง เสกขม้นิ ลงยันต์ ใส่มงคล เป่ามนตร์ และบรกิ รรมคาถาก่อนทีจ่ ะลงเรือนของตน ดังความวา่
สมาชกิ ในครอบครวั เปน ไปอยา ง
แนน แฟน เชน ความรกั ของ คะเนนบั ย�่ายามได้สามครา ดูเวลาปลอดหว่ งทักทนิ
จม่ืนไวยฯ ที่มตี อ นางวันทอง ฟา้ ขาวดาวเด่นดวงสวา่ ง จันทรก์ ระจา่ งทรงกลดหมดเมฆส้ิน
ผูเปน แม การอาศัยอยเู ปน จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกิน เสกขม้นิ ว่านยาเขา้ ทาตวั
ครอบครัวใหญท ม่ี ีพอแม ปูยา ลงยันต์ราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขนึ้ ใสห่ ัว
ตายาย และลกู หลาน) เป่ามนตรเ์ บือ้ งบนชอุ่มมวั พรายยัว่ ยวนใจใหไ้ คลคลา
จบั ดาบเคยปราบณรงค์รบ เสร็จครบบรกิ รรมพระคาถา
2. ครแู ละนักเรียนรว มกันสรุป ลงจากเรอื นไปมิไดช้ ้า รีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน
ประเดน็ ที่ยกมาถามและให
นกั เรียนบนั ทึกขอสรุปลงสมดุ

นักเรยี นควรรู ๒.๒) ความเชอ่ื เกยี่ วกบั ความฝนั กอ่ นทนี่ างวนั ทองจะถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ นางวนั ทอง
ฝันว่าตนพลัดหลงเข้าป่าและหาทางกลับไม่ได้ จนกระท่ังมีเสือสองตัวตะครุบพานางเข้าไปในป่า
เซนพราย คอื การเลยี้ งผี กอ นจะ นางจึงตกใจตน่ื ผวากอดขุนแผน ดังความว่า
เร่มิ งานใดๆ เพื่อไมใหมอี ุปสรรค
ขัดขวางในการลงมอื กระทําการน้นั ๆ ดุเหว่าเร้าเสยี งส�าเนยี งก้อง ระฆังฆอ้ งขานแขง่ ในวังหลวง
วนั ทองน้องนอนสนทิ ทรวง จติ งว่ งระงับสู่ภวังค์
ฝนั ว่าพลัดไปในไพรเถื่อน เลอ่ื นเป้ือนไมร่ ู้ทีจ่ ะกลับหลัง
ลดเลีย้ วเทีย่ วหลงในดงรงั ยังมพี ยคั ฆร์ า้ ยมาราวี
ทั้งสองมองหมอบอยรู่ ิมทาง พอนางด้นั ปา่ มาถงึ ท่ี
โดดตะครุบคาบค้นั ในทนั ท ี แลว้ ฉดุ คร่าพาร่ีไปในไพร
สิน้ ฝันคร้นั ตืน่ ตกประหมา่ หวดี ผวากอดผัวสะอืน้ ไห้

๒.๓) ความเชื่อเกี่ยวกับเร่ืองกรรม ตัวละครในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเม่ือประสบ
ชะตากรรมทท่ี า� ใหต้ นเองพบกบั ความทกุ ข ์ มกั ลงความเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื งของเวรกรรม ดงั เชน่ พลายงาม
ทเ่ี ชอ่ื วา่ สาเหตทุ ีท่ า� ใหน้ างวันทองต้องไปครองคกู่ ับขุนชา้ งเป็นเพราะเคราะหก์ รรม ดังความวา่

52

52 คมู ือครู


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

พร้อมญาตขิ าดอยแู่ ตม่ ารดา นกึ นึกตรกึ ตราละหอ้ ยหวน ขยายความเขาใจ
โอว้ า่ แม่วันทองชา่ งหมองนวล ไม่สมควรเคียงคูก่ บั ขนุ ช้าง
เออนี่เนอื้ เคราะห์กรรมมาน�าผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง ใหน ักเรียนรวมกันตอบคาํ ถาม
ฝ่ายพอ่ มีบุญเป็นขนุ นาง แตแ่ ม่ไปแนบข้างคนจญั ไร เกยี่ วกับความเช่ือในสงั คมไทยที่
นกั เรียนเคยศึกษามานอกเหนอื
๓) สะทอ้ นคา่ นยิ มของคนในสงั คม เสภาเร่ืองขุนช้างขุนแผน สะท้อนค่านิยมของ จากท่ปี รากฏในบทเรยี น
สังคมไทยหลายประการ เชน่
๓.๑) คา่ นิยมเกย่ี วกบั การมสี มั มาคารวะ ดงั ความว่า • ความเช่ือในสังคมไทยที่
นักเรียนเคยศกึ ษามามีอะไรบา ง
จะใครถ่ ีบขุนช้างที่กลางตวั นึกกลัวจะถกู แม่วันทองนั่น (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย
พลางนัง่ ลงนอบนบอภิวนั ท ์ สะอ้ืนอนั้ อกแคน้ น้า� ตาคลอ เชน “ธรรมะยอ มชนะอธรรม”
“คนดีตกน้าํ ไมไหลตกไฟไมไ หม”
พลายงามรจู้ กั แสดงความเคารพนบนอบมสี มั มาคารวะ แมจ้ ะอยใู่ นสถานการณท์ ท่ี า� ให้ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด
ขุ่นเคอื งใจ แตเ่ มื่อมาเหน็ มารดาก็ยงั ระลกึ ถงึ พระคณุ เขา้ ไปกราบไหว้ คบบณั ฑติ บัณฑติ พาไปหาผล”
๓.๒) ค่านิยมเก่ียวกับผู้หญิงต้องมีสามีคนเดียว ไม่นิยมผู้หญิงท่ีมีพฤติกรรมเยี่ยง เปน ตน )
นางวนั ทอง คือ มสี ามีสองคนในเวลาเดยี วกนั แม้โดยแทจ้ รงิ แล้วการทน่ี างตอ้ งมีสามีสองคนน้นั
มใิ ชเ่ กดิ จากความปรารถนาของนางเอง แตใ่ นสว่ นนส้ี งั คมกม็ องขา้ ม เหน็ ไดแ้ ตเ่ พยี งผวิ เผนิ วา่ นาง • นกั เรียนมีความเช่อื เกย่ี วกับ
เปน็ คนทไ่ี มน่ า่ นยิ ม นา่ รงั เกยี จ คา� พพิ ากษาใหไ้ ดร้ บั พระราชอาญาถงึ ประหารยอ่ มเปน็ เครอ่ื งยนื ยนั เรื่องน้ันอยางไร
ถึงผลของคา่ นิยมด้านนีข้ องสงั คมไทย ดงั ค�ากลอนที่สมเด็จพระพันวษาทรงบริภาษนางว่า (แนวตอบ ขน้ึ อยกู บั ประสบการณ
และเหตผุ ลของนกั เรียน)
ว่าหญิงชว่ั ผัวยงั คราวละคนเดยี ว หาตามตอมกันเกรียวเหมอื นมึงไม่
หนักแผ่นดนิ กูจะอยไู่ ย อา้ ยไวยมึงอย่านับวา่ มารดา • ในสังคมไทยมคี วามเช่อื ปรากฏ
กเู ล้ียงมึงถึงใหเ้ ป็นหัวหม่นื คนอื่นรวู้ า่ แม่กข็ ายหนา้ อยูม ากมาย นกั เรียนคดิ วา
อา้ ยขนุ ช้างขุนแผนทงั้ สองรา กจู ะหาเมียใหอ้ ย่าอาลยั มคี วามเชอ่ื เร่ืองใดท่ีสง ผลดี
หญงิ กาลกิณอี แี พศยา มนั ไม่น่าเชยชิดพิสมยั และผลเสียตอสังคม
ทร่ี ปู รวยสวยสมมถี มไป มึงตดั ใจเสียเถิดอคี นนี้ (แนวตอบ ตวั อยางเชน ความ
เชื่อเรอ่ื งบาปบญุ คุณโทษ เม่ือ
คนในสงั คมมคี วามเชอ่ื เรอื่ งน้ี
ก็จะเกรงกลัวตอบาป ไมเบยี ด
เบยี นผอู นื่ ซึ่งเปน สง่ิ ที่ดที าํ ให
คนในสังคมอยรู ว มกนั อยาง
สงบสขุ เปน ตน )

ในทางตรงกนั ขา้ ม คา่ นยิ มเกยี่ วกบั การมภี รรยาหลายคนในเวลาเดยี วกนั นน้ั กลบั ปรากฏ @ มุม IT
อยู่ในหมู่คนชั้นสูง โดยเฉพาะผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ของไทย เช่นในเรื่องนี้ ขุนแผน พลายงาม
ก็มีลักษณะดังกล่าวน้ี แต่สังคมไม่รังเกียจกลับนิยมและยกย่อง เพราะค่านิยมก�าหนดว่าลักษณะ ศกึ ษาเกยี่ วกับความเช่อื ของคน
เช่นนเี้ ป็นเคร่อื งเสรมิ บารมีใหม้ ากย่ิงขน้ึ ในสงั คมจากวรรณกรรมไทยเพ่มิ เติม
ไดท ่ี http://blog.eduzones.com/
53 winny/3612

คูมอื ครู 53


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

ครแู ละนักเรียนรวมกนั แสดงความ ๔) สะทอ้ นขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรม
คิดเหน็ ในประเด็น ดงั น้ี ๔.๑) บทบาทของพระมหากษัตริย์ต่อประชาชนในสังคมไทย สมเด็จพระพันวษาน้ัน

• จากเนือ้ เร่อื งนกั เรียนคิดวา ถา้ พจิ ารณาวเิ คราะหอ์ ยา่ งละเอยี ด กจ็ ะเหน็ วา่ แมจ้ ะทรงเปน็ เจา้ ชวี ติ มพี ระราชอา� นาจอนั ลน้ พน้ แต่
วันทองสองใจจรงิ หรือไม กม็ ไิ ดท้ รงใชพ้ ระราชอา� นาจอยา่ งปราศจากเหตผุ ลหรอื ดว้ ยพระอารมณ ์ หากไดท้ รงปฏบิ ตั พิ ระองค์
(แนวตอบ อาจจะจริงหรือไมจริง อย่างเหมาะสม และทรงเมตตาครอบครัวขุนแผน เพราะเห็นแก่ความดีความชอบที่เคยสร้างไว้
ข้นึ อยกู บั ความคิดเหน็ ของ ให้แก่บา้ นเมือง นอกจากน้ที รงด�ารงพระองค์อยู่ในฐานะของกษัตรยิ ป์ กครองประเทศซงึ่ จะต้องแก้
นักเรียน แตครคู วรชแ้ี นะวา ปญั หาระดบั ประเทศแลว้ ยงั ตอ้ งแกป้ ญั หาระดบั ครอบครวั ของไพรฟ่ า้ ขา้ แผน่ ดนิ อกี ดว้ ย ทรงเปรยี บ
ผหู ญงิ ในสมัยกอนไมกลาแสดง เสมอื นพอ่ หรอื ผใู้ หญใ่ นครอบครวั เวลาคนในครอบครวั มเี รอ่ื งเดอื ดรอ้ นหรอื เกดิ เหตกุ ารณว์ นุ่ วายมา
ความคดิ เห็น เพราะผหู ญิงตอง ฟ้องร้อง พระองค์ทรงมีหน้าท่ีตัดสินคลี่คลายปัญหา เช่น ในกรณีที่ขุนช้างมาถวายฎีกา คร้ังนี้
อยใู ตการดูแลปกครองของ แม้จะทรงกริ้ว ด้วยทรงรู้สึกว่าขุนช้างก่อเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น แต่ก็มิได้ทรงละเลย ทรงน�ามา
ผูช าย) พิจารณา ดังบทประพันธ์

• นักเรยี นคดิ วา บทบาทของ อีวนั ทองกใู หอ้ ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทา� จู่ลู่
สตรีไทยในอดตี และปจจุบนั ฉุดมนั ข้นึ ช้างอา้ งถงึ กู ตะคอกขอู่ วี นั ทองให้ตกใจ
เหมือนหรือแตกตางกันอยา งไร ชอบตบใหส้ ลบลงกบั ที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไมน่ ับได้
(แนวตอบ บทบาทของสตรีไทย มะพรา้ วหา้ วยัดปากใหส้ าใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถงึ ฉกรรจ์
ในปจ จบุ นั มมี ากขึน้ กวาอดีต มึงถือว่าอวี ันทองเป็นแม่ตวั ไมเ่ กรงกลวั เว้โวท้ า� โมหันธ์
สตรไี ทยในปจจุบันมคี วาม ไปรับไยไมไ่ ปในกลางวนั อ้ายแผนพ่อนน้ั ก็เป็นใจ
รบั ผิดชอบตอหนาทีก่ ารงาน มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยข ่ี ถงึ บอกกูว่าดหี าเชอื่ ไม่
ตอ ครอบครวั ทดั เทยี มกบั ผูช าย อา้ ยช้างมันกฟ็ อ้ งเปน็ สองนยั ว่าอา้ ยไวยลกั แมใ่ ห้บดิ า
และยงั คงมีบทบาทการเปน แม เป็นราคขี อ้ ผดิ มตี ดิ ตัว หมองมวั มลทนิ อยู่หนักหนา
ทตี่ องเลยี้ งดลู กู ๆ เหมือนสตรี ถา้ อา้ ยไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพอ่ ฟอ้ งหาเอาเปน็ ไร
ในอดตี ) อยั การศาลโรงกม็ อี ย่ ู วา่ กตู ัดสินใหไ้ ม่ได้
ชอบทวนดว้ ยลวดใหป้ วดไป ปรบั ไหมให้เทา่ กบั ชายชู้
เกรด็ แนะครู
เมอ่ื ทรงทราบสาเหตทุ ม่ี าฟอ้ งกโ็ ปรดใหไ้ ตส่ วนดว้ ยความเปน็ ธรรมแกท่ กุ คน มพี ระราช-
ครูเพ่ิมเตมิ ความรูใหน ักเรยี น ประสงค์จะระงับเหตุร้าวฉานทั้งปวงให้สิ้นไป ด้วยการเปิดโอกาสให้นางวันทองเป็นผู้ตัดสินใจเอง
เก่ยี วกบั คานยิ มท่พี บในเสภาเร่ือง แต่นางวันทองตกอยู่ในภาวะล�าบาก ตื่นเต้นหวาดหว่ัน เพราะอยู่ต่อหน้าพระที่นั่ง ทั้งเกิดความ
ขุนชา งขุนแผน เชน คา นิยมทวี่ า ขัดแยง้ ในใจอยา่ งรนุ แรงทีม่ ิสามารถตัดสนิ ใจไดท้ ันที
ชายตองไปปลูกเรือนหอในทด่ี ิน
ของฝา ยหญงิ เหน็ จากท่ขี ุนชาง 54
ปลกู เรือนหอในบรเิ วณบา นของ
นางวนั ทอง หรอื ผชู ายมีภรรยาได
หลายคน เชน ขนุ แผนและจมน่ื ไวยฯ
ท้ังน้ีเพราะเชื่อกนั วา ชายท่ีมงั่ คงั่ ยอม
สามารถเล้ยี งดภู รรยาไดห ลายคน

54 คมู อื ครู


กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

สมเดจ็ พระพนั วษาทรงกรว้ิ ดว้ ยเขา้ พระทยั วา่ นางมกั มากในทางตณั หาราคะ ตรสั บรภิ าษ ขยายความเขา ใจ
นางอยา่ งรนุ แรง เหตกุ ารณก์ ารตดั สนิ คดใี นครง้ั นแี้ สดงถงึ พระราชภาระทด่ี เู หมอื นจะอยนู่ อกเหนอื
จากบทบาทของพระมหากษัตริย์ แต่สมเด็จพระพันวษาก็ยังทรงถือเป็นหน้าที่ด้วยพระเมตตา 1. ใหน กั เรยี นจัดกลุมยกตัวอยา ง
ซง่ึ คา� ตดั สนิ นนั้ ถา้ อา่ นแตเ่ พยี งผวิ เผนิ อาจตา� หนวิ า่ พระองคท์ รงใชพ้ ระอารมณ ์ แตถ่ า้ พนิ จิ พเิ คราะห์ นิทาน นิยาย หรอื เรอื่ งส้ันท่ีมี
ให้ดีก็จะเข้าใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณท่ีมีต่อพสกนิกร ก็จะเห็นว่าพระองค์มีพระราช- เคาโครงเรอ่ื งชายสองคนรักหญิง
ประสงค์ท่ีจะยุติปัญหาชายสองหญิงหนึ่งท่ีเป็นความกันไม่จบไม่ส้ินน้ี อีกท้ังพระองค์ทรงไม่พอ คนเดยี วกนั โดยบอกชื่อเร่อื ง
พระทัยในการกระท�าของจม่ืนไวยที่ลอบข้ึนเรือนผู้อ่ืนทั้งท่ีตนเป็นขุนนางมียศศักด์ิกลับไม่รักษา ช่ือผูแ ตง และเลา เนอ้ื เรือ่ งยอ
กฎหมายบา้ นเมือง ดังนน้ั พระองค์จงึ ทรงตัดสนิ คดีใหเ้ ดด็ ขาดเพ่อื ให้จบเรอ่ื งว่นุ วาย พสกนิกรทกุ แลวนําเสนอหนาชั้นเรยี น
หมู่เหล่าจะได้เห็นเป็นแบบอย่างว่า ไม่ก่อปัญหาให้ต้องเดือดร้อนวุ่นวายจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข (แนวตอบ ตัวอยา งเชน เร่อื งเงาะปา
เพราะนอกจากนางวนั ทองจะมสี ว่ นผลกั ดนั ใหเ้ หตกุ ารณเ์ ปน็ ไปแลว้ ยงั มปี จั จยั มากมายทางสงั คมที่ พระราชนิพนธในรชั กาลท่ี 5 ทรง
ผลักดันให้พระองค์ทรงตัดสินไปเช่นนั้น เช่น หน้าท่ีของพระมหากษัตริย์ท่ีจะต้องจรรโลงไว้ซ่ึง ประพันธเ ปน กลอนบทละคร เปน
แบบแผนจรยิ ธรรมอนั ดีงาม ปัจจัยดา้ นค่านิยมของสังคม เป็นต้น เรอื่ งราวรกั สามเสาของหนงึ่ หญิง
สองชายชาวปา คือ ลาํ หบั หญงิ
๔.๒) บทบาทของสตรีในสังคมไทย นางวันทองเป็นตัวอย่างของสตรีไทยโบราณ สาวชาวปา หม้นั อยูก ับฮเนา แต
โดยแท้ คอื เกิดมาเพื่อรบั บทของบตุ ร ี ภรรยา และมารดา ตามทธ่ี รรมชาติและสงั คมเป็นผู้กา� หนด ตอ มาไดมารักกบั ซมพลา คนอ่ืนๆ
และเม่ือต้องรับบทพลเมืองก็เป็นพลเมืองตามท่ีผู้ปกครองพึงปรารถนาให้เป็น ทั้งบทบาทและ กเ็ หน็ ใจ จงึ หวงั ใหล าํ หบั กบั ซมพลา
การปฏิบัติตามบทดังกล่าวมานี้ นางวันทองไม่เคยมีโอกาสได้เลือก อาจได้เพียงแต่คิดแต่ไม่เคย ไดครองคกู ัน แตฮ เนาไมย อมและ
ปฏิบตั ติ ามใจคิด ความไมเ่ คยเป็นตัวของตัวเองของนางวันทองนัน้ จะเห็นไดจ้ ากตอนทน่ี างกลา่ ว ตอสกู บั ซมพลา โดยมรี าํ แกว
กบั จมนื่ ไวยว่า พีช่ ายของฮเนาเขาชว ยนองชาย
จนซมพลาถูกลกู ดอกสิน้ ใจตาย
ทกุ วันนใ้ี ช่แม่จะผาสุก มแี ต่ทุกขใ์ จเจบ็ ดังเหน็บหนาม ตอ หนาลาํ หับ ลาํ หบั เสียใจมาก จงึ
ตอ้ งจา� จนทนกรรมทตี่ ิดตาม จะขนื ความคิดไปกใ็ ช่ที ฆาตวั ตายตาม ฮเนาเหน็ ความรกั
เมอ่ื พ่อเจ้าเข้าคกุ แมท่ อ้ งแก ่ เขาฉดุ แม่ใชจ่ ะแกลง้ แหนงหนี ทเ่ี ดด็ เดย่ี วกลาหาญของทงั้ สองคน
ถงึ พ่อเจา้ เลา่ ไมร่ ู้ว่ารา้ ยด ี เป็นหลายปแี ม่มาอย่กู บั ขนุ ช้าง ก็รูสกึ ผิด จงึ ฆาตวั ตายตามอกี คน)
เม่ือพอ่ เจา้ กลบั มาแตเ่ ชยี งใหม ่ ไม่เพด็ ทูลสง่ิ ไรแต่สักอย่าง
เมอ่ื คราวตวั แมเ่ ป็นคนกลาง ทา่ นก็วางบทคืนให้บิดา 2. เพือ่ นๆ ท่ฟี งการนําเสนอรว มกัน
แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับ
จะเห็นไดว้ ่า นางวันทองถูกกา� หนดเสน้ ทางเดนิ ของชวี ิตใหเ้ ปน็ ไปตามความปรารถนา โครงเรอื่ ง
ของผู้อื่นทั้งสิ้น นางจ�าใจต้องทนรับภาวะนั้นๆ เพราะถึงนางจะขืนความคิดไปก็ใช่ท่ี ไม่มี • เรอื่ งยอ ท่กี ลุมนําเสนอตรงกบั
ความหมาย การที่กวีใช้ค�าว่า วางบท ได้แสดงให้เห็นว่านางวันทองต้องแสดงไปตามบทที่ผู้อ่ืน เสภาเร่อื งขนุ ชางขุนแผน
หรอื ไมอ ยางไร
(แนวตอบ อาจตรงหรอื ไมต รง
ขึ้นอยกู บั เหตผุ ลของนกั เรียน
ครพู ิจารณาเหตุผลของนกั เรยี น
แลวใหความรเู ก่ยี วกับโครงเรือ่ ง
เพมิ่ เติม)

55

เกร็ดแนะครู

ครูแนะนํานักเรยี นวา โครงเรอื่ ง
ท่ดี ีจะตอ งมีขั้นตอนดังตอไปน้ี คือ จุดเร่ิมตน เร่อื ง
แสดงใหเ หน็ สถานการณสําคญั ซึง่ นาํ ไปสูความ
ขัดแยง และพฒั นาไปถงึ ขั้นวิกฤต และข้ันสดุ ยอด
ในทส่ี ดุ หลงั จากนนั้ เหตกุ ารณกจ็ ะคล่คี ลายและ
ลงเอยในตอนจบ

คูมือครู 55


กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรววEvจจaสสluออatบบeผผลล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)

จากการศึกษาวรรณคดีเสภาเร่ือง หยบิ ยื่นใหด้ ว้ ยความเคยชนิ จากการทีเ่ ปน็ ผู้ปฏิบตั ิตามและเป็นทีร่ องรบั ความปรารถนาของผอู้ น่ื
ขุนชางขนุ แผน มาโดยตลอดน้ีเอง เมื่อสมเด็จพระพันวษาทรงเปิดโอกาสให้นางได้เลือกทางเดินชิีวิตของตนเอง
นางกว็ า้ วุน่ ใจไมอ่ าจตดั สนิ ใจได ้ จงึ ก่อใหเ้ กิดเหตุการณ์อนั เศร้าสะเทอื นใจในท่ีสุด
• นักเรียนไดขอคิดอะไรที่นําไป
ใชใ นการดาํ เนนิ ชวี ิตบางหรอื ไม เสภาเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกาน้ี เป็นตอนที่ได้รับยกย่องว่าแต่ง
อยา งไร ได้ดีเป็นเยี่ยมตอนหนึ่ง แต่งเป็นกลอนเสภาที่ส่ืออารมณ์สะเทือนใจและแฝงด้วยข้อคิดเร่ือง
(แนวตอบ ตอบไดห ลากหลาย ความรักของแมท่ ่ีมีต่อลกู พร้อมท่จี ะเสียสละความสขุ ของตนให้แก่ลูก สะท้อนให้เหน็ ความเป็น
เชน การใชส ติคิดใหร อบคอบ ธรรมชาตขิ องมนษุ ย ์ คา่ นยิ ม และความเชอ่ื ของคนในสงั คมสมยั กอ่ น สะทอ้ นวถิ ชี วี ติ ของครอบครวั
กอนตัดสินใจทําสง่ิ ใดวา จะเกดิ ขนุ นางทงั้ ในสมยั อยธุ ยาและรตั นโกสนิ ทรว์ า่ มคี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ พระมหากษตั รยิ ์ และกวยี งั เลอื ก
ผลดอี ยา งไร และมผี ลเสยี ตาม สรรถอ้ ยคา� และสา� นวนโวหารไดอ้ ยา่ งไพเราะมกี ารเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ภาพไดอ้ ยา่ งชดั เจน ควรอา่ น
มาอยางไร ควรทาํ หรือไม และ อย่างพินิจพิเคราะห์ให้เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งให้ได้คุณค่าทางอารมณ์และคุณค่าทางความคิด
ขอคิดเรื่องการมสี ัมมาคารวะ นอกจากน ี้ นกั เรยี นควรอา่ นหนงั สอื ทไี่ ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ วรรณคดใี หม้ ากทสี่ ดุ เทา่ ทมี่ โี อกาส
จะทําใหเปนทีร่ กั ของคนท่วั ไป อ�านวย เพราะนอกจากเปน็ การเพ่มิ พนู ประสบการณ์ชวี ิตของนกั เรียนแลว้ ยังท�าใหน้ กั เรยี นได้
เปนตน) วิจักษ์คุณค่าของวรรณคดีเร่ืองอ่ืนๆ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย รักษาไว้ให้ด�ารงเป็น
สมบตั ขิ องชาติต่อไป
ตรวจสอบผล

1. นักเรยี นแตงนิทาน นิยาย หรอื
เร่ืองสัน้ จากโครงเรือ่ งขุนชาง
ขุนแผน

2. นักเรยี นแตง กลอนสุภาพเกีย่ วกบั
การใหอ ภยั หรือยกโทษ

3. นักเรียนตอบคาํ ถามประจําหนว ย
4. นกั เรียนเขียนความเรียงเกีย่ วกับ

ตัวละครในเรอื่ ง

56

56 คูมอื ครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain EElaxbpoarnadte Evaluate

คำาถามประจาำ หนว่ ยการเรยี นรู้ เกรด็ แนะครู

๑. แนวคดิ และคา่ นยิ มทีป่ รากฏในเสภาเรอ่ื งขนุ ช้างขนุ แผน ตอน ขุนชา้ งถวายฎกี า (แนวตอบ คาํ ถามประจาํ
ทเี่ ด่นชัดและมปี ระโยชนต์ อ่ การด�าเนินชีวติ ในสังคมปัจจุบนั อย่างไร ให้นักเรยี น หนว ยการเรยี นรู
ยกตัวอย่างมาอธิบายพอสงั เขป
๒. เสภาเรือ่ งขุนชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ช้างถวายฎกี า ใหค้ วามรเู้ ก่ยี วกบั ค่านยิ มของ 1. แนวคดิ สําคญั การตกเปนทาส
คนในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างไรบ้าง ของอารมณไ มว า จะเปน ความรกั
๓. จากค�าประพันธ์ท่วี ่า “เม่ือคราวตัวแม่เปน็ คนกลาง ท่านก็วางบทคืนให้บดิ า” ความโกรธ ความหลง ยอ มทาํ ให
มีความหมายวา่ อยา่ งไร มนุษยขาดสติกระทาํ ส่ิงตา งๆ
โดยไมคํานึงถงึ ผลท่จี ะตามมา
กจิ กรรมสร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ เชน

๑. ใ ห้นักเรยี นยกตัวอย่างค�าประพันธ์ในเสภาเรือ่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา “จะตัดเอาศีรษะของแมไ ป
ที่แสดงลกั ษณะที่กา� หนดให้ตอ่ ไปนี้มาพอสังเขป ทิง้ แตตัวไวใหอยูน่ี
แมอ ยาเจรจาใหช า ที
๑. คา่ นิยมเกีย่ วกบั พฤติกรรมของสตรี จวนแจง แสงศรีจะรบี ไป”
๒. คา่ นิยมเกย่ี วกับการมีสมั มาคารวะ
๓. ความเช่ือเรอ่ื งกรรม คา นิยม ความกตัญูตอ บิดา
๒. ใ ห้นักเรียนแบ่งกลมุ่ แลว้ ให้แต่ละกลุ่มเลือกวิจารณ์ลักษณะนิสัยและพฤตกิ รรมของตวั มารดา ดงั คําประพันธ

ละคร กลมุ่ ละ ๑ ตัว พร้อมท้ังวาดรปู ประกอบ แล้วน�าเสนอหน้าชน้ั เรียน “จม่นื ไวยสารภาพกราบบาทา
๓. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๕ - ๖ คน เลอื กบทประพนั ธท์ ่ปี ระทับใจจา� นวน ๓ - ๔ บท ลูกมาผิดจริงหาเถียงไม
รกั ตวั กลัวผดิ แตคดิ ไป
ฝกึ อา่ นทา� นองเสนาะ และขบั เสภาในเสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎกี า กห็ ักใจเพราะรักแมว ันทอง”
แล้วน�าเสนอการอ่านหน้าช้ันเรียน
ความจงรกั ภักดตี อพระมหา-
57 กษัตรยิ 

หแสลดกั งฐผานลการเรยี นรู “ไปเพ็ดทลู เสยี ใหท ลู กระหมอมแจง
นองจะแตงบายศรีไวเชิญขวญั
1. การแตงกลอนสภุ าพ ไมพ กั วอนดอกจะนอนอยดู ว ยกนั
2. การแสดงบทบาทสมมตเิ ปน นางวนั ทอง ไมเ ชนนัน้ ฉันไมเลยจะเคยตวั ”
3. การยกตัวอยางบทประพนั ธท ีม่ ีคณุ คา ทางวรรณศิลปท โี่ ดดเดน
4. การนาํ เสนอวรรณกรรมเรื่องอ่ืนทม่ี โี ครงเรอื่ งเหมือนเสภาเร่ืองขนุ ชา งขนุ แผน 2. เสภาเรือ่ งขนุ ชางขนุ แผนตอน
ขนุ ชา งถวายฎีกา ใหความรู
เกี่ยวกับคา นิยมของคนในสมยั
รัตนโกสินทรต อนตน
1. ผหู ญิงตอ งมีสามคี นเดียว
2. ความมีสมั มาคารวะ
3. ความจงรักภกั ดีตอ
พระมหากษัตรยิ 
4. ผชู ายตองรับใชบ า นเมอื ง

3. จากคําประพันธท ่ีวา
“เมื่อคราวตวั แมเปนคนกลาง

ทานกว็ างบทคืนใหบ ิดา”
มคี วามหมายวาครัง้ หน่ึง

สมเด็จพระพันวษาไดเคยทรง
ตดั สนิ ใหนางวนั ทองกลบั ไปอยู
กับขนุ แผน)

คมู อื ครู 57


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Engage

Explore Explain Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%)

1. วิเคราะหว ิจารณว รรณคดตี ามหลกั พงศาวดารจีน
การวจิ ารณเ บือ้ งตน เรอ่ื งสามกก
ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกับโจโฉ แต่งเปน็ ความเรยี งร้อยแกว้
2. วเิ คราะหล กั ษณะเดนของวรรณคดี แบบบรรยายโวหาร มเี นอ้ื หาเก่ียวกบั
เรอื่ งสามกก เชอื่ มโยงกบั การเรยี นรู การปกครอง กลอบุ าย การทา� สงคราม
ทางประวตั ิศาสตรและวถิ ชี วี ิตของ ไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสร
สงั คมในอดีต ใหเ้ ปน็ “ยอดแห่งความเรียงประเภทนทิ าน”
3. วิเคราะหและประเมินคณุ คา
วรรณคดีเรื่องสามกก ตอน กวนอู ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ
ไปรบั ราชการกับโจโฉ
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
• ดานเนื้อหา
• ดานวรรณศิลป • วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม
• ดา นสังคมและวฒั นธรรม เรอื่ ง สามกก ตอน กวนอูไปรับราชการกบั โจโฉ
4. สงั เคราะหข อ คดิ จากเรือ่ งสามกก
ตอน กวนอูไปรับราชการกบั โจโฉ
เพอ่ื นําไปประยุกตใชในชวี ิตจรงิ

กระตนุ ความสนใจ òหน่วยการเรียนรทู้ ่ี

ใหน ักเรียนดภู าพหนา หนวยแลว สามกก๊
ครูกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น
ดวยคาํ ถาม ตวั ชว้ี ัด

• นกั เรยี นคดิ วา ภาพทเ่ี หน็ เปน ใคร • วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การ
และนักเรยี นรจู กั ตัวละครน้ไี ด
อยางไร วิจารณ์เบอ้ื งตน้ (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑)

• ตวั ละครจากภาพหนา หนว ย • วเิ คราะห์ลกั ษณะเดน่ ของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรยี นรทู้ าง
นาจะมีเช้อื ชาติใด มีลักษณะ
เดนอยา งไร ประวัติศาสตร์และวถิ ีชีวติ ของสังคมในอดีต (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒)

• วรรณกรรมจีนเร่ืองใดบางที่ • วิเคราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ของวรรณคดแี ละ
นกั เรยี นเคยไดย นิ ชอื่ หรอื เคยอา น
วรรณกรรมในฐานะทเี่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
(ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓)

• สงั เคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่อื นา� ไปประยุกต์ใช้

ในชวี ติ จรงิ (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔)

58 คมู ือครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explore Explain

Engage Expand Evaluate

๑ คว�มเปน ม� สาํ รวจคน หา

จีนเรยี กสามกก๊ วา่ “สามกก จ่ี” แปลวา่ “จดหมายเหตเุ รือ่ งสามกก ” เป็นหนงั สอื ทปี่ ราชญ์จีน ใหนักเรยี นสบื คน ขอมูลเกี่ยวกบั
ได้เลอื กเร่ืองในพงศาวดารตอนหน่งึ มาแตง่ ขน้ึ เดิมใชเ้ ล่าเปน็ นิทานกันทัว่ ไป สามกก ดังน้ี

ต่อมาได้มีผู้น�าไปเล่นงิ้ว หนังสือสามก๊กแต่งข้ึนในสมัยราชวงศ์ไต้เหม็ง (พ.ศ. ๑๙๑๑ - • เรื่องสามกกมีความเปนมา
๒๑๘๖) โดยชาวจีนชื่อ ล่อกวนตง แต่งข้ึนโดยมีจุดประสงค์เพ่ือให้เป็นนิยาย เน้ือหาบางส่วน อยางไร และมีกลวธิ ีการ
มคี วามเกี่ยวข้องกบั การเมือง และต�าราพชิ ัยสงคราม เลา เรื่องอยางไร
(แนวตอบ เรอ่ื งสามกก นีป้ ราชญ
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ใหเ้ จา้ พระยาพระคลัง (หน) จีนผูหนง่ึ ชอื่ ลอ กวนตง เลอื ก
เปน็ ผูอ้ า� นวยการแปลสามก๊กเป็นภาษาไทย เนอ่ื งจากสมัยน้ันผทู้ ่มี คี วามเช่ียวชาญทางภาษาไทย เอาพงศาวดารจนี ตอนหนงึ่ มา
ยงั ไม่ร้จู กั ภาษาจนี ดี สว่ นผู้ท่ีรูจ้ กั ภาษาจนี ดีก็ไม่ช�านาญภาษาไทย ดังนั้น การแปลเรือ่ งสามก๊กนี้ แตงข้นึ และเลาเปน นิทาน ไดร บั
จึงต้องมีผู้ร่วมท�างานกันสองฝ่าย ฝ่ายหน่ึงแปลความจากภาษาจีนมาเป็นภาษาไทยอันหนึ่งก่อน การแปลเปน หลายภาษา ตอ มา
แล้วผู้ช�านาญในทางภาษาไทยจึงเรียบเรียงแต่งให้เป็นภาษาไทยท่ีมีส�านวนโวหารสละสลวยและ เจา พระยาพระคลงั (หน) อาํ นวย
เหมาะสม เจ้าพระยาพระคลงั (หน) เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสามารถในดา้ นภาษาไทยและมฝี ปี ากในเชิงกวี การแปลเปนภาษาไทยใน
เปน็ เลศิ อยแู่ ลว้ ดงั น้นั เมื่อท่านมาเปน็ ผอู้ า� นวยการแปล เรอ่ื งสามก๊กจึงเป็นวรรณคดที ีม่ สี า� นวน พ.ศ. 2345)
โวหารเปน็ เยี่ยม
อธบิ ายความรู
๒ วรรณคดีสโมสรยกย่องสามกก๊ ให้เปน็ “ยอดแหง่ ความเรียงประเภทนิทาน”
ประวัติผแู ตง 1. นักเรยี นบอกเหตผุ ลท่ที าํ ให
เจา้ พระยาพระคลงั (หน) มนี ามเดมิ วา่ หน เปน็ บตุ รเจา้ พระยาบดนิ ทรส์ รุ นิ ทร์ ชยั (บญุ ม)ี วรรณคดีสโมสรยกยอ งสามกก
เปน ยอดของความเรียงนิทาน
กับท่านผู้หญิงเจริญ รับราชการมาตั้งแต่สมัยธนบุรี มีบรรดาศักดิ์เป็น หลวงสรวิชิต นายด่าน (แนวตอบ การใชถอยคําและ
เมอื งอทุ ยั ธานี ตอ่ มาในสมยั รชั กาลที่ ๑ ไดต้ ามเสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปในการสงครามมาโดยตลอด เรยี บเรียงสมํา่ เสมอ อา นเขา ใจงา ย
จึงได้เลอ่ื นบรรดาศกั ดิ์จากหลวงสรวชิ ิตเปน็ พระยาพิพัฒน์โกษาและเจ้าพระยาพระคลัง โดยล�าดับ สํานวนภาษาดีเยย่ี ม ขอคดิ จาก
เนื้อเรอื่ งสามารถนาํ มาปรับใชไดดี
นอกจากจะเปน็ นกั รบทก่ี ลา้ หาญแลว้ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) ยงั มคี วามสามารถในการแตง่ ในทุกยุคทุกสมยั )
ค�าประพันธ์ได้ดีเยี่ยมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรอง เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
2. นักเรียนรวมกันอภิปรายวา เรอ่ื ง
๓ ถึงแก่อสัญกรรมในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๔๘ สามกก มลี ักษณะการประพันธท่ี
ลักษณะค�ำ ประพันธ์ โดดเดน พรอ มยกตวั อยา งประกอบ
เร่ืองสามก๊กนี้แต่งด้วยลักษณะค�าประพันธ์ประเภทความเรียงร้อยแก้ว โดยแปลจากภาษา (แนวตอบ มีลักษณะคําประพนั ธ
เปนความเรียงรอยแกว ใชภ าษา
จีนมาเป็นภาษาไทยแล้วเรียบเรียงใหม่ ใช้ประโยคกะทัดรัด ไม่มีศัพท์ยาก ภาษาไม่ซับซ้อน อา นเขา ใจงา ย มีโวหารเปรียบ
การพรรณนาเดน่ ชัด มบี ทอุปมาอปุ ไมยที่ลึกซง้ึ คมคาย เทียบท่ลี ึกซงึ้ คมคาย เชน
“เลาปน นั้ เปนคนมีสติปญ ญา
59 ถาละไวช า ก็จะมกี ําลังมากข้นึ
อปุ มาเหมอื นลกู นกอนั ขนปก
นกั เรยี นควรรู ยงั ไมข น้ึ พรอม แมเ ราจะน่งิ ไว
ใหอยูในรังฉะน้ี ถาขนขึ้นพรอ ม
วรรณคดสี โมสร ไดคัดเลอื กหนังสือทแี่ ตง ดี เปนยอดของหนงั สือแตละประเภท ดงั น้ี ยอดของ แลว กจ็ ะบินไปทางไกลได ซง่ึ จะ
ลิลติ คือ ลิลติ พระลอ ยอดของฉันท คอื สมทุ รโฆษคําฉนั ท ยอดของกลอนสุภาพ คอื เสภาเรื่อง จบั นั้นเหน็ จะไดค วามขัดสน”
ขนุ ชางขนุ แผน ยอดของกาพย คือ กาพยม หาชาตคิ ําเทศน ยอดของกลอนบทละครราํ คอื เปน ตน)
กลอนบทละครเรื่องอเิ หนา ยอดของบทละครพดู คอื หัวใจนักรบ ยอดของความเรียงนทิ าน คอื
สามกก ยอดของความเรยี งอธิบาย คอื พระราชพิธีสิบสองเดอื น คูมือครู 59


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%)

1. ใหน กั เรยี นสรปุ เรอื่ งยอ สามกก ๔ เรอ � งยอ
ตอน กวนอูไปรับราชการกบั โจโฉ
ลงสมดุ เมืองจีนสมยั พ.ศ. ๗๑๑ เปน็ ต้นมา พระเจ้าเหีย้ นเต้ กษัตรยิ ์ราชวงศฮ์ น่ั อ่อนแอ ตัง๋ โตะ๊
ผู้ส�าเร็จราชการกังฉินได้บีบบังคับพระเจ้าเห้ียนเต้ อ้องอุ้นจึงออกอุบายให้ลิโป้ฆ่าตั๋งโต๊ะ ท�าให้
2. จากการสรปุ เรือ่ งยอสามกก เกิดความแตกแยกระส่�าระสายในบ้านเมือง มีสงครามรบพุ่งชิงอ�านาจกันเพ่ือเป็นใหญ่ ในที่สุดก็
นักเรียนนําเสนอเนื้อความตอนที่ แตกออกเป็นสามกก๊ ซึง่ ต่างกม็ ีอาณาเขตเป็นอิสระ ไดแ้ ก่ วุยกก๊ มีโจโฉต้ังตวั เปน็ กษัตริย์ จก๊ กก๊
ประทบั ใจทสี่ ดุ ครูสุมนักเรยี นมา มีเล่าปี่ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ และง่อก๊กมีซุนกวนต้ังตัวเป็นกษัตริย์ ทั้งสามก๊กน้ีท�าสงครามขับเค่ียว
นาํ เสนอหนา ชน้ั เรียน 3 - 4 คน กันเป็นเวลานานจนเส่ือมอ�านาจลง ต่อมาได้มีผู้ต้ังราชวงศ์ใหม่ขึ้น คือ ราชวงศ์จิ้น แผ่นดินจีน
(แนวตอบ ตวั อยางเชน “กวนอูจงึ วา จึงได้กลบั มารวมกนั เป็นอาณาจักรเดียวกนั อกี ครัง้ หน่ึง ใน พ.ศ. ๘๒๓
เสือ้ เกานีข้ องเลาปใ ห บัดน้ีเลา ป
ไปอยูท ใี่ ดมิไดแจง ขา พเจา จึงเอา สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ กลา่ วถงึ เมอื่ ครง้ั ทโี่ จโฉตเี มอื งเสยี วพา่ ยและเมอื ง
เสือ้ ผนื นใี้ สช้ันนอก หวงั จะดตู าง ชจี ว๋ิ ซงึ่ เปน็ หวั เมอื งของจก๊ กก๊ ไดแ้ ลว้ คดิ จะไปตเี มอื งแหฝ้ อื เมอื งทกี่ วนออู ยดู่ แู ลรกั ษาครอบครวั ของ
หนาเลา ป ครนั้ จะเอาเสอื้ ใหมน ัน้ เล่าป่ี โจโฉปรกึ ษากบั เทียหยกที่จะก�าจดั เลา่ ปี่กบั ม้าเทง้ แต่การกา� จดั มา้ เทง้ นัน้ ยาก เพราะมา้ เท้ง
ใสชั้นนอก คนทงั้ ปวงจะครหา อยู่เมืองเสเหลียงเป็นเมืองใหญ่มีทหารจ�านวนมากก�าจัดได้ยาก จึงคิดก�าจัดเล่าปี่ก่อน ฝ่ายโจโฉ
นนิ ทาวาไดใ หมแ ลว ลืมเกา ” เขา้ ยดึ เมอื งชจี ว๋ิ ของเลา่ ปไ่ี ด้ เลา่ ปต่ี อ้ งลภ้ี ยั ไปหาอว้ นเสย้ี วทเ่ี มอื งกจิ ว๋ิ อว้ นเสย้ี วใหค้ วามชว่ ยเหลอื
เหตทุ ่ปี ระทับใจเพราะชน่ื ชม ต่อมาโจโฉยกไปตีเมืองแห้ฝือของกวนอู โดยให้ทหารไปล่อให้กวนอูไล่ตามออกมานอกเมืองแล้ว
ในความรัก ซ่ือสตั ย และความ ล้อมจับตัวกวนอู โจโฉอยากได้กวนอูไว้เป็นทหารด้วยชื่นชอบในฝีมือกวนอู จึงให้เตียวเลี้ยวซ่ึง
กตัญขู องกวนอู) กวนอเู คยชว่ ยชวี ิตไว้เป็นผู้เข้าไปเกล้ียกล่อม กวนอูยอมจ�านนแต่ขอสัญญาสามข้อ ข้อแรกขอให้
ได้เป็นข้ารับใช้พระเจ้าเห้ียนเต้ ข้อสองขออยู่ดูแลพ่ีสะใภ้ท้ังสองคน ขอเบี้ยหวัดของเล่าปี่ซึ่งเคย
เกรด็ แนะครู ไดร้ บั พระราชทานมาใหพ้ สี่ ะใภท้ ง้ั สอง และขอ้ สดุ ทา้ ยหากทราบวา่ เลา่ ปอ่ี ยทู่ ใี่ ดตนจะไปหาแมว้ า่ จะ
ไมไ่ ดร้ า�่ ลาโจโฉกอ่ นกต็ าม ในทแี รกโจโฉไมย่ อมรบั ในสญั ญาขอ้ สดุ ทา้ ย เตยี วเลย้ี วจงึ ยกนทิ านเรอ่ื ง
จากเน้อื เรื่องสามกก หนา 60 น้ี อิเยียงผู้กตัญญูมาเล่าให้ฟัง เพื่อให้เห็นว่ากวนอูน้ันเป็นคนกตัญญูมาก หากโจโฉเลี้ยงดูอย่างดี
เปน ตอนทีเ่ ตียวเลี้ยวยกนทิ านเรอ่ื ง ก็อาจผกู ใจกวนอไู ด้ โจโฉจึงยอมรับเง่อื นไขของกวนอู
อเิ ยยี งผูกตัญูมาเลา ใหโ จโฉฟง
ครูแนะความรูใหนักเรยี นวา กวใี ช โจโฉพากวนอูไปถวายตัวเป็นทหารพระเจ้าเห้ียนเต้ และเลี้ยงดูกวนอูกับพี่สะใภ้ทั้งสองคน
สาธกโวหารในการแตง แสดงการ อยา่ งสขุ สบาย กวนอกู ม็ ไิ ด้มีน้า� ใจตอบโจโฉ แต่เม่ือโจโฉมอบมา้ เซก็ เธาวใ์ หแ้ ก่กวนอู กวนอูกลับ
ยกตัวอยางหรอื อุทาหรณป ระกอบ มคี วามยนิ ดเี ปน็ อยา่ งยง่ิ โจโฉแปลกใจเพราะกอ่ นหนา้ นแ้ี มโ้ จโฉจะใหท้ รพั ยส์ นิ เงนิ ทองหรอื สง่ิ ของ
ขอ ความ เพอื่ ใหเ ขา ใจแจมชัด มคี า่ อันใดแก่กวนอู กวนอกู ็ไม่เคยแสดงความยินดใี ห้เหน็ จนเมอื่ กวนอูบอกความในใจวา่ มา้ เซก็ -
มากขึ้น เธาว์เป็นม้าท่ีมีก�าลังแรงสามารถเดินทางได้ไกล หากรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใดจะสามารถไปหาได้โดยเร็ว
โจโฉไดฟ้ งั ดงั นนั้ กค็ ดิ นอ้ ยใจ เตยี วเลยี้ วจงึ รบั อาสาลองความคดิ กวนอู และไดร้ วู้ า่ กวนอยู งั คงซอื่ สตั ย์
นักเรียนควรรู ต่อเล่าปี่ แต่กวนอเู ป็นคนกตญั ญคู งจะไม่ไปจากโจโฉจนกว่าจะได้ตอบแทนบญุ คณุ ดังน้ันโจโฉจงึ
ไม่ให้กวนออู าสารบ ดว้ ยเกรงว่าเมื่อกวนอทู า� ความชอบแทนคณุ ตนแลว้ ก็จะหนีไปหาเล่าป่ี
สามกก เปน นทิ านเลาสืบตอ กันมา
เปน เวลาหลายรอยป และมีการนาํ ไป 60
เลน เปนงิว้ สบื ตอ กนั มาเกือบ 800 ป
ปจจบุ นั กม็ กี ารนาํ มาจดั ทําเปน ละคร
และเปนภาพยนตรดวย

60 คมู อื ครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate

๕ เนอ้ื เร อ� ง กระตนุ ความสนใจ

กวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ 1. ครชู วนนักเรยี นสนทนาและใช
คําถามกระตุนความสนใจของ
โจโฉจึงออกจากพระราชวังกลับมาบ้านแล้วปรึกษาเทียหยกว่า ตังสินกับพวกห้าคนซ่ึงคิดร้าย นักเรยี น
เราน้ันเราก็ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่เล่าปี่กับม้าเท้ง เราจะคิดประการใดจึงจะได้ตัวมาฆ่าเสีย เทียหยกจึงว่า • นกั เรียนเคยดูหรอื รจู ักเรอ่ื ง
ม้าเท้งไปอยู่เมืองเสเหลียงน้ันมีทหารเป็นอันมาก ถ้าท่านจะยกกองทัพไปตีเอาบัดนี้เมืองเราก็เป็นกังวล สามกก จากที่ใดบาง
อยู่ ขอให้ท่านเรง่ แตง่ ตงั้ ผูม้ ีสติปญั ญาไปเกล้ยี กล่อมหาตวั มา้ เทง้ กลบั เข้ามา อยา่ ให้ทนั มา้ เท้งร้วู า่ ท่านจับ • นกั เรียนรูจกั ตวั ละครตัวใด
ตังสนิ กบั พวกเพือ่ นฆา่ เสยี ขา้ พเจ้าเหน็ วา่ ม้าเท้งไมแ่ จง้ เน้อื ความทัง้ น้กี จ็ ะเขา้ มา จงึ จบั ฆา่ เสยี ก็จะไดโ้ ดย ในเร่อื งสามกก บาง
งา่ ย อนั เลา่ ปน่ี นั้ ไปอยเู่ มอื งชจี ว๋ิ ซอ่ งสมุ ทหารจะคอยรบั กองทพั ทา่ น บดั นท้ี หารอว้ นเสยี้ วกบั ทหารเรากย็ งั • นกั เรียนชื่นชอบตัวละครตัวใด
ต้งั รอกันอยู่ ณ ตา� บลกัวตอ่ เห็นเลา่ ปี่จะใหม้ ีหนงั สือไปคิดกับอว้ นเสี้ยวเป็นอนั หน่ึงอันเดียวกนั ถา้ ทา่ นยก มากที่สุด เพราะเหตใุ ด
กองทัพไปรบเลา่ ป ่ี ดรี า้ ยอว้ นเสยี้ วจะยกมาตเี มอื งฮโู ต๋เปน็ มนั่ คง ผใู้ ดซึ่งจะตา้ นทานอว้ นเสยี้ วไดน้ น้ั ขดั สน
โจโฉจงึ ตอบว่า เลา่ ป่นี น้ั เปน็ คนมีสติปัญญา ถ้าละไวช้ า้ กจ็ ะมีก�าลงั มากขนึ้ อปุ มาเหมอื นลกู นกอันขนปีก 2. ใหน กั เรยี นนาํ เสนอตอนทีเ่ คยอา น
ยังไมข่ ึน้ พรอ้ ม แม้เราจะนิ่งไว้ใหอ้ ยใู่ นรงั ฉะน้ี ถา้ ขนขึ้นพรอ้ มแลว้ กจ็ ะบินไปทางไกลได้ ซ่ึงจะจบั ตวั น้ัน หรือเคยดู และแสดงความคดิ เห็น
เหน็ จะไดค้ วามขดั สน อ้วนเส้ยี วน้ันมที หารมากก็จรงิ แตส่ ตปิ ญั ญาน้อย ถ้าจะคดิ ประการใดเรากไ็ ม่กลวั
ขณะน้ันพอกุยแกเข้ามา โจโฉจึงปรึกษาว่า เราจะยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ณ เมืองชีจิ๋ว ฝ่าย สํารวจคน หา
ทิศตะวันออก แต่คิดเกรงอยู่ข้างฝ่ายทิศเหนือ เกลือกอ้วนเสี้ยวรู้ จะยกกองทัพมาโจมตีเอาเมืองฮูโต ๋
ทา่ นจะคดิ เหน็ ประการใด กุยแกจึงว่า อันความคิดอว้ นเส้ียวนนั้ ถ้าจะท�าการสิง่ ใดก็รวดเร็ว จะใช้ผู้ใด ครูใหนกั เรียนศึกษาบคุ ลกิ ลักษณะ
อ้วนเส้ียวมักคิดสงสัยมิวางใจ ประการหน่ึงทหารทั้งปวงก็แก่งแย่งกัน ถึงจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ ก็เห็นจะ อปุ นิสัยของตวั ละครในเรอื่ งสามกก
ไม่สมความคิด อันเล่าปี่นั้นก็พ่ึงได้กลับไปอยู่เมืองชีจ๋ิว แล้วทหารของเราก็ติดไปด้วย ซ่ึงจะคิดการศึก ตอน กวนอไู ปรับราชการกบั โจโฉ
ไปนัน้ เห็นทหารทั้งปวงยังไม่พรอ้ มเปน็ ใจเดียวกนั ครน้ั จะน่งิ ไว้ทหารก็จะเปน็ ใจประนอมกันเขา้ ขอเร่ง โดยอานจากเนือ้ เรอ่ื ง ศกึ ษาคน ควา
ยกกองทพั ไปตีเมอื งชีจ๋วิ เสียก่อน โจโฉไดฟ้ งั ดงั นน้ั กม็ คี วามยินด ี จงึ ตอบกยุ แกวา่ ซ่ึงเราถามนี้แกล้งจะดู เพมิ่ เตมิ จากหนงั สอื หองสมดุ หรอื
ความคิดท่าน ท่านว่ามาก็เหมือนน�้าใจเราคิด แล้วโจโฉก็เกณฑ์ทหารได้ประมาณยี่สิบหม่ืนยกออกจาก เว็บไซตในอินเทอรเ น็ต
เมืองฮูโต๋
ฝ่ายม้าใช้รู้ว่าโจโฉยกมา จึงรีบไปเมืองชีจ๋ิวบอกเน้ือความแก่ซุนเขียนว่า บัดน้ีกองทัพโจโฉ เกรด็ แนะครู
ยกมา ซุนเขียนแจ้งดังน้ันก็ไปบอกแก่กวนอู ณ เมืองแห้ฝือตามค�าม้าใช้ แล้วว่าให้จัดแจงทหารไว้
ให้พร้อม แลซุนเขียนก็ไปเมืองเสียวพ่าย บอกเน้ือความแก่เล่าปี่ เล่าปี่แจ้งดังน้ันจึงว่า เราจะให้ “เลา ปน ัน้ เปน คนมสี ตปิ ญญา
มีหนังสือไปถึงอ้วนเสี้ยวอีก ให้ยกกองทัพมาช่วย จึงจะต้านทานโจโฉได้ เล่าปี่ก็แต่งหนังสือไปให้ ถาละไวช ากจ็ ะมกี ําลังมากขน้ึ อุปมา
อว้ นเสย้ี ว ซนุ เขียนกร็ ับเอาหนังสอื ไปถึงเมืองชีจ๋ิว จงึ เข้าไปหาเตยี นห้อง เลา่ เน้ือความให้ฟงั ทกุ ประการ เหมอื นลกู นกอนั ขนปก ยงั ไมข น้ึ พรอ ม
แล้ววา่ ทา่ นจงช่วยพาเข้าไปหาอว้ นเสยี้ ว เตียนหอ้ งได้ฟงั ดงั นน้ั ก็พาซนุ เขียนเข้าไปถงึ อว้ นเสย้ี ว ซุนเขยี น แมเราจะน่งิ ไวใหอ ยูใ นรังฉะน้ี ถา ขน
ค�านับแลว้ ส่งหนงั สือให้ อ้วนเส้ียวอา่ นแจ้งแลว้ มไิ ดต้ อบประการใด แกล้งท�าเป็นทุกข์ ขน้ึ พรอ มแลวก็จะบินไปทางไกลได
ซง่ึ จะจบั ตวั นน้ั เหน็ จะไดค วามขดั สน”
61
จากเน้อื ความสว นนีค้ รูชใ้ี หเหน็
การใชอุปมาโวหาร คอื การใชโ วหาร
กลาวเปรียบเทียบส่ิงสองส่งิ เพื่อให
ผอู า นเขา ใจความหมาย เกดิ จนิ ตภาพ
ตามไดชดั เจนมากขึน้

นักเรียนควรรู

หนงั สือ ในทนี่ ้ีหมายถงึ
จดหมายเพือ่ ตดิ ตอ ระหวางกัน

คมู ือครู 61


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%)

ครูและนักเรยี นรว มกันอภิปราย เตียนห้องเห็นหน้าอ้วนเส้ียวนั้นเศร้าหมองจึงถามว่า วันนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบายนั้นมีวิตก
กลวธิ ีการสรางลักษณะตัวละคร สิ่งใดหรือ อ้วนเส้ียวจึงบอกว่า เราน้ีใกล้จะตายอยู่แล้วจึงไม่มีความสบาย เตียนห้องจึงว่า เหตุใดท่าน
เรื่องสามกก ตอน กวนอูไปรับ เจรจาเปน็ ความอัปมงคล อ้วนเสย้ี วจงึ วา่ ชีวิตเราจะตายวันนี้พรุง่ นี้กไ็ มร่ ู้ เราวิตกถึงบตุ รห้าคน เห็นว่า
ราชการกับโจโฉ โดยยกตวั อยาง บุตรสุดท้องนนั้ มสี ตปิ ญั ญาอยบู่ า้ ง แต่อายุยังเด็กนกั บดั น้กี ็ป่วยหนกั อย่ ู เราจึงไม่มีความสบายใจจึงคิด
ตวั ละครตัวใดตวั หน่ึงจากเร่อื ง การส่ิงใดมไิ ด ้ เตียนหอ้ งจงึ ตอบว่า คนท้งั ปวงกล็ ือชาปรากฏว่า ทา่ นเปน็ ใหญ่อยู่ในหวั เมอื งฝ่ายเหนือ เหตุ
มาอธบิ าย ใดท่านมาคิดย่อท้อ จะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร บัดนี้โจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว เมืองฮูโต๋น้ัน
หามผี ูใ้ ดอยู่รักษาไม่ เล่าปีก่ ใ็ หห้ นงั สอื มาขอกองทพั ท่านไปชว่ ย ถ้าทา่ นยกกองทัพไปโจมตเี มอื งฮูโต๋ครั้ง
(แนวตอบ ครูอธิบายความรูเรือ่ ง น้ีเห็นจะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าครั้งนี้ได้ทีท�าการศึก แต่ใจเราน้ันเป็นห่วงอยู่ถึง
กลวิธกี ารสรางตัวละคร คอื ตวั ละคร บุตร ถ้าบุตรเป็นอันตราย ข้างหลังชีวิตเราก็จะตายด้วย ประการหน่ึงมาตรว่าจะยกไปก็ไม่มีชัยชนะ
แบบแบน เปน ตัวละครท่ีแสดงนิสยั ด้วยเหตุไม่สบาย แล้วสั่งซุนเขียนว่า คร้ังน้ีเราไม่ยกไปแล้ว จงไปบอกแก่เล่าปี่เถิด ถ้าอับจนเข้าก็ให้
เพียงดานเดยี ว คอื ดีมากหรอื มาหาเรา เราจะชว่ ยทา� นุบ�ารงุ มใิ หข้ ัดสน
เลวมาก และตัวละครแบบกลม คอื เตยี นห้องไดย้ นิ อ้วนเส้ียวว่าดงั น้ันก็โกรธจงึ ว่า เสยี ดายครง้ั น้ไี ดท้ อี ยู่แล้ว ควรหรือมาคดิ เป็นห่วง
ตวั ละครท่ีแสดงนสิ ัยทัง้ ดีและราย ด้วยลูกเล็กเด็กน้อย เตียนห้องทอดใจใหญ่เดินกระทืบเท้าออกไป ซุนเขียนก็ลาอ้วนเส้ียวกลับไปเมือง
ปะปนกนั เหมือนปุถชุ นทว่ั ไป เชน เสียวพ่ายแจ้งเน้ือความแก่เล่าปี่ตามค�าอ้วนเสี้ยวว่า เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงปรึกษาซุนเขียนว่า โจโฉ
อวนเสี้ยวเปนตวั อยา งของตวั ละคร ยกกองทพั มาคร้งั นี้ เราจะคิดอา่ นรบพุ่งปอ งกันประการใด
แบบกลม คอื เปน ชายชาติทหาร เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า อันทัพโจโฉยกมาคร้ังน้ี ถ้าจะละให้ตั้งลงได้ก็จะมีก�าลังท�าการศึก
ผยู งิ่ ใหญ แตเม่ือเจบ็ ปว ย และรสู ึก คดิ รา้ ยแกเ่ รา บดั นก้ี องทพั โจโฉกย็ กมาใกล้เมืองเราแล้ว เวลาคา่� วันนีข้ ้าพเจา้ จะอาสาคุมทหารยกออกไป
วา ตนเองใกลตาย กเ็ ปนหวงลูกที่ โจมตีกองทัพโจโฉ อยา่ ให้ตง้ั มั่นลงได ้ เหน็ โจโฉจะเสียทีเป็นมน่ั คง เลา่ ปี่ไดฟ้ ังดังนนั้ จงึ ว่า นอ้ งเราแต่กอ่ น
ยงั เลก็ ดวยความรักของผเู ปนพอ มาเห็นว่าไมม่ ีความคดิ มแี ต่ฝมี ือรบพ่งุ กล้าหาญ เราพง่ึ ได้เหน็ ความคิดน้องเราท�ากลอุบายจบั เลา่ ตา้ ยได้
จนเตยี นหอ งดแู คลนวา ผเู ปน ใหญ ครัง้ หนง่ึ มาครั้งนี้จะยกออกโจมตกี องทัพโจโฉมใิ ห้ต้ังม่นั ลงไดน้ ้ันตอ้ งใจเรานัก แลว้ เลา่ ป่กี ็ให้เกณฑท์ หาร
ไมควรมาหวงลกู เลก็ เดก็ นอ ย) เตรยี มไว้ส�าหรบั เล่าป่กี องหนงึ่ จดั ทหารไว้สา� หรับเตียวหยุ กองหนงึ่
ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก ธงชัยซ่ึงปักมา
นักเรียนควรรู บนเกวียนน้ันหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดังนั้นก็ให้หยุดทหารตั้งค่ายม่ันไว้ แล้วถามที่ปรึกษาว่า ซ่ึง
ลมพายุพัดมาถูกธงชัยเราหักลงท้ังน้ี จะเห็นดีแลร้ายประการใด ซุนฮกจึงว่าซ่ึงเกิดพายุใหญ่พัดธงชัย
แปดทศิ มชี อ่ื เรยี กแบบไทย ดงั นี้ หกั ทบลงมานนั้ เปน็ ลมตะวนั ออก เวลาค�า่ วนั นด้ี ีร้ายเล่าปี่จะยกออกมาปล้นคา่ ยเราเปน็ มนั่ คง พอมอกาย
1. ทศิ เหนือ คือ อุดร เข้ามาว่าแก่โจโฉวา่ ลมตะวันออกพัดมาถูกธงชยั หักนน้ั ข้าพเจ้าเหน็ ว่ากลางคืนวนั น้จี ะมผี ู้มาปล้นคา่ ย
2. ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ โจโฉได้ฟังซุนฮกกับมอกายว่าต้องค�ากันดังนั้นจึงว่า ซึ่งเกิดลมมาทั้งน้ีหากเทพยดาส�าแดง
เหตุให้รู้เพราะบุญของเรา โจโฉจึงแบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่ายแปดกองนั้นให้
คอื อีสาน นายทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายท้ังแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย
3. ทศิ ตะวนั ออก คือ บรู พา
4. ทิศตะวันออกเฉียงใต 62

คอื อาคเนย นักเรียนควรรู
5. ทิศใต คอื ทกั ษณิ
6. ทิศตะวันตกเฉยี งใต คือ หรดี ทหารเลว เปนคําโบราณ หมายถึง พลทหาร
7. ทศิ ตะวนั ตก คอื ประจมิ
8. ทิศตะวันตกเฉยี งเหนือ

คอื พายัพ
อุดร

พายัพ อสี าน

ประจมิ บูรพา

หรดี อาคเนย
ทกั ษณิ

62 คูม ือครู


กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

ก็ให้ทหารทั้งแปดกองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองนั้นให้แยกกันไปต้ังสกัดอยู่ปากทางเมืองชีจ๋ิว อธิบายความรู
กองหน่ึง เมอื งแหฝ้ อื กองหนง่ึ
ครั้นเวลาสองยาม เล่าปี่กับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียวพ่าย เตียวหุยนั้น 1. ใหน กั เรยี นจับคูอธบิ ายการทาํ
คิดก�าเริบว่า ครั้งก่อนท�ากลอุบายจับเล่าต้ายได้ ครั้งนี้เล่าปี่ก็สรรเสริญความคิดเป็นอันมาก เตียวหุย สงคราม ดงั ที่สะทอนในเรอื่ ง
จึงข่ีม้าคุมทหารเป็นกองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคนในค่ายน้ันน้อย แล้วได้ยิน สามกก
เสียงทหารภายนอกโห่ร้องอ้ืออึง ทั้งคบเพลิงก็สว่างข้ึนเป็นอันมาก จึงคิดว่าดีร้ายโจโฉจะคิดกลอุบาย • จากการทาํ สงครามในเรอ่ื ง
ก็พาทหารกลบั ออกมาหาเลา่ ป่ี สามกก นกั เรียนคิดวา
พอพบเตยี วเลี้ยว เคาท ู อิก๋มิ ลิเตียน ซหิ ลง งกั จิ้น แฮหวั ต้นุ แฮหวั เอย๋ี น คุมทหารตีกระหนาบ ทาํ อยา งไรจงึ จะประสบ
ล้อมเขา้ มาท้งั แปดทศิ ไดร้ บพงุ่ ฆา่ ฟนั กันเปน็ สามารถ แลทหารซ่ึงเตียวหยุ คมุ มานน้ั เป็นทหารเดมิ ของ ความสาํ เรจ็
โจโฉก็แตกเข้าหานายทหารท้ังแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิทอยู่ประมาณสี่สิบเศษ เตียวหุยรบพุ่ง (แนวตอบ การทาํ สงครามจะตอ ง
ปองกันเป็นสามารถ แลว้ พาทหารส่สี ิบเศษนนั้ รบฝา่ ออกมาได้ จงึ คดิ แต่ในใจวา่ คร้นั จะไปหาเล่าปแ่ี ลไป เอาชนะทง้ั กาํ ลงั และสตปิ ญ ญา
เมอื งชจี วิ๋ เมอื งแหฝ้ อื บดั นก้ี ไ็ มไ่ ด ้เหน็ ทหารโจโฉจะไปตงั้ สกดั อยปู่ ากทาง จงึ พาทหารทง้ั ปวงหนขี น้ึ ไปอยบู่ น จะใชแตก าํ ลัง อํานาจ ความ
เขาบองเอยี๋ งสนั ย่งิ ใหญเ ขา บังคับหรอื เขา แกไ ข
ฝ่ายเล่าปี่นั้นขี่ม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป คร้ันได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอ้ืออึงล้อม เพียงอยางเดยี วไมไ ด ตองอาศัย
ค่ายโจโฉเข้ามา เล่าปี่จึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้นค่ายนั้น ดีร้ายจะเสียทีแก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้น สติปญญา ความละมนุ ละมอ ม
คุมทหารเข้ามาตัดเอาทหารเล่าปี่ไปได้ประมาณกึ่งหน่ึง เล่าปี่เห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารับด้วย เขาชว ย คอื ทงั้ ความเดด็ ขาด
แฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารตีกระหนาบเข้ามา เล่าปี่ก็ขับม้ารบพุ่งปองกันเป็นสามารถ ทหาร และพละกาํ ลังจะตอ งใชค วบคู
เล่าป่ลี ้มตายบ้าง เขา้ หาโจโฉบ้าง เหลอื ทหารซง่ึ สนทิ อยูป่ ระมาณสามสบิ เศษ เล่าป่ีจึงพาทหารรบฝ่าออก กันบนพื้นฐานของสติปญญา
มาจะกลับไปเมืองเสียวพ่าย แลเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้น เล่าปี่จึงคิดว่าทหารโจโฉเข้าตีเอาเมืองได้ ความคดิ ทร่ี อบคอบ การงาน
แล้ว จึงขับม้าพาทหารหนีไปถึงปากทางเมืองชีจิ๋วแลเมืองแห้ฝือ เห็นทหารโจโฉตั้งสกัดอยู่ทั้งสองทาง ทุกอยางจงึ จะประสบความ
เป็นอนั มาก จึงคิดว่าคร้งั นโี้ จโฉยกมาทา� การใหญ่หลวง เรากับเตียวหยุ ตา่ งคนตา่ งแตกไป แลกวนอซู ึ่งอยู่ สําเรจ็ ดวยดี ดังทีโ่ จโฉและ
รกั ษาครอบครวั ในเมอื งแหฝ้ อื นน้ั กย็ งั ไมไ่ ดร้ เู้ หตวุ า่ ดแี ลรา้ ย ซงึ่ อว้ นเสย้ี วสง่ั มาแกซ่ นุ เขยี นวา่ ขดั สนประการ เตียวเลยี้ วใชส ติปญญาและ
ใดกใ็ หไ้ ปหาเถิดจะช่วยธรุ ะน้ัน ครัง้ น้จี �าจะไปอาศัยอ้วนเส้ียวอยู่กอ่ นจึงจะไดค้ ดิ การตอ่ ไป แล้วเลา่ ป่ีก็พา กลยุทธเกล้ยี กลอมกวนอู
ทหารรีบหนจี ะไปทางเมอื งชีจ๋วิ พอพบลเิ ตียนคุมทหารสกดั ทางอยู ่ เล่าป่ีตกใจมไิ ดค้ ิดอ่านสูร้ บประการใด จนสาํ เร็จ)
จงึ ทง้ิ ทหารสามสบิ เศษเสยี ขบั ม้าหนเี อาตัวรอด ลเิ ตียนน้นั จบั เอาทหารเลา่ ปไี่ วไ้ ด้สิ้น
ขณะเมื่อเล่าปี่ควบม้าหนีไปน้ัน ทั้งกลางวันและกลางคืนได้ทางประมาณพันเส้น คร้ันถึงเมือง 2. ครสู มุ นักเรียน 2 - 3 คู มาอธบิ าย
เซียงจิ๋วจึงบอกแก่นายประตูว่า เราจะเข้าไปหาอ้วนถ�าเจ้าเมืองซึ่งเป็นบุตรอ้วนเส้ียวนายประตูก็เอา หนาชัน้ เรยี น
เน้อื ความเขา้ ไปบอกแกอ่ ว้ นถา� อ้วนถา� มีความยนิ ด ี จงึ ออกมาคา� นบั รับเลา่ ปีเ่ ขา้ ไป เลา่ ปี่จงึ เลา่ เนื้อความ
แต่หลังใหอ้ ้วนถา� ฟงั ทกุ ประการ แล้ววา่ เราจะไปอาศัยอยู่กบั อว้ นเสย้ี วผเู้ ป็นบดิ าท่าน จะไดค้ ิดอา่ นกา� จัด นกั เรยี นควรรู
โจโฉเสยี
เสน คอื หนวยวดั ความยาว
63 ในสมัยกอ น โดยมีหนวยวดั ดังน้ี

12 นิ้ว เปน 1 คบื
2 คบื เปน 1 ศอก
4 ศอก เปน 1 วา
20 วา เปน 1 เสน
400 เสน เปน 1 โยชน

คมู ือครู 63


กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%)

นกั เรยี นจบั ควู ิเคราะหป ระเด็น อว้ นถ�าไดฟ้ ังดงั นัน้ กม็ คี วามสงสารเปน็ อนั มาก กใ็ หแ้ ตง่ โต๊ะเลี้ยง แล้วจดั แจงท่ีอยใู่ หเ้ ลา่ ปอ่ี าศยั
ท่ีตอ งมคี นนําหนงั สอื แจงเนอ้ื ความ จึงแต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามค�าเล่าปี่ให้ม้าใช้ถือไปก่อน แล้วให้ทหารปองกันรักษาเล่าปี่ไปภายหลัง
จากผหู นงึ่ ไปถงึ ผูหนึ่งกอ นทาํ การ ม้าใชม้ าถึงเมืองชจี ๋ิว ก็เอาหนังสอื นน้ั เข้าไปให้แก่อว้ นเส้ียว อ้วนเสย้ี วแจ้งเน้อื ความก็มีใจยินดี จึงพาทหาร
ตา งๆ เสมอ ออกมาคอยรบั เล่าป่อี ยนู่ อกเมือง ครัน้ เห็นเล่าปมี่ าถงึ อว้ นเส้ียวจึงไปจูงเอามอื เล่าป ่ี ถ้อยทถี ้อยค�านับกัน
แล้วพาเล่าปเี่ ข้ามาในเมอื ง อว้ นเสย้ี วจึงวา่ แกเ่ ลา่ ป่ีวา่ ท่านใหซ้ นุ เขียนมาขอกองทพั น้ัน บุตรเราปว่ ยหนกั
• มคี นแจง หนงั สอื กอนมีขอ ดี อย่ ู จงึ มไิ ดย้ กไปชว่ ยทา่ น ท่านอยา่ นอ้ ยใจแก่เราเลย เรามีความวติ กอยมู่ ิได้ขาด บัดนที้ า่ นเสยี เมืองไปแก่
ขอ เสียอยางไร โจโฉ แต่ตวั ท่านได้มาเห็นหนา้ กันนเ้ี รามคี วามยินดีนัก
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถ เล่าปี่จึงว่า ครั้งน้ีข้าพเจ้าเป็นคนอนาถา ซึ่งท่านนับถือน้ีคุณหาท่ีสุดไม่ แต่ก่อนน้ันข้าพเจ้า
แสดงความคดิ เหน็ ไดแ ตกตา ง ก็แจ้งอยู่ว่า น้�าใจท่านกว้างขวางอารี เลี้ยงทหารมิได้อนาทร ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าจะมาพึ่งอยู่ให้ท่านใช้
หลากหลาย โดยครูคอยช้แี นะ จะได้ช่วยกันก�าจัดโจโฉเสีย บัดนี้เสียทีแก่โจโฉมาแต่ตัว แต่น้องข้าพเจ้าทั้งสองกับครอบครัวยังไม่รู้ว่า
นกั เรียนวา ในอดตี การสงคราม เป็นตายประการใด ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านแต่ผู้เดียวน้ี มีความอัปยศแก่คนท้ังปวงเป็นอันมาก คร้ังน้ี
ตอ งอาศัยความรว มมอื จาก ข้าพเจ้าจะขอกนิ น�า้ สบถอย่ทู า� การดว้ ยทา่ นกวา่ จะส�าเรจ็ อว้ นเสยี้ วได้ฟังดังนนั้ กม็ คี วามยินด ี จึงจัดแจง
หลายฝา ย หลายเมือง การมี เคร่อื งอุปโภคแลเครือ่ งบริโภคใหเ้ ปน็ อนั มาก ท�านบุ �ารงุ เล่าปีไ่ วใ้ นเมืองกจิ ๋ิว
หนงั สอื ไปกอนนอกจากจะ ฝา่ ยโจโฉในเวลากลางคืนน้ัน คมุ ทหารเข้าตีเอาเมอื งเสียวพ่ายได้ แลยกกองทัพไปตเี มอื งชีจ๋วิ แล
เปน การลองใจวา ฝา ยนนั้ ฝก ใฝ บติ ก๊ บฮิ อง กนั หยง ซง่ึ เลา่ ปใ่ี หร้ กั ษาเมอื งจงึ คดิ กนั วา่ ทพั โจโฉยกมาครงั้ นใี้ หญห่ ลวงนกั เหน็ เราจะตา้ นทาน
ฝายใด การมหี นงั สือไปกอ น มไิ ด้ กพ็ ากนั หนอี อกจากเมือง แตต่ นั เต๋งเหน็ จวนตวั จงึ เปดิ ประตูเมืองออกไปรับโจโฉใหเ้ ปน็ ความชอบไว้
ยงั เปน การแจง เรอ่ื งราว ขา วคราว โจโฉเหน็ ดังนนั้ ก็มคี วามยินดียกทหารเขา้ ไป จึงก�าชบั ทหารมิใหท้ �าอันตรายแก่ชาวเมอื ง แลว้ ปรกึ ษาแก่
ลว งหนา ซง่ึ ถอื เปน การใหเ กยี รติ ทหารทั้งปวงวา่ เราจะยกกองทพั ไปตีเมอื งแห้ฝือ ท่านทง้ั ปวงจะเหน็ เปน็ ประการใด
แสดงใหเห็นวาไมอ ยากรบกวน ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ ซ่ึงท่าน
จนเกินงาม) จะยกกองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วนเส้ียวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ไป โจโฉจึงตอบว่า
อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญช�านาญในการสงคราม เราจะใคร่ได้ตัวมาเล้ียงเป็นทหาร เราจะแต่งคน
จากนนั้ ครขู ออาสาสมคั ร 2 - 3 คู ให้ไปเกล้ียกล่อมกวนอูจึงจะได้ กุยแกจึงว่า อันน�้าใจกวนอูนั้น ซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่นัก ซ่ึงจะให้คนไป
มานาํ เสนอหนาชัน้ เรยี น เกลย้ี กล่อมเห็นกวนอจู ะมลิ งใจดว้ ย แลผู้ใดซ่ึงจะไปเกลยี้ กลอ่ มนั้นกวนอกู ็คงจะฆา่ เสีย
เตยี วเลยี้ วจงึ วา่ ขา้ พเจา้ กบั กวนอไู ดร้ จู้ กั กนั มา ครงั้ นข้ี า้ พเจา้ จะขออาสาไปเกลย้ี กลอ่ มกวนอใู หไ้ ด ้
เกรด็ แนะครู เทียหยกจงึ ว่า ซ่ึงเตยี วเลีย้ วจะรบั อาสาไปเกล้ยี กล่อมกวนอนู ัน้ เห็นกวนอจู ะไมม่ า ข้าพเจา้ จะขออาสา
ลอ่ ลวงใหก้ วนออู อกจากเมอื งแหฝ้ อื แลว้ ถา้ เหน็ กวนอสู น้ิ ความคดิ ลงเมอ่ื ใด จงึ ใหเ้ ตยี วเลย้ี วไปเกลย้ี กลอ่ ม
ครูเช่อื มโยงความรจู ากการอา น เหน็ จะไดโ้ ดยง่าย
วรรณคดเี ร่ืองตา งๆ วา นอกจาก โจโฉจึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดล่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับทหารเล่าปี่ไว้ได้
เรอื่ งสามกก ยงั มวี รรณคดีเรอ่ื งใด เป็นอันมาก จงให้บ�าเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วส่ังให้ท�าตามค�าเรา จึงปล่อยเข้าไปในเมืองให้บอกว่า
ท่ีมีคนนาํ หนงั สอื แจงเนือ้ ความกอน หนีกลับมาได้ ถ้าเราจะท�าการก็ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมือง แล้วให้แต่งทหารไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมา
จะทําการใดๆ เชน วรรณคดีเร่อื ง
ราชาธริ าช เปนตน 64

นกั เรียนควรรู

ถอยทถี อยคาํ นับ หมายถงึ
ตา งฝา ยตา งคํานับกัน

64 คมู ือครู นกั เรียนควรรู นักเรยี นควรรู

น้าํ สบถ หมายถงึ น้ําสาบาน คาํ วา แตง หมายความวา จดั หา เตรียม ปจจุบัน
“สบถ” ปจจบุ นั ไมปรากฏลาํ พงั แตจ ะ ความหมายนีใ้ ชเฉพาะในภาษาถิน่ ในภาษาไทย
ปรากฏรว มกบั คาํ วา “สาบาน” เปน มีการเปล่ยี นแปลงทางความหมาย หมายถึง
“สบถสาบาน” การแตง งาน ประดบั ประดา


กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

นอกเมืองแล้ว จงึ ใหท้ หารซ่งึ ซุม่ อยทู่ ้ังสองขา้ งลอ้ มไว ้ จึงแตง่ ใหผ้ ูม้ ีสตปิ ัญญาไปเกลีย้ กล่อมกวนอเู ห็นจะ อธิบายความรู
ได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาทหารเล่าปี่ซ่ึงจับไว้ได้ประมาณสี่สิบคน แล้วให้บ�าเหน็จรางวัล
เป็นอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามค�าเทียหยกว่าทุกประการ ทหารท้ังปวงก็เข้าไปหากวนอูในเมืองแห้ฝือ ใหน กั เรียนรว มกนั อภิปรายวาการ
แลว้ บอกว่าข้าพเจา้ หนโี จโฉมาได้ กวนอูไดฟ้ ังดงั นั้นก็มิได้มคี วามสงสัย จึงเอาไว้ใชส้ อยอยู่ ประพันธโ ดยใชลกั ษณะคําประพนั ธ
ครั้นเวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารห้าพันเป็นกองซุ่ม แล้วส่ังซิหลงกับเคาทูว่า รอยแกว มีลกั ษณะเดนอยางไร
ถ้ากวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้งสกัดไว้คอยรบปองกันอย่าให้กวนอูเป็นอันตราย นายทหาร
ท้ังสามคนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยกตามไปต้ังอยู่แต่ไกล แฮหัวตุ้นคุมทหารมาต้ังอยู่ใกล้ (แนวตอบ รอ ยแกว มกี ารสรรคาํ
เชงิ ก�าแพงเมอื งแห้ฝอื เพ่ือใหเกดิ ความไพเราะสละสลวย
ฝ่ายกวนอเู ห็นกองทพั มาตง้ั ประชิดอยู่ดงั นนั้ ก็มไิ ดย้ กออกรบพงุ่ ใหท้ หารขน้ึ รักษาหนา้ ทไ่ี วม้ ่นั คง รอยแกวมักใชกับเร่อื งที่ตอ งการ
แฮหวั ตนุ้ มไิ ดเ้ หน็ กวนอยู กออกมารบ จงึ ใหท้ หารเลวรอ้ งตอ่ ลอ้ ดา่ กวนอเู ปน็ ขอ้ หยาบชา้ กวนอไู ดย้ นิ ดงั นนั้ เลาเนอ้ื เรือ่ งอยางตอเนือ่ ง จึงควร
ก็โกรธ จึงคมุ ทหารสามพนั เปดิ ประตูเมอื งออกมารบแฮหัวตนุ้ ได้สิบเพลง แฮหวั ตุน้ แกล้งชกั มา้ หน ี กวนอู พิจารณาถอยคาํ ภาษาและการ
มิได้รู้กลอุบายก็ขับม้าไล่ไปทางไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดข้ึนมากลัวว่าทหารโจโฉจะ ดาํ เนินเร่อื งเปนสําคัญ ในเรอ่ื ง
ยกเขา้ ทา� ร้ายเมอื งแหฝ้ ือจงึ พาทหารกลับมา สามกก ใชคาํ สน้ั กระชับ ใชค ํานอ ย
พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกมารบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา กวนอู แตกินความมาก เขาใจงา ย ใชโวหาร
ก็ขับม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองปองกันอยู่ กวนอูจะกลับเข้าไปในเมือง พอพบ เปรียบเทยี บใหเหน็ ภาพตามได)
แฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูนั้นปองกัน
ลูกเกาทัณฑ์ไว้เป็นสามารถ จะกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปข้างทางซ้ายขวาทหารก็หนุนหนาเข้ามา เกรด็ แนะครู
แตร่ บปอ งกนั อยู่น้ันจนใกลพ้ ลบค�่า กวนออู ดิ โรยกา� ลังลง จึงคมุ ทหารหนไี ปถงึ เนนิ เขาแห่งหนง่ึ ก็หยุดพัก
อยูบ่ นเขานนั้ แฮหัวตนุ้ ซิหลง เคาทู เหน็ ดงั น้ันก็คมุ ทหารเขา้ ลอ้ มเชิงเขาไว้ จากเน้ือความท่ีวา “...แลว
ฝ่ายทหารเล่าปี่ซ่ึงเข้าไปหากวนอูนั้น คร้ันเวลาพลบค�่ามิได้เห็นกวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชวนกัน เตยี วเลี้ยวกล็ งจากมา เอางาวน้นั
เปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังน้ันก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ โจโฉมีความยินดีก็ วางไว. ..” ครแู นะนกั เรยี นวาเปน
คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผาเมืองขึ้น หวังจะให้กวนอูเสียน�้าใจ จึงส่ังให้ทหารรักษา วิถีแหงนักรบ อาวธุ เปนส่ิงคูกาย
ครอบครัวเล่าปี่ไว้จงดี แล้วโจโฉก็กลับมาเกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้ กวนอูเห็นแสงเพลิงในเมือง ประหนงึ่ อวัยวะของนักรบ หากอาวธุ
สวา่ งข้นึ ก็ตกใจ คิดถงึ ครอบครัวเล่าป ่ี จงึ คุมทหารลงมาถงึ เชิงเขา ทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามไิ ด ้ แลว้ ร้อื หลุดออกจากมอื กถ็ อื วา การตอสู
กลับข้ึนเขาเป็นหลายครั้ง จนรุ่งข้ึนกวนอูจึงข่ีม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึงเชิงเขา พอเห็นเตียวเล้ียว สิ้นสดุ ลง หรือหมายถึงชวี ติ ของนักรบ
ขม่ี า้ ถืองา้ วข้นึ มา กวนอจู ึงถามว่า ทา่ นจะมารบกับเราหรอื เตียวเลี้ยวจงึ ตอบวา่ ขา้ พเจา้ จะมารบท่าน คนนั้นสนิ้ สดุ ลง การวางอาวธุ โดย
หามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้ หวังจะทดแทนคุณท่าน แล้วเตียวเล้ียวก็ลงจากม้าเอาง้าวน้ันวางไว้ ปราศจากการบงั คับ เปน สัญลักษณ
เข้าไปค�านับกวนอู กวนอูเห็นดังนั้นก็ลงจากม้ารับค�านับเตียวเล้ียว แล้วถามเตียวเลี้ยวว่า โจโฉใช้ แสดงใหเห็นการแสดงความเปนมติ ร
มาเกล้ียกล่อมเราหรือ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ บัดน้ีท่านมีความทุกข์ แสดงความบริสุทธ์ิใจวา ไมตองการ
ใหญห่ ลวง ข้าพเจ้าอุตสา่ ห์ขน้ึ มาหวงั จะแทนคุณทา่ น ทําราย

65 นักเรียนควรรู

สามยาม หรอื ยามสาม หมายถึง
ชวงเวลา 0 นาฬก า ถึง 3 นาฬกา
ท้ังน้ี หน่งึ ยามของไทยมีระยะเวลา
ประมาณ 3 ช่ัวโมง

สอง 11 12 1 ยาม

10 2
ยาม
าม ่สี
สาม
ยามห
9 การนบั เวลาของไทย 3
ในสมยั กอ น
84

นึ่ง 7 6 5 ย

คมู ือครู 65


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 20%)

1. นักเรียนรวมกนั อภิปรายการใช กวนอูจึงถามว่า ท่านคิดถึงคุณเราน้ันจะขึ้นมาช่วยเป็นก�าลังเราหรือ เตียวเล้ียวก็ว่า หามิได ้
วาทศลิ ปของตวั ละครในเร่ือง กวนอูจึงว่า ท่านจะมาเกล้ียกล่อมแลช่วยเราก็หามิได้ ซึ่งท่านขึ้นมาน้ีด้วยเหตุสิ่งใดเล่า เตียวเล้ียวจึง
สามกก ตอบวา่ ทา่ นกบั เล่าป ี่ เตยี วหุยมีความรักกันเป็นอนั มาก บัดนี้เล่าปก่ี ับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยงั ไมร่ เู้ หตุ
• เตยี วเล้ียวใชวาทศิลปอ ยางไร วา่ เปน็ แลตาย เวลาคนื นม้ี หาอปุ ราชยกกองทพั เขา้ ตเี มอื งแหฝ้ อื ได ้ แลว้ สงั่ แกท่ หารทงั้ ปวงมใิ หท้ า� อนั ตราย
ในการโนม นา วใหกวนอูมารบั แกอ่ าณาประชาราษฎร์ อนั ครอบครัวของเลา่ ปนี่ ้นั ก็แตง่ ใหท้ หารไปพทิ ักษ์รกั ษามใิ หผ้ ใู้ ดท�าอันตรายได ้
ราชการกับโจโฉ ขา้ พเจา้ เห็นวา่ มหาอุปราชมใี จเมตตาผกู ความรกั ท่านถึงเพยี งน ี้ จงึ เอาเนอ้ื ความมาแจ้งแกท่ า่ น
(แนวตอบ เตียวเล้ียวอธบิ ายให กวนอูไดฟ้ งั ดังนั้นก็โกรธ จึงวา่ แกเ่ ตยี วเลย้ี ววา่ เดมิ เราถามตวั วา่ จะเกลย้ี กล่อมหรือตวั ว่าหามไิ ด ้
กวนอฟู งถึงทางเลือกหากกวนอู แลตัวมาว่ากล่าวดังน้ี จะว่าไม่เกล้ียกล่อมน้ันตัวจะประสงค์สิ่งใดเล่า แล้วว่าเราอยู่ในที่นี้ก็เป็นที่คับขัน
ตาย และประโยชนห ากกวนอู อย่ ู ซง่ึ เราจะเขา้ ดว้ ยผ้ใู ดนอกจากเลา่ ปน่ี นั้ อยา่ สงสยั เลย ตวั เรากม็ ิไดร้ ักชีวิต อนั ความตายอุปมาเหมือน
ไปอยูกับโจโฉ แสดงใหเ หน็ วา นอนหลับ ท่านเร่งกลบั ไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรยี มทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ
เตียวเลยี้ วเปน ผูท่มี ีวาทศิลป เตียวเล้ียวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซ่ึงท่านว่าทั้งนี้โทษมีอยู่กับตัวท่านถึงสามประการ
รูจ ักใชก ลวธิ ีโนม นา วใจคน คือ คนท้งั ปวงจะล่วงครหานินทาท่านได ้ กวนอจู งึ ว่า ตัวเราถือความสตั ยม์ ั่นคงอยู่วา่ ถึงตวั จะตายกม็ ิได้เข้า
รูจักช้ีแจงใหเ หน็ เปนประเด็น กบั ผู้ใด ซ่งึ ทา่ นว่ามโี ทษสามประการนั้นดว้ ยเหตสุ ิ่งใดบา้ ง เตียวเลี้ยวจึงตอบวา่ เดมิ ทา่ นกับเล่าป่ี เตียวหุย
ทชี่ ัดเจน ทงั้ ประโยชนและโทษ ได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพี่น้องร่วมสุขแลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย คร้ังน้ี
ทําใหก ารโนมนาวใจดนู าเชอ่ื ถือ เลา่ ปก่ี บั เตยี วหยุ แตกไป ท่านก็ไม่รวู้ ่าเป็นหรือตาย แลบดั นีท้ หารก็น้อยนัก ซึง่ จะยกลงไปรบน้ัน ถ้าทา่ น
อีกทง้ั ยังทาํ ใหผถู กู โนม นาว เป็นอันตรายถงึ ส้ินชีวติ ฝ่ายเล่าป่ี เตียวหุยยงั มีชวี ติ อยจู่ ะเทีย่ วตามหาทา่ น หวงั จะช่วยกันคิดการต่อไป
โอนออ นเขาหาเช่ือถือดวย เมือ่ ทา่ นตายเสียแลว้ เลา่ ปเี่ ตยี วหุยก็จะตายดว้ ย ซ่งึ ท่านสาบานไวต้ อ่ หนา้ กันก็จะมิเสยี ความสัตย์ไปหรอื
เหตผุ ลและความสมคั รใจ คนท้งั ปวงก็จะล่วงนินทาวา่ ความคิดทา่ นน้อย
ซง่ึ ทําใหผูถูกโนมนาวปฏบิ ตั ิ ประการหนึง่ เลา่ ปีก่ ม็ อบครอบครวั ไวใ้ ห้ทา่ นรกั ษา ถ้าท่านตายเสยี ภรรยาเลา่ ปท่ี ง้ั สองน้ันจะพง่ึ
ตามไดมากกวาการบีบบงั คบั ผู้ใดเลา่ อนั ตรายก็จะมีต่างๆ การซ่งึ เลา่ ป่ปี ลงใจไว้แก่ทา่ นน้ันกจ็ ะไมเ่ สยี ไปหรอื ข้าพเจา้ เห็นไม่ชอบเปน็
หรอื ขมข)ู สองประการ
อีกประการหน่ึงน้ัน ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก
2. ครแู ละนักเรยี นรว มกนั สรปุ การ เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการท�านุบ�ารุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึง
อภิปราย จากนั้นนักเรียนบันทกึ มาตรว่าท่านจะได้ความล�าบากก็อุปมาเหมือนหน่ึงลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ ่
ความรูลงสมุด กจ็ ะลอื ชาปรากฏชอ่ื เสยี งทา่ นไปภายหนา้ วา่ เปน็ ชาตทิ หารมใี จสตั ยซ์ อ่ื กตญั ญตู อ่ แผน่ ดนิ ซง่ึ ทา่ นจะมานะ
ลงไปรบพงุ่ กับโจโฉ ถา้ ชวี ิตทา่ นตายเสียคร้งั น้กี จ็ ะไมม่ ชี ่อื ปรากฏไป ขา้ พเจา้ เห็นโทษมีสามประการฉะนี้
ขยายความเขา ใจ ขา้ พเจา้ จึงวา่
กวนอไู ดฟ้ ังดงั น้นั กน็ งิ่ ตรกึ ตรองอย่เู ปน็ ชา้ นาน ครั้นเห็นชอบดว้ ยจงึ วา่ ท่านวา่ ดงั นกี้ ค็ วรแล้ว
ใหน กั เรยี นนาํ ความรูเกีย่ วกบั แลโทษซง่ึ มสี ามประการน้นั จะใหเ้ ราทา� ประการใด เตียวเลีย้ วจงึ วา่ มหาอุปราชใหท้ หารลอ้ มทา่ นไวเ้ ป็น
ทักษะการพดู ในการพดู โนมนา ว
อยางมวี าทศลิ ป โดยครกู ําหนด 66
สถานการณใหนักเรยี นใชทกั ษะ
การพดู โนมนา วทชี่ ใี้ หเหน็ ผลดี นักเรยี นควรรู นักเรียนควรรู
หากทาํ ตามและผลเสยี หากไมท าํ ตาม
เหมือนตัวละครเตียวเลย้ี วโนมนา ว “ตัวเรากม็ ิไดรกั ชวี ติ อันความตาย “ถงึ มาตรวา ทานจะไดค วาม
กวนอใู หรบั ราชการกบั โจโฉ อุปมาเหมอื นนอนหลบั ” เปน การใช ลาํ บากก็อปุ มาเหมือนหนงึ่ ลยุ เพลิง
ตัวอยางเร่อื งทจ่ี ะพดู โนมนา ว เชน อปุ มาโวหาร ทาํ ใหผ ูอ า นเกิดจินตภาพ อันลุก” เปนการใชอ ปุ มาโวหาร เพ่อื
การชักชวนใหใ ชถ ุงผาลดภาวะโลก คลอ ยตามเน้ือเรื่อง ใหผอู านรสู ึกถงึ ความลาํ บากยากเข็ญ
รอ น เปน ตน นักเรียนสงบทพดู ที่
เตรียมมา ครจู ับสลากชอ่ื นกั เรียน
3-4 คน มาพดู หนา ช้นั เรยี น

66 คูมือครู


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อันมาก ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็นชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับ อธบิ ายความรู
มหาอปุ ราชกอ่ นเถิด จะได้มปี ระโยชน์สามประการ
ประการหนึ่ง ซ่ึงท่านสาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันท�านุบ�ารุงแผ่นดินความสัตย์ 1. ใหน ักเรียนแบงกลุม แตละกลุม
ขอ้ นจ้ี ะได้คงอยู่ อธิบายลกั ษณะตัวละครทคี่ ดั
ประการหนึ่ง ท่านจะไดอ้ ย่ปู ฏิบัตริ กั ษาพี่สะใภท้ ้ังสองมใิ ห้เปน็ อนั ตรายสิง่ ใด ได้เป็นสองประการ เลือกมา ดังนี้
อีกประการหนึง่ น้ัน ตัวท่านกม็ ฝี มี อื กลา้ หาญมีสติปญั ญา จะไดค้ ดิ การท�านุบ�ารุงพระเจ้าเหยี้ นเต้ • กวนอู
ใหค้ รองราชสมบัตสิ บื ไป ข้าพเจ้าเหน็ มีประโยชน์สามประการฉะน้ี จงึ เตือนสติทา่ นให้ดา� ริดจู งควร • โจโฉ
กวนอูจึงตอบว่า ซ่ึงท่านว่ามีประโยชน์แก่เราสามประการนั้นก็จริงอยู่ แต่เราจะขอสัญญาไว้ • เตียวเลีย้ ว
สามประการบ้าง ถา้ มหาอปุ ราชยอม เราจงึ จะถอดเกราะออกเสีย แลว้ จะลงไปหามหาอปุ ราช แมค้ วาม
ประการใดขาดแตข่ อ้ หน่ึง เราก็จะสตู้ ายเสยี ถึงมาตรว่าคนทั้งปวงจะครหานนิ ทาเรากต็ ามเถิด เตียวเลี้ยว 2. จากน้ันสง ตวั แทนจบั สลาก เพอ่ื
จึงว่า มหาอุปราชน้ันน�้าใจกว้างขวางอารีนัก มักสมาคมด้วยผู้มีสติปัญญา ถ้าท่านจะว่าประการใด วิเคราะหว จิ ารณลักษณะนสิ ัยของ
มหาอปุ ราชก็คงจะยอม ซึง่ ท่านจะขอสญั ญาสามประการนน้ั คือข้อใดบา้ ง ตวั ละคร ยกตวั อยางประกอบ
กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าปี่ เตียวหุยว่าจะช่วยกันท�านุบ�ารุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ และนําเสนอหนา ชัน้ เรยี น
แลอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข ซ่ึงเราจะสมัครเข้าด้วยน้ัน เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเห้ียนเต้
ประการหน่ึง เราจะขอปฏิบัติพ่ีสะใภ้เราทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล�้ากรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได ้ ขยายความเขา ใจ
จะขอเอาเบ้ียหวัดของเล่าปี่ซึ่งเคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราท้ังสองประการหน่ึง
อีกประการหน่ึง ถา้ เรารู้ว่าเล่าป่ีอย่แู ห่งใดตา� บลใด ถึงมาตรวา่ เรามไิ ด้ลามหาอุปราช เรากจ็ ะไปหาเลา่ ป่ี 1. ใหน กั เรียนเปรียบเทียบลกั ษณะ
แม้มหาอปุ ราชจะหา้ มเรากไ็ มฟ่ งั แลเนือ้ ความสามประการนี ้ ท่านจงเอาไปบอกแก่มหาอปุ ราชเถดิ ถ้า นสิ ยั ของตัวละครในเรอ่ื งสามกก
ยอมตามค�าเรา เราจะลงไปหาเตยี วเล้ียวก็ลากวนอูแลว้ ขน้ึ มา้ กลับมาแจง้ เน้อื ความแกโ่ จโฉทุกประการ ตอน กวนอูไปรบั ราชการกับโจโฉ
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเป็นถึง (แนวตอบ กวนอกู บั โจโฉมลี ักษณะ
มหาอุปราช กวนอจู ะยอมเปน็ ข้าพระเจา้ เห้ียนเตก้ เ็ หมือนเปน็ บา่ วเรา ถา้ เราบังคบั บญั ชาราชการประการ นสิ ยั เหมอื นกนั พรอ มยกตวั อยา ง
ใดกวนอกู จ็ ะไมข่ ดั ได ้ กบั ซง่ึ กวนอวู า่ จะปฏบิ ตั ริ กั ษาพสี่ ะใภท้ ง้ั สองมใิ หผ้ ใู้ ดแปลกปลอมเขา้ ไปถงึ ประตทู อ่ี ยู่ จากเน้ือเรอ่ื งคอื เปน ผรู กั ษาคําพูด
นน้ั เราก็จะยอม ทุกวันนี้อยา่ ว่าแต่ภรรยาเล่าป่ีเลย ถงึ ภรรยาผูน้ ้อยลงไปเรากม็ ไิ ด้ใหท้ �าหยาบช้า ซึ่งกวนอู แมจ ะไมส ามารถรวมทัพกันได
จะขอเอาเบย้ี หวดั เล่าปีใ่ ห้แกพ่ ีส่ ะใภ้น้นั เราจะใหท้ วีข้ึนอกี แต่ขอ้ ซงึ่ กวนอูรู้ว่าเล่าป่อี ยู่แห่งใด มิได้ลาเรา เห็นไดจ ากเนือ้ ความทีว่ า
ก่อนจะไปหากนั น้ัน โจโฉสัน่ ศรี ษะไมย่ อม แลว้ วา่ เมอื่ กวนอูเอาสญั ญาฉะนี ้ เราจะเอามาเลยี้ งไวใ้ ห้มีก�าลัง “โจโฉจึงวาซ่ึงปฏิญาณของทาน
จะไดป้ ระโยชน์สง่ิ ใดเล่า นน้ั เราไดอ อกปากรบั แลว ถึงจะ
เตียวเล้ียวจึงว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือ ในนิทานอิเยียงซ่ึงมีมาแต่ก่อนว่าเดิมอิเยียงอยู่กับ เปน ประการใดเรากม็ ิใหเ สยี วาจา”
ต๋งหางซึ่งเป็นเจ้าเมือง ต๋งหางเล้ียงอิเยียงเป็นทนายใช้สอย คร้ันอยู่มายังมีคิเปกเจ้าเมืองหนึ่งนั้น และ
ยกกองทัพมารบฆ่าต๋งหางตาย คเิ ปกได้อิเยียงไปไว้ จงึ ตัง้ อิเยยี งเป็นขุนนางทป่ี รกึ ษา อิเยยี งมีความสขุ มา “กวนอจู ึงตอบวา เตยี วเลีย้ วไป
บอกขา พเจา วา มหาอุปราชรบั
67 ปฏิญาณทงั้ สามแลว ขาพเจาก็
มคี วามยนิ ดี เหน็ วา ถึงนานไป
เมอ่ื หนา มหาอปุ ราชกจ็ ะไมค นื คาํ ”)

2. ใหนกั เรียนบนั ทกึ คําตอบลงสมุด
ครูขออาสาสมัคร 2 - 3 คน ยืนขึน้
นาํ เสนอ ครสู รปุ ใหน ักเรยี นเหน็
ชดั เจนย่ิงขนึ้

คูม อื ครู 67


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%)

ครูและนกั เรยี นรวมกนั แสดง เปน็ ช้านาน แลว้ เซยี งจเู จ้าเมืองหั้นกก๊ ยกทัพมารบฆ่าคิเปก ตาย อเิ ยยี งน้นั มใี จเจ็บแคน้ เป็นอนั มาก จึงไป
ความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การทเ่ี ตยี วเล้ียว ยงั เมอื งห้นั ก๊กแลว้ เข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบท�ารา้ ยเซยี งจูใหถ้ งึ แก่ความตาย เซียงจจู บั ไดถ้ ึงสองครัง้
ยกตัวอยา งนทิ านอิเยียงมาเลาให มิได้เอาโทษ ให้ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยียงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงที่ข้างในหมายจะฆ่าเซียงจูเสีย
โจโฉฟง เซียงจูก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า ตัวจะท�าอันตรายเรา เราจับได้ถึงสองครั้งแล้วก็มิได้เอาโทษ เราให้
ปล่อยตัวเสยี กม็ ิได้หลาบจ�า ร้อื จะมาท�าร้ายเราอกี เรากจ็ บั ตวั ได้ แลตัวผูกใจแค้นเราดว้ ยเหตุส่ิงใด อิเยียง
• เตยี วเลยี้ วยกนทิ านอเิ ยียง จึงตอบว่า เดิมขา้ พเจ้าอยู่กับตง๋ หาง ต๋งหางเลี้ยงข้าพเจ้าเปน็ ทนายใช้สอย ครนั้ คเิ ปก ยกไปฆา่ ต๋งหางเสีย
ขนึ้ มาเลามปี ระโยชนอ ยา งไร เอาตวั ข้าพเจา้ ไปตง้ั ใหเ้ ปน็ ขนุ นางท่ีปรึกษา ไดค้ วามสขุ เปน็ อนั มาก ครงั้ น้ที า่ นยกไปฆา่ คเิ ปก ซึง่ เป็นนาย
และแสดงใหเห็นวา เตยี วเลีย้ ว มีคุณแก่ข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมาหวังจะท�าอันตรายท่าน หวังจะแทนคุณคิเปก
มบี คุ ลกิ ลกั ษณะนสิ ยั อยางไร ซ่ึงทา่ นจบั ข้าพเจ้าได้ถึงสองคร้งั แล้วปล่อยเสยี นนั้ ข้าพเจ้ายงั ไมห่ ายแคน้ จึงลอบเขา้ มาจะท�าร้ายท่านอีก
(แนวตอบ เปน การยกตวั อยา ง ท่านก็จบั ได้ แลโทษขา้ พเจา้ นี้ก็ถึงตายตามทา่ นจะโปรดเถิด เซยี งจูจงึ ว่า เราจะปล่อยเสยี ตัวจะคิดท�ารา้ ย
เพอื่ ใหโ จโฉคดิ และตระหนกั ได เราอกี หรอื ไม่ อิเยยี งจึงว่า ท่านปลอ่ ยขา้ พเจา้ เสยี ขา้ พเจ้าก็ยงั คิดรา้ ยแกท่ ่านกว่าจะท�าส�าเร็จ ขา้ พเจา้
ดว ยตนเอง แสดงวา เตยี วเลย้ี ว จึงจะหายแค้น ถ้าท่านเอ็นดูข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเส้ือซึ่งท่านใส่ แม้ท่านโปรดให้ ข้าพเจ้าจะได้สิ้น
รจู กั กลวธิ โี นม นา วใจ ไมช ี้นาํ ความพยาบาทท่าน เซียงจูไดฟ้ งั ดังนน้ั ก็คิดว่าอิเยยี งมนี ้า� ใจกตัญญู จะใคร่ไดอ้ ิเยยี งไวจ้ งึ ถอดเสอื้ ใหอ้ ิเยียง
ผูท ่มี ีอํานาจยศศักดิเ์ หนือกวา อิเยียงก็ค�านับรับเอาเส้ือมา จึงถอดกระบ่ีออกฟันเส้ือเสียสามที แล้วว่าแก่เซียงจูว่า ข้าพเจ้าได้แทน
ตนดว ยการบอกวธิ ีใหท าํ และ คณุ คเิ ปก แล้วอเิ ยยี งก็เอากระบีเ่ ชือดคอตาย
ยังแสดงใหเห็นวาเตยี วเลย้ี วให อันนา้� ใจกวนอูน้นั ถ้าผใู้ ดมคี ณุ แลว้ จะเห็นเปน็ เหมือนอเิ ยยี ง อันเล่าป่กี ับกวนอนู ั้นมไิ ดเ้ ปน็ พีน่ ้อง
เกียรติและเชอื่ ม่นั วาโจโฉจะ กัน ซ่งึ มคี วามรักกันนน้ั เพราะไดส้ าบานต่อกนั เล่าปเี่ ป็นแตผ่ นู้ อ้ ย เลยี้ งกวนอไู มถ่ ึงขนาด กวนอูยงั มนี ้า� ใจ
เขา ใจนัยจากเรือ่ งท่ีตนบอกได) กตัญญตู อ่ เล่าปี่ จึงคดิ จะติดตามมิได้ทิง้ เสยี อนั มหาอปุ ราชมีวาสนากว่าเล่าป่ีเปน็ อันมาก ถา้ ท่านได้กวนอู
มาไว้ทา� นบุ า� รงุ ให้ถงึ ขนาด เห็นกวนอูจะมกี ตัญญูต่อท่านยง่ิ นัก
เกรด็ แนะครู โจโฉจึงกลา่ วแก่เตียวเล้ยี ววา่ ทา่ นวา่ กล่าวท้งั นก้ี ็ชอบนัก จงเรง่ ขึ้นไปบอกแก่กวนอวู ่า ซง่ึ สัญญา
สามประการน้ันเรายอมแล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียวเลี้ยวจึงลาโจโฉข้ึนไปบอกแก่กวนอู
ครเู พ่ิมเตมิ ความรูในเนอ้ื ความ กวนอจู งึ วา่ ถ้ามหาอุปราชยอมดังนนั้ แล้ว ทา่ นจงลงไปบอกให้กองทัพซ่งึ ล้อมเราไวน้ นั้ เลิกไปเสีย เราจะ
ท่วี า “...จงึ ถอดกระบี่ออกฟน เส้ือเสีย เข้าไปแจ้งเนอื้ ความแกพ่ ่สี ะใภ้ทงั้ สองคนก่อน ถา้ ไม่เปน็ อันตรายแล้ว จึงจะไปหามหาอุปราช เตยี วเลย้ี ว
สามที...” แสดงใหเ ห็นการทดแทน ก็ลงไปบอกแก่โจโฉตามค�ากวนอูว่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไปส่ังทหารซึ่งล้อมกวนอูไว้น้ันให้เลิกทัพ
บญุ คณุ และลา งแคนแทนผมู ีพระคณุ ถอยมา ซนุ ฮกจงึ วา่ แก่โจโฉว่า ซงึ่ กวนอูยอมแก่ท่านครัง้ นีเ้ กลือกจะเป็นกลอบุ าย โจโฉจึงตอบว่า กวนอู
ถือเปนคา นิยมสาํ คญั ของจนี ในยคุ เป็นคนมีความสตั ยเ์ หน็ จะไม่คดิ อา่ นลอ่ ลวงเรา
สมยั นน้ั จากเนื้อความตอนน้จี ะเหน็ ฝา่ ยกวนอคู รน้ั เหน็ ทหารโจโฉถอยไป กพ็ าทหารเขา้ ไปในเมอื งแหฝ้ ือ เห็นราษฎรทั้งปวงปกติอย ู่
วา เซียงจูมีบุญคณุ กบั อเิ ยียงเชน เดียว จึงเข้าไปค�านับพี่สะใภ้ทั้งสองแล้วว่า ข้าพเจ้าเสียทีท�าให้พ่ีตกใจได้ความเดือดร้อนน้ันโทษข้าพเจ้าผิดนัก
กบั ทคี่ เิ ปกมีตอ อเิ ยยี ง อเิ ยยี งตองการ พ่สี ะใภท้ ั้งสองจงึ ถามวา่ เจา้ ยังแจง้ ว่าเลา่ ปี่น้ันพลดั ไปอยแู่ หง่ ใด กวนอูจึงบอกวา่ ยังไม่แจ้ง พ่ีสะใภจ้ งึ ว่า
แกแคน ดงั นัน้ การฟน เส้ือของเซียงจู โจโฉได้เมอื งแหฝ้ ือแลว้ เจา้ จะคิดอ่านประการใด กวนอูจงึ บอกเนอื้ ความใหฟ้ ังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้
ขาด จงึ เปน สญั ลักษณว าไดฟ น ราง
เซยี งจูแลว เปน การแทนคณุ คเิ ปก 68
ในขณะเดยี วกันกไ็ มอกตญั ูตอ
เซียงจซู งึ่ เปน ผมู ีพระคณุ เพราะมิได
ทาํ รา ยรา งกายแตอ ยา งใด

@ มมุ IT

ศึกษาเกยี่ วกบั สามกก ไดที่ http://samkok.911mb.com/index.php/เกีย่ วกบั สามกก

68 คูมือครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ

ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พ่ีทั้งสองจะเห็นประการใด นางก�าฮูหยินจึงว่าเวลาคืนนี้โจโฉเข้าในเมืองได ้ 1. ใหนักเรยี นยกตัวอยางขอความ
พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่างๆ เป็นเดชะบุญของเรา โจโฉก�าชับทหารมิให้แปลกปลอมเข้ามาถึง หรอื โวหารท่ปี รากฏในเรอ่ื งที่
ประตูได้ ครั้งน้ีเจ้ากับพ่ีก็อยู่ในเง้ือมมือโจโฉแลเจ้าจะยอมเข้าอยู่ด้วยเขานั้น ด้วยความจ�าเป็นก็ตามเถิด นักเรยี นประทบั ใจ พรอมอธบิ าย
แต่พเี่ กรงอยูข่ ้อหน่ึงว่า ถ้ารวู้ า่ เลา่ ปอ่ี ยู่แห่งใดเรากจ็ ะพากันไปหา เกลือกโจโฉจะมิใหไ้ ป เหตุผล
กวนอูจงึ ตอบวา่ ขอ้ นีพ้ ีท่ ง้ั สองอยา่ วิตกเลย แมร้ วู้ ่าเล่าปี่อยแู่ ห่งใดเราจะพากนั ไปหาถึงมาตรว่า (แนวตอบ ตัวอยางขอ ความ
โจโฉจะขัดขวางไว ้ ขา้ พเจ้าจะคิดอ่านแกไ้ ขไปใหจ้ งได้ แลว้ กวนอกู ็ลาพสี่ ะใภ้ทงั้ สอง พาทหารประมาณ “ถึงมาตรวา ทา นจะไดค วาม
สามสิบคนออกไปถึงหน้าค่ายโจโฉ โจโฉเห็นกวนอูมาก็มีความยินดี จึงออกไปรับกวนอูเข้ามา กวนอู ลําบากกอ็ ปุ มาเหมือนหนงึ่ ลุยเพลงิ
จึงค�านับโจโฉแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าเป็นเชลยท่านมิได้ฆ่าเสีย แล้วออกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้น อันลุก แลขา มพระมหาสมทุ ร
คณุ หาทส่ี ดุ มไิ ด้ อนั กวา งใหญ ก็จะลอื ชาปรากฏ
โจโฉได้ฟังดังน้ันจึงว่าแก่กวนอูว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์แลกตัญญู บัดนี้เรากับท่าน ชอ่ื เสียงของทา นไปภายหนา
ได้พบกันเราก็มีความยินดี กวนอูจึงตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอกข้าพเจ้าว่า มหาอุปราชรับปฏิญาณท้ัง วา เปน ชาติทหารมใี จสัตยซอื่
สามประการแล้วข้าพเจ้าก็มีความยินดี เห็นว่าถึงนานไปเม่ือหน้า มหาอุปราชก็จะไม่คืนค�า โจโฉจึงว่า กตัญูตอแผนดิน”
ซึ่งปฏญิ าณของทา่ นน้นั เราได้ออกปากรับแล้ว ถึงจะเปน็ ประการใดเราก็มใิ ห้เสียวาจา กวนอูไดฟ้ งั ดังนั้น เหตผุ ลท่ีประทบั ใจเพราะ
กม็ ีความยินดจี งึ วา่ แมข้ ้าพเจ้ารวู้ า่ เล่าปีอ่ ยทู่ ใ่ี ด ถึงมาตรวา่ เป็นทางกันดารจะต้องขา้ มพระมหาสมทุ รแล แสดงใหเห็นคุณธรรมของทหาร
ลุยเพลงิ ก็ด ี ข้าพเจ้าจะไปหาเล่าปใ่ี ห้จงได ้ แม้ข้าพเจ้ายังมทิ ันลามหาอุปราชกด็ ี ขอท่านให้อภยั แก่ขา้ พเจา้ ทซ่ี ่ือสัตยแ ละรักชาติ รวมทั้งมี
อยา่ เคอื งด้วยเน้อื ความข้อนเ้ี ลย โจโฉจึงวา่ ซึ่งทา่ นรู้ขา่ วเลา่ ปี่แล้วจะไปหาก็ตามเถดิ แตใ่ ห้ทา่ นตรกึ ตรอง การใชภาพพจนอ ุปมาเปรยี บเทยี บ
ดูให้เหน็ ควรก่อนแลว้ โจโฉก็ให้กวนอูกินโต๊ะ แล้ววา่ พรุง่ นีเ้ ช้าเราจะยกกลับไปเมืองฮโู ต๋ ใหเขาใจไดง าย เกดิ จินตนาการ
กวนอูเขา้ ไปบอกพ่สี ะใภ้แลว้ กจ็ ดั แจงสง่ิ ของท้งั ปวงแล้วออกมา ครนั้ เวลาเช้าโจโฉกย็ กทหารไป ตามอยา งชดั เจน)
กวนอูจึงให้พ่ีสะใภ้ทั้งสองข้ึนข่ีรถตามกองทัพโจโฉไป เวลาค�่าที่ประทับต�าบลใดโจโฉให้กวนอูกับภรรยา
2. เลอื กเน้ือความตอนใดตอนหนึ่งมา
วาดภาพประกอบ นาํ เสนอผลงาน
ในชั้นเรียน

เล่าปี่ท้ังสองคนนั้นอยู่เรือนเดียวกัน หวังจะให้กวนอูคิดท�าร้ายพี่สะใภ้ น�้าใจจะได้แตกออกจากเล่าปี่จะ

ได้เป็นสิทธแิ์ ก่ตวั ฝา่ ยกวนอใู หพ้ ่สี ะใภ้ทัง้ สองนอนหอ้ งขา้ งใน ตวั นัน้ กน็ งั่ จดุ เทยี นดหู นังสือ รกั ษาพีส่ ะใภ้ เกร็ดแนะครู
อยู่นอกประตูยันรุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่งจนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉรู้ดังนั้นก็เกรงใจกวนอูว่ามีความสัตย์
แลกตญั ญูตอ่ เล่าป ่ี โจโฉจงึ ใหก้ วนอกู บั ภรรยาเลา่ ปไี่ ปอยู่ ณ ตึกสองหลงั มีชานกลาง กวนอูจงึ ให้พี่สะใภ้ ครเู พมิ่ เติมความรูเร่อื งโวหารวา
ทั้งสองคนน้ันอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารท่ีแก่ชราอยู่รักษาประมาณสิบคน ตัวนั้นอยู่ตึกหนึ่งระวังรักษา โวหาร คือ การใชถอ ยคํา สาํ นวน
พ่สี ะใภท้ งั้ สอง และชัน้ เชิงการประพนั ธของกวี
คร้ันอยู่มาวันหน่ึง โจโฉจึงพากวนอูเข้าไปเฝาพระเจ้าเห้ียนเต้แล้วทูลว่า กวนอูคนนี้มีฝีมือพอ ชวยใหผ ูอ า นเกดิ ความเขาใจและ
จะเปน็ ทหารได้ พระเจา้ เห้ยี นเตก้ ม็ คี วามยินดจี ึงตงั้ กวนอเู ป็นนายทหาร โจโฉกบั กวนอูกล็ ากลบั มาบ้าน เกิดจินตภาพตามทีผ่ ูเขียนตอ งการ
โจโฉจงึ เชญิ ใหก้ วนอกู นิ โตะ๊ จดั แจงใหก้ วนอนู งั่ ทส่ี งู กวา่ ขนุ นางทงั้ ปวง แลว้ ใหเ้ ครอื่ งเงนิ เครอ่ื งทองแลแพร ไดงา ยขน้ึ ดงั น้ี
อย่างดีแก่กวนอูเป็นอันมาก กวนอูรับเอาส่ิงของน้ันแล้วก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่ จึงบอกเนื้อความท้ังปวง
แก่พีส่ ะใภแ้ ลว้ เอาสงิ่ ของน้นั ให้ 1. พรรณนาโวหาร คอื การส่ือสาร
ทีใ่ หร ายละเอยี ดอยา งถ่ีถวน
69 ไมม กี ารดาํ เนนิ เรอื่ ง เนน การ
พรรณนาใหเกดิ จนิ ตภาพตาม

2. บรรยายโวหาร คือ กระบวนการ
อธบิ ายที่มีเนอ้ื เร่อื ง ลาํ ดับความ
มงุ อธิบายใหเห็นเรือ่ งราวชดั เจน

3. เทศนาโวหาร เปน โวหารทเ่ี กีย่ วของกบั การส่งั สอน ชแ้ี จงเหตผุ ล เปนคติสอนใจ
4. สาธกโวหาร เปนโวหารมกี ารยกตัวอยางหรืออุทาหรณป ระกอบขอความ เพือ่ ให

เขาใจแจม ชดั มากขน้ึ
5. อปุ มาโวหาร เปน โวหารแสดงการเปรยี บเทียบส่งิ สองสิง่ เพอ่ื ใหเ กิดภาพความคดิ

ในใจและเขา ใจไดก ระจา งมากขน้ึ

คูม ือครู 69


กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%)

1. นักเรยี นแตล ะกลมุ ยกคณุ ธรรม ฝา่ ยโจโฉทา� นุบา� รุงกวนอูมิไดอ้ นาทร สามวนั แต่งโต๊ะไปให้คร้ังหนึง่ ห้าวนั ครั้งหน่ึงแล้วจัดหญงิ
ดานตา งๆ ของตวั ละครท่ีปรากฏ สาวที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอูหวังจะผูกน้�าใจไว้ให้กวนอูหลง กวนอูให้หญิงสิบคนไปอยู่ท่ี
ในเร่ืองมารว มกันวิเคราะหต าม พี่สะใภ้ใชส้ อย ครั้นถึงสามวนั กวนอูจึงไปเยือนพี่สะใภค้ ร้ังหนง่ึ น่ังอยู่แต่นอกประตแู ล้วถามว่า พ่อี ยปู่ กติ
ประเด็นตอ ไปนี้ อยู่หรือ หรือป่วยไข้ประการใดบ้าง พี่สะใภ้จึงตอบว่าปกติอยู่มิได้ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้าง
• เพราะเหตใุ ดคุณธรรมของตัว หรือไม่ กวนอูว่าไม่แจ้ง แล้วค�านับพี่สะใภ้ลากลับมา โจโฉรู้กิตติศัพท์ว่ากวนอูปฏิบัติพ่ีสะใภ้โดยสุจริต
ละครท่นี กั เรยี นเลือกมา จงึ ควร ดงั นั้น ก็สรรเสริญกวนอวู ่ามีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้
ไดรบั การยกยอง ครั้นอยู่มาวันหน่ึง โจโฉเชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเสื้อขาด โจโฉจึงเอาเส้ืออย่างดีให้
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถเลอื ก กวนอ ู กวนอูรบั เอาเสื้อแลว้ จงึ เอาเส้ือใหมน่ ้ันใส่ชน้ั ใน เอาเสอื้ เก่านนั้ ใส่ชั้นนอก โจโฉเหน็ ดังนนั้ กห็ ัวเราะ
ตัวละครใดกไ็ ดท นี่ กั เรียนสนใจ แล้วถามว่า เอาเส้ือใหม่ใส่ชั้นในน้ันกลัวจะเก่าไปหรือ กวนอูจึงว่าเส้ือเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะ
เชน กวนอูมคี ุณธรรมเรื่อง ไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเส้ือผืนน้ีใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่น้ันใส่
ความซอ่ื สตั ย ความกตญั ู ช้ันนอก คนทง้ั ปวงจะครหานินทาวา่ ได้ใหม่แล้วลมื เก่า โจโฉได้ยินดังนัน้ ก็สรรเสริญกวนอวู า่ มีกตัญญูนกั
ซงึ่ คุณธรรมน้ีไดร บั การยกยอ ง แตค่ ิดเสยี ใจอย่ ู กวนอกู ็ลาโจโฉกลบั มาท่อี ยู่
เพราะเปนพ้นื ฐานของการทาํ ดี คร้ันอยู่มาวันหน่ึง หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้พ่ีสะใภ้ทั้งสองร้องไห้รักกันอยู่ด้วยเหตุ
ดา นอ่ืนๆ ตอ ไปได คือหาก ส่ิงใดมิได้แจ้ง กวนอูได้ฟังดังน้ันก็ตกใจจึงเข้าไปถึงริมประตูแล้วถามว่าพ่ีทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด
ซอ่ื สตั ยแลวยอ มไมค ดโกง นางก�าฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พ่ีฝันเห็นเล่าปี่ตกหลุมลง ครั้นตื่นข้ึนมาก็ตกใจจึงแก้ฝันนางบิฮูหยิน
ไมหกั หลัง ไมทจุ ริต และเมือ่ เห็นพร้อมกันวา่ เลา่ ปี่ตายแลว้ พี่จงึ ร้องไหร้ ัก กวนอไู ด้ฟังดงั นน้ั พเิ คราะหด์ ูเห็นฝันผดิ ประหลาด สา� คัญ
เปนคนกตัญแู สดงวา รูจัก วา่ เลา่ ปเ่ี ปน็ อนั ตรายกร็ อ้ งไหด้ ว้ ย แลว้ กวนอจู งึ คดิ กลอบุ าย วา่ แกพ่ ส่ี ะใภท้ งั้ สองหวงั จะใหค้ ลายความทกุ ข ์
บุญคณุ ยอมไมทาํ รายผูท ี่มี จึงว่าฝันนั้นจะส�าคัญเอาเป็นแน่มิได้ ด้วยพ่ีทั้งสองมีน�้าใจคิดถึงเล่าปี่อยู่ จึงเผอิญให้ฝัน ท้ังนี้ ใช่เล่าปี่
พระคุณ เชน พอแม ครูอาจารย จะเปน็ อันตรายอยา่ งน้ันหามิได้ พีท่ ั้งสองอยา่ เศร้าโศกเลย พอคนใช้โจโฉมาบอกกวนอูว่า มหาอุปราชให้
ผทู ่ีเคยใหความชวยเหลอื ) เชิญไป กวนอกู ล็ าพีส่ ะใภไ้ ปหาโจโฉ โจโฉเห็นหนา้ กวนอูเศรา้ หมองจงึ ถามวา่ วนั นเี้ ราเห็นท่านไม่สบาย
มีทุกข์สิ่งใดหรือ กวนอูบอกว่า พ่ีสะใภ้ข้าพเจ้าท้ังสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเป็นหรือตาย แล้วชวนกัน
2. นักเรยี นแตล ะกลมุ มานําเสนอ รอ้ งไห ้ ขา้ พเจ้ากก็ ลนั้ น�้าตามไิ ด้ โจโฉไดฟ้ ังดงั นั้นกป็ ลอบโยนกวนอ ู แลว้ กช็ วนกินโต๊ะ หวงั จะให้คลาย
การวเิ คราะห และแสดงบทบาท ความทกุ ข ์ กวนอเู สพสรุ าเมา มไิ ด้เกรงใจโจโฉ เอามือจบั หนวดของตวั เข้าแลว้ จงึ วา่ เกิดมาเปน็ ชายไมไ่ ด้
สมมตโิ ดยนําคุณธรรมและสาํ นวน ท�านบุ �ารงุ แผ่นดนิ ทง้ั เลา่ ป่ีผู้พีน่ น้ั ก็มคี ณุ มาถา้ เราจะเอาใจออกหากบัดนี ้ ก็หาผูใ้ ดจะนับถอื วา่ เปน็ ชายไม่
โวหารทไี่ ดจ ากเร่อื งมาใชประกอบ โจโฉได้ฟงั ดงั นน้ั กค็ ิดว่า กวนอูยงั มีใจซอ่ื สตั ยต์ อ่ เล่าปีอ่ ย่ ู โจโฉท�าเป็นไม่ได้ยนิ จงึ แกลง้ ถามกวนอวู า่ หนวด
การแสดง ของท่านประมาณสักก่ีเส้น กวนอูจึงตอบว่าหนวดของข้าพเจ้าประมาณหลายร้อยเส้น คร้ันถึงเทศกาล
หนาวก็หล่นไปบ้าง ข้าพเจ้าท�าถุงใส่ไว้โจโฉได้ฟังดังน้ันจึงเอาแพรขาวอย่างดี ท�าถุงให้กวนอูส�าหรับ
นักเรียนควรรู ใส่หนวด กวนอรู บั เอาถุงน้ันแลว้ กล็ ากลับมาท่ีอยู่
ครั้นเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝา พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใส่ถุงหนวดดังน้ัน
ไดใ หมแลว ลืมเกา หมายถงึ เม่ือ จึงตรัสถามวา่ ถงุ ใสส่ ง่ิ ใดแขวนอยูท่ ี่คอนน้ั กวนอจู งึ ทลู วา่ ถงุ นม้ี หาอุปราชให้ข้าพเจ้าส�าหรับใสห่ นวดไว ้
ไดส ิง่ ใหมมาแลว กไ็ มสนใจส่งิ ทีเ่ คยมี
อยูเดมิ มคี วามหมายตรงกับสํานวน 70
ทวี่ า “ไดแกงเทน้ําพริก”

นกั เรียนควรรู

เอาใจออกหาก หมายถงึ
หา งเหินไป ไมรว มมอื รว มใจ
เหมือนเดิม ปลกี ตวั ออกไป สามารถ
ใชว า “ตตี วั ออกหาก” ได ซึ่งปจจบุ นั
มีผูใชเพ้ยี นไปวา ตีตวั ออกหาง หรือ
เอาใจออกหาง

70 คูมือครู


กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงาม ขยายความเขา ใจ
เสมอกัน แล้วตรัสสรรเสริญว่ากวนอูน้ีหนวดงาม จึงพระราชทานชื่อว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทยว่า
เจ้าหนวดงาม แล้วก็เสด็จขึ้น โจโฉกับขุนนางท้ังปวงแลกวนอูก็ออกจากที่เฝา มาถึงประตูวังกวนอูก็ 1. นักเรียนแตล ะกลุมจับสลากเพ่ือ
ขึน้ มา้ ตามโจโฉไป ครั้นถึงหน้าบ้านกวนอกู ็ลาโจโฉจะมาที่อยู่ ศึกษาหวั ขอ ดงั น้ี
โจโฉเหน็ ม้ากวนอผู อม จงึ ถามวา่ เหตใุ ดมา้ จึงผอมไม่สมตวั ท่าน กวนอูจงึ ตอบวา่ มา้ ตวั นี้มกี า� ลัง • วัฒนธรรมการปฏสิ ันถาร
น้อย ทานก�าลังข้าพเจ้ามิได้จึงผอม โจโฉได้ฟังดังน้ันจึงให้ทหารไปเอาม้าเซ็กเธาว์มา แล้วถามกวนอูว่า ของจนี (ปฏิสันถาร หมายถงึ
ม้าตัวน้ีเป็นของผู้ใดท่านรู้จักหรือไม่ กวนอูจึงว่าม้าตัวนี้ของลิโปข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจง การทักทาย การตอนรบั แขก)
เครื่องม้าพร้อมแล้วก็ให้กวนอู กวนอูมีความยินดีลงจากม้าคุกเข่าลงค�านับแล้วว่า ซึ่งมหาอุปราชให้ม้า • ความเชือ่
ตวั นแี้ กข่ า้ พเจา้ นนั้ คณุ หาทีส่ ุดมไิ ด้
โจโฉไดฟ้ ังดังน้นั กค็ ดิ กรงิ่ ใจจงึ ถามว่า เราให้เงินทองสิง่ ของแกท่ ่านมาเปน็ อันมากกไ็ ม่ยินด ี ทา่ น 2. นกั เรยี นแตละกลุม ศกึ ษาวิเคราะห
ไม่ว่าชอบใจแลมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเป็นสัตว์เดียรัจฉานมากกว่า เปรยี บเทียบกบั วฒั นธรรมไทย
ทรัพย์ส่ิงสินอีกเล่า กวนอูจึงตอบว่าข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้ มีก�าลังมาก เดินทางได้วันละ พรอมยกตัวอยา งจากเรอื่ ง
หมื่นเสน้ แมข้ า้ พเจา้ ร้ขู า่ ววา่ เลา่ ปอ่ี ยู่ทใี่ ด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาไดโ้ ดยเรว็ เหตฉุ ะน้ีข้าพเจา้ จงึ มีความ ประกอบใหเห็นชดั เจน
ยนิ ดี ขอบคุณมหาอุปราชมากกว่าใหส้ ่ิงของทั้งปวง (แนวตอบ
โจโฉไดฟ้ งั ดงั นนั้ ยง่ิ มีความน้อยใจ แลว้ คิดวา่ เราเสยี ทีท�านุบ�ารงุ กวนอูดว้ ยยศศกั ดศ์ิ ฤงคารบรวิ าร 1. วฒั นธรรมการตอนรบั ของจีน
กวนอกู ค็ ิดรกั เล่าปีอ่ ยู่มิได้ขาด กวนอกู ล็ าโจโฉไปที่อยู ่ โจโฉจึงถามเตียวเล้ียวว่า เราเลี้ยงกวนอถู ึงขนาด
ฉะน้ีแล้ว กวนอูยังมีน้�าใจผูกพันรักเล่าปี่อยู่ เราจะคิดอ่านประการใด กวนอูจึงจะเอาใจออกหากเล่าปี่ การกนิ โตะ หรือการเลีย้ งอาหาร
เตียวเล้ียวจึงว่า ขอให้งดอยู่สักเวลาหน่ึงก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลองความคิดกวนอูดูว่าจะมีใจสัตย์ อยางดโี ดยการน่ังลอ มโตะ ซึ่งเหมือน
ซ่ือต่อเล่าปี่เที่ยงแท้หรือ หรือจะคิดอ่านยักย้าย กบั ไทยท่จี ะตอ นรับแขกดวยขาวปลา
ประการใดบา้ ง อาหารอยางดี
ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวเลี้ยวจึงไปหากวนอู
ถ้อยทีถ้อยค�านับกัน เตียวเล้ียวจึงว่าแก่กวนอูว่า 2. ชาวจนี มคี วามเช่ือเรอื่ งโชคลาง
ต้ังแต่มหาอุปราชได้ท่านมาไว้ก็มีความยินดีท�านุ เชน เดยี วกบั ชาวไทย ดงั ทปี่ รากฏใน
บา� รงุ ทา่ นเปน็ อนั มากเพราะมคี วามเมตตาทา่ น กวนอู เนื้อเรอ่ื งสามกก ตอน กวนอไู ปรับ
จงึ วา่ ทกุ วนั นม้ี หาอปุ ราชชบุ เลยี้ งเราจงึ ไดม้ คี วามสขุ ราชการกบั โจโฉในหนังสือเรยี น
คุณนั้นก็มีเป็นอันมาก แต่จะได้วายคิดถึงเล่าปี่นั้น หนา 62
หามิได้ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ธรรมดาเกิดมาเป็น
ชายให้รูจ้ กั ท่ีหนักทีเ่ บา ถ้าผูใ้ ดมไิ ด้รู้จกั ที่หนกั ท่ีเบา “พอเกดิ ลมพายุใหญพ ัดหนกั
คนทั้งปวงก็จะล่วงติเตียนว่าผู้น้ันหาสติปัญญาไม ่ กวนอูเปนตัวละครเพียงตัวเดียวในเร่ืองสามกก ธงชยั กป็ ก มาบนเกวียน โจโฉเห็น
อันมหาอปุ ราชนมี้ ีนา�้ ใจเมตตาทา่ น ท�านบุ า� รงุ ทา่ น ที่ภายหลังกลายเปนเทพเจาที่ชาวจีนนับถือ วปิ รติ ดังนัน้ ก็ใหหยดุ ทหารตั้งคาย
ยง่ิ กวา่ เลา่ ปอ่ี กี เหตใุ ดทา่ นจึงมใี จคิดถงึ เล่าปอ่ี ยู่ ในนาม “เทพเจา แหง ความซือ่ สตั ย” ม่ันไว”)

71 เกร็ดแนะครู

ครชู ใี้ หน กั เรยี นเหน็ วา กวนอเู ปน
ตวั ละครจากเรอื่ งสามกก ท่ีไดรบั
ยกยอ งนับถอื จากชาวจนี ใหเ ปน
เทพเจา แหง ความซอื่ สตั ย สะทอ น
ใหเห็นวา คณุ ธรรมดานความซือ่ สตั ย
คือ ความจริงใจ ไมท รยศ ไมค ดโกง
ไมห ลอกลวง เปน คุณธรรมท่คี น
ในสังคมคาดหวงั จะใหเปนคุณธรรม
ประจําใจของสมาชิกในสังคม
ถือเปนมาตรฐานของความดที ่ี
มนุษยค วรมี หากผูใดมีคณุ ธรรมขอนี้
ยอ มเช่ือไดวาผนู ้ันจะเปนคนดแี ละ
นา ยกยองใหผอู ่ืนประพฤติตาม

คูมอื ครู 71


กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%)

1. นกั เรยี นอานเรอ่ื งสามกก และบอก กวนอูจึงวา่ ซึง่ มหาอปุ ราชมีคุณแก่เรากจ็ ริงอย ู่ แตจ่ ะเปรียบเล่าปี่นนั้ ยงั มิได ้ ดว้ ยเลา่ ปน่ี ้นั มีคณุ
ขอคิดทไ่ี ดจากเร่อื ง แก่เรากอ่ น ประการหนงึ่ ก็ได้สาบานไวต้ ่อกันว่าเป็นพน่ี ้อง เราจึงไดต้ ัง้ ใจรกั ษาสัตย์อยู่ ทุกวนั น้เี ราก็คิดถงึ
• จากเร่ืองน้ีไดขอคิดใด และ คุณมหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาตรว่าเราจะไปจากก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีชื่อปรากฏไว้เราจึงจะ
นาํ ไปปรบั ใชในชีวติ ประจาํ วัน ไป เตียวเลี้ยวได้ฟังดังน้ันจึงถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ถึงแก่ความตายแล้ว ท่านจะอยู่กับมหาอุปราชหรือ
ไดอยางไร หรือจะคิดประการใด กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่าเล่าปี่
(แนวตอบ ขอคดิ ทนี่ ําไปปรบั ใช จะถึงแก่ความตาย เรากจ็ ะตายไปตามความท่ีได้สาบานไว้
ในชีวติ ประจาํ วนั เตียวเล้ียวเห็นกวนอูน้ันมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่เป็นม่ันคง ก็ลากลับมา จึงเอาเน้ือความทั้งปวง
• การรกั ษาสัจจะวาจาทาํ ให บอกแกโ่ จโฉทกุ ประการ โจโฉไดฟ้ งั ดงั น้นั ก็ทอดใจใหญ ่ มคี วามวิตก ซึ่งจะเอากวนอไู ว้ให้ขาดจากเล่าป่ี
ผอู ่นื เชอื่ ถอื และศรทั ธา กไ็ มส่ มคดิ แลว้ สรรเสรญิ กวนอูว่ามีความสัตยซ์ อ่ื มนั่ คงนกั ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉวา่ อันความคดิ กวนอูน้นั
• ความซ่อื สัตย เปนพืน้ ฐาน จะแทนคณุ มหาอุปราชเสยี ก่อน แล้วจงึ จะไปจาก ถ้ามีศึกมาก็อยา่ ใหก้ วนอูออกอาสา แมก้ วนอูยงั ไม่มี
ของคณุ ธรรมขอ อ่นื ๆ ความชอบกจ็ ะอยู่ด้วยมหาอปุ ราช โจโฉได้ฟังดงั น้ันก็เหน็ ชอบด้วย
ตอไป
• ความกตญั ู คนไทยมี สรรพส์ าระ อาณาจักรสามกก๊  
คา นยิ มเร่อื งกตัญูตอผมู ี
พระคุณ ผทู ม่ี ีความกตญั ู
จะเปนท่ีรกั เคารพนับถอื
ของบุคคลทว่ั ไป และเปนผู
มคี วามสขุ ความเจริญในชวี ติ )

2. ครูขออาสาสมัครออกมานําเสนอ
หนา ชัน้ เรยี น

วุยกก๊ เป็นกก๊ ที่ยงิ่ ใหญแ่ ละมีอำ� นำจมำกทีส่ ุดในบรรดำสำมก๊ก ในระหวำ่ ง พ.ศ. ๗๖๓ - ๘๐๘

นักเรียนควรรู ครอบครองพ้ืนท่ีทำงตอนเหนือของประเทศจีน ปกครองโดยโจโฉ ต่อมำพระเจ้ำโจผีได้สถำปนำโจโฉ

มาตรวา หมายความวา สกั วา เป็นจักรพรรดิแห่งรำชวงศ์วุยอีกพระองค์หน่ึง วุยก๊กถูกโจมตีและโค่นล้มรำชวงศ์วุยโดยสุมำเอี๋ยน ซ่ึง
แมวา
ตอ่ มำภำยหลังไดส้ ถำปนำรำชวงศจ์ ้ินข้ึนแทนและรวบรวมแผน่ ดินที่แบง่ เป็นก๊กตำ่ งๆ เข้ำมำไว้ด้วยกนั

จ๊กก๊ก หน่ึงในอำณำจักรสำมก๊ก ปกครองโดยพระเจ้ำเล่ำปี่ เชื้อพระวงศ์แห่งรำชวงศ์ฮ่ัน ใน

ระหวำ่ ง พ.ศ. ๗๖๔ - ๘๐๖ จก๊ กก๊ ครอบครองพนื้ ทที่ ำงภำคตะวนั ตกของประเทศจนี บรเิ วณมณฑลเสฉวน

ปกครองอำณำจกั รโดยจกั รพรรดสิ บื ตอ่ กนั มำทง้ั หมด ๒ พระองค์ ไดแ้ ก่ พระเจำ้ เลำ่ ปแ่ี ละพระเจำ้ เลำ่ เสยี้ น

จ๊กก๊กล่มสลำยลงด้วยกองทัพของวุยก๊ก อันเนื่องมำจำกกำรปกครองแผ่นดินที่ล้มเหลวของพระเจ้ำ

@ มมุ IT เลำ่ เส้ยี น

ศกึ ษาและชมวดิ ีโอการเสวนา งอ่ กก๊ ครอบครองพนื้ ทที่ ำงดำ้ นตะวนั ออกของประเทศจนี ทำงบรเิ วณตอนใตข้ องแมน่ ำ�้ ฉำงเจยี ง
“สามกกกบั การเมืองไทย” ไดท่ี
http://www.thaisamkok.com/ ซง่ึ กค็ อื พน้ื ทบ่ี รเิ วณรอบๆ เมอื งนำนกงิ ในปจั จบุ นั งอ่ กก๊ เปน็ อำณำจกั รสดุ ทำ้ ยในบรรดำอำณำจกั รสำมกก๊
new/
ลม่ สลำยโดยกองทัพของสุมำเอ๋ยี น

72

72 คมู ือครู


กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Explore Explain

Engage Expand Evaluate

สาํ รวจคน หา

๖ คำ�ศพั ท์ นกั เรียนชว ยกนั รวบรวมคาํ ศพั ท
ทไ่ี ดจ ากเรอ่ื งสามกก ตอน กวนอู
ไปรับราชการกบั โจโฉเพ่ิมเติม แลว
นกั เรียนเลือกคําศัพทท าํ สลาก
คา� ศพั ท์ ความหมาย คนละ 1 คาํ

กนิ โตะ๊ กินเล้ียงด้วยอาหารอย่างดีโดยนั่งล้อมวงกันท่ีโต๊ะ (ต่อมาลักษณะการ
รมุ ล้อมนีท้ า� ให้ค�าว่า กินโตะ๊ มีความหมายโดยปรยิ ายวา่ รมุ ท�าร้าย)
อธิบายความรู
เกลือก เกรง หาก
1. ครรู วบรวมสลากใหน ักเรยี นจับ
ขดั สน ลา� บาก เมือ่ นักเรียนจบั สลากไดค าํ ใดแลว

ตตี วั ตายก่อนไข้ ตีตนตายกอ่ นไข้ เดือดรอ้ นไปกอ่ นท่เี หตกุ ารณร์ ้ายจะเกดิ ข้นึ ใหนกั เรยี นบอกความหมาย พรอ ม
ยกตวั อยางประโยคจากเนื้อเรือ่ ง
แต่งโตะ๊ เลี้ยง จดั อาหารเล้ยี ง (แนวตอบ ตัวอยา งเชน
น�้าสบถ น้า� สาบาน • เอาใจออกหาก หมายถึง
เบย้ี หวัด ส่ิงตอบแทนความชอบท่ีให้แกท่ หารท่อี อกจากประจา� การเปน็ รายเดือน
ปฏิญาณ การให้ค�าม่ันสัญญาหรือการแสดงยืนยันโดยถือเอาสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ หรือ หางเหินไปไมร ว มมือรว มใจ
ความสุจริตใจเปน็ ทต่ี ้งั เหมอื นเดิม
• เซก็ เธาว หมายถงึ เปน ชอื่ มา
ผูกความรกั มีใจผกู พนั ดว้ ยความรัก ฝมือดี และมกี ําลงั มาก เดิม
เปน มาของตั๋งโตะที่มอบให
มาตรวา่ แม้ว่า ลโิ ป ตอ มาโจโฉรบชนะลิโป
อัปมงคล ปราศจากมงคล ไมเ่ จริญ เปน็ ลางร้าย ไดครอบครองมาเซ็กเธาว
อปั ยศ ไร้ยศ ปราศจากยศ เส่ือมเสียชอื่ เสียง นา่ อบั อายขายหน้า • ยังไมแจง หมายถึง ยังไมรู

๗ บทวเิ คร�ะห์ แนชดั เปนตน )
2. ครแู ละนกั เรยี นรว มกันตรวจสอบ
๗.๑ คณุ ค่าด้านเนื้อหา
ความหมาย จากนนั้ บนั ทกึ คําศพั ท
๑) รปู แบบ สามก๊กเป็นยอดวรรณคดีความเรียงประเภทนิทาน เป็นวรรณคดีร้อยแก้ว และความหมายลงสมุด

แปลจากภาษาจนี มาเปน็ ภาษาไทย แลว้ เรยี บเรยี งใหมด่ ว้ ยถอ้ ยคา� ทสี่ ละสลวย กะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ย
มีส�านวนโวหารเปรียบเทยี บลึกซ้งึ คมคายและมคี ติธรรม
๒) องคป์ ระกอบของเรอื่ ง จา� แนกหวั ขอ้ ตา่ งๆ ได้ ดังนี้ บรู ณาการสอู าเซยี น
๒.๑) สาระ เร่ืองสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ กล่าวถึงโจโฉต้ังตัวเป็น
มหาอปุ ราชในสมยั พระเจา้ เหยี้ นเต้ ตอ้ งการกา� จดั เลา่ ปซ่ี ง่ึ ครองเมอื งชจี วิ๋ และเขา้ ยดึ เมอื งไดส้ า� เรจ็ ประวตั ิศาสตรข องชนชาติตางๆ
เลา่ ป่หี นีไปเมืองกิจว๋ิ จากน้ันโจโฉก็ยกทพั ไปตีเมืองแห้ฝือของกวนอู เมอ่ื โจโฉจับกวนอไู ดแ้ ละให้ ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตมกี ารสูรบ
กนั เรือ่ ยมา กอนทีช่ าติตะวันตกจะ
เขา มามีอํานาจ เรอื่ งของสงคราม
จงึ กลายเปนแรงบันดาลใจสําคัญให
73 เกดิ วรรณคดี อีกทัง้ ยังเปนที่ยอมรบั

ของสังคมตัง้ แตร ะดบั สูงจนถึง
ระดับสามัญ ในสมัยรชั กาลที่ 1
มีวรรณคดีไทยเรื่องราชาธิราชและวรรณกรรมจนี ทม่ี ีแนวคิดเกย่ี วกบั การเมอื งการสงครามในชวงเวลานน้ั จงึ นํามาแปลเปนฉบับภาษาไทย ไดแก ไซฮ่นั
สามกก วรรณกรรมทั้งสามเรื่องเปน ผลงานการคน ควาของคณุ กรรณกิ าร สารทปรุงทน่ี าํ มาจดั ทาํ หนังสือ “ราชาธริ าช สามกก และไซฮน่ั โลกทศั นช นช้ัน
นําไทย” ตามโครงการหนังสอื ชดุ “ประเทศเพอื่ นบา นของไทยในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต” เพอ่ื ใหค นในยุคปจจบุ นั เห็นความสําคัญของรากฐานความคดิ
ในการรักษาปองกันประเทศชาติของคนยคุ สมยั กอน ซึ่งประเทศในภูมิภาคเอเซยี ตะวนั ออกเฉียงใตต า งก็มแี นวคิดและประสบการณด งั กลา วในลักษณะ
เดียวกัน เราจึงควรอาศยั จุดเชอ่ื มน้ีปรับทศั นคติและสรางความเขาใจกบั ประเทศเพอ่ื นบา น เพราะเปนยุคสมัยท่ีเราจะไมส รา งสงคราม แตจ ะหนั มาสรา ง
ความรว มมือกัน เพ่ือใหเ กิดสนั ตภิ าพและความมน่ั คงของชิวี ิตมนษุ ยสกู ารเปนพลเมืองของอาเซียน
คมู อื ครู 73


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain

Expand Evaluate

กระตุน ความสนใจ (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%)

ครูนําภาพของฉากตา งๆ ในเรอ่ื ง เตยี วเลี้ยวเกลย้ี กล่อมกวนอูใหม้ าอยู่ดว้ ย กวนอูยอมจา� นนดว้ ยสญั ญา ๓ ขอ้ โจโฉยอมรบั เงื่อนไข
สามกก ตอน กวนอูไปรับราชการกับ ของกวนอู โจโฉทา� ตามสัญญาท่ีใหก้ วนอูท้งั ๓ ขอ้ เอาใจใสก่ วนอแู ละพ่สี ะใภ้ของกวนอูอย่างดี แต่
โจโฉ ใหน กั เรยี นดู แลว ใหน กั เรียน กวนอกู ไ็ ม่ไดม้ นี ้า� ใจตอบโจโฉ ยังคงซ่อื สัตย์และจงรักภกั ดตี ่อเล่าปีอ่ ยา่ งแนบแนน่ โจโฉคดิ น้อยใจ
แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับภาพใน แต่ก็เช่ือในความกตัญญูของกวนอู ว่าคงจะไม่หนีไปจนกว่าจะได้ตอบแทนบุญคุณ ความซื่อสัตย์
ประเด็นตอ ไปนี้ กตญั ญู และการใชก้ ลอุบายเจรจาโน้มน้าวเปน็ ส่ิงส�าคญั ของเรอื่ งในตอนนี้
๒.๒) โครงเร่ือง การล�าดับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ละข้ันตอนในเรื่องสอดคล้องสัมพันธ์
• นกั เรยี นคิดวา ภาพน้บี อกอะไร กันจนแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่กวีต้องการส่ือออกมาได้อย่างชัดเจน ในเร่ืองความซ่ือสัตย์ของ
ไดบาง กวนอู สามก๊กตอนทเี่ รียนเปน็ การทา� สงครามของโจโฉกบั เลา่ ปแ่ี ละกวนอู โจโฉมีทหารเอกคอยให้
(แนวตอบ คาํ ตอบข้นึ อยูกับภาพ ค�าปรึกษาและวางกลอุบายในการศึก จนสามารถเอาชนะเล่าปี่และเกล้ียกล่อมให้กวนอูเข้ามาอยู่
ทดี่ ู นกั เรยี นตอบไดห ลากหลาย) ฝ่ายตน แต่ในทีส่ ุดโจโฉกไ็ มส่ ามารถชนะใจกวนอูผมู้ คี วามซ่ือสัตย์จงรักภกั ดตี ่อเล่าป่ไี ด้
๒.๓) ฉากและบรรยากาศ เรื่องสามกก๊ สมยั พระเจ้าเหยี้ นเต้เกิดความแตกแยกแย่งชงิ
สาํ รวจคน หา อา� นาจกนั ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ เปน็ ชว่ งทโ่ี จโฉมอี า� นาจตง้ั ตวั เปน็ มหาอปุ ราชและเปน็
ผู้สา� เรจ็ ราชการแทนพระเจ้าแผ่นดนิ โจโฉขยายอทิ ธิพลยกทพั ไปปราบหวั เมืองตา่ งๆ
นกั เรยี นสบื คน องคประกอบ ๒.๔) ตัวละคร ในเรอื่ งสามกก๊ ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกับโจโฉ มตี วั ละครทม่ี บี ทบาท
ตางๆ ของเร่อื งสามกก ไดแ ก สา� คัญ ดงั น้ี
สาระ โครงเรือ่ ง ตัวละคร ฉากและ (๑) กวนอู เป็นชาวเมืองฮอต๋ังไกเหลียง เป็นพ่ีน้องร่วมสาบานกับเล่าปี่และ
บรรยากาศ และกลวิธกี ารแตงจาก เตยี วหยุ มงี า้ วยาวสบิ เอด็ ศอก หนกั แปดสบิ สองชงั่ เปน็ อาวธุ ประจา� กาย เปน็ บรุ ษุ ผมู้ หี นวดงามและ
แหลง เรยี นรูตางๆ เชน หนงั สอื รูปงาม ลกั ษณะนิสัยและพฤตกิ รรมท่เี ด่นชัดของกวนอูท่ีปรากฏในเนือ้ เร่ืองตอนน้ี มีดงั น้ี
บทความ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเน็ต
เปน ตน ๑. เป็นผู้ที่มีความซ่ือสัตย์และกตัญญูต่อผู้มีบุญคุณทุกคนดังปรากฏตอนท่ี
เตียวเลีย้ วลองถามความคดิ ของกวนอทู ่ีมีตอ่ โจโฉ กวนอูตอบว่า
อธบิ ายความรู
“…ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็จริงอยู่ แต่จะเปรียบเล่าปี่น้ันยังมิได้ ด้วยเล่าปี่นั้นมีคุณแก่เรา
นกั เรยี นแตล ะกลุม วเิ คราะห ก่อน ประการหน่ึงก็ได้สาบานไว้ต่อกันว่าเป็นพี่น้อง เราจึงได้ต้ังใจรักษาสัตย์อยู่ ทุกวันนี้เราก็คิดถึง
โครงเรื่อง เร่อื งสามกก ตอน กวนอู คณุ มหาอปุ ราชอยมู่ ไิ ดข้ าด ถงึ มาตรวา่ เราจะไปจากกจ็ ะขอแทนคณุ เสยี กอ่ นใหม้ ชี อ่ื ปรากฏไวเ้ ราจงึ จะไป…”
ไปรบั ราชการกับโจโฉ ในประเดน็
ตอไปนี้ แลว แตละกลุมมานําเสนอ ท้ังนี้ตลอดระยะเวลาท่ีเล่าปี่ไม่อยู่ กวนอูก็ปฏิบัติตนต่อภรรยาท้ังสองของ
หนาช้ันเรยี น เลา่ ปอี่ ยา่ งสจุ รติ ใจและใหเ้ กยี รตอิ ยา่ งสม�า่ เสมอมิให้เป็นท่คี รหา จนโจโฉสรรเสริญในความซอ่ื สัตย์
ของกวนอู ดังความวา่
• ความขัดแยงในเรอื่ งเปน
ความขดั แยงลักษณะใด 74
(แนวตอบ เปน ความขัดแยง
ระหวางตวั ละครในเรอ่ื งทต่ี อง
รบกนั เพราะอยูคนละฝา ย
และความขดั แยงภายในใจ
ของตัวละคร คอื กวนอูถูก
โจโฉจบั ไดและตองตัดสินใจ
เลือกไปรบั ราชการกบั โจโฉทั้งท่ี
อยากตามหาเลาป)

เกร็ดแนะครู

ครชู ้ใี หน กั เรียนเห็นวา เรอื่ งสามกก กลา วถึงกลอุบายการเมอื งและการสงคราม
กระบวนการแยง ชงิ อาณาเขตกันอยางนาอานนาฟง ผูแ ตงมคี วามรแู ละเรียบเรียง
ขอความไดด ี มีคติธรรมในการดําเนนิ ชีวติ แฝงไวอยตู ลอดเรอื่ ง

74 คมู อื ครู


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

“…คร้ันถึงสามวันกวนอูจึงไปเยือนพ่ีสะใภ้ครั้งหนึ่ง น่ังอยู่แต่นอกประตูแล้วถามว่า พี่อยู่ปกติ อธิบายความรู
อยู่หรือ หรือป่วยไข้ประการใดบ้าง พี่สะใภ้จึงตอบว่าปกติอยู่มิได้ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้าง
หรอื ไม ่ กวนอูวา่ ไม่แจง้ แล้วคา� นับพีส่ ะใภ้ลากลับมา โจโฉรูก้ ติ ตศิ ัพท์วา่ กวนอปู ฏบิ ตั ติ อ่ พี่สะใภ้โดยสุจรติ ใหนกั เรยี นวเิ คราะหคุณธรรมของ
ดงั นัน้ กส็ รรเสริญกวนอวู ่ามีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้…” ตวั ละคร ดังนี้

๒. เป็นผู้มคี วามชา� นาญในการรบ กวนอูเป็นผู้ท่มี คี วามกลา้ หาญ เดด็ เดย่ี ว 1. กวนอู
มีความช�านาญในการสู้รบ และมีความเช่ือม่ันในฝีมือการรบของตนเอง ดังจะเห็นได้จากตอนท่ี 2. โจโฉ
โจโฉกลา่ วช่ืนชมฝีมอื การรบของกวนอใู หเ้ หล่าทหารฟงั และต้องการกวนอูมารว่ มทัพด้วย พรอ มยกตัวอยางจากเรือ่ ง
ประกอบใหเ หน็ ชัดเจน ครขู อ
“...ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ ซึ่งท่าน อาสาสมคั ร 3 - 4 คน มานําเสนอ
จะยกกองทัพไปตีน้ันควรนัก ถ้าละไว้อ้วนเส้ียวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ไป โจโฉจึงตอบว่า หนา ชนั้ เรียน
อันกวนอูนนั้ มฝี ีมอื กลา้ หาญชา� นาญในการสงคราม เราจะใครไ่ ด้ตวั มาเลย้ี งเป็นทหาร เราจะแตง่ คนให้ไป (แนวตอบ
เกลยี้ กล่อมกวนอจู ึงจะได…้ ” 1. กวนอูมีคุณธรรมเรอื่ งความ
ซือ่ สัตยและความกตญั ู จาก
เตียวเล้ียวเกลี้ยกล่อมกวนอูให้มารับราชการกับโจโฉ โดยกล่าวถึงความ ตวั อยางคือ โจโฉมอบเสอื้ ใหมใ หแต
สามารถของกวนอูในการสูร้ บว่า กวนอใู สไวข า งใน เอาเสอ้ื เกา ใสข า ง
นอก เพอ่ื ระลกึ ถึงเลา ป ดงั ทป่ี รากฏ
“...อกี ประการหนงึ่ นน้ั ทา่ นกม็ ฝี มี อื กลา้ หาญ แลว้ แจง้ ใจในขนบธรรมเนยี มโบราณมาเปน็ อนั มาก ในเน้ือเร่ือง
เหตใุ ดท่านจงึ ไม่รักษาชวี ติ ไวค้ อยทา่ เล่าป่ี จะได้ชว่ ยกันคดิ การท�านบุ า� รงุ แผ่นดินให้อยเู่ ยน็ เปน็ สขุ …” “ขา พเจา จึงเอาเส้อื ผืนนี้ใสช ัน้ นอก
หวังจะดตู า งหนาเลาป คร้ันจะเอา
(๒) โจโฉ เป็นชาวเมืองตันลิว และอยู่ในตระกูลขุนนางมาก่อน โจโฉเป็นผู้มี เส้อื ใหมนั้นใสช ้นั นอก คนทั้งปวงจะ
สติปัญญาเฉลียวฉลาดและมีความเป็นผู้น�า แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ครหานนิ ทาวา ไดใหมแ ลวลมื เกา ”
โดยตอน กวนอูไปรบั ราชการกับโจโฉ ได้แสดงลกั ษณะนสิ ยั และพฤตกิ รรมของโจโฉทเ่ี ด่นชัด ดังนี้ 2. โจโฉ มคี ณุ ธรรมคอื มวี าจาสัตย
รกั ษาคาํ พดู เปน สงิ่ สาํ คญั และยกยอ ง
๑. เปน็ ผทู้ ี่ชา� นาญในการวางกลอบุ ายศกึ โจโฉสามารถวิเคราะห์การศึกและ ผมู ีความกตญั ูและความซื่อสตั ย
วางกลอุบายการศึกท่ีซับซ้อนจนฝ่ายข้าศึกคิดไม่ถึง กว่าข้าศึกจะรู้ตัวก็ตกหลุมพราง เสียเปรียบ ดงั ทป่ี รากฏในเนอื้ เรอื่ งทว่ี า “…æ เราได
โจโฉเสยี แล้ว ดงั จะเห็นไดจ้ ากตอนทีโ่ จโฉจะยกทัพไปโจมตเี มืองชจี ิ๋วของเล่าปี่ ความว่า สญั ญาเขาไวแ ลว ครน้ั จะใหไ ปตดิ ตาม
เอาตัวมาบดั นีก้ ็จะเสียวาจาไป…”)
“...โจโฉจึงแบ่งทหารเป็นสิบเอ็ดกอง กองหน่ึงให้อยู่รักษาค่ายแปดกองน้ันให้ทหารเอกคุม
ทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายท้ังแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย ก็ให้ทหาร @ มุม IT
ทั้งแปดกองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองน้ันให้แยกกันไปตั้งสกัดอยู่ปากทางเมืองชีจ๋ิวกองหนึ่ง
เมอื งแหฝ้ อื กองหนง่ึ …” ศกึ ษาเร่ืองสามกก ตอน กวนอู
ไปรับราชการกบั โจโฉเพ่มิ เติม ไดท ่ี
www.สามกก .com

75

คมู ือครู 75


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%)

1. นกั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาวรรณศลิ ป ๒. เปน็ ผูท้ ีม่ ีวาจาสัตย์ เมือ่ โจโฉรับปากเรื่องใดแล้วก็มไิ ดค้ นื ค�าดังที่โจโฉรบั
ที่ปรากฏในเรอ่ื ง พรอ มยกตัวอยาง สญั ญา ๓ ขอ้ เพ่อื ให้กวนอูยินยอมรบั ราชการอยู่กบั โจโฉ โจโฉก็ได้กระทา� ตามสัญญาที่รับปากไว้
ประกอบ เมอื่ กวนอูขอคา� ม่ันในสญั ญาจากโจโฉ โจโฉจึงกล่าวยา้� ว่า

2. นกั เรยี นชว ยกนั วเิ คราะหว รรณศลิ ป “...โจโฉจงึ วา่ ซงึ่ ปฏญิ าณของท่านน้นั เราไดส้ ญั ญาเขาไว้แล้ว ครั้นจะใหไ้ ปติดตามเอาตัวมาบดั นี้
ทีป่ รากฏวา สง ผลอยางไรตอ การ กจ็ ะเสยี วาจาไป…”
ดําเนนิ เร่ือง และชว ยใหผูอา นเกิด
จินตภาพไดอ ยา งไร ๓. เปน็ ผทู้ ชี่ นื่ ชอบผมู้ คี วามซอื่ สตั ย์ นบั เปน็ ลกั ษณะนสิ ยั ทเี่ ดน่ มากในตอนนี้
โจโฉมีความปรารถนาที่จะได้กวนอูมารับราชการเพ่ือเป็นก�าลังแก่ตนเองสืบไป จึงพยายามท�า
3. นกั เรยี นแตละกลมุ มานําเสนอ ทุกอย่างเพ่ือผูกใจกวนอู และแม้ว่าโจโฉจะไม่สามารถเหน่ียวร้ังกวนอูไว้ได้ โจโฉก็ยังสรรเสริญ
หนา ชั้นเรียน จากนั้นครสู รุป ในความซ่ือสตั ย์และกตญั ญทู ี่กวนอมู ีตอ่ เลา่ ป่เี สมอ ดังเชน่ ตอนท่ีโจโฉชวนกวนอูมากนิ โต๊ะ โจโฉ
ความรแู ละนกั เรียนบันทกึ ลงสมุด เห็นเส้ือกวนอขู าด จึงให้เสือ้ ตวั ใหม่แกก่ วนอู แตก่ วนอูกลบั สวมเส้ือตวั เกา่ ทบั เสอื้ ตัวใหมไ่ ว้ โดย
ให้เหตุผลที่สะเทือนใจโจโฉ แต่โจโฉก็ยังไม่วายสรรเสริญในความซ่ือสัตย์และกตัญญูที่กวนอูมีต่อ
เกร็ดแนะครู เลา่ ปี่ ดังความวา่

ครเู พิ่มเตมิ ความรูเ กีย่ วกับ “...กวนอูจึงว่าเส้ือเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเสื้อผืนน้ีใส่
กลวธิ ีการแตง วา การใหต วั ละคร ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าป่ ี ครั้นจะเอาเสือ้ ใหมน่ ั้นใสช่ ัน้ นอก คนท้ังปวงจะครหานนิ ทาวา่ ไดใ้ หมแ่ ล้ว
เปน ผูเลา เรอ่ื งดว ยการใชบ ทสนทนา ลมื เกา่ โจโฉไดย้ นิ ดงั นัน้ ก็สรรเสรญิ กวนอวู ่ามีกตญั ญูนัก แต่คดิ เสยี ใจอยู่…”
มสี ว นชวยใหก ารดาํ เนนิ เร่อื งรวดเรว็
ขนึ้ สามารถใชบ ทพูดแสดงอารมณ ๒.๕) กลวธิ กี ารแตง่ กวใี ชก้ ลวธิ บี รรยายเลา่ เรอื่ งอยา่ งละเอยี ด บางตอนใหต้ วั ละครเปน็
สะทอนบุคลกิ ของตวั ละคร และ ผ้เู ล่าเรือ่ งด้วยการใชบ้ ทสนทนาน�า ซึง่ จากบทสนทนานท้ี �าให้ผู้อา่ นไดท้ ราบเรือ่ งราวความเปน็ มา
ถา ยทอดสภาพแวดลอมและ ของเร่ือง ตลอดจนทราบลักษณะนิสยั ใจคอและอารมณข์ องตวั ละครได้
บรรยากาศผานสายตาของ
ตวั ละครได ๗.๒ คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์

นักเรยี นควรรู ๑) การสรรคา� สามกก๊ เปน็ วรรณคดที ไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ยอดของความเรยี งประเภท
นิทาน เพราะแต่งดีทั้งเน้ือเรื่องและส�านวนที่แปลเป็นไทยด้วยการเลือกใช้ถ้อยค�าได้อย่างไพเราะ
ความเรียง มีลักษณะคําประพันธ ดังนี้
เปนรอยแกว สาํ หรับอธบิ ายความ ๑.๑) การเลอื กใชค้ า� ไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามความหมายทต่ี อ้ งการ กวใี ชค้ า� ไดต้ รงความหมาย
แสดงความคิดเห็น ความเรียงอาจ และถอ้ ยคา� ท่ีใชก้ ไ็ ม่ใชศ่ พั ท์ยาก อ่านแลว้ จะเขา้ ใจสถานการณ์ได้ทนั ที มคี วามไพเราะ สละสลวย
จําแนกออกตามเนอ้ื หาและอารมณ เรียบง่าย เช่น
ได 2 ประเภท คอื ความเรยี งแบบ
กันเอง และความเรยี งแบบเปน 76
ทางการ

76 คมู อื ครู


กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

“...กวนอูได้ฟังดังน้ันก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเล้ียวว่า เดิมเราถามตัวว่าจะเกล้ียกล่อมหรือตัวว่า อธบิ ายความรู
หามิได ้ แลตัวมาวา่ กลา่ วดงั น ี้ จะว่าไมเ่ กลีย้ กล่อมนนั้ ตวั จะประสงคส์ ง่ิ ใดเลา่ แลว้ ว่าเราอยู่ในทน่ี กี้ เ็ ป็นท่ี
คบั ขันอย ู่ ซงึ่ เราจะเข้าด้วยผ้ใู ดนอกจากเลา่ ปีน่ น้ั อยา่ สงสยั เลย...” ใหนักเรยี นพจิ ารณาการสรรคาํ
จากเรื่องสามกก ตอน กวนอไู ปรบั
๑.๒) การเลอื กใชค้ า� ทเ่ี หมาะแกเ่ นอ้ื เรอ่ื งและฐานะของบคุ คลในเรอ่ื ง เชน่ ตอนทกี่ วนอู ราชการกับโจโฉ
ไปเขา้ เฝา้ พระเจ้าเหย้ี นเต้ซงึ่ เปน็ กษัตริย์ กวีเลือกใช้ค�าราชาศัพทไ์ ด้ถกู ต้องเหมาะสมแกเ่ นือ้ เรื่อง
และฐานะของบุคคลในเรอ่ื ง ดงั ความว่า • นักเรียนคิดวา การใชคําได
เหมาะสมแกเ นือ้ เร่อื งและ
“...คร้ันเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใส่ถุงหนวดดังนั้นจึง ฐานะของบุคคลในเรอื่ งสะทอน
ตรัสถามว่า ถุงใส่ส่ิงใดแขวนอยู่ที่คอนั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงน้ีมหาอุปราชให้ข้าพเจ้าส�าหรับใส่หนวดไว ้ ใหเห็นอะไร
แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงาม (แนวตอบ การเลอื กใชค ําที่
เสมอกัน แล้วตรัสสรรเสริญว่ากวนอูนี้หนวดงาม จึงพระราชทานช่ือว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทยว่า เหมาะสมแกเนอื้ เรื่องและฐานะ
เจา้ หนวดงาม แลว้ ก็เสด็จข้ึน…” ของบคุ คลในเร่อื ง สะทอนให
เห็นวัฒนธรรมการเคารพและ
๑.๓) การเลือกใช้ค�าได้เหมาะแก่ลักษณะของค�าประพันธ์ เร่ืองสามก๊ก ตอน กวนอู ใหเ กียรติบุคคล ซึง่ ภาษาไทย
ไปรับราชการกับโจโฉ กวใี ชภ้ าษาความเรียงนิทานประเภทรอ้ ยแกว้ การใช้ถอ้ ยคา� และเรียงความ จะมีคําตา งๆ เพ่ือใชแ ยกใหเห็น
เรียบรอ้ ยสม่�าเสมอ อา่ นเข้าใจง่าย ไม่มศี ัพทย์ าก ภาษาไม่ซับซอ้ น ดงั ความวา่ ระดับของบุคคลทแ่ี ตกตางกัน
เชน คําราชาศพั ท คาํ ทใ่ี ชก ับ
“...ฝา่ ยทหารเลา่ ปซ่ี ง่ึ เขา้ ไปหากวนอนู น้ั ครนั้ เวลาพลบคา�่ มไิ ดเ้ หน็ กวนอกู ลบั เขา้ เมอื ง ก็ชวนกัน พระสงฆ คําสุภาพ)
เปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ โจโฉมีความยินดี
ก็คุมทหารเข้าเมอื งแห้ฝอื แลว้ ให้เอาเพลงิ เผาเมอื งขึน้ หวงั จะให้กวนอเู สียน�า้ ใจ…” นกั เรียนควรรู

๒) การใชโ้ วหาร กวีเลอื กใช้ถ้อยค�าในการบรรยายได้อยา่ งเหมาะสมกบั เนือ้ เร่ือง ท�าให้ เรอื่ งสามกก เปน หนังสือทมี่ ี
ผู้อ่านมองเห็นภาพชัดเจน ดงั นี้ ลักษณะเปน ตาํ รา อันกลา วถงึ อบุ าย
๒.๑) อุปมาโวหาร เป็นโวหารท่ีปรากฏในเรื่องสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับ การเมอื งและการสงคราม ไดรบั
โจโฉ เป็นความเปรยี บที่เข้าใจงา่ ยทา� ใหเ้ กิดภาพท่ีชดั เจนข้นึ เชน่ ตอนที่โจโฉคิดหาหนทางก�าจดั การยกยอ งวา เปนตําราพิชยั สงคราม
เลา่ ปแี่ ละกล่าวเปรยี บเลา่ ปี่ว่าเหมอื นลกู นก ดังความว่า นับวา เปน หนงั สือนา อานอยางยง่ิ เลม
หนงึ่ ในบรรดาหนังสอื พงศาวดารจีน
ที่แปลเปน ภาษาไทย นบั ถือกันวา
หนังสือสามกก ดกี วา เร่อื งอนื่

77

คมู อื ครู 77


กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอจากฉบับนกั เรียน 20%)

1. ใหน ักเรียนแตละกลุม ชวยกัน “...เล่าปี่น้ันเป็นคนมีสติปัญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีก�าลังมากข้ึน อุปมาเหมือนลูกนกอันขนปีก
คน ควา หาสํานวนทป่ี รากฏในเรอื่ ง ยงั ไมข่ ึ้นพร้อม แมเ้ ราจะนิง่ ไวใ้ หอ้ ยูใ่ นรงั ฉะนี ้ ถา้ ขนขึน้ พรอ้ มแล้วก็จะบนิ ไปทางไกลได ้ ซง่ึ จะจับตัวนนั้
พรอมอธบิ ายความหมาย ครูสมุ เห็นจะไดค้ วามขัดสน…”
นกั เรยี น 3 - 4 คน มาอธบิ ายสาํ นวน
เม่ือกวนอูปฏิเสธท่ีจะไปรับราชการกับโจโฉ เตียวเลี้ยวพยายามหาเหตุผลโน้มน้าวใจ
2. นักเรยี นพจิ ารณาการใชสาํ นวน กวนอู โดยกลา่ วเปรยี บความลา� บากที่กวนอูต้องเผชญิ วา่ เหมอื นการลยุ ไฟและการขา้ มมหาสมุทร
• สาํ นวนทีป่ รากฏในเรอ่ื งยงั คง ท่กี ว้างใหญ่ หากทา� ได้ก็จะเปน็ ที่ร้จู กั สรรเสริญในภายภาคหน้า ดงั ความวา่
มีใชใ นปจจุบนั หรอื ไม โดย
เปรียบเทยี บวามวี ิธีการใช “...เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการท�านุบ�ารุงแผ่นดินให้อยู่เย็น
เหมอื นหรอื แตกตางจากเรือ่ ง เป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความล�าบากก็อุปมาเหมือนหน่ึงลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทร
อยางไร อันกวา้ งใหญ่ ก็จะลอื ชาปรากฏช่อื เสยี งท่านไปภายหนา้ …”
(แนวตอบ สํานวนทป่ี รากฏ
ในเร่อื ง เชน เมอ่ื ทหารโจโฉลอ้ มจบั กวนอไู ว้ แลว้ เตยี วเลย้ี วขมี่ า้ เขา้ มาหาเพอ่ื เกลยี้ กลอ่ มใหก้ วนอเู ขา้
ตีตวั ตายกอนไข หมายถึง กับฝ่ายโจโฉ กวนอไู ดฟ้ ังเตียวเลี้ยวก็โกรธกลา่ วตอบโตไ้ ปว่าหากตายก็ไมเ่ สยี ดายชวี ิต โดยเปรยี บ
กงั วลในเรอื่ งทีย่ งั มาไมถ ึง ว่าความตายเหมือนการนอนหลบั ไม่น่ากลวั ดงั ความว่า
ปจจุบนั ใชว า ตตี นตายกอ นไข
ไดใ หมลืมเกา หมายถึง เมื่อ “…ซึง่ เราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเลา่ ปี่น้นั อย่าสงสยั เลย ตวั เราก็มิไดร้ ักชวี ติ อนั ความตายอปุ มา
ไดส ิง่ ใหมม าแลว ก็ไมส นใจส่งิ
ทเี่ คยมอี ยูเดิม ปจ จบุ นั ยงั คงใช
แบบเดมิ เปนตน)

ขยายความเขาใจ เหมือนนอนหลับ ทา่ นเร่งกลับไปบอกแก่โจโฉใหต้ ระเตรียมทหารไว้ใหพ้ รอ้ ม เราจะยกลงไปรบ…”

1. ใหน กั เรยี นยกตัวอยา งโวหารจาก จากตวั อยา่ งความเปรยี บท่ยี กมาขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ ่าเปน็ ความเปรยี บแบบอปุ มา
เร่อื งสามกก ทน่ี ักเรยี นประทบั ใจ คือ สิ่งหรือข้อความท่ียกมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ก�าลังกล่าวถึง เพื่อท�าให้ผู้อ่านเข้าใจสิ่งท่ีก�าลัง
กล่าวถึงไดอ้ ยา่ งชดั เจนและลกึ ซ้งึ ยง่ิ ขึน้
พรอ มบอกเหตผุ ล ๒.๒) การใช้ส�านวนโวหาร การท่ีคนไทยเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนชอบพูดจาให้เป็น
(แนวตอบ ตัวอยา ง อปุ มาโวหารท่ี
กวนอูกลาววา ความตายเหมือน สา� นวนต่างๆ จงึ ปรากฏในเร่อื งสามก๊ก ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกับโจโฉ ไดแ้ ก่ ไดใ้ หม่แลว้ ลืมเก่า
การนอนหลับ แสดงใหเ ห็นวา ดงั ตอนทก่ี วนอกู ลา่ วกบั โจโฉถงึ เหตทุ เี่ อาเสอื้ ใหมท่ โี่ จโฉใหใ้ สไ่ วช้ น้ั ใน แลว้ เอาเสอ้ื เกา่ ใสช่ นั้ นอกวา่
กวนอูเปน ผไู มกลวั ความตายและ
เปน ผมู คี วามกลาหาญ)
2. นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ “...กวนอูจึงว่าเสื้อเก่าน้ีของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ท่ีใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเส้ือผืนน้ี
เก่ียวกับโวหารทน่ี ักเรียนประทบั ใจ
• โวหารท่นี ักเรยี นประทบั ใจมี ใสช่ น้ั นอก หวังจะดตู ่างหน้าเล่าปี่ ครนั้ จะเอาเสอื้ ใหมน่ ั้นใส่ชนั้ นอก คนทง้ั ปวงจะครหานินทาว่าได้ใหม่
แลว้ ลืมเก่า…”

ประโยชนตอ การดาํ เนินเรือ่ ง
และชวยใหผูอานเกิดจินตภาพ
ไดอยา งไร 78

(แนวตอบ นกั เรียนยกตวั อยาง
ไดต ามความประทับใจ
ดังตวั อยาง การใชภ าพพจนอปุ มา
“ถึงมาตรวาทา นจะไดค วามลาํ บากก็อุปมาเหมือน เกรด็ แนะครู
หนง่ึ ลยุ เพลงิ อนั ลกุ แลขา มมหาสมทุ รอันกวางใหญ”
มปี ระโยชนในการสนทนาของตัวละคร คือ มคี วามชัดเจน ครแู นะนักเรยี นเก่ียวกับการกลา วความเปรยี บจากขอ ความทีว่ า “ความตาย
ลุมลึก เสริมบคุ ลิกลักษณะของตัวละครใหเดนชัด) เหมือนการนอนหลบั ” แสดงใหเ ห็นวา ผูกลาวไมก ลัวความตาย และสะทอ นให
เหน็ คา นยิ มของชายชาติทหารวา โดยทั่วไปการนอนหลบั คอื การพกั ผอน แต
สาํ หรับทหารนกั รบแลว การตายหรือการสละชพี กค็ อื การพกั ผอนอยางหน่ึง
78 คมู อื ครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ส�ำนวนที่ปรำกฏอีก ๑ ส�ำนวน ได้แก่ ตีตัวตายก่อนไข้ ซ่ึงปัจจุบันไม่ใช้ แต่ใช้ ขยายความเขาใจ
ส�ำนวนว่ำ ตีตนไปก่อนไข้ ดังปรำกฏตอนท่ีอ้วนเส้ียวแกล้งท�ำเป็นทุกข์ เตียนห้องจึงกล่ำวกับ
อ้วนเสย้ี วว่ำ ครแู ละนกั เรยี นรว มกันอภปิ รายถึง
บคุ ลกิ ภาพของผนู าํ ที่ปรากฏในเรอ่ื ง
“...คนทั้งปวงก็ลือชาปรากฏว่า ท่านเป็นใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เหตุใดท่านมาคิดย่อท้อ
จะมาตตี วั ตายก่อนไข้นัน้ ไมค่ วร…” • บุคลิกภาพแบบใดทคี่ วรมอี ยูใ น
ตัวผูน าํ เพราะเหตุใด
๗.๓ คุณคา่ ดา้ นสงั คม (แนวตอบ บคุ ลิกภาพของผูนาํ
ตองมสี ติปญ ญา เฉลยี วฉลาด
๑) สะทอ้ นแนวคดิ เกยี่ วกบั การทา� สงครามของคนจนี ดังนี้ และมคี วามมานะพยายาม
๑.๑) การท�าสงครามนั้นมิใชใ่ ชก้ �าลงั ทหารเพยี งอยา่ งเดยี ว กำรทำ� สงครำม นอกจำก มคี วามอดทน ทํากจิ การงาน
กำรใชก้ ำ� ลงั ทหำรยงั ตอ้ งอำศยั สตปิ ญั ญำและเลห่ เ์ หลย่ี มกลอบุ ำยเปน็ สำ� คญั จงึ จะสำมำรถเอำชนะ อยางมงุ มั่น รวมทัง้ ตอ งรูจักการ
ข้ำศึกศัตรูได้ ดังเช่น ตอนท่ีเทียหยกวำงกลอุบำยล่อลวงให้กวนอูออกจำกเมืองแห้ฝือ เพื่อให้ บรหิ ารคน สรา งความเคารพ
ทหำรโจโฉเขำ้ ยดึ เมอื งแหฝ้ ือ และก็ทำ� ได้สำ� เร็จ นับถือศรทั ธาจากใจจรงิ ของ
ผูตามหรือผใู ตบังคับบญั ชาได)
“...โจโฉจึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดลอ่ ลวงประการใด เทียหยกจงึ ว่า ทา่ นจับทหารเล่าปี่ไว้ ได้
เป็นอันมาก จงให้บ�าเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วส่ังให้ท�าตามค�าเรา จึงปล่อยเข้าไป ในเมืองให้บอกว่า • หากนักเรยี นมโี อกาสเปน ผูนาํ
หนีกลับมาได้ ถ้าเราจะท�าการก็ ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมือง แล้วให้แต่งทหารไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมา นักเรยี นจะนําบุคลิกภาพแบบใด
นอกเมืองแลว้ จึงใหท้ หารซึง่ ซุ่มอยู่ทัง้ สองข้างลอ้ มไว ้ จงึ แตง่ ใหผ้ มู้ ีสติปญั ญาไปเกลี้ยกลอ่ มกวนอูเหน็ จะ มาปรบั ใชก บั ตนเองเพ่ือใหเ ปน
ได้ โดยง่าย…” ผนู ําทีด่ แี ละเปน ท่ยี อมรับ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ
๑.๒) บคุ ลกิ ภาพของผนู้ า� ผนู้ ำ� ทจ่ี ะยงิ่ ใหญแ่ ละประสบควำมสำ� เรจ็ นอกจำกกำรจะตอ้ ง ไดอยางหลากหลาย ซงึ่ ครคู วร
มีสตปิ ัญญำเฉลียวฉลำด เชีย่ วชำญในกำรรบแลว้ ควรมคี วำมพยำยำมและควำมอดทนในกำรท�ำ ชแ้ี นะนกั เรยี นวา การเปนผูนํา
กำรทม่ี งุ่ หวงั ดงั เชน่ ตอนทโ่ี จโฉใชค้ วำมเพยี รพยำยำมอดทนและใชจ้ ติ วทิ ยำเปน็ อยำ่ งมำกในกำร ที่ดนี ้นั ตองเปน คนดแี ละเปน
ผูกมัดใจกวนอูให้เกิดควำมจงรักภักดีต่อตนเอง ซึ่งโจโฉก็ท�ำได้ส�ำเร็จข้ันหน่ึง แม้กวนอูจะยังคง ตวั อยา งทีด่ ใี หแ กลูกนองหรือ
ซื่อสตั ย์จงรักภักดตี ่อเล่ำป่ไี ม่คลำย แต่กร็ สู้ ึกสำ� นึกในบญุ คณุ ของโจโฉและพรอ้ มท่ีจะตอบแทนคุณ ผใู ตบงั คับบญั ชา คอื ตอง
ในภำยภำคหน้ำ เปน ผมู ีความคดิ สรา งสรรค
เฉลยี วฉลาด มไี หวพรบิ พรอ ม
“...ฝา่ ยโจโฉทา� นบุ า� รงุ กวนอมู ไิ ดอ้ นาทร สามวนั แตง่ โตะ๊ ไปใหค้ รงั้ หนงึ่ หา้ วนั ครงั้ หนงึ่ แลว้ จดั หญงิ เรียนรแู ละแกไขปญ หาตางๆ
สาวท่รี ูปงามสิบคนให้ ไปอยปู่ ฏิบัติกวนอูหวังจะผูกน�้าใจไว ้ใหก้ วนอหู ลง…” ตองเสยี สละ และรูจ กั การ
บรหิ ารคน คือใชค นใหถ ูก
“...กวนอจู งึ วา่ ซงึ่ มหาอปุ ราชมคี ณุ แกเ่ รากจ็ รงิ อย ู่แตจ่ ะเปรยี บเลา่ ปน่ี นั้ ยงั มไิ ด ้ ดว้ ยเลา่ ปน่ี น้ั มคี ณุ กบั งาน และเอื้อเฟอ มีนา้ํ ใจ
แก่เราก่อน ประการหนง่ึ กไ็ ดส้ าบานไว้ตอ่ กนั ว่าเปน็ พี่นอ้ ง เราจึงได้ตงั้ ใจรกั ษาสัตยอ์ ย ู่ ทกุ วนั นี้เราก็คิดถงึ แกผ ูใ ตบ ังคบั บัญชา)
คณุ มหาอปุ ราชอยมู่ ไิ ดข้ าด ถงึ มาตรวา่ เราจะไปจากกจ็ ะขอแทนคณุ เสยี กอ่ นใหม้ ชี อ่ื ปรากฏไวเ้ ราจงึ จะไป…”
นกั เรียนควรรู
79
จติ วทิ ยา เปนวทิ ยาศาสตรแขนง
หนงึ่ วาดวยปรากฏการณ พฤตกิ รรม
และกระบวนการของจิต สามารถใช
เปนเครอ่ื งมอื ในการดาํ เนนิ งานทาง
ยุทธศาสตรไ ด

คมู อื ครู 79


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)

ใหนักเรียนเปรยี บเทยี บคา นยิ มที่
ปรากฏในสามกกกับคา นิยมท่ปี รากฏ
ในสงั คมไทยวา เหมือนหรือแตกตา ง ๑.๓) ความสา� คญั ของนกั การทตู นกั การทตู มคี วามสา� คญั ในการชว่ ยราชการบา้ นเมอื ง
กนั อยา งไร โดยนกั เรยี นสามารถ แม้กระทั่งในยามศึกสงคราม ผู้ท่ีจะท�าหน้าท่ีทางการทูตต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มี
ยกตวั อยา งเปรยี บเทียบไดท้ังจาก โวหารทางการพูดเป็นเลิศ ดังเช่น เตียวเล้ียวท่ีสามารถโน้มน้าวใจให้กวนอูยอมรับราชการกับ
วรรณคดี นทิ าน สํานวน สุภาษิต โจโฉไดเ้ ปน็ ผลส�าเร็จ
ขา ว หรอื เหตกุ ารณท ีน่ ักเรียนเคยพบ
พรอมนาํ เสนอหนาชัน้ เรยี น “...เตียวเล้ียวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพ่ีน้องร่วมสุขแล
(แนวตอบ คานยิ มทป่ี รากฏใน ทุกขเ์ ปน็ ชวี ิตอนั เดยี วกัน... เม่อื ท่านตายเสยี แล้ว เลา่ ปีเ่ ตียวหยุ กจ็ ะตายดว้ ย ซึ่งทา่ นสาบานไวต้ ่อหนา้ กัน
สามกก กับคา นยิ มทปี่ รากฏใน กจ็ ะมเิ สยี ความสตั ยไ์ ปหรอื คนท้ังปวงก็จะล่วงนนิ ทาวา่ ความคดิ ทา่ นน้อย… เตียวเลยี้ วจึงวา่ มหาอุปราช
สงั คมไทยเหมือนกัน เชน คา นิยม ให้ทหารลอ้ มท่านไวเ้ ป็นอันมาก ถ้าท่านมิสมัครเขา้ ด้วยเห็นชวี ติ ทา่ นจะถงึ แกค่ วามตายหาประโยชน์มิได ้
เรื่องความกตญั ู การจงรกั ภกั ดี ขอให้ทา่ นอยูก่ ับมหาอปุ ราชกอ่ นเถดิ จะไดม้ ปี ระโยชน์สามประการ…”
ตอกษตั รยิ  ความซ่อื สัตย การรักษา
คําพดู เปน ตน เหมือนดังโคลง ๑.๔) พลังของความสามัคคีช่วยให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัยจากข้าศึกศัตรู ในการ
โลกนติ ใิ นบทท่ีวา ท�าสงครามถ้ามีความเป็นน�้าหน่ึงใจเดียวกันย่อมเกิดพลังในการต่อสู้ข้าศึก แต่หากขาดซึ่งความ
“เสียสนิ สงวนศักดไิ์ ว วงศห งส สามัคคแี ลว้ ยอ่ มเสยี ทีแก่ขา้ ศกึ โดยง่าย เชน่ การที่อ้วนเสีย้ วไม่ส่งทหารไปช่วยเล่าป่ี เป็นเหตหุ นงึ่
เสียศกั ด์ิสูประสงค สงิ่ รู ทที่ �าใหเ้ ลา่ ป่ีปราชัย หรอื การที่บิตก๊ บิฮอง กันหยง ท้ิงเมืองเพราะคดิ วา่ จะสูโ้ จโฉมิได้ และตันเต๋ง
เสียรเู รงดาํ รง คชพีวามมว สยัตมยรณไวาน”)า กลบั เปดิ ประตูรับโจโฉเปน็ เหตุให้โจโฉยดึ เมืองชจี ๋วิ ได้ง่าย
เสียสัตยอยา เสยี รู ๒) สะทอ้ นคา่ นยิ มในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนในสงั คม ดังนี้
๒.๑) ค่านิยมเร่ืองความซ่ือสัตย์ จากเรื่องสามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
เกรด็ แนะครู สะท้อนให้เหน็ ค่านยิ มความซอ่ื สตั ย์ไดเ้ ดน่ ชดั ทส่ี ุด ดงั ความวา่

ครแู นะเรอื่ งความซอื่ สตั ย “...โจโฉรดู้ งั นนั้ กเ็ กรงใจกวนอูว่ามคี วามสัตย์แลกตัญญตู ่อเล่าป่ี โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่
โดยยกเรอื่ ง กวนอมู ีความซ่อื สัตย ไปอยู่ ณ ตกึ สองหลงั มีชานกลาง กวนอจู ึงใหพ้ ่สี ะใภ้ทัง้ สองคนนน้ั อยตู่ ึกหน่ึง แล้วใหท้ หารทีแ่ กช่ ราอยู่
ตอภรรยาของเลาป ครูกระตนุ ให รกั ษาประมาณสิบคน ตัวน้นั อย่ตู กึ หนึง่ ระวังรกั ษาพ่ีสะใภท้ ัง้ สอง…”
นักเรียนอภปิ รายอยา งกวา งขวางวา
ตามธรรมชาตเิ มอ่ื ชายหญงิ อยดู ว ยกนั กวนอถู อื เปน็ ตวั ละครสา� คญั ทสี่ ะทอ้ นคา่ นยิ มเรอื่ งความซอ่ื สตั ย์ บทบาทและพฤตกิ รรม
ผคู นอาจมองในเชงิ ชสู าว เกดิ คาํ ครหา ของกวนอู ไมว่ า่ จะแสดงออกตอ่ ภรรยาของเลา่ ปห่ี รอื ตอ่ โจโฉกล็ ว้ นแตส่ นบั สนนุ คา่ นยิ มเรอื่ งความ
กลาวหาใสร า ย ทาํ ใหฝ า ยหญงิ เสอ่ื ม ซ่ือสตั ยท์ ั้งสนิ้
เสยี เกยี รตไิ ด การท่ีกวนอแู สดงความ
ซอื่ สัตย ยกยองใหเกยี รตทิ งั้ ตอ หนา ๒.๒) ค่านิยมความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เช่น การท่ีโจโฉส่งทหารไปล่อให้
และลบั หลงั จึงสามารถขจดั ขอ ครหา กวนอไู ลต่ ามออกมานอกเมืองและลอ้ มจับตัวกวนอูไว้ เตียวเลี้ยวทหารฝ่ายโจโฉซึง่ กวนอูเคยชว่ ย
เรือ่ งชสู าวได ชีวิตไว้เป็นผู้เข้าไปเกล้ียกล่อมกวนอูให้ไปอยู่กับโจโฉ กวนอูยอมจ�านนแต่ขอเงื่อนไขเป็นสัญญา
คือ ขอให้ได้เปน็ ขา้ ของพระเจา้ เหย้ี นเต้

80

80 คูมอื ครู


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

“...กวนอูจึงว่า เดมิ เราไดส้ าบานกันไว้กับเล่าปี ่ เตียวหยุ วา่ จะชว่ ยกนั ท�านบุ �ารงุ พระเจ้าเหย้ี นเต้ ขยายความเขาใจ
แลอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเราจะสมัครเข้าด้วยนั้น เราจะขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้
ประการหนงึ่ …” ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความ
คดิ เหน็ เกยี่ วกบั ความเชอ่ื เรอื่ งโชคลาง
๒.๓) ค่านยิ มความกตัญญรู ู้คณุ เชน่ ตอนทเ่ี ตยี วเล้ยี วกลา่ วถงึ ลักษณะนสิ ัยของกวนอู และความเชอ่ื เรอ่ื งความฝน ทปี่ รากฏ
ดังความวา่ ในเรอื่ ง แลวบนั ทึกความรูลงสมุด

“...อันน�้าใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีคุณแล้วจะเห็นเป็นเหมือนอิเยียง อันเล่าปี่กับกวนอูน้ันมิได้เป็น (แนวตอบ ความเชือ่ เรือ่ งโชคลาง
พน่ี อ้ งกัน ซงึ่ มคี วามรักกนั นัน้ เพราะได้สาบานตอ่ กนั เลา่ ป่ีเปน็ แต่ผู้น้อย เล้ียงกวนอไู มถ่ ึงขนาด กวนอู และความฝน มีมาต้ังแตอ ดตี จนถึง
ยังมนี ้�าใจกตญั ญตู ่อเล่าป่ ี จงึ คิดจะติดตามมิได้ท้ิงเสยี …” ปจจบุ นั ซง่ึ ลางรายและฝนราย
ยอมสรางความกงั วลเปน อยา งมาก
๓) สะทอ้ นเรอ่ื งความเชอ่ื ของคนในสงั คม ดงั นี้ ครคู วรชีแ้ นะใหน ักเรียนเหน็ เหตุและ
๓.๑) ความเช่ือในโชคลาง เช่น แมโ้ จโฉจะเปน็ แมท่ ัพทมี่ ีความสามารถในการรบเมื่อ ปจจยั ที่ทําใหเกิดขน้ึ วา ฝนหรือลาง
ยกทัพมาเกิดลมพายุพัดธงชัยหัก ก็ต้องพ่ึงค�าท�านายทายทัก จะเห็นได้ว่าเป็นเร่ืองส�าคัญของ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ยอมมเี หตผุ ลจงึ เปนเชน นั้น
การรบแบบโบราณทีต่ ้องถอื ฤกษย์ ามและโชคลาง ดงั ความวา่ การตีความวา เรอื่ งที่เกดิ ขนึ้ จะเปน
อยา งไรขนึ้ อยกู ับความเชอื่ และ
“...ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก ธงชัยซ่ึงปักมา พนื้ ฐานความคิดของแตละบุคคล แต
บนเกวยี นน้ันหกั ทบลง โจโฉเห็นวิปรติ ดังนัน้ กใ็ ห้หยดุ ทหารตั้งคา่ ยมนั่ ไว้ แล้วถามทป่ี รกึ ษาว่า ซง่ึ ลมพายุ นักเรียนควรตระหนักวา เมอื่ ฝน ราย
พดั มาถูกธงชยั เราหกั ลงทงั้ นี ้ จะเหน็ ดีแลรา้ ยประการใด ซุนฮกจงึ วา่ ซงึ่ เกดิ พายุใหญ่พดั ธงชัยหักทบลงมา หรือพบลางรา ยแลว อาจกลัวหรือ
น้นั เปน็ ลมตะวันออก เวลาค่�าวนั น้ีดรี า้ ยเล่าป่จี ะยกออกมาปล้นค่ายเราเป็นม่นั คง พอมอกายเขา้ มาว่าแก่ กังวลจนวติ กจริตและเกดิ เรอ่ื งรา ย
โจโฉวา่ ลมตะวันออกพัดมาถูกธงชัยหกั นนั้ ขา้ พเจ้าเหน็ ว่ากลางคนื วนั น้จี ะมีผมู้ าปล้นคา่ ย…” ขน้ึ จรงิ เพราะจิตกังวลและไมมีสมาธิ
ในการดาํ เนนิ ชวี ติ จนประสบเหตรุ า ย)
๓.๒) ความเช่ือในเรื่องความฝัน เช่น เม่ือนางบิฮูหยินและก�าฮูหยินเล่าความฝันของ
นางทีเ่ กีย่ วกับเลา่ ปใี่ หก้ วนอูฟัง กวนอกู ็เกดิ วิตก ดงั ความว่า เกรด็ แนะครู

“...นางก�าฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่ตกหลุมลง ครั้นตื่นข้ึนมาก็ตกใจจึงแก้ฝัน ครูใหค วามรเู พ่มิ เตมิ เกย่ี วกบั
นางบิฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้วพ่ีจึงร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังน้ัน พิเคราะห์ดูเห็นฝัน ความเชอ่ื เร่อื งความฝนวา
ผิดประหลาด สา� คญั วา่ เล่าปี่เป็นอันตรายกร็ ้องไห้ดว้ ย…” พระอรรถกถาแหง สุปน สตู ร
อธบิ ายเหตุของฝนไว 4 ประการ คอื
๓.๓) ความเช่ือเรอื่ งบุญกรรมทต่ี นได้กระทา� ไว้ สามก๊ก ตอน กวนอูไปรับราชการกบั
โจโฉ แสดงให้เหน็ ความเชือ่ เรื่องบญุ กรรมท่ีได้ทา� มา เช่น 1. ธาตุโขภะ คอื ธาตกุ ําเริบ
เพราะเจบ็ ปวย ไมสบายตวั
81
2. อนภุ ปู ุพพะ คือ เพราะเคยเปน
มากอ น ใจผูกพนั จงึ นาํ มาคดิ
และฝน

3. เทพสงั หรณ คอื เทวดาดลใจ
4. บุรพนิมิต คอื ลางบอกเหตุ

ลวงหนา

คมู อื ครู 81


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand Evaluate

Engage Explore Explain

ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%)

1. ครูใหน กั เรยี นศกึ ษาเปรยี บเทียบ “...แล้วว่าบัดนี้ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางก�าฮูหยินจึงว่าเวลา
ระหวา งเร่ืองสามกกกบั วรรณคดี คืนน้ีโจโฉเขา้ ในเมืองได้ พนี่ ี้เกรงอยวู่ ่าจะเป็นอนั ตรายตา่ งๆ เป็นเดชะบุญของเรา…”
ไทยเร่ืองอื่นทนี่ ักเรยี นศึกษามา
• สามกกและวรรณคดีไทย ๔) สะทอ้ นเกยี่ วกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณตี า่ งๆ ของสงั คมจนี ดงั น้ี
ท่เี คยศึกษามา มคี วามเช่ือ ๔.๑) การจดั เลีย้ ง การจดั เล้ยี งเปน็ เอกลกั ษณ์ของคนจนี ในสงั คมจนี ไม่ว่าจะในโอกาส
ทางดานการสงครามทเ่ี หมอื น แสดงความยินดี ตอ้ นรบั หรือขอบคณุ มักจะจัดอาหารเล้ียงกันเปน็ ประจ�าจนกลายเป็นประเพณีไป
หรือแตกตางกนั อยา งไร โดยปริยาย ดงั ความวา่
(แนวตอบ สามกกและวรรณคดี
ไทย มคี วามเชอื่ ทางการสงคราม “...อ้วนถ�าได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสารเป็นอันมาก ก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยง แล้วจัดแจงที่อยู่ให้เล่าปี่
เหมอื นกนั คอื เชอ่ื เรอื่ งโชคลาง อาศยั จึงแตง่ หนังสือบอกไปถึงบิดาตามค�าเล่าปใ่ี ห้มา้ ใชถ้ อื ไปกอ่ น…”
และฤกษย าม เชน เร่อื งลิลติ
ตะเลงพาย เปนตน) ๔.๒) การใหข้ องกา� นลั การใหข้ องก�านัลเปน็ สิง่ ทช่ี าวจนี นยิ มทา� กนั ในเกือบทกุ โอกาส
จากเร่อื งจะเห็นไดว้ ่า โจโฉใหเ้ ครื่องเงิน เครอื่ งทอง เส้ือผ้าดีๆ และให้ผ้าแพรขาวอย่างดีแก่กวนอู
2. นักเรียนแบงกลุมจดั ทํารายงาน เพอ่ื ท�าถุงใสห่ นวด การให้ของกา� นัลเชน่ นี้เปน็ กลวิธีหนึ่งทชี่ าวจีนนยิ มกระท�าเพอ่ื เป็นเคร่อื งผูกใจ
แลว นาํ เสนอหนาชั้นเรียน ดงั ความว่า

ตรวจสอบผล “...ครัน้ อยูม่ าวนั หนึ่ง โจโฉเชิญกวนอูมากินโตะ๊ เหน็ กวนอูห่มเสอ้ื ขาด โจโฉจึงเอาเสอื้ อยา่ งดีให้
กวนอู กวนอรู บั เอาเสื้อแล้ว จึงเอาเส้ือใหมน่ น้ั ใสช่ น้ั ใน เอาเสือ้ เกา่ นัน้ ใส่ชนั้ นอก…”
1. นกั เรียนเขยี นความเรยี งยอเรื่อง
สามกก ตอน กวนอูไปรบั ราชการ “...กวนอจู งึ ตอบวา่ หนวดของขา้ พเจา้ ประมาณหลายรอ้ ยเสน้ ครน้ั ถงึ เทศกาลหนาวกห็ ลน่ ไปบา้ ง
กับโจโฉ ดวยสาํ นวนของนักเรยี น ขา้ พเจา้ ท�าถุงใส่ไว้โจโฉไดฟ้ งั ดังนัน้ จงึ เอาแพรขาวอยา่ งดี ทา� ถงุ ให้กวนอูสา� หรับใสห่ นวด…”

2. นักเรียนนาํ คุณธรรมของตวั ละคร สามก๊กตอนท่ีเรยี นนี้เป็นตอนท่ีเน้นดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของตัวละคร เชน่ ความ
ทีน่ ักเรยี นประทับใจมานาํ เสนอใน จงรักภักดี ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู การยึดถือสัจจะ ซึ่งถือเป็นค่านิยมที่ทุกสังคมยกย่อง
รูปแบบอ่ืนๆ เชน นทิ าน การต นู เพยี งแตใ่ นแตล่ ะสงั คมใหค้ วามสา� คญั มากนอ้ ยตา่ งกนั สว่ นขอ้ คดิ และแนวคดิ ทไ่ี ดจ้ ากพฤตกิ รรม
รอ ยกรอง เปนตน พรอ มวาดภาพ ของตัวละครกเ็ ปน็ ลกั ษณะทสี่ งั คมยอมรบั และยงั คงทันสมัยอยู่เสมอ
ประกอบใหสวยงาม แลว รวบรวม
ผลงานจดั แสดงท่มี ุมแสดงผลงาน
ในช้นั เรยี น หรือในงานวิชาการ
ของโรงเรียน

3. นักเรียนตอบคาํ ถามประจําหนว ย
การเรียนรู แลวรายงานหนาช้ัน

82

82 คูมือครู


กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

Engage Explore Explain Expand Evaluate

เกรด็ แนะครู

คาำ ถามประจาำ หนว่ ยการเรยี นรู้ (แนวตอบ คําถามประจํา
หนว ยการเรยี นรู
๑. จากวรรณคดี เร่ือง สามก๊ก จงอธิบายคุณค่าทางวรรณคดีพอสังเขป 1. คณุ คา ทางวรรณคดี
พร้อมยกตัวอย่างประกอบตามหวั ขอ้ ต่อไปนี้ 1. 1 ดา นความรู ไดร บั ความรเู ร่ือง
๑.๑ ด้านความรู้ การตอ นรบั แขก การจัดเล้ียง
๑.๒ ดา้ นวรรณศิลป์ การแสดงการตอ นรบั การให
๑.๓ ดา้ นคณุ ธรรมและคติสอนใจ ของกาํ นัล และอุบายทาง
การเมอื งและการสงคราม
๒. นักเรียนเห็นดว้ ยหรือไม่กับค�ากล่าวท่วี ่า “สามก๊กมีเนื้อหาเกี่ยวกับกลยุทธ์และ 1.2 ดานวรรณศลิ ป
ชงิ ไหวพริบ ชงิ อ�านาจทางการเมอื ง” • การสรรคํา
- การเลือกใชคําตรงตาม
๓. จากเรื่องราวตา่ งๆ ในสามกก๊ นกั เรียนคดิ ว่าสามารถน�ามาใช้เป็นตวั อยา่ งกบั ความหมายท่ีตอ งการ
เหตกุ ารณป์ จั จบุ นั ได้หรือไม่ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด อธบิ ายพอเขา้ ใจ - การเลอื กใชคาํ ที่เหมาะสม
กบั เรือ่ งและฐานะของ
กิจกรรมสรา้ งสรรค์พฒั นาการเรยี นรู้ บคุ คล
เชน เขา ไปเฝา
๑. นักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ ๓- ๕ คน วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ตัวละครในวรรณคดี ทอดพระเนตร เสดจ็
เรือ่ งสามกก๊ ได้แก่ โจโฉ เลา่ ป่ี และกวนอู เปน ตน
• การใชโวหาร เชน อุปมา-
๒. นกั เรียนยกตัวอยา่ งบทประพันธ์ตอนทีน่ ักเรยี นชอบและประทับใจมากท่ีสดุ โวหาร และการใชส าํ นวน
พรอ้ มอธิบายเหตุผล เชน ไดใ หมล มื เกา ตตี วั ตาย
กอนไข
๓. นักเรยี นยกตวั อย่างคนไทยผทู้ �าความดี มีความรักและเสยี สละเพื่อชาติ ศาสนา 1.3 ดานคณุ ธรรมและคตสิ อนใจ
พระมหากษัตริย์ พรอ้ มอธิบายผลการปฏบิ ัติคุณงามความดปี ระกอบพอเขา้ ใจ สะทอ นใหเหน็ คุณธรรมเรือ่ ง
ความซอ่ื สตั ย ความกตญั ู
หแสลดักงฐผานลการเรียนรู เปนคณุ ธรรมท่ีสังคมยกยอง
และควรนาํ มาเปน คณุ ธรรม
1. การเขยี นความเรียงเรอื่ งยอ ประจําใจของทกุ คนในสังคม
2. บอกความหมายของคําศัพทแ ละสํานวนในเรอื่ ง 2. เห็นดวยกบั คาํ กลา วที่วา “สามกก
3. บอกขอ คดิ จากเร่อื งทีน่ ําไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั มีเน้ือหาเก่ยี วกบั กลยุทธแ ละชิง
4. การแสดงบทบาทสมมติ ไหวพริบ ชิงอํานาจทางการเมือง”
เพราะโดยจดุ ประสงคของการ
ประพันธเร่ืองสามกก เพอ่ื ใหเปน
ตําราสาํ หรับศึกษาอุบายการเมือง
83 และการสงคราม

3. สามารถนํามาใชเ ปน ตวั อยา งกบั
เหตุการณป จจบุ ันไดด ี เชน เรือ่ ง
ความกตญั ูรูค ุณ ความซอ่ื สัตย ผใู ดมคี วามกตญั ู
จะมแี ตค วามสขุ ความเจริญ เปนท่รี ักใครข องผูค นและ
หากมีความซ่อื สัตยจ ะเปนคนที่ไดรบั ความเชอื่ ถอื
ไววางใจ และเปน ท่นี บั ถอื ของคนท่ัวไป)

คูมือครู 83


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Engage

Explore Explain Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)

1. วิเคราะหว จิ ารณว รรณคดี
ตามหลกั การวจิ ารณเบื้องตน
เรือ่ งกาพยเหเ รือ
2. วเิ คราะหล กั ษณะเดน ของวรรณคดี
เรือ่ งกาพยเ หเรือเช่ือมโยงกบั การ
เรียนรวู ิถชี ีวติ ของสังคมในอดีต
3. วเิ คราะหแ ละประเมินคณุ คา
วรรณคดีเรอื่ งกาพยเหเ รอื
• ดานวรรณศิลป
• ดานสงั คมและวัฒนธรรม
4. สงั เคราะหขอคิดจากเรอื่ ง
กาพยเ หเรอื เพอื่ นาํ ไปประยกุ ต
ใชใ นชีวิตจริง
5. ทองจําและบอกคณุ คาบทอาขยาน
ตามทีก่ ําหนดและบทรอยกรองที่มี
คุณคาตามความสนใจ กาพยเ์ หเ่ รือ

พรรณนาถงึ รูปลักษณ์สวยงาม

กระตุนความสนใจ óหน่วยการเรียนรู้ท่ี แปลกตาและสมรรถนะของ
เรอื พระท่ีนง่ั และเรอื ล�าต่างๆ ที่ใช้
1. ครนู ําคลิปวดิ ีโอบันทกึ กระบวนเรือ กาพยเ์ หเ่ รอื ในกระบวนเห่เรอื ตลอดจนความสามคั คี
พยุหยาตราทางชลมารคเม่อื คร้ังที่ พรกั พร้อมของพลพายที่รว่ มกระบวน
ประเทศไทยเปน เจา ภาพจดั
การประชุมเอเปก พ.ศ. 2546
หรือเมื่อครง้ั เฉลิมฉลองการครอง
สิรริ าชสมบัตคิ รบ 60 ป ของ
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกา ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดช •  วเิ คราะห์และวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการ •  วิเคราะห์ วจิ ารณ ์ และประเมินคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรมเรื่อง 
มหาราช บรมนาถบพิตร พ.ศ. วจิ ารณ์เบ้ืองตน้  (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑) กาพยเ์ ห่เรอื
2549 ใหน กั เรยี นชม •  วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดเี ช่อื มโยงกับการเรยี นรู้ทาง
2. หลังจากชมคลิปวดิ ีโอแลว ครใู ห ประวัติศาสตร์และวถิ ชี วี ติ ของสงั คมในอดีต (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒)
นกั เรยี นเขียนแสดงความรสู ึกของ •  วเิ คราะห์และประเมินคณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ปข องวรรณคดแี ละ
นักเรยี นในฐานะเจาของสมบตั ิทาง วรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาต ิ
วฒั นธรรมของไทยผูหน่งึ ทง้ั ความ (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓)
รูสกึ ตอ รปู ขบวนและบทเหทีใ่ ช •  สังเคราะห์ขอ้ คิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนา� ไปประยุกต์ใช้
รวมทัง้ ทว งทํานอง เสยี งทีใ่ ชข ับเห ในชวี ติ จรงิ  (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔)
•  รวบรวมวรรณกรรมพน้ื บา้ นและอธิบายภมู ิปัญญาทางภาษา 
(ท ๕.๑ ม.๔-๖/๕)
•  ทอ่ งจา� และบอกคุณค่าบทอาขยานตามทก่ี �าหนดและบทร้อยกรองท่มี ีคุณค่า
ตามความสนใจและน�าไปใช้อา้ งอิง (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๖)

ดวยการตอบคําถาม
• บทเหมคี วามสาํ คัญตอกระบวน
พยุหยาตราทางชลมารคอยา งไร
(แนวตอบ บทเหม คี วามสาํ คัญ คือทาํ ใหเ กิดความพรอ มเพรียงของ
พลพาย รวมท้งั เกดิ ความเพลดิ เพลินคลายความเหนด็ เหนือ่ ยจาก
การออกแรงพายและการเดนิ ทาง)

84 คูมอื ครู


กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explore Explain Expand

Engage Evaluate

สาํ รวจคนหา

๑ ความเปนมา 1. ใหน ักเรยี นสบื คน ความเปน มา
และความสาํ คัญของประเพณี
  ประเพณีการเห่เรือ  นับได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยมาช้านาน  แม้ในปัจจุบัน การเหเ รือในกระบวนพยหุ ยาตรา-
ก็ยังถือว่าเป็นพระราชพิธีท่ีส�าคัญอย่างหน่ึง  การเห่เรือหลวงจะใช้กาพย์เห่เรือประกอบการเห่ใน ทางชลมารค
พระราชพิธีทางชลมารค  เช่น  ในการเสด็จพระราชด�าเนินถวายผ้าพระกฐิน  การเห่เรือส�าหรับ
พลพายในกระบวนเรอื เสดจ็  เพอื่ เปน็ เครอื่ งผอ่ นแรงและใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลนิ  ตลอดจนทา� ใหเ้ กดิ 2. ใหนักเรียนสืบคน ประวตั ิและ
จงั หวะพายพรอ้ มเพรียงกัน  ในสมัยกอ่ นเปน็ การฝกซ้อมกระบวนเรือเมือ่ บ้านเมอื งไม่มสี งคราม ผลงานของเจา ฟาธรรมธเิ บศร
  เดิมบทเห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นบทเห่เรือเล่นและเป็นบทเห่เรือที่เก่าแก่ที่สุดท่ียังหลง จากแหลง ความรตู างๆ เชน
เหลืออยู่  ทรงพระนิพนธ์เพ่ือใช้เป็นบทเห่เรือส่วนพระองค์  เมื่อคร้ังตามเสด็จสมเด็จพระเจ้า- หอ งสมดุ อนิ เทอรเ น็ต เปน ตน
อยู่หัวบรมโกศพระราชบิดาไปนมัสการพระพุทธบาท  จังหวัดสระบุรี  ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์
นา� มาเปน็ บทเหเ่ รอื หลวง การพายเรอื หลวงพลพายจะพายจงั หวะชา้ ซง่ึ แตกตา่ งจากการพายเหเ่ รอื อธบิ ายความรู
เล่น แต่ก็มีการใชส้ ญั ญาณใหเ้ กดิ ความพรอ้ มเพรียงเหมอื นกนั
  กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร  เป็นพระนิพนธ์ที่มีค่ายิ่งในวรรณคดีไทย  เพราะทรง 1. นกั เรียนแบง กลุม นาํ เสนอ
นิพนธ์กาพย์เห่เรือขึ้นเป็นพระองค์แรก  จึงถือว่าเป็นฉบับครู  และเป็นต้นแบบให้กวีในสมัยหลัง ความเปน มาของประเพณี
นิยมใช้ค�าประพันธ์ประเภทกาพย์เห่เรือตามแบบของพระองค์  เช่น  กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน  การเหเ รือ กระบวนพยุหยาตรา-
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  บทเห่พระราชนิพนธ์ในพระบาท- ทางชลมารค รวมทงั้ ประวัตแิ ละ
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ในวโรกาสทรงลอยพระประทีป  กาพย์เห่เรือพระราชนิพนธ์ใน ผลงานพระนิพนธใ นเจา ฟา -
ธรรมธเิ บศร
๒ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หวั  เปน็ ต้น
ประวัตผิ แู ตง 2. สรปุ ความรดู ว ยสาํ นวนภาษา
ของนักเรียนเอง

ขยายความเขาใจ

  กาพยเ์ หเ่ รอื ทจี่ ะศกึ ษาในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที  ี่ ๖ น ้ี เปน็ กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร นกั เรยี นยกผลงานวรรณคดเี รอ่ื งอนื่
หรือเจา้ ฟ้ากุง้  ซงึ่ เปน็ พระราชโอรสพระองค์แรกในสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ พระราชชนน ี คอื   ทเ่ี จาฟาธรรมธิเบศรทรงพระนิพนธ
พระพนั วสั สาใหญ ่  กรมหลวงอภยั นชุ ติ ผสู้ บื เชอ้ื สายจากตระกลู พราหมณเ์ พชรบรุ  ี  เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร และบนั ทกึ ความรูล งสมุด
ประสตู ิเม่อื   พ.ศ. ๒๒๔๘  เมื่อมีพระชนมายคุ รบ ๑๙ พรรษา ไดร้ ับการสถาปนาข้ึนเปน็ เจา้ ฟา้ กรม
ขุนเสนาพทิ กั ษ ์ ดว้ ยเหตุทีพ่ ระองคเ์ ป็นพระราชโอรสองคแ์ รก จึงมคี วามหวังที่จะไดข้ ึ้นเปน็ กษตั ริย์ (แนวตอบ ผลงานของเจา ฟา
สืบต่อจากพระราชบิดา  แต่ปรากฏว่าพระราชบิดามิใคร่จะโปรดปราน  แต่กลับเอาพระทัยสนิท ธรรมธิเบศร เชน กาพยห อ โคลง
เสนห่ ากรมขนุ สเุ รนทรพทิ กั ษผ์ เู้ ปน็ พระราชนดั ดามากกวา่  เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรทรงไมพ่ อพระทยั จงึ ประพาสธารทองแดง กาพยห อ โคลง
ใชพ้ ระแสงดาบฟนั กรมขนุ สเุ รนทรพทิ กั ษ ์ ขณะนนั้ บวชเปน็ พระภกิ ษอุ ย ู่ ทา� ใหส้ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั นริ าศธารโศก นนั โทปนันทสูตร-
บรมโกศทรงกริ้วมาก  พระราชชนนีจงึ ทรงจดั การให้เจา้ ฟ้าธรรมธิเบศรผนวชทวี่ ดั โคกแสงเพ่ือหนี คําหลวง พระมาลยั คําหลวง เปนตน )
ราชภัย เมอื่  พ.ศ. ๒๒๗๘
เกรด็ แนะครู

85 ครแู นะความรูเพิม่ เติมใหนักเรียน
เกีย่ วกับกาพยเ หเรือวา เปน ทํานอง
การรองหรอื ออกเสยี งขณะพายเรือ
เพ่อื ใหจ งั หวะฝพาย ทาํ ใหฝพ าย

เกิดความรื่นเริงและคลายความออนลาจากการเดนิ ทาง ทํานองการเหเ รือเรมิ่ จากทาํ นอง
ชาละวะเห ใชข ณะเรอื ออกจากทา มูลเหใ ชเม่อื เรอื เขาสูก ระแสนาํ้ และสวะเหใชข ณะเรือเขา
เทยี บทา ตามลาํ ดับ

คมู อื ครู 85


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explore Explain Expand

Engage Evaluate

สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%)

ใหน กั เรียนศึกษาฉันทลกั ษณ   พ.ศ. ๒๒๘๐ พระพนั วัสสาใหญ่ กรมหลวงอภยั นุชิตประชวรหนกั  ก่อนสิ้นพระชนมไ์ ดท้ ลู
ของกาพยเหเ รือในหนังสือเรยี น ขอพระราชทานอภัยโทษให้  ต่อมาเมื่อ พ.ศ.  ๒๒๘๔ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรลาสิกขาบท  พระราช-
แลว ศกึ ษาคนควาเพม่ิ เตมิ จากแหลง โกษาธบิ ดกี ราบบงั คมทลู พระกรณุ าขอใหเ้ ปน็ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
เรียนรูอ ่นื เชน หอ งสมุด ผเู ชี่ยวชาญ บรมโกศจึงทรงแต่งตั้งเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล  และแต่งต้ังให้เป็น
ในการเหเ รือ อนิ เทอรเนต็ เปนตน พระมหาอุปราชเสวยบวรราชสมบัติ  หน้าที่ที่ส�าคัญคือการท�านุบ�ารุงปฏิสังขรณ์พระอารามหลวง
แลวนักเรยี นจดบันทึกความรูลงสมุด หลายแห่ง  รวมท้ังการซ่อมสร้างวิหารวัดมงคลบพิตรซึ่งถูกอสุนีบาตผ่าตรงยอดมณฑป  ต่อมา
ใน พ.ศ. ๒๒๘๗ เกดิ เหตุการณไ์ ฟไหม้ในพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระราชวังบวรฯ กรม
อธิบายความรู ขนุ เสนาพิทักษ์ตอ้ งเสดจ็ เข้าไปประทับในพระราชวงั หลวง
  ในช่วงปลายแห่งพระชนมายุเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรถูกลงพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม ์
1. นักเรียนวิเคราะหฉ ันทลกั ษณ เมื่อ  พ.ศ.  ๒๒๙๘  โดยพงศาวดารกล่าวว่ามีผู้กราบบังคมทูลฟ้องว่าทรงเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์
กาพยเหเ รือ
• ฉนั ทลกั ษณมคี วามสาํ คญั ๓ และเจา้ ฟา้ นิม่  พระสนมในสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ
เหมาะสมกบั การนาํ ไปขับเหเ รอื ลกั ษณะคาํ ประพันธ์
อยางไร
(แนวตอบ กาพยเ หเ รอื ประกอบ   กาพย์เห่เรือของเจา้ ฟา้ ธรรมธิเบศร  มี  ๒  ตอน  ตอนแรก  กล่าวชมกระบวนเรอื   ชมปลา 
ดวยโคลงสีส่ ุภาพ และกาพย- ชมไม ้ ชมนก  และแทรกบทคร่า� ครวญถงึ นางอนั เปน็ ทร่ี กั   ตอนที่สอง  เป็นบทเห่เรยี กวา่   เห่กากี
ยานี 11 เนื้อความจากกาพยท่ี และเหส่ ังวาส ซง่ึ เป็นบทครา่� ครวญถงึ นางอันเป็นทร่ี กั เพียงอยา่ งเดยี ว 
แตงเทียบความจากโคลง กวี   ลักษณะการแต่งกาพย์เห่เรือประกอบด้วย  โคลงสี่สุภาพ  ๑  บท  ใช้เป็นบทน�ากระบวน
ตอ งพรรณนาความทม่ี ีในโคลง ความพรรณนาแต่ละตอน แล้วต่อด้วยกาพย์ยานี  ๑๑  ไม่จ�ากัดจ�านวนบทจนจบตอน  แล้วขึ้นต้น
ผูแ ตงตองมุง เนนใจความเปน ตอนใหม่ด้วยโคลงสี่สุภาพอีก  ๑  บท  ตามด้วยกาพย์ยานี  โดยเน้ือความในกาพย์ยานีบทแรกจะ
สาํ คัญ การสรรคาํ ท่ีมใี จความ
ตามตอ งการและมีลกั ษณะ ๔ เหมอื นเนอ้ื ความในโคลงแล้วขยายกวา้ งออกไปตรงกัน
ตรงตามฉันทลกั ษณทําให เรอ� งยอ
รปู แบบยากกวาปกติ ดว ยเหตนุ ี้
โคลงส่สี ภุ าพทแี่ ตง ในกาพย   กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร  ม ี ๒ ตอน ตอนท ่ี ๑ ชมกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค
หอโคลงจงึ ไมเ ครงครัดคาํ เอก ตงั้ แต ่ “พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรอื ตน้ งามเฉดิ ฉาย” ตอ่ จากชมกระบวนเรอื  วา่ ดว้ ยชมปลา ชมไม้
คําโทมากนัก) ชมนก เป็นลักษณะนิราศ  กาพย์เห่เรือน้ีเห็นได้ในส�านวนว่าเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงนิพนธ์ส�าหรับ
เหเ่ รอื พระทน่ี ่ังของพระองค์เองเมอ่ื คร้งั ตามเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทในเวลาเชา้   พอตกเยน็
2. ครสู มุ นกั เรยี น 2 - 3 คน มานาํ เสนอ ก็ถึงทา่ เจา้ สนุก 
หนา ชนั้ เรียน จากนนั้ ครูอธบิ าย
เพิ่มเติม นักเรียนบันทึกความรู
ลงสมดุ

ขยายความเขาใจ 86

ใหน กั เรยี นยกตัวอยา งบทประพันธ โคลงสีส่ ุภาพ นพคณุ พีเ่ อย กาพยย านี 11 หอมยห่ี รารสรอ นแรง
ประกอบและบอกดวยวา มาจาก เฉียบรอ น
เรื่องใด แกงไกม สั มนั่ เน้ือ พิศวาส หวังนา มสั มั่นแกงแกวตา แรงอยากใหใ ฝฝน หา)
หอมยี่หรา รสฉนุ อกใหห วนแสวง ชายใดไดก ลืนแกง
• นกั เรยี นคดิ วา ยงั มกี าพยเ หอ ะไร ชายใดบริโภคภุญช
อกี บางทม่ี ฉี นั ทลักษณเ หมอื น แรงอยากยอหัตถขอ น
กาพยเ หเ รือเจา ฟา ธรรมธิเบศร
(แนวตอบ ตัวอยางกาพยเ ห เชน
กาพยเหช มเครือ่ งคาวหวาน
พระราชนพิ นธในพระบาทสมเดจ็
พระพทุ ธเลิศหลา นภาลัย

86 คูมือครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain

Expand Evaluate

  ตอนท่ี  ๒  นั้นเป็นค�าสังวาสยกเรื่องพระยาครุฑลักพานางกากีมาท�าบทเห่กากีและบทเห่ กระตนุ ความสนใจ
สงั วาส ขนึ้ ตน้ ว่า “กางกรโอบอุ้มแกว้ เจ้างามแพร้วสบสรรพางค”์   แลว้ ว่าต่อไปเป็นกระบวนสังวาส
จนจบ แต่ในท่ีน้ีจะยกมาให้ศึกษาเพยี งบางตอนเทา่ น้ัน คอื  บทเห่ครวญ ซง่ึ เป็นบทพรรณนาความ ครกู ระตุน ความสนใจของนกั เรียน
ดวยคําถาม
๕ อาลัยรักอยา่ งลึกซ้ึง
เน้อื เร อ� ง • กาพยเ หเรอื มีลักษณะอยา งไร
(แนวตอบ กาพยเ หเ รอื ใชโ คลงสี่
กำพยเ์ หเ รอื สภุ าพและกาพยย านี 11 โดย
ข้ึนตนดว ยโคลงส่สี ุภาพ 1 บท
เห่ชมกระบวนเรอื ตามดว ยกาพยยานีกี่บทกไ็ ด
เนือ้ ความของกาพยบ ทแรก
โคลง จะเหมือนกับโคลง คือตองมี
เน้ือความเหมือนกนั แลว
ปางเสดจ็ ประเวศดา้ ว ชลาลัย ขยายความใหก วา งออกไป)

ทรงรตั นพิมานชยั ก่งิ แก้ว • นกั เรยี นคดิ วาเพราะเหตใุ ดจึง
ตอ งมีการขบั เหในกระบวนเรอื
พร่งั พร้อมพวกพลไกร แหนแห่ พยุหยาตราทางชลมารค
(แนวตอบ เพื่อใหเ กิดความ
เรือกระบวนตน้ แพร้ว เพริศพร้ิงพายทอง เพลดิ เพลนิ คลายความเหนอ่ื ยลา
ขณะเดินทางไปยังทตี่ า งๆ และ
กาพย์ ชว ยกาํ กบั จังหวะใหพ ลพาย
พายโดยพรอมเพรียงกนั )
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉดิ ฉาย

ก่งิ แก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยบั จับงามงอน

นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตวแ์ สนยากร

เรอื ริว้ ทิวธงสลอน สาครล่ันครั่นครน้ื ฟอง สํารวจคน หา

เรือครุฑยุดนาคหิว้ ลว่ิ ลอยมาพาผันผยอง ใหนักเรียนสืบคนการใชวรรณศิลป
ที่สงใหก าพยเหเรอื มีความไพเราะ
พลพายกรายพายทอง ร้องโหเ่ หโ่ อ้เห่มา
• กาพยเหเ รือใชว รรณศิลปใดบาง
สรมขุ มุขสี่ดา้ น เพียงพิมานผา่ นเมฆา (แนวตอบ วรรณศิลปทีใ่ ชใ น
กาพยเ หเ รือ ไดแ ก การใชโวหาร
ม่านกรองทองรจนา หลงั คาแดงแยง่ มังกร ตางๆ และการเลือกสรรคํา
ไดอยางไพเราะเหมาะสม
สมรรถชยั ไกรกาบแกว้ แสงแวววบั จบั สาคร การเลน คํา)

เรยี บเรียงเคยี งค่จู ร ด่งั ร่อนฟา้ มาแดนดนิ

สุวรรณหงส์ทรงพ่หู ้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธ์ุ

เพียงหงสท์ รงพรหมนิ ทร ์ ลินลาศเลอื่ นเตอื นตาชม

เรือชยั ไวว่องวงิ่ รวดเร็วจรงิ ยงิ่ อยา่ งลม

เสียงเส้าเร้าระดม หม่ ท้ายเยนิ่ เดินคู่กัน

อธิบายความรู

1. ครูแบง นักเรียนออกเปน 5 กลมุ
ศึกษาวรรณศิลปท ป่ี รากฏใน
87 กาพยเหเรือตอนตางๆ ดงั น้ี

• เหชมกระบวนเรอื
• เหช มปลา
• เหชมไม
• เหช มนก
• เหค รวญ
2. สง ตัวแทนมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น
พรอ มยกตัวอยางประกอบใหเ ห็น
ชดั เจน
คมู ือครู 87


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)

1. ใหน กั เรยี นศึกษาช่ือปลาท่ีปรากฏ คชสหี ท์ ผี าดเผน่ ดดู ังเปน็ เหน็ ขบขนั
ในเรื่อง ราชสีหท์ ียืนยนั ค่ันสองคดู่ ูยิ่งยง
• กวีนาํ ชือ่ ปลาในกาพยเหเ รือ เรอื ม้าหน้ามงุ่ น�้า แลน่ เฉอื่ ยฉ่�าลา� ระหง
มาใชเปรียบกับนางผเู ปนที่รกั เพียงม้าอาชาทรง องคพ์ ระพายผายผันผยอง
อยางไร ยกตวั อยางมาใหเ ห็น เรอื สงิ ห์ว่ิงเผ่นโผน โจนตามคลืน่ ฝนื ฝ่าฟอง
3 ตวั อยาง ดูย่ิงสงิ หล์ า� พอง เป็นแถวทอ่ งลอ่ งตามกนั
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยก นาคาหน้าดังเป็น ดเู ขมน้ เห็นขบขัน
ตัวอยางตามทไี่ ดศึกษา เชน มงั กรถอนพายพนั ทนั แขง่ หนา้ วาสกุ รี
1. ปลาแกม ชํ้า เปรยี บกบั แกม เลียงผาง่าเทา้ โผน เพยี งโจนไปในวารี
ของนางที่แดงระเรื่อเมอื่ ยาม นาวาหนา้ อินทรี มปี กี เหมอื นเล่อื นลอยโพยม
ถูกเชยชม ดนตรีมี่องึ อล กอ้ งกาหลพลแห่โหม
2. ปลาสรอย เปรียบกับสรอย โห่ฮกึ ครึกคร้นื โครม โสมนัสช่ืนรน่ื เรงิ พล
ของนางทีส่ วมใส กรธี าหมู่นาเวศ จากนคเรศโดยสาชล
3. ปลาหางไก เปรยี บกบั ผม เหิมหื่นชน่ื กระมล ยลมัจฉาสารพนั มี
ของนางที่ยาวประบา สลวย
เงางาม) เห่ชมปลา

2. จากการศึกษาวรรณศลิ ปใน โคลง
กาพยเหเรือ
• นกั เรียนคิดวา การเลน คาํ พิศพรรณปลาวา่ ยเคลา้ คลึงกัน
มีประโยชนตอการประพันธ
อยางไร ถวิลสดุ าดวงจนั ทร์ แจ่มหนา้
(แนวตอบ การเลนคาํ ทาํ ให
เกดิ เสยี งเสนาะไพเราะเสนาะหู มตั สยาย่อมพัวพัน พิศวาส
ผฟู ง สามารถถายทอดอารมณ
ความรูสกึ ไดล กึ ซ้ึงย่ิงข้ึน) ควรฤพรากน้องชา้ ชวดเคลา้ คลึงชม

กาพย์

พิศพรรณปลาว่ายเคลา้ คดิ ถึงเจา้ เศรา้ อารมณ์

มัตสยายงั รชู้ ม สมสาใจไม่พามา

นวลจันทรเ์ ป็นนวลจรงิ เจา้ งามพร้ิงยง่ิ นวลปลา

เกร็ดแนะครู คางเบอื นเบือนหน้ามา ไม่งามเทา่ เจ้าเบือนชาย

ครชู ใี้ หน กั เรยี นเหน็ วา การประพนั ธ เพียนทองงามดงั่ ทอง ไมเ่ หมอื นนอ้ งหม่ ตาดพราย
ในบทแรกของโคลงและกาพยม ี
คาํ เหมอื นกันแสดงใหเ ห็นความ กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม
สามารถของกวที ่สี ามารถเลอื กใชคํา
ไดเหมาะสม ฉนั ทลักษณข องกาพย แก้มช�้าชา้� ใครตอ้ ง อันแกม้ นอ้ งช้า� เพราะชม
และโคลงถูกตอง และมีคําเอกโท
ตามบงั คับของโคลง ปลาทกุ ทุกข์อกกรม เหมอื นทกุ ขพ์ ี่ทจี่ ากนาง

88

88 คูมือครู


กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain

Engage Explore Expand Evaluate

น้�าเงินคือเงนิ ยวง ขาวพรายช่วงสสี า� อาง อธบิ ายความรู
ไมเ่ ทียบเปรียบโฉมนาง งามเรอื งเรื่อเนื้อสองสี
ปลากรายวา่ ยเคยี งค ู่ เคลา้ กันอยดู่ ูงามดี ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายประเดน็
แตน่ างห่างเหนิ พ ่ี เห็นปลาเคลา้ เศรา้ ใจจร ตอไปนี้
หางไกว่ ่ายแหวกว่าย หางไกค่ ลา้ ยไมม่ หี งอน
คดิ อนงคอ์ งค์เอวอร ผมประบา่ อา่ เอี่ยมไร • ปลาทีก่ วีกลา วถึงในเรอ่ื งสมจริง
ปลาสรอ้ ยลอยล่องชล วา่ ยเวียนวนปนกันไป หรือไม เพราะเหตใุ ดจึงเปน
เหมอื นสรอ้ ยทรงทรามวัย ไมเ่ หน็ เจา้ เศรา้ บว่ าย เชนนนั้
เนอ้ื อ่อนออ่ นแตช่ อ่ื เน้อื นอ้ งอ่อนทั้งกาย (แนวตอบ ปลาท่ปี รากฏในเรอ่ื ง
ใครต้องขอ้ งจติ ชาย ไมว่ ายนึกตรกึ ตรึงทรวง หลายชนิดยงั มีใหเห็นอยตู าม
ปลาเสอื เหลอื ทีต่ า เลือ่ มแหลมกว่าปลาทั้งปวง ธรรมชาติ แตใ นเนอ้ื ความจะเหน็
เหมอื นตาสุดาดวง ดแู หลมลา้� ข�าเพราคม วา กวีพรรณนาท้ังปลานา้ํ จดื
แมลงภคู่ ู่เคียงว่าย เห็นคล้ายคล้ายนา่ เชยชม และปลาทะเล ซ่งึ แทจ รงิ ไมนา
คดิ ความยามเมอ่ื สม สนิทเคลา้ เจา้ เอวบาง เชอ่ื วา จะอยแู หลง เดยี วกันได
หวเี กศเพศชอ่ื ปลา คดิ สุดาอา่ องคน์ าง เม่ือกวพี รรณนาแลว ทาํ ใหเ กดิ
หวเี กลา้ เจ้าสระสาง เส้นเกศสลวยรวยกลิน่ หอม จนิ ตภาพไปยงั ปลาทอ่ี ยูตางที่
ชะแวงแฝงฝ่งแนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม กนั ได ถอื วา เปน อารมณ
เหมอื นพี่แอบแนบถนอม จอมสวาทนาฏบงั อร สนุ ทรียะของกวี)
พิศดหู มมู่ จั ฉา ว่ายแหวกมาในสาคร
คะนงึ นุชสุดสายสมร มาด้วยพี่จะดใี จ เกร็ดแนะครู

โคลง เห่ชมไม้ ครูควรหาภาพเรือตางๆ ในขบวน
พิธใี หน กั เรยี นดู เพ่ือศึกษาและ
เรือชายชมมิง่ ไม้ มพี รรณ พจิ ารณาความประณตี งดงามของเรอื
ริมท่าสาครคันธ์ กลิน่ เกลีย้ ง ไดอยา งใกลช ดิ อาจใชหนงั สอื เชน
เพล็ดดอกออกแกมกนั ชูช่อ สารานุกรม หนงั สอื ประมวลภาพ
หอมห่นื ร่ืนรสเพยี้ ง กลิน่ เนอื้ นวลนาง กระบวนเรือพระราชพิธี หรือภาพ
ในอนิ เทอรเ น็ต ท้ังน้ีภาพที่นํามาใหด ู
กาพย์ รมิ ทา่ ไสวหลากหลายพรรณ ควรมีภาพหมกู ระบวนเรือ เพ่อื ให
สง่ กล่ินเกลย้ี งเพยี งกลิน่ สมร นกั เรียนไดศ ึกษาการจดั กระบวนเรือ
เรือชายชมมิ่งไม้
เพล็ดดอกออกแกมกัน นักเรียนควรรู

เพล็ด มาจากคําวา เผลด็
หมายถึง ผลอิ อก งอกออก

89

คูมือครู 89


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)

ใหนักเรียนแสดงความคดิ เห็น ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแยม้ เกสร
เก่ียวกับบทเหช มไม คดิ ความยามบงั อร แยม้ โอษฐย์ ม้ิ พรมิ้ พรายงาม
จ�าปาหนาแนน่ เนอ่ื ง คล่ีกลบี เหลืองเรอื งอร่าม
• ในบทเหชมไมก วีใชกระบวน คดิ คะนึงถงึ นงราม ผิวเหลอื งกว่าจ�าปาทอง
พรรณนาอยางไรบาง ประยงคท์ รงพวงห้อย ระย้าย้อยหอ้ ยพวงกรอง
(แนวตอบ กวพี รรณนาลกั ษณะเดน เหมอื นอบุ ะนวลละออง เจา้ แขวนไว้ใหเ้ รยี มชม
ของพรรณไมแตละชนดิ โดย พุดจบี กลีบแสล้ม พิกลุ แกมแซมสุกรม
เทียบกับนางอันเปนท่รี กั ทาํ ให หอมชวยรวยตามลม เหมือนกลน่ิ น้องตอ้ งติดใจ
บทประพนั ธเ ปย มไปดว ยอารมณ สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
ความรูสึกรักใคร อาลัยคิดถงึ นึกนอ้ งกรองมาลยั วางใหพ้ ขี่ า้ งท่ีนอน
เชน เมอ่ื เหน็ ดอกจาํ ปาท่ีมี พกิ ุลบนุ นาคบาน กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
สีเหลืองกท็ ําใหนกึ ถึงนางผเู ปน แมน้ นุชสดุ สายสมร เหน็ จะวอนออ้ นพ่ีชาย
ท่รี ักท่มี ีผวิ เหลอื งนวลกวา จาํ ปา เต็งแต้วแกว้ กาหลง บานบษุ บงสง่ กล่นิ อาย
ซงึ่ ในสมยั กอ นผหู ญงิ ทม่ี ผี วิ เหลอื ง หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกล่นิ ผา้ เจา้ ตาตรู
นวลจะเปนทีน่ ิยมชมชอบ) มะลวิ ลั ย์พันจิกจวง ดอกเปน็ พวงรว่ งเรณู
หอมมานา่ เอน็ ดู ชชู ื่นจิตคดิ วนดิ า
ขยายความเขา ใจ ลา� ดวนหวนหอมตรลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิน่ บุหงา ร�าไปเจ้าเศรา้ ถึงนาง
ใหน กั เรยี นพิจารณาวา ในบทเห รวยรนิ กล่นิ ร�าเพย คดิ พเี่ คยเชยกล่นิ ปราง
ชมไมม ีพรรณไมอะไรบา งทีน่ กั เรียน นงั่ แนบแอบเอวบาง หอ่ นแหห่างวา่ งเวน้ วนั
รูจ ัก จากนั้นใหนักเรยี นบันทกึ ลงใน ชมดวงพวงมาล ี ศรเี สาวภาคย์หลากหลายพรรณ
สมดุ สง ครู วนดิ ามาดว้ ยกัน จะอ้อนพช่ี ้ีชมเชย

(แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย เห่ชมนก
ขึน้ อยูกบั ประสบการณของนักเรยี น
แตละคน แตค รูชว ยตรวจสอบวา โคลง
พรรณไมทีน่ ักเรียนยกมานน้ั ปรากฏ
ในบทประพนั ธจ รงิ หรอื ไม)

รอนรอนสรุ ิยโอ ้ อัสดง
เรื่อยเรอ่ื ยลับเมรลุ ง ค่�าแล้ว
รอนรอนจิตจา� นง นุชพ่ี เพียงแม่
เกรด็ แนะครู เรื่อยเรอ่ื ยเรียมคอยแก้ว คลบั คลา้ ยเรียมเหลยี ว

“รอนรอนสรุ ยิ โอ อสั ดง กาพย์
เรอื่ ยเรอ่ื ยลบั เมรลุ ง คาํ่ แลว
รอนรอนจติ จาํ นง นชุ พ่ี เพยี งแม เร่ือยเรือ่ ยมารอนรอน ทพิ ากรจะตกต่�า
เรอื่ ยเรอ่ื ยเรยี มคอยแกว คลบั คลา ยเรยี มเหลยี ว” สนธยาจะใกล้คา�่ คา� นงึ หน้าเจา้ ตาตรู

ครูยกโคลงบทนี้เพอื่ เปนตวั อยา ง 90
ของโคลงกลบท โดยใชก ลบทธงนําร้ิว
คือ กลบทท่บี งั คบั ใหมคี าํ ซํ้าหนง่ึ คูอยู
ที่ตน วรรค

นักเรยี นควรรู NET ขอ สอบ ป 53

คลา ยกลิ่นผา เจา ตาตรู สะทอนใหเห็น ขอสอบโจทยถ ามวา ขอใดแสดงความรูสกึ คิดถงึ
วฒั นธรรมการอบร่าํ ผา นงุ หม ของหญิงสาวในอดีต
1. ประยงคทรงพวงหอ ย ระยายอยหอยพวงกรอง 3. มะลวิ ัลยพันจกิ จวง ดอกเปน พวงรวงเรณู
90 คูมอื ครู 2. แขกเตาเคลา คูเคียง เรียงจบั ไมไ ซปก หาง 4. นางนวลนวลนารัก ไมนวลพกั ตรเหมือนทรามสงวน

(วิเคราะหคาํ ตอบ บทประพนั ธแ ตละบทน้นั กวีไดพ รรณนาลักษณะเดนของสตั วแ ละพรรณไมต า งๆ
ท่ีพบเห็น ขอ ท่กี วีกลา วเปรยี บพรรณนาถงึ คนรกั แสดงวากวตี องการแสดงความรสู กึ คดิ ถึง ตอบขอ 4)


กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Explain Expand

Engage Explore Evaluate

อธบิ ายความรู

เรื่อยเร่ือยมาเรียงเรยี ง นกบนิ เฉียงไปท้ังหมู่ ใหนกั เรยี นเลอื กบทประพนั ธที่
ตวั เดยี วมาพลดั ค่ ู เหมือนพี่อยู่ผู้เดยี วดาย นักเรียนประทับใจมาอยา งนอย
เห็นฝงู ยูงร�าฟ้อน คดิ บงั อรรอ่ นร�ากราย คนละ 2 บท พรอมอธบิ ายเหตผุ ล
สรอ้ ยทองย่องเยื้องชาย เหมือนสายสวาทนาดนวยจร แลว วิเคราะหว รรณศิลปท่ปี รากฏ
สาลกิ ามาตามค่ ู ชมกันอย่สู ู่สมสมร
แตพ่ ่ีน้ีอาวรณ์ หอ่ นเหน็ เจา้ เศรา้ ใจครวญ (แนวตอบ ตัวอยางเชน
นางนวลนวลนา่ รัก ไม่นวลพักตร์เหมอื นทรามสงวน “ไกฟามาตัวเดยี ว
แกว้ พี่นีส้ ดุ นวล ดัง่ นางฟ้าหนา้ ใยยอง
นกแกว้ แจ้วแจม่ เสยี ง จับไมเ้ รยี งเคยี งคสู่ อง เดินทอ งเทย่ี วเลีย้ วเหลี่ยมเขา
เหมือนพีน่ ้ปี ระคอง รับขวัญนอ้ งต้องมือเบา เหมอื นพรากจากนงเยาว
ไก่ฟา้ มาตัวเดียว เดนิ ท่องเทีย่ วเลี้ยวเหล่ยี มเขา เปลา ใจเปลีย่ วเหลยี วหานาง”
เหมอื นพรากจากนงเยาว ์ เปล่าใจเปล่ียวเหลยี วหานาง กวเี ลือกสรรถอยคํา ทาํ ใหเขา
แขกเตา้ เคลา้ คเู่ คยี ง เรยี งจับไม้ไซ้ปีกหาง ถึงอารมณของผทู มี่ คี วามรักและ
เรยี มคะนงึ ถงึ เอวบาง เคยแนบขา้ งรา้ งแรมนาน ประจักษถ งึ ความรกั ความผกู พัน
ดุเหว่าเจ่าจบั รอ้ ง สนนั่ กอ้ งซอ้ งเสยี งหวาน
ไพเราะเพราะกงั วาน ปานเสียงน้องรอ้ งส่ังชาย “นวลจนั ทรเ ปน นวลจรงิ
โนรีสปี านชาด เหมือนชา่ งฉลาดวาดแต้มลาย เจางามพริ้งยง่ิ นวลปลา
ไม่เทา่ เจ้าโฉมฉาย หม่ ตาดพรายกรายกรมา คางเบอื นเบอื นหนา มา
สตั วาน่าเอ็นด ู คอยหาคอู่ ยูเ่ อกา ไมง ามเทา เจา เบือนชาย”
กวีใชค ําโดยคาํ นึงถึงเสียง โดย
ใชคําซํา้ มาเรียบเรียงทําใหเ กิดเสยี ง
ไพเราะ เพมิ่ ความพิศวง นาฟง
ทาํ ใหสะเทือนอารมณ เปนตน)

เหมอื นพีท่ ี่จากมา ครวญหาเจา้ เศร้าเสียใจ
ปก ษมี ีหลายพรรณ บา้ งชมกันขันเพรยี กไพร
ยงิ่ ฟงวงั เวงใจ ล้วนหลายหลากมากภาษา ขยายความเขา ใจ

โคลง เห่ครวญ นักเรียนประพันธก าพยหอ โคลง
ทมี่ ีเนอ้ื หาเปนบทชมธรรมชาติ
เสียงสรวลระร่ีน้ ี เสยี งใด ชมเมือง หรอื ชมโรงเรยี นของ
เสยี งนชุ พี่ ใคร ใครร่ ู้ นักเรยี นเอง อยางนอ ยคนละ 2 บท
เสียงสรวลเสยี งทรามวัย นชุ พ ่ี มาแม่ โดยนาํ วรรณศิลปท ี่ไดเรียนรูจากเรือ่ ง
มาใชดว ย

เสียงบงั อรสมรผู้ อ่นื นนั้ มี

กาพย์

เสียงสรวลระร่ีนี ้ เสียงแกว้ พหี่ รือเสยี งใคร เกร็ดแนะครู
เสียงสรวลเสียงทรามวยั สุดสายใจพ่ีตามมา
ครูแนะนาํ นกั เรียนวา กาพยเ หเ รือ
91 กวีพรรณนาความคิดถึงนางอันเปน
ท่รี ักโดยแสดงใหเหน็ วา กวีคิดถึงรูป
กล่ิน เสียง กายสมั ผสั ของนางอนั เปน
ทีร่ ัก ซึ่งสง่ิ ท่ีกลาวมานั้น เปนรปู ธรรม
นกั เรียนควรรู ทกี่ วสี ามารถนาํ มาประพนั ธใ หผ ูอานเกิดจนิ ตภาพตามไดง าย ครู
ควรแนะนาํ นกั เรยี นซึง่ อยใู นวัยรนุ วา การระลกึ ถงึ คนรักหรือนาง
ตาด ช่ือผา ชนดิ หนึ่ง ทอดวยไหมควบกับเงินแลง หรือทองแลงจาํ นวนเทา กนั อันเปนท่รี กั น้นั โดยแทจ รงิ แลว ควรระลกึ ถึงความดีงาม กิริยา
ซง่ึ เงินแลง ทองแลง คือ การเอาเงินหรือทองมารดี เปนเสนบางๆ ใชท อผา มารยาท และควรระลึกถึงกนั อยา งใหเ กยี รติสมกบั ทีเ่ ปน สุภาพ-
บรุ ุษและสภุ าพสตรี

คูม อื ครู 91


กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล

Expand

Engage Explore Explain Evaluate

ขยายความเขาใจ ลมชวยรวยกลิ่นนอ้ ง (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
เคลือบเคลน้ เห็นคลา้ ยมา
นกั เรยี นเลือกบทประพนั ธท่ี ยามสองฆ้องยามย่า� หอมเรื่อยตอ้ งคลองนาสา
ประทับใจมา 5 บท ถอดคาํ ประพันธ เสียงปี่มค่ี รวญเครง เหลยี วหาเจา้ เปล่าวงั เวง
ดว ยสาํ นวนภาษาของนักเรียนเอง ล่วงสามยามปลายแลว้ ทุกคนื คา�่ ย�า่ อกเอง
และทอ งจาํ บทประพนั ธท เ่ี ลือกมา มอ่ ยหลบั กลับบนั ดาล เหมอื นเรียมคร่�าร�่าครวญนาน
เพรางายวายเสพรส จนไกแ่ กว้ แวว่ ขันขาน
(แนวตอบ อิ่มทุกข์อมิ่ ชลนา ฝนเหน็ น้องตอ้ งตดิ ตา
“เรอ่ื ยเรื่อยมารอนรอน เวรามาทนั แลว้ แสนกา� สรดอดโอชา
ให้แคน้ แสนสุดทน อ่ิมโศกาหนา้ นองชล
ทพิ ากรจะตกต่ํา งามทรงวงด่ังวาด จงึ จ�าแคลว้ แก้วโกมล
สนธยาจะใกลค ํา่ งามพร้ิมยม้ิ แย้มพราย ทกุ ขถ์ ึงเจ้าเศร้าเสียดาย
คาํ นึงหนาเจาตาตรู แตเ่ ชา้ เท่าถงึ เย็น งามมารยาทนาดกรกราย
ชายใดในแผน่ ดิน งามค�าหวานลานใจถวลิ
เรื่อยเรื่อยมาเรยี งเรียง กล้า� กลืนเข็ญเป็นอาจณิ
นกบินเฉยี งไปท้งั หมู โคลง ไมเ่ หมือนพที่ ่ตี รอมใจ
ตัวเดยี วมาพลดั คู
เหมอื นพี่อยูผ ูเดยี วดาย เรียมทนทุกข์แต่เชา้ ถงึ เยน็
มาสู่สขุ คืนเขญ็ หมน่ ไหม้
เห็นฝงู ยงู ราํ ฟอ น ชายใดจากสมรเปน็ ทุกข์เท่า เรียมเลย
คิดบังอรรอนราํ กราย จากคู่วนั เดยี วได ้ ทกุ ข์ป้ิมปานปี
สรอยทองยอ งเย้ืองชาย
เหมอื นสายสวาทนาดนวยจร 92

สาลกิ ามาตามคู นักเรยี นควรรู นกั เรยี นควรรู
ชมกันอยสู สู มสมร
แตพ นี่ ีอ้ าวรณ ยามสองฆองยามยํา่ สะทอนใหเหน็ วถิ ีชีวติ ของคน เรยี ม มาจากภาษาเขมรเปน
หอนเห็นเจาเศรา ใจครวญ ในอดตี ท่มี ีการตฆี องถ่ีๆ หลายครงั้ เปน เครือ่ งบอกเวลา สรรพนามบรุ ษุ ที่ 1 ใชแ ทนผพู ูด
สําหรบั เปลีย่ นยาม โดยปกตเิ รยี กวา ยํา่ ฆอง ยํา่ ยาม ซ่งึ เปน ชายพูดกับหญิงท่ีรกั
นางนวลนวลนารัก หรือถาเวลาเชา เรยี กวา ยํ่ารุง เวลาค่าํ เรยี กวา ยํา่ คํ่า
ไมน วลพักตรเหมือนทรามสงวน
แกว พน่ี ี้สุดนวล
ดัง่ นางฟาหนาใยยอง”
ถอดคาํ ประพันธไ ดว า
ตอเน่อื งมาจนพระอาทิตยใ กลจ ะ
ตกเวลาโพลเ พลพ ลบคํา่ นกึ ถึงหนา
ของนางผูเปนที่รัก เหน็ นกบนิ เปน หมู
และมีนกอยูต ัวหนงึ่ บินอยูตัวเดยี ว
เปรียบเหมือนกวีทีอ่ ยแู ตผูเ ดยี ว เหน็
ฝูงนกยงู กาํ ลังราํ แพนทําใหนกึ ถงึ
นางกําลงั รา ยราํ เห็นนกสรอ ยทอง
เดนิ อยางไวท าทางเหมือนนางเดิน
เยือ้ งกราย นกสาลิกามากันเปนคแู ต
กวนี ม้ี าคนเดยี ว ไมเ หน็ หนา เจา แลว
เศรา เสียใจ นกนางนวลนารัก แต
ไมน วลเทาหนา ของนางท่ีแสนนวล
หนาเปน ยองใยเหมอื นกบั นางฟา )

92 คูมอื ครู


กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore

Explain Expand Evaluate

กระตุนความสนใจ

๖ คาํ ศพั ท บทเหช มกระบวนเรือ ครชู วนนักเรยี นสนทนาพดู คุย
เกยี่ วกบั คาํ ศัพทในบทเรียน
คาํ ศพั ท ความหมาย
• นักเรยี นรูความหมายของ
กาหล น. แตรงอน ว. เอะอะออื้ องึ เชน แตกตนื่ กนั กาหลอลหมา น คําศัพทมากนอยเพยี งใด
ไกรกาบแกว ชื่อเรอื พระทน่ี ัง่ สมัยอยธุ ยา สนั นิษฐานวาเรือไกรแกว จักรรตั น
เรอื พระท่ีน่ังในรชั กาลท่ี ๑ จะเลยี นแบบชอ่ื เรือไกรกาบแกว • นักเรียนคิดวา คําศัพทใ น
กรีฑา บทเรียนกาพยเหเ รือยาก
หรือไม ถา ยาก นักเรียนควรทาํ
กรธี า อยา งไรใหเ ขา ใจความหมาย
กง่ิ แกว ของคาํ เหลา นัน้
คชสหี 
กีฬาประเภทหนึ่ง มีประเภทลูและลาน การเลนสนุก การเลนสมพาส สาํ รวจคนหา
ชลาลยั การประลองยทุ ธ
ดาว
นาคา เคลอื่ น ยก เดนิ ทางเปน หมู เปน กระบวน 1. ใหนกั เรยี นหาเกมเกยี่ วกบั คาํ ศพั ท
นาวา ชื่อเรอื พระท่นี ัง่ (แนวตอบ เกมทน่ี กั เรยี นหามานัน้
ประเวศ เรอื ทมี่ ีโขนเรอื เปนรปู คชสีห ซึ่งเปน สตั วใ นนิยายมีรูปเหมือนราชสีห ควรเปน เกมที่นกั เรียนสนใจและ
พมิ าน แตม ีงวงเหมอื นชาง ใหค วามรเู กยี่ วกับคาํ ศพั ทใ น
โพยม หวงนํ้า บทเรยี น เชน ปรศิ นาคาํ ศัพทท่ี
มังกร แดน ประเทศ นาํ คาํ ศพั ทมาอธิบายความหมาย
งู ในท่ีนหี้ มายถงึ เรอื ที่มโี ขนเรอื เปนรปู นาคเกย่ี วพันกนั มากมาย หรอื การแสดงทาทางบอกใบ
ราชสหี  เรือ คาํ ศพั ทใ หเพือ่ นๆ ทาย)
เรือครุฑ การเขา มา การเขาถึง การเขา สู
เรอื ชยั วมิ าน 2. ใหน กั เรยี นคน หาคาํ ศพั ทท นี่ กั เรยี น
เรอื ตน ทองฟา อากาศ สนใจเพมิ่ เตมิ เพอ่ื นาํ มาแลกเปลยี่ น
เรอื มา สัตวในนิยายจีน คลา ยงู มขี า มปี ก บินได ในทน่ี ้ีหมายถึงเรือท่ีมโี ขนเรือ ความรกู ับเพ่อื นๆ
เปนรปู มังกร (แนวตอบ เชน คาํ วา พรหมนิ ทร
เปน การสรา งคาํ สมาสอยา งมีสนธิ
มาจากคําวา พรหม + อินทร)

พญาสงิ โต ในท่นี ้หี มายถงึ เรือท่มี ีโขนเรือเปน รปู ราชสีห บรู ณาการสอู าเซยี น
เรือทมี่ โี ขนเรือเปน รูปครุฑ

เปน เรอื สาํ หรบั ขา ราชการรกั ษาพระองค ลกั ษณะเรอื ไมใ หญม าก เบา เรว็ “เรือครฑุ ยุดนาคห้ิว

เรือหลวง ลิว่ ลอยมาพาผนั ผยอง
พลพายกรายพายทอง
เรอื ที่มโี ขนเรอื เปนรูปมา มา เปน พาหนะของพระพาย รอ งโหเ หโ อเหมา”

๙๓ จากบทเหชมกระบวนเรือของ
เจาฟา กุง ประกอบดวยคตดิ ้ังเดมิ
เกย่ี วกบั ครุฑ ซงึ่ เกดิ จากลกั ษณะ
โดยธรรมชาติของนกทีก่ ินงูเปน
อาหาร มนษุ ยไดนําแนวคดิ นมี้ าสรางเปนเรอ่ื งราวขึน้ ในวรรณคดีมหากาพยมหาภารตะในรูปของครุฑทเ่ี ปน
ศตั รกู ับนาค และไดสืบทอดมาแสดงเปน รปู แบบทางศิลปะในรูปของ “ครุฑยดุ นาค” คติเกี่ยวกบั ครุฑและนาคนี้
เปน คติแรกทป่ี รากฏในศิลปกรรมแบบเขมรในประเทศไทย ซึ่งรบั รูปแบบทางศลิ ปะตอ เน่อื งมาจากศลิ ปะเขมร
ในราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๒ และ มีสืบตอ มาโดยตลอด แสดงใหเ หน็ เอกลกั ษณทางศิลปวฒั นธรรมรวมกันของ
ประเทศในอาเซียน คอื กมั พูชาและไทย ในฐานะท่ีเปน ผมู สี ว นสรางและสบื ทอดวฒั นธรรมอันเปนมรดกอาเซียน
ใหเ กิดความรสู กึ ภาคภูมใิ จรว มกนั โดยไมจาํ เปนตองมคี วามขดั แยง
คูม อื ครู 93


Click to View FlipBook Version