กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
1. นกั เรียนอธิบายความหมายของ คาํ ศพั ท ความหมาย
คาํ ศพั ททจ่ี บั สลากได
เรือสงิ ห เรือทมี่ โี ขนเรือเปน รูปสงิ ห (ราชสีห)
2. บันทึกคําศพั ทและความหมาย เรืออินทรี เรือท่ีมโี ขนเรือเปนรูปนกอนิ ทรี
ลงสมุด เลียงผา สัตวจําพวกเน้อื ชนิดหนึ่ง ในทีน่ ห้ี มายถึงเรอื ทม่ี โี ขนเรือเปนรปู เลยี งผา
(แนวตอบ เชน วาสกุ รี พญานาค ในทีน่ ีห้ มายถงึ เรอื ที่มีโขนเรือเปนรูปพญานาค
เย่ิน หมายถงึ มีระยะยาว สมรรถชยั เรอื ศรีสมรรถชยั เปน เรอื พระทีน่ ่ัง
หรือนาน สรมขุ เรือตน หรือเรือกงิ่ ท่มี กี ารประดบั ประดาอยางสวยงาม
ยืดออกไป สาคร ทองนาํ้ แมนาํ้ ทะเล
นาเวศ หมายถึง เรือ สวุ รรณหงส ชอื่ เรอื พระทนี่ งั่ มโี ขนเรอื เปน รปู หงส หงสเ ปน พาหนะทรงของพระพรหม
กาํ สรด หมายถึง สลด แหง เศรา โสมนสั ความสุขใจ ความปลาบปลื้ม ความเบกิ บาน
อสั ดง หมายถงึ ตกไป (ใชก บั
พระอาทติ ย) คาํ ศพั ท บทเหชมปลา
อาจิณ หมายถงึ เสมอๆ เนืองๆ
ใยยอง หมายถงึ งามผดุ ผอง กระแห ความหมาย
งามสกุ ใส) กราย
ปลาตะเพียนจําพวกหนง่ึ
นักเรียนควรรู แกม ชาํ้ ชื่อปลานํ้าจืดชนิดหน่ึง ลักษณะคอนขางแบนมาก ครีบหางติดกับ
ครีบทองคลา ยกับปลาสลาด มีเกล็ดเล็กๆ ปากบนยาวเกินนยั นต า มีจุด
ชะวาด เปนปลาทีอ่ ยรู วมกัน ดําๆ เรียงแถวไปตามครีบท้ังสองดาน บางทีเรียกวา ตองกราย หรือ
เปนกลุม ประมาณกลมุ ละสบิ ตัว หางแพน
รปู รางคลา ยปลาสวาย แตมขี นาด ชอ่ื ปลานา้ํ จดื ชนดิ หนง่ึ รปู รา งคลา ยปลาตะเพยี น แตล าํ ตวั เรยี วกวา หวั สน้ั
เล็ก ลาํ ตัวยาวเรียวและมีหนวดยาว แกม ทั้งสองขางเปนสแี ดงชาํ้ พื้นครบี หางสีแดง รมิ ดํา
โดยเฉพาะหนวดคทู ีม่ ุมปาก ปลาย
หนวดยาวเลยฐานของครบี ทอง คางเบือน ช่อื ปลาน้ําจืดไมม เี กล็ดชนิดหน่ึง คลา ยปลาคาวแตเ ล็กกวา ปากเชิดขน้ึ
ชอบหากินอยตู ามผวิ นาํ้ วายน้ําได จะงอยปากสั้น ครีบหลังเลก็ ครบี อกใหญ บางทเี รยี กวา ปลาเบีย้ ว หรือ
รวดเรว็ และปราดเปรียว ลําตวั มี ชะวาด ขบ หรอื อา ยเบย้ี ว
สีขาว ดานสันหลัง เปนสีเทาคลาํ้ ชะแวง
ครบี หางมแี ถบสดี ํา ตัวผแู ละตัวเมยี ช่ือปลานาํ้ จดื
มีลกั ษณะภายนอกเหมอื นกนั ชอ่ื ปลานา้ํ จดื
นักเรียนควรรู ๙๔
ชะแวง เปนปลาน้าํ จืดท่ไี มมีเกลด็
ขนาดเลก็ ลาํ ตวั คอ นขา งกลมและยาว
หวั คอ นขา งเลก็ ปากทู มหี นวด 4 คู ครีบหลงั ปลายยาวเปน กระโดงสูง ครบี หมู กี า นเดย่ี ว
แขง็ และแหลมคมขางละอนั ครบี ไขมนั ใหญแ ละยาว แพนครบี หางอนั บนมีปลายยาวเรยี ว
เปน รยางค ลาํ ตัวสว นบนมสี ีเทาอมฟา ดา นหลงั เขม และสคี อ นจางลงถึงบริเวณทองจะเปน
สคี รมี หรือสขี าว
94 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย อธิบายความรู
ตะเพยี น ช่ือปลาน�้าจืดชนิดหนึ่ง หนวดส้ัน เกล็ดสีขาวเงิน ขอบเรียบ ล�าตัว ใหนกั เรยี นรว มกนั สงั เคราะห
ส้ันป้อม แบนข้าง เช่น ตะเพียนขาว ตะเพียนทอง ตะเพียนหางแดง ประโยชนท่ีไดร บั จากการศึกษา
ตาด หรอื กระแห บางชนดิ ลา� ตวั เรียว เชน่ ตะเพียนทราย แต่ชอ่ื ตะเพยี นทอง คาํ ศัพทในกาพยเหเ รือเจา ฟา-
ถวิล มีความหมายอีกอยา่ งหนงึ่ คอื หมายถงึ ปลาฉลามขนาดใหญ ่ บางทเี รียก ธรรมธิเบศร โดยเขยี นเปนความเรียง
ทกุ ฉลามเสอื หรอื พมิ พา เป็นปลาท่ีดรุ ้ายมาก ความยาวไมน อ ยกวา ครงึ่ หนา กระดาษ
ผ้าทอดว้ ยไหมควบเงนิ แล่งหรอื ทองแล่งจ�านวนเทา่ กนั
นวลจันทร์ คดิ คิดถงึ (แนวตอบ ตอบไดห ลากหลาย
ช่ือปลาน้�าจืดชนิดหน่ึง ไม่มีเกล็ด หัวแหลม หนวดยาว ปากกว้าง เชน ทาํ ใหไ ดรจู ักพนั ธปุ ลา พนั ธนุ ก
น�้าเงนิ ฟันแหลมคม แบนข้าง ตัวเรียวยาวไปทางหาง ตัวและครีบสีด�าคล้�า พนั ธไุ มตางๆ ซงึ่ สามารถจําแนก
เน้อื อ่อน บางทีเรยี กว่า ปลาคา้ วด�า คนู อซี ุก อีทุก หรอื อีทบุ แยกแยะหมวดหมไู ด เปนประโยชน
ชื่อปลาน�้าจืดชนิดหน่ึง ล�าตัวเรียวยาว แบนข้าง ตาเล็ก ปากอยู่ต�่า สําหรับการหาซอื้ เพอ่ื นํามาใชต าม
แปบ ที่ปลายหัว ไม่มีหนวด เกล็ดเล็ก ตัวด้านหลังสีน�้าตาลเทา ท้องสีขาว วตั ถุประสงคท ต่ี องการ หรอื ให
พศิ ปลายครบี หลงั และครีบท้องสีชมพ ู อาศัยตามล�าน้า� ทั่วไป ความรูแกผูอ ื่นได)
พศิ วาส
มัตสยา ชื่อปลาน้�าจืดชนดิ หน่ึง บางทีเรียก ปลาแดง หรอื ปลาเนอื้ อ่อน ขยายความเขา ใจ
สรอ้ ย ปลานา้� จดื ไม่มีเกลด็ มฟี นั เล็กแหลมคม ล�าตัวแบนขา้ ง ทอ้ งเป็นสเี งิน
เสอื อาจมีหรือไมม่ ีครบี หลงั กไ็ ด้ เรียกช่อื ตา่ งๆ กนั หลายชอื่ เช่น ปลาแดง ใหนกั เรียนพจิ ารณาชือ่ ปลาตา งๆ
ปลาเกด ปีกไก่ นาง ชะโอน โอน น้า� เงิน หนา้ สน้ั สยุมพร หรอื เซือม ในคําศัพทบ ทเหชมปลา
ปลาน�้าจืด ล�าตัวแบนข้าง สันท้องคม ไม่มีหนวด มีหลายชนิด เช่น
ปลาแปบขาว ปลาแปบท้องพลุ • นกั เรียนคดิ วา ในขณะท่ีกวีอยู
ก. เพ่งดู ดูโดยเจาะจง ว. ย่ีสบิ บนเรือจะเห็นตวั ปลาใน
รักใคร ่ เสน่หา นา้ํ จริงๆ หรือไม หรอื กวี
หรอื มัจฉา หมายถึง ปลา จนิ ตนาการปลาตางๆ ขึน้ เอง
ชื่อปลาน้�าจืดชนิดหน่ึง ล�าตัวสีขาวเงิน มีจุดคล�้าหรือจุดด�าบนเกล็ด (แนวตอบ อาจจะเห็นหรอื
จนเหน็ เป็นเสน้ สายหลายแถบพาดตามยาวอยขู่ า้ งตวั ไมเ ห็นขึ้นอยูกบั เหตุผลของ
ช่ือปลาทะเลหรือปลาน้�ากร่อย รูปร่างส้ัน แบนข้างและกว้าง หัวทู่ นักเรยี น เชน เหน็ ตัวปลาจรงิ
ปากเล็ก เกล็ดเลก็ พน้ื ลา� ตวั มสี ีต่างๆ กนั เช่น เขียว เทา น้า� ตาล ลา� ตัว เพราะแตกอ นปลามีจํานวนมาก
ครง่ึ บนสเี ขม้ มแี ถบดา� พาดขวาง ดา้ นลา่ งมจี ดุ ทวั่ ตวั ครบี สเี หลอื งออ่ นปน กอนจะลดจาํ นวนลงเรอื่ ยๆ
เทา อาศัยทง้ั ในน้�าจดื และในทะเล บางทีเรยี กว่า ปลาตะกรบั หรือกระทะ ตามจํานวนประชากรทเี่ พิม่ ขึน้
และสภาพแมนา้ํ ก็ใสสะอาดเหน็
ตวั ปลาได หรอื ตามจนิ ตนาการ
ของกวี เหน็ ไดจ ากทชี่ อ่ื ปลา
ตา งๆ มีสมั ผัสคลอ งจองตาม
ฉนั ทลกั ษณ เปนตน )
95
คมู ือครู 95
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบับนกั เรียน 20%)
ใหนักเรียนนาํ คําศัพททส่ี นใจ คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
อยา งนอย 2 คาํ มาแตง บทประพนั ธ
ประเภทกาพยเ หเ รือคนละ 2 บท หวีเกศ หรือเกด เปน็ ชอ่ื ปลาชนดิ หน่ึง ไมม่ เี กล็ด เปน็ พวกปลาเน้อื ออ่ น ลา� ตัวใส
โดยเนอื้ ความแตงตามความสนใจ หวั ท่ ู มีหนวดสองคู ่ ไม่มคี รบี หลัง บางทีเรียกวา่ ปกี ไก่ หรอื นาง อกี ชนิด
ของนักเรียน หางไก่ หน่งึ หนวดสน้ั บางทีเรียกวา่ ปลาแดง ปลาเซือม หรือละงว่ั
ชื่อปลาทะเลชนิดหนง่ึ ล�าตัวแบนขา้ ง ปลายปากถงึ ครีบหลังกว้างเป็นรปู
นักเรยี นควรรู คำ� ศพั ท์ สามเหลี่ยม เกล็ดเลก็ หลุดง่าย กา้ นครีบอกยืดยาวคล้ายหนวด
กาหลง เปนดอกไมประจาํ กาหลง บทเหช่ มไม้
จงั หวัดสตูล กาหลงมชี ่ือพนื้ เมอื ง ควำมหมำย
อ่นื ๆ อกี เชน มลายู-นราธวิ าส แกว้
เรยี ก กาแจะกูโด ภาคกลางเรียก ช่อื ไม้พุ่มเตีย้ ใบคลา้ ยรปู หวั ใจ ดอกคลา้ ยดอกชงโค แตส่ ีขาว ไมม่ ีกลน่ิ
สม เสย้ี ว และภาคเหนือเรียก จวง เปน็ ไมต้ ระกลู เดยี วกนั ลกั ษณะดอกคลา้ ยกนั แตส่ เี หลอื งเรยี กวา่ โยทะกา
เสีย้ วนอย เปนตน จา� ปา ถ้าดอกสีชมพอู มม่วง คล้ายดอกกลว้ ยไม ้ เรียกวา่ ชงโค
จิก ช่ือไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดกลางชนิดหนึ่ง ข้ึนตามป่าดิบ ก่ิงก้านสีขาว
นกั เรียนควรรู เตง็ ใบเขียวเป็นมัน ดอกสขี าวมกี ลน่ิ หอม เนือ้ ไมแ้ ขง็ เหนียว มีลาย ใชท้ �า
แต้ว ด้ามมดี
บุนนาค เปน พืชสมนุ ไพร นางแย้ม ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง เปลือกและรากมีกล่ินหอมคล้ายการบูร
สวนประกอบตา งๆ นํามาเปน บนุ นาค ใช้ปรงุ อาหารและใชท้ �ายาได้
ยารักษาโรคได เชน ใบ ใชรกั ษา ชอ่ื ไม้ต้นขนาดใหญช่ นดิ หน่ึง คลา้ ยจ�าปี ดอกสเี หลืองอมส้ม กลบี ดอก
แผลสด แกน ใชแกเ ลอื ดออกตาม ใหญ่และหนากว่าดอกจ�าปี
ไรฟน กระพ้ี ใชข จดั เสมหะในคอ ชือ่ ตน้ ไมข้ นาดกลาง ขึ้นในท่ีช่มุ ชื้น ดอกสีขาว เกสรตัวผ้สู ีแดง ออกเปน็
เปน ตน ชอ่ ยาวหอ้ ยระย้า
ชื่อไม้ต้นชนดิ หนงึ่ เนอื้ ไม้แข็ง ใชใ้ นการก่อสร้าง
ชอื่ ไมต้ น้ ชนดิ หนง่ึ ดอกสขี าว ยางใช้ฉาบทา
ชื่อไม้พุ่มขนาดเล็ก ริมใบเป็นหยักๆ ดอกเป็นช่อส้ันๆ สีขาวสลับแดง
มกี ล่ินหอม
ช่ือไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ใบยาวรี ปลายใบเรียวแหลม ดอกสีขาว
มีสี่กลีบ เกสรเป็นฝอยสีเหลือง มีกล่ินหอม ใช้ท�ายาได้ แก่นไม้สีแดง
ใชท้ �าเครอ่ื งเรือน
96
96 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย ขยายความเขา ใจ
ประยงค์ ชอ่ื ไม้พ่มุ ชนดิ หนึง่ ดอกกลมเล็กๆ สีเหลือง คล้ายไขป่ ลาดุก ออกเปน็ ช่อ ใหนกั เรยี นแตง ประโยคความซอน
พกิ ุล ตามง่ามใบ มีกล่นิ หอม 3 ประโยคท่ีประกอบดวยคาํ ศัพท
พดุ ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ ดอกเล็กเป็นจักๆ มีกล่ินหอม ภาษาถิ่นเหนือ ในบทเหช มปลา ชมไมและชมนก
เรียกว่า แกว้ อยา งละ 1 คํา ครูใหนักเรยี นทกุ คน
พุทธชาด ชื่อไม้พุ่มหรือไม้ต้น มีหลายชนิด เช่น พุดหรือข่อยด่าน ดอกสีขาว อา นประโยคท่ีแตงใหเพ่อื นๆ ฟง
มะลิวลั ย์ กลิ่นหอม เน้ือไม้ละเอียด สีนวล ใช้แกะสลัก พุดจีนหรือพุดซ้อน ดอก
ล�าดวน สขี าว กลนิ่ หอม พดุ จบี หรอื พดุ สวน ดอกสขี าว ดอกตมู ใชร้ อ้ ยพวงมาลยั (แนวตอบ ตัวอยางประโยค
สาวหยดุ ชื่อไม้เถาชนิดหนงึ่ ดอกสขี าว มีกลิน่ หอม บางทเี รียกว่า บุหงาประหงนั ความซอ น เชน
สุกรม ชื่อไมเ้ ถา ใบเล็กยาวกว่ามะลิ ดอกสีขาว กลบี ยาว กลน่ิ หอม
ช่ือต้นไม้ใหญ่ชนิดหน่ึง ดอกคล้ายดอกนมแมว กลีบสีนวล หนา แข็ง 1. ดวงตาไมชอบใหใครมาเด็ด
คำ� ศพั ท์ มกี ลน่ิ หอม ดอกมะลิวลั ยของเธอ
หรอื สายหยดุ ชอื่ ไมเ้ ถาเนอื้ แขง็ ชนดิ หนงึ่ ดอกสเี หลอื งคลา้ ยดอกกระดงั งา
แก้ว กลนิ่ หอม เวลาสายจะหมดกล่นิ จงึ เรยี กวา่ ดอกสายหยุด 2. นกแกวทพ่ี ดู เกง ตัวน้นั เปน
ไกฟ่ า ชอ่ื ไมต้ ้นขนาดใหญช่ นดิ หนึ่ง ใบร ี ผลเมอื่ สุกมีสแี ดง ใชท้ �ายาได้ นกของลุงฉัน
แขกเต้า บทเหช่ มนก 3. ปลาตะเพียนทองในอา งหิน
ควำมหมำย เปนปลาตัวโปรดของพอ
เปนตน )
ช่ือนกปากงุ้มเป็นขอ ตัวสเี ขยี ว ปากแดง กนิ เมล็ดพชื และผลไม ้ มหี ลาย
ชนิด เช่น แก้วโมง่ แกว้ หวั แพร พูดเลียนเสียงคนได้ เกร็ดแนะครู
ชื่อนกขนาดกลางชนิดหน่ึง ตัวโตขนาดไก่บ้าน ขาและปากแข็งแรง
ตวั ผมู้ ีหางยาว สสี วยงามกวา่ ตัวเมีย บินได้ในระยะส้นั ๆ ท�ารงั บนพนื้ ดนิ ครูแนะใหน กั เรียนทําความเขาใจ
กินเมลด็ พชื ผลไม้ แมลง มหี ลายชนิด เช่น ไกฟ่ า้ หลังขาว พญาลอ เกยี่ วกบั ประโยคความซอนจาก
หรือไกฟ่ ้าพญาลอ หนงั สือเรียนภาษาไทย หลักภาษา
ช่ือนกปากงุ้มเป็นขอชนิดหน่ึง หน้าผากมีเส้นด�าลากผ่านไปจดหัวตา และการใชภาษากอนทาํ กจิ กรรม
ทัง้ สองข้าง ชอบอยู่เปน็ ฝูงใหญ ่ กินผลไม ้ เลยี นภาษาคนหรือเสียงอ่ืนๆ แตง ประโยค
บางอยา่ งได้
97
คูม ือครู 97
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%)
1. ใหน กั เรยี นแตละกลุมชวยกนั คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
บอกความหมาย และประโยชน
ของคําไวพจนท ก่ี วีนํามาใชใ น ดเุ หวา่ ช่ือนกชนิดหนึง่ ตวั เลก็ กว่ากาเลก็ นอ้ ย ตาแดง หางยาว ตวั ผู้สดี �า ตัวเมยี
บทประพนั ธ สีน้า� ตาล มลี ายและจุดสีขาวพาดตลอดล�าตวั มกั วางไขใ่ ห้นกอ่ืนฟัก โดย
(แนวตอบ คาํ ไวพจน คอื คาํ ท่เี ขยี น นางนวล เฉพาะชอบวางไขใ่ นรงั กา บางทเี รยี กวา่ กาเหวา่ ชอบกนิ แมลงและผลไม้
ตางกันแตมคี วามหมายเหมือนกนั ชื่อนกน�้าชนิดหนงึ่ มี ๒ ประเภท คอื นางนวลใหญ ่ ตัวใหญ่ แข็งแรง
หรือใกลเคยี งกันมาก มปี ระโยชน โนรี ปากงองุม้ เลก็ นอ้ ย ปกี กวา้ ง ปลายหางกลม โฉบกินปลาตามผิวนา�้ อกี
คอื กวีสามารถเลอื กคาํ มาใชใน ปักษี ประเภทหนึ่ง คือ นางนวลแกลบ ตัวเล็ก ปลายปากแหลม ปลายหางม ี
บทประพนั ธไดอยา งหลากหลาย ยงู ๒ แฉก กินปลาและสัตว์น�า้ ขนาดเล็ก
ไมใชคาํ เดมิ ซ้ําจนเฝอ ใชต าม ช่ือนกปากขอชนิดหน่ึง คล้ายนกแก้ว ตัวมีสีสันสวยงาม เช่น สีแดง
ความเหมาะสมของบทประพนั ธ) สัตวา สนี า�้ เงิน มว่ ง เขยี ว ปีกสีเขียวหรือเหลือง หางสนั้
สาลิกา นก
2. ใหน กั เรียนรวบรวมคําไวพจนท่ี ชื่อนกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ตัวผู้จะมีขนหางยาวและมีแววงามใช้ส�าหรับ
ปรากฏในเรอื่ ง แลวบนั ทกึ ความรู คำ� ศพั ท์ ร�าแพนให้ตัวเมยี สนใจ อาศัยตามปา่ โปรง่ กินเมลด็ พืช แมลง และสตั ว์
ลงสมดุ เลก็ ๆ ม ี ๒ ชนิด คอื ยูงไทย หงอนบนหัวตงั้ ตรงเปน็ กระจุก หนงั ข้างแกม้
(แนวตอบ ครูแนะนํานกั เรียนให กา� สรด สฟี า้ และเหลอื ง ขนคอ หลงั และหางสีเขยี ว ยงู อนิ เดยี หงอนบนหัวแผ่
บนั ทกึ ความรู โดยแบง หมวดหมู โกมล บาง หนงั ขา้ งแกม้ สขี าว ขนคอและอกสีน้า� เงิน
ของคําและทาํ ในรูปแบบตารางจะ ครวญ ชื่อนกชนิดหน่งึ ในจ�าพวกนกแกว้ ตวั โต สเี ขยี วเกอื บเปน็ สีคราม
ชว ยใหคนควาคําศัพทท ีร่ วบรวม เคล้น ช่ือนกชนิดหน่ึง จ�าพวกนกกิ้งโครง ล�าตัวสีน้�าตาลเข้ม หัวสีด�า ขอบตา
มาใชไ ดง า ย) และปากสีเหลือง มีแต้มขาวที่ปีก ปลายหางสีขาว กินแมลงและผลไม้
บางทเี รยี กวา่ นกเอย้ี ง
นักเรียนควรรู
บทเห่ครวญ
โกมล ในความหมายวา ดอกบัว ควำมหมำย
เปนคาํ ไวพจนท ่ีมีความหมายเหมือน
คําอื่น เชน โกมทุ กรกช นลิน บงกช โศกเศรา้ ครา�่ ครวญ รอ้ งไห้
บุษบนั ปทมุ ปท มา อมั พชุ อุบล ๑. อ่อน งาม หวาน ไพเราะ
อรพนิ ท สตั ตบุษย สาโรช เปนตน ๒. ดอกบวั
ร้องรา� พนั
บบี เนน้ ไปมา
98
98 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย ขยายความเขา ใจ
ฆอ้ ง เคร่ืองตใี หเ้ กิดเสยี งอย่างหนง่ึ ทา� ด้วยโลหะผสม รูปร่างเปน็ แผน่ วงกลม 1. ครสู ุมนกั เรยี นใหเ สนอคาํ ไวพจน
งองุ้มลงมารอบตัว มีปุ่มกลมตรงกลางส�าหรับตี เรียกต่างๆ กัน เช่น ทป่ี รากฏในเรอื่ งแลว ใหเ พอื่ นๆ
ชลนา ฆ้องวง ฆอ้ งชัย ฆ้องกระแต เป็นต้น ในหอ งชวยกนั หาคาํ ไวพจนท ีม่ ี
ตดิ ตา นา�้ ตา ความหมายตรงกับคาํ ท่เี พือ่ นเสนอ
ทรามวยั ยงั รู้สึกนกึ เห็นภาพอยไู่ มร่ ู้เลอื น มาใหไ ดม ากท่สี ดุ
นาสา หญิงสาววยั ร่นุ (แนวตอบ เชนคําวา
บันดาล จมูก “ดอกไม” นกั เรียนชว ยกันตอบวา
ให้เกิดมีขึ้น เป็นข้ึนด้วยแรงอ�านาจของสิ่งใดสิ่งหน่ึง เช่น บุญบันดาล บษุ บง มาลี คาํ วา “หญิงสาว”
ปี่ บนั ดาลโทสะ นักเรียนชว ยกนั ตอบวา วนดิ า
ชื่อเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งส�าหรับเป่าให้เป็นเพลง มีช่ือต่างๆ กัน เช่น เอวบาง นชุ สายสมร บังอร
ระรี่ ปีช่ วา ปนี่ อก ปีใ่ น ลักษณนามวา่ เลา เปนตน)
เรยี ม หวั เราะรว่ น
วงั เวง ค�าใช้แทนตวั ผพู้ ูด สา� หรบั ผชู้ ายพดู กบั หญงิ ท่รี ัก 2. บันทึกความรูลงสมดุ โดยทาํ เปน
ลักษณะบรรยากาศท่ีสงบเยือกเย็นท�าให้เกิดความรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่ ตารางจาํ แนกคาํ ไวพจนต าม
โศกา เปลา่ เปลย่ี วใจ เชน่ เข้าไปในบ้านรา้ งร้สู ึกวังเวง ความหมาย
สมร รอ้ งไห้
สรวล นางงามซง่ึ เป็นท่ีรัก นักเรียนควรรู
เสพ หวั เราะ รา่ เรงิ
๑. คบคา้ เชน่ ซอ่ งเสพ สมร เปน คาํ ไวพจนท ม่ี ีความหมาย
อาจิณ ๒. กนิ บรโิ ภค เชน่ เสพสรุ า เหมอื นคาํ วา นงลักษณ บงั อร ยุพิน
โอชา ๓. ร่วมประเวณี เชน่ เสพเมถุน วนิดา วรางคณา สดุ า อนงค อรนชุ
เป็นปกติ ตดิ เป็นนสิ ยั เสมอๆ เนอื งๆ เปน ตน
มรี สด ี อรอ่ ย
99
คูม อื ครู 99
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ครูใหนกั เรยี นดูภาพหนา หนวย ๗ บทวิเคราะห์
แลว สนทนากบั นักเรียน
๗.๑ คณุ คา่ ดา้ นเนื้อหา
• นกั เรียนรูอะไรบา งจากภาพ
หนาหนว ย ๑) รปู แบบ กาพยเ์ หเ่ รอื พระนพิ นธใ์ นเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร เปน็ บทรอ้ ยกรองประเภทกาพยเ์ ห ่
ใชค้ า� ประพันธส์ องประเภทแตง่ รว่ มกัน คือ โคลงสส่ี ุภาพกับกาพยย์ านี ๑๑ ซ่งึ มีลักษณะสา� คญั คือ
• นักเรยี นคิดวา สง่ิ ทปี่ รากฏ เนอ้ื หาแตล่ ะตอนขน้ึ ตน้ ด้วยโคลงสส่ี ภุ าพ ๑ บท ตามดว้ ยกาพยย์ าน ี ๑๑ แตง่ เลียนความและขยาย
ในภาพหนาหนว ยเปน ส่งิ ที่มจี ริง ความโคลงบทนา� จะแตง่ อกี กบี่ ทกไ็ ดไ้ มจ่ า� กดั จา� นวนบท โดยกาพยย์ านบี ทแรกจะมใี จความเดยี วกบั
หรือไม โคลงสี่สภุ าพบทน�า ดังบทประพันธ์
สํารวจคนหา โคลง คลึงกนั
แจ่มหน้า
นักเรยี นชว ยกันสบื คน ขอ มลู พิศพรรณปลาว่ายเคลา้ พศิ วาส
เก่ยี วกับกาพยเหเรือเจาฟาธรรม- ถวิลสดุ าดวงจนั ทร ์ ชวดเคล้าคลึงชม
ธิเบศร เพอื่ นาํ มาพดู คุยแลกเปลยี่ น มตั สยาย่อมพัวพัน
ความรูในหองเรยี น โดยครเู ปน ควรฤพรากนอ้ งช้า
ผูควบคุมการสนทนา ใหน ักเรียน
ทกุ คนมสี วนรว มในการใหขอ มูล โคลงสี่สุภาพตอนต้นกับกาพย์ยานี ๑๑ บทแรก มีเนื้อความเลยี นกนั ดังนี้
ท่ีไปสบื คนมา
กาพย์ คดิ ถงึ เจา้ เศร้าอารมณ์
อธบิ ายความรู สมสาใจไมพ่ ามา
พิศพรรณปลาวา่ ยเคลา้
ใหน กั เรียนอธบิ ายลกั ษณะเดน มัตสยายังรู้ชม
ของกาพยเหเ รือเจา ฟา ธรรมธเิ บศร
ในดานเนื้อหา วรรณศลิ ปแ ละสงั คม บทประพันธแ์ ตล่ ะตอนขึน้ ต้นดว้ ยโคลงสสี่ ภุ าพ ๑ บท และตามด้วยกาพยย์ านี ๑๑ ไม่จา� กัด
จา� นวนบท เพยี งแตบ่ ทแรกจะตอ้ งเลยี นความจากโคลงสส่ี ภุ าพบททข่ี นึ้ ตน้ ทา� ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจเนอื้ หา
(แนวตอบ กาพยเ หเ รือของเจา ฟา- ไดอ้ ย่างชัดเจน เพราะได้สรุปใจความสา� คญั ไวเ้ บือ้ งตน้ แล้วมกี ารใหร้ ายละเอียดเพม่ิ เติม จึงชว่ ย
ธรรมธเิ บศร กวีไดเลือกสรรถอยคําที่ ขยายความเข้าใจใหช้ ดั เจนยง่ิ ขน้ึ นอกจากน้ีการใชค้ า� ประพันธท์ ง้ั โคลงสส่ี ภุ าพและกาพยย์ านี ๑๑
อานเขาใจงาย มคี วามหมายแจม ชัด ทา� ใหม้ คี วามหลากหลายนา่ สนใจ เมอื่ นา� มาขบั เหต่ ามจงั หวะพายเรอื ชว่ ยประกอบการสรา้ งจนิ ตภาพ
ทกุ ถอ ยคํา จดุ เดนของเรื่องไมไ ดอ ยูที่ ไดเ้ ปน็ อย่างดี
ความสนุกสนานเพลดิ เพลิน แตเ ปน ๒) องคป์ ระกอบของเรอ่ื ง จา� แนกหัวข้อต่างๆ ไดด้ งั นี้
วรรณคดีท่ถี า ยทอดอารมณลกึ ซ้ึง ๒.๑) สาระ บทเหเ่ รือเจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศรทรงพระนพิ นธเ์ ป็นบทเหช่ มเรอื ในบทเริ่มตน้
ทําใหผอู า นรับรูถ ึงอารมณข องผทู ่ี เน้นพรรณนาความสวยงามแปลกตาและสมรรถนะของเรือพระท่ีนั่งและเรือต่างๆ ในกระบวนเรือ
มีความรัก ความทุกข ความอาลัย และธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยเห่ชมปลา เห่ชมไม้ และเห่ชมนกขณะท่ีชมธรรมชาติก็จะเปรียบ
อาวรณเ พราะความรกั นอกจากนี้
กาพยเ หเรอื ของเจาฟาธรรมธเิ บศร 100
ยงั ใชสํานวนภาษาไดงดงามจับใจ
และเปน ทนี่ า จดจําสบื ตอ มายาวนาน)
นกั เรยี นควรรู
กาพยยานี 11 มจี งั หวะ ทํานองการดําเนนิ กาพยท่ีเนบิ ชา กวจี ึงนาํ มาประพนั ธเ นอ้ื ความ
พรรณนา เชน บทชมนก ชมไม ชมธรรมชาติ ใชพรรณนาความเศราโศก ความรัก รวมทงั้
สามารถนํามาประพนั ธบ ทสรภญั ญะได
100 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
สงิ่ ทพี่ บเห็นกบั นางผ้เู ป็นทร่ี กั ด้วยความคิดถงึ คะนึงหา และจบด้วยบทเหค่ รวญ พรรณนาอารมณ์ อธิบายความรู
รกั เศร้าที่ต้องหา่ งนางผู้เปน็ ท่รี ัก
๒.๒) โครงเรื่อง มีการจัดล�าดับความโดยยึดเวลาเป็นส�าคัญ เริ่มต้ังแต่ในเวลาเช้า นกั เรยี นรว มกันอภปิ รายที่วา
แสงแดดส่องประกายเรืองรอง กล่าวชมกระบวนเรือในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เวลา กาพยเหเรือเจา ฟาธรรมธิเบศร
กลางวันชมปลาและชมไม้นานาชนิดในระหว่างทางเสด็จฯ เวลาเย็นช่วงนกกาเริ่มบินกลับรังจึงมี มีลกั ษณะเปน นิราศ
การชมนกมากมายหลายชนิด จนกระทั่งเวลาค�่าคืนมีบรรยากาศเงียบเหงาอ้างว้าง เปล่าเปล่ียว
จงึ เป็นการพรรณนาคร�่าครวญอารมณ์ความรู้สึก ความรัก ความทุกข์ อนั เกิดจากการพลัดพราก (แนวตอบ นิราศมกี าํ เนดิ มาจาก
จากนางผูเ้ ปน็ ทร่ี ัก การเดินทาง เม่อื มกี ารเดนิ ทางไกล
๒.๓) กลวิธีการแต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงพระนิพนธ์ส่ิงที่พบเห็นในระหว่างทางก็ ซึ่งในสมัยกอ นการสัญจรทางนํ้าใช
จะทรงพรรณนาร�าพึงร�าพันถึงนางผู้เป็นที่รักไปด้วย มีการชมธรรมชาติระคนกับการคร่�าครวญ เรือกนิ เวลาหลายวัน จึงไดถา ยทอด
มีการเปรียบเทียบอารมณ์กวีกับตัวเอกในวรรณคดี กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรจึงมีลักษณะ สิ่งท่ีพบเหน็ และความรสู กึ นกึ คดิ เปน
เปน็ นริ าศ ซึ่งกลวิธกี ารแตง่ เช่นนีใ้ ช้เป็นแบบอย่างในการแต่งกาพยเ์ หเ่ รือในสมยั ตอ่ มา กาพยเ หเ รอื เจาฟา ธรรมธิเบศรทรง
พระนิพนธเนน การแสดงอารมณ
๗.๒ คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ ความรูส กึ สวนตวั ของพระองค มัก
เปนการพรรณนาความรักและการ
๑) การสรรคา� เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรทรงมีพระปรีชาสามารถในการเลือกสรรค�ามาใช้ได้ ครํ่าครวญถึงคนทรี่ กั เม่อื พบเห็นสง่ิ
อย่างเหมาะสมกับชนดิ ของค�าประพนั ธ์และเนอ้ื ความทีบ่ รรยาย มคี วามประณีตในกระบวนการใช้ ใดก็มักเตือนใจใหนึกถงึ นาง)
ค�า สามารถเลือกใช้คา� ทีใ่ ห้ความรู้สึกแก่ผ้อู า่ นไดต้ ามต้องการ ดังน้ี
๑.๑) การเลือกใช้ค�าได้ถูกต้องตรงตามความหมายท่ีต้องการ กวีต้องการจะกล่าวถึง นกั เรียนควรรู
นางผู้เป็นที่รัก กวีจึงเลือกเฟ้นท้ังเสียงและความหมายให้เหมาะแก่คณะและสัมผัสตามข้อบังคับ
ของฉันทลกั ษณน์ นั้ ๆ ดังบทประพนั ธ์ กาพยเหเรือ เปนคําประพันธ
ประเภทกาพยห อโคลง มชี ื่อเรียก
อกี อยางหนงึ่ วา กาพยห อโคลงเหเรือ
ตอ มาจึงเรยี ก กาพยเ หเ รอื
มะลิวลั ย์พนั จกิ จวง ดอกเป็นพวงรว่ งเรณู นักเรยี นควรรู
หอมมาน่าเอ็นดู ชูชื่นจติ คดิ วนดิ า
การเลอื กสรรคาํ คือ การเลือก
๑.๒) การเลือกใชค้ �าทีเ่ หมาะแกเ่ นอ้ื เรือ่ งและฐานะของบคุ คลในเรือ่ ง ดงั บทประพนั ธ์ ใชค ําใหเ หมาะสมกบั บทประพนั ธ
หมายรวมถึง การเลือกคาํ วลี
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉดิ ฉาย ภาพพจนทไ่ี มไดใ ชก นั โดยทั่วไป
กิง่ แกว้ แพรว้ พรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน ในชวี ติ ประจําวนั การสรรคาํ ท่ดี ี
ตอ งเลือกใชคาํ ทส่ี งางาม ถายทอด
ความรสู ึกของกวแี ละสงจินตนาการ
ไปสผู อู านได
101
คูม ือครู 101
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
1. ครใู หน ักเรยี นแตละกลมุ ศึกษา กวเี ลือกคา� มาใชใ้ ห้เหมาะสมแก่เนอ้ื เรอื่ ง เห็นได้ในส�านวนว่า เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศรทรง
กลวิธกี ารใชคําสมั ผัสที่ปรากฏ พระนิพนธ์ส�าหรับเห่เรือพระท่ีนั่งในการตามเสด็จทางชลมารค จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในกาพยเหเรือ แลว ตอบคําถาม เพ่ือข้นึ ไปยังพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ในเวลาเช้า
ในประเดน็ ตอไปน้ี
• คําสัมผัสในกาพยเ หเรอื เนื้ออ่อนออ่ นแต่ชื่อ เน้ือน้องออ่ นทงั้ กาย
เจาฟา ธรรมธิเบศร มลี ักษณะ ใครตอ้ งข้องจิตชาย ไม่วายนกึ ตรึกตรึงทรวง
เดน อยา งไร
(แนวตอบ คําสมั ผสั ท่โี ดดเดน จากบทประพันธค์ า� วา่ ต้อง เปน็ คา� ไทย แปลว่า ถกู ในทนี่ ีห้ มายถึง สัมผสั แต่เป็น
ในเรื่อง คือ มคี าํ สมั ผสั ใน สมั ผสั ทแ่ี ผ่วเบา ถา่ ยทอดความรสู้ กึ หวงแหน แสดงถงึ ความละเมยี ดละไมของผทู้ �ากริ ยิ าไดช้ ดั เจน
ทกุ วรรค ทง้ั สัมผสั อักษรและ กาพยเ์ ห่เรือใชค้ �าไดเ้ หมาะกบั การชมธรรมชาต ิ ชมไม ้ ชมนก ชมปลา ชมกระบวนเรือ
สัมผัสสระอยา งแพรวพราว โดยใช้คา� ไทยงา่ ยๆ มคี วามหมายแจม่ แจง้ แสดงความร้สู กึ และอารมณ์ไดช้ ดั เจน
ในบางวรรคมีสัมผสั ใน ๑.๓) การใชค้ �าโดยค�านงึ ถึงเสยี ง ดังน้ี
มากกวา 1 คู) (๑) การเล่นเสียงสัมผัส ท�าให้เกิดความไพเราะ โดยใช้สัมผัสในทั้งสัมผัสสระ
และสัมผัสพยัญชนะ ท�าให้เสียงของกาพย์รื่นหู มีสัมผัสคล้องจองกัน ให้ความรู้สึกถึงความ
2. ครแู ละนักเรยี นรว มกันอภิปราย ราบร่ืน ไพเราะ ดงั บทประพนั ธ์
ในประเดน็ ตอ ไปน้ี
• การใชคาํ โดยคาํ นงึ ถงึ เสียง สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจบั สาคร
มคี วามสําคญั อยา งไรตอ เรียบเรยี งเคยี งคู่จร ดงั่ รอ่ นฟ้ามาแดนดิน
การประพันธบทเห
(แนวตอบ บทเหใชประกอบ กาพยบ์ ทนม้ี สี มั ผสั สระและสมั ผสั พยญั ชนะครบทกุ วรรคในบทเดยี วกนั สมั ผสั สระ
การเหเ รอื ในกระบวนพยหุ ยาตรา ได้แก่ ชยั - ไกร, วบั - จบั , เรยี ง - เคียง, ฟา้ - มา สัมผัสพยัญชนะ ได้แก ่ กาบ - แก้ว, แวว - วับ,
ทางชลมารค การมีคาํ สัมผสั แสง - สา, เรยี บ - เรียง, เคยี ง - คู่, ด่ัง - แดน - ดนิ
ชวยใหเ กิดทว งทาํ นองเสียงรอย- (๒) การเลน่ ค�าพ้องเสียง เลน่ ค�าในลักษณะพ้องรูปพ้องเสยี ง ดงั ตัวอย่าง
เรยี งรนื่ หไู พเราะเปน ทํานอง
เสนาะและจดจาํ ไดงาย)
ขยายความเขา ใจ
ใหน ักเรียนเลอื กบทประพนั ธท ่ี แกม้ ช้า� ชา้� ใครตอ้ ง อนั แก้มน้องชา้� เพราะชม
นักเรยี นประทบั ใจอยางนอ ย 2 บท ปลาทุกทกุ ข์อกกรม เหมอื นทุกข์พท่ี ่จี ากนาง
มาวเิ คราะหโวหารท่ีปรากฏวามสี วน กวเี ล่นค�าว่าชา้� ซึ่งหมายถงึ ปลาชนดิ หน่ึงช่อื แกม้ ชา�้ พอ้ งเสยี งกับค�าว่า ช้�า และ
ชวยใหผ อู า นไดรบั อรรถรสทาง
วรรณศลิ ปอ ยางไร พอ้ งเสียงค�าวา่ ทุก ทเี่ ปน็ ชอ่ื ปลา กบั ค�าว่า ทกุ ข์ ซึง่ ใหค้ วามร้สู ึกวา่ การจากนางอันเปน็ ทีร่ กั มา
(แนวตอบ ตัวอยา งเชน ทา� ให้กวเี ปน็ ทกุ ข์
“แกมชา้ํ ชํ้าใครตอ ง
อันแกมนองชํา้ เพราะชม
ปลาทกุ ทุกขอ กกรม 102
เหมือนทกุ ขพ ีท่ จี่ ากนาง”
- กวใี ชการเลนคาํ วา “ทกุ ข” และ
“ทกุ ” ที่มเี สยี งพองกนั และการใชค าํ ซ้ําคาํ วา “ชาํ้ ” รวมท้งั การใชอ ุปมาโวหาร ชว ยใหเกดิ เสียงไพเราะและเกดิ จนิ ตภาพ
“สมรรถชัยไกรกาบแกว แสงแวววบั จบั สาคร
เรยี บเรยี งเคียงคจู ร ดัง่ รอ นฟา มาแดนดิน”
- กวใี ชค ําสัมผัสในท้งั สัมผัสอกั ษรและสัมผัสสระชว ยใหเ กดิ เสียงเสนาะไพเราะ และใชภาพพจนอุปมาทาํ ให
เห็นภาพชัดเจนยิง่ ขน้ึ เปนตน)
102 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธบิ ายความรู
ใหนักเรยี นเลือกบทประพนั ธท่ี
มกี ลวธิ ีการเลนเสยี งโดยการซา้ํ คํา
(๓) การใชค้ า� เลียนเสียงธรรมชาติ เป็นการใชค้ า� บ่งบอกหรือเลยี นเสยี งท่ีเกิดขน้ึ คนละ 1 บท
ทา� ใหผ้ ู้อา่ นและผู้ฟงั เห็นภาพและเกิดความรู้สึก ดงั ตวั อยา่ ง
• นกั เรียนอธบิ ายใหเหน็ วาการ
ซํ้าคําในบทประพนั ธท่ีนักเรียน
เรอื ครุฑยดุ นาคหิ้ว ล่ิวลอยมาพาผนั ผยอง เลือกมา ทาํ ใหบ ทประพันธม ี
พลพายกรายพายทอง ร้องโหเ่ หโ่ อ้เหม่ า คุณคา ดา นวรรณศลิ ปอ ยางไร
รอ้ งโหเ่ หโ่ อเ้ หม่ า เปน็ การเลยี นเสียงการร้องเหเ่ รอื ซึ่งช่วยให้บรรยากาศสมจริง (แนวตอบ ตัวอยา งเชน
ราวกบั ว่าผู้อา่ นได้เขา้ ไปอยูใ่ นเหตุการณ์ไดย้ ินไดเ้ ห็นด้วยตนเอง “งามทรงวงดง่ั วาด
(๔) การซ�้าค�า เป็นการสร้างสุนทรียภาพให้เกิดขึ้นท้ังในด้านภาพและเสียงโดย
การใช้คา� ๆ เดียวกนั แทรกไปเป็นระยะๆ ในชว่ งท่กี วตี ้องการสร้างความร้สู ึกชนิดใดชนดิ หนงึ่ หรอื งามมารยาทนาดกรกราย
ต้องการที่จะเนน้ คา� ๆ นัน้ ดงั บทประพนั ธ์ งามพริ้มยม้ิ แยม พราย
งามคําหวานลานใจถวลิ ”
จากบทประพนั ธทย่ี กมาเปน
ตวั อยาง กวีซ้ําคาํ วา “งาม” โดย
โคลง อัสดง เปนคําขึน้ ตนของทกุ วรรคใน
ค่า� แลว้ บทนี้ ทําใหเ หน็ ไดวาผหู ญงิ งาม
รอนรอนสรุ ยิ โอ้ นุชพ่ ี เพยี งแม่ ตอ งงามดวยรูปราง กิรยิ า
เร่ือยเรอื่ ยลบั เมรุลง คลับคลา้ ยเรยี มเหลียว ทาทางงามดว ยรอยยิม้ และ
รอนรอนจิตจ�านง วาจาทีไ่ พเราะ การขึน้ ตน คําวา
เรื่อยเรอื่ ยเรียมคอยแก้ว
กวซี ้�าคา� ขึน้ ตน้ ค�าวา่ รอนรอน และ เรอื่ ยเร่ือย ในโคลงส่สี ภุ าพ สองบาทแรก “งาม” ทาํ ใหถ อ ยคําท่ีตามมา
ท�าให้เห็นภาพพระอาทิตย์ท่ีก�าลังอ่อนแสงลงทีละน้อย ในบาทท่ีสามและสี่กวีรู้สึกใจหายและคอย มคี วามสําคัญทัง้ ทางเสียง
คะนึงหานางผู้เปน็ ทร่ี ัก ท�าให้เกดิ ความรู้สึกเหงาเศรา้ ตามกวี และความหมาย)
๒) การใชภ้ าพพจน ์ กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรมคี วามไพเราะงดงาม มกี ารแสดง
ความหมายได้อย่างชัดเจนลกึ ซึง้ กนิ ใจ ดว้ ยลกั ษณะสา� คญั ดังนี้ ขยายความเขาใจ
๒.๑) การใช้ภาพพจน์อุปมา เป็นการเปรียบเทียบส่ิงหนึ่งว่าเหมือนอีกส่ิงหน่ึงโดยใช้
คา� เชื่อมทแ่ี สดงความหมายวา่ เหมือนกัน เชน่ ค�าวา่ เหมือน ดัง เพียง เปน็ ต้น ดงั บทประพันธ์ ใหนักเรียนยกบทเหเรือพระที่นง่ั
สุพรรณหงสใ นกาพยเหเ รือฉบับอืน่ ๆ
บันทกึ ความรลู งสมดุ ครูใหน กั เรยี น
สุวรรณหงส์ทรงพหู่ ้อย งามชดชอ้ ยลอยหลงั สนิ ธุ์ อานเปน ทาํ นองเสนาะพรอมกัน
เพียงหงส์ทรงพรหมนิ ทร ์ ลนิ ลาศเลื่อนเตือนตาชม
(แนวตอบ กาพยเหเ รอื ฉบับอื่นๆ
มดี ังนี้
จากตวั อยา่ งเปน็ การเปรยี บเทยี บเรอื สวุ รรณหงสก์ บั หงสพ์ าหนะของพระพรหม เปรยี บ • พระราชพธิ กี าญจนาภิเษก
เทียบการเคล่ือนไหวอย่างงามสง่าของเรือสุวรรณหงส์กับการเคล่ือนไหวของหงส์ ซึ่งช่วยสร้าง พทุ ธศกั ราช 2539
มโนภาพใหแ้ กผ่ ูอ้ ่านไดเ้ ปน็ อย่างดี สวุ รรณหงสทรงพูหอย
103 งามชดชอ ยลอยหลงั สินธุ
เพยี งหงสทรงพรหมนิ ทร
ลินลาศเลอ่ื นเตือนตาชม
• การประชมุ เอเปก พ.ศ. 2546
สวุ รรณหงสทรงพูหอ ย งามชดชอยลอยหลังสินธุ
นักเรียนควรรู อวดโฉมโสมโสภิน ลนิ ลาศเลอื่ นเตอื นตาชม
• งานฉลองสริ ิราชสมบตั คิ รบ 60 ป พทุ ธศักราช 2549
เรอื สุวรรณหงส ลาํ ปจจุบันตอ ขน้ึ ใหม สุวรรณหงสทรงพูหอ ย งามชดชอ ยลอยหลังสนิ ธุ
ในสมยั รัชกาลที่ 5 และเปลย่ี นช่ือเปน
“สพุ รรณหงส” ในรชั กาลท่ี 6 นารายณท รงสุบรรณบิน ลินลาศฟาอาอวดองค)
คมู ือครู 103
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)
ใหน กั เรยี นรว มกันอภิปรายลลี า- ๒.๒) การใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์ เป็นการเปรียบเทียบโยงความคิดอย่างหน่ึงไปสู่
การประพนั ธใ นกาพยเหเ รือเจา ฟา - ความคิดหน่ึง โดยใช้ค�าว่า คือ เป็น อยู่ในประโยค วิธีนี้ความหมายเป็นนัยลึกซ้ึงเกินธรรมดา
ธรรมธเิ บศร ดงั บทประพันธ์
• เสาวรจนี น้�าเงนิ คือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสา� อาง
• สลั ลาปง คพิสัย ไมเ่ ทยี บเปรียบโฉมนาง งามเรืองเรอ่ื เนอื้ สองสี
(แนวตอบ ลลี าการประพนั ธ
เสาวรจนี เปนกระบวนพรรณนา นา้� เงนิ คอื เงนิ ยวง เปน็ การใชอ้ ปุ ลกั ษณเ์ พอ่ื บอกวา่ ปลานา้� เงนิ นน้ั มเี กลด็ เปน็ สเี งนิ งามเชน่
ความงามมคี วามโดดเดน ที่สดุ เงนิ ยวง (เงินบรสิ ุทธิท์ ยี่ ้อยลงมา) การใชอ้ ุปลกั ษณ์ท�าใหน้ ึกถึงภาพวา่ เกล็ดปลาน้�าเงนิ ทีเ่ ป็นสีเงิน
ใชเปน กระบวนการประพันธหลกั บริสุทธ์ินั้น ยังเทียบไม่ได้กับผิวกายของนางท่ีมีผิวพรรณดูผุดผ่องเร่ือเรืองงามยิ่งนัก การใช้
ในการเหเรอื โดยมีการสอดแทรก อุปลักษณล์ กั ษณะนีจ้ ึงเปน็ การเนน้ ว่าผวิ กายของนางนั้นมีความงดงามมากเพยี งใด
สลั ลาปงคพิสัยซงึ่ เปน บทแสดง ๓) ลลี าการประพนั ธ ์ เป็นชั้นเชิงการแต่งค�าประพันธ์ของกวีท่ีมุ่งให้เกิดอารมณ์ความ
ความเศราโศกในบางชวงของ รสู้ ึกอย่างลกึ ซงึ้ กินใจ
การพรรณนา) ๓.๑) เสาวรจนี บทชมความงามทางธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ซึง่ เปน็ ลกั ษณะเดน่ ของ
กาพย์เห่เรือเจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร ในเนอื้ เรือ่ งมีทัง้ บทเห่ชมกระบวนเรือ บทเหช่ มปลา บทเหช่ มไม้
ขยายความเขา ใจ บทเห่ชมนก ล้วนแลว้ แต่ชมความงามได้อย่างไพเราะ ดงั เช่น
1. ใหนกั เรียนยกตวั อยางบทประพันธ สวุ รรณหงสท์ รงพู่ห้อย งามชดชอ้ ยลอยหลังสินธ์ุ
ทีม่ ีการใชล ลี าการประพนั ธ เพียงหงส์ทรงพรหมนิ ทร์ ลินลาศเลอ่ื นเตอื นตาชม
เสาวรจนีจากกาพยเ หเ รอื เจา ฟา
ธรรมธเิ บศร คนละ 1 บท จากนัน้ ๓.๒) สัลลาปังคพิสัย บทแสดงความเศร้าโศก อาลัยอาวรณ์ กวีร�าพันความรู้สึก
ชวยกนั คดั เลอื กวาบทประพันธใด ความรักอาลยั ทมี่ ีตอ่ นางผู้เป็นที่รัก เช่น
ทน่ี กั เรยี นยกมามากทส่ี ุด
เรียมทนทกุ ข์แต่เช้า ถงึ เย็น
2. นําบทประพันธทีน่ กั เรยี นยกมา มาสูส่ ุขคนื เข็ญ หม่นไหม้
มากทส่ี ุดมาอา นทํานองเสนาะ ชายใดจากสมรเปน็ ทกุ ข์เท่า เรยี มเลย
อยางพรอ มเพรียงกันและชว ยกนั จากคู่วันเดยี วได ้ ทุกขป์ ิ้มปานปี
ถอดคาํ ประพันธ
กวที รงบรรยายวา่ การจากนางเพยี งวนั เดยี ว ทา� ใหม้ คี วามทกุ ขเ์ หมอื นกบั จากนางเปน็ ป ี
ซง่ึ เปน็ การย�้าวา่ ความทกุ ขข์ องพระองคน์ นั้ มมี ากเพยี งใด เปน็ การแสดงความรสู้ กึ ของผทู้ ตี่ กอยใู่ น
ความทกุ ขจ์ ากการพลดั พรากได้อยา่ งเหมาะสม
104
104 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
๗.๓ คณุ คา่ ดา้ นสังคม ขยายความเขา ใจ
๑) สะทอ้ นวถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยขู่ องคนในสงั คม ดงั นี้ ครแู ละนักเรยี นรว มกนั อภิปราย
๑.๑) ความสา� คญั ของการคมนาคมทางนา้� กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรสะทอ้ น ในประเด็นตอไปนี้
ใหเ้ หน็ ถงึ ความผกู พนั กบั สายนา้� การคมนาคมทางนา�้ ทา� ไดโ้ ดยสะดวก คนไทยจงึ อาศยั การคมนาคม
ทางน�้าเป็นสว่ นใหญ่ ดังตวั อย่าง • การคมนาคมทางนาํ้ มคี วาม
สาํ คญั อยา งไรตอ วถิ ีชวี ติ ของ
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือตน้ งามเฉิดฉาย คนไทยในอดตี และนอกจาก
บทเหเ รอื แลว ยงั มบี ทประพนั ธ
กง่ิ แกว้ แพรว้ พรรณราย … พายออ่ นหยบั จบั งามงอน รปู แบบใดบา งที่แสดงความ
เกย่ี วของผูกพันระหวา งสายนํา้
กรีธาหมู่นาเวศ จากนคเรศโดยสาชล กับคนไทย
(แนวตอบ ระหวา งการอภปิ ราย
เหมิ หน่ื ชนื่ กระมล ยลมจั ฉาสารพนั มี ครูควรแนะนาํ นกั เรยี นวา ใน
อดตี การคมนาคมทางนา้ํ มี
๑.๒) การเทยี บเวลาในสมยั กอ่ น สมยั โบราณใชฆ้ อ้ งและกลองตบี อกเวลา ซงึ่ ฆอ้ งบอก ความสาํ คญั มาก เพราะการ
สญั ญาณเปน็ “โมง” คู่กบั กลองทีต่ บี อกสญั ญาณเป็น “ทุม่ ” เดนิ ทางทางบกยงั มคี วามลาํ บาก
อาจตอ งเจอทางทรุ กันดาร
ยามสองฆ้องยามย�่า ทุกคนื คา่� ยา�่ อกเอง อนั ตราย และตอ งใชชา ง มา
เสยี งปีม่ คี่ รวญเครง เหมือนเรยี มครา่� ร�่าครวญนาน เกวียนเปน พาหนะ คนไทยจึง
ใชการคมนาคมทางน้ําเปนหลัก
๒) สะทอ้ นขนบธรรมเนยี มประเพณขี องคนไทย กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร ซึ่งบทประพนั ธทส่ี ะทอ นใหเหน็
แสดงใหเ้ หน็ ถึงขนบธรรมเนยี มประเพณีของไทยได้อย่างชดั เจน ดังน้ี ความผูกพันของสายน้ํากับ
๒.๑) ประเพณีการเห่เรือ ซ่ึงเป็นการเห่เรือเล่นในคราวที่เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรตามเสด็จ คนไทย คือ การเลนเพลงเรือ
พระราชบิดาทางชลมารคเพ่ือไปนมัสการพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ผู้อ่านจะเห็นภาพการจัด เปนเพลงรอ งเลน ของชาวบา น
กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ช่ือเรือ และรูปลักษณ์ของเรือ ซึ่งเป็นศิลปกรรมอันเย่ียมยอด ชายหญงิ ทรี่ อ งโตต อบ
ในกระบวนพยุหยาตรา ไดแ้ ก ่ เก้ียวพาราสี มีคํารบั สง
(๑) เรอื ตน้ หรอื เรอื กิ่ง มี ๔ ลา� คอื สมั ผสั คลองจองกัน)
เรือครฑุ - เรือครฑุ ยุดนาคห้วิ ลิว่ ลอยมาพาผนั ผยอง นกั เรยี นควรรู
เรอื สพุ รรณหงส์ - สุวรรณหงสท์ รงพหู่ อ้ ย งามชดช้อยลอยหลงั สนิ ธ์ุ
เรอื ศรีสมรรถชยั - สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจบั สาคร การคมนาคมทางนา้ํ เปน เสนทาง
เรือไกรสรมุข - สรมขุ มขุ สี่ดา้ น เพยี งพิมานผ่านเมฆา การคมนาคมทส่ี ําคญั เพราะลักษณะ
ทางภมู ิศาสตรข องประเทศไทยมี
105 แมน ํา้ หลายสาย อีกทง้ั มกี ารขุดคลอง
ใหการสัญจรไปมาสะดวก จงึ เปน
เสนทางท่ีนยิ มใชม าตงั้ แตอ ดีต
ปจ จบุ ันถอื เปน เสน ทางการขนสง
สินคา ท่ีสาํ คัญของประเทศ
@ มมุ IT
ศึกษาเก่ียวกบั การจัดขบวนเรอื เพิม่ เติม ไดท่ี http://www.navy.mi.th/transport/infoyatra/
main/chapter/chapter_04.php?titles
คูม อื ครู 105
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
นกั เรยี นรวมกันแสดงความคดิ เห็น (๒) เรอื ชยั มีการกระทุ้งเสา้ ให้จงั หวะประกอบการพายเรือ
เกย่ี วกบั บทประพันธกาพยเหเ รือ
พระนิพนธเ จา ฟา ธรรมธเิ บศร เรือชยั ไวว่องวิ่ง รวดเรว็ จรงิ ยิ่งอยา่ งลม
เสยี งเสา้ เร้าระดม ห่มทา้ ยเยน่ิ เดินคู่กัน
• กาพยเ หเ รือเจา ฟา ธรรมธเิ บศร
สะทอ นสภาพวถิ ีชีวติ และ (๓) เรอื รูปสตั ว์ หรอื เรอื เหลา่ แสนยากร ได้แก่
วัฒนธรรมของคนไทย
ในสมยั กอนอยางไร คชสหี ์ - คชสีหท์ ผี าดเผน่ ดดู ังเปน็ เหน็ ขบขนั
(แนวตอบ สะทอนวิถชี วี ิตความ ราชสีห์ - ราชสีหท์ ่ยี นื ยนั คัน่ สองคดู่ ยู ิ่งยง
เปน อยูท ม่ี ีความผูกพันกับน้าํ ม้า - เรอื ม้าหน้ามุง่ น้า� แลน่ เฉื่อยฉ�่าล�าระหง
เปน ตนวา การละเลนทางนาํ้ สงิ ห์ - เรือสงิ ห์ว่ิงเผน่ โผน โจนตามคล่ืนฝนื ฝา่ ฟอง
การทอดกฐนิ การคา ขาย นาค - นาคาหน้าดงั เป็น ดเู ขมน้ เหน็ ขบขัน
การทอดผาปา การใชสญั จร มงั กร - มงั กรถอนพายพนั ทันแข่งหนา้ วาสกุ รี
และยงั มเี รอ่ื งของการบอกเวลา เลยี งผา - เลยี งผางา่ เท้าโผน เพียงโจนไปในวารี
โดยการตฆี อ งตกี ลอง วฒั นธรรม อนิ ทรี - นาวาหนา้ อนิ ทร ี มีปกี เหมือนเล่ือนลอยโพยม
การแตง กายของคนในสมยั กอน
ผูหญงิ จะหมตาดและไวผ ม (๔) เรือริ้ว คือ เรอื ประกอบกระบวนเห ่ จัดเปน็ หลายๆ สาย แล่นเรยี งขนานกนั
ประบา นิยมชมชอบผูห ญิง ดงั ความวา่
มผี วิ เหลืองนวล)
นกั เรยี นควรรู นาวาแนน่ เป็นขนดั ลว้ นรูปสัตวแ์ สนยากร
เรือรวิ้ ทิวธงสลอน สาครลนั่ ครั่นครื้นฟอง
กระทุงเสา คอื การเอาไมเสา
กระทุง เพือ่ ใหจงั หวะฝพาย
นักเรยี นควรรู ๒.๒) การแต่งกายของสตรีไทยในอดีต สตรีไทยในอดีตนิยมใช้ผ้าสไบห่มคลุมไหล่
ท�าดว้ ยผา้ ท่ีทอด้วยไหมควบกับทองแลง่ หรอื เงินแลง่ แบบผา้ ทองหรอื ผ้าเงนิ คนที่จะสวมใส่ตอ้ ง
ทองแลงหรอื เงินแลง ทองคาํ เป็นผ้มู ยี ศ มศี ักดิ ์ มเี ชื้อสายชาติตระกูลสูงเทา่ นน้ั ทา� ให้ทราบว่าสมัยโบราณใช้ผา้ ไหมที่ทอควบ
หรอื เงินทเี่ อามาแลง เปนเสนบางๆ กบั เส้นเงินหรือเส้นทองจรงิ ๆ ดงั ความว่า
ใชสาํ หรบั ปก หรอื ทอผา
เพยี นทองงามดง่ั ทอง ไม่เหมือนนอ้ งห่มตาดพราย
กระแหแหหา่ งชาย ดง่ั สายสวาทคลาดจากสม
106
106 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ
1. ครูใหน ักเรยี นรวมกนั แสดงความ
คิดเห็น
๒.๓) การไว้ทรงผมของสตรี สตรีไทยในอดีตนิยมไว้ผมยาวประบ่าและเก็บไรผม • จากเร่อื งสะทอนใหเห็นคา นิยม
หรือผมอ่อนท่ีล้อมกรอบหน้า คนโบราณนิยมกันไร คือจะถอนผมอ่อนที่ล้อมกรอบหน้าออก
ท�าให้หน้านวลผอ่ ง ดูเดน่ ชัดยิ่งขึน้ ดังความวา่ หรือขนบธรรมเนยี มของคนไทย
ในสมยั น้นั อยา งไร
(แนวตอบ
หางไกว่ ่ายแหวกว่าย หางไก่คลา้ ยไมม่ ีหงอน 1. คานิยมทีผ่ หู ญิงตอ งมกี ิริยา
คดิ อนงคอ์ งคเ์ อวอร ผมประบ่าอ่าเอีย่ มไร
มารยาทงดงาม
2. คานยิ มทผ่ี หู ญิงตองมคี วาม
๒.๔) การท�าเครื่องหอมจากดอกไมช้ นิดตา่ งๆ เชน่ มะล ิ กระดังงา กุหลาบ เป็นตน้ เปนแมบานแมเ รอื น มฝี ม อื
ท่ีปรุงด้วยเครื่องหอม แล้วบรรจุใส่ถุงผ้าโปร่งเล็กๆ ท�าเป็นรูปร่างต่างๆ ให้กลิ่นหอมติดกายและ ในการประดษิ ฐ
เส้อื ผ้าของหญิงสาว
3. ประเพณีการเหเ รอื )
2. ครูและนักเรยี นรว มกันอภิปราย
ลา� ดวนหวนหอมตรลบ กล่นิ อายอบสบนาสา จากคาํ ถามตอ ไปน้ี
นึกถวิลกลิน่ บหุ งา รา� ไปเจา้ เศร้าถึงนาง • คา นิยมหรือขนบธรรมเนยี มที่
ปรากฏในกาพยเ หเรือเจาฟา -
๒.๕) การรอ้ ยกรองดอกไม ้ สตรจี ะมลี กั ษณะเปน็ แมบ่ า้ นแมเ่ รอื น มฝี มี อื ในการประดษิ ฐ์ ธรรมธิเบศรยังคงมีอยใู นสงั คม
โดยเฉพาะงานดอกไม้จะมีฝมี อื ในการรอ้ ยกรองดอกไมเ้ ป็นอุบะมาลยั และใช้มาลัยแสดงความรัก ปจจบุ นั หรือไม อยา งไร
แทนตัว ดังความวา่ (แนวตอบ คานิยมและ
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระยา้ ยอ้ ยหอ้ ยพวงกรอง ขนบธรรมเนยี มที่ปรากฏ
เหมอื นอบุ ะนวลละออง เจ้าแขวนไวใ้ ห้เรียมชม ในเรื่องยงั คงมีอยูใ นปจจุบัน
เชน คานิยมที่ผหู ญิงตองมกี ริ ยิ า
มารยาทเรียบรอย งดงาม
กาพยเ์ หเ่ รอื เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร เปน็ กาพยเ์ หเ่ รอื ทมี่ คี ณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปเ์ ปน็ อยา่ งยงิ่ เปนแมบ า นแมเรือน มฝี มือ
เพราะมีการใช้ถอ้ ยค�าบรรยายให้เกดิ ภาพ เห็นความโออ่ ่าของกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการประดิษฐ และธรรมเนยี ม
ใชค้ า� พรรณนาใหเ้ กดิ อารมณค์ ลอ้ ยตาม ใชถ้ อ้ ยคา� กระชบั ชดั เจน ไพเราะทงั้ เสยี งและมคี วามหมาย การเหเรอื พระราชพิธี เปนตน)
อนั ลกึ ซงึ้ มปี ระโยชนใ์ หค้ วามรเู้ กย่ี วกบั กระบวนเรอื ชอื่ ปลา ชอ่ื พรรณไม ้ และพรรณนาถงึ ชอ่ื นก 3. ครสู ุมนักเรียน 3 - 4 คน
นานาชนดิ อกี ทงั้ ยงั สอดแทรกใหเ้ หน็ สภาพสงั คมในสมยั ทป่ี ระพนั ธไ์ ดอ้ ยา่ งแนบเนยี น กาพยเ์ หเ่ รอื แสดงความคดิ เหน็ ตอผลการ
เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรจงึ เปน็ ตน้ แบบในการแตง่ กาพยเ์ หใ่ นยคุ ตอ่ ๆ มาอกี หลายสา� นวน แตก่ ย็ งั ไมม่ ี อภิปรายของนกั เรยี น
ฉบับใดท่ีดีเด่นกว่า จึงนับว่ากาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นวรรณคดีอันมีคุณค่าอย่างยิ่ง
ตอ่ ประเทศชาตทิ ค่ี วรศกึ ษาและสบื ทอดดว้ ยความภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มและประเพณไี ทย B พ้ืนฐานอาชพี
โบราณ
B
กาพยเ หเรือสะทอ นคานยิ ม
ความเปนไทยหลายอยา งทท่ี าํ ให
107 นักเรยี นมีความรสู ึกภาคภูมิใจและ
หวงแหน ตลอดจนตอ งการเรียนรู
เพอื่ อนุรกั ษและสบื ทอด เชน
การทํานาํ้ ปรงุ จากดอกไมไ ทยเปน ภูมปิ ญญาของคนไทยสมยั กอ น
นกั เรยี นสามารถเรียนรกู ระบวนการเพิ่มเติมและนําไปตอยอดเปน
อาชพี เสริมหรือเปนอาชีพหลักได นับวา เปน การสรา งอาชพี จาก
ความภาคภมู ใิ จในเอกลักษณค วามเปน ไทยผานทางวรรณคดี
คูมือครู 107
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%)
1. นักเรยี นสรุปสาระสําคญั ทไ่ี ดจ าก ปกณิ กะ àÃ×;Ãзè¹Õ ѧè 㹡ÃкǹàÊ´¨ç ¾ÂËØ ÂÒµÃÒ·Ò§ªÅÁÒä
กาพยเ หเ รือเปน ความเรยี งลงสมุด
“สุวรรณหงสทรงพหู อย งามชดชอ ยลอยหลังสินธุ เรือพระทน่ี งั่ สุพรรณหงส
2. นักเรยี นวิเคราะห สังเคราะห เพยี งหงสทรงพรหมินทร ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม”
ลกั ษณะเดน และคุณคาดา น
วรรณศลิ ปและสงั คม เรือพระทนี่ ัง่ สุพรรณหงสลําปจ จบุ ัน เปน เรือพระท่นี ่งั
ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา เจา อยหู วั โปรดเกลา ฯ ให
3. นกั เรียนทอ งจําบทอาขยาน ตอ ขน้ึ ใหม สรา งเสรจ็ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา -
ตามทก่ี าํ หนด เจา อยูหัว และเปลี่ยนชื่อเปนเรือพระทนี่ งั่ สพุ รรณหงส
4. นักเรยี นตอบคาํ ถามประจาํ
หนว ยการเรียนรู แลว รายงาน
หนาช้นั เรยี น
เกรด็ แนะครู เรือพระที่นั่งนารายณท รงสบุ รรณ เรือพระท่นี ัง่ นารายณทรงสุบรรณ รัชกาลท่ี ๙* เปน
เรือพระที่น่ังกิ่งประเภทเรือรูปสัตว หนึ่งในเรือพระราชพิธี
ครูชี้ใหน ักเรียนเหน็ ความสาํ คัญ ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค นําตนแบบมาจากโขน
และคุณคาของการเหเ รือวา เปน เรือพระที่นั่ง “มงคลสุบรรณ” หัวเรือเปนรูปพระครุฑพาห
ศลิ ปวฒั นธรรมท่สี ืบตอ กนั มาเปน ทส่ี รา งขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ และ รชั กาลที่ ๔ มพี ระราชดาํ ริ
เวลานาน ท้งั คุณคา ทางภาษาและ ใหเสริมรูปพระนารายณยืน ประทับบนหลังพญาสุบรรณ
วรรณคดี จิตรกรรม สถาปตยกรรม เพ่อื ความเปน สงา งามของลาํ เรือ
เปนมรดกของชาตทิ ีส่ ะทอ นความ
เปน ไทยทคี่ นไทยควรภาคภูมใิ จ เรือพระที่น่ังอเนกชาติภุชงค สรางข้ึนใหมในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว จัดเปนเรือ
พระที่นั่งศรีในลําดับช้ันรอง ใชในการเสด็จพระราชดําเนิน เรอื พระทน่ี ่ังอเนกชาตภิ ชุ งค
ลําลอง เรียกวา เรือพระที่นั่งรอง นับเปนเรือพระที่น่ัง
ลาํ เดยี วทส่ี รา งขนึ้ ในสมยั รชั กาลที่ ๕ โขนเรอื จาํ หลกั ปด ทอง
เปนรปู พญานาคเลก็ ๆ จาํ นวนมาก
เรือพระทนี่ งั่ อนันตนาคราช เรอื พระทน่ี ง่ั อนนั ตนาคราช เปน เรอื พระทนี่ ง่ั บลั ลงั ก
ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค สรางขึ้นต้ังแตสมัย
รัชกาลท่ี ๕ ลาํ ปจจบุ ันมกี ารสรา งใหม ในสมัยรชั กาลท่ี ๖
โขนเรอื เปน “พญาอนนั ตนาคราช” หรอื นาค ๗ เศยี ร ใชเ ปน
เรือพระท่นี งั่ รอง หรือเรือเชิญผาพระกฐิน หรอื ประดษิ ฐาน
บษุ บกสําหรบั พระพทุ ธรูปสําคญั
* เรอื พระทน่ี งั่ นารายณท รงสบุ รรณ รชั กาลท่ี ๙ จดั สรา งขนึ้ เพอ่ื เฉลมิ ฉลองในวโรกาสพระราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก แหง พระบาท-
สมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ในวนั ท่ี ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙
๑๐๘
108 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand
เกรด็ แนะครู
คำาถามประจาำ หนว่ ยการเรยี นรู้ (แนวตอบ คําถามประจาํ
หนวยการเรยี นรู
1. กาพยเหเรือมีลกั ษณะเปน
๑. บทประพนั ธ์ประเภทกาพยห์ อ่ โคลง มีลักษณะอย่างไร คําประพันธกาพยยานี 11 กบั
จงอธิบายพรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ โคลงสส่ี ภุ าพ ขึ้นตน ดว ยโคลง
๒. นกั เรยี นชอบและประทบั ใจบทประพนั ธต์ อนใดมากทีส่ ดุ เพราะเหตุใด สี่สุภาพ 1 บท แลว ตามดว ยกาพย-
จงอธบิ ายพร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ ยานกี ีบ่ ทก็ได เน้ือความของกาพย
๓. กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศรใหค้ ุณคา่ ทางวรรณคดีอย่างไร บทแรกจะเหมือนกบั เนื้อความของ
จงอธิบายเป็นข้อๆ โดยสงั เขป โคลงบทแรก แลว กาพยบ ทตอ ไป
จงึ ขยายความใหก วางออกไป
2. นกั เรยี นตอบไดต ามความประทบั ใจ
เชน ชอบบทชมปลา เพราะทาํ ให
รจู กั พันธุปลามากข้นึ และแสดงให
เห็นความสามารถของกวที เ่ี ปรียบ
เทียบปลากับนางอนั เปน ท่ีรักไดด ี
3. กาพยเ หเ รอื ของเจา ฟา ธรรมธเิ บศร
ใหค ณุ คา ทางวรรณคดที ถี่ า ยทอด
กิจกรรมสร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ อารมณล กึ ซงึ้ ของกวี มคี วามไพเราะ
งดงาม และใชส าํ นวนโวหารลกึ ซง้ึ
๑. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ ๓ - ๕ คน จัดทา� แผ่นภาพหรือสมดุ ภาพ ทาํ ใหผ อู า นประจกั ษถ งึ ความรกั และ
เรือพระทน่ี ่ัง ปลา ต้นไม้ และนกชนิดต่างๆ กลมุ่ ละ ๑ หวั ข้อ ความผกู พนั ของกวที ม่ี ตี อ นาง ดังน้ี
๒. ให้นกั เรยี นทอ่ งจา� บทประพันธ์ทช่ี อบและประทบั ใจคนละ ๕ บท 1. คุณคาดานวรรณศลิ ป
พร้อมบอกเหตผุ ลทช่ี อบ - การสรรคาํ กวีเลือกสรรคาํ
ทีเ่ หมาะสมกับคาํ ประพันธ
๓. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน แต่งบทประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพจ�านวน คอื กาพยยานี 11 พรรณนา
๓ บท หรือกาพย์ยานี ๑๑ จ�านวน ๕ บท เลือกเพียงอย่างใดอย่างหน่ึง โดยมี ธรรมชาตแิ ละความงาม
เน้อื หาบรรยายลกั ษณะธรรมชาติใกลต้ วั นักเรยี น แปลกตาของเรอื พระทน่ี ง่ั เชน
“สวุ รรณหงสท รงพหู อ ย
งามชดชอ ยลอยหลงั สนิ ธุ
เพียงหงสท รงพรหมนิ ทร
ลินลาศเลอื่ นเตือนตาชม”
- การใชภ าพพจนอ ปุ มา ทําให
ผูอานเกดิ จนิ ตภาพ และเกดิ
อารมณคลอยตามไดง าย
109 “คชสีหท ีผาดเผน
ดดู ังเปนเหน็ ขบขนั
ราชสีหท ยี นื ยัน
แหสลดกั งฐผานลการเรยี นรู ค่ันสองคดู ูย่งิ ยง”
2. คุณคาดานสังคม สะทอ นใหเ ห็นสภาพธรรมชาติ บา นเมือง สงั คม ความเช่ือ และคา นยิ ม
1. การถอดคาํ ประพันธบ ททีน่ กั เรียนประทบั ใจ ของคนในสังคม ดังน้ี
2. การทองจาํ บทประพนั ธทีก่ ําหนด - สะทอนใหเ หน็ สภาพบานเมอื ง มคี วามอุดมสมบรู ณและความหลากหลายของพันธพุ ชื
3. บนั ทกึ คาํ ศัพทในบทเรยี น พันธุส ตั วข องไทยในอดีต เชน ตน ไม ดอกไม นก ปลา เปน ตน
4. การสังเคราะหค วามรูดานคุณคาทางสงั คม - สะทอนใหเหน็ ความเชอ่ื เร่อื งเวรกรรม อันเกย่ี วเน่อื งกับความศรัทธา
ทีม่ ีตอ พระพทุ ธศาสนา) คูมอื ครู 109
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage
Explore Explain Expand Evaluate
เปา หมายการเรยี นรู (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)
1. วิเคราะหวิจารณว รรณคดเี ร่ือง
สามัคคเี ภทคําฉันท
2. วเิ คราะหล ักษณะเดน ของวรรณคดี
เร่ืองสามคั คเี ภทคาํ ฉนั ท เช่ือมโยง
กบั การเรียนรูวิถีชีวิตของคน
ในสงั คมอดตี
3. วิเคราะหแ ละประเมินคา วรรณคดี
• ดานวรรณคดี
• ดานสงั คม
4. สงั เคราะหข อ คิดเรอ่ื งสามัคคเี ภท-
คําฉันท เพือ่ นําไปประยุกตใชใ น
ชีวติ จรงิ
5. บอกคณุ คา บทรอ ยกรองตาม
ความสนใจ
กระตุน ความสนใจ สามัคคีเภทคา� ฉนั ท์
1. ครใู หน ักเรียนบอกความหมายของ ôหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ประกอบดว้ ยฉันทห์ ลากหลายชนิด
คาํ วา “สามัคค”ี ในความเขา ใจ ในการด�าเนินเรื่อง มเี นอ้ื หา
ของนกั เรยี นแตละคน โดยครูให สามคั คเี ภทคา� ฉนั ท์ ทเี่ ป็นคตสิ อนใจ เนน้ ใหเ้ ห็น
นักเรียนไดต อบอยา งกวา งขวาง สามคั คธี รรมเปน็ หลัก
(แนวตอบ เปนตนวาความพรอ ม-
เพรยี งกัน ความปรองดองกนั ) ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
2. ครสู นทนากับนักเรียนเรอ่ื ง • วิเคราะห์และวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การ • การวิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม
ความสําคญั ของความสามคั คี เร่อื ง สามัคคีเภทค�าฉนั ท์
• ถาคนแตกความสามัคคีแลว วจิ ารณเ์ บือ้ งต้น (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑)
จะกอใหเกดิ ความเสยี หาย
อยางไร • วิเคราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดเี ชอื่ มโยงกบั การเรียนร้ทู าง
(แนวตอบ หากขาดความสามคั คี
ยอ มเกิดความวุนวาย และทําให ประวัตศิ าสตร์และวถิ ีชีวติ ของสังคมในอดตี (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒)
บา นเมอื งและสงั คมเกิดความ
เสียหาย) • วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ของวรรณคดแี ละ
วรรณกรรมในฐานะท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของชาต ิ
(ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓)
• สงั เคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพ่ือนา� ไปประยุกต์ใช้
ในชีวติ จริง (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๔)
110 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
๑ คว�มเปน ม� สาํ รวจคนหา
เรอื่ ง สามคั คเี ภทค�าฉันท ์ มีทีม่ าจากนทิ านในหนังสือธรรมจกั ษุ ซึ่งสมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า 1. ครูใหนักเรียนสบื คนในหวั ขอ
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์) เมื่อครั้งด�ารงสมณศักด์ิพระสุคุณคณาจารย์เป็น ตอไปนี้
ผเู้ รยี บเรียงมาจากสมุ ังคลวิลาสนิ ี อรรถกถา ฑีฆนิกายมหาวรรค ความในต้นเรื่องปรินพิ พานสูตร • ความเปน มา
นายชิต บุรทตั ได้อ่านนทิ านแล้วเห็นวา่ เป็นเรอ่ื งที่ดมี คี ติจึงแตง่ เป็นคา� ฉันท์ โดยมคี วามประสงค์ • ประวัตผิ ูแ ตง
ทลู เกลา้ ฯ ถวายเพอ่ื ขอพระราชทานคา� พระราชวนิ จิ ฉยั ตรวจแกจ้ ากพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ - • ลักษณะคําประพันธ
เจ้าอยหู่ ัว แตม่ ิไดก้ ระท�าเพราะเกรงจะขัดกบั พระราชประเพณีนยิ มดว้ ย นายชติ บุรทัตแต่งเรอื่ ง • เรื่องยอ
๒ สามัคคเี ภทคา� ฉนั ทเ์ สรจ็ เมอ่ื อายเุ พยี ง ๒๓ ปี 2. ใหน กั เรียนศึกษาผลงานเร่ืองอน่ื ๆ
ประวัติผูแต่ง ของนายชิต บรุ ทตั พรอม
ยกตัวอยางคาํ ประพนั ธ 1 บท
เรื่อง สามัคคีเภทค�าฉันท์นี้ แต่งโดยนายชิต บุรทัต ซึ่งเป็นบุตรของนายชูและนางปริก (แนวตอบ เชน เรื่องกรงุ เทพฯ-
สกลุ เดมิ คอื ชวางกรู เกดิ เมอ่ื วนั ท ่ี ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ภรรยาชอ่ื นางจนั แตไ่ มม่ บี ตุ รดว้ ยกนั คาํ ฉันท ณ หาดทรายชายทะเล
ไดร้ บั พระราชทานนามสกลุ ใหมว่ า่ บรุ ทตั เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ และถงึ แกก่ รรมเมอ่ื วนั ท ี่ ๒๗ เมษายน แหง หนึ่ง
พ.ศ. ๒๔๘๕ “สายณั หตะวันยาม
นายชิต บรุ ทตั ไดร้ ับการศกึ ษาเบอ้ื งต้นจากบิดา และศกึ ษาต่อท่ีโรงเรยี นวัดราชบพธิ และ ขณะขามทิฆัมพร
โรงเรยี นวัดสทุ ัศนเทพวราราม แล้วได้บรรพชาเปน็ สามเณรทว่ี ัดราชบพิธสถติ มหาสมี าราม ต่อมา เขา ภาคนภาตอน
ได้ลาสิกขาบทไป ๒ ปี แล้วจึงกลับมาบรรพชาใหม่ที่วัดเทพศิรินทราวาส และไปจ�าพรรษาที่ ทิศะตกกร็ ําไร” เปนตน )
วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่างบวชเรียนได้ศึกษาจนจบหลักสูตรนักธรรมประโยคช้ันสอง เป็นผู้รู้
ภาษาบาลสี นั สกฤตเปน็ อยา่ งด ี และทา� หนา้ ทเ่ี ปน็ เลขานกุ ารของสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา- อธบิ ายความรู
วชิรญาณวโรรส ต่อมาไดอ้ ุปสมบทเปน็ พระภิกษุ โดยมีสมเด็จพระสงั ฆราช กรมพระยาวชิรญาณ-
วโรรสเปน็ องค์อปุ ัชฌาย ์ จากนน้ั ไดล้ าสิกขาบท เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๖ ใหนักเรียนนําเสนอความเปนมา
นายชติ บรุ ทัต สนใจงานการประพนั ธ์ตงั้ แตค่ ร้งั เปน็ สามเณร โดยไดร้ บั อาราธนาจากองค์ ประวัติผูแตงและผลงานเร่ืองอื่นๆ
สภานายกหอสมดุ วชริ ญาณ ใหร้ ว่ มแตง่ คา� ฉนั ทส์ มโภชมหาเศวตฉตั ร ในงานพระราชพธิ ฉี ตั รมงคล ของนายชิต บุรทัต โดยวธิ ีสมุ นักเรยี น
รชั กาลท ี่ ๖ เมอ่ื ลาสกิ ขาบทไดท้ า� งานหนงั สอื พมิ พศ์ รกี รงุ พมิ พไ์ ทย โฟแทก็ ซ ์ ไทยหนมุ่ เทอดไทย 4 คน มาชวยกนั เลาหนาชั้นเรียน
โดยใช้นามปากกา เอกชน เจ้าเงาะ แมวคราว ผลงานการประพันธ์ที่ส�าคัญ คือ สามัคคีเภท-
คา� ฉนั ท์ และกรงุ เทพฯ ค�าฉนั ท ์ เกรด็ แนะครู
นายชิต บุรทัต มีฝีมือเชี่ยวชาญในการแต่งค�าประพันธ์ประเภทฉันท์ โดยเฉพาะการ
เลือกฉันท์ชนิดต่างๆ มาใช้สลับกันอย่างเหมาะสมกับเนื้อเร่ืองและลีลาของแต่ละตอน จนได้รับ ครูแนะใหนกั เรยี นรวู า คนไทยใน
การยกย่องว่ามคี วามไพเราะ งดงาม เปน็ ที่นิยมอ่านและจดจ�ากันตลอดมา อดตี เสพวรรณคดดี ว ยการฟง ดังนน้ั
นายชติ บุรทตั ถึงแกก่ รรมเมื่อวนั ท่ ี ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ รวมอายไุ ด ้ ๕๐ ปี เสียงครุ ลหุ จงึ ถือเปนสว นสําคัญ
ในการประพันธ ซ่งึ กวตี องเลือกใช
111 ชนดิ ของฉันทท ี่มีเสยี งครุ ลหุ หรอื ที่
เรยี กวา “ลลี าของฉนั ท” ใหเ หมาะสม
กับเนื้อเรอื่ งหรือการดาํ เนนิ เรือ่ ง
นกั เรยี นควรรู
สมโภชมหาเศวตฉัตร พระราชพิธีนจ้ี ดั ขึน้ คร้ังแรกใน พ.ศ. 2395 ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจา อยหู ัว
เม่ือพระองคท รงขึน้ ครองสริ ริ าชสมบัตแิ ละทรงประกอบพระราชพิธบี รมราชาภิเษก เมอื่ วันท่ี 6 เมษายน 2394 ซึง่ ตรง
กับวนั ทเ่ี จาพนกั งานท่ที าํ หนาท่รี ักษาเคร่ืองราชูปโภคจดั งานสมโภชเครื่องราชปู โภคพอดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ
ใหจดั พระราชพธิ สี มโภชพระมหาเศวตฉัตรเคร่อื งราชกกุธภณั ฑข ้ึนในวนั คลา ยวันบรมราชาภิเษกของพระองค ซ่งึ ตรง
กบั วนั ข้ึน 15 คา่ํ เดอื น 6 พระราชทานช่ือวา “พระราชพธิ ีฉัตรมงคล” เพอื่ ความสวสั ดแี หงสริ ิราชสมบัตแิ ละตอองค
พระมหากษัตรยิ
คูมอื ครู 111
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)
1. นกั เรียนแบง กลุมอธิบายลักษณะ ๓ ลักษณะคำ�ประพนั ธ์
คาํ ประพนั ธข องสามคั คเี ภทคาํ ฉนั ท
สง ตัวแทนกลุมมานําเสนอ สามคั คีเภทค�าฉนั ท์ แตง่ ด้วยคา� ประพันธ์ประเภทฉันท์ ๑๙ ชนดิ กาพย์ ๑ ชนดิ ดงั น้ี
หนา ชนั้ เรยี น (๑) สทั ทุลวกิ กฬี ติ ฉันท์ ๑๙ เป็นฉันท์ทม่ี ลี ีลาการอา่ นสงา่ เคร่งขรมึ มอี า� นาจดุจเสอื ผยอง
2. ใหน ักเรยี นพจิ ารณาลักษณะเดน ใชแ้ ตง่ สา� หรบั บทไหว้ครู บทสดุด ี ยอพระเกยี รติ
ของฉนั ทแ ตล ะชนดิ ในสามคั คเี ภท- (๒) วสนั ตดลิ กฉนั ท์ ๑๔ เปน็ ฉนั ทท์ ่มี ีลีลาไพเราะ งดงาม เยอื กเย็นดจุ เมด็ ฝน ใช้ส�าหรับ
คาํ ฉันท
• ฉันทลักษณข องฉนั ทม ีลกั ษณะ บรรยายหรอื พรรณนาช่ืนชมสงิ่ ที่สวยงาม
เดนอยางไรและแตกตางจาก (๓) อุปชาตฉิ ันท ์ ๑๑ นยิ มแต่งส�าหรับบทเจรจาหรอื บรรยายความเรียบๆ
คําประพันธป ระเภทอ่นื อยางไร (๔) อที สิ งั ฉนั ท ์ ๒๐ เปน็ ฉนั ทท์ ม่ี จี งั หวะกระแทกกระทนั้ เกรยี้ วกราด โกรธแคน้ และอารมณ์
(แนวตอบ ฉนั ทลักษณข องฉันท
กําหนดคําในคณะไวตายตัว รุนแรง เชน่ รกั มาก โกรธมาก ตน่ื เต้น คกึ คะนอง หรอื พรรณนาความสบั สน
บังคับใชเ สียงครุ ลหุ หรอื เสียง (๕) อินทรวิเชียรฉนั ท ์ ๑๑ เปน็ ฉนั ท์ท่มี ลี ีลาสวยงามดจุ สายฟ้าพระอนิ ทร ์ มีลลี าอ่อนหวาน
หนักเบาไวอ ยางชดั เจน ซ่งึ เสียง
หนกั เบาของครุ ลหถุ ือวา เปน ใช้บรรยายความหรือพรรณนาเพ่ือโน้มน้าวใจให้อ่อนโยน เมตตาสงสาร เอ็นดู ให้อารมณ์เหงา
จดุ เดนของฉันท เพราะทําให และเศรา้
เกิดเสยี งไพเราะเปน ทวงทํานอง
ทแี่ ตกตางตามลกั ษณะของฉนั ท (๖) วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ ๘ หมายถงึ ระเบยี บแหง่ สายฟา้ เปน็ ฉนั ท์ท่ใี ช้ในการบรรยายความ
แตล ะชนดิ เรยี กวา ลลี าของฉนั ท (๗) อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒ เป็นฉันท์ท่ีมีลีลาตอนท้ายไม่ราบเรียบคล้ายกลบทสะบัดสะบ้ิง
การแตง ฉันทจงึ ตอ งเลือกฉนั ท ใชใ้ นการบรรยายความหรอื พรรณนาความ
ทม่ี ลี ลี าเหมาะกบั เนอ้ื ความดว ย) (๘) วงั สฏั ฐฉนั ท์ ๑๒ เปน็ ฉันท์ท่มี ีส�าเนียงอนั ไพเราะเหมอื นเสยี งปี่
(๙) มาลนิ ฉี นั ท ์ ๑๕ เป็นฉันท์ทใี่ ชใ้ นการแตง่ กลบทหรอื บรรยายความทีเ่ ครง่ ขรึม เป็นสง่า
ขยายความเขาใจ (๑๐) ภชุ งคประยาตฉนั ท ์ ๑๒ เปน็ ฉนั ทท์ ม่ี ลี ลี างามสงา่ ดจุ งเู ลอื้ ย นยิ มใชแ้ ตง่ บททดี่ า� เนนิ เรอื่ ง
อย่างรวดเร็วและคึกคัก
ใหนักเรียนยกตวั อยางวรรณคดีที่ (๑๑) มาณวกฉันท์ ๘ เปน็ ฉนั ทท์ ่มี ลี ีลาผาดโผน สนุกสนาน รา่ เรงิ และต่นื เต้นดุจชายหนุ่ม
ใชค ําประพนั ธป ระเภทฉนั ทใ นการ (๑๒) อุเปนทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ เปน็ ฉันท์ท่มี คี วามไพเราะใช้ในการบรรยายบทเรยี บๆ
ประพันธหรอื ยกตวั อยางบทประพนั ธ (๑๓) สัทธราฉนั ท์ ๒๑ เปน็ ฉนั ทท์ ใี่ ชส้ า� หรับแต่งค�านมสั การ อธษิ ฐาน ยอพระเกยี รติ หรอื
ที่เปน ฉันททน่ี ักเรยี นจาํ ได อญั เชิญเทวดา ใชแ้ ต่งบทส้ันๆ
(๑๔) สาลนิ ฉี ันท์ ๑๑ เป็นบททีม่ คี �าครมุ าก ใชบ้ รรยายบททเี่ ป็นเน้อื หาสาระเรยี บๆ
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถ (๑๕) อุปฏั ฐิตาฉันท์ ๑๑ เปน็ ฉนั ท์ทเี่ หมาะส�าหรับใช้บรรยายบทเรียบๆ แต่ไมใ่ คร่มคี นนยิ ม
ยกตวั อยางไดห ลากหลาย เชน แตง่ มากนัก
อลิ ราชคาํ ฉนั ท ใชภ ชุ งคประยาตฉนั ท (๑๖) โตฎกฉนั ท ์ ๑๒ เปน็ ฉนั ทท์ ม่ี ลี ลี าสะบดั สะบง้ิ เหมอื นประตกั แทงโค ใชแ้ ตง่ กบั บททแ่ี สดง
ทม่ี ลี ีลาสละสลวย ร่นื เรงิ ใชกับเนอ้ื ความโกรธเคอื ง รอ้ นรน หรือสนุกสนาน คึกคะนอง ต่นื เตน้ และเรา้ ใจ
ความสดใส แสดงความรา เริง สดช่ืน
112
ตวั อยา งบทประพนั ธ
“ชะโดดุกกระดโี่ ดด นกั เรียนควรรู
สลาดโลดยะหยอยหยอย สัทธราฉันท 21 มีความหมายวา ฉนั ทย งั ความเลอ่ื มใสใหเ กิดแกผ ูฟง จึงเหมาะทจี่ ะนํามาแตง
กระเพอื่ มนํา้ พะพรา่ํ พรอย บทนมสั การ อธิษฐาน ยอพระเกียรติ หรืออัญเชญิ เทวดา
กระฉอกฉานกระฉอ นชล”
(อิลราชคาํ ฉันท : พระยาศรีสนุ ทรโวหาร))
112 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
(๑๗) กมลฉนั ท ์ ๑๒ หมายถงึ ฉนั ท์ทีม่ ีความไพเราะงดงามเหมือนดังดอกบวั ใช้กบั บทที่มี อธิบายความรู
ความตน่ื เต้นเลก็ นอ้ ยและใช้บรรยายเรอื่ ง
จากท่นี กั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งยอของ
(๑๘) จิตรปทาฉันท์ ๘ เป็นฉันท์ที่เหมาะส�าหรับบทที่น่ากลัว เอะอะ เกรี้ยวกราด ตื่นเต้น สามัคคเี ภทคาํ ฉันท ใหน กั เรยี น
ตกใจและกลัว เลาเรอ่ื งยอตอ กันเปน ชวงๆ โดยครู
ขึน้ ตนใหก อน และอาจทบทวนให
(๑๙) สุรางคนางค์ฉนั ท์ ๒๘ มีลักษณะการแต่งคล้ายกับกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ แต่ต่างกันท่ี นกั เรียนลาํ ดับเหตกุ ารณกันอยา ง
มขี ้อบังคบั คร ุ ลหุ เพิม่ ขึ้นมา ทา� ให้เกดิ ความไพเราะมากยง่ิ ข้ึน เหมาะสา� หรบั ขอ้ ความท่ีคกึ คัก ตอ เนือ่ ง จากนนั้ บันทกึ ลงสมดุ
สนุกสนาน โลดโผน ต่ืนเตน้
ขยายความเขา ใจ
(๒๐) กาพย์ฉบัง ๑๖ เป็นกาพยท์ ีม่ ลี ีลาสงา่ งาม ใชส้ �าหรบั บรรยายความงามหรือด�าเนินเร่ือง
เมอื่ นักเรยี นเลา เร่ืองจบแลว ครู
๔ อย่างรวดเรว็ จดั กลุม สรปุ เรื่องยอ ใหช ดั เจนมากข้นึ
เรือ่ งย่อ โดยเขียนเปนผังมโนทศั น เรียงลําดับ
เหตุการณ
พระเจา้ อชาตศตั รู ทรงครองแคว้นมคธมีราชคฤหเ์ ปน็ เมอื งหลวง ตอ้ งการขยายอาณาจักร
ไปยังแคว้นวัชชีอันมีพวกกษัตริย์ลิจฉวีปกครอง แต่พระองค์ทราบว่ากษัตริย์ลิจฉวีทุกพระองค์ B พ้ืนฐานอาชีพ
ลว้ นทรงมน่ั อยใู่ นธรรมทเ่ี รยี กวา่ “อปรหิ านยิ ธรรม ๗” คอื ธรรมอนั เปน็ ไปเพอ่ื เหตแุ หง่ ความเจรญิ
พระองค์จึงวางแผนให้วัสสการพราหมณ์ที่เป็นอ�ามาตย์คนสนิทไปเป็นไส้ศึก วัสสการพราหมณ์ B
ยอมทนรับพระราชอาญาดว้ ยทุกขเวทนาแสนสาหัสถงึ แก่สลบ เมื่อถูกเนรเทศออกจากแคว้นมคธ บทประพันธของนายชิต บรุ ทัต
ก็เดินทางมุ่งตรงไปเมืองเวสาลี กษัตริย์ลิจฉวีทรงตั้งให้เป็นครูสอนศิลปวิทยาแก่บรรดาราชกุมาร สว นมากเปนประเภทกวนี ิพนธ คือ
วสั สการพราหมณป์ ฏิบัตหิ นา้ ทดี่ ้วยความเตม็ ใจและเอาใจใสจ่ นเปน็ ที่ไว้ใจในหมกู่ ษัตรยิ ์ลจิ ฉว ี กาพย กลอน โคลง ฉนั ท ทัง้ นีเ้ พราะ
หลังจากน้ันวัสสการพราหมณ์จึงได้ด�าเนินอุบายเพื่อท�าลายความพร้อมเพรียงและความ มนี ิสยั ชอบทางกวีนิพนธมาแตเ ยาว
สามคั คกี นั ของกษตั รยิ ล์ จิ ฉว ี โดยวสั สการพราหมณค์ อยสง่ เสรมิ เหตแุ หง่ การทะเลาะววิ าทใหบ้ งั เกดิ ดว ยเหตทุ ่ีไดย ินไดฟงบดิ าอานกาพย
ขนึ้ ในหมรู่ าชกมุ ารอยเู่ นอื งนติ ย ์ จนกระทง่ั ทส่ี ดุ ราชกมุ ารทกุ องคก์ แ็ ตกสามคั คเี ปน็ เหตใุ หว้ วิ าทกนั กลอน โคลง ฉันท เปนทาํ นองไพเราะ
ความแตกร้าวก็ลามไปถึงบรรดาพระราชบิดาผู้ซึ่งเชื่อถ้อยค�าโอรสของตน หลังจากเวลาผ่านไป ชนิ หู จนเกดิ ความนิยมชมชอบแลว
๓ ปี ความสามคั คกี ็ถูกทา� ลายสน้ิ วสั สการพราหมณ์จึงใหค้ นลอบไปกราบทลู พระเจ้าอชาตศตั รู ยงั ไดรับการสงเสรมิ ใหศ กึ ษาโดย
พระเจา้ อชาตศตั รูก็กรธี าทัพสู่เมอื งเวสาลี เม่อื พวกชาวเมืองเวสาลีตกใจกลัวภยั มขุ มนตรี ประการตา งๆ จากบิดาอกี ดวย เปน
จึงได้ตีกลองให้บรรดากษัตริย์ลิจฉวีมาประชุมเพื่อยกทัพเข้าต่อสู้ศึก แต่เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีไม่มี ผลใหมชี ื่อเสยี งในเชิงรองหรอื อา น
ผู้ใดเข้าที่ประชมุ แมแ้ ต่คนเดียว อกี ท้งั ประตเู มืองก็ไม่มใี ครสง่ั ให้ปิด พระเจ้าอชาตศัตรูจงึ สามารถ กาพย กลอน โคลง ฉนั ท ตงั้ แตเ ปน
ยึดครองเมอื งเวสาลไี ดโ้ ดยง่าย นกั เรยี นในโรงเรยี นมาแลว หาก
นักเรียนมคี วามสนใจทางดานการ
113 ประพันธร อ ยกรองกค็ วรหมัน่ ฝก ฝน
ใหจดั เจนและมองหาโอกาส
ในการแสดงฝม ือ ซ่ึงจะนําไปสูอ าชพี
นักประพันธไ ด
@ มุม IT นักเรยี นควรรู
ศึกษาเก่ียวกบั เร่อื งยอ สามัคคีเภทคาํ ฉนั ทเ พ่ิมเติม ไดท ี่ สรุ างคนางค ในคัมภรี ก าพย-
http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G1/thanyaporn/page2.html สารวลิ าสนิ ี มแี บบกาพยสรุ างคนางคท กี่ าํ หนดบงั คับคําลหุ คาํ ครุ สลบั กนั
ทกุ จังหวะโดยตลอดทั้งบท เรียกช่ือวา “กากคต”ิ ซง่ึ พระยาศรีสนุ ทรโวหาร
(ผนั สาลกั ษณ) ไดนํามาเปนแบบในการแตงอลิ ราชคาํ ฉันท และ
นายชิต บุรทัต นํามาแตง ในสามคั คเี ภทคาํ ฉันท
คูมือครู 113
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain Expand Evaluate
กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)
ครแู ละนักเรยี นชวยกันเลอื ก ๕ เนอื้ เร่ื อง
ตวั อยา งทใ่ี หขอคิดในการอยรู ว มกัน
จากนั้นรว มกันสนทนาเก่ียวกับ สำมคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์
เนือ้ หาของเรือ่ งที่ยกมา โดยครูคอย
นํานักเรียนใหเชือ่ มโยงสูเ น้อื หา นําเรื่องกลาวนมสั การพระรัตนตรยั และสงิ่ ศักด์สิ ทิ ธ ์ิ บชู าคณุ พระบิดามารดา คร ู อาจารย
วรรณคดเี ร่อื งสามัคคเี ภทคําฉนั ท และอาศิรวาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจา อยหู ัว และบอกจดุ ประสงคการแตง ดังนี้
• วรรณคดีหรอื นทิ านที่นกั เรียน สทั ทุลวกิ กีฬต ฉันท ๑๙
ยกมาใหขอ คิดเก่ียวกบั ความ
สามัคคีบา งหรอื ไม ๏ พรอ้ มเบญจางคประดษิ ฐส์ ฤษฎสิ ดดุ ี
กายจติ วจีไตร ทวาร
• นักเรยี นคนใดรจู กั วรรณคดี ๏ ไหว้คุณองคพ์ ระสคุ ตอนาวรณญาณ
เรือ่ งสามัคคีเภทคําฉันทบา ง ยอดศาสดาจารย์ มนุ ี
๏ อกี คุณสนุ ทรธรรมคัมภริ วธิ ี
• นักเรยี นคดิ วา ความสามัคคี พทุ ธพจนป์ ระชมุ ตรี ปิฎก
สงผลตอสงั คมอยางไรบา ง ๏ ท้ังคณุ สงฆพสิ ทุ ธศาสนดลิ ก
สัมพทุ ธสาวก นกิ ร
สํารวจคนหา ๏ ขอนอ้ มคุณพระคเณศวเิ ศษศิลปธร
เวทางคบวร กวี
1. ใหนักเรยี นสบื คนเน้อื เร่อื งของ ๏ เป็นเจ้าแหง่ วทิ ยาวราภรณศรี
สามคั คเี ภทคาํ ฉนั ทเ พิม่ เติมจาก สนุ ทรสวุ าท ี วิธาน
แหลงเรียนรอู ืน่ เชน หนงั สือ ๏ สรวมชีพหัตถประณาม ณ เบอ้ื งพระบทมาลย์
เก่ียวกบั วรรณคดีไทยตางๆ หมายโพธิสมภาร พระองค์
เว็บไซตใ นอินเทอรเน็ต เปนตน ๏ สมเด็จอัครมหาจฑุ าธิปพระมง
2. ใหนักเรยี นสบื คนขอมูลเกยี่ วกบั
ขนบธรรมเนียมการประพนั ธ
รอยกรองในสมยั กอน
กฎุ เกลา้ พิสฐิ พงศ ์ กษตั ริย์
๏ บานบา� เทิงพระเถลงิ ถวัลยอธปิ ตั ย์
นกั เรยี นควรรู ที่หกดลิ กรัฐ ประชา
ฯลฯ
พระคเณศ หรอื พระพิฆเณศ ๏ เพียรเพญ็ ในมนเผือและเพอ่ื พิริยจอง
เปนเทพแหง ความสําเรจ็ และศลิ ปะ เจตนค์ ิดลิขิตปอง ประพันธ์
ซ่ึงกวีและศิลปนมกั บูชาพระพิฆเณศ ๏ สามัคคภี ิทโทษนิทานคตธิ รรม์
โดยมคี วามเชอื่ วา ถา บชู าแลว จะประสบ ถอ้ ยพสิ ดารอัน แถลง
ความสาํ เรจ็ ปราศจากเรอื่ งขดั ขอ งใดๆ
นกั เรยี นควรรู 114
เวทางค มาจากคาํ วา เวทางคศาสตร นกั เรยี นควรรู นักเรียนควรรู
หมายถงึ วชิ าประกอบการศึกษาพระเวท
มี 6 อยา ง คือ 1. การศึกษาวธิ กี ารออกเสยี ง สรวมชีพ หมายถึง ขอชีวิต ขอจงปกปอ งชวี ิต ศลิ ปธร เปน การสรางคําโดยวธิ สี มาส
ในคัมภีรพระเวทใหถกู ตอง 2. ไวยากรณ ในท่นี ห้ี มายถึง คาํ ทีใ่ ชข ้นึ ตน คาํ กราบบงั คมทลู คอื คําวา ศลิ ปะ+ธร ซ่ึง “ธร” หมายถึง
3. ฉันท 4. ดาราศาสตร 5. กาํ เนดิ คาํ มคี วามหมายเหมือนขอเดชะ ใชก บั กษตั ริยและ ผทู รงไว ผูร ักษาไว “ศิลปธร” จงึ
6. วิธจี ดั ทาํ พธิ ี ราชนิ ี หมายถึง ผูท รงไวซ่งึ ศลิ ปะ
114 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
๏ เชงิ บรรพฉ์ นั ทเลบงเชลงพจนแปลง ประโยชน์ อธิบายความรู
บรรจงประสงคแ์ จง
๏ บชู าศาสนพากยส์ ุภาษติ วโิ รจน์ 1. ใหนักเรยี นจดั กลมุ เพ่ือนําเสนอ
เริงปรตี ปิ ราโมทย์ ประมวล เกยี่ วกับขนบธรรมเนยี มการ
๏ ไหนบทบาทผวิ คลาดเพราะผิดนติ ิขบวน ประพนั ธรอยกรองในสมัยกอ น
โกวทิ กวคี วร อภยั (แนวตอบ ตามขนบธรรมเนยี ม
การประพันธรอยกรองของไทย
ฯลฯ ตอ งประพันธส วนตน เร่ืองดวย
บทประณามพจน หรอื บทไหวค รู
เนื่องจากสามัคคีเภทคําฉันทมีความยาวมากจึงตัดตอนมาเริ่มต้ังแตท่ีวัสสการพราหมณ กอ น ซง่ึ บทประณามพจนน ้ตี อง
ผูเปนอัครปุโรหิตคนสนิททูลพระเจาอชาตศัตรูวา การไปตีแควนวัชชีเปนสิ่งที่ยาก เพราะ กลาวนมสั การสิง่ ศกั ด์ิสทิ ธท์ิ ก่ี วี
กษัตริยลิจฉวีเขมแข็งในการปกครองและยึดหลักอปริหานิยธรรม หากจะเอาชนะไดตองใช เคารพนับถือ แสดงความกตญั ู
ปญ ญา ดงั นี้ ตอ บิดามารดาและครูอาจารย
รวมทัง้ มกั กลาวสรรเสรญิ
กาพยฉ บัง ๑๖ วนศัพทส์ �าเนา พระมหากษัตรยิ ด วย ซึ่งแสดง
๏ ด้วยเหตุพระองค์ทรงเสา บดีสีมา ใหเห็นวัฒนธรรมการเคารพ
ท้ังน้ันมนั่ คง สง่ิ ศักดิส์ ทิ ธิ์และการกตัญูตอ
ระเบ็งระบอื ลือชา ใช่เหตุแห่งหานยิ ์ แผนดิน พอ แม และครอู าจารย
ปรึกษากนั ไป ที่ประสิทธ์ิประสาทวิชาให)
๏ ว่ากษัตรยิ ว์ ชั ชีบรรดา พร้อมพรักพรรคคุม
มาจารีตจ�า 2. ครสู รปุ ความรู แลวใหน ักเรียน
เกษตรประเทศทกุ องค์ โอวาทศาสนแ์ สดง บนั ทึกลงสมุด
๏ อปริหานยิ ธรรมธ�ารง นักเรียนควรรู
มิโกรธมิกร้าวรา้ วฉาน เลบง เปนคาํ ทมี่ าจากภาษาเขมร
คาํ วา “เลบง” ในภาษาเขมร
๏ เพอ่ื ธรรมด�าเนินเจริญการณ์ หมายถงึ เลน เม่อื ไทยรับมามักใช
ในบทประพันธ มคี วามหมายวา
เจ็ดข้อจะคดั จดั ไข แตง ประพนั ธ
๏ หนงึ่ . เม่ือมรี าชกจิ ใด @ มมุ IT
บ ่ วาย บ ่ หน่ายชมุ นมุ ศกึ ษาเกีย่ วกบั เรอื่ งหลัก
อปรหิ านิยธรรมเพ่ิมเติม ไดท่ี
๏ สอง. ยอ่ มพรอ้ มเลกิ พรอ้ มประชมุ http://www.dhammathai.org/
buddhistdic/bowl378.php
ประกอบ ณ กิจควรท�า
๏ สาม. นนั้ ถอื มนั่ ในสมั
ประพฤติมติ ดั ดัดแปลง
๏ ส.่ี ใครเป็นใหญ่ได้แจง
ก็ยอมและนอ้ มบูชา
115
คมู อื ครู 115
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%)
จากที่นกั เรยี นอานบทประพันธให ๏ หา้ . นั้นอนั บตุ รภริยา แห่งใครไป่ปรา
นกั เรียนอธิบายการสรรคาํ มาใชแ ตง มยิ ่า� ย�าเยง
คาํ ประพนั ธประเภทฉนั ท พรอมทงั้ รภประทุษขม่ เหง ในรัฐวชั ชี
ยกตัวอยางเน้ือเร่อื งประกอบการ สามัคคธี รรม์
อธบิ ายใหชดั เจนยิง่ ขึ้น ๏ หก. ท่เี จดยี ค์ นเกรง สดับสรรพคดี
รบเร้าเอาตาม
(แนวตอบ การสรรคํามาใชประพันธ กเ็ ซ่นกส็ รวงบวงพลี รอกอ่ นผ่อนหา
ฉันทตองคาํ นึงถงึ เสยี งครุ ลหุ และ
คาํ ในคณะ ดงั นนั้ จงึ จําเปนตอ งใช ๏ เจด็ . พระอรหนั ต์อันม ี
คํายัติภงั ค คือ คําไมห มดตรงท่ี
กําหนดไวต ามฉนั ทลักษณ แตเ ลยไป ก็คมุ้ ก็ครองป้องกัน
วรรคหลงั อาจมีหรอื ไมม เี ครื่องหมาย
ยตั ิภังคค น่ั ก็ได เชน ๏ สปั ดพิธนิตคิ ตนิ ริ ันตร์
รภป“หราะ.ทนษุ น้ั ขอมนั เหบตุง”รภเรปยิ นาตแนหง ใครไปป รา
ณราชย์นรศิ ลจิ ฉวี
รวมทั้งมีการใชคําไมต รงรปู ศัพท
มกี ารแผลงคํา หรือยกั เย้ืองคํา โดย ๏ อชาตศัตรภู ูม ี
ตดั คาํ ตัดรูปสระ ตัดเครอื่ งหมาย
ทัณฑฆาตออก เพือ่ ใหค ําตรงตาม ดงั่ น้นั ก็ครัน่ ครา้ มขาม
คณะและมเี สียงครุ ลหทุ ี่ถูกตอ ง เชน
๏ ศกึ ใหญใ่ คร่จะพยายาม
“พระราชปรารม ภนยิ มมคิ วรการณ
ขอองคภบู าล พเิ คราะหถ อ ง ณ ทางด”ี กา� ลงั กห็ นกั นกั หนา
เปน ตน) ๏ จา� จกั หักด้วยปญั ญา
อุบายท�าลายมลู ความ ๚
พระเจาอชาตศัตรจู ึงทําอุบายกบั วัสสการพราหมณ คอื ประชุมขาราชบรพิ าร ทําทีวา
ตองการจะยกทพั ไปตวี ชั ช ี ใครมคี วามเหน็ ประการใด และใหวสั สการพราหมณค ัดคา น จาก
น้ันกท็ าํ ทีวา ทรงพระพิโรธ ลงโทษวัสสการพราหมณอ ยางรุนแรง
อปุ ชาติ ฉันท ๑๑
นกั เรยี นควรรู ๏ เราคิดจะใครย่ ก พยหุ พ์ ลสกลไกร
รณรัฐวชั ชี
พลี อา นวา พะ-ลี ในทนี่ ค้ี วรอาน ประชุมประชิดชยั บดิฐานมนตรี
รวบเสียงใหส ั้นเขา เพ่ือใหพอดีกบั พจคา้ นประการไร
จํานวนคําในคณะ พลี หมายถงึ ๏ ฉะนี้แหละเสนา อดิศูรนราศัย
การบวงสรวง การบชู า เปน คํา วจนตั ถทัดทาน
พอ งรูปกบั คาํ วา พลี อา นวา พฺลี คือใครจะใครม่ ี ภนยิ มมคิ วรการณ์
หมายถึง เสยี สละ พิเคราะห์ถอ่ ง ณ ทางดี
๏ ฝา่ ยพราหมณก์ ็กราบทลู
พลไกรและไปตี
นยาธิบายใน ชนบท บ สมหมาย
๏ พระราชปรารม
ขอองคภบู าล
๏ ข้อท่ีจะกรธี า
กษตั ริย์ ณ วัชช ี
นักเรียนควรรู 116
อดิศูร มาจากคําวา อดศิ ร
หมายถงึ ผูเปนใหญ กษตั รยิ
นักเรยี นควรรู
กรีธา หมายถึง เคลือ่ น ยก การเคลื่อนทพั เปน กระบวน เปนคาํ พองเสียงของคาํ วา กรฑี า
ซึ่งหมายถึง กีฬา การเลนสนกุ สนาน ควรระมัดระวังโดยเลือกใชใ หถ กู ตอง (กฬี า เปน ภาษาบาลี
สว นกรีฑา เปนภาษาสันสกฤต)
116 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธบิ ายความรู
“เอออุเหมนะมงึ ชชิ างกระไร
ททุ าสสถุลฉะน้ไี ฉน ก็มาเปน
๏ มแิ ผกมิผดิ พา ศกึ บ ถึงและมงึ ก็ยงั มเิ ห็น
กยขา้ พระองค์ทาย จะนอ ยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด”
ไป่ได้สะดวกดาย และจะแพเ้ พราะไพรี ใหนกั เรยี นรวมกนั แลกเปล่ยี น
ความคิดเห็นเกย่ี วกบั บทประพันธ
๏ พวกลิจฉวขี ตั ตยิ รฐั วัชชี ขางตน
มิตรพนั ธม่นั คง • บทประพันธขางตนแสดง
ละองค์ละองค์ม ี อารมณข องตวั ละครอยางไร
รณอาจกระทา� สง และสามารถทาํ ใหผอู า นเกดิ
๏ อนงึ่ สิสามารถ มริ ะยอ่ มเิ ยงใคร อารมณค ลอยตามไดหรือไม
อยา งไร
ครามยุทธยรรยง พลทพั ปราชัย (แนวตอบ บทประพนั ธน้แี สดง
มนขา้ พยากรณ์ อารมณโ กรธเกร้ียว ลลี าของ
๏ เรานอ้ ยจะยอ่ ยยบั ฉนั ทท าํ ใหเ กดิ ความรสู กึ กระแทก
ผิวเขาคะนึงคลอน กระทั้นกระชัน้ เหมอื นคนโกรธ
กระนแ้ี หละแนใ่ น ทุรจติ ผจญเรา ทีม่ ีเสียงกระตกุ หายใจถี่ เสยี ง
และคําทก่ี วใี ชสามารถทาํ ให
๏ และอีกประการเลา่ ทษุ ตอบก็ทา� เนา ผูอานเกดิ อารมณคลอ ยตามได)
ธุระเหน็ บ เป็นธรรม
แคลนพาลระรานรอน
ทตวิ ่าพระองค์จา�
๏ เปน็ ก่อนกระน้ันชอบ ริวิรุธประทุษเขา
มมิ คี ดเี อา รภภารเพื่อเบา
มิตรภาพสงบงาม ๚
๏ และโลกจะลว่ งวา
นงเจตนาดา�
๏ ฉะนพี้ ระจุ่งปรา
แบง่ กล่อมถนอมเกลา
อีทสิ งั ฉันท ๒๐
๏ ภูบดสี ดับอปุ ายะตาม ณ บังอาจ เกรด็ แนะครู
วโรงการ
ณ วาทวัสสการพราหม พโิ รธจึง ครูเพ่มิ เตมิ ความรใู หนักเรยี น
สยองภัย เก่ยี วกบั “อที ิสงั ฉนั ท” วามีลลี า
๏ เกนิ ประมาณเพราะการณล์ ะเมิดประมาท ก็มาเปน็ สะบัดสะบ้ิง กระชน้ั แตไมเทา
ประการใด โตฎกฉนั ทท ่ใี ชใ นการแตง เน้ือความ
บ ควรจะขัดบรมราช โกรธเกรี้ยว เอะอะ หรือตกใจไดดี
ฉันททั้งสองชนิดยังแสดงใหเ หน็
๏ ท้าวกท็ รงแสดงพระองค์ ธ ปาน ความสามารถของกวีทใ่ี ชคาํ ที่
สอดคลอ งกบั เน้ือความและลลี า
ประหน่งึ พระราชหทยั ลดุ าล ของฉนั ท คือ ใชค าํ งา ย สน้ั และ
แสดงอารมณโ กรธไดดี
๏ ผันพระกายกระทบื พระบาทและองึ
พระศพั ทสหี นาทพึง
๏ เอออเุ หมน่ ะมึงชชิ า่ งกระไร
ททุ าสสถลุ ฉะนไ้ี ฉน
๏ ศกึ บ ถงึ และมึงกย็ ังมิเหน็
จะน้อยจะมากจะยากจะเยน็
นกั เรยี นควรรู 117 นักเรียนควรรู
อปุ ายะ เปน ภาษาบาลี หมายถึง วิธีการอันแยบคาย มิตรพันธ มาจากคําวา พนั ธมติ ร
เลห กล เลหเ หลย่ี ม ปจจบุ ันใชค าํ วา “อบุ าย” หมายถงึ ความสมั พันธระหวางรัฐท่ี
จะชวยเหลือกนั ตามสนธิสญั ญา
ทีท่ าํ ไว เชน การรว มรบ เปน ตน
คูมอื ครู 117
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%)
จากบทประพนั ธท่นี กั เรียนอา น ๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ กห็ มนิ่ กู
ใหน กั เรยี นอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ สลิ ่าถอย
เกยี่ วกบั การทาํ สงครามในแควน ตา งๆ ขยาดขย้นั มิทนั อะไร ประเด็นขดั
ที่อยใู กลก ัน จะทานค�า
๏ กลกะกากะหวาดขมงั ธนู สมยั นาน
• พระเจา อชาตศตั รทู รงทาํ ถกู ณ ทันที
หรือไมทีย่ กทพั ไปรุกรานเหลา บ ห่อนจะเหน็ ธวัชรปิ ู จะรอไย
กษัตริยลจิ ฉวแี หงแควน วัชชี กะคนคด
(แนวตอบ ครคู วรเสนอแนะวา ๏ พา่ ยเพราะภยั พะตัวและกลัวจะพลอย และโกนผม
ประเทศเพอ่ื นบานทอ่ี ยใู กลก ัน บุรีไร
ควรเกือ้ กูลกัน เพื่อใหบา นเมือง พินาศชพิ ติ ประดิดประดอย บ ห้ามกัน
อยูอ ยา งสงบสุข เพราะจะทาํ ให มหาคาร ๚
ประชาชนสามารถประกอบ ๏ กกู ็เอกอุดมบรมกษตั รยิ ์
อาชีพและดาํ รงชวี ติ ไดอ ยาง
ปกตสิ ุข บา นเมืองกจ็ ะเจรญิ วิจาระถ้วน บ ควรจะทดั
กา วหนา ไมไ ดรบั ความ
เดือดรอ น) ๏ นนี่ ะ่ เห็นเพราะเปน็ อมาตยก์ ระท�า
@ มมุ IT พระราชการมาฉนา�
ศกึ ษาสามคั คีเภทคําฉนั ทใ นฐานะ ๏ ใชก่ ระนน้ั ละไซร้จะใหป้ ระหาร
ทเี่ ปนวรรณคดีเกย่ี วกบั ศาสนา
เพิ่มเตมิ ไดท ่ี http://wannakadee. ชวิ าตม์และหวั จะเสยี บประจาน
exteen.com/page-2
๏ นาคราภบิ าลสภาบดี
และราชบรุ ุษแนะ่ เฮ้ยจะร ี
๏ ฉดุ กระชากกลีอปรยี เ์ ถอะไป
บ พกั จะต้องกรณุ อะไร
๏ ลงพระราชกรรมกรณบท
พระอัยการพิพากษกฎ
๏ ไล่มใิ หส้ ถติ ณ คามนิคม
นครมหาสมิ านิยม
๏ มันสมคั รสวามิภกั ดใิ น
อมติ รลิจฉวกี ไ็ ป
๏ เสรจ็ ประกาศพระราชธูรสรรพ์
เสด็จนิวตั สภาภิมณั ฑ์
วัสสการพราหมณถูกลงโทษโดยการโกนศีรษะ เฆ่ียนตี และขับไลออกจากเมือง
วสั สการพราหมณเ ดนิ ทางไปแควน วชั ชีเพอ่ื ขอสวามภิ ักด์ิ
อินทรวิเชยี ร ฉันท ๑๑
๏ ควรเพือ่ จะสมเพช ภยเวทนาการ
พะกระทบประสบทัณฑ์
ด้วยทา่ นพฤฒาจารย ์
118
118 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain
๏ โดยเต็มกตัญู Expand Evaluate
ใหญ่ยิง่ และยากอัน กตเวทิตาครนั อธิบายความรู
นรอืน่ จะอาจทน
๏ หยั่งชอบนิยมเชอื่ สละเน้ือและเลอื ดตน 1. ใหน ักเรียนเลอื กบทประพนั ธท ี่
ขรการณพ์ ะพานกาย แสดงใหเ หน็ อารมณโกรธเกรย้ี ว
ยอมรับทุเรศผล ชวิ แทบจะท�าลาย ของพระเจาอชาตศตั รู และอธบิ าย
มนมัน่ มหิ วนั่ ไหว วา สว นใดที่แสดงใหเ หน็ อารมณ
๏ ไป่เห็นกะเจบ็ แสบ ผิถวลิ สะดวกใด โกรธ
บ มิเลี่ยงจะเบย่ี งเบือน (แนวตอบ เชน
มอบสัตยส์ มรรถหมาย หฤทยั ประทักษ์เหมอื น
สติอดสะกดเอา “ฉดุ กระชากกลีอปรยี เ ถอะไป
๏ หวงั แผน ณ แผ่นดิน พลโบยมิใชเ่ บา บ พกั จะตอ งกรุณอะไร กะคนคด”
ขณะหวดสิพึงกลัว
เกอื้ กจิ สฤษฏ์ไป พิศเสน้ สรีร์รวั หรือ
ก็ระรกิ ระริวไหว
๏ ยากทจี่ ะมีใคร หติ โอ้เลอะหลง่ั ไป “ใชก ระนนั้ ละไซรจ ะใหป ระหาร
ระกะร่อยเพราะรอยหวาย ชวิ าตมแ ละหวั จะเสยี บประจาน ณ ทนั ท”ี
กัดฟัน บ ฟ่นั เฟอน ระยะแถวตลอดลาย
สิรพับพะกับคา เปน ตน )
๏ พวกราชมลั โดย รสนทิ และเสนา 2. จากหนา 118 - 119 นกั เรียน
หสล้วนสลดใจ
สดุ หัตถแห่งเขา มนโศกอาลยั ยกบทประพนั ธบ ททม่ี วี รรณศิลป
ขณะเหน็ บ เว้นคน ท่ีโดดเดน ตามความสนใจของ
๏ บงเน้ือกเ็ น้อื เต้น สติฟน ประทงั ตน นกั เรียน
บกกรกโ็ กนหวั • นกั เรยี นบอกไดวา บทประพนั ธ
ทั่วรา่ งและทง้ั ตัว สริ เิ ปลา่ ประจานตวั
ผมิ ลกั จะหลาบจา� ท่ียกมาน้นั มคี วามโดดเดน
๏ แลหลังละลามโล ปนพลนั ประกาศทา� อยา งไร
ดุจราชโองการ (แนวตอบ บทประพนั ธนม้ี ี
เพง่ ผาดอนาถใจ ขณะยลทชิ าจารย์ วรรณศลิ ปโดดเดน ท่กี ารเลอื ก
สรศัพทป์ ระสาสนั ทน์ ใชฉนั ทท ่ีมีลลี าทวงทํานองเสียง
๏ เนอ่ื งนบั อเนกแนว เหมาะสมกับเน้อื ความ เชน
119 ใชอีทสิ งั ฉนั ทท ่มี ีเสียงกระชั้น
เฆ่ยี นครบสยบกาย กระแทกเหมอื นเสยี งลมหายใจ
นักเรยี นควรรู ของคนกาํ ลงั โกรธ อีกท้ังกวี
๏ หมญู่ าตอิ มาตยม์ ติ สรรคําทม่ี คี วามหมายดดุ นั
พะพาน มีความหมายเหมือนคําวา สะทอ นใหเห็นความโกรธเกร้ียว
สังเวช ณ เหตสุ า “พองพาน” หมายถงึ ประสบ แตะตอง ของพระเจา อชาตศตั รทู ่ีถกู หมิ่น
พระเกยี รติไดด)ี
๏ สุดทจ่ี ะกล้นั โท
เกรด็ แนะครู
ถ้วนหน้ามิวา่ ใคร
ครแู นะความรเู ก่ียวกบั ลักษณะ
๏ แก้ไขและได้คนื ทางวรรณศลิ ปท่โี ดดเดน ในสามคั ค-ี
เภทคําฉนั ท คือ การเลนสัมผัสใน
จึง่ ราชบุรุษกล อยางแพรวพราว ทง้ั สมั ผสั สระและ
สมั ผัสอักษร ซงึ่ มีปรากฏในทกุ วรรค
๏ เส่อื มสีสะผมเผ้า ท้ังในสว นของฉันทแ ละกาพย แสดง
ใหเ ห็นถงึ ความสามารถของกวี ซึ่ง
เปน็ เยย่ี งประหยัดกลวั สามารถสรรคํามาใชอ ยา งเหมาะสม
การสรรคาํ ทม่ี เี สยี งสมั ผสั ในยงั ชว ยให
๏ เสร็จกิจประการกัล เกิดทวงทาํ นองเสียงไพเราะอีกดวย
ปพั พาชนยี กรรม คมู ือครู 119
๏ แนน่ หน้ามหาชน
แสนสุดจะสงสาร
นักเรียนควรรู
สฤษฏ เปนคําภาษาสันสกฤต มคี วามหมาย
วา การทาํ การสราง สามารถใชว า สฤษดิ์ ได
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%)
จากบทประพันธ ในหนา 119 - 120 ๏ บางคนกมลอ่อน อรุ ะขอ้ นพไิ รพรรณน์
ใหน ักเรยี นรว มกันถอดคาํ ประพนั ธ กุธเกลียดกเ็ สยี ดสี
ที่ทาํ ใหเ หน็ ความเสยี สละและความ บางพวกพิสยั ฉนั พเิ คราะห์ขา้ งพิจารณด์ ี
อดทนของวสั สการพราหมณ เพ่อื ใช ณ หทยั กใ็ หข้ อง
เปนกลอบุ ายเขา ไปแควนวชั ชี ๏ บางเหลา่ ก็เปน็ กลาง กลเล่หแ์ ละทา� นอง
นรสน้ิ บ สงสัย
(แนวตอบ วสั สการพราหมณต อ ง บางหมู่กรณุ มี ชคฤห์ฐานมุง่ ไป
ไดรับทุกขเวทนา ดวยความกตัญู บุรรฐั วัชช ี ๚
กตเวทอี ันยิ่งใหญ โดยยอมสละ ๏ พราหมณว์ ัสสการเส
เลอื ดเนือ้ ของตนเอง ยอมรับผล
อนั นาเวทนาและเหตุรา ยทีเ่ กิดขน้ึ ท่าทางละอยา่ งผอง
กบั ตนเอง แมช วี ติ แทบสูญสิ้น
ก็ไมแสดงออกแตอ ยา งใด เพราะ ๏ ปลงอาตมน์ ิราศรา
มน่ั ใจในความซอ่ื สตั ยอ ยา งไมแ ปรผนั
เมอื่ พระเจา แผน ดนิ มพี ระราชประสงค สเู่ ทศสถานไกล
จะดําเนนิ แผนการวิธใี ดกป็ ฏิบัติ
สนองไปตามพระราชประสงค วชิ ชมุ มาลา ฉันท ๘
โดยมิไดหลีกเล่ยี งและบดิ เบอื น
ยากจะมีผใู ดมีจติ ใจเขม แข็งกดั ฟน ๏ แรมทางกลางเถือ่ น ห่างเพื่อนหาผู้
ทนตงั้ สติม่ันคงเชน นี้ เห็นใครไป่มี
หนึง่ ใดนึกด ู เมืองหลวงธานี
ผูท ําหนา ทล่ี งโทษโบยอยา งหนกั หลายวนั ถ่นั ลว่ ง ดุ่มเดาเขา้ ไป
หวดลงไปจนสุดแรงดูนากลัว มอง นามเวสาลี เชิงชดิ ชอบเชือ่ ง
เห็นเนอื้ เตนระรกิ เสนเอ็นสนั่ รัวไป ฉนั ทอ์ ชั ฌาสัย
ทว่ั ทงั้ รางกายทแ่ี ผนหลังเลือดไหล ๏ ผูกไมตรจี ติ วา้ วนุ่ วายใจ
เปรอะไปหมด แผลแตกเปน ริ้วรอย ดา้ วต่างแดนตน
ดนู า อนาถใจ รอยแผลน้นั นบั ไมถ ว น กบั หม่ชู าวเมอื ง สงั เกตอาการ
เตม็ ไปหมดท้งั ตัว คร้นั เฆี่ยนครบก็ เลา่ เรือ่ งเคอื งขนุ่ ทา่ ทีทกุ ข์ทน
หมดสติ คอพบั อยูกับคา ญาตสิ นิท จา� เปน็ มาใน แน่แท้ทพุ พล
มิตรสหายและทหารพากันสลดใจ ให้พกั อาศยั
ผคู นทอี่ ยใู นเหตกุ ารณต า งไมส ามารถ ๏ เขาแสนสมเพช ออื้ พลันแพรห่ ลาย
กลั้นความเศรา โศกเสียใจไดส ัก แจ้งร่วั ทั่วไป
คนเดยี ว) แห่งเอกอาจารย ์ เคา้ มูลขานไข
ภายนอกบอกแผล แหลง่ หลา้ ลิจฉวี
เหน็ เหตุสมผล โดยราชดา� รสั
ทมุ่ ฆาตเภรี
๏ ขา่ วคราวกลา่ วกนั อาณาวัชชี
การตรกึ ปรึกษา
ลือล่�ากา� จาย
มนตรกี ราบทูล
แดอ่ งค์ทา้ วไท
๏ ทรงทราบข่าวสาสน์
สญั ญาอาณตั ิ
ทกุ ไท้ราชา
เชิญชุมนมุ ม ี
นกั เรยี นควรรู 120
วิชชุมมาลา ฉันท 8 ฉนั ทน ้ีโดดเดน
ที่คําสัมผสั อกั ษร คือ การสมั ผสั
อกั ษรในลกั ษณะ
1. เทียบคู คือ สัมผัสอักษรเรียงกนั
3 คํา เชน
“วาวนุ วายใจ แหลงหลา ลจิ ฉวี”
2. เทยี มรถ คือ สัมผัสอกั ษรเรียงกนั 4 คาํ เชน
“เชิงชิดชอบเชอ่ื ง ทา ทที ุกขทน”
120 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
๏ แน่นเนอื งเนอื่ งนบั ลา� ดบั โดยหมู่ อธิบายความรู
ทนั ใดราชผ ู้ เป็นใหญใ่ นสภา 1. นกั เรยี นเแตล ะกลมุ รวมกันศึกษา
ฉนั ทลักษณข องฉันทชนดิ ตางๆ
เอย่ อารมั ภ์พจน ์ ตามบทมีมา ทีป่ รากฏในเร่อื งกลมุ ละ 1 ชนดิ
แลว นําเสนอความรูหนา ชน้ั เรยี น
ชี้แจงจักปรา รภกันฉันใด
๏ พราหมณ์หน่งึ ซ่ึงเขา 2. ใหน กั เรียนแตล ะกลุมยกตวั อยาง
เปน็ เปาโรหิต บทประพนั ธจ ากเรอ่ื งตามชนดิ ฉนั ท
ที่กลมุ นาํ เสนอ แลว พิจารณาวา
พวกปจั จามติ ร มาคธเขตไกร ตวั อยา งฉนั ททีย่ กมามลี ักษณะ
ทางวรรณศิลปท โี่ ดดเดนอยางไร
ตอ้ งราชอาญา หนีมาอาศยั (แนวตอบ ตวั อยา งเชน
จ�าไลใ่ ห้ไป ฤารับเลี้ยงดู “บงเนื้อกเ็ น้ือเตน พศิ เสน สรรี รวั
ทั่วรา งและทัง้ ตัว ก็ระรกิ ระรวิ ไหว”
ฯลฯ
อนิ ทรวิเชยี รฉันทบ ทน้แี สดง
วัสสการพราหมณใชวาทศิลปยกยองวากษัตริยลิจฉวีมีเมตตาจึงหวังจะมาพ่ึงพระบรม- ใหเหน็ การสัน่ กระตุกเตน ของ
โพธิสมภาร สาเหตุท่ีตองถูกลงทัณฑเพราะคัดคานกษัตริยมคธวา ไมอาจสูวัชชีได เพราะ กลา มเน้ือท่ถี ูกโบยตี เปนการใช
วชั ชเี ขมแขง็ มคธเหมือนหิ่งหอย ไมอาจสูแสงอาทติ ยได หากเขา สกู ็จะเหมอื นแมลงเมา บิน คาํ นอยท่ีสามารถสรา งจินตภาพ
เขากองไฟ ไดเปน อยา งดี รวมทงั้ ยงั ใชค ําแบง
จงั หวะการอานเปน ชวงๆ สือ่
วสนั ตดลิ ก ฉนั ท ๑๔ อารมณไดอกี ดวย เปน ตน)
๏ ขา้ แตพ่ ระจอมจฬุ มกฎุ บรสิ ทุ ธกิ �าจาย นกั เรียนควรรู
ตระบะเบิกระบอื บุณย์
ปรากฏพระยศระบุระบาย อปุ ถัมภการุณย์ อนสุ ร เปน คาํ กริยา หมายถงึ
ทรพูนพบิ ลู งาม ระลึก คาํ นึงถึง ถา เปน คํานาม
๏ เมตตาทยาลศุ ุภกรรม ทะนทุ ปี่ ระทังความ เขียนวา อนุสรณ
นรหากประสบเห็น
สรรเสรญิ เจริญพระคุณสุน ระอุผ่าวก็ผ่อนเยน็
สุขปตี ิดีใจ
๏ เปรยี บปานมหรรณพนที ภยมีจะร้อนใด
จะเสมอเสมอื นตน
รอ้ นกายกระหายอุทกยาม ภยมขุ ประมวลดล
ชนผ้จู ะดูดาย
๏ เอิบอ่ิมกระหยมิ่ หทยคราว และก็แกช่ รากาย
อนสุ ร บ ห่อนเห็น
ยงั อณุ หมญุ จนะและเป็น
๏ อนั ข้าพระองค์กษณะน ้ี
ยิ่งกวา่ และหามนุษย์ไหน
๏ ใครเ่ ปลอื้ งประเทอื งประณุททกุ ข์
ไร้ญาตแิ ละขาดมติ รสกล
๏ โดยเดียวเพราะอาดรุ ณ แด
ท่ซี ่งึ จะพงึ สรณะหมาย
121
คมู ือครู 121
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
จากบทประพนั ธหนา 122 น้ี ๏ ทราบข่าวขจรกิรตบิ า ฯลฯ รมิว่าพระองค์เป็น
กษัตรยิ ลิจฉวียอมใหว ัสสการ- ฯลฯ กรุณามหาศาล
พราหมณท าํ หนาทเี่ ปนครูและ เอกอัครกษตั รยิ ส์ ขุ มุ เพ็ญ อภิโพธิสมภาร
ผูพิพากษา ซง่ึ เปนหนา ทสี่ าํ คัญ นจิ กาลปรารมภ์
อยางยงิ่ ในราชสาํ นกั ใหน ักเรียน ๏ หวังเพอื่ พะพิงบพิตรพง่ึ
รว มกันอภปิ รายประเดน็ คาํ ถาม พจะขันจะเขม้ แขง
ตอ ไปน้ี มอบกายถวายชวี ติ ปราณ รณการกลา้ หาญ
พลอ่อน บ ช�านาญ
• เหตใุ ดกษัตริยล จิ ฉวีจึงไววาง ๏ วชั ชบี วรนครสรร ริปนุ ั้นไฉนไหว
พระทัยใหว ัสสการพราหมณ มุหฝ่า ณ กองไฟ
รบั ผดิ ชอบหนา ท่ที ีส่ าํ คญั ร้ีพลสกลพิรยิ แรง จะมินา่ ชิวาลาญ
ตอ บา นเมือง ทัง้ ท่ีวัสสการ- พจนัตถทดั ทาน
พราหมณเปนคนตา งแควน ๏ มาคธไผทรฐนกิ ร พระพโิ รธส�าแดง
(แนวตอบ เพราะวสั สการ- รุณการรา้ ยแรง
พราหมณเ ปนผูรอบรู ทง้ั ส้ินจะส้สู มรราญ เพราะพระองค์กท็ รงเห็น
ศิลปศาสตรและมีสตปิ ญ ญา ระบลุ ว้ นตลอดเป็น
เฉียบแหลม เปนผมู วี าทศลิ ป ๏ ดั่งอนิ ทโคปกะผวา นริ สารพาที
รูจ กั ใชเหตุผลโนมนา วใจ ทําให
เหลา กษัตรยิ ล จิ ฉวีหลงเชื่อ หงิ่ ห้อยสิแข่งสุริยะไหน
วัสสการพราหมณท ําหนาที่
ของตนเองอยา งเต็มที่ เพอ่ื ให ๏ เห็นนา่ จะหายนะก็ขัด
กษัตริยล ิจฉวีไวพระทยั เปนเวลา
ถงึ 3 ป แผนการจึงสําเรจ็ ) บัดดลบดินทร ธ ดาล
๏ ลงราชทัณฑพ ิ ธ ทา
ไปค่ วรเฉลยนยแถลง
๏ กราบทลู ประมูลบทประมวล
ความจรงิ บ แต่งกลประเดน็
กษตั รยิ ล จิ ฉวยี อมใหว สั สการพราหมณอ ยใู นแควน วชั ชโี ดยทาํ หนา ทเี่ ปน ครขู องพระโอรส
และเปน ผพู จิ ารณาพิพากษาคดตี างๆ
เกร็ดแนะครู ๏ เถอะเรากเ็ อน็ ดู วงั สฏั ฐ ฉนั ท ๑๒
“หิ่งหอยสแิ ขง สรุ ิยะไหน” เพราะที่ ธ มใี จ ทชิ ครแู ละเศร้าหทยั
จากขอ ความครูแนะวาฉันทว รรคน้ี สุจรติ วินิจวจิ ารณ์
สะทอนใหเ หน็ วัฒนธรรมการยกยอ ง ๏ พะพ้องพระอาชญา บมนิ า่ จะเป็นจะปาน
กษตั รยิ ซง่ึ เมอื่ กวตี อ งการนาํ ภาพพจน ทววิ ิธลุทัณฑทวน
มาเปรยี บเทียบกบั กษัตรยิ ตองเลอื ก มิหนา� นิเทสการ อปุ การณฐานะควร
ใชส ่ิงที่เปนเอก เปนหนึง่ หรอื เปน เลศิ มลโทษประพฤติสุธรรม์
เทานัน้ เพ่อื แสดงความเคารพยกยอง ๏ จะรบั และเลีย้ งทา่ น ฯลฯ
ก็จงละเวน้ มวล
122
122 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain
Engage Explore Expand Evaluate
๏ กษัตรยิ เ์ กษตรลจิ ฉวิสทิ ธพิ์ ระราชทาน อธบิ ายความรู
ยศเทดิ ธโุ รปถัมภ์
สถาปนาฐาน พฤฒริ พู้ ชิ าและชา� ใหน กั เรียนรวมกันพิจารณา
ภริ เพทพเิ ศษพิศาล บทประพนั ธท ย่ี กมานแี้ ละตอบคาํ ถาม
๏ และเห็นเพราะเป็นครู คุรแุ หง่ พระราชกมุ าร
อนสุ ฐิ วทิ ยา ๚ “และเห็นเพราะเปนครู
นศิ ลิ ปศาสตรค์ ัม พฤฒิรูพ ชิ าและชาํ
นศิ ิลปศาสตรค มั
๏ ประสิทธิตา� แหนง่ ภริ เพทพิเศษพิศาล”
• บทประพนั ธน้สี ะทอ นใหเห็น
นพิ ัทธเอาภาร วฒั นธรรมใดในสงั คม
(แนวตอบ บทประพนั ธน สี้ ะทอ น
วัสสการพราหมณต ั้งใจสอนพระกมุ ารดว ยดจี นเปนท่ีไววางใจของทกุ คน ใหเ ห็นวฒั นธรรมความเคารพ
ยกยอ ง นับถอื และใหเ กยี รติ
มาลนิ ี ฉันท ๑๕ ผูท ไ่ี ดช อ่ื วา เปน คร)ู
• เพราะเหตุใดกษตั รยิ ล จิ ฉวี
๏ กษณะทวิชะรับฐา นันดร์และทวี่ า จงึ ยอมใหวัสสการพราหมณ
ทาํ หนา ที่เปน ครูสอนหนงั สือ
จกาจารย์ พระโอรส
๏ นิรอลสะประกอบการ (แนวตอบ กษตั รยิ ลิจฉวียอมให
พรี ิโยฬาร วัสสการพราหมณมาเปนครู
สอนโอรสเพราะเชอ่ื ใจในความ
และเตม็ ใจ เปนครู และเช่ือมนั่ ในวรรณะ
๏ จะพนิ ฉิ ยคดีใด พราหมณท ีเ่ ปน ชนชั้นสงู สดุ
เที่ยง ณ บทใน ในระบบวรรณะของอนิ เดีย
วา ตอ งมคี วามรใู นคมั ภรี พ ระเวท)
พระธรรมนญู
๏ ละมนะอคติสี่ศูนย ์
ยุกตบิ าฐบรู ณ์
ณคลองธรรม์
๏ ลสุ มยจะแนะน�าพรรค์
ราชกมุ ารสรรพ์
ธพร�า่ สอน
๏ หฤทยปริอาทร
ชว้ี ชิ าการ
ก็โดยดี
ฯลฯ นกั เรียนควรรู
เมอ่ื เหน็ วา เวลาผา นไปพอสมควร วสั สการพราหมณจ งึ ดาํ เนนิ การตามแผนทว่ี างไว เท่ยี ง ในที่น้หี มายถึง เทย่ี งธรรม
คอื ต้งั ม่นั ในความยุติธรรม พิจารณา
ภุชงคประยาต ฉันท ๑๒ คดีอยา งเปน ธรรม
๏ ณ วนั หนงึ่ ลถุ งึ กา ลศึกษาพชิ ากร
เสดจ็ พรอ้ มประชุมกัน
กุมารลิจฉวีวร
123 นกั เรียนควรรู
นกั เรียนควรรู อคตสิ ่ศี ูนย อคติ คอื ความลําเอยี ง
มี 4 อยา ง คือ
คลอง ในท่นี ีห้ มายถงึ ทาง แนว คลองธรรม จงึ หมายถงึ แนวทางธรรม ซงึ่ คําวา คลองธรรม
โดยทั่วไปมกั ใชว า ทํานองคลองธรรม หมายถึง แบบอยา งของการปฏบิ ัตทิ ่ีถูกตอ ง มีคุณธรรม 1. ฉนั ทาคติ คือ ความลาํ เอยี ง
เพราะรกั
2. โทสาคติ คอื ความลําเอยี ง
เพราะโกรธ
3. ภยาคติ คอื ความลาํ เอียง
เพราะกลัว
4. โมหาคติ คือ ความลาํ เอยี ง
เพราะเขลา
คมู ือครู 123
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%)
จากการศกึ ษาบทประพันธ ๏ ตระบดั วสั สการมา สถานราชเรยี นพลนั
หนา 122 - 124 สนทิ หนึง่ พระองค์ไป
ธ แกลง้ เชิญกมุ ารฉัน
• นักเรียนคดิ วา เนื้อหาจากหนา ก็ถามการณ์ ณ ทันใด
ดังกลาวนี้มีความสาํ คญั ตอ ๏ ลหุ ้องหบั รโหฐาน กถาเช่นธปุจฉา
การดําเนนิ เรอื่ งอยา งไร และ
แสดงใหเ ห็นความสําคญั ของ มีล้ลี ับอะไรใน มนษุ ย์ผูก้ ระท�านา
คุณธรรมขอ ใด ประเทียบไถมใิ ชห่ รือ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถ ๏ จะถกู ผดิ กระไรอย ู่
ตอบไดอ ยางหลากหลายและ ก็รับอรรถอออือ
ครคู วรชแ้ี นะใหน กั เรยี นเหน็ วา และคูโ่ คก็จูงมา ประดจุ ค�าพระอาจารย์
บทประพนั ธส ว นนเี้ ปน ตน กาํ เนดิ
ของความไมไววางใจซง่ึ กนั ๏ กุมารลจิ ฉวีขตั ติย์ นวิ ตั ในมชิ ้านาน
และกัน เพยี งเพราะการใช สมยั เลกิ ลุเวลา
คําพดู เทา นน้ั การทาํ ลายความ กสกิ เขากระท�าคือ
ไววางใจ ทําลายความสามคั คี พชวนกนั เสดจ็ มา
เปนอาวธุ สําคัญที่จะทาํ ใหเ สีย ๏ กเ็ ทา่ น้นั ธเชญิ ให้ ชองคน์ ้นั จะเอาความ
บา นเมอื งไดในทสี่ ุด)
ประสิทธศ์ิ ลิ ปประศาสนส์ าร ณ ขา้ งใน ธ ไต่ถาม
ขยายความเขาใจ วจีสัตยก์ ะสา่� เรา
๏ อรุ สลิจฉวีสรร
ใหนักเรยี นยกตัวอยางบทประพันธ รวากย์วาทตามเลา
จากวรรณคดเี รอ่ื งอนื่ ซึง่ ช้ีใหเห็น และตา่ งซกั กมุ ารรา วภาพโดยคดมี า
ความสําคญั ของการพดู ท่กี อใหเ กิด
ผลดีผลเสยี ๏ พระอาจารย์สเิ รยี กไป มเิ ช่ือในพระวาจา
และต่างองค์กพ็ าที
(แนวตอบ อะไรเธอเสนอตาม
“ถึงบางพูดพูดดเี ปน ศรีศักดิ์ จะพดู เปล่าประโยชน์มี
๏ กุมารนั้นสนองสา รผลเหน็ บ เป็นไป
มคี นรักรสถอยอรอ ยจติ
แมนพูดชว่ั ตวั ตายทาํ ลายมิตร เฉลยพจนก์ ะครเู สา ธ พดู แทก้ ท็ า� ไม
จะชอบผิดในมนุษยเ พราะพดู จา” จะถามนอก บ ยากเยน็
๏ กมุ ารอื่นกส็ งสัย
(นิราศภเู ขาทอง : สนุ ทรภู) ) ธ คิดอ่านกะทา่ นเปน็
สหายราช ธ พรรณนา ละแน่ชดั ถนัดความ
เกรด็ แนะครู
๏ ไฉนเลยพระครูเรา มกิ ลา้ อาจจะบอกตาม
ไถลแสรง้ แถลงสาร
เลอะเหลวนักละล้วนนี
ก็สอดคล้องและแคลงดาล
๏ เถอะถงึ ถา้ จะจรงิ แม้ อบุ ตั ขิ ึ้นเพราะขุน่ เคือง
แนะชวนเข้า ณ ขา้ งใน ประดามีนริ ันตร์เนอื ง
มลายปลาตพนิ าศปลง ๚
๏ ชะรอยว่าทชิ าจารย์
รหสั เหตปุ ระเภทเห็น
๏ และท่านมามุสาวาท
พจจี รงิ พยายาม
๏ กมุ ารราชมิตรผอง
พิโรธกาจววิ าทการณ์
๏ พพิ ิธพันธไมตรี
กะองค์นน้ั กพ็ ลนั เปลอื ง
ครแู นะนาํ นักเรียนวา ในอดตี การ 124
ศกึ ษาหาความรเู พอ่ื ใหป ระสบความ
สาํ เร็จในชีวิต ผูต องการศกึ ษาตอ ง
ฝากตวั กบั ครอู าจารยเ พอ่ื เลา เรยี นวชิ า
เมอ่ื อาจารยเห็นวาสามารถเรยี นรูไ ดจึงจะถายทอดวิชาความรใู ห ซง่ึ หาก
ผูเรียนคนใดเปนศษิ ยท ี่ดี ครอู าจารยใหความไวว างใจ หรือมีทา ทีท่จี ะเรยี นรู นักเรยี นควรรู
ไดด ี ครอู าจารยอาจจะถา ยทอดความรูหรือวิชาเฉพาะท่ไี มไดสอนท่ัวไปให
ซงึ่ ตา งกบั ปจจบุ นั ทค่ี รูอาจารยจะสอนเนือ้ หาวชิ าและทกั ษะใหน กั เรยี นทกุ คน ทชิ าจารย มาจากคําวา ทิชากร เปน การสรา งคาํ สมาส
อยา งเทา เทยี มและเสมอภาคกัน อยางมสี นธิ มาจากคําวา ทิชา + อาจารย ทิชาจารยจึง
หมายถงึ พราหมณผ เู ปนอาจารย
124 คูม อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
มาณวก ฉนั ท ๘ อธิบายความรู
๏ ล่วงลุประมาณ กาลอนุกรม จากการศกึ ษาบทประพนั ธหนา
ท่านทวชิ งค์ 114 - 125 นักเรียนวเิ คราะหการ
หน่ึง ณ นิยม วทิ ยะยง กระทาํ ของวสั สการพราหมณท ีใ่ ช
เม่ือจะประสทิ ธิ์ เอกกมุ าร การพดู เพือ่ สรางความแตกแยก
เชิญวรองค์ พราหมณไป ในหมูพ ระโอรสของกษตั รยิ ลจิ ฉวี
ห้องรหฐุ าน
๏ เธอจรตาม ความพิสดาร • การกระทาํ ของวสั สการพราหมณ
โทษะและไข แสดงใหเ ห็นสงิ่ ใดบา ง
โดยเฉพาะใน ครจู ะเฉลย (แนวตอบ แสดงใหเ หน็ วา การพดู
จึงพฤฒถิ าม ภตั กะอะไร มีอํานาจทง้ั ในทางสรา งสรรค
ขอ ธ ประทาน ดี ฤ ไฉน หรอื ทําลายลา ง จากเรอื่ งจะ
ย่ิงละกระมัง เห็นวา การพดู ของผใู หญห รอื
๏ อย่าติและหล ู่ เคา้ ณ ประโยค ครบู าอาจารยยอ มเปน ที่เช่ือถือ
แลว้ ขณะหลงั มสี าระ มีเหตผุ ล แตเมอ่ื ใดที่
เธอนะ่ เสวย เรื่องสปิ ระทัง ผใู หญพ ดู จาเลอื่ นลอย ไร
ในทนิ น่ี สิกขสภา แกน สาร จะทําใหผูฟง เกิด
พอหฤทัย ราชอรุ ส ความไมเชือ่ ม่ัน ไมไ วใ จกนั
ตา่ ง ธ ก็มา ครูควรแนะนาํ ใหน กั เรยี นเหน็
๏ ราช ธ กเ็ ลา่ ทา่ นพฤฒิอา ความสาํ คญั ของการพดู โดย
รภกระไร พดู ในสงิ่ ทมี่ สี าระ มปี ระโยชน
ตนบรโิ ภค แจ้งระบุมวล เหมาะสมกับวัยวฒุ ิและคณุ วุฒิ
วาทประเทอื ง จริงหฤทยั ไมนนิ ทาวารา ยผูอืน่ )
อาคมยงั เมอ่ื ตริไฉน
เหตุ บ มิสม ขยายความเขาใจ
๏ เสรจ็ อนศุ าสน ์ เร่ืองนฤสาร
กอ่ นก็ระดม 1. นักเรยี นจับคูเพือ่ ยกบทประพนั ธ
ลิจฉวหิ มด แตกคณะกลม จากวรรณคดที เี่ คยเรียนหรือเคย
ถามนยมาน คบดุจเดมิ อา น โดยมสี าระสําคญั ทแ่ี สดง
จารยปรา แงคดิ เกีย่ วกบั การพดู
๏ เธอก็แถลง 2. จากนน้ั ครูสุม ตวั อยา งนักเรยี น
2 - 3 คู มานําเสนอหนา ชน้ั เรียน
ความเฉพาะล้วน (แนวตอบ
ตา่ ง บ มิเชื่อ
จ่ึงผลใน “เปน มนุษยส ดุ นิยมเพยี งลมปาก
จะไดย ากโหยหวิ เพราะชิวหา
๏ ขุ่นมนเคือง แมน พดู ดีมคี นเขาเมตตา
เชน่ กะกมุ าร จะพดู (จสาภุ จางษพติเิ คสรอานะหหญใ หงิ เ ห: มสานุ ะทครวภา)ู ม) ”
เลิกสละแยก
เกลียว บ นิยม
125
นักเรยี นควรรู
พสิ ดาร หมายถึง กวางขวาง ละเอียด เชน อธบิ ายโดยพสิ ดาร หมายถงึ การอธิบายอยางละเอยี ด
ลึกซง้ึ ซง่ึ คําวา พสิ ดาร ยังนาํ มาใชพ ดู เปน ภาษาปากในความหมายวา แปลกประหลาดดว ย
คมู อื ครู 125
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%)
ใหนกั เรียนรวมกนั อธิบายเกี่ยวกับ อเุ ปนทรวิเชียร ฉนั ท ๑๑
การใชเ คร่อื งหมายยัติภังค
๏ ทชิ งคเ์ จาะจงเจตน์ กลห์เหตยุ ยุ งเสริม
• การใชเครื่องหมายยัติภงั ค (-)
มีวิธกี ารสังเกตอยา งไร และ กระหน่�าและซ�้าเตมิ นฤพทั ธกอ่ การณ์
มลี ักษณะอยางไร ๏ ละครงั้ ระหวา่ งครา
(แนวตอบ เครอ่ื งหมายยตั ภิ งั ค ทนิ วารนานนาน
ใชเ ขยี นไวระหวางกลางคําท่ี
เขยี นแยกพยางคก ันเพอ่ื เปน เหมาะท่าทิชาจารย ์ ธ ก็เชญิ เสด็จไป
เคร่ืองหมายใหรูวาพยางคหนา ๏ บ ห่อนจะมสี า
กบั พยางคห ลงั นัน้ ติดกนั หรอื ร ฤ หาประโยชนไ์ ร
เปนคําเดียวกนั คําท่ีเขียนแยก
กันในบทประพนั ธจะอยูใ น กระน้นั เสมอนัย เสาะแสดง ธ แสรง้ ถาม
บรรทัดเดียวกนั หรอื แยกกัน ๏ และบา้ งกพ็ ูดว่า
กไ็ ด ทาํ ใหกวีสามารถเลือกใช นะ่ แน่ะข้าสดับตาม
คาํ ไดมากขนึ้ บนพ้นื ฐานของ
ฉนั ทลักษณและครุ ลหุ ยบุ ลระบิลความ พจแจง้ กระจายมา
ทีเ่ ครง ครัดของฉันท) ๏ ละเมดิ ติเตียนทา่ น
ก็เพราะท่านสิแสนสา
รพดั ทลทิ ภา วและสุดจะขดั สน
๏ จะแนม่ ิแน่เหลือ
พเิ คราะหเ์ ชือ่ เพราะยากยล
ณ ท ี่ บ มีคน ธ ก็ควรขยายความ
๏ และบา้ งก็กลา่ วว่า
นะ่ แนะ่ ขา้ จะขอถาม
เพราะทราบคดตี าม วจลือระบอื มา
๏ ติฉินเยาะหมิ่นท่าน
ก็เพราะท่านสแิ สนสา
ขยายความเขาใจ รพนั พิกลกา ยพลิ กึ ประหลาดเปน็
ใหน ักเรียนยกตัวอยา งการใช ๏ กุมารพระองคน์ น้ั ฯลฯ
เครอ่ื งหมายยัตภิ ังคและคําท่เี กดิ
จากการแผลงหรอื การยกั เยอ้ื งคํา ธ มิทันจะไตร่ตรอง
ทพ่ี บในเน้ือเร่ือง พรอ มเขยี นคาํ
ทถี่ ูกตอ งประกอบ บันทกึ ลงสมดุ กเ็ ชอื่ ณ คา� ของ พฤฒิครูและวู่วาม
๏ พโิ รธกมุ ารองค ์
(แนวตอบ ตวั อยา งคํายกั เยื้อง เหมาะเจาะจงพยายาม
เชน นริ นั ตร มาจากคาํ วา นิรันตร
หฤทย มาจากคําวา หฤทัย กริ ติ ยุครเู พราะเอาความ บ มดิ ปี ระเดตน
มาจากคําวา กรี ติ นย มาจาก ๏ ก็พอ้ และต่อพิษ
คาํ วา นยั เปนตน ตวั อยางการใช ทรุ ทิฐิมานจน
เครอื่ งหมายยตั ภิ ังคในบทประพันธ
ลโุ ทสะสบื สน ธิพิพาทเสมอมา
“จงหมนั่ ประกอบพา- ๏ และฝา่ ยกุมารผู้
ณชิ การขวนขวาย” ทิชครมู เิ รียกหา
“เพญ็ พกั ตรผดุ ผอ งอา- กแ็ หนงประดารา ชกมุ ารทิชงคเ์ ชญิ
ภาเปลง ปลัง่ แฮ”) ๏ พระราชบตุ รลจิ
ฉวมิ ิตรจิตเมิน
ณ กันและกันเหนิ คณะห่างกต็ า่ งถอื
๏ ทะนงชนกตน
พลล้นเถลิงลอื
ก็หาญกระเหิมฮอื มนฮึก บ นึกขาม ๚
126
126 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
วสั สการพราหมณท ําการยยุ งจนพระกุมารแตกสามคั คกี นั พระบดิ าของกมุ ารแตล ะองค อธิบายความรู
เช่อื คาํ พระโอรส ตา งกนิ แหนงแคลงใจกัน
1. ใหนักเรียนแตล ะกลุมสง ตัวแทน
สทั ธรา ฉนั ท ๒๑ มาจับสลากตวั ละครตอ ไปนี้
• พระเจาอชาตศตั รู
๏ ครน้ั ลว่ งสามปีประมาณมา สหกรณประดา • วสั สการพราหมณ
ชท้งั หลาย • กษัตรยิ ลจิ ฉวี
ลจิ ฉวีรา มติ รภทิ นะกระจาย • พระโอรสของกษตั รยิ ล จิ ฉวี
กเ็ ปน็ ไป
๏ สามัคคธี รรมท�าลาย พระหฤทยวิสยั 2. วเิ คราะหวจิ ารณล ักษณะนสิ ยั และ
ระวังกนั ๚ ลักษณะเดนของตัวละคร
สรรพเส่ือมหายน ์
3. นักเรยี นแตล ะกลุมนําเสนอ
๏ ตา่ งองคท์ รงแคลงระแวงใน หนา ชน้ั เรียน พรอมชว ยกนั
อภิปรายวา ลักษณะนิสยั และ
ผู้พิโรธใจ ลักษณะเดนของตวั ละคร
แตละตัวสง ผลตอ การดําเนินเรือ่ ง
วสั สการพราหมณล องตกี ลองเรยี กประชมุ กษตั รยิ แ ตล ะองคก เ็ พกิ เฉย เมอื่ แนใ จวา กษตั รยิ อยางไร จากน้ันครูและนกั เรยี น
ทุกองคแ ตกสามัคคีแลว จงึ สง ขาวใหพระเจา อชาตศตั รูยกกองทัพมาตีแควนวัชชี สรุปการนําเสนอรวมกนั
สาลนิ ี ฉนั ท ๑๑ ขยายความเขาใจ
๏ พราหมณค์ รูรู้สังเกต ตระหนักเหตถุ นดั ครัน นกั เรียนประเมนิ ลกั ษณะนิสัย
พจกั ส่พู ินาศสม ของตัวละครแตล ะตัวดว ยเหตุผล
ราชาวชั ชสี รร ของนกั เรียนเอง
จะสัมฤทธม์ิ นารมณ์
๏ ยนิ ดีบัดน้ีกจิ และอตุ สาหแหง่ ตน • นักเรียนรูสึกชื่นชมตวั ละครใด
เพราะเหตใุ ด
เร่ิมมาดว้ ยปรากรม ประชมุ ขัตติยม์ ณฑล (แนวตอบ ตอบไดห ลากหลาย
กษตั รยิ ์สสู่ ภาคาร ขึ้นอยกู บั เหตุผลของนกั เรียน
๏ ให้ลองตีกลองนดั ตวั อยา งเชน วัสสการพราหมณ
สดบั กลองกระหมึ ขาน เพราะเปน ตวั ละครทีม่ คี วาม
เชิญซงึ่ ส�่าสากล ณ กจิ เพ่ือเสดจ็ ไป เขมแขง็ เด็ดเด่ยี ว อดทน มีสติ
ปญ ญาดี รอบรศู ิลปวิทยาการ
๏ วชั ชีภูมผี อง จะเรยี กหาประชมุ ไย มคี วามซ่อื สตั ยใ นหนาทีอ่ ยางยิง่
กข็ ลาดกลัว บ กล้าหาญ ยอมเสียสละเสยี่ งชวี ติ เพ่อื บาน
ทุกไทไ้ ป่เอาภาร เมอื ง)
และกล้าใครมิเปรียบปาน
๏ ตา่ งทรงรับสัง่ วา่ ประชุมชอบก็เชญิ เขา
เราใช่เป็นใหญใ่ จ ไฉนนน้ั ก็ท�าเนา
บ แลเหน็ ประโยชน์เลย
๏ ทา่ นใดที่เป็นใหญ ่
พอใจใครใ่ นการ
๏ ปรึกษาหารือกัน
จกั เรยี กชุมนมุ เรา
127
คูม ือครู 127
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
1. ใหนกั เรยี นรวมกันพิจารณาตาม ๏ รบั สั่งผลกั ไสสง่ และทกุ องค์ ธ เพิกเฉย
ประเด็นตอ ไปนี้ สมัครเขา้ สมาคม ๚
• เพราะเหตุใดวสั สการพราหมณ ไปไ่ ดไ้ ปดัง่ เคย
จงึ ทาํ ใหก ษตั รยิ ลิจฉวีแตกความ
สามัคคกี นั ได พระเจาอชาตศตั รูเตรยี มการยกทัพมาตแี ควน วัชชี
(แนวตอบ วัสสการพราหมณ
ทําใหกษตั ริยล จิ ฉวีแตกความ สุรางคนางค ฉันท ๒๘
สามคั คี ดวยการใชความไว
วางใจทีม่ ีตอ ตนเองพดู ใหโอรส ๏ บพติ รอชา ตสัตตุรา
ไมไ ววางใจกัน เม่อื โอรสทลู สดับ ณ สาสน์
พระบดิ า กษตั รยิ ทงั้ หลายจงึ ชรัฐไกร ธ ปรดี ิใด
ไมไวใ จซ่งึ กันและกนั เปน การ พระราชหทัย
ใชคาํ พูดทาํ ลายความไวว างใจ บ เปรยี บ บ ปาน กะมขุ อมาตย์
และความสามคั ค)ี ตระเตรยี มสกนธ์
๏ พระเผยประภาษ สมรรถชาญ
2. ครขู ออาสาสมัคร 2 - 3 คน มาสรปุ
ประเดน็ ขา งตน โดยครสู รปุ เพม่ิ เตมิ บดปี ระธาน ณ หน้าและหลงั
พหลทหาร ละหมู่ละหมวด
ขยายความเขาใจ ประดังประดา ประมวลกะมา
1. ใหน ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ๏ สะพรบึ สะพรง่ั ก็พอก็เพยี ง
รวมกนั ในประเด็นตอ ไปนี้ และสตั ถภัณ
• เพราะเหตใุ ดวสั สการพราหมณ ณ ซา้ ยและขวา จะยุทธราญ
จงึ ม่นั ใจวา กษตั รยิ ลิจฉวีแตก กต็ รวจกต็ รา
ความสามัคคีกันแลว สมิ ากประมาณ กระเกริกกระกรู
(แนวตอบ เพราะวสั สการพราหมณ ละล้วนสง่า
ทดลองตกี ลองเพ่ือเรยี กกษตั ริย ๏ นิกายเสบียง บ ขามระทม
ลิจฉวีมาประชุม แตก ษัตรยิ
ทงั้ หมดกลบั เพกิ เฉยคดิ วา ตวั เอง พโลปการ ระเรงิ และรัก
ไมไดเ ปน ใหญใ นหมูกษตั รยิ ฑสรรพภาร สนองพระคุณ
และละเลยหลักอปริหานยิ ธรรม กะเรยี กระดม พิชยั ลชุ ู
ทเ่ี คยปฏิบตั ิมาอยางตอ เนอ่ื ง
สมํา่ เสมอ) ๏ ประชุมพยูห์
2. ครสู รุปความเขา ใจ ใหนกั เรียน กระหยิ่มนยิ ม
บนั ทกึ ลงสมดุ มนาภริ มย ์
มทิ อ้ ริปู
๏ สมานสมัคร
จะรบศัตร ู
พระจฬุ ภู
พระเกยี รตไิ ท
128
เกร็ดแนะครู
“สะพรบึ สะพรงั่ ณ หนาและหลัง จากตัวอยา งบทประพนั ธขา งตน ครใู หค วามรูนักเรยี นวา กลาวถงึ การตรวจทพั เพื่อเตรียมยกทัพ จงึ ตองใช
ณ ซา ยและขวา ละหมูล ะหมวด ฉันทที่มจี ํานวนคําในวรรคนอ ยเพ่ือเนนใหเหน็ ความกระชนั้ กระชับ และการใชค ําที่แสดงใหเหน็ การแบง จังหวะ
ก็ตรวจกต็ รา ประมวลกะมา แบง จํานวน แบง หมวดหมู เปนการใชคาํ ใหส อดคลองกบั จงั หวะการอานของสุรางคนางคฉันท ทาํ ใหผูอานลง
สิมากประมาณ” น้าํ หนักและพลงั ของคาํ สอดคลอ งกับเน้ือหาของเรอื่ งท่ตี อ งการสือ่ ใหเ ห็นความเขมแขง็ หนักแนนของกองทพั
128 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
๏ จะดจี ะงาม เพราะเขา้ สนาม อธบิ ายความรู
เหมาะนามทหาร
ประยุทธไกร และสมกะใจ 1. ใหน กั เรยี นจบั คเู ลือกศึกษาชนดิ
ละคร้านไฉน ของฉันทตางๆ ทีป่ รากฏในเรอ่ื ง
บุรษุ สมัญ ประหัฐคะคกึ คูละ 1 ชนดิ
ณ ท้องพระลาน (แนวตอบ ฉันทลักษณในสามัคค-ี
๏ กโ็ ห่และฮึก อเนกสรร เภทคําฉันท ประกอบดว ยฉันท
19 ชนิด และกาพย 1 ชนิด
ประกวดประชัน การเลอื กใชฉ ันทแตละประเภท
ประมาณอนนั ต ์ จะดคู วามเหมาะสมของเนอ้ื เรอ่ื ง
พเตรียมคระไล ๚ เชน สทั ธราฉนั ท 21 ใชใ นบทท่ี
ตองอธษิ ฐาน เปน ตน )
ครั้นไดฤกษพ ระเจาอชาตศัตรทู รงยกกองทัพมายังแควน วชั ชี
2. ครูสมุ นักเรียน 3 - 4 คู มาอธิบาย
๏ ประลุฤกษมหุ ุต โตฎก ฉันท ๑๒ ลกั ษณะของฉนั ทอ ยา งกระชับ
หนา ช้นั เรยี น โดยใหเ พอ่ื นๆ
รณรงควิชยั ทนิ อตุ ดมไกร บนั ทึกความรลู งสมุด
ยะดิถศี ภุ ยาม
๏ ทชิ พฤฒิปโุ ร หติ โกวิทพราหมณ์ ขยายความเขาใจ
นติ ิไสยพธิ ี
กป็ ระกอบกิจตาม คลสงเคราะหท์ วี 1. ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ แตง ฉันท
ธ เผด็จดัสกร ในหัวขอ ที่ชว ยกนั คิด โดยนักเรยี น
๏ ทะนุเพอ่ื อภิมง ลุอุทัยรววิ ร แตล ะคนเลอื กแตงดวยฉนั ทท่ี
ธ เสดจ็ สระสนาน นักเรยี นถนัดหรอื ชนื่ ชอบ
สริ ิวฒั นกร ี ศุภสรรพประการ (ครูแนะนาํ นักเรยี นวา นักเรียน
รณยทุ ธนยิ ม ควรเลือกใชฉ ันทท่มี ลี ลี าสอดคลอง
๏ บุรพัณหสั มยั บทคลาอนกุ รม กับเน้ือความที่นกั เรียนตอ งการ)
พลพฤนทนิกร ๚
นฤนาถอดศิ ร 2. แตล ะกลมุ นาํ เสนอผลงานการแตง
ฉนั ท โดยอา นใหค รแู ละเพอ่ื นๆ ฟง
๏ วรองค์อภมิ ณั ฑ์
3. ครูคดั เลือกผลงาน 2 ชน้ิ ครูและ
ดจุ ขัตตยิ บ์ รุ าณ นกั เรียนรวมกนั อภิปรายความ
ถูกตอ งของฉันทลักษณและความ
๏ พระเสดจ็ รถยา ไพเราะ
ฐติ เกยชยชม เกร็ดแนะครู
กาพยฉบงั ๑๖ ครูใหนักเรียนมีสวนรวมในการคิด
หัวขอที่นาสนใจเพื่อนํามาเปนหัวขอ
๏ เนมติ ก์เชษฐวทิ ยตุ ดร รอพอบวร ในการแตง ฉันท ครแู นะนํานกั เรียนวา
คา� รบสามหน หัวขอที่ดีควรเปนหัวขอท่ีเปดกวางให
มหุ ุตอดุ มดีดล ผูแตงสามารถแสดงความคิดไดอยาง
กวางขวาง
๏ ให้ฆาตฆอ้ งชยั มงคล
คมู ือครู 129
เฉลิมพระฤกษเ์ บกิ ธง
129
นกั เรยี นควรรู นกั เรยี นควรรู
คระไล แผลงมาจากคาํ วา ไคล ดสั กร หมายถงึ ศัตรู ขาศกึ เปนคําไวพจน
หมายถึง ไป เดนิ ไป เคลอ่ื นไป ท่มี คี วามหมายเหมือน อริ ปจจามิตร ไพรี ไพรนิ ทร
ริปู เสย้ี นพารา เปนตน
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธบิ ายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%)
ใหนกั เรยี นอธบิ ายเกย่ี วกบั ลักษณะ คาบลาถว้ นลง
คาํ ประพนั ธ สังขแ์ ตรแซโ่ หม
• กาพยเปนคําประพนั ธทีม่ ี ๏ ทุ่มอินทเภรีเร่งคง เถลงิ หลังคชาธาร
ลกั ษณะเดน อยางไร เหตใุ ด เพียงพาหนาสนอ์ งค์
กวจี ึงนํากาพยมาใชป ระพันธ มโหระทึกครกึ โครม กูบแพรแลลาน
รวมกบั ฉันท คชลักษณป์ ลิ ันธน์
(แนวตอบ กาพยชว ยใหเ ร่อื ง ๏ ดุรยิ างคด์ นตรีม่ปี ระโคม ก่องสกาวดาวทอง
ลาดพสั ตรร์ ัตคน
กระหม่ึ สนน่ั บรรสาน เทดิ ทันตท์ ่าทาง
กุสกรายท้ายยัง
๏ ราชามาคธภูบาล ตามบุรพประเพณี
ดําเนินไปไดรวดเร็วขนึ้ มกั ใช ประเสรฐิ สง่างามทรง เนอ่ื งสดุ สายตา
ในฉากการจดั ทพั เคล่อื นพล คุมพลคชสาร
ฉากรบ ชมธรรมชาติ เปนตน ๏ ควรขตั ตยิ ยานยรรยง เสยี งเพรียกเรยี กมัน
สหสั นัยนใ์ ดปาน นายขอหมอควาญ
การใชกาพยท ําใหก วีสามารถ ๏ ครบเตม็ เคร่อื งต้งั หลงั สาร
สรรคํามาใชไดงา ยขนึ้ สามารถ ละลว้ นบรรเจดิ เฉดิ ฉนั นักเรียนควรรู
เลนคาํ สมั ผัสไดแ พรวพราว ๏ โอภาสอาภรณอ์ ัครภัณฑ์
ชว ยใหพ รรณนาฉากไดอยา งมี อังกุส ปจ จบุ นั ใชวา อังกุศ หมายถงึ
วรรณศลิ ป ผูอานเกดิ จนิ ตภาพ กเ็ ลิศก็ล้า� ลา� ยอง ขอเหล็กสับชาง
ตามไดง าย เมอื่ นาํ ฉันทและ
กาพยมาประพนั ธร ว มกัน ๏ แพร้วแพร้วพรายพรายขา่ ยกรอง
จึงเรียกวา คาํ ฉนั ท)
ทัง้ พู่สพุ รรณสรรถกล
๏ สองพลกุ สกุ วลัยเลอยล
และปกขนองซองหาง
๏ งวงเสยเงยเศียรส่ายพลาง
สง่า บ ่ ลา้ กา� ลงั
ขยายความเขาใจ
๏ ขุนคอคชคุมกุมอัง
จากเนื้อเร่อื งสามัคคเี ภทคาํ ฉนั ท
เก่ียวของกบั การทาํ สงครามของ ขนุ ควาญประจ�าดา� รี
กษัตรยิ ในแควน ตา งๆ ท่ีมี
คาํ ประพันธอ ยา งโออานาเกรงขาม ๏ เครื่องสงู ครบสรรพ์อนั มี
นาํ มาสูคํากลา วท่ีวา “การสงคราม
ในอดตี เปนเสมอื นการเลนมหรสพ หยหู บาตรยาตรา
สาํ หรบั กษัตรยิ ”
๏ จาตุรังคิกแสนยเ์ สนา
• นกั เรียนมคี วามคิดเห็นอยางไร
กับคํากลาวทยี่ กมา ตลอดตะลึงแลลาน
(แนวตอบ การเตรยี มทพั การจดั
กระบวนพล การทาํ สงคราม ๏ ขนุ คชขึน้ คชชินชาญ
ในสนามรบ ลว นแสดงใหเ ห็น
ละตัวกา� แหงแขง็ ขนั
๏ เคยเศกิ เข้าศกึ ฮึกครัน
ค�ารนประดจุ เดือดดาล
๏ อรา่ มเรอื งดว้ ยเครอ่ื งอลงั การ
ก็ขก่ี รีดา� เนนิ
แสนยานภุ าพ ความสวยงาม
นา เกรงขามของจอมพล นายทพั
นายกอง และเหลา ทหาร มีการ 130
บรรเลงดนตรีเพอ่ื สรา งความ
ฮึกเหิม มีการสรางขวญั กาํ ลังใจ
ดว ยพธิ ีกรรมตา งๆ เปนการสงครามทสี่ อดแทรกความเชอ่ื วฒั นธรรมของแควน น้ันๆ เอาไว
รวมท้ังจอมทพั ของแตละฝายจะใหเ กียรติซงึ่ กนั และกันในฐานะกษตั รยิ ห รอื จอมทพั ทเี่ ปน ตวั แทน
ของเมอื งน้ันๆ ดวย ซ่ึงตา งกับการสงครามในปจ จุบนั ทม่ี งุ แตการครา ชวี ติ และการแพชนะเทา นน้ั
อยางไรกต็ าม การทําสงครามไมก อใหเ กิดประโยชนใ ดๆ ครคู วรสรางความตระหนกั ใหนักเรียน
เห็นความสําคญั ของการรกั ษาสันติภาพและความสงบสขุ ใหเ กดิ ข้นึ ทวั่ ทุกมมุ โลกดวย)
130 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
๏ พลหยั พศิ เหน็ เช่นเหิน หาวเหาะเหยาะเดิน อธบิ ายความรู
เดาะเตือนก็เตน้ ตนี ซอย
๏ ต่างตัวดีดโลดโดดลอย เรงิ เลน่ เผน่ คอย 1. ใหนกั เรียนชวยกนั พิจารณา
จะควบประกวดอวดพล วรรณศิลปท ่ปี รากฏในบทประพนั ธ
๏ สกี ายฝา้ ยแซมแกมขน ด�าบา้ งดา่ งปน หนา 130 - 131 ในประเดน็ ตอ ไปนี้
กระเลยี วเหลา่ เหลืองแดงพรรณ • สามคั คเี ภทคําฉนั ทป รากฏ
๏ โสภาอศั วาภรณส์ รรพ์ ตาบหนา้ พร่าวรร วรรณศิลปใ ดบางและปรากฏ
ณเดน่ ด�ากลกาญจนม์ ณี ในเนอ้ื ความตอนใด
๏ ยาบยอ้ ยหอ้ ยพดู่ ูดี ขลุมสวมกรวมสี (แนวตอบ วรรณศิลปท่พี บและ
สะคาดกนกแนมเกลา ปรากฏในเนอ้ื ความ เชน
๏ สายถือสายง่องถ่องเพรา คลอ้ งสอดสายเหา - การสรรคาํ มาใชเ พ่อื แสดง
งามทั้งพนังโกลนอาน ภาพกองทัพอันยิ่งใหญ
๏ ขนุ อศั ว์อาตมโ์ อโ่ อฬาร รา� ทวนเทดิ ปาน เกรียงไกร ฮึกเหมิ เชน อัศว
ประหนง่ึ จะโถมโจมแทง อัศวา กรี ดรุ งค คชาธาร
๏ ตา่ งขับและขเ่ี ขม้ แขง ควงแสส้ า� แดง เปนตน
ดุรงควธิ ีโรมรณ - การใชคาํ ทท่ี ําใหเกิด
๏ ดาษดาคลาคลา่� สา่� พล บทจรอนนต์ จินตภาพทาํ ใหผ ูอา นเกดิ
อเนกคะแนนคัณนา จินตนาการตามได
ฯลฯ เชน “æ โอภาสอาภรณอัครภัณฑ
ประชาชนชาวแควนวัชชีตางพากันอพยพหนีตาย แตกษัตริยลิจฉวีกลับทรงเฉยเมย คชลักษณป ล นั ธน
ไมส นใจจะยกทัพมาตอตา น ทําใหทหารแหงแควน มคธเขา เมอื งไดอ ยา งสะดวก กเ็ ลิศกล็ ํ้าลํายอง” เปน ตน
- การใชคาํ สมั ผสั ใน ปรากฏ
วิชชมุ มาลา ฉันท ๘ ทั้งสมั ผสั ในสระและอกั ษร
เชน “ขุนอศั วอ าตมโ อโอฬาร
๏ ข่าวเศกิ เอิกองึ ทราบถึงบดั ดล รําทวนเทิดปาน
ชาวเวสาลี ประหนึง่ จะโถมโจมแทง”
ในหมผู่ ้คู น ชนบทบรู ี เปน ตน)
แทบทกุ ถ่ินหมด หวาดกลัวทว่ั ไป • วรรณศลิ ปท่พี บมีสว นชวยให
อกสน่ั ขวัญหน ี หมดเลอื ดส่ันกาย ผอู านไดร ับอรรถรสอยางไร
วุ่นหว่ันพรน่ั ใจ (แนวตอบ วรรณศิลปท พี่ บชว ย
๏ ตน่ื ตาหนา้ เผือด ซอ่ นตัวแตกภยั ใหผ อู านเกดิ จินตภาพกองทัพ
ทิ้งยา่ นบา้ นตน อนั ยงิ่ ใหญ และความสวยงาม
หลบลีห้ นีตาย วิจิตรของการยาตราทพั และ
ซกุ ครอกซอกครวั ความเขมแขง็ ของกาํ ลงั พล)
เข้าดงพงไพร
2. ครูสรปุ ในแตล ะประเด็น แลวให
นักเรยี นบันทึกความรลู งสมดุ
131
ขยายความเขา ใจ คูมือครู 131
ใหนักเรยี นรวมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับความสามัคคี
• ความสามคั คีมคี วามสําคญั ตอ สังคมอยา งไร
(แนวตอบ หมคู ณะในสงั คมใดท่ีมคี วามสามคั คีพรอ มเพรียงกัน สามารถ
ทํางานรวมกนั ได สงั คมน้นั ยอ มเกดิ การปรกึ ษาหารือ เกดิ การชวยเหลอื กนั
และเกดิ ความสุขความเจรญิ กา วหนาในสงั คม)
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 20%)
1. นักเรียนแตละกลมุ รว มกนั ระดม ๏ เหลือจักหา้ มปราม ชาวคามล่าลาด
ความคิดเห็นเก่ยี วกบั ประเด็น ขนุ ดา่ นด�าบล
ทางสงั คม พนั หัวหนา้ ราษฎร ์ คิดผันผ่อนปรน
• คณุ ธรรมทปี่ รากฏในบทประพนั ธ หารือแก่กนั มาคธขา้ มมา
มีความสําคญั ตอ สังคมอยางไร จกั ไมใ่ หพ้ ล
(แนวตอบ คณุ ธรรมเร่ืองความ ป่าวรอ้ งทันที
สามัคคี ความเปน นํ้าหนึ่งใจ ๏ จ่งึ ให้ตีกลอง รุกเบยี นบีฑา
เดียวกนั ความไวว างใจกนั และ วชั ชอี าณา
ไมม ที ฐิ มิ านะตอกัน ทาํ ใหคน แจง้ ข่าวไพรี ป้องกันฉนั ใด
ในสงั คมอยูร วมกนั โดยเหน็ แก เพ่ือหม่ภู ูม ี
ประโยชนส ว นรวม ทาํ ให ชมุ นมุ บัญชา ไป่มสี ักองค์
บานเมืองมีความมั่นคงเปน เพอ่ื จกั เสดจ็ ไป
ปก แผน ถา หมูคณะใดขาด ๏ ราชาลจิ ฉวี เรยี กนัดท�าไม
คุณธรรมเหลาน้ียอมทาํ ให กลา้ หาญเห็นดี
บา นเมอื งระสาํ่ ระสาย สดุ ทา ย อนั นึกจา� นง
แลว อาจตองเพล่ียงพล้าํ จน ตา่ งองค์ด�ารัส ขัดข้องขอ้ ไหน
ยอยยบั ไปในทส่ี ุด) ใครเป็นใหญใ่ คร ตามเรือ่ งตามที
เป็นใหญ่ยังมี
2. ครสู ุมนักเรยี น 3 - 4 คน มาแสดง ๏ เชญิ เทอญทา่ นต้อง รุกปราศอาจหาญ
ความคิดเห็นในประเด็นขางตน
หนาช้นั เรียน และครชู แ้ี นะให ปรกึ ษาปราศรัย ความแขงอ�านาจ
นกั เรียนนําคุณธรรมเร่อื งความ ส่วนเราเล่าใช่ แกง่ แยง่ โดยมาน
สามคั คีไปใชใ นชีวิตจริง ใจอยา่ งผ้ภู ี วัชชีรัฐบาล
แม้แตส่ ักองค ์ ๚
๏ ต่างทรงสา� แดง
สามัคคขี าด
ภูมศิ ลจิ ฉวี
บ ่ ชุมนุมสมาน
ฯลฯ
นักเรียนควรรู ๏ นาครธา จติ รปทา ฉนั ท ๘
คาม โดยปกติ อานวา คา-มะ เห็นรปิ ุมี นวิ สิ าลี
หรือ คาม-มะ เปนคําในภาษาบาลี ข้ามติรชล พลมากมาย
หมายถึง หมบู าน บา น แตใ นทน่ี ี้ มงุ่ จะทลาย กล็ พุ น้ หมาย
อา นวา คาม เพือ่ ใหค าํ ในคณะ พระนครตน
ครบจาํ นวน ๏ ตา่ งก็ตระหนก มนอกเต้น
ตะละผู้คน
ตืน่ บ มเิ วน้
นกั เรยี นควรรู 132
ภมู ศิ มาจากคําวา ภมู ีศวร
หมายถึง พระเจาแผน ดนิ
132 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ท่วั บรุ คา ฯลฯ มจลาจล ขยายความเขาใจ
เสียงอลวน อลเวงไป
มุขมนตรี ใหน กั เรียนจับคแู ละรวมกัน
๏ สรรพสกล รุกเภทภัย แสดงความคิดเหน็ พรอมยกตัวอยาง
ทรปราศรยั สถานการณใ นชวี ติ ประจาํ วนั ประกอบ
ตรอมมนภ ี ขณะนหี้ นอ
บางคณะอา • นกั เรียนสามารถนาํ คุณธรรม
ยังมิกระไร ประลุโสตท้าว ท่ีปรากฏในบทประพันธไป
ขณะทรงฟัง ประยกุ ตใชใ นชวี ติ ประจาํ วัน
๏ ศพั ทอโุ ฆษ และละเลยดงั ไดอยา งไร
ธรุ ะกับใคร (แนวตอบ สามารถนาํ คุณธรรม
ลจิ ฉวดิ า้ ว ณ สภาคาร เรอื่ งความสามัคคีไปใชในการ
ต่าง ธ ก็เฉย บุรท่ัวไป ทาํ งานรวมกนั กับผูอ่นื คอื ตอ ง
ไท้มิอินัง และทวารใด ประชมุ ปรึกษาหารือกนั รบั ฟง
สิจะปิดม ี ๚ ความคิดเห็น แลว พจิ ารณา
๏ ต่างก ็ บ คลา เลือกสงิ่ ท่ีดีท่สี ดุ นําไปใชในการ
พฒั นาการงานทท่ี าํ รวมกัน)
แมพ้ ระทวาร
รอบทศิ ดา้ น นักเรยี นควรรู
เหน็ นรไหน
อนิ ัง สว นใหญใ ชวา อนิ งั ขังขอบ
สัททลุ วกิ กฬี ต ฉนั ท ๑๙ หมายถึง เอาใจใส ดูแล และมักใช
ในเนอื้ ความปฏิเสธวา ไมอนิ งั ขงั ขอบ
๏ จอมทพั มาคธราษฎร ์ ธ ยาตรพยุหกรี นคร
ธาสู่วิสาล ี
๏ โดยทางอนั พระทวารเปดิ นรนกิ ร
รอจะต่อรอน อะไร
๏ เบ้ืองนน้ั ทา่ นครุ ุวัสสการทชิ ก็ไป บรู ณาการสอู าเซยี น
น�าทพั ชเนนทร์ไท มคธ
๏ เขา้ ปราบลิจฉวขิ ัตตยิ ์รัฐชนบท เดมิ ชาวอินเดียไดม าสรา งความ
สัมพันธไ วกับชนชาวพน้ื เมืองใน
สู้เงือ้ มพระหตั ถห์ มด และโดย รูปแบบตางๆ ในภมู ิภาคเอเชีย-
๏ ไปพ่ กั ตอ้ งจะกะเกณฑน์ ิกายพหลโรย
ตะวนั ออกเฉยี งใต เชน การนาํ เอา
แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ พิธีกรรมของพราหมณม าเผยแพร
๏ ราบคาบเสร็จ ธ เสดจ็ ลุราชคฤหอตุ หรือการขอแตง งานกับชนพื้นเมือง
ดมเขตบเุ รศดุจ ณ เดมิ เปนตน โดยเฉพาะอยางยง่ิ พวก
พราหมณไดน าํ เอาจารีตและพธิ ีกรรม
มาเผยแพรไ วม ากมาย จากภมู หิ ลงั
ทค่ี ลา ยคลงึ กัน สง ผลตอภาษาและ
133 วรรณคดีในภมู ภิ าคนใี้ หม ีแนวคิด
คลา ยคลงึ กนั ไปดวย ดงั เชน บทบาท
ของพราหมณในวรรณคดไี ทยเร่อื ง
สามัคคีเภทคําฉนั ท จึงกลา วไดว า ไทยเปนอกี ชาติ
หนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉยี งใตท่ีไดรับอิทธิพล
จากวัฒนธรรมอินเดยี ความคลายคลึงกันน้ีแสดง
ใหเห็นอตั ลกั ษณท างความคดิ ของกลุมคนในแถบ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต
คมู ือครู 133
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)
1. ใหน กั เรยี นถอดคาํ ประพนั ธท ่ี ชติ บรุ ทตั ไดย กพทุ ธภาษิต แสดงคณุ และโทษความสามัคคี ดงั น้ี
นกั เรยี นชอบและสนใจคนละ 5 บท ๏ พทุ ธาทิบณั ฑิต พเิ คราะหค์ ดิ พนิ ิจปรา
พรอ มทงั้ บอกคณุ คา ทไ่ี ดร บั จาก
บทประพนั ธน นั้ ๆ ครสู มุ นกั เรยี น รภสรรเสริญสา ธสุ มคั รภาพผล
3 - 4 คน มานาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น ๏ ว่าอาจจะอวยผา
สุกภาวมาดล
2. จากการศกึ ษาเนอ้ื เรอ่ื งพบวา เรอ่ื ง
ความสามคั คเี ปน คณุ ธรรมสาํ คญั ดีสู่ ณ หมตู่ น บ นิราศนริ ันดร
ของประเทศชาติ ใหน ักเรยี น ๏ หมู่ใดผสิ ามัค
รวมกนั แสดงความคดิ เหน็ คยพรรคสโมสร
• นกั เรยี นมีวิธกี ารนําคุณธรรม
ที่ไดเรียนรูไปแนะนาํ ใหผูอ ื่น ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล
ปฏบิ ัตไิ ดอ ยางไร ๏ พร้อมเพรียงประเสริฐครนั
(แนวตอบ สามารถตอบได เพราะฉะน้ันแหละบคุ คล
หลากหลาย ข้นึ อยูก บั
ประสบการณข องนกั เรยี น ผูห้ วงั เจรญิ ตน ธรุ ะเกี่ยวกะหมเู่ ขา
และครคู วรเนนยา้ํ การนํา ๏ พึงหมายสมคั รเปน็
คุณธรรมไปใชจ ะทําใหชีวิต มขุ เป็นประธานเอา
เจรญิ งอกงาม)
ธรู ทัว่ ณ ตวั เรา บ มเิ ห็น ณ ฝ่ายเดยี ว
๏ ควรยกประโยชนย์ น่ื
นรอ่ืนก็แลเหลียว
ดูบ้างและกลมเกลยี ว มติ รภาพผดุงครอง
๏ ยง้ั ทฐิ มิ านหย่อน
ทมผอ่ นผจงจอง
อารมี มิ ีหมอง มนเมื่อจะท�าใด
๏ ลาภผลสกลบรร
ลุกป็ นั ก็แบง่ ไป
ตามนอ้ ยและมากใจ สจุ ริตนยิ มธรรม์
๏ พึงมรรยาทยดึ
สุประพฤติสงวนพรรค์
เกร็ดแนะครู รือ้ รษิ ยาอนั อุปเฉทไมตรี
๏ ด่งั นั้น ณ หมูใ่ ด
ครชู แ้ี นะใหน กั เรยี นสงั เกตการใชค าํ ผ ิ บ ไร้สมัครมี
ในเนอ้ื ความทีต่ องการแสดงคุณของ
ความสามัคคแี ละโทษของการแตก พรอ้ มเพรยี งนิพัทธน์ ี รววิ าทระแวงกนั
ความสามคั คี กวเี ลือกใชคํางาย ใช ๏ หวังเทอญมิต้องสง
คาํ นอ ยแตก ินความมาก ใชภ าพพจน สยคงประสบพลนั
เปรยี บเทยี บทส่ี รางจนิ ตภาพได
ชัดเจน เพือ่ ใหผูอา นเขาใจไดง า ย ซ่งึ สุขเกษมสนั ต ์ หติ ะกอบทวกี าร
และตระหนักถึงคุณธรรมและขอ คดิ ๏ ใครเล่าจะสามารถ
ที่กวกี ําลังกลาวถึงไดอยา งถองแท มนอาจระรานหาญ
หกั ล้าง บ แหลกลาญ กเ็ พราะพร้อมเพราะเพรยี งกัน
๏ ปว่ ยกลา่ วอะไรฝูง
นรสงู ประเสรฐิ ครนั
ฤๅสรรพสตั วอ์ นั เฉพาะมชี วี ีครอง
๏ แมม้ ากผิกง่ิ ไม ้
ผิวใครจะใคร่ลอง
มดั ก�ากระนั้นปอง พลหักกเ็ ตม็ ทน
๏ เหล่าไหนผิไมตรี
สละล้ ี ณ หมูต่ น
กจิ ใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมเิ พรียงกนั
@ มุม IT 134
ศึกษาเกี่ยวกับเนอ้ื เรือ่ ง
สามัคคีเภทคําฉันทเพมิ่ เตมิ ไดท ี่
www.trueplookpanya.com/true/
knowledge_detail.php?mul_con-
tent_id=1377
134 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Expand Evaluate
๏ อยา่ ปรารถนาหวงั สขุ ทงั้ เจรญิ อนั กระตนุ ความสนใจ
มวลมาอบุ ตั บิ รร ลไุ ฉน บ ไดม้ ี ครูนํานักเรียนสนทนา แลว ใช
๏ ปวงทกุ ขพ์ บิ ตั ิสรร คําถามกระตุนความสนใจ
พภยันตรายกลี
• นกั เรียนรูความหมายของ
แม้ปราศนิยมปร ี ติประสงค์กค็ งสม คาํ ศพั ทใ นสามัคคีเภทคาํ ฉนั ท
๏ ควรชนประชมุ เช่น มากนอยเพียงใด
คณะเปน็ สมาคม
• นกั เรยี นคดิ วาการจําศพั ทไ ดม ี
สามัคคปิ รารม ภนิพทั ธร�าพงึ ประโยชนตอ การอานเนอื้ เร่อื ง
๏ ไป่มีกใ็ ห้ม ี สามคั คีเภทคําฉนั ทหรือไม
ผวิ มกี ค็ า� นึง อยางไร
เน่อื งเพอ่ื ภยิ โยจงึ จะประสบสขุ าลยั ๚
จบบริบูรณ ์ ๚ สาํ รวจคน หา
๖ ค�ำ ศพั ท์ ควำมหมำย ใหนกั เรียนศึกษาและคน หาทีม่ า
ของคาํ ศัพทว า มาจากภาษาใดบา ง
คำ� ศพั ท์ ถ้อยค�า
อาญา (แนวตอบ ตัวอยา งเชน
กถา สวม บาลี เชน ทุกข สามัคคี หัตถ
กรรมกรณ ออื้ อึงใหญ่
กรวม ม้าทม่ี สี นั หลังดา� เปน็ ทางตลอดหาง สีตวั เขียวหม่น คือ ม้าลกั ษณะเขียว เกณฑ อนตั ถ
กระเกริกกระกรู อมด�า สนั สกฤต เชน ไมตรี ธรรม
กระเลียว เสยี งคา� รน เสียงกงั วาน
ช่างตัดผม พรรค สฤษฏ สมคั ร มติ ร ราษฎร
กระหึม เหตุแหง่ การทะเลาะกัน เหตวุ วิ าท พิเคราะห
กลบก คร่ ู ครั้ง ขณะ
กลห์เหตุ ชาวนา เขมร เชน เจริญ เสด็จ อาํ นาจ
กษณะ งาม สุกใส ดาํ รัส อาจ ตําบล
กสิก
ก่อง ไทย เชน ไป ขาด งาม ไย ใคร
ใน วนุ กอน แตก)
135 นักเรียนควรรู
กษณะ เปน คําภาษาสันสกฤต
มีความหมายเหมือนคาํ วา “ขณะ”
ซง่ึ เปนคําภาษาบาลี “ข” ในภาษา
บาลี เปน “กษ” ในภาษาสนั สกฤต
เชน เขต เปน เกษตร จงึ สงั เกตไดวา
ไทยเลอื กรับคําบาลีและสันสกฤต
บางคําทม่ี คี วามหมายเหมอื นกนั
หรือรบั มาท้ังสองคําแลวใชใ น
ความหมายที่ตางกัน
คูมอื ครู 135
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%)
1. นกั เรยี นพิจารณาการใชค าํ ใน คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
บทประพันธสามคั คีเภทคาํ ฉันท
ควบคกู บั คาํ สมาสในภาษาไทย โกลน หว่ งทหี่ อ้ ยลงมาจากอานมา้ ทง้ั สองขา้ ง สา� หรบั สอดเทา้ ยนั เวลาขบั ขหี่ รอื
แลวยกตวั อยางคําศัพทใ นสามคั คี- ขึน้ ลง
เภทคาํ ฉันทท เี่ ปน คําสมาส ขนอง หลัง
มา 1 ประเภท ขรการณ์ เหตุรา้ ยแรง
(แนวตอบ คาํ สมาสในภาษาไทย ขลมุ เชือกถักเป็นเครอ่ื งสวมหัวมา้ สา� หรบั ลา่ มหรือจูง
มี 3 ประเภท ไดแก คาํ สมาสยืม ขัตตยิ กษตั รยิ ์
ซง่ึ เปนตน เคาศพั ทยงั ไมป ระกอบ ข่ายกรอง ข่ายถักทีค่ ลมุ ศรี ษะตอนหนา้ ของช้าง
หนว ยคาํ ใดๆ คําสมาสสรา ง คือ คม ไป
การนาํ คาํ ทีย่ มื มาจากภาษาบาลี คระไล ไป
สนั สกฤตมารวมกัน และคําสมาส คา เครอ่ื งจองจ�าคอนักโทษ ท�าดว้ ยไม้
ซอน คอื คําสมาสที่นําคํายมื ภาษา ฆาต ตี
บาลีสนั สกฤตที่มีความหมาย จาตรุ ังคกิ แสนยเ์ สนา พลรบ ๔ เหล่า คือ พลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดนิ เท้า
คลายคลงึ กันมารวมกัน ใน ฉนา� ปี
สามคั คเี ภทคําฉนั ทพบคาํ สมาส ซองหาง เครื่องคลอ้ งโคนหางชา้ ง
สราง เชน นิตไิ สยพธิ ี นยาธบิ าย ฐติ ตั้งอยูแ่ ล้ว
พทุ ธาทิบณั ฑติ เปน ตน ) ดล ถึง
ดา� กล งาม แผลงจากคา� วา่ ถกล
2. นักเรียนบันทกึ ความรูท่ีไดจาก ดา� รี ช้าง
การทาํ กิจกรรมลงสมดุ ดิรดติ ถ ฝงั่ ทา่
ดุรงควธิ ีโรมรณ การรบแบบใช้มา้ เป็นพาหนะ
ขยายความเขาใจ ตระบดั ทันใด
ตาบหนา้ เครื่องประดบั อกหรือหน้าของมา้ ลักษณะเปน็ แผน่ ใบโพธิ์
นกั เรียนนําเสนอการศกึ ษาท่มี า เตา้ ไป
ของคําศัพทวา มาจากท่ใี ด พรอ มท้ัง แตม้ คู ช้ันเชงิ ท่าทางและคารม
แตงประโยคจากคาํ ศพั ทท ่ศี กึ ษามา
ชนิดละ 1 ประโยค มาประกอบ 136
(แนวตอบ
คาํ บาลี เชน ในสถานการณ
ปจจุบันตอ งการความสามคั คใี น
หมูคณะเปนอยา งมาก
คาํ สนั สกฤต เชน คนเราควรมี
ไมตรตี อกัน
คาํ เขมร เชน ใครๆ กอ็ ยากมี
ความสุขความเจริญกนั ท้งั นน้ั
คําไทย เชน เราเปนเพ่ือนกนั
อยา ไดขนุ ขอ งหมองใจกนั เลย)
@ มมุ IT
ศึกษาเกี่ยวกบั คาํ ศัพทใ นสามัคคีเภทคาํ ฉนั ทเ พมิ่ เติม ไดท ี่
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/298777
136 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย ขยายความเขา ใจ
ถามนยมาน ถามตามเรอื่ งท่มี ีมา 1. นักเรียนแตล ะกลมุ แตงประโยค
เถนิ เปน็ เนิน ที่ดอน ตอกนั เปนเรือ่ งสั้นๆ โดยใช
ทิช ผเู้ กดิ สองคร้งั หมายถงึ พราหมณ์ คําไวพจนท่ีกําหนดให
ทชิ าจารย์ พราหมณผ์ สู้ ง่ั สอนวิชาความรู้ • กษตั รยิ
ทิน วนั • มา
ทษุ ท�ารา้ ย เบียดเบียน • ชา ง
ธุโรปถมั ภ์ ผู้ช่วยท�ากิจธุระ หมายความว่า พระราชทานต�าแหน่งให้มียศในหน้าที่ • หวั ใจ
ราชการ • ชีวติ
นยาธบิ าย ขอ้ ความชแี้ จงอา้ งองิ • คาํ พูด
นฤนาถ ผู้เปน็ ที่พึ่งของคน คือ พระราชา
นฤสาร ไมม่ ีสาระ 2. นกั เรียนแตละกลมุ นาํ เสนอ
นาคราภบิ าล ผมู้ ีหน้าทีใ่ นการปกครอง ประโยคท่นี ักเรียนแตงโดยใช
นติ ไิ สยพธิ ี พิธกี ระทา� ตามแบบลทั ธไิ สยศาสตร์ คาํ ไวพจน หนาชั้นเรียน
นริ อลสะ ไมม่ คี วามเกยี จครา้ น
นวิ ตั กลบั 3. นักเรียนบนั ทึกสรปุ เรอ่ื ง
นรี ผล (นริ ผล) ไม่มผี ล คําไวพจนท ่ไี ดเ รยี นรลู งสมุด
เนมติ กเ์ ชษฐวทิ ยุตดร แปลตามศพั ทว์ า่ ผยู้ ง่ิ ดว้ ยความรู้เปน็ ใหญใ่ นการกระทา� นมิ ติ ในทนี่ หี้ มายถงึ
พราหมณ์ผู้เป็นใหญ่ คือ ผู้เป็นใหญ่ในฝ่ายโหร ซ่ึงแต่เดิมมามักเป็น เกร็ดแนะครู
บง พราหมณ์
บรุ พณั หสั มยั มอง ดู ครูช้ใี หน ักเรียนเหน็ วาการยมื
ประณทุ เวลาเช้า ภาษาอน่ื มาใชใ นวรรณคดไี ทยมี
ประเทียบ บรรเทา ระงบั ประโยชนอ ยา งย่งิ ทงั้ นีภ้ าษาไทย
ประภาษ เทียบ เทยี ม ยืมคาํ ภาษาบาลี สนั สกฤต และเขมร
ประศาสน์ ตรสั พูด มาใชแ ตงวรรณคดี เพอื่ ใหเ กดิ
ประหวัด แนะนา� ส่งั สอน ความหลากหลายไพเราะและ
หวนคิด ไมเสียความ
137
คมู ือครู 137
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%)
1. ใหนักเรียนนําคําศัพทท่ีนักเรียน คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
สนใจมาแตงนิทานสุภาษิตสอนใจ
ที่เหมาะกับวยั ของนกั เรียน ประหฐั รา่ เริง
ปรากรม ความเพยี ร ความบากบั่น
2. ใหน ักเรียนนําเสนอหนาชนั้ เรียน ปราณ ลมหายใจ ชวี ติ
พรอ มทง้ั บอกขอ คิดจากนิทาน ปวตั ต์คิ วาม ขอ้ ความทเี่ ปน็ ไป
สุภาษิตท่ีนกั เรยี นแตง วา ใหขอคิด ปพั พาชนยี กรรม การขับไล่ออกจากหมู่
อะไรบา ง ปลิ นั ธน์ เครือ่ งประดบั
ปจุ ฉนยี ์ ควรถาม
เกร็ดแนะครู ปนู ปัน ให้
โปรสิ บรุ ุษ ในทน่ี ้ีหมายถงึ พวกตา� รวจหลวงหรือมหาดเล็ก
ครยู กตวั อยา งขอ คดิ จากเร่ือง พนงั แผน่ หนงั สา� หรบั ปิดสีข้างมา้ ทง้ั สองข้างหรอื แผ่นหลงั รองอาน
มาแนะนกั เรียนในการแตงนทิ าน พยหุ าธิทัพ ทัพอนั ยิ่งดว้ ยไพรพ่ ล
สภุ าษติ เชน การขาดวจิ ารณญาณ พยูห่ ข์ ันธ์ กองทพั
ในการตริตรองพิจารณาในสิ่งตางๆ พระบณั ฑรู ค�าสงั่
อาจนาํ มาซงึ่ ความหายนะไดด ังเชน พฤนท หม ู่ จ�านวนมาก
กษตั รยิ ลจิ ฉวี การรจู กั เลอื กใชบคุ คล พโลปการ การอุดหนุนก�าลัง
ใหเหมาะสมกบั งานจะทาํ ใหงาน พาหนาสน์ พาหนะสา� หรับนา� ไป ในท่ีน้หี มายถงึ ช้าง
ประสบผลสําเร็จ เปนตน พฉิ นิ ทธารี ผทู้ รงไวซ้ ึง่ การตดั สิน
พเิ ฉท การตัดขาด
พชิ ยั ความชนะ
พรี ิยะ คนกลา้ นักรบ
พทุ ธาทบิ ณั ฑติ ผู้รู้ทั้งหลาย มพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ ตน้
เพรียก ร้อง เรยี ก
ภัต ข้าว
ภนิ ทนะ การแตก การทา� ลาย
ภิยโย ภิญโญ ยงิ่ ขนึ้ ไป
138
138 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย ขยายความเขาใจ
เภรี กลอง ใหน กั เรยี นเลอื กคาํ ศพั ทใ นบทเรยี น
มธูร ความหวาน ความไพเราะ สามัคคีเภทคําฉันทมาจัดปายความรู
มนารมณ์ อารมณแ์ ห่งใจ ในหองเรยี น ประกอบดวย
มลกั เห็น
มหรรณพนที ห้วงนา�้ ใหญ่ • คาํ ศัพท
มโหระทกึ กลองโลหะชนดิ หน่งึ มีหน้าเดียว เป็นของชนชาติท่ีอยตู่ อนใต้ • ความหมาย
ประเทศจนี ใช้เปน็ เคร่ืองบอกสัญญาณและประโคม • ทีม่ า (เปน รากศัพทจาก
มชั ฌันติก เวลาเท่ียง
มุญจนะ การเปล้ือง การสละ ภาษาใด)
มุห หลง โง่ โดยนักเรียนแบงความรบั ผดิ ชอบ
มุหุต ขณะหน่ึง เวลาครู่หนึง่ คนละ 1 คาํ
มุลกิ ากร คนรบั ใช้
เมตตคณุ มัย ประกอบดว้ ยคณุ คอื ความเมตตา นักเรียนควรรู
ยุกติบาฐบูรณ์ พร้อมด้วยเรอ่ื งอนั เท่ยี งธรรมหรือเรอื่ งอันชอบด้วยเหตผุ ล
รวิ พระอาทติ ย์ รโหฐาน ทม่ี าจาก รหสั หรอื รโห
รโหฐาน ที่สงดั ที่ลับ แปลวา ลับ หรอื สงดั หมายถึง
ระบิล เรอ่ื ง ความ ที่เฉพาะตัว แตในปจ จบุ นั มักใช
รัตคน เชือกผูกกบู หรือสัปคบั ล่ามรอบอกช้าง ในความหมายท่ีผิดวา “ท่ีใหญโต”
ราชมัล เจา้ พนกั งานผ้มู ีหน้าท่ที �าโทษคน หรหู ราโออา ทัง้ นี้อาจเปนเพราะ
ราชสมภาร พระเจา้ แผน่ ดนิ สาํ นวนท่วี า “ใหญโ ตรโหฐาน” โดย
วจนตั ถ เน้ือความของค�าพดู นยั ทว่ี า ไมเปดเผยไมอ ยูในทามกลาง
วจีนยิ าม ถ้อยค�าซง่ึ ก�าหนด ค�าอธบิ าย สาธารณชน คําศพั ทวา “รโหฐาน”
วนาลยั ปา่ น้ันแตเดิมใชเ กยี่ วดว ยที่ประทับของ
วญั จโนบาย อบุ ายหลอกลวง พระมหากษัตริย ซึง่ จําแนกออกไป
วาจกาจารย์ อาจารย์ผ้กู ลา่ วบอกหรอื ผ้สู งั่ สอนศลิ ปวทิ ยา เปน สองสถาน คือ ขา งหนาและ
ขางใน ขางหนาน้ันคือตอนทีเ่ สดจ็
139 ออกใหเ ฝา โดยทวั่ ไป คอื เสดจ็ ออก
ตอหนา ธารกํานัล แตเมื่อเสด็จกลบั
เขาไปยังท่ีประทบั โดยปกตแิ ลว
เราเรยี กวา เสด็จขน้ึ คอื เสด็จเขา
ขา งใน ขางใน คอื “รโหฐาน” ซงึ่
นอกจากพระตาํ หนกั แลว ยงั มีอทุ ยาน
หรือสวนทที่ รงสําราญพระอิริยาบถ
ดว ย รโหฐานจงึ เปนท่กี วางขวางและ
เมอ่ื มสี ํานวนวา “ใหญโ ตรโหฐาน”
คนไทยจงึ เขาใจและนิยมใชค ํา
“รโหฐาน” โดยนยั วาเปนสถานท่ี
อนั กวางขวางซ่งึ ผดิ ความหมาย
ท่ีแทจ ริง
คูม อื ครู 139
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 20%)
คาํ ศพั ทใ นสามัคคีเภทคําฉนั ท คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย
โดยมากเปน ภาษาบาลีสนั สกฤต ให
นักเรียนจบั คคู ําศัพททมี่ คี วามหมาย วาทติ ค�าตเิ ตยี น
เหมอื นกนั ระหวา งคาํ ศพั ทใ นบทเรยี น วาทประเทือง พูดรู้กันดแี ลว้
ที่เปนภาษาบาลีและคาํ ศัพทน อกบท วาทิน คนเล่นดนตรี แตใ่ นทีน่ ีห้ มายถงึ คา� พดู
เรยี นทเี่ ปนภาษาสันสกฤตพรอ มบอก วริ ธุ (พริ ธุ ) ผดิ ไม่ปรกติ ผิดแนวทาง
ความหมาย มานําเสนอหนา ชั้นเรียน สกนธ์ กอง หมู ่ พวก
คนละ 2 ความหมาย สกล ทั่วไป ทงั้ หมด
สถล ทบ่ี ก ทางบก
(แนวตอบ ตัวอยา งเชน สถลุ หยาบคาย ตา�่ ชา้
1. สตั ตุ (ป) ศัตรู (ส) สมคั รพนั ธ์ ความพร้อมเพรยี งเปน็ อนั เดียวกนั
2. สัตถ (ป) ศสั ตรา (ส) สรณีย อนั เป็นทพ่ี ึ่ง
สฤษฏ์ การทา� การสร้าง
หมายความวา อาวธุ เปนตน ) สหสั นัยน์ พนั ตา หมายถึง พระอินทร์
สตั ตุ ศตั รู
เกร็ดแนะครู สัตถ ศัสตรา อาวุธ
สนั ทน์ สนทนา การพูดจาหารอื กัน
ครูใหค วามรูน ักเรียนเพมิ่ เติม สัปด เจ็ด
เกีย่ วกับภาษาบาลีและสนั สกฤตวา สตี ล เยน็ หนาว
เปนคนละภาษากนั แตอ ยใู นตระกูล สีหนาท เสยี งกอ้ งราวกับเสยี งราชสีห์
ภาษาอนิ โด-อารยันเหมอื นกัน สขุ าภมิ ณั ฑ์ เครอ่ื งประดับอันยิ่งด้วยความสุข
ภาษาทัง้ 2 นีจ้ งึ ใชค ําศพั ทจํานวน สุขาลยั ที่ซง่ึ มีความสุข
มากรวมกนั กลาวคอื เปน ภาษาที่ หานยิ ์ ความเสอ่ื ม
สบื เช้อื สายมาจากภาษาด้ังเดิม หายน์ (หายนะ) ความเส่อื มเสยี
เดียวกัน แตบ างคาํ แตกตา งกนั หาว ท่แี จง้ ท้องฟ้า
ดานระบบเสียง อดิศรู ผเู้ ป็นเจ้าเป็นใหญ่
อนมุ ัคค ตามทาง
140
140 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand
Engage Explore Explain Evaluate
คำ� ศพั ท์ ควำมหมำย ขยายความเขา ใจ
อนมุ าน ความคาดหมาย ความคาดคะเน ใหน ักเรยี นนาํ คําศัพทใ นเนือ้ เร่ือง
อนศุ าสน์ การสอน คา� ชีแ้ จง สามัคคีเภทคําฉันทไปสรา งคาํ ใหม
อนุสิฐ ส่ังสอน ชแ้ี จง ท่ปี รากฏใชในชีวติ ประจาํ วันหรอื
อปริหานยิ ธรรม ธรรมอันไมเ่ ปน็ ที่ตั้งแห่งความเสอ่ื ม วรรณกรรมเร่อื งอืน่ ๆ คนละ 3 คํา
อภยิ าจน์ การขอร้องอย่างสงู ครูสมุ นกั เรยี นมานาํ เสนอการสราง
อังกุส ขอชา้ ง ขอเหลก็ คาํ ศัพทใหม 5 - 6 คน
อศั วาภรณ์ เครือ่ งประดับมา้
อารมั ภ์ ค�าเรม่ิ ต้น คา� ปรารภ (แนวตอบ ตวั อยางเชน
อินทโคปกะ แมลงเมา่ โวหารเก่า แปลว่า แมลงค่อมทอง อุทก เปน อทุ กภยั อทุ กวิทยา
อนิ ทเภรี กลองใหญ ่ กลองสา� คัญใชต้ ีในการพระราชพิธี
อุคโฆส (อุโฆษ) กึกก้อง อทุ กศาสตร
อณุ ห ร้อน อ่นุ อุณห เปน อุณหภูมิ อุณหาการ
อตุ ดม อุดม สงู สุด สปั ด เปน สัปดาห เปนตน )
อทุ ก นา้�
อปุ เฉทไมตรี ตัดเสยี ซ่งึ ไมตรี นักเรียนควรรู
๗ บทวิเคร�ะห์ อนิ ทเภรี ลักษณะการตีกลองอนิ ท-
๗.๑ คณุ คา่ ด้านเนื้อหา เภรี ปจ จุบันเหลอื อยูเพยี งแหงเดยี วท่ี
หนา วหิ ารพระพทุ ธชนิ ราช มพี นกั งาน
๑) รูปแบบ สามัคคีเภทค�าฉันท์แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทฉันท์ชนิดต่างๆ จ�านวน คอยยํา่ กลองบอกเวลาทกุ ชัว่ โมง
๑๙ ชนิด และกาพย์ ๑ ชนิด ลักษณะค�าประพันธ์ที่กวีเลือกใช้มีความสอดคล้องและให้อารมณ์ ตั้งแต 06.00 น. จนถงึ 17.00 น.
เหมาะสมกบั เนือ้ หา เช่น การย่าํ กลองอนิ ทเภรที ่หี นา วิหาร
พระพุทธชนิ ราช นับเปน เวลา
๑.๑) สัททลุ วิกกฬี ติ ฉันท์ ๑๙ เป็นฉนั ทท์ ่ีมลี ีลาสง่างาม เคร่งขรึม ศกั ดส์ิ ิทธ ิ์ กวีน�ามา 600 กวา ปม าแลว เดิมเปน การทํา
ใช้แตง่ บทไหวค้ ร ู ดังตวั อยา่ ง ดว ยความจําเปน ของบานเมอื ง
เพอ่ื บอกเวลาแกป ระชาชนผไู มม ี
นาฬกาประจาํ บา นหรือประจําตัว
และเมื่อเกิดศึกสงคราม ถือเปน
ธรรมเนียมทป่ี ฏบิ ตั อิ ยูใ นพระนคร
และเมอื งใหญๆ ทัว่ ไป แตบ ดั นไ้ี มม ี
ทใี่ ดยาํ่ กลองบอกเวลากนั อีกแลว
มแี ตว ดั พระศรีรตั นมหาธาตุ จงั หวดั
พิษณโุ ลก เพยี งแหง เดียวเพื่ออนุรกั ษ
ไวเปนประเพณขี องบา นเมือง
141
คมู อื ครู 141
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore
Explain
Elaborate Evaluate
กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%)
ครูสนทนาแลกเปลี่ยนความ ๏ ขอนอ้ มคุณพระคเณศวเิ ศษศลิ ปธร
คิดเหน็ กับนักเรยี นเรื่องประเด็น
ความสามัคคี โดยครยู กตัวอยาง เวทางคบวร กวี
จากสถานการณทใี่ กลต วั นักเรียน วิธาน
เปน ตนวา อทุ กภัยครัง้ รา ยแรงที่สุด ๏ เป็นเจ้าแหง่ วิทยาวราภรณศรี พระองค์
ในไทย
สุนทรสวุ าท ี
• นกั เรยี นไดข อ คดิ อะไรจาก
สถานการณท ีค่ รูยกตวั อยาง ๏ สรวมชพี หัตถประณาม ณ เบื้องพระบทมาลย์
• ความสามัคคสี ามารถแกป ญ หา หมายโพธิสมภาร
ความขดั แยง ไดหรือไม อยางไร
๑.๒) อที ิสงั ฉันท์ ๒๐ มีรูปแบบการแต่งโดยใช้ คร ุ ลห ุ สลับกนั ทา� ให้เกิดเสียงทใ่ี ห้
สาํ รวจคน หา อารมณค์ วามรสู้ กึ ทร่ี นุ แรง โกรธแคน้ เชน่ ตอนทพี่ ระเจา้ อชาตศตั รทู รงแสรง้ แสดงพระอาการพโิ รธ
วสั สการพราหมณ ์ ดังตวั อย่าง
ใหน ักเรียนชว ยกนั สบื คน ฉนั ท
จากวรรณคดีเรอื่ งอ่นื ๆ ทใี่ ชฉ ันท ๏ ผันพระกายกระทบื พระบาทและองึ
ชนดิ เดยี วกันกับสามคั คเี ภทคําฉนั ท
จากแหลง เรยี นรอู นื่ ๆ เชน หอ งสมดุ พระศพั ทสีหนาทพึง สยองภยั
อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน แลว บนั ทกึ
ตัวอยา งทไี่ ดเ รียนรลู งสมดุ ๏ เอออเุ หม่นะมงึ ชชิ า่ งกระไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถ ททุ าสสถลุ ฉะน้ีไฉน ก็มาเป็น
ยกตัวอยา งไดต ามทส่ี ืบคน มา เชน
การใชว สันตดิลกฉันทในมัทนะพาธา ๏ ศกึ บ ถงึ และมงึ ก็ยังมิเหน็
พระราชนพิ นธในพระบาทสมเด็จ-
พระมงกฎุ เกลาเจา อยหู วั จะนอ้ ยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด
“อา โฉมวไิ ลยะสปุ รยี า ๑.๓) อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ เปน็ ฉนั ทท์ มี่ ลี ลี าออ่ นหวาน ใชบ้ รรยายหรอื พรรณนาความ
มะทะนาสุรางคศรี เพื่อโน้มน้าวใจให้อ่อนโยน เมตตาสงสาร ให้อารมณ์เศร้า เหงา ว้าเหว่ สลดใจ กวีใช้บรรยาย
ที่รกั และกอบอภริ ะตี ตอนวัสสการพราหมณถ์ กู โบยตี ดังตัวอย่าง
บมเิ วน สิเนห หนกั ”
ฉันทน ีม้ ลี ีลานมุ นวล ออ นหวาน ๏ บงเนอ้ื ก็เน้ือเต้น พศิ เสน้ สรีรร์ ัว
สอดคลอ งกบั เนอ้ื ความทแ่ี สดง ทั่วร่างและทั้งตัว ก็ระริกระริวไหว
ความรักของสุเทษณท ม่ี ตี อ หิตโอ้เลอะหลั่งไป
นางมัทนา) ๏ แลหลงั ละลามโล ระกะร่อยเพราะรอยหวาย
เพ่งผาดอนาถใจ
อธิบายความรู
๑.๔) วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ เป็นฉันท์ที่มีลีลาไพเราะงดงาม ใช้ส�าหรับบรรยายหรือ
1. นักเรียนรวมกนั วิเคราะหลกั ษณะ พรรณนาชน่ื ชมสง่ิ ทสี่ วยงาม เชน่ ตอนทว่ี สั สการพราหมณใ์ ชว้ าทศลิ ปย์ กยอ่ งกษตั รยิ ล์ จิ ฉว ี หวงั จะ
การใชฉนั ทช นิดตา งๆ ในสามคั คี- พึง่ พระบรมโพธิสมภาร ดังตวั อยา่ ง
เภทคาํ ฉันท
142
2. ครสู รปุ ลักษณะการใชฉนั ทใ น
สามัคคเี ภทคําฉนั ท แลว ให
นกั เรียนบนั ทึกความรลู งสมุด
142 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand
Engage Explore Evaluate
๏ ขา้ แตพ่ ระจอมจุฬมกฎุ บรสิ ทุ ธิกา� จาย อธบิ ายความรู
ปรากฏพระยศระบรุ ะบาย ตระบะเบกิ ระบือบุณย์
๏ เมตตาทยาลศุ ุภกรรม อปุ ถัมภการุณย์ 1. ใหน กั เรียนชว ยกันวิเคราะหใน
สรรเสรญิ เจรญิ พระคณุ สุน ทรพนู พิบูลงาม ประเดน็ ตอ ไปน้ี
• ขนบธรรมเนยี มการประพันธท ่ี
๑.๕) สรุ างคนางค์ฉันท์ ๒๘ เปน็ ฉันทท์ ีใ่ หอ้ ารมณค์ กึ คกั สนุกสนาน กวใี ชบ้ รรยายตอน ข้ึนตน ดวยบทประณามพจน
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงเตรียมไพรพ่ ลเพอ่ื ยกทัพเขา้ สูเ่ มืองเวสาลี ดังตัวอย่าง สง ผลอยางไรตอ โครงเรอ่ื ง
(แนวตอบ ตามขนบธรรมเนยี ม
๏ พระเผยประภาษ กะมขุ อมาตย์ การประพนั ธสง ผลตอการวาง
บดีประธาน ตระเตรยี มสกนธ์ โครงเรือ่ ง โดยมากตอ งมกี าร
พหลทหาร สมรรถชาญ จดั ลําดับเน้อื หาใหเ ปนไปตาม
ลําดบั ขั้น คือ บทประณามพจน
ประดังประดา ณ หนา้ และหลงั ซ่ึงกวจี ะกลา วถึงส่ิงศักดิส์ ิทธ์ิ
ละหมลู่ ะหมวด ที่กวีนบั ถือ บทไหวพอ แมครู
๏ สะพรบึ สะพรั่ง ประมวลกะมา อาจารย สรรเสริญบารมีพระ-
มหากษตั รยิ ซง่ึ บทประณามพจน
ณ ซ้ายและขวา ถอื วา เปน สว นที่กวเี ครง ครดั
คือตองประพนั ธไ วในสวน
กต็ รวจกต็ รา ตน เรอ่ื งเสมอ หลงั จากน้นั กวี
อาจกลา วบอกจดุ ประสงคก าร
สิมากประมาณ แตง และกลาวถอ มตวั จากนนั้
กวจี งึ จะกลา วถงึ เนอ้ื เรื่อง)
๒) องคป์ ระกอบของเรอ่ื ง จา� แนกตามหวั ข้อตา่ งๆ ได้ดงั นี้
๒.๑) สาระ สาระสา� คัญของเรอื่ งท่กี วีตอ้ งการสื่อมายงั ผอู้ ่าน คือ ม่งุ ชีใ้ ห้เห็นโทษของ 2. ครสู มุ นกั เรียน 2 คน มานาํ เสนอ
การวเิ คราะหห นา ช้นั เรียน โดยครู
การแตกความสามัคคีที่จะน�ามาซ่ึงความเสียหายในหมู่คณะและประเทศชาติ ดังเช่นกษัตริย์ ชวยสรปุ เพมิ่ เติม
ลจิ ฉวแี ตกความสามคั คกี นั หลงั จากพระเจา้ อชาตศตั รแู หง่ แควน้ มคธใหว้ สั สการพราหมณไ์ ปยแุ ยง
ให้กษัตริย์ลิจฉวีแตกความสามัคคีกันแสดงให้เห็นการเอาชนะแคว้นที่มีอ�านาจมากกว่าได้ เพราะ ขยายความเขาใจ
การใช้สติปญั ญามิใชก่ �าลงั
ครแู ละนกั เรียนรว มกนั วเิ คราะห
๒.๒) โครงเรื่อง กวีมีการวางโครงเรื่องที่ดี จัดล�าดับเนื้อหาตามธรรมเนียมการแต่ง วา ขนบธรรมเนยี มการประพันธข อง
กลา่ วคอื เรม่ิ ดว้ ยบทประณามพจน์ คอื บทไหวพ้ ระรตั นตรยั สงิ่ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ บดิ า มารดา คร ู อาจารย ์ ไทยเปนอยางไร โดยยกตัวอยาง
และพระมหากษัตริย์ บอกจุดประสงค์การแต่งและกล่าวถ่อมตัว จากน้ันจึงเร่ิมด้วยบทชมบ้าน เปรยี บเทียบกับวรรณคดที ่นี ักเรียน
ชมเมือง และกล่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรูที่มีพระราชประสงค์จะปราบแคว้นวัชชีจึงทรงปรึกษา เคยศึกษา
กับวัสสการพราหมณ์ น�ากลอุบายเฆี่ยนและเนรเทศวัสสการพราหมณ์ออกจากเมือง ไปอยู่ยัง
แควน้ วชั ชีโดยทา� หน้าท่ีเปน็ ครสู อนศิลปวิทยาแกพ่ ระโอรสท้ังหลาย และดา� รงต�าแหนง่ ผ้พู จิ ารณา (แนวตอบ ขนบธรรมเนยี มการ
ประพันธร อยกรองของไทยตอ งมี
143 บทประณามพจนเ พอ่ื แสดงความ
กตญั ูท่ีมตี อ พอ แม ครูอาจารย
เกรด็ แนะครู รวมท้ังพระมหากษตั รยิ ตัวอยางเชน
กาพยพระไชยสุริยาของสนุ ทรภู
ครูแนะนักเรยี นวาสรุ างคนางคฉนั ท 28 เปน ฉนั ทท ีป่ ระดษิ ฐข้นึ ใหม ไมใชฉันททม่ี ใี นคัมภีร
วุตโตทยั เปน ฉันททีด่ ัดแปลงเพิ่มเติมมาจากกาพยสุรางคนางค 28 โดยเพมิ่ คาํ ครุ ลหเุ ขาไป “สาธสุ ะจะขอไหว
พระศรไี ตรสรณา
พอ แมแ ลครบู า
เทวดาในราศี”)
คมู อื ครู 143