The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม ๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จักรวาลมนุษย์, 2023-12-13 07:06:00

ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม ๔

ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม ๔

พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 39 เป็นศรีแก่เมืองระนอง ป้องกันภัยพิบัติมิให้เกิดขึ้น ท�ำให้ชาวระนองพบแต่ความ ร่มเย็นเป็นสุข ระนองมีน�้ำเป็นสีทองเป็นที่ท�ำมาหากินของชาวระนอง เป็นเมือง ที่มีภูมิประเทศสวยงามเป็นแหล่งก�ำเนิดของอัจฉริยบุคคล”63 ด้วยความเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีปฏิภาณไหวพริบทั้ง ด้านการค้าและการปกครอง ไม่กดขี่เบียดเบียนราษฎร รวมถึงการอบรมสั่งสอน บุตรหลานให้เป็นคนดีจนเติบใหญ่เป็นผู้ปกครองบ้านเมืองที่ประชาชนให้การ ยอมรับและนับถือในเวลาต่อมา ท�ำให้พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี(คอซู้เจียง) ได้รับความเคารพและความรักจากประชาชนเสมอมาแม้จะจากไปเป็นเวลานาน กว่าร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังมีประชาชนแวะเวียนเข้ามาเคารพที่สุสานอยู่เสมออย่าง ไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์ถึง ๔ พระองค์เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมที่หลุมฝังศพ ได้แก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู ่หัว คราวเสด็จประพาสแหลมมลายู ร.ศ. ๑๐๙ (พ.ศ. 2433) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว64 คราวประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู ่หัว พร้อมด้วยสมเด็จ พระนางเจ้าร�ำไพพรรณีพระบรมราชินีคราวเสด็จเลียบมณฑลภูเก็ตและมณฑล ปัตตานีพ.ศ. 24๗๑ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คราวเสด็จเยี่ยมราษฎรภาคใต้ พ.ศ. 2502 63 โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร จังหวัดระนอง, โครงการศึกษาเพื่อประกาศเขตอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมศิลปกรรม “สุสานเจ้าเมืองระนอง” (ระนอง: โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร จังหวัด ระนอง, 2543), หน้า 103.64 เมื่อครั้งด�ำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 40 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงวางพวงดอกไม้สด ณ สุสานพระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) โดยมีผู้สืบตระกูล ณ ระนอง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ คราวเสด็จเยี่ยมราษฎรภาคใต้ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่มา : หนังสืออนุสรณ์เนื่องในพิธีพระราชทานเพลิงศพ หม่อมคล้อง เกษมสันต์ ท.จ.ว. พ.ศ. ๒๕๔๒


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 41 ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งด�ำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงฉายพระราชทานคณะข้าราชการที่ตามเสด็จ และบุคคลในสกุล ณ ระนอง บริเวณสุสานพระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) คราวเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๕๒ แถวยืนนับจากซ้ายคนที่ ๓ คือ พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้) และคนที่ ๔ คือ พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก้อง)


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 42 ป้ายหลุมศพพระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) จารึกสถานที่เกิด วันที่สร้าง และรายละเอียดต่าง ๆ ประดับตกแต่งด้วยหินแกรนิตสลักลวดลายพรรณพฤกษาและสัญลักษณ์มงคล บริเวณด้านหน้าสุสานพระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) เชิงเขาระฆังทอง ด้านซ้าย - ขวา มีเสาธงศิลา ประติมากรรมรูปขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ และประติมากรรมรูปสัตว์มงคลต่าง ๆ ตามคติความเชื่อแบบจีน


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 43 ศิลาจารึกชาติประวัติของพระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) อักษรไทยและอักษรจีน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้ถูกรถบรรทุกชนจนได้รับความเสียหาย และได้มีการสร้างศิลาจารึกพระราชทานจ�ำลองไว้ที่บริเวณหน้าสุสาน ส่วนศิลาจารึกของเดิมปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่อาคารซินจู๊ จวนเจ้าเมืองระนอง


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 44 อาคารซินจู๊ เดิมเป็นอาคารที่พักอาศัยของบุคคลในสกุล ณ ระนอง สร้างขึ้นในสมัยพระยารัตนเศรษฐี (คอยู่หงี่) เป็นเจ้าเมืองระนอง


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 45 อาคารซินจู๊ ปัจจุบันเหลือให้เห็นเฉพาะฐานรากของชั้นที่ ๑ และคูหากลางซึ่งใช้เป็นศาลบรรพชน


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 46 บ�ำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ : ผู้สืบตระกูล ณ ระนอง พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี(คอซู้เจียง) มีบุตรที่ได้รับราชการสนอง พระเดชพระคุณ จ�ำนวน 6 คน ได้แก่ 1. คอซิมเจ ่ง (許心正) บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่หลวงศรีโลหภูมิพิทักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง แล้วถึงแก่กรรมในต�ำแหน่งนั้น 2. คอซิมก้อง (許心廣) เป็นผู้ช ่วยราชการเมืองระนอง ต่อมาได้รับ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยารัตนเศรษฐี เจ้าเมืองระนองแทน พระยารัตนเศรษฐีผู้บิดา และสมุหเทศาภิบาลมณฑลชุมพรคนแรกในสมัย รัชกาลที่ ๕ บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางก�ำกับ ราชการเมืองระนอง 3. คอซิมจั๋ว (許心泉) บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่หลวงศักดิ์ศรีสมบัติ ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง แล้วถึงแก่กรรมในต�ำแหน่งนั้น 4. คอซิมขิม (許心欽) บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่พระยาอัษฎงคตทิศรักษา สยามประชานุกูลกิจ65 ผู้ว่าราชการเมืองกระบุรี 5. คอซิมเต็ก (許心德) บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่พระยาจรูญราชโภคากร จางวางก�ำกับราชการเมืองหลังสวน 6. คอซิมบี้(許心美) บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศร ภักดีสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต66 65 กระทรวงมหาดไทย, ท�ำเนียบหัวเมือง ตอนที่ ๑ - ๒ - ๓ ร.ศ. ๑๑๙ (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์บ�ำรุงนุกูลกิจ, 2443), หน้า 69.66 บุตรคนที่ 1 - 5 เกิดจากคุณหญิงด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี(ซิทท์กิมเหลียน) ส ่วนบุตรคนที่ 6 คือพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี(คอซิมบี้) เกิดจากมารดาที่ชื่อ นางกิม หรือนางกิ้ม


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 47 เมื่อสถานะได้มั่นคงขึ้นแล้วต่างจากตอนต้นชีวิตที่ยากล�ำบาก พระยาด�ำรง สุจริตมหิศรภักดี(คอซู้เจียง)จึงมีความปรารถนาจะตอบแทน และสร้างประโยชน์ ให้แก่สาธารณะ ดังปรากฏชื่อของท่านในการบูรณะสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองปีนัง เช่น บูรณะศาลเจ้ากงฮกเก็ง(กวงฝูกง) เมืองปีนัง67 ซึ่งเป็นศาลเจ้าของชาวฮกเกี้ยน อพยพ รวมถึงได้บริจาคเสาหินสลักรูปมังกรจ�ำนวน ๑ คู่ภายในโถงหลักของศาลเจ้า ความคิดที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นนี้เป็นมรดกที่ตกทอดมายังทายาท ในรุ่นต่อมาซึ่งแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รวมถึงความห่วงใยประชาชน จนเป็นที่ ประจักษ์ผ่านวิธีปกครองในแบบของตนเอง ทั้งการส่งเสริมการเกษตรของพระยา รัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี(คอซิมบี้) ที่ส่งเสริมให้ราษฎรปลูกยางพาราแทน การปลูกพริกไทยซึ่งในขณะนั้นราคาผลผลิตตกต�่ำ จนยางพาราได้กลายเป็นพืช เศรษฐกิจหลักของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน และการบ�ำรุงบ้านเมืองจนเจริญ รุ่งเรือง เช่น เมืองตรัง เมืองภูเก็ต และเมืองอื่น ๆ ในมณฑลภูเก็ต รวมถึงการ บริจาคที่ดินผืนหนึ่งซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของบ้านระนองของพระยาด�ำรงสุจริต มหิศรภักดี(คอซิมก้อง) แก่เทศบาลเมืองปีนังเพื่อสาธารณประโยชน์ซึ่งรู้จักกัน ในนามระนองกราวด์แก ่ประชาชนชาวปีนัง ปัจจุบันสถานที่แห ่งนี้ถูกใช้เป็น สถานที่จัดประชุมและการแสดงซึ่งเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งในเมืองปีนังในชื่อ “Dewan Sri Penang”68 นอกจากนี้ผู้สืบตระกูล ณ ระนอง อีกจ�ำนวนมากได้ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจนได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นพระยาจ�ำนวนถึง ๑๐ คน และสมุหเทศาภิบาลมณฑลจ�ำนวน ๒ คน อีกด้วย 67 Tan Kim Hong, The Chinese in Penang: A Pictorial History (Penang: Areca Books, 2007), p. 98.68 กรมศิลปากร, จากนานามาลยรัฐสู ่มาเลเซียและสิงคโปร์ในปัจจุบัน (กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ์, 2558), หน้า 165. เชิดพงศ์ สุทธิวงษ์


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 48 ๑. คอซิมก้อง (許心廣) ๒. คอซิมจั๋ว (許心泉) ๓. คอซิมขิม (許心欽) ๔. คอซิมเต็ก (許心德) ๕. คอซิมบี้ (許心美) ๒ ๓ ๔ ๕ ๑


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 49 บรรณานุกรม โกศล ณ ระนอง. ประธานกรรมการมูลนิธิพระบุรพทิศอาทรและนางลี้ ณ ระนอง. สัมภาษณ์, ๙ ตุลาคม ๒๕๖๕. ขวัญจิต ศศิวงศาโรจน์. สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ฮกเกี้ยน. กรุงเทพฯ: สหธรรมิก, 2543. จี. วิลเลียม สกินเนอร์. สังคมจีนในประเทศไทย : ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๒๙. จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชหัตถเลขา ในพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องเสดจประพาสแหลมมลายูเมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๗, ๑๒๐ รวม ๔ คราว. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไท, ๒๔๖๘. _________ ___ .ระยะทางเสด็จพระราชด�ำเนิรประพาสทางบกทางเรือ รอบแหลมมะลายู รัตนโกสินทร์ศก ๑๐๙. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๕. ด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. นิทานโบราณคดี. กรุงเทพฯ: เขษมบรรณกิจ, ๒๕๐๓. _________ ___ . ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 50. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, 2474. _________ ___ . ประชุมพงศาวดาร ภาคท ี่ ๕๐ เรื่องต�ำนานเมืองระนอง พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ นางเอิบ รัศมิภูติ. กรุงเทพฯ: พีทีการพิมพ์แอนด์โปรโมชั่น จ�ำกัด, ๒๕๒๗. _________ ___ . ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕๐ เรื่องต�ำนานเมืองระนอง มหาอ�ำมาตย์ตรีพระยา ประดิพัทธภูบาล(คอยู่เหล ณ ระนอง) พิมพ์แจกในงานยืนชิงช้า พ.ศ. ๒๔๗๔. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, ๒๔๗๔. _________ ___ . ประชุมพงศาวดารภาคที่๕๐ เรื่องต�ำนานเมืองระนองสมาชิกในสกุล ณ ระนอง พิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวาย สนองพระเดชพระคุณเมื่อเสด็จเลียบมณฑลภูเก็ต พ.ศ. ๒๔๗๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๑. ทรัพยากรธรณี,กรม.ดีบุก: ธรณีวิทยาแหล่งแร่และสถานการณ์.วารสารเศรษฐธรณีวิทยา (2542) : 1. _________ ___ . ธรณีวิทยาแหล่งแร่ดีบุกและแร่หายากบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย.กรุงเทพฯ: กองเศรษฐธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี, 2543.


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 50 นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา และด�ำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. สาส์นสมเด็จ เล่ม 6. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา, 2504. ประพิณ มโนมัยวิบูลย์.ชุมชนจีนในประเทศไทย: หลากหลายสำ� เนียงจีน.ราชบัณฑิตยสถาน (2554) : 549 - 551. ประภัสสร บุญประเสริฐ. ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย รามค�ำแหง, 2530. พวงทิพย์เกียรติสหกุล. กิจการเหมืองแร่ของชาวจีนในมณฑลภูเก็ต พ.ศ. 2400 - 2474. วารสารอักษรศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร (2540) : 71 - 91. มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ.จดหมายเหตุประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ร.ศ. 128 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช. กรุงเทพฯ: ส�ำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, 2541. มหาดไทย, กระทรวง. ท�ำเนียบหัวเมือง ตอนที่ 1 - 2 - 3. ร.ศ. 1๑๙ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ บ�ำรุงนุกูลกิจ, 2443. _________ ___ .ท�ำเนียบหัวเมืองรัตนโกสินทรศก 121.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์บ�ำรุงนุกูลกิจ, 2445. มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้เล่ม 5. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542. _________ ___ . สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม 15. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรม วัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542. ระนอง, องค์การบริหารส่วนจังหวัด. ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดระนอง. ระนอง: สยามสปอร์ตพับลิชชิ่ง, 2526. โรงเรียนพิชัยรัตนาคารจังหวัดระนอง. โครงการศึกษาเพื่อประกาศเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ศิลปกรรม “สุสานเจ้าเมืองระนอง.” ระนอง: โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร จังหวัด ระนอง, ๒๕๔๓. วัฒนธรรม, ส�ำนักงานปลัดกระทรวง. อนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น (ชื่อบ้านนามเมือง). ระนอง: ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนอง, 2546. วิชิตวงศ์วุฒิไกร, พระยา (ม.ร.ว.สิทธิ์สุทัศน์). ที่ระลึกเสด็จเลียบมณฑลภูเก็ต พุทธศักราช 2460. (ม.ป.ท., ม.ป.ป.).


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 51 ศิลปากร, กรม. จากนานามาลยรัฐ สู่มาเลเซียและสิงคโปร์ในปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ์, 2558. _________ ___ .โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนในเขตพื้นที่ส�ำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: ณัฐการการพิมพ์, 2563. _________ ___ .วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัด ระนอง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2544. _________ ___ . อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทยอักษรกเล่ม 1.กรุงเทพฯ:กรมศิลปากร, 2540. _________ ___ . อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย อักษร ค. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2545. ศุภรัตน์เลิศพาณิชย์กุล. สมาคมลับอั้งยี่ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๔๕๓. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๔. สุทธิว่องมงคลเดช. มรดกทางสถาปัตยกรรมจีน ทางชายฝั่งทะเลตะวันตก ภาคใต้ของ ประเทศไทย. วารสารหน้าจั่ว มหาวิทยาลัยศิลปากร (2562) : 29 - 30. สุพงษ์ลิ้มพานิช. หนังสือที่ระลึก “ปิยมหาราชานุสรณ์” พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เดือนตุลา, 2550. สุวรรณีณ ระนองและคณะ.อนุสาวรีย์พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดี(คอซู้เจียง) เจ้าเมือง ระนอง. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ประดิพัทธ์, 2546. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ก.ร.๕ รล-กห/๑ สารตราไปเมืองชุมพรตั้งขุนรองปลัดเป็นหลวงคีรีษยาคอร เจ้าเมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๐๖) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ก.ร.๕ รล-กห/๑ หนังสือว่าด้วยเรื่อง ตั้งจีนเจียงเป็นที่หลวงรัตนเสรฐี(จ.ศ. ๑๒๐๖) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ก.ร.๕ รล-กห/๔ เรื่องตั้งพระยารัตน เศรษฐีเป็นเจ้าภาษีฝิ่นเมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๒๒) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ก.ร.๕ รล-กห/๘ สารตราเรื่อง ตั้งพระยารัตนเสฐีเป็นเจ้าภาสี๕ อย่างเมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๒๓) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ก.ร.๕ รล-กห/๑๑ เรื่องตั้งพระยา รัตนเสรฐีเป็นเจ้าภาษีผลประโยชน์(เจ้าภาษี๕ อย่าง) เมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๓๗)


ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ 52 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ก.ร.๕ รล-กห/๑๖ เรื่องพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนยศพระยารัตนเสฐีเป็นพระยาด�ำรงสุจริตฯ จางวางก�ำกับราชการเมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๓๙) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ก.ร.๕ รล-กห/๑๖ สารตรา โปรดเกล้าฯให้พระยาดำ� รงค์สุจริตมหิศรภักดีจางวางเมืองระนองมาเปนผู้บังคับ ราชการเมืองหลังสวร (จ.ศ. ๑๒๓๙) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ก.ร.๕ รล-กห/๓๑ สารตรา พระราชทานศิลาน่าศภและพระราชทานเครื่องไทยธรรมศภพระยาด�ำรงสุจริต (จ.ศ. ๑๒๔๕) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ม.ร.๔ รล-กห/๒๓ สารตรา พระราชทานนามสัญญาบัตรเลื่อนยศพระรัตนเสฐีขึ้นเปนพระยารัตนเสฐีและ ให้เมืองระนองขึ้นกับกรุงเทพฯ (จ.ศ. ๑๒๒๔) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ม.ร.๔ รล-กห/๒๔ สารตรา พระราชทานนามสัญญาบัตรเลื่อนพระรัตนเสฐีเป็นพระยารัตนเสฐี(จ.ศ. ๑๒๒๔) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ม.ร.๔ รล-กห/๒๔ สารตราว่าด้วย เรื่องตั้งพระยารัตนเสฐีและยกเมืองระนองมาขึ้นกับกรุงเทพฯ (จ.ศ. ๑๒๒๔) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ม.ร.๕ รล-กห/๓๑ สารตรา พระราชทานศิลาน่าศภและพระราชทานเครื่องไทยทานศภพระยาด�ำรงสุจริต (จ.ศ. ๑๒๔๕) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ม.ร.๕ รล-กห/๓๑ หนังสือกราบ บังคมทูลของเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์เรื่องจารึกหน้าหลุมศภของพระยาด�ำรง สุจริตฯ (จ.ศ. ๑๒๔๕) _________ ___ .เอกสารเย็บเล ่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ม.ร.๕ รล-กห/๓๒ สารตรา พระราชทานศิลาน่าศภและเครื่องไทยทานแด่พระยาด�ำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวาง (จ.ศ. ๑๒๔๕) _________ ___ .เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๕ ม.ร.๕ รล-กห/๓๒ หนังสือกราบ บังคมทูลของเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์เรื่องค�ำจารึกศิลาหน้าหลุมศพ (จ.ศ. ๑๒๔๕)


พระยาดำ รงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) 53 หอจดหมายแห่งชาติ. เอกสารเย็บเล่มกรมพระกลาโหม รัชกาลที่ ๔ ม.ร.๔รล-กห/๓๖ สารตราว่าด้วยตั้งจีนซิมจั่วเปนที่หลวงศักดิ์ศรีสมบัตรผู้ช่วยราชการเมืองระนอง (จ.ศ. ๑๒๓๐) หอสมุดแห่งชาติ.จดหมายเหตุร.๓ เรื่องตราตั้งหลวงรัตนเศรษฐีให้ท�ำอากรดีบุกเมืองระนอง จ.ศ. ๑๒๐๖. ๒๓๘๗. _________ ___ . จดหมายเหตุร.๔ เรื่องตราตั้งพระยารัตนเศรษฐีเมืองระนอง จ.ศ. ๑๒๑๖. ม.ป.ป. _________ ___ . จดหมายเหตุร.๕ เลขท ี่ ๒๖๘/๑๐ บัญชีขุนนางหัวเมืองปักษ์ใต้ที่ได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์. ม.ป.ป. อนุสรณ์เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ หม่อมคล้อง เกษมสันต์. กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์ประดิพัทธ์, 2542. อุมา สินธุเศรษฐ. สมาคมลับอั้งยี่ในประเทศไทย : กรณีอั้งยี่ภาคใต้. วารสารมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี(๒๕๖๑) : ๒๓๑ - ๒๕๘. Ching-hwang Yen. Ethnic Chinese Business in Asia, HIstory, Culture and Business Enterprise. Singapore: World Scientific Publishing Company, 2013. Cushman, Jenifer W. Family and State, The Formation of a Sino-Thai Tin-Mining Dynasty 1797-1932. Singapore: Oxford University Press, 1991. Khoo Su Nin. Streets of George Town, Penang. Penang: The Phoenix Press, 1993. Lim Kwee Phaik. Life at Chakrabongse House. New South Wales: Piccadilly Print, 2011. National Museum Volunteers. Writing from Asia: Treasures, Myths and Traditions. Bangkok: Thai Watana Panich Press Co. Ltd., 1996. Ooi Keat Gin. Southeast Asia, A Historical Encyclopedia, from Angkor Wat to East Timor. Santa Babara: ABC-CLIO, 2004. Tan Kim Hong. The Chinese In Penang, A Pictorial History. Penang: Areca Books, 2007. Williams, C.A.S. Chinese Symbolism and Art Motifs. Singapore: Tuttle Publishing, 2006.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) (Gustav Schau) เจ้ากรมตำ รวจภูธรคนแรก ในสมัยรัชกาลที่ ๕


56 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ กรมต�ำรวจได้รับการจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏ หลักฐานที่แน่ชัดเพียงแต่สันนิษฐานว่าคงจะมีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยา ดังปรากฏว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าฯให้ตราศักดินาของต�ำรวจไว้ เป็นบรรทัดฐาน ในบทพระอัยการระบุต�ำแหน่งนาพลเรือนเช่นเดียวกับข้าราชการ ฝ ่ายอื่น มีชื่อเรียกว ่า “พระต�ำรวจ” อยู ่ในสังกัดกรมพระต�ำรวจ ขึ้นตรงต ่อ พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารรักษาพระองค์ติดตามขบวนเสด็จ พระราชด�ำเนินเพื่อถวายความอารักขา และรักษาความสงบภายในพระบรม มหาราชวัง1 ส่วนหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันปราบปรามโจรผู้ร้าย ทั่วไปนั้นยังไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบโดยตรง แต่แทรกหน้าที่นี้ไว้ในหน่วยงาน ต่าง ๆ เช่น ขุนเวียง เป็นผู้รับผิดชอบการรักษาความสงบและป้องกันปราบปราม โจรผู้ร้ายในเขตพระนคร2 ส่วนหัวเมืองนอกเขตพระนคร มีเจ้าเมืองกรมการเมือง นายอ�ำเภอกำ� นัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้รับผิดชอบการรักษาความสงบและป้องกัน ปราบปรามโจรผู้ร้ายในหัวเมือง ส�ำหรับการรักษาความสงบตามชายแดนของ ประเทศอยู่ในความรับผิดชอบของต�ำรวจภูธรและกรมตำ�รวจภูบาลโดยมีเจ้ากรม คือ หลวงวาสุเทพ และหลวงพิศณุเทพ ซึ่งข้าราชการทั้งสองกรมนี้ด�ำรงต�ำแหน่ง เป็นข้าหลวงจากเมืองหลวงเดินทางไปตรวจราชการตามหัวเมืองเป็นครั้งคราว เมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็กลับมาตั้งกองก�ำลังในพระนครตามเดิม3 หน่วยงานของ ต�ำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามลักษณะดังกล่าวนี้เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ 1 พิชาน ดโนทัย,กฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยา(พระนคร: โรงพิมพ์แพร่พิทยา, ๒๕๑๘), หน้า ๒๒. 2 กรมต�ำรวจ, พระมหากษัตริย์กับประวัติศาสตร์ต�ำรวจสยาม (พระนคร:วัชรินทร์ การพิมพ์, ๒๕๑๙), ค�ำน�ำหน้า ๓. 3 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, เทศาภิบาล (พระนคร: โรงพิมพ์รุ ่งเรืองธรรม, ๒๕๐๓), พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระยา อรรถกระวีสุนทร ณ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๓, หน้า ๒๘.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 57 ตอนต้น นับว่าเหมาะสมกับลักษณะสังคมในเวลานั้น เนื่องจากสภาพบ้านเมือง ยังไม่เจริญ การคมนาคมสื่อสารไม่สะดวก เมื่อเกิดความไม่สงบขึ้นในท้องถิ่น ก็ไม่ขยายตัวมากนักและสามารถควบคุมให้สงบเรียบร้อยได้ การจัดตั้งกรมต�ำรวจภูธร ในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป มีการเปิด ประเทศมากขึ้น ประเทศไทยได้มีการติดต่อกับชาวตะวันตกหลายชาติได้เรียนรู้ และรับเอาวิทยาการแบบตะวันตกมาปรับใช้ในการปกครองประเทศและการรักษา ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศหลายด้าน กิจการต�ำรวจได้พัฒนาขึ้นเป็นล�ำดับ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ มีการจัดตั้งกรมกอง ตระเวน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตมณฑลกรุงเทพฯ ตามแบบยุโรปขึ้น เป็นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๐๓4 ต่อมารัฐบาลคิดจะน�ำแบบอย่างกิจการต�ำรวจภูธร ของต่างประเทศมาปรับปรุงใช้ในเมืองไทย ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ ไทยจึงส่งนายกวด หุ้มแพร เอตาเช (ต�ำแหน่งทางการทูต) ไปดูงานด้านกิจการต�ำรวจภูธรที่ประเทศ ญี่ปุ่น5 แต่เวลานั้นรัฐบาลไม่เร่งรีบด�ำเนินการจัดตั้งกรมต�ำรวจภูธร เนื่องด้วย เกิดปัญหาขาดแคลนผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้และปัญหาด้านงบประมาณจนกระทั่ง ได้รับแรงผลักดันจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศที่ทวีความรุนแรง ขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้มีการจัดตั้งกรมต�ำรวจภูธรขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๔๐ 4 กรมกองตระเวนมีหน้าที่รับผิดชอบในเขตมณฑลกรุงเทพฯ ในเวลานั้นการปฏิบัติ หน้าที่ของพลตระเวนไม่ค่อยได้ผลอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาและอุปสรรคในการด�ำเนินงาน หลายด้าน ทั้งมาจากส่วนราชการภายในกรม หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องตลอดจนปัจจัย แวดล้อมอื่น ๆ (ปัจจุบันหน่วยงานดังกล่าวคือ ต�ำรวจนครบาล)5 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. กต ๔๔.๑๕/๑ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ รัชกาลที่ ๕ เรื่อง นายกวด หุ้มแพร ให้ไปสืบตรวจราชการยังกรมนัครภิบาลแลโรงโปลิศ


58 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ สาเหตุของการจัดตั้งกรมต�ำรวจภูธรมี๒ ประการ ได้แก่ ๑.สาเหตุภายใน คือ การจัดการเรื่องโจรผู้ร้ายในหัวเมือง ๒. สาเหตุภายนอก คือ เพื่อการป้องกัน ประเทศจากภัยคุกคามจากมหาอ�ำนาจตะวันตกตามชายแดนของประเทศ ๑. สาเหตุภายใน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อประเทศไทยมีการ ปฏิรูปการปกครองหัวเมืองใน พ.ศ. ๒๔๓๗ เป็นผลให้การปกครองหัวเมืองเปลี่ยน จากระบบกินเมืองมาเป็นระบบเทศาภิบาลขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย บรรดา เจ้าเมืองและกรมการเมืองถูกลดอ�ำนาจลงเป็นข้าราชการพลเรือนของรัฐบาล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครองมณฑล ตลอดจนเป็นผู้เก็บภาษีอากรค่าน�้ำ ค่านาและค่าราชการต่าง ๆ ส่งไปยังส่วนกลาง การลดอ�ำนาจและรายได้ของ เจ้าเมืองและกรมการเมืองลงเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่บุคคลกลุ่มนี้อย่างมาก เนื่องจากต้องสูญเสียอ�ำนาจและผลประโยชน์ที่เคยมีไป ระยะต่อมาจึงได้แสดง ปฏิกิริยาต่อต้านรัฐบาลกลางด้วยการสนับสนุนโจรผู้ร้ายมากขึ้น6 ขณะเดียวกัน การเก็บภาษีอากรในระบบเทศาภิบาลก็สร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎร ในช ่วงที่เริ่มมีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองปรากฏว ่าโจรผู้ร้ายทุกประเภท มีจ�ำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก7 จนกระทั่งส่วนกลางต้องส่งข้าหลวงพระต�ำรวจออกไป ปราบปรามอยู่เสมอ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถปราบปรามโจรผู้ร้ายให้สงบลงได้ รัฐบาลจึงจ�ำเป็นต้องวางนโยบายปราบปรามโจรผู้ร้ายให้หมดสิ้นไป ด้วยการจัดตั้ง กองก�ำลังต�ำรวจภูธรไปประจ�ำการในหัวเมือง เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ 6 W. A. Graham, Siam, Vol. I (London : The De La More Press, 1924), pp.325-336. 7เตช บุนนาค, ขบถ ร.ศ. ๑๒๑ (กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๒๔), หน้า ๔๗.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 59 ราษฎรและเข้าควบคุมรักษาความสงบเรียบร้อยแทนเจ้าเมือง ตลอดจนเป็น การเสริมก�ำลังให้การปกครองระบบเทศาภิบาลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๒. สาเหตุภายนอก ภัยจากลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษและฝรั่งเศสตามชายแดนของ ประเทศ ทำ� ให้ไทยต้องจัดตั้งกองต�ำรวจภูธรในหัวเมือง8 เนื่องจากทั้งสองประเทศ นั้นต ่างก็สามารถยึดดินแดนใกล้เคียงกับประเทศไทยไว้ได้จนหมด เหลือแต่ ประเทศไทยเป็นรัฐกันชนเท่านั้น สถานการณ์เช่นนี้ท�ำให้ไทยตกอยู่ในภาวะที่ต้อง เผชิญกับภัยคุกคามจากมหาอ�ำนาจตะวันตกรอบด้าน นับว่าเป็นการเสี่ยงต่อ การสูญเสียเอกราชอย่างมาก นอกจากนี้ข้ออ้างประการหนึ่งของชาติมหาอ�ำนาจ ตะวันตกที่จะเข้ามาครอบครองบรรดาประเทศต่าง ๆ คือ ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุม เช ่น การเสียดินแดนสิบสองจุไทยให้แก ่ฝรั่งเศส พ.ศ. ๒๔๓๑ ในบริเวณ ลุ่มแม่น�้ำโขงมีโจรจีน (ฮ่อ) เข้ามารุกรานอยู่เสมอและไทยไม่สามารถปราบปราม ลงได้ฝรั่งเศสจึงถือโอกาสเข้ามาแทรกแซง และใน พ.ศ. ๒๔๓๕ ไทยต้องสูญเสีย ดินแดนทางล้านนาไทยด้านที่ติดต ่อกับพม ่าให้แก ่อังกฤษ โดยเฉพาะบริเวณ สองฟากแม ่น�้ำสาละวินที่เต็มไปด้วยโจรผู้ร้ายมาลักขโมยไม้สักและช้างป ่า ของบริษัท ซึ่งบริษัทป่าไม้ทางภาคเหนือส่วนใหญ่มีกิจการใหญ่โต และมีอิทธิพล ทางการเมือง ได้แก่ บริษัท บอมเบย์เบอร์มา และบริษัท บอร์เนียว เป็นต้น ทั้งสองบริษัทนี้เป็นของชาวอังกฤษ9 8 กรมต�ำรวจ, ประวัติการต�ำรวจไทย (ม.ป.ท. : ม.ป.ป.), พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงาน พระราชทานเพลิงศพ พันต�ำรวจเอก หลวงสรพลเรืองเดช ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๐๗, หน้า ๒๓. 9 บี.อาร์. เฟิร์น, ประวัติศาสตร์อาเซียอาคเนย์, แปลโดย ม.ร.ว.จีรวัฒน์จักรพันธ์, พิมพ์ครั้งที่๒ (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, ๒๕๑๕), หน้า ๑๗๖.


60 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๖ ไทยประสบปัญหากรณีพิพาทรุนแรงกับฝรั่งเศส ที่เรียกว่า“วิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒”10 โดยฝรั่งเศสใช้นโยบาย“เรือปืน”ส่งเรือรบ มาปิดอ่าวไทย บังคับไทยให้ยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น�้ำโขงแก่ฝรั่งเศส11 ในที่สุดไทย ตกลงเซ็นสัญญาสงบศึกกับฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ผลของสนธิ สัญญาฉบับนี้ระบุข้อ ๓ และข้อ ๔ โดยฝ่ายฝรั่งเศสก�ำหนดเงื่อนไขห้ามไทย มีกองทหารในเขตเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และฝั่งขวาแม่น�้ ำโขงในรัศมี ๒๕ กิโลเมตรอำ� นาจการปกครองของไทยในบริเวณดังกล่าวจึงน้อยลงเมื่อมีปัญหา โจรผู้ร้ายชุกชุม ผู้ร้ายทั้งฝั่งไทยและฝั่งฝรั่งเศสมักจะหลบหนีเข้ามาอยู่ในเขต ปลอดทหารจ�ำนวนมากจนเกินก�ำลังของเจ้าเมือง กรมการเมืองที่อาศัยก�ำลังของ นายอ�ำเภอ ก�ำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะปราบปรามลงได้ดังนั้นไทยจึงจ�ำเป็นต้องจัดตั้ง กองต�ำรวจภูธรไปประจ�ำตามชายแดน เพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ ให้รอดพ้นจากแผนการล่าเมืองขึ้นของอังกฤษและฝรั่งเศส 10 เป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดจากลัทธิจักรวรรดินิยมของฝรั่งเศสซึ่งต้องการ ขยายเขตแดนเข้ามาในไทย โดยฝรั่งเศสได้น�ำเรือรบปิดปากน�้ำเจ้าพระยาและส่งทหารเข้ามา บุกรุกทางภาคอีสาน ตลอดจนยื่นค�ำขาดให้รัฐบาลไทยยกเลิกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น�้ำโขง และ ต้องตอบภายใน ๔๘ ชั่วโมงในที่สุดไทยยอมตกลงและได้ท�ำสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ในวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๖11 แถมสุข นุ่มนนท์, การเมืองและการต่างประเทศในประวัติศาสตร์ไทย (กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๒๔), หน้า ๑๐๖.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 61 ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ขณะด�ำรงพระยศเป็นกรมหมื่นด�ำรงราชานุภาพจึงมีพระด�ำริให้จัดตั้งหน่วยงาน ที่ได้มาตรฐานและมีระเบียบ เพื่อรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย ภายในหัวเมืองขึ้นเป็นหน ่วยงานถาวร ดังลายพระหัตถ์ที่ทรงกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ ความตอนหนึ่งว่า12 “...ข้าพระพุทธเจ้าคิดด้วยเกล้าฯ ว่าสมควรจะจัดการเพิ่มเติม ขึ้นในกระทรวงมหาดไทยอีก ๒ อย่าง อย่างหนึ่งจัดกรมต�ำรวจ ภูธรให้เป็นพนักงานส�ำหรับตรวจจัดการพลตระเวนคือยองดามส์ ตามหัวเมืองมีต�ำแหน่งเจ้ากรม ๑ ปลัดกรมตามท�ำเนียบกรมศักดิ์ ต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธรนี้มีหลวงสันวิธานนิเทศรับราชการ อยู่แล้ว ส่วนตัวปลัดกรมนั้นยังจะคิดหาต่อไป ข้าพระพุทธเจ้า ได้ประมาณเงินส่วนกรมต�ำรวจภูธรนี้ลงไว้ในงบประมาณแล้ว...” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาเห็นชอบด้วยกับ การจัดตั้งกองก�ำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหัวเมืองใหม ่ โดยยึดถือ มาตรฐานตามแบบชองดาร์มเมอรี(Gendarmerie) ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็น กองก�ำลังที่มีลักษณะเป็นทั้งทหารและพลเรือน กล่าวคือ กองก�ำลังต�ำรวจภูธร จะอยู่ในระเบียบวินัยและกฎข้อบังคับแบบทหาร แต่มีอ�ำนาจหน้าที่ใช้อาวุธปืน 12 กรมต�ำรวจ, กิจการต�ำรวจสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรง ราชานุภาพ (๒๔๓๕ - ๒๔๕๘) (ม.ป.ท. : ม.ป.ป.),กรมตำ�รวจจัดพิมพ์เป็นการเฉลิมพระเกียรติ งานฉลองวันครบรอบ ๑๐๐ ปีแห่งวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ด�ำรงราชานุภาพ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๕, หน้า ๔.


62 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ เพื่อปราบปรามโจรผู้ร้ายและตรวจตระเวนพื้นที่ชายแดนแทนทหาร ภายใต้การ บังคับบัญชาของฝ่ายพลเรือน คือ กระทรวงมหาดไทย ลักษณะต�ำรวจชองดาร์ม ของฝรั่งเศสจึงเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรง ราชานุภาพ13 เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงพิจารณาเรียกชื่อกองต�ำรวจ ชองดาร์มนี้ว่า“กรมตำ�รวจภูธร”ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นต้นมาดังพระราชาธิบาย ในหนังสือ “เทศาภิบาล” เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า14 “...เมื่อจัดการปกครองหัวเมือง พระเจ้าอยู่หัวโปรดให้เอาแบบ “ยองดามส์” ของฝรั่ง ซึ่งควบคุมและใช้ปืนเหมือนอย่างทหาร มาจัดขึ้นเป็นพนักงานตรวจจับโจรผู้ร้ายตามหัวเมือง เพราะ เหมาะแก่การตรวจตระเวนท้องที่กว้างใหญ่ด้วยไม่ต้องใช้คน 13 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาชุ่ม ประสูติเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๐๕ เป็นพระเจ้าน้องยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษา วิชาการทหารในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทรงรับราชการบังคับการในกรมทหาร มหาดเล็กในต�ำแหน่งเอดเดอแกมป์หลวง ทรงฝึกหัดทหารให้รู้วิชาการแผนที่ในราชอาณาจักร และบัญชาการกองแก้วจินดาเพื่อดูแลเครื่องศัสตราวุธในรัชกาลที่๕ พ.ศ. ๒๔๒๙ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นกรมหมื่นด�ำรงราชานุภาพ เป็นผู้บัญชาการทหารบก ต่อมา พ.ศ. ๒๔๓๓ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากงานฝ ่ายทหารไปปฏิบัติงานทางพลเรือน ทรงเป็นผู้ก�ำกับการกรมธรรมการ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการ ครั้น พ.ศ. ๒๔๓๕ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เพื่อสนองพระบรมราโชบายในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน ทรงวางรากฐานแบบแผนระเบียบ ราชการมหาดไทยเพื่อสร้างสรรค์พัฒนาบ้านเมืองในยุคที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยของ นักล่าอาณานิคมทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส พระกรณียกิจของพระองค์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการ บริหารบ้านเมือง ทรงเป็นคู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงขนาด ตรัสชมว่าทรงเป็นเสมือน “เพชรประดับพระมหาพิชัยมงกุฎ” จากนั้น พ.ศ. ๒๔๕๔ ในสมัย รัชกาลที่ ๖ ทรงได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ต่อมาถวายบังคมลาออกจากต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ 14 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, เทศาภิบาล, หน้า ๔๐.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 63 มากนัก แต่ชื่อที่จะเรียกยองดามส์ว่ากระไรในภาษาไทยยังไม่มี ข้าพเจ้าจึงเอาชื่อต�ำรวจภูธรมาให้เรียกยองดามส์ที่จัดขึ้นใหม่ เพราะเห็นว่าหน้าที่เป็นท�ำนองเดียวกันแต่โบราณ จึงมีกรม ต�ำรวจภูธรอย่างใหม่ตั้งขึ้นแต่นั้นมา...” การสรรหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธร เมื่อกรมต�ำรวจภูธรได้จัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย เรียบร้อยแล้วการสรรหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธรก็ถือว่ามีความส�ำคัญ ยิ่ง เนื่องจากกิจการต�ำรวจภูธรเป็นสิ่งใหม่ส�ำหรับเมืองไทย ซึ่งข้าราชการไทย สมัยนั้นยังไม่มีความรู้และประสบการณ์รัฐบาลจ�ำเป็นต้องจ้างชาวต่างประเทศ เข้ามาด�ำเนินงานจนกว่าจะสามารถฝึกฝนคนไทยขึ้นมาแทนได้การเลือกจ้าง ชาวต่างประเทศเข้ามาด�ำรงต�ำแหน่งราชการในกรมต�ำรวจภูธร รัฐบาลพิจารณา คัดเลือกบุคคลตามคุณสมบัติความรู้และความสามารถ ตลอดจนค�ำนึงถึง ปัญหาทางการเมืองที่จะติดตามมาด้วย ขณะที่มีการพิจารณาสรรหาว ่าจ้าง ชาวต ่างประเทศเข้ารับราชการในกรมต�ำรวจภูธรนั้น สถานการณ์ชายแดน ของไทยก�ำลังถูกคุกคามจากมหาอ�ำนาจอังกฤษและฝรั่งเศส ไทยจึงพยายาม หลีกเลี่ยงไม่คัดเลือกชาวอังกฤษและชาวฝรั่งเศสมาเป็นต�ำรวจภูธรเพราะเกรงว่า ชาติทั้งสองอาจจะแทรกแซงกิจการภายในกรมเพื่อผลประโยชน์ของชาติตน อันจะเป็นอันตรายแก่ไทยอย่างมาก ส�ำหรับกรณีฝรั่งเศสนั้น แม้ว่าไทยจะยึดถือ ชองดาร์มเมอรีของฝรั่งเศสเป็นแม่แบบ แต่กรณีพิพาทที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ซึ่งฝรั่งเศสเอาเปรียบและมีทีท่าไม่น่าไว้วางใจ ไทยจึงไม่มีนโยบาย ที่จะจ้างชาวฝรั่งเศสเข้ามารับราชการในกรมต�ำรวจภูธร ดังพระราชหัตถเลขา


64 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๕ – ๒๔๕๘ ทรงมีบทบาทส�ำคัญยิ่งต่อการจัดตั้งกรมต�ำรวจภูธร และกิจการโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 65


66 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “...ข้อที่ จะเอาฝรั่งเศษมาเป็นนายโปลิศ นึกหน้าฝรั่งเศษไม่โกงไม่ออก...”15 ด้วยเหตุผล ดังกล่าวไทยจึงพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่จะมาด�ำรงต�ำแหน่ง“เจ้ากรมต�ำรวจภูธร” จากชาติตะวันตกที่มีความเจริญทางวิทยาการสมัยใหม่ได้มาตรฐานเช่นเดียวกับ ประเทศต่างๆในยุโรป แต่ไม่มีนโยบายแสวงหาเมืองขึ้น คือ“ประเทศเดนมาร์ก” อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว ่างราชวงศ์เดนมาร์กและไทยด�ำเนินไปอย ่างราบรื่น ดังปรากฏเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินเยือนเดนมาร์กและเข้าเฝ้าฯสมเด็จ พระเจ้าคริสเตียนที่ ๙ ณ พระราชวังอมาเลียนบอร์กกรุงโคเปนเฮเกน ประกอบกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้วางพระราชหฤทัยในการท�ำงานของ ชาวเดนมาร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระยาชลยุทธโยธินทร์หรือกัปตันริเชอลิเยอ16 (André du Plésis de Richelieu) นายทหารเรือชาวเดนมาร์กคนแรกที่เข้ามา 15 “พระราชหัตถเลขารัชกาลที่ ๕ พระราชทานกรมหลวงด�ำรงราชานุภาพ ฉบับวันที่ ๙ มกราคม ร.ศ. ๑๑๒, ”ใน พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวที่ทรงบริหารราชการแผ่นดิน ภาคที่ ๔ (พระนคร: ส�ำนักนายกรัฐมนตรี, ๒๕๑๒) หน้า ๒๒๑. 16 พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ หรือกัปตันริเชอลิเยอ นายทหารเรือชาว เดนมาร์ก มีนามเดิมว่า อ็องเดร ดูเปลซีเดอ ริเชอลิเยอ (André du Plésis de Richelieu) เริ่มเข้ารับราชการทหารเรือไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ เป็นผู้บังคับการเรือพิทยัมรณยุทธต่อมา พ.ศ. ๒๔๒๑ โปรดเกล้าฯ พระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็นหลวงชลยุทธโยธินทร์ต�ำแหน่งปลัดกรมแสงและผู้บังคับการเรือพระที่นั่ง เวสาตรีถึง พ.ศ. ๒๔๒๕ เลื่อนเป็นพระชลยุทธโยธินทร์ต่อมา พ.ศ. ๒๔๓๔ เป็นพระยา ชลยุทธโยธินทร์ครั้น พ.ศ. ๒๔๔๓ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการกรมทหารเรือ พระยาชลยุทธโยธินทร์มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ส�ำคัญในประวัติศาสตร์ไทยหลายครั้ง เช่น พ.ศ. ๒๔๓๒ ร่วมกับทหารมหาดเล็กน�ำก�ำลังทหารเรือเข้าปราบปรามพวกอั้งยี่ และ พ.ศ. ๒๔๓๖ เกิดวิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒ ไทยพิพาทกับฝรั่งเศสโปรดเกล้าฯให้พระยาชลยุทธ โยธินทร์เป็นผู้อ�ำนวยการป้องกันปากน�้ำเจ้าพระยา นอกจากน ี้ พระยาชลยุทธโยธินทร์ ยังด�ำเนินธุรกิจส ่วนตัวที่มีส ่วนช ่วยในการริเริ่มและพัฒนากิจการคมนาคมขนส ่งและ สาธารณูปโภคของไทยเป็นอย่างมาก เช่น รถรางสายบางคอแหลม รถไฟสายกรุงเทพฯ - สมุทรปราการ และการผลิตไฟฟ้าออกจ�ำหน่าย เป็นต้น


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 67 พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ หรือกัปตันริเชอลิเยอ (André du Plésis de Richelieu)


68 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่ง ร้อยเอก หลวงศัลวิธานนิเทศ ครูฝึกทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ พ.ศ. ๒๔๒๗ ที่มา: หอสมุดด�ำรงราชานุภาพ


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 69 รับราชการในกองทัพเรือไทย ในขณะนั้นได้อุทิศก�ำลังกายก�ำลังใจปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีและแสดงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการรบจนเป็น ที่ประจักษ์มาแล้วเมื่อครั้งเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒17 ดังนั้นชาวเดนมาร์ก จึงเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับเลือกเข้ารับราชการในกรมต�ำรวจภูธรของไทย ต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธรเป็นต�ำแหน่งที่มีความส�ำคัญมากเพราะจะต้อง วางรากฐานกรมต�ำรวจภูธรให้ได้มาตรฐานตามแบบตะวันตก ไทยจึงต้องมีความ พิถีพิถันอย ่างยิ่ง เพราะต�ำแหน ่งนี้ต้องมีหน้าที่ตรวจราชการไปตามหัวเมือง โดยเฉพาะหัวเมืองที่ติดต ่อกับอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส ดังนั้นเพื่อ หลีกเลี่ยงปัญหานี้อย่างเด็ดขาดสมเด็จฯกรมพระยาดำ�รงราชานุภาพทรงพิจารณา เลือกร้อยเอกกุสตาฟ เชา (GustavSchau) หรือหลวงศัลวิธานนิเทศซึ่งเป็นชาว เดนมาร์กเข้ารับราชการในต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธร18 หลวงศัลวิธานนิเทศเป็น นายทหารบกและได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ในกรมทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ด้วยความเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและซื่อสัตย์19 รวมทั้งเป็นผู้มีความสามารถทางด้านการทหาร มีความเคร่งครัดยึดมั่นในระเบียบ วินัยอันดีประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในเวลานั้นต้องการให้ต�ำรวจภูธร ท�ำหน้าที่ป้องกันภัยจากภายนอกแทนทหารได้คุณสมบัติของหลวงศัลวิธานนิเทศ จึงเหมาะสมกับต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธรดังนั้นในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ ร้อยเอก หลวงศัลวิธานนิเทศจึงโอนมารับราชการในต�ำแหน่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธร 17 กรมศิลปากร, ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม ๒ (กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์, ๒๕๓๙), หน้า ๖๒. 18 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ น.๑๑.๑/๔ เอกสารกระทรวงมหาดไทยรัชกาลที่ ๕ เรื่องกรมหมื่นด�ำรงราชานุภาพกราบบังคมทูลรัชกาลที่๕ ท ี่ ๖๔/๓๕๒๖๐ วันที่๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๖ 19 หนังสือพิมพ์แมคเอซินวิทยาของโรงเรียนสตรีวังหลัง เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘.


70 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ มีหน้าที่บังคับบัญชาบรรดาต�ำรวจภูธร และจัดระเบียบแบบแผนการบริหาร ราชการกรมต�ำรวจภูธรให้เป็นกองก�ำลังที่เข้มแข็งในการรักษาความสงบเรียบร้อย ในหัวเมือง ตลอดจนการป้องกันภัยตามชายแดนของประเทศ ประวัติพระยาวาสุเทพ (Gustav Schau) เจ้ากรมต�ำรวจภูธร พระยาวาสุเทพ นามเดิม กุสตาฟ เชา (Gustav Schau) ชาวเดนมาร์ก เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒20 ส�ำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนข้าราชการประจ�ำกรุง โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๔ ขณะนั้นกัปตันริเชอลิเยอหรือ พระยาชลยุทธโยธินทร์รับราชการในกองทัพเรือไทยได้ชักชวนมิสเตอร์กุสตาฟ เชา ให้เข้ามารับราชการในกองนาวิกโยธินไทย ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้ย้ายเข้า รับราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในตำ�แหน่งครูฝึกทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นร้อยเอก หลวงศัลวิธานนิเทศ มิสเตอร์กุสตาฟ เชา เป็นผู้มีคุณลักษณะชายชาติทหารอย่าง แท้จริง ประกอบกับเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยสามารถเข้ากับคนไทยได้เป็นอย่างดีรวมทั้ง มีความมานะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่ ด้วยเหตุนี้เมื่อพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งกรมต�ำรวจภูธรขึ้น สังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ เขาจึงได้รับความไว้วางใจให้ด�ำรง ต�ำแหน ่งเจ้ากรมต�ำรวจภูธร บังคับบัญชาเจ้าพนักงานกรมต�ำรวจภูธรและ จัดระเบียบแบบแผนการบริหารราชการกรมต�ำรวจภูธรที่จัดตั้งใหม่โดยเริ่มปฏิบัติ หน้าที่รับผิดชอบในมณฑลปราจีนบุรีก่อนเป็นมณฑลแรก และขยายหน่วยงาน รับผิดชอบออกไปจนกระทั่งมีกองต�ำรวจภูธรครอบคลุมทุกมณฑลทั่วประเทศ21 20 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, ท�ำเนียบข้าราชการ กรมต�ำรวจภูธร ส�ำหรับกรมต�ำรวจภูธร พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ (พระนคร: โรงพิมพ์ หนังสือพิมพ์ไทย, ๒๔๕๗), ไม่ปรากฏเลขหน้า.21 กรมต�ำรวจ, กิจการต�ำรวจสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ด�ำรงราชานุภาพ (๒๔๓๕ - ๒๔๕๘), หน้า ๖.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 71 พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) เจ้ากรมต�ำรวจภูธร พ.ศ. ๒๔๔๒


72 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ในปีต่อ ๆ มากรมต�ำรวจภูธรได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เป็นกองก�ำลังที่ เข้มแข็ง มั่นคง และเพียบพร้อมด้วยระเบียบวินัยที่เคร่งครัด หลวงศัลวิธานนิเทศ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยอุตสาหะ และมีความตั้งใจอันแน่วแน่ในการถ่ายทอด วิชาการและความรู้ต่าง ๆ อันเกี่ยวกับระเบียบราชการกรมต�ำรวจภูธรให้แก่ ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มแข็ง เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการวางรากฐาน การปฏิบัติหน้าที่ราชการกรมต�ำรวจภูธร และก�ำหนดระเบียบข้อบังคับของ กรมต�ำรวจภูธรไว้เป็นแบบอย่างที่ได้มาตรฐาน เพื่อยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่กรมต�ำรวจภูธรที่เข้ารับราชการในเวลาต่อมา ด้วยคุณงามความดี และประวัติผลงานที่โดดเด่นของเขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระวาสุเทพ ใน พ.ศ. ๒๔๔๒ และเป็นพระยาวาสุเทพ ใน พ.ศ. ๒๔๔๙22 และใน พ.ศ. ๒๔๕๑ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศทหารเป็น พลตรีพระยาวาสุเทพ23 ต่อมาใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้พลตรีพระยาวาสุเทพ เจ้ากรมต�ำรวจภูธร เลื่อนต�ำแหน่งเป็น อธิบดีกรมต�ำรวจภูธรใน พ.ศ. ๒๔๕๖ ปรากฏตามพระราชหัตถเลขาที่พระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๖ ดังนี้24 22 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ร.๕ น.๑๑.๑/๘ เอกสารกระทรวงมหาดไทย รัชกาลที่ ๕ เรื่อง ท ี่ ๑๗๑/๔๑๗ พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๒ พระราชทานกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ23 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ น.๑๑.๑/๘ เอกสารกระทรวงมหาดไทยรัชกาลที่ ๕ เรื่อง พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว ท ี่ ๓๐/๑๐๕๘ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๗ พระราชทานพระองค์เจ้าจิรประวัติ24 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ร.๖ น.๓๑/๑๒๒ เอกสารกระทรวงมหาดไทย รัชกาลที่ ๖ เรื่อง พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๖ พระราชทานกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 73 “...ด้วยพระยาวาสุเทพ เจ้ากรมต�ำรวจภูธรได้รับราชการมาโดย ความเรียบร้อยได้ราชการดีอนึ่ง กรมต�ำรวจภูธรก็เป็นกรมใหม่ อยู่ในมหาดไทยกรมหนึ่ง สมควรจะมีอธิบดีเป็นหัวหน้าได้ เพราะฉะนั้นให้พระยาวาสุเทพเลื่อนขึ้นเป็นอธิบดีกรมต�ำรวจ ภูธรต่อไป...” พลตรีพระยาวาสุเทพรับราชการฉลองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู ่หัว ตลอดมาจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๕๗25 จึงได้ลาออกจากราชการเนื่องจากความชรา ซึ่งขณะนั้นมีอายุ ๕๕ ปีเศษ รวมเวลาที่เข้ารับราชการอยู่ในเมืองไทย ตั้งแต่เป็น ข้าราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จวบจนกระทั่งลาออกจากราชการ รวมเวลาได้ ๓๐ ปี26 พลตรีพระยาวาสุเทพรับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจงรักภักดีมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ถึง ๓ ครั้ง คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นที่ ๓ นิภาภรณ์ เครื่องราช อิสริยาภรณ์ช้างเผือกชั้นที่ ๒ จุลวราภรณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยาม ชั้นที่ ๑ มหาสุราภรณ์ตามล�ำดับ นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานเงินจ�ำนวนหนึ่ง เป็นบ�ำเหน็จความชอบ นับเป็นเกียรติประวัติของชาวต่างชาติที่ได้อุทิศตนเข้ามา รับราชการในประเทศไทยยังผลให้กิจการต�ำรวจภูธรเจริญก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ ในการท�ำงานได้มาตรฐานทัดเทียมนานาอารยประเทศ ภายหลังจากที่ได้ลาออก จากราชการและเดินทางกลับไปยังประเทศเดนมาร์ก บ้านเกิดเมืองนอนของเขา และได้ถึงแก่กรรมที่นั่น เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ สิริอายุ๖๐ ปี 25 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ บ.๕/๓๔ เอกสารกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ รัชกาลที่ ๖ เรื่อง เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติกราบบังคมทูลรัชกาลที่ ๖ ท ี่ ๑๗๐๘๙/๑๘๕ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๗26 เรื่องเดียวกัน.


74 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 75 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศ นายพันเอกพระยาวาสุเทพ เจ้ากรมต�ำรวจภูธร เป็นพลตรีพระยาวาสุเทพ พ.ศ. ๒๔๕๑


76 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ การประชุมเทศาภิบาล กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๔๔๒ ถ่ายที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) เจ้ากรมต�ำรวจภูธร (แถวยืน แถวที่ ๑ ขวาสุด)


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 77 การบริหารราชการกรมต�ำรวจภูธร เมื่อพระยาวาสุเทพได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้ดำ�รงต�ำแหน่ง เจ้ากรมต�ำรวจภูธรแล้ว ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดตั้งหน่วยงานต�ำรวจภูธร จัดวางระเบียบแบบแผนข้อบังคับในการบริหารราชการกรมต�ำรวจภูธร มีอ�ำนาจ หน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยในหัวเมืองต่าง ๆ ภายนอกเขต มณฑลกรุงเทพฯ ในปีที่เข้ารับต�ำแหน่ง เขาได้จัดตั้งกองบัญชาการต�ำรวจภูธรขึ้น ในกรุงเทพฯ27 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมดูแลและบังคับบัญชาราชการ ทั้งหลายทั้งในกรมและหัวเมือง ประกอบด้วยส่วนราชการแผนกต่าง ๆ ดังนี้ กองตรวจบาญชีโจรผู้ร้าย กองคลังการเงิน กองยกกระบัตร์กองโรงเรียน และ กองครูประจ�ำโรงเรียน จากนั้นจึงได้จัดตั้งกองต�ำรวจภูธรในหัวเมืองประจ�ำตาม มณฑลต่าง ๆ พระยาวาสุเทพเป็นผู้วางโครงการและควบคุมการฝึกอบรมต�ำรวจ ภูธรอย ่างใกล้ชิด โดยเริ่มทดลองจัดตั้งกองต�ำรวจภูธรขึ้นที่มณฑลปราจีนบุรี เป็นมณฑลแรก ประกอบด้วยกองก�ำกับการตั้งอยู่ที่เมืองฉะเชิงเทรา มีอาณาเขต รับผิดชอบ ดังนี้เมืองฉะเชิงเทรา เมืองปราจีนบุรีเมืองกบินทร์อ�ำเภออารัญ เมืองนครนายก และเมืองชลบุรี 27 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, ท�ำเนียบข้าราชการ ต�ำรวจภูธร ส�ำหรับกรมต�ำรวจภูธร พระพุทธศักราช ๒๔๕๗, ไม่ปรากฏเลขหน้า.


78 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ กระทรวงมหาดไทยขอพระบรมราชานุญาตใช้เป็นธงของกรมต�ำรวจภูธร พ.ศ. ๒๔๔๕ ที่มา: หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี โรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 79 ธงกรมต�ำรวจภูธร กระทรวงมหาดไทยขอพระบรมราชานุญาตใช้เป็นธงของกรมต�ำรวจภูธร ลักษณะธงมีเครื่องหมายโล่เขนเพิ่มตรงมุมบนด้านซ้ายในธงราชนาวี


80 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ สาเหตุที่จัดตั้งกองต�ำรวจภูธรขึ้นที่มณฑลปราจีนบุรีเป็นมณฑลแรก เนื่องจากขณะนั้นฝรั่งเศสพยายามขยายอิทธิพลมาทางฝั่งขวาแม่น�้ำโขงซึ่งเป็นเขต ปลอดทหารในรัศมี๒๕ กิโลเมตร ภายหลังวิกฤตการณ์ร.ศ. ๑๑๒ แล้ว ฝรั่งเศส ได้สนับสนุนให้ฝ่ายลาวหลวงพระบางยกก�ำลังมาขับไล่ข้าราชการไทยที่ฝั่งขวา การกระท�ำที่อุกอาจนี้รัฐบาลเห็นว่าถ้าไม่รีบจัดการก็คงจะต้องเสียดินแดนให้แก่ ฝรั่งเศสเพิ่มอีกดังนั้น พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงได้จัดตั้งกองต�ำรวจภูธรในมณฑลปราจีนบุรี เป็นแห่งแรกเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันภัยจากฝรั่งเศสเพราะเป็น มณฑลที่อยู่ติดกับเขตเขมรภายใต้อิทธิพลของฝรั่งเศสเมื่อกองต�ำรวจภูธรมณฑล ปราจีนบุรีด�ำเนินไปอย่างเรียบร้อยและปฏิบัติงานได้ผลเป็นที่พอใจแล้ว รัฐบาล ได้ขยายการจัดตั้งกองต�ำรวจภูธรไปยังมณฑลต ่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามก�ำลังเงินและก�ำลังคน จนกระทั่งมีกองต�ำรวจภูธรประจ�ำมณฑลครอบคลุม พื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีมณฑลภูเก็ตเป็นมณฑลสุดท้ายที่จัดตั้งกองต�ำรวจภูธร ใน พ.ศ. ๒๔๕๑ เนื่องจากมณฑลภูเก็ตเป็นเขตอิทธิพลของอังกฤษตามสัญญาลับ ไทย-อังกฤษ พ.ศ. ๒๔๔๐ สัญญาลับฉบับนี้ท�ำให้ไทยเสียเปรียบและต้องยอมให้ อังกฤษมีอิทธิพลในทางการเมืองและการค้าแต่เพียงชาติเดียวตลอดแหลมมลายู ที่เป็นของไทย28 ไทยพยายามที่จะแก้ไขสัญญาดังกล่าวเป็นเวลานาน จนสามารถ ยกเลิกสัญญาลับ พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้ใน พ.ศ. ๒๔๕๑ แต่ไทยก็ต้องเสียดินแดน บางส่วนให้แก่อังกฤษเป็นการแลกเปลี่ยน หลังจากยกเลิกสัญญาลับแล้วไทย จึงได้โอกาสจัดตั้งกองต�ำรวจภูธรไปประจ�ำที่มณฑลภูเก็ตในปีนี้เอง 28 แถมสุข นุ่มนนท์, การเมืองและการต ่างประเทศในประวัติศาสตร์ไทย,หน้า ๑๐๖ - ๑๐๙.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 81 แสดงปีที่มีการจัดตั้งกองต�ำรวจภูธรในหัวเมือง มณฑล ปีที่ตั้งกองต�ำรวจภูธร ปราจีนบุรี ๒๔๔๐ กรุงเก่า ๒๔๔๑ นครไชยศรี ๒๔๔๒ ราชบุรี ๒๔๔๒ นครราชสีมา ๒๔๔๒ พายัพ ๒๔๔๒ นครสวรรค์ ๒๔๔๓ อุดร ๒๔๔๓ พิศณุโลก ๒๔๔๔ นครศรีธรรมราช ๒๔๔๔ ปัตตานี(เป็นมณฑล พ.ศ. ๒๔๔๐) ๒๔๔๔ อุบลราชธานี ๒๔๔๕ ร้อยเอ็จ (เป็นมณฑล พ.ศ. ๒๔๕๕) ๒๔๔๕ ชุมพร ๒๔๔๗ เพ็ชรบูรณ์(เป็นมณฑล พ.ศ. ๒๔๕๑) ๒๔๔๘ จันทบุรี ๒๔๔๙ ภูเก็ต ๒๔๕๑


82 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 83 หลักฐานที่แสดงถึงบทบาทของหลวงศัลวิธานนิเทศ ต่อกิจการกรมต�ำรวจภูธร พ.ศ. ๒๔๔๒


84 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ กรมต�ำรวจภูธรได้ขยายการจัดตั้งกองก�ำกับการกองต�ำรวจภูธรออกไป ทุกมณฑลทั่วประเทศดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการขยายกองก�ำลังก�ำกับ การต�ำรวจภูธรมณฑลต่าง ๆ พระยาวาสุเทพได้เสนอโครงการ “ผลิตนายต�ำรวจ ภูธรชั้นสัญญาบัตร”ให้มีจ�ำนวนเพียงพอแก่การบริหารงานกองต�ำรวจภูธรมณฑล เพื่อเป็นก�ำลังส�ำคัญในการรักษาความสงบและปราบปรามโจรผู้ร้ายภายในมณฑล ต่าง ๆ ดังนั้นเขาจึงได้กราบทูลสมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เสนาบดี กระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการจัดตั้งโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจภูธร โดยก�ำหนด ให้จัดตั้งที่นครราชสีมา29 มีจุดประสงค์เพื่ออบรมให้นักเรียนฝึกหัดนายร้อย ต�ำรวจภูธรมีความรู้ทางด้านการปกครอง โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวกับหน้าที่ ความรับผิดชอบ ตลอดจนระเบียบ กฎข้อบังคับ และความรู้ทางด้านวิชาทหาร รวมถึงฝึกหัดความพร้อมเพรียง ยึดมั่นในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด30 มีหลัก การรับสมัครบุคคลเข้าฝึกอบรม คือ ก�ำหนดรับนักเรียนฝึกหัดที่จบการศึกษา ระดับประถมศึกษาเข้ารับการอบรมเป็นนายต�ำรวจชั้นสัญญาบัตร31 29 กรมต�ำรวจ, กิจการต�ำรวจสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรง ราชานุภาพ (๒๔๓๕ - ๒๔๕๘), หน้า ๙. 30 พันต�ำรวจตรีส�ำเริง สิงหะวาระ, “นายต�ำรวจชาวเดนมาร์ก,” ต�ำรวจ ๓๕, ๖ (มิถุนายน ๒๕๐๙): ๘๗. 31 พลต�ำรวจตรีประชา บูรณธนิต, “ประวัติโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจห้วยจระเข้,” ต�ำรวจ ๒๕, ๒๐ (๑๓ ตุลาคม ๒๔๙๙): ๓๙.


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 85 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรม ราชานุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดนายร้อยต�ำรวจภูธรขึ้นเป็นแห่งแรกที่มณฑล นครราชสีมา ในพ.ศ. ๒๔๔๔ (ปัจจุบันคือ กองบังคับการต�ำรวจภูธร ภาค ๓) และเพื่อให้การจัดตั้งโรงเรียนด�ำเนินไปด้วยดีพระยาวาสุเทพได้พิจารณาคัดเลือก ให้ร้อยเอกโคลส์(Kolls) นายทหารบกชาวเดนมาร์กขณะนั้นรับราชการอยู่ในกรม แผนที่ทหารมาด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการฝึกอบรมโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจภูธร ที่นครราชสีมา32 การฝึกอบรมนักเรียนนายร้อยฝึกหัดในเวลานั้นได้รับการยกย่อง ว่ามีระเบียบวินัยเข้มแข็งยิ่งเพราะมีผู้บังคับบัญชาและครูฝึกสอนที่เข้มงวดกวดขัน การผลิตนายต�ำรวจภูธรจากโรงเรียนนายร้อยส�ำหรับฝึกหัดต�ำรวจภูธรได้มาตรฐาน เพิ่มขึ้นและเป็นผลดีต่อทางราชการเป็นล�ำดับ นายต�ำรวจภูธรในสมัยนี้มีชื่อเสียง เป็นที่เลื่องลือมาก ทั้งในด้านความรู้และเคร่งครัดระเบียบวินัย เป็นที่รักใคร่ ของประชาชน และเป็นที่เกรงขามแก่คนร้ายยิ่งนัก33 32 พลต�ำรวจตรีมงคล วีระเศรษฐ, “โรงเรียนนายร้อยต�ำรวจแห่งประเทศไทย,” ต�ำรวจ ๒๕, ๒๐ (๑๓ ตุลาคม ๒๔๙๙): ๗. 33 กรมต�ำรวจ, กิจการต�ำรวจสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรง ราชานุภาพ (๒๔๓๕ - ๒๔๕๘), หน้า ๙.


86 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นายพันโท ออกัส ฟิคเกอร์ เฟรเดอริค โคลส์ (A. P. F. Kolls) ผู้อ�ำนวยการฝึกอบรมโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจภูธรนครราชสีมา ที่มา: หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี โรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ


พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) 87 อาคารโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจภูธรนครราชสีมา พ.ศ. ๒๔๔๔ ถ่ายจากทิศใต้ คือจากก�ำแพงเมืองด้านถนนสรรพสิทธิ์ ที่มา: หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี โรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๔๕ สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เสนาบดี กระทรวงมหาดไทยทรงเห็นว่าโรงเรียนนายร้อยฝึกหัดที่นครราชสีมาตั้งอยู่ห่างไกล จากเมืองหลวง การคมนาคมติดต่อไม่สะดวก ทรงพิจารณาว่าที่พระปฐมเจดีย์ มีอาณาเขตกว้างขวางและระยะทางไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก จึงได้น�ำ ความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว จากนั้นทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ด�ำเนินการได้ตั้งแต่ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๕34 โรงเรียนนายร้อยส�ำหรับฝึกหัดต�ำรวจภูธร ด�ำเนินการที่นครปฐมตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๔๕ เป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน (เรียกชื่อใหม่ 34 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ น.๑๑.๑/๗ เอกสารกระทรวงมหาดไทยรัชกาลที่ ๕ เรื่อง พระราชหัตถเลขารัชกาลที่๕ ท ๑๓๑ี่ /๓๖๑ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๑ พระราชทาน กรมหลวงด�ำรงราชานุภาพ


88 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ต�ำรวจภูธร แขวงอ�ำเภอพิมาย มณฑลนครราชสีมา ปลอมตัวลุยน�้ำไปจับผู้ร้ายปล้นทรัพย์ ต�ำรวจภูธร ท�ำการไต่สวนผู้ร้ายฆ่าคนตาย ณ ที่ว่าการอ�ำเภอพิมาย มณฑลนครราชสีมา


Click to View FlipBook Version