นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 189 ตัวอย่างร่างข้อบังคับส�ำหรับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (ฉบับภาษาอังกฤษ)
190 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นอกเหนือจากการปรับปรุงด้านการบริหารและวางรูปแบบระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ แล้ว นายจาร์ดีนยังให้ความส�ำคัญกับการจัดการด้านบุคลากร กรมกองตระเวนด้วย ส�ำหรับแนวทางการเสริมสร้างขวัญก�ำลังใจแก่เจ้าพนักงาน นายจาร์ดีนเสนอขอปรับปรุงอัตราเงินเดือนในระดับต ่าง ๆ ซึ่งมีต�ำแหน ่งที่ ได้รับการพิจารณาปรับเงินเดือนสูงขึ้น ดังนี้ สารวัตรใหญ่ เป็นอัตราเดือนละ ๑๕๐ บาท สารวัตรแขวง เป็นอัตราเดือนละ ๑๐๐ บาท นายหมวด เป็นอัตราเดือนละ ๖๐ บาท นายยาม ชั้นที่ ๑ ชั้นที่ ๒ และชั้นที่ ๓ เป็นอัตราเดือนละ ๔๐ บาท ๓๐ บาท และ ๒๐ บาทตามล�ำดับ พลตระเวน ชั้นที่ ๑ ชั้นที่ ๒ และชั้นที่ ๓ เป็นอัตราเดือนละ ๑๘ บาท ๑๕ บาท และ ๑๒ บาทตามล�ำดับ18 รวมทั้งการพิจารณาเพิ่มเงินเดือนแก ่พลตระเวนที่รับราชการมานาน และเลื่อนต�ำแหน่งในล�ำดับชั้นขึ้นไปโดยการเอาใจใส่ในราชการและวิชาความรู้ การเพิ่มค่าเบี้ยเลี้ยง ตลอดจนมุ่งเน้นให้ได้รับอาหารที่ดีขึ้นด้วย แผนการด�ำเนินงานที่นายจาร์ดีนเสนอขึ้นเพื่อพัฒนาความเป็นอยู ่ของ พลตระเวนอีกด้านหนึ่ง คือ การปรับปรุงโรงพักกองตระเวนให้มั่นคงแข็งแรง แทนโรงพักที่สร้างขึ้นชั่วคราวด้วยไม้ไผ่ โดยจัดให้มีห้องพักเพียงพอแก่จ�ำนวน พลตระเวน รวมทั้งยังก�ำหนดนโยบายให้มีการจัดหานกหวีดแก ่พลตระเวนที่ 18 รสสุคนธ์ จรัสศรี, “บทบาทข้าราชการชาวต่างประเทศในกรมต�ำรวจสมัย สมบูรณาญาสิทธิราชย์,” หน้า ๑๐๕.
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 191 เข้ายามประจ�ำการ และจัดหากุญแจมือและโซ ่ล ่ามผู้ต้องหาในแต ่ละโรงพัก นอกจากนี้ยังจัดให้พลตระเวนได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลโดยมีโรงพยาบาล กรมกองตระเวนที่จัดตั้งขึ้นนอกจากเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และการแพทย์ส�ำหรับการชันสูตรบาดแผลและชันสูตรพลิกศพแล้วยังมี วัตถุประสงค์ที่จะรับรักษาพลตระเวนที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และจากการเจ็บป่วย ตลอดจนรับรักษาคนทั่วไปด้วย19 ส่วนด้านการปรับปรุงหน่วยกองตระเวนชั้นนอกเนื่องจากพื้นที่รับผิดชอบ ของกองตระเวนชั้นนอกกว้างขวางมากท�ำให้ยากแก ่การตรวจตราท้องที่ให้ ทั่วถึงได้ นายจาร์ดีนจึงเสนอแผนการจัดการกองตระเวนชั้นนอกโดยก�ำหนด แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๒ ส่วน ใช้แนวคลองแสนแสบและคลองภาษีเจริญฝั่งตะวันตก เป็นเส้นแบ่งเขตแนวรับผิดชอบ ประกอบไปด้วยกองตระเวนชั้นนอกแขวงฝ่ายเหนือ ที่ว ่าการแขวงตั้งอยู ่ที่ต�ำบลคลองรังสิต โดยมีนายอี. ดับเบิลยู. ตรอตเตอร์ (Mr. E.W. Trotter) เป็นเจ้ากรมแขวง และกองตระเวนชั้นนอกแขวงฝ่ายใต้ ที่ว่าการแขวงตั้งอยู่ที่ต�ำบลปากน�้ำฝั่งตะวันออก โดยมีนายมาร์ติน (Mr. Martin) เป็นเจ้ากรมแขวง ดังปรากฏในหนังสือศาลาว่าการนครบาล ที่ ๑/๖๘๑ ลงวันที่ ๑๘ เมษายน ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔) ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ 19 เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ รัฐบาลได้เปลี่ยนโรงพยาบาลส�ำหรับรักษาหญิงโสเภณี ที่หลังวัดพลับพลาชัยซึ่งสร้างปีพ.ศ. ๒๔๔๐ มาเป็นโรงพยาบาลส�ำหรับพลตระเวนเพื่อรักษา พลตระเวนที่เจ็บป่วย อีกทั้งส�ำหรับพิสูจน์บาดแผลและชันสูตรพลิกศพ เพื่อประกอบการ พิจารณาคดีต่างๆโดยมีการว่าจ้างแพทย์ชาวต่างชาติมาท�ำการรักษา ประชาชนทั่วไปนิยมมาก และเรียกกันว่า“โรงพยาบาลวัดโคก”และเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลกลาง และถูกโอนไปสังกัดกองสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ดูเพิ่มเติมใน กลุ่มงานเวชศาสตร์ ครอบครัวโรงพยาบาลต�ำรวจสำ� นักงานต�ำรวจแห่งชาติ. เกี่ยวกับเรา. [ออนไลน์].แหล่งที่มา: https://www.checkuppolice.org/about [๓ กุมภาพันธ์๒๕๖๖]
192 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นเรศรวรฤทธิ์กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับ แผนการจัดการกองตระเวนชั้นนอกของนายจาร์ดีนตามรายงานกองตระเวน งวด ๓ เดือน เรื่องคดีอาญาฉกรรจ์ในกรุงแลหัวเมืองในมณฑลกรุงเทพฯ กับทั้ง ทางรถไฟ ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนธันวาคม ร.ศ. ๑๑๙ (พ.ศ. ๒๔๔๓)ความว่า “...ในรายงานทั้ง ๓ งวดน ี้ ก็คงปรากฏว่าคดีอาญา อุกฉกรรจ์ในแขวงกองตระเวนชั้นนอกคือรวมทั้ง ๔ หัวเมืองด้วย มีจ�ำนวนคดีมาก ไม่ลดลง จ�ำเปนต้องจัดการปกครองให้ดีขึ้น จึ่งจะระงับคดีอาญาอุกฉกรรจ์ให้น้อยลงได้ ในความเหนอธิบดีกรมกองตระเวนเหนด้วยเกล้าฯ ว่า จะต้องแบ่งกองตระเวนชั้นนอกให้มีผู้ตรวจการเปน ๒ แผนกคือ จัดเปนแผนกกองฝ่ายเหนือแลกองฝ่ายใต้ผู้บังคับการนั้นให้อยู่ ประจ�ำท้องแขวงเพื่อได้ตรวจกองตระเวนในการไต่สวนแลสืบ ติดตามผู้ร้ายในทันทีโดยในทุกวันนี้ผู้บังคับการผู้เดียวไม่สามารถ ตรวจในทันทีได้ตลอดกับควรมีพระราชบัญญัติต่าง ๆ เพื่อ อุดหนุนการกองตระเวนด้วย มีความพิศดารแจ้งอยู่ในรายงาน นั้นแล้ว...”20 20 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร. ๕ น.๑๑.๓/๒๖ เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ เรื่อง ความเห็นพระยาศรีสหเทพเกี่ยวกับรายงาน มร. บาติว่าด้วยการพลตระเวนมณฑล กรุงเทพฯ (๑๘ เม.ย. - ๒ พ.ค. ๑๒๐)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 193 อย่างไรก็ตาม การจัดการป้องกันและระงับเหตุร้ายในกองตระเวนชั้นนอก ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร ซึ่งในรายงานกรมกองตระเวนเผยว่าจ�ำนวนคดีความ เช่น ปล้นสะดม ฆาตกรรม ลักสัตว์พาหนะ ฯลฯ ยังไม่ลดลง นอกจากนี้นายจาร์ดีนยัง เสนอความเห็นว่าควรมีกฎหมายและพระราชบัญญัติต่างๆรวมทั้งจัดหาพนักงาน ที่มีความคล่องแคล่วและเอาใจใส่ในงานกองตระเวน ตลอดจนมีความกล้าหาญ ในการติดตามและต ่อสู้กับคนร้ายที่มีอาวุธ เพื่อให้การจัดการพื้นที่ในกรม กองตระเวนชั้นนอกมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ในช่วงท้ายของการรับราชการในกรมกองตระเวน พ.ศ. ๒๔๔๔ นายจาร์ดีน ได้เสนอแนวคิดที่มีส ่วนสนับสนุนให้คงไว้ซึ่งกองตระเวนรถไฟ ทั้งนี้ถ้าหาก รัฐบาลมีนโยบายยกเลิกกองตระเวนรถไฟเพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณ แผ่นดิน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุมและความไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของผู้โดยสารรถไฟ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ นเรศรวรฤทธิ์ ทรงตระหนักถึงความจ�ำเป็นในการรักษากองตระเวนรถไฟไว้ และทรงเห็นพ้องกับความเห็นของนายจาร์ดีนว่า วิธีการลดค่าใช้จ่ายควรเปลี่ยน เป็นการปรับลดอัตราก�ำลังของกองตระเวนรถไฟให้เหมาะสมตามความจ�ำเป็น แทนการยกเลิกกองตระเวนรถไฟไปโดยสิ้นเชิง เมื่อโครงการปรับปรุงกองตระเวน รถไฟของนายจาร์ดีนผ่านความเห็นชอบจากมติที่ประชุมเสนาบดีพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดการตามแผน ดังกล่าวได้ยังผลให้กองตระเวนรถไฟเป็นหน่วยงานที่ตรวจตรารักษาความสงบ เรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารทางรถไฟต่อไป ตามที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่า นายจาร์ดีนปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความ รับผิดชอบ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ และสร้าง ความเจริญก้าวหน้าแก่กรมกองตระเวนมาอย่างต่อเนื่อง
194 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ช่วงท้ายของการรับราชการและอ�ำลาหน้าที่ในประเทศไทย ก ่อนที่สัญญาว ่าจ้างนายจาร์ดีนจะครบก�ำหนดในวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๕ รัฐบาลอังกฤษที่อินเดียมีหนังสือสอบถามมายังรัฐบาลไทยผ่าน กระทรวงการต่างประเทศว่าประสงค์ให้นายจาร์ดีนรับราชการในประเทศไทย ต่อไปหรือไม่ส่วนนายจาร์ดีนกราบทูลพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว ่าเขาเต็มใจที่จะรับราชการต ่อไป ทั้งนี้สุดแต ่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัวจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และได้รับอนุญาต จากรัฐบาลอังกฤษที่อินเดีย นอกจากนี้เขายังเสนอข้อก�ำหนดสัญญาซึ่งว่าด้วย รายละเอียดการจัดการกองตระเวน การปรับปรุงสวัสดิการที่พัก อัตราเงินเดือน และค่าตอบแทนต่าง ๆ เช่น หากมีเหตุคดีอาญาในต�ำบลใด ๆ ขอให้แจ้งต่อ กรมตระเวนก่อนแล้วให้กองตระเวนรายงานต่อนายอ�ำเภอให้กองตระเวนไต่สวน ก�ำกับคดีถึงศาล ขอใช้พระราชบัญญัติสรรพาวุธในกรุงเทพฯ เพื่อระงับคดีอาญา ร้ายแรงให้น้อยลงโดยเร็ว ขอปรับเพิ่มเงินค ่าเช ่าบ้านในอัตราร้อยละ ๑๐ ตามจ�ำนวนเงินเดือน ก�ำหนดขยายเวลารับราชการต่ออีก ๓ ปีหรือ ๕ ปีขอปรับ เงินเดือนเป็นปีละ ๑,๓๐๐ ปอนด์แต่คงเดิมเงินค่าเดินทางปีละ ๒๐๐ ปอนด์ เป็นต้น อันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันดีในการปรับปรุงงานกรมกองตระเวน และเพื่อความมั่นคงในความเป็นอยู่ของเขาที่ประสงค์จะรับราชการในประเทศไทย ต่อไป พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ กราบบังคมทูลรายงาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องเจตจ�ำนงดังกล่าวของนายจาร์ดีน พร้อมกับถวายความเห็นต่อการบริหารงานกองตระเวนของนายจาร์ดีนว่าสามารถ จัดการกองตระเวนในกรุงเทพฯ และกองตระเวนรักษาทางรถไฟเป็นแบบแผน เจริญขึ้น เว้นแต่กองตระเวนชั้นนอกยังไม่เรียบร้อย ส่วนการที่จะยืมนายจาร์ดีน ต่อได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความยินยอมจากรัฐบาลอังกฤษที่อินเดียสืบเนื่องจาก
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 195 มีข้อบังคับในการให้ยืมบุคคลมารับราชการในต่างประเทศไม่เกินก�ำหนด ๕ ปี และถ้าหากว่านายจาร์ดีนไม่ได้อยู่รับราชการต่อไปอีกเห็นควรที่จะยกเลิกต�ำแหน่ง อธิบดีกรมกองตระเวน (Inspector GeneralofPolice) ให้มีแต่ต�ำแหน่งจางวาง กรมกองตระเวน (Commissioner of Police) แทน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชวินิจฉัยไม่ขยายเวลา รับราชการของนายจาร์ดีนออกไปด้วยพระราชประสงค์ที่จะไม่ให้เป็นความล�ำบาก แก่รัฐบาลอังกฤษที่อินเดียที่ต้องอนุญาตซึ่งเป็นการผิดข้อบังคับที่ตั้งไว้และกับทั้ง นายจาร์ดีนเองด้วย ดังนั้น เมื่อนายจาร์ดีนรับราชการครบก�ำหนดสัญญาแล้ว จึงลาออกกลับไปรับต�ำแหน่งเดิมที่ประเทศพม่า โดยผู้ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต่อ คือ นายอีริก เซนต์เจ. ลอซัน (Eric St. J. Lawson) ตลอดระยะเวลาที่รับราชการในกรมกองตระเวน นายจาร์ดีนได้ใช้ความรู้ และประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะโดยมิได้ย่อท้อต่ออุปสรรคหรือ ความเหนื่อยยากแต่อย่างใด ด�ำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ อย่าง เอาใจใส่เพื่อให้งานกองตระเวนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับเป็นผู้ที่สร้างคุณูปการ แก่ประเทศไทยในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองดังนั้น พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์ช้างเผือกชั้นที่ ๓ นิภาภรณ์21 เพื่อเป็นบ�ำเหน็จความชอบแก่เขา ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔) 21 ปัจจุบัน คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกชั้นที่ ๓ “ตริตาภรณ์ ช้างเผือก” ใช้อักษรย ่อ ต.ช. ดูเพิ่มเติมใน ส�ำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เครื่องราช อิสริยาภรณ์ไทย ฉบับส�ำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพ.ศ. ๒๕๒๓ (กรุงเทพฯ: ศิริมิตร การพิมพ์), หน้า ๘๙.
196 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นายจาร์ดีนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๘ ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 197 ในนามของรัฐบาลไทยเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณแก่รัฐบาลอังกฤษ ที่อินเดียที่ได้คัดเลือกนายจาร์ดีน ผู้บังคับการกองตระเวนในประเทศพม่าซึ่งเป็น ผู้สมควรแก ่การยืมมารับราชการสนองเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว ในต�ำแหน ่งอธิบดีกรมกองตระเวนในกรุงเทพฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ทรงมีหนังสือถึงกระทรวงการ ต่างประเทศเพื่อท�ำหนังสือยกย่องคุณงามความดีในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ของนายจาร์ดีนที่จัดการปรับปรุงกองตระเวนไทยให้เจริญก้าวหน้าแจ้งแก่รัฐบาล อังกฤษที่อินเดีย ใจความดังหนังสือกระทรวงนครบาล ท ี่ ๗/๒๒๑๑ ลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ. ๒๔๔๕) ดังนี้ “...สรรพราชการอันเปนประโยชน์ซึ่งได้มีมาแล้วตั้งแต่ต้น ที่มิสเตอร์ เอ, เย, เอ, ยาร์ดีน ได้จัดแก้การกรมการตระเวน ให้เจริญดีขึ้นนั้น กระท�ำให้หม่อมฉันต้องแสดงในนามรัฐบาล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้มีความพอใจในความ อุสาหแขงแรง แลทั้งความสามารถของมิสเตอร์ เอ, เย, เอ, ยาร์ดีน ประกอบในการจัดราชการนั้นเปนอันมาก กระทรวงนี้รับรองนับถือมิสเตอร์ เอ, เย, เอ, ยาร์ดีน ทั้งในส ่วนราชการแลส ่วนเฉภาะตัวเปนอย ่างยิ่ง แลการท ี่ มิสเตอร์เอ, เย, เอ, ยาร์ดีนออกไปจากกระทรวงครั้งนี้ย่อมจะ มีความรู้ลึกในการปกครองกรมกองตระเวนนั้นเปนอันมาก
198 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ หม่อมฉันไม่จ�ำเปนที่จะต้องกล่าวสรรเสิญความดีของเจ้า พนักงานผู้นี้ ที่ได้รับราชการมาแล้วนั้นอีก เพราะได้รับ พระราชทานเกียรติยศอันสูง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ให้นั้น ย่อมแสดงเปนพยานเต็มที่แห่งความดีที่ได้กระท�ำไว้ต่อรัฐบาล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นแล้ว...”22 หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่รับรองว่า นายจาร์ดีนเป็น ผู้มีความอุตสาหะ ความรู้ความช�ำนาญในการบริหารจัดการงานกองตระเวน อย่างดียิ่ง ปฏิบัติงานเป็นที่พอพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลไทยเห็นควรยกย่องความดีความชอบให้เป็นเกียรติประวัติ ในหน้าที่ราชการของเขาต่อไป แม้ว ่านายจาร์ดีนเข้ามารับราชการในต�ำแหน ่งอธิบดีกรมกองตระเวน ในระยะเวลาเพียง ๕ ปีก็ตาม แต่ท�ำให้กรมกองตระเวนเจริญก้าวหน้าอย่างเป็น รูปธรรมขึ้นมาก เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถด�ำเนินการปรับปรุงทั้งด้าน การบริหารงานและปฏิบัติหน้าที่ของพลตระเวนให้มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน ทัดเทียมกับอารยประเทศ และเป็นรากฐานของกิจการต�ำรวจไทยในเวลาต่อมา นับเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การยกย่องในคุณความดีที่สร้างไว้แก่ประเทศไทยท่านหนึ่ง ซึ่งชื่อเสียงและผลงานของเขายังคงเป็นที่รู้จักและกล่าวถึงมาจนถึงทุกวันนี้ 22 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. กต ๓๕.๔/๑๗ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ การจ้างชาวต่างประเทศ เรื่อง ม. ยารดิน อธิบดีกรมกองตระเวนครบสัญญา รัตติกาล สร้อยทอง
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 199 บรรณานุกรม การเดินทางของต�ำรวจไทย (๖) กองตระเวนภายใต้การควบคุมของมิสเตอร์ยาร์ดิน/ บทความพิเศษ “นอกเครื่องแบบ” [ออนไลน์]. ๒๕๖๔. แหล่งที่มา: https://www.matichonweekly.com/column/article_413659 [๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕] การรักษาความสงบเรียบร้อย ในสมัยรัชกาลที่ ๕/ บทความพิเศษ “นอกเครื่องแบบ” [ออนไลน์]. ๒๕๖๔. แหล่งที่มา: https://www.matichonweekly.com/ column/article_411813 [๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕] ต�ำรวจแห่งชาติ, ส�ำนักงาน. พิทักษ์สันติราษฎร์ = Royal Thai Police. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงาน ต�ำรวจแห่งชาติ, ๒๕๕๐. เบื้องหลังของ “กองตระเวน-โบลิศ” กับการใช้อ�ำนาจในท้องถนนสมัยรัชกาลที่ ๕ [ออนไลน์]. ๒๕๖๔. แหล่งที่มา: https://www.silpa-mag.com/history/ article_38599 [๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕] เผ่าทอง ทองเจือ, บรรณาธิการ. การแต่งกายไทย : วิวัฒนาการจากอดีตสู่ปัจจุบัน เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ส�ำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ๒๕๔๓. (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุในคณะกรรมการ อ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒). “พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์” ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๘ (๒๓ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๐) หน้า ๙๐๐. ภุชงค์ จุณณวัตต์, พล.ต.ต. กระทรวงนครบาล ประวัติการก่อตั้งต�ำรวจนครบาล. (ม.ป.ท.): ๒๕๓๔. (อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พลต�ำรวจตรี มุข ศรีสมบุญ ณ เมรุวัดภคินีนาถวรวิหาร ถนนราชวิถี แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๔). รสสุคนธ์ จรัสศรี. บทบาทข้าราชการชาวต่างประเทศในกรมต�ำรวจสมัยสมบูรณาญา สิทธิราชย์. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต, แผนกวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๐.
200 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ส�ำนัก. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ฉบับส�ำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๒๓. กรุงเทพฯ: ศิริมิตรการพิมพ์, ๒๕๒๓. วรพจน์ วีรพลิน. ต�ำรวจคนแรกในไทย (สมัยรัตนโกสินทร์) ตร.ยุคต้นโดนชาวบ้านล้อ-แกล้ง ก่อนเป็นกิจการเต็มสูบ [ออนไลน์]. ๒๕๖๕. แหล่งที่มา: https://www. silpa-mag.com/history/article_48245 [๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕] วีณา โรจนราธา และคนอื่น ๆ, บรรณาธิการ. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ: ส�ำนักวรรณกรรม และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๔. (คณะกรรมการฝ่ายประมวล เอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔). สุวรรณ สุวรรณเวโช, พล.ต.อ. ประวัติและวิวัฒนาการของต�ำรวจไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๓๒. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ การจ้างชาวต่างประเทศ กต ๓๕.๔/๑๗ เรื่อง ม. ยารดิน อธิบดีกรมกองตระเวนครบสัญญา _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๘.๑/๕๙๗ เรื่อง มิสเตอร์ยาร์ดิน (A. J. A. Jardine) เจ้ากรมกองตระเวน ถวายความเห็นเกี่ยวกับการจัดการกรมกองตระเวน _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๘.๒ก/๕ จ้างมิสเตอร์ เอ, เย, เอ, ยารดิน รับราชการในกรมกองตระเวน (๔ มี.ค. ๑๑๔ - ๒๓ มิ.ย. ๑๑๗) _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๑๑.๓/๖ เรื่อง กระทรวงนครบาลเรื่อง จัดพลตระเวน _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๑๑.๓/๑๖ เรื่องข้อบังคับการชันสูตร พลิกศพ (๒๗ ก.ย. ๑๑๗) _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๑๑.๓/๒๖ เรื่อง ความเห็นพระยา ศรีสหเทพ เกี่ยวกับรายงาน มร. บาติ ว่าด้วยการพลตระเวนมณฑลกรุงเทพฯ (๑๘ เม.ย. - ๒ พ.ค. ๑๒๐) _________ ___ .เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ น.๑๑.๓/๒๙ เรื่อง กองตระเวนรักษา ทางรถไฟ (๖ ม.ค. - ๑๙ มี.ค. ๑๒๐)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 201 อนุ เนินหาด, พ.ต.อ. กรมกองตระเวนมณฑลกรุงเทพฯ. เชียงใหม่: วนิดาการพิมพ์, ๒๕๖๓. Mr. A. J. A. Jardine [online]. 1914, October 2. The Straits Times. Available from https://eresources.nlb.gov.sg/newspapers/Digitised/Article/ straitstimes19141002-1.2.3 [2022, December 15] Wright, Arnold and Breakspear, Oliver T., eds. Twentieth Century Impressions of Siam: Its History, People, Commerce, Industries, and Resources. London: Lloyd’s Greater Britain Publishing Company, Ltd., 1908.
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท (Dr. Hugh McCormick Smith) ที่ ปรึกษาด้านการเพาะพันธุ์ปลา และเจ้ากรมรักษาสัตว์นํ ้ าคนแรก ในสมัยรัชกาลที่ ๗
204 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ประเทศไทยตั้งอยู ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหนือบริเวณ เส้นศูนย์สูตร ท�ำเลทางภูมิศาสตร์นี้ท�ำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มี ความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทุกภาคของประเทศไทยมีทั้งป่าและแหล่งน�้ำ อันก ่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ จากร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีและ ประวัติศาสตร์แหล่งน�้ ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตของ มนุษย์นอกจากจะใช้บริโภค ประกอบอาหาร และช�ำระร่างกายแล้ว แหล่งน�้ ำ ยังหมายถึงแหล่งอาหารเนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น�้ำชนิดต่างๆโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ปลา ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยในอดีต ในสมัยประวัติศาสตร์ตั้งแต่ สมัยสุโขทัยปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์ ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ กล่าวถึง ความอุดมสมบูรณ์และปลาในแหล่งน�้ำว่า “เมืองสุโขทัยนี้ดีในน�้ ำมีปลาในนา มีข้าว”1 หลักฐานสมัยอยุธยาที่กล ่าวถึงการค้าขายปลาปรากฏในค�ำให้การ ขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวงซึ่งบ่งชี้ว่าปลาเป็นอาหารที่ผู้คน นิยมบริโภคและทรัพยากรปลามีมากพอที่จะน�ำมาจ�ำหน่าย ความว่า “ชื่อตลาดประตูจีน ๑ ถนนย่านในไก่เชิงตะภานประตูจีนไปถึง เชิงตะภานประตูในไก่ เปนตลาดใหญ่ มีตึกกว้านร้านจีนตั้งตึก ทั้งสองฟากถนนหลวงจีนไทยนั่งร้านฃายของสรรพสิ่งของ เครื่องส�ำเภาเครื่องทองเหลื่องทองขาวกระเบื้องถ้วยโถชามแพร สีต่างอย่างจีน แลไหมศรีต่าง ๆ เครื่องมือเหล็กแลสรรพเครื่อง มาแต่เมืองจีนมีครบ มีของรัปทานเปนอาหารแลผลไม้มาแต่ 1 ยอร์ช เซเดส์. จารึกพ่อขุนรามค�ำแหง ด้านที่ ๑ [ออนไลน์]. จารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). แหล่งที่มา: https://db.sac.or.th/inscriptions/ inscribe/image_detail/48 [๒๕ มกราคม ๒๕๖๖]
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 205 เมืองจีนวางรายในร้านฃายที่ท้องตลาด มีฃองสดฃายเช้าเย็นสุกร เปดไก่ ปลาทเลแลปลาน�้ำจืด ปูหอยต่าง ๆ หลายอย่างพัน เปนตลาดใหญ่ยวดยิ่งในกรุงชื่อตลาดใหญ่ท้ายพระนครอยู่ย่าน ในไก่ ๑” 2 ในสมัยรัตนโกสินทร์สังฆราชปาลเลอกัวซ์ได้กล่าวถึงความอุดมสมบูรณ์ ของผืนดินและทรัพยากรปลาไว้ดังนี้ “ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า ในโลกนี้ยังจะมีประเทศใดบ้างที่มีความ อุดมสมบูรณ์ยิ่งไปกว่าประเทศสยามหรือหาไม่โคลนตมของแม่นำ �้ ได้ท�ำให้ผืนแผ่นดินอุดมไปด้วยปุ๋ยอยู่ทุกปีโดยแทบจะไม่ต้อง บ�ำรุงผืนดินเลย ก็ได้ต้นข้าวกอใหญ่อันมีรสวิเศษ... ในเวลาน�้ำท่วม จ�ำนวนปลาได้เพิ่มพูนขึ้นอย ่างนับไม ่ถ้วน ในท้องทุ่งตามกอกกและแพผักครั้นน�้ำลดลงฝูงปลาก็จะเคลื่อน ย้ายไหลตามน�้ำไปลงแม่น�้ำล�ำคลองด้วย มากมายก่ายกองราวกับ ฝูงมด...ปลาบางส ่วนตกคลักอยู ่ในท้องทุ ่ง ในบ่อ หนอง และบึงธรรมชาติอันดารดาษไปด้วยดอกบัวผักตบ และผักในน�้ำ อย่างอื่นอีกทั่วไป...”3 2 ค�ำให้การขุนหลวงวัดประดู ่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง (นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๕๕), หน้า ๒๑. 3 มงเซเญอร์ ปาลเลกัวซ์, เล่าเรื่องกรุงสยาม, แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร (นนทบุรี: ศรีปัญญา, ๒๕๕๒), หน้า ๓๓ - ๓๔.
206 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นอกจากนี้ปาลเลอกัวซ์ยังกล่าวถึงการตกปลาไว้ว่า “เป็นการยากที่จะน�ำเอาเครื่องมือจับสัตว์น�้ำในประเทศสยาม มาบรรยายได้หมดสิ้น นอกเมืองหลวงออกไป ทุกคนใช้วิธีตกปลา ด้วยเบ็ด สวิง แห มองฉมวก ไซ สุ่ม ตะแกรง ฯลฯ หลังจากน�้ำ ที่ท่วมได้ลดลงแล้วแม่นำ �้ ลำ�คลองและหนองบ่อเต็มไปด้วยปลา ทุกคนจึงจับไว้ใช้ท�ำอาหารได้ตลอดปีเขาขอดเกล็ดแช่น�้ำเกลือ ไว้คืนหนึ่ง รุ่งขึ้นก็เอาออกล้างน�้ำตากแดดไว้บนตะแกรงไม้ไผ่ สักสามสี่วันก็แห้งสนิทเก็บไว้ใช้บริโภคได้ปลาแห้งนี้มีรสชาติ คล้าย ๆ หมูแฮมเป็นอาหารที่สะอาด บางคนชอบมากกว่า เนื้อสดหรือปลาสดเสียอีก”4 เมื่อมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีการท�ำเกษตรกรรม อันหมายถึงการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และการประมง ประเทศไทยจึงมีหน่วยงาน ราชการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรนับตั้งแต ่สมัยสุโขทัย ข้อมูลจากศิลาจารึก หลักที่ ๑ ระบุถึงอาชีพเกษตรกรรม ท�ำนา ท�ำไร่ เลี้ยงสัตว์ รวมถึงการสร้าง ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร ส่วนในสมัยอยุธยามีระบบการปกครอง ที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ประกอบด้วยเวียง วัง คลัง นา แต่ละหน่วยงานมีหน้าที่ และความรับผิดชอบแตกต่างกัน ในส่วนของกรมนามีหน้าที่ด้านการออกใบส�ำคัญ แสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน การดูแลสนับสนุนให้ราษฎรท�ำนา การพิจารณาคดี ที่เกี่ยวกับที่ดิน ไร่นา และที่ส�ำคัญคือการเก็บภาษีค ่านา ระบบจตุสดมภ์นี้ ยังคงใช้สืบมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ำริให้จัดระเบียบการปกครองใหม่ โดยทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยงานเพิ่มเติม มีทั้งหมด ๑๒ หน่วย คือ 4 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๓๒.
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 207 กรมพระกลาโหม กรมมหาดไทย กรมท่า กรมวัง กรมเมือง กรมนา กรมพระคลัง มหาสมบัติกรมยุติธรรม กรมยุทธนาธิการ กรมธรรมการ กรมโยธาธิการ กรมมุรธาธิการ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๕ กรมทั้ง ๑๒ กรมนี้ได้รับการยกฐานะ ขึ้นเป็นกระทรวง5 โดยกรมนาเปลี่ยนเป็นกระทรวงเกษตรพนิชยการ มีหน้าที่หลัก คือการเก็บเงินค ่านาและอากรส ่วนใหญ ่6 ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๙ กระทรวง เกษตรพนิชยการถูกลดฐานะเป็นกรมเกษตราธิการ และย้ายไปสังกัดกระทรวง พระคลังมหาสมบัติจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๔๒ จึงมีการตั้งกระทรวงเกษตราธิการ ขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว ่างานราชการดังกล ่าวจะมุ ่งเน้นไปที่ การเก็บภาษีอากรมากกว่าการบ�ำรุงกสิกรรม ถึงอาจมีอยู่บ้างแต่ก็เป็นเรื่องของ การเพาะปลูกและปศุสัตว์จ�ำพวกวัวควาย ส่วนในเรื่องสัตว์น�้ำอันเป็นอาหาร ของคนไทยนั้น ยังไม ่ปรากฏว ่ามีหน ่วยงานที่รับผิดชอบดูแลด้านนี้โดยตรง จนกระทั่งมาปรากฏในพระราชบัญญัติอากรค่าน�้ำ ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชบัญญัติอากรค่าน�้ำ ร.ศ. ๑๒๐ โดยมีพระราชด�ำรัสว่า พระราชบัญญัติ ค ่าน�้ำที่ใช้อยู ่ทุกวันนี้ยังแยกย้ายกันอยู ่ในกฎหมายต ่างลักษณะและข้อความ ยังบกพร่อง ขัดต่อประโยชน์ของบ้านเมืองบ้าง จึงมีพระราชด�ำริเห็นสมควร จะรวบรวมพระราชบัญญัติค่าน�้ำไว้ในพระราชบัญญัติเดียวและแก้ไขเปลี่ยนแปลง ข้อความตามสมควร พระราชบัญญัตินี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความส�ำคัญ ของระเบียบการจับสัตว์น�้ำ เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำไม่ให้ลดจ�ำนวนลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงดูแลที่อาศัยของสัตว์น�้ำไม่ให้เสื่อมโทรม ตัวอย่างมาตราในพระราชบัญญัติ ที่ควบคุมและรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ มีดังนี้ 5กระทรวงเกษตร, ประวัติกระทรวงเกษตร พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานเปิดตึก ที่ท�ำการกระทรวงเกษตร ๑ เมษายน ๒๕๐๐ (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, ๒๔๙๙), หน้า ๒๘. 6 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๕๔.
208 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ “มาตรา ๘ ให้เทศาภิบาลมีอ�ำนาจที่จะให้อนุญาตแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จับสัตว์น�้ำในที่หวงห้ามเป็นครั้งเป็นคราวตามมีก�ำหนดเวลาและ โดยวิธีอันสมควรซึ่งจะมิให้สูญพืชพรรณสัตว์น�้ำในที่นั้น การที่ให้ อนุญาตตามความในมาตรานี้ควรให้ผู้ขออนุญาตว่าประมูลกัน มาตรา ๙ ที่จับสัตว์น�้ำซึ่งอยู่ในบริเวณพระอาราม หรืออยู่ติดกับ เขตต์พระอารามภายใน ๕ วาก็ดีให้ถือว่าเป็นที่หวงห้าม ตามพระราชบัญญัตินี้”7 มาตรา ๑๔ เมื่อน�้ำเข้าทุ่ง เป็นระดูปลาไข่ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือ ตีหรือช้อนปลาคือแห อวน ช้อน เป็นต้น หรือเครื่องมือแทงฟัน สัตว์น�้ำ เช่น ฉมวกเป็นต้น ในที่น�้ำนิ่ง ซึ่งเป็นที่ปลาอาศัยไข่ ให้เสนาบดีมีอ�ำนาจที่จะก�ำหนดวันห้ามตามควรแก่ท้องที่”8 ครั้น พ.ศ. ๒๔๖๔ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เมื่อครั้งด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ และทรงเป็นนายกสภาเผยแผ ่พาณิชย์ ทรงเห็นว ่าราชการแผนกบ�ำรุงรักษา สัตว์น�้ำตามความในพระราชบัญญัติอากรค่าน�้ำได้มีการปฏิบัติกันแต่เพียงรักษา สถานที่จับสัตว์น�้ำและพันธุ์สัตว์น�้ำไม ่ให้เสื่อมโทรม แต่ยังขาดการเพาะพันธุ์ สัตว์น�้ำให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จึงทรงน�ำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จากนั้น ในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๔๖๔ 7 พระบริรักษ์นิติเกษตร, พระราชบัญญัติอากรค ่าน�้ำเก่าใหม่ พร้อมด้วย พระราชบัญญัติว่าด้วยการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตส�ำหรับเรือจับสัตว์น�้ำ และ พระราชบัญญัติว ่าด้วยสิทธิจับสัตว์น�้ำในเขตต์จับสัตว์น�้ำสยามกับกฎกระทรวง และประกาศต่าง ๆ (ม.ป.ท.: พิรุณพานิช, ม.ป.ป.), หน้า ๔. 8 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๖.
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 209 จึงมีการประกาศกระแสพระบรมราชโองการ “จัดปันน่าที่ราชการในระหว่าง กระทรวงพระคลังมหาสมบัติกับกระทรวงเกษตราธิการ ในเรื่องเพาะพืชพันธุ์ สัตว์น�้ำ พระพุทธศักราช ๒๔๖๔” ก�ำหนดให้แบ่งงานการรักษาพระราชบัญญัติ แผนกนี้จากกระทรวงพระคลังมหาสมบัติไปให้กระทรวงเกษตราธิการ โดย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงเกษตราธิการมีหน้าที่ดังนี้ ๑. เพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำ ๒. ดูแลรักษาสัตว์น�้ำในที่แห ่งหนึ่งแห ่งใด ซึ่งเป็นที่เลี้ยงรักษาพืชพันธุ์ แห่งสัตว์น�้ำ ๓. แนะน�ำก�ำหนดฤดูที่จะให้งดการจับสัตว์น�้ำ กำ� หนดตาแลขนาดเครื่องมือ ห้ามการใช้เครื่องมือบางอย่าง แลห้ามการท�ำอันตรายสัตว์น�้ำ เช่น วางยาเบื่อ ยาเมา ใช้ของระเบิด วิดน�้ำในที่แห ่งนั้นจนแห้ง (นอกจากบ่อปลา) เป็นต้น ซึ่งเป็นการป้องกันพืชพันธุ์สัตว์น�้ำ ด้วยภารกิจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติในด้านการเพาะพันธุ์และเพิ่ม จ�ำนวนสัตว์น�้ำจึงเป็นเหตุผลและความจ�ำเป็นที่จะต้องเร่งรัดด�ำเนินการกระทรวง เกษตราธิการจึงได้เสาะหาผู้ที่มีความรู้ความช�ำนาญในเรื่องการเพาะพันธุ์สัตว์น�้ำ เนื่องจากประเทศไทยยังขาดผู้มีความรู้ด้านนี้อยู ่ เจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ได้หารือขอความคิดเห็น กับหม่อมเจ้าไตรทศประพันธ์ (ภายหลังด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเทววงศวโรทัย) ปลัดทูลฉลองกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการจัดหา ว ่าจ้างชาวอเมริกันที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์น�้ำ ซึ่งได้น�ำความกราบทูล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวง การต่างประเทศเมื่อทรงพิจารณาแล้วมิได้มีความเห็นขัดข้องแต่อย่างใดจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือโต้ตอบกับพระยาประภากรวงศ์อัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ได้ความว่ากระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาได้แนะน�ำ
210 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ บุคลากรสถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ในกรุงเทพฯ คือ ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท (Dr. Hugh McCormick Smith) ซึ่งท�ำงานให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกามาแล้ว ๓๕ ปี ชีวประวัติและการท�ำงานของ ดร.ฮิวแมกคอร์มิกสมิท ก่อนรับราชการ ในประเทศไทย ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๘ (ค.ศ. ๑๘๖๕) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นบุตรของนายแพทย์โทมัส คร็อกกอน สมิท (Thomas Croggon Smith) กับคอร์นีเลีย ฮาซาร์ด สมิท (Cornelia Hazard Smith) ด้วยเหตุที่บิดาของเขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง รวมทั้งมีความสนใจเรื่องนกและสัตว์ชนิดอื่น ๆ ส่งผลให้ดร.สมิทได้คลุกคลี กับสัตว์และพืชพรรณต่าง ๆ ขณะเรียนในโรงเรียนมัธยมเซนทรัลไฮสคูล(Central HighSchool, D.C.) ดร.สมิทได้เป็นประธานคนแรกของสมาคมประวัติศาสตร์ธรรมชาติ(Natural History Society) จากนั้นเขาเข้าศึกษาวิชาแพทย์ในมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University Medical School) และส�ำเร็จการศึกษา ใน พ.ศ. ๒๔๓๑ (ค.ศ. ๑๘๘๘) ด้วยผลการเรียนยอดเยี่ยม9 อย่างไรก็ตาม ด้วยความสนใจส่วนบุคคล ดร.สมิทได้เข้าท�ำงานเกี่ยวกับด้านสัตว์ในหน่วยงาน รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา และเป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาเข้าร ่วมประชุม ด้านการประมง รายละเอียดการท�ำงาน ดังนี้ 9 Leonard Peter Schultz, “Hugh McCormick Smith,” Copeia 1941, 4 (November 1941) : 194 - 195.
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 211 เจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ (พ.ศ. ๒๔๖๓ - ๒๔๗๓)
212 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ค.ศ. ๑๘๘๖ ปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการปลาและ การประมงแห่งสหรัฐอเมริกา (The United State Commission of Fish and Fisheries) ค.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๘๙๗ ผู้ช่วยในแผนกอุตสาหกรรมประมงสำ� นักงาน ประมง (Bureau of Fisheries) ค.ศ. ๑๘๙๗ - ๑๙๐๓ ผู้ช่วยในแผนกสืบสวนด้านปลาซึ่งเป็นอาหาร และแหล่งจับปลา ส�ำนักงานประมง ค.ศ. ๑๙๐๐ ผู้แทนของสหรัฐอเมริกาในการประชุม การประมงนานาชาติครั้งที่ ๑ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๑ - ๑๙๐๒ หัวหน้าห้องปฏิบัติการห้องปฏิบัติการ ชีววิทยาการประมงทางทะเล ณ เขตวูดโฮล รัฐแมสซาชูเซตส์ ค.ศ. ๑๙๐๕ ผู้แทนสหรัฐอเมริกาในการประชุมการประมง นานาชาติครั้งที่ ๓ ณ กรุงเวียนนา ประเทศ ออสเตรีย ค.ศ. ๑๙๐๗ - ๑๙๐๘ ด�ำรงต�ำแหน่งประธานสมาคมประมงอเมริกัน (The American Fisheries Society) ค.ศ. ๑๙๐๗ - ๑๙๑๐ หัวหน้าคณะเดินทางของรัฐบาลเพื่อการส�ำรวจ และพัฒนาทรัพยากรประมงและทรัพยากร สัตว์น�้ำแห่งหมู่เกาะฟิลิปปินส์
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 213 ค.ศ. ๑๙๐๘ ผู้แทนของสหรัฐอเมริกาในการประชุม การประมงนานาชาติครั้งที่ ๔ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และด�ำรงต�ำแหน่ง เลขาธิการการประชุม ค.ศ. ๑๙๑๐ ผู้ช่วยพิเศษผู้เชี่ยวชาญของอนุญาโตตุลาการ สหรัฐอเมริกา ในกรณีพิพาทเรื่องการประมง แอตแลนติกเหนือ ณ กรุงเฮก ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ผู้ช ่วยพิเศษผู้เชี่ยวชาญของ สหรัฐอเมริกาที่ปรึกษาในการอนุญาโตตุลาการ ของข้อพิพาทประมงแอตแลนติกเหนือ กรุงเฮก ค.ศ. ๑๙๑๐ ได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดีแห ่ง สหรัฐอเมริกาให้เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการ ระหว่างประเทศเพื่อตัดสินข้อพิพาทระหว่าง แคนาดากับนิวฟันด์แลนด์ภายใต้ค�ำวินิจฉัย ของศาลอนุญาโตตุลาการแห่งกรุงเฮก ค.ศ. ๑๙๑๒ ผู้แทนของสหรัฐอเมริกาเพื่อการส�ำรวจ ทางทะเล ค.ศ. ๑๙๑๓ ได้รับก ารเสนอชื่อจ ากประธ าน าธิบดี สหรัฐอเมริกาให้เป็นกรรมาธิการร ่วม ในน ามของสห รัฐอเม ริก าเพื่อควบคุม การท�ำประมงในน ่านน�้ำอันเป็นเขตแดน ระหว่างสหรัฐอเมริกากับแคนาดา
214 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ค.ศ. ๑๙๑๓ - ๑๙๒๒ กรรมาธิการการประมงแห่งสหรัฐอเมริกา ค.ศ. ๑๙๑๘ สมาชิกการประชุมการประมงสหรัฐอเมริกา - แคนาดาเพื่อยุติปัญหาเรื่องการประมงระหว่าง สองประเทศ ค.ศ. ๑๙๐๐ - ๑๙๒๑ ส�ำรวจการท�ำประมงในประเทศแคนาดา ฝรั่งเศส บริเตนใหญ่ นอร์เวย์ เดนมาร์ก เยอรมนีเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม อิตาลี หมู่เกาะฮาวาย ญี่ปุ่น จีน หมู่เกาะฟิลิปปินส์ บอร์เนียว ศรีลังกา เป็นต้น การว่าจ้าง ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท เข้ามาท�ำงานในประเทศไทย จากคุณสมบัติและประสบการณ์การท�ำงานซึ่งแสดงให้เห็นว ่า ดร.สมิท มีความเชี่ยวชาญในด้านสัตว์น�้ำและการประมงรวมถึงแนวทางการรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ ในเบื้องต้นที่เสนอแนะต่อกระทรวงเกษตราธิการ อันได้แก่การส�ำรวจทรัพยากร สัตว์น�้ำ การศึกษาและตรวจสอบวิธีการท�ำประมง รวมถึงกฎข้อบังคับเพื่อแก้ไข ปรับปรุง การจัดการผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการประมง และวิธีการอันเหมาะสม ส�ำหรับการเพาะพันธุ์ปลาในแม่น�้ำและชายฝั่งทะเลของประเทศไทย กระทรวง เกษตราธิการจึงได้ตกลงว ่าจ้าง ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท เข้ารับราชการ ในกระทรวงเกษตราธิการดังปรากฏข้อความในหนังสือเจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดี กระทรวงเกษตราธิการกราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์ วโรปการว่า“...เรื่องนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้รับใส่เกล้าฯ พิจารณาตามส�ำเนาโทรเลข ของพระยาประภากรวงศ์กับส�ำเนาชี้แจงของนายฮุชสมิท ซึ่งได้ประทานไปพร้อม
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 215 กับส�ำเนาหนังสือพระยาประภากรวงศ์ที่ได้มีมากราบทูลนั้นแล้ว ข้าพระพุทธเจ้า คิดเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า การที่จะจ้างนาย ฮุช สมิท ให้เข้ามารับราชการเพื่อได้ รายงานแลท�ำความแนะน�ำรัฐบาลถึงปัญหาเรื่องการบ�ำรุงพันธุ์ปลานี้น่าจะเปน คุณประโยชน์ต่อราชการอยู่...”10 โดยมีก�ำหนดสัญญาจ้าง ๑ ปีหรือ ๑๘ เดือน ได้รับค ่าเป็นเหรียญสหรัฐจ�ำนวน ๗,๕๐๐ เหรียญต่อปีแบ่งจ่ายเดือนละ ๖๒๕ เหรียญ ดร.สมิทเดินทางออกจากนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยเรือ เปรสิเดนท์คลีฟแลนด์(President Cleveland) ในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ จากนั้นเข้ารายงานตัวต ่อเจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖11 และเริ่มปฏิบัติราชการในวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ เมื่อเข้ารับราชการแล้ว ดร.สมิทได้ปฏิบัติหน้าที่อย ่างเต็ม ความสามารถเขาได้ออกตรวจล�ำน�้ำตามจังหวัดต่างๆเพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่นั้น เหมาะแก ่การเป็นพื้นที่สงวนรักษาและขยายพันธุ์สัตว์น�้ำหรือไม ่ เช่น แม่น�้ ำ แม่กลอง แม่น�้ำท่าจีน แม่น�้ำบางปะกง แม่น�้ำตาปีทะเลสาบสงขลา ทะเลน้อย ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศไทย บึงบอระเพ็ดและบึงอื่น ๆ ที่ส�ำคัญ เป็นต้น รวมถึงไปศึกษาดูการท�ำงานด้านการสงวนรักษาสัตว์น�้ำของประเทศ เพื่อนบ้าน เช่น ทะเลสาบเขมร นอกจากการออกเดินทางส�ำรวจและอ่านรายงาน ทางราชการของแต่ละพื้นที่แล้ว ดร.สมิทยังได้สอบถามข้อมูลจากชาวประมง ตรวจดูปลาและสัตว์น�้ำชนิดอื่น ๆ ตามท้องตลาด ตรวจสอบเครื่องมือจับสัตว์น�้ำ และวิธีจับสัตว์น�้ำ ตลอดจนเก็บรวบรวมตัวอย่างสัตว์น�้ำชนิดต่าง ๆ ด้วย 10 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. กต. ๓๕.๖/๒๘ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ รัชกาลที่ ๖ เรื่องกระทรวงเกษตราด�ำริห์จะจัดการรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ (พ.ศ. ๒๔๖๔ - ๒๔๖๖) 11 เรื่องเดียวกัน
216 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ การส�ำรวจชนิดของสัตว์น�้ำทั้งน�้ำจืดและน�้ำทะเล ดร.สมิทจะจดบันทึก ผลการส�ำรวจอย่างมีระบบและเป็นสากล12 มีบันทึกภาคสนาม แผ่นดัชนีระบุ ชนิดของปลาลักษณะขนาด บริเวณและวันที่ที่ส�ำรวจพบ การเก็บตัวอย่างสัตว์น�้ำ และบันทึกของดร.สมิทนับว่าเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าต่อการศึกษาปลาในประเทศไทย เป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะมีประโยชน์ในเรื่องของงานด้านอนุกรมวิธานแล้วยังนับ ว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ส�ำคัญ เนื่องจากปลาบางชนิดได้สูญพันธุ์ ไปจากประเทศไทยแล้ว เช่น ปลาหวีเกศ (Platytropius siamensis Sauvage, 1833) ซึ่งปลาชนิดนี้ปรากฏชื่ออยู ่ในกาพย์เห ่เรือ บทเห่ชมปลา พระนิพนธ์ ในเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) ดังนี้ “หวีเกศเพศชื่อปลา คิดสุดาอ่าองค์นาง หวีเกล้าเจ้าสระสาง เส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม” 12 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(กรุงเทพฯ : อักษรสยามการพิมพ์, ๒๕๕๙), หน้า ๘. ภาพลายเส้นปลาหวีเกศ โดยหลวงมัศยจิตรการ (ประสพ ตีระนันทน์) ที่มา : หนังสือ The Fresh-Water Fishes of Siam, or Thailand
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 217 ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท กับการพัฒนาบึงบอระเพ็ด แหล ่งน�้ำที่ส�ำคัญของประเทศไทยซึ่ง ดร.สมิทได้เดินทางไปส�ำรวจนั้น คือ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นบึงทะเลสาบน�้ำจืดที่ใหญ ่ที่สุด ในประเทศไทยและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน�้ำจืดหลากหลายชนิดครอบคลุมพื้นที่ ๓ อ�ำเภอ คือ อ�ำเภอเมืองนครสวรรค์อ�ำเภอท่าตะโก และอ�ำเภอชุมแสง มีเนื้อที่ จ�ำนวน ๑๓๒,๗๓๗.๑๔ ไร่ ในเวลานั้นเกิดเหตุการณ์วิกฤติชาวประมงจับปลา ได้น้อย อีกทั้งปริมาณปลาในบึงบอระเพ็ดลดลงมาก จากรายงานของ ดร.สมิท เสนอต่อเจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการเมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๗ ระบุว่า บึงบอระเพ็ดนี้เป็นที่ที่เหมาะส�ำหรับลูกปลาได้อยู่อาศัย ปลาหวีเกศ (Platytropius siamensis Sauvage, 1833) เก็บตัวอย่างโดย ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท จากแม่น�้ำนครนายก เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑
218 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ และเจริญเติบโต แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาปริมาณปลาในบึงได้ลดลงมากเนื่องจาก “...ขาดความท�ำนุบ�ำรุงท�ำความป้องกันจากรัฐบาล และวิธีด�ำเนิรการของ ผู้รับผูกขาดในการที่ไม่ปล่อยให้ปลาเล็ดลอดไปได้...”13 รวมถึงการที่ราษฎร ใช้เครื่องมือจับปลาไม ่เหมาะสมท�ำให้ปลาที่ยังมีขนาดเล็กซึ่งควรปล ่อยให้ เติบโตนั้นถูกจับไปด้วย ดังปรากฏในรายงานว่า “อย่างไรก็ดีการจับปลาตามทาง ที่น�้ำระบายออกขณะนี้ควรได้รับความด�ำริในคลองสามคลองซึ่งระบายน�้ำออกจาก บึงไปสู่ระแวกของปากน�้ำโพ อันเป็นทางให้พวกปลาใหญ่ปลาน้อยหนีตามน�้ำไป ในฤดูหน้าน�้ำระวางเดือนตุลาคม พฤศจิกายน แลธันวาคมไปสู่ล�ำแม่น�้ำนั้น ในสองคลองได้มีราษฎรลงกระบังปิดคลองประจ�ำกระท�ำการจับปลาตักเอาไม่ว่า ปลาเล็กปลาน้อยโดยมิได้นึกถึงขนาดของปลาหรือราคาที่จะซื้อขายได้ในตลาด...”14 จากการส�ำรวจครั้งนี้ดร.สมิทได้เสนอความคิดเห็น แนะน�ำวิธีการเพิ่มจ�ำนวน ปลาในบึงบอระเพ็ด โดยเน้นเรื่องการควบคุมวิธีและเครื่องมือจับปลา ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท ออกตรวจบึงบอระเพ็ดหลายครั้ง และได้ แนะน�ำให้รัฐบาลสร้างท�ำนบและประตูระบายน�้ำ เพื่อให้ที่ลุ ่มกลายเป็นบึง และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากระทรวงเกษตราธิการได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ดังกล่าว จึงน�ำข้อเสนอแนะของดร.สมิท กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระบรมราชานุญาตให้บึงบอระเพ็ดเป็นที่สงวนพันธุ์สัตว์น�้ำ โดยจะสร้างคัน กั้นน�้ำและประตูระบายน�้ำเพื่อเก็บกักน�้ำที่ระดับ ๒๓.๘๐ เมตร(จากระดับน�้ำทะเล ปานกลาง) ตลอดปีจากนั้นใน พ.ศ. ๒๔๗๐ จึงมีการเริ่มก่อสร้างท�ำนบกั้นน�้ำ และประตูระบายน�้ำ แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๗๑ นับแต่นั้นเป็นต้นมาบึงบอระเพ็ด ได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน�้ำจืดที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย 13 ฮิว แมกคอร์มิค สมิท, รายงานการส�ำรวจพืชพันธุ์ในน�้ำ และการอุตสาหกรรม แผนกสัตว์น�้ำของประเทศสยาม พร้อมด้วยโครงการและข้อแนะน�ำในการควบคุมบังคับ บัญชา การบ�ำรุงรักษาและการจัดให้เจริญขึ้น (ม.ป.ท.: ๒๔๖๘), หน้า ๑๓๒. 14 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๓๓ - ๑๓๔.
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 219 แผนที่บริเวณบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จัดท�ำเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ ภาพมุมสูงของบึงบอระเพ็ด ถ่ายจากดาวเทียม
220 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ การตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำ จากการเดินทางไปส�ำรวจพื้นที่ต่าง ๆ อันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น�้ำ ท�ำให้ดร.สมิทพบเห็นปัญหาและสาเหตุที่จ�ำนวนปลาและสัตว์น�้ำบางชนิด ลดลง รวมถึงอุปสรรคที่ขัดขวางการเพิ่มจ�ำนวนสัตว์น�้ำ จึงเขียนรายงานขึ้นมา ฉบับหนึ่ง ชื่อว่า “A Review of the Aquatic Resources and Fisheries of Siam, with Plans and Recommendations for their Administration, Conservation, and Development” หรือในชื่อภาษาไทยว ่า “รายงาน การส�ำรวจพืชพันธุ์ในน�้ำ และการอุตสาหกรรมแผนกสัตว์น�้ำของประเทศสยาม พร้อมด้วยโครงการและข้อแนะน�ำในการควบคุมบังคับบัญชา การบ�ำรุงรักษา และการจัดให้เจริญขึ้น”เสนอต่อเจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ รายงานฉบับนี้กล่าวถึงหัวข้อหลัก ๙ ประการ คือ พืชพันธุ์ในน�้ำของประเทศสยาม การส�ำรวจการอุตสาหกรรมแผนกสัตว์น�้ำ อ�ำนาจในการบังคับบัญชาแผนกสัตว์น�้ำ กรมรักษาสัตว์น�้ำ การสัตว์น�้ำกับการ เก็บภาษีอากรความต้องการและจำ� เป็นให้มีพระราชบัญญัติการสัตว์น�้ำการรักษา พืชพันธุ์ในน�้ำ การเพาะและเลี้ยงสัตว์น�้ำ และการส่งเสริมและจัดการอุตสาหกรรม แผนกสัตว์น�้ำให้ก้าวหน้าซึ่งหัวข้อส�ำคัญจากรายงานนี้คือการตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำ ดร.สมิทเสนอความเห็นว่ารัฐบาลควรจัดตั้งกรมที่ท�ำหน้าที่บริหารจัดการด้าน สัตว์น�้ำโดยเฉพาะโดยให้อยู่ใต้บัญชาของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งและหน่วยงาน ที่ก�ำกับดูแลและมีหน้าที่เหมาะสมที่สุดคือกระทรวงเกษตราธิการ ดร.สมิทได้ให้ เหตุผลกำ� หนดรูปแบบและแผนการปฏิบัติงานส�ำหรับกรมรักษาสัตว์น�้ำ ความว่า
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 221 “ซึ่งปรากฏตามพระราชกฤษฎีกาแล้วว่าเป็นกระทรวงซึ่งมี หน้าที่การงานเกี่ยวข้องกับกิจการสัตว์น�้ำบางส่วน สมมุติว่า รูปการจะได้เป็นไปดังความคาดหมายในเวลาอันสมควรแล้วฉะนั้น บัดนี้ก็เป็นการจ�ำเป็นที่จะต้องด�ำริพิจารณาถึงการที่จะจัดตั้งกรม ขึ้นกรมหนึ่งอันสะพรั่งพร้อมด้วยข้าราชการ และเครื่องอุปกรณ์ ที่จะควบคุมบังคับบัญชาการในหน้าที่อันซับซ้อนและปฏิบัติการ งานต่าง ๆ อันจะเกิดมีขึ้นเป็นธรรมดา เนื่องจากได้มีหน้าที่ ควบคุมในเรื่องพืชพันธุ์ในน�้ำและการอุตสาหกรรมแผนก สัตว์น�้ำ” 15 ข้อเสนอแนะของดร.สมิทได้มีการน�ำไปเสนอในที่ประชุมสภาเผยแผ่พาณิชย์ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบว่าควรตั้งกรมขึ้นใหม่ในกระทรวงเกษตราธิการ เบื้องต้น ก�ำหนดชื่อว ่า “กรมจัดการสัตว์น�้ำ” ภายหลังได้ก�ำหนดใหม่ว่า “กรมรักษา สัตว์น�้ำ”จากนั้นในวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำขึ้น ดังประกาศในราชกิจจา นุเบกษา เล่ม ๔๓ หน้า ๔๙๑ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๙ 15 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๖๖.
222 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ประกาศตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำ มีพระบรมราชโองการในพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ด�ำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่าตามที่ได้มีประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ จัดปันหน้าที่ราชการในระวาง กระทรวงพระคลังมหาสมบัติกับกระทรวงเกษตราธิการในเรื่องเพาะพืชพันธุ์สัตว์น�้ำ เพื่อยังราชการให้เจริญขึ้นนั้น ทรงพระราชด�ำริห์เห็นว่าบัดนี้ถึงเวลาอันสมควร ที่จะจัดราชการในแพนกนี้ให้ดียิ่งขึ้นกว่าแต่เดิม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ตั้งกรมขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ เรียกว่า กรมรักษาสัตว์น�้ำ มีหน้าที่บ�ำรุงรักษาและเพาะพืชพันธุ์สัตว์น�้ำ มีหน้าที่ดูแลแนะน�ำในทางการที่จะขยาย การหาจับสัตว์น�้ำ อันเปนอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งให้ได้ประโยชน์ดีที่สุดในทางที่ให้ เปนอาหารและเปนสินค้าภายในและภายนอกประเทศ กับมีหน้าที่รายงานต่อ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติในกิจการที่ระบุไว้ในข้อ ๒ ข้อ ๒ การก�ำหนดเขตและฤดูกาลที่อนุญาต และก�ำหนดเครื่องมือส�ำหรับ จับสัตว์น�้ำก็ดีการอนุญาตและออกอาชญาบัตร์จับสัตว์น�้ำ การเก็บภาษีอากร และค่าธรรมเนียมในการจับสัตว์น�้ำตามพระราชบัญญัติอากรค่าน�้ำ ร.ศ. ๑๒๐ พระราชบัญญัติและประกาศเพิ่มเติม และกฎเสนาบดีซึ่งได้ออกประกาศโดยอาศัย พระราชบัญญัติที่กล่าวมานี้ที่ยังคงใช้อยู่ในเวลานี้ฤๅที่จะออกต่อไปในภายหน้าก็ดี ให้เปนหน้าที่ของกระทรวงพระคลังมหาสมบัติจัดท�ำ ข้อ ๓ ให้เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการมีอ�ำนาจออกกฎเสบนาบดีฤๅแก้ไข กฎเสนาบดีเดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อปฏิบัติการให้เปนไปตามประกาศนี้เพียงที่อยู่ใน ขอบอ�ำนาจอันได้ก�ำหนดไว้ในข้อ ๑ แห่งประกาศนี้ อนึ่งกฎเสนาบดีที่ออกใหม่ ฤๅแก้ไขเพิ่มเติมนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้เปนอันใช้บังคับได้ ประกาศมา ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๙ เปนปีที่ ๒ ในรัชกาล ปัจจุบัน
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 223 เมื่อมีการจัดตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำแล้ว จากนั้นในวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๙ เจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ได้มีหนังสือถึง เจ้าพระยามหิธร ราชเลขาธิการ เรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตั้ง ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท เป็นเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ เนื่องจากเห็นว ่ายังไม ่มี ข้าราชการชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญมากพอจะด�ำรงต�ำแหน่งนี้พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งดร.สมิทเป็นเจ้ากรม รักษาสัตว์น�้ำ ในวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๙16 ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ กระทรวง เกษตราธิการ เป็นเวลาเกือบ ๔ ปีใน พ.ศ. ๒๔๗๓ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งดร.สมิท ดำ�รงต�ำแหน่งผู้ช�ำนาญการ พิเศษและที่ปรึกษาแผนกรักษาสัตว์น�้ำ ดังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๗ หน้า ๗๑๕ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ 16 “ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ เรื่องตั้งเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ” ราชกิจจา นุเบกษา เล่ม ๔๓ (๓ ต.ค. ๒๔๖๙): ๒๕๐๐.
224 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ แจ้งความกระทรวงเกษตราธิการ เรื่อง ตั้งผู้ช�ำนาญการพิเศษและที่ปรึกษาแผนกรักษาสัตว์น�้ำ กับตั้งผู้รั้งต�ำแหน่งเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ ด้วยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ๑) ดอกเตอร์ฮิว แมคคอรมิค สมิธ M.D., LL. D. เจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ เป็นผู้ช�ำนาญการพิเศษและที่ปรึกษาแผนกรักษาสัตว์น�้ำ ๒) รองอ�ำมาตย์เอก หลวงจุลชีพพิชชาธร (จุล วัจนะคุปต์) B.A. Certif icateinFisheries,M.I.T., U.S.A.ผู้ช่วยกรมรักษาสัตว์น�้ำ เป็นผู้รั้งต�ำแหน่ง เจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๓ เป็นต้นไป แจ้งความมา ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๓ เจ้าพระยาพลเทพ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 225 หนังสือรายงานการออกตรวจราชการ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ของ ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท กล่าวถึงการส�ำรวจปลาในตลาด การเก็บตัวอย่างปลาจากคลองท่าดีกับคลองนครน้อย และการจับปลาของคนในท้องถิ่น ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑
226 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ หนังสือรายงานการออกตรวจราชการ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ของ ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท กล่าวถึงการส�ำรวจปลาในตลาด การเก็บตัวอย่างปลาจากคลองท่าดีกับคลองนครน้อย และการจับปลาของคนในท้องถิ่น ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 227 ส่วนหนึ่งของตู้เก็บตัวอย่างปลาที่ ดร.สมิทรวบรวม ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
228 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ดร.ฮิว แมกคอร์มิก สมิท รับราชการในประเทศไทยจนถึง พ.ศ. ๒๔๗๘ รวมเวลาที่เขาปฏิบัติงานได้ทั้งหมด ๒๒ ปีนับได้ว่า ดร.สมิทเป็นผู้มีส่วนช่วย ในการพัฒนาการบริหารงานและการดูแลสัตว์น�้ำในประเทศไทย หลังลาออกจาก ราชการในประเทศไทยแล้วได้เดินทางกลับสหรัฐอเมริกาและท�ำงานในสถาบัน สมิธโซเนียน ต่อมาดร.สมิทได้น�ำข้อมูลจากการส�ำรวจสายพันธุ์ปลาในประเทศไทย ที่บันทึกด้วยตนเอง รวมถึงการศึกษาตัวอย่างปลาจากนักมีนวิทยาอีกหลายท่าน มารวบรวมและตีพิมพ์เป็นหนังสือ ชื่อ “The Fresh-water Fishes of Siam, or Thailand” โดยสถาบันสมิธโซเนียน ใน พ.ศ. ๒๔๘๘ หนังสือเล่มนี้มีข้อมูล ปลามากกว่า ๕๐๐ ชนิด พร้อมทั้งภาพประกอบ ซึ่งวาดโดยหลวงมัศยจิตรการ (ประสพ ตีระนันท์) นอกจากนี้ยังมีการน�ำตัวอย่างพันธุ์ปลาจากการส�ำรวจตาม แหล่งน�้ำต่างๆในประเทศไทยรวมถึงเอกสารที่ดร.สมิทจดบันทึกไว้มาเก็บรักษา และจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทรงคุณค ่าและสามารถอ�ำนวยประโยชน์ให้แก ่ผู้ที่สนใจศึกษา เรื่องปลาในน่านน�้ำของประเทศไทย พัชรา สุขเกษม
ดอกเตอร์ฮิว แมกคอร์มิก สมิท 229 บรรณานุกรม เกษตร, กระทรวง. ประวัติกระทรวงเกษตร. พระนคร : โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, ๒๕๐๐. เกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัย. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาประมง คณะประมง มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. กรุงเทพฯ : อักษรสยามการพิมพ์, ๒๕๕๙. ค�ำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช, ๒๕๕๕. เซเดส์, ยอร์ช. จารึกพ่อขุนรามค�ำแหง ด้านที่ ๑ [ออนไลน์]. จารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). แหล่งที่มา: https://db.sac.or.th/ inscriptions/inscribe/image_detail/48 [๒๕ มกราคม ๒๕๖๖] ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวง. ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ ชุ่มน�้ำบึงบอระเพ็ด. กรุงเทพฯ : ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, ๒๕๔๖. บริรักษ์นิติเกษตร, พระ. พระราชบัญญัติอากรค่าน�้ำเก่าใหม่ พร้อมด้วยพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตส�ำหรับเรือจับสัตว์น�้ำ และ พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิจับสัตว์น�้ำในเขตต์จับสัตว์น�้ำสยาม กับกฎกระทรวง และประกาศต่าง ๆ. ม.ป.ท.:พิรุณพานิช, ม.ป.ป. “ประกาศกระทรวงเกษตราธิการ เรื่องตั้งเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ (๓ ต.ค. ๒๔๖๙): ๒๕๐๐. ปาลเลกัวซ์, มงเซเญอร์. เล่าเรื่องกรุงสยาม, แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร. นนทบุรี : ศรีปัญญา, ๒๕๕๒. สมิท, ฮิว แมคคอร์มิก. รายงานการส�ำรวจพืชพันธุ์ในน�้ำ และการอุตสาหกรรมแผนก สัตว์น�้ำของประเทศสยาม พร้อมด้วยโครงการและข้อแนะน�ำในการควบคุม บังคับบัญชา การบ�ำรุงรักษาและการจัดให้เจริญขึ้น. ม.ป.ท., ๒๔๖๘. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๗ กระทรวงเกษตร ม-ร.๗ กษ/๑ เรื่องตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำ _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๗ กระทรวงเกษตร ม-ร.๗ กษ/๑ เรื่องประกาศตั้งกรมรักษาสัตว์น�้ำ _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๗ กระทรวงเกษตร ม-ร.๗ กษ/๘ เรื่องจัดการ รักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ และรายงาน ดร.สมิท
230 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๗ กระทรวงเกษตร ม-ร.๗ กษ/๘ เรื่อง ดร.สมิท ออกไปตรวจบ�ำรุงรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำในประเทศเขมร _________ ___ .เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ กต. ๓๕.๖/๒๘ เรื่องกระทรวงเกษตราด�ำริห์ จะจัดการรักษาพันธุ์สัตว์น�้ำ (พ.ศ. ๒๔๖๔ - ๒๔๖๖) _________ ___ .เอกสารกระทรวงเกษตร เล่ม ๕ เรื่องแจ้งความตั้ง ดอกเตอร์ ฮิว แมกคอร์มิค สมิทเป็นผู้ช�ำนาญการพิเศษและที่ปฤกษาแผนกรักษาสัตว์น�้ำ และตั้ง ร.อ.อ. หลวงจุลชีพพิชชาธร เป็นเจ้ากรมรักษาสัตว์น�้ำ โปรดเกล้าพระราชทาน พระบรมราชานุญาตแล้ว Schultz, Leonard Peter. Hugh McCormick Smith. Copeia 1941, 4 (November 1941) : 194 - 209.
ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม