นายเออร์เนสต์ ยัง 139 ในปีถัดมา (พ.ศ. ๒๔๓๖) นายเออร์เนสต์ยัง รับต�ำแหน่งเป็นครูใหญ่ โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษ นอกจากนายเออร์เนสต์ยัง แล้ว ในเวลานั้นมีครูฝรั่งอีกคนหนึ่งท�ำการสอนด้วย ชื่อ นายเกรแฮม แซนเดอร์สัน (Mr. GrahamSanderson)9 แต่อยู่ได้ไม่นานก็ลาออกไป10 ในปีนี้นายเออร์เนสต์ยัง ได้ริเริ่มกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กนักเรียน เช่น ขอยืมหนังสือพิมพ์The Graphic ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่มีรูปภาพ ประกอบ และหนังสือวชิรญาณจากคนรู้จัก และนิตยสารภาษาอังกฤษ Review of Reviews ของตนเอง มาให้เด็ก ๆ ได้อ่านเล่นในระหว่างเวลาพักเที่ยง เขายัง ริเริ่มให้จัดตั้งห้องสมุดขนาดเล็กส�ำหรับนักเรียนได้ใช้ค้นคว้าในโรงเรียน11 และได้ ท�ำเรื่องขอให้กรมศึกษาธิการจัดสรรงบประมาณส�ำหรับซื้อหนังสือพิมพ์ภาษา อังกฤษและหนังสือต ่าง ๆ ส�ำหรับค้นคว้าอ ่านเพิ่มเติมในห้องสมุดโรงเรียน กับทั้งขอแผนที่กรุงเทพมหานครและแผนที่ประเทศไทยส�ำหรับสอนเด็กนักเรียน ทั้ง ๓ ชั้นเรียนด้วย12 นอกจากนี้ยังจัดตั้งชมรม RecreationSocietyในโรงเรียน 9 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๐.๑๖/๑๐ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) เรื่อง มิสเตอร์ แซนเดอร์สันและมิสเตอร์ยัง ร้องว่านักเรียนไทยอึกทึก (๗ - ๒๑ ส.ค. ๒๔๓๖) หน้า ๓. 10 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๒ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) เรื่อง พิมพ์ต�ำราเลข แลหนังสืออ่าน ที่ห้างแค็ซเซ็ลบริษัทลอนดอน (๒๙ ก.ย. - ๒๗ พ.ย. ๒๔๓๗) หน้า ๓. 11 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ศธ ๕๐.๑๖/๓ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) เรื่อง มิสเตอร์ยัง ครูอังกฤษขอแก้เวลาสอน (๑๒ เม.ย. - ๙ มิ.ย. ๒๔๓๖) หน้า ๑๗. 12 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ศธ ๕๐.๑๖/๗ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) เรื่อง มิสเตอร์ยัง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบ รายงานเรื่องต่างๆ(๓ ก.ค. - ๑๑ ส.ค. ๒๔๓๖) หน้า ๓, ๖-๑๐.
140 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ แม้ไม่พบข้อมูลรายละเอียดของกิจกรรมในชมรม แต่สันนิษฐานว่าการเล่นกีฬา อาทิฟุตบอลและคริกเก็ตอาจเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จัดให้นักเรียนในชมรมได้เล่น ดังปรากฏหลักฐานที่นายเออร์เนสต์ยัง ได้บันทึกไว้ในหนังสือTheKingdom of the Yellow Robe ว่า “...ได้มีการน�ำคริกเก็ตและฟุตบอลเข้ามาเล่นที่โรงเรียน แห่งหนึ่งและได้รับความนิยมพอสมควร...”13 กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ทั้งด้าน วิชาการและสันทนาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นครูที่ชอบปรับปรุงพัฒนา และมีแนวทางการพัฒนาเด็กผ่านการเรียนรู้หลากหลายด้าน การด�ำเนินงานที่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบ นายเออร์เนสต์ ยัง ไม่เพียงสอนแต่วิชาภาษาอังกฤษเท่านั้น เขายังได้สอนวิชาอื่นแก่นักเรียนฝ่าย อังกฤษด้วย เช่น ภูมิศาสตร์วิทยาศาสตร์ศิลปะการปั้นรูป และการวาดภาพ เขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า โดยรวมแล้วนักเรียนไทยมีสติปัญญาดีเรียนรู้ไวทุกวิชา อีกทั้งมีพรสวรรค์อย่างยิ่งในวิชาศิลปะ เช่น การปั้นรูปและวาดภาพ14 อย่างไรก็ดี การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมีอุปสรรค เนื่องจากเด็กนักเรียน มีพื้นฐานความรู้เดิมเรื่องปรากฏการณ์ทางธรรมชาติตามต�ำนานความเชื่อโบราณ และคัมภีร์ทางศาสนา ท�ำให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอธิบายเป็น ภาษาไทยให้เด็กเข้าใจและยอมรับข้อมูลใหม ่ตามหลักเหตุผลและหลัก วิทยาศาสตร์15 ส�ำหรับวิธีการสอนของนายเออร์เนสต์ยัง นั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ อย่างยิ่ง คือนอกจากบรรยายในห้องเรียนแล้ว ก็มีการพานักเรียนออกไปเรียนรู้ 13 เออร์เนสต์ยัง,ราชอาณาจักรแห่งกาสาวพัสตร์,แปลโดยกมลทิพย์ชัยศุภมงคลลาภ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๖๔), หน้า ๖๐. 14 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๕๙. 15 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๖๒ - ๖๓.
นายเออร์เนสต์ ยัง 141 รายงานการเรียนการสอนประจ�ำสัปดาห์ของนักเรียนฝ่ายอังกฤษ โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบ สิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ โดย นายเออร์เนสต์ ยัง อาจารย์ใหญ่
142 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ นอกสถานที่ด้วยเช่น พาไปวาดแปลนแม่นำ �้เจ้าพระยาบนยอดพระปรางค์วัดอรุณ ราชวราราม ราชวรมหาวิหาร16 ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นความชอบโดยส่วนตัวของ เขาที่มีอุปนิสัยรักการเดินทางไปยังสถานที่ต ่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้ วิถีชีวิตของผู้คน และลักษณะทางภูมิศาสตร์ของท้องที่นั้นไปด้วย นอกจากน ี้ นายเออร์เนสต์ยัง ได้เริ่มธรรมเนียมสอบไล่ความรู้ของนักเรียนทุกชั้นเป็นประจ�ำ ทุกเดือน เดือนละ ๑ ครั้ง17 เพื่อเป็นการทดสอบว่าลูกศิษย์ของตนมีความเข้าใจ ในบทเรียนดีหรือไม่แม้ว่าการทำ� เช่นนี้น่าจะเป็นการเพิ่มงานให้ครูผู้สอนต้องหมั่น ออกข้อสอบและตรวจข้อสอบบ่อยครั้งแต่ประโยชน์ที่ได้ทั้งต่อครูและนักเรียน คือ ครูจะได้ทราบว่าการสอนของตนได้ผลมากน้อยแค่ไหน และควรปรับปรุงเรื่องใด เป็นระยะ ๆ ประโยชน์ต่อนักเรียนคือท�ำให้ต้องตั้งใจเรียนและขยันหมั่นทบทวน ความรู้ตลอดระยะเวลาการศึกษา เรื่องนี้แสดงให้เห็นว ่านายเออร์เนสต์ยัง เป็นคนขยันและกระตือรือร้น มีความจริงใจเอาใจใส่ต่องานการสอนและนักเรียน ของตนดีมาก นายเออร์เนสต์ยัง ทำ� หน้าที่ครูและอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนพระต�ำหนักสวน กุหลาบฝ่ายอังกฤษได้ราว ๒ ปีก็ถึงวาระที่ต้องไปรับต�ำแหน่งใหม่คืออาจารย์ใหญ่ โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๓๗ แต่เขายังคงท�ำหน้าที่ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษควบคู่ไปด้วยจนกระทั่ง นายดับบลิวจีจอห์นสัน (W. G. Johnson)ครูชาวอังกฤษเข้ามารับต�ำแหน่งแทน 16 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๐.๑๖/๗ หน้า ๑๒. 17 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๐.๑๖/๑๓ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) เรื่อง มิสเตอร์ยัง ส่งรายงานการเล่าเรียน (๒๓ ก.ย. - ๔ ต.ค. ๒๔๓๖) หน้า ๒.
นายเออร์เนสต์ ยัง 143 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ 18 ในช่วงเวลา ๖ เดือนสุดท้ายของการท�ำงานที่ โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบ นายเออร์เนสต์ ยัง ได้จัดท�ำรายงานเสนอ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์(พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ว่า การจัดการเรียนการสอนแผนกอังกฤษของโรงเรียนมีความเจริญ ก้าวหน้าเป็นอย่างดีคือมีจ�ำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น ๓๓ คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีจ�ำนวน ๑๘ คน และแบ่งชั้นเรียนออกเป็น ๔ ชั้นประโยค (สแตนดาร์ด) มีการ สอนทั้งทักษะการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษควบคู ่กันไป มีการจัดพิมพ์ ต�ำราเรียนภาษาอังกฤษชุด“บันไดให้เรียน”เล่มที่ ๕ ของเซอร์โรเบิร์ต มอรันต์19 ซึ่งนายเออร์เนสต์ยัง เป็นผู้ตรวจพิสูจน์อักษร20 นอกจากนี้นายเออร์เนสต์ยัง ได้แต่งต�ำราเรียนเลขคณิตส�ำหรับนักเรียนแผนกอังกฤษชั้นประโยค ๑-๔ ไว้ด้วย โดยต�ำราเลขคณิตประโยค ๑ และประโยค ๒ แต่งเสร็จแล้วก�ำลังอยู่ในระหว่าง ด�ำเนินการจัดพิมพ์และประเมินราคาจ้างพิมพ์ตามล�ำดับ จึงเป็นการยุติการท�ำงาน 18 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๒ หน้า ๓, ๕ และ ศธ ๕๐.๑๖/๒๓ เอกสาร กองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบ วิทยาลัย) เรื่อง มิสเตอร์ยอห์นสันขอให้มีค�ำสั่งจ่ายเงินเดือนตุลาคม ศก ๑๑๓ เป็นเงิน ๓๐๐ บาท (๗ พ.ย. ๒๔๓๗) หน้า ๓. 19 เซอร์โรเบิร์ต มอรันต์แต่งต�ำราเรียนภาษาอังกฤษชุดบันไดให้เรียน (Ladder of Knowledge towards Speaking English) ในราว พ.ศ. ๒๔๓๒ - ๒๔๓๖ มีทั้งหมด ๕ เล่ม ส�ำหรับนักเรียนไทยไว้ใช้ประกอบการเรียน เมื่อเซอร์โรเบิร์ต มอรันต์พ้นจากหน้าที่ราชการ ในสยามจึงได้มอบให้นายเออร์เนสต์ยัง ตรวจพิสูจน์อักษรหนังสือบันไดให้เรียน เล่มที่ ๕ แทน และในเวลาต่อมาเมื่อนายเออร์เนสต์ยัง เขียนหนังสือเรื่อง The Kingdom of the Yellow Robe ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๔๑ ในหน้าค�ำน�ำเขาได้กล่าวขอบคุณเซอร์ โรเบิร์ต มอรันต์ซึ่งเป็นผู้ให้ค�ำแนะน�ำและวิจารณ์เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้โดยได้ระบุถึงเซอร์ โรเบิร์ต มอรันต์ว่าเป็น “เพื่อน” คนหนึ่ง แสดงถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนม และเชื่อถือใน ความสามารถของกันและกันระหว่างครูชาวอังกฤษทั้งสองคน20 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ม.ร. ๕ ศ ๑/๑๙ เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เบ็ดเสร็จศึกษาธิการ เรื่อง เบ็ดเตล็ดเรื่องต่าง ๆ (๖ ส.ค. ร.ศ. ๑๑๐ - ๑๒ ต.ค. ร.ศ. ๑๑๙) หน้า ๑๑ - ๑๒.
144 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ในฐานะอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษด้วยผลงาน ที่มีประสิทธิภาพและทรงคุณค่ายิ่งอันเป็นที่ประจักษ์ชัด ซึ่งการทั้งปวงที่ส�ำเร็จ ลงได้นั้นนอกจากเป็นเพราะความกระตือรือร้นเอาใจใส่ต่องานด้านการสอน และ ความรู้ความสามารถของนายเออร์เนสต์ยัง เองแล้ว เขายังได้รับการสนับสนุน เป็นอย่างดีจากผู้บังคับบัญชาฝ่ายไทยอีกด้วย ในโอกาสสุดท้ายของการท�ำงาน เขาได้แสดงความขอบคุณต่อท่านเจ้ากรมโรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบที่ให้ การสนับสนุนอย่างยิ่งเสมอมา และกล่าวทิ้งท้ายในรายงานว่า “การที่ข้าพเจ้า ต้องออกจากโรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าก�ำลังทิ้งสถานที่ ซึ่งข้าพเจ้าสามารถท�ำงานได้ดีและมีประโยชน์และเป็นที่ที่ข้าพเจ้าได้รับแต่ ความเมตตาและการเกื้อหนุน”21 โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ นายเออร์เนสต์ยัง เข้ามารับต�ำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ ในราวเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ต่อจากนายจอร์จเฮอร์เบิร์ตกรินรอด(George Herbert Grindrod) อาจารย์ใหญ่คนแรก22 โดยได้รับเงินเดือน ๔๐๐ บาท23 จากนั้นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันก็ได้ย้ายเข้ามาพ�ำนักบ้านพักอาจารย์ใหญ่ 21 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๒ หน้า ๓.22 ด�ำรงต�ำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๕ - มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๗23 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ก - ร. ๕ บ/๒๙ หน้า ๓๖ - ๓๗.
นายเออร์เนสต์ ยัง 145 เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ (พ.ศ. ๒๔๓๕ - ๒๔๔๕)
146 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ที่ตึกปั้นหยา ๒ ชั้น24 ที่ตั้งอยู่ในสวนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร25 บริเวณหน้าโรงเลี้ยงเด็กของพระอัครชายาเธอฯ26 ถนนบำ�รุงเมืองตำ� บลสวนมะลิ กรุงเทพฯเวลานั้นโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์และสถานที่ฝึกท�ำการสอนของนักเรียน ฝึกหัดอาจารย์ตั้งอยู่ภายในโรงเลี้ยงเด็กของพระอัครชายาเธอฯ มีนักเรียนฝึกหัด อาจารย์อยู่เพียง ๓ คน คือนายสนั่น นายสด และนายเหม27 ส�ำหรับหน้าที่ของอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ ไม่เพียงแต่ต้อง ฝึกสอนนักเรียนไทยให้รู้หลักวิชาการสอนตามแบบแผนสมัยใหม่และวิชาความรู้ ด้านต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกหัดอาจารย์ได้ศึกษาเรียนรู้จนจบออกไปเป็น ครูสอนวิชาภาษาไทยและวิชาความรู้ทั่วไปในโรงเรียนมูลสามัญ (ประถมศึกษา) ทั่วประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีภารกิจในการบริหารจัดการและวางแบบแผนการ เรียนการสอนของโรงเรียนด้วย28 ฉะนั้น การมารับต�ำแหน่งใหม่ที่โรงเรียนฝึกหัด 24 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๒ เอกสารกองกลางสำ�นักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) เรื่อง เรือนปั้นหยา (ตึกปั้นหยา) ในสวนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร หน้าโรงเลี้ยงเด็ก เป็นโรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์แลกลาโหมให้มิสเตอร์การ์ตองอยู่แลส่งที่รายนี้คืนแก่กระทรวงนี้แล้วแลตรวจ สิ่งของในเรือนปั้นหยา (๒๓ มิ.ย. ๒๔๓๕ - ๑๓ พ.ย. ๒๔๔๐) หน้า ๘๗ - ๘๘.25 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์26 พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว27 ทั้งสามคนนี้เป็นนักเรียนชุดแรกที่สอบได้ประกาศนียบัตรครูของกรมศึกษาธิการ และต ่อมาได้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ ได้แก่ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ หลวงสังขวิทย์พิสุทธิ์(สด ผลพันธิน) รับราชการในกระทรวงยุติธรรม และพระยาโอวาทวรกิจ (เหม ผลพันธิน) เป็นผู้ช่วยปลัด ทูลฉลองกระทรวงศึกษาธิการ28 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑ เอกสารกองกลางสำ�นักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) เรื่อง ส�ำเนาสัญญามิสเตอร์ ครินดรอด (๑๕ พ.ค. - ๑ ม.ค. ๒๔๓๕) หน้า ๑๗ - ๑๘.
นายเออร์เนสต์ ยัง 147 อาจารย์นี้จึงน ่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของนายเออร์เนสต์ ยัง พอสมควรเพราะถึงแม้ว่าเขาจะส�ำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยครูที่อังกฤษโดยตรง และเคยท�ำหน้าที่ครูใหญ่ในโรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษมาแล้ว แต ่ยังไม ่มีประสบการณ์ในด้านหลักสูตรการสอนและจัดระบบการศึกษาใน วิทยาลัยครูมาก่อน ดังนั้น สิ่งแรกที่นายเออร์เนสต์ยัง ด�ำเนินการเมื่อเข้ารับ ต�ำแหน่งก็คือการขอส�ำเนาหลักสูตรไทยในโรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบชั้น ประโยค ๑ และประโยค ๒ เพื่อน�ำมาศึกษาท�ำความเข้าใจว่าเด็กนักเรียนชั้นมูล สามัญไทยต้องเรียนรู้อะไรบ้าง และส�ำเนาสัญญานักเรียนฝึกหัดอาจารย์ของ นักเรียน ๓ คนแรกที่ได้ท�ำสัญญากับกรมศึกษาธิการ29 และดำ� เนินการร่างสัญญา นักเรียนฝึกหัดอาจารย์ที่จะรับเข้ามารุ ่นต ่อไป ตามที่ได้รับมอบหมายจาก เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ30 ต่อมาเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ โรงเรียนได้รับและท�ำสัญญากับนักเรียนใหม่ จ�ำนวน ๖ คน31 ในช่วงหกเดือนแรกของการรับต�ำแหน่งใหม่นี้จึงต้องด�ำเนินภารกิจที่ส�ำคัญให้ ลุล่วง ขณะเดียวกันนายเออร์เนสต์ยัง ยังคงท�ำหน้าที่อาจารย์ใหญ่โรงเรียน พระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษควบคู่ไปด้วย โดยแบ่งเวลากลับไปสอนที่ โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบ ๓ วันต่อสัปดาห์32 29 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๘ เอกสารกองกลางสำ�นักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู(โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) เรื่อง สัญญานักเรียนฝึกหัดอาจารย์ แลเงินเดือน (๑๔ มิ.ย. - ๑๔ ก.ย. ๒๔๓๗) หน้า ๓. 30 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๕ - ๖. 31 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๗ - ๒๘. 32 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๒ หน้า ๓.
148 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ดังนั้น นายเออร์เนสต์ยังจึงเหลือเวลาท�ำงานที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์เพียง ๒ วันต่อสัปดาห์ประกอบกับมีภาระงานด้านอื่นที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวง ธรรมการด้วยเช่น มีการคาดการณ์ที่จะแต่งตั้งให้เขาเป็นข้าหลวงสอบไล่นักเรียน ภาษาอังกฤษในปีหน้า โดยเขาได้รับมอบหมายจากเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ให้ร่าง แบบส�ำหรับการสอบไล่นักเรียนอังกฤษด้วย33 จึงคาดว่าน่าจะเกินก�ำลังที่ตัวเขา เพียงคนเดียวจะดูแลฝึกสอนนักเรียนและบริหารจัดการโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ได้ อย่างสมบูรณ์ เขาจึงได้ท�ำเรื่องร้องขอต่อกระทรวงธรรมการ ให้แต่งตั้งนายสนั่น ซึ่งเป็นนักเรียนฝึกหัดอาจารย์ ให้มาเป็นครูผู้ช ่วยอาจารย์ใหญ ่34 เนื่องจาก นายสนั่นเป็นผู้มีความสามารถในการสอนดีมาก มีความตั้งใจท�ำงานขยันขันแข็ง และช่วยเหลือการต่างๆ ภายในโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ได้เป็นอย่างดีรวมทั้งเสนอ ขอเพิ่มเงินเดือนให้นายสนั่นเป็นเงิน ๕๐ บาท35 ด้านกระทรวงธรรมการรับทราบ และมีค�ำสั่งเพิ่มเงินเดือนให้แก่นายสนั่น นักเรียนฝึกหัดอาจารย์ เป็นเดือนละ ๒๕ บาทเท่านั้น36 ด้วยเหตุผลว่าขณะนั้นนายสนั่นยังไม่ส�ำเร็จการศึกษาและยัง ไม่ได้รับประกาศนียบัตรครูจึงยังไม่เข้าเงื่อนไขตามสัญญาที่จะได้รับเงินเดือนสูง ถึงขั้นดังกล่าว ต่อมาเมื่อนายสนั่นส�ำเร็จการศึกษาในปลาย พ.ศ. ๒๔๓๗ จึงได้ ด�ำรงต�ำแหน่งครูผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่เต็มตัว 33 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๘ หน้า ๕ - ๗, ๑๑. 34 หอจดหมายเหตุแห ่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๐ เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) เรื่อง ขอนายสนั่นเป็น ครูผู้ช ่วยแลขอรูปภาพแผนที่ส�ำหรับนักเรียน ขอตั้งหอสมุดที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ (๒๗ ก.ค. - ๖ ส.ค. ๒๔๓๗) หน้า ๘. 35 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๘ หน้า ๓๕. 36 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๘.
นายเออร์เนสต์ ยัง 149 ปัญหาส�ำคัญเร ่งด ่วนในโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์อีกประการหนึ่งคือ ขาดแคลนต�ำราเรียนและสื่อวัสดุประกอบการเรียน อาทิแผนที่และรูปภาพ ดังนั้น เขาจึงเสนอของบประมาณต่อกระทรวงธรรมการเพื่อจัดตั้งหอสมุดโรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์และขอเบิกหนังสือส�ำหรับฝึกหัดลายมือ แผนที่ และรูปภาพ สื่อการสอน ทั้งได้เสนอที่จะติดต่อไปยังส�ำนักพิมพ์ต่าง ๆ ในอังกฤษที่เป็นผู้พิมพ์ ต�ำราเรียนให้ส่งต�ำราเรียนมาให้พิจารณาด้วย ในเบื้องต้นกระทรวงธรรมการให้ ค�ำตอบว่าจะแบ่งเงินจากงบประมาณเหลือจ่ายมาเป็นรายปีส�ำหรับจัดตั้งห้องสมุด และให้เบิกหนังสือเรียนที่มีเก็บไว้กับกระทรวงอย่างละ ๑ เล่มเป็นทุนไปก่อน ในส่วนของแผนที่และรูปภาพที่กระทรวงมีอยู่นั้นอนุญาตให้นายเออร์เนสต์ยัง เลือกไปใช้งานได้จ�ำนวนหนึ่ง และอนุมัติให้นายเออร์เนสต์ยัง ติดต่อขอตัวอย่าง หนังสือเรียนจากส�ำนักพิมพ์อังกฤษมาอย่างละ ๒ เล่ม เพื่อให้กระทรวงได้ตรวจ พิจารณาสั่งซื้อต่อไป37 จากนั้นไม่นานโรงเรียนก็ได้รับพระกรุณาจากพระเจ้า น้องยาเธอ กรมหมื่นด�ำรงราชานุภาพ ประทานเครื่องเรือน หนังสือ และรูปภาพ ส�ำหรับใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างพอเพียงและเดือนกันยายนปีเดียวกันนี้กรม ศึกษาธิการได้มอบหนังสือจ�ำนวนมากส�ำหรับค้นคว้าให้กับห้องสมุดของโรงเรียน38 ในการสอนนักเรียนฝึกหัดอาจารย์นั้น นายเออร์เนสต์ยังใช้วิธีแบ่งนักเรียน ออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกให้ฝึกท�ำการสอนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในระหว่างที่ อีกสองกลุ่มให้เรียนหลักการสอน นายเออร์เนสต์ยัง ได้ให้นักเรียนเขียนรายงาน วิจารณ์การสอนของเพื่อนนักเรียนฝึกหัดอาจารย์ด้วยกันหลังจากที่เข้าฟังการสอน ของเพื่อน แล้วส่งรายงานดังกล่าวให้เขาดูซึ่งน่าจะเป็นวิธีการที่มีประโยชน์คือ ท�ำให้นักเรียนได้ฝึกสังเกตและฝึกคิดปรับปรุงวิธีการสอนได้ด้วยตนเอง โดยมีเขา 37 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๐ หน้า ๖, ๙, ๑๑. 38 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ศธ ๕๓.๑/๑๒ หน้า ๔ - ๕.
150 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ หนึ่งในนักเรียนฝึกหัดอาจารย์รุ่นแรกที่ประสบความส�ำเร็จสูงสุด และเป็นลูกศิษย์ที่นายเออร์เนสต์ ยัง ชื่นชมอย่างยิ่ง
นายเออร์เนสต์ ยัง 151 พระยาโอวาทวรกิจ (เหม ผลพันธิน) ผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงศึกษาธิการ หนึ่งในนักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์และเป็นลูกศิษย์ของนายเออร์เนสต์ ยัง ที่ประสบความส�ำเร็จอย่างสูง
152 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ จดหมายที่นายเออร์เนสต์ ยัง เขียนถึงเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ เรื่องขอตั้งนายสนั่น นักเรียนฝึกหัดอาจารย์ เป็นครูผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขอตั้งหอสมุดโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ และเรื่องอื่น ๆ (๑/๒)
นายเออร์เนสต์ ยัง 153 จดหมายที่นายเออร์เนสต์ ยัง เขียนถึงเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ เรื่องขอตั้งนายสนั่น นักเรียนฝึกหัดอาจารย์ เป็นครูผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขอตั้งหอสมุดโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ และเรื่องอื่น ๆ (๒/๒)
154 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ เป็นผู้ให้ค�ำแนะน�ำอีกชั้นหนึ่ง นอกจากวิชาหลักการสอนแล้วเขายังได้สอนนักเรียน ฝึกหัดอาจารย์เกี่ยวกับวิธีการสอนวิชาต่างๆ ที่มีในหลักสูตรไทยการบริหารจัดการ โรงเรียน การจัดการสอบ และการบันทึกทะเบียนนักเรียนด้วย นอกจากงานการสอนและบริหารโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์แล้ว นายเออร์เนสต์ยัง ยังคงท�ำงานแต ่งต�ำราเรียนควบคู ่ไปด้วย โดยในช่วงปลายปีพ.ศ. ๒๔๓๗ เขามีโครงการที่จะจัดท�ำต�ำราเกี่ยวกับการสอนที่เขียนเป็นภาษาไทย39 ขณะเดียวกันต�ำราเลขคณิตประโยค ๑ ที่เขาแต่งไว้ส�ำหรับนักเรียนหลักสูตรอังกฤษ เมื่อครั้งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษก็จัดพิมพ์ แล้วเสร็จและจัดส่งถึงประเทศไทยในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ โดยกระทรวง ธรรมการช�ำระค่าจ้างพิมพ์แก่ห้าง Cassell and Company Limited ประเทศ อังกฤษ ที่นายเออร์เนสต์ยัง เป็นผู้ติดต่อไว้พร้อมทั้งช�ำระค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับ เป็นเงิน ๑๖๐ บาทให้แก่นายเออร์เนสต์ยัง ผู้แต่งด้วย40 การด�ำเนินงานการจัดพิมพ์ต�ำราเรียนของนายเออร์เนสต์ยังในระยะต่อมา ได้ประสบปัญหาเมื่อถึงคราวจัดพิมพ์ต�ำราเลขคณิตประโยค ๒ ทั้งนี้ เมื่อนาย เออร์เนสต์ยัง ท�ำหนังสือแจ้งราคาประเมินจ้างพิมพ์ไปยังกระทรวงธรรมการ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ด้านห้าง Cassell ได้เริ่มพิมพ์หนังสือไปบางส่วน แล้วและร้องขอให้ช�ำระเงินทันทีในการนี้กระทรวงธรรมการมีหนังสือตอบให้ นายเออร์เนสต์ยัง ออกค่าใช้จ่ายเอง โดยอ้างเหตุผลว่าหนังสือดังกล่าวเป็นต�ำรา เลขคณิตภาษาอังกฤษ ไม่เป็นประโยชน์ทั่วไปถึงนักเรียนไทยแต่อนุญาตให้น�ำมา ใช้ในโรงเรียนไทยได้โดยจะให้นักเรียนรับซื้อหนังสือจากนายเออร์เนสต์ยัง41 39 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๕. 40 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๙, ๒๐, ๒๕. 41 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๗ - ๒๙, ๓๒.
นายเออร์เนสต์ ยัง 155 ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายเออร์เนสต์ยัง ได้แต่งต�ำราวิชาภูมิศาสตร์แล้วเสร็จอีก เล ่มหนึ่งซึ่งมีรูปภาพและแผนที่ประกอบมากถึง ๕๐ ภาพ โดยน�ำเสนอต่อ กระทรวงธรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดพิมพ์ต ่อไป ด้านกระทรวงธรรมการ เห็นว่านายเออร์เนสต์ยัง คิดค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับต�ำราภูมิศาสตร์ส�ำหรับนักเรียน ชั้นประโยค ๒ เป็นเงินถึง ๘ ชั่ง (๖๔๐ บาท) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเกินไป จึงไม่รับ ด�ำเนินการจัดพิมพ์ แต่เสนอจะช่วยจัดจ�ำหน่ายให้ หากนายเออร์เนสต์ ยัง ประสงค์จะจัดพิมพ์ด้วยทุนของตนเอง42 อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดพิมพ์หนังสือทั้งสองเล่ม ดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อก�ำลังใจในการท�ำงานของเขาอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๘ นายเออร์เนสต์ยัง ท�ำหนังสือถึงเจ้าพระยา ภาสกรวงศ์เสนาบดีกระทรวงธรรมการเพื่อรายงานการท�ำงานในโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ และหารือเรื่องขอขึ้นเงินเดือนนักเรียนฝึกหัดอาจารย์ที่จบการศึกษาและที่ก�ำลัง ฝึกหัดศึกษาอยู่ รวมทั้งขอขึ้นเงินเดือนของตนเองเป็น ๕๐๐ บาทให้เท่ากับนาย กรินรอดอาจารย์ใหญ่คนก่อนด้วยโดยให้เหตุผลว่าเขาท�ำงานมากกว่านายกรินรอด และเงินบาทก�ำลังอ่อนค่าลง อีกทั้งเขามีภาระที่จะต้องจัดพิมพ์ต�ำราเลขคณิต ส�ำหรับนักเรียนไทยเล่มต่อๆไปด้วยเงินทุนของตนเอง หากกระทรวงไม่เห็นชอบ ขึ้นเงินเดือนให้เขาก็จะยอมรับและจะท�ำหน้าที่อาจารย์ใหญ ่โรงเรียนฝึกหัด อาจารย์ต่อไป รวมทั้งแสดงความประสงค์ที่จะขอต ่อสัญญาว ่าจ้างที่ก�ำลังจะ หมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๙ และในส่วนต�ำราวิชาภูมิศาสตร์นั้น เขาขอรับต้นฉบับลายมือของตนกลับคืน เพื่อน�ำไปติดต่อจัดพิมพ์ที่อังกฤษด้วย ทุนของตนเอง นอกจากนี้เขายังรายงานว่าได้ช่วยเขียนบทความตอบโต้ข้อติเตียน ของนายกรินรอดต่อกระทรวงธรรมการที่เขียนลงในวารสาร The Journal of 42 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๑, ๒๕.
156 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ Education และหนังสือพิมพ์Siam Free Press ได้น�ำมาเผยแพร่ต่อ โดย บทความตอบโต้ของเขาได้ลงพิมพ์ในวารสารเดียวกัน และเขาได้ขอให้หนังสือพิมพ์ Bangkok Times ลงพิมพ์เผยแพร่ด้วย43 ไม่พบหลักฐานว่าค�ำขอขึ้นเงินเดือนของเขาได้รับการตอบตกลงหรือไม่ แต่นายเออร์เนสต์ยัง ก็ท�ำงานต่อไปอีกเพียงปีเดียวจนถึงก�ำหนดสิ้นสุดสัญญา ว่าจ้างในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๔๓๙ แล้วเดินทางกลับอังกฤษในเดือนมีนาคม ทั้งนี้เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการได้ชี้แจงว่าเขาได้ขอขึ้น เงินเดือนเป็น ๗๐๐ บาทแต่กระทรวงธรรมการไม่อนุมัติเมื่อครบสัญญาจึงได้ ลาออกไป44 โรงเรียนแผนที่กรมแผนที่ ในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๔๓๙ นายเออร์เนสต์ยังได้รับการทาบทามจาก พระวิภาคภูวดล (James Fitzroy McCarthy) เจ้ากรมแผนที่ ให้มารับต�ำแหน่ง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนแผนที่ นายเออร์เนสต์ยัง ตอบตกลงรับงานด้วยอัตรา เงินเดือน ๖๐๐ บาท แต่เขายังไม่ได้เริ่มงานที่โรงเรียนแผนที่ทันทีโดยได้เดินทาง กลับประเทศอังกฤษช่วงระยะเวลาสั้น ๆก่อนจะเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย ก่อนวันที่โรงเรียนแผนที่เปิดท�ำการคือวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๙45 43 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๓ - ๓๙. 44 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ก - ร. ๕ บ/๒๙ หน้า ๓๗. 45 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๓, ๒๖ - ๒๗.
นายเออร์เนสต์ ยัง 157 ในจดหมายของพระวิภาคภูวดลที่เขียนถึงนายเออร์เนสต์ยัง ฉบับวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙46 แจ้งเรื่องเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(เจิม แสง-ชูโต) เมื่อ ครั้งเป็นพระยาสุรศักดิ์มนตรีเสนาบดีกระทรวงเกษตรพาณิชการ อนุมัติจ้างเขา เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนแผนที่นั้น พระวิภาคภูวดลได้ชี้แจงรายละเอียดของ การท�ำงานต่าง ๆ ไว้ด้วย ท�ำให้เราทราบว่า โรงเรียนแผนที่ก�ำลังจะย้ายมาตั้งที่ พระราชวังต�ำบลสระปทุม47 โดยโรงเรียนแผนที่แห่งใหม่นี้จะเป็นทั้งสถานศึกษา และที่พักของนักเรียนอายุตั้งแต่ ๑๗ ปีขึ้นไป จ�ำนวน ๑๐๐ คนและอาจารย์ใหญ่ ด้วย โดยพระวิภาคภูวดลแจ้งว่าให้นายเออร์เนสต์ยัง เลือกห้องส่วนตัวได้เอง เขาจะมีครูผู้ช่วย ๒ คนที่รู้ภาษาอังกฤษและครูผู้ช่วยชาวไทยอีก ๒ คน และ พระวิภาคภูวดลได้ส่งหนังสือสองเล่มเกี่ยวกับการแผนที่ในพม่าเพื่อปูพื้นความ เข้าใจของเขาก่อนเริ่มท�ำการสอนนักเรียนด้วย ในส่วนการเรียนการสอนนักเรียน แผนที่นั้น ในระหว่างช่วงพักชั้นเรียน นักเรียนจะได้ฝึกวาดภาพเรขาคณิต ฝึกการ ลงแผนที่ที่ได้จากการฝึกรังวัดแผนที่ด้วยโซ ่และเข็มทิศ โดยพระวิภาคภูวดล คาดหวังว่านักเรียนจะได้ฝึกฝีมือการวาดภาพและการเขียนตัวอักษรให้เรียบร้อย ฝึกการค�ำนวณ รวมทั้งเรียนรู้วิธีค�ำนวณพื้นที่จากแผนที่ และนอกจากการเรียน ในห้องแล้ว ในช่วงฤดูแล้งจะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อออกฝึกภาคสนามกับ เจ้าหน้าที่อาวุโสของกรมแผนที่ โดยกรมแผนที่คาดหวังให้นายเออร์เนสต์ยัง ร่วมท�ำงานและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ผู้ควบคุมดูแลงาน ภาคสนามด้วย และเขาจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเดือนละ ๑๒๐ บาทในระหว่าง ฤดูท�ำการภาคสนาม และให้ท�ำการอยู่ไม่ต�่ำกว่า ๓ ปีจึงจะเบิกค่าโดยสารส�ำหรับ เดินทางกลับอังกฤษได้ 46 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๘ - ๓๐. 47 คือพระราชวังของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยาม มกุฎราชกุมาร แต่มิได้เสด็จมาประทับเนื่องจากเสด็จสวรรคตเสียก ่อนใน พ.ศ. ๒๔๓๗ พระราชวังแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อคือวังวินด์เซอร์ เนื่องจากมีต้นแบบทางสถาปัตยกรรมคือ พระราชวังวินด์เซอร์แห่งสหราชอาณาจักร มีชื่ออื่นอีกที่เรียกคือ วังใหม่ หรือวังกลางทุ่ง
158 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ เมื่อพิจารณาเงื่อนไขการท�ำงานที่พระวิภาคภูวดลชี้แจงต่อนายเออร์เนสต์ยัง แล้ว ถึงแม้ว ่าเขาจะไม ่เคยมีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการท�ำแผนที่ มาก่อน แต่ก็มีข้อได้เปรียบคือเขาเป็นครูชาวอังกฤษที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยและ รู้ภาษาไทย48 มีความคุ้นเคยกับนักเรียนไทยและวัฒนธรรมไทยอยู ่แล้ว มีประสบการณ์เป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ ทั้งยังแต่งต�ำราวิชาภูมิศาสตร์และ คณิตศาสตร์และเคยบริหารจัดการโรงเรียนไทยถึง ๒ แห่งจนเจริญก้าวหน้าเป็น ที่ประจักษ์ชัด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ สถานที่ใหม่ๆด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เขาจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับต�ำแหน่ง อาจารย์ใหญ่โรงเรียนแผนที่ในเวลานั้น แต่การเริ่มงานใหม่ครั้งนี้ของนายเออร์เนสต์ยัง ซึ่งเขาได้รับเงินเดือนถึง ๖๐๐ บาท สูงกว่างบประมาณเดิมส�ำหรับจ้างครูของกรมแผนที่คือ ๔๕๐ บาท49 อยู่พอสมควร ได้ก่อให้เกิดประเด็นขัดแย้งในที่ประชุมเสนาบดีสภา จนต้องกราบ บังคมทูลพระกรุณาขอพระบรมราชวินิจฉัยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู ่หัว ทั้งนี้ เมื่อนายเออร์เนสต์ ยัง ตอบรับเงื่อนไขการท�ำงานเพื่อเป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนแผนที่แล้ว ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๓๙ กระทรวงเกษตร พาณิชการจึงท�ำหนังสือกราบทูลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ ซึ่งขณะนั้นทรงด�ำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ราชเลขานุการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรม ราชานุญาต รับนายเออร์เนสต์ยัง เข้าเป็นครูโรงเรียนแผนที่50 เดือนต่อมา พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์เชิญพระราชกระแสตอบของพระบาท 48 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ก - ร. ๕ บ/๒๙ หน้า ๓๕. 49 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๓.50 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓ - ๔.
นายเออร์เนสต์ ยัง 159 พระวิภาคภูวดล (James Fitzroy McCarthy) เจ้ากรมแผนที่ ที่มา : หนังสือที่ระลึกครบรอบวันสถาปนา ๑๐๐ ปี กรมแผนที่ทหาร วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๒๘ โรงเรียนแผนที่ วังใหม่สระปทุม ที่มา : หนังสือที่ระลึกครบรอบวันสถาปนา ๑๐๐ ปี กรมแผนที่ทหาร วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๒๘
160 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “การแผนที่จ�ำต้องรู้ภาษาอังกฤษ ควรมีครู แต่จะเรียกมิสเตอร์ยังฤๅผู้หนึ่งผู้ใด เงินในงบประมาณพอ ฤๅเงินในงบประมาณ ไม่พอก็ให้ขอขึ้นใหม่ในที่ประชุม”51 เวลาผ่านไป นายเออร์เนสต์ยังก็เข้ามาท�ำงาน ที่โรงเรียนแผนที่วังใหม่ปทุมวันตามก�ำหนดต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ เมื่อมีการประชุมเสนาบดีสภาเรื่องงบประมาณ พระยาสุรศักดิ์มนตรีได้แจ้งเรื่อง การจ้างนายเออร์เนสต์ยัง ต่อที่ประชุม ปรากฏว่าที่ประชุมมีข้อถกเถียงกันว่า การที่กรมแผนที่จ้างนายเออร์เนสต์ยัง โดยให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้ง ยังสังกัดกรมศึกษาธิการ เป็นการประมูลแย่งกัน ท�ำให้เงินแผ่นดินแห่งเดียวกัน เสียมากไปโดยเหตุไม่สมควร ด้านพระยาสุรศักดิ์มนตรีโต้แย้งว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็น การประมูลแย่ง เพราะพระวิภาคภูวดลได้ไปติดต่อกับนายเออร์เนสต์ยัง ภายหลัง จากที่รู้ว่าเขาลาออกจากกรมศึกษาธิการแล้ว แต่ที่ประชุมก็ยังมีความเห็นว่า พระวิภาคภูวดลกับพระยาสุรศักดิ์มนตรีไม่มีอ�ำนาจท�ำสัญญาว่าจ้างและอนุมัติ เงินเดือนโดยที่ยังไม่ได้น�ำเรื่องเข้าที่ประชุมเสนาบดีสภาและยังไม่ได้รับพระบรม ราชานุญาต จึงมีมติให้พระยาสุรศักดิ์มนตรีท�ำหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระบรมราชวินิจฉัย52 ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัวมีพระราชหัตถเลขาตอบว ่า ทรงเห็นชอบต ่อ ข้อทักท้วงของที่ประชุมเสนาบดีสภา และทรงมีความเห็นค่อนไปทางเชื่อว่ากรม แผนที่ได้ไปเชื้อเชิญแย่งตัวนายเออร์เนสต์ยัง จากกรมศึกษาธิการ แต่เนื่องจาก เวลาได้ล่วงเลยจนนายเออร์เนสต์ยัง ท�ำการที่โรงเรียนแผนที่นานแล้ว หากบังคับ ให้เลิกเสียจะก ่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้ดังนั้น จึงมีพระบรมราชานุญาตให้จ้าง นายเออร์เนสต์ยัง ตามที่ได้ตกลงกันแล้ว53 51 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๓.52 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๕ - ๑๗, ๓๖ - ๔๕.53 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๔๘ - ๕๐.
นายเออร์เนสต์ ยัง 161 ไม่ว่าความจริงเรื่องการว่าจ้างนายเออร์เนสต์ยังเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียน แผนที่นั้น จะเป็นการประมูลแย่งตัวมา หรือเป็นการติดต่อทาบทามอย่างถูกต้อง ก็ตาม แต่การเริ่มต้นงานใหม่ครั้งนี้ก็มีเค้าลางที่ไม่สดใสเสียแล้ว เพราะได้เกิด ข้อกังขาและการติเตียนจากที่ประชุมเสนาบดีสภา และกระทั่งจากพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นายเออร์เนสต์ยัง ท�ำงานที่โรงเรียนแผนที่ ถึงเพียง พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงขอลาออกจากราชการและเดินทางกลับประเทศอังกฤษ อย ่างไรก็ตาม ในช่วงที่เขาท�ำงานที่โรงเรียนแผนที่นี้ก็ไม ่พบข้อมูลหลักฐาน เกี่ยวกับการท�ำงานในรายละเอียด ประวัติชีวิตและผลงานหลังลาออกจากการรับราชการในประเทศไทย เมื่อกลับมาที่อังกฤษ นายเออร์เนสต์ยัง ทำ� งานเป็นครูที่โรงเรียนพาร์มิเตอร์ (Parmiter’s School) ในกรุงลอนดอนช ่วงระยะเวลาสั้น ๆ และต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๔๑ ได้พิมพ์หนังสือเรื่อง “The Kingdom of the Yellow Robe” ซึ่งเป็นบันทึกความทรงจ�ำของเขาตลอดระยะเวลา ๕ ปีที่มาอยู ่อาศัยและ ท�ำงานในประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้เขาได้กลับไปสอนที่โรงเรียนจอห์น ลีออน (JohnLyon)อีกครั้งความกระตือรือร้นในการพัฒนางานด้านการศึกษาปรากฏ ให้เห็นผ่านโครงการใหม่ๆ ที่เขาเป็นผู้ริเริ่มท�ำขึ้นในโรงเรียน เช่น มีการน�ำระบบ การสอบรายเดือนที่เคยใช้ที่โรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษมาใช้ ที่โรงเรียนจอห์น ลีออน เป็นผู้สนับสนุนให้มีการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และ ภูมิศาสตร์ในโรงเรียน ริเริ่มให้ท�ำการติดต่อและเชิญบุคคลภายนอกให้มาบรรยาย เพื่อเพิ่มพูนความรู้และจัดคอนเสิร์ตแสดงดนตรีเป็นรายเดือน จัดตั้งสมาคม วิทยาศาสตร์และหอศิลป์ในโรงเรียน สนับสนุนนิสัยรักการอ่านในหมู่นักเรียนและ พัฒนาห้องสมุดของโรงเรียน นอกจากนี้เขายังกระตุ้นให้มีกิจกรรมออกค่ายและ ทัศนศึกษาอีกด้วย เขาท�ำทั้งงานการสอนและงานบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ควบคู่กันไป จนใน พ.ศ. ๒๔๔๙ ในวัย ๓๗ ปีเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนจอห์น ลีออน
162 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ A Rational Geography เป็นหนึ่งในต�ำราเรียนวิชาภูมิศาสตร์หลายเล่มที่นายเออร์เนสต์ ยัง แต่ง ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกราชสมาคมภูมิศาสตร์(Royal Geographical Society) ด้วยเป็นผู้เขียนผลงานวิชาการด้านภูมิศาสตร์ เช่น ต�ำราเรียนวิชาภูมิศาสตร์“A Rational Geography” ตลอดจนเป็นผู้บรรยาย ความรู้เกี่ยวกับวิธีการสอนภูมิศาสตร์แบบสมัยใหม่ ใน พ.ศ. ๒๔๕๔ ในวัย ๔๒ ปีเขาได้รับต�ำแหน่งใหม่เป็นอาจารย์ใหญ่ คนแรกของโรงเรียนแฮร์โรว์ เคาน์ตี้ (Harrow County School for Boys) กรุงลอนดอน เขาได้รับอนุญาตจากสภาเทศบาลเมืองแฮร์โรว์ให้มีอิสระในการ บริหารโรงเรียนตามแนวคิดและปรัชญาการศึกษาของเขาเองได้อย่างเต็มที่คือการ ศึกษาแบบสมัยใหม่ตามแนวคิดเสรีนิยม นายเออร์เนสต์ยัง ให้ความส�ำคัญสูงสุด กับการศึกษาแบบรู้รอบด้านโดยไม่จ�ำกัดเพียงความรู้ด้านวิชาการอย่างเดียวและ มุ่งเน้นให้เด็กเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองและเป็นอิสระ ซึ่งความประทับใจที่เขาได้ พบเห็นเด็กลูกชาวบ้านในสยามที่สามารถใช้ชีวิตอิสระตามล�ำพังโดยไม่ต้องมี ผู้ปกครองคอยดูแล ไม่ว่าจะเป็นการหุงหาอาหาร ตกกุ้งตกปลา หรือพายเรือ
นายเออร์เนสต์ ยัง 163 ไปไหนมาไหนเอง ดังที่เขาได้บรรยายไว้ในหนังสือ The Kingdom of the Yellow Robe54 น่าจะมีส่วนสนับสนุนแนวคิดด้านการศึกษาของเขาในเรื่องนี้อยู่ ไม่มากก็น้อยในช่วงเวลาเดียวกันนี้ขบวนการลูกเสือที่ริเริ่มโดยลอร์ดเบเดน โพเอลล์ (Robert Baden-Powell, 1st Baron Baden-Powell) ก�ำลังได้รับความนิยม แพร่หลายในอังกฤษ ซึ่งหลักการของขบวนการลูกเสือที่มุ่งเน้นการฝึกให้เด็กพึ่งพา ตนเองได้เป็นผู้น�ำและช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีต่อไป โดยผ่าน การเรียนรู้ทักษะที่จ�ำเป็นและฝึกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองในสภาพแวดล้อม ธรรมชาตินั้น นับว่าสอดคล้องกับแนวคิดด้านการศึกษาของนายเออร์เนสต์ยัง อย่างมาก เขาจึงได้ตั้งชุมนุมลูกเสือของโรงเรียนขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๕๔ และเป็น ผู้บังคับบัญชาลูกเสือคนแรกของโรงเรียน สามปีต่อมาเขาก็ได้รับแต่งตั้งโดยสมาคม ลูกเสือให้เป็นผู้สอบเครื่องหมายวู้ดแบดจ์(Wood Badge)ส�ำหรับผู้บังคับบัญชา ลูกเสือ และต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๙ ก็พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการฝึกหัดวิชาลูกเสือ เรื่อง “How to Run a Troop” ในช่วงปีท้าย ๆ ของการท�ำงานที่โรงเรียนแฮร์โรว์เคาน์ตี้นายเออร์เนสต์ ยัง ได้เข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายที่ MiddleTempleซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ส�ำนักอบรม ศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาอังกฤษ และสำ� เร็จการศึกษาใน พ.ศ. ๒๔๕๙ แต่เมื่อเรียนจบแล้วเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพด้านกฎหมายแต่อย่างใด นอกจากนี้เขายังเป็นผู้สมัครชิงต�ำแหน ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ลิเบอรัล (Liberal Party) ประจ�ำเขตแฮมเมอร์สมิธ นอร์ธ (Hammersmith North) ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ แต่ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้ง และ ในปีถัดมาคือ พ.ศ. ๒๔๖๒ นายเออร์เนสต์ยัง ในวัย ๕๐ ปีได้ลาออกจากการเป็น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนแฮร์โรว์เคาน์ตี้ 54 เออร์เนสต์ยัง, ราชอาณาจักรแห่งกาสาวพัสตร์, หน้า ๕๕ - ๕๘, ๑๐๐ - ๑๐๑.
164 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ หลังจากลาออกจากต�ำแหน ่งอาจารย์ใหญ ่โรงเรียนแฮร์โรว์ เคาน์ตี้ นายเออร์เนสต์ยังได้ทำ� งานอยู่ในคณะกรรมการด้านการศึกษาของสภาเทศมณฑล มิดเดิลเซ็กส์(Middlesex County CouncilEducation Committee) โดยดำ�รง ต�ำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการด้านการอุดมศึกษา (Assistant Secretary for Higher Education)จนกระทั่งเกษียณอายุใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ในช่วงเวลาที่เขาท�ำงานที่สภา เทศมณฑลมิดเดิลเซ็กส์นั้น เขาได้แต่งต�ำราภูมิศาสตร์ขึ้นอีกหลายเล่ม ทั้งที่เขียน เองคนเดียวและเขียนร่วมกับนักวิชาการท่านอื่น และยังคงท�ำงานให้กับสมาคม ลูกเสือ โดยเป็นบรรณาธิการให้กับนิตยสารของสมาคมลูกเสือ “The Scouter” ในวัยเกษียณนายเออร์เนสต์ยังได้มีโอกาสเดินทางไปยังทวีปอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้และเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางของตนอีก ๓ เล่ม ได้แก่ South American Excursion (พ.ศ. ๒๔๘๒), North American Excursion (พ.ศ. ๒๔๙๐) และ West of the Rockies (พ.ศ. ๒๔๙๒) ทั้งนี้ นายเออร์เนสต์ยัง ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางของเขาใน ต่างประเทศอีกหลายเล่ม อาทิPeeps at Many Lands : Siam (พ.ศ. ๒๔๕๑), Peeps at Many Lands : Corsica (พ.ศ. ๒๔๕๒), Finland: The Land of a Thousand Lakes (พ.ศ. ๒๔๕๕), From Russia to Siam, with a voyage down the Danube (พ.ศ. ๒๔๕๗) เป็นต้น
นายเออร์เนสต์ ยัง 165 ชีวิตส่วนตัว นายเออร์เนสต์ยัง เติบโตในประเทศอังกฤษ ในยุคสมัยที่จักรวรรดิอังกฤษ ก�ำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุดเป็นมหาอำ� นาจทั้งด้านเศรษฐกิจเทคโนโลยีและการทหาร มีดินแดนอาณานิคมกระจายอยู่ทั่วโลกดังนั้น โดยทั่วไปสังคมชาวอังกฤษในเวลานั้น จึงเป็นสังคมที่มีความภาคภูมิใจและเชื่อมั่นในวัฒนธรรมและเชื้อชาติของตน อย่างยิ่ง แต่นายเออร์เนสต์ยัง นั้นแตกต่างจากคนอื่น ความใจกว้าง มีเหตุผล เคารพความแตกต่างทางความคิดและวัฒนธรรมของผู้อื่น เป็นลักษณะนิสัยที่เด่นชัด ของนายเออร์เนสต์ยัง ซึ่งปรากฏผ่านข้อเขียนของเขาในหนังสือ The Kingdom of the Yellow Robe ความตอนหนึ่งว่า “...แต่การจะตัดสินด้วยความยุติธรรมหรือการบอกว่าประเทศใด ขาดแคลนคุณความดีในเรื่องใดนั้นไม่ใช่ของง่าย เพราะไม่ว่าจะ เป็นการเปรียบเทียบในแง่ของหลักประพฤติปฏิบัติหรือในแง่ของ สังคมก็ตาม ก็มีความยุ่งยากในการก�ำหนดมาตรฐานการวัด หลัก ประพฤติปฏิบัตินั้นไม่อาจวัดด้วยตาชั่งหรือไม้บรรทัด สิ่งที่น่า ต�ำหนิติเตียนในประเทศหนึ่งอาจกลายเป็นสิ่งที่อย่างน้อยก็ยอม อภัยกันได้ในอีกประเทศหนึ่งตัวอย่างเช่น ผลกระทบของสภาพ ภูมิอากาศต ่อวิถีความประพฤติของชนชาติในประเทศ เขตหนาว คนที่ไม่ได้เกิดมาร�่ำรวยก็จะต้องท�ำงานหรือมิฉะนั้น ก็ต้องอดอยาก ดังนั้นจึงเกิดประเทศอย่างที่เรียกว่าประเทศ พัฒนาแล้วซึ่งมีความทะเยอทะยาน เจริญรุ่งเรืองและอยู่กับหลัก ความจริงแต่ในประเทศเขตอบอุ่นและอุดมสมบูรณ์ซึ่งพืชพรรณ ธัญญาหารเจริญงอกงามให้เก็บกินได้เอง และดินก็มีความอุดม สมบูรณ์พร้อมหล่อเลี้ยงชีวิตในขณะที่แสงอาทิตย์และสายฝนก็
166 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ท�ำหน้าที่เป็นแรงงานทางการเกษตรเกือบทั้งหมดที่จ�ำเป็นแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนไม่มีความทะยานอยากที่จะ ท�ำงานท�ำการและดังนั้นจึงไม่สมควรนักที่จะกล่าวหาว่าพวกเขา ขี้เกียจตามความหมายของค�ำนี้อันเป็นที่เข้าใจและยอมรับ ทั่วกัน...”55 การรับฟังค�ำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นด้วยท ่าทีที่เปิดกว้าง เป็นอีก คุณลักษณะหนึ่งของนายเออร์เนสต์ยัง โดยครั้งหนึ่งเมื่อนายเจมส์แฟร์กรีฟ (James Fairgrieve) นักภูมิศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ฟังการบรรยายเรื่องภูมิศาสตร์ ของนายเออร์เนสต์ ยัง แล้ว เขาได้แสดงความเห็นคัดค้านอย ่างรุนแรงต ่อ นายเออร์เนสต์ยัง ทว่าเมื่อจบการอภิปราย นายเออร์เนสต์ยัง ได้เข้ามาหาเขา พร้อมสัมผัสมือด้วยมิตรไมตรีกับนายเจมส์แฟร์กรีฟ และกล่าวว่าเขายินดีที่ได้ ท�ำความรู้จักกับนายเจมส์แฟร์กรีฟ56 ต่อมาทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดี ต่อกัน อีกทั้งยังร่วมกันเขียนต�ำราภูมิศาสตร์หลายเล่ม 55 เรื่องเดียวกัน, หน้า ๓๕๐.56 James Fairgrieve, “OBITUARY: Ernest Young—1869-1952,” Geography, 37, 2, (April 1952) : 104 - 105. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.jstor. org/stable/40564778 [๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔]
นายเออร์เนสต์ ยัง 167 นอกจากนี้ นายเออร์เนสต์ยัง เป็นผู้ที่มีกิริยาอัธยาศัยดี57 ไม่มักโกรธ และผูกมิตรกับผู้คนในทุก ๆ ที่ที่เขาไป58 เขาชอบการเดินทางเพื่อเรียนรู้ ประสบการณ์ใหม่ๆ และตลอดชีวิตของเขามีการเดินทางไกลอยู่เสมอ เมื่อครั้งที่ นายเออร์เนสต์ยัง รับราชการเป็นครูโรงเรียนพระต�ำหนักสวนกุหลาบนั้น เขาได้ 57 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ก - ร. ๕ บ/๒๙ หน้า ๓.58 James Fairgrieve, “OBITUARY: Ernest Young - 1869-1952,” Geography, 37, 2 : 104 - 105. “The Kingdom of the Yellow” เป็นผลงานเขียนของนายเออร์เนสต์ ยัง ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยเรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์การใช้ชีวิตเป็นเวลา ๕ ปี ในประเทศไทย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ กรมศิลปากร โดยส�ำนักวรรณกรรมและ ประวัติศาสตร์ แปลเป็นภาษาไทยและจัดพิมพ์เป็นหนังสือเรื่อง “ราชอาณาจักรแห่งกาสาวพัสตร์” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๔
168 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ รู้จักกับนายเอ็ดวิน นอร์เบอรี(Edwin Arthur Norbury) จิตรกรชาวอังกฤษที่ เข้ามารับราชการเป็นช่างเขียนหลวง ทั้งสองคนได้ร่วมเดินทางไกลไปด้วยกันใน หลายๆโอกาสและนายเอ็ดวิน นอร์เบอรีก็เป็นผู้วาดภาพประกอบในหนังสือของ นายเออร์เนสต์ยัง หลายเล่ม เช่น The Kingdom of the Yellow Robe และ หนังสือชุดPeeps at ManyLands :Siam, Corsica นอกจากทั้งสองคนจะเป็น เพื่อนสนิทกันแล้ว นายเออร์เนสต์ยังก็เป็นบุตรเขยของนายเอ็ดวิน นอร์เบอรีด้วย เขาได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวเมย์นอร์เบอรี(May Josephine Norbury) บุตรีของนายเอ็ดวิน นอร์เบอรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๗59 ที่สถาน กงสุลอังกฤษในกรุงเทพฯ ทั้งคู ่ไม ่มีบุตรด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องน ่าเศร้าส�ำหรับ นายเออร์เนสต์ยัง เพราะเขาเป็นคนรักเด็ก นายเออร์เนสต์ยังเริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้น และเสียชีวิต ในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๔๙๕60 สิริอายุ ๘๒ ปี ในบรรดาครูชาวต่างประเทศที่ได้เข้ามารับราชการในประเทศไทยสมัย รัชกาลที่ ๕ นั้น มีหลายคนที่ได้เจริญเติบโตในหน้าที่ราชการและสร้างคุณูปการ มากมายให้แก่ประเทศไทยในด้านการศึกษาตามแบบสมัยใหม่ หากนายเออร์เนสต์ยัง ซึ่งเป็นปัญญาชนผู้มีความรู้ความสามารถสูง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีความ กระตือรือร้นในงานด้านการศึกษาอย่างแรงกล้าตัดสินใจที่จะอยู่รับราชการต่อใน ประเทศไทยก็คงจะเป็นครูชาวต่างประเทศอีกผู้หนึ่งที่จะเป็นที่เคารพจดจ�ำในใจ ของลูกศิษย์ชาวไทยและสร้างประโยชน์อันยวดยิ่งให้แก่การศึกษาในประเทศไทย อย่างไม่ต้องสงสัยเลย 59 General Register Office, UK, “Certified copy of an entry of marriage for Ernest Young,” 2 April 1894 (application number 12572867-1).60 James Fairgrieve, “OBITUARY: Ernest Young- 1869-1952,” Geography, 37, 2 : 104-105. กมลทิพย์ ชัยศุภมงคลลาภ
นายเออร์เนสต์ ยัง 169 บรรณานุกรม การฝึกหัดครู, กรม. ๑๐๐ ปีการฝึกหัดครูไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, ๒๕๓๘. ด�ำรงราชานุภาพ,สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยา. ต�ำนานโรงเลี้ยงเด็กของพระอัคร ชายาเธอฯ. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๒. (พระโสภณอักษรกิจ (เล็ก สมิตะสิริ) พิมพ์ถวาย เจ้าภาพในงานพระศพสนองคุณ พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา เมื่อพระศพครบศตมวาร ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๒). _________ ___ .สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เสด็จทวีปยุโรป พ.ศ. ๒๔๓๔. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๕๑๑. (พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าดิศศานุวัติดิศกุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๑). บรมบาทบ�ำรุง, พระยา และคนอื่น ๆ. ประวัติกระทรวงเกษตราธิการ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๘๔. (ข้าราชการกระทรวง เกษตราธิการพิมพ์ช่วยในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพลเอก เจ้าพระยา วงษานุประพัทธ์ (ม.ร.ว.สท้าน สนิทวงศ์) วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส). แผนที่ทหาร,กรม. ที่ระลึกครบรอบวันสถาปนา ๑๐๐ ปีกรมแผนที่ทหาร ๒๕๒๘ ๓ กันยายน ๒๕๒๘. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหาร, ๒๕๒๘. วิลาส นิรันดร์สุขศิริ. รอเบิร์ต แอล. มอรันต์ครูฝรั่งที่ประวัติศาสตร์ไทยไม่อยากเอ่ยถึง (ตอน ๑). ศิลปวัฒนธรรม ๒๙, ๓ (มกราคม ๒๕๕๑) : ๑๓๙ - ๑๕๑. วุฒิชัย มูลศิลป์.การปฏิรูปการศึกษาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ:ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๗. (คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในโอกาสที่วันพระบรมราชสมภพ ครบ ๑๕๐ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๖). ศัลวิธานนิเทศ, พลโท พระยา. แผนที่. ใน สารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราช ประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม ๑๒, หน้า ๓๕๑ - ๓๙๑. พิมพ์ ครั้งที่ ๔.กรุงเทพฯ: โครงการสารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ๒๕๓๘. สมหมายวัฒนะคีรีและคนอื่น ๆ. ต�ำนานสวนกุหลาบ สวนกุหลาบวิทยาลัยใน 12 ทศวรรษ. กรุงเทพฯ : บพิธการพิมพ์, ๒๕๓๘.
170 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ส�ำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. ประวัติครู๑๖ มกราคม ๒๕๐๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๐๑. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เบ็ดเสร็จศึกษาธิการ ม.ร. ๕ ศ ๑/๓ เรื่อง ราชการในกรมศึกษา ปี ๑๒๕๐-๑๐๘- ๑๐๙ _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เบ็ดเสร็จศึกษาธิการ ม.ร. ๕ ศ ๑/๗ เรื่องรายงานเวรรายงานจ�ำนวนพนักงานในสังกัดกรมศึกษาธิการ ร.ศ. ๑๐๙ _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เบ็ดเสร็จศึกษาธิการ ม.ร. ๕ ศ ๑/๑๙ เรื่อง เบ็ดเตล็ดเรื่องต่าง ๆ (๖ ส.ค. ร.ศ. ๑๑๐ - ๑๒ ต.ค. ร.ศ. ๑๑๙) _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เบ็ดเสร็จศึกษาธิการ ม.ร. ๕ ศ ๑/๒๔ เรื่อง รายงานกรมศึกษาธิการ ร.ศ. ๑๐๙ (พ.ศ. ๒๔๓๓) _________ ___ .เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ เบ็ดเตล็ด ก - ร. ๕ บ/๒๙ เรื่อง มร.ยัง (ครูโรงเรียนกรมแผนที่) (๖ มี.ค. ร.ศ. ๑๑๔ - ๗ ก.ย. ร.ศ. ๑๑๕) _________ ___ .เอกสารกองกลางส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย)ศธ ๕๐.๑๖/๓ เรื่อง มิสเตอร์ยังครูอังกฤษขอแก้เวลาสอน (๑๒ เม.ย. - ๙ มิ.ย. ๒๔๓๖) _________ ___ .เอกสารกองกลางส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ศธ ๕๐.๑๖/๗ เรื่อง มิสเตอร์ยัง อาจารย์ใหญ่โรงเรียน พระต�ำหนักสวนกุหลาบ รายงานเรื่องต่าง ๆ (๓ ก.ค. - ๑๑ ส.ค. ๒๔๓๖) _________ ___ .เอกสารกองกลางส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ศธ ๕๐.๑๖/๑๐ เรื่อง มิสเตอร์แซนเดอร์สันและ มิสเตอร์ยัง ร้องว่านักเรียนไทยอึกทึก (๗ - ๒๑ ส.ค. ๒๔๓๖) _________ ___ .เอกสารกองกลางส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ศธ ๕๐.๑๖/๑๓ เรื่อง มิสเตอร์ยังส่งรายงานการเล่าเรียน (๒๓ ก.ย. - ๔ ต.ค. ๒๔๓๖) _________ ___ .เอกสารกองกลางส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนในมณฑลกรุงเทพฯ (สวนกุหลาบวิทยาลัย) ศธ ๕๐.๑๖/๒๓ เรื่อง มิสเตอร์ยอห์นสันขอให้มีค�ำสั่ง จ่ายเงินเดือนตุลาคม ศก ๑๑๓ เป็นเงิน ๓๐๐ บาท (๗ พ.ย. ๒๔๓๗)
นายเออร์เนสต์ ยัง 171 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียน ฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) ศธ ๕๓.๑/๑ เรื่อง ส�ำเนาสัญญามิสเตอร์ ครินดรอด (๑๕ พ.ค. - ๑ ม.ค. ๒๔๓๕) _________ ___ .เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู(โรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์) ศธ ๕๓.๑/๒ เรื่อง เรือนปั้นหยา (ตึกปั้นหยา) ในสวนสมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร หน้าโรงเลี้ยงเด็กเป็นโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ แลกลาโหมให้มิสเตอร์การ์ตองอยู ่ แลส่งที่รายนี้คืนแก ่กระทรวงนี้แล้ว แลตรวจสิ่งของในเรือนปั้นหยา (๒๓ มิ.ย. ๒๔๓๕ - ๑๓ พ.ย. ๒๔๔๐) _________ ___ .เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู(โรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์) ศธ ๕๓.๑/๘ เรื่อง สัญญานักเรียนฝึกหัดอาจารย์แลเงินเดือน (๑๔ มิ.ย. - ๑๔ ก.ย. ๒๔๓๗) _________ ___ .เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์) ศธ ๕๓.๑/๑๐ เรื่อง ขอนายสนั่นเป็นครูผู้ช ่วย แลขอรูปภาพแผนที่ส�ำหรับนักเรียน ขอตั้งหอสมุดที่โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ (๒๗ ก.ค. - ๖ ส.ค. ๒๔๓๗) _________ ___ .เอกสารกองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนฝึกหัดครู(โรงเรียน ฝึกหัดอาจารย์) ศธ ๕๓.๑/๑๒ เรื่อง พิมพ์ต�ำราเลขแลหนังสืออ ่าน ที่ห้าง แค็ซเซ็ลบริษัทลอนดอน (๒๙ ก.ย. - ๒๗ พ.ย. ๒๔๓๗) เออร์เนสต์ยัง. ราชอาณาจักรแห่งกาสาวพัสตร์, แปลโดย กมลทิพย์ชัยศุภมงคลลาภ. กรุงเทพฯ : ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์กรมศิลปากร, ๒๕๖๔ Fairgrieve, J. OBITUARY: Ernest Young—1869-1952. Geography 37, 2, (April 1952) : 104 - 105. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.jstor.org/stable/ 40564778 [๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔] Frost, S. Ernest Young - He set the world within these walls. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.jeffreymaynard.com/Harrow_County/ Ernest%20Young%20article.doc [๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔]. General Register Office, UK. Certified copy of an entry of marriage for Ernest Young, 2 April 1894 (application number 12572867-1).
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน (Arthur John Alexander Jardine) อธิบดีกรมกองตระเวน ในสมัยรัชกาลที่ ๕
174 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ส ่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศนั้นมาจากชาวต ่างประเทศผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ได้รับการว่าจ้างให้มาเป็นที่ปรึกษาหรือเข้ารับราชการ สังกัดหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งมีบทบาทให้ค�ำแนะน�ำ วางรากฐาน และปฏิบัติงาน ให้บรรลุตามเป้าหมายตลอดจนถ่ายทอดความรู้แก่คนไทยเพื่อการด�ำเนินงาน อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การปรับปรุงกิจการต�ำรวจซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของ บ้านเมืองให้มีความทันสมัยตามแบบอย ่างประเทศตะวันตกเริ่มในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “กองโปลิศ คอนสเตเบิล” (Police Constable) โดยว่าจ้างชาวอังกฤษเป็นผู้วางรากฐาน ในการจัดตั้งกองก�ำลัง มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน อย่างไรก็ดีการพัฒนาหน่วยงานยังไม่เป็นที่เรียบร้อยเนื่องจากก�ำลังพลในการ ปฏิบัติงานไม ่เพียงพอและส ่วนใหญ ่เป็นชาวมลายูและชาวอินเดีย จึงประสบ ปัญหาเรื่องการใช้ภาษาอันเป็นอุปสรรคส�ำคัญในการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ กับประชาชนในขณะนั้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ขยาย หน้าที่ความรับผิดชอบของกองโปลิศคอนสเตเบิลให้ครอบคลุมทั้งมณฑลกรุงเทพฯ และพระราชทานนามใหม่ว่า“กองโปลิศ”ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “กองตระเวน” การติดต่อกับชาติตะวันตกท�ำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเจริญ สมัยใหม ่และเป็นที่ยอมรับของอารยประเทศ โดยก�ำลังส�ำคัญ
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 175 และ“กรมกองตระเวน”1 พร้อมกับการจัดระบบงานใหม่ตามพระราชด�ำริในการ ปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินที่แบ่งส่วนราชการเป็นกระทรวงต่าง ๆ กรมกองตระเวนจึงขึ้นกับกระทรวงนครบาล โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ นเรศรวรฤทธิ์2 บังคับการต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนครบาล 1 พ.ศ. ๒๔๕๗ เปลี่ยนเป็น “กรมพลตระเวน”ต่อมาวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ รวมเข้ากับกรมต�ำรวจภูธรเรียกว่า“กรมต�ำรวจภูธรและกรมพลตระเวน”และในปลายปีนั้น ได้เปลี่ยนเป็น “กรมต�ำรวจภูธรและกรมต�ำรวจนครบาล” ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้รวมกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงนครบาลเป็นกระทรวง เดียวกัน เรียกว่า กระทรวงมหาดไทย กรมต�ำรวจภูธรและกรมต�ำรวจนครบาล จึงโอนมา ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย และใน พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้เปลี่ยนนามเป็น “กรมต�ำรวจภูธร” แต่ยังคงแบ่งต�ำรวจออกเป็น ๒ ประเภท คือ ต�ำรวจที่จับกุมโจรผู้ร้ายไต่สวน ท�ำส�ำนวน ฟ้องศาลโปลิศสภาโดยตรง เรียกว่า “ต�ำรวจนครบาล” (ส่วนต�ำรวจที่ท�ำการจับกุมโจรผู้ร้าย ได้แล้วส่งให้อ�ำเภอไต่สวนท�ำส�ำนวนให้อัยการฟ้องศาลอาญาประจ�ำจังหวัดนั้น ๆ เรียกว่า “ต�ำรวจภูธร”)จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๗๕ จึงได้เปลี่ยนนามเป็น “กรมตำ�รวจ”และใน พ.ศ. ๒๕๔๑ ปรับโอนจัดตั้งเป็น “ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ”2 พระนามเดิม พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดากลิ่น พระสนมเอก เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๘ ในรัชกาลที่ ๕ ทรงรับราชการมีต�ำแหน่งในออดิตออฟฟิศ พนักงานตรวจบัญชี เงินพระคลัง ทรงรับหน้าที่จัดการสร้างพระที่นั่งและพระราชวังบางปะอิน ต่อมา พ.ศ. ๒๔๑๘ ทรงสถาปนาเป็นพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ์โปรดให้เป็นราชทูตสยามประจ�ำ กรุงลอนดอนและสหรัฐอเมริกาครั้น พ.ศ. ๒๔๒๙ เป็นคอมมิตตีผู้ ๑ ใน ๔ บังคับการต�ำแหน่ง เสนาบดีกรมพระนครบาล เมื่อตั้งเป็นกระทรวงนครบาล ใน พ.ศ. ๒๔๓๕ ได้เป็นเสนาบดี กระทรวงนครบาล ต่อมา พ.ศ. ๒๔๓๗ เป็นรัฐมนตรีแล้วเลื่อนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔ ๒ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๕๐ เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ในรัชกาลที่ ๖ โปรดให้เป็นผู้จัดการพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบัญชาการสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง พ.ศ. ๒๔๕๔ ทรงสถาปนาเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เป็นสมุหมนตรีและเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร เป็นเสนาบดีที่ปรึกษา สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ พระชันษา ๗๑ ปีเป็นต้นราชสกุล กฤดากร ณ อยุธยา
176 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ด้วยทรงตระหนักถึงก�ำลังส�ำคัญในการปรับปรุงหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ จึงกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องพิจารณาการว่าจ้างชาวต่างประเทศ เข้ามารับราชการเพื่อปรับปรุงกรมกองตระเวนตามแนวทางอย่างประเทศตะวันตก ใน พ.ศ. ๒๔๔๐3 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้จ้างนาย เอ. เจ. เอ. จาร์ดีน4 (A. J. A. Jardine) ข้าราชการ กองตระเวนชาวอังกฤษประจ�ำกองตระเวนพม่าเข้ามารับราชการในต�ำแหน่งอธิบดี กรมกองตระเวน บังคับการรักษากรุงเทพฯ ชั้นใน รับผิดชอบตรวจตรารักษา ความสงบเรียบร้อย ปราบปรามโจรผู้ร้าย ตลอดจนถ่ายทอดความรู้และฝึกหัด ข้าราชการกรมกองตระเวนให้พัฒนาสู่ระบบสากลมากขึ้น นายจาร์ดีนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยอุตสาหะ ใช้ความรู้ความช�ำนาญ ตลอดจนประสบการณ์ของตนด�ำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆโดยนำ� หลักการ บริหารสมัยใหม่เข้ามาพัฒนาบุคลากรของกรมกองตระเวนให้มีศักยภาพเป็นที่ ยอมรับและได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากประชาชน การรับราชการของนาย จาร์ดีนจึงส่งผลให้กรมกองตระเวนเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก และเป็นส่วนหนึ่ง ของการวางรูปแบบกิจการต�ำรวจนครบาลให้เป็นมาตรฐานสืบต่อมาจนปัจจุบัน 3 เทียบจากปีคริสต์ศักราช ๑๘๙๗ 4 มีชื่อปรากฏในเอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเช่น ยาร์ไดน์ยาร์ดิน ยารดิน ยาร์ดีน
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 177 ประวัติส่วนตัวและการเข้ารับราชการในประเทศไทย นาย เอ. เจ. เอ. จาร์ดีน นายกองตระเวนชาวอังกฤษ มีนามเต็มว ่า นายอาร์เธอร์จอห์น อเล็กซานเดอร์จาร์ดีน (Arthur John Alexander Jardine) เริ่มท�ำงานสังกัดกรมกองตระเวนประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๒5 นอกจากเป็นผู้มีความรู้ความช�ำนาญในกิจการกองตระเวนแล้ว เขายังสามารถสอบผ่านการสอบภาษาตะวันออกสาขาภาษามราฐี6 ระดับสูงได้7 (OrientalLanguage- Marathi)ต่อมาย้ายเข้ารับราชการในกรมกองตระเวนพม่า เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๐ และได้รับเลื่อนต�ำแหน่งสูงขึ้นตามล�ำดับ จนกระทั่งประจ�ำที่สถานีผาปูนเมืองพม่า โดยได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เป็น เจ้ากรมแขวง เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๐ และได้รับมอบอ�ำนาจพิเศษ เป็นผู้พิพากษาศาลแขวง ท�ำหน้าที่พิพากษาคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ในเมืองเชียงใหม่ล�ำปาง และล�ำพูนในประเทศไทย สืบเนื่องจากที่รัฐบาลไทยเล็งเห็นความจ�ำเป็นในการเลือกจ้างชาว ต่างประเทศเพื่อจัดการและปรับปรุงกิจการกองตระเวน กระทรวงการต่างประเทศ จึงท�ำหนังสือติดต ่อไปยังรัฐบาลอังกฤษที่อินเดียเพื่อขอยืมตัวและจ้าง นายกองตระเวนเข้ามารับราชการในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่มีก�ำหนดระยะเวลา สัญญาจ้าง ๑ - ๕ ปี ทั้งนี้รัฐบาลอังกฤษที่อินเดียได้แนะน�ำข้าราชการ กรมกองตระเวนชาวอังกฤษประจ�ำกองตระเวนประเทศพม่าให้รัฐบาลไทยพิจารณา 5 “Mr. A. J. A. Jardine,” The Straits Times (2 October 1914): 2.6 ภาษาราชการภาษาหนึ่งที่ใช้ในประเทศอินเดีย อยู่ในกลุ่มภาษาอินโด - อารยัน (Indo - Aryan) พัฒนามาจากภาษาสันสกฤต7 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร. ๕ น. ๘.๒ก/๕ เอกสารกระทรวงนครบาลรัชกาลที่ ๕ เรื่อง จ้างมิสเตอร์เอ, เย, เอ,ยารดินรับราชการในกรมกองตระเวน (๔ มี.ค. ๑๑๔ - ๒๓ มิ.ย. ๑๑๗)
178 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เมื่อครั้งทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงนครบาล (จากด้านซ้ายประทับพระเก้าอี้ที่ ๕) ฉายพระรูปร่วมกับข้าราชการกรมกองตระเวน ที่มา: หนังสือ Twentieth Century Impressions of Siam: Its History, People, Commerce, Industries, and Resources
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 179 คัดเลือกดังปรากฏในส�ำเนาหนังสือ8 ที่นายดับเบิลยู. เจ.อาเชอร์(W. J. Archer) อุปทูตอังกฤษประจ�ำกรุงเทพฯ กราบทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา เทวะวงศ์วโรปการ9 ทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศในขณะนั้น เสนอรายชื่อข้าราชการมาจ�ำนวน ๓ ราย ดังนี้10 ๑. นายจาร์ดีน (Jardine) อายุ ๓๖ ปีอัตราเงินเดือน ๑,๐๐๐ ปอนด์ ต่อปีรับราชการมาเป็นเวลา ๑๘ ปี ๒. นายชิสฮอม (Chisholm) อายุ ๓๓ ปีอัตราเงินเดือน ๙๐๐ ปอนด์ ต่อปีรับราชการมาเป็นเวลา ๑๕ ปี ๓. นายบาร์เนส (Barness) อายุ ๓๘ ปีอัตราเงินเดือน ๘๐๐ ปอนด์ ต่อปีรับราชการมาเป็นเวลา ๑๑ ปี นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษที่อินเดียแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาล ไทยได้ตกลงว ่าจ้างข้าราชการรายใดแล้วจะต้องจ ่ายเงินแก ่ผู้ที่ได้รับคัดเลือก เป็นเงินค่าตอบแทนด้านบริการต่างประเทศและเงินช่วยเหลือเป็นค่าเดินทาง เพิ่มเติมจากเงินเดือนในแต่ละปีด้วย 8 เรื่องเดียวกัน. 9 พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว ประสูติแต่ สมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๐๑ ในรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๒๔ ทรงสถาปนาเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรประการ พ.ศ. ๒๔๒๘ เป็นเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ พ.ศ. ๒๔๒๙ เลื่อนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการในรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระเทวะวงศ์ วโรปการ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นสมุหมนตรีแล้วเลื่อนเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พ.ศ. ๒๔๕๙ สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ พระชันษา ๖๖ ปี เป็นต้นราชสกุลเทวกุล ณ อยุธยา10อนุ เนินหาด, พ.ต.อ., กรมกองตระเวนมณฑลกรุงเทพฯ (เชียงใหม่: วนิดา การพิมพ์, ๒๕๖๓), หน้า ๙๔.
180 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ขณะทรงด�ำรงต�ำแหน่งเสนาบดี กระทรวงนครบาลเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นและคัดเลือกจ้างนายกองตระเวน ดังกล่าว ครั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ทรงพิจารณาแล้วจึง กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องเหตุผลของการจ้าง นายกองตระเวนเมืองพม่าเข้ามาบังคับการกองตระเวนฝ่ายกองรักษาส่วนชั้นใน เป็นล�ำดับแรก เนื่องจากมีหน้าที่ราชการมากกว่ากองอื่น ๆ อีกทั้งต้องรับผิดชอบ งานที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างประเทศจ�ำนวนมาก โดยพิจารณาคัดเลือกจ้างหนึ่งคน คือ นายจาร์ดีน ในต�ำแหน่งเจ้ากรมกองตระเวนรักษาชั้นใน กรุงเทพฯ ทั้งนี้เพื่อ ไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์และป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ความว่า “...เมื่อได้คนเคยรักษาการแขวงพม่ามารับราชการแล้วจะได้ หาฤๅกับแก้ไขจัดการรักษาให้ดีน่าจะเปนประโยชน์แต่เมื่อคิดถึง เงินเดือนที่เรียกมานั้นแล้วก็อยู่ข้างมากนักถ้าไม่ได้จัดการแขวง ให้เปนประโยชน์ขึ้นได้ก็จะอยู่... จึ่งคิดด้วยเกล้าฯ ว่า ถ้าจะ ไม่ให้เปนการพลั้งพลาด จะเรียกมาแต่คนที่ ๑ คนเดียวก่อน คือ มิสเตอยาร์ไดน์(Mr. Jardine) ให้มาฉลองพระเดชพระคุณ ในต�ำแหน่งที่เจ้ากรมกองตระเวนฝ่ายกองรักษาส่วนชั้นใน ที่หมายเลข ๒ นั้นก่อน แลไล่เรียงหาฤๅการจัดแขวงฟังดูความ ด�ำริห เมื่อเหนว่าจ�ำจะต้องเรียกอีกคนหนึ่งจะเปนประโยชน์ แก่ราชการดีจึ่งควรเรียกต่อไปครั้งหลังอีกเช่นนั้นก็ได้...”11 11 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร. ๕ น. ๘.๒ก/๕ เอกสารกระทรวงนครบาลรัชกาลที่ ๕ เรื่องจ้างมิสเตอร์เอ, เย, เอ, ยารดินรับราชการในกรมกองตระเวน (๔ มี.ค. ๑๑๔ - ๒๓ มิ.ย. ๑๑๗)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 181 เมื่อนายจาร์ดีนสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่สังกัดกองตระเวนพม่าแล้วจากนั้น ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ จึงเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับราชการ ในต�ำแหน่งผู้บังคับการหรือจางวางกรมกองตระเวน (Commissioner) ตาม รายละเอียดข้อตกลงในการว ่าจ้างคือ ได้รับเงินเดือนปีละ ๑,๐๐๐ ปอนด์ ค่าเดินทางตรวจราชการปีละ ๒๐๐ ปอนด์รวมทั้งเงินค่าตอบแทนเป็นเงินเบี้ย บ�ำนาญ (Pension Contribution) เป็นบ�ำเหน็จรางวัลจากรัฐบาลไทยเขาเข้ารับ หน้าที่ต ่อจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ซึ่งทรงรักษาการ ในต�ำแหน่งนี้ตั้งแต่ครั้งปรับปรุงกรมกองตระเวน พ.ศ. ๒๔๓๓ โดยมีพิธีรับมอบงาน ต�ำแหน่งผู้บังคับการกรมกองตระเวน เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐12 ต ่อมานายจาร์ดีนได้ชักชวนนายกองตระเวนจากรัฐบาลอังกฤษที่อินเดีย อีกหลายคนเข้ามาร่วมพัฒนางานกรมกองตระเวนในส่วนต่าง ๆ ด้วย ผลงานส�ำคัญของนายจาร์ดีนในกิจการกรมกองตระเวน การปรับปรุงกรมกองตระเวนในระยะแรกยังไม ่เป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจากปัญหาและอุปสรรคหลายประการทั้งในเรื่องอ�ำนาจหน้าที่ของพลตระเวน การขาดแคลนบุคลากรที่จะมาเป็นพลตระเวนและขาดการอบรมลักษณะการเป็น พลตระเวนที่ดีและมีคุณภาพ ความไม่เข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนส่งผล ให้ขาดความร่วมมือในการท�ำงาน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้กรมกองตระเวนจึงต้องปรับ วิธีการด�ำเนินงานให้เป็นหน่วยงานที่มีการปฏิบัติงานที่น่าเชื่อถือไว้วางใจและมี มาตรฐานยิ่งขึ้น เมื่อนายจาร์ดีนเข้ามารับต�ำแหน่งผู้บังคับการกรมกองตระเวน 12 รสสุคนธ์ จรัสศรี, “บทบาทข้าราชการชาวต่างประเทศในกรมต�ำรวจสมัย สมบูรณาญาสิทธิราชย์,” (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๐), หน้า ๘๙.
182 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ในกรุงเทพฯ เขาใช้ความรู้และประสบการณ์ของตนท�ำหน้าที่วางแผนและพัฒนา งานของกรมกองตระเวนทั้งในด้านการบริหารงานและบุคลากร เพื่อก่อให้เกิด ความแข็งแกร ่งและความเจริญก้าวหน้าของกรมกองตระเวนอย ่างมีระเบียบ แบบแผนตามแบบตะวันตก นโยบายจัดการแก้ไขกรมกองตระเวนกรุงเทพฯของนายจาร์ดีนในระยะแรก คือ การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงาน โดยใน พ.ศ. ๒๔๔๐ เขาเสนอให้ ยุบรวมกองตระเวนชั้นใน กองตระเวนชั้นนอก และกองตระเวนรถไฟเข้าด้วยกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งจัดล�ำดับขั้นบังคับบัญชาแบบใหม่ ซึ่งมีการก�ำหนดต�ำแหน่งอธิบดี(Inspector General) รองอธิบดี(Deputy Inspector General) เจ้ากรมแขวง (Superintendent of Division) ปลัดกรม (Assistant Superintendent) และสารวัตรใหญ่ (Chief Inspector) ดังปรากฏรายชื่อผู้เข้ารับต�ำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้ ๑. อธิบดีคือ นายเอ. เจ. เอ. จาร์ดีน ๒. รองอธิบดีจ�ำนวน ๒ นาย คือ พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง และนายเบนส์(Mr. Baines) ๓. เจ้ากรมแขวง จ�ำนวน ๓ นาย คือ นายสกินเนอร์ (Mr. Skinner) เจ้ากรมแขวงกรุงเทพฯชั้นใน นายเชอร์แมน (Mr.Sherman) เจ้ากรมแขวงรถไฟ และหม่อมเจ้าสง่างาม เจ้ากรมแขวงชั้นนอก ๔. ปลัดกรม จำ�นวน ๔ นายคือ หลวงธรณีนฤเบศร หลวงนรารักษ์พลขันธ์ นายคอมเบอร์(Mr. Comber) และนายฮาร์ตเนล (Mr. Hartnell)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 183 ๕. สารวัตรใหญ่ จ�ำนวน ๕ นาย คือ หลวงวิสูทธิ์บริหาร หลวงทุระการ ก�ำจัด หลวงอนุมัติมนูกิจ หลวงบูรีรัฐพิจารณ์ (Mr. Sheriff) และนายเฮิร์น (Mr. Hern) ส ่วนต�ำแหน ่งระดับล ่างลงมาให้คงเดิม คือ ต�ำแหน ่งสารวัตรแขวง นายหมวด และนายยาม นอกจากนี้นายจาร์ดีนเสนอขอจ้างพลตระเวนชาวอินเดีย ๒๐๐ คนสำ� หรับ ฝึกหัดใช้อาวุธให้มีความช�ำนาญเพื่อระงับเหตุวิวาทต ่าง ๆ และปราบปราม การจลาจล และจัดตั้งกองตระเวนม้าขึ้นเป็นครั้งแรกโดยคัดเลือกพลตระเวน ในกองก�ำลังนี้ ๓๐ คน ฝึกขี่ม้าและใช้ปืนและหอกเป็นอาวุธเพื่อออกตรวจตรา ท้องที่ที่มีผู้ร้ายชุกชุม รักษาการณ์ในงานพระราชพิธีและขบวนแห ่ต ่าง ๆ ให้สงบเรียบร้อย13 รวมทั้งท�ำหน้าที่เป็นผู้ฝึกหัดพลตระเวนไทยในการใช้อาวุธปืน และวิธีป้องกันปราบปรามเหตุร้ายแรง อย่างไรก็ตาม เพื่อความเหมาะสม และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้อาวุธของกองก�ำลังชาวต่างประเทศ มารักษาความเรียบร้อยในบ้านเมือง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ทรงมีนโยบายก�ำหนดให้พลตระเวนไทยเป็นกองก�ำลังใช้อาวุธ และทรงอนุมัติ ให้นายจาร์ดีนคัดเลือกจ้างพลตระเวนอินเดียเข้ามารับราชการเพื่อเป็นก�ำลังหนุน ให้แก่กองตระเวนไทยประจ�ำโรงพักต่างๆในการระงับเหตุวิวาทต่างๆและสอน หลักปฏิบัติและวิธีป้องกันปราบปรามเหตุร้ายแรงให้สงบเรียบร้อยทันท่วงที 13 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร. ๕ น. ๑๑.๓/๖ เอกสารกระทรวงนครบาลรัชกาลที่ ๕ เรื่อง กระทรวงนครบาลเรื่องจัดพลตระเวน
184 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ในด้านการเพิ่มพูนความรู้และสมรรถภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรกรม กองตระเวน นายจาร์ดีนเสนอให้จัดตั้งโรงเรียนกองตระเวนขึ้นเพื่อเป็นแหล่งฝึกหัด แก่พลตระเวนที่เข้ารับราชการใหม่ ฝึกอบรมเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของ กรมกองตระเวน ระเบียบวินัยและกฎข้อบังคับต่างๆโดยก�ำหนดให้พลตระเวนเก่า เข้ารับการฝึกทบทวนปีละ ๑ เดือน อีกทั้งนายจาร์ดีนยังส ่งเสริมให้เรียนรู้ ด้วยตนเองอย่างสม�่ำเสมอโดยเฉพาะการรู้หนังสือ ในเบื้องต้นสถานที่ฝึกชั่วคราว ใช้บริเวณศาลาที่ว ่าการกระทรวงนครบาล เพราะมีสนามฝึกอยู ่ในบริเวณตึก และอาคารฝึกอบรมใช้โรงเก็บเครื่องสูบน�้ำดับเพลิงไปพลางก่อน ต่อมาย้ายมาตั้ง ใกล้กับวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ฝั่งธนบุรีโรงเรียนกองตระเวนจึงเริ่มเป็น รูปธรรมและเป็นระบบมากขึ้น14 นายจาร์ดีนยังได้ปรับปรุงเครื่องแบบพลตระเวนซึ่งเดิมยึดตามเครื่องแบบ อย่างอังกฤษ คือ เครื่องแบบสีน�้ำเงิน สวมหมวกยอด (Helmet) เปลี่ยนเป็น เครื่องแบบสีกากีรัดใต้เข่าด้วยผ้าพันแข้งสีด�ำ และสวมหมวกสีด�ำโดยด้านบนหรือ ยอดหมวกมีจุกสีแดง ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องแบบสีกากีเหมาะกับสภาพอากาศร้อน มากกว่าเครื่องแบบสีน�้ำเงิน ซึ่งเมื่อใช้งานไประยะหนึ่งแล้วสีจะเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งซีดจางไม่เท่ากัน ท�ำให้เครื่องแบบดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยเครื่องแบบ ใหม่นี้ท�ำให้ชาวบ้านเรียกพลตระเวนว่า “พวกหงอนแดง แข้งด�ำ” และเลือนเป็น “หัวแดงแข้งด�ำ”อันเป็นการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของการแต่งกายของพลตระเวน ในยุคนี้ 14 ใน พ.ศ. ๒๔๕๒ ย้ายมาสร้างใหม่ที่ต�ำบลสระปทุม ถนนราชด�ำริ(บริเวณส�ำนักงาน ต�ำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน) ต่อมาพัฒนาเป็น “โรงเรียนพลต�ำรวจพระนครบาล” “โรงเรียน พลต�ำรวจนครบาล” และ “โรงเรียนต�ำรวจนครบาลบางเขน” โดยล�ำดับ
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 185 เครื่องแบบพลตระเวน พลตระเวนตรวจตราจุดเกิดเหตุอัคคีภัย
186 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ผลงานการปรับปรุงกรมกองตระเวนของนายจาร์ดีนอีกประการหนึ่งคือ การร่างข้อบังคับส�ำหรับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัญหาเรื่อง พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการน�ำคดีความส่งฟ้องศาลให้พิจารณาพิพากษา จึงท�ำให้ผู้กระท�ำผิดรอดพ้นจากการถูกลงโทษ และภายหลังจากการปรึกษาหารือ ระหว่างพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์15 ขณะทรงดำ�รงต�ำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เห็นสมควรมีต�ำแหน่งเจ้าพนักงานไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (Coroner)16 เพื่อให้ การไต่สวนชันสูตรพลิกศพร่วมกับนายอ�ำเภอเป็นไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น นอกจากนี้นายจาร์ดีนยังได้กราบทูลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เกี่ยวกับธรรมเนียมการชันสูตรพลิกศพในประเทศพม่าว่า ใช้นายกองตระเวน พร้อมด้วยนายอ�ำเภอและราษฎรในท้องที่อีก ๒ - ๓ คนเป็นพยาน และหากเป็น คดีส�ำคัญจะมีแพทย์ร ่วมในการชันสูตรพลิกศพด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการสืบหาพยานหลักฐานต ่าง ๆ ประกอบการพิจารณาคดี 15 พระนามเดิมพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาตลับ ประสูติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๗ ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๘ เสด็จไปทรงศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศ อังกฤษ ทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต(Bachelorof Arts -B.A.)จากมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ต่อมาวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๓ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ครั้น พ.ศ. ๒๔๔ ๒ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระเจ้า ลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๖๓ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรีและ พ.ศ. ๒๔๕๔ - ๒๔๖๓ เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๕๕ เลื่อนเป็นพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์สิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ พระชันษา ๔๗ ปี พระราชทานเพลิงศพที่กรุงปารีสแล้วอัญเชิญพระอัฐิกลับถึงประเทศไทย วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ เป็นต้นราชสกุล รพีพัฒน์ณ อยุธยา16 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร. ๕ น.๑๑.๓/๑๖ เอกสารกระทรวงนครบาล รัชกาลที่ ๕ เรื่อง ข้อบังคับการชันสูตรพลิกศพ (๒๗ ก.ย. ๑๑๗)
นายอาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน 187 และส่งเสริมให้การชันสูตรพลิกศพของไทยเป็นมาตรฐาน นายจาร์ดีนจึงได้รับ มอบหมายให้ร่างข้อบังคับส�ำหรับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพซึ่งมีทั้งหมด ๒๔ ข้อ ว่าด้วยบทบาทหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้ไต่สวนและกระบวนการชันสูตรพลิกศพ ที่ตายโดยไม ่ใช ่อาการธรรมดา17 นับแต ่แรกเมื่อพบศพ การตรวจพิสูจน์ศพ และรายงานการชันสูตรพลิกศพที่บันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ไว้อย่างละเอียด เช่น นามผู้แจ้งความต่อกองตระเวน นามและที่อยู่ของผู้ตายวันและเวลาตายเหตุ ของความตาย สถานที่พบศพ ฯลฯเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ทรงพิจารณาและแก้ไขร่างข้อบังคับดังกล่าวแล้ว จึงทรงน�ำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๒๗ กันยายน ร.ศ. ๑๑๗ (พ.ศ. ๒๔๔๑) เพื่อทรงเห็นชอบและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศ ใช้เป็นหลักปฏิบัติส�ำหรับเจ้าพนักงานกรมกองตระเวน นับเป็นรากฐานของ พระราชบัญญัติชันสูตรพลิกศพที่มีประกาศใช้ในเวลาต่อมา 17 ในกฎหมายปัจจุบันเรียกว่า การตายโดยผิดธรรมชาติซึ่งบัญญัติไว้ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔๘ ได้แก่ ฆ่าตัวตาย ถูกผู้อื่นท�ำให้ตาย ถูกสัตว์ ท�ำร้ายตาย ตายโดยอุบัติเหตุและตายโดยยังมิปรากฏเหตุ
188 ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติ ในประเทศไทย เล่ม ๔ ตัวอย่างร่างข้อบังคับส�ำหรับการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (ฉบับภาษาไทย)