99
ท31213 ภาษาเชงิ สร้างสรรค์ 1
รายวชิ าเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศกึ ษาหลักการสรา้ งคำในภาษาไทย คำมูล คำซ้ำ คำซ้อน คำประสม คำสมาสและการใช้คำถกู ต้อง
ตามความหมายเหมาะสมกับบริบท
โดยใช้กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการปฏบิ ัติ กระบวนการเรยี นรดู้ ว้ ย
ตนเอง กระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ในเร่อื งหลักการสรา้ งคำในภาษาไทยและการใช้
ภาษาไทยให้ถกู ต้องในการสื่อสาร ในการใชท้ ักษะชวี ิต และในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ผใู้ ฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มั่นใน
การทำงาน รักความเปน็ ไทย มคี ุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่เหมาะสม
ใช้วธิ วี ัดผลประเมนิ ผล จากแบบประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมและแบบทดสอบ
ผลการเรยี นรู้
1. มคี วามรูค้ วามเข้าใจเรอ่ื งการสร้างคำในภาษาไทย
2. วิเคราะห์คำซ้อน คำประสมได้
3. มคี วามร้คู วามเข้าใจเรอ่ื งคำสมาส
4. เลือกใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายเหมาะสมกับบรบิ ท
รวมทั้งหมด 4 ผลการเรยี นรู้
100
ท31215 ภาษาเชงิ สร้างสรรค์ 2
รายวิชาเพ่มิ เติม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
................................................................................................................... ...........................................................
ศึกษาบทอ่าน ซึง่ เปน็ เรอ่ื งเล่า นทิ าน บทกวี บทเพลง และ สถานการณ์ จากชุดกิจกรรม เพื่อ
พัฒนาความสามารถในการอ่าน ฟงั และการคิดวิเคราะห์อยา่ งมวี จิ ารณญาณ โดยใชก้ ระบวนการอา่ นคิด
วิเคราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารญาณ มที กั ษะด้านความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม ยอมรับความคิดเหน็ ของผู้อนื่
ตัดสินใจดว้ ยเหตุผล มีทกั ษะด้านการส่ือสารและร้เู ทา่ ทนั สอื่ สรา้ งความรแู้ ละความคิดไปใชต้ ดั สินใจแกป้ ญั หา
และศึกษากระบวนการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใชเ้ ทคนิค บนั ได 6 ขั้น วิเคราะหข์ ้อมลู อย่างรอบคอบ
สามารถนำทักษะการคิดวิเคราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณและ เทคนิค บนั ได ขน้ั ในการอ่านจบั ใจความสำคญั ไป
ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ
ใช้วธิ ีวดั ผลประเมินผลด้วยวธิ ที ่หี ลากหลาย จากแบบประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในชดุ กิจกรรมและ
แบบทดสอบ
ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวัง
1. สามารถบอกวิธีการปฏบิ ัติตนในการอา่ นได้
2. สามารถเรียงลำดบั ขั้นตอนการอ่านอย่างมีวจิ ารณญาณได้
3. สามารถอา่ นและคดิ วิเคราะหต์ ามสถานการณ์ทก่ี ำหนดได้อยา่ งมีวิจารณญาณ
4. สามารถจบั ใจความสำคญั ด้วยการใชเ้ ทคนิคบนั ได 6 ข้นั
รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้
101
ท31214 ประวัตวิ รรณคดี 1
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาประวัติเบื้องต้นของวรรณคดี และ วรรณกรรมไทยแต่ละสมัยตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี
และรัตนโกสินทร์ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ จุดประสงค์ของการแต่งวรรณกรรมนั้น ประวัติผู้
แต่ง เนื้อหาของวรรณกรรมและวรรณคดีอย่างสังเขป เรื่องย่อของวรรณคดีในแต่ละเรื่องๆ คุณค่าที่ได้จาก
การศึกษา วรรณกรรมและวรรณคดี เพื่อเข้าใจประวัติความเป็นมาของไทยที่แฝงไว้ในเรื่องราวของงาน
ประพันธ์รูปแบบต่างๆ ในแต่ละสมัย เช่น โคลง ฉันท์ ร่าย กาพย์ กลอน และลิลิต ความสัมพันธืระหว่าง
วรรณกรรมไทย กับการปกครองของไทยในแต่ละสมัย ความเจริญรุ่งเรืองของสมัยต่างๆ เข้าใจถึงค่านิยม
วัฒนธรรม ความเชื่อของสังคมไทยในสมัยต่างๆ เห็นคุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดีที่เป็นมรดกทาง
ปญั ญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และสงั คม
วัดผลและประเมินผล ด้วยกระบวนการปลูกฝังค่านิยม ความคิดที่ดีงามทางภาษาและสร้างความ
ตระหนักในความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสามารถจำแนกความแตกต่างของวรรณคดีและ
วรรณกรรมในแต่ละช่วงสมัย สามารถจำแนกงานประพันธ์เป็นกลุ่มและผลงานของของผู้ประพันธ์เหล่านั้นได้
อยา่ งถกู ต้อง และเข้าใจถึงจดุ ประสงค์ของวรรณกรรมเหล่าน้ันได้ มีกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะอย่างมี
วจิ ารณญาณ และเสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของนักเรียนได้
รหสั ตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรียนรทู้ ่ี 5 วรรณคดี และ วรรณกรรม
ตัวช้วี ดั ท่ี ม.5.1, ม.5.2, ม.5.3, ม.5.4, ม.5.5, ม.5.6
รวมทั้งหมด 1 มาตรฐานการเรียนรู้ 6 ตัวช้ีวัด
102
ท31216 ประวัตวิ รรณคดี 2
รายวชิ าเพ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาประวัติเบื้องต้นของวรรณคดี และ วรรณกรรมไทยแต่ละสมัยตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี
และรัตนโกสินทร์ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ จุดประสงค์ของการแต่งวรรณกรรมนั้น ประวัติผู้
แต่ง เนื้อหาของวรรณกรรมและวรรณคดีอย่างสังเขป เรื่องย่อของวรรณคดีในแต่ละเรื่องๆ คุณค่าที่ได้จาก
การศึกษา วรรณกรรมและวรรณคดี เพื่อเข้าใจประวัติความเป็นมาของไทยที่แฝงไว้ในเรื่องราวของงาน
ประพันธ์รูปแบบต่างๆ ในแต่ละสมัย เช่น โคลง ฉันท์ ร่าย กาพย์ กลอน และลิลิต ความสัมพันธืระหว่าง
วรรณกรรมไทย กับการปกครองของไทยในแต่ละสมัย ความเจริญรุ่งเรืองของสมัยต่างๆ เข้าใจถึงค่านิยม
วัฒนธรรม ความเชื่อของสังคมไทยในสมัยต่างๆ เห็นคุณค่าของวรรณกรรมและวรรณคดีที่เป็นมรดกทาง
ปญั ญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณี และสงั คม
วัดผลและประเมินผล ด้วยกระบวนการปลูกฝังค่านิยม ความคิดที่ดีงามทางภาษาและสร้างความ
ตระหนักในความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสามารถจำแนกความแตกต่างของวรรณคดีและ
วรรณกรรมในแต่ละช่วงสมัย สามารถจำแนกงานประพันธ์เป็นกลุ่มและผลงานของของผู้ประพันธ์เหล่านั้นได้
อยา่ งถกู ต้อง และเข้าใจถึงจดุ ประสงค์ของวรรณกรรมเหล่าน้ันได้ มีกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะอย่างมี
วจิ ารณญาณ และเสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของนักเรียนได้
รหสั ตัวช้วี ัด
มาตรฐานการเรียนรทู้ ่ี 5 วรรณคดี และ วรรณกรรม
ตัวช้วี ดั ท่ี ม.5.1, ม.5.2, ม.5.3, ม.5.4, ม.5.5, ม.5.6
รวมทั้งหมด 1 มาตรฐานการเรียนรู้ 6 ตัวช้ีวัด
103
ท 32205 การเขียนสารคดี
รายวิชาเพิม่ เติม กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศกึ ษาประวตั ิและวิวัฒนาการของวรรณกรรมไทยประเภทสารคดี องค์ประกอบและรูปแบบงานเขียน
สารคดี พิจารณาการใชค้ ำ สำนวนโวหาร ลีลาการเขยี นและกลวิธกี ารนำเสนอสาระที่มคี ุณคา่
ฝึกปฏิบัติการสำรวจและการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการศึกษาค้นคว้า สัมภาษณ์จากแหล่งเรียนรู้
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาเขียนสารคดี โดยคำนึงถึงการเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นประโย ชน์ความคิด
สรา้ งสรรค์ ตลอดจนการใชท้ กั ษะทางภาษาและเทคโนโลยกี ารสอื่ สารเพ่ือนำมาใชใ้ นงานเขยี น
เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยที่เหมาะสม สามารถเขียนสารคดีได้อย่างมีเนื้อหาสาระน่า
อา่ น ช่วยพัฒนาความรู้ ความคดิ ตลอดจนอาชพี เพื่อการดำเนินชวี ติ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ใชก้ ารวัดผลและประเมนิ ผลตามสภาพความเปน็ จรงิ จากชิ้นงานและการเขียนสารคดีประเภทต่าง ๆ
ผลการเรยี นรู้
1. บอกความหมายและจดุ หมายในการเขียนสารคดีไดถ้ กู ต้อง
2. อธิบายความแตกตา่ งของสารคดีประเภทต่าง ๆ ได้
3. อธบิ ายองคป์ ระกอบของสารคดไี ด้
4. อภปิ รายถึงคุณลกั ษณะของสารคดที ่ดี ีได้
5. เลอื กใชโ้ วหารในการเขียนสารคดีได้อยา่ งเหมาะสม
6. จดั วางโครงเรอื่ งในการเขียนได้อย่างมหี ลกั เกณฑ์
7. เขยี นสารคดีไดถ้ ูกตอ้ งตามรปู แบบ
รวมท้ังหมด 7 ผลการเรียนรู้
104
ท 31206 การเขียน 2
รายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ช่วั โมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับงานเขียน ศิลปะการใช้ภาษา กลวิธีในการเขียน หลักการเขีย นท่ี
เหมาะสม ถูกตอ้ งตามหลักเกณฑ์ การใช้ถอ้ ยคำ สำนวนโวหาร โครงสร้างประโยค การจดั ลำดับขอ้ ความ และ
การใช้ภาษากับการเขียนรูปแบบต่างๆ ได้เหมาะสม ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง มี
ข้อมูล และสาระสำคัญชัดเจน ศึกษาค้นคว้า รวบรวมบันทึกข้อมูล นำเสนอข้อมูลความคิดอย่างเป็นลำดับ
ขน้ั ตอน โดยพัฒนาการเขียนแสดงทรรศนะ การเขียนบทความ การเขียนเรียงความ และการเขียนตอบคำถาม
ฝึกพ้ืนฐานการเขยี นเชงิ สร้างสรรค์ มมี ารยาทในการเขียน และนิสยั รกั การเขยี นและศกึ ษาคน้ ควา้
เพื่อใหส้ ามารถใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความคดิ และความรู้สกึ ได้ และพฒั นางานเขยี นตามขั้นตอน
ในรูปแบบของงานเขยี นประเภทตา่ งๆ ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ใชว้ ธิ วี ัดผลประเมนิ ผลดว้ ยวธิ กี ารท่ีหลากหลายตามสภาพจรงิ จากแบบสงั เกต แบบสอบถาม แบบ
ประเมนิ แบบทดสอบ และช้ินงาน
ผลการเรยี นรู้
1. เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด โครงเรื่อง
2. การเขียนแสดงทรรศนะ
3. การเขียนบทความ
4. การเขยี นเรยี งความ
5. การเขยี นตอบคำถามจากเร่อื งทอ่ี ่านได้อย่างมีเหตผุ ล
6. มีมารยาทในการเขียน
รวมท้ังหมด 6 ผลการเรยี นรู้
105
ท 32207 ภาษาวาทศลิ ป์
รายวชิ าเพิ่มเติม กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
............................................................................................................................. .................................................
ฝกึ การพูด โดยมกี ารวเิ คราะห์ผู้ฟงั และกาลเทศะท่ีพูด การเตรยี มเรอ่ื ง การจดั เรียงลำดับเน้ือหาและ
การนำเสนอเรื่องในรูปแบบทั้งที่เป็นทางการ กึ่งทางการและไม่เป็นทางการ การพูดที่เป็นทางการและก่ึง
ทางการ ได้แก่ การพูดในที่ประชุม การเล่าเร่ือง การอภิปราย การโต้วาที การกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาส
ต่าง ๆ เพ่อื มารยาทในสงั คม การเป็นพิธกี ร การสมั ภาษณ์ และการพดู โนม้ นา้ วใจ
เพอ่ื ให้สามารถนำเสนอความรู้ ความคดิ ความรสู้ ึกได้อย่างมีวิจารณญาณ มีมารยาทในการพูดและ
การฟัง ใช้ศิลปะในการพูด ตลอดจนมีวิจารณญาณโดยใช้เหตุผลในการสร้างเสริมความเข้าใจและ
ความสมั พันธท์ ด่ี ีต่อกนั และมีนิสัยรักการพดู ในทางสรา้ งสรรค์
โดยใช้วิธีการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริงจากการสังเกตการณ์พูดของนักเรียนทั้งการพูดเป็น
รายบคุ คลและรายกลมุ่ ในแตล่ ะสถานการณ์ ทัง้ แบบเปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการ
ผลการเรียนรู้
1. บอกความหมายและความสำคัญของการพดู ได้
2. อธบิ ายรูปแบบและความแตกต่างของการพูดประเภทต่าง ๆ ได้
3. เรียบเรยี งคำพูดและถ้อยคำสำนวนจากการพูดแบบตา่ ง ๆ ได้อย่างสละสลวยและถูกต้องตาม
ประเด็น
4. พูดต่อหน้าที่ประชุมชนได้ ทั้งในกล่มุ เล็กและกลุ่มใหญ่ เพ่อื แสดงความรู้ ความคดิ และ
ขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ ตามหัวข้อท่เี ลือกเองและตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย โดยใช้เวลาพูดคนละ 3 - 5 นาที
5. บอกหลักเกณฑ์การสมั ภาษณแ์ ละการใหส้ ัมภาษณ์ได้
6. สมั ภาษณบ์ ุคคลเพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ได้
7. อา่ นบทรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรองในลักษณะของการพดู ได้อยา่ งถกู ต้องและน่าฟงั
รวมทั้งหมด 7 ผลการเรยี นรู้
106
ท 32208 การอ่านและพิจารณาวรรณกรรม
รายวิชาเพิ่มเติม กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาข้อเขียนประเภทต่าง ๆ วรรณกรรมรูปแบบต่าง ๆ เช่น ระเบียบ กฎหมาย สารคดีและบันเทิง
คดีทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง พิจารณาแยกข้อเท็จจริงออกจากข้อคิดเห็น แยกองค์ประกอบของงาน
เขียนทง้ั ร้อยแกว้ ร้อยกรอง อธบิ ายสาระสำคัญของวรรณกรรมได้
โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเรียนรู้ของ
ตนเอง กระบวนการกลมุ่ เพือ่ ให้สามารถแสดงความคิดเหน็ เชิงวิจารณ์ในเรื่องท่ีอ่าน เข้าใจสารของผู้เขียน มี
ความสามารถในการสอื่ สาร เห็นคณุ ค่าของวรรณกรรม เป็นผใู้ ฝ่รู้ใฝเ่ รยี น มงุ่ ม่ันในการทำงาน รกั ความเป็น
ไทย มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม
วัดผลและประเมินผลดว้ ยวิธสี งั เกตจากพฤติกรรมการเรียนและกิจกรรมกลมุ่ ประเมินจากผลงาน
นกั เรยี นโดยใช้แบบประเมนิ ที่หลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงของเนื้อหา ทักษะกระบวนการ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงคท์ ต่ี ้องวัด
ผลการเรยี นรู้
1. พจิ ารณาแยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ ของสารท่ีอ่านได้
2. แยกองคป์ ระกอบของวรรณกรรมได้
3. อธิบายสาระสำคัญของวรรณกรรมได้
4. วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เชิงวิจารณ์เรอ่ื งที่อ่านได้
รวมทั้งหมด 4 ผลการเรยี นรู้
107
ท32217 ลขิ ิตวรรณสาร
รายวิชาเพ่ิมเติม กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาการฝึกเขียนในรูปแบบต่างๆ โดยเน้นการลำดับความให้ผู้อ่านได้รับสารอย่างชัดเจน
เลือกใช้โวหารได้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและโอกาส และเขียนแสดงความคิดความรู้สึก เพื่อเพิ่ มพูน
ทักษะการเขียนในรูปแบบต่างๆ สามารถเขียนแสดงความต้องการ ความคิดและความรู้สึกได้ถูกต้อง
ตามมารยาทและธรรมเนียมนิยม โดยมุ่งให้ผู้เรียนใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการคิดวิเคราะห์และ
ประเมินค่า กระบวนการเขียน การดูและการพูด เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ รักและภูมิใจใน
ความเป็นไทย มุ่งม่ันในการทำงาน ซื่อสัตย์สุจริต และมีจิตสาธารณะ
ผลการเรยี นรู้
1. เขียนในรปู แบบต่างๆได้เหมาะสม
2. ใชโ้ วหารไดเ้ หมาะสมสมกับเรื่องท่ีเขียน
3. เขียนแสดงความคิดเหน็ และความรูส้ กึ ได้
4. มมี ารยาทในการเขียน
รวมทงั้ หมด 4 ผลการเรยี นรู้
108
ท32218 รังสรรค์ประพนั ธ์สาร
รายวชิ าเพิม่ เติม กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
................................................................................................................ ..............................................................
อธบิ ายความหมายของการประพนั ธ์ คุณค่าและความสำคัญของบทประพันธ์ ศกึ ษารปู แบบการ
ประพนั ธ์ และบทประพนั ธ์ ประเภทรอ้ ยแก้ว ร้อยกรอง และฉนั ทลกั ษณ์ไทยของคำประพนั ธช์ นดิ ตา่ ง ๆ
โดยแต่งคำประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง กาพย์ กลอน โคลง ฉนั ท์ รา่ ย ลิลติ และกลอนบทต่าง ๆ ตาม
ลกั ษณะรปู แบบและข้อบงั คับเนื้อหาสาระ ความคดิ สรา้ งสรรค์และความไพเราะ เพอ่ื ใหม้ คี วามรเู้ กีย่ วกับ
ฉนั ทลกั ษณ์ แตง่ บทประพันธช์ นดิ ตา่ ง ๆ และเห็นคุณค่าของงานประพนั ธ์ ทงั้ ร้อยแก้ว ร้อยกรอง สามารถ
นำไปประยุกต์ใชจ้ รงิ ตลอดจนศกึ ษาลักษณะแบบแผนประเภทและชนิดของงานประพนั ธ์ ตามลกั ษณะ
องคป์ ระกอบของงานประพนั ธช์ นิดตา่ ง ๆ โดยฝึกแต่งคำประพันธต์ ามรูปแบบงานของร้อยแกว้ และร้อยกรอง
ที่นิยมแต่งทั่ว ๆ ไป ใชภ้ าษาเชงิ วรรณศิลป์ เนือ้ หามีความคิดสรา้ งสรรคไ์ พเราะและพัฒนาการแตง่ รปู แบบ
งานประพนั ธ์ตามแนวคดิ ของตน
เพอ่ื นำความรู้ ความคิด ประสบการณ์ไปสร้างสรรค์งานประพนั ธ์ให้เกิดเป็นรูปธรรม
ตามยุคสมยั เหน็ คุณคา่ งานประพันธท์ ้ังร้อยแก้วและร้อยกรอง ท่ีสะท้อนในด้านสังคม อารมณ์ และดา้ น
วรรณศลิ ป์
ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายความหมายของการประพนั ธ์ ทั้งร้อยแกว้ ร้อยกรอง
2. บอกคณุ ค่าและความสำคัญของบทประพันธ์ได้
3. ศกึ ษารปู แบบคำประพนั ธ์ และฉนั ทลกั ษณข์ องคำประพันธช์ นดิ ตา่ ง ๆ
4. อธบิ ายรปู แบบงานประพันธป์ ระเภทต่าง ๆ
5. บอกองค์ประกอบของคำประพนั ธ์ตามรปู แบบท่กี ำหนดไว้
6. แต่งคำประพนั ธท์ ้ังร้อยแก้ว รอ้ ยกลอง เปน็ ท่ีนิยมท่ัว ๆ ไปได้
7. ใช้ถอ้ ยคำภาษาประพนั ธเ์ ชงิ วรรณศลิ ป์ มคี วามไพเราะและความหมายมคี วามประทับใจ
8. สรา้ งผลงานและพฒั นาการแต่งงานประพันธ์ตามแนวของตน
9. เหน็ คณุ ค่าของงานประพันธท์ ั้งรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรองในดา้ นสงั คม อารมณ์และวรรณศลิ ป์
รวมท้งั หมด 9 ผลการเรยี นรู้
109
ท 33209 หลักภาษาไทย 1
รายวชิ าเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่วั โมง จำนวน 1 หน่วยการเรยี น
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาธรรมชาติของภาษา องค์ประกอบของภาษา ระบบเสียงในภาษาไทย การใชอ้ ักษรไทย
ไตรยางศ์ คำเป็น คำตาย การใช้เครือ่ งหมายวรรคตอน ลักษณะของคำไทยแท้กับคำภาษาในกลุ่มอาเซียน
การสร้างคำในภาษาไทย ข้อความท่ีเปน็ สำนวนไทยและข้อความสำนวนภาษาตา่ งประเทศ การอ่านคำและ
การเขียนสะกดคำทม่ี ักใชผ้ ิด ความสมั พันธ์เช่อื มโยงของข้อความในลกั ษณะต่าง ๆ
โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการเรียนรขู้ อง
ตนเอง กระบวนการกลุ่ม เพื่อใหเ้ กิดความรู้ มคี วามสามารถในการสื่อสาร และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั
เป็นผูใ้ ฝร่ ใู้ ฝ่เรยี น รักความเป็นไทย มีคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม
วัดผลและประเมินผลดว้ ยวิธสี ังเกตจากพฤติกรรมการเรียนและกิจกรรมกลมุ่ ประเมนิ จากผลงาน
นกั เรียนโดยใช้แบบประเมินท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจรงิ ของเน้ือหา ทักษะกระบวนการ และ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ผลการเรยี นรู้
1. เขยี นสรปุ ธรรมชาติของภาษาและระบบเสียงในภาษาไทยเป็นแผนภาพความคิดได้
2. จำแนกพยญั ชนะ ผนั อักษรตามหลักไตรยางศ์ และอธิบาย คำเป็น คำตายได้ถูกต้อง
3. อธบิ ายการใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนในภาษาไทยได้
4. วิเคราะห์ เปรยี บเทียบลกั ษณะคำไทยกับคำภาษาอนื่ ในกลมุ่ ประเทศอาเซียนได้
5. อธิบายการสรา้ งคำในภาษาไทยได้
6. อา่ น-เขยี นคำทม่ี ักใชผ้ ดิ และจำแนกขอ้ ความท่ีเป็นสำนวนไทยและสำนวนต่างประเทศได้
7. วเิ คราะหค์ วามสัมพันธข์ องขอ้ ความที่เปน็ เหตเุ ป็นผล องคป์ ระกอบ ยับย้ัง ขัดขวางหรือปอ้ งกัน ได้
รวมทั้งหมด 7 ผลการเรยี นรู้
110
ท 33210 ภาษาไทยกับศลิ ปวฒั นธรรม
รายวชิ าเพิ่มเติม กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชวั่ โมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ภาษาที่สัมพันธ์ระหว่างวรรณคดีกับศิลปะแขนงต่าง ๆ
การใช้ภาษาที่สัมพันธ์กับประเพณีไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นและความสำคัญของภาษาไทยในการสืบทอด
วัฒนธรรม เพื่อให้เข้าใจและเห็นคุณค่าของภาษาไทยในฐานะที่เป็นเครื่องมืออนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรม
ไทยอันเปน็ มรดกของชาติ
โดยใช้กระบวนการสื่อสาร กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ ทักษะกระบวน
การแก้ปัญหา เพือ่ ให้ผเู้ รียน ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ สามารถนำความรู้
ไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ถูกตอ้ งเหมาะสมและมปี ระสิทธิภาพ
วัดผลและประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตามสภาพความเป็นจริงของเนื้อหา ทักษะ
กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
ผลการเรียนรู้
1. บอกความหมายของภาษาและวฒั นธรรม
2. บอกลกั ษณะของวฒั นธรรมไทยได้
3. จำแนกและอธิบายศลิ ปะไทยแขนงต่าง ๆ ได้
4. อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างวรรณคดกี บั ศิลปะแขนงตา่ ง ๆ ได้
5. ระบคุ วามสมั พันธร์ ะหวา่ งวัฒนธรรมไทยกบั ภาษาไทยได้
6. อนุรกั ษ์และสบื ทอดวฒั นธรรมไทยโดยวิธีทเ่ี หมาะสม
รวมทัง้ หมด 6 ผลการเรียนรู้
111
ท 33211 หลักภาษาไทย 2
รายวิชาเพิม่ เติม กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1 หน่วยกติ
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาหลักการใช้ภาษาไทย เรื่อง ระบบคำ ระบบกลุ่มคำและประโยค วิเคราะห์ชนิดของคำ ระบบ
กลุ่มคำและประโยค สามารถเลือกใช้คำ กลุ่มคำ มาแต่งประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน ได้
อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ ใช้คำราชาศัพท์ ระดับภาษาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล แต่งบทร้อย
กรองประเภทกาพย์ กลอน โคลง และฉันท์ได้อย่างสร้างสรรค์ ประมวลความรู้และอธิบายความสัมพันธ์
เกีย่ วขอ้ งของแบบทดสอบทางการศกึ ษาโดยใช้หลักการทางภาษาเป็นเครื่องมือในการพิจารณา เพอื่ ประโยชน์
ในการสอ่ื สาร สง่ เสรมิ คณุ ค่าของภาษาไทย และนำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั
โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการ
ปฏบิ ัติ กระบวนการเรียนร้ขู องตนเอง กระบวนการกลมุ่ เพ่อื ให้เกิดความรู้ มมี รรยาทในการอา่ น การเขยี น
การฟัง การดู การพูด มีความสามารถในการสื่อสาร ในการดำรงชีวิต เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มุ่งมั่นในการทำงาน
รกั ความเปน็ ไทย มีคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม
วัดผลและประเมินผลด้วยวิธีสังเกตจากพฤติกรรมการเรียนและกิจกรรมกลุ่ม ประเมินจากผลงาน
นักเรียนโดยใช้แบบประเมินที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของเนื้อหา ทักษะกระบวนการ และ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายระบบคำในภาษาไทยได้
2. วเิ คราะหช์ นดิ ของคำ และเลือกใชค้ ำ กลมุ่ คำมาแตง่ ประโยคไดเ้ หมาะสม
3. อธิบายลักษณะกลุม่ คำและประโยคในภาษาไทยได้
4. ใช้คำราชาศัพท์และระดับภาษาได้อย่างเหมาะสม
5. อธบิ ายฉนั ทลกั ษณ์ของคำประพันธช์ นิดตา่ ง ๆ และแตง่ คำประพนั ธไ์ ด้
6. ประมวลความรู้ ตอบคำถาม อธิบายความรจู้ ากแบบทดสอบทางการศึกษาได้
รวมทั้งหมด 6 ผลการเรียนรู้
112
ท 33212 การอ่านเชงิ วเิ คราะห์
รายวชิ าเพม่ิ เติม กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกติ
............................................................................................................................. .................................................
ศกึ ษาข้อเขียนประเภทตา่ ง ๆ วรรณกรรมรปู แบบต่าง ๆ ระเบียบ กฎหมาย สารคดีและบันเทิงคดีทั้ง
ที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง พิจารณาแยกข้อเท็จจริงออกจากข้อคิดเห็น พิจารณาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
ของงานเขียนประเภทต่าง ๆ แยกองค์ประกอบของงานเขียนทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง อธิบายสาระสำคัญของ
วรรณกรรมหรอื งานเขยี นประเภทต่าง ๆ
โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเรียนรู้ของ
ตนเอง กระบวนการกลุ่ม เพอ่ื ใหส้ ามารถแสดงความคดิ เห็นเชิงวจิ ารณใ์ นเรื่องที่อ่าน เขา้ ใจสารของผู้เขียน มี
ความสามารถในการสอ่ื สาร เห็นคณุ คา่ ของวรรณกรรม เปน็ ผใู้ ฝ่รู้ใฝเ่ รยี น มงุ่ ม่นั ในการทำงาน รักความเป็น
ไทย มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยมทเ่ี หมาะสม
วัดผลและประเมินผลดว้ ยวิธีสังเกตจากพฤตกิ รรมการเรยี นและกิจกรรมกลุม่ ประเมินจากผลงาน
นักเรียนโดยใช้แบบประเมินที่หลากหลายตามสภาพความเปน็ จริงของเน้ือหา ทักษะกระบวนการ และ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องวัด
ผลการเรยี นรู้
1. พิจารณาแยกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็นของสารที่อ่านได้
2. อธบิ ายความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตุผลของงานเขียนประเภทกฎ ระเบยี บ หรอื กฎหมายได้
3. แยกองค์ประกอบของวรรณกรรมได้
4. อธบิ ายสาระสำคญั ของวรรณกรรมได้
5. วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เชงิ วิจารณ์เรือ่ งที่อา่ นได้
รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้
113
ท 33219 ภาษากับการแสดง
รายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
............................................................................................................................. .................................................
ศึกษาทักษะการใช้ภาษาเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร การใช้ภาษากับการแสดง ความสำคัญของภาษา
การเล่าเรื่อง พลังของภาษา การอธิบาย บรรยาย พรรณนา การเลือกสรรถ้อยคำ การเรียบเรียงถ้อยคำ
สำนวนโวหารและการใชเ้ ทคโนโลยสี อ่ื สารในชีวิตประจำวนั ที่สมั พนั ธ์กบั กจิ กรรมการแสดง
ศึกษาการฝึกเขียนในรูปแบบต่างๆ โดยเน้นการลำดับความให้ผู้อ่านได้รับสารอย่างชัดเจน
เลือกใช้โวหารได้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและโอกาส และเขียนแสดงความคิดความรู้สึก เพื่อเพิ่ มพูน
ทักษะการเขียนในรูปแบบต่างๆที่สัมพันธ์กับกิจกรรมการแสดง สามารถเขียนแสดงความต้องการ
ความคิดและความรู้สึกได้ถูกต้องตามมารยาทและธรรมเนียมนิยม โดยมุ่งให้ผู้เรียนใช้กระบวนการ
อ่าน กระบวนการคิดวิเคราะห์และประเมินค่า กระบวนการเขียน การดูและการพูด เพื่อให้ผู้เรียนเป็น
ผู้มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ รักและภูมิใจในความเป็นไทย มุ่งมั่นในการทำงาน ซ่ือสัตย์สุจริต และมีจิตสาธารณะ
ผลการเรียนรู้
1. การใช้ภาษากบั กิจกรรมการแสดงในรปู แบบตา่ งๆไดเ้ หมาะสม
2. การใชโ้ วหารกบั กิจกรรมการแสดงไดเ้ หมาะสมสมกับเร่อื งทเ่ี ขยี น
3. เขียนแสดงความคิดเห็นและความรูส้ กึ กับกิจกรรมการแสดงได้
4. มมี ารยาทในการใช้ภาษากับกจิ กรรมการแสดง
รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้
114
โครงสรา้ งรายวชิ าพื้นฐาน
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
115
โครงสรา้ งรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
รหสั วชิ า ท 21101 ชอ่ื วิชาภาษาไทยชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
อัตราสว่ นคะแนนระหว่างเรยี น : ตอ่ ปลายภาค = 70/30
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง)
และตัวชี้วดั
โคลง ท 1.1 1. โคลงโลกนติ ิ เปน็ สภุ าษิตทม่ี ีการรวบรวมและ 15 5
โลกนติ ิ ม. 1/1,ม. 1/4, 5
ม. 1/5,ม. 1/8, ชำระสมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอกรมพระยา
ม. 1/9 เดชาดศิ ร เน้ือหาของโคลงเป็นคติสอนใจในการ
ท 2.1 ดำเนนิ ชวี ติ การศกึ ษาความหมายของคำศพั ท์ ทำ
ม. 1/2,ม. 1/3,
ม. 1/9 ใหเ้ ข้าใจเนื้อหาได้ดียง่ิ ขึ้น
2. ความเปรียบเปน็ การเปรียบเทยี บส่งิ ใดหนง่ึ ให้
ท 3.1 เห็นภาพที่ชดั เจนข้นึ เน้ือหาในโคลงโลกนติ ิเปน็
ม. 1/3,ม. 1/6 สุภาษติ คำสอนจงึ ใช้ความเปรียบเทยี บเพ่ือให้
ท 4.1 ผูอ้ ่านเห็นภาพและเข้าใจเนื้อหาเชอื่ มโยงกับ
ม. 1/2,ม. 1/3, ชวี ิตประจำวนั
ม. 1/6 3. คำพ้องแบง่ เป็นคำพ้องรูปซง่ึ เขยี นเหมือนกนั
ท 5.1 อา่ นออกเสยี งตา่ งกัน คำพ้องเสียงเป็นคำท่เี ขียน
ม. 1/1,ม. 1/2, ต่างกนั อา่ นออกเสียงเหมือนกัน สว่ นคำพอ้ งรูป
ม. 1/3,ม. 1/4, พอ้ งเสยี งเปน็ คำที่เขียนและอ่านออกเสยี ง
ม. 1/5 เหมือนกนั คำพ้องทัง้ 3 ประเภทมคี วามหมาย
แตกตา่ งกนั การเข้าใจความหมายของคำพ้อง
ตอ้ งพจิ ารณาบริบทแวดลอ้ มจึงจะทราบ
116
ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง)
และตวั ชี้วดั
ความหมายอยา่ งถูกต้อง ส่วนคำพ้องความหมาย
เป็นคำทีเ่ ขยี นต่างกัน อา่ นออกเสียงต่างกัน แต่
ความหมายเหมือนกนั
4. คำแต่ละชนดิ ในประโยคทำหน้าท่ีแตกต่างกัน
และคำชนิดเดยี วกันอาจทำหนา้ ที่ในประโยค
แตกตา่ งกนั ได้ ข้นึ อยู่กับตำแหนง่ และบรบิ ทอนื่ ๆ
ในประโยค การร้จู ักชนดิ และหน้าทขี่ องคำใน
ประโยคทำใหเ้ ขา้ ใจเน้ือความในประโยคนน้ั ได้
ชดั เจน การสือ่ สารจงึ มีประสิทธิภาพ
5. คำประพันธป์ ระเภทโคลงบังคบั การใช้คำเอก
คำโท บางคำจงึ ต้องใช้คำเอกโทษ โทโทษเพื่อให้
ถูกต้องตามฉันทลกั ษณ์ และส่อื ความหมายตามท่ี
ผแู้ ตง่ การ การเขา้ ใจคำเอกโทษ โทโทษทำให้
เข้าใจเน้ือหาในโคลงโลกนติ มิ ากขึ้น และการอา่ น
คำโคลงโลกนิตอิ ย่างถูกตอ้ ง ทำใหไ้ ด้รับอรรถรส
ในการอ่าน และสอ่ื ความหมายไดต้ รงตาม
ต้องการ
6. บทอาขยานในโคลงโลกนิติมคี ณุ ค่าทง้ั ดา้ น
เนือ้ หาที่ให้ข้อคดิ และคณุ ค่าด้านภาษาทไ่ี พเราะ
คมคาย การท่องจำบทอาขยานจึงมปี ระโยชน์
สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวติ ได้
117
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรียนรู้ การเรยี นรู้ (ชัว่ โมง)
และตัวช้ีวัด
7. กลวธิ ีการประพันธ์เป็นการเลอื ก ใช้ถ้อยคำ
ให้เกดิ ความไพเราะงดงามและชว่ ยสอ่ื ความหมาย
ให้เกดิ ความชดั เจนมากยงิ่ ขน้ึ กลวธิ ีการประพันธ์
มหี ลายรูปแบบ เช่น การใช้คำอปุ มา อปุ ลักษณ์
การเล่นคำ และการเลน่ เสียง การเขา้ ใจกลวิธกี าร
ประพนั ธท์ ำให้เข้าใจเนื้อหาในคำประพันธ์ และ
ตระหนกั ในคณุ ค่าของคำประพนั ธ์มากขน้ึ
8.โคลงโลกนิติเป็นสุภาษติ ไทยโบราณท่ีมีเนื้อหา
ให้คติสอนใจ ทั้งในเร่ืองการพัฒนาตนเองและ
การปฏิบัติตนตอ่ ผู้อน่ื การเขา้ ใจเน้ือหาในโคลง
โลกนติ ิ ทำใหส้ ามารถนำคำสอนไปประยกุ ต์ใช้ใน
การดำเนนิ ชวี ติ ประจำวนั ได้
9. คำพังเพยและสุภาษิตเปน็ ถ้อยคำสำนวนที่มุง่
ใหค้ ติในการดำเนนิ ชีวิต โดยคำพังเพยมี
ความหมายกลาง ๆ ที่แฝงข้อคิดเตือนใจใหน้ ำไป
ปฏิบัติ สว่ นสภุ าษติ มงุ่ เน้นการสัง่ สอนตักเตือนให้
จดจำในโคลงโลกนติ มิ ีคำสอนท่สี อดคล้องกบั คำ
พังเพยและสภุ าษิต การเขา้ ใจเน้ือหาทำให้
สามารถนำคำพงั เพยและสุภาษติ ไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจำวนั ได้
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั 118
การเรียนรู้ การเรียนรู้
และตัวช้ีวัด เวลา คะแนน
(ชว่ั โมง)
10. การพนิ จิ คุณค่าของโคลงโลกนติ ิแบง่ เปน็
คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ คุณค่าด้านแนวคิดคุณคา่
ดา้ นเนอ้ื หา และคณุ คา่ ดา้ นสงั คม ซง่ึ คุณคา่ แตล่ ะ
ดา้ นน้นั มีประโยชนต์ อ่ การศึกษาวรรณคดีและ
การนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นการดำเนินชวี ิตประจำวัน
11. การเขียนบรรยายประสบการณเ์ ปน็
การเขยี นอธบิ ายเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ตามลำดบั
เหตกุ ารณแ์ ละตามความเป็นจริง ผูเ้ ขียนจึงตอ้ ง
ใช้สำนวนภาษา ถอ้ ยคำอย่างเหมาะสม
เรียบเรียงลำดบั เหตกุ ารณใ์ ห้เปน็ ลำดบั เพ่ือให้
ผู้อ่านเข้าใจเร่ืองและเกิดความรคู้ ล้อยตาม
เรอื่ งราวที่ผ้เู ขยี นต้องการเลา่
12. การพดู แสดงความคดิ อย่างสร้างสรรค์ เปน็
การใชค้ วามคิดพจิ ารณาประเดน็ ต่าง ๆ โดยเปน็
ความคดิ ท่ีแปลกใหม่ น่าสนใจ และสร้างสรรค์
สงั คม ผู้พดู จงึ ต้องศกึ ษาเร่อื งน้ันอยา่ งละเอียด
วเิ คราะห์ วิจารณ์ และประเมินค่าอย่างมี
หลักเกณฑ์ เพื่อให้ผฟู้ ังได้รบั ประโยชน์ และ
สามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ในชีวิตจรงิ
119
ช่อื หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรียนรู้ การเรียนรู้ (ช่ัวโมง)
และตวั ชี้วดั
13. การพูดหรือเขยี นเล่าเรื่องทสี่ อดคล้องกับคำ
สอนในโคลงโลกนติ ิ เป็นการพูดหรอื เขยี นเพื่อ
แสดงให้เหน็ วา่ โคลงโลกนติ ิเป็นสุภิตคำสอนทมี่ ี
ความทันสมยั เหมาะสมกบั การดำเนนิ ชีวติ ใน
ปจั จุบัน ผ้พู ูดหรือเขียนเลา่ เรื่องต้องเข้าใจเนอื้ หา
ในโคลงโลกนติ ิจึงจะสามารถถนำมาเชื่อมโยงกับ
ชีวิตจรงิ ได้
14. การเขยี นกระทบู้ นกระดานสนทนาเปน็ การ
ส่ือสารประเภทหน่งึ บนสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ทีผ่ เู้ ขยี น
ควรเลอื กใช้ถ้อยคำให้กระชับ สุภาพ สอื่
ความหมายไดถ้ ูกตอ้ ง และเขียนเร่อื งทีส่ ร้างสรรค์
เพือ่ ให้เปน็ ประโยชนจ์ รงิ
15. การเขยี นบนั ทึกการเรยี นรเู้ ปน็ การเขียน
ความรู้ ความรู้สึก และความคดิ เห็นจากการอา่ น
วรรณคดี
สุภาษิตพระ ท 1.1 1. การศึกษาความหมายของคำศัพท์ในวรรณคดี 11 5
รว่ ง ม. 1/1,ม. 1/2, ทำให้เข้าใจเนื้อความของวรรณคดีเรื่องนั้นได้ 5
2. คำซ้อนเกิดจากการนำคำที่มีความหมาย
ม. 1/4,ม. 1/5, เหมือนกัน ใกล้เคียงกัน หรือตรงข้ามกัน มา
ม. 1/8,ม. 1/9 รวมกันให้เกิดคำใหม่ที่มีความหมาย
ท 2.1 3. สุภาษิตพระร่วงให้ข้อคิดคำสอนในการดำเนิน
ม. 1/1,ม. 1/6, ชีวิตหลายประการ ซึ่งสัมพันธ์กับโคลงโลกนิติ
ม. 1/9 และสภุ าษติ ไทย
120
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง)
และตวั ชี้วัด
ท 3.1 4. คำตา่ ง ๆ ทอ่ี ยู่ในเรื่องหรือข้อความ เรยี กว่า
ม. 1/3,ม. 1/6 บริบท บรบิ ท จะชว่ ยอธิบายให้เข้าใจคำยากบาง
คำได้ ทำใหผ้ ู้อา่ นเขา้ ใจเน้ือความจากเรอ่ื งได้
ท 4.1 ชัดเจนขึ้น
ม. 1/2,ม. 1/6 5. สภุ าษิตพระร่วงมีจดุ มงุ่ หมายเพอื่ เสนอแนว
ทางการประพฤตปิ ฏิบตั ิตนที่สามารถนำมา
ท 5.1 ประยกุ ตใ์ ช้ในการดำเนนิ ชีวติ
ม. 1/1,ม. 1/2, 6. การเขียนด้วยลายมือทสี่ วยงามเป็นระเบยี บ
ม.1/3,ม. 1/4, และถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี เป็นค่านิยมทด่ี ีงามและ
ม. 1/5 เปน็ การอนรุ ักษภ์ าษาไทย
7.สุภาษติ พระรว่ งให้ข้อคดิ คำสอนดี ๆ ท่คี วร
นำไปปฏบิ ตั ิในการดำเนินชวี ิตจงึ มีคุณคา่ ควรแก่
การทอ่ งจำเพื่อนำไปใชส้ ื่อสารอา้ งองิ
8. การเขียนแสดงความคดิ เห็น เป็นการใชเ้ หตผุ ล
และหลกั ฐานอ้างอิงมาประกอบ เพ่อื ให้ได้ข้อมูล
ท่ีนา่ เชอ่ื ถือ รูปแบบการเขยี นแสดงความคดิ เหน็
อาจจะเปน็ จดหมาย บทความ เรยี งความ หรอื
การตอบข้อสอบอัตนัย
9. การพดู ท่ดี ีตอ้ งมสี าระสำคัญ นำเสนออยา่ ง
เป็นลำดบั ขน้ั ตอน มีความชดั เจน เป็นประโยชน์
แกผ่ ฟู้ งั มีความคิดริเร่มิ แปลกใหม่ และ
สรา้ งสรรคส์ ังคม
121
ช่ือหน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรียนรู้ (ชว่ั โมง)
และตวั ช้ีวัด
10. สภุ าษติ พระรว่ งเปน็ วรรณคดีที่ทรงคุณคา่
ทางดา้ นภาษา มีแนวคดิ ในการดำเนนิ ชีวติ และ
สะทอ้ นภาพของสงั คมไทย
11. การสืบค้นข้อมลู และการเขยี นบนั ทึกการ
เรียนรเู้ ป็นการเพิ่มพนู ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
เพอื่ นำขอ้ คดิ ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิต
กาพย์ ท 1.1 1. การศึกษาความหมายของคำศัพท์ในวรรณคดี 18 10
พระไชย ม. 1/1,ม. 1/2, ทำให้เข้าใจเนื้อความของวรรณคดีเร่ืองนั้นได้ 10
สรุ ยิ า ม. 1/4,ม. 1/8, ชัดเจนขึ้น
ม. 1/9 2. การอ่านและจบั ใจความสำคัญได้ ทำให้
สามารถลำดบั เหตุการณ์ สรปุ เน้ือเร่อื งของ
ท 2.1 วรรณคดีได้ชัดเจน
ม. 1/1,ม. 1/9 3. เสยี งสระ เสยี งพยัญชนะ และเสยี งวรรณยุกต์
สามารถนำมาประกอบให้เกิดคำทีม่ ีความหมาย
ท 3.1 เพอ่ื ใชใ้ นภาษาไทย
ม. 1/5,ม. 1/6 4. หนว่ ยเสียงพยญั ชนะทา้ ยในภาษาไทยเป็น
หน่วยเสยี งตัวสะกดของคำซ่ึงมี 9 หนว่ ยเสียง
ท 4.1 5. คำที่อยใู่ นแม่ ก กา เปน็ คำทปี่ ระกอบขน้ึ จาก
ม. 1/1,ม. 1/2, หนว่ ยเสยี งพยญั ชนะตน้ หนว่ ยเสยี งสระและ
ม. 1/5 หน่วยเสยี งวรรณยุกต์ คำที่ประสมหน่วยเสยี งสระ
อำ ไอ ใอ เอา จะออกเสียงเหมือนมเี สียง
ท 5.1 พยัญชนะท้าย แตไ่ มป่ รากฏรูปพยัญชนะท่ีเปน็
ม. 1/1,ม. 1/2, ตัวสะกด
ม. 1/3,ม. 1/4,
ม. 1/5
122
ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ช่วั โมง)
และตวั ชี้วดั
7. คำซ้อนเปน็ คำทเี่ กิดจากการนำคำมูล
ต้งั แต่ 2 คำข้ึนไปมารวมกนั คำที่นำมารวมกัน
อาจมคี วามหมายเหมือนกนั คล้ายคลงึ กัน หรือ
ตรงขา้ มกนั ก็ได้ คำทเี่ กิดข้นึ จะมคี วามหมายใหม่
หรอื ยังมีเค้าของความหมายเดมิ
7. คำประสมเกิดจากจากการนำคำมลู ตง้ั แต่ 2
คำขน้ึ ไปมาประสมเปน็ คำใหม่ ท่มี คี วามหมาย
ใหมห่ รือยงั คงมีเคา้ ความหมายของคำเดิม
8. การอา่ นกาพยเ์ ป็นทำนองเสนาะผอู้ ่านต้อง
เขา้ ใจจงั หวะวรรรคตอน เขา้ ใจฉนั ทลกั ษณ์ และ
เนื้อหา ออกเสยี งถูกต้องตามอักขรวิธี ชัดเจน มี
สมาธใิ นการอา่ นและการควบคมุ เสียง
9. บทชมธรรมชาติในเร่อื ง กาพยพ์ ระไชยสุริยา
มคี วามงดงามไพเราะทางด้านวรรณศิลปแ์ ละสอ่ื
จินตภาพท่ีงดงาม
10. กาพย์ยานี 11 หนง่ึ บทประกอบด้วย บาท
เอกและบาทโท บาทหน่งึ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรค
หน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 6 คำ และมีสมั ผสั บงั คบั
ระหวา่ งวรรคและระหว่างบท
11. การพดู เสนอความรู้ เปน็ การพูดเพ่ือแสดง
ความรแู้ ละขอ้ เท็จจรงิ ให้เหน็ ชดั เจนเป็นลำดับ
ขั้นตอน มจี ุดมงุ่ หมายเพื่อให้ผู้ฟังได้รบั ความรู้
การพูดเสนอความรู้มที ง้ั การบรรยาย
123
ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรียนรู้ การเรยี นรู้ (ชัว่ โมง)
และตวั ช้ีวัด
12. กาพย์พระไชยสรุ ิยามคี ุณค่าทางด้าน
วรรณศิลป์ ให้ความรหู้ ลกั ภาษาไทย และมีคณุ ค่า
ทางด้านแนวคิด เนื้อหา และสงั คมใน
การสอดแทรกคติธรรมคำสอน เสนอแนวทาง
การแก้ไขปัญหาของสังคม
13. สนุ ทรภเู่ ป็นกวที ี่มคี วามสามารถใน
การประพนั ธ์ วรรณคดขี องท่านให้ทงั้ ความรูแ้ ละ
ขอ้ คิดหลายประการ อกี ทัง้ สะทอ้ นสภาพสังคม
ซ่ึงลว้ นแต่เป็นประโยชน์สามารถนำไปประยุกต์ใช้
ในการดำเนินชีวติ ได้อย่างดี
นทิ าน ท 1.1 ม. 1/2, 1. นทิ านพืน้ บา้ นเปน็ เรื่องเล่าท่ีเลา่ สบื ตอ่ กันมา 16 10
พ้ืนบา้ น
ม. 1/4, ม. 1/8, ในทอ้ งถน่ิ ใดท้องถ่ินหนง่ึ และแพร่หลายไปยัง
ม. 1/9 ทอ้ งถ่นิ อื่น จึงมักมีการใชค้ ำภาษาถ่นิ หรือคำท่ี
เกี่ยวข้องกับวฒั นธรรมของท้องถิ่นนั้น
ท 2.1 ม. 1/7, การเรยี นรคู้ ำศัพท์เหล่าน้ีจะทำใหศ้ ึกษานิทาน
ม. 1/8, ม. 1/9 พน้ื บ้านได้เขา้ ใจมากยิง่ ขึ้น
ท 3.1 ม. 1/2, 2. คำพ้องความหมายหรอื คำไวพจน์เปน็ คำที่มี
ม. 1/6 ความหมายเหมือนกนั หรือใกลเ้ คียงกันแต่ใชร้ ูป
ท 4.1 ม. 1/2 เขียนตา่ ง ๆ กัน การเรียนร้คู ำไวพจนท์ ำให้
สามารถเลือกคำมาใช้ในบริบทต่าง ๆได้เหมาะสม
ท 5.1 ม. 1/1, และหลากหลาย
ม. 1/2, ม.1/3,
ม. 1/4
124
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ เวลา คะแนน
การเรียนรู้ การเรยี นรู้ (ช่ัวโมง)
และตัวช้ีวดั
3. สังข์ทองเป็นนิทานพ้ืนบา้ นท่ีไดร้ บั ความนิยม
อยา่ งแพร่หลาย เพราะเน้อื เรอ่ื งสนกุ สนานนา่
ติดตาม และให้ข้อคิดทส่ี ะท้อนค่านิยมของคน
ไทยเรือ่ ง ความกตัญญูกตเวทีตอ่ ผู้มีพระคุณและ
แสดงให้เหน็ ว่าคุณค่าความดีของคนอยูจ่ ิตใจไมใ่ ช่
รูปกายภายนอก
4. นิทานพน้ื บ้านเรื่องสงั ข์ทองมีความสัมพนั ธ์กับ
วธิ ชี วี ติ ของคนไทยในท้องถิ่นต่าง ๆ ทงั้ ด้าน
จติ รกรรม เพลงกลอ่ มเด็ก การละเล่นพืน้ บา้ น
ปรศิ นาคำทาย และสำนวนโวหาร
5. นทิ านดพ้ืนบ้านในภาคตา่ ง ๆ จะมเี ร่ืองราว
แตกตา่ งกันตามสภาพแวดลอ้ มและลกั ษณะทาง
วัฒนธรรมของแต่ละท้องถน่ิ
6. พระลอเปน็ นิทานพนื้ บ้านของภาคเหนือทเ่ี ล่า
สบื ตอ่ กันมา ซ่งึ สะทอ้ นให้เห็นสภาพสงั คมและ
วัฒนธรรมของท้องถิ่น และความเป็นมาของพระ
ธาตุพระลอในจงั หวดั แพร่ ที่เชอ่ื ว่าเปน็ สถานท่ี
บรรจุอัฐิของพระลอและพระเพ่อื น พระแพง
7. พญาคันคากเป็นนิทานพืน้ บา้ นของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนอื ทส่ี ะท้อนภาพความแหง้ แล้ง
และการขอฝนอนั เปน็ ตน้ กำเนดิ ของประเพณบี ญุ
บง้ั ไฟ
125
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั เวลา คะแนน
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง)
และตัวชี้วัด
8. นทิ านพ้นื บา้ นภาคกลางหลายเรื่องเป็นทร่ี ู้จัก
กันดี เน่ืองจากได้รับการนำมาสร้างเปน็ การต์ ูน
หรือละครโทรทัศน์ และบางเร่อื งก็มกี ารนำมา
แต่งเปน็ วรรณคดดี ้วย
9. ภมู ปิ ระเทศของภาคตะวนั ออกและภาคใตส้ ่วน
ใหญ่ตดิ ทะเล มีชายหาด เกาะ และภูเขาเรื่องราว
ของนิทานพน้ื บ้านจึงมักอธิบายท่มี าของสถานท่ี
เหล่านนั้ และสะท้อนวิถชี ีวติ ของผคู้ นที่อยใู่ กล้
ทะเล
10. การนำประสบการณจ์ ากการฟังและดูนิทาน
พน้ื บา้ นมาเขียนเปน็ เร่ืองยอ่ และฝึกเขียน
บรรยายภาพวาดเปน็ ทักษะที่จะสามารถนำไป
แต่งเป็นหนังสอื เล่มเล็กไดท้ ั้งนิทานของไทยและ
ของประเทศอาเซียนมาแต่ง ทำใหเ้ กิดความรู้
ความเขา้ ใจในเนื้อหานิทานพ้ืนบ้านเร่ืองน้ัน ๆ
ชัดเจนขึ้น
11. การเลา่ นิทานเป็นการถา่ ยทอดความ
สนกุ สนานเพลดิ เพลินจากนิทานฝา่ นน้ำเสยี งและ
ลีลาท่าทางของผเู้ ล่า ซงึ่ อาจใชอ้ ุปกรณ์อ่นื ๆ
ประกอบเพ่ือเพ่ิมความสนกุ สนานและส่งเสริม
จนิ ตนาการแกผ่ ู้ฟัง การเลา่ นทิ านพื้นบา้ นเปน็
การสบื สานภมู ิปัญญาท้องถิน่ อกี วธิ หี น่ึง
ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั 126
การเรียนรู้ การเรยี นรู้ เวลา คะแนน
และตวั ช้ีวดั (ชว่ั โมง)
12.นิทานพน้ื บา้ นแต่ละเรื่องให้ขอ้ คิดทเี่ ป็น 20
ประโยชน์ ซึ่งสามารถนำมาสอนใจและ 30
ประยกุ ต์ใช้ได้ 100
สอบกลางภาคเรยี น
สอบปลายภาคเรยี น
รวม
127
โครงสร้างรายวิชาพนื้ ฐาน
รหัสวิชา ท 21102 ชื่อวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ
อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างเรยี น: ปลายภาค = 70 : 30
หน่วยท่ี/ช่อื มาตรฐานตวั ช้วี ดั สาระสำคญั จำนวน น้ำหนกั
ชว่ั โมง คะแนน
1 ท 5.1 -นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีที่ชว่ ยจรรโลงจิตใจ 16 15
ความรู้ ม.1/1 พฒั นาความคิดและปลกู ฝังคุณธรรม เดน่ ด้าน
พนื้ ฐานทาง ม. 1/2 วรรณศิลป์ มีเนื้อหาทใ่ี ห้ขอ้ คดิ และสะทอ้ นวถิ ี
ภาษา ม.1/3 ชีวิตไทย ควรใช้หลักการพิจารณาคณุ ค่างาน
(2) ม. 1/4 วรรณกรรมเพ่ือพิจารณางานเขยี นนี้
ท 5.1 -การท่องจำบทประพนั ธท์ ีม่ ีคุณค่าทำใหเ้ กดิ ความ
ม.1/5 รัก ความซาบซึ้งในวรรณคดี เปน็ การฝกึ อา่ นออก
เสียงคำให้ถูกตอ้ งและไพเราะ สามารถนำสิ่งที่จำ
ไปใชอ้ า้ งอิงในการเขยี นหรือการพดู
ท 4.1 -คำทง้ั 7 ชนดิ มหี นา้ ทแี่ ละวธิ ใี ชแ้ ตกตา่ งกนั ออกไป
ม.1/3 การเรียนรู้ลักษณะของคำไทย จำแนกคำได้ และ
สามารถใช้คำไทยเพือ่ สร้างกลุ่มคำและประโยคได้
อยา่ งถูกต้องน้นั จะชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
ท 4.1 -การเรยี บเรยี งคำให้ไดใ้ จความสมบูรณ์ การสรา้ ง
ม.1/3 ประโยค การใชป้ ระโยคอย่างมปี ระสิทธิภาพจะทำ
ใหก้ ารสือ่ สารสัมฤทธผิ ล
2 ท 1.1 -การอา่ นออกเสียงรอ้ ยแก้ว ต้องเข้าใจเนอื้ เรื่อง 15 15
พัฒนา ม.1.1 สังเกตคำและข้อความท่เี ปน็ ใจความสำคญั เพ่อื เนน้
ทกั ษะภาษา ท 2.1 เสียง และฝกึ อ่านคำยากใหถ้ ูกตอ้ ง
(2) ม.1/2 -เร่ือง ราชาธริ าชเป็นพงศาวดารมอญ เปน็ เรื่อง
ท 5.1 เกีย่ วกับการทำสงครามระหว่างมอญกับพมา่
ม.1/1 เนอ้ื หาให้ข้อคดิ และมีโวหารสละสลวย วรรณคดี
ม.1/2 สโมสรยกยอ่ งว่าเปน็ ยอดความเรียงรอ้ ยแก้ว
ม.1/3
ม.1/4
ท 2.1 -การยอ่ ความช่วยใหก้ ารฟงั การอ่าน การเขยี น
ม.1/3 และการพดู มีประสทิ ธภิ าพ เพราะทำใหข้ ้อความ
ม.1/4 กระชับ ต้องฝึกจบั ประเด็นสำคญั ของเรื่อง เขา้ ใจ
ม.1/6 รูปแบบ และหลกั เกณฑ์การย่อความ
ท 3.1
ม. 1/6 -การฟงั การดู การสงั เกตส่งิ ตา่ งๆ ผู้รับสารต้อง 15 128
รู้จกั เลือกดู เลือกฟัง และเลือกสังเกต ส่ิงท่ีเปน็ 10
ท 3.1 ประโยชน์ ดังน้ันจงึ ควรฝกึ พฤติกรรมโดยคำนงึ ถงึ
ม.1/3 หลกั การและมารยาทที่เหมาะสม
-การพูดแสดงความคิดเหน็ อย่างสร้างสรรค์เปน็ การ
ท 2.1 ถ่ายทอดความคดิ ที่ไดจ้ ากประสบการณ์ ผู้พูดตอ้ ง
ม.1/3 ใชห้ ลักการแสดงความคิด และมีมารยาทในการพูด
ม.1/4 -การเขยี นเรยี งความบรรยายประสบการณ์โดยระบุ
ม.1/6 สาระสำคัญและรายละเอยี ดสนบั สนุนและเขยี น
3 ท 1.1 แสดงความคิดเห็นเป็นการบรู ณาการทักษะภาษา
ม่งุ สู่ความ ม.1/1
ชำนาญ (2) ท 5.1 -กาพย์เหช่ มเครอ่ื งคาวหวานเป็นบทพระราช-
ม 1/1 นพิ นธใ์ นรัชกาลที่ 2 พรรณนาเก่ยี วกบั อาหารไทย
ม 1/2 อยา่ งไดอ้ รรถรส สะท้อนวฒั นธรรมดา้ นอาหาร มี
ม 1/3 คุณค่าด้านวรรณศิลปแ์ ละด้านสงั คม
ม 1/4
ท 4.1 -การประพันธ์บทร้อยกรอง ต้องมีกลวธิ ีการใช้คำ
ม. 1/5 และใชฉ้ นั ทลกั ษณ์ให้ถูกตอ้ ง
ท 2.1 -การเขียนจดหมายส่วนตวั และจดหมายกิจธรุ ะ
ม.1/7 ต้องใช้รปู แบบที่ถูกต้อง มีเน้ือหาสรา้ งสรรค์
ภาษาถูกต้อง ชดั เจนตรงตามจุดประสงคเ์ หมาะสม
ท 1.1 กบั ระดับบุคคล มคี วามสะอาดเรยี บร้อยประณีต
ม.1/4 -คำบางคำอาจมีความหมายโดยตรงและ
ความหมายเชงิ เปรียบเทยี บ ต้องพิจารณาบริบท
ท 1.1 ของคำ จึงจะแปลความหมายได้ถูกตอ้ ง
ม.1/5
-การตีความคำยากในเอกสารวชิ าการ ต้องแปล
ท 1.1 ความโดยใช้พจนานุกรมและพิจารณาบริบทของคำ
ม.1/6 จงึ จะได้ความหมายของคำท่ีถูกต้องชดั เจน
-งานเขียนประเภทชกั จูงโน้มน้าวใจ ต้องประเมนิ
ท 1.1 ความน่าเชือ่ ถือของเนื้อความโดยใช้หลกั การ
ม.1/7 เหตผุ ลท่พี ิสูจน์ได้และได้รับการยอมรับโดยทว่ั ไป
-คมู่ อื แนะนำวธิ กี ารใชง้ านของเคร่อื งมอื หรือ
เครอื่ งใช้ ทำใหผ้ ู้อ่านเข้าใจวธิ กี ารใช้เครอ่ื งมอื
เคร่อื งใชต้ ่างๆได้ตรงตามวตั ถุประสงคแ์ ละนำไปใช้
ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ย่างเต็มท่ี
129
4 ส่ือสาร ท 1.1 -การอา่ นจับใจความสำคญั และการวเิ คราะหโ์ ดยใช้ 12 20
อยา่ งหลาก ม.1/ 2 หลกั 5W 1H และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
หลาย (2 ) ม.1/3 พอเพียง เป็นหลักการอ่านที่นำไปใชใ้ นการอ่าน 20
ม.1/6 เรื่องตา่ งๆไดเ้ ปน็ อย่างดี 30
ท 2.1 -การเขียนรายงานเปน็ การนำเสนอความรทู้ ่ีไดจ้ าก 100
ม.1/8 การศึกษาคน้ คว้า ต้องเขยี นตามรูปแบบ มกี าร
กำหนดขอบเขตของเนอ้ื หา วางแผนการทำงาน
ท.3.1 เพอื่ ให้ไดง้ านที่มีประสทิ ธิภาพ
ม.1/5 -การพูดรายงานเรอื่ งทศ่ี ึกษาคน้ ควา้ เป็นการพูด
เพอื่ ใหผ้ ฟู้ งั ไดร้ บั ทราบข้อมลู และเกดิ ความเข้าใจ
ท 2.1 ผพู้ ดู ต้องรายงานข้อมลู ท่ีถูกต้อง ชัดเจน เพื่อให้
ม.1/8 ผฟู้ ังได้รับประโยชน์อยา่ งเต็มท่ี
-โครงงานเป็นการศึกษาเพ่ือแสวงหาความรู้ หรือ
สร้างสงิ่ ประดษิ ฐ์ใหม่ โดยใชก้ ระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงานเป็นสว่ น
หนง่ึ ในการนำเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าอย่างเปน็
ระบบ
สอบกลางภาคเรียน
สอบปลายภาคเรยี น
รวม
130
โครงสร้างรายวชิ าพน้ื ฐาน
รหสั วชิ า ท 22101 ชอื่ วิชา ภาษาไทยพ้ืนฐาน กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
อตั ราส่วนคะแนนระหว่างเรยี น : ต่อปลายภาค = 70/30
ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา คะแนน
เรียนรู้ เรียนรู้/ตวั ช้วี ดั (ชั่วโมง)
1. รอ้ ยเรยี ง ท 5.1 ม.2/5 ทอ่ งจำบทอาขยาน และบทร้อย 16 5
สำเนียงเสนาะ ท 2.1 ม.2/1 กรองที่มีคุณคา่ , คัดลายมือตัว
ท 2.1 ม.2/8 บรรจงครงึ่ บรรทัด, วเิ คราะห์ 5
ท 5.1 ม.2/2 วจิ ารณ์ และอธบิ ายคุณคา่ ของ
ท 5.1 ม.2/3 วรรณคดี วรรณกรรมที่อ่าน,
ท 1.1 ม.2/1 อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบท
ท 1.1 ม.2/8 ร้อยกรอง,
ท 1.1 ม.2/3 เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความ
ท 5.1 ม.2/4 เข้าใจในบทเรยี น, สรุปความรู้ 5
ท 4.1 ม.2/3 และข้อคดิ จากการอา่ นไป
ประยุกต์ใช้
แต่งบทร้อยกรอง
2. อา่ น เขยี น ท 1.1 ม.2/1 อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบท 11 5
เรียนคำไทย ท 5.1 ม.2/3 ร้อยกรอง, อธิบายคุณค่าของ 5
และการใช้คำ ท 5.1 ม.2/4 วรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ น,
ตา่ งแดน ท 1.1 ม.2/7 สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากการ
ท 1.1 ม.2/8 อา่ นไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ ,
ท 4.1 ม.2/5 อ่านหนงั สือ บทความ หรอื คำ
ท 2.1 ม.2/5 ประพนั ธอ์ ย่างหลากหลาย และ 5
ประเมนิ คุณคา่ หรือแนวคิดที่ได้
จากการอ่าน เพ่ือนำไปใช้
แกป้ ญั หาในชวี ิต, มีมารยาทใน
การอา่ น, ศึกษาคำไทยและ
รวบรวมพร้อมอธิบายความหมาย
คำภาษาต่างประเทศ
ทใ่ี ชใ้ นภาษาไทย, การเขยี น
รายงานการศึกษาค้นควา้
3. คุณค่า ท 1.1 ม.2/1 อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบท 15 5
วรรณกรรมนำ ท 1.1 ม.2/2 ร้อยกรองได้ถกู ต้อง,
ชีวิต ท 5.1 ม.2/2 จับใจความสำคญั สรุปความ และ 5
ท 5.1 ม.2/3 อธบิ ายรายละเอยี ด
4. เรียนร้หู ลกั ท 5.1 ม.2/4 จากเรอื่ งที่อา่ น, วิเคราะห์ วจิ ารณ์ 13 131
ประจกั ษภ์ าษา ท 3.1 ม.2/5 และอธิบายคุณค่าของวรรณคดี 2
ท 3.1 ม.2/6 วรรณกรรม และวรรณกรรม 5
5. ก.พ. ร่วมคดิ ท 4.1 ม.2/1 ทอ้ งถ่ินที่อ่าน พร้อมยกเหตุผล
พชิ ติ ขยะ 5
ประกอบ, สรปุ ความรู้และข้อคดิ
จากการอ่านไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิต 20
จรงิ , พูดรายงานเร่อื งหรือ 30
ประเด็นท่ีศกึ ษาค้นคว้าจากการ 100
ฟงั การดู และการสนทนา, มีมาร
ยานในการฟงั การดู และการพูด
ท 1.1 ม.2/1 อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบท
ท 1.1 ม.2/8 รอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง,
ท 5.1 ม.2/1 มมี ารยาทในการอา่ น, สรปุ เนอ้ื หา
ท 5.1 ม.2/3 วรรณคดแี ละวรรณกรรม ทีอ่ ่าน
ท 4.1 ม.2/1 ในระดับทีย่ ากขึน้ , อธิบายคุณคา่
ท 1.1 ม.2/7 ของวรรณคดี และวรรณกรรม ท่ี
อ่าน, อา่ นหนังสอื บทความ หรอื
คำประพนั ธ์อย่างหลากหลาย
และประเมนิ คุณคา่ หรือแนวคิดที่
ได้จากการอา่ น เพ่ือนำไปใช้
แก้ปญั หาในชวี ิต มมี ารยาทในการ
อ่าน, การสรา้ งคำในภาษาไทย
ท 3.1 ม.2/3 การจัดการเรียนรู้โดยใชแ้ นวคิด
ท 3.1 ม.2/6 “STAR STEMS” ด้านการ
ปลูกฝงั ค่านยิ มและจติ สำนึกใน
เรอ่ื งระเบียบวนิ ัย การอนรุ ักษ์
สงิ่ แวดล้อม และการรกั ษาความ
สะอาดภายในโรงเรยี น เพือ่ ทำให้
ปรมิ าณขยะลดลงโดยใช้
กระบวนการดู การฟัง การพูด
วเิ คราะหแ์ ละวิจารณเ์ รอื่ งท่ฟี ัง
และดู เพื่อนำข้อคิดมาประยุกตใ์ ช้
ในการดำเนินชวี ติ
สอบกลางภาคเรียน
สอบปลายภาคเรยี น
รวม
132
โครงสร้างรายวิชาพนื้ ฐาน
รหสั วิชา ท 21102 ชือ่ วิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ
อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งเรยี น : ตอ่ ปลายภาค = 70/30
ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา คะแนน
เรยี นรู้ (ช่วั โมง) 5
เรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด/
1. คำราชาศัพท์ 4
ผลการเรยี นรู้
ท 1.1 ม. 2/2 ร้ทู ีม่ าและความสำคัญของคำราชา
ท 1.1 ม. 2/8 ศพั ท์ และการใชค้ ำราชาศัพท์ให้
ท 4.1 ม. 2/4 เหมาะสมกับลำดบั ชน้ั ต่าง ๆ ของ
บุคคล ทง้ั ด้านชาติวุฒิ วยั วุฒิ และ
คณุ วุฒิ
2. โคลงภาพพระ ท 1.1 ม. 2/1 การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง การ 4 5
ราชพงศาวดาร ท 1.1 ม. 2/2 อ่านจับใจความ สรปุ ความ อธิบาย 4 5
ท 1.1 ม. 2/7 รายละเอียด วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และนำ 9 5
3. กาพยห์ ่อโคลง ท 2.1 ม. 2/2 ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมที่
ประพาสธาร ท 5.1 ม. 2/1 อา่ นไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ
ทองแดง ท 5.1 ม. 2/2
ท 5.1 ม. 2/4 การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง การ
4. รกั การอ่าน ท 4.1 ม. 2/3 อ่านจับใจความ สรุปความ อธบิ าย
ท 5.1 ม. 2/1 คณุ คา่ และนำข้อคิดจากวรรณคดีและ
ท 5.1 ม. 2/3 วรรณกรรมท่ีอา่ นไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ
ท 5.1 ม. 2/4 จริง แตง่ บทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์
ท 1.1 ม. 2/1 ท หรือโคลง
1.1 ม. 2/2 การอา่ นจบั ใจความและเขยี นผงั ความคดิ
ท 1.1 ม. 2/3 การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง ข้อสนบั สนุน และ
ท 1.1 ม. 2/5 ข้อคดิ เห็นจากบทความทีอ่ า่ น การระบุ
ท 1.1 ม. 2/6 ข้อสงั เกต การชวนเชอ่ื การโนม้
ท 1.1 ม. 2/7 น้าว หรือความสมเหตุสมผลของงานเขียน
ท 1.1 ม. 2/8 การอภิปรายและประเมินคณุ คา่ ทไ่ี ด้จากการ
อ่าน มมี ารยาทในการอา่ น
-
ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา 133
เรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน
เรียนรู/้ ตัวชีว้ ดั /
5. รักการเขยี น 9 5
ผลการเรยี นรู้
6 5
ท 2.1 ม. 2/2 การเขยี นย่อความให้กะทดั รดั ถกู ต้อง 12 5
5
ท 2.1 ม. 2/3 บรบิ รู ณ์ การเขียนบรรยายและ 12
5
ท 2.1 ม. 2/4 พรรณนา การเขยี นเรยี งความเกยี่ วกบั 5
ท 2.1 ม. 2/6 ประสบการณ์ การเขยี นจดหมายกจิ 20
30
ท 2.1 ม. 2/7 ธรุ ะ มมี ารยาทในการเขียน 100
ท 2.1 ม. 2/8
6. ลักษณะของ ท 2.1 ม. 2/8 พูดและเขยี นประโยคภาษาไทยให้
ประโยค ท 4.1 ม. 2/2 ถูกต้อง ชัดเจน เข้าใจงา่ ย
7. โคลงสภุ าษติ ท 1.1 ม. 2/1 การอา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง สรุป
พระราชนพิ นธ์ ท 5.1 ม. 2/1 เนื้อหา วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ คุณค่า
พระบาทสมเดจ็ ท 5.1 ม. 2/2 วรรณคดี สรปุ ความรูแ้ ละขอ้ คดิ จาก
พระจลุ จอมเกล้า ท 5.1 ม. 2/4 วรรณคดที ่ีอ่านไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ
เจา้ อยูห่ วั ท 5.1 ม. 2/4 จรงิ
8. การฟัง การดู ท 2.1 ม. 2/8 การพดู สรุปความจากเร่ืองที่ฟังและดู
และการพูด ท 3.1 ม. 2/1 การเขยี นและพูดวเิ คราะห์ วิจารณ์
ท 3.1 ม. 2/2 ข้อเท็จจริง ขอ้ คิดเห็น และความ
ท 3.1 ม. 2/3 นา่ เชื่อถอื ของข่าวสารจากสื่อต่างๆ
ท 3.1 ม. 2/4 การพดู ในโอกาสตา่ งๆ ได้อย่าง
ท 3.1 ม. 2/6 เหมาะสมและมีประสทิ ธภิ าพ มี
มารยาทในการฟัง การดู และการพูด
สอบกลางภาคเรยี น
สอบปลายภาคเรียน
รวม
134
โครงสร้างรายวชิ าพ้ืนฐาน
รหสั วชิ า ท 23101 ชื่อวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต
อัตราส่วนคะแนนระหว่างเรียน : ตอ่ ปลายภาค = 70 : 30
ชือ่ หน่วย มาตรฐานตัวช้ีวดั สาระสำคญั จำนวน นำ้ หนกั
ชว่ั โมง คะแนน
ปฐมบททกั ษะ ท 1.1 ม.3/1-3 การศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมจะทำ 20 3
ม.3/10 ใหส้ รปุ เนอ้ื หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณคดี 5
8
ท 2.1 ม.3/1 ทอ้ งถ่นิ และสรปุ ความรู้และข้อคดิ จากการอา่ นเพ่อื
ม.3/2 นำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จริง 4
ม.3/4
การศึกษาและทำความเขา้ ใจหลกั การอ่าน
ม.3/6 ออกเสียงรอ้ ยแก้ว และหลักการอา่ นจบั ใจความ
ม.3/10 สำคัญ จะทำใหอ้ ่านออกเสยี งรอ้ ยแกว้ ได้อยา่ ง
ท 3.1 ม.3/1-2 ถูกต้อง เหมาะสมกบั เรื่องทีอ่ ่าน ระบคุ วามแตกต่าง
ม.3/6 ของคำที่มีความหมายโดยตรงและความหมาย
ท 4.1 ม.3/3 โดยนยั ระบใุ จความสำคญั และรายละเอียดของ
ท 5.1 ม.3/1 ขอ้ มูลทีส่ นับสนุนการอ่าน และมีมารยาทในการ
ม.3/3 อ่าน
การท่องจำคำประพันธ์บทอาขยาน เป็น
การท่องบทร้อยกรองที่มีคุณค่าเช่น ค่านิยม 12
ประการ เพื่อให้นักเรียนเกิดความซาบซึ้งถึงความ
งดงามของภาษาและเป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้
นำไปสกู่ ารดำเนนิ ชวี ติ ที่ดีงามและสามารถเขียนบท
อาขยานไดถ้ ูกต้อง
เขียนอธิบายข้อมูลและประโยชน์ของ
พรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตร์ด้วยลายมือตัวบรรจง
คร่ึงบรรทดั
การสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดูต้อง
สามารถจับประเด็นสำคัญเพื่อให้ได้รับความรู้
นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้(บูรณาการอาเซยี น)
การศึกษาระดับภาษาและการเขียน
รูปแบบต่างๆ จะทำให้เขียนข้อความโดยใช้
ข้อความได้ถูกต้องตามระดับภาษา เขียนย่อความ
เขียนแสดงความคดิ เห็น และมมี ารยาทในการเขยี น
การศึกษาหลักการพูดแสดงความคดิ เห็น
จะทำให้พูดแสดงความคดิ เหน็ วเิ คราะห์ วิจารณ์
135
ชื่อหน่วย มาตรฐานตัวชี้วัด สาระสำคัญ จำนวน น้ำหนัก
ชว่ั โมง คะแนน
และประเมินเรื่องจากการฟงั การดู นำข้อคิดไปใช้
ในการดำเนินชีวิตและมีมารยาทในการพดู
อกั ขระ ท 1.1 ม.3/1 การศึกษาหลักอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง 16 3
สมั พนั ธ์ ม.3/3 และวรรณคดปี ระเภทนิทานคำกลอนทำให้ระบุใจความ 2
ม.3/7 สำคัญ วิจารณ์เรื่องที่อ่านอย่างสมเหตุสมผลและมี
ม.3/10 มารยาทในการอ่าน 10
ท 3.1 ม.3/3 การศกึ ษาวรรณคดี วรรณกรรมและ
ม.3/6 วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ เก่ยี วกับบนั เทงิ คดี บทอาขยานทำ
ให้วเิ คราะหว์ ถิ ไี ทยและคณุ ค่าจากวรรณคดีและ
ท 4.1 ม.3/1 วรรณกรรม ทอ่ งบทอาขยานตามทกี่ ำหนดและบทร้อย
ท 5.1 ม.3/1-4 กรองท่ีมีคุณคา่ ตามความสนใจ แล้วสรุปความร้แู ละ
ขอ้ คดิ เพ่อื นำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ นำไปอ้างองิ
และร่วมอนุรักษ์สบื สานวรรณคดีไทย
การศึกษาหลกั การพูดรายงานและพดู รายงาน
จากประเดน็ ที่ศกึ ษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และการ
สนทนาได้อยา่ งถูกต้องทำให้มีทักษะในการสอ่ื สารได้
อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและมีมารยาทในการพดู
การศึกษาหลกั การเขียนรายงานศกึ ษาค้นคว้า
และเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้าทำให้มีทักษะ
ในการเขียนรายงานทถ่ี ูกต้องและมีมารยาทในการเขยี น
การศึกษาฉันทลักษณ์บทร้อยกรองประเภท
กลอนสภุ าพและโคลงสส่ี ภุ าพแต่งบทร้อยกรองได้อย่าง
ถูกตอ้ งสละสลวยและมมี ารยาทในการเขยี น(บูรณาการ
สวนพฤกษศาสตร)์
สร้าง ท 1.1 ม.3/3 การศึกษาหลักการเขียนจดหมายกิจธุระ 18 5
10
สรรค์ ม.3/5-6 ทำให้การเขียนจดหมายกิจธุระ จดหมายเชิญ
วรรณ ม.3/10 วิทยากร จดหมายแสดงความขอบคุณ กรอกแบบ
กรรม ท 2.1 ม.3/3 สมัครงาน เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและ
ม.3/5 โครงงานได้ถูกต้องตามรูปแบบใช้ถ้อยคำเหมาะสม
ม.3/6 และมีมารยาทในการเขียน
ม.3/8 การศึกษาหลักการพูดวิเคราะห์ วิจารณ์
ม.3/9 และการพูดในโอกาสทำให้การพูดวิเคราะห์และ
ม.3/10 วิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ใน
ท 3.1 ม.3/2 การดำเนินชีวิตและพูดในโอกาสต่างๆ ได้อย่าง
ม.3/4
136
ชือ่ หน่วย มาตรฐานตวั ช้ีวัด สาระสำคัญ จำนวน นำ้ หนกั
ช่ัวโมง คะแนน
ม.3/6 ถูกต้องเหมาะสมสร้างสรรค์และมีมารยาทในการ
ท 4.1 ม.3/5 ฟัง การดแู ละการพูด 20
ท 5.1 ม.3/1 (บูรณาการหลักปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง) 30
คำศพั ท์ทางวิชาการ หมายถึง คำศัพท์ท่ีกล่าวถึง 100
ม.3/3 หรอื อธบิ ายเรอ่ื งราวที่เป็นความรทู้ างวชิ าการแขนง
ต่างๆ การเรียนรู้คำศัพท์ทางวิชาการวิชาชีพและ
วิชาชีพจำทำใหเ้ ข้าใจเรือ่ งทอ่ี ่านหรือเรือ่ งท่ฟี งั ได้ดี
การศึกษาวรรณคดี วรรณกรรมและ
วรรณกรรมท้องถิ่นทำให้สรุปความรู้และข้อคิดจากการ
อ่านวรรณคดีวรรณกรรมท้องถิ่น เกี่ยวกับสุภาษิต คำ
สอนและเหตุการณใ์ นประวตั ิศาสตร์
สอบกลางภาคเรียน
สอบปลายภาคเรยี น
รวม
137
โครงสรา้ งรายวชิ าพนื้ ฐาน
รหัสวิชา ท 23102 ช่ือวชิ า ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ
อัตราสว่ นคะแนนระหว่างเรียน : ต่อปลายภาค = 70 : 30
หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐาน สาระสำคญั จำนวนช่วั โมง นำ้ หนกั
ที่ ตัวชี้วดั 10 คะแนน
ท1.1ม.3/1 การศึกษาข้อมลู เบื้องตน้
1 เอกลกั ษณ์ ม.3/6-10 เกยี่ วกับวรรณคดี ประวตั ผิ ู้แต่ง 10 10
จุดประสงคใ์ นการแต่ง บท
ภาษา ท 5.1 วเิ คราะหว์ ิจารณใ์ นวรรณคดี 8 10
ม.3/1-3 การศึกษาภาษติ โบราณในด้าน
รคู้ า่ คณุ ธรรม แง่คดิ คุณธรรม 5
การดำเนินชีวติ โดยมุง่ ใหเ้ กิดการ
นอ้ มนำปฏิบตั ิ ส่งั สอนและเตือนใจ เปน็ วิธกี าร
ทีด่ ใี นการศกึ ษาวรรณคดีทำให้
2 ต้ังตน้ งานเขียน ท 2.1 การเรียนรูเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพไดด้ ี
และประหยดั เวลา
รู้เรียนวิเคราะห์ ม.3/1 การคัดลายมือและเขยี นตัว
บรรจงครึ่งบรรทดั เปน็ สง่ิ สำคัญ
เจาะลกึ ม.3/7 ในการเรียนการสอน เพราะจะ
ทำให้ผเู้ รยี นและผสู้ อนสื่อสาร
ประโยค ม.3/10 กนั ไดง้ ่ายและรวดเร็วรวมถงึ การ
เขยี นแสดงความคิดเห็นโดย
ท 4.1 อาศยั ความรูแ้ ละบริบทจากการ
อ่านมาประกอบอยา่ งมีมารยาท
ม.3/2 ช่วยใหก้ ารจดั การเรียนการสอน
เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
3 วิจารณ์โน้มนา้ ว ท 3.1 การแสดงความคิดเห็นจากเรื่อง
เข้าใจสำนวน ม.3/1 ท่ฟี ังและดโู ดยใชร้ ะดับความรู้
เชิญชวนทศั นา ม.3/5 ของผเู้ รียนเปน็ แนวทางในการ
ม.3/6 แสดงออกการพดู โนม้ นา้ วโดย
การนำสำนวนโวหารจากเร่ืองมา
เปรียบเทียบกับชีวิตจรงิ ของ
ผู้เรยี นไดอ้ ยา่ งน่าเช่ือถือและมี
มารยาท
หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระสำคัญ จำนวนชั่วโมง 138
ท่ี ตวั ช้วี ัด 7 นำ้ หนกั
คะแนน
4 รู้ค่าโคลงสี่ ท 4.1 การแตง่ คำประพนั ธ์ควรศึกษา 22
5
พฒั นาฝมี อื ม.3/6 ฉนั ทลกั ษณ์ของคำประพนั ธน์ ัน้ ๆ
เพราะมีความสำคัญที่นักเรียน 20
นับถอื ศรัทธา จะนำความรู้ไปแตง่ คำประพันธ์
20
นัน้ ๆในโอกาสต่างๆ ใน 30
ชีวติ ประจำวันได้ 100
5 สร้างองค์ ท 1.1 การสรปุ และประเมินความรจู้ าก
ความรู้ ม.3/1-10 การอา่ นจบั ใจความตีความ
สู่การทดสอบ
ตามมาตรฐาน ท 2.1 วิเคราะหค์ วามและประเมนิ ค่า
ม.3/2-10 เรอ่ื งที่อ่าน โดยการเชอ่ื มโยง
ท 3.1 ความรแู้ ละความคิดในตวั ชวี้ ดั ทง้ั
ม.3/1-6 5 สาระ มาประกอบในการทำ
ท 4.1 แบบทดสอบตามมาตรฐาน
ม.3/1-6
ท 5.1
ม.3/1-4
สอบกลางภาคเรยี น
สอบปลายภาคเรียน
รวม
139
โครงสรา้ งรายวชิ าเพม่ิ เติม
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้
140
โครงสร้างรายวิชาเพิม่ เติม
รหสั วิชา ท 21210 ช่อื วิชา การใชห้ ้องสมุด 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ
อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งเรียน : ตอ่ ปลายภาค = 80/20
ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั /ผล สาระสำคญั เวลา คะแนน
(ชว่ั โมง) 2
เรียนรู้ การเรียนรู้ - ความหมายและ 5
ความสำคญั ของ 3
1. ความรทู้ ั่วไป - มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ หอ้ งสมดุ และห้องสมุดใน 3
อาเซียน 2 3
เกี่ยวกับห้องสมุด ห้องสมุด หอ้ งสมุดในประเทศ - ประเภทของห้องสมุด 2
- ความหมายและประเภท 5
และงานบริการ อาเซียน และการใชห้ ้องสมดุ ของงานบริการสารสนเทศ
3
สารสนเทศ - มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับงาน
3
บริการสารสนเทศภายในห้องสมุด 10
3
โดยสามารถจำแนก
5
ประเภท และอธบิ ายลกั ษณะของ
งานบริการประเภทตา่ ง ๆ ได้ รวม
ไปถึงการเข้าใช้บริการสารสนเทศได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ทรัพยากร - มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับ - ความหมายของและ 2
ความสำคญั ของทรัพยากร
สารสนเทศหอ้ งสมุด ทรพั ยากรสารสนเทศในห้องสมุด สารสนเทศ 2
- ประเภทของทรัพยากร 2
สามารถจำแนกประเภท และการใช้ สารสนเทศ 2
- ทรัพยากรสารสนเทศใน 6
งานได้ ห้องสมุดวชั ร-นารี 2
- ความหมายและประเภท
รวมไปถึงร้ถู ึงคุณคา่ และ ของหนงั สือ 2
- หนังสือและส่วนตา่ งๆ
คณุ ประโยชน์ของ ของส่วนต่าง ๆ ของหนังสือ
- ความหมายและลักษณะ
ของหนังสือ แลว้ สามารถนำไปใช้ ของหนังสืออา้ งอิง
- ประเภทของหนังสืออา้ งอิง
ประกอบการศกึ ษา
คน้ ควา้ และทำรายงานไดอ้ ย่าง
ถกู ต้อง
การจัดหมวดหมู่ - นกั เรียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ - การจดั หมวดหม่หู นงั สือ 4 5
หนังสือ 4 5
เกยี่ วกบั การจดั หมวดหมหู่ นงั สอื ใน - การจดั หมวดหมรู่ ะบบ
2 3
เบ้ืองตน้ และสามารถอธิบาย ทศนิยมดวิ อี้ (Dewey
ส่วนประกอบของเลขเรียกหนังสือได้ DecimalClassification)
อีกท้ังสามารถเข้าใจการใช้ - เลขเรียกหนงั สอื
สญั ลักษณ์แทนเน้ือหาของหนังสอื ได้
- การจดั เก็บหนงั สือใน 2 141
ระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey 2 5
Decimal Classification)
- การจดั หมวดหมูร่ ะบบ 20
รัฐสภาอเมรกิ นั (The 30
Library of Classification) 100
สอบกลางภาค
สอบปลายภาค
รวม
142
โครงสรา้ งรายวิชาเพิ่มเตมิ
รหสั วชิ า ท 21202 ชอ่ื วิชา การใชห้ ้องสมุด 2 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หน่วยกติ
อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียน : ตอ่ ปลายภาค = 80/20
ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั / สาระสำคญั เวลา คะแนน
เรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ (ช่วั โมง)
- ข้ันตอน วธิ กี ารสบื ค้นระบบ 4
1. การสบื คน้ - มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับ หอ้ งสมดุ อตั โนมตั ิ Happy 1 4
ข้อมลู การสบื ค้นข้อมูลในระบบ Library 4
ห้องสมุดอตั โนมัติ Happy - ขั้นตอนการสบื คน้ หนงั สอื 2 5
2. หนงั สอื เลม่ Library และสามารถ - ขน้ั ตอนการสืบคน้ วารสาร 2 4
โปรด สบื คน้ ข้อมลู ได้ นติ ยสาร 1
- มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับ - ขน้ั ตอนการสบื คน้ 1 5
3. การเขียน การสืบค้นฐานข้อมูลออนไลน์ กฤตภาค (หนังสือพิมพ์) 2
บรรณานุกรม ThaiLIS สามารถอธบิ าย - ขั้นตอนการทำกฤตภาค 2 4
ลักษณะข้อมลู ที่ได้รับ -ขน้ั ตอนและวธิ กี ารสืบค้น 8 4
ได้ว่าเป็นข้อมลู ประเภทใด และ ฐานขอ้ มลู ออนไลน์ ThaiLIS 4
สามารถนำข้อมูลน้ัน ๆ มาใช้ 4
ประกอบการศกึ ษาได้อย่าง - หนังสอื เล่มโปรดของฉนั
ถกู ต้อง - นไ้ี งเล่มโปรดของฉนั
- สามารถอ่านสรปุ ใจความ - หลักการเขยี นบรรณานุกรม 1
สำคัญของเร่ืองท่ีอ่านได้ และ - การเขยี นบรรณานุกรมหนงั สือ 3
สามารถถ่ายทอดเร่ืองราว และ - การเขียนบรรณานุกรมวารสาร 2
แนะนำหนงั สือที่ นิตยสาร 2
อ่านผ่านการเลา่ เรื่องให้ผู้อืน่ - การเขยี นบรรณานุกรม 3
รบั ทราบได้ หนงั สือพมิ พ/์ กฤตภาค
- การเขยี นบรรณานุกรมฐานข้อมลู
- สามารถเข้าใจหลักการตา่ ง ๆ ออนไลน์
และวธิ กี ารเขียนบรรณานกุ รมท่ี
ถูกต้อง
- สามารถเขยี นรายการ
บรรณานุกรมหนงั สือได้อยา่ ง
ถกู ต้อง
- สามารถเขียนรายการ
บรรณานุกรมวารสารและ
นิตยสารได้
- สามารถเขียนรายการ
บรรณานกุ รมหนังสือพิมพ/์ กฤต
ภาคได้
143
ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั / สาระสำคญั เวลา คะแนน
เรียนรู้ ผลการเรียนรู้ (ช่วั โมง) 4
4. รายงาน - มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ - สว่ นประกอบรายงานทด่ี ี 1 4
10
การศึกษาคน้ ควา้ ส่วนประกอบของรายงานท่ีดี ว่า - กระบวนการเขยี นรายงาน
20
รายงานท่ีดคี วรประกอบไปดว้ ย - ข้ันตอนการทำรายงาน 1 30
100
ส่วนใดและ - การนำเสนอผลการศึกษาค้นควา้
สามารถจดั เรียงสว่ นประกอบ 4
ของรายงานได้อย่างถกู ต้อง 4
- สามารถนำขน้ั ตอนการสืบค้น
และวธิ ี ข้นั ตอนการเขยี น
บรรณานุกรมไปใชป้ ระกอบการ
เขียนรายงานได้
อยา่ งถูกต้อง
สอบกลางภาค
สอบปลายภาค
รวม
144
โครงสรา้ งรายวชิ าเพิม่ เติม
รหสั วิชา ท 21212 นทิ าน 4 ภาค กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต
ชอื่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั ภาระงาน/ คะแนน เวลา
เรยี นรู้ ช้ินงาน (ชวั่ โมง)
รจู้ กั กบั นทิ าน - อธิบายลักษณะ ความรู้เบื้องต้นและประวัติความเป็นมา - - 2
พน้ื บ้าน ของนทิ าน ของนิทานพื้นบ้านประจำท้องถิ่นของ 2
- บอกคุณค่าของ ไทย ทั้ง 4 ภาค รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับ 2
นิทานได้ ก า ร ใ ช ้ ส ำ น ว น ภ า ษ า แ ล ะ แ น ว ค ิ ด ท่ี 4
4
สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ หรือค่านิยม
ความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียม
ประเพณขี องสงั คม
การวางโครงเร่อื ง - ว ิ เ ค ร า ะ ห์ ศึกษาการวางโครงเรื่องเกี่ยวกับนิทาน โครงเรอ่ื ง 5
ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง พื้นบ้านประจำท้องถิ่นของไทย ทั้ง 4 นิทาน
นทิ านได้ ภาค ให้เหมาะสมกับช่วงวยั พนื้ บา้ น
- ตีความและ
ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ ค่ า
และแนวคิดที่ได้
จากนิทานพ้ืนบ้าน
การสรา้ งบทบาท - แสดงบทบาท ศึกษาการสร้างบทบาทสมมติในนิทาน ใบงาน 5
สมมติ ส ม ม ติ เช่น ตัวละคร ฉาก โดยใช้กระบวนการ วเิ คราะห์
ประกอบการเล่า ฟังการดูอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้ บทบาท
นิทานพืน้ บ้าน สามารถแสดงบทบาทสมมตไิ ด้ สมมตใิ น
นิทาน
พ้นื บ้าน
การสรา้ งรปู เล่ม - ต ี ค ว า ม แ ล ะ ศึกษาการสร้างรูปแบบผลงาน การ โครงเรือ่ ง 10
ผลงาน ประเมินคุณค่า ออกแบบผลงานใหถ้ กู ต้อง สวยงาม และการ
และแนวคิดที่ได้ ออกแบบ
จากนทิ านพืน้ บ้าน รูปเล่ม
นิทาน
ออกแบบรปู เลม่ - ว ิ เ ค ร า ะ ห์ รู้จักการลำดับเหตุการณ์ การวางโครง รปู เลม่ 30
ผลงาน ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง เรื่อง และการให้ภาพประกอบท่ี นิทาน
นิทานได้ เหมาะสมกบั เน้อื หา
- ตีความและ
ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ ค่ า
และแนวคิดที่ได้
จากนทิ านพื้นบา้ น
145
ชอื่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ ภาระงาน/ คะแนน เวลา
เรียนรู้ ชิ้นงาน 10 (ชว่ั โมง)
- พูดเล่าเรื่อง รู้จักการนำเสนอผลงาน รวมถึงการใช้
นำเสนอ นิทานที่อ่านหรือ กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ งานนำเสนอ 20 2
หน้าชน้ั เรียน ฟังได้ ผลงาน นทิ าน 20
- สรุปนิทานเรื่อง 100 2
ที่อ่านได้ 2
- ตีความและ 40
ป ร ะ เ ม ิ น ค ุ ณ ค่ า
และแนวคิดที่ได้
จากนทิ านพนื้ บ้าน
- สรุปความรู้และ
ข้อคิดจากการ
อ่านเพื่อนำไป
ประยุกต์ในชีวิต
จรงิ
สอบกลางภาคเรียน
สอบปลายภาคเรียน
รวม
146
โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เติม
รหสั วิชา ท 21213 การละเลน่ ไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชวั่ โมง
ชอื่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั ภาระงาน/ คะแนน เวลา
เรยี นรู้ ช้นิ งาน - (ชั่วโมง)
๓
รอบรู้ - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ ความรูเ้ บอื้ งตน้ และประวัติ - ๓ ๒
๓
การละเลน่ ไทย การละเลน่ ไทยได้ ความเปน็ มาของการละเลน่ ไทย ๓ ๒
๓
- บอกคุณค่าของ ๓ ๒
๓
การละเลน่ ไทยได้ ๒
วิ่งเปยี้ ว - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นวิ่งเปี้ยวและคุณค่าที่ได้ สรปุ ๒
การละเล่นวง่ิ เปี้ยวได้ จากการละเลน่ ว่งิ เป้ยี ว ความรู้ที่ ๒
- บอกคุณค่าของ ไดร้ ับลง ๒
การละเลน่ วง่ิ เปย้ี วได้ สมุด ๒
มอญซ่อนผ้า - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นมอญซ่อนผ้าและคุณค่า สรปุ
การละเล่นมอญซ่อนผ้าได้ ที่ได้จากการละเลน่ มอญซ่อนผ้า ความรทู้ ่ี
- บอกคุณค่าของ ได้รับลง
การละเล่นมอญซอ่ นผา้ ได้ สมุด
รรี ขี ้าวสาร - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นรีรีข้าวสารและคุณค่าที่ สรปุ
การละเลน่ รรี ีขา้ วสารได้ ไดจ้ ากการละเลน่ รรี ีขา้ วสาร ความรู้ท่ี
- บอกคุณค่าของ ไดร้ บั ลง
การละเล่นรรี ขี า้ วสารได้ สมดุ
ขมี่ ้าส่งเมือง - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วธิ ีการเลน่ ข่ีม้าส่งเมืองและคุณค่าที่ สรปุ
การละเล่นขี่ม้าส่งเมืองได้ ได้จากการละเลน่ ข่ีม้าส่งเมือง ความรทู้ ี่
- บอกคุณค่าของ ไดร้ ับลง
การละเลน่ ข่มี า้ สง่ เมอื งได้ สมดุ
เตยกัก - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นเตยกักและคุณค่าที่ได้ สรปุ
การละเล่นเตยกักได้ จากการละเลน่ เตยกัก ความรูท้ ่ี
- บอกคุณค่าของ ไดร้ บั ลง
การละเลน่ เตยกกั ได้ สมุด
ตีจ่ บั - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นตี่จับและคุณค่าที่ได้จาก สรปุ
การละเลน่ ตจ่ี ับได้ การละเล่นตีจ่ ับ ความรทู้ ่ี
- บอกคุณค่าของ ได้รับลง
การละเลน่ ต่จี ับได้ สมุด
งูกินหาง - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นงูกินหางและคุณค่าที่ได้ สรปุ
การละเล่นงกู ินหางได้ จากการละเล่นงูกนิ หาง ความรทู้ ี่
- บอกคุณค่าของ ได้รบั ลง
การละเลน่ งกู ินหางได้ สมุด
147
ชอื่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ ภาระงาน/ คะแนน เวลา
เรยี นรู้ ช้นิ งาน ๓ (ชัว่ โมง)
กระต่าย
ขาเดยี ว - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นกระต่ายขาเดียวและคณุ สรปุ ๓ ๒
๓
หมากเก็บ การละเลน่ กระตา่ ย ค่าที่ได้จากการละเล่นกระต่ายขา ความรทู้ ี่ ๓ ๒
๓ ๒
กาฟักไข่ ขาเดียวได้ เดียว ได้รับลง ๓ ๒
๓ ๒
หมาไลห่ ่าน - บอกคุณค่าของ สมุด ๒
๒
โพงพาง การละเลน่ กระตา่ ย
ลกู ชว่ ง ขาเดียวได้
จำ้ จี้ - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นหมากเก็บและคุณค่าที่ สรุป
การละเลน่ หมากเก็บได้ ไดจ้ ากการละเล่นหมากเกบ็ ความรู้ท่ี
- บอกคุณค่าของ ไดร้ บั ลง
การละเล่นหมากเกบ็ ได้ สมุด
- อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นกาฟักไข่และคุณค่าที่ได้ สรปุ
การละเล่นกาฟกั ไขไ่ ด้ จากการละเล่นกาฟักไข่ ความรู้ที่
- บอกคุณค่าของ ไดร้ บั ลง
การละเล่นกาฟักไขไ่ ด้ สมดุ
- อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นหมาไล่ห่านและคุณค่าที่ สรปุ
การละเล่นหมาไล่หา่ นได้ ได้จากการละเล่นหมาไล่ห่าน ความรทู้ ี่
- บอกคุณค่าของ ไดร้ ับลง
การละเลน่ หมาไล่หา่ นได้ สมดุ
- อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นโพงพางและคุณค่าที่ได้ สรุป
การละเล่นโพงพางได้ จากการละเลน่ โพงพาง ความรู้ที่
- บอกคุณค่าของ ไดร้ บั ลง
การละเลน่ โพงพางได้ สมดุ
- อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นลูกช่วงและคุณค่าที่ได้ สรุป
การละเล่นลกู ชว่ งได้ จากการละเล่นลูกช่วง ความรู้ที่
- บอกคุณค่าของ ได้รับลง
การละเล่นลูกชว่ งได้ สมดุ
- อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นจ้ำจ้ีและคุณค่าที่ได้จาก สรปุ
การละเลน่ จ้ำจ้ีได้ การละเลน่ จำ้ จ้ี ความรทู้ ่ี
- บอกคุณค่าของ ได้รับลง
การละเลน่ จำ้ จ้ีได้ สมุด
กระโดด - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นกระโดดหนังยางและคณุ สรปุ ๓ ๒
หนงั ยาง ความรู้ท่ี
การละเล่นกระโดด ค่าที่ได้จากการละเล่นกระโดด ไดร้ บั ลง
หนงั ยางได้ หนงั ยาง สมดุ
- บอกคุณค่าของ
การละเลน่ กระโดด
หนังยางได้
148
ช่อื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั ภาระงาน/ คะแนน เวลา
เรยี นรู้ ชนิ้ งาน ๓ (ชั่วโมง)
ปิดตาตหี มอ้ - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วธิ กี ารเลน่ ปดิ ตาตหี ม้อและคุณค่าที่ สรุป ๒
การละเล่น ได้จากการละเลน่ ปิดตาตหี ม้อ ความรทู้ ี่
ปดิ ตาตีหม้อได้ ไดร้ ับลง
- บอกคุณค่าของ สมดุ
การละเล่น
ปิดตาตหี ม้อได้
ผะหมคี ำทาย - อ ธ ิ บ า ย ล ั ก ษ ณ ะ วิธีการเล่นผะหมีคำทายผะหมีคำ สรปุ ๒ ๒
ส่งทา้ ยสรุป การละเล่น ทายและคุณค่าที่ได้จากการละเล่น ความรทู้ ่ี ๑๐ ๒
ความ
ผะหมีคำทายได้ ผะหมคี ำทาย ไดร้ ับลง ๒๐ ๑
๒๐ ๑
- บอกคุณค่าของ สมดุ ๑๐๐ ๔๐
การละเลน่
ผะหมีคำทายได้
- อ ธ ิ บ า ย ว ิ ธ ี ก า ร เ ล่ น วิธีการละเล่นไทยแต่ละชนิดและ ใบงาน
การละเลน่ แตล่ ะชนดิ ได้ คุณค่าในด้านต่าง ๆ ที่ได้จาก การละเล่น
-บอกคุณค่าการละเล่นแต่ การละเล่นไทย ไทย
ละชนดิ ได้
สอบกลางภาคเรยี น
สอบปลายภาคเรียน
รวม