เฉลย
ผดิ ค่ะ
สู้ๆ นะคะT_T
12345
วนั พธุ ท่ี 6 เดือน มกรำคม พ.ศ. 2559 ถ้ำยงั ไม่ทรำบเรำไป
เรียนรู้พร้อมกนั เลย
หนูๆ ทรำบไม่ค่ะว่ำหินแปรท่ีปรำกฏขนึ้ บนโลกนีเ้ กิดขึน้
อย่ำงไร?? ปัจจยั ใดท่ีทำให้หินชนิดหนึ่งๆ แปรสภำพ ค่ะ…
กลำยเป็ นหินแปรได้ ???
หนูรู้ค่ะ…
ไม่ทรำบ
ครับ
หินหตินะกแปอนร
หินแปร (Metamorphic Rock) คือ หินท่ีถือกำเนิดขึ้น
ภำยในช้ันเปลือกโลก โดยเปลี่ยนแปลงมำจำกหินเดิมที่อำจเป็ นหิน
อคั นี หินตะกอน หรือหินแปรก็ได้ กำรเปล่ียนแปลงเหล่ำนี้เกิดขึน้ ใน
สถำนะของแข็ง ไม่ผ่ำนกำรหลอมเหลว ด้วยผลจำกอุณหภูมิสูง
ควำมดันสูง หรือท้ัง 2 ประกำร ในกระบวนกำรนี้อำจมีสำรใหม่
หรือไม่มเี พม่ิ เข้ำไปด้วยกไ็ ด้
หินหตินะกแปอนร คลิกเลือกหัวข้อ
ได้เลยค่ะ
1. ผลกระทบและผลิตผล
ของกำรแปรสภำพ
2. ชนิดของกำรแปรสภำพ
3. เนื้อหินแปรและกำร
จำแนก
หินหตินะกแปอนร
1. ผลกระทบและผลิตผลของกำรแปรสภำพ
กำรแปรสภำพ หมำยถึงกำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพและทำงเคมีของหิน
โดยเปลี่ยนเนื้อหิน โครงสร้ำง และส่วนประกอบทำงแร่ เพ่ือปรับตัวให้เข้ำกบั สภำวะ
แวดล้อมภำยในโลก ท้ังนีไ้ ม่ร่วมถึงกำรเปลี่ยนแปลงอันเป็ นผลมำจำกกำรผุพังบน
พืน้ ผวิ โลก กำรแปรสภำพมีผลทำให้เกิด
1. กำรเกิดผลึกใหม่ (recrystallization) กำรตกผลึกใหม่เพ่ือให้ได้ขนำดท่ี
หยำบกว่ำ ซ่ึงจะเกิดขนึ้ ในหินท่ีประกอบด้วยแร่ชนิดเดียว
2. กำรจัดเรียงตัวใหม่ (reorganization) กำรจดั ส่วนประกอบของหิน
เดิมเพ่ือให้ได้แร่ใหม่
หินหตินะกแปอนร
3. กำรรวมตัวกันใหม่ (recombination) กำรรวมตัวของหินเดิมกับสำร
ท่ีเพม่ิ เข้ำไปทำให้เกดิ แร่ใหม่
4. กำรแทนท่ี (replacement) กำรแทนที่แร่ในหินเดมิ ด้วยสำรที่เพิ่มเข้ำ
ไปช่วงกำรแปรสภำพ
5. กำรบดของเม็ดแร่ (crushing and pulverization) แร่ในหินเดิมถูก
บด ในกรณีที่เกิด รอยเลื่อน หินแปรแต่ละชนิดท่ีเกิดขึน้ มำได้มักได้รับอิทธิพล
ส่วนหนึ่งมำจำกหินเดิม ซึ่งอำจทำให้สร้ำงภำพย้อนหลังไปได้ถึงสภำพแวดล้อม
บริเวณน้ันได้เช่นกนั
หหินินแปตระกอน
2. ชนิดของกำรแปรสภำพ
2. ชนิดของกำรแปร แบ่งได้เป็ น :
สภำพ -กำรแปรสภำพสัมผัส (contact
metamorphism)
- กำรแปรสภำพบริเวณไพศำล
(regional metamorphism)
- กำรแปรสภำพบด (cataclastic
metamorphism) และ
- กำรแปรเปล่ียนแบบน้ำร้ อน
(hydrothermal alteration)
หหินินแตปะรกอน
- กำรแปรสภำพสัมผัส (Contact metamorphism) เป็ นกำรแปรสภำพ
เพรำะควำมร้อน เกดิ ขนึ้ ณ บริเวณที่หินหนืดร้อนหรือแมกมำแทรกดันขึ้นมำสัมผสั
กับหินท้องถิ่น ควำมร้อนจำกแมกมำทำให้หินท้องถ่ินแปรสภำพผิดไปจำกเดิม
ตัวอย่ำงเช่น เม่ือหินปูนได้รับควำมร้อนจำกหินอัคนีแทรกซอนซึ่งเกิดขึน้ จำกแมก
มำก็จะแปรสภำพเป็ นหินอ่อน
ตัวอย่ำงกำรแปรสภำพแบบนี้ เช่น หินอ่อน แถบหมู่เหมืองถำ้ ทะลุ จังหวัด
ยะลำ หินฮอร์นเฟลส์ท่ีน้ำตกโตนงำช้ำง โขดหินริมหำดสมิหลำ จังหวดั สงขลำ
หินหตินะกแปอนร
- กำรแปรสภำพบริเวณไพศำล (Regional metamorphism) เป็ นกำรแปร
สภำพของหินซึ่งเกิดเป็ นบริเวณกว้ำงใหญ่ไพศำลเน่ืองจำกอุณหภูมิและควำม
กดดัน โดยปกติกำรแปรสภำพแบบนี้จะไม่มีควำมเก่ียวพันกับมวลหินอัคนี และ
มักจะมี “ริ้วขนำน” (Foliation) มองเห็นเป็ นแถบลำยสลับสี บิดตัวแบบลูกคลื่น ซึ่ง
พบในหินชีสต์ หินไนส์ ท้ังนีเ้ ป็ นผลมำจำกกำรตกผลึกใหม่ของแร่ในหิน ริ้วขนำนท่ี
เกิดขนึ้ อำจแยกออกได้เป็ นแผ่น และมีผิวหน้ำเรียบเนียน เช่น หินชนวน
หินแปรที่เกดิ จำกกระบวนนี้มักได้แก่หินชนวน ฟิ ลไลต์ หินชีสต์ หินไนส์
หินอ่อน ควอร์ตไซต์ และแอนทรำไซต์ เป็ นต้น ตัวอย่ำงสถำนท่ีพบคือ บริเวณเขื่อน
ภูมพิ ลจงั หวดั ตำก
หินหตินะกแปอนร
- กำรแปรสภำพแบบบด (Fault metamorphism) เกิดขึน้ บริเวณรอย
เลื่อน แรงเสียดทำนท่ีเกิดจำกแผ่นธรณีเคลื่อนที่ผ่ำนกันทำให้ เกิดควำมร้อนและ
ควำมดันสูง หินแปรที่เกิดขึน้ โดยวิธีนี้่ ได้แก่ หินไมโลไนต์ หินกรวดเหล่ียมบด
กำร
- แปรสภำพด้วยน้ำร้อน (Hydrothermal Metamorphism) เกิดขึ้น
เมื่อน้ำที่ได้รับควำมร้อนจำกหินอัคนีแทรกซอน นำพำประจุให้แทรกซึมเข้ำไป
ในรอยแตกของหิน ทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมกี ับแร่บำงชนิดให้เปลยี่ นสภำพไป
เช่น แร่เฟลด์สปำร์เปล่ียนสภำพเป็ นแร่เซริไซต์หรือดนิ ขำว แร่ฮอร์น
เบลนด์เปล่ียนสภำพเป็ นแร่คลอไรต์ เป็ นต้น
หหินินแตปะรกอน หินแปรแบ่งออกเป็ น 2
ช นิ ด ต ำ ม ลั ก ษ ณ ะ
3. เนื้อหินแปรและกำรจำแนก โครงสร้ ำงหรื อเนื้อหิ น
คือ
3. เนื้อหินแปรและกำร 1. หินเป็ นริ้วขนำน
จำแนก (foliated rock)
2. หินไม่เป็ นริ้วขนำน
(Non-foliated rock)
หหินินตแะปกรอน
หินเป็ นริ้วขนำน (foliated rock) เรำมำดหู ินแปรทีเ่ ป็ นริว้
หินแปรชนิดนี้มีลักษณะกำร ขนำนกนั ดกี ว่ำว่ำเป็ น
จัดเรียงตัวของแร่ หรือเนื้อหินไปใน อย่ำงไร…
แนวหนึ่งแนวใดโดยเฉพำะ ริ้วลำยใน
หินแปรนี้เกิดจำกขบวนกำรแปรสภำพ
บ ริ เ ว ณ ไ พ ศ ำ ล (regional
metamorphism) เท่ำน้ัน ซึ่งมีผลจำก
ควำมดนั เป็ นหลัก ควำมร้อนอำจมีส่วน
ช่วยบ้ำง
หินหตินะกแปอนร
หินเป็ นริ้วขนำน (foliated rock)
- หินชนวน (slate)
เป็ นหินที่มีลักษณะเนื้อละเอียดมำก ตรวจผลึกแร่ไม่พบด้วยตำเปล่ำ
แสดงแนวแตกเรียบแบบหินชนวน (slate cleavage) และกะเทำะออกเป็ นแผ่น
เรียบบำงได้ง่ำย มีได้หลำยสี เช่น สีเทำ ดำ เขียว แดง มีประโยชน์ในกำรนำมำทำ
หลงั คำ กระดำนดำ และทำงเท้ำ อุตสำหกรรมซีเมนต์
หินหตินะกแปอนร
หินเป็ นริ้วขนำน (foliated rock)
- หินฟิ ลไลต์ (phyllite)
เป็ นหินท่ีมีลักษณะคล้ำยหินชนวน เป็ นเม็ดละเอียดกว่ำหินชีสต์ แต่
หยำบกว่ำหินชนวน ผิวท่ีแตกใหม่จะมีลักษณะวำวแบบไหมหรือเป็ นมันเงำ
เนื่องจำกมแี ร่ไมกำเนื้อละเอียดอยู่ มักแปรมำจำกหินดินดำนด้วยควำมดันมหำศำล
กว่ำหินชนวนได้รับ แต่ไม่รุนแรงกว่ำท่ีเกดิ กับหินชีสต์
หินหตินะกแปอนร
หินเป็ นริ้วขนำน (foliated rock)
- หินชีสต์ (schist)
มีเม็ดปำนกลำงถึงหยำบ เกิดขึ้นภำยใต้ควำมดันมหำศำลกว่ำหินชนวน
ประกอบด้วยแร่ไมกำ เป็ นแร่หลัก บำงคร้ังก็มีคลอไรต์ ทัลก์ แกรไฟต์ ฮีมำไทต์ เป็ น
ต้น ท่ีเรียงตัวเกือบขนำนกัน เรียกว่ำ แนวแตกแบบหินชีสต์ (schistosity)
หินหตินะกแปอนร
หินเป็ นริ้วขนำน (foliated rock)
- หินไนส์ (gneiss)
เป็ นหินลำยเมด็ หยำบที่เกดิ จำกกำรแปรสภำพอย่ำงรุนแรงมำก มีลกั ษณะแร่สี
อ่อน เช่น ควอตซ์ เฟลด์สปำร์ เรียงตัวเป็ นแถบเป็ นลำยสลับกับแถบของแร่สีเข้ม เช่น
แร่ไบโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ แถบมกี ำรโค้งงอและบิดเบีย้ ว
หหินินตแะปกรอน เพ่ือนๆ ค่ะหนิ ไม่เป็ นริว้
ขนำนนเี้ ป็ นอย่ำงไรค่ะ ??
หินไม่เป็ นริ้วขนำน (Non-foliated rock)
ลักษณะของเนื้อหินมีเม็ดแร่ เรำมำดกู นั ดวี ่ำ…
ขนำดเท่ ำกัน อำจเกิดได้ท้ังกำรแปร
สภำพสัมผัส (contact metamorphism)
และบริเวณไพศำลไม่มีกำรจัดเรียงตัวจึง
ไม่แสดงลักษณะริ้วลำย ทำให้เป็ นเนื้อ
ลักษณะสมำนแน่ น มักพบในหินท่ี
ประกอบด้วยแร่ชนิดเดยี ว เช่น หินควอต
ไซต์ หินอ่อน หินฮอร์นเฟลส์
หินหตินะกแปอนร
หินไม่เป็ นริ้วขนำน (Non-foliated rock)
- หินควอตไซต์ (quartzite)
เป็ นหินที่ประกอบด้วยมวลเนื้อผลึกของเม็ดทรำยขนำดไล่เล่ียกัน
ประสำนติดกันแนบแน่น และอำจแสดงกำรเสียรูปหรือหลอมเชื่อมกันได้ หำกเกิด
จำกทรำยแก้วบริสุทธ์ิจะได้หินควอตไซต์สีขำว แต่อำจมีสิ่งเจือปนท่ีอำจย้อมให้หิน
มีสีแดง เหลือง หรือน้ำตำล ประโยชน์ใช้ในอุตสำหกรรมเครื่องแก้ว ทำหินลับมีด
หินประดบั
หินหตินะกแปอนร
หินไม่เป็ นริ้วขนำน (Non-foliated rock)
- หินอ่อน (marble)
เป็ นหินที่เนื้อผลึกค่อนข้ำงหยำบ แปรสภำพมำจำกหินปูนและหนิ โดโล
ไมต์ เกิดจำกกำรเกิดผลกึ ใหม่ ทำให้หลักฐำนซำกดึกดำบรรพ์หรือกำรปูตัวของหิน
บำงอย่ำงที่พบบ่อยในหินปูนถูกทำลำยไป หินอ่อนบริสุทธ์ิมีสีขำว หำกมีส่ิงเจือปน
จะทำให้หินอ่อนมไี ด้หลำยสี มักนำมำทำหินประดบั หินก่อสร้ำง ตลอดจนแกะสลกั
หินหตินะกแปอนร
หินไม่เป็ นริ้วขนำน (Non-foliated rock)
- หินแอมฟิ โบไลต์ (amphibolites)
เป็ นหินท่ีมักไม่แสดงริ้วลำยประกอบด้วยแร่ ฮอร์นเบลนด์ และแพลจิโอ
เคลสเป็ นส่วนสำคญั โดยมำกมำจำกหินภูเขำไฟ
แหบบินทตดะสกออบนหลงั เรียนเรื่องหินแปร
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้อง นักเรียน ใช้เมำส์คลิกไปยัง
ที่สุด คำตอบที่คิดว่ำถูกท่ีสุด แล้วรอ
1. กำรเกดิ หินแปรบริเวณไพศำล ส่วนใหญ่
ดูเฉลยได้เลยค่ะ
เกดิ ขนึ้ บริเวณใด
ก. เกดิ ในบริเวณที่มีหินหนืดแทรกตัวไปตำม
รอยแตกของหินท้องถิ่น
ข. เกิดบริเวณมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก
ค. เกิดบริเวณรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก
ง. เกิดบริเวณที่น้ำบำดำลได้รับควำมร้อน
จำกหินหนืดใต้ผิวโลก
แหบินบตทะดกสออบนหลงั เรียนเร่ืองหินแปร
2. ข้อใดจบั คู่กำรแปรสภำพไม่ถูกต้อง 3. หินลำยเม็ดหยำบที่เกิดจำกกำรแปร
ก. หินปูน แปรสภำพ เป็ นหินอ่อน สภำพอย่ำงรุ่นแรงมำก มลี กั ษณะแร่
ข. หินแกรนิต แปรสภำพเป็ น หินไนส์ สีอ่อน ” ข้อดงั กล่ำวตรงกับหินชนิดใด
ค. หินทรำย แปรสภำพเป็ น หินชนวน ก. หินชิสต์
ง. หินดนิ ดำน แปรสภำพเป็ น หินชิสต์ ข. หินไนส์
ค. หินชนวน
ง. หินฟิ ลไลต์
แหบบินทตดะสกออบนหลงั เรียนเร่ืองหินแปร
4. หินชนิดใดต่อไปนีเ้ ป็ นหินแปรท้ังหมด 5. ข้อใดเป็ นลกั ษณะของหินอ่อน
ก. หินอ่อน หินปูน หินไนส์ ก. ผลึกเรียงเป็ นริ้วขนำน
ข. หินชนวน หินดินดำน หินไนส์ ข. แขง็ ทนทำนต่อของมคี ม
ค. หินควอร์ตไซต์ หินไนส์ หินชนวน ค. ผิวหน้ำเป็ นมันวำวเม่ือถูกขัด
ง. หินออบซิเดียน หินสคอเรีย หินอ่อน ง. เนื้อแน่นละเอียด แยกออกได้เป็ น
ทำข้อสอบเสร็จแล้วอย่ำ แผ่น
ลืมทำกจิ กรรมท้ำยบท
ด้วยนะคะ
เฉลย
ถูกต้อง นะคะ
ยนิ ดีด้วยค่ะ..
12345
เฉลย
ผดิ ค่ะ
สู้ๆ นะคะT_T
12345
กหจิ ินกตรระมกทอนา้ ยบท เรือ่ งหนิ แปร ทำลงในสมุดส่ งคุณครู
ด้วยนะคะ หนูๆ…
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถำมต่อไปนีใ้ ห้
ถูกต้อง
1. หินแปร เกดิ จำกอะไร
2. ปัจจัยใดที่ทำให้หินชนิดหนึ่งๆ แปร
สภำพเป็ นหินแปรได้
3. เนื้อหินแปรที่มีลักษณะเป็ นริ้วขนำน
และไ ม่ เป็ นริ้ วขนำน มีส มบัติ ที่
แตกต่ำงกนั หรือไม่อย่ำงไร
หินตะกอน
ขอบคุณนกั เรียนทุกคนที่ให้
ควำมร่วมมือในกำรเรียนคร้ังนี้
ด้วยค่ะ…