The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยา ม.4 รหัสวิชา ว30241 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2565 จัดทำโดย นางสาวณิชากร นามวงษา รหัสนักศึกษา 62040111109

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nachi Nicha, 2022-10-20 12:52:59

แผนการสอนวิชาชีววิทยา ม.4 เทอม 1

แผนการจัดการเรียนรู้ชีววิทยา ม.4 รหัสวิชา ว30241 ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2565 จัดทำโดย นางสาวณิชากร นามวงษา รหัสนักศึกษา 62040111109

แผนการจัดการเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์

รายวิชา ชีววิทยา รหัสวชิ า ว30241
ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565

จดั ทำโดย
นางสาวณชิ ากร นามวงษา

สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์ท่วั ไปและชวี วิทยา คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

แผนการจดั การเรียนรู้ 1

รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พิม่ เติม (ชวี วทิ ยา) รหัส ว30241 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การศกึ ษาชีววิทยา จำนวน 12 ช่ัวโมง
เรือ่ ง ธรรมชาตขิ องสิง่ มชี วี ติ จำนวน 2 ชวั่ โมง
สอนโดย นางสาวณิชากร นามวงษา ภาคเรยี นท่ี 1/2565

1. ผลการเรยี นรู้
อธิบายและสรุปสมบัติที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ของการจัดระบบในสิ่งมชี ีวิตที่ทำให้

สง่ิ มชี ีวิตดำรงชวี ติ อยไู่ ด้

2. จุดประสงคก์ ารจัดการเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถสบื คน้ อธิบายและสรปุ สมบัตทิ ีส่ ำคญั ของส่ิงมชี วี ิต และความสมั พันธข์ องการ

จัดระบบในสิ่งมชี ีวติ ท่ีทำใหส้ ง่ิ มชี ีวิตดำรงชวี ติ อยไู่ ด้ (K)
2. นักเรยี นสามารถออกแบบ ทดลอง และวิเคราะห์ข้อมลู เกยี่ วกับการตอบสนองต่อส่ิงเร้าของ

สิง่ มชี ีวิตได้ (P)
3. นกั เรยี นสามารถออกแบบและทดลอง เกีย่ วกบั อุณหภูมขิ องสภาพแวดลอ้ ม ที่มผี ลตอ่ การรักษา

ดุลยภาพของส่งิ มชี วี ติ ได้ (P)
4. นกั เรยี นกระตอื รือรน้ แสดงความคดิ เหน็ และทำงานร่วมกับเพื่อนอย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
ส่ิงมชี ีวติ มกี ารสบื พนั ธ์ุเพอ่ื เพ่ิมจำนวนและดำรงเผ่าพันธุ์ ต้องการสารอาหารและพลงั งานเพ่ือ การ

ดำรงชวี ติ และการเจริญเตบิ โต สงิ่ มีชีวติ แตล่ ะชนิดมอี ายุขัยและขนาดแตกตา่ งกนั และมีลกั ษณะ จำเพาะ
สามารถตอบสนองต่อสงิ่ เร้าได้ มกี ลไกในการรักษาดลุ ยภาพภายในของรา่ งกายให้เหมาะสม ตอ่ การดำรงชวี ติ
และมีการจดั ระบบต้งั แตร่ ะดับเซลล์ไปจนถงึ ระดับกลมุ่ สิ่งมชี วี ิต
4. สาระการเรยี นรู้

การอธิบายและอภปิ รายผลการศกึ ษาค้นคว้าของนกั วิทยาศาสตรเ์ ก่ียวกบั การเกดิ สิง่ มีชวี ติ บนโลกและ
คณุ สมบัตขิ องสง่ิ มชี วี ิต โดยใช้พ้นื ฐานของความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ สามารถทำการสำรวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ ง
ครอบคลมุ และน่าเช่ือถอื เม่อื นกั วิทยาศาสตร์ไดท้ ำการศึกษาคน้ คว้าหาความรู้เกยี่ วกับการเกิดส่งิ มีชีวติ จนได้
ข้อเทจ็ จรงิ แล้วทำให้นักวิทยาศาสตรค์ ดิ และต้งั คำถามตอ่ ไปวา่ “ส่งิ มชี ีวิตทีพ่ บบนโลกนีม้ มี ากมายหลายชนิด
แตล่ ะ ชนิดมีคณุ สมบัตเิ หมือนกนั หรือไม่” ซง่ึ จากการศกึ ษาพบว่า ส่งิ มชี ีวติ มคี ณุ สมบตั ิที่คล้ายกันหลาย
ประการ ไดแ้ ก่ มี การสืบพันธ์ุเพ่ือขยายพนั ธหุ์ รอื ดำรงพนั ธุ์ไว้ มีการเจรญิ เติบโต มีอายุขัยและขนาดจำกัด
ต้องการอาหารและ พลงั งาน การตอบสนองต่อสิ่งเร้า มกี ารปรบั ตวั ใหม้ ชี ีวิตอยู่รอดในแหลง่ ทอี่ ยอู่ าศัยหรอื
สภาพแวดล้อมนน้ั หรอื ท่ี เรยี กว่า มกี ารรักษาดุลยภาพของรา่ งกาย มีลักษณะจำเพาะและมีการจัดระบบ

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ทักษะในการคิดวเิ คราะห์ ทักษะการคดิ สรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ กระบวนการทำงานกลุ่ม
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) มวี ินัย
2) ใฝเ่ รียนรู้
3) ม่งุ ม่นั ในการทำงาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ

1.1 ครูใช้คำถามกระตุ้นความสนใจ โดยให้นักเรียนดูจากภาพนำในหนังสือเรียน เช่น ถามว่า สิ่งที่
นักเรียนเห็นเป็นสงิ่ มีชวี ติ หรือไม่ ทราบไดอ้ ย่างไร ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามพร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ

1.2 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายวา่ สิ่งมชี ีวิต ต่างกบั สิง่ ไม่มีชวี ิตอยา่ งไร
1.3 ใหน้ กั เรียนรว่ มกันทง้ั ประเดน็ เพื่อศกึ ษาลักษณะของสงิ่ มีชีวิต
ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจและคน้ หา
2.1 ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่มละ 7 คน
2.2 นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สืบค้น ศกึ ษาและอภปิ รายเกีย่ วกบั สมบตั ิหรือลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตโดย
ใชภ้ าพของจรงิ หรือประสบการณ์เดิมของนกั เรียน อาจใหน้ ักเรียนศกึ ษาแหลง่ เรยี นรเู้ พิ่มเติม
2.3 ครใู หน้ ักเรียนทำกิจกรรมเสนอแนะ

- กิจกรรม 1.1 กิจกรรมงอกใหม่ ( เพื่อให้นักเรียนสามารถสรุปไดว้ ่า การงอกใหม่เป็นการ
สบื พันธข์ุ องสง่ิ มีชวี ติ )

- กิจกรรม 1.2 การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของไส้เดือนดิน (เพื่อให้นักเรียนสามารถออกแบบ
และค่าเนนิ การทดลอง เพือ่ ศึกษาการตอบสนองต่อส่งิ เร้าของสิ่งมชี ีวิต)

- กิจกรรม 1.3 อุณหภูมิกับการรักษาดุลยภาพของปลา (เพื่อให้นักเรียนสามารถออกแบบ
และดำเนินการ ทดลองเพือ่ แสดงวา่ อุณหภมู ิมีผลต่อการรักษาดลุ ยภาพของปลา)
ขน้ั 3 อธิบายและลงข้อสรุป

3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการสืบคน้ และศึกษาเก่ียวกับสมบตั หิ รอื ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ิต
3.2 นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ไดผ้ ลการสบื คน้ และผลการศกึ ษาเหมือนหรือตา่ งกนั อยา่ งไร เพราะเหตุใด

3.3 ครตู ้งั คำถามเพ่ือนำสกู่ ารลงข้อสรุป ดังน้ี
- แหนมีการเปลยี่ นแปลงอย่างไร ด้วยวิธีการใด (แหนมีจำนวนเพมิ่ ข้นึ ด้วยการแตกหนอ่ )
- การเปลี่ยนแปลงของดาวทะเลและหางจิ้งจก เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (ลักษณะที่

เหมือนกันคอื สามารถงอกส่วนของร่างกายขึ้นมาใหม่ได้ ลักษณะที่ต่างกันคอื ดาวทะเลสามารถงอก เป็นตัว
ใหมไ่ ด้ 2 ตวั สว่ นจ้งิ จกงอกเฉพาะส่วนหางท่ขี าดหายไป ไม่มีการเพม่ิ จำนวนจง้ิ จก)

- การงอกใหมข่ องสัตวช์ นดิ ใดจดั เปน็ การสบื พนั ธุ์ การงอกใหม่ของดาวทะเล )
- สิง่ แวดล้อมภายนอก และส่งิ แวดล้อมภายในที่เป็นส่ิงเร้าของส่งิ มีชีวิตมอี ะไรบ้าง ( ส่ิงเร้าท่ี
เป็นสิ่งแวดลอ้ มภายนอก เช่น แสง เสียง อุณหภูมิ กระแสลม ความชื้น แรงโนม้ ถ่วง สิ่งเร้าท่ีเป็นสิ่งแวดลอ้ ม
ภายใน เช่น ความเครยี ด ความหวิ ระดับฮอร์โมน ระดบั นํา้ ตาลเลือด)
- นักเรยี นคดิ วา่ การพัฒนาของระบบประสาทของสง่ิ มีชีวติ แต่ละชนิดมีความสัมพันธ์กับการ
ตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าของสง่ิ มีชีวิตนั้นๆ อย่างไร (มคี วามสัมพนั ธก์ นั ถ้าระบบประสาทพัฒนาต่ำ การตอบสนอง
ตอ่ สิง่ เร้าจะมีรูปแบบง่ายๆ แตถ่ า้ มีการเจริญของระบบประสาทการตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าจะมรี ูปแบบที่ซับซ้อน)
- จากกิจกรรม 1.3 อุณหภูมกิ ับการรกั ษาดุลยภาพของปลาอัตราการขยับแผ่นปิดเหงือกก่อน
และหลังการเปลย่ี นแปลอุณหภูมิของน้ำแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร (ตา่ งกนั โดยอุณหภูมขิ องนำ้ มีผลต่ออัตรา
การขยับแผ่นปิดเหงือกของปลาน้ำเย็นให้อัตราการขยับแผ่นปิดเหงือกลดลง ส่วนน้ำอุ่นทำให้อตั ราการขยับ
แผน่ ปิดเหงอื กเพิม่ สงู ข้ึน )
3.4 นักเรียนทั้งหมดร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับอัตราการขยับแผ่นปิดเหงือกของปลาเกี่ยวข้องกับการ
รกั ษาดุลยภาพของปลาอยา่ งไร
ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 ผลจากการทดลองนำไปเชอ่ื มโยงกับการรกั ษาดลุ ยภาพ กล่าวคือ เมือ่ อุณหภูมิของสภาพแวดลอ้ ม
สงู อัตราเมทาบอลิซมึ ในร่างกายของปลาจะเพมิ่ สงู ขนึ้ ด้วย ปลาจงึ ต้องการแก๊สออกซเิ จนเพ่ิมขึ้น จึงต้องเพ่ิม
อัตราการ หายใจ โดยขยับแผ่นปดิ เหงอื กให้นำ้ ไหลผ่านเหงอื กมากขึ้น ออกซิเจนแพร่เข้าสหู่ ลอดเลือดฝอยมาก
ข้นึ นน่ั เอง
4.2 นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั สรุปเชอ่ื มโยงความคดิ เกย่ี วกับสมบตั ขิ องสง่ิ มีชีวิต
4.3 มอบหมายงานใหน้ กั เรียนในกล่มุ เดิมสืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั รูปรา่ งลกั ษณะของไวรัสว่าเป็นส่ิงมีชีวิต
หรือไม่และทำให้เกิดโรคต่างๆ อะไรบ้าง เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดนก (โรคซาร์) โรคเอดส์ เพื่อนำมา
อภปิ รายในชวั่ โมงเรยี นคร้ังต่อไป
4.4 ทบทวนความรเู้ ดิมทน่ี ักวิทยาศาสตร์หลายทา่ นใหแ้ นวคดิ เก่ยี วกบั การเกดิ สิ่งมีชีวิตบนโลก
4.5 แตล่ ะกลุ่มนำข้อมูลจากการสืบค้นมานำเสนอและอภิปรายร่วมกันถึงแนวคิดของนกั วิทยาศาสตร์
ทว่ี า่ “ไวรัสไม่นา่ จะเป็นสง่ิ มชี วี ติ ” และถา้ ระบวุ ่าเป็นสิง่ มชี ีวิต มีเหตุผลใดสนับสนุน (มกี ารสืบพันธ์ุ โดยจำลอง
ตัวเอง: replication)

4.6 ขยายความรตู้ อ่ เก่ยี วกับคณุ ลกั ษณะของสงิ่ มชี ีวิตทตี่ ่างจากสง่ิ ไม่มีชีวติ อย่างไรบา้ ง (มกี ารสืบพันธ์ุ
ต้องการอาหารและพลงั งาน มีการหายใจ การเจริญเติบโต ตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ เคลอ่ื นไหวหรอื เคล่อื นที่ได้มีการ
รกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายในลกั ษณะตา่ งๆ ฯลฯ)

4.7 ตั้งคำถามให้นักเรียนตอบเกี่ยวกับความหมายของคำว่า อายุขัย อายุคาด ลำดับโครงสร้างของ
สงิ่ มชี ีวิตลกั ษณะเฉพาะตวั ของสิ่งมชี ีวติ การชราภาพ การรักษาดุลยภาพของร่างกายลักษณะตา่ งๆ

4.8 รว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับการรักษาดลุ ยภาพของรา่ งกายแบบตา่ งๆ (ตามหนงั สือเรียน)
ขน้ั ที่ 5 ประเมินผล

5.1 ดา้ นความรู้ (K) ประเมนิ จาก
1. การทดสอบความรู้
2. องคค์ วามรู้ที่นกั เรียนไปสบื ค้นขอ้ มลู

5.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินจาก
1. กระบวนการทาํ งาน
2. ทักษะการนำเสนอผลงาน (การส่ือสารสิ่งทเี่ รียนร้)ู

5.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ หรอื จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) ประเมินจาก
1. การคิดวพิ ากษ์วจิ ารณ์ การคดิ อยา่ งมเี หตมุ ีผล การคิดอยา่ งสร้างสรรค์
2. การทำงานรว่ มกบั ผ้อู น่ื
3. ความสนใจใฝร่ ู้ ใฝห่ า
4. การแสดงออกถงึ ความคดิ เหน็
5. ความรับผิดชอบ

8. สื่ออุปกรณ์แหล่งเรยี นรู้
1.หนังสือเรยี น
2.สมดุ บนั ทกึ

9. ภาระชิน้ งาน
แบบจำลองโครงสรา้ งของโครโมโซม

10. การวดั และประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K) ตรวจจากสมุดบนั ทึก ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ ไมน่ ้อย
1. นักเรียนสามารถสบื ค้นอธิบายและสรปุ สมบตั ิท่ี กว่าร้อยละ 70

สำคัญของสิง่ มีชีวิต และความสมั พนั ธข์ องการ

จัดระบบในส่ิงมีชีวิตที่ทำให้ส่ิงมชี วี ติ ดำรงชวี ิตอยไู่ ด้

ทกั ษะกระบวนการ (P) ตรวจจากการนำเสนอ

2. นักเรยี นสามารถออกแบบ ทดลอง และวิเคราะห์

ขอ้ มลู เกยี่ วกับการตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าของส่งิ มชี ีวิต

ได้

3. นักเรยี นสามารถออกแบบและทดลอง เก่ียวกบั

อณุ หภูมิของสภาพแวดลอ้ ม ทม่ี ผี ลตอ่ การรกั ษาดลุ ย

ภาพของส่ิงมีชวี ิตได้

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - สังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรยี นโดย
4. นกั เรียนกระตอื รอื ร้น แสดงความคิดเหน็ และ ใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน
ทำงานรว่ มกับเพอ่ื นอย่างสรา้ งสรรค์ กลมุ่

11. บันทกึ หลังสอน
ผลการจดั การเรียนรู้

1.1 ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาท่ีเกิดขึน้ ระหว่างการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธี/แนวทางการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ……………………………………………
(นางสาวณชิ ากร นามวงษา)
ครผู ูส้ อน

ความคดิ เห็นของครพู ่ีเลย้ี ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(นางสานติ กรเี ทพ)
ครพู ่ีเลย้ี ง

ความคิดเหน็ ของบรหิ ารวชิ าการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ……………………………………………
(นางสายชล ดวงบุปผา )
ฝ่ายบริหารวิชาการ

ความคดิ เหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(……………………………………………)
ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา

ภาคผนวก

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงใน
ช่องทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

ชอ่ื .................................................................................ชน้ั .................เลขท่.ี ..............กลุ่ม..............

คุณลักษณะอันพงึ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 43 21
ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของ
มีวินัยรับผิดชอบ ครอบครัวและโรงเรียนตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจำวัน และรับผดิ ชอบในการทำงาน
ใฝเ่ รยี นรู้ แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้
มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ
มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ

ลงช่ือ………………………………………………………….. ผปู้ ระเมนิ
…………………/…………………../……………….

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
เตรียมปดั เรือเพอื่ แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน 12-10 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง 9-6 ดี
5-3 พอใช้
ต่ำกว่า 3 ปรับปรงุ



แผนการจดั การเรียนรู้ 2

รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พิม่ เติม (ชวี วทิ ยา) รหัส ว30241 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การศกึ ษาชีววิทยา จำนวน 12 ช่ัวโมง
เรือ่ ง ธรรมชาตขิ องสิง่ มชี วี ติ จำนวน 1 ชวั่ โมง
สอนโดย นางสาวณิชากร นามวงษา ภาคเรยี นท่ี 1/2565

1. ผลการเรยี นรู้
อธิบายและสรุปสมบัติที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ของการจัดระบบในสิ่งมชี ีวิตที่ทำให้

สง่ิ มชี ีวิตดำรงชวี ติ อยไู่ ด้

2. จุดประสงคก์ ารจัดการเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถสบื คน้ อธิบายและสรปุ สมบัตทิ ีส่ ำคญั ของส่ิงมชี วี ิต และความสมั พันธข์ องการ

จัดระบบในสิ่งมชี ีวติ ท่ีทำใหส้ ง่ิ มชี ีวิตดำรงชวี ติ อยไู่ ด้ (K)
2. นักเรยี นสามารถออกแบบ ทดลอง และวิเคราะห์ข้อมลู เกยี่ วกับการตอบสนองต่อส่ิงเร้าของ

สิง่ มชี ีวิตได้ (P)
3. นกั เรยี นสามารถออกแบบและทดลอง เกีย่ วกบั อุณหภูมขิ องสภาพแวดลอ้ ม ที่มผี ลตอ่ การรักษา

ดุลยภาพของส่งิ มชี วี ติ ได้ (P)
4. นกั เรยี นกระตอื รือรน้ แสดงความคดิ เหน็ และทำงานร่วมกับเพื่อนอย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
ส่ิงมชี ีวติ มกี ารสบื พนั ธ์ุเพอ่ื เพ่ิมจำนวนและดำรงเผ่าพันธุ์ ต้องการสารอาหารและพลงั งานเพ่ือ การ

ดำรงชวี ติ และการเจริญเตบิ โต สงิ่ มีชีวติ แตล่ ะชนิดมอี ายุขัยและขนาดแตกตา่ งกนั และมีลกั ษณะ จำเพาะ
สามารถตอบสนองต่อสงิ่ เร้าได้ มกี ลไกในการรักษาดลุ ยภาพภายในของรา่ งกายให้เหมาะสม ตอ่ การดำรงชวี ติ
และมีการจดั ระบบต้งั แตร่ ะดับเซลล์ไปจนถงึ ระดับกลมุ่ สิ่งมชี วี ิต
4. สาระการเรยี นรู้

การอธิบายและอภปิ รายผลการศกึ ษาค้นคว้าของนกั วิทยาศาสตรเ์ ก่ียวกบั การเกดิ สิง่ มีชวี ติ บนโลกและ
คณุ สมบัตขิ องสง่ิ มชี วี ิต โดยใช้พ้นื ฐานของความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ สามารถทำการสำรวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ ง
ครอบคลมุ และน่าเช่ือถอื เม่อื นกั วิทยาศาสตร์ไดท้ ำการศึกษาคน้ คว้าหาความรู้เกยี่ วกับการเกิดส่งิ มีชีวติ จนได้
ข้อเทจ็ จรงิ แล้วทำให้นักวิทยาศาสตรค์ ดิ และต้งั คำถามตอ่ ไปวา่ “ส่งิ มชี ีวิตทีพ่ บบนโลกนีม้ มี ากมายหลายชนิด
แตล่ ะ ชนิดมีคณุ สมบัตเิ หมือนกนั หรือไม่” ซง่ึ จากการศกึ ษาพบว่า ส่งิ มชี ีวติ มคี ณุ สมบตั ิที่คล้ายกันหลาย
ประการ ไดแ้ ก่ มี การสืบพันธ์ุเพ่ือขยายพนั ธหุ์ รอื ดำรงพนั ธุ์ไว้ มีการเจรญิ เติบโต มีอายุขัยและขนาดจำกัด
ต้องการอาหารและ พลงั งาน การตอบสนองต่อสิ่งเร้า มกี ารปรบั ตวั ใหม้ ชี ีวิตอยู่รอดในแหลง่ ทอี่ ยอู่ าศัยหรอื
สภาพแวดล้อมนน้ั หรอื ท่ี เรยี กว่า มกี ารรักษาดุลยภาพของรา่ งกาย มีลักษณะจำเพาะและมีการจัดระบบ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ทักษะในการคิดวเิ คราะห์ ทักษะการคดิ สรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต กระบวนการทำงานกลุ่ม
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1) มีวินัย
2) ใฝเ่ รยี นรู้
3) มุง่ ม่ันในการทำงาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ

1.1 ตั้งประเด็นคําถามโดยใช้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอเกี่ยวกับ GMOs พันธุวิศวกรรม การ
ปรับปรงุ พนั ธ์ุ พืช พันธสุ์ ตั ว์ งานวิจยั ทางเทคโนโลยีชวี ภาพใหมๆ่ ฯลฯ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นรว่ มแสดงความคิดเห็น
และอภปิ ราย เชน่ แนวคิดการดำเนนิ งานหรืองานวจิ ยั ของนกั วทิ ยาศาสตร์ และผลท่ีเกิดขึ้นจากการดำเนินการ
ของนกั วทิ ยาศาสตร์
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจและค้นหา

2.1 จัดกลมุ่ นกั เรียน 3-4 คน ร่วมกนั วางแผนการสบื คน้ ข้อมลู เกีย่ วกับเรอ่ื งต่างๆ ทเี่ ปน็ ความกา้ วหน้า
ทางด้านชีววิทยาตามที่กลุ่มสนใจ ซึ่งอาจจะนำมาจากข่าวสารในหนังสือพิมพ์ วารสารวิทยาศาสตร์ เว็บไซต์
ต่างๆ เพอื่ นำาเสนอในหอ้ งเรียน

2.2 ให้นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายถึงจรรยาบรรณในการใช้สตั วท์ ดลอง การใช้อาวุธชีวภาพ การบริโภค
ผลติ ภณั ฑ์ ของสิ่งมชี ีวิต GMOs

2.3 ใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรม กรณีศึกษาทเ่ี ก่ียวกับชวี จริยธรรมโดยให้นักเรียนสุ่มจบั กรณีศึกษา ดงั นี้
1. การซื้อขายอวัยวะของมนุษย์ การขโมยอวยั วะของมนษุ ยเ์ พื่อประโยชนด์ ้านการแพทย์ใน

การรักษา คนไข้ผิดหลักชีวจริยธรรมหรือไม่อย่างไร และวิเคราะห์ถึงสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยใช้
เหตุผลประกอบ

2. การอุ้มบญุ ในกรณีของผ้ทู ีต่ ้องการมบี ตุ รแตไ่ มส่ ามารถมีบตุ รได้ด้วยตนเอง ผิดหลักชีวจริย
ธรรมหรือไม่ อยา่ งไร และวิเคราะห์ถึงสาเหตุและผลกระทบท่ีเกดิ ข้ึน โดยให้เหตุผลประกอบ

3. กรณขี องผู้ทีเ่ ปน็ โรคเอดส์ หรือติดเช้อื HIV ทมี่ พี ฤติกรรมในการกอ่ เหตดุ ้วยความตั้งใจใน
การแพร่เชื้อ HIV ไปสู่ผู้อื่น โดยการใช้เข็มฉีดยาที่ติดเชื้อไปจิ้มแทงผูอ้ ่ืน ผิดหลักชีวจริยธรรมหรือไม่อย่างไร
และวิเคราะห์ถึง สาเหตแุ ละผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ โดยใช้เหตุผลประกอบ

ขนั้ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 แต่ละกลุ่มนำผลงานทีไ่ ด้จากการสืบคน้ นำเสนอในชั้นเรียน ทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความคดิ เหน็

และ อภปิ ราย เพือ่ ใหไ้ ด้องค์ความรู้ และมีความเข้าใจเก่ียวกับหลกั ชวี จรยิ ธรรม
ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้

4.1 ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนได้เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับผลงานการดำเนินงานใหม่ๆ ของ
นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้นำแนวทางของวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสํารวจตรวจสอบ การศึกษา
ค้นคว้าวิจัย เพื่อให้เกิดผลงานทางด้านชีววิทยาศาสตร์ เป็นการนำไปใช้ประโยชน์หลายๆ ด้ าน เช่น ทาง
การเกษตร การแพทย์เปน็ ต้น และนำไปสู่คุณลักษณะของนักวิทยาศาสตร์ ซงึ่ ปลุกจติ สำนึกให้กบั นกั เรียน ได้
เหน็ ความสำคญั ของ วิทยาศาสตร์ ใหน้ กั เรียนมีความเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตรห์ รือความเปน็ วิทยาศาสตร์ ๔.๒
เพ่ิมเตมิ ความรู้ เกีย่ วกับจรรยาบรรณการใช้สัตว์เพื่องานทางวทิ ยาศาสตร์
ขั้นท่ี 5 ประเมนิ ผล

5.1 ด้านความรู้ (K) ประเมินจาก
1. การทดสอบความรู้ (โดยให้ข่าวสาร หรือสถานการณ์ แล้วนักเรียนเขียนตอบแสดงความ

คิดเห็น)
2. องคค์ วามรทู้ น่ี ักเรยี นไปสืบคน้ ข้อมูล (รายงานที่ไดจ้ ากการสบื ค้นขอ้ มลู )

5.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินจาก
1. ทกั ษะการนำาเสนอผลงาน (การส่ือสารส่งิ ที่เรยี นรู)้
2. ทักษะการคิดตา่ งๆ ที่สังเกตจากการอภิปราย การแสดงความคดิ เห็นของนกั เรียน
3. ทกั ษะการทํางานร่วมกนั ในกลุ่ม
4. ทกั ษะการนำเสนอผลงานหรือสอื่ สารส่ิงทเ่ี รียนรู้

5.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หรอื จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) ประเมินจาก
1. การคิดวพิ ากษ์วิจารณ์ การคิดอยา่ งมเี หตมุ ผี ล การคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์
2. การทาํ งานร่วมกบั ผอู้ น่ื
3. ความสนใจใฝ่รู้ ใฝห่ า
4. การแสดงออกถึงความคิดเหน็
5. ความรบั ผิดชอบ

8. สอ่ื อุปกรณ์แหลง่ เรียนรู้
1. หนังสือเรยี นรายวิชาเพิม่ เตมิ ชวี วทิ ยา เลม่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
2. สอ่ื คลิปวีดโี อเกย่ี วกับสมบตั ขิ องส่งิ มีชวี ติ / ข่าวสารเกย่ี วกับเทคโนโลยีชวี ภาพ
3. แบบบันทกึ กิจกรรม เรือ่ งชวี จริยธรรม

9. ภาระชิ้นงาน
1. บันทกึ ประสบการณ์ กรณศี ึกษาท่เี ก่ยี วกบั ชีวจรยิ ธรรม

10. การวดั และประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K) ตรวจจากสมุดบนั ทึก ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ ไมน่ ้อย
1. นักเรียนสามารถสบื ค้นอธิบายและสรปุ สมบตั ิท่ี กว่าร้อยละ 70

สำคัญของสิง่ มีชีวิต และความสมั พนั ธข์ องการ

จัดระบบในส่ิงมีชีวิตที่ทำให้ส่ิงมชี วี ติ ดำรงชวี ิตอยไู่ ด้

ทกั ษะกระบวนการ (P) ตรวจจากการนำเสนอ

2. นักเรยี นสามารถออกแบบ ทดลอง และวิเคราะห์

ขอ้ มลู เกยี่ วกับการตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้าของส่งิ มชี ีวิต

ได้

3. นักเรยี นสามารถออกแบบและทดลอง เก่ียวกบั

อณุ หภูมิของสภาพแวดลอ้ ม ทม่ี ผี ลตอ่ การรกั ษาดลุ ย

ภาพของส่ิงมีชวี ิตได้

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - สังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรยี นโดย
4. นกั เรียนกระตอื รอื ร้น แสดงความคิดเหน็ และ ใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน
ทำงานรว่ มกับเพอ่ื นอย่างสรา้ งสรรค์ กลมุ่

11. บันทกึ หลังสอน
ผลการจดั การเรียนรู้

1.1 ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปญั หาท่ีเกดิ ขน้ึ ระหวา่ งการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธ/ี แนวทางการแกป้ ัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ……………………………………………
(นางสาวณชิ ากร นามวงษา)
ครผู ู้สอน

ความคิดเหน็ ของครูพีเ่ ลยี้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ……………………………………………
(นางสานิต กรเี ทพ)
ครพู ี่เลี้ยง

ความคิดเหน็ ของบรหิ ารวชิ าการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ……………………………………………
(นางสายชล ดวงบุปผา )
ฝ่ายบริหารวิชาการ

ความคดิ เหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(……………………………………………)
ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา

ภาคผนวก

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงใน
ช่องทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

ชอ่ื .................................................................................ชน้ั .................เลขท่.ี ..............กลุ่ม..............

คุณลักษณะอันพงึ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 43 21
ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของ
มีวินัยรับผิดชอบ ครอบครัวและโรงเรียนตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจำวัน และรับผดิ ชอบในการทำงาน
ใฝเ่ รยี นรู้ แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้
มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ
มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ

ลงช่ือ………………………………………………………….. ผปู้ ระเมนิ
…………………/…………………../……………….

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
เตรียมปดั เรือเพอื่ แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน 12-10 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง 9-6 ดี
5-3 พอใช้
ต่ำกว่า 3 ปรับปรงุ



แผนการจัดการเรียนรู้ 3

รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์เพิม่ เติม (ชวี วิทยา) รหัส ว30241 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การศกึ ษาชวี วิทยา จำนวน 12 ช่วั โมง
เรื่อง การศกี ษาชวี วทิ ยา และวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ จำนวน 3 ชวั่ โมง
สอนโดย นางสาวณิชากร นามวงษา ภาคเรียนท่ี 1/2565

1. ผลการเรยี นรู้
อภิปรายและบอกความสำคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปญั หา สมมตฐิ าน และวธิ ีการ

ตรวจสอบสมมติฐาน รวมทง้ั ออกแบบการทดลองเพ่อื ตรวจสอบสมมตฐิ าน
2. จุดประสงคก์ ารจัดการเรยี นรู้

1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ ที างวิทยาศาสตร์ และยกตัวอย่างนกั วทิ ยาศาสตรข์ องไทยและผลงานที่
ศกึ ษา (K)

2. สังเกตและบันทึกเกยี่ วกับลักษณะของส่งิ มชี ีวติ (P)
3. ต้ังคําถามเกย่ี วกับส่งิ ที่นกั เรยี นสังเกตได้ (P)
4. เปรยี บเทียบข้อมลู และคำถามของนกั เรียนกบั เพือ่ น (P)
5. นักเรียนกระตอื รือร้น แสดงความคดิ เห็นและทำงานร่วมกบั เพื่อนอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
การสงั เกตเปน็ ทักษะสำคญั ท่นี ำไปสู่การต้งั ปัญหาและรวบรวมขอ้ มูล ความเปน็ คนช่างสงั เกตของ

นกั วิทยาศาสตรท์ ำให้เกิดการคน้ พบความร้ตู ่างๆมากมาย รวมท้งั การคดิ ค้นส่ิงประดิษฐ์ตา่ งๆ ที่อำนวยความ
สะดวกแกม่ นษุ ย์ นักชวี วทิ ยาใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตรใ์ นการศกึ ษาชีววิทยา ประกอบดว้ ย การกำหนดปญั หา
การ ตง้ั สมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและการสรปุ ผลการ
ทดลอง ความรทู้ างชีววทิ ยาอาจไดจ้ ากการสำรวจ และการศึกษาภายในและภายนอกหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ความรทู้ ี่
ได้จาก การศึกษาบางเรอื่ งสามารถนำไปต้ังเป็นกฎหรอื ทฤษฎีสำหรับใช้อา้ งองิ ไดด้ งั น้นั ชีววทิ ยาประกอบดว้ ย
สว่ นทส่ี ำคญั คอื ส่วนท่เี ป็นความรู้ และสว่ นท่ีเปน็ กระบวนการ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการเปล่ียนแปลง
ได้ เมือ่ มีขอ้ มลู หรอื ประจกั ษ์พยานใหมเ่ พม่ิ เตมิ หรอื โตแ้ ยง้ จากเดมิ ซึง่ ท้าทายให้มีการตรวจสอบอย่าง
ระมัดระวงั อันจะนำมาสู่ การยอมรบั เป็นความรู้ใหม่

4. สาระการเรียนรู้
การอธิบาย การอภปิ ราย การวเิ คราะหเ์ กย่ี วกับวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ที่นำไปสกู่ ารสำรวจตรวจสอบ

การแกป้ ญั หา และนำไปสอู่ งคค์ วามรู้ใหม่ทางชวี วิทยา

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ทักษะในการคดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการคิดสร้างสรรค์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต กระบวนการทาํ งานกลมุ่
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) มวี นิ ยั
2) ใฝ่เรียนรู้
3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ

1.1 ครนู ำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยใช้คำถามนำเขา้ สู่การอภปิ ราย ดงั นี้
- นกั ชีววิทยามีวิธีการศกึ ษาวิทยาศาสตร์อย่างไร
- ลักษณะในการทำงาน และลักษณะสำคญั ของนกั วิทยาศาสตร์มีอะไรบา้ ง

1.2 ครูทบทวนเกย่ี วกบั ชีววทิ ยากับการดำรงชีวติ ของมนษุ ย์ กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้
ขน้ั ที่ 2 สํารวจและคน้ หา

2.1 ครแู บ่งกลุ่มนกั เรียนและให้แต่ละกลมุ่ เลอื กสังเกตส่งิ มีชีวติ จากรูปทีก่ ำหนด ก. ข. และ ค. แล้วให้
นักเรยี นทําตามขนั้ ตอนในกิจกรรม ดังนี้

- สงั เกตลักษณะของสงิ่ มีชีวิตทีศ่ ึกษาให้ไดม้ ากที่สุด แลว้ บนั ทึกส่ิงที่สงั เกตได้ภายในเวลา ๕
นาที (ครูจับเวลา ใหเ้ ริ่มสงั เกตพร้อมกนั )

- เขียนคาํ ถามอยา่ งนอ้ ย ๒-๓ คําถามเกี่ยวกบั สิง่ ท่ีสงั เกตได้
ขัน้ 3 อธิบายและลงข้อสรุป

3.1 ครูให้นักเรียนกลุ่มที่เลือกศึกษารูปเหมือนกันมารวมกลุ่มกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและ
เปรียบเทียบ ข้อมูลและคําถามที่ได้จากการสังเกตของนักเรียนคนอื่น แล้วตอบคำถามในหนังสือซึ่งมีแนว
คำตอบ ดังน้ี

- ข้อมูลทนี่ ักเรียนบนั ทึกได้จากการสงั เกต เมื่อเปรยี บเทยี บกับเพ่ือนคนอืน่ มีข้อมูลละเอียด
ครบถว้ นหรอื ไม่ อยา่ งไร ( นกั เรียนบางคนบันทกึ ไดล้ ะเอยี ดครบถว้ น บางคนอาจบนั ทกึ ไม่ครบ )

- คำถามที่นักเรียนตั้งเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนแล้วเป็นอย่างไร ( บางคําถามอาจนำไปสู่
คำตอบท่ีนา่ สนใจ หรอื บางคำถามอาจไม่นา่ สนใจ )

3.2 ครูชมเชยนักเรยี น และเน้นใหน้ กั เรียนตระหนกั วา่ การสังเกตเปน็ ทกั ษะทีส่ ำคญั นำไปสู่การค้นพบ
ปญั หาและการรวบรวมข้อมูล และการตงั้ ปญั หายอ่ มสำคัญกว่าการแก้ปัญหา

3.3 ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายในประเด็นคำถามจากกิจกรรมดังน้ี
- จากสถานการณท์ เ่ี ปน็ ปญั หาคำถามทอี่ าจเปน็ ไปไดม้ ีอะไรบ้าง ( รับฟงั คำถามที่แตกตา่ งของ

นักเรียน)
ขั้นที่ 4 ขยายความรู้

4.1 ครูเสริมความรู้ โดยยกตัวอยา่ งการค้นพบยาเพนิซิลิน ซึง่ ไดม้ าจากการเปน็ คนช่างสงั เกต ช่างคิด
วิเคราะห์ ของ อเลก็ ซานเดอร์ เฟลมงิ นำมาซ่ึงคุณประโยชนอ์ ยา่ งมากมายมหาศาล

4.2 ใหน้ กั เรยี นสรุปรว่ มกันวา่ ปญั หาไดม้ าจากการสงั เกตปรากฏการณท์ างธรรมชาตแิ ละความอยากรู้
อยากเห็นของมนษุ ย์ อภิปรายเกย่ี วกับคำกลา่ วทีว่ า่ “การต้งั ปญั หาย่อมสำคญั กว่าการแกป้ ญั หา”
ข้ันที่ 5 ประเมนิ ผล

5.1 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั คดิ วเิ คราะห์ วพิ ากย์วิจารณผ์ ลงานของนกั วทิ ยาศาสตรไ์ ทยในเชิงความคิด
ทาง วิทยาศาสตร์

5.2 มอบหมายงานให้นักเรียนศกึ ษาความรเู้ พ่มิ เติม อาจทำในรปู แบบรายงานแล้วนำมาสง่ คาบถดั ไป
5.3 จากขอ้ มลู การสืบคน้ ผลงานของนกั วทิ ยาศาสตร์หรือนกั ชีววิทยา ทำให้เราได้ทราบถึงคณุ ลักษณะ
ของ นักเรียนวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร ร่วมคดิ ร่วมตอบคาํ ถาม (เชน่ ความเปน็ คนชา่ งสงั เกต ความเป็นคนช่าง
คิด ช่าง สงสัย ความเป็นคนมีเหตุผล ความเป็นคนมีความเพียรพยายามและความอดทน ความเป็นคนมี
ความคิดรเิ ริ่มและ คิดสรา้ งสรรค์ ความเป็นคนทาํ งานอย่างมีระบบ มคี วามรบั ผิดชอบ)

8. ส่อื อุปกรณ์แหลง่ เรียนรู้
1. หนังสอื เรียนรายวิชาเพ่มิ เตมิ ชีววิทยา เลม่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔-๖

9. ภาระชิน้ งาน
1. สืบค้นขอ้ มูลจากใบความรู้ สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ ทำชิ้นงาน

10. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตรวจจากสมดุ บนั ทึก
ผ่านเกณฑก์ าร
ดา้ นความรู้ (K) ตรวจบนั ทกึ ผลการทำกิจกรรมและ ประเมนิ ไมน่ ้อย
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายวธิ ีทางวทิ ยาศาสตร์ และ การนำเสนอ กว่าร้อยละ 70
ยกตวั อยา่ งนักวทิ ยาศาสตร์ของไทยและผลงานที่
ศึกษา - สงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี นโดย
ทกั ษะกระบวนการ (P) ใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
2. สังเกตและบันทกึ เก่ยี วกบั ลกั ษณะของสิง่ มีชวี ิต กล่มุ
3. ตง้ั คําถามเกี่ยวกับสิ่งทน่ี กั เรยี นสงั เกตได้
4. เปรียบเทียบขอ้ มูลและคำถามของนกั เรียนกบั
เพ่ือน
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
5. นกั เรียนกระตอื รอื รน้ แสดงความคดิ เหน็ และ
ทำงานร่วมกับเพอ่ื นอย่างสร้างสรรค์

11. บันทกึ หลังสอน
ผลการจดั การเรียนรู้

1.1 ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาท่ีเกิดขึน้ ระหว่างการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธี/แนวทางการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ……………………………………………
(นางสาวณิชากร นามวงษา)
ครูผู้สอน

ความคดิ เห็นของครพู ่ีเลย้ี ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(นางสานติ กรีเทพ)
ครพู ่ีเลี้ยง

ความคิดเหน็ ของบรหิ ารวชิ าการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ……………………………………………
(นางสายชล ดวงบปุ ผา )
ฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการ

ความคดิ เหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื ……………………………………………
(……………………………………………)
ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

ภาคผนวก

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงใน
ช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ชอ่ื .................................................................................ชน้ั .................เลขท่.ี ..............กลุ่ม..............

คุณลักษณะอันพงึ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 43 21
ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของ
มีวินัยรับผิดชอบ ครอบครัวและโรงเรียนตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจำวัน และรับผดิ ชอบในการทำงาน
ใฝเ่ รยี นรู้ แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้
มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ
มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ

ลงช่ือ………………………………………………………….. ผปู้ ระเมนิ
…………………/…………………../……………….

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
เตรียมปดั เรือเพอื่ แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน 12-10 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง 9-6 ดี
5-3 พอใช้
ต่ำกว่า 3 ปรับปรงุ



แผนการจดั การเรียนรู้ 4

รายวิชาวทิ ยาศาสตร์เพิม่ เติม (ชีววิทยา) รหัส ว30241 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การศกึ ษาชวี วทิ ยา จำนวน 12 ชัว่ โมง
เรอ่ื ง การศีกษาชีววิทยา และวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 3 ชัว่ โมง
สอนโดย นางสาวณชิ ากร นามวงษา ภาคเรยี นที่ 1/2565

1. ผลการเรยี นรู้
อภปิ รายและบอกความสำคัญของการระบุปัญหา ความสมั พันธ์ระหว่างปญั หา สมมติฐาน และวิธีการ

ตรวจสอบสมมติฐาน รวมทง้ั ออกแบบการทดลองเพ่อื ตรวจสอบสมมติฐาน
2. จดุ ประสงคก์ ารจดั การเรียนรู้

1. นักเรียนสามารถอภิปราย และระบุความสำคัญของการตั้งปัญหา ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปญั หา
สมมติฐาน และวธิ กี าร ตรวจสอบสมมติฐาน (K)

2. นักเรียนสามารถออกแบบการทดลอง และทดลองเพื่อตรวจสอบสมมตฐิ านตามวธิ ีการทาง
วิทยาศาสตรจ์ ากตวั อยา่ งการศึกษาได้ (P)

3. นักเรียนสามารถตัง้ คําถามเกย่ี วกับส่ิงท่ีนักเรียนสังเกตได้ (P)
4. นักเรียนสามารถเปรียบเทยี บข้อมลู และคำถามของนักเรียนกบั เพื่อนได้ (P)
5. นกั เรียนสามารถตง้ั คาํ ถามจากสถานการณท์ ีก่ าํ หนดได้ (P)
6. นักเรียนสามารถตง้ั สมมุติฐานจากปัญหาทีก่ ำหนดขึ้นได้ (P)
7. นกั เรียนสามารถตรวจสอบสมมติฐานและรายงานผลได้ (P)
10. นักเรียนกระตอื รือรน้ แสดงความคดิ เหน็ และทำงานร่วมกับเพือ่ นอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
การสังเกตเปน็ ทกั ษะสำคญั ทน่ี ำไปส่กู ารตัง้ ปัญหาและรวบรวมข้อมลู ความเป็นคนช่างสงั เกตของ

นกั วิทยาศาสตรท์ ำให้เกิดการคน้ พบความรตู้ ่างๆมากมาย รวมทัง้ การคิดค้นส่ิงประดษิ ฐต์ า่ งๆ ท่อี ำนวยความ
สะดวกแก่มนษุ ย์ นักชีววทิ ยาใชว้ ิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ในการศกึ ษาชวี วิทยา ประกอบดว้ ย การกำหนดปัญหา
การ ต้ังสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การวิเคราะห์ขอ้ มูลและการสรุปผลการ
ทดลอง ความรทู้ างชวี วิทยาอาจได้จากการสำรวจ และการศึกษาภายในและภายนอกห้องปฏิบตั ิการ ความรู้ที่
ไดจ้ าก การศึกษาบางเรอ่ื งสามารถนำไปต้ังเป็นกฎหรือทฤษฎีสำหรับใช้อ้างองิ ไดด้ งั นนั้ ชีววทิ ยาประกอบดว้ ย
สว่ นที่สำคัญ คือส่วนทเ่ี ปน็ ความรู้ และสว่ นทเ่ี ป็นกระบวนการ ความรทู้ างวิทยาศาสตรอ์ าจมีการเปล่ียนแปลง
ได้ เมือ่ มีขอ้ มูล หรือประจักษพ์ ยานใหมเ่ พม่ิ เติม หรอื โต้แย้งจากเดมิ ซง่ึ ทา้ ทายให้มกี ารตรวจสอบอยา่ ง
ระมดั ระวัง อนั จะนำมาสู่ การยอมรบั เปน็ ความรูใ้ หม่

4. สาระการเรยี นรู้
การอธบิ าย การอภปิ ราย การวิเคราะหเ์ ก่ียวกบั วธิ กี ารทางวิทยาศาสตรท์ ี่นำไปสกู่ ารสำรวจตรวจสอบ

การแก้ปัญหา และนำไปสอู่ งคค์ วามรใู้ หมท่ างชีววทิ ยา

5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ทักษะในการคดิ วิเคราะห์ ทักษะการคิดสรา้ งสรรค์
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต กระบวนการทาํ งานกลุม่
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) มวี นิ ัย
2) ใฝ่เรียนรู้
3) มุ่งม่นั ในการทำงาน

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันท่ี 1 สร้างความสนใจ

1.1 ครูฝึกใหน้ ักเรยี นตง้ั คำถามจากสถานการณท์ ีเ่ ปน็ ปญั หา โดยกำหนดสถานการณท์ ีเ่ ปน็ การทดลอง
ให้ นักเรียนวิเคราะห์เปรียบเทียบปฏิกิริยาทีเ่ กิดขึ้นในน้ำสับปะรดและน้ำเชื่อม โดยใบหนึ่งเกิดฟองอากาศ
มากกวา่ อกี ใบหนง่ึ และมีกล่ินแอลกอฮอลม์ ากกว่าด้วย เนอ่ื งจากในน้ำสับปะรดมียีสต์ช่วยสลายน้ำตาลในน้ำ
สับปะรดทำให้เกดิ แกส๊ CO2 และแอลกอฮอล์

1.2 จากสถานการณท์ เี่ ปน็ ปญั หาน้ีนักเรียนคดิ ว่าคำถามทีอ่ าจเปน็ ไปได้มอี ะไรบา้ ง
- อณุ หภมู ิของสถานท่เี กบ็ มีผลตอ่ การสลายนำ้ ตาลของยสี ต์หรือไม่
- ความเข้มขน้ ของนำ้ ตาลในน้ำสับปะรดมีผลต่อการสลายน้ำตาลของยสี ต์ หรอื ไม่
- ปริมาณน้ำสบั ปะรดมีผลต่อการสลายน้ำตาลของยสี ตห์ รอื ไม่
- ปรมิ าณของอากาศในขวดมีผลตอ่ การสลายน้ำตาลของยีสตห์ รือไม่
- ปริมาณยีสตใ์ นนำ้ สับปะรดมีผลต่อการสลายน้ำตาลของยสี ต์หรือไม่

ขัน้ ที่ 2 สาํ รวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นกั เรียนทบทวนความหมายของสมมติฐาน
2.2 ครใู หน้ กั เรียนทำกจิ กรรมการตง้ั สมมติฐานโดยใช้ตัวอย่างจากปัญหาที่นกั เรยี นตงั้ ข้ึนจากกิจกรรม

ก่อนหนา้
2.3 ครูใหน้ ักเรียนสืบค้น และอภปิ รายขอ้ มูลเกย่ี วกบั การตรวจสอบสมมตฐิ าน

ขั้น 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับผลการทากจิ กรรมจากคำถาม ดงั น้ี
- สมมติฐานมคี วามสำคัญในการแก้ไขปญั หาทางวทิ ยาศาสตร์ ไดอ้ ย่างไร (สำคัญกลา่ วคอื เป็น

คำตอบที่น่าจะเป็นคำตอบของปัญหาที่สงสัย คำตอบที่แท้จริงอาจไม่ตรงกับสมมติฐาน ทั้งนี้ ต้องผ่าน
กระบวนการตรวจสอบอย่างรอบคอบ)

- จากการทดลองนี้ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุมคืออะไร (ตัวแปรต้น คือความ
เขม้ ข้นของสารละลายน้ำตาลทแ่ี ตกตา่ งกัน ตวั แปรตาม คือปริมาณของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นตัว
แปรควบคมุ คอื ปริมาณของยีสต์ ปริมาณนำ้ สับปะรด ขนาดของขวดรูปชมพู่ อุณหภูม)ิ

- จากการทดลองในกิจกรรมท่ี
- นักเรียนจะอธิบายผลการทดลองอย่างไร (เมื่อมีปริมาณนํ้าตาลในน้ำสับปะรดมากขึ้น
ปรมิ าณแก๊ส CO2 จะเพมิ่ มากขึ้น)
- นักเรียนคิดว่าผลการทดลองเชือ่ ได้หรือไม่ อย่างไร (น่าจะน่าเชื่อถือเพราะทำการทดลอง
อย่างนอ้ ย ๓ ครัง้ )
- ทําไมจึงทําการทดลอง 3 ครั้ง (เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ทำการทดลองซ้ำ แล้วหา
ค่าเฉลย่ี ผลการทดลองแต่ละครัง้ มคี ่าไมเ่ ท่ากันเน่ืองจาก ความคลาดเคลื่อนของการวัด) คําถามจากกิจกรรม
1.7 มดี งั นี้
- จากกจิ กรรมนกั เรยี นบอกได้หรือไม่ว่าสว่ นใดเปน็ ความรูแ้ ละส่วนใดเป็นกระบวนการ (ส่วน
ที่เป็นความรูพ้ บว่า การสลายน้ำตาลของยีสต์จะได้แอลกอฮอล์ ส่วนที่เป็นกระบวนการคอื การตั้ง สมติฐาน
การตรวจสอบสมมติฐาน ทดลอง เกบ็ ขอ้ มูลและวเิ คราะห์ขอ้ มูล และการสรุปผลการทดลอง)
- สมมติฐานต่างจากทฤษฎีอย่างไร (สมมติฐานเป็นคำตอบที่คาดคะเนไว้ยังไม่ผ่านการ
ตรวจสอบ สว่ นทฤษฎคี อื สมมตฐิ านทผ่ี า่ นการตรวจสอบแล้ว หลายคร้ังวา่ เป็นความจริง สามารถไปประยุกต์ใช้
ได้อย่างกว้างขวาง)
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้
4.1 ครูเพิ่มเตมิ ว่าการตรวจสอบสมมตฐิ านอาจทำโดยผูต้ รวจสอบคนเดียวหรือหลายคนก็ได้
4.2 ครูชี้ให้นักเรียนเห็นถึงประโยชน์ ของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ที่มีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนและ
ประเทศชาติ มวลมนุษยชาติ
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ ผล
5.1 ให้นักเรียนแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สิ่งที่ต้องการรู้ และขอบเขต
เปา้ หมาย แล้วตรวจสอบวา่ ได้เรียนรตู้ ามทต่ี ้ังเปา้ หมายครบถ้วนหรือไมเ่ พียงใด ถา้ ยงั ไมค่ รบถ้วนจะทำ อยา่ งไร
ตอ่ ไป (อาจสอบถามให้ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม สอบถามใหเ้ พ่ือนอธิบาย หรอื วางแผนสืบค้นเพิม่ เตมิ )
5.2 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑ์การให้
คะแนน สมุดบนั ทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไมเ่ พียงพอใชว้ ิธสี ัมภาษณ์เพม่ิ เตมิ

8. สอ่ื อุปกรณ์แหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวิชาเพิ่มเตมิ ชีววิทยา เลม่ 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
2. แบบบันทึกกิจกรรม เรื่องการสังเกตและการตั้งคำถาม
3. แบบบนั ทึกกิจกรรม เร่ืองการต้งั คาํ ถามจากสถานการณท์ เ่ี ป็นปญั หา
4. แบบบันทึกกิจกรรม เรอ่ื งการต้ังสมมตฐิ าน
5. แบบบนั ทึกกจิ กรรม เรือ่ งวธิ กี ารทางวิทยาศาสตรแ์ ละการรายงานผลการทดลอง

9. ภาระชนิ้ งาน
1. สืบค้นขอ้ มูลจากใบความรู้ สื่อ และแหล่งเรยี นรู้
2. ออกแบบการทดลองและบันทึกผลในแบบบันทึกกจิ กรรม เร่อื งการสังเกตและการต้ังคําถาม
3. ออกแบบการทดลองและบันทกึ ผลในแบบบนั ทกึ กิจกรรม เร่ืองการต้ังคำถามจากสถานการณท์ เ่ี ป็น

ปัญหา
4. ออกแบบการทดลองและบันทึกผลในแบบบันทกึ กิจกรรม เรอื่ งการตง้ั สมมตฐิ าน
5. ออกแบบการทดลองและบันทึกผลในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม เร่ืองการตง้ั วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์และ

การรายงานผลการทดลอง
6. ออกแบบชิน้ งานและบนั ทึกผลในแบบบันทกึ กจิ กรรม เรือ่ งการสังเกตและการตั้งคําถาม
7. ออกแบบชิ้นงานและบันทึกผลในแบบบันทึกกิจกรรม เรื่องการตั้งคำถามจากสถานการณ์ที่เป็น

ปัญหา
8. ออกแบบชิ้นงานและบันทึกผลในแบบบันทึกกจิ กรรม เร่ืองการต้งั สมมตฐิ าน
9. ออกแบบช้ินงานและบนั ทึกผลในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม เรือ่ งวิธีการทางวิทยาศาสตร์และการรายงาน

ผลการทดลอง
10. ออกแบบชิน้ งานและบันทึกผลในแบบบันทกึ กจิ กรรม เรอ่ื งการสังเกตและการตัง้ คําถาม

10. การวดั และประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน

ด้านความรู้ (K) ตรวจจากสมดุ บันทึก ผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมินไม่น้อย
1. นกั เรียนสามารถอภปิ ราย และระบคุ วามสำคญั กวา่ รอ้ ยละ 70

ของการต้งั ปัญหา ความสมั พนั ธร์ ะหว่างปัญหา

สมมติฐาน และวิธีการ ตรวจสอบสมมติฐาน

ทักษะกระบวนการ (P) ตรวจบันทกึ ผลการทำกิจกรรมและ

2. นกั เรยี นสามารถออกแบบการทดลอง และ การนำเสนอ

ทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ านตามวิธีการทาง

วิทยาศาสตรจ์ ากตวั อยา่ งการศึกษาได้

3. นักเรียนสามารถตง้ั คาํ ถามเกี่ยวกบั ส่ิงที่นักเรยี น

สงั เกตได้

4. นกั เรียนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลและคำถาม

ของนกั เรียนกับเพอื่ นได้

5. นักเรยี นสามารถตั้งคาํ ถามจากสถานการณ์ท่ี

กําหนดได้

6. นกั เรียนสามารถตัง้ สมมุตฐิ านจากปัญหาทกี่ ำหนด

ข้นึ ได้

7. นกั เรยี นสามารถตรวจสอบสมมตฐิ านและรายงาน

ผลได้

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - สังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียนโดย
4. นักเรยี นกระตอื รือรน้ แสดงความคดิ เห็นและ ใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน
ทำงานร่วมกับเพ่อื นอย่างสรา้ งสรรค์ กล่มุ

11. บนั ทกึ หลังสอน
ผลการจัดการเรยี นรู้

1.1 ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 ด้านคณุ ลักษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาทีเ่ กิดข้นึ ระหวา่ งการจัดการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธี/แนวทางการแกป้ ัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ
(นางสาวณิชากร นามวงษา)

ครผู ูส้ อน

ความคดิ เห็นของครูพเ่ี ลย้ี ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่
(นางสานติ กรเี ทพ)
ครูพเ่ี ล้ยี ง

ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุม่ สาระ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื
(นางสาวจุรยี ร์ ตั น์ สิงหส์ มบัติ )
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้

ความคิดเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ว่าที่ ร.อ.
(ภทั รนิธ์ิ ภักดีพนั ดอน)

ผู้อำนวยการโรงเรยี นหว้ ยเกง้ิ พทิ ยาคาร

ภาคผนวก

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงใน
ช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ชอ่ื .................................................................................ชน้ั .................เลขท่.ี ..............กลุ่ม..............

คุณลักษณะอันพงึ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 43 21
ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของ
มีวินัยรับผิดชอบ ครอบครัวและโรงเรียนตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจำวัน และรับผดิ ชอบในการทำงาน
ใฝเ่ รยี นรู้ แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้
มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ
มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ

ลงช่ือ………………………………………………………….. ผปู้ ระเมนิ
…………………/…………………../……………….

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
เตรียมปดั เรือเพอื่ แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน 12-10 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง 9-6 ดี
5-3 พอใช้
ต่ำกว่า 3 ปรับปรงุ



แผนการจัดการเรยี นรู้ 5

รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพ่ิมเติม (ชวี วทิ ยา) รหัส ว30241 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การศึกษาชีววิทยา จำนวน 12 ชั่วโมง
เรื่อง การศีกษาชีววิทยา และวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ จำนวน 3 ชัว่ โมง
สอนโดย นางสาวณชิ ากร นามวงษา ภาคเรยี นที่ 1/2565

1. ผลการเรยี นรู้
อภิปรายและบอกความสำคัญของการระบุปญั หา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปญั หา สมมติฐาน และวธิ ีการ

ตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมท้ังออกแบบการทดลองเพอื่ ตรวจสอบสมมติฐาน

2. จุดประสงคก์ ารจดั การเรียนรู้
1. อธิบายและบอกความสำคญั ของสะเตม็ ศกึ ษาทใี่ ช้กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมเพอ่ื ใช้ในการ

แก้ปัญหาในชีวิตจริง (K)
2. เปรียบเทยี บความเหมอื นหรือความแตกต่างระหว่างวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ และกระบวนกา

ออกแบบ เชิงวิศวกรรม (K)
3. ออกแบบกิจกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษาโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (P)
4. นักเรียนกระตอื รอื รน้ แสดงความคดิ เห็นและทำงานรว่ มกบั เพื่อนอย่างสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
สะเต็มศกึ ษาคือการศกึ ษาทบี่ รู ณาการความรทู้ างด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และ

คณิตศาสตร์ ในการแกป้ ัญหาทีเ่ กิดขึน้ ในชีวติ ประจำวันในรูปแบบการทำกจิ กรรมทนี่ ักเรยี นเปน็ ผศู้ กึ ษาค้นคว้า
ด้วย ตนเองโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ซง่ึ ประกอบดว้ ย การระบุปัญหา การรวบรวมขอ้ มลู และ
แนวคดิ ที่เกี่ยวขอ้ งกับปญั หา ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา การวางแผนและดำเนินการแกป้ ัญหา การทดสอบ
ประเมินผล และปรับปรงุ แก้ไขวิธีการแก้ปญั หาหรือชน้ิ งาน และการนำเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา ผลการแก้ปญั หา
หรอื ชิ้นงาน จดุ ประสงค์ของสะเต็มศึกษาเพ่ือให้นักเรียนฝึกทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่ง
ศตวรรษท่ี 21 เพ่ือการวางแผนการทาํ งานและการแก้ปัญหา

4. สาระการเรียนรู้
สะเตม็ ศกึ ษาคอื การศกึ ษาท่บี ูรณาการความรทู้ างด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และ

คณติ ศาสตร์ ในการแกป้ ัญหาทเ่ี กิดขึ้นในชีวติ ประจำวันในรูปแบบการทำกจิ กรรมท่นี ักเรียนเปน็ ผ้ศู กึ ษาค้นคว้า
ดว้ ยตนเองโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์
- ทกั ษะในการคดิ วเิ คราะห์
- ทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต กระบวนการทํางานกลมุ่
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1) มวี ินัย
2) ใฝเ่ รยี นรู้
3) มุ่งมัน่ ในการทำงาน

7. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั ที่ 1 สร้างความสนใจ

1.1 ครนู ําเขา้ สู่บทเรียนโดยยกตัวอย่างการศกึ ษาของนกั วิทยาศาสตร์เรอ่ื งใดเร่ืองหน่ึงที่แสดงให้เห็น
ว่าบางครั้งเรื่องที่ต้องการจะศึกษาไมไ่ ด้ใช้ความรู้เพียงสาขาใดเพียงแขนงเดียวแต่มักจะเก่ียวข้องกับความรู้
แขนงอื่น

1.2 ครูนำเข้าสู่หัวข้อสะเต็มศึกษา โดยให้ความรู้เกี่ยวกับสะเต็มศึกษา (Science Technology
Engineering and Mathematics Education: STEM Education) ว่าเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้รปู แบบ
หน่งึ ทีส่ ง่ เสริมให้นักเรยี นไดใ้ ชท้ กั ษะการคดิ โดยเฉพาะทักษะการวเิ คราะห์ ทักษะการคิดแก้ปัญหา และทกั ษะ
การคิด สร้างสรรค์ผ่านการทำกิจกรรม ที่มีจุดเริ่มต้นจากการมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของ
นักเรียนและมี ความต้องการแก้ปัญหานั้นๆ โดยใช้องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
วศิ วกรรมศาสตร์และ คณติ ศาสตร์ โดยการแกป้ ญั หาอาน าไปส่กู ารพฒั นานวัตกรรมด้านต่างๆ
ข้ันท่ี 2 สาํ รวจและคน้ หา

2.1 ครใู ช้คำถามนำเพื่อเชอ่ื มโยงความรู้สะเตม็ ศกึ ษากับการศึกษาชีววทิ ยาวา่ มีความสัมพันธ์กัน โดย
ใช้ คาํ ถาม ดงั นี้

- การศึกษาตามแนวทางสะเต็มศกึ ษากับการศึกษาชีววทิ ยามีจุดเรมิ่ ต้นที่เหมอื นหรอื แตกต่าง
กันอยา่ งไร (การศึกษาตามแนวทางสะเต็มศึกษากับการศึกษาชีววิทยามีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกนั คือ การสังเกต
การมองเห็น ปัญหาแล้วเกดิ เปน็ คำถาม นำไปสูก่ ารศึกษาเพ่อื แกป้ ัญหานนั้ )

2.2 ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับสะเต็มศึกษาที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมโดยมมีขัน้ ตอน
ต่างๆ 1)ระบุปัญหา 2)การรวบรวมข้อมลู และแนวคิดที่เก่ยี วขอ้ งกับปัญหา 3)ออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา 4)การ

วางแผนและดำาเนินการแก้ปัญหา 5)การทดสอบ ประเมนิ ผล และปรับปรงุ แกไ้ ขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน
6)การนำเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา ผลการแก้ปญั หาหรือชน้ิ งาน

2.3 ครูเปิดวีดิทัศน์กิจกรรมสะเต็มศึกษาให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจใน
กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม เช่น เรื่องการศึกษาพฤติกรรมการตอบสนองต่อแรงโน้มถว่ งของหนอน
ไหมเพอื่ ใช้ควบคุม การพ่นใยในการผลติ แผ่นใยไหม

2.4 ใหน้ ักเรียนทำกิจกรรม เรื่องถัว่ งอกสรา้ งอาชพี (ก่อนมอบหมายให้นกั เรียนทำกิจกรรมครูอาจให้
นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ สาระสำคัญของเนือ้ หาว่าการเจริญเติบโตของพืชเกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ใดบ้าง นักเรียน
ควร สรปุ ไดถ้ งึ ปจั จยั ที่เป็นองค์ประกอบท้งั ปัจจยั ภายในและปจั จยั ภายนอก)

2.5 ครูดำเนนิ กิจกรรมตามขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ดงั น้ี
1. ให้นกั เรียนศึกษารปู อาหารท่มี ีถัว่ งอกเป็นสว่ นประกอบ แล้วใหน้ ักเรียนพจิ ารณาว่าถั่วงอก

ในอาหารตา่ งๆน้ันมี รูปร่างลักษณะท่เี หมือนหรือต่างกันอยา่ งไร
2. ครูแบง่ กลมุ่ นกั เรียนและให้นักเรยี นศกึ ษาวดี ิทัศนเ์ ก่ยี วกับการเพาะถ่ัวงอกทางการคา้ การ

เพาะถั่วงอกใน ครัวเรือนเพื่อการประกอบอาหาร แล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ต่อไปนี้ การนำ
ถั่วงอกมารับประกอบอาหารนิยมใช้ถั่วงอกที่มีลักษณะต่างกันขึ้นกับชนิดของอาหาร เช่น ผัดถั่วงอกและ
ก๋วยเตี๋ยวมักใช้ถั่วงอกที่อวบอ้วน แต่กระเพาะปลามักใช้ถั่วงอกที่ผอมยาว ถ้ากำหนดให้ถั่วเขียวเริ่มต้น 0.5
กิโลกรัมและมีพื้นที่เพาะถั่วงอก 0.5 ตารางเมตร ให้ได้กำไรจากการขายมากที่สุดและการถั่วงอกในครั้งนี้ผู้
เพาะ ไม่มีเวลารดน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งโดยทั่วไปถั่วงอกต้องการน้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง กำหนดให้ถั่วเขียว 0.5
กิโลกรมั สามารถเพาะถัว่ งอกได้ประมาณ 3 กิโลกรมั ถวั่ งอกท่ีเพาะไดต้ อ้ งมลี กั ษณะ ดงั นี้ 1) ถัว่ งอกทม่ี ลี กั ษณะ
ผอมยาว ตรง อยา่ งน้อย 0.5 กโิ ลกรมั 2) ถ่ัวงอกที่มลี กั ษณะอวบสั้น อย่างน้อย 0.5 กโิ ลกรมั 3) ถว่ั งอกท่มี ใี บสี
เขียว อยา่ งน้อย 0.5 กโิ ลกรมั

3. ขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ
ปัจจัยที่ทำให้ถั่วงอกมีลักษณะต่างๆ เช่น อวบสั้น ยาว มีสีต่างๆ และวิธีการ เพาะให้ได้ถั่วงอกลักษณะตาม
ตอ้ งการ จากนน้ั ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรูท้ ่ี 1 ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การเพาะถวั่ งอก และใบความรู้ที่ 2 ตวั อย่าง
วธิ กี ารเพาะถ่วั งอก เพ่อื ใหน้ กั เรยี นมีความร้เู พยี งพอสำหรบั ใชอ้ อกแบบกจิ กรรม

5. ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ครูให้นักเรียนพิจารณาวัสดุอุปกรณ์ที่กำหนดจากนั้น
ออกแบบการเพาะถั่วงอกเพื่อให้ได้ถ่ัวงอกตามลักษณะที่ตอ้ งการ โดยคำนึงถึงปัญหากรณีผู้เพาะถั่วงอกไม่มี
เวลารดน้ำด้วยตัวเอง ออกแบบระบบการรดน้ำด้วย โดยเขียนรา่ งการออกแบบลงในกระดาษพร้อมบันทึกผล
ในแบบันทกึ กจิ กรรม

6. ขั้นวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา ครูให้นักเรียนเพาะถั่วงอกตามที่ได้ออกแบบไว้
พร้อมปรับปรุงแกไ้ ขวธิ ีการเพาะถ่วั งอก

7. ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน ครูให้นักเรียน
บันทึกผลการเพาะถั่วงอก สรุปวิเคราะห์ผลการเพาะถัว่ งอก และอภิปรายถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการเพาะ

ถ่ัวงอก เพ่อื อธิบายวา่ การออกแบบและการเพาะถวั่ งอกได้ผลตามลักษณะทตี่ อ้ งการหรอื ไม่ อย่างไร ในกรณีที่
ถั่วงอกไมเ่ ปน็ ไปตามทไี่ ดอ้ อกแบบไว้จะมวี ธิ ีการปรบั ปรุงและแก้ไขการเพาะถั่วงอกอย่างไร
ขน้ั 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ

3.1 ขน้ั นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแกป้ ัญหาหรอื ชนิ้ งาน ครใู หน้ กั เรยี นจดั เตรียมข้อมูลที่ได้จาก
การเพาะถ่วั งอกเพือ่ นำเสนอโดยใช้สือ่ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ

3.2 ครูให้นักเรียนนำเสนอและร่วมกันอภิปรายแนวคิดและวิธีกรออกแบบการเพาะถั่วงอกตาม
ลกั ษณะที่ต้องการ รวมท้งั ระบุแนวทางปรบั ปรงุ แก้ไขวธิ กี ารเพาะถ่ัวงอก
ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้

4.1 ครนู ำอภปิ รายเพอื่ ให้ไดข้ อ้ สรุปเก่ยี วกบั ความรทู้ ีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการเพาะถ่ัวงอก และการเพาะเมล็ด
พชื อน่ื ๆ เชน่ ถ่วั เหลอื ง ทานตะวัน ถัว่ ลนั เตา วา่ เหมือนหรอื ตา่ งจากการเพาะถวั่ งอกอยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 5 ประเมินผล

5.1 ให้นักเรียนแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สิ่งที่ต้องการรู้ และขอบเขต
เป้าหมาย แล้วตรวจสอบว่าไดเ้ รยี นรตู้ ามท่ตี ั้งเปา้ หมายครบถว้ นหรือไมเ่ พียงใด ถา้ ยงั ไม่ครบถ้วนจะทำ อยา่ งไร
ตอ่ ไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธิบายเพิม่ เตมิ สอบถามให้เพื่อนอธิบาย หรอื วางแผนสบื คน้ เพ่มิ เติม)

5.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์การให้
คะแนน สมดุ บนั ทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากขอ้ มูลไม่เพยี งพอใชว้ ธิ สี ัมภาษณเ์ พมิ่ เติม
8. สื่ออปุ กรณ์แหลง่ เรียนรู้

1. หนังสือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเติม ชวี วิทยา เล่ม 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4

9. ภาระชนิ้ งาน
1. โปสเตอรแ์ สดงผลงานการทากิจกรรมสะเต็มศึกษา ตามหวั ข้อทีน่ กั เรยี นสนใจ
2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม และผลการทาํ กิกรรมสะเตม็ ศึกษาเรอื่ ง ถ่วั งอกสรา้ งอาชพี

10. การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ

ด้านความรู้ (K) ตรวจจากสมดุ บันทกึ ผ่านเกณฑ์การ
ประเมนิ ไมน่ อ้ ย
1. อธิบายและบอกความสำคัญของสะเต็มศึกษาท่ีใช้ กวา่ ร้อยละ 70

กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเพ่อื ใชใ้ นการ

แกป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ

2. เปรยี บเทียบความเหมือนหรือความแตกตา่ ง

ระหวา่ งวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ และกระบวนกา

ออกแบบ เชงิ วิศวกรรม

ทกั ษะกระบวนการ (P) ตรวจบนั ทึกผลการทำกจิ กรรมและ

3. ออกแบบกิจกรรมตามแนวทางสะเตม็ ศกึ ษาโดยใช้ การนำเสนอ

กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม

คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งเรยี นโดย

4. นกั เรียนกระตอื รอื ร้น แสดงความคิดเหน็ และ ใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน

ทำงานร่วมกบั เพอ่ื นอย่างสรา้ งสรรค์ กลุ่ม

11. บันทกึ หลังสอน
ผลการจดั การเรียนรู้

1.1 ด้านความรู้ (K) ……………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) …………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาท่ีเกิดขึน้ ระหว่างการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

วิธี/แนวทางการแก้ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ……………………………………………
(นางสาวณิชากร นามวงษา)
ครผู สู้ อน

ความคดิ เห็นของครพู ่ีเลย้ี ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(นางสานติ กรเี ทพ)
ครพู ี่เลีย้ ง

ความคิดเหน็ ของบรหิ ารวชิ าการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ……………………………………………
(นางสายชล ดวงบุปผา )
ฝ่ายบริหารวิชาการ

ความคดิ เหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………………
(……………………………………………)
ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา

ภาคผนวก

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงใน
ช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ชอ่ื .................................................................................ชน้ั .................เลขท่.ี ..............กลุ่ม..............

คุณลักษณะอันพงึ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ประสงค์ 43 21
ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของ
มีวินัยรับผิดชอบ ครอบครัวและโรงเรียนตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมใน
ชวี ติ ประจำวัน และรับผดิ ชอบในการทำงาน
ใฝเ่ รยี นรู้ แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้
มกี ารจดบันทึกความรอู้ ย่างเปน็ ระบบ
มงุ่ ม่นั ในการทำงาน มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ

ลงช่ือ………………………………………………………….. ผปู้ ระเมนิ
…………………/…………………../……………….

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
เตรียมปดั เรือเพอื่ แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 1 คะแนน 12-10 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง 9-6 ดี
5-3 พอใช้
ต่ำกว่า 3 ปรับปรงุ



แผนการจัดการเรียนรู้ 6

รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพมิ่ เติม (ชวี วทิ ยา) รหัส ว30241 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 เคมีเป็นพนื้ ฐานของสง่ิ มีชีวติ จำนวน 15 ช่วั โมง
เร่ือง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ จำนวน 1 ชว่ั โมง
สอนโดย นางสาวณิชากร นามวงษา ภาคเรยี นที่ 1/2565

1. ผลการเรียนรู้
สืบค้นข้อมูล อธิบายเกยี่ วกบั สมบัตขิ องนำและบอกความสำคญั ของน้ำต่อส่ิงมีชีวิตและยกตวั อย่างธาตุ

ชนิดตา่ งๆ ท่ีมีความสาํ คญั ตอ่ ร่างกายของส่งิ มีชีวติ

2. จุดประสงคก์ ารจัดการเรียนรู้
1. นักเรยี นสามารถสืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายเกย่ี วกบั อะตอม ธาตุ และสารประกอบได้ (K)
2. นกั เรยี นสามารถยกตัวอยา่ งและบอกความสำคัญของธาตุชนดิ ตา่ งๆ ต่อสิ่งมชี วี ิตได้ (K)
3. นักเรยี นกระตอื รอื ร้น แสดงความคิดเหน็ และทำงานรว่ มกับเพ่อื นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)

3. สาระสำคญั
สง่ิ มีชวี ติ มีธาตคุ ารบ์ อน ไฮโดรเจน และออกซิเจนเปน็ องค์ประกอบหลัก สว่ นธาตอุ น่ื ๆ มีปริมาณที่

แตกต่าง กัน สว่ นใหญอ่ ยู่ในรูปของไอออน เชน่ แคลเซียมไอออน (Ca) ถึงแมส้ ่งิ มชี ีวิตต้องการธาตุบางนิดใน
ปริมาณ เล็กนอ้ ย แตถ่ ้าไดร้ บั ในปริมาณไม่เพียงพอหรอื มกี ารสญู เสยี ไปอาจทำใหก้ ารทำงานของอวยั วะต่างๆ
ผิดปกติได้ นำ้ เป็นองคป์ ระกอบที่พบมากทีส่ ดุ ในส่ิงมีชวี ิต มีบทบาทสำคัญในการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
เชน่ นำ เปน็ ตัวทำละลายทีด่ ี เป็นตัวกลางของการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมขี องกระบวนการเมทาบอลิซึมในรา่ งกาย
ช่วยลำเลยี ง สารตา่ งๆ ไปท่วั รา่ งกาย การย่อยอาหาร การหมุนเวียนเลอื ด การขบั ถ่ายของเสยี ออกจากรา่ งกาย
รวมถงึ การรกั ษา ดุลยภาพของอณุ หภูมคิ วามเป็นกรด-เบสของเลอื ดและของเหลวต่างๆ ในรา่ งกาย

4. สาระการเรียนรู้
สารเคมใี นเซลล์ของสิ่งมีชวี ิต ประกอบด้วยสารอนนิ ทรยี ์ เชน่ นำ้ และแร่ธาตุ และสารอนิ ทรีย์ เชน่

คารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ลิขิต กรดนวิ คลอี กิ และวติ ามิน สารเหลา่ น้ี บางชนดิ เป็นองค์ประกอบ และบางชนิด
เกี่ยวขอ้ งกับการทํางานของเซลล์

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์


Click to View FlipBook Version