146 146
147 147 คลินิกที่เปิดให้บริการ กิจกรรมเสริม/จัดนิทรรศการและจำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ รายการ จำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ (คน) รวม เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำและ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำแต่ไม่ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอเอกสารอย่าง เดียว ฯลฯ แต่ไม่ขอคำแนะนำ ลงทะเบียน ไม่ลงทะเบียน 1. กิจกรรมด้านคลินิก (1) คลินิกดิน - สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา 90 - 90 - - (2) คลินิกพืช - เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา - ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน) - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ฉะเชิงเทรา 50 55 120 60 - - - - 20 - - - 5 30 55 120 55 - - - - (3) คลินิกปศุสัตว์ 84 72 12 - - (4) คลินิกประมง 35 - - 35 - 2. กิจกรรมเสริมสร้างความรู้การฝึกอบรม/จัดนิทรรศการ (1) คลินิกสหกรณ์ 77 - - 77 - (2) คลินิกบัญชี 68 - - 68 - (3) คลินิกกฎหมาย 13 - - 13 - (4) คลินิกเกษตรและสหกรณ์ 52 - - 52 - (5) คลินิกชลประทาน 40 - - 40 - (7) คลินิกสภาเกษตร 150 - - 150 - (8) คลินิกฝนหลวง 30 - - 30 - (8) คลินิกหม่อนไหม 60 - - 60 - (9) คลินิกเศรษฐกิจการเกษตร 15 - - 15 (9) คลินิกศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหิน ซ้อนฯ 100 - - 100 - ที่มาข้อมูล : แบบสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละคลินิก หมายเหตุ : เกษตรกรบางรายเข้ารับบริการในคลินิกมากกว่า 1 คลินิก ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาการเกษตรจากองค์ความรู้ที่ได้รับจากคลินิกบริการต่างๆ และสามารถ นำมาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
148 148 ไตรมาส 3 กิจกรรมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ไตรมาส 3 สถานที่จัดงาน ณ วัดแหลมไผ่ศรี ตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดบริการเมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 จำนวนเกษตรกรที่มาลงทะเบียน จำนวน 253 คน ผลการดำเนินงาน นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดงาน โดยมีนางปิณฑิรา เก่งการพานิช นายอำเภอพนมสารคาม กล่าวต้อนรับ และนายดนัย ปัญจ พิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ใน พระราชานุเคราะห์ฯ ไตรมาส 3 กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการความรู้ทางการเกษตรและเปิด ให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกสุขภาพ คลินิกเกษตรและสหกรณ์ และมีการจัดแสดงสินค้า ทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน มีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม และอำเภอใกล้เคียงของอำเภอพนมสารคาม เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา
149 149 สรุปประมวลภาพ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2566
150 150
151 151 คลินิกที่เปิดให้บริการ กิจกรรมเสริม/จัดนิทรรศการและจำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ รายการ จำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ (คน) รวม เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำและ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำแต่ไม่ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอเอกสารอย่าง เดียว ฯลฯ แต่ไม่ขอคำแนะนำ ลงทะเบียน ไม่ลงทะเบียน 1. กิจกรรมด้านคลินิก (1) คลินิกดิน - สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา 62 - 62 - - (2) คลินิกพืช - เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา - ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน) - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ฉะเชิงเทรา 50 50 100 127 - - - - 20 20 - - - 30 30 100 127 - - - - (3) คลินิกปศุสัตว์ 67 40 10 17 - (4) คลินิกประมง 20 - - 20 - 2. กิจกรรมเสริมสร้างความรู้การฝึกอบรม/จัดนิทรรศการ (1) คลินิกสหกรณ์ 90 - - 90 - (2) คลินิกบัญชี 50 - - 50 - (3) คลินิกกฎหมาย 37 - 1 36 - (4) คลินิกเกษตรและสหกรณ์ 57 - - 57 - (5) คลินิกชลประทาน 40 - - 40 - (6) คลินิกฝนหลวง 40 - - 40 - (7) คลินิกหม่อนไหม 83 - - 83 - (8) คลินิกเศรษฐกิจการเกษตร 10 - - 10 - (9) คลินิกศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหิน ซ้อนฯ 100 - - 100 - (10) คลินิกยางพารา 60 - 10 50 - ที่มาข้อมูล : แบบสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละคลินิก หมายเหตุ : เกษตรกรบางรายเข้ารับบริการในคลินิกมากกว่า 1 คลินิก ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาการเกษตรจากองค์ความรู้ที่ได้รับจากคลินิกบริการต่างๆ และสามารถ นำมาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
152 152 ไตรมาส 4 กิจกรรมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ไตรมาส 4 เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนม พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 สถานที่จัดงาน ณ อาคารอเนกประสงค์ (โดมวัดหินดาษ) หมู่ที่ 14 ตำบลดงน้อย อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดบริการเมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 จำนวนเกษตรกรลงทะเบียน จำนวน 267 คน ผลการดำเนินงาน นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดงาน โดยมีนางสาวทัสนันทน์ ภมรพล นายอำเภอราชสาส์น กล่าวต้อนรับ และนายดนัย ปัญจ พิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ กิจกรรมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ประกอบด้วยนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ในงาน โครงการ คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 70 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อให้ เกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ ได้รับทราบพระราชกรณียกิจต่างๆ และประวัติความเป็นมา ของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดโครงการคลินิก เกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ ไตรมาส 4 กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการความรู้ทาง การเกษตรและเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกสุขภาพ คลินิกเกษตรและสหกรณ์ และมี การจัดแสดงสินค้าทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน มีเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอราชสาส์น และอำเภอใกล้เคียงของอำเภอราชสาส์น เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
153 153 สรุปประมวลภาพ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ ไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2566
154 154
155 155
156 156 คลินิกที่เปิดให้บริการ กิจกรรมเสริม/จัดนิทรรศการและจำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ รายการ จำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ (คน) รวม เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำและ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำแต่ไม่ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอเอกสารอย่าง เดียว ฯลฯ แต่ไม่ขอคำแนะนำ ลงทะเบียน ไม่ลงทะเบียน 1. กิจกรรมด้านคลินิก (1) คลินิกดิน - สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา 70 - - 70 - (2) คลินิกพืช - เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา - ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน) - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ฉะเชิงเทรา 190 110 100 77 150 - - - 20 10 20 - - 120 100 80 77 - - - - (3) คลินิกปศุสัตว์ 125 125 - - - (4) คลินิกประมง 48 - 24 24 - 2. กิจกรรมเสริมสร้างความรู้การฝึกอบรม/จัดนิทรรศการ (1) คลินิกสหกรณ์ 80 - - 80 - (2) คลินิกบัญชี 54 - - 54 - (3) คลินิกกฎหมาย 44 - - 44 - (4) คลินิกเกษตรและสหกรณ์ 57 - - 57 - (5) คลินิกชลประทาน 67 - 5 62 - (6) คลินิกหม่อนไหม 100 - - 100 - (7) คลินิกเศรษฐกิจการเกษตร 35 - 15 20 - (8) คลินิกศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหิน ซ้อนฯ 100 - - 100 - (9) คลินิกสภาเกษตรกร 100 - - 100 - (10) คลินิกยางพารา 60 - - 60 - ที่มาข้อมูล : แบบสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละคลินิก หมายเหตุ : เกษตรกรบางรายเข้ารับบริการในคลินิกมากกว่า 1 คลินิก ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาการเกษตรจากองค์ความรู้ที่ได้รับจากคลินิกบริการต่างๆ และสามารถ นำมาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และเกษตรกรได้รับทราบพระราช กรณียกิจต่างๆ และประวัติความเป็นมาของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ
157 19. โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภาคตะวันออก หลักการและเหตุผล พื้นที่ป่ารอยต่อ5 จังหวัดเป็นป่าผืนใหญ่และมีความสำคัญ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม และความ หลากหลายทางชีวภาพ โดยอยู่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออก มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดสระแก้วฉะเชิงเทราชลบุรีระยองและจันทบุรีรวมเนื้อที่กว่า 1 ล้าน 2 แสนไร่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วย พันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาพันธุ์และยังเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสายรวมถึงเป็นผืนป่าที่เอื้ออำนวย ประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภค บริโภค และการเพาะปลูก ในปีพ.ศ. 2510 ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีพื้นที่ลดลงมาก เนื่องจากมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งธรรมชาติไม่สามารถที่จะรักษาดุลยภาพได้เหตุผลหลักคือปัญหาความยากจนของราษฎรในพื้นที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ให้ส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาจัดทำโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิต ราษฎรโดยเฉพาะราษฎรในชุมชนที่อพยพจากป่าและชุมชนที่อยู่อาศัยอยู่ติดแนวเขตป่าอนุรักษ์ให้มี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีอาชีพที่เหมาะสมยั่งยืน อันจะทำให้ราษฎรไม่หวนกลับไปบุกรุกป่าอีก กรมส่งเสริมการเกษตรมุ่งเน้นการปลูกฝังแนวคิดให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ในการถ่ายทอด ความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จัดทำแปลงเรียนรู้เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้ แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติสามารถนำมาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองได้ทำให้อยู่ร่วมกับป่า อย่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยไม่รบกวนป่าตลอดจนพัฒนาอาชีพให้กับประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อต่อยอดและขยายผลองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจของเศรษฐกิจ พอเพียงและสนองงานตามพระราชกระแสรับสั่ง 2. เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาอาชีพการเกษตรให้เกษตรกรลดรายจ่ายและเกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3. เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารอย่างครบวงจร เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ/งบประมาณ เกษตรกรบ้านเนินน้อย (หมู่บ้านขยายผลหมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอ ท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 ราย งบประมาณทั้งหมด 21,500 บาท (สองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) กิจกรรมที่ 1 ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านเนินน้อย (หมู่บ้านขยายผลหมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 ราย สถานที่ดำเนินการ :ศาลากลางบ้านเนินน้อย หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัด ฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 4,000 บาท
158 158 ผลการดำเนินงาน วันที่ 6 ตุลาคม 2565 กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับสำนักงานเกษตร อำเภอท่าตะเกียบ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ 5 จังหวัด และวางแผนแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พร้อมคัดเลือกเกษตรกร เข้าร่วมโครงการฯ ณ บ้านเนินน้อย หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 14 ธันวาคม 2565 จัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจ พอเพียง มีการบรรยายถ่ายทอดความรู้ เรื่อง การผลิตและการตลาดพืชผัก สมุนไพร ตามแนวทางเศรษฐกิจ พอเพียง และฝึกปฏิบัติการการขยายพันธุ์พืชและการเสียบยอดและวางแผนจัดทำแปลงเรียนรู้เพื่อเป็น ต้นแบบสำหรับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติ
159 159 ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรจำนวน 20 ราย ได้รับความรู้เรื่องแนวทางการผลิตและการตลาดพืชผัก สมุนไพร ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และฝึกปฏิบัติการการขยายพันธุ์พืชด้วยวิธีการเสียบยอด และเกษตรกรมีการ นำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไปแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ของตนเอง สามารถขยายพันธุ์ พืชด้วยตนเองได้ กิจกรรมที่ 2 การจัดทำแปลงเรียนรู้เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติ เป้าหมาย : แปลงเรียนรู้เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติพื้นที่ 7 ไร่ สถานที่ดำเนินการ : บ้านเนินน้อย หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 17,500 บาท ผลการดำเนินงาน สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรประเภทพันธุ์พืชผักพื้นบ้าน พืชสมุนไพร ได้แก่ เพกาเตี้ย สะเดาทวาย ให้กับผู้นำชุมชนบ้านเนินน้อย หมู่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ เพื่อจัดทำแปลงเรียนรู้เพื่อเป็นต้นแบบ สำหรับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติของชุมชน และเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 เกษตรกรสมาชิก กลุ่มบ้านเนินน้อย ร่วมกับหน่วยงานราชการต่างๆ อำเภอท่าตะเกียบ พร้อมด้วยประชาชนจิตอาสาร่วมกันทำ กิจกรรมจิตอาสาปลูกต้นเพกาเตี้ย และสะเดาทวายเสียบยอด ในบริเวณพื้นที่ป่าชุมชนบ้านเนินน้อย หมู่ที่ 20 ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรมีแปลงเรียนรู้เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและฝึกปฏิบัติของกลุ่ม โดย ปลูกต้นเพกาเตี้ยและสะเดาทวายเสียบยอด ขนาดพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งสามารถขยายพันธุ์ต้นเพกาเตี้ยและสะเดา ทวาย นำไปขยายพันธุ์ในแปลงปลูกของตนเอง เพื่อสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือน จำหน่ายในชุมชน สำหรับกิ่ง พันธุ์นำไปขยาย พื้นที่ปลูกในชุมชน
160 160 ปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ปัญหา/อุปสรรค 1) สภาพภูมิอากาศเป็นช่วงฤดูฝนทำให้เกิดความยากลำบากให้การดำเนินกิจกรรมแปลงเรียนรู้ฯ 2) ช้างป่าเข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรในพื้นที่บริเวณหมู่บ้าน ข้อเสนอแนะ 1) วางแผนดำเนินกิจกรรมแปลงเรียนรู้ฯ ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ 2) ส่งเสริมการปลูกพืชที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าน้อย เช่น พืชสมุนไพร เพกาเตี้ย สะเดา ชะอม เป็นต้น
161 20. โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ หลักการและเหตุผล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับโครงการอนุรักษ์ช้างป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในภาคตะวันออก ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทรงรับเป็นประธานที่ปรึกษาโครงการฯ และพระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการ พัชรสุธาคชานุรักษ์” ซึ่งแปลว่า “น้ำทิพย์รักษาช้างให้แข็งแกร่งยืนยงดุจเพชร” ตามพระบรมราโชบายที่จะให้ อนุรักษ์ป่าและช้าง และการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนกับช้างอย่างมีความสุข และทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานไว้ตั้งแต่ปี 2542 เกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งของคนกับช้างป่า“ช้างป่าควร อยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างเพียงพอการปฏิบัติคือ ให้ไปสร้างอาหารช้าง ในป่าเป็นแปลงเล็กๆ และกระจายกรณีช้างป่าออกมาที่ชายป่า ต้องให้ความปลอดภัย กับช้างป่า” พระราชดำรัสพระบาท สมเด็จพระชน กาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 โดยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุการณ์บุกรุกของช้างป่าอันเนื่องมาจากการขาดแคลนแหล่งอาหาร และที่อยู่ อาศัยไม่พอเพียง ตลอดจนการขาดความรู้และความเข้าใจของราษฎร ขาดเรื่องระบบการเตือนภัย การไปขับ ไล่ช้าง อย่างผิดวิธี จนทำให้เกิดอันตราย และส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรในชุมชนให้สามารถ ประกอบอาชีพด้านการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสามารถอยู่ร่วมกับช้างได้อย่างมีความสุข โดยไม่ ทำลายระบบนิเวศหรือบุกรุกทำลายป่า ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริในโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ มุ่งเน้น การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรกรในพื้นที่หมู่บ้านคชานุรักษ์ตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อพัฒนาอาชีพด้วยกระบวนการกลุ่ม ส่งเสริมการรวมกลุ่ม เกษตรกรในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และส่งเสริมการตลาด เพื่อให้มีเกษตรกรรายได้เพิ่มขึ้นและยั่งยืน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 2. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพทางการเกษตรให้แก่ประชาชน ให้พึ่งพาตนเองได้และอยู่ร่วมกับช้างป่า ได้อย่างสมดุล 3. เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ในการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยช้างป่า เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ/งบประมาณ เกษตรกรบ้านหนองกระทิง (หมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 ราย งบประมาณทั้งหมด 61,500 บาท (หกหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน) กิจกรรมที่ 1 การถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านหนองกระทิง (หมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 ราย
162 162 สถานที่ดำเนินการ : ศาลากลางบ้านหนองกระทิง หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 4,000 บาท ผลการดำเนินงาน วันที่ 2 ธันวาคม 2565 กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกับ สำนักงานเกษตร อำเภอสนามชัยเขต ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานเกษตรแปลงรวมบ้านหนองกระทิง และ วางแผนแนวทางการดำเนินงานโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ หมู่ 20 บ้านหนองกระทิง ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 23 ธันวาคม 2565 จัดกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีด้านการเกษตรหลักสูตรการทำ เกษตรตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และให้ความรู้ด้านการผลิตพืชผักตามแนวทางการปฏิบัติ ทางการเกษตรที่ดี (GAP) ณ หมู่ 20 บ้านหนองกระทิง ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัด ฉะเชิงเทรา
163 163 ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรจำนวน 20 ราย ได้รับความรู้เรื่องการทำเกษตรตามแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการผลิตพืชผักตามแนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เกษตรกรมีการนำความรู้ที่ได้รับจาก การเข้าร่วมโครงการไปแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ของตนเองได้ กิจกรรมที่ 2 การจัดทำแปลงเรียนรู้ส่งเสริมการเกษตร เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านหนองกระทิง (หมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 15 ราย พื้นที่ 15 ไร่ สถานที่ดำเนินการ : บ้านหนองกระทิง หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัด ฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 22,500 บาท ผลการดำเนินงาน วันที่ 30 มกราคม 2566 ฝึกปฏิบัติการผลิตสารชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (เชื้อบีที) ใช้ในการควบคุมศัตรูพืช เพื่อลดต้นทุนการผลิตและส่งมอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกรบ้าน หนองกระทิง จำนวน 15 ราย พื้นที่ดำเนินการ 15 ไร่
164 164 ผลลัพธ์ (output)/ความสำเร็จของงาน (outcome) เกษตรกรจำนวน 15 ราย ได้รับความรู้เรื่องการผลิตสารชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (เชื้อบีที) ใช้ในการควบคุมศัตรูพืช และปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในการทำแปลงเกษตรของตนเอง เช่น พลาสติก คลุมแปลง เมล็ดพันธุ์ผักต่างๆ เป็นต้น เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจด้านการผลิตพืชผักตามหลัก GAP เน้นการจัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน จากการฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ร่วมกันในแปลงเรียนรู้ส่งเสริมการเกษตร และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ กิจกรรมที่ 3 การจัดทำแปลงเรียนรู้สำหรับเกษตรกรต้นแบบ เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านหนองกระทิง (หมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 5 ราย พื้นที่ 5 ไร่ สถานที่ดำเนินการ : บ้านหนองกระทิง หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัด ฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 25,000 บาท ผลการดำเนินงาน วันที่ 28สิงหาคม 2566 สนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรบ้านหนองกระทิง จำนวน 5 ราย พื้นที่ดำเนินการ 5 ไร่ เป็นแปลงเรียนรู้สำหรับเกษตรกรต้นแบบใช้สารชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (เชื้อบีที) ในการควบคุมศัตรูพืช เพื่อลดต้นทุนการผลิต
165 165 ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรจำนวน 5 ราย ได้รับความรู้เรื่องการผลิตสารชีวภัณฑ์ Bacillus thuringiensis (เชื้อบีที) ใช้ในการควบคุมศัตรูพืช และปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในการทำแปลงเกษตรของตนเอง เช่น สายน้ำหยด พลาสติกคลุมแปลง เมล็ดพันธุ์ผักต่างๆ เป็นต้น เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจด้านการผลิตพืชผักตามหลัก GAP เน้นการจัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน การจัดการระบบน้ำหยดในแปลงปลูก จากการฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ ร่วมกันในแปลงเรียนรู้สำหรับเกษตรกรต้นแบบ และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ กิจกรรมที่ 4 ถ่ายทอดเทคโนโลยีการถนอมและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 1 กลุ่ม เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านหนองกระทิง (หมู่บ้านคชานุรักษ์) หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 20 ราย สถานที่ดำเนินการ : ศาลากลางบ้านหนองกระทิง หมู่ที่ 20 ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 10,000 บาท ผลการดำเนินงาน วันที่ 24 สิงหาคม 2566 จัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการถนอมและแปรรูปผลผลิต ทางการเกษตร เพื่อแปรรูปผลผลิตในชุมชนให้กับสมาชิกกลุ่มเกษตรแปลงรวมบ้านหนองกระทิง จำนวน 20 ราย มีการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการทำไข่เค็มสมุนไพรจากไข่เป็ดและน้ำพริกเผาปลาป่น เพื่อเป็นการถนอมอาหาร และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และสร้างรายได้ให้กับสมาชิก
166 166 ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรจำนวน 20 ราย ได้รับความรู้เรื่องการถนอมและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เรียนรู้และฝึก ปฏิบัติการทำไข่เค็มสมุนไพรจากไข่เป็ดและน้ำพริกเผาปลาป่น เกษตรกรสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรจาก ในชุมชน มาเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปผลผลิต เป็นอาหารในครัวเรือน และสามารถจำหน่วยเป็นรายได้เสริมได้ ปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ปัญหา/อุปสรรค เกษตรกรสนใจเข้ารับการฝึกอบรมมีจำนวนมากกว่ากลุ่มเป้าหมายที่โครงการกำหนด ข้อเสนอแนะ ควรมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ และจัดสรรงบประมาณ เพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของกลุ่มเกษตรกร
167 21. โครงการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หลักการและเหตุผล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้มีการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นตาม ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 6 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ สกลนคร ฉะเชิงเทรา จันทบุรี เพชรบุรี และ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีลักษณะปัญหาที่เฉพาะและแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ให้เป็นตัวแทน ของแต่ละภูมิภาคในการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาต่างๆ ที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมแล้วขยายผลความสำเร็จไปสู่ประชาชน โดยเมื่อศูนย์ศึกษาการ พัฒนาฯ แต่ละศูนย์ได้ดำเนินการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และวิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางและวิธีการที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และสังคมวิทยาของแต่ละภูมิภาค พร้อมทั้งคัดเลือกผล การศึกษา ทดลอง วิจัย ที่ประสบผลสำเร็จมาจัดทำเป็นบัญชีหลักของแต่ละศูนย์ศึกษาฯ พร้อมจัดทำคู่มือใน แต่ละเรื่อง เพื่อนำไปส่งเสริมหรือขยายผลสู่ราษฎรอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป กรมส่งเสริมการเกษตรมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ ในการขยายผลองค์ความรู้ของงานศึกษา ทดลอง วิจัย ที่ประสบความสำเร็จและเหมาะสม จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ไปสู่เกษตรกร โดยการนำองค์ความรู้ดังกล่าว ไปส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ แก่เกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง โดยมุ่งเน้นการสร้าง และพัฒนาเกษตรกรต้นแบบ แปลงเรียนรู้ต้นแบบ เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดองค์ความรู้และขยายผล สู่เกษตรกรรายอื่นๆ พร้อมทั้งพัฒนาและเชื่อมโยงให้เกิดเครือข่ายในการเรียนรู้และขยายผลกระจาย เป็นวงกว้างต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ที่มีพระราชดำริและพื้นที่ส่วนพระองค์ 2. เพื่อต่อยอดและขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สนองงานตามพระราชกระแสรับสั่ง 3. เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอาชีพการเกษตรให้เกษตรกรลดรายจ่ายและเกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ/งบประมาณ เกษตรกรบ้านหนองปรือ หมู่ที่ 14 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 30 ราย งบประมาณทั้งหมด 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) กิจกรรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีการถนอมและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เป้าหมาย : เกษตรกรบ้านหนองปรือ หมู่ที่ 14 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา จำนวน 30 ราย สถานที่ดำเนินการ :ศาลากลางบ้านหนองปรือ หมู่ที่ 14 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา
168 168 ผลการดำเนินงาน วันที่ 15 มิถุนายน 2566 จัดกิจกรรมการถ่ายทอดเทคโนโลยีการถนอมและแปรรูปผลผลิต ทางการเกษตร มีการบรรยายถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรและฝึกปฏิบัติการการถนอมอาหารและแปรรูป ผลผลิตทางเกษตรในชุมชน โดยใช้กล้วยเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป เป็นกล้วยกรอบเค็ม โดยมี นางวันเพ็ญ จันทรศรี คณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนมิตรสัมพันธ์ (เครือข่ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ) อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ฯ
169 169 ผลลัพธ์/ความสำเร็จของงาน เกษตรกรจำนวน 30 ราย ได้รับความรู้เรื่องการถนอมอาหารและแปรรูปผลผลิตทางเกษตรในชุมชน โดยใช้กล้วยเป็นวัตถุดิบในการแปรรูป และฝึกปฏิบัติการทำกล้วยกรอบเค็ม เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจ สามารถแปรรูป ผลผลิตทางการเกษตร ไว้บริโภคในครัวเรือน พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองและการดำเนินชีวิตประจำวัน ปัญหา/อุปสรรค ข้อเสนอแนะ - ไม่พบ -
170 22. โครงการพัฒนาเครือข่ายงานส่งเสริมการเกษตร (ระบบส่งเสริมการเกษตร) หลักการและเหตุผล กรมส่งเสริมการเกษตรมีระบบส่งเสริมการเกษตรเป็นหลักในการดำเนินงาน คือ ระบบการฝึกอบรมและ เยี่ยมเยียน (Training and Visit System : T & V System) ซึ่งจะมีการพัฒนาเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ในระดับต่างๆ ผ่านเวทีตามระบบส่งเสริมการเกษตร การส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ มีการใช้ศูนย์เรียนรู้ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เป็นเครื่องมือ ในการส่งเสริมการเกษตร โดยมีศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล (ศบกต.) เป็นกลไก ในการดำเนินการ รวมทั้งการใช้เครือข่ายในการดำเนินการ เช่น อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ศูนย์จัดการ ศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ฯลฯ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายการประสานงานและ บูรณาการกับหน่วยงานวิจัย เพื่อให้มีการบูรณาการการทำงานเพื่อการวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมการเกษตร ร่วมกันกับหน่วยงานภายในและภายนอกกรมส่งเสริมการเกษตร ในการแลกเปลี่ยนความต้องการพัฒนาและ แก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ขณะเดียวกันก็จะเป็นการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เป็นผลจากงานวิจัยและ พัฒนาสู่การขยายผลให้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกร ดังนั้น การเชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานส่งเสริมการเกษตร ทั้งภายในกรมส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานวิชาการหรือวิจัยอื่นๆ โดยจัดให้มีเวทีตามระบบส่งเสริมการเกษตร ให้เจ้าหน้าที่ได้มีโอกาส ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรที่ประสบความสำเร็จ เป็นเวทีเชื่อมโยง วิชาการจากแหล่งความรู้ทางวิชาการไปสู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันเป็นช่องทาง การขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การส่งเสริมการเกษตรผ่าน ศพก. รวมทั้งเป็นเวทีในการร่วมกันแก้ไขปัญหา ที่เป็นประเด็นเร่งด่วนในการดำเนินงานในพื้นที่ (Hot Issue) ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ และการนำโจทย์วิจัยที่ เป็นประเด็นปัญหาความต้องการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรสู่หน่วยงานวิชาการ เพื่อการวิจัยแก้ปัญหา ที่ตรงจุด ซึ่งการจัดเวทีเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทั้งในส่วนกลาง เขต จังหวัดและอำเภอ กับหน่วยงานวิชาการต่างๆ โดยมีกลไกในการขับเคลื่อน คือ คณะกรรมการส่วนกลาง เขต และคณะทำงานความร่วมมือระดับจังหวัด เพื่อบริหารการขับเคลื่อนการพัฒนาเครือข่ายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกระดับ มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาการดำเนินงาน ให้มีความรู้ความสามารถและมีความพร้อมในการถ่ายทอดความรู้ และให้บริการทางการเกษตรแก่เกษตรกร 2. เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนาด้านการเกษตร และการขยายผลงานวิชาการด้วยงานส่งเสริมการเกษตร เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกระดับ สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ จำนวน 11 อำเภอ จำนวนทั้งสิ้น 30 คน ดำเนินการในพื้นจังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ งบประมาณ 45,500 บาท (สี่หมื่นห้าพันห้าร้อยบาทถ้วน) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมส่งเสริมการเกษตร
171 171 ระยะเวลาดำเนินการ เดือนพฤศจิกายน 2565 – เดือนกันยายน 2566 กิจกรรม และวิธีการดำเนินงาน 1 การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามระบบส่งเสริมการเกษตร (1) เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 1 วันที่ดำเนินการ : วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08.30 – 16.30 น. สถานที่ดำเนินการ : หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา หัวข้อในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ : 1. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา มอบนโยบาย และแนวทางการ ขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเกษตรของจังหวัดฉะเชิงเทรา 2. การชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดย - กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ - กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร - กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต - กลุ่มอารักขาพืช 3. การชี้แจงแนวทางการจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณรายบุคคล รายสำนักงาน โดย - กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ - ฝ่ายบริหารทั่วไป ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนฯ ทั้งหมด จำนวน 109 คน : 1. สำนักงานเกษตรจังหวัด จำนวน 27 คน ลาพักผ่อน 1 คน /ตำแหน่งว่าง 2 คน 2. อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 12 คน 3. อำเภอบางคล้า จำนวน 7 คน 4. อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 10 คน ตำแหน่งว่าง 1 คน 5. อำเภอบางปะกง จำนวน 8 คน 6. อำเภอบ้านโพธิ์ จำนวน 7 คน ติดราชการ 1 คน /ตำแหน่งว่าง 1 คน 7. อำเภอพนมสารคาม จำนวน 6 คน ติดราชการ 1 คน /ลาพักผ่อน 1 คน /ลาคลอดบุตร 1 คน 8. อำเภอสนามชัยเขต จำนวน 10 คน 9. อำเภอแปลงยาว จำนวน 6 คน 10. อำเภอราชสาส์น จำนวน 3 คน ลาป่วย 3 คน 11. อำเภอท่าตะเกียบ จำนวน 7 คน ตำแหน่งว่าง 1 คน 12. อำเภอคลองเขื่อน จำนวน 6 คน หมายเหตุ : ผู้ไม่เข้าร่วมเวที เนื่องจากติดราชการด่วน ลาพักผ่อน และลาป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 19)
172 172 เวลา 09.30 – 10.20 น. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มอบ นโยบาย และแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเกษตรของจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้กับเจ้าหน้าที่ สำนักงานจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ เนื่องจากเป็นช่วงต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ผู้ว่าราชการ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้กล่าวว่าแม้จังหวัดฉะเชิงเทราจะเป็นเมือง Smart City และ EEC ก็ตาม แต่อาชีพดั้งเดิม ของชาวฉะเชิงเทรา คือการทำนา และทำสวน การเป็นเกษตรกร ต้องใจรัก และอดทน เพราะต้องเผชิญกับ สภาพดินฟ้าอากาศ น้ำท่วม ฝนแล้ง ศัตรูพืช ราคาปุ๋ย และการเพิ่มความรู้ด้านวิชาการ จึงขอให้เกษตรอำเภอ ทุกคนเป็นที่พึ่งให้เกษตรกร หัวใจสำคัญของการทำเกษตร คือลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ติดตามนโยบายของ รัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งการสำรวจสิทธิ์ รับรองสิทธิ์ เพื่อให้เกษตรกรได้รับสิทธิ์ ครบถ้วน ถูกต้อง และรวดเร็ว ตามกำหนดเวลา รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมในการส่งเสริมเกษตรกร ควบคู่กับการตลาด แบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงาน ท่องเที่ยวและกีฬา อุตสาหกรรมจังหวัด และประชาสัมพันธ์จังหวัด เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของเกษตรกรอย่างยั่งยืน
173 173 เวลา 10.20 – 10.30 น. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติมอบรางวัลให้แก่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกไผ่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา จากการ ส่งผลงานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกไผ่ ร่วมใจแก้จน ชุมชนบ้านอ่างเตย เข้าร่วมของสำนักงานเกษตร จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้รับรางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทรางวัลร่วมใจแก้จน (ระดับดี) ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่มี ผลงานหรือโครงการเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถ เป็นต้นแบบเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ โดยเน้น การมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมในการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการ แก้ไขปัญหาและการพัฒนาในระดับต่อไป เวลา 10.30 – 11.00 น. นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และมอบนโยบายแนวทางที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ ด้วยการ นำนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราไปขับเคลื่อนดำเนินงาน เน้นการปฏิบัติงานให้มุ่งถึงผลสัมฤทธิ์ ของโครงการ เกษตรกรได้รับประโยชน์ มีความเป็นอยู่ที่ดี รายได้เพิ่มขึ้น ให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ศึกษารายละเอียดของโครงการก่อนการปฏิบัติงาน รวมถึงการส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ให้ครอบคลุม บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานในพื้นที่ รวมทั้งการปฏิบัติตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์โครงการ ใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อกลุ่มเป้าหมาย
174 174 การมอบประกาศนียบัตรผู้ผ่านการอบรมโครงการพัฒนานักส่งเสริมการเกษตรมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
175 175 เวลา 11.00 – 15.00 น. การชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ดังนี้ 1) กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตร (2) โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (3) โครงการพัฒนาเครือข่ายงานส่งเสริม การเกษตร (ระบบส่งเสริมการเกษตร) (4) โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น (5) โครงการส่งเสริมการจัดตั้งและบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น (6) โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร 2) กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการส่งเสริมการจัดตั้งและบริหารจัดการ วิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น (2) โครงการพัฒนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (3) โครงการ ส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน (4) โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร (5) โครงการเกษตรเพื่อ อาหารกลางวัน (6) โครงการสร้างความเข้มแข็งการผลิตด้านการเกษตร (7) โครงการส่งเสริมเคหกิจเกษตรใน ครัวเรือนเกษตรสูงวัย (8) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
176 176 3) กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 12 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร กิจกรรมพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน GAP (2) โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรม พัฒนาการผลิตเกษตรอินทรีย์ (3) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตผักครบวงจร (4) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (5) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชเคี้ยวมัน (มะคาเดเมีย, มะม่วงหิมพานต์) เพื่อความยั่งยืน (6) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตมะพร้าวเพื่อความยั่งยืน (7) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (8) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสับปะรด (9) โครงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร กิจกรรมส่งเสริม การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรทดแทนแรงงานเกษตร (10) โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตร อัตลักษณ์ท้องถิ่น กิจกรรมส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น (11) โครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมัน (12) โครงการพัฒนา ศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร 4) กลุ่มอารักขาพืช ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์และแมลงศัตรูธรรมชาติทดแทนสารเคมี ทางการเกษตร (2) โครงการ 1 อำเภอ 1 แปลงเกษตรอัจฉริยะ (3) โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร (4) โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (การพัฒนาศูนย์เครือข่าย) (5) โครงการ พัชรสุธาคชานุรักษ์
177 177 เวลา 15.00 – 16.00 น. การชี้แจงแนวทางการจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณรายบุคคล รายสำนักงาน โดย กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ และฝ่ายบริหารทั่วไป ชี้แจงแนวทางการจัดทำแผนการเบิกจ่ายงบประมาณรายบุคคล รายสำนักงาน ดังนี้ (1) งานพัสดุ/สินทรัพย์ (2) การส่งเบิกเงินสำหรับงานจัดซื้อจัดจ้าง (3) การส่งเบิกเงินยืม (4) การส่งเบิกเงินสำหรับเบิกค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการ (5) ค่าเช่าบ้าน (6) ค่ารักษาพยาบาล (7) ค่าการศึกษาบุตร (8) มาตรการเร่งรัดการใช้จ่าย งบประมาณ ปี พ.ศ. 2566 ผลการชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จากการดำเนินการชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 ของกลุ่ม/ฝ่าย สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา จะทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ โครงการที่กำหนดไว้ มีการกำหนดแนวทาง การแก้ไขปัญหา ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ทุกคนเกิดความ เข้าใจ ในการปฏิบัติงาน และเป็นการดำเนินการตามผลจากความต้องการของเจ้าหน้าที่ที่ต้องการให้มีการจัดประชุม ชี้แจงการดำเนินงานโครงการทุกต้นปีงบประมาณเพื่อให้เกิดความเข้าใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน เวลา 16.00 –16.30 น. สรุปผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ครั้งที่ 1/2566 โดย กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ
178 178 ผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1) การมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานภาคเกษตรของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นที่พึ่งให้เกษตรกร ติดตามนโยบาย ของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมในการส่งเสริม เกษตรกร ควบคู่กับการตลาด แบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 2) การมอบนโยบายโดยท่านเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา เน้นการทำงานให้มีความสุข ศึกษางานให้ เข้าใจ รู้หน้าที่และบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อกลุ่มเป้าหมาย 3) การชี้แจงโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เจ้าหน้าที่ทุกระดับจะต้อง ศึกษาคู่มือโครงการ ปฏิบัติงานตามระเบียบขั้นตอนที่กำหนด ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดได้จัดทำแนวทาง คู่มือ ที่จะให้อำเภอใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานทุกขั้นตอน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้กับสำนักงาน เกษตรอำเภอ 4) เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ รับทราบแผนงาน/โครงการส่งเสริม การเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามมาตรการเร่งรัด การใช้จ่ายงบประมาณ ปี พ.ศ. 2566 5) กำหนดการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) มีรายละเอียด ดังนี้ - ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 4 มกราคม 2566 เวลา 08.30 – 16.30 แบบ Onsite - ครั้งที่ 3/2566 วันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 08.30 – 16.30 แบบ Online ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปพัฒนา/ปรับปรุงงาน 1) เจ้าหน้าที่ได้รับการพัฒนา เสริมสร้างความรู้วิชาการ เป็นการเพิ่มทักษะ และการสร้าง ความสัมพันธ์ร่วมกันของคนในองค์กร จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (DW) 2) เจ้าหน้าที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข ในการดำเนินงานส่งเสริม การเกษตรในพื้นที่ร่วมกัน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์
179 179 ผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 2 วันที่ดำเนินการ : วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 เวลา 08.00 – 16.30 น. สถานที่ดำเนินการ : องค์การบริหารส่วนตำบลก้อนแก้ว อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา หัวข้อในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ : 1. นางมาลี เรืองสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป แจ้งเรื่องการติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 และแนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไป ตามระเบียบราชการ 2. นางสาวอาภาภรณ์ ชูเกียรติศิริ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ ชี้แจงการประเมินผล การฝึกอบรม สัมมนา โครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 3. นางสาวอาภาภรณ์ ชูเกียรติศิริ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ แนะนำการเขียนผลงาน บุคคลเพื่อเข้าร่วมโครงการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ประจำปี 2566 ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนฯ ทั้งหมด จำนวน 106 คน : 1. สำนักงานเกษตรจังหวัด จำนวน 25 คน ติดราชการด่วน 1 คน/ลาพักผ่อน 2 คน 2. อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 12 คน 3. อำเภอบางคล้า จำนวน 4 คน ติดราชการด่วน 3 คน 4. อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 11 คน 5. อำเภอบางปะกง จำนวน 6 คน ลาศึกษาต่อ 1 คน /ลาคลอดบุตร 1 คน 6. อำเภอบ้านโพธิ์ จำนวน 8 คน 7. อำเภอพนมสารคาม จำนวน 8 คน ลาคลอดบุตร 1 คน 8. อำเภอสนามชัยเขต จำนวน 9 คน ติดราชการด่วน 1 คน 9. อำเภอแปลงยาว จำนวน 6 คน 10. อำเภอราชสาส์น จำนวน 5 คน ลาพักผ่อน 1 คน 11. อำเภอท่าตะเกียบ จำนวน 6 คน 12. อำเภอคลองเขื่อน จำนวน 6 คน หมายเหตุ : ผู้ไม่เข้าร่วมเวที เนื่องจากติดราชการด่วน ลาพักผ่อน ลาศึกษาต่อ และลาคลอดบุตร เวลา 08.30 – 09.00 น. นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวทักทาย ที่ประชุม และสวัสดีปีใหม่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานเกษตรอำเภอ ขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ และวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ และเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผน และถูกต้องตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด ซึ่งผลสำเร็จของงาน ที่เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกท่าน สามารถเขียนผลการปฏิบัติงานเด่น เพื่อเข้าร่วมโครงการ คัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ซึ่งวัตถุประสงค์โครงการเพื่อยกย่องส่งเสริมเจ้าหน้าที่ที่มีความประพฤติ และผลการปฏิบัติงานดีเด่น รวมถึงเผยแพร่เกียรติคุณ อันจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ ร่วมส่งผลงานเข้าร่วมประกวดเพราะจะมีผลต่อการคัดเลือกต่อการเลื่อนระดับในปัจจุบัน ส่วนเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่ ขอให้ศึกษาข้อมูล และวางแผนการทำงานก่อนการปฏิบัติงาน
180 180 มอบรางวัลโครงการพี่สอนน้อง ตอน มะม่วงก็คือแมงโก้ วิทยากรโดย นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา
181 181 แนะนำข้าราชการบรรจุใหม่ ของสำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา เวลา 09.00 – 10.00 น. การติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 โดย ฝ่ายบริหารทั่วไป จากผลการดำเนินการโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 ของกลุ่ม/ฝ่าย สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานเกษตรอำเภอ มีแผน – ผล การเบิกจ่ายงบประมาณ ภาพรวมตัดยอด ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ร้อยละ 34.72 ซึ่งเกินเป้าหมายของมติคณะรัฐมนตรี ส่วนที่มีผล การเบิกจ่ายงบประมาณสูงสุดได้แก่ กลุ่มอารักขาพืช ร้อยละ 68.95 สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านโพธิ์ ร้อยละ 68.87 สำนักงานเกษตรอำเภอราชสาส์น ร้อยละ 67.73 ขอขอบคุณกลุ่ม/ฝ่าย สำนักงานเกษตรอำเภอ ที่ช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผน เวลา 10.00 – 11.00 น. แนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบราชการ โดย ฝ่ายบริหารทั่วไป จากแนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณที่ส่งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารทั่วไปได้ สรุปข้อแก้ไขของการเบิกจ่าย ดังนี้
182 182 1. พัสดุ 1.1 การจัดซื้อวัสดุการเกษตร เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ผัก ขอให้ทางร้านระบุชื่อผลิตภัณฑ์ในใบเสนอราคา แต่การกำหนดรายละเอียดไม่ต้องระบุ 1.2 การจ้างซ่อมครุภัณฑ์ทุกชนิด ขอให้เพิ่มเอกสารรายงานสภาพ และประวัติการซ่อม จากทะเบียนสินทรัพย์ รูปถ่ายประกอบชัดเจน 2. การเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ 2.1 กรณีเบิกเบี้ยเลี้ยง ให้ตรวจสอบวันที่ หมู่ที่เดินทาง ให้ตรงตามใบขออนุมัติเดินทาง 2.2 การเบิกเบี้ยเลี้ยงเกิน 12 ชั่วโมง ขอให้ระบุสาเหตุที่ปฏิบัติงานเกิน 12 ชั่วโมงมาในแบบ รายงานการเดินทางด้วย 2.3 วันที่จัดอบรม ถ้าเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ แต่ค่าพาหนะเบิกได้ 2.4 รถยนต์ส่วนตัว เบิกค่าใช้จ่ายกิโลเมตรละ 4 บาท รถจักรยานยนต์ เบิกค่าใช้จ่ายกิโลเมตรละ 2 บาท 2.5 ค่าน้ำมันรถยนต์ราชการ ถือเป็นค่าพาหนะ ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ใบเสร็จถ้ามีส่วนประกอบ ไม่ครบ 5 องค์ประกอบ ให้แนบ บก.111 เพิ่มเติม 2.6 ระบุหมายเลขทะเบียนรถและจังหวัดมาให้ตรงกันกับใบขออนุมัติ เวลา 11.00 – 12.00 น. การประเมินผลการฝึกอบรม สัมมนา โครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 โดย กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ ด้วยกรมส่งเสริมการเกษตรได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จากงบดำเนินงาน ให้จังหวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการตามตัวชี้วัด โดยขอให้ดำเนินงาน โครงการตามคู่มือการปฏิบัติงานโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และดำเนินการประเมินผล การฝึกอบรม และรายงานให้สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราทราบภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นสุด การฝึกอบรม ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุม ระหว่างประเทศ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555 ข้อ 23 รายงานการประเมินผลการฝึกอบรม สัมมนา ขอให้ทางอำเภอจัดทำรายละเอียดหลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม สัมมนา กลุ่มประชากรที่เข้าการฝึกอบรม สัมมนา ระยะเวลาการฝึกอบรม สัมมนา เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูล และผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้เกณฑ์ในการประเมิน แบบสอบถามเป็นแบบ Rating Scale ซึ่งเป็นข้อความเชิงบวกทั้งหมด แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ พึงพอใจมากที่สุด พึงพอใจมาก พึงพอใจปานกลาง พึงพอใจน้อย และพึงพอใจน้อยที่สุด
183 183 เวลา 13.00 – 16.00 น. การเขียนผลงานบุคคลเพื่อเข้าร่วมโครงการคัดเลือกบุคคลและ หน่วยงานดีเด่น ประจำปี 2566 โดย กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ กรมส่งเสริมการเกษตร มีนโยบายด้านการพัฒนาบุคลากรและสร้างขวัญกำลังใจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานด้วยการคัดสรรบุคคลและ หน่วยงานดีเด่น สนับสนุนให้บุคลากรและหน่วยงานที่สร้างผลงานได้รับการยกย่อง เผยแพร่เกียรติคุณ และ เกิดความภาคภูมิใจ ดังนั้น จึงได้อนุมัติให้ดำเนินการโครงการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ประจำปี2566 ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมหลักที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการคัดเลือก การแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน การพิจารณาคัดเลือก การเผยแพร่และประกาศเกียรติคุณ กรมส่งเสริมการเกษตรจัดให้มีการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ประจำปี 2566 โดยแบ่งการคัดเลือกเป็น 2 กลุ่ม 8 ประเภท ดังนี้ กลุ่มบุคคลดีเด่น ได้แก่ (ประเภทเกษตรตำบลดีเด่น ประเภทเกษตรอำเภอดีเด่น ประเภทนักส่งเสริมการเกษตรระดับจังหวัดดีเด่น ประเภทนักวิชาการส่วนกลาง ดีเด่น ประเภทเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนนดีเด่น ประเภทลูกจ้างประจำดีเด่น ประเภทพนักงานราชการ ดีเด่น และหน่วยงานดีเด่น ได้แก่ ประเภทสำนักงานเกษตรจังหวัดดีเด่น) การพิจารณากลุ่มบุคคลดีเด่น จะพิจารณาในเรื่องของความประพฤติและผลงาน โดยมีเกณฑ์ พิจารณาใน 4 องค์ประกอบ มีคะแนนรวม 100 คะแนน ดังนี้ 1. การครองตน ครองคน และครองงาน 20 คะแนน 2. ผลการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ 20 คะแนน 3. ผลการปฏิบัติงานส่งเสริมการเกษตรดีเด่น (จำนวน 3 เรื่อง) 50 คะแนน 4. การนำเสนอผลงาน 10 คะแนน รวม 100 คะแนน
184 184 สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราขอให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการและหน่วยงาน ที่สมัครเข้ารับการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่นในสังกัดสำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราส่งเอกสาร ผลงานและวิดีทัศน์ ความยาวไม่เกิน 5 นาที (ถ้ามี) โดยมีรายละเอียดตามแบบฟอร์มที่กำหนด ให้สำนักงาน เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราพิจารณาคัดกรองก่อนส่งไปยังสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยองพิจารณาต่อไป ผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1) การมอบนโยบายโดยท่านเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา เน้นการสนับสนุนให้บุคลากรและหน่วยงาน สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ และสำนักงานเกษตรจังหวัดเข้าร่วมโครงการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงาน ดีเด่น ประจำปี 2566 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน มีความประพฤติดีได้รับการยกย่อง เผยแพร่เกียรติคุณ และ เกิดความภาคภูมิใจในการปฏิบัติงานส่งเสริมการเกษตร 2) การเบิกจ่ายงบประมาณโครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 เจ้าหน้าที่ ทุกท่านรับทราบแผนงาน/โครงการส่งเสริมการเกษตร และวางแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตาม มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ปี พ.ศ. 2566 รวมถึงนำแนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณไปปรับใช้ ในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบราชการ 3) การประเมินผลการฝึกอบรม สัมมนา โครงการส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2566 เจ้าหน้าที่ผู้จัดทำโครงการรับทราบขั้นตอนการดำเนินงานร่วมกัน การวิเคราะห์ผล รวมถึงการจัดทำรูปเล่ม ผลการประเมินผลการฝึกอบรม สัมมนา 4) การชี้แจงการเขียนผลงานบุคคลเพื่อเข้าร่วมโครงการคัดเลือกบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ประจำปี 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ รับทราบแนวทาง การพิจารณากลุ่มบุคคลดีเด่นและเกณฑ์พิจารณา เพื่อวางแผนเข้าร่วมคัดเลือกโครงการดังกล่าวต่อไป 5) กำหนดการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ดังนี้ - ครั้งที่ 3/2566 วันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 08.30 – 16.30 แบบ Online ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปพัฒนา/ปรับปรุงงาน 1) สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ นำแนวทางการเบิกจ่ายงบประมาณ ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบราชการ 2) เจ้าหน้าที่สามารถนำความรู้ที่ได้รับเพื่อเขียนผลงานบุคคลเข้าร่วมโครงการคัดเลือกบุคคล และหน่วยงานดีเด่นได้ 3) เจ้าหน้าที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข ในการดำเนินงานส่งเสริม การเกษตรในพื้นที่ร่วมกัน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์
185 185 รายงานผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ(District Workshop : DW) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 3 วันที่ดำเนินการ : วันพุธที่ 21 มิถุนายน 2566 เวลา 08.00 – 16.30 น. สถานที่ดำเนินการ : รูปแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom Meetings หัวข้อในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ : 1. เทคนิคการสื่อสารกับคนแต่ละ Generation ให้ประสบความสำเร็จ โดยนายวิศรุต ตุ้ยศักดา หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ 2. การตัดต่อคลิปวิดีโอและนำเสนอด้วยโทรศัพท์มือถือ โดย สำนักพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี (สพท.) กรมส่งเสริมการเกษตร ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนฯ ทั้งหมด จำนวน 104 คน : 1. สำนักงานเกษตรจังหวัด จำนวน 22 คน ติดราชการ 6 คน 2. อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 12 คน 3. อำเภอบางคล้า จำนวน 8 คน 4. อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 4 คน ติดราชการ 6 คน ลาป่วย 1 คน 5. อำเภอบางปะกง จำนวน 7 คน ลาศึกษาต่อ 1 คน 6. อำเภอบ้านโพธิ์ จำนวน 8 คน 7. อำเภอพนมสารคาม จำนวน 9 คน 8. อำเภอสนามชัยเขต จำนวน 10 คน 9. อำเภอแปลงยาว จำนวน 6 คน 10. อำเภอราชสาส์น จำนวน 6 คน 11. อำเภอท่าตะเกียบ จำนวน 7 คน 12. อำเภอคลองเขื่อน จำนวน 5 คน ลาป่วย 1 คน หมายเหตุ : ผู้ไม่เข้าร่วมเวที เนื่องจากติดราชการ ลาป่วย และลาศึกษาต่อ เวลา 08.30 – 09.00 น. นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวทักทาย ที่ประชุม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราและสำนักงานเกษตรอำเภอ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทุกท่านที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ และยินดีกับรางวัลที่ได้รับของสำนักงานเกษตร จังหวัดฉะเชิงเทรา และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ส่งเสริมให้กับเกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และขอบคุณวิทยากรและทีมงานต่าง ๆ ที่สนับสนุนการให้เกิดการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ให้เกิดการเรียนรู้เพื่อไปนำปฏิบัติ นำไปปรับใช้ในการทำภารกิจให้สอดคล้องกับงานในระดับพื้นที่
186 186 เวลา 09.00 – 12.00 น. เทคนิคการสื่อสารกับคนแต่ละ Generation ให้ประสบความสำเร็จ โดย นายวิศรุต ตุ้ยศักดา หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ
187 187 DISC Model คือแบบทดสอบบุคลิกภาพอีกอย่างหนึ่ง แต่จะเน้นไปในด้านการทำงาน การอยู่กับ เพื่อนร่วมงาน จุดเด่นและจุดด้อยของคนแต่ละประเภทในการงาน โดยเริ่มต้นขึ้นมาจาก ดร. วิลเลียม มาร์สตัน (Dr. William Marston) ศาตราจารย์ชื่อดัง จบการศึกษาระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาจิตวิทยา และเป็นนักทฤษฏีเกี่ยวกับความเสมอภาค DISC Model จะประกอบไปด้วย 4 ลักษณะ คือ Dominance, Influence, Steadiness และ Compliance ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนอาจมีหลายลักษณะอยู่ในตัวเองก็ได้ แต่จะมีอย่างเดียวที่ปรากฎออกมา ชัดเจน นั่นก็คือ “จุดเด่น” ของเรา DISC Model ช่วยให้เราได้เรียนรู้ตัวตนของคนที่อยู่ร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจในการกระทำ แต่ละอย่างของกันและกัน เมื่อเรารู้นิสัยว่าเพื่อนร่วมงานคนไหนเป็นอย่างไร มีพื้นฐานอย่างไร ก็จะทำให้เรา ยอมรับและเปิดใจกับการกระทำของคนอื่น ความขัดแย้งก็จะลดน้อยลง เกิดการทำงานเป็นทีมมากขึ้น และ ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จมากขึ้นการสื่อสารระหว่างแต่ละคน โดยเรียนรู้จากการความเข้าใจว่าในแต่ละ คนเป็น Type D-I-S-C อะไรเพื่อเข้าใจในการสื่อสารระหว่างแต่ละคน โดยแบ่งกลุ่มคนเป็น 4 กลุ่ม 1. Dominance (กระทิง) คนผู้ที่ชอบเอาชนะ ชอบการแข่งขัน ตรงไปตรงมา และมีเป้าหมายที่ ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ที่ตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกระทิงที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย นั้นเอง การอยู่ร่วมคนประเภทนี้ต้องเข้าใจเขาให้มาก พูดตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม เน้นผลลัพธ์และเป้าหมาย เป็นสำคัญ 2. Influence (อินทรี) คนที่ชอบเข้าสังคม ช่างพูดช่างเจรจา รักอิสระไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ จำเจ มองภาพกว้าง มีจิตนาการสูง เป็นนักคิดนักฝัน ชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน การอยู่กับคนที่มี นิสัยแบบ “อินทรี” อย่าไปจ้ำจี้จ้ำไชเขามาก ให้บอกแค่เป้าหมายหลักๆ ให้เขาไปหาวิธีจัดการเอง และหา กิจกรรมแปลกใหม่ให้กับเขา 3. Steadiness (หนู) เป็นผู้มีความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคนอ่อนไหว ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากกว่าอย่างอื่น เป็นคนปราดเปรียว ว่องไว ขี้เล่น ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เป็นคนไม่เปิดเผย มีแบบแผน สุภาพอ่อนโยน การอยู่ร่วมกับหนูต้องใส่ใจความรู้สึกเป็นพิเศษ ให้ความสำคัญ และให้กำลังใจ เขาชอบอะไรที่มีลำดับขั้นตอนชัดเจน 4. Conscientiousness (หมี) เป็นคนที่ชอบความมั่นคงสูง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เน้นช้าแต่ชัวร์ เน้นคุณภาพและกระบวนการที่ถูกต้องเป็นระบบ ชอบหาข้อมูลรายละเอียด มีระเบียบวินัยสูง ชอบอยู่คนเดียว โลกส่วนตัวสูง คนกลุ่มนี้มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกและไม่ชอบความวุ่นวาย การสื่อสารกับหมีต้องเน้นหลักการ และทฤษฎี กิจกรรมประเมิน D-I-S-C ตนเอง 1. ประเมินลักษณะ D-I-S-C ของตนเอง การแบ่งกลุ่มทั้ง 4 กลุ่มนี้ จะบ่งบอกความเป็นตัวเองของ คนเราและจำแนกว่าตัวตนของเราจัดอยู่ในกลุ่มไหนระหว่าง 4 กลุ่มนี้ ผ่านการทำแบบสอบถามเพื่อค้นหา ตัวตนของตนเองว่าจำแนกอยู่ในกลุ่มไหน
188 188 2. เปลี่ยนชื่อตนเอง โดยพิมพ์ว่า ตนเองเป็นคน type ใด นำหน้าชื่อ เช่น D-........ 3. เข้าร่วมกลุ่มย่อยตาม type ของตนเอง 4. ระดมสมองทำใบงาน โดยระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของ Style นี้/คน Style ไหน “คุยยาก” เพราะ อะไร/คุยกับเขาอย่างไรให้เขา (คุยยาก) รู้เรื่อง/พวกเขา (คุยยาก) จะคุยกับเราอย่างไรถึงจะเข้าใจ
189 189 ลักษณะพฤติกรรมความในใจ การทำงานและการปรับตัว 1. กระทิง ความในใจของ “กระทิง” - ชอบตั้งเป้าหมาย ต้องการรีบลงมือทำให้สำเร็จ - ถ้าจะคุยเรื่องงาน ต้องพูดสรุปสั้นๆ ให้ได้ใจความ - ต้องการมีอำนาจในการควบคุมการทำงาน สามารถตัดสินใจได้เอง ถ้าหากต้องทำงานกับ “กระทิง” - กระทิง กับ กระทิง พูดกันตรงๆ แต่อาจจะต้องดูจังหวะหน่อย - อินทรี กับ กระทิง อย่านอกเรื่อง ถ้าจะตลกก็ให้เป็นมุกในประเด็นนั้น - หนู กับ กระทิง ต้องพยายามปรับตัวให้ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง - หมี กับ กระทิง หาทางออกร่วมกันที่จะทำให้ได้เร็วที่สุด แต่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพ การปรับตัวของ “กระทิง” - การทำอะไรรวดเร็วมันก็ดี แต่ต้องคิดถึงสิ่งที่จะตามมาด้วย - เปิดใจรับฟังผู้อื่นมากขึ้น จะทำให้ได้รับมุมมองใหม่ๆ - สั่งคนอื่นให้น้อยลง ฝึกควบคุมอารมณ์ของตนเองให้มากขึ้น 2. เหยี่ยว ความในใจของ “เหยี่ยว” - ชอบทำอะไรใหม่ ๆ กระตือรือร้น อยากทำโน่น นี่ นั่น ตลอดเวลา - ไม่ชอบทำงานกับคนเคร่งเครียด เย็นชา ระเบียบเยอะ หรือทำซ้ำๆ - หากจะเข้ามาคุย ก็เข้ามาได้แบบสบายๆ เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่อย่าวิจารณ์ ต่อว่า หรือหักหน้า ต่อหน้าคนอื่น ถ้าหากต้องทำงานกับ “เหยี่ยว” - กระทิง กับ เหยี่ยว รู้ว่าชอบความสนุก จะปล่อยให้ฮาไปก่อน แล้วค่อยเข้าประเด็น - เหยี่ยว กับ เหยี่ยว ชอบเป็นจุดเด่น แต่ไม่ขัดเพื่อน ปล่อยให้เฉิดฉาย เจิดจ้ากันไป - หนู กับ เหยี่ยว การเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันก็เหนื่อยใจ แต่ก็ได้โอกาสเรียนรู้ - หมี กับ เหยี่ยว จะลดมาตรฐานลง แต่ต้องหาแนวทางที่รักษาคุณภาพไว้ได้ การปรับตัวของ “เหยี่ยว” - ลองพูดให้น้อยลง และตั้งใจฟังคนอื่นให้มากขึ้น - จัดระเบียบให้ตัวเอง ซอยเป้าหมายให้เล็ก แต่ชัดเจน ค่อยๆ ทำ - ก่อนรับปากใคร คิดให้ถี่ถ้วนก่อนว่าพร้อมหรือเปล่า 3. หนู ความในใจของ “หนู” - อยากอยู่ในที่สงบสุข ปรองดอง ถ้าได้ทำงานกับกลุ่มเล็กๆ จะดีมาก - ไม่ชอบการแข่งขัน บรรยากาศที่เร่งรับ กดดัน - ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ยึดมั่นในวิธีการเดิม ไม่อยากลองวิธีใหม่ๆ - ชอบช่วยเหลือคนอื่น ถ้ามีปัญหาจะไม่ตอบโต้ ขอบทำงานเบื้องหลัง
190 190 ถ้าหากต้องทำงานกับ “หนู” - กระทิง กับ หนู จะไม่กดดันเพื่อน ใจเย็นขึ้น ถ้างานเร่งก็จะอธิบายให้เคลียร์ - เหยี่ยว กับ หนู ให้เริ่มลงมือได้เลย อย่ากลัว ถ้ามีปัญหาก็ค่อยแก้ไขกันไป - หนู กับ หนู ทำงานไป คุยกันไป สร้างความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ - หมี กับ หนู ไม่ค่อยแชร์ความคิดเห็น ถ้าอยู่กันหลายคน ก็ต้องถามส่วนตัว การปรับตัวของ “หนู” - ลองฝึกความมั่นใจจะแสดงความคิดเห็น หรือพูดออกไปตรง ๆ บ้าง - ทำใจยอมรับความจริงว่าเราไม่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มั่นคง และปลอดภัยได้ตลอดเวลา - ฝึกเพิ่มความเร็วในการทำงาน เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ และการแข่งขัน เพื่อการพัฒนาตัวเอง 4. หมี ความในใจของ “หมี” - เป็นคนนิ่ง ๆ รักสงบ ชีวิตไม่ต้องการความหวือหวา - ชอบทำงานคนเดียวมากกว่าทำเป็นทีม - การทำงานต้องมีคำสั่ง เป้าหมาย ขอบเขตชัดเจน เพื่อทำให้ถูกต้อง - ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ถ้าจะเปลี่ยนขอเวลาหาข้อมูลและวางแผน ถ้าหากต้องทำงานกับ “หมี” - กระทิง กับ หมี เป็นสายโฟกัสงานเหมือนกันได้งานมีคุณภาพแน่แต่อาจจุกจิกบ้าง - เหยี่ยว กับ หมี เตรียมข้อมูลให้พร้อม ใช้เหตุผลมากขึ้น และคิดก่อนพูด - หนู กับ หมี มักจะมีคำถามมากมาย ต้องตอบให้ชัดเจนทุกข้อ - หมี กับ หมี ปัญหาคือต่างคนก็โฟกัสรายละเอียดมากเกินไป ไม่ได้มองภาพรวม การปรับตัวของ “หมี” - ลดความต้องการที่จะสมบูรณ์แบบลงบ้าง ตามความเหมาะสมของงาน - สานสัมพันธ์กับผู้อื่นให้มากขึ้น งานหลายอย่างทำคนเดียวไม่ได้ - ลองผ่อนคลายชีวิตดูหน่อย ลดความคาดหวังทั้งต่อตัวเองและคนอื่น กลุ่ม Generation ทั้ง 8 กลุ่มตามช่วงอายุคน 1. Lost Generation (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2426 - 2443) เป็นยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ เสียชีวิตไปหมดแล้ว 2. Greatest Generation (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2444 - 2467) คือยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคใน การฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจผู้คนในยุคนั้นจะมีความเป็นทางการสูง 3. Silent Generation (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2468 - 2488) เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดีคนรุ่นนี้มี ความจงรักภักดีต่อนายจ้าง และประเทศชาติสูง ผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น 4. Baby Boomer (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2498 - 2507) ยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 คนยุคนี้คือคนที่มี อายุตั้งแต่ 49 ปีขึ้นไป เป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน ประหยัดอดออม รอบคอบ 5. Generation X (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2508 - 2522) เป็นยุคที่โลกมั่งคั่งแล้ว เป็นคนวัยทำงานโตมากับ การพัฒนาของวีดีโอเกม, คอมพิวเตอร์เพลงฮิปฮอป อาจทันดูทีวีขาวดำด้วยชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็น ทางการ เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์
191 191 6. Generation Y (เกิดช่วงปี พ.ศ. 2523 - 2540) เป็นยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเจริญรุดหน้า คนกลุ่มนี้ชอบทำงานด้านไอที มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เป็นคน มองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยมีความอดทน 7. Generation Z (เกิดช่วงปี พ.ศ.2540 ขึ้นไป) คือวัยของเด็ก ๆ นั่นเอง จะเติบโตมาพร้อมกับสิ่ง อำนวยความสะดวกมากมายที่อยู่แวดล้อม มีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ และเรียนรู้ได้เร็ว 8. Generation C (กลุ่มคนยุคใหม่ที่ไม่ได้แบ่งตามอายุ) เหมือน 7 เจเนอเรชั่นก่อน แต่จัดกลุ่มตามพฤติกรรม การใช้โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีพฤติกรรมเสพติดการเชื่อมต่อแชร์ได้ทุกเมื่อ เวลา 13.00 –16.30 น. การตัดต่อคลิปวิดีโอและนำเสนอด้วยโทรศัพท์มือถือ โดย นายพัลลภ ธานี นายช่างเทคนิคชำนาญงาน สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี ปัจจุบันเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาไปไกลแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่การตัดต่อจะต้องทำ ในคอมพิวเตอร์ก็ถูกพัฒนาให้สามารถทำในสมาร์ตโฟนได้ง่ายๆ เป็นการประหยัดเวลา เพราะการตัดต่อ ในโทรศัพท์มือถือจะมีโปรแกรมที่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เน้นฟังก์ชันที่นิยมใช้ในการตัดต่อ ซึ่งคลิป วิดีโอเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการส่งเสริมการเกษตร ในการนำเสนอผลงานต่างๆ ผ่านคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายต่างๆ ไปสู่เกษตรกร ให้ทราบถึงการดำเนินการต่างๆ เทคนิคการถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ ใช้เทคนิคกฎ 3 ส่วน เพื่อความสมดุลของภาพ ซึ่งการแบ่งภาพออกมาเป็น 3 ส่วน จะทำให้เกิด จุดเด่นของรูปภาพ โดยจุดที่เกิดขึ้นภายในภาพจะเป็นการกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางสินค้าหรือ วัตถุที่ต้องการ การจัดพื้นหลังของภาพ ความโดดเด่นของสินค้าหรือวัตถุเป็นส่วนสำคัญภายในภาพ ซึ่งการคำนึงถึงพื้นหลังของภาพวัตถุจึง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินค้าดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายภาพเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ สิ่งที่เราให้ ความสำคัญนอกจากตัวแบบหลักนั่นก็คือเรื่องของ “พื้นหลัง” เนื่องจากพื้นหลังสามารถที่จะเป็นส่วนในการ เสริมเรื่องราวให้กับภาพ และทำให้ตัวแบบดูเด่นขึ้น การคุมโทนสีภาพ การเน้นคู่สีในภาพให้ดูสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นโทนสี การจับคู่สี เป็นส่วนสำคัญในการถ่ายภาพทำให้เรา สามารถสื่ออารมณ์ให้กับภาพช่วยให้ภาพดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น การเลือกปรับโทนสี การจับคู่สีเพื่อใช้ในการ ถ่ายภาพหรือแต่งรูปภาพให้สวยๆ นั้นมีหลายหลักการให้เลือกใช้มากมาย ตัวอย่างเช่น 1. คู่สีน้ำเงิน – เหลือง พบได้บ่อย ในการถ่ายภาพ Landscape ที่มีท้องฟ้าเข้มๆ ตัดกับหาดทราย สีเหลืองอ่อน หรือดอกไม้สีเหลืองสดใส
192 192 2. คู่สีเขียว – เหลือง เป็นคู่สีที่นิยมใช้กับการถ่ายภาพวิว ถ่ายธรรมชาติ เช่น ภาพใบไม้กับแสง พระอาทิตย์ 3. คู่สีเขียว - แดง สามารถถ่ายได้ทั้งภาพดอกไม้ ภาพอาหาร ภาพบุคคลหลายคนจะคุ้นตากับการ จับคู่สีนี้เป็นอย่างดี เขียวแดงต้องนึกถึง“คริสต์มาส” ภาพต้นคริสต์มาสสีเขียว ประดับด้วยของตกแต่งสีแดง 4. คู่สี แดง-น้ำเงิน สำหรับสาย Cityscape และสาย Street เช่น ถ่ายไฟท้ายรถสีแดงจับคู่สีกับ ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม 5. คู่สีฟ้า – ส้ม เป็นที่นิยมใช้กับภาพที่ถ่ายกลางคืนมีสีของท้องฟ้ากับไฟเมืองสีส้มหรือจากการ เลือกใช้ไฟสีฟ้า และสีส้ม 6. คู่สีขาว – ดำ หรือภาพขาวดำคือภาพที่เน้นอารมณ์ภาพที่สุด โดยตัดสีสันเพื่อสื่ออารมณ์ให้คนดูได้ เข้าถึงมากที่สุด การใช้แสงธรรมชาติ แสงในรูปภาพ คือ สิ่งสำคัญของการถ่ายภาพสำหรับการถ่ายรูปสินค้า เราสามารถเลือกใช้แสง จากธรรมชาติโดยแสงที่เหมาะกับการถ่ายภาพแนะนำเป็นแสงช่วงเวลา 7.00 – 9.00 น. และ 14.00 – 18.00 น. เพื่อให้เห็นรายละเอียดของสินค้าและแสงไม่เข้มจนเกินไป แสงจากไฟที่ใช้สำหรับถ่ายรูปหรือไฟสตูดิโอ การเลือกใช้แสงจากไฟสตูดิโอ ช่วยให้สามารถควบคุมแสงได้ดีมากขึ้น ควบคุมความสว่างของภาพ ได้ตามที่ต้องการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพสินค้า โดยไม่จำกัดช่วงเวลาในการถ่ายภาพ การแต่งรูปภาพ และใส่ข้อความด้วยแอพ LINE Camera LINE Camera เป็น App สำหรับถ่ายรูปและแต่งรูป ที่มีลูกเล่นต่างๆ มากมาย เพิ่ม Sticker และ พิมพ์ข้อความได้ รวมทั้งยังสามารถแชร์ไปยัง Social Media ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทั้ง Line, Facebook, Instagram และ App อื่นๆ ที่รองรับ เทคนิคถ่ายวีดิทัศน์ด้วยสมาร์ทโฟน 1. เลนส์กล้องต้องสะอาด เพราะหากเลนส์กล้องสกปรกภาพที่ออกมาจะมีปัญหาขึ้นได้ เช่น ไม่ชัด เบลอ เป็นต้น 2. ทัศนวิสัยต้องชัดเจนดี เพื่อภาพและเสียงที่มีคุณภาพต้องระวังมือหรือนิ้วของเราตอนขณะถือถ่าย อยู่ไม่บังจุดถ่ายภาพ มือไม่บังจุดรับเสียงของมือถือ 3. สองมือย่อมดีกว่ามือเดียว เพราะภาพจะมีความนิ่งกว่ามือเดียว หรือใช้ขาตั้งกล้องช่วยในการถ่าย 4. ความสว่างต้องพอเหมาะ ภาพที่ถ่ายออกมาไม่ควรมีความมืดหรือความสว่างมากจนเกินไป เพราะ กล้องมือถือของเราจะปรับแสงของภาพให้สมดุลได้ยาก 5. ถ่ายด้วยโหมด HDR ทำให้ภาพที่ได้มีรายละเอียดที่สมบูรณ์ เป็นตัวช่วยในการถ่ายวิดีโอในกรณีที่มี ความแตกต่างของแสงที่มาก 6. แบตเตอรี่ต้องพร้อม เนื่องจากการถ่ายวิดีโอใช้ระยะเวลานาน จึงต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม อยู่เสมอพร้อมทั้งพกแบตเตอรี่สำรอง 7. คำนวณพื้นที่หน่วยความจำ 8. หลีกเลี่ยงการซูม เพราะจะทำให้ภาพสั่น และความคมชัดของภาพลดลง 9. การถ่ายในแนวนอนหรือแนวตั้ง ขึ้นอยู่กับรูปแบบนำเสนอผ่านรูปแบบใด
193 193 ส่วนประกอบของสตอรี่บอร์ด สตอรี่บอร์ดเป็นการสร้างภาพให้เห็นลำดับของการเล่าเรื่องในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว เป็นภาพร่าง ของฉากต่างๆ เพื่อกำหนดการเล่าเรื่อง ลำดับเรื่อง จัดมุมกล้อง กำหนดเวลา ซึ่งจะถูกจัดทำขึ้นหลังการ เขียนบท สตอรี่บอร์ดประกอบด้วย ลำดับฉาก ภาพร่าง เสียงประกอบ มุมกล้อง กำหนดเวลา และบท มุมกล้องสำหรับถ่ายวิดีโอ 1. มุมระดับสายตา เป็นมุมที่เสนอให้เห็นภาพจริงๆ ระนาบเดียวกับสายตา จะไม่ค่อยมีการบิดเบี้ยว ของมุมให้เห็นเลยเพราะจะเป็นมุมตรงๆ 2. มุมสูง มุมสูงจะเป็นมุมที่อยู่เหนือกว่ามุมปกติ อาจจะเป็นมุมที่อยู่เหนือหัวตัวละคร วัตถุ มุมนี้จะให้ ความรู้สึกให้ความรู้สึกด้อยค่า เศร้า โดนดูถูก หรือดูสิ้นหวัง 3. มุมต่ำ มุมกล้องที่อยู่ในมุมต่ำจะเป็นการถือกล้องในตำแหน่งที่ต่ำกว่าระดับสายตา เป็นมุมเสย ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ มีพลัง มั่นใจ ให้ฟีลตัวละครประสบความสำเร็จ หรือบรรลุอะไรซักอย่างในชีวิต กิจกรรมการถ่ายวิดีโอ ให้ผู้เข้าร่วมอบรมฯ ถ่ายคลิปวีดิโอสั้น ๆ คลิปละ 8 – 10 วินาที ดังนี้ 1. ถ่ายวัตถุแบบนิ่งๆ ไม่ต้องขยับกล้อง ในมุมกว้าง, มุมขนาดกลาง, มุมแคบ ( 3 คลิป) 2. ถ่ายวัตถุแบบเคลื่อนกล้องไปทางซ้าย และขวา ( 2 คลิป) 3. ถ่ายวัตถุแบบเคลื่อนกล้องขึ้น และลง ( 2 คลิป) 4. ถ่ายวัตถุแบบเคลื่อนกล้องเข้า และออก ( 2 คลิป) 5. ถ่ายการเคลื่อนที่ของวัตถุ โหมดสโลโมชั่น (ถ้ามี) ( 2 คลิป) โดยให้ผู้เข้าอบรมถ่ายคลิปวิดีโออะไรก็ได้ในการนำเสนอหลังถ่ายเสร็จ จำนวน 8 คลิป คลิปละ 8 วินาทีเมื่อถ่ายเสร็จแล้วจะนำมาตัดต่อคลิปวิดีโอ และนำเสนอของแต่ละอำเภอเมื่อถ่ายคลิปวิดีโอเสร็จแล้ว ให้ผู้เข้าร่วมการอบรม ดาวน์โหลดแอปการตัดต่อวิดีโอด้วยแอป VN และตัดต่อคลิป
194 194 ผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1. เจ้าหน้าที่ได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกัน โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นด้วยรูปแบบของ กลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกันด้วย DISC Model 2. เจ้าหน้าที่ได้ค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง 3. เจ้าหน้าที่ได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม 4. เจ้าหน้าที่ได้พัฒนาทักษะการถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ 5. เจ้าหน้าที่ได้ฝึกปฏิบัติการถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือ เพื่อนำเสนอผลงานหรือข่าวประชาสัมพันธ์ ผ่านคลิปวิดีโอ ไปสู่เกษตรกรผ่านช่องทางต่างๆ 6. กำหนดการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ดังนี้ - ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 16 สิงหาคม 2566 เวลา 08.30 – 16.30 แบบ Onsite ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปพัฒนา/ปรับปรุงงาน 1) เจ้าหน้าที่มีทักษะการสื่อสารในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริง ในชีวิตประจำวัน 2) เจ้าหน้าที่สามารถผลิตสื่อได้ด้วยตนเอง เพื่อประชาสัมพันธ์และพัฒนางานส่งเสริมการเกษตร ในพื้นที่ ผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District Workshop : DW) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 4 วันที่ดำเนินการ : วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 เวลา 08.00 – 16.30 น. สถานที่ดำเนินการ : หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา หัวข้อในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ : 1. นางสาวนิตยา มัสเยาะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสุเหร่าคลอง 19 ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา นำเสนอแนวทางการดำเนินงานกลุ่มยุวเกษตรกรในโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จ 2. นางสาวอาภาภรณ์ ชูเกียรติศิริ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ ชี้แจงการขับเคลื่อน ภาคเกษตร ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG 3. ผู้แทนสำนักงานเกษตรอำเภอ นำเสนอจุดนำร่องสินค้าเกษตรของอำเภอ ภายใต้กรอบ BCG Model 4. นางวิภา จิระวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช นำเสนอและฝึกปฏิบัติการดำเนินงานส่งเสริม การเกษตรตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร ผู้เข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนฯ ทั้งหมด จำนวน 102 คน : 1. สำนักงานเกษตรจังหวัด จำนวน 23 คน ติดราชการ 3 คน 2. อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 11 คน ติดราชการ 1 คน 3. อำเภอบางคล้า จำนวน 7 คน ติดราชการ 1 คน 4. อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 9 คน 5. อำเภอบางปะกง จำนวน 4 คน ลาศึกษาต่อ 1 คน ติดราชการ 2 คน ลาป่วย 1 คน 6. อำเภอบ้านโพธิ์ จำนวน 8 คน ติดราชการ 1 คน 7. อำเภอพนมสารคาม จำนวน 7 คน ลาคลอดบุตร 1 คน 8. อำเภอสนามชัยเขต จำนวน 9 คน ลาคลอดบุตร 1 คน
195 195 9. อำเภอแปลงยาว จำนวน 6 คน 10. อำเภอราชสาส์น จำนวน 5 คน ติดราชการ 1 คน 11. อำเภอท่าตะเกียบ จำนวน 8 คน 12. อำเภอคลองเขื่อน จำนวน 5 คน ติดราชการ 1 คน หมายเหตุ : ผู้ไม่เข้าร่วมเวที เนื่องจากติดราชการ ลาป่วย ลาศึกษาต่อ และลาคลอดบุตร เวลา 08.30 – 09.00 น. นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวทักทาย ที่ประชุม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานเกษตรอำเภอ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทุกท่านที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ และขอให้อำเภอวางแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ และเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามแผน และถูกต้องตามระเบียบราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมกับวาง แผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการของสำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปีงบประมาณ 2566 รอบที่ 2 และการสำรวจพื้นที่การเกษตรที่รับผิดชอบเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับ สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็น ปัจจุบัน