96 96 2) สรุปรายงานเป้าหมายโครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร ปี 2567 สรุปเป้าหมาย ความต้องการปัจจัยการผลิต เกษตรกร (ราย) พื้นที่ (ไร่) ระบุชนิด เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ฯลฯ 7 20 ผ้าคลุมดิน, สายน้ำหยด, ปูนปรับสภาพดิน (แตงโม) 2 2 ผ้าคลุมดิน, สายน้ำหยด (เมล่อน) 1 3 ปูนปรับสภาพดิน (เผือก) 10 128 เมล็ดพันธุ์ (ทัมอัพ, กินรี, เมญ่า, ตอปิโด) เชื้อราไตรโครเดอร์มา, ฮอร์โมนบำรุงพืช 2 5 เมล็ดพันธุ์ (ฟักทอง), สารชีวภัณฑ์ 10 10 เมล็ดพันธุ์ (ข้าวโพด, ถั่วเขียว, แตงกวา), สารชีวภัณฑ์, ขี้ไก่อัดเม็ด
97 97
98 98 2. กิจกรรมศึกษาดูงาน ศึกษาดูงานสถานที่ภาคเอกชน ที่เป็นแหล่งศึกษาดูงานการเชื่อมโยงตลาด เป็นแหล่งรับซื้อผลผลิตพืช ใช้น้ำน้อยที่สามารถเป็นช่องทางการตลาดให้เกษตรกรได้ โดยเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากสถานที่ ประกอบการจริง เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างแหล่งรับซื้อ เกษตรกร และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ เพื่อสนับสนุนการวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับตลาดในการขับเคลื่อนโครงการต่อไป วันที่ 28 สิงหาคม 2566 รับฟังการบรรยาย “แนะนำตลาดไท แหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตร” และ“การผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน เพื่อเข้าสู่ตลาดไท” และศึกษาดูงาน การเชื่อมโยงตลาด สินค้าเกษตร กับแหล่งรับซื้อผลผลิต โดย นายมงคลเกียรติ ควรกิจ ผู้จัดการฝ่ายความสัมพันธ์ภาครัฐและ เอกชน (งานลูกค้าสัมพันธ์ภายในและภายนอก) บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด และทีมงานตลาดไท
99 99
100 100 ผลลัพธ์/ผลสำเร็จของงาน ผลผลิต 1. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการระดับจังหวัด อำเภอ และเกษตรกร จำนวน 20 ราย ได้แลกเปลี่ยน ข้อมูลการเชื่อมโยงตลาดสินค้าพืชใช้น้ำน้อยกับภาคเอกชน 2. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการระดับจังหวัด อำเภอ จำนวน 5 ราย สามารถนำข้อมูลไปใช้กำหนด เป้าหมายการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ปี 2567 และนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่องานส่งเสริมในพื้นที่ได้ ผลลัพธ์ 1. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการระดับจังหวัด อำเภอ และเกษตรกร ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล การเชื่อมโยงตลาดสินค้าพืชใช้น้ำน้อยกับภาคเอกชน อย่างน้อย 1 แห่ง 2. เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการระดับจังหวัดและอำเภอ สามารถนำข้อมูลไปใช้กำหนดเป้าหมาย การส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ปี 2567 และนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ งานส่งเสริมในพื้นที่ได้ 3. เกษตรกรได้ความรู้และข้อมูลการเชื่อมโยงตลาดสินค้าพืชใช้น้ำน้อยกับภาคเอกชน และนำความรู้ ที่ได้รับการพัฒนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการวางแผนการเพาะปลูกพืชใช้น้ำน้อยต่อไป ปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะ - ไม่มี -
101 13. โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น กิจกรรมส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น หลักการเหตุผล เป็นที่ทราบกันดีว่าสินค้าเกษตรในกลุ่มไม้ผลซึ่งเป็นพืชสวนที่สร้างมูลค่าให้ประเทศไทยได้มาก โดยผลไม้ในกลุ่มเศรษฐกิจหลักที่มีการส่งออกมากที่สุด คือ ทุเรียน (คิดเป็นร้อยละ 46.06) รองลงมาได้แก่ ลำไย (คิดเป็นร้อยละ 37.49) มังคุด (คิดเป็นร้อยละ 9.50) มะม่วง (คิดเป็นร้อยละ 5.27) เงาะ (คิดเป็นร้อยละ 0.72) ลิ้นจี่ (คิดเป็นร้อยละ 0.45) และลองกอง (คิดเป็นร้อยละ 0.06) ในขณะที่ผลไม้พื้นถิ่นซึ่งเป็นผลไม้ ในกลุ่มรองก็มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กัน ซึ่งจะเห็นได้จากมูลค่าการซื้อขาย ในประเทศสูง มีตลาดเฉพาะ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ส่งเสริมให้นักวิชาการและเกษตรกรคัดเลือกพืช ในพื้นที่ขึ้นมาเป็นผลไม้อัตลักษณ์ เพื่อพัฒนาความรู้ทั้งด้านการผลิต การตลาด และส่งเสริมให้เป็นผลไม้ อัตลักษณ์ประจำถิ่นตั้งแต่ ปี 2562 เช่น ส้มโอปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช สละป่าบอน อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ทุเรียนชะนีเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด มะม่วงแปดริ้ว อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นสินค้าสร้างชื่อและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีความพยายามจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาไม้ผลในทุกมิติ เพื่อสอดรับกับกระแสสังคม ยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลบางคน หรือบางกลุ่มมีความพยายามที่จะค้นหา วิธีการหรือรูปแบบต่างๆ ที่จะนำมาใช้ เน้นให้มีการพัฒนาด้านต่างๆ โดยการสนับสนุนให้มีการทำงานวิจัย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังจะตอบโจทย์การทำเกษตรเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งสามารถนำงานวิจัยต่างๆ ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาคุณภาพสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่กำลังจะเข้าสู่ กระบวนการพัฒนาต่อไปได้ นอกจากจะมีศักยภาพการผลิตและการตลาดที่สูงแล้ว ก็ยังมีความสัมพันธ์ในด้าน การเจริญเติบโต การใช้ประโยชน์ ตลอดจนกระแสความนิยมของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงสินค้า เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายของกลุ่มเกษตรกรตลอดจนการเผยแพร่ความรู้ในงานพืชสวนก็มีความสอดคล้อง ไปในทิศทางเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2566 กรมส่งเสริมการเกษตรตระหนักถึงความสำคัญมุ่งเน้นการพัฒนา การเกษตร เศรษฐกิจและสังคมที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งมีเรื่องราวแหล่งกำเนิดสินค้า (story) ที่ทำให้สินค้ามีความแตกต่าง จากสินค้าที่ผลิตจากแหล่งอื่นๆ มีความโดดเด่น มีศักยภาพ และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ สามารถสร้างมูลค่า และนำไปส่งเสริมให้เกษตรกร เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญา ท้องถิ่นในการพัฒนาการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิต ตลอดจนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถ พัฒนายกระดับเพื่อเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI : Geographical Indications) ต่อไป โดยกำหนดขอบเขตการดำเนินงานออกมา ใน 2 ลักษณะ คือ (1) เป็นการทำงานในภาพรวม มุ่งเน้นให้นักวิชาการ และเกษตรกร ได้ศึกษาเรียนรู้ สังเกต สำรวจ ข้อมูลในพื้นที่ร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นสินค้าอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ครอบคลุมทุกภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของไม้ผล ได้แก่ ภาคตะวันออก (9 จังหวัด) ภาคเหนือ (17 จังหวัด) และภาคใต้ (14 จังหวัด) รวม 40 จังหวัด (2) เป็นการทำงานแบบเฉพาะเจาะจง มุ่งเน้นให้นักวิชาการ และเกษตรกรได้ร่วมกันปฏิบัติงาน ให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยส่วนกลางได้พิจารณาคัดกรองพื้นที่ดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะได้
102 102 ดำเนินการส่งเสริมสินค้าเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ล้วนเป็นพื้นที่ที่มีฐานการผลิตพืชอัตลักษณ์ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นต้นแบบการขยายผลในอนาคตต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างอาชีพและรายได้จากสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นแก่เกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร 2. เพื่อส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและพัฒนาช่องทางการตลาด 3. เพื่อพัฒนาความรู้และเพิ่มศักยภาพกระบวนการทำงานในพื้นที่สำหรับการพัฒนาสินค้าไม้ผล ตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาที่เหมาะสมให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน แข่งขันทางการตลาดได้ 4. เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นสู่ผู้บริโภคให้มีความรู้ความเข้าใจถึงถิ่นกำเนิด เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยมาตรฐานการรับรอง GI เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 40 ราย ดำเนินการในพื้นที่ อำเภอบางคล้าอำเภอคลองเขื่อน อำเภอแปลงยาว อำเภอพนมสารคาม อำเภอสนามชัยเขต อำเภอท่าตะเกียบ และอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ งบประมาณ 167,000 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน) งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมส่งเสริมการเกษตร ระยะเวลาดำเนินการ เดือนพฤศจิกายน 2565 – เดือนกันยายน 2566 กิจกรรม และวิธีการดำเนินงาน 1. พัฒนาเกษตรกรผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์พื้นถิ่นที่เหมาะสมกับพื้นที่สู่มาตรฐานสร้างความเข้มแข็ง ขององค์กร 1.1จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์พื้นถิ่น วันที่ 23 ธันวาคม 2565 นายดนัย ปัญจพิทยากุล เป็นประธานในการเปิดการอบรมถ่ายทอด เทคโนโลยีการผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์พื้นถิ่น โครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น กิจกรรมส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น การบรรยายเรื่อง การป้องกันกำจัด แมลงศัตรูมะม่วงที่สำคัญ โดย นางสาวสุมลนาถ โสสุทธิ์ ตำแหน่ง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านการอารักขาพืช จังหวัดชลบุรีและการบรรยายเรื่อง การตรวจวิเคราะห์ดิน การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การปรับปรุงบำรุง และการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดย นายองอาจ นักฟ้อน เจ้าพนักงานการเกษตรอาวุโส สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางคล้า ตำบลสาวชะโงก อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
103 103
104 104 1.2 จัดทำแปลงเรียนรู้การผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ที่ได้มาตรฐาน สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา คัดเลือกพื้นที่ที่จะจัดทำแปลงเรียนรู้การผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ ที่ได้มาตรฐาน (Precision Farm) จำนวน 1 แปลง ตั้งอยู่ที่ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา คือ การคัดเลือกเกษตรกรแปลงเรียนรู้อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา 1. ข้อมูลบุคคล ชื่อเจ้าของสวน นายบัญชา แก้วรัมย์ ที่ตั้งแปลง เลขที่ 66/1 หมู่ที่ 14 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
105 105 2. ข้อมูลแปลงเรียนรู้การผลิตไม้ผลสู่มาตรฐาน (มะม่วง) 2.1 ที่มา เริ่มสนใจทำสวนมะม่วงอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2549 เมื่อปรับเปลี่ยนการทำนามาปลูกมะม่วง ก็ได้เริ่ม ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากแหล่งความรู้อื่นๆ ตั้งแต่การปรับปรุงบำรุงดิน จนถึง กระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อความแม่นยำและให้ “รู้จริง” ในการผลิตมะม่วงให้ได้คุณภาพเพื่อการส่งออก จึงได้เข้าร่วมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตมะม่วงส่งออก อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้สะสมประสบการณ์จนกระทั่งเป็นเกษตรกร แนวหน้าของวงการ เป็นผู้ให้การสนับสนุนกับนักวิชาการเพื่อทำการทดลองและเป็นแปลงต้นแบบในการผลิต มะม่วงเพื่อส่งออก ให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตามความต้องการของตลาด อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐาน การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี GAP (Good Agricultural Practice) 2.2 ประเด็นองค์ความรู้ที่ (ที่อยากให้มี) เพื่อการเรียนรู้ภายในแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต - การผลิตมะม่วงให้ได้คุณภาพ - การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) - แปลงรวบรวมสายพันธุ์/แปลงสาธิตเทคนิคการเพิ่มผลผลิตโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ - การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร (นำผลผลิตที่ตกเกรดมาแปรรูป) 2.3 สภาพปัญหา/อุปสรรค 1) ศัตรูพืช - เพลี้ยไฟ : เข้าทำลายมะม่วงระยะติดผลอ่อน จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากดอกและผลอ่อน ทำให้ ผิวของผลมะม่วงมีรอยแผลไม่สวยงาม เป็นปัญหาต่อการส่งออก - เพลี้ยแป้ง: เข้าทำลายมะม่วงระยะผลแก่ ส่วนต่างๆ ของมะม่วงที่ถูกทำลายจะแคระแกร็น ชะงักการเจริญเติบโต นอกจากนี้เพลี้ยแป้งจะขับน้ำหวานออกมาเป็นเหตุให้เกิดราดำเข้าทำลายซ้ำ 2) สภาพอากาศที่แปรปรวน - ฝนตกชุกในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้ดอกไม่ติด ส่งผลให้ผลผลิตไม่ออกในช่วงที่มะม่วง มีราคาสูง 3) ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น - ต้นทุนค่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช - ต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี - ต้นทุนค่าแรงงาน 2.4 แนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะ 1) ศัตรูพืช - เพลี้ยไฟ : กำจัดด้วยยาป้องกันเฉพาะกลุ่ม เช่น สไปนีโทแรม อัตรา 200 ซีซี/น้ำ 1,000 ลิตร ฉีด 3-4 ครั้ง - เพลี้ยแป้ง : พ่นยากำจัดโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โปรคลอราซ หรืออะซ็อกซี่สะโตบิล และป้องกันกำจัดแมลงโดยเฉพาะ เพลี้ยแป้ง เช่น มาลาไธออน และจะต้องฉีดพ่นก่อนห่อผล 1 วัน 2.5 ปัจจัยการผลิตและวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร คือถุงห่อผลมะม่วง สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา สนับสนุนป้าย จำนวน 4 ป้าย และถุงห่อผล ดังนี้
106 106 1. ป้ายแปลงเรียนรู้ ขนาด 1x1.5 เมตร จำนวน 1 ป้าย 2. ป้ายความรู้ จำนวน 2 ป้าย เรื่อง GAP พืชอาหาร และ เทคนิคการเพิ่มผลผลิตมะม่วงส่งออก 3. ป้ายผังแปลงมะม่วง จำนวน 1 ป้าย 4. ถุงห่อผลมะม่วง จำนวน 28,936 ใบ
107 107 1.3 พัฒนาสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์สู่กระบวนการรับรองสินค้า GI และตรวจสอบย้อนกลับได้ สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดทำกล่องบรรจุภัณฑ์มะม่วงขนาดบรรจุ 8 ผล จำนวน 500 ชุด 2 พัฒนาการสร้างมูลค่าเพิ่ม การตลาด การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่สินค้าไม้ผลอัตลักษณ์คุณภาพดี สู่ผู้บริโภค 2.1 พัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลไม้อัตลักษณ์สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดทำบรรจุภัณฑ์ ที่คำนึงถึงความทนทานในการขนส่ง การเก็บรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพดี สามารถสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ ขนาดบรรจุ 8 ผล จำนวน 500 ชุด
108 108 2.2 พัฒนาจุดรวบรวมและการจัดชั้นคุณภาพไม้ผลอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราสนับสนุนวัสดุเพื่อให้เกิดจุดรวบรวม เพื่อใช้เป็นศูนย์กลาง ในแหล่งผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์ในพื้นที่เพื่อรวบรวมผลผลิตของสมาชิกและคัดคุณภาพผลผลิต เพื่อการจำหน่ายออกนอกแหล่งผลิต ณ วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ดังนี้ 1. ป้ายจุดรวบรวมและการจัดชั้นคุณภาพไม้ผล ขนาด 1x1.5 เมตร จำนวน 1 ป้าย 2. ตะกร้าพลาสติกหูเหล็ก จำนวน 133 ใบ
109 109 3. บริหารจัดการโครงการ สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดซื้อวัสดุสำนักงาน เพื่อใช้ในการสรุปผลการดำเนินงาน ของกิจกรรมโครงการ ผลผลิต ผลลัพธ์ ตัวชี้วัด ผลผลิต เกษตรกรผู้ผลิตไม้ผล จำนวน 40 ราย ได้รับความรู้ในการพัฒนาการผลิต การตลาด การบริหาร จัดการกลุ่มในการพัฒนาไม้ผลอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นของพื้นที่ภาคตะวันออก ผลลัพธ์ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้วางแผนการผลิต และการตลาด เพื่อพัฒนาการผลิตสินค้าไม้ผลอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นของภาคตะวันออก ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และเพิ่มมูลค่าสู่การรองรับ GI ในอนาคตร้อยละ 60 ตัวชี้วัด เชิงปริมาณ : เกษตรกร จำนวน 40 ราย ได้รับความรู้ในการพัฒนาการผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ คุณภาพ โดยมีการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตไม้ผลที่เหมาะสมกับศักยภาพตามอัตลักษณ์และ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ของพื้นที่ของภาคตะวันออก และสร้างมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 เชิงคุณภาพ : มีสินค้าไม้ผลที่มีอัตลักษณ์และเหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ของภาคตะวันออก สามารถเพิ่มมูลค่าด้วยมาตรฐานการรับรองสินค้า GI ผลที่คาดว่าจะได้รับ เชิงคุณภาพ เกิดประโยชน์ใน 3 มิติการพัฒนา 1. คน : เกษตรกรมีองค์ความรู้ในแบบเฉพาะ เข้าใจการพัฒนาสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นอย่างเป็น มืออาชีพ 2. พื้นที่ : แหล่งผลิตได้รับการเข้าถึงการพัฒนา มีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ผสมผสานและ อนุรักษณ์เรื่องราวพื้นถิ่นไว้อย่างงดงาม 3 สินค้า : ไม้ผลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ เกษตรกรและแหล่งผลิต
110 110 เชิงปริมาณ เกิดประโยชน์ใน 3 มิติการพัฒนา 1. คน : เกษตรกร 40 ราย มีองค์ความรู้ในแบบเฉพาะ เข้าใจการพัฒนาสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น อย่างเป็นมืออาชีพ 2. พื้นที่ : แหล่งผลิตของจังหวัดฉะเชิงเทราได้รับการเข้าถึงการพัฒนา มีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ผสมผสานและอนุรักษ์เรื่องราวพื้นถิ่นไว้อย่างงดงาม 3. สินค้า : ไม้ผลไม่น้อยกว่า 1 ชนิด ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์เกิดการสร้าง มูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกรและแหล่งผลิต
111 14. โครงการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร กิจกรรมขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร หลักการและเหตุผล กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรในกลุ่มผู้ปลูกพืช ทำไร่นาสวนผสม ทำนาเกลือ และเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ จากเกษตรกรที่ทำการเกษตรในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์และ ไม่มีเอกสารสิทธิ์เพื่อต้องการทราบสถานการณ์การเพาะปลูกของเกษตรกร ประมาณการผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด ในช่วงเวลาต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยเกษตรกรจะต้องเป็นผู้แจ้งขึ้นทะเบียนเมื่อทำการเพาะปลูกแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตร ได้นำเครื่องมือ และเทคโนโลยีมาปรับปรุงวิธีการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุง ทะเบียนเกษตรกร และการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ - ตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง - ตรวจสอบรูปขอบแปลงที่ดินกับฐานข้อมูลการถือครองที่ดินของกรมที่ดิน - นำเครื่องจับพิกัดภูมิศาสตร์ GPS มาใช้ในการจัดเก็บพิกัดที่ตั้งแปลง วัดขนาดพื้นที่ - วาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล โดยใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมค้นหาพิกัดและโปรแกรม GISagro - ประยุกต์ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Qgis และใช้แผนที่ Google Map ในการค้นหาพิกัดและวาดผังแปลง เกษตรกรรมดิจิทัล - พัฒนา Mobile Application ชื่อ FARMBOOK ซึ่งเป็นสมุดทะเบียนเกษตรกรดิจิทัลที่ใช้แทน สมุดทะเบียนเกษตรกร โดยเกษตรกรทุกคนสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และไอโอเอส (iOS) - พัฒนาระบบการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรออนไลน์ ผ่าน e-Form ที่เว็บไซต์ ทะเบียนเกษตรกร (farmer.doae.go.th) โดยเริ่มใช้งานในปี 2565 การขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผ่าน Mobile Application และ e-Form ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถแจ้งข้อมูลได้ด้วยตนเอง ผ่านสมาร์ทโฟน เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต (Tablet) หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานเกษตรอำเภอ และสามารถ ตรวจสอบความถูกต้องและความเป็นปัจจุบันของข้อมูลตามที่ให้ข้อมูลไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อสิทธิประโยชน์และการเข้าร่วมโครงการต่างๆ และใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนความเป็นเกษตรกร ในรูปแบบดิจิทัลรวมทั้งยังเป็นช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านการเกษตรจากภาครัฐ และการตรวจสอบ สิทธิเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือในกรณีประสบภัยพิบัติ หรือตามมาตรการแก้ปัญหาอื่นๆ ของภาครัฐ ในการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่เกษตรกรแจ้ง โดยการ ตรวจสอบทางสังคม เจ้าหน้าที่จะจัดพิมพ์ข้อมูลที่เกษตรกรแจ้งไปติดประกาศข้อมูลของเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกร ในหมู่บ้าน/ชุมชนนั้นตรวจสอบ โดยเกษตรกรต้องลงนามเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องข้อมูลของตนเอง มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ผ่านการตรวจสอบ หรือสามารถคัดค้าน หากข้อมูลของตนเองหรือเกษตรกรรายอื่นไม่ถูกต้อง และการตรวจสอบพื้นที่ปลูกโดยการจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล (วาดแปลง) การจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลอื่นๆ ได้อีก เช่น นำผังแปลงมาซ้อนทับกับข้อมูลภาพดาวเทียมในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติ เพื่อวิเคราะห์แปลงที่ได้รับผลกระทบ เป็นข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช และโครงการประกันภัยพืชผล รวมทั้ง สามารถนำไปซ้อนทับกับชั้นข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของแปลงนั้นๆ เช่น ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช เขตชลประทาน ชั้นคุณภาพน้ำบาดาล พื้นที่ต้นน้ำ รวมถึงการวิเคราะห์
112 112 สถานที่ตั้งของแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดนโยบายต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการ ด้านการตลาด เมื่อเกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียน ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร และจัดทำผังแปลงดิจิทัลแล้ว จะนำข้อมูล ที่ผ่านการตรวจสอบและประมวลผลมาจัดพิมพ์ลงในสมุดทะเบียนเกษตรกรเพื่อยืนยันตัวตนเกษตรกร และใช้ประกอบในการเข้าร่วมโครงการหรือมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ดังนั้น การแจ้งขึ้นทะเบียนและ ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรเป็นประจำทุกปี ข้อมูลจะมีความครบถ้วน เป็นปัจจุบันทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้ภาครัฐสามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสมและจัดทำโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกด้วย ดังจะเห็นได้ จากการที่หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการ เพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมา เช่น - การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช - โครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ - โครงการส่งเสริมปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรัง - โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี - โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว - โครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย - โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว - โครงการประกันรายได้ พืชเศรษฐกิจ (ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ในปี 2566 กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานขึ้นทะเบียนและปรับปรุง ทะเบียนเกษตรกร โดยการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลการปรับปรุงกิจกรรมการเกษตรตามข้อเท็จจริงด้วย ตนเองผ่าน Mobile Application และ e-Form เพื่อความสะดวกของเกษตรกร และยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้ง บริหารจัดการและบำรุงรักษาฐานข้อมูลหลัก และระบบที่เกี่ยวข้อง สำหรับ ให้บริการบันทึกข้อมูลและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้ทะเบียนเกษตรกรมีข้อมูลที่ครบถ้วน นำไปสู่ การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตรจัดทำสารสนเทศด้านการเกษตรในภาพรวมของประเทศ สามารถนำไปเผยแพร่บูรณาการใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นข้อมูลประกอบโครงการและ มาตรการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด วัตถุประสงค์ 1. เพื่อปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้มีความครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน 2. เพื่อจัดเก็บข้อมูลผังแปลงเพาะปลูกของเกษตรกร ให้มีความครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน กิจกรรมขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร 1. ปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน 1.1 การจัดเก็บและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เป้าหมาย : เกษตรกร จำนวน 43,000 ครัวเรือน สถานที่ดำเนินการ : 11 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 14,190 บาท
113 113 1.2 ค่าอินเตอร์เน็ตสำหรับใช้กับ Tablet ในการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรและวาดแปลง เป้าหมาย : แปลงเกษตรกร จำนวน 11,000 แปลง สถานที่ดำเนินการ : 11 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 219,600 บาท ผลการดำเนินงาน 1. การจัดเก็บและปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน จังหวัดฉะเชิงเทรามีเป้าหมายในการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร จำนวน 43,000 ครัวเรือน ซึ่งผล การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ตัดยอดข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566) มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 42,801 ครัวเรือน คิดเป็น 99.54 % รายละเอียดแสดงในตาราง จังหวัด/อำเภอ เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน คงเหลือ ร้อยละ (ครัวเรือน) (ครัวเรือน) (ครัวเรือน) (%) จังหวัดฉะเชิงเทรา 43,000 42,801 199 99.54 อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา 6,300 6,083 217 96.56 อำเภอบางคล้า 2,800 2,815 -15 100.54 อำเภอบางน้ำเปรี้ยว 8,400 8,663 -263 103.13 อำเภอบางปะกง 1,500 1,674 -174 111.60 อำเภอบ้านโพธิ์ 1,500 1,525 -25 101.67 อำเภอพนมสารคาม 4,900 4,951 -51 101.04 อำเภอราชสาส์น 1,700 1,609 91 94.65 อำเภอสนามชัยเขต 6,300 6,176 124 98.03 อำเภอแปลงยาว 2,500 2,466 34 98.64 อำเภอท่าตะเกียบ 5,200 5,075 125 97.60 อำเภอคลองเขื่อน 1,900 1,764 136 92.84 2. ผลการวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล จังหวัดฉะเชิงเทรามีเป้าหมายในการวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล จำนวน 11,000 แปลง ซึ่งผล การดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ตัดยอดข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2566) มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 11,627 แปลง คิดเป็น 105.70 % รายละเอียดแสดงในตาราง จังหวัด/อำเภอ เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน คงเหลือ ร้อยละ (แปลง) (แปลง) (แปลง (%) จังหวัดฉะเชิงเทรา 11,000 11,627 -627 105.70 อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา 1,895 1,896 -1 100.05 อำเภอบางคล้า 453 504 -51 111.19 อำเภอบางน้ำเปรี้ยว 3,083 3,200 -117 103.79 อำเภอบางปะกง 119 138 -19 115.94
114 114 จังหวัด/อำเภอ เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน คงเหลือ ร้อยละ (แปลง) (แปลง) (แปลง (%) อำเภอบ้านโพธิ์ 300 328 -28 109.39 อำเภอพนมสารคาม 1,286 1,321 -35 102.74 อำเภอราชสาส์น 288 402 -114 139.53 อำเภอสนามชัยเขต 1,093 1,241 -148 113.59 อำเภอแปลงยาว 382 382 - 100.00 อำเภอท่าตะเกียบ 1,353 1,426 -73 105.41 อำเภอคลองเขื่อน 748 789 -41 105.47 ผลลัพธ์ - มีข้อมูลประกอบการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 จำนวน 26,302 ครัวเรือน จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวทั้งหมด 26,308 ครัวเรือน คิดเป็น 99.98 % - มีข้อมูลประกอบการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิต เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 จำนวน 26,308 ครัวเรือน จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ทั้งหมด 26,308 ครัวเรือน คิดเป็น 100 % ปัญหา/อุปสรรค 1. เกษตรกรทำการเพาะปลูกช้ากว่าปกติทำให้ไม่สามารถปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรได้ตาม เป้าหมาย 2. เงินงบประมาณมาไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาในการทำสัญญาจ้างเหมาสัญญาณอินเตอร์เน็ตทำให้ไม่ สามารถจ้างได้ ส่งผลให้ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตใช้ในบางเดือน
115 15. โครงการส่งเสริมการจัดตั้งและบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น กิจกรรมส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนต้นแบบในการพัฒนาสินค้าและบริการจากฐานชีวภาพ หลักการและเหตุผล การส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมของชุมชนที่มีการนำวัตถุดิบ ทรัพยากร หรือภูมิปัญญาของชุมชนมาใช้ ให้เหมาะสมกับกิจการวิสาหกิจชุมชนและสภาพท้องถิ่นนั้นๆ โดยหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่ส่งเสริมกิจการของชุมชนและสนับสนุนความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย เทคโนโลยีและนวัตกรรม คุณภาพมาตรฐานการผลิต และผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการธุรกิจ และการแข่งขัน ทางการตลาด เพื่อให้กิจการของชุมชนมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ การประกอ บกิจการชุมชน ในปัจจุบันมีความท้าทายมากยิ่งขึ้นตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ การปรับตัวของวิสาหกิจ ชุมชนในการผลิตสินค้าและการนำภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน มาพัฒนา (development) ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อให้ชุมชนมีโอกาสในการสร้างกิจกรรมที่หลากหลาย ดำเนินกิจกรรมที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริม การสร้างมูลค่าเพิ่มจากเกษตรชีวภาพ ซึ่งครอบคลุมการทำเกษตรที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เกษตรชีวภาพ ปลอดสารพิษและเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพในการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ด้วยกระบวนการทางชีวภาพ เพื่อนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น สัมพันธ์กับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทย่อยเกษตรชีวภาพ ในเป้าหมายวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นมีการจัดตั้ง ในทุกตำบลเพิ่มขึ้น การส่งเสริมกิจการของชุมชนในการพัฒนาสินค้าและบริการจากฐานชีวภาพที่สอดคล้อง กับ BCG Model (การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม) จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนในการแปรรูป สินค้าเกษตรและบริการจากทรัพยากรที่อยู่ในท้องถิ่น อาทิ ด้านพืช และเกลือทะเล เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนา ศักยภาพของชุมชนในด้านการบริหารจัดการ การวางแผน และดำเนินการกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการยกระดับชุมชนให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรที่เป็นระบบ และมีความถูกต้องตามหลักวิชาการ สร้างความตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมจัดตั้งวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน 2. เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารจัดการ การผลิต การตลาด ให้เหมาะสมตามศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตสินค้าและบริการจากฐานชีวภาพ 3. ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการจากฐานชีวภาพ และพัฒนาช่องทางการตลาด กิจกรรมส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนต้นแบบในการพัฒนาสินค้าและบริการจากฐานชีวภาพ เป้าหมาย : เกษตรกร 15 ราย สถานที่ดำเนินการ : อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ : 112,250 บาท
116 116 กิจกรรมที่ 1 สำรวจข้อมูลแหล่งทรัพยากรวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านพืชและ เกลือทะเลไทย วิธีการดำเนินการ สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอ ร่วมดำเนินการสำรวจการประกอบกิจการ ของวิสาหกิจที่มีการผลิต/แปรรูปสินค้าจากทรัพยากรด้านพืช และการผลิตเกลือทะเลที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า โดยจะต้องมีผลการประเมินศักยภาพวิสาหกิจชุมชนอยู่ในระดับดี และผู้ประกอบการมีศักยภาพในการพัฒนา กิจการเพื่อเข้าสู่การแข่งขันที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างสินค้ามูลค่าสูงได้ โดยการลงพื้นที่และ จัดเก็บข้อมูลสินค้าและทรัพยากรด้านพืชของวิสาหกิจชุมชนตามแบบการสำรวจข้อมูลจัดลำดับวิสาหกิจชุมชน ที่จะเข้าร่วมและจัดทำแบบรายงานผลการสำรวจข้อมูล ผลการดำเนินงาน แบบจัดเก็บข้อมูลวิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ด้านเกลือทะเล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จังหวัดฉะเชิงเทรา วิสาหกิจชุมชนนาเกลือ กิจกรรมที่ 2 ส่งเสริมวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านเกลือทะเล กิจกรรมที่ 2.1 พัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนเกลือทะเล 2.1.1 พัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยว (1) จัดเวทีวิเคราะห์ศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยว สำนักงานเกษตรอำเภอ ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัด จัดเก็บข้อมูล กลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้านเกลือทะเลและปรับปรุงข้อมูลกิจกรรมให้เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งจัดเวทีวิเคราะห์ คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว แปลงเกษตรกรที่จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาและ ขั้นตอนการทำนาเกลือ และดำเนินการจัดเวทีวิเคราะห์ศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อให้ เกษตรกรผู้ทำนาเกลือทะเลได้รวมกลุ่มและนำไปปรับปรุงและพัฒนาแหล่งผลิตเกลือทะเลให้เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรและชุมชน โดยมีเนื้อหาในการจัดการภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ จากเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยว พัฒนาความรู้ทางการตลาดท่องเที่ยวชุมชนอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย ต้นทาง คือ การวางแผนและการบริหาร กลางทาง คือ การพัฒนาการท่องเที่ยว และปลายทาง คือ การตลาด การท่องเที่ยว และการพัฒนาเอกลักษณ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยวชุมชน จำนวน 2 ครั้ง เกษตรกร จำนวน 10 ราย
117 117 ผลการดำเนินงานจัดเวทีครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ณ ศาลาประชาคม หมู่ 14 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 1. เกษตรกรผู้ทำนาเกลืออำเภอบางปะกง ได้ร่วมกันวิเคราะห์ศักยภาพ ชุมชนเกลือทะเล ทำให้ทราบจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนร่วมกัน 2. ผู้ร่วมเวทีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดจุดดูงาน/เรียนรู้ ภูมิปัญญาการทำนาเกลือของอำเภอ และทำแผนเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นในอำเภอ ภาพการดำเนินกิจกรรมการจัดเวทีวิเคราะห์ศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเลเพื่อการท่องเที่ยว
118 118 ปัญหาและอุปสรรค 1. เกษตรกรยังไม่มีความพร้อม และไม่ต้องการพัฒนาแหล่งผลิตเกลือทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยว 2. กลุ่มเกษตรกรยังขาดความเข้มแข็งในการดำเนินงานในลักษณะกลุ่ม แนวทางแก้ไข 1. สร้างการรับรู้แนวทางการพัฒนาแหล่งผลิตเกลือเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในลักษณะที่กลุ่มจะทำได้ 2. สร้างความเข้าใจวิธีการดำเนินการกลุ่มแก่เกษตรกร ทบทวน วัตถุประสงค์การจัดตั้งกลุ่ม ผลการดำเนินงานจัดเวทีครั้งที่ 2เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ณ ศาลาประชาคม หมู่ 14 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 1. เกษตรกรผู้ทำนาเกลืออำเภอบางปะกง ได้ร่วมกันวางแผนพัฒนาและ สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากเกลือทะเล 2. ผู้ร่วมเวทีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดรูปแบบของ ผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกลือทะเล ปัญหาและอุปสรรค 1. กลุ่มเกษตรกรยังขาดความเข้มแข็งในการดำเนินงานในลักษณะกลุ่ม 2. เกษตรกรไม่มีความพร้อมในการผลิตสินค้าแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เกษตรกรประสงค์จะผลิตเกลือขายในปริมาณครั้งละมากๆ แนวทางแก้ไข 1. สร้างความเข้าใจวิธีการดำเนินการกลุ่มแก่เกษตรกร ปรับบริบทการผลิต ตามความต้องการของกลุ่ม 2. ปรับรูปแบบการส่งเสริมการแปรรูปเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่าตามบริบท ความต้องการของกลุ่ม
119 119 (2) พัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเล และพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชน ด้านเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่า แผนการดำเนินงาน - จัดประชุมเพื่อเสนอความต้องการการพัฒนาศักยภาพ และพัฒนาสินค้า และผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนด้านเกลือทะเลของเกษตรกรบ้านคลองผีขุด (21 ก.พ. 66) - ประชุมสรุปความต้องการวัสดุ บรรจุภัณฑ์ และแนวทางการพัฒนา ศักยภาพของชุมชนให้เป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยว (24 พ.ค. 66) - สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเล และพัฒนาสินค้าและ ผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนด้านเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่าใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการพัฒนาอัตลักษณ์ ด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และด้านการพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ผลการดำเนินงาน จัดทำสติ๊กเกอร์เพื่อแสดงอัตลักษณ์ประจำกลุ่มภายใต้ตราสินค้ากงเกลือ ซึ่งสื่อถึง เกลือของอำเภอบางปะกงที่เป็นนาเกลือแห่งเดียวของจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดซื้อบรรจุภัณฑ์สนับสนุน การดำเนินกิจกรรมเพิ่มมูลค่าดอกเกลือตามความต้องการของเกษตรกร และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว รายละเอียดดังนี้ 1) พัฒนาสติ๊กเกอร์ เพื่อเป็นอัตตลักษณ์ประจำกลุ่มของเกษตรกรผู้ทำนาเกลือ บ้านคลองผีขุด หมู่ 14 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง เพื่อใช้สำหรับติดบรรจุภัณฑ์ดอกเกลือ เพื่อจำหน่าย ในนามของเกษตรกรผู้ทำนาเกลือบ้านคลองผีขุด อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 2) พัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มมูลค่าโดยพัฒนา บรรจุภัณฑ์ที่ตรงความต้องการของสมาชิก ประกอบด้วย - ขวดบรรจุเกลือสปา - กระปุกฝาเกลียวสำหรับบรรจุดอกเกลือ - ขวดบดเครื่องเทศสำหรับใส่ดอกเกลือ - ถุงซิบล็อคขยายก้นขนาด 500 กรัม และ 1 กิโลกรัม - กระสอบบรรจุดอกเกลือขนาด 15 และ 30 กิโลกรัม 3) สนับสนุนวัสดุการเกษตรเพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อรองรับการท่องเที่ยว โดยสนับสนุนจุดเรียนรู้การผลิตดอกเกลือนอกฤดูกาลให้ได้ดอกเกลือที่สะอาดและมีมาตรฐานเพื่อรองรับ การท่องเที่ยว
120 120 ภาพการดำเนินกิจกรรมพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเล และพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจ ชุมชนด้านเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่า ปัญหาและอุปสรรค 1. เกษตรกรต้องการขายเกลือล็อตใหญ่ได้รับเงินเป็นก้อน จึงไม่ค่อยสนใจในการ ขายเป็นผลิตภัณฑ์ 2. วัสดุที่เกษตรกรต้องการไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ จึงต้องใช้เวลา ในการตรวจสอบและจัดทำรายละเอียดให้มีความถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และระเบียบ การจัดซื้อจัดจ้าง แนวทางแก้ไข 1. ส่งเสริมให้เกษตรกรเห็นความสำคัญของการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สำหรับเป็น สินค้าขายให้แก่นักท่องเที่ยวเพื่อแสดงอัตลักษณ์ประจำถิ่น 2. จัดทำบรรจุภัณฑ์เกลือเป็นตัวอย่างในการเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรได้เห็นภาพของ ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ชัดเจนขึ้น 3. ปรับแก้ไขรายละเอียดของรายการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ โครงการตามคำแนะนำของฝ่ายบริหารทั่วไป เพื่อความคุ้มค่าของงบประมาณและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเกลือทะเลและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนด้านเกลือทะเล เพื่อเพิ่มมูลค่า
121 121 กิจกรรมที่ 2.2 อบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมอาชีพนอกฤดูการผลิตเกลือ แผนการดำเนินงาน จัดอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมอาชีพนอกฤดูการผลิตเกลือให้แก่เกษตรกรผู้ทำนาเกลือทะเล ด้านการเพาะเลี้ยงปูทะเลและการเลี้ยงสาหร่ายทะเล เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในช่วงนอกฤดู การผลิตเกลือ เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 15 ราย ผลการดำเนินงาน 1. เกษตรกรผู้ทำนาเกลืออำเภอบางปะกง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้พื้นที่ นาวังสำหรับเพาะเลี้ยงปูทะเล การเลี้ยงสาหร่ายทะเล หลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีเบื้องต้น การคัดเลือก พันธุ์ปูทะเล และวิธีเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลสำหรับการทำอาชีพนอกฤดูกาลทำนาเกลือ ภาพการดำเนินกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมอาชีพนอกฤดูการผลิตเกลือ
122 122 ปัญหาและอุปสรรค เกษตรกรสนใจแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพนอกฤดูทำนาเกลือ มากกว่าการสนใจความรู้ที่ทางเจ้าหน้าที่มาส่งเสริมให้ แนวทางแก้ไข ให้ความรู้เพิ่มเติมแก่เกษตรกร และหาแนวทางการดำเนินกิจกรรมส่งเสริม การเกษตรนอกฤดูของเกษตรกรร่วมกันเพื่อนำมาปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมของเจ้าหน้าที่ต่อไป กิจกรรมที่ 3 พัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการผลิตเกลือทะเล 3.1 ยกระดับภูมิปัญญาการผลิตเกลือทะเลให้เป็นไปตามมาตรฐานตลอดห่วงโซ่การผลิต แผนการดำเนินงาน ถ่ายทอดความรู้เพื่อยกระดับภูมิปัญญาการผลิตเกลือทะเลให้เป็นไป ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการทำนาเกลือทะเล และมาตรฐานการผลิตเกลือทะเล ธรรมชาติ รวมถึงด้านการตลาดและแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 15 ราย ผลการดำเนินงานจัดเวทีดังนี้ 1. เกษตรกรผู้ทำนาเกลืออำเภอบางปะกง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำนาเกลือ ทะเลให้ได้มาตรฐานมากขึ้น 2. ผู้ร่วมเวทีและเจ้าหน้าที่ร่วมเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการทำนาเกลือทะเลในอำเภอ บางปะกงเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐาน
123 123 ภาพการดำเนินกิจกรรมยกระดับภูมิปัญญาการผลิตเกลือทะเลให้เป็นไปตามมาตรฐานตลอดห่วงโซ่การผลิต ปัญหาและอุปสรรค 1. เกษตรกรไม่มีความพร้อมเข้าสู่กระบวนการทำนาเกลือทะเลให้ได้มาตรฐาน หรือการขอรับรอง มาตรฐาน เนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของมาตรฐานและพื้นที่ 2. พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่เช่าจึงไม่สามารถปรับรูปพื้นที่แปลงได้ แนวทางแก้ไข 1. สร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตและความเป็นไปได้ของการขอรับรองมาตรฐาน การทำนาเกลือทะเลและพัฒนาแปลงต้นแบบเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการผลิตเกลือทะเลให้เป็นไปตาม มาตรฐานการผลิตทางการเกษตรที่ดีให้แก่เกษตรกรที่มีความสนใจ ได้ศึกษาเรียนรู้ 3.2 สนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อพัฒนาแปลง GAP นาเกลือต้นแบบ คัดเลือกแปลงต้นแบบ 1 แปลง คือ แปลงของนายทศพร ซิ้มเจริญ ที่ตั้งแปลง หมู่ 14 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยสนับสนุนปัจจัยการผลิตสำหรับการพัฒนาแปลงนาเกลือ เพื่อขอรับรองมาตรฐาน GAP ดังนี้ 1) พลาสติกปูบ่อสีดำ ความหนา 200 ไมครอน ขนาด 3 x 20 เมตร จำนวน 1 ม้วน 2) มุ้งไนลอนฟ้า 20 ตา ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 30 หลา จำนวน 6 ม้วน 3) ผ้าใบ PE กันน้ำ ขนาด 5 x 6 เมตร จำนวน 4 ผืน 4) ไม้กระดาน ขนาดกว้าง 0.2 เมตร ยาว 6 เมตร จำนวน 15 แผ่น ผลสำเร็จของงาน ผลการประเมินการนำความรู้ไปปฏิบัติของเกษตรกร ปี 2566กิจกรรมส่งเสริมวิสาหกิจเกษตรฐานชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านเกลือทะเล กิจกรรมพัฒนาและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการผลิตเกลือทะเล ให้เป็นไปตามมาตรฐาน วันที่อบรม 2, 14 ธันวาคม 2565 และ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศาลาประชาคม หมู่ 14 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 15 ราย มีผลการประเมิน ดังนี้
124 124 การปฏิบัติของเกษตรกร 1. กิจกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเกลือทะเลเพื่อลดต้นทุนการผลิต ประเด็น ก่อนเข้าร่วมโครงการ หลังเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ 1. เกษตรกรมีการจดบันทึกต้นทุนการผลิต ปริมาณ ผลผลิต และรายได้จากการผลิตเกลือทะเล - 15 - 15 2. เกษตรกรผลิตเกลือทะเลที่มีคุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ และจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น - 15 - 15 3. เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ปัญหา อุปสรรค ในแต่ละพื้นที่ สร้างเครือข่ายร่วมกันแก้ไขปัญหา และ วางแผนพัฒนาการผลิต การตลาดเกลือทะเลที่ยั่งยืน - 15 1 14 2. กิจกรรมพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนเกลือทะเล และกลุ่มผู้ผลิตเกลือทะเล ประเด็น ก่อนเข้าร่วมโครงการ หลังเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ 1. กลุ่มผู้ผลิตเกลือทะเลมีการเตรียมความพร้อมและ พัฒนานาเกลือทะเล เพื่อให้สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้ - 15 12 3 2. กลุ่มผู้ผลิตเกลือทะเลมีการพัฒนาสินค้าจากเกลือ ทะเลและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้านั้น - 15 9 6 3. ผู้ผลิตเกลือทะเลมีอาชีพเสริมนอกฤดูการผลิตเกลือ ทั้งการต่อยอดการแปรรูปผลผลิตเกลือ และอาชีพเสริม อื่นๆ - 15 8 7 3. กิจกรรมพัฒนาและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการผลิตเกลือทะเลให้เป็นไปตามมาตรฐาน ประเด็น ก่อนเข้าร่วมโครงการ หลังเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ข้อกำหนดหลัก 1. สถานที่ทำนาเกลือทะเลมีความเหมาะสม ปลอดภัย ต่อการบริโภค ไม่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน - 15 15 - 2. การปฏิบัติต่อผลผลิตและการเก็บรักษา สามารถ ควบคุมการปนเปื้อนได้ มีการขนย้าย พัก และเก็บเกลือ ทะเลอย่างถูกต้อง สะอาด และเหมาะสม - 15 9 6 3. มีการตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำนา เกลืออย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีการทำความสะอาดและ บำรุงรักษาอย่างเหมาะสม - 15 2 13
125 125 ประเด็น ก่อนเข้าร่วมโครงการ หลังเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ ปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ 4. มีการป้องกันไม่ให้มีสัตว์เลี้ยง และสัตว์พาหะนำเชื้อ เข้ามาภายในบริเวณพื้นที่ทำนาเกลือ และพื้นที่เก็บ รักษาเกลือ - 15 1 14 5. ห้ามไม่ให้บุคลากรที่เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อ และผู้ไม่ รักษาความสะอาดร่างกายให้เหมาะสมเข้าไปในพื้นที่ทำ นาเกลือ - 15 1 14 ข้อกำหนดรอง 6. มีการนำน้ำทะเลในช่วงที่มีคุณภาพดีเข้ามาพักหรือ เก็บไว้ในวังขังน้ำ - 15 15 - 7. มีการป้องกันมูล ของเสีย และสิ่งปนเปื้อนอื่น ที่มา จากภายนอก - 15 11 4 8. ทำความสะอาดภาชนะ เครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องใช้ ในขั้นตอนการล้าง/โม่/บด (ถ้ามี) และการบรรจุอยู่ เสมอ - 15 1 14 9. มีการบันทึกข้อมูลในทุกขั้นตอนของการทำนาเกลือ - 15 1 14 4. สาเหตุที่เกษตรกรไม่นำความรู้ไปปฏิบัติเนื่องจาก 1. ความรู้วิชาการที่ได้รับการถ่ายทอดไม่ตรงกับความต้องการ 2. วิธีปฏิบัติยุ่งยาก 3. พื้นที่ไม่เหมาะสม 4. ขาดแคลนแรงงาน 5. ใช้เวลามาก/ไม่มีเวลาเนื่องจากติดภารกิจอื่น 6. ขาดวัสดุอุปกรณ์ 7. ใช้เงินลงทุนสูง 8. อื่นๆ (ระบุ) ไม่ต้องการส่งเสริมอาชีพนอกฤดูเพราะมีอาชีพรองอื่นอยู่แล้ว, เป็นผู้รับจ้างทำนาเกลือ 5. ผลที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ ประเด็น ผลที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ มี / ได้ ไม่มี / ไม่ได้ 1. เกษตรกรมีการพัฒนาการผลิตเกลือทะเลแบบลดต้นทุน และมี การวางแผนการผลิตและการตลาดเกลือทะเล - 15 2. เกษตรกรมีการพัฒนาการผลิตเกลือทะเลได้อย่างมีมาตรฐานและ คุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด 2 13 3. กลุ่มผู้ผลิตเกลือทะเลมีการวางแผนและพัฒนาศักยภาพแหล่ง ผลิตเกลือ สินค้า และผลิตภัณฑ์จากเกลือทะเล เพื่อให้เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวเกลือทะเลครบวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ 11 4
126 16. โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กิจกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่การเกษตรประมาณ 148 ล้านไร่ ซึ่งหลังจากฤดูการผลิตจะเกิดเศษวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปเกษตรกรเมื่อทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร หรือ ภายหลังเก็บเกี่ยวแล้ว มักจะเผาทำลายเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กล่าวคือ ในพื้นที่ทำนา ที่พบปัญหา มากในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ คือการเผาตอซังฟางข้าวเพื่อความสะดวก ในการไถเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกในรอบถัดไป ในพื้นที่ปลูกอ้อย ในพื้นที่ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีการเผาใบอ้อยก่อนการตัดอ้อย เพื่อความสะดวกของแรงงานในการตัดอ้อย หรือในกรณีหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย เกษตรกรก็จะทำการเผาใบอ้อยเพื่อความสะดวกในการไถเตรียมดินปลูกอ้อย ในรอบใหม่ และหากเป็นกรณีอ้อยตอ เกษตรกรจะเผาใบอ้อยเพื่อป้องกันไฟไม่ให้ไหม้ต้นอ้อยที่งอกขึ้นมาใหม่ และในพื้นที่ปลูกข้าวโพดทางภาคเหนือ มีการเผาเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่การเกษตรก่อนและหลังการ เพาะปลูก การเผาเศษวัสดุทางการเกษตรส่งผลให้เกิดปัญหาวิกฤติหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศ นอกจากจะทำให้เกิดมลพิษและหมอกควันทำลายชั้นบรรยากาศ ของโลกแล้ว ยังเป็นการทำลายอินทรียวัตถุ ธาตุอาหาร และโครงสร้างดิน ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตลดลง และมีต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้การเผาในพื้นที่การเกษตร หากทำการเผา จนเกิดอันตราย มีความผิดตามกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ รวมทั้งมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ของประชาชนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว สูญเสียทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมมือ เพื่อการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดปัญหาการเกิดวิกฤติหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก การทำลายอินทรียวัตถุ ธาตุอาหาร และโครงสร้างดิน ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ผลผลิตลดลง และมีต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยการบริหารจัดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในสภาพปัญหาที่เกิดจากการเผา เสนอทางเลือกในการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ จากภาคการเกษตร และเสนอแนวทางการบริหารจัดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสร้างให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของเกษตรกรให้ตระหนักถึงผลเสียจากการเผา และมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีการเกษตรทดแทนการเผามาบริหารจัดการสร้างมูลค่าเพิ่ม จากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการนำเศษวัสดุการเกษตรมาใช้ประโยชน์ สามารถ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ 2. เพื่อลดการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุการเกษตรไปเป็นพลังงาน ชีวมวล ลดปัญหาหมอกควัน และสร้างสมดุลระบบนิเวศ ในชุมชน 3. เพื่อเสริมสร้างให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของเกษตรกร
127 127
128 128 เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 40 ราย 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 5. แปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย งบประมาณ : 30,000 บาท ผลการดำเนินงาน สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอดำเนินงานเตรียมข้อมูลด้านพื้นที่ ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ ข้อมูลกายภาพ ชีวภาพ ภัยธรรมชาติ แหล่งน้ำ สาธารณูปโภค เส้นทางคมนาคม ด้านคน ได้แก่ เกษตรกร YSF SF อกม. องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าเกษตร แปลงใหญ่ กลุ่มแม่บ้าน การเมืองการปกครอง สภาพสังคมครัวเรือน เกษตรกร ประเพณี วัฒนธรรม สภาพความเป็นอยู่ วิถีชีวิต อาชีพหลัก อาชีพรอง อาชีพเสริม ด้านสินค้า สินค้า การเกษตรหลัก การใช้เทคโนโลยีในการผลิต การใช้แรงงานในการผลิต ตลาดทั้งในชุมชน นอกชุมชน ปริมาณ เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร จัดเวทีชุมชน ครั้งที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์และศักยภาพชุมชน เพื่อกำหนดแนวทางการจัดการ เพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เหมาะสมตามบริบทของชุมชน และวางแผนการดำเนินการ วิเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์ปัจจุบัน ศักยภาพ จุดเด่น ปัญหา ความรู้ที่ต้องการ โดยสร้างความรู้ความเข้าใจ ถึงผลดีของการเพิ่มมูลค่าผลผลิตหรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร สามารถลดต้นทุน ลดปัญหาหมอกควัน และสร้างสมดุลระบบนิเวศ ในชุมชนด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง เสริมสร้าง การเรียนรู้และจิตสำนึก วิเคราะห์สถานการณ์ของพื้นที่โดยนำข้อมูลการใช้ประโยชน์พื้นที่ ข้อมูลการผลิต ของครัวเรือน ข้อมูลจากแผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล ข้อมูลทะเบียนเกษตรกร มาใช้วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อประเมินสภาพปัจจุบัน คันหาศักยภาพ ปัญหาต่างๆ โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมเวทีเป็นผู้ร่วมกัน วิเคราะห์ และทวนสอบความถูกต้องของข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่ กลุ่มเครือข่าย พัฒนาแนวทางแบบองค์รวม และชุมชนร่วมกันกำหนดเป้าหมายของตัวเอง โดยชุมชนเป็นคนคิด และคนทำ เพื่อให้เกษตรกรได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการพัฒนาการเกษตรของชุมชนตนเอง และจัดทำ แผนพัฒนาการเกษตรของชุมชน
129 129 กิจกรรมที่2 สนับสนุนปัจจัยการผลิตตามแนวทางการดำเนินงานที่กำหนด ครั้งที่ 1 เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 40 ราย 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 5. แปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย งบประมาณ : 25,000 บาท ผลการดำเนินงาน สนับสนุนปัจจัยการผลิตตามแนวทางการดำเนินงานที่กำหนด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตร พร้อมเอกสารความรู้ โดยกิจกรรมตามแผนพัฒนาของกลุ่ม ดังนี้ 1. การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า ได้รับความอนุเคราะห์จากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดฉะเชิงเทราให้กับกลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต
130 130 แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว)แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และแปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา 2. การทำกระถางจากฟางข้าว ได้รับความอนุเคราะห์จาก ผศ.ดร.สถาพร ดียิ่ง สาขาวิชา เทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ในการถ่ายทอด ความรู้ให้กับเกษตรกรเป้าหมาย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา กิจกรรมที่ 3 สนับสนุนปัจจัยการผลิตตามแนวทางการดำเนินงานที่กำหนด ครั้งที่ 2 เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 40 ราย 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 5. แปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย งบประมาณ : 14,000 บาท
131 131 ผลการดำเนินงาน สนับสนุนปัจจัย วัสดุ ต่อยอดหรือขยายผลกิจกรรมของกลุ่ม โดยกลุ่มเกษตรกรทบทวนวิธีการสร้าง มูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ตามที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากการสนับสนุนปัจจัยการผลิตครั้งที่ 1 ภายในกลุ่ม และได้รับความอนุเคราะห์จากเกษตรกรผู้นำในพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ในส่วนที่ต่อยอดเพิ่มเติม ดังนี้ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา สนับสนุนปัจจัยการผลิตเห็ดฟางในตะกร้า และเห็ดฟางกองเตี้ย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา สนับสนุนปัจจัยการทำกระถางจากฟางข้าว 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา สนับสนุนวัสดุในการผลิตเห็ดฟางในตะกร้า และวัสดุในการทำปุ๋ยหมัก 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และแปลงใหญ่ข้าวตำบล บางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา สนับสนุนวัสดุสำหรับทำปุ๋ยหมัก กิจกรรมที่ 4 จัดเวทีชุมชน ครั้งที่ 2 สรุปบทเรียนและคืนข้อมูลสู่ชุมชน เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 40 ราย 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 5. แปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย งบประมาณ : 30,000 บาท ผลการดำเนินงาน สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอ จัดเวทีชุมชน ครั้งที่ 2 สรุปบทเรียนและคืนข้อมูลสู่ชุมชน โดยถอดบทเรียนผลการดำเนินกิจกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้
132 132 ทางการเกษตร ประเมินผลการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตรและวางแผนพัฒนากลุ่มเครือข่าย กิจกรรมที่ 5 ติดตาม นิเทศ สรุป ประเมินผล และจัดทำรายงาน เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1. ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต หมู่ที่ 8 ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอ เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 2. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหมอนทอง ตำบลหมอนทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และเกษตรกรในพื้นที่ จำนวน 40 ราย 3. แปลงใหญ่ข้าว (ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวตำบลหนองบัว) อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 4. แปลงใหญ่ข้าวตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย 5. แปลงใหญ่ข้าวตำบลบางคา อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 40 ราย งบประมาณ : 1,400 บาท ผลการดำเนินงาน สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา ติดตามผลการดำเนินงานโครงการในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2566
133 133 ผลผลิต/ผลลัพธ์ ผลผลิต 1) เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการเสริมสร้างความรู้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 200 ราย ผลลัพธ์ 1) เกษตรกรที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำ ความรู้ไปประยุกต์ใช้จัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ของตนเองได้ ปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ปัญหา/อุปสรรค 1) เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการยังขาดความชำนาญในการดำเนินกิจกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตร ทำให้การดำเนินงานไม่ต่อเนื่อง 2) สภาพพื้นที่ของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการเป็นพื้นที่ชลประทานสามารถทำนาได้มากกว่า 1 ครั้ง/ปี ทำให้การทำนาเป็นอาชีพหลัก เกษตรกรส่วนใหญ่จึงยังใช้วิธีการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อความ สะดวกและลดต้นทุนในการปรับพื้นที่นาข้าว ข้อเสนอแนะ 1) เจ้าหน้าที่ควรติดตามให้คำแนะนำ และทบทวนผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าที่เกิดขึ้นจาก กิจกรรม เพื่อปรับให้เหมาะสมกับบริบทของเกษตรกร และตลาดรับซื้อ ให้สามารถนำวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตรมาใช้ได้อย่างเหมาะสม 2) ควรหาวิธีและสนับสนุนกิจกรรมแปลงต้นแบบในการกำจัด หรือนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ที่เหมาะสมมาใช้ในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรเห็นถึงประโยชน์ และสามารถศึกษาการดำเนินงานได้จากตัวอย่างจริง
134 17. โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพและปริมณฑลได้ประสบปัญหาหมอกควันปกคลุมและเกิดมลพิษทางอากาศเป็นประจำทุกปี โดยมี สาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งการเผาดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อ สุขภาพอนามัยของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อการทำอาชีพ การเกษตรโดยตรง กล่าวคือ ทำให้ดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผลผลิตที่ได้รับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร และ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ที่มีเป้าหมายในการ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และนำเสนอทางเลือกในการใช้ เทคโนโลยีการเกษตรทดแทนการเผา สร้างการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผา รวมทั้งสร้างต้นแบบในการทำการเกษตรปลอดการผาเพื่อสนับสนุนการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรในระยะ ต่อไป วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนเกษตรเพื่อข้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตร เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ 1) อบรมเกษตรกร จำนวน 270 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 30 ราย อำเภอบางคล้า จำนวน 60 ราย อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 60 ราย อำเภอพนมสารคาม จำนวน 60 ราย อำเภอสนามชัยเขตจำนวน 60 ราย 2) สร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผาเพื่อสร้างกลไกในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผา ในพื้นที่การเกษตร รวม 5 เครือข่าย งบประมาณ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กิจกรรม ถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร พื้นที่นำร่องกลุ่มเดิม เครือข่ายละ 30 ราย เป้าหมาย เกษตรกรอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ผลลัพธ์/ผลสำเร็จของงาน ดำเนินการถ่ายทอดความรู้ จำนวน 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ณ ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ตำบลบางเตย หมู่ 13 ตำบลบางเตย อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ดังนี้ - สาธิตพร้อมฝึกปฏิบัติการเพาะเห็ดฟางในตะกร้า โดยเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนา อาชีพการเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา
135 135 - การใช้สารชีวภัณฑ์ในการช่วยย่อยสลายตอซัง โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา - สาธิตและฝึกปฏิบัติการผลิตสารชีวภัณฑ์ในการช่วยย่อยสลายตอซัง โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา - บรรยายพร้อมฝึกสาธิต การทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้ำหมักเพื่อลดการหยุดเผาในนาข้าว โดยเจ้าหน้าที่สำนักงาน เกษตรอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กิจกรรม ถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร พื้นที่นำร่องกลุ่มใหม่ เครือข่ายละ 60 ราย จำนวน 240 ราย ได้แก่ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว มีเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ดังนี้ - เทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุในพื้นที่การเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและทดแทนการเผา โดย เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา - แนวทางการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรของอำเภอบางน้ำเปรี้ยว โดย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรอำเภอบางน้ำเปรี้ยว
136 136 อำเภอบางคล้า มีเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ดังนี้ - ความรู้พื้นฐานด้านการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร และผลกระทบที่เกิดจาก การเผาในพื้นที่การเกษตร - การสาธิตฝึกปฏิบัติการทำกระถางจากฟางข้าว
137 137 อำเภอพนมสารคาม มีเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ดังนี้ - ความรู้พื้นฐานด้านการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร และผลกระทบที่เกิดจากการเผาในพื้นที่ การเกษตร โดยเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา - การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผาทำลาย ผอ.กองส่งเสริม การเกษตร เทศบาลตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอสนามชัยเขต มีเนื้อหาการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ดังนี้ - ความรู้พื้นฐานด้านการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรผลกระทบที่เกิดจากการเผาและการ แก้ปัญหาและมาตรการป้องกัน โดยเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา - การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผาทำลาย ผอ.กองส่งเสริม การเกษตร เทศบาลตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา - การทำการเกษตรอย่างยั่งยืนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และวิถีชีวิตของคนในสังคม ปัจจุบัน โดยประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนวนเกษตรเพื่อการพึ่งพากันเองบ้านห้วยหิน - วิเคราะห์ปัญหา ความพร้อมของชุมชน และเตรียมความพร้อมในการจัดทำแผนชุมชน เพื่อ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตร โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอสนามชัยเขต
138 138 ปัญหา/อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ปัญหาที่เกษตรกรยังคงมีการเผาฟาง ได้แก่ 1. ข้อจำกัดของระยะเวลา เนื่องจากเกษตรกรต้องรีบเพื่อให้ทันการเพาะปลูกในรอบต่อไป 2. ต้องการกำจัดวัชพืช 3. สะดวกและง่าย ต่อการจัดการวัสดุทางการเกษตร 4. รถ และเครื่องอัดฟางไม่สามารถลงไปทำงานในบางแปลงได้เช่น ดินเละ น้ำท่วมขัง
139 18. โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หลักการและเหตุผล เนื่องในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราช อิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในพุทธศักราช 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอพระราชานุญาตจัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กราบบังคมทูลถวาย และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์ และทรง พระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ โดยเปิด ให้บริการครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2545 ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และได้ ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เป็นวิธีการดำเนินงานอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้การบริการทาง วิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บรรลุผลสำเร็จตาม ภารกิจ ที่รับผิดชอบ โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับ บริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัย โรคพืช โรคสัตว์ โรค สัตว์น้ำ และการให้วัคซีนป้องกันโรค รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริม เพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเป็นการดำเนินการในลักษณะบูรณาการการทำงานระหว่าง นักวิชาการเกษตรของ หน่วยงานต่าง ๆ ใน แต่ละสาขา ทั้งด้านพืช สัตว์ ประมง ดิน และน้ำ ฯลฯ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือ ทางวิชาการด้านต่าง ๆ มาให้บริการในคลินิกเกษตร โดยสามารถเคลื่อนที่เข้าไปได้ถึงในระดับตำบล เพื่อให้ เกษตรกรสามารถเข้ารับบริการทางการเกษตรได้อย่างถูกต้องครบถ้วนทุกด้านในคราวเดียวกัน วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสนองพระราชดำริ และเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2566 2. เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการบริการทางการเกษตร และได้รับการแก้ไข ปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจรในคราวเดียวกัน 3. เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และศูนย์เรียนรู้การเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร กิจกรรม กิจกรรมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ไตรมาส 1 – 4 เป้าหมายเกษตรกรรวมจำนวน 400 ราย เป้าหมาย/สถานที่ดำเนินการ/งบประมาณ ไตรมาส 1 เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรม 100 ราย ดำเนินการในพื้นที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ไตรมาส 2 เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรม 100 ราย ดำเนินการในพื้นที่อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน)
140 140 ไตรมาส 3 เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรม 100 ราย ดำเนินการในพื้นที่อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา งบประมาณ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ไตรมาส 4 เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรม 100 ราย ดำเนินการในพื้นที่อำเภอราชสาส์น จังหวัด ฉะเชิงเทรา งบประมาณ 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) รวมงบประมาณทั้งหมด เป็นเงิน 90,000 บาท (เก้าหมื่นบาทถ้วน) ผลการดำเนินงานและภาพประกอบ ไตรมาส 1 กิจกรรมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ไตรมาส 1 สถานที่จัดงาน ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลสนามชัยเขต อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดบริการเมื่อ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 จำนวนเกษตรกรที่มาลงทะเบียน จำนวน 343 คน ผลการดำเนินงาน นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดงาน โดยมีนายปรัชญา พิมพาแป้น นายอำเภอสนามชัยเขต กล่าวต้อนรับ และนายดนัย ปัญจ พิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ใน พระราชานุเคราะห์ ฯ ไตรมาส 1 กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการความรู้ทางการเกษตรและเปิด ให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกสุขภาพ คลินิกเกษตรและสหกรณ์ และมีการจัดแสดงสินค้า ทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน มีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสนามชัย เขต และอำเภอใกล้เคียงของอำเภอสนามชัยเขตเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา
141 141
142 142 คลินิกที่เปิดให้บริการ กิจกรรมเสริม/จัดนิทรรศการและจำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ
143 143 รายการ จำนวนเกษตรกรที่มาขอรับบริการ (คน) รวม เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำและ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอ คำแนะนำแต่ไม่ นำตัวอย่างมา เกษตรกรที่ขอเอกสารอย่าง เดียว ฯลฯ แต่ไม่ขอคำแนะนำ ลงทะเบียน ไม่ลงทะเบียน 1. กิจกรรมด้านคลินิก (1) คลินิกดิน - สถานีพัฒนาที่ดินฉะเชิงเทรา 70 10 60 - - (2) คลินิกพืช - เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา - ศูนย์วิจัยข้าวฉะเชิงเทรา - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา (พืชสวน) - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ฉะเชิงเทรา 40 50 132 100 - - - - - - - - - 40 50 132 100 - - - - (3) คลินิกปศุสัตว์ 81 48 - 33 - (4) คลินิกประมง 20 - - 20 - 2. กิจกรรมเสริมสร้างความรู้การฝึกอบรม/จัดนิทรรศการ (1) คลินิกสหกรณ์ 77 - - 78 - (2) คลินิกบัญชี 32 - - 32 - (3) คลินิกกฎหมาย 14 - 14 - - (4) คลินิกเกษตรและสหกรณ์ 60 - 2 58 - (5) คลินิกชลประทาน 51 - 1 50 - (6) คลินิกยางพารา 20 - - 20 - (7) คลินิกฝนหลวง 30 - - 30 - (8) คลินิกสภาเกษตร 100 - 10 90 (9) คลินิกศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหิน ซ้อนฯ 100 - - 100 - ที่มาข้อมูล : แบบสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำแต่ละคลินิก หมายเหตุ : เกษตรกรบางรายเข้ารับบริการในคลินิกมากกว่า 1 คลินิก ผลลัพธ์ (output)/ความสำเร็จของงาน (outcome) เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาการเกษตรจากองค์ความรู้ที่ได้รับจากคลินิกบริการต่างๆ และสามารถ นำมาปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไตรมาส 2 กิจกรรมจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ไตรมาส 2 สถานที่จัดงาน ณ หอประชุมอำเภอคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
144 144 เปิดบริการเมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวนเกษตรกรที่มาลงทะเบียน จำนวน 281 คน ผลการดำเนินงาน นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีและ กล่าวเปิดงาน โดยมีนายธีระพล สุ่มมาตย์ นายอำเภอคลองเขื่อน กล่าวต้อนรับ และนายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ โดยมีหัวหน้าส่วน ราชการ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ใน พระราชานุเคราะห์ ฯ ไตรมาส 2 กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นิทรรศการความรู้ทางการเกษตรและเปิด ให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกสุขภาพ คลินิกเกษตรและสหกรณ์ และมีการจัดแสดงสินค้า ทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน มีเกษตรกรในพื้นที่อำเภอคลอง เขื่อน และอำเภอใกล้เคียงของอำเภอคลองเขื่อนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นายณัฐพงษ์สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายดนัย ปัญจพิทยากุล เกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา
145 145 สรุปประมวลภาพ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ ไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2566