The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฏาคม-ธันวาคม 2564)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by avelinox101, 2021-12-19 20:49:46

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฏาคม-ธันวาคม 2564)

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฏาคม-ธันวาคม 2564)

Keywords: วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน

OBEC Basic Education Research journal
วารสารการวจิ ัยการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน

....................................................................................................

ผู้จดั พิมพ์ สำนักพฒั นำนวัตกรรมกำรจดั กำรศกึ ษำ

สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน

ทป่ี รกึ ษาบรรณาธกิ าร เลขำธิกำรคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน

บรรณาธิการ ผ้อู ำนวยกำรสำนักพฒั นำนวัตกรรมกำรจดั กำรศกึ ษำ

กองบรรณาธิการผทู้ รงคุณวุฒอิ าวุโส

คณุ หญิงกษมำ วรวรรณ ณ อยธุ ยำ

รองศำสตรำจำรย์ ดร.เอกชยั กี่สุขพนั ธ์ ประธำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พื้นฐำน

รองศำสตรำจำรย์ ดร.สริ ิพันธ์ุ สุวรรณมรรคำ คณะครศุ ำสตร์ จุฬำลงกรณม์ หำวทิ ยำลยั

ดร.เบญจลกั ษณ์ นำ้ ฟ้ำ ผูเ้ ช่ียวชำญพิเศษ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน

ผู้ช่วยศำสตรำจำรย์ ดร.มำเรยี ม นิลพันธุ์ คณบดีคณะศกึ ษำศำสตร์ มหำวิทยำลยั ศิลปำกร

กองบรรณาธกิ าร คณะครุศำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภัฏพระนคร
รองศำสตรำจำรย์ ดร.ทวิ ัตถ์ มณีโชติ คณะสังคมศำสตรแ์ ละศิลปศำสตร์
รองศำสตรำจำรย์ ดร.เกตุมณี มำกมี มหำวิทยำลยั นอร์ท เชยี งใหม่
คณะศึกษำศำสตร์ มหำวิทยำลัยนเรศวร
รองศำสตรำจำรย์ ดร.จิตมิ ำ วรรณศรี ขำ้ รำชกำรบำนำญ วทิ ยำลยั กำรฝึกหัดครู
ผชู้ ่วยศำสตรำจำรย์ ดร.ไพรชั สู่แสนสุข มหำวทิ ยำลยั รำชภัฏพระนคร
คณะศึกษำศำสตร์ มหำวิทยำลยั สงขลำนครนิ ทร์
ผู้ชว่ ยศำสตรำจำรย์ ดร.ชวลิต เกิดทพิ ย์ คณะวศิ วกรรมศำสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ุตสำหกรรม
ผชู้ ่วยศำสตรำจำรย์ ดร.อชิตพล ศศิธรำนุวัฒน์ มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏชยั ภมู ิ
คณะครศุ ำสตร์อตุ สำหกรรมและเทคโนโลยี
ผูช้ ่วยศำสตรำจำรย์ ดร.ศิรริ ัตน์ เพ็ชร์แสงศรี สถำบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลำ้ คุณทหำรลำดกระบัง
คณะศกึ ษำศำสตร์ มหำวิทยำลัยศิลปำกร
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สายสดุ า เตียเจรญิ คณะครศุ ำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภฏั อดุ รธำนี
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ร่งุ ทวิ ำ จันทน์วฒั วงษ์ คณะมนษุ ยศำสตรแ์ ละสงั คมศำสตร์
นำงสำวกนกวรรณ นวำวตั น์ มหำวิทยำลัยรำชภัฏเพชรบูรณ์
คณะศึกษำศำสตร์ มหำวิทยำลัยรงั สิต
ดร.ศรสี มร พุ่มสะอำด คณะศกึ ษำศำสตร์ วทิ ยำลัยนำนำชำติเซนต์เทเรซำ
ดร.มณเฑยี ร ชมดอกไม้ ขำ้ รำชกำรบำนำญ
ดร.วณี ำ อัครธรรม (ทีป่ รึกษำสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน)
ข้ำรำชกำรบำนำญ (ศกึ ษำนิเทศกเ์ ชีย่ วชำญ)
นำงสำวประภำพรรณ เสง็ วงศ์

ดร.อมรทิพย์ เจริญผล ข้ำรำชกำรบำนำญ (ศกึ ษำนเิ ทศกช์ ำนำญกำรพิเศษ)
ดร.อรนชุ มัง่ มีสุขศริ ิ ผเู้ ช่ียวชำญสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน
ดร.วรรณำ ช่องดำรำกลุ ผู้เช่ียวชำญสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพ้ืนฐำน

ฝ่ายประสานงานกองบรรณาธกิ ารและการจดั การ

กลมุ่ วจิ ัยและสง่ เสรมิ กำรวิจยั ทำงกำรศึกษำ สำนกั พัฒนำนวัตกรรมกำรจัดกำรศึกษำ

สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน

นำงสำวดจุ ดำว ทพิ ยม์ ำตย์ ผอู้ ำนวยกำรกลมุ่ วิจัยและส่งเสริมกำรวิจยั ทำงกำรศกึ ษำ

นำงสำวกญั ญำพร ไทรชมภู นักวชิ ำกำรศกึ ษำชำนำญกำร

นำงสำวสุวรรณำ กล่นิ นำค นกั วชิ ำกำรศึกษำชำนำญกำร

นำงสำวสุนศิ ำ หวงั พระธรรม นกั วชิ ำกำรศกึ ษำชำนำญกำร

วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือสง่ เสรมิ และเผยแพรบ่ ทควำมวิจัยในระดบั กำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำนของครูและบุคลำกรทำงกำรศกึ ษำ

สงั กัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน และหนว่ ยงำนภำยนอก
2. เพื่อเป็นสอ่ื กลำงในกำรนำเสนอองค์ควำมร้ทู ไ่ี ด้จำกบทควำมวิจัย

กาหนดการเผยแพร่
ปลี ะ 2 ฉบบั (มกรำคม – มิถุนำยน และ กรกฎำคม – ธนั วำคม)

ขอ้ มูลการตดิ ต่อ
บรรณำธกิ ำรวำรสำรกำรวจิ ยั กำรศกึ ษำขน้ั พนื้ ฐำน
สำนักพัฒนำนวัตกรรมกำรจัดกำรศึกษำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน
ถ.รำชดำเนินนอก เขตดุสติ กรุงเทพมหำนคร 10300
โทรศัพท์ 02- 2885882-3
E-mail : [email protected]

.......................................................................................................................................................................................
* บทควำมทุกเร่อื งได้รับกำรพิจำรณำ (Peer Review) จำกผู้ทรงคุณวฒุ ิ
** บทควำมหรือขอ้ คดิ เห็นใดๆ ในวำรสำร ถอื เป็นควำมคดิ เหน็ ของผู้เขยี น กองบรรณำธกิ ำรไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
เสมอไป
*** กองบรรณำธิกำรไม่สงวนสทิ ธ์ใิ นกำรคัดลอกบทควำมเพื่อกำรศึกษำแตใ่ ห้อ้ำงอิงแหลง่ ทม่ี ำให้ครบถ้วนสมบูรณ์

วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

บทบรรณาธิการ

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสอง พ.ศ. 2560 - 2564 ให้ความสาคัญกับการวิจัยและพัฒนา

โดยระบุไว้ในส่วนท่ี 4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 8 การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและ
นวัตกรรม ท้ังนี้ได้กาหนดแนวทางการพัฒนาด้านการบริหารจัดการ ให้มีการส่งเสริมการปรับโครงสร้าง
และบทบาทของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เพอื่ ให้เกดิ ความเป็น
เอกภาพในการดาเนินงาน สนับสนุนใหม้ กี ารทาวจิ ัยท่ีสอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการของพ้นื ที่ และสง่ เสริม
ให้เกิดการแลกเปลย่ี นและพฒั นาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมเชิงลกึ ผ่านกลไกท่มี อี ยู่
นอกจากน้ัน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2553 ยังระบุในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและ
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอานวย
ความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวน
การเรยี นรู้ มาตรา 30 กาหนดให้สถานศึกษา พฒั นากระบวนการเรียนการสอนทีม่ ีประสิทธิภาพ รวมทัง้ การสง่ เสริม
ใหผ้ สู้ อนสามารถวจิ ัยเพอื่ พฒั นาการเรียนร้ทู ีเ่ หมาะสมกบั ผเู้ รียนในแตล่ ะระดับการศกึ ษา

สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน โดยสานักพัฒนานวัตกรรมการจดั การศกึ ษา ไดต้ ระหนกั และ
เห็นความสาคัญของการวิจัย จึงส่งเสริมสนับสนุนใหบ้ ุคลากรและหน่วยงานในสังกดั ใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และได้จัดทาวารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือนาเสนอบทความวิจัย
ทางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และเป็นแหล่งเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการของครู ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา คณาจารย์ ผู้เช่ียวชาญ นิสิต/นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา นักวิจัย และนักวิชาการ รวมทั้ง
เป็นแหล่งบอกเล่าถึงความเคล่ือนไหวและการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนในแวดวงการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
ซ่งึ บทความวจิ ยั ทกุ เร่ืองได้รับการพจิ ารณา (Peer Review) จากผทู้ รงคณุ วุฒิ

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม–ธันวาคม 2564) น้ี กองบรรณาธิการ
หวังเปน็ อย่างย่ิงวา่ จะเปน็ ประโยชน์ในการพฒั นาคุณภาพการจดั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ขอขอบพระคณุ คณะกรรมการ
กล่ันกรองบทความและผู้ทรงคุณวุฒิประจาวารสารที่ได้พิจารณาและให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้เขียน และขอขอบคุณ
คณะกรรมการและผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ งทกุ ฝ่ายทีไ่ ดใ้ หค้ วามอนเุ คราะหจ์ นวารสารฉบับนส้ี าเรจ็ อยา่ งดยี ิ่ง

นายภธู ร จนั ทะหงษ์ ปณุ ยจรัสธารง
บรรณาธิการ
ธันวาคม 2564



วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

สารบญั หนา้

บทบรรณาธิการ 1
22
บทความวิจยั 38

กระบวนการบริหารจดั การสถานศกึ ษาขนาดเลก็ เพอ่ื รบั รางวลั พระราชทาน 61
ขจรศกั ด์ิ เขียวน้อย

1 The Administration and Management Processes of Small Education
Schools To Receive the Royal Award
Kajornsak Khiawnoi

การพฒั นารปู แบบชุมชนการเรยี นรขู้ องสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา
เขต 25

2 คเชนทร์ กองพลิ า
Development of Professional Learning Community of The Secondary
Educational Service Area Office 25 Model (PLC-KKSec25 Model)
Kachen Kongpila

รปู แบบการนิเทศเพอื่ พฒั นาศักยภาพการวิจัยในชน้ั เรียนของครผู ู้สอน
เพอื่ การเรยี นรู้ของผู้เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานกั งานเขตพืน้ ท่ี
การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 16

3 ธนชพร ตั้งธรรมกลุ
Supervision model for developing research potential in the
classroom of science teachers for learners’ learning of Science
Department of the Secondary Educational Service Area Office 16
Tanachaporn Tungtummakul

การพัฒนาสมรรถนะครคู อมพิวเตอรด์ ้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร
ในการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวคอนสตรคั ติวิสต์ ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศ
แบบ AIPDDONE

4 ปารชิ าติ เภสชั ชา
The development of computer teacher competency in the use of
information technology and communication in constructivist learning
management with AIPDDONE supervision process
Parichat Pasetcha

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

การวิจยั และพฒั นาการจัดประสบการณเ์ รยี นรู้แบบสะเตม็ ศกึ ษา เพอ่ื พฒั นาทักษะ 80
การคิดวิเคราะห์ สาหรบั เด็กปฐมวยั ในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่ 96
การศกึ ษาประถมศกึ ษาหนองบวั ลาภู เขต 2 115
ปารชิ าติ ปิตพิ ัฒน์ 133

5 Research and development of learning experience management
using STEM education Model to develop critical thinking skills for
Pre-school children in Schools under Nongbualamphu Primary
Educational Service Area Office 2
Parichart Pitiphat

ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ความเปน็ พลโลกของนกั เรียนโรงเรียนโพนทองพฒั นาวิทยา
สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษารอ้ ยเอด็
วไิ ลภรณ์ เตชะ

6 Factors Affecting Global Citizenship of Student in Phontong
pattanawittaya School The Secondary Education Service Area Office
Roi Et
Wilaiporn Techa

แนวทางการการดาเนนิ งานการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสงิ ห์บุรี
สยาม ส่มุ งาม

7 The Guidelines for the implementation of quality assurance
with in educational institutions under Singburi Primary Educational
Service Area Office
Siam Sumngam

รูปแบบการพฒั นาคณุ ภาพครูใหเ้ ปน็ ครมู อื อาชพี เพอื่ ผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21
โดยใชส้ ถานศกึ ษาเปน็ ฐาน

8 อรนุช ม่ังมีสุขศริ ิ
Model of Teacher Professional Development for the 21st Century’s
Learners Using School based
Oranuch Mungmesuksiri



วารสารการวิจยั การศึกษาขั้นพื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

การศึกษาผลการพฒั นากิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการ QSCCS 149
โดยใช้ส่ือสงั คมออนไลน์ เพอ่ื พฒั นาทักษะการแกป้ ญั หาของนกั เรยี นระดบั ช้นั
มัธยมศึกษาปที ี่ 5 168

9 อรวรรณ กองพิลา 183
The study of the development result of learning activities 195
with the QSCCS process using social media to develop problem- 196
solving skills of secondary school students 5
Orawun Kongpila

การวจิ ยั และพฒั นาโปรแกรมพฒั นาสมรรถนะครดู า้ นการสร้างบทเรียน
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษา
สังกดั สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาหนองบัวลาภู เขต 2
อดิศร โคตรนรินทร์ - เจียมพล บญุ ประคม

10 Research and development of teacher competency development
programs in creating electronic lessons Junior high school level
in educational opportunity expansion schools under the office
of Nongbaulamphu Primary Educational Service Area2
Adisorn Khotnarin - Jiampol Boonprakom

สภาพการขอมหี รอื ขอเลอ่ื นวทิ ยฐานะท่ีมตี อ่ การปฏบิ ัตงิ านของข้าราชการครู
สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 42
อภิเชษฐ์ ฉิมพลสี วรรค์

11 The condition of requesting to have or to promote academic
standing Towards the performance of teacher civil servants
Secondary Education Service Area Office District 42
Apichate Chimpaleesawan

รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิประเมนิ บทความวิจยั (Peer Review)

คณะจดั ทาวารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พื้นฐาน



วารสารการวิจัยการศึกษาขนั้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพือ่ รับรางวัลพระราชทาน

The Administration and Management Processes of Small Education Schools
to Receive the Royal Award
ขจรศกั ด์ิ เขียวน้อย*
Kajornsak Khiawnoi

บทคดั ย่อ

การวิจัยน้ีมีความมุ่งหมายของการวิจัยเพ่ือ 1) ศึกษาความเข้าใจและการใหค้ วามหมายของการบริหาร
จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน 2) ศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการสถานศึกษา
ขนาดเล็กเพือ่ รับรางวลั พระราชทาน โดยผู้วิจยั ไดเ้ น้นศกึ ษาจากผ้ใู หข้ ้อมูลสาคัญ 2 กล่มุ คือ 1) ผใู้ หข้ ้อมลู หลัก
ได้แก่ ผู้อานวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีเคยได้รับรางวัลพระราชทาน
จานวน 3 คน และ 2) ผู้ให้ข้อมูลรองจานวน 31 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กับสถานศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลด้วย 4 วิธีการหลัก ได้แก่ การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม การสังเกต
และการจดบันทึก โดยมีเคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต ซึ่งผู้วิจยั
ไดท้ าการวิเคราะหข์ อ้ มูลตามแนวทางของไมลสแ์ ละฮูเบอรแ์ มน

ผลการวิจัย พบว่า การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานเป็นวิธีการ
ท่ีทาให้บุคลากรเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงาน และนาไปสู่ความสาเร็จในการยกระดับคุณภาพ
ของสถานศกึ ษา อนั ประกอบไปด้วย 1) การมวี สิ ัยทศั น์เชงิ กลยุทธ์ภายใต้ภาวะผ้นู าเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร
2) การมีระบบพัฒนาองค์กรให้เกิดประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศ 3) การจัดหาและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีและ
การสือ่ สาร 4) การขบั เคลอื่ นระบบการประกนั คุณภาพภายในสกู่ ารปฏิบัตอิ ย่างเขม้ แข็ง และ 5) การจดั ระบบ
ข้อมูลและสารสนเทศพ้ืนฐานของสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงมีแนวปฏิบัติที่ดี คือ การบริหารจัดการ
สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานควรเร่ิมจากการมุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา โดยการเสริมสร้าง ฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้
เพื่อให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพเพิ่มข้ึน สามารถนาผลท่ีได้
จากการพัฒนาไปใช้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการประเมิน สถานศึกษาเพ่ือรับรางวัล
พระราชทานให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเน่ืองยาวนาน
และประสบความสาเร็จจนเป็นแบบอย่างให้แก่สถานศึกษาอ่ืน ๆ ได้เป็นอย่างดี อันเป็นการสร้างคุณค่าและ
รกั ษาความดใี หส้ มศกั ดิ์ศรีรางวัลพระราชทานสืบไป

คาสาคญั : รางวลั พระราชทาน/ การบรหิ ารจดั การ/ สถานศกึ ษาขนาดเลก็

* ผู้อานวยการโรงเรยี น ดร. โรงเรยี นบ้านวงั เตา่ , สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 2
School director Dr., Banwangtao, Nakhon Si Thammarat Primary Educational Service Area Office 2

1

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

Abstract

The purposes of this study were 1) to understand and to describe the meaning of
the administration and management processes of Small Education Schools to receive
the Royal Award, and 2) to examine good practices for administration and management
processes of Small Education Schools to receive the Royal Award. Key informants were
3 school administrators and 31 stakeholders. The research tools are interview form and
observation form. The researcher analyzed the data according to Miles and Huberman's
guidelines.

The findings are as follows:
1. The administration and management processes of Small Education Schools to receive
the Royal Award is a way for people to collaborate in their operations and leads to success
in enhancing the quality of the school Including; 1) having a strategic vision under executive
innovative leadership, 2) having a system for organizational development to be effective
towards excellence, 3) procurement and development of media, technology and
communication, 4) driving the internal quality assurance system into strong action, and
5) effective organization of school data and information.
2. The administration and management processes of Small Education Schools to receive
the Royal Award should focus on the development of government teachers and educational
personnel by enhancing, training, meeting, seminars, transferring experiences, exchanging
learning to gain more knowledge, skills, attitudes, morality, ethics, and professional ethics. The
results obtained from the development can be used to benefit the performance
in accordance with the educational institution assessment standards in order to receive the
Royal Award for efficiency, effectiveness, and to develop the quality of education continuously
for a long time, and to be successful until this is a model for other schools. This action is to
create value and maintain good dignity.

Keywords : Royal Award/ Administration and Management Processes/ Small Schools

2

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

ทม่ี าและความสาคัญของปญั หา ขอ ง ก ร ะ ทร ว ง ศึก ษ าธิ ก าร ปีง บปร ะ ม า ณ
คุณภาพของคนเป็นปัจจัยสาคัญท่ีแสดงถึง พ.ศ. 2563 บนหลักการของการให้ความสาคญั กบั
ประเด็นคุณภาพและประสิทธิภาพในทุกมิติ ซ่ึงมุ่ง
ความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ คานึงถึงพหุปัญญาของผู้เรียนระดับประถมศึกษา
ร า ย บุ ค ค ล ที่ ห ล า ก ห ล า ย ต า ม ศั ก ย ภ า พ
ทงั้ ในด้านการศึกษา เศรษฐกจิ สังคม และการเมอื ง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2563) ในขณะเดียวกัน
การปกครอง เป็นท่ียอมรับกันโดยทั่วไปว่า สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
(สพฐ.) (2563) ก็ได้ตระหนักถึงความสาคัญ
กระบวนการในการพัฒนาคุณภาพของคน คือ ข อ ง ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ช า ติ เ พ ร า ะ เ ป็ น แ น ว ท า ง
การจัดการศึกษาเพ่ือให้เกิดการพัฒนาความรู้ ในการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยเฉพาะด้าน
ความคิด ความสามารถ ตลอดจนมีคุณธรรมและ การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากร
มนุษย์ ซ่ึงเป็นยุทธศาสตร์ท่ีเน้นการวางรากฐาน
จริยธรรม สามารถดารงตนอยู่ในสังคมได้อย่าง ก า ร พั ฒ น า ท รั พ ย า ก ร มนุ ษย์ ข อ ง ป ร ะ เทศ
มั่นคงและมีความสุข ด้วยเหตุน้ีการจัดการศึกษา อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและ
ย ก ร ะ ดั บ ค น ใ น ทุ ก มิ ติ แ ล ะ ใ น ทุ ก ช่ ว ง วั ย ใ ห้ เ ป็ น
ท่ีดีจึงมิใช่หมายเฉพาะถึงการศึกษาด้านวิชาการ ทรัพยากรมนุษย์ท่ีดี เก่ง และมีคุณภาพ พร้อม
เท่านั้น หากยังรวมถึงการอบรมทุก ๆ อย่าง ขั บ เ ค ลื่ อ น ก า ร พั ฒ น า ป ร ะ เ ท ศ ไ ป ข้ า ง ห น้ า ไ ด้
ซึ่งเป็นการขัดเกลาให้เยาวชนมีความคิด เฉลียว อย่างเต็มศกั ยภาพ

ฉลาด หนักแน่นมีเหตุผล มีความซ่ือสัตย์สุจริต ท้ังน้ี สพฐ. มีโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัด
ละเอียดรอบคอบ รู้จักรับผิดชอบ มีการตัดสินใจ 27,109 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่
120 คนลงมา มีจานวนมากถึง 14,665 โรงเรียน
ที่ถูกต้องเป็นธรรม มีความขยันหม่ันเพียร คิดเป็นร้อยละ 54.09 ของจานวนโรงเรียน
เอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่ มีความตระหนักในการปฏิบัติ ประถมศึกษาท้ังหมด และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี
ตามสิทธิและหน้าที่ เคารพในสิทธิและเสรีภาพ อันเป็นผลมาจากอัตราการเกิดลดลง และ
ความนิยมของผูป้ กครองที่ต้องการส่งบุตรหลานไป
ทั้งของตนเองและผู้อ่ืน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โรงเรียนในเมือง การมีโรงเรียนประถมศึกษา
และส่ิงแวดล้อม รู้จักธารงรักษาเอกลักษณ์และ ข น า ด เ ล็ ก จ า น ว น ม า ก ย่ อ ม ส่ ง ผ ล ถึ ง คุ ณ ภ า พ
แ ล ะ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า
วัฒนธรรมทด่ี ีงามของไทย โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ า ง ยิ่ ง ผ ล สั ม ฤ ท ธ์ิ ท า ง ก า ร เ รี ย น
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ข อ ง นั ก เ รี ย น ส่ ว น ใ ห ญ่ อ ยู่ ใ น ร ะ ดั บ ที่ ยั ง
ไม่น่าพึงพอใจ โดยโรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่
2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม กาหนดความมุ่งหมาย มคี ณุ ภาพและมาตรฐานต่ากวา่ โรงเรียนขนาดกลาง
และขนาดใหญ่ เน่ืองจากพื้นฐานอยู่บนความ
และหลักการจัดการศึกษาในมาตรา 6 ไว ว่า ขาดแคลน ทั้ง ง บปร ะ มา ณ วั สดุ ครุภั ณ ฑ์
“การจดั การศึกษาตอ้ งเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้
3
เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ ท้ังร่างกาย จิตใจ สติ ปัญญา
ความรู และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรม
ในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้

อย่างมีความสุข” และมาตรา 8 ได้กาหนดหลกั การ
จัดการศึกษาให้ยึดหลักการ 3 ประการ คือ

เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสาหรับประ ชาชน
ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และ
การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไป

อย่างต่อเนื่อง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546) และ
กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดนโยบายและจุดเนน้

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ขาดแคลนครูท้ังปริมาณและคุณภาพ ขาดการ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการพัฒนาอันเกิดจากการ
สนับสนุนอย่างต่อเน่ืองจากชุมชน บางแห่งต้ังอยู่ แข่งขันกันในด้านคุณภาพ เพ่ือให้มีโอกาสได้รับ
เขตชนบท จงึ มีความเสียเปรยี บดา้ นปัจจัยต่าง ๆ ท่ี พระราชทานรางวัลเช่นกัน ประโยชน์ของการ
พัฒนาสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลท่ีทรงคุณค่าและ
ส่งผลต่อความไม่เสมอภาค ในการพัฒนาคุณภาพ เป็นเกียรติประวัติต่อผู้รับอย่างสูงสุดน้ี จึงเกิดขึ้น
การศึกษา ความจาเป็นในการพัฒนาคุณภาพ โดยตรงต่อผู้เรียนและส่งผลกระทบถึงคุณภาพ
การศึกษาที่ดีข้ึนโดยรวม ซึ่งคุณความดีจะถูก
การศึกษาของไทยในเบ้ืองแรกจาเป็นอย่างยิ่ง ท่ี ประกาศและเผยแพร่ ไปยังสาธารณชนท่ัวไป
จะต้องพัฒนาสถานศึกษาขนาดเล็กก่อนขนาดอื่น
ท้ังนี้เพราะสถานศึกษาขนาดเล็กเป็นสถานท่ี ด้วยเหตุน้ี ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาสถานการณ์
ท่ีเป็นอยู่จริงในปัจจุบันของสถานศึกษาต้นแบบ
จัดประสบการณ์การเรยี นรแู้ ก่ผู้เรียนเป็นส่วนใหญ่ ท่ี เ ค ย ไ ด้ รั บ ร า ง วั ล พ ร ะ ร า ช ท า น ใ น ร ะ ดั บ
ของประเทศ สถานศึกษาขนาดเล็กจะต้องสร้าง ประถมศึกษาขนาดเล็กตามแนวทางการศึกษา
เฉพาะกรณี เพ่ืออธิบายการบริหารจัดการ
ความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงาน สถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน
ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง ว่ า ส ถ า น ศึ ก ษ า ข น า ด เ ล็ ก ส า ม า ร ถ ในสถานศึกษาต้นแบบ และค้นหาแนวปฏิบัติท่ีดี
จัดการศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐาน ในการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ
รางวัลพระราชทาน ซ่ึงการวิจัยคร้ังนี้จะทาให้
ซ่ึงการที่จะสร้างความมั่นใจดังกล่าวน้ี สามารถ เข้าใจพฤติกรรมการทางานของบุคคลในลักษณะ
ดาเนินการได้โดยท่ีสถานศึกษาขนาดเล็กควรมี พฤติกรรมศาสตร์ได้อย่างครอบคลุมและสมบูรณ์
มากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนา
กระบวนการบรหิ ารจัดการที่มีการพัฒนาปรับปรงุ ท รั พ ย า ก ร บุ ค ค ล ท า ง ด้ า น ก า ร ศึ ก ษ า ไ ด้
อย่างต่อเน่ือง มีการดาเนินการในลักษณะของ อย่างตอ่ เนื่อง ทงั้ ในระดบั นโยบายและระดบั ปฏิบตั ิ
ก า ร ผ ส ม ผ ส า น ร ะ ห ว่ า ง ก ร ะ บ ว น ก า ร บ ริ ห า ร ใหเ้ กดิ ประสทิ ธิผลมากย่ิงขน้ึ ตอ่ ไป

กั บก าร จัดกิ จก ร ร มก าร สอนตามปก ติของ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั
สถานศกึ ษา เพ่ือเป็นการพฒั นาผเู้ รียนให้มคี ุณภาพ 1. เพ่ือศึกษาความเข้าใจและการให้

อย่างต่อเนอ่ื งตลอดเวลา ความหมายของการบริหารจัดการสถานศึกษา
ก าร เสน อขอรับร าง วัลพ ระ ราชทาน ขนาดเลก็ เพ่อื รบั รางวลั พระราชทาน

ของสถานศึกษาจึงเป็นอีกแนวทางหน่ึงที่สามารถ 2. เพ่ือศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหาร
จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับร างวัล
ยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้ พระราชทาน
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพ
4
การศึกษาอย่างต่อเน่ืองยาวนาน และประสบ
ความสาเร็จจนเป็นแบบอยา่ งให้แกส่ ถานศึกษาอ่นื
ได้ (สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน,

2561) ดงั นั้น สถานศกึ ษาที่ไดร้ ับรางวัลพระราชทาน
จึงเป็นผลจากการกระทาความดีอย่างสม่าเสมอ

เกิดการพฒั นาใหเ้ หน็ เดน่ ชัด และสมควรอยา่ งยิ่งท่ี
จะดารงรักษาภาพความดีงามนนั้ ให้ยงั่ ยืนตลอดไป
ส่ ว น ส ถ า น ศึ ก ษ า ที่ ยั ง ไ ม่ เ ค ย ไ ด้ รั บ ร า ง วั ล

พระราชทานจะเห็นแนวทางสร้างความร่วมมือ
ร่วมใจ เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาตนเอง

วารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

แนวคดิ ทฤษฎกี ารวิจัย เกี่ยวกับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ใฝ่อานาจ และ
ทฤษฎีหลักที่ใช้อธิบายการบริหารจัดการ ใ ฝ่ สั ม พั น ธ์ ( Litwin & Stringer, 1968) ม า ใ ช้
เพื่อเปน็ แนวทางในการทาความเข้าใจกระบวนการ
สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานนี้ บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล
พระราชทานของผู้อานวยการสถานศึกษาและ
ผู้วิจัยอาศัยทั้งทฤษฎีทางสังคมวิทยาและจิตวิทยา ผู้ มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า ต้ น แ บ บ
เป็นแนวทางในการทาความเข้าใจปรากฏการณ์ ซึ่งการท่ีผู้อานวยการสถานศึกษาและผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการบริหาร
ดงั กลา่ ว โดยทฤษฎีทาง สังคมวทิ ยานนั้ ผูว้ ิจัยไดใ้ ช้ จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับร างวัล
มุ ม ม อ ง จ า ก ท ฤ ษ ฎี ก า ร เ รี ย น รู้ ท า ง สั ง ค ม เ ชิ ง พระราชทานน้ัน เช่ือว่าอาจมีผลต่อก าร ให้
พุ ท ธิ ปั ญ ญ า ( Social Cognitive Learning ความหมายการเข้าส่กู ระบวนการ และการดารงอยู่
ใ น ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ข น า ด เ ล็ ก
Theory) หรอื บางครง้ั เรยี กวา่ ทฤษฎีการเรียนรู้ทาง เพื่อรับรางวัลพระราชทาน รวมท้ังนามาเป็น
ปัญญาและสังคม พัฒนาขึ้นโดยนักจิตวิทยาชาว แนวทางในการพิจารณาเงื่อนไขที่เก่ียวข้องกับ
กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก
แคนาดา คือ ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต แบนดูร่า เพอ่ื รับรางวัลพระราชทานด้วยเช่นกนั
(AIbert Bandura) ซ่ึงแบนดูร่า เช่ือว่าการเรียนรู้
เ กิ ด จ า ก ก า ร มี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ผู้ เ รี ย น กั บ วธิ ีดาเนินการวิจยั
การวิจัยคร้ังนี้ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัย
ส่ิงแวดล้อมรอบตวั ท่ีต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกัน
วธิ กี ารทค่ี นเราใช้ในการเรยี นรูพ้ ฤตกิ รรมทางสังคม เชิงคุณภาพ โดยศึกษาการ บริหารจั ดก าร
สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน
คือ การสังเกตหรือการเลียนแบบจากตัวแบบ ด้วยการศึกษาเฉพาะกรณี เน่ืองจากการศึกษา
(Model) ทั้งน้ีการสังเกตการกระทาของผู้อ่ืน เพื่อ เชิงคุณภาพเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและ
ดูว่าผู้อื่นทาพฤติกรรมอย่างไรและได้รับผลตอบแทน ข้อจากัดของประเด็นท่ีผู้วิจัยมีความสนใจศึกษา
ซึ่งเป็นการวิจัยในพื้นที่จริง (Field research)
เช่นไร ซ่ึงความสาเร็จหรือความล้มเหลวของการ กับสถานศึกษาที่มีการดาเนินงานบริหารจัดการ
ก ร ะ ทา พ ฤติ ก ร ร ม ขอ ง ผู้ อื่ น ถือ เ ป็น ต้ น แ บ บ ท่ี มี สถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน
ที่เป็นต้นแบบมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อเข้าถึงความรู้
อิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจทาพฤติกรรมตา่ ง ๆ และ คว ามจริง ขอ ง ปร าก ฏก าร ณ์ ท่ีเกิ ด ขึ้ น
ของบุคคล (นุชลี อุปภัย, 2556) ซ่ึงตัวแบบนั้น อนั เกยี่ วข้องกบั กระบวนการสคู่ วามสาเร็จ
สามารถเป็นได้ท้ังตัวแบบท่ีเป็นบุคคลจริง ๆ และ
ในการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก
ตวั แบบท่ีเปน็ สญั ลกั ษณ์ คือ ตัวแบบทีเ่ สนอผ่านส่ือ เพื่อรับรางวัลพระราชทาน เน่ืองมาจากความเชื่อ
ต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ หนังสือ ที่ว่าปรากฏการณ์ ที่เกิดข้ึนย่อมสามารถทา
ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ไ ด้ ด้ ว ย ก ร ะ บ ว น ก า ร ศึ ก ษ า ที่ ใ ห้
นวนิยาย และการต์ นู เป็นตน้
ส่ ว น ท ฤ ษ ฎี ท า ง จิ ต วิ ท ย า ที่ ผู้ วิ จั ย ใ ช้ 5

เป็นแนวทางในการทาความเข้าใจกระบวนการ

ขับเคล่ือนสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล
พระราชทาน คือ ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพของ

อิริคสัน (Erikson, 1964) ที่อาจมีความเก่ียวข้อง
กับพัฒนาการแต่ละขั้นของชีวิตของผู้อานวยการ
สถานศึกษาและผู้มีส่วนเก่ียวข้องในสถานศึกษา

ต้นแบบ นอกจากน้ันผู้วิจัยยังประยุกต์ทฤษฎี

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ความสาคัญกับการเลือกสถานศึกษาท่ีสอดคล้อง 1. 2 ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล ร อ ง ( Secondary
กับประเด็นข้อปัญหาการวิจัยและความมุ่งหมาย informants) จาน ว น 31 คน ซึ่ง เป็น บุคคล
ของการวิจัย เพ่ือสร้างความเข้าใจในสถานศึกษา ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ห รื อ เ ป็ น ผู้ มี ส่ ว น ไ ด้ ส่ ว น เ สี ย

ท่ีมีการดาเนินงานบริหารจัดการสถานศึกษา กับสถานศึกษา ซ่ึงข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลกลุ่มนี้
ขั้นพ้ืนฐานขนาดเล็กจนประสบความสาเร็จและ มีส่วนสาคัญในการช่วยอธิบายปรากฏการณ์

ได้รับรางวัลพระราชทานมาแล้ว จนเกิดพลัง ทเ่ี กิดข้ึนใหช้ ัดเจนย่งิ ขึ้น
มีความต่อเน่ือง และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางท่ีดี ทั้ ง นี้ ผู้ วิ จั ย คั ด เ ลื อ ก ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ลหลัก
เป็นท่ียอมรับจากบุคคลและองค์การภายนอก
โดยไม่อาศัยความน่าจะเป็นด้วยวิธีเลือกตัวอย่าง
ที่เข้าไปเก่ียวข้อง
1. ผู้ให้ข้อมูลในการศึกษา เน่ืองจาก แบบเฉพ าะ เจ าะ จง ( Purposive selection)
ตามเกณฑ์ และการเลือกแบบลูกโซ่ (Snowball
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เป็นวิธีการศึกษาเพื่อ
ประโยชน์ของความสนใจอยากรู้ อยากทาความ technique) สาหรับผู้ให้ข้อมูลรอง ซึ่งเม่ือผู้วิจัย
เข้าใจ เปิดเผยรายละเอียดของสิ่งนั้นเป็นหลัก ทาการเลือกและเก็บข้อมูลกับผู้ให้ข้อมูลสาคัญได้
ในระยะหน่ึงแล้ว ก็จะเร่ิมมองเห็นกระบวนการ
จึงเน้นศึกษาจากผู้ให้ข้อมูลท่ีเป็นผู้ประสบกับ
เ ห ตุ ก า ร ณ์ ห รื อ มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ โ ด ย ต ร ง แ ล ะ มี บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัล
พระราชทาน และรู้ว่าควรจะศึกษาในประเด็นใด
ความพร้อมและยินยอมในการให้ข้อมูลในฐานะ
ผู้ให้ข้อมูลสาคัญ (Key informants) เพื่อทาการ ที่จะทาให้ได้คาตอบของการวิจัยชัดเจนยิ่งข้ึน
สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) และ ซ่ึงผู้ที่ให้ข้อมูลสาคัญจะให้คาแนะนากับผู้วิจัยว่า
ควรจะไปสัมภาษณ์บุคคลใดต่อไป ที่จะสามารถ
การสนทนากลุ่ม (Focus group) ซึ่งผู้ให้ข้อมูล
สาคัญน้ีแบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ คือ เ ป็ น ผู้ ใ ห้ ข้ อ มู ล ส า คั ญ ที่ ถ่ า ย ท อ ด ค ว า ม รู้ แ ล ะ
ประสบการณ์ในประเด็นท่ีผู้วิจัยต้องการศึกษาได้
1.1 ผ้ใู หข้ ้อมลู หลัก (Main informants)
ได้แก่ ผู้อานวยการสถานศึกษาในสถานศึกษา เป็นอย่างดี และเม่ือผู้วิจัยดาเนินการเก็บข้อมูล
ระดับประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีเคยได้รับรางวัล ต่อไปจนพบว่าแม้สัมภาษณ์คนอ่ืน ๆ ต่อไปก็ไม่ได้
ข้ อ มู ล ใ ห ม่ เ พ่ิ ม เ ติ ม อี ก เ รี ย ก ไ ด้ ว่ า ข้ อ มู ล
พระราชทาน จานวน 3 คน ซ่ึงเป็นผู้นาที่เข้มแข็ง
โดยเฉพาะผู้นาเชิงนวัตกรรม สามารถชักนาหรือ มคี วามอม่ิ ตัว (Saturation of Data) ผวู้ จิ ัยจึงหยุด
เก็บข้อมลู
สร้างแรงจูงใจให้ผู้ร่วมงานเกิดการเปลี่ยนแปลง
ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ใ ห้ เ ป็ น ไ ป ต า ม 2. การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บข้อมลู
เป้าหมาย รวมท้ังเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมาย ภาคสนามนนั้ ผวู้ ิจัยเดนิ ทางลงพน้ื ที่เก็บขอ้ มูลด้วย
ตนเอง โดยลงพ้ืนที่เป็นจานวน 3 ครั้ง ครั้งละ
ทาง ก าร ศึก ษา มีก าร ว าง แผน ก าร ทาง าน
มีความริเร่ิมสร้างสรรค์ รวมทั้งบริหารงานโดย 2 – 4 วัน ผวู้ จิ ยั ได้วางแผนการเดินทางและใช้เวลา
เก็บข้อมูลให้เหมาะสมด้วยการติดต่อนัดหมายกับ
มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาการเรียนรู้
ของผู้เรียน และรู้จักแสวงหาความรู้ให้ทันต่อ ผู้ให้ข้อมูลแต่ละคน โดยยึดเวลาที่ผู้ให้ข้อมูล
ความเปลยี่ นแปลงของสงั คม แต่ละคนสะดวกที่จะให้ข้อมูลเปน็ หลกั และเพื่อให้
ไ ด้ข้อ มูลที่สามารถตอ บปัญหาการวิจัยได้

ครอบคลุมในทุกประเด็น ผู้วิจัยจึงสรุปแนวทาง

6

วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data collection) หรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ คณะครู
ไว้ 2 แนวทาง คือ บุคลากร นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา
ผู้ปกครอง และคนในชุมชน ซ่ึงข้อมูลจาก
2.1 การเก็บรวบรวมข้อมลู จากเอกสาร โดย ผู้ให้ข้อมูลกลุ่มน้ีมีส่วนสาคัญ ในการช่วยอธิบาย
ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซ่ึงจะเน้น
ผู้ วิ จั ย ไ ด้ ท า ก า ร ศึ ก ษ า วิ เ ค ร า ะ ห์ เ อ ก ส า ร ไปในประเด็นที่เก่ียวข้องกับการบริหารจัดการ
(Document analysis) ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูล สถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน
โดยตรง
เบ้ืองต้นหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่
เอกสาร บันทึก หลักฐานสาคัญ ผลงาน รางวัล 2.2.3 การสังเกต (Observation) ผู้วิจัย
ต่าง ๆ หรอื เกยี รตบิ ัตรทสี่ ถานศึกษาไดร้ ับ เป็นตน้ ได้ทาการสังเกตแบบไม่ได้มีส่วนร่วมโดยสมบูรณ์
(Observer-as-Participant) ซึ่งเป็นการสังเกต
2.2 การเก็บรวบรวมข้อมลู ภาคสนาม โดยมี ร่วมกับการสัมภาษณ์เป็นหลัก โดยสังเกตว่าผู้ให้
วิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3 วิธกี ารหลัก ได้แก่ ข้อมูลน้ัน ขณะที่มีการพูดคุยสนทนา มีลักษณะ
ท่าทางหรือปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้ในกรณีที่
2.2.1 การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth เมื่อทราบว่าผู้ให้ข้อมูลจะมีการทากิจกรรมต่าง ๆ
interview) ผู้วิจัยดาเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกด้วย ผู้วิจัยได้ขออนุญาตติดตามผู้ให้ข้อมูลแต่ละรายไป
แนวคาถาม (Guideline) ที่มีลักษณะเป็นประเด็น ทากิจกรรม และอาศัยช่วงเวลาในการทากิจกรรม
น้ันพูดคุยสอบถามขอ้ มลู และสงั เกตไปดว้ ย
กว้าง ๆ ท่กี าหนดข้นึ ตามกรอบของปญั หาการวิจัย
ที่กาหนดไว้ แยกตามกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสาคัญ และใช้ 2.2.4 การจดบันทกึ (Field note) ผ้วู ิจัย
จดบันทึกข้อมูลอย่างทันท่วงทีภายหลังการสังเกต
วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (Informal เหตุก าร ณ์ท่ีเ ก่ี ยว ข้อ ง กั บ ปร ะ เ ด็น ที่ ส น ใ จ
interview) โดยหลีกเล่ียงภาษาท่ีเป็นทางการ และภายหลังการสัมภาษณ์ในทุกคร้ัง เพื่ อ
ขณะพูดคุยนั้นผู้วิจัยก็จะสอบถามเร่ืองท่ัวไป หลีกเลี่ยงการบิดเบือนหรือคลาดเคลื่อนเนื่องจาก
การลืมเลือน ในกรณีท่ีทาไม่ได้ในทันทีก็จะ
ร่วมด้วย เพื่อสร้างความเป็นกันเองให้ผู้ให้ข้อมูล จดบันทึกเฉพาะคาสาคัญ (Key words) เพ่ือเตอื น
รู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงการสัมภาษณ์ในสถานที่ ความจา และรีบบันทึกอย่างละเอียดทันที
เมื่อมโี อกาส
ซึ่งผู้ให้ข้อมูลสะดวกท่ีจะให้ข้อมูล เน้นการพูดคุย
ทาความเข้าใจให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกมีอิสระในการ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้วิจัยด้วย
ตอบคาถาม เน่ืองจากบางประเด็นอาจเป็นเร่ือง 4 วิธีการหลัก ท้ังการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม
การสังเกต และการจดบันทึก มีความเกี่ยวข้อง
ที่ค่อนข้างเป็นความลับ ผู้ให้ข้อมูลจึงสามารถ เชื่อมโยงกัน ซ่ึงในทุกครั้งท่ีมีการสัมภาษณ์
สงวนสิทธ์ิท่ีจะไม่เปิดเผยข้อมูลแก่ผู้วิจัยได้ และ หรือสนทนากลุ่ม ผู้วิจัยจะดาเนินการสังเกตร่วม
ไปด้วย เพราะข้อมูลจากการสังเกตเป็นส่วนหน่ึง
ในการสัมภาษณ์ทุกครั้ง ผู้วิจัยจะขออนุญาต ที่ทาให้ผู้วิจัยเข้าใจประสบการณ์ตามการรับรู้
ใ น ก า ร บั น ทึ ก เ สี ย ง แ ล ะ บั น ทึ ก ภ า พ ท้ั ง น้ี ของผู้ให้ขอ้ มลู แต่ละรายได้ชัดเจนข้นึ รวมถงึ เข้าใจ
ในการสัมภาษณ์ แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 1-3
7
ช่ัวโมง ยืดหยุ่นตามความสะดวกของผู้ให้ข้อมูล
ในการสนทนาผวู้ ิจยั จะกระทา โดยไม่เรง่ รบี เพื่อให้

ผู้ให้ข้อมูลมีเวลาในการทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ
แสดงความเห็นอย่างเต็มที่และสามารถเปิดเผยได้
อยา่ งตรงไปตรงมา

2.2.2 การสนทนากลุ่ม (Focus group)
ผู้วิจัยได้ทาการสนทนากลุ่มกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

สภาพบริบททางกายภาพ ส่วนการจดบันทึกน้ัน 3.2 คาถามเพื่อขอรายละเอียดและ
ผู้วิจัยจะดาเนินการทันทีหลงั การสมั ภาษณ์สิน้ สุดลง ความชัดเจน (Probing questions) เป็นคาถาม
หลังจากท่ีผู้ให้ข้อมูลตอบคาถามหลัก แต่คาตอบ
3. เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ยังไม่ชัดเจนพอ อาจจะขอรายละเอียดหรืออาจมี
ประเด็นใหม่ท่นี า่ ร้นู า่ ติดตาม ซง่ึ จะชว่ ยให้ผวู้ ิจัยได้
เพอ่ื ใหก้ ารเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างมีทิศทาง ข้อมูลที่มีรายละเอียดลงลึกในเร่ืองนั้น ๆ มากขึ้น
ผู้วิจัยจึงมีแนวคาถามสาหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก ช่วยให้ได้ความชัดเจนมากขึ้น และแสดงให้
ผู้ให้ข้อมูลเห็นว่าส่ิงท่ีเขาพูดนั้น ผู้วิจัยกาลังรับฟัง
โดยได้สร้างแนวคาถาม (Questions framework) ดว้ ยความสนใจและใสใ่ จ
ส า ห รั บ ก า ร เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล มี ลั ก ษ ณะ
เป็นประเด็นกว้าง ๆ ท่ีกาหนดข้ึนตามกรอบ 3.3 คาถามเพ่ือตามประเด็น (Follow-
up questions) เป็นคาถามที่ผู้วิจัยมุ่งจะเพ่ิมมิติ
ของปญั หาการวิจยั เพอ่ื ให้มเี นอ้ื หาครอบคลมุ เร่ือง ทัง้ ทางกว้างและทางลกึ ของเรื่องท่ีศึกษาให้มากข้ึน
ที่ต้องการศึกษา และใช้เป็นแนวทางสาหรับ โ ด ย ก า ร น า เ อ า เ ร่ื อ ง ใ ห ม่ ท่ี เ พิ่ ง ไ ด้ พ บ จาก
การสัมภาษณ์ขึ้นมาเป็นประเด็นถามต่อ โดยมี
การปฏิบัติงานในภาคสนาม ท้ังน้ี เม่ือผู้วิจัยได้ จุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับหัวข้อวิจัย
เข้าไปดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจริงจะมี ให้ลึกลงไป คาถามประเภทนี้ผู้วิจัยจะใช้เฉพาะ
การปรับเปลี่ยนและสร้างประเด็นคาถามใหม่ ๆ ขณะที่ทา การสัมภาษณ์ หรืออาจเก็บไวส้ ัมภาษณ์
คราวหลังถ้าเป็นเร่ืองท่ีมีประเด็นความสาคัญมาก
อยู่เสมอตามความเหมาะสม มีความยืดหยุ่น และตอ้ งใชเ้ วลา
ในการสนทนาที่ข้ึนอยู่กับสถานการณ์ เพื่อช่วยให้
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้ถูกศึกษามีเวลาในการทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทันที
แ ล ะ ส า ม า ร ถ เ ปิ ด เ ผ ย ไ ด้ อ ย่ า ง ต ร ง ไ ป ต ร ง ม า ท่ีเก็บข้อมูลจากสนามวิจัยไดจ้ านวนหนง่ึ ซึ่งข้อมลู
โดยคาถามในการสัมภาษณ์จะมีลักษณะสาคัญ ท่ีได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนแรก ผู้วิจัยใช้
เป็นตัวกาหนดทิศทางในการเก็บรวบรวมข้อมูล
3 ประการ คอื ในครัง้ ต่อไป และใช้เป็นขอ้ มูลในการแกไ้ ขปรบั ปรุง
3.1 คาถามหลัก (Main questions) หรือกาหนดประเด็นคาถามย่อยของการวิจัย
ข้ึนใหม่ โดยดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและ
ซึ่งเป็นคาถามท่ีผู้วิจัยได้ตั้งประเด็นข้ึนมาสาหรับ การวิเคราะห์ข้อมูลไปพร้อมกัน สาหรับการวิจัย
การสัมภาษณ์ไว้ล่วงหน้า ( Interview guide) ใ น ค ร้ั ง นี้ ผู้ วิ จั ย ไ ด้ ท า ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล
เ พื่ อ ใ ห้ ค ร อ บ ค ลุ ม ป ร ะ เ ด็ น ที่ จ ะ ท า ก า ร ศึ ก ษ า ตามแนวทางของไมลส์และ ฮูเบอร์แมน (Miles &
Huberman, 1994) ซง่ึ มรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้
โดยแนวคาถามท่ีกาหนดไว้ในครั้งนี้ เป็นเพียง
กรอบการสัมภาษณ์ท่ีกาหนดในเบื้องต้น เพ่ือใหไ้ ด้ 4. 1 ก า ร จั ด ร ะ เบี ย บข้ อ มูล ( Data
organizing) ผู้วิจัยนาข้อมูลที่ได้จากการลงสนาม
ข้อมูลท่ีตอบคาถามการวิจัยได้ แต่ท้ังนี้ต้องมี เพื่อสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลมาทาการวิเคราะห์
คว ามยืดหยุ่น และ สามาร ถปรับเปล่ียน ไ ด้ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการจัดระเบียบของข้อมูล เพราะ
ตลอดเวลา ทั้งในแง่ของการใช้ถ้อยคาในเวลาถาม
8
และลาดับก่อนหลังคาถามขึ้นอยู่กับผู้ให้สัมภาษณ์
และสถานการณ์ในการสัมภาษณ์

อนงึ่ ในการทบทวนความสอดคล้องระหว่าง
คาถามกับประเด็นการวิจัยในคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้ให้
ผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน กล่ันกรองแนวคาถาม

ก่อนนาไปใช้จริง

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ข้อมูลทีเ่ ก็บรวบรวมมาจากภาคสนามน้นั มกั ไม่อยู่ 4.3 การหาข้อสรุป การตีความ และการ
ในรูปท่ีพร้อมจะนาไปใช้วิเคราะห์ได้ทันที ดังน้ัน ตรวจสอบความถูกต้องแม่นตรงของผลการวิจัย
ผู้ วิ จั ย จึ ง น า ข้ อ มู ล ที่ เ ก็ บ รวบ ร วม ม า ไ ด้ มา จั ดรูป (Conclusion, Interpretation and Verification

ให้เหมาะสมก่อน ซึ่งก็คือข้อมูลที่ผู้วิจัยไ ด้ ) จากการที่ผู้วจิ ยั ได้ดาเนินการวิเคราะหข์ อ้ มูลทันที
จ า ก ก า ร สั ม ภ า ษ ณ์ ที่ ถู ก จ ด บั น ทึ ก ด้ ว ย ล า ย มื อ ที่เก็บข้อมูลจากสนามวิจัยได้จานวนหน่ึง และ

และการบันทกึ เสียงไว้ จากนน้ั ผู้วิจยั ทาการเปลี่ยน ดาเนินการเก็บข้อมูลไปจนกระท่ังเม่ือวิเคราะห์
ข้ อ มู ล เ ชิ ง ป ร ะ จั ก ษ์ ท่ี ไ ด้ ม า จ า ก ก า ร ถ อ ด เ ท ป ข้ อ มู ล แ ล้ ว ผู้ วิ จั ย มั่ น ใ จ ว่ า แ บ บ แ ผ น ข อ ง
บันทึกเสียงคาสัมภาษณ์อย่างละเอียด ชนิดคาต่อคา ชุดความหมายหรือมโนทัศน์ท่ีเกิดข้ึนน้ันซ้า ๆ กัน

( Transcribing interview) ใ ห้ ม า อ ยู่ ใ น รู ป จนเป็นแบบแผนที่แน่นอน แม้จะทาการสัมภาษณ์
แฟ้มข้อมูลท่ีพร้อมสาหรับการอ่านและสามารถ คนอื่น ๆ ต่อไปก็ไม่ได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีก เรียก

นาไปใช้ประมวลผลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน ได้ว่าข้อมูลมีความอ่ิมตัวเพยี งพอในช่วงระยะเวลา
ข้ันตอนต่อไป จากนั้นผู้วิจัยอ่านข้อมูลทั้งหมด ท่ีทาการวิจัย ผู้วิจัยจึงหยุดเก็บข้อมูล ทั้งนี้
เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของข้อมูลกอ่ น โดยพยายาม ในระหว่างท่ีวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ทาข้อสรุป

ขจัดอคติและการตัดสินล่วงหน้า ทาความเข้าใจ ชั่วคราวและตัดทอนข้อมูล (Memoing data
ความหมายผ่านข้อมูลที่มีการอ่านนี้ทาหลายรอบ reduction) ด้วยการลองเขียนข้อสรุปแต่ละเร่ือง

โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือเข้าใจมองเห็นภาพรวมของ ซ่ึงช่วยในการลดขนาดข้อมูลและช่วยกาจัดข้อมูล
ความคิดและประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูลหลักแต่ ทีไ่ มต่ ้องการออกไปได้
ละราย และเนื่องจากการวิจัยเชิงคุณภาพไม่เน้น
5. ก า ร ต ร ว จ ส อ บ คุ ณ ภ า พ ข้ อ มู ล
การใช้เครือ่ งมอื เพื่อเก็บรวบรวมข้อมลู จงึ ตอ้ งมีการ
เขียนบันทึกการสังเกต เพื่อสามารถนามาใช้ (Trustworthiness of the study)
ใ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ คุ ณ ภ า พ ข้ อ มู ล
ประกอบการวิเคราะห์ขอ้ มูล
4.2 การแสดงข้อมูล (Data display) (Trustworthiness of the study) นั้น ผู้วิจัยได้
ด า เ นิ น ก า ร อ ย่ า ง ต่ อ เ น่ื อ ง เ ริ่ ม ต้ั ง แ ต่ ช่ ว ง
การแสดงข้อมูลเป็นกระบวนการนาเสนอข้อมูล เริ่มเก็บข้อมูล ช่วงระหว่างเก็บข้อมูล ซ่ึงถือเป็น

โ ด ย ผู้ วิ จั ย ไ ด้ น า ข้ อ มู ล ท้ั ง ห ม ด ที่ ไ ด้ จ า ก การตรวจสอบทันทีในสนาม หรือแม้กระทั่ง
การตรวจสอบแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ เม่ือออกจากสนามไปแล้ว ก็อาจย้อนกลับมา

การพรรณนามากาหนดรหัส (Coding) และจัด ตรวจสอบข้อมูลบางส่วนอีกได้ หากข้อมูลที่ได้ไป
ข้อมูลเข้าไปเป็นหมวดหมู่ (Categoring) ซ่ึงการ แตเ่ ดิมมีลักษณะแปลกไม่สอดคลอ้ งกับขอ้ มูลอืน่ ๆ
วิเคราะห์ข้อมูลในคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้กาหนดรหัส ในชุดเดียวกัน สาหรับการตรวจสอบข้อมูล

สาหรบั การวิเคราะห์ดว้ ยการนาปญั หาการวิจยั เป็น ในงานวิจัยน้ี ผู้วิจัยดาเนินการทั้ง การตรวจสอบ
ตัวต้ัง และทาการกาหนดรหัสตั้งต้นให้สอดคล้อง ด้านความเช่ือถือได้ของข้อมูล (Credibility)

กับประเด็นปัญหาการวิจัยท่ีผู้วิจัยได้ต้ังขึ้น ซ่ึงใน ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ด้ า น ค ว า ม ไ ว้ ว า ง ใ จ ไ ด้
ข้ันตอนน้ีเป็นการท่ีผู้วิจัยได้มองหาความเหมือน ( Dependability) แ ล ะ ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ด้ า น
และความแตกต่างของชุดข้อมูล เพื่อแยกเอา การยืนยนั ผลการวจิ ัย (Confirmability)

ชดุ ข้อมลู ไปไว้ในหมวดหมูต่ ่าง ๆ ทส่ี ร้างไว้

9

วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

ผลการวิจยั ซึ่งจัดการศึกษาดี จนนักเรียนได้รับผลการเรียนดี
ผลการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก เป็นส่วนรวม นักเรียนและโรงเรียนท่ีมีคุณสมบัติ
ดังกล่าว สมควรจะได้รับรางวัลพระราชทานและ
ได้แก่ 1) ความเข้าใจและการให้ความหมาย ทรงยินดีจะพระราชทานรางวัลให้” ด้วยเหตุน้ี
ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร ( โ ด ย ก ร ม วิ ช า ก าร
ของการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาขนาดเลก็ เพ่ือรับ ซึ่งเป็นหน่วยงานในขณะน้ัน) ได้น้อมนาพระราช
รางวัลพระราชทานของผู้อานวยสถานศึกษาและ ปรารภมาพิจารณาดาเนินการด้วยความสานึก
ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และถือเป็น
ผู้มีส่วนเก่ียวข้องในสถานศึกษาต้นแบบ และ ภารกิจสาคัญที่ปฏิบัติสืบต่อมาต้ังแต่ปี พ.ศ. 2507
2) แนวปฏิบัติท่ีดีในการบริหารจัดการสถานศึกษา จนถึงทุกวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดี
ขนาดเลก็ เพอ่ื รับรางวลั พระราชทาน ดังนี้ ในการทากิจกรรมที่สนองพระราชปรารภของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 แล้ว
1. ความเข้าใจและการให้ความหมาย รางวัลพระราชทานยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิด
ของการบรหิ ารจัดการสถานศึกษาขนาดเลก็ เพื่อรับ การยกระดับและพัฒนามาตรฐานคุณภาพการจัด
การศกึ ษาของชาตใิ ห้ดยี ิง่ ขน้ึ ดว้ ย
รางวัลพระราชทานของผู้อานวยสถานศึกษาและ
ผูม้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งในสถานศึกษาตน้ แบบ “... ได้มีการวางระเบียบกระทรวง
ศึกษาธิการว่าด้วยรางวัลพระราชทานแก่นักเรียน
1.1 ผู้อานวยการสถานศึกษาและ และสถานศึกษาเพ่ือถือปฏิบัตินับตั้งแต่ปี พ.ศ.
2507 เป็นต้นมา ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก)
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบมีความ
เข้าใจว่าการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก “... กระทรวงศึกษาธิการมีการประกาศ
สมัครสถานศึกษารางวัลพระราชทานทุกปีอย่าง
เพ่ือรับรางวัลพระราชทานให้ประสบผลสาเร็จ ต่อเน่อื ง ...” (ครพู ะยูง)
ด้วยดีจะต้องได้รับการสนับสนุนจากต้นสังกัด
ต้งั แตร่ ะดับสถานศกึ ษาจนถงึ ระดับกระทรวง “... ต้นสังกัดของเราเห็นความสาคัญ
ขอ ง ก าร ยก ร ะ ดับคุณภาพ ก าร ศึก ษา จึง มี
กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมนาพระราช การประชาสัมพันธ์ การเสนอขอรับรางวัล
ปรารภมาพิจารณาดาเนินการด้วยความสานึก พระราชทานเป็นประจาทกุ ปี ...” (ครชู ิงชัน)

ในพระมหากรณุ าธิคุณเป็นลน้ พ้น ส า นั ก ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ก า ร ศึ ก ษ า
การคัดเลือกสถานศึกษาเพื่อรับรางวัล ขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) กระตุ้นการเสนอขอรับรางวัล
พระราชทาน
พระราชทานเกิดขึ้นจากน้าพระทัยอันเป่ียมด้วย
สพฐ. ได้กาหนดการคัดเลือกนักเรียน
พระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร และสถานศึกษาเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน ระดับ
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร การศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีสอดคล้องกับระเบียบ
และประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยรางวัล
( รั ช ก า ล ท่ี 9) ที่ ท ร ง มี พ ร ะ ร า ช ป ร า ร ภ พระราชทานแกน่ กั เรยี น นักศกึ ษาและสถานศึกษา
แด่ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(ม.ล.ปิ่น มาลากุล) ในปี พ.ศ. 2506 เมื่อครั้งเสด็จ 10

พระราชดาเนินทรงเปิดงานแสดงศิลปหัตถกรรม
นั ก เ รี ย น ป ร ะ จ า ปี ก า ร ศึ ก ษ า 2506 แ ล ะ

พระราชทานรางวัลให้แก่โรงเรียนราษฎร์สอน
ศาสนาอิสลาม ซ่ึงจัดการศึกษาดีเด่น ใจความ
ของพระราชปรารภมีว่า “มีนักเรียนจานวนมาก

ซ่ึงมีความประพฤติดี และมีความมานะพยายาม
ศึก ษาเล่าเรียน ไ ด้ผลดี ร ว มท้ัง มีโร ง เรียน

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ มีความสามารถในการคิดคานวณอยู่ในระดับท่ีดี
และแนวทางการคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา และ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ เ พ่ื อ ก า ร สื่ อ ส า ร ไ ด้
สถานศึกษาเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ทุกปี อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานและ ตัว ช้ีวั ด
ของหลักสูตรรวมท้ังนักเรียนควรจะต้อง มี
การศึกษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ความสามารถในการแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์
“... สพฐ. แบ่งการคัดเลือกสถานศึกษา คิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถอภิปรายแลกเปล่ียน
ความคิดเห็นอย่างเป็นขั้น ตอน และนาไ ป
ออกเป็นกลุ่มจังหวัดในการประเมินราง วัล ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย ...”
พระราชทานระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก)
13 กลุ่ม โดยสถานศึกษาทุกระดับการศึกษา
“... นอกจากนักเรียนจะต้องเป็นคนเกง่
ที่ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเกณฑ์เป็นลาดับท่ี 1 แล้ว ส่ิงท่ีขาดไม่ได้เลยก็คือ จะต้องเป็นคนดีด้วย
จะได้เขา้ รบั พระราชทานเกียรติบัตร และได้รับเงิน ...” (ครสู าธร)

รางวัล 40,000 บาท ส่วนสถานศึกษาที่ได้รับ “... นักเรียนต้องเป็นคนท่ีมีคุณธรรม
การคัดเลือกให้ผ่านเกณฑ์ในลาดับท่ี 2 และ 3 จริยธรรม ค่านิยม ตามที่กาหนดและแสดง
จะ ไ ด้รับเกี ยร ติบัตร ชมเชยจาก ก ร ะ ทร ว ง การกระทาที่สะท้อนว่าเห็นประโยชน์ส่วนรวม
มากกวา่ ส่วนตน มคี วามตระหนักและแสดงออกถึง
ศึกษาธิการ นอกจากน้ันสถานศึกษาที่ได้รับ การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ก า ร คั ด เ ลื อ ก แ ล ะ มี ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ่ า น เ ก ณ ฑ์ และส่ิงแวดล้อมอย่างชัดเจน โดยมีการวางแผน
ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ร่วมอนุรักษ์ท้ังภายในและ
ที่กาหนดในระดับกลุ่มจังหวัด จะได้รับเกียรติบตั ร ภายนอกสถานศกึ ษา ...” (ครูประด)ู่
จาก สพฐ. ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ข)
(2) พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาด้วย
“... สพฐ. ได้กาหนดเกณฑ์การประเมิน การวิเคราะห์และกาหนดเป้าหมายของการพฒั นา
คุณภาพการศึกษา ออกแบบ จัดทา นาไปใช้
ที่ ใ ห้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ใ น ก า ร ตั ด สิ น ต า ม ม า ต ร ฐ า น เก็บข้อมูลสารสนเทศผ่านกระบวนการวิจัยเพ่ือ
แต่ละด้าน นาไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษา พัฒนาอย่างต่อเน่ือง รวมถึงมีการจัดกิจกรรม
เสริมหลกั สูตรเพอ่ื ตอบสนองความแตกต่างระหว่าง
โดยรวมอกี ด้วย ...” (ครูกระพี)้ บุ ค ค ล แ ล ะ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ม า ต ร ฐ า น ก า ร เ รี ย น รู้
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ส น อ ง น โ ย บ า ย มีก าร จัดกิ จก รร มก ารเรียนรู้และกิ จกรรม
เสริมหลักสูตรตามหลักสูตรสถานศึกษา มีการใช้
โ ด ย ก า ร ก า ห น ด แ น ว ท า ง ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ส่ือ เทคโนโลยี เพ่ือการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ที่
เน้นการวิเคราะห์และการมีสว่ นร่วมของผเู้ ก่ยี วข้อง
สถานศกึ ษาขนาดเล็กเพือ่ รับรางวัลพระราชทาน ในการผลิต ให้บริการ นาไปใช้ บารุงรักษา
การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเลก็ อย่างเป็นระบบ ให้ความสาคัญกับชุมชนท้องถ่ิน
ที่สนับสนุนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการจัด
เพ่ือรับรางวัลพระราชทานให้บรรลุตามเป้าหมาย การศึกษาจนบรรลุตามเป้าหมายท่ีสถานศึกษา
และวัตถุประสงค์ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงกาหนด
แนวทางการดาเนินงานของสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน 11

ในมิตติ า่ ง ๆ ดงั น้ี
(1) มุ่ง เน้น ก าร สร้าง คว ามสาเร็จ

ท่ีปรากฏในตัวนักเรียนอันเป็นผลจากการจัด
ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า ใ น ด้ า น ผ ล สั ม ฤ ท ธ์ิ
ทางวิชาการและคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์

“... นักเรียนจะต้องมีความสามารถใน
การอ่านเขียนภาษาไทยและส่ือสารได้อยา่ งดี และ

วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

กาหนด ตลอดท้ังมีการพัฒนาระบบการวัดและ “... สถานศึกษาส่งเสริมคุณธรรม
ประเมินผลของสถานศึกษาให้มปี ระสิทธิภาพ จริยธรรม และค่านิยมท่ีดีงาม เพื่อพัฒนาครู
บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนสอดคล้อง
“... ครูจะนาผลการวิเคราะห์ความต้องการ
กับบริบทของโรงเรียนและชุมชนเป็นรูปธรรม
จาเป็นของสถานศึกษามาพัฒนาหลัก สูตร ชัดเจน ...” (ครูตะเทียนทอง)
ใ ห้ มี ค ว า ม ยื ด ห ยุ่ น แ ล ะ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ห ลั ก สู ต ร
( 4) ค รู จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ท่ี มี
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป้าหมายและ การออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียน
วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา แล้วนาหลักสูตร มีการกาหนดเปา้ หมายการเรียนรู้ทีเ่ ป็นองค์ความรู้
ของสถานศึกษาไปออกแบบจัดการเรียนการสอน
ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
อย่างเป็นขั้นตอน นอกจากนั้นมีการนิเทศติดตาม ตรงตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดของหลักสูตรและ
แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ก า ร ใ ช้ ห ลั ก สู ต ร อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง
จุดเน้นของสถานศึกษา มีการออกแบบกิจกรรม
เพ่ือนาผลมาปรับปรุงและพัฒนาหลัก สูตร การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ระบุแนวทาง
โดยใช้กระบวนการวจิ ยั ...” (ครมู ะคา่ ) ก า ร วั ด ผ ล ป ร ะ เ มิ น ผ ล แ ล ะ ก า ร ใ ช้ สื่ อ ไ ว้ ชั ด เ จ น

“ . . . มี รู ป แ บ บ ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม ที่ ดาเนินการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนมีโอกาส
ได้ฝึกฝน ปฏิบัติ ทางานกลุ่ม มีการอภิปราย
หลากหลาย ท้าทาย สร้างสรรค์ น่าสนใจ
ท้ังกิจกรรมรายบุคคล และกิจกรรมกลุ่ม ...” นาเสนอผลงานด้วยวิธีการท่ีเหมาะสม ประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีและการส่ือสาร นักเรียนไดค้ ดิ แกป้ ัญหา
(ครเู คี่ยม) สะท้อนความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ได้เรียนรู้
(3) ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาแสดงภาวะผู้นา
นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สร้างปฏิสัมพันธ์
ใ น ก า ร พั ฒ น า ส ถ า น ศึ ก ษ า ใ ห้ บ ร ร ลุ เ ป้ า ห ม า ย เชิงบวก ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล

โดยยึดหลักการบรหิ ารแบบมสี ว่ นร่วม สร้างผลงาน นักเรียนได้รับการกระตุ้นและพฒั นาวิธีการเรียนรู้
โดดเด่นเป็นท่ียอมรับ ปรับเปล่ียนวิสัยทัศน์ มีการตรวจสอบและประเมินการเรียนรู้อย่างเป็น
ระบบ ทั้งความรู้ความเข้าใจ การประยุกต์ใช้
ของบุคลากรในสถานศึกษาให้มุ่งพัฒนาสู่องค์กร
แห่งความเป็นเลิศ ดาเนินการจัดหาและพัฒนาส่ือ การวิเคราะห์ การประเมินค่าและคิดสร้างสรรค์
เทคโนโลยีและระบบสื่อสารเพื่อการบริหารและ เป็นระยะ จัดให้นักเรียนประเมินตนเอง และใช้

การจัดการเรียนการสอนได้อยา่ งคุ้มค่า ด้วยระบบ วิธีการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ทห่ี ลากหลาย
การประกนั คณุ ภาพภายในทเ่ี ขม้ แขง็ รายงานข้อมูลความก้าวหน้าแก่นักเรียน และ
เสนอแนะผู้ปกครองรวมทั้งใช้ข้อมูล การประเมิน
“ ... ผู้บริหาร จะ ต้องเป็นผู้นาท่ีดี
มีการสร้างขวัญกาลังใจให้แก่ครูและบุคลากร นกั เรียนเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
ทางการศึกษาให้ได้รบั การพัฒนาอย่างทั่วถึง และ “... ครูกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ให้

จ ะ ต้ อ ง ป ร ะ พ ฤ ติ ต น ใ ห้ เ ป็ น ที่ ย อ ม รั บ ข อ ง ผู้ มี ครอบคลุมทั้งด้านองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการ
ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง แ ล ะ ต้ อ ง ท า ใ ห้ บุ ค ล า ก ร มี และคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงคต์ ามมาตรฐานตัวชี้วัด
จุดเน้นของหลักสูตร และเพิ่มเติมเป้าหมายตาม
ความพึงพอใจในทุกการกระทาของผู้บริหาร ...”
(ผอ.ร.ร.พระราชทาน ค) ความต้องการจาเป็นของนักเรียนมีการออกแบบ

“... ผู้บริหารมีคุณธรรม จริยธรรมและ

อุทิศตนในการปฏิบตั ิงาน ...” (ครูพะยอม)

12

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ก า ร ม อ บ ห ม า ย ง า น การพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา เกิดจาก
ท่ีหลากหลาย ...” (ครสู ะเดา) การร่วมกันของทุกฝ่ายในสถานศึกษา ...”
(ครูยมหอม)
“... ครูออกแบบการเรียนรู้โดยใช้ข้อมลู
“... ผลการดาเนนิ โครงการเกิดประโยชน์
การวิเคราะห์นักเรียนและความเข้าใจนักเรียน ต่อการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน และ
รายบุคคลเน้นความสามารถในการอ่าน เขียน มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานต่าง ๆ ด้วย
วธิ กี ารทห่ี ลากหลาย ...” (ครูนนทร)ี
การสอ่ื สาร การคดิ คานวณ ...” (ครตู ะกู)
“... ครูจัดสอนซ่อมเสริมให้แก่นักเรียน 1.2 ผู้อานวยสถานศึกษาและผู้มีส่วน
เกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบให้ความหมาย
ที่มีความบกพร่องทางการเรียน เพ่ิมพูนศักยภาพ ของการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก
เพ่ือรับรางวลั พระราชทานว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง
นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษดูแลให้นักเรียน ท่ีต้องใช้เวลาและการลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งม่ัน
เรียนรู้ตามศักยภาพได้ท่ัวถึง ...” (ครูกระพ)้ี เพราะการเปลี่ยนแปลงท่ีประสบความสาเร็จนั้น
ล้วนข้ึนอยู่กับปัจจัยท่ีแตกต่างกันหลายประการ
(5) ดาเนินการโครงการ/กิจกรรม โดยเฉพาะปัจจัยด้านบุคลากร ซ่ึงผู้บริหาร
ของสถานศึกษาจนบรรลุผลสาเร็จ เกิดความ สถานศึกษาจะตอ้ งทาใหบ้ ุคลากรยอมรบั ในแนวคิด
ภาคภูมิใจ ซ่ึงโครงการ/กิจกรรมดีเด่นนั้นล้วนเป็น และพฤติกรรมใหม่ รวมทั้งจะต้องปรับเปลี่ยน
วัฒนธรรมเดิมและสร้างแรงจูงใจให้บุคลากร
โครงการที่เป็นโครงการตามแนวพระราชดาริของ สนับสนุนทิศทางใหม่ท่ีกาลังจะเกิดข้ึน เพื่อการ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล เดนิ ทางสเู่ ป้าหมายของความสาเร็จท่ีย่งั ยืน

อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ/หรือ “... โรงเรียนขนาดเล็กมีปัญหาการบริหาร
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร การจัดการเรียนการสอนหลายประการ และ
มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า เ ช่ น
งบประมาณไม่เพียงพอ ครูไม่ครบชั้น ครูยังขาด
โดยสอดคลอ้ งกบั วิสยั ทศั น์ นโยบาย และเปา้ หมาย น วั ต ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กั บ
การพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ส่งผลกระทบ โรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงเป็นส่วนสาคัญท่ีทาให้
การพัฒนาโรงเรียนไม่บรรลุเป้าหมาย แต่ผู้บริหาร
ถงึ คณุ ภาพนักเรียน ใช้หลกั การบริหารจดั การแบบ สามารถพลิกวิกฤตน้ีได้ หากสร้างแรงบันดาลใจ
มีส่วนร่วม เน้นการทางานท่ีเป็นระบบ เกิดประโยชน์ ที่ดีในการปฏิบัติงานให้กับครู ...” (ผอ.ร.ร.
ในวงกวา้ ง ทกุ ฝ่ายที่เกย่ี วข้องปฏิบตั ิงาน ดว้ ยความ พระราชทาน ข)

เต็มใจ ยึดเป้าหมายความสาเร็จของงานร่วมกัน “... จิตใจท่ีเข้มแข็งและการอยู่กับ
ผลงานจากการดาเนินโครงการ/กิจกรรมดีเด่นของ เพ่ือนร่วมงานอย่างเป็นสุข จะทาให้การทางาน
บรรลุเป้าหมายได้ แม้วา่ จะมขี ้อจากดั และอปุ สรรค
ส ถ า น ศึ ก ษ า เ กิ ด ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ ก า ร พั ฒ น า ก า ร มากมาย ...” (ครูสัตบรรณ)
ของนักเรียนรอบด้าน นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับ
ประโยชน์ ผลงานได้รับการยอมรับจากผู้เกีย่ วข้อง 13

และชุมชน มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงาน
อยา่ งแพร่หลาย

“... โครงการต่าง ๆ ของสถานศึกษา
ล้วนสนองแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยหู่ ัว ... ” (ครกู ันเกรา)

“... โครงการของสถานศึกษาสอดคลอ้ ง
กับวิสัยทัศน์ นโยบาย เป้าหมายและจุดเน้น

วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

“... ผู้บริหารคือผู้ท่ีอยู่เบ้ืองหลังแห่ง “… ผู้บริหารสถานศึกษาจาเป็นต้อง
ความสาเร็จ ไม่ทอดท้ิง ไม่ปล่อยให้เผชิญปัญหา บริหารเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดข้ึนใน
โดยลาพัง ...” (ครูพะยูง) อนาคต โดยเมื่อเกิดข้ึนแล้วจะส่งผลกระทบเชิงลบ
ต่อการบรรลุเป้าหมายหรือภารกิจขององค์กร
“... ทุกมิติในโรงเรียนเริ่มดีข้ึน เป็นไป ซ่ึง ต้อ ง คว บคุมกิ จก ร ร มและ ก ร ะ บว น ก าร
ในทิศทางที่ดี เพราะผู้นาสามารถทาให้เราเหน็ เสน้ ดาเนินงานตา่ ง ๆ ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ค)

ชัยไดช้ ดั เจน ... ” (ครูพฤกษ)์ “ … ผู้ อ า น ว ย ก า ร ต้ อ ง เ ป็ น ผู้ ท่ี มี
นอกจากน้ัน ผู้อานวยสถานศึกษาและ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ท้ั ง ง า น วิ ช า ก า ร แ ล ะ ง า น บ ริ ห า ร
จัดการโดดเด่น จนมีผลการพัฒนาประจักษ์ชัด ให้
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบยังกาหนด การดาเนินงานของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ
มีปร ะ สิทธิ ภาพ และ ปร ะ สิทธิ ผล จน ไ ด้รับ
องค์ประกอบของการบริหารจัดการสถานศึกษา การรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสานักงาน
ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานในประเด็น รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
...” (ครจู ามจรุ )ี
ต่าง ๆ โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี
1.2.1 ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้อง “... ผู้อานวยการโรงเรียนประพฤติ
ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจรรยาบรรณวิชาชีพ และ
มี วิ สั ย ทั ศ น์ เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ ภ า ย ใ ต้ ภ า ว ะ ผู้ น า ปฏิบัติงานตามหลักศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม
เป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา นักเรียน
เชงิ นวัตกรรม และชุมชน ท้ังในด้านความซื่อสัตย์สุจริต มีความ
การมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เป็นสิ่งสาคัญ ยุติธรรม ไม่ลาเอียง ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว
มีความม่ันคงทางอารมณ์ มีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่
ท่ีผู้บริหารสถานศึกษาพึงมี รวมท้ังควรยึดหลัก เสียสละทั้งเวลาและกาลังทรัพย์เพื่อประโยชน์
การบริหารแบบมีส่วนร่วมตามหลักธรรมาภิบาล สว่ นรวม มีการรักษาสุขภาพอนามัยตนเองแข็งแรง
ของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มีคุณธรรม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จนได้รับการไว้วางใจ
เป็นที่รู้จักและเป็นท่ียอมรับจากองค์กรต่าง ๆ
จริยธรรม และอุทิศตน ในการปฏิบตั ิงาน วางแผน อีกทั้งผู้บริหารโรงเรียนมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
พัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จัดทา เพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติตนเป็นแบบอย่าง
ที่ดีของสังคม และยึดหลักคุณธรรม การมีเมตตา
ห ลั ก สู ต ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ที่ พั ฒ น า คุ ณ ภา พ นั ก เรี ย น กรุณา รับฟังความคิดเห็น เคารพในกติกาและ
ทุกกลุ่มเป้าหมาย มีความเป็นประชาธิปไตย ความมีเหตุผล ความถูกต้อง โดยเน้นประโยชน์
สามารถบริหารและจัดการ มีผลงานโดดเด่น ของผ้เู รียนเปน็ สาคญั ...” (ครูมะคา่ )

เป็นท่ีประจักษ์ชัด สร้างขวัญกาลังใจแก่ครูและ “... ผู้บริหารโรงเรียนเป็นผู้มีแนวคิด
บุ ค ล า ก ร ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ใ ห้ ไ ด้ รั บ ก า ร พั ฒ น า วิ สั ย ทั ศ น์ ท่ี ก้ า ว ไ ก ล มี จุ ด ยืน ใ น ก า ร พัฒ น า
สถานศึกษาอย่างชัดเจน มีการปรับปรุงโครงสร้าง
อยา่ งทว่ั ถงึ และมีความพึงพอใจจากการบริหารงาน การ บริหาร ง าน ของ โร ง เรียน มอบหม า ย
ของผู้บริหาร และสามารถเป็นแบบอย่างท่ีดี
แกส่ ถานศกึ ษาอื่น ๆ 14

“… พฤติกรรมท่ีแสดงออกของผู้บริหาร
สถานศึกษาย่อมมีอิทธิพลต่อกระบวนการทางาน

บุคคลในสถานศึกษา เพื่อนาไปสู่การ สร้าง
น วั ตก ร ร มใหม่ ๆ และ ให้บร ร ลุเป้าหม า ย
เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีเพิ่มมูลค่าแก่สถานศึกษา

เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ ...” (ผอ.ร.ร.
พระราชทาน ข)

วารสารการวิจัยการศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

การปฏิบตั หิ นา้ ทต่ี ามความสามารถของบุคคล เน้น “... มีการบริหารงานโดยได้มอบหมาย
การทางานเป็นทีม มีการวางแผนติดตามงานอย่าง ให้ฝ่ายงานอาคารสถานท่ีและฝ่ายงานส่ิงแวดล้อม
เป็นระบบ รู้เท่าทันยุคสมัย สอดคล้องกับบริบท รั บ ผิ ด ช อ บ ดู แ ล แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง ภู มิ ทั ศ น์

มีความเป็นผู้นาและสร้างผู้นาให้สามารถนาชมุ ชน สภาพแวดล้อม ภายในและภายนอกของโรงเรียน
เข้าร่วมพัฒนาโรงเรียนด้วยความเต็มใจ ...” เพื่อให้เอ้ือต่อการเรียนรู้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง

(ครกู ันเกรา) และชุมชน โดยมีการออกคาส่ังแบ่งงานรับผิดชอบ
1.2.2 สถานศึกษาต้องมีระบบพัฒนา ในแต่ละกลมุ่ สที ง้ั ๕ วัน และมีการแบ่งพื้นท่ีบรเิ วณ
รับผิดชอบให้นักเรียนทุกระดับช้ันได้ร่วมกันทา
องค์กรให้เกิดประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศ การ
คว ามสะ อ าด และ ช่ว ยดูแ ล คว าม ส ะ อ า ด
พัฒนาองค์กรของสถานศึกษา ถือว่าสถานศึกษา ของในทุกพื้นที่ของโรงเรียน และมีระบบรักษา
เป็นส่วนหน่ึงของชุมชน การดาเนินงาน ประสาน
ความปลอดภัยท่ีมีประสิทธิภาพโดยมีการติดต้ัง
ความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ กล้อง CCTV ในทุกจุดท่ีสาคัญทั้งภายในและ
ร่วมกันในทุกภาคส่วน ได้แก่ สถานศึก ษา ภายนอกของโรงเรยี น ...” (ครสู าธร)
คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เครือข่าย
1.2.3 สถานศึกษาต้องจัดหาและพัฒนา
ผู้ปกครอง คณะครู บุคลากร นักเรียนผู้ปกครอง ส่อื เทคโนโลยแี ละการสอ่ื สาร ผ้บู ริหารสถานศึกษา
และชุมชนจึงเป็นส่ิงสาคัญย่ิงต่อการพฒั นาองค์กร
จะ ต้อ ง มีก าร ดาเนิน ก าร จัดหาและ พัฒนา
ให้ประสบความสาเร็จ เกิดประสิทธิภาพและ ส่ือเทคโนโลยีและการส่ือสารเพ่ือใช้ในการเรียน
มปี ระสิทธิผลสงู สดุ และใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรับจากสังคม การสอน และการบริหารและการจัดการ วางแผน

“... ต้องจัดให้มีการประชุมคณะครู และกาหนดแนวทางการใช้ ตลอดจนกากบั ติดตาม
ประเมินผลการใช้ และนาผลท่ีได้มาปรับปรุง
ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐานเพ่ือร่วมกัน ศึก ษาบริ บทของโรง เรี ย น พัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการเรียน
การสอนและการบรหิ ารงาน
ชมุ ชน นโยบายและจดุ เน้นในการจัดการศึกษาของ
โรงเรียน ความต้องการของชุมชน นโยบายและ “... ครู นักเรียนมีสื่อเทคโนโลยีและ
จุดเน้น ใน ก าร จั ดก าร ศึก ษา ข อง โร ง เ รี ย น
การสอื่ สารเพือ่ การศึกษาท่พี รอ้ ม เชน่ คอมพิวเตอร์
ความตอ้ งการของชมุ ชน ...” (ครสู ตั บรรณ) ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบโทรทัศน์และระบบวิทยุ
“... ครูพัฒนาระบบแนะแนวและระบบ
เพือ่ การศึกษา สอ่ื วดิ โี อกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ
ดูแลช่วยเหลือนักเรียน และดาเนินการอย่างมี ...” (ครูนนทร)ี
ประสิทธิภาพ ดูแลนักเรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย
กาหนดผู้รบั ผิดชอบชดั เจน ...” (ครไู ม้สัก) “... คุณครูสามารถใช้สื่อเทคโนโลยี

“... มีการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ใน จัดก าร เรียน ก าร สอ น ใน ห้อ ง เรียน และ
และค่านิยมที่ดีงามเพ่ือพัฒนาครู บุคลากรทาง ห้องศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องวิทยบริการมี

การศึกษา และนกั เรยี น ให้สอดคล้องกบั บรบิ ทของ คอมพิวเตอร์ในการค้นหาข้อมลู และหนงั สือต่าง ๆ
โรงเรียนและชุมชนเป็นรูปธรรมชัดเจน ...” และ ใชจ้ ดั การเรียนการสอนวิชาคอมพวิ เตอร์ ฯลฯ
(ครูตะกู) ...” (ครสู าธร)

15

วารสารการวิจยั การศึกษาข้ันพื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

“… จากการกากับติดตาม ประเมินผล ทาการตรวจสอบ ทบทวนและรายงานคุณภาพ
การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพ่ือการศึกษา ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ จั ด ใ ห้ มี ข้ อ มู ล ที่ เ พี ย ง พ อ ใ น ก า ร
อย่างต่อเน่ือง ทาให้ครูสามารถใช้ส่ือเทคโนโลยี ดาเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อนามา
กาหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจและแผนพัฒนากาหนด
ในการจัดการเรียนการสอน และนักเรียน บทบาทหน้าท่ีให้บุคลากรของสถานศึกษาทุกคน
มีความสามารถในการใช้สื่อ ค้นคว้าเรียนรู้ได้ รวมทั้งผู้เรียน รับผิดชอบและดาเนินงานตาม
ท่ีกาหนดไว้ อย่างอย่างมีประสิทธิภาพ ...”
อย่างเต็มท่ี ...” (ครูจามจรุ ี) (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก)
1.2.4 บุคลากรทุกคนต้องขับเคล่ือน
“... ดาเนินการระบบประกันคุณภาพ
ระบบการประกนั คุณภาพภายในสกู่ ารปฏิบัติอย่าง ภายในของโรงเรียน โดยยึดหลักวงจรคุณภาพ
PDCA ท่ีมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกส่วน เพ่ือมุ่ง
เข้มแข็ง สถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบการประกัน พฒั นาคุณภาพผเู้ รียน โดยคานงึ ถึงความพร้อมดา้ น
คุณภาพภายในสถานศึกษา ซ่ึงเป็นกระบวนการ ทรัพยากรบุคคล สถานท่ีซึ่งมีอยู่จากัด และการใช้
งบประมาณให้ได้ประโยชนส์ ูงสุด ... ” (ครูยมหอม)
ท่ีสร้างความม่ันใจแก่ทุกฝ่ายว่าการจัดการศึกษา
ทุกระดับมีคุณภาพและจะคงรักษาไว้ซ่ึงมาตรฐาน “... โรงเรียนมีการบริหารจัดการท่ีเปิด
เน้นการประเมินตามสภาพจริง ไม่ยุ่งยาก โอกาสให้คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง
เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เสนอแนะ
สร้างมาตรฐานระบบการประเมิน เพื่อลดภาระ ข้อ คิดเห็น ปร ะ เมิน คว ามพึงพ อ ใจในการ
การจัดเก็บข้อมูล ลดการจัดทาเอกสารที่ใช้ใน ดาเนินงานของโรงเรียน มีการรายงานผล
การประเมินตนเอง และเผยแพร่ต่อสาธารณชน
การประเมิน รวมท้ังพัฒนาผู้ประเมินภายใน และผมู้ สี ว่ นเกี่ยวขอ้ งอยา่ งต่อเนอ่ื ง ...” (ครตู ะกู)
ให้มีมาตรฐาน มีความน่าเช่ือถือ การประเมิน
คุณภาพของสถานศึกษาจะเน้นการเก็บข้อมูล 1.2.5 สถานศึกษาต้องจัดระบบข้อมูล
และสารสนเทศพื้นฐานทม่ี ีประสิทธิภาพ
ในเชิงคุณภาพ ตามบริบทของ สถาน ศึก ษา
ปรับกระบวนทัศน์ในการประเมินทีม่ ีเป้าหมายเพื่อ สถานศึกษาจะต้องมีการจัดระบบข้อมลู
และสารสนเทศพ้ืนฐานครอบคลุม ครบถ้วน
พัฒนาบนพ้ืนฐานบริบทของสถานศึกษา มาตรฐาน สมบรู ณ์ ระบบการใชง้ านมปี ระสทิ ธภิ าพ ง่าย และ
การศึกษาของสถานศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ สะดวกรวดเร็วต่อการสืบค้นและการให้บริการ
การพัฒนาทุนมนุษย์และเป็นเป้าหมายสาคัญท่ีสุด มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบและทันสมัย พัฒนา
ต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน มีการนาไปใช้ในการบริหาร
ทผ่ี ู้มสี ว่ นเกย่ี วข้องทกุ ฝา่ ยทกุ คนในสถานศึกษาต้อง และจัดการงานของสถานศึกษา รวมท้ังพัฒนาการ
รับรู้ และปฏิบัติงานในหน้าที่ท่ีรับผิดชอบให้บรรลุ จัดการเรียนการสอน มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
และกิจกรรมในสถานศึกษาที่ส่งผลถึงการพัฒนา
ถึงเป้าหมาย คือ มาตรฐานที่สถานศึกษากาหนด คุ ณ ภ า พ ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า ห ล า ก ห ล า ย วิ ธี แ ล ะ
และร่วมรบั ผิดชอบต่อผลการจดั การศกึ ษาท่ีเกดิ ข้ึน น่าสนใจ

“... โรงเรียนตระหนักถึงการประกัน 16

คุณภาพภายในสถานศึกษา จึงได้ทาจัดโครงสร้าง
การบริหารจดั การใหเ้ อื้อตอ่ การดาเนินงานที่ทุกคน

มีส่วนร่วม จัดฝึกอบรมให้ความรู้ กาหนดบทบาท
หน้าที่ให้บุคลากรของสถานศึกษา ทุกคน และมี
การประชาสัมพันธ์กับทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง แต่งตั้ง

คณะกรรมการเพื่อกาหนดแนวทางให้ความเห็น
แ ล ะ ข้ อ เ ส น อ แ น ะ แ ล ะ แ ต่ ง ตั้ ง ค ณ ะ บุ ค คล

วารสารการวิจัยการศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

“... มกี ารจัดระบบขอ้ มูลและสารสนเทศ 2. แ น ว ป ฏิ บั ติ ที่ ดี ใ น ก า ร ขั บ เ ค ล่ื อ น
พ้ืนฐานของสถานศึกษาครอบคลุม ครบถ้วน สถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล
สมบูรณ์ ระบบการใช้งาน มีประสิทธิภาพ ง่าย พระราชทาน การบริหารจัดการสถาน ศึก ษ า

และสะดวกรวดเรว็ ต่อการสืบค้นและการให้บริการ ขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทานควรเริ่มจาก
มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบและทันสมัย พัฒนา การมุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร

ต่อเน่ืองเป็นปัจจุบัน มีการนาไปใช้ในการบริหาร ทางการศึกษาโดยการเสรมิ สรา้ ง ฝกึ อบรม ประชุม
และจัดการงานของสถานศึกษา รวมทั้งพัฒนาการ สัมมนา ถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปล่ียนเรียนรู้
จัดการเรียนการสอน ...” (ครูมะค่า) เพ่ือให้มีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ คณุ ธรรม จริยธรรม

“ ... ใช้หลัก ก าร บริหาร ง าน แ บ บ และจรรยาบรรณวชิ าชพี เพิม่ ขน้ึ
มีส่วนร่วม มกี ารประชุมครู บคุ ลากรทางการศึกษา “... การฝึกอบรมจะช่วยให้บุคลากร

ป ร ะ ชุ ม ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ข้ั น พื้ น ฐ า น สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน
ประชุมผู้ปกครองนักเรียน โดยร่วมกันวางแผน พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพ่ือความก้าวหน้าของ
ก า ร ด า เ นิ น ง า น ข อ ง โ ร ง เ รี ย น แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล บุคลากรแต่ละคน และความก้าวหน้าของโรงเรียน

การดาเนินงานให้หน่วยงานต้นสังกัด ผู้ปกครอง ไปพร้อมกัน ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก)
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน “... ทุกคนในโรงเรียนจะต้องผันตัวเอง

และชุมชน ทราบ ...” (ครูสัตบรรณ) เข้าสู่กระบวนการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมอย่างมี
จะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการสถานศึกษา ระบบ เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องใด
เรื่องหน่ึง กระท่ังเปลี่ยนพฤติกรรมไปตาม
ขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทานเป็นวิธีการ
วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ที่ ก า ห น ด ต ล อ ด จ น พั ฒ น า
ท่ีทาให้บุคลากรเกิดความร่วมมือในการปฏบิ ัติงาน ความสามารถจนเกิดทักษะและความชานาญ ...”
และนาไปสู่ความสาเร็จในการยกระดับคุณภาพ
(ผอ.ร.ร.พระราชทาน ค)
ของสถานศึกษา สามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรม “... มีการจัดประชุมเพ่ือให้ครูออกแบบ
ของบุคลากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์เง่ือนไข
หรือสิ่งแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงไปโดยใช้กระบวนการ ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ โ ด ย ใ ช้ ข้ อ มู ล ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์

บริหารจัดการอย่างเป็นระบบและเหมาะสม นั ก เ รี ย น แ ล ะ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ นั ก เ รี ย น ร า ย บุ ค ค ล
เพ่ือให้งานสาเร็จและทุกคนเกิดพึงพอใจในการ เน้นความสามารถในการอ่าน เขียน การส่ือสาร

ปฏิบัติงาน อันประกอบไปด้วย 1) การมีวิสัยทัศน์ การคดิ คานวณ ...” (ครไู มส้ ัก)
เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ ภ า ย ใ ต้ ภ า ว ะ ผู้ น า เ ชิ ง น วั ต ก ร ร ม “... ครูส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาให้
ของผู้บริหาร 2) การมีระบบพัฒนาองค์กรให้เกิด
สามารถกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ครอบคลุมทั้ง
ประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศ 3) การจัดหาและ
พั ฒ น า สื่ อ เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ ก า ร ส่ื อ ส า ร ด้านองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการ และ
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด
4) การขับเคล่ือนระบบการประกันคุณภาพภายใน
สู่การปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง และ 5) การจัดระบบ จุดเน้นของหลักสูตร และเพิ่มเติมเป้าหมายตาม
ข้อมูลและสารสนเทศพ้ืนฐานของสถานศึกษาท่ีมี ความต้องการจาเป็นของนักเรียน มีการออกแบบ
กิ จ ก ร ร ม ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ ก า ร ม อ บ ห ม า ย ง า น
ประสิทธิภาพ
ที่หลากหลาย มีความท้าทาย สร้างสรรค์ ท้ังงาน

17

วารสารการวิจยั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

รายบุคคลและงานกลุ่มได้สอดคล้องกับเป้าหมาย อภปิ รายผลการวิจัย
และจดุ เนน้ ที่สถานศกึ ษากาหนด ...” (ครสู าธร) จากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหารจัดการ

“... ครมู กี ารแลกเปลีย่ นเรยี นร้ซู ่ึงกนั และกัน สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน
เ ป็ น วิ ธี ก า ร ท่ี ท า ใ ห้ บุ ค ล า ก ร เ กิ ด ค ว า ม ร่ ว ม มื อ
เก่ียวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามข้ันตอน ในการปฏิบัติงาน และนาไปสู่ความสาเร็จในการ
ที่ออกแบบไว้อย่างครบถ้วนและมีคุณภาพ ทาให้ ยกระดับคุณภาพของสถานศึกษา สามารถ
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมของบุคลากรให้เหมาะสมกับ
นักเรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ตามมาตรฐาน ตัวช้ีวัด สถานการณเ์ ง่ือนไขหรอื สง่ิ แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
ของหลกั สูตร และมีการประเมนิ การเรียนการสอน ไ ป โ ด ย ใ ช้ ก ร ะ บ ว น ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร อ ย่ า ง
สอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้โดยอิงพัฒนาการ เป็นระบบและเหมาะสม เพ่ือให้งานสาเร็จและ
ทุกคนเกิดพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ าน สอดคลอ้ งกับ
ของนักเรียนและนาผลการประเมินมาพัฒนา ทฤษฎีทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา
นักเรียนให้เตม็ ศักยภาพ ...” (ครยู มหอม) ( Social Cognitive Learning Theory) ข อ ง
แบนดูร่าที่เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจากการ มี
“... มีการส่งเสริมให้ครูได้รับการอบรม ปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งผเู้ รียนรู้กบั สิง่ แวดล้อมรอบตัวท่ี
เกี่ยวกับเทคนิคการสอนตามกลุ่มรายวิชา มีการ ต่างก็มีอิทธิพลซ่ึงกันและกัน โดยการสังเกตหรือ
ประชุมครู เพ่ือนิเทศติดตามผลการนาหลักสูตร ก า ร เ ลี ย น แ บ บ จ า ก ตั ว แ บ บ เ พ่ื อ ดู ว่ า ผู้ อื่ น แ ส ด ง
พฤติกรรมอย่างไรและได้รับผลตอบแทนเช่นไร
ไปใชใ้ นชั้นเรยี น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้ ซ่ึงความสาเร็จหรือความล้มเหลวของการกระทา
ส่ือการสอนโดยผู้บริหาร ฝ่ายวิชาการและ พฤติกรรมของผู้อื่นถือเป็นต้นแบบที่มีอิทธิพล
อย่างมากต่อการตดั สินใจทาพฤติกรรมต่าง ๆ ของ
ครูทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ...” (ครนู นทร)ี บุ ค ค ล ( นุ ช ลี อุ ป ภั ย , 2556) อธิ บายได้ ว่ า
“... ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องพัฒนา การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับ
รางวลั พระราชทานมีข้อสมมติเกยี่ วกบั สถานศึกษา
ผู้ใต้บังคับบัญชาให้สามารถร่วมมือปฏิบัติงาน ว่าภายในสถานศึกษาจะมีส่วนหรือหน่วยหรือ
ระบบย่อย ๆ ทาหน้าที่ต่าง ๆ ( Functions)
ตามโครงสร้างการบริหารงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไก อย่างเป็นระบบ เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษาดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ ง
สาคัญที่จะนาความสาเร็จและเสริมสร้างคุณภาพ มีรูปแบบ ซ่งึ เช่ือวา่ เป็นจุดมุ่งหมายของสถานศกึ ษา
โดยการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่าการที่ผู้บริหารและผู้มี
ทางการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น โดยการสร้างคุณภาพ ส่วนเกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการ
ในโรงเรียนจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความมั่นใจ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน
เกิดข้นึ กับผู้รับบริการทัง้ นกั เรียน ผ้ปู กครอง ชุมชน น้ัน การเรียนรู้ทางสังคมก็จะเกิดข้ึนทันที มีการ
ถา่ ยทอด ขัดเกลาสมาชกิ อนั เกี่ยวขอ้ งกบั การเข้าสู่
และสงั คมส่วนรวม ...” (ครูตะกู) ปรากฏการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการดารงอยู่ และ
เ ม่ื อ ข้ า ร า ช ก า ร ค รู แ ล ะ บุ ค ล า ก ร เงื่อนไขที่เก่ียวข้องกับกระบวนการบริหารจัดการ

ทางการศึกษาได้รับการพัฒนาแล้วก็จะสามารถ 18
นาผลท่ีได้จากการพัฒนา ไปใช้ประโยชนต่อการ
ปฏิบัติงานตามมาตรฐานการประเมินสถานศึกษา

เพื่อรับรางวัลพระราชทานให้มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล และเกิดการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา

อย่างต่อเนื่องยาวนาน และประสบความสาเร็จ
จนเป็นแบบอย่างให้แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ได้เป็น
อย่างดี อันเป็นการสร้างคุณค่าและรักษาความดี

ใหส้ มศกั ด์ศิ รรี างวลั พระราชทานสบื ไป

วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

สถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับรางวัลพระราชทาน วัยสูงอายุเป็น 8 ข้ัน โดยเน้นลักษณะสัมพันธภาพ
ด้วยเช่นกัน นอกจากน้ัน ผลการวิจัยครั้งน้ียังพบ ท่ีบุคคลมีกั บก ลุ่ มบุ ค ค ล ใน รูป แ บบ ต่ าง ๆ
ก า ร ถ่ า ย ท อ ด ค่ า นิ ย ม ต า ม บ ร ร ทั ด ฐ า น ต า ม ล า ดั บ วั ย ต้ั ง แ ต่ เ กิ ด จ น ถึ ง วั ย สู ง อ ายุ
(ศรีเรือน แก้วกังวาล, 2554) โดยเฉพาะในข้ันท่ี 7
ท่ีเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางสังคมไปยังสมาชิก และขั้นที่ 8 ที่เป็นวัยกลางคนซ่ึงอยู่ในช่วง
กลุ่มทางสังคมจะทาการอบรมสมาชิกของสังคม แห่งการทางาน มีการแบ่งปัน การเผ่ือแผ่
การสร้างสรรค์ ทั้งในส่ิงท่ีเป็นวัตถุส่ิงของ และ
เ พื่ อ ใ ห้ มี ค ว า ม ผู ก พั น แ ล ะ มี ส ม ร ร ถ น ะ ใ น สั ง ค ม พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความคิด ความชานาญ
โดยผา่ นตวั แทนทางสังคม (Socializating agents) ต่าง ๆ ต่อบุคคลอ่ืนและสังคม อันจะนาไปสู่
โดยใช้กลไกการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ถ่ายทอดถึง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก
เพื่อรับรางวัลพระราชทานของผู้บริหารและผู้ท่ี
บรรทัดฐาน ค่านิยม และความรู้ต่าง ๆ ท่ีจาเป็น เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้น ถ้าบุคลากรเกิดการพัฒนา
ต่อการกระทาบทบาทต่าง ๆ ของสมาชิก (งามตา ตนเองแล้วรู้จักนาภาวะผู้นามาใช้ในการทางาน
ให้เหมาะ สมกั บสภาพ ที่เปลี่ยน แปลง ขอ ง
วนินทานนท์, 2545) นั่นคือ เกิดกระบวนการ ส ถ า น ศึ ก ษ า โ ด ย ท า ใ ห้ ผู้ ร่ ว ม ง า น รู้ สึ ก ว่ า
ถ่ายทอดทางอาชีพ (ขจรศักดิ์ เขียวน้อย และ มคี วามบริสุทธใิ์ จในการทางานและเปน็ ตวั อย่างที่ดี
คนอ่ืน ๆ, 2557) ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายทอด แก่ผู้อ่ืนในเรื่องต่าง ๆ จะก่อให้เกิดความศรัทธา
ความสามคั คี ร่วมมอื รว่ มใจในการทางาน ซ่ึงส่งผล
บทบาทหน้าที่ ค่านิยม จรรยาบรรณวิชาชีพ โดยมี ใ ห้ ก า ร ด า เ นิ น ง า น ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า บ ร ร ลุ
กลวิธใี นการถา่ ยทอดทางสงั คมท้งั แบบเป็นทางการ ตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะในการพัฒนา
สถานศึกษาขนาดเล็กให้ได้รับรางวัลพระราชทาน
และไม่เป็นทางการ ผ่านตัวแทนทางสังคมหรือ และ ท่ามก ลาง ก ร ะ แส คว า มเ ป ล่ียน แ ป ล ง
ตัวแบบในการถ่ายทอดที่สาคัญ ทั้งน้ีผู้บริหารและ จ า เ ป็ น ต้ อ ง มี ก า ร บ ริ ห า ร เ พ่ื อ ก า ห น ด ทิ ศ ท า ง
ผู้ที่เกี่ยวข้องถือเป็นหนึ่งในตัวแทนการถ่ายทอด เป้าหมายขององค์การ และนาทรัพยากรท่ีมีอยู่
หรือจดั หามาได้มาดาเนินการ ให้กลายเป็นผลผลิต
ทางสังคม (Agent of socialization) เป็นกลุ่มท่ี และผลลัพธท์ ่ตี อ้ งการ
ทาหน้าที่ในการหล่อหลอมสมาชิกให้มีความรู้
จากข้างต้นที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า
ความสามารถ อุดมการณ์ ให้เป็นไปตามความ การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ
ตอ้ งการของสถานศึกษา รางวัลพระราชทานมุ่งเน้นไปที่การปรับเปล่ียน
พฤตกิ รรมของบคุ ลากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์
และจากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหาร เงื่อนไขหรือส่ิงแวดล้อม ที่เปล่ียนแปลงไป โดยใช้
กระบวนการบริหารจัดการและการนาอย่างเป็น
จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับร างวัล ระบบอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ภาวะผู้นา
พ ร ะ ร า ช ท า น ค ว ร เ ริ่ ม จ า ก ก า ร มุ่ ง เ น้ น พั ฒ น า เชิงนวัตกรรมเพ่ือให้เกิดการยกระดับคุณภาพ
ของสถานศึกษาขนาดเล็กอันเป็นการเปล่ียนแปลง
ข้าราชการครูและบุคลากร ทางก าร ศึก ษา
เม่ือข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาได้รบั 19
ก า ร พั ฒ น า แ ล้ ว ก็ จ ะ ส า ม า ร ถ น า ผ ล ที่ ไ ด้ จ า ก

ก า ร พั ฒ น า ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น ต่ อ ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น
ตามมาตรฐานการประเมินสถานศึกษาเพื่อรับ

รางวัลพระราชทานให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
และเกิดการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งต่อเนื่อง
ยาวนาน และประสบความสาเรจ็ นั้น สอดคล้องกับ

ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพของอิริคสัน (Erikson,
1964) ท่ีได้แบ่งชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนเข้าสู่

วารสารการวิจัยการศึกษาขนั้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ค ร้ั ง ยิ่ ง ใ ห ญ่ ใ น ร ะ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร แ ล ะ จั ด ก า ร วิชาชีพเพิ่มขึ้น สามารถนาผลที่ได้จากการพัฒนา
การศึกษาของประเทศไทย ไปใช้ประโยชนต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน
การประเมินสถานศึกษาเพื่อรับรางวลั พระราชทาน
ข้อเสนอแนะในการนาผลการวิจยั ไปใช้
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ ใหม้ ีประสิทธภิ าพ ประสทิ ธิผล และเกดิ การพัฒนา
ในการขอรับรางวัลพระราชทาน ประเภท คุ ณ ภ า พ ก า ร ศึ ก ษ า อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง ย า ว น า น นั้ น

สถานศึกษาระดับประถมศึกษาขนาดเลก็ บคุ ลากร กล่าวได้ว่า “บุคลากร” เป็นปัจจัยสาคัญท่ีมี
ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน อิทธิพลทาให้เกิดพฤติกรรม การบริหารจัดการ
อันจะนาไปสู่ความสาเร็จในการยกระดับคุณภาพ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน
ของสถานศึกษาได้อย่างย่ังยืน บนพื้นฐาน
ก า ร มี วิ สั ย ทั ศ น์ เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ ภ า ย ใ ต้ ภ า ว ะ ผู้ น า ดั ง นั้ น ห า ก ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ บุ ค ล า ก ร ใ น ส ถ า น ศึ ก ษ า
เชงิ นวตั กรรมของผู้บริหาร รวมท้ังพฒั นาองค์กรให้ มีพฤติกรรมดังกล่าว มีความจาเป็นอย่างย่ิง
เกิดประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศอย่างเป็นระบบ
ตลอดจนสถานศึกษาต้องการพัฒนาสื่อเทคโนโลยี ท่ีจะต้องกาหนดกรอบการพัฒนาบุคลากร ซ่ึงอาจ
และการส่ือสาร ขับเคลื่อนระบบการประกัน ใชว้ ิธกี ารฝกึ อบรมดว้ ยโปรแกรมการพฒั นา
คุณภาพภายในสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ทีช่ ดั เจน นอกจากน้นั สถานศึกษาต้องจดั ระบบ ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยครงั้ ต่อไป
ข้อมูลและสารสนเทศพ้ืนฐานของสถานศึกษา
ใหม้ ีประสิทธิภาพสงู สดุ การวิจัยคร้ังนี้เป็นเพียงการหาคาตอบ
ของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยวิธีการวิจัย
ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย
จากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหารจัดการ เชิงคุณภาพเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อให้การ
สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ยืนยันข้อมูลมีความลุ่มลึกมากขึ้น อาจศึกษา
ควรเร่ิมจากการมุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการครูและ เ พ่ิ ม เ ติ ม ด้ ว ย วิ ธี ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง ป ริ ม า ณ เ พ่ื อ ศึ ก ษ า
บุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้มีความรู้ ทักษะ
เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการบริหาร
จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพ่ือรับร างวัล

พระราชทาน หรืออาจนารูปแบบการวิจัยครั้งน้ไี ป
ใช้กับกลุ่มเป้าหมายอื่นที่มีบริบทแตกต่างกัน
ออกไป โดยอาจปรบั เปลี่ยนตวั แปรให้เหมาะสมกับ

เนื้อหาและสถานการณ์

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศักราช 2542 และทแ่ี ก้ไขเพมิ่ เติม
(ฉบบั ท่ี 2) พทุ ธศกั ราช 2545. กรงุ เทพมหานคร: คุรสุ ภา.

________. (2563). ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอื่ ง นโยบายและจดุ เน้นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563. สืบค้นเม่ือ 22 ธันวาคม 2563. จาก http://www.psdg.moe.go.th/
psdg61/images/2562/Sep/mail/1351.pdf

20

วารสารการวิจยั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ขจรศักด์ิ เขียวน้อย; และคนอ่นื ๆ. (2557, มกราคม). “กระบวนการถา่ ยทอดทางสังคมเชิงอาชีพเสรีในกลมุ่
อาเซียน: กรณีศึกษาวชิ าชพี สถาปนกิ ,” วารสารพฤตกิ รรมศาสตรเ์ พ่อื การพัฒนา. 6(1): 87-101.

งามตา วนินทานนท.์ (2545). เอกสารคาสอนวิชา วป581 การถา่ ยทอดทางสงั คมกบั พฒั นาการของมนษุ ย์.
กรงุ เทพฯ: สถาบันวิจัยพฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.

นชุ ลี อปุ ภัย. (2556). จิตวทิ ยาการศกึ ษา. พิมพค์ ร้งั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ : สานักพมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
ศรีเรอื น แกว้ กงั วาล. (2554). ทฤษฎีจิตวทิ ยาบุคลิกภาพ. พมิ พ์ครั้งที่ 16. กรุงเทพฯ: หมอชาวบา้ น.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน. (2561). คู่มือการประเมินสถานศึกษาเพื่อรับรางวัล

พระราชทาน ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง
ประเทศไทย.
________. (2563). นโยบายสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563.
กรงุ เทพฯ: ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
Erikson, E. H. (1964). Insight and responsibility. New York: Norton.
Litwin, G. H.; & Stringer, R. A. (1968). Motivation and Organization Climate. Boston:
Harvard University.
Miles, M. B.; & Huberman, A. M. (1994). Qualitative Data Analysis. (2nd ed). Thousand Oaks,
CA: Sage Publications.

21

วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

การพฒั นารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของสานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 25

Development of Professional Learning Community of
The Secondary Educational Service Area Office 25 Model

(PLC-KKSec25 Model)

คเชนทร์ กองพิลา*
Kachen Kongpila
บทคัดยอ่

การพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
(Development of Professional Learning Community of The Secondary Educational Service Area
Office 25 Model) : PLC-KKSec 25 Model ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา ( The Research and
Development) แบ่งการดาเนินงานเป็น 3 ระยะ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้
PLC-KKSec25 Model 2) เพ่ือทดลองใชร้ ูปแบบชมุ ชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model และ 3) เพอ่ื ศกึ ษา
ผลการใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ คณะผู้บริหารและครู
ในสหวิทยาเขตแก่นนครราชพฤกษ์ จานวน 447 คน แบ่งเป็นคณะผู้บริหาร 17 คน ครูผู้สอน 430 คน
เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน O-NET แบบนิเทศ กากับ
ติดตาม และประเมินผลการขับเคลื่อนชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model และแบบสอบถามออนไลน์
ความพงึ พอใจของครูผู้สอนท่ีมีต่อรูปแบบชุมชนแห่งการเรยี นรู้ PLC-KKSec25 Model ใชว้ ิธีการเก็บรวมรวม
ข้อมูลโดยคณะศึกษานิเทศก์ประจาแต่ละสหวิทยาเขต สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ
คา่ เฉล่ยี สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน

ผลการวจิ ยั พบว่า
1. รูปแบบชุมชนการเรียนร้ขู องสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 (Development of
Professional Learning Community of The Secondary Education Service Area Office 2 5 Model)
: PLC-KKSec25 Model มีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการและแนวคิดของ PLC-KKSec25
Model 2) จุดประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการขับเคล่ือน PLC-KKSec25 Model มี 4 ข้ันตอน คือ
(1) การวางแผนหลงั จากทีว่ ิเคราะห์และกาหนดประเดน็ ปญั หาท่ีตอ้ งการการแกไ้ ข (Plan) (2) การปฏบิ ัติตาม
แผนที่กาหนด (Act) (3) การสังเกตผลที่เกิดข้ึนจากการปฏิบัติงาน (Observe) (4) การสะท้อนผลหลังจาก
การปฏิบัติงาน (Reflection) 4) การวัดและประเมินผล และ 5) ข้อมูลย้อนกลับ ภายใต้องค์ประกอบของ
PLC-KKSec25 Model ท่ีมีการกาหนด บรรทัดฐานและสร้างค่านิยมร่วมกัน (Shared values and norms)
วิธีการปฏิบัติท่ีมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน (Collective focus on
student learning) การร่วมมือของครู (Collaboration) การเปิดใจและรับการชี้แนะจากการปฏิบัติงาน
( Expert advice and study visit) ก า ร ส ะ ท้ อ น ผ ล ก า ร ป ฏิ บัติ ง า น ( Reflection dialogue) แ ละ

* ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ ดร.สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 (จงั หวัดขอนแก่น)
Senior Professional Level Supervisors Dr., The Secondary Education Service Area Office 25 (Khon Kaen province)

22

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

การประยุกต์ใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่ประกอบด้วย ทรัพยากรแหล่งเรียนรู้บนเครือข่าย
กลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่าย กระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรูบ้ นเครอื ข่าย เครื่องมือแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
บนเครอื ขา่ ย และเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนเรียนรบู้ นเครอื ขา่ ย

2. รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model มีประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 87.69/86.27
จากการทดลองภาคสนาม (Field Testing)

3. ผลการศึกษาการใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น GPA (20.18) ในภาคเรียน 1/2561 สงู กวา่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น(20.08)ในภาคเรยี น 1/2560
โดยมีผลต่าง +0.1 ส่วนด้านผลจากการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน O-NET ของนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมสูงข้ึนทุกรายวิชา เมื่อเทียบกับระดับ สพม.25 (14.38) ระดับจังหวัด
(13.85) ระดับ สพฐ. (12.92) และระดับประเทศ (12.69) และผลจากการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ข้ันพื้นฐาน O-NET ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยภาพรวมสูงขึ้นทุกรายวิชา เม่ือเทียบกับระดับ
สพม.25 (6.03) ระดับจังหวัด(8.45) ระดับ สพฐ. (9.52) และระดับประเทศ (8.95) และจากการการนิเทศ
กากับ ติดตาม และประเมินผล การขับเคล่ือนชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model พบว่า โดยภาพรวม
มีการปฏิบัติอยูใ่ นระดบั ดีมาก และครูผูส้ อนมีความพึงพอใจอยใู่ นระดับมาก

คาสาคัญ : ชมุ ชนการเรยี นรูท้ างวชิ าชพี

Abstract

The development of professional learning community model of the Office of Secondary
Education Service Area 25 ( PLC-KKSec2 5 Model) was developed according to research and
development methods, divided into three phases. This study aims to ( 1 ) develop the
professional learning community model, ( 2 ) experiment with the professional learning
community model, and ( 3 ) study the effect of using the professional learning community
model. The sample consisted of 4 4 7 administrators and teachers in the Kaen Nakhon
Ratchapruek consortium, divided into 1 7 administrators, 4 3 0 teachers. The research
instruments were ( 1 ) O- NET basic national educational quiz, ( 2 ) supervision, directing,
monitoring and evaluation form for the professional learning community, and ( 3 ) online
questionnaire on teacher satisfaction with the professional learning community. The statistics
is used to analyze the data were frequency, percentage, mean, standard deviation.
The results of the research found that;

1 . Elements of the professional learning community model include 1 ) principle and
concept of PLC-KKSec25 model, 2) the purpose of PLC-KKSec25 model, 3) four processes that
drive work include: ( 1 ) planning and defining issues, ( 2 ) implementation of the plan,
( 3 ) observing the results of performance, ( 4 ) performance reflection, 4 ) evaluation and
assessment, and 5 ) feedback. Guidelines for implementing the community learning model

23

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

include: sharing values and norms, collective focus on student learning, collaboration, expert
advice and study visit, reflection dialogue, and the application of social media that consists of
networked learning resources, networked learning exchange groups, networked learning

processes, networked learning exchange tools, and networked learning exchange
technologies.

2 . The results of the implementation of the professional learning community model
were found to be as effective as 87.69/86.27 based on the E1/E2 efficiency concept from
field testing.

3 . The results of using the professional learning community model resulted in student
achievement in the first semester of the 2018 (20.18) was higher than that of the 2017 (20.08),

with a difference of +0.1. Comparison of O-NET scores of Mathayomsueksa 3 students in the
Secondary Educational Service Area Office 25(14.38) higher than the provincial level (13.85),
OBEC level (12.92) , and national level (1 2 .6 9 ) and the O-NET scores of Mathayomsueksa

6 students in the Secondary Educational Service Area Office 25(6.03) was better in all subjects
when compared to provincial level (8.45), OBEC level (9.25), and national level (8.95). Results

of supervision, directing, monitoring and evaluation were found to be at a very good level and
the satisfaction of the teachers with the professional learning community model was found
to be at a high level.

Keywords : Professional Learning Community/ PLC-KKSec25 Mode

บทนา เยาวชนไทยยังมีปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรม
จากรายงานของสานักงานเลขาธิการสภา
และพฤติกรรม เชน่ การใชค้ วามรุนแรง ยาเสพติด
การศึกษา ด้านคุณภาพการศึกษา พบว่า ผลจาก ขาดจิตอาสา ไมม่ วี ินัย ขาดความรบั ผดิ ชอบอีกด้วย
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวง
ศึ ก ษ า ธิ ก า ร , 2 5 6 1 ) ซึ่ ง ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ
O-NET ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ชั้น ป.6 ม.3 ผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา
และ ม.6 ใน 5 วิชาหลักตลอด 5 ปี ท่ีผ่านมาไม่มี
การเปลี่ยนแปลงมากนกั ส่วนใหญ่ได้คะแนนไมถ่ ึง (พ.ศ.2554 - 2558) ของสานักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
ร้อยละ 50 วิชาท่ีนักเรียนทาคะแนนได้ต่าท่ีสุด
ทุกระดับชั้น คือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และ พบว่า มีสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่ผ่านการประเมิน
เพียงร้อยละ 77.47 เท่าน้ัน (สานักงานรับรอง
วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะชั้น ม.6 ทาคะแนนวิชา มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา, 2560)
ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ได้เพียงร้อยละ
2 0 ก ว่ า เ ท่ า นั้ น น อ ก จ า ก ค ว า ม ไ ม่ ชั ด เ จ น อีกทงั้ ผลการประเมนิ ระดับนานาชาติจากโครงการ

ด้านความสามารถทางวิชาการแล้ว เด็กและ

24

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ศึกษาแนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และ ดาเนินการเพ่ือให้การปฏิรูปการเรียนรู้ดาเนิน
วิทยาศาสตร์ของนักเรียนไทยเทียบกับนานาชาติ คู่ ข น า น แ ล ะ เ ส ริ ม แ ร ง กั น ท้ั ง จ า ก ภ า ย ใ น แ ล ะ
( Trends in International Mathematics and จากภายนอกหัวใจสาคัญท่ีสุดของ PLC คือ
ใช้การวิจัยท่ีผสมผสานการวิจัยแบบมีส่วนร่วม
Science Study : TIMSS) ก็ ชี้ ใ ห้ เ ห็ น ปั ญ ห า (Participatory Research) กับการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
คุณภาพการศึกษาไทยของนกั เรียน ชั้นมัธยมศึกษา (Action Research) รวมถึงการวิจัยเชิงคุณภาพ
(Qualitative Research) เข้าด้วยกัน ซ่ึงเป็น
ปี ท่ี 2 ไ ด้ ค ะ แ น น เ ฉ ลี่ ย ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ แ ล ะ ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม
วิทยา ศาสตร์อยู่อันดับที่ 26 จาก 37 ประเทศ ( Participatory Action Research) ท่ี ท า โ ด ย
ท้ังสองวิชา (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ นัก วิ จัยและ คณะ บุคคลท่ีเป็น ผู้ปฏิบัติง าน
ในหน่วยงาน องค์กร หรือชุมชน โดยมีจุดมุ่งหมาย
และเทคโนโลยี, 2559) หลักเพื่อนาผลการศึกษาวิจัยท่ีค้นพบหรือสรรค์
จากรายงานสภาวะการศึกษาไทยปี 2559 - สร้างข้ึนไปใช้ปรับปรุงแก้ปัญหา หรือพัฒนา
คุณภาพการปฏิบัติงานได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
2560 ได้เสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพ สอดคลอ้ งกบั สภาพ ปัญหาท่ตี อ้ งการแก้ไข รวมทง้ั
ก า ร ศึ ก ษ า ข้ั น พื้ น ฐ า น ด้ ว ย ก า ร ถ อ ด บ ท เ รี ย น กลมกลืนกับโครงสร้างการบริหารงาน ตลอดจน
ครูที่สอนดี ซ่ึงได้รับการยกย่องโดยองค์กรต่าง ๆ บริบททางด้านสังคมและวัฒนธรรมและด้านอื่น ๆ
ที่แว ดล้อ มหรือ เกิ ดขึ้น ใน สถาน ท่ีเ หล่านั้น
เพ่ือขยายผลในรูปแบบของชุมชนแห่ง การเรียนรู้ (องอาจ นัยพัฒน์, 2548) โดยสามารถดาเนินการ
เพ่ือการพัฒนาวิชาชีพ (Professional Learning ได้หลายๆ ครั้ง จนกระทั่งผลการปฏิบัติงานน้ัน
บรรลุวัตถุประสงค์หรอื แก้ไขปัญหาที่ประสบอยไู่ ด้
Community – PLC) (สานัก ง านเลขาธิการ ส า เ ร็ จ โ ด ย ก า ห น ด ขั้ น ต อ น ข อ ง ก า ร วิ จั ย
สภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ, 2561) ประกอบด้วยการวางแผน (plan) การปฏิบัติ
ซ่ึงสอดคล้องกับผลการวิจัยของ Hord (1997) (action) การสังเกต (observation) และการ
สะทอ้ นกลบั (reflection) (วรี ะยทุ ธ์ ชาตะกาญจน์,
ที่ยืนยันว่าการดาเนินการในรูปแบบ PLC นาไปสู่ 2558)
การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพท้ังด้านวิชาชีพและ
จากปัญหาดังกล่าวสานักงานเขตพื้นที่
ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ดังนั้นครูและบุคลากร การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ให้ความสาคัญกับ
ทางการศึกษาจึงมีความสาคัญย่ิงต่อการพัฒนา การปฏิรูปการเรียนการสอนท่ีเกิดขึ้นในระดับ
คุ ณ ภ า พ ข อ ง ผู้ เ รี ย น ซึ่ ง ค รู แ ล ะ บุ ค ล า ก ร ช้ันเรียน ระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้ และในระดับ
โรงเรียนโดยใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของ
ทางการศึกษา ควรพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาการ สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 25 :
และวิชาชีพท่ีสอดคล้องกับภารกิจการปฏิบัติงาน PLC-KKSec25 Model เป็นนวัตกรรมในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาท่ีแท้จริงและต่อเนื่อง
ตามบทบาทหน้าที่ และเป็นการพัฒนาท่ีอิงพ้ืนท่ี จะทาให้เพิ่มสมรรถนะในการทางานของทุกฝ่าย
อยา่ งสมา่ เสมอ และต่อเนื่อง ในการพัฒนาคณุ ภาพ
คนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 25

ในลักษณะของ PLC (Professional Learning
Community) ถือเป็นเคร่ืองมือสาคัญในการ

ดารงชีวิต ที่ดีของครูในยุคศตวรรษท่ี 21 ให้ครู
รวมตัวกนั เป็นชมุ ชน (community) ทาหนา้ ท่ีเป็น
ผูน้ าการเปลีย่ นแปลง (Change Agent) ขับเคลอ่ื น

การเปลี่ยนแปลงในระดับ “ปฏริ ปู ” การเรยี นรูเ้ ป็น
การปฏิรูปที่“เกิดจากภายใน” คือครูร่วมกัน

วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

ซึ่งเป็นคุณลักษณะสาคัญที่ทาให้เกิดการพัฒนา วิชาชีพโดยมีเป้าหมายมุ่งพัฒนาผู้เรียน และ
การเรียนการสอน การบริหาร และการปฏิรูป ความก้าวหน้าของวิชาชีพครูบนพ้ืนฐานของการจดั
สถานศึกษาท่ีนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ด้วยการใช้ผลการปฏิบัติ
อย่างแท้จริงและย่ังยืนสอดรับกับการศึกษาใน
ศตวรรษที่ 21 และความท้าทายที่มีการเปลี่ยนแปลง ในห้องเรียนเป็นฐาน โดยใช้การวิจัยท่ีผสมผสาน
ตลอดเวลา การวิจัยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Research)

วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจัย กับการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
1. เพื่อพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของ ร ว ม ถึ ง ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง คุ ณ ภ า พ ( Qualitative
Research) เข้าด้วยกันเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ
สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 25
2. เพ่ือทดลองใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ แบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research)
ในลักษณะวงจรคุณภาพ PAOR ซง่ึ มี 4 ขั้นตอน คือ
ของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 25 (1) การวางแผนหลังจากที่วิเคราะห์และกาหนด
ปร ะ เด็น ปัญ หาที่ต้อ ง ก าร ก าร แก้ ไ ข ( Plan)
3. เพ่ือศึกษาผลการใช้รูปแบบชุมชน (2) การปฏิบัติตามแผนท่ีกาหนด (Act) (3) การ
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า
มัธยมศกึ ษา เขต 25 สังเกตผลที่เกิดข้ึนจากการปฏิบัติงาน (Observe)
(4) การสะท้อนผลหลัง จากก ารปฏิบัติง าน
หลักการหรอื แนวคดิ เชิงทฤษฎที สี่ นบั สนนุ
การพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ของสานักงาน (Reflection) ภายใต้การกาหนดบรรทัดฐานและ
สรา้ งคา่ นิยมร่วมกัน (Shared values and norms)
เ ข ต พื้ น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า มั ธ ย ม ศึ ก ษ า เ ข ต 2 5 วิธีการปฏิบัติท่ีมีเป้าหมายเดียวกันคือ การพัฒนา
( Professional Learning Community of The
Secondary Education Service Area Office 25) กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน (Collective focus
: PLC-KKSec25 Model เป็นกิจกรรมทางวิชาชีพท่ี on student learning) ก า ร ร่ ว ม มื อ ข อ ง ค รู
กลุ่มครู ผู้บริหาร แสวงหาแนวทาง หรือข้อตกลง
ร่วมกัน ในการปรับปรุงตนเองและพัฒนาวิชาชีพ (Collaboration) การเปิดใจและรับการช้ีแนะจาก
ทางการศึกษา ให้มีความเป็นมืออาชีพเกิดการ การปฏิบัติงาน (Expert advice and study visit)
เรียนรู้ท่ียัง่ ยืน รวมถึงการศึกษารูปแบบความสาเร็จ ก า ร ส ะ ท้ อ น ผ ล ก า ร ปฏิ บั ติ ง า น ( Reflection
ของสมาชิกหรือของผู้เชี่ยวชาญ (Best Practices)
นามาเป็นองค์ความรู้ในการพัฒนาต่อยอ ดใน dialogue) และการประยุกต์ใช้ส่ือสังคมออนไลน์
รูปแบบการวิจัย ในช้ันเรียน หรือการนานวัตกรรม (Social Media) เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร และ
ส ถ า น ศึ ก ษ า ท่ี ผ่ า น ก า ร คั ด ส ร ร จ น ไ ด้ รั บ ร า ง วั ล
มาต่อยอดเป็นผลงานและนวัตกรรมท่ีเกี่ยวกับการ การขับเคล่ือนในการปฏิบัตริ ่วมกนั สะท้อนคดิ และ
จัดการเรียนรู้ การบริหาร หรือการนิเทศ ท่ีได้จาก ปรับปรุงงานโดยจะต้องมีทรัพยากรแหล่งเรียนรูบ้ น
การทดลองปฏิบัติจริงจนเป็นที่ประจักษ์ สอดคล้อง เครือข่าย กลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่าย
กั บ บ ริ บ ท แ ล ะ ต ร ง ต า ม ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง ชุ ม ชน
ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น เ รี ย น รู้ บ น เ ค รื อ ข่ า ย
เครื่องมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่าย และ

เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น เ รี ย น รู้ บ น เ ค รื อ ข่ า ย
ซึ่งจะต้องมีการสร้างค่านิยม วิสัยทัศน์ เพ่ือกาหนด
เป็นเป้าหมายในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน

ตามกรอบทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21

26

วารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

จะเห็นได้ว่า การพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ ปฏิบัติการเรียนการสอนจริงในห้องเรียน และ
ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา มีการทบทวน สะท้อนผลจากการสังเกตเพื่อนา
เขต 25 (Professional Learning Community ข้อมูลมาปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้นเพ่ือแก้ปัญหา
of The Secondary Education Service Area
Office 25) : PLC-KKSec25 Model) ดาเนินการ พัฒนา และเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ
โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยผู้รายงานได้ศึกษาทฤษฎี หลักการ เอกสาร
(Participatory Action Research) ใน ลัก ษณะ
วงจรคุณภาพ PAOR ในการขับเคล่ือนและพัฒนา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ท่ีสอดคล้องกับ “PLC
โ ด ย ยึ ด ห ลั ก ก า ร ท า ง า น เ ป็ น ที ม ท่ี มี ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ( Professional Learning Community) :
ให้คาแนะนา ร่วมมือกันเรียนรู้จากการลงมือ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ” มาสรุปเป็น

กรอบแนวคิดการวจิ ัย กรอบแนวคดิ การวิจัยดงั ปรากฏในภาพ

27

วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

ระเบียบวธิ กี ารวจิ ยั และแผนการวิจัย การเก็บรวบรวมขอ้ มูล
การพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของ 1) การบันทึกแนวคิด ทฤษฎี หลักการ
โ ด ย ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า เ อ ก ส า ร แ ล ะ ง า น วิ จั ย ท่ี
สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 25 : เกี่ยวข้องกับการพัฒนากรอบแนวคิดของรูปแบบ
ชุ ม ช น ก า ร เ รี ย น รู้ ( PLC- KKsec2 5 Model)
PLC-KKSec 25 Model ผู้วิจัยใช้รูปแบบการวิจัย โ ด ย ค้ น ห า ทั้ ง เ อ ก ส า ร ที่ เ ป็ น ส่ื อ ส่ิ ง พิ ม พ์ แ ล ะ สื่ อ
และพฒั นา (The Research and Development) ทางเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต
2) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์
โดยแบ่งการดาเนินงานเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ผู้เชี่ยวชาญ 15 คน ประกอบด้วยประธาน
1) การพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ : PLC- สหวิทยาเขต 5 คนศึกษานิเทศก์ จานวน 5 คน
KKSec25 Model 2) การทดลองใช้รูปแบบชุมชน และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (จบการศึกษาระดับปริญญา
เอก/ และครูท่ีมีผลการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best
ก า ร เ รี ย น รู้ : PLC- KKSec2 5 Model แ ล ะ Practice) จานวน 5 คน ในการประชุมเตรียม
3) ก าร ศึก ษาผลของ การใช้รูปแบบชุมชน ความพร้อมการขับเคล่ือนชุมชนการเรียนรู้ทาง
วิ ชาชีพ ขอ ง สานัก ง าน เขตพื้น ที่ก าร ศึก ษ า
ก า ร เ รี ย น รู้ : PLC- KKSec2 5 Model โ ด ย มัธยมศึกษา เขต 25
ดาเนินการในลักษณะการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ 3) แบบบันทึกการติดตามการขับเคล่ือน
มีส่ว น ร่ว ม ( Participatory Action Research : ก ร ะ บ ว น ก า ร PLC( Professional Learning
Community) โดยผู้วิจัยร่วมเป็นคณะกรรมการ
PAR) ด้วยวงจรคณุ ภาพ PAOR ซ่งึ มี 4 ข้นั ตอน คือ ในการตดิ ตามจากคณะของ สพฐ.
1) การวางแผนหลังจากท่ีวิเคราะห์และกาหนด 4) ประเมินกรอบแนวคิดของรูปแบบชมุ ชน
ก า ร เ รี ย น รู้ ( PLC- KKsec2 5 Model) โ ด ย
ประเด็นปัญหาท่ีต้องการการแก้ไข ( Plan) ผู้เช่ียวชาญ 3 ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความ
2) การปฏิบัติตามแผนท่ีกาหนด (Act) 3) การ เหมาะสม จากค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of
สังเกตผลที่เกิดข้ึนจากการปฏิบัติงาน (Observe) Congruence : IOC) มีค่าเท่ากับ 0.94 ของข้อ
คาถามตามกรอบแนวคิดท่ีกาหนด จากน้ันทาการ
และ 4) การสะท้อนผลหลังจากการปฏิบัติงาน ปรับปรงุ แกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะของผู้เชีย่ วชาญ
(Reflection) ซ่ึงมรี ายละเอียด ดงั น้ี 5) ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบ
ชุ ม ช น ก า ร เ รี ย น รู้ ( PLC- KKsec2 5 Model)
ระย ะท่ี 1 ก าร พัฒ น ารูปแบบชุมชน โดยผู้เชี่ยวชาญ 9 ท่าน โดยใช้ Rating Scale
การเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model 5 ระดับ และกาหนดเกณฑ์การแปลความหมาย
5 ร ะ ดั บ ( บุ ญ ช ม ศ รี ส ะ อ า ด , 2 5 4 3 ) ซ่ึ ง
เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการวจิ ยั แบบประเมินมคี วามเหมาะสมภาพรวมอยู่ในระดับ
มากทส่ี ดุ (ค่าเฉลี่ย 4.51)
1) แบบบันทึกการวิเคราะห์ สังเคราะห์
หลกั การ แนวคิด ทฤษฎี 28

2) แบบสัมภาษณ์มโี ครงสรา้ ง
3 ) แ บ บ บั น ทึ ก ข้ อ มู ล ก า ร ติ ด ต า ม
การขับเคลื่อนกระบวนการ PLC (Professional

Learning Community) พัฒนาจากสานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน)

4) แบบประเมินกรอบแนวคิดของรูปแบบ
ชมุ ชนการเรยี นรู้ (PLC-KKsec25 Model)

5) แบบประเมนิ ความเหมาะสมของรูปแบบ

ชุมชนการเรียนรู้ (PLC-KKsec25 Model)

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

การวิเคราะหข์ อ้ มูล 2) แบบทดสอบการศึกษาระดับชาติ
1) การตรวจสอบ วิเคราะห์เอกสาร และ ขนั้ พนื้ ฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2560
สังเคราะห์กรอบแนวคิดการพัฒนารูปแบบชุมชน
3 ) แ บ บ นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม แ ล ะ
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า
มัธยมศึกษา เขต 25 : PLC-KKSec25 Model ประเมินผล การขับเคล่ือนชุมชนการเรียนรู้ของ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
ใช้วธิ กี ารบรรยายเชงิ วิเคราะห์และสรุปตีความจาก
ข้อมูลเกี่ยวกับหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และ (PLC-KKSec25 Model)
การวิจัยเอกสาร การเก็บรวบรวมข้อมลู
1) เก็บขอ้ มลู จากแบบประเมินประสิทธิภาพ
2) สรุปผลการสัมภาษณ์จากผู้เช่ียวชาญ
โดยการพิจารณาความสอดคล้องของเน้ือหา ของรูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC- KKSec25
Model ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นในการเก็บข้อมูลของ
ประเด็นสาคัญท่ีได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล
เปรียบเทียบกับแนวคิดหลักท่ีใช้ในการพัฒนา กระบวนการและผลลัพธท์ ี่เกิดข้ึนจาการทดลองใช้
รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ของสานักงานเขตพื้นท่ี รูปแบบสาหรับการทดสอบประสิทธิภาพแบบกลมุ่
(1 : 10) E1/E2 เท่ากับ 84.66/84.13 และ
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 : PLC-KKSec25
Model การทดสอบประสิทธภิ าพแบบภาคสนาม (1 : 100)
E1/E2 เท่ากับ 87.69/86.27 โดยใช้เกณฑ์
3) สังเคราะห์ข้อมูล และจัดกลุ่มข้อมูล
พิจารณาความสอดคล้องของเน้ือหา ประเด็น การประเมินแบบรูบริก (Rubric Scoring) โดยใช้
สาคญั ท่ไี ด้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล เปรยี บเทียบ เ ก ณ ฑ์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น คุ ณ ภ า พ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ผ ล
กระบวนการ 4 ระดับ คือ ดีมาก ดี พอใช้ และ
กั บแน ว คิดหลัก ที่ใช้ใน ก าร พัฒ น ารูป แ บ บ
ชุมชนการเรยี นรขู้ องสานักงาน เขตพน้ื ท่ีการศึกษา ปรับปรุง (สาเริง จันทรสุวรรณ และสุวรรณ
บั ว ท ว น , 2 5 4 7 ) โ ด ย ผู้ วิ จั ย ม อ บ ห ม า ย ให้
มัธยมศกึ ษา เขต 25 : PLC-KKSec25 Model
วิ เคร าะ ห์ค่าเฉลี่ย คว าม คิด เห็น ข อ ง ศึ ก ษ า นิ เ ท ศ ก์ ป ร ะ จ า ส ห วิ ท ย า เ ข ต แ ล ะ
คณะอนุกรรมการของสหวิทยาเขตออกนนิเทศ
ผู้เช่ียวชาญ โดยกาหนดให้ค่าเฉล่ียต้องมีค่า กากับ ตดิ ตาม และประเมนิ กระบวนรูปแบบชุมชน

มากกว่า 0.50 ข้ึนไป จึงจะถอื วา่ มีความเหมาะสม การเรียนรู้ PLC-KKSec25 จานวน 11 โรงเรียน
วิเคราะห์ข้อมูลความเหมาะสมของรูปแบบ (สหวิทยาเขตละ 1 โรงเรียน) ซึ่งรูปแบบ

ชุมชนการเรียนรู้ (PLC-KKsec25 Model) โดยการ มปี ระสิทธภิ าพ
วิเคราะห์ค่าเฉล่ียโดยต้องมีค่าตั้งแต่ 4.00 ขึ้นไป 2) เก็บข้อมูลจากผลการทดสอบการศึกษา
จึงจะถือว่ามีความเหมาะสม สามารถนาไปใช้
ระดับชาตขิ น้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2560
ทดลองเกบ็ ขอ้ มูลได้
ระยะที่ 2 การทดลองใช้รูปแบบชุมชน 3 ) แ บ บ นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม แ ล ะ
ประเมินผล การขับเคล่ือนชุมชนการเรียนรู้ของ
การเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model
เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการวิจัย สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
1) แบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบ (PLC-KKSec25 Model) ผู้วิจัยมอบหมายให้
ศึกษานิเทศก์ประจาสหวิทยาเขต เก็บข้อมูล
ชมุ ชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model
โดยมีคณะอนุกรรมการของสหวิทยาเขตเข้าร่วมด้วย

29

วารสารการวิจยั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

โ ด ย ใ ช้ เ ก ณ ฑ์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น แ บ บ รู บ ริ ก 2) แบบทดสอบการศึกษาระดับชาติ
(Rubric Scoring ) แบ่งเป็น 0 (ไม่มีการปฏิบัติ) ข้นั พนื้ ฐาน (O-NET ) ปกี ารศึกษา 2561
1 (พอใช้) 2 (ด)ี โดยแปลผลเป็นชว่ งคะแนน 4 ช่วง
3 ) แ บ บ นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม แ ล ะ
ได้แก่ ดมี าก ดี พอใช้ และปรับปรงุ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร ขั บ เ ค ล่ื อ น ชุ ม ช น ก า ร เ รี ย น รู้
การวเิ คราะห์ข้อมลู ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 25 (PLC-KKSec25 Model)
1) การวิเคราะห์ข้อมูลในการทดสอบ
ประสิทธิภาพของรูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC- 4) แบบสอบถามความพงึ พอใจของครูผสู้ อน
KKSec2 5 Model แ ล ะ ห า ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ที่มีต่อรูปแบบชุมชนการเรียนรู้ (PLC-KKSec25
Model) เปน็ แบบสอบถามออนไลน์
โดยกาหนดเป็นอัตราส่วนหรือร้อยละระหว่าง
ปัจจัยนาเข้ากระบวนการ และผลลัพธ์ (Ratio การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
1) ในขณะท่ีโรงเรียนดาเนินการพัฒนา
between input, process and output) (ชัยยงค์ คุณภาพการศึกษาโดยใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้
พรหมวงศ์, 2520) โดยกาหนด E1 (Efficiency of PLC-KKSec25 Model ท่ีผู้วิจัยสร้างข้ึนผู้วิจัย
Process) (ประสิทธิภาพของกระบวนการ) และ E2 มอบหมายให้ศึกษานิเทศก์ประจาสหวิทยาเขต
เก็บข้อมูลของกระบวนการและผลลัพธ์ท่ีเกิดข้ึน
(Efficiency of Product) (ปร ะ สิทธิ ภาพ ขอ ง โดยมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิของสานักงานเขตพ้ืนที่
ผลลัพธ์) ด้วยการทดสอบประสิทธิภาพแบบเดี่ยว การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ร่วมออกนิเทศ
กากับ ติดตาม และประเมินผลการนารูปแบบ
(1 : 1) ทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่ม (1 : 10) PLC-KKSec2 5 Model ลง สู่ช้ัน เรียน อ ย่าง
และทดสอบประสิทธิภาพแบบภาคสนาม (1 : 100) เต็มรูปแบบในระยะที่ 3 (ปีการศึกษา 2561)
จากสภาพการเรียนการสอนจริงโดยใช้เกณฑ์
2) วิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือเปรียบเทียบคะแนน การประเมนิ แบบรบู ริก (Rubric Scoring) 4 ระดบั
คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรุง (สาเริง
จากการทดสอบการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน จนั ทรสุวรรณ และสวุ รรณ บัวทวน, 2547)
ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน (T-Score) คะแนนเฉล่ยี 2) เก็บข้อมูลจากผลการทดสอบการศึกษา
ระดบั ชาตขิ น้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2561
(Mean) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) คะแนน 3 ) แ บ บ นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม แ ล ะ
สูงสุด (Max) คะแนนต่าสุด(Min) ฐานนิยม ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร ขั บ เ ค ล่ื อ น ชุ ม ช น ก า ร เ รี ย น รู้
(Mode) มธั ยฐาน (Median) ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
เขต 25 (PLC-KKSec25 Model) ผ้วู ิจัยมอบหมาย
3) วิเคราะห์ข้อมูลการขับเคล่ือนชุมชน ให้ศึกษานิเทศก์ประจาสหวิทยาเขตเก็บข้อมูล
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พื้ น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า โดยมีคณะผู้ทรงคุณวุฒิของสานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาเข้าร่วมด้วยโดยใช้เกณฑ์การประเมิน
มัธยมศึกษา เขต 25 (PLC-KKSec25 Model) แ บ บ รู บ ริ ก ( Rubric Scoring ) แ บ่ ง เ ป็ น
โดยการวิเคราะห์คะแนนรวม ค่าร้อยละแล้วเทียบ
กับเกณฑข์ องรบู ริก (Rubric Scoring ) 30

ระยะท่ี 3 การศึกษาผลของการใช้รูปแบบ
ชุมชนการเรียนรู้ : PLC-KKSec25 Model

เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัย
1) รปู แบบชมุ ชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25
Model ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ป ฏิ ทิ น แ ล ะ แ น ว ท าง

การขับเคลื่อนตามวงรอบ PAOR ของปีการศึกษา
2561

วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

0 (ไม่มีการปฏิบัติ) 1 (พอใช้) 2 (ดี) โดยแปลผล ผลการวจิ ัย
เปน็ ชว่ งคะแนน 4 ช่วง ไดแ้ ก่ ดมี าก ดี พอใช้ และ 1. ผลการพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้
ปรับปรงุ
ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
4) รวบรวมผลของความพึงพอใจของครู เ ข ต 2 5 ( Development of Professional
ท่ีมีต่อรูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25 Learning Community of The Secondary
Education Service Area Office 2 5 Model) :
Model จาก แบบประเมินความพงึ พอใจ PLC-KKSec25 Model มี 5 องค์ประกอบ ดังนี้
การวเิ คราะหข์ ้อมูล 1) หลักการและแนวคิดของ PLC-KKSec25
1) วิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการและผลลัพธ์ Model ประกอบด้วย การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ
มีส่วนร่วม (Participatory Action Research :
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้รูปแบบชุมชน PAR) Crane & O’Regan (2010) องค์ประกอบ
การเรียนรู้ PLC-KKSec25 Model โดยกาหนด ของ PLC (Professional Learning Community)
ก า ร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ สื่ อ สั ง ค มอ อ น ไ ล น์ใ น ก า ร
เป็นอัตราส่วนหรือร้อยละระหว่างปัจจัยนาเข้า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ออนไลน์ และทักษะการเรียนรู้
กระบวนการ และผลลัพธ์ (Ratio between ในศตวรรษท่ี 21 2) จุดประสงค์ของรูปแบบ
input,process and output) (ชัยยงค์ พรหมวงศ,์ เพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียนในสังกัด
สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
2520) จากการนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC- ด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน (GPA)
KKSec25 Model ลงสู่ช้ันเรียนอย่างเต็มรูปแบบ และด้านผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ
ข้ันพ้ืนฐาน O-NET และเป็นแนวทางการพัฒนา
ในระยะที่ 3 (ปกี ารศึกษา 2561) คุ ณ ภ า พ ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง โ ร ง เ รี ย น ใ น สัง กั ด
2) วิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือเปรียบเทียบคะแนน 3) กระบวนการขับเคลอ่ื น PLC-KKSec25 Model
มี 4 ข้ันตอน คือ (1) การวางแผนหลังจาก
จากการทดสอบการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน ที่วิเคราะห์และกาหนดประเด็นปัญหาที่ต้องการ
การแกไ้ ข (Plan) (2) การปฏิบัติตามแผนท่ีกาหนด
ด้วยค่าคะแนนมาตรฐาน (T-Score) คะแนนเฉล่ีย (Act) (3) การสังเกตผลทเ่ี กดิ ข้ึนจากการปฏิบตั ิงาน
(Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คะแนน ( Observe) ( 4 ) ก า ร ส ะ ท้ อ น ผ ล ห ลั ง จ า ก
การปฏิบัติงาน (Reflection) 4) การวัดและ
สูงสุด (Max) คะแนนต่าสุด(Min) ฐานนิยม ประเมินผลประกอบด้วย การประเมินรายทาง
(Mode) มธั ยฐาน (Median) และการประเมนิ ปลายทาง และ 5) ขอ้ มูลย้อนกลับ
ภายใต้องค์ประกอบของ PLC-KKSec25 Model
3) วิเคราะห์ข้อมูลการขับเคล่ือนชุมชน ท่มี กี ารกาหนดบรรทัดฐานและสรา้ งค่านิยมร่วมกัน
(Shared values and norms) วิธีการปฏิบัติที่มี
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า เป้าหมายเดียวกันคือ การพัฒนากิ จกรรม
มัธยมศึกษา เขต 25 (PLC-KKSec25 Model) การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น (Collective focus on

โดยการวิเคราะห์คะแนนรวม ค่าร้อยละแล้วเทียบ 31
กบั เกณฑข์ องรบู รกิ (Rubric Scoring)

4) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์

ข้อมูลความพึงพอใจของครูผู้สอนท่ีมีต่อรูปแบบ
ชุมชนการเรียนรู้ (PLC-KKSec25 Model) โดยใช้

ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยมีการ
กาหนดเกณฑก์ ารแปลความหมาย 5 ระดับ ดงั นี้
(บุญชม ศรีสะอาด, 2543)

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

student learning) ก า ร ร่ ว ม มื อ ข อ ง ค รู (Social Media) ที่ประกอบด้วย ทรัพยากรแหล่ง
(Collaboration) การเปิดใจและรับการช้แี นะจาก เรียนรู้บนเครือข่าย กลุ่มแลกเปล่ียนเรียนรู้บน

การปฏิบตั งิ าน (Expert advice and study visit) เครือข่าย กระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้บน
การสะท้อนผลก าร ปฏิบัติง าน ( Reflection เครือขา่ ย เครอ่ื งมอื แลกเปลยี่ นเรียนรบู้ นเครือข่าย
dialogue) และการประยุกต์ใช้ส่ือสังคมออนไลน์
และเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่าย
ดงั ภาพ

32

วารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

2. ผ ล ก า ร ท ด ล อ ง ใ ช้ รู ป แ บ บ ชุ ม ช น ทางการเรียน (20.08) ในภาคเรียน 1/2560
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า โดยมผี ลตา่ ง +0.1
มั ธ ย ม ศึ ก ษ า เ ข ต 2 5 ( Development of
3 .2 ด้าน ผลจาก ก าร ทดสอ บทา ง
Professional Learning Community of The
Secondary Education Service Area Office 25 การศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน O-NET ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 3 ภาพโดยรวมสูงข้ึน
Model) : PLC-KKSec25 Model ผวู้ ิจัยไดท้ ดลอง
ใช้และหาประสิทธิภาพของรูปแบบ 3 ขั้นตอน ทุกรายวิชา เมื่อเทียบกับระดับ สพม.25 (14.38)
ดังน้ี การตรวจสอบคุณภาพแบบหน่ึงตอ่ หนงึ่ (One ระดับจังหวัด (13.85) ระดับ สพฐ.(12.92) และ
ระดับประเทศ (12.69) เม่ือพิจารณารายวิชา
to One Testing) เป็นการตรวจสอบคุณภาพ
เบื้องตน้ เพื่อพิจารณาในเรอ่ื งของภาษาการส่ือสาร พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยสูงข้ึน 3 รายวิชา ได้แก่
ภาษาไทย (54.50/48.11 โดยมีผลต่าง 6.39)
ความเข้าใจการนาเสนอ การเช่ือมโยงต่าง ๆ
โดยมีการปรับในขั้นตอน การปฏิบัติตามกรอบ คณิตศาสตร์ (29.92/25.68 โดยมีผลต่าง 4.24)
PDCA ใหเ้ ปน็ PAOR และวิทยาศาสตร์ (36.37/31.82 โดยมีผลต่าง
4.55) ส่วนรายวิชาภาษาอังกฤษ มีคะแนนลดลง
ก า ร ท ด ล อ ง ก ลุ่ ม เ ล็ ก ( Small Group
Testing) จากการทดลองครั้งท่ี 2 กับครูจานวน (29.23/30.03 โดยมผี ลต่าง -0.80)
3 .3 ด้าน ผลจาก ก าร ทดสอ บ ทา ง
12 คน ในสหวิทยาเขตแก่นนครราชพฤกษ์เพ่ือหา
ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง รู ป แ บ บ ชุ ม ช น แ ห่ ง ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ ช า ติ ขั้ น พื้ น ฐ า น O- NET
ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ภาพโดยรวม
สูงขึ้นทุกรายวิชา เม่ือเทียบกับระดับ สพม.25
มธั ยมศกึ ษา เขต 25 มีประสทิ ธิภาพ E1/E2 เท่ากับ
84.66/84.13 (6.03) ระดับจังหวัด (8.45) ระดับ สพฐ. (9.52)
และระดับประเทศ (8.95) เมื่อพิจารณารายวิชา
การทดลองภาคสนาม (Field Testing) จาก
การทดลองครงั้ ท่ี 3 จานวน 43 คน พบว่า รูปแบบ พบว่า มีคะแนนเฉล่ยี สงู ขึน้ 3 รายวชิ า ไดแ้ ก่ สงั คม
ชุ ม ช น แ ห่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ส า นั ก ง า น เ ข ต พื้ น ท่ี ศึกษา (33.56/34.34 โดยมีผลต่าง 0. 78)
ภาษาอังกฤษ (25.85/28.76 โดยมีผลต่าง 2.91)
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 มีประสิทธิภาพ
E1/E2 เทา่ กบั 87.69/86.27 คณิตศาสตร์ (22.44/27.99 โดยมีผลต่าง 5.55)
ส่วนรายวิชาภาษาไทย และรายวิชาวิทยาศาสตร์
3. ผลการใช้รูปแบบชุมชนการเรียนรู้
ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยลดลง (47.54/45.70 โดยมีผลต่าง
เ ข ต 2 5 ( Development of Professional -1.84) (30.78/29.41 โดยมีผลต่าง -1.37)
ตามลาดับ
Learning Community of The Secondary
Education Service Area Office 2 5 Model) : 3.4 ผลการนิเทศ กากับ ติดตาม และ
ประเมินผลการมีส่วนร่วมในการขับเคล่ือนชุมชน
PLC-KKSec25 Model
3.1 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า ก า ร เ รี ย น รู้ PLC- KKSec2 5 Model พ บ ว่ า
โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับ ดีมาก
นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน GPA (20.18) โดยมีคะแนนเฉล่ีย 39.85 เมื่อพิจารณารายด้าน

ใน ภาคเรียน 1/ 2561 สูง ก ว่ า ผลสัมฤทธิ์ พ บ ว่ า ด้ า น ที่ มี ค่ า เ ฉ ล่ี ย สู ง สุ ด คื อ ด้ า น

33

วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

การวางแผนการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC และ PAOR ซ่ึงมี 4 ขั้นตอน คือ (1) การวางแผน
ด้านการดาเนินการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC หลังจากที่วิเคราะห์และกาหนดประเด็นปัญหา
ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยต่าสุด คือด้านการพัฒนา PLC ทต่ี อ้ งการการแกไ้ ข (Plan) (2) การปฏบิ ัตติ ามแผน
ต่อยอดสู่การปฏิบตั ิในสถานศึกษาทยี่ ง่ั ยนื ท่ีกาหนด (Act) (3) การสังเกตผลท่ีเกิดขึ้นจาก
การปฏิบัติงาน (Observe) (4) การสะท้อนผล
3.5 ผลการสอบถามความพึงพอใจ หลังจากการปฏิบัติงาน (Reflection) ภายใต้
ข อ ง ค รู ผู้ ส อ น ใ น ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ ก า ร ศึ ก ษ า การกาหนดบรรทัดฐานและสร้างค่านิยมร่วมกัน
โดยใช้รูปแบบชุมชน การเรียนรู้ของสานักงาน (Shared values and norms) วิธีการปฏิบัติท่ีมี
เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า มั ธ ย ม ศึ ก ษ า เ ข ต 2 5 เป้าหมายเดียวกัน คือการพัฒนากิจกรรม
PLC-KKSec25 Model อยู่ในระดับมาก เมื่อ การเรียนรู้ของผู้เรียน (Collective focus on
พจิ ารณารายดา้ น พบวา่ ด้านที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ student learning) ก า ร ร่ ว ม มื อ ข อ ง ค รู
ด้านการเตรียมการและวางแผน และด้าน (Collaboration) การเปิดใจและรับการชแ้ี นะจาก
การตรวจสอบหรือการมีส่วนร่วม ด้านที่มีค่าเฉลี่ย การปฏิบัตงิ าน (Expert advice and study visit)
ต่าสุด คือด้านการทบทวนและสะท้อนกลับ การสะท้อนผลก าร ปฏิบัติง าน ( Reflection
dialogue) และการประยุกต์ใช้สื่อสังคมออนไลน์
การอภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ (Social Media) เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร และ
1. ผลการพัฒนารูปแบบชุมชนการเรียนรู้ การขับเคล่ือนในการปฏิบัติร่วมกัน สะท้อนคิด
และปรับปรุงงาน อีกท้ังรูปแบบชุมชนการเรียนรู้
ของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา PLC-KKSec25 Model มีการพัฒนาไปทดลองใช้
เ ข ต 2 5 ( Development of Professional แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น คุ ณ ภ า พ เ บ้ื อ ง ต้ น ใ น ร ะ ย ะ ศึ ก ษ า
Learning Community of The Secondary นาร่อง (Pilot Study) เพ่ือประเมินประสิทธิภาพ
Education Service Area Office 2 5 Model) : และประสิทธิผลในการใช้งาน โดยการนาไป
PLC- KKSec 25 Model สามารถนาไปใช้เป็น ทดสอบกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม ได้แก่
นวัตกรรมในการแก้ปัญหา การพัฒนา การเตรียม การทดสอบประสิทธิภาพแบบเดี่ยว (1:1)
ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของโรงเรียน เพราะ การทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่ม (1:10)
สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน ในหน้าท่ี และ ปรากฏผลการทดสอบประสทิ ธภิ าพ E1/E2 เท่ากบั
ความกา้ วหนา้ ของวชิ าชพี ครบู นพื้นฐานของการจัด 84.66/84.13 และการทดสอบประสิทธิภาพ
กิจกรรมพฒั นาการเรียนร้ดู ้วยการใช้ผลการปฏบิ ตั ิ ภาคสนาม (1:100) ปรากฏผลการทดสอบ
ในห้องเรียนเป็นฐาน โดยใช้การวิจัยที่ผสมผสาน ประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 87.69/ 86.27
ก า ร วิ จั ย แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม ( Participatory แสดงว่า รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ PLC-KKSec25
Research) กับการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Model ที่ พั ฒ น า ข้ึ น มี ปร ะ สิ ท ธิ ภา พ เป็น ไ ป
Research) ร ว ม ถึ ง ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง คุ ณ ภ า พ ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด สอดคล้องกับหลักการ
(Qualitative Research) เข้าด้วยกันเป็นการวิจัย แนวคิดของชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2520) จึงส่งผลให้
เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory ผู้เรียนมีคุณภาพเพราะกระบวนการของ PLC-
Action Research) ท่ีทาโดยนักวิจัยซ่ึงเป็นครแู ละ KKsec2 5 Model อี ก ท้ั ง มี ก า ร ท า MOU
บคุ ลากรทางการศึกษาเปน็ ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน
อยู่แล้ว โดยดาเนินการในลักษณะวงจรคุณภาพ 34

วารสารการวิจยั การศึกษาข้ันพื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

สร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างครูในโรงเรียนกับ ข้อเสนอแนะ/แนวทางในการพัฒนาในครั้งตอ่ ไป
ผู้อานวยการโรงเรียน และผู้อานวยการโรงเรียน 1. โรงเรยี นควรสรา้ งระบบการนิเทศภายใน
กับผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา โดย
โดยใช้ PLC-KKsec25 Model ให้เข้มแข็งต่อเนือ่ ง
ยึดกรอบของชุมชนแห่งการเรียนรู้เพ่ือการพัฒนา
วิชาชีพ (Professional Learning Community – และเป็นระบบ เพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ
โรงเรียนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการกากับ นิเทศ
PLC)
2. ผลการนารูปแบบชุมชนการเรียน รู้ ติดตาม แบบเข้มข้น ในมาตรฐาน ตัวชี้วัดท่ีมี
ผลคะแนน O-NET ต่าเป็นพิเศษ (Low1 / Low2)
ของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา อีกท้ังควรนาโครงการสอนในแต่ละรายวิชามา

เ ข ต 2 5 ( Development of Professional พิจารณาหรือเป็นกรอบในการวางแผนการสอน
Learning Community of The Secondary แต่ละคร้ังด้วย และควรดาเนินการอย่างต่อเนื่อง

Education Service Area Office 2 5 Model) : สมา่ เสมออยา่ งนอ้ ย 3 ปกี ารศกึ ษา
PLC-KKSec 25 Model ส่งผลโดยตรงต่อผู้เรียน 2. ผู้นิเทศ ควรเป็นวิชาเอกที่มีครบทุกกลุ่มสาระ
ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งในส่วนของ GPA
การเรียนรู้ โดยเฉพาะในด้านหลักสูตร การ
และผลจาก การทดสอบระดับชาติขนั้ พื้นฐาน ต่าง
ก็ มี ค ว า ม เ ช่ื อ ม โ ย ง กั น โ ด ย มี พั ฒ น า ก า ร ที่ ดี ขึ้ น ออกแบบและจัดการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยี
การศกึ ษา และด้านการวัดผลประเมนิ ผล
ในทุก ๆ ด้าน เมื่อพิจารณาเทียบกับปีการศึกษาท่ี
ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากผลการนิเทศ กากับ 3. โรงเรียนควรส่งเสริมให้ครูได้มีโอกาสใช้
ติดตาม และประเมินผลการขับเคลื่อนชุมชน การ สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้
ข อ ง ผู้ เ รี ย น เ ช่ น Application Game แ ล ะ
เรียนรู้ PLC-KKSec25 Model ที่ดาเนินการอย่าง
ต่อเน่ือง เป็นระบบ โดยมีคณะศึกษานิเทศก์ท่ี การประยุกต์ใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
เป็นนวัตกรรมในการแก้ปัญหา การพัฒนา
รับผิดชอบ ในแต่ละพื้นที่ อีกท้ังนโยบายจาก
ส่วนกลาง และในส่วนของ สพม.25 เอง ท่ีมี ในขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของครู
นวัตกรรมในกาพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ด้วย 4. ในการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

น วั ต ก ร ร ม SIAO MODEL ที่ ส อ ด ค ล้ อ ง กั น ของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
โดยเฉพาะในจุดเน้นเร่ืองการพัฒนาคุณภาพ
เขต 25 (Professional Learning Community
การศึกษา การดาเนินการของ PLC-KKsec25 of The Secondary Education Service Area
Model เปน็ การดาเนินงานท่ีเป็นลักษณะของวงจร
คุณภาพ PAOR หลายวงรอบ และเป็นการ Office 25) : PLC-KKSec25 Model ผบู้ รหิ ารควร
ให้ความสาคัญเป็นอย่างมากในการขับเคล่ือน
ปฏบิ ตั งิ านในหน้าท่ีประจาของครูผู้สอนซึง่ ไม่ถือว่า โดยเข้าไปมีส่วนร่วมใน PLC ทุกระดับ เช่น PLC
เป็นภาระ จึงทาให้ครู ผู้บริหารมีความพึงพอใจ
ใน ร ะ ดับช้ัน เรียน PLC ใน ร ะ ดับก ลุ่มสาระ
ในการนา PLC-KKsec25 Model ไปใช้ในการ การเรียนรู้ และ PLC ในระดับโรงเรียน เพ่ือสร้าง
พฒั นาคุณภาพการศึกษา
ความม่ันใจในการนากระบวนการของ PLC ไปใช้
ในชั้นเรียนจริง และช้ีแจงทาความเข้าใจในการ
เปลยี่ นแปลงที่จะเกิดข้ึน

35

วารสารการวิจัยการศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

เอกสารอา้ งอิง

ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ (2520).ระบบสื่อการสอน. สานกั พมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
บญุ ชม ศรสี ะอาด. (2543). การวจิ ัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวรี ิยสาสน์ .
สาเริง จันทรสุวรรณ และสุวรรณ บัวทวน. (2547). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. ขอนแก่น : ภาควิชา

ประเมินผล และวจิ ัยการศึกษา คณะมนษุ ย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น.
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2559). รายงานผลการวจิ ยั โครงการ TIMSS 2015.

สบื คน้ จาก https://drive.google.com/file/d/19xvsLP_bLN8q6wkzX9hVIvV_TS4hyuGa/view
องอาจ นัยพัฒน์. (2548). วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทางพฤติกรรมศาสตร์ และ

สังคมศาสตร.์ กรุงเทพ ฯ : สามลดา
วรี ะยทุ ธ์ ชาตะกาญจน์. (2558). การวิจยั เชงิ ปฏิบัตกิ าร. วารสารราชภัฏสุราษฎรธ์ านี ปีที่ 2 ฉบับที่ 1

(มกราคม – มถิ นุ ายน 2558)
ยาใจ พงษบ์ รบิ ูรณ์. (2537). การวจิ ยั เชงิ ปฏิบัติการ.วารสารศกึ ษาศาสตรม์ หาวิทยาลัยขอนแก่น,

17 (มถิ ุนายน - กันยายน) : 11 - 15.
สมศ. (2560) โครงการวิจัย : บทสรปุ ผู้บรหิ ารโครงการสงั เคราะหผ์ ลการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก

รอบสาม (พ.ศ.2554-2558) ระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
วจิ ารณ์ พานชิ . (2555). วิถีสรา้ งการเรยี นรู้เพอื่ ศษิ ยใ์ นศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ :

มลู นธิ ิสดศรี – สฤษดิ์วงศ.์
ธีรพงษ์ แสงสิทธ์ิ. (2560). โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับของปจั จัยที่มีอทิ ธิพลต่อนวัตกรรมการจัดการ

เรียนรู้ของครู สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญา
ดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยขอนแกน่ .
สานักงานเลขาธกิ ารครุ ุสภา. (2560) ประกาศสานกั งานเลขาธกิ ารคุรสุ ภา เรือ่ ง แนวทางการสง่ เสริม
สนับสนุนเครือข่ายพฒั นาวชิ าชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา แบบชมุ ชนแหง่ การ
เรยี นรู้ทางวชิ าชพี (Professional Learning Community : PLC) ประจาปี 2560
ณฏั ฐส์ ติ า ศิริรัตน์. (2551). การพัฒนารปู แบบการแลกเปล่ียนเรียนรู้บนเครือข่าย ตามแนวคิด
การเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเอง เพื่อสรา้ งการเรียนรรู้ ่วมกันเป็นทีม สาหรบั บคุ ลากรทาง
การศึกษา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วรากร หงษ์โต. (2553). การพัฒนารูปแบบชมุ ชนการเรยี นร้อู อนไลนโ์ ดยใชก้ ระบวนการสรา้ งความรู้
เพื่อการสร้างนวตั กรรมการเรียนการสอนของครผู ู้สอนวชิ าคอมพวิ เตอร์. กรงุ เทพฯ:
มหาวทิ ยาลัยศิลปากร.
ฐติ ยิ า เนตรวงษ์. (2553). การพฒั นารปู แบบการเรยี นร่วมเพ่อื สร้างชุมชนการเรยี นรอู้ อนไลน์และ
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศสาหรบั นกั ศกึ ษาปรญิ ญาบัณฑิต.
กรงุ เทพฯ : คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .

36

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

Crane, P. & O’Regan,M. (2010). On PAR Using Participatory Action Research to Improve
Early Intervention. Department of Families, Housing, Community Services
and Indigenous Af-fairs, Australian Government.

Hord, S.M. (1997). Professional learning communities : Communities of inquiry and
improvement. Austin : Southwest Educational Development Laboratory
. journal.oas.psu.ac.th/index.php/asj/article/viewFile/125/688

Our mission is to realize the power and promise of 21st century learning for every
student—in early learning, in school, and beyond school—across the country and
around the globe. [n.d.]. Retrived June 19,2021, from
https://battelleforkids.org/networks/p21

37

วารสารการวิจยั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

รูปแบบการนเิ ทศเพอื่ พฒั นาศักยภาพการวจิ ัยในชน้ั เรียนของครูผสู้ อนเพอื่ การเรียนร้ขู องผู้เรยี น
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 16

Supervision model for developing research potential in the classroom
of science teachers for learners’ learning of Science

Department of the Secondary Educational Service Area Office 16
ธนชพร ตัง้ ธรรมกลุ *

Tanachaporn Tungtummakul

บทคัดยอ่

การวิจัยครั้งนี้ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัยไว้ ดังนี้ 1) เพ่ือสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศ
เ พื่ อ พั ฒ น าศั ก ย ภาพ การ วิจั ย ในชั้ น เ รีย นข อ งครู ผู้ สอ นเ พื่อ ก ารเ รีย น รู้ข อ งผู้ เ รีย น ก ลุ่ ม สาร ะการ เรียนรู้
วิทยาศาสตร์ 2) เพื่อศึกษาผลการนิเทศโดยใช้รูปแบบการนิเทศเพ่ือพัฒนาศักยภาพการวิจัยในช้ันเรียน
ของครูผู้สอนเพอื่ การเรียนรู้ของผู้เรียนกลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ โดยกล่มุ ตัวอย่างที่ใช้ในการวจิ ัย ไดแ้ ก่
ครูผู้สอน จานวน 40 คน นักเรียนท่ีเรียน จานวน 1,566 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย
3 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย และส่วนที่เป็นเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพ
ของเคร่ืองมือวิจัย และส่วนท่ีเป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการนิเทศ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ
คา่ เฉล่ีย ค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน และคา่ ที

ผลการวิจัย พบว่า 1) ได้รูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพการวิจัยในช้ันเรียนของครูผู้สอน
เพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีชื่อว่า เอพีไอดีดับเบิ้ลอี (APIDEE Model)
มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ความเหมาะสม 1.00 และผลการประเมินค่ามาตรส่วนประมาณค่าพบว่า
อยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการใช้รูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน
เพื่อการเรียนรขู้ องผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ พบว่า 2.1) ความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการวิจยั
ในชั้นเรียนก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญท่ีระดับ .05 2.2) ผลการประเมิน
เคา้ โครงวจิ ัยในชน้ั เรยี นโดยภาพรวม ในระดับดี เมอื่ จาแนกรายบคุ คล พบวา่ ครผู ู้สอนทมี่ ีผลการประเมนิ ระดับ
ดีมาก ร้อยละ 17.50 คน ระดับดี ร้อยละ 75.00 ระดับปานกลาง ร้อยละ 7.50 และระดับปรับปรุง ร้อยละ
00.00 2.3) ผลการประเมินความสามารถในการทาวิจัยในช้ันเรียนฉบับสมบูรณ์ พบวา่ โดยภาพรวมในระดับ
ดีมาก เมือ่ จาแนกเป็น รายบุคคลพบวา่ ครูผูส้ อนที่มีผลการประเมนิ ระดับดมี าก รอ้ ยละ 22.50 ระดบั ดี ร้อยละ
60.00 และระดับปานกลาง ร้อยละ 17.50 และระดับปรับปรุงไม่มี 2.4) พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ตามระดับช้ันที่เรียนกับครูผู้สอนท่ีทาการวิจัยในชั้นเรียนเพ่ิมข้ึนทุกคน
หลังจากการนิเทศตามรูปแบบการนิเทศ 2.5) ครูผู้สอนมีความพึงพอใจต่อการนเิ ทศ โดยใช้รูปแบบการนิเทศ
เอพีไอดีดบั เบล้ิ อี (APIDEE Model) พบวา่ โดยภาพรวมมคี า่ เฉล่ยี อยู่ในระดับมากทส่ี ุด

คาสาคญั : รูปแบบการนเิ ทศ/ สมรรถนะการวิจยั ในชัน้ เรียน/ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น

* ศึกษานิเทศกช์ านาญการพเิ ศษ, สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 16 (จังหวดั สงขลา)
Supervisore Senior Professional Level , the Secondary Educational Service Area Office 16 (Songkhla Province)

38

วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

Abstract
The purposes of this study were: 1) to create and develop the Supervision model to the

classroom research potential of Science teachers and 2) to study the results of supervision by
using the supervision model to improve the research potential of teachers for the students in
the Science’ s instructions. The sample used in the research consists of 40 teachers and
1,566 students. There are 3 kinds of tools used in the study, which are the tools for a collecting
research data, a quality checking tool and a tool for evaluating the supervision. The statistics
used for data analysis were percentage, mean, standard deviation and t-test.

The research results showed that 1 ) The supervision model to develop research
potential in the classroom of science teachers, called the APIDEE Model: The result has shown
the consistency index of appropriateness 1.00 and 2) The results of using the Supervision for
the development of the research potential of teachers for the students in the Science’ s
learning indicated: 2.1) The knowledge and understanding of research in the classroom before
and after using the supervision model had significant differences at the level of
0.5. 2.2) The overall result of the classroom research assessment was good. When classified
individually it was found that 17.50 percent of the teachers with good grades were very good,
75.00 percent good, 7.50 percent moderate and no one was at a level needing improvement.
2. 3) The results of the complete classroom research ability evaluation showed that overall,
at a good level, when classified individually, it was found that teachers had a very good
evaluation of 22.50 percent, good level 60.00 percent and moderate level. 17.50 percent, and
00. 00 percent at a level needing improvement. 2. 4) It was found that students' academic
achievement in science subjects according to the level they studied with teachers conducting
research in the classroom increased for everyone after supervision according to the supervision
model 2. 5) The teachers were satisfied with the supervision using the APIDEE Model, and
found that the overall average was the highest level.

Keywords : APIDEE Model/ Supervision Model/ Teachers’ Research Competency Learning
Achievement

39

วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

บทนา มีความสาคัญไม่แพ้การพัฒนาผู้เรียน โดยการ
พ ร ะ ร า ช บั ญ ญัติ ก าร ศึ ก ษ า แห่ง ชาติ ส่งเสริมให้ครูผู้สอนทาหน้าท่ีเป็นนักวิจัยไปพร้อม
กับผู้ถ่ายทอดความรู้ กล่าวคือ การทาวิจัย
พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 เชิงปฏิบัตกิ ารเพื่อการเรียนรู้ของผเู้ รียนในช้นั เรียน
(ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 ในหมวดที่ 4 วา่ ด้วยการจัด ที่ตนเองสอนได้ ครูนากระบวนการวิจัยมาใช้
พัฒนารูปแบบหรือเทคนิคกระบวนการเรียนรู้
การศึกษา ได้กาหนดสาระสาคัญที่เกี่ยวข้องกับ ใหม่ๆ ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน เช่นเดียวกัน ผู้เรียน
การวจิ ยั ในช้นั เรยี น ไว้ดังน้ี“มาตรา 24 (5) สง่ เสริม ก็ต้องสามารถใช้การวิจัย เป็นส่วนหนึ่งของ
สนับสนุน ให้ผู้สอนสามารถจัดบรร ยากาศ การเรียนรู้ (สานกั เลขาธิการคุรสุ ภา, 2546)

สภาพ แว ดล้อม สื่อก าร เรียน และ อานวย แต่สภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน
ความสะดวกเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สังกัดสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 พบว่า
มีความรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่ง ครูส่วนใหญ่ไม่มีความถนัดในการวิจัย การทาวิจัย
ของกระบวนการเรยี นรู้ ทงั้ นีผ้ สู้ อนและผู้เรยี นอาจ ข อ ง ค รู ส่ ว น ใ ห ญ่ ท า เ พี ย ง เ พ่ื อ ก า ร ท า ต า แ ห น่ ง
เ รี ย น รู้ ไ ป พ ร้ อ ม กั น จ า ก สื่ อ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ทางวชิ าการ หรือการเลือ่ นตาแหนง่ ดังนน้ั การทา
วิจัยจึงเกิดเป็นเฉพาะกิจหรอื ครั้งคราวแล้วก็ยุติไป
แหล่งวทิ ยาการประเภทต่าง ๆ (กระทรวงศึกษาธิการ, ไมไ่ ด้ทาเพือ่ พฒั นาผู้เรยี นตอ่ เน่ือง ปญั หาในการทา
2560) และพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากร วิจัยเกิดจากการเลียนแบบปัญหาจากนักวิชาการ
ไม่ได้เกิดจากปัญหาในห้องเรียน หรือปัญหาที่ครู
ทางการศึกษา พ.ศ.2546 มาตรา49 กาหนด ประสบด้วยตนเอง ทาให้ผลที่ได้จากงานวิจัย
มาตรฐานวิชาชีพครูไว้ 3 ด้าน คือ 1) มาตรฐาน ไมส่ ามารถใช้เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาในการปฏิบตั งิ าน
ความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ 2) มาตรฐาน (ธนชพร ตง้ั ธรรมกลุ , 2559)

การปฏิบัตงิ าน และ 3) มาตรฐานการปฏิบตั ติ น ซึง่ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา
ในมาตรฐานความรนู้ นั้ ได้กาหนดสาระความรู้และ เขต 16 มีนโยบายพัฒนาครูตามโครงการพัฒนา
ศักยภาพครู สู่ครูมืออาชีพ โดยมีเน้ือหาเก่ียวกับ
สมรรถนะในเร่ืองต่าง ๆ จานวน 9 เรื่อง โดยเฉพาะ การวิจัยในช้ันเรียน ให้กับครูผู้สอนกลุ่มสาระ
สาระท่ี 7 คือการวิจัยทางการศึกษา มีความสาคัญ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการวิจัย
ต่อการพัฒนาทั้งตัวครูและผู้เรียน ซ่ึงต้องใช้ เป็นฐานในการจัดการเรียนการสอน ซ่ึงจะมี
ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ คุ ณ ภ า พ ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า
การวิจัยเป็นฐาน โดยครูจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
ทฤษฎีการวิจัย การออกแบบการวิจั ยเพ่ือ เขต 16 แนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว ที่จะส่งเสริม
สนับสนุนให้ครูมีศักยภาพ การวิจัยในช้ันเรียน
พัฒนาการเรียนรแู้ ก้ปัญหาในชั้นเรยี น สามารถนา ให้สูงข้ึน โดยให้ครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ผลการวิจัยไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ และพัฒนา
ผู้เรียนที่กล่าวข้างต้น ฉะน้ันหน่วยงานทางการศึกษา 40

ทกุ ระดบั ต้องส่งเสริมสนบั สนนุ ให้มีการวิจัย พัฒนา
ต่อยอด และการสร้างนวัตกรรมในโรงเรียน

ให้เกิดผล ที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ครูผู้สอนต้อง
สามารถนาการวิจัยเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้
ส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนทุกคน เกิดการเรียนรู้

ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองทางวิชาการ ความถนัด ความสนใจ
ความสามารถเฉพาะทาง การพัฒนาวิชาชีพครู

วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

การวิจัยในช้ันเรยี นและสามารถทาวิจัยในชั้นเรยี น ส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ และทักษะในศตวรรษ
ได้อย่างถูกต้องมีคุณภาพ เพ่ือส่งผลต่อการ ที่ 21 ผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะพัฒนารูปแบบการนิเทศ
พัฒนาการเรียนการสอนและคาดว่าผลสัมฤทธิ์ เ พื่ อ พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ก า ร วิ จั ย ใ น ชั้ น เ รี ย น ของ
ครผู ู้สอน เพราะการวจิ ัย เพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้
ทางการเรียนของนกั เรียนเพ่ิมสูงข้นึ ได้อย่างแท้จริง เป็นบทบาทสาคัญของครู ที่จะช่วยแก้ปัญหาหรือ
ซ่ึ ง จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า แ น ว คิ ด ท ฤ ษ ฎี แ ล ะ ง า น วิ จั ย พัฒนาผู้เรียน การค้นหาวิธีการหรือนวัตกรรม
ซึ่งจะเอ้ือประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของ
ที่เกี่ยวข้อง พบว่ากระบวนการที่จะใช้แก้ปัญหา ผเู้ รียนและพัฒนาการจัดการเรียนรขู้ องครูด้วย
นี้ได้ คือการนิเทศการสอน ดังที่ วัชรา เล่าเรียนดี
(2553) กล่าวว่า การนิเทศการสอนเป็นการ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจัย
ก า ร วิ จั ย ค ร้ั ง น้ี ไ ด้ ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
ช่วยเหลือและแก้ปัญหาเก่ียวกบั การเรยี นการสอน
ของครู ให้ครเู ปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมการสอน หรอื ของการวจิ ยั ไว้ ดงั น้ี
1. เพอื่ ศกึ ษาผลการสรา้ งและพัฒนารูปแบบ
จัดกจิ กรรมเป็นทพี่ ึงพอใจได้ และเกษม เปา้ ศรีวงษ์
(2557) ได้สรุปไว้ว่า การนิเทศการสอนท่ีให้ครูมี การนิเทศเพ่ือพัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียน
ความรู้ความเข้าใจมีความสามารถในการทาวิจัย ของครูผู้สอนเพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานักงานเขตพื้นที่
ในชั้นเรียนได้ประสบความสาเร็จ และช่วยพัฒนา การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 16
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนได้ จึงมี
2. เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศ
แนวคิดว่าการนิเทศเพ่ือให้ครูผู้สอนมีการพัฒนา เ พ่ื อ พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ก า ร วิ จั ย ใ น ชั้ น เ รี ย น ข อ ง
งานวิจัยในช้ันเรียนได้น้ัน ครูและผู้วิจัยควรได้ ครูผู้สอนเพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระ
ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ในการพัฒนา และตั้งอยู่ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 16
บนพ้ืนฐานของความเช่ือในการให้เกียรติ และ
ความเคารพเพ่อื นรว่ มงาน เนน้ ให้มีบรรยากาศของ วธิ กี ารดาเนินการวิจัย
ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและ
ความเป็นประชาธิปไตยท่ียึดถือครูเป็นศูนย์กลาง
มกี ารดาเนินงานกบั ครูเป็นรายบคุ คล และรายกลุ่ม สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ของการนิเทศทีส่ ่งเสริมการวิจัย
ให้สอดคล้องกับความต้องการของครูที่ต้องการ ในชั้นเรียน เป็นการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี จาก
เอกสาร ตารา งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง และวิเคราะห์
พัฒนางานวิจัยในชั้นเรียน โดยกาหนดรูปแบบ สังเคราะหเ์ น้อื หาโดย
การนิเทศที่ชัดเจน อันจะนาไปสู่การพัฒนา
1) ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เอกสาร
งานวจิ ัยแบบเป็นทางการ และส่งเสรมิ สนับสนุนให้ และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องครอบคลุมแนวคิด ทฤษฎี
ครูทาวิจัยให้เป็นส่วนหนึ่ง ของวิถีชีวิ ตขอ ง แ ล ะ ห ลั ก ก า ร เ กี่ ย ว กั บ รู ป แ บ บ ก า ร นิ เ ท ศ
การทางานปกติประจาวัน ผู้วิจัยตระหนักว่า การออกแบบการจัดการเรียนรู้ การนิเทศ
การศึกษา การวิจัยในช้ันเรียน สมรรถนะการวิจัย
การพัฒนาครูเป็นกลไกสาคัญในการพัฒนาผู้เรยี น ในชั้นเรียนและความต้องการพัฒนาการวิจัย
การส่งเสริม ให้ครูพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ในชนั้ เรยี น

โดยใช้กระบวนการ วิจัย สร้างส่ือนวัตกรรม 41
เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมกระตุ้น
ให้นักเรียนมีทักษะการคิดมีการเช่ือมโยงความรู้เดิม

ส ร้ า ง ค ว า ม รู้ ใ ห ม่ ใ ห้ ทั น ต่ อ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง
ท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต การศึกษาก็จะเกิดคุณภาพ

วารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564)

2) วิเคราะห์นโยบาย เป้าหมายการพัฒนา 1) นาข้อมูลจากการวิเคราะห์ ประมวล
ครดู ้านวิจยั ในชัน้ เรียนและการนเิ ทศ คว ามคิดเห็น และลงข้อ สรุปจากระยะที่ 1
เพ่ือนามาเป็นแนวคิดพ้ืนฐานในการสร้างรูปแบบ
3) วิ เ ค ร า ะ ห์ ส ภ า พ ปั จ จุ บั น แ ล ะ การนิเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียน
ของครูผู้สอนเพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระ
ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร วิ จั ย ใ น ชั้ น เ รี ย น การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานักงานเขตพื้นท่ี
การนเิ ทศการศกึ ษาของโรงเรียน การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 โดยร่างรูปแบบ
การนิเทศ ท่สี อดคลอ้ งกับหลกั การทก่ี าหนดไว้
4) วิเคราะห์ทฤษฎีเกี่ยวข้องกับการนิเทศ
การศึกษา 2) นาร่างรูปแบบการนิเทศเพ่ือพัฒนา
ศั ก ย ภ า พ ก า ร วิ จั ย ใ น ช้ั น เ รี ย น ข อ ง ค รู ผู้ ส อ น
5) สังเคราะห์เนื้อหาสาระประเด็นสาคัญ ๆ เพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ตรวจสอบรูปแบบการนิเทศ
จากการศกึ ษา ขอ้ ท่ี 1-4 เพือ่ นาขอ้ มูลท่ไี ดม้ าเขียน ความเหมาะสมและความชัดเจนของขั้นตอนของ
เป็นขอ้ คาถามในการสมั ภาษณ์ รู ป แ บ บ วิ เ ค ร า ะ ห์ ค่ า IOC ( Index of Item -
Objectives Congruence) โดยนาไปให้ผู้เชี่ยวชาญ
6) สัมภาษณ์ผบู้ รหิ ารและครูผู้สอนโรงเรียน จานวน 5 คน ซึ่งใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง
ที่มีระบบการนิเทศภายในและการวิจัยในช้ันเรียน (Purposive Sampling Method)
เชิงประจักษ์ เพื่อสอบถามความต้องการท่ีแท้จริง
3) นาผลจากการ ตรว จสอ บคุณ ภาพ
ในการรบั การนเิ ทศ การจดั การเรียนรู้และการวิจัย ของรูปแบบการนิเทศ จากผู้เช่ียวชาญ มาแก้ไข
ในชั้นเรียน จานวน 21 คนซ่ึงใช้วิธีการเลือก ปรับปรุงตามคาแนะนาของผู้เชี่ยวชาญเพ่ือให้
มีประสิทธิภาพมากยิ่งขนึ้
แบบเจาะจง (Purposive Sampling method)
เครื่องมือที่ใช้ 4) นาไปจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group)
แบบสัมภาษณ์เก่ียวกับสภาพ การทาวิจัย เพื่อยกร่างรูปแบบการนิเทศเพ่ือพัฒนาศักยภาพ
การวิจัยในช้ันเรียนของครูผู้สอน เพื่อการเรียนรู้
ในชั้นเรียน และความต้องการในการนิเทศเพื่อ ของผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
พัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน ร่างเอกสารประกอบ และให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับ
รู ป แ บ บ แ ล ะ แ น ว ท า ง ก า ร นิ เ ท ศ ต า ม รู ป แ บ บ
สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 16 การนิเทศ จานวน 5 ทา่ น โดยใช้แบบสนทนากลมุ่
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
ผู้ วิ จั ย ติ ด ต่ อ ป ร ะ ส า น ง า น กั บ ผู้ บ ริ ห า ร 5) ตรวจสอบคุณภาพความสมเหตุสมผล
และความเป็นไปได้ของรูปแบบการนิเทศเพื่อ
สถานศึกษา ครูผู้สอนและขอสัมภาษณ์ตามเวลา พัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน
ท่ีเหมาะสม และนาขอ้ มูลสัมภาษณ์มารวบรวมและ เพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ โดยผู้เช่ยี วชาญ
บันทกึ ผล
การวิเคราะห์ข้อมลู 6) วิ เ ค ร า ะ ห์ข้ อ มูล เ ก่ี ย ว กั บรู ปแบบ
ข้อมูลทร่ี วบรวมได้จากการวเิ คราะห์เอกสาร โดยพิจารณาจากความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญ

และสัมภาษณ์ มาวิเคราะห์เน้ือหา (Content 42
Analysis) แลว้ นาเสนอในรปู แบบพรรณนาความ

ระยะท่ี 2 พัฒนารูปแบบการนิเทศเพื่อ
พัฒนาศักยภาพการวิจัยในช้ันเรียนของครูผู้สอน
เพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้

วิทยาศาสตร์และตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบ
การนิเทศ มขี ้ันตอนการดาเนนิ การดังน้ี

วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564)

โดยผู้เช่ียวชาญเห็นด้วย มีค่าเฉล่ีย 4.50 ขึ้นไป ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา
ถือว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นนใ้ี ช้ได้ ซึ่งผลการสนทนา เขต 16
กลุ่ม (Focus Group) ผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยกับ
กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวจิ ัย ได้แก่ครูผู้สอน
รูปแบบการนิเทศ มคี ่าเฉลีย่ 4.94 จานวน 40 คน ไดม้ าด้วยการเลือกแบบอาสาสมัคร
7) นาขอ้ เสนอแนะทไี่ ด้จากการสนทนากลุ่ม ครูท่ีมีความสนใจเรื่องวิจัยในช้ันเรียน โดยการ
จัดทาหนังสือทางราชการเพื่ อรับสมั คร ครู
ข อ ง ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ม า ป รั บ ป รุ ง แ ก้ ไ ข แ ล ะ พั ฒ น า ที่ ส น ใ จ แ ล ะ ผู้ เ รี ย น ที่ เ รี ย น กั บ ค รู ผู้ ส อ น ท่ี เ ป็ น
รูปแบบการนเิ ทศท่เี นน้ ผลการดาเนนิ งาน กล่มุ ตัวอย่างทุกคน จานวน 1,566 คน

เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวจิ ยั ข้ันตอนการดาเนินการวิจัยในระยะที่ 3
ผู้วิจัยได้รูปแบบนิเทศเอพีไอดีดับเบ้ิลอี (APIDEE
1) แบบตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบ Model) ไปทดลองใช้กับครูผู้สอน กลุ่มสาระ
การนิเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพการวิจัยในช้ันเรียน ก า ร เ รี ย น รู้ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ มี ร า ย ล ะ เ อี ย ด
การดาเนินการ ดังนี้
ของครูผู้สอนเพ่ือการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานักงานเขตพ้ืนที่ ประชุม ชี้แจงผู้บริหาร ครูผู้สอน กาหนด
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 16 ผู้วิจัยดาเนินการ การปฏิบัติการสอนในชั้นเรียน และจัดอบรม
เชิงปฏิบัติการให้กับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้
สร้างและพฒั นาดังน้ี วิทยาศาสตร์ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง เก่ียวกับการใช้
2) แบบบนั ทึกสนทนากลมุ่ (Focus Group) รูปแบบการนิเทศเอพีไอดีดับเบิ้ลอี (APIDEE
Model) เพื่อชี้แจงทาความเข้าใจเก่ียวกับการวิจยั
เพื่อยกร่างรูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพ ในช้ันเรียนและเปิดโอกาสให้ซักถาม จนเกิด
การวิจัย ในชั้นเรียน ของครูผู้สอน กลุ่มสาระ ความเข้าใจทต่ี รงกันในเรื่องตา่ ง ๆ ดังนี้
การเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
1.1 วตั ถปุ ระสงค์ ของการทดลองใช้รูปแบบ
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การนิเทศเอพีไอดีดับเบิ้ลอี (APIDEE Model)
ผู้ วิ จั ย ติ ด ต่ อ ป ร ะ ส า น ง า น กั บ ผู้ บ ริ ห า ร สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 16

สถานศึกษา ครูผู้สอนและศึกษานิเทศก์ตามเวลา 1.2 ความหมายและสาระสาคัญๆ ของ
ท่ีเหมาะสม และนาขอ้ มูลวเิ คราะหแ์ ละบนั ทึกผล แต่ละองค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศเอพีไอดี
ดับเบิ้ลอี(APIDEE Model) สานักงานเขตพ้ืนท่ี
การวิเคราะหข์ ้อมลู การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 16

ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล 1.3 สร้างความเข้าใจและช้ีแจงแนวทาง
จากแบบตรวจสอบรูปแบบ ค่า IOC ค่าเฉลี่ยและ การดาเนินงานตามรูปแบบการนิเทศเอพีไอดี
ดับเบิ้ลอี(APIDEE Model) สานักงานเขตพ้ืนท่ี
สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 16
ระยะที่ 3 การนารูปแบบการนิเทศเพื่อ
1.4 ดาเนินการนิเทศติดตามรูปแบบ
พัฒนาศักยภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน การนิเทศเอพีไอดีดับเบิ้ลอี (APIDEE Model)
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 16
เพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ไปใช้ 43

ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่ ครูผู้สอน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ จานวน 378 คน

และผู้เรียน จานวน 11,256 คน จากโรงเรียน


Click to View FlipBook Version