ประวตั ศิ าสตร์
ม.๒
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒
พัฒนาการของภมู ภิ าคเอเชยี
เอเชยี ตะวนั ออก เปน็ ภมู ภิ าคท่ีมพี ื้นทีก่ ว้างใหญ่ทีส่ ุดใน
ทวีปเอเชยี ประกอบด้วยประเทศ จนี ญี่ปุน่ เกาหลเี หนอื เกาหลใี ต้ และ
มองโกเลีย ภูมภิ าคนม้ี ี ลักษณะโดดเดยี่ ว ไมส่ ามารถตดิ ตอ่ กับภมู ภิ าคอื่นได้
สะดวก เพราะมที ะเล เทือกเขา ที่ราบสูง และทะเลทรายปดิ ลอ้ มอยู่
สง่ ผลใหป้ ระชากรทตี่ ้งั ถ่ินฐานในภมู ภิ าคนไ้ี ม่ค่อยมโี อกาสแลกเปลย่ี นวฒั นธรรม
กับดนิ แดนอ่นื จงึ พฒั นาภมู ปิ ญั ญาและหลอ่ หลอมอารยธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง
ลักษณะภูมิประเทศ เอเชีย
ตะวันออกต้ังอยู่ทางตะวันออกสุดของทวีปเอเชีย
ลักษณ ะภู มิ ปร ะเ ทศส่วนใ หญ่ปร ะ กอบด้ ว ย
เทือกเขาและทรี่ าบสงู ซ่ึงเปน็ ต้นกาเนิดของ
แม่น้าสายสาคัญหลายสาย เช่น แม่น้าหวางเหอ
(แม่น้าฮวงโห) แม่น้าเหล่าน้ีทาให้เกิดที่ราบลุ่ม
แม่น้าซึ่งเหมาะสาหรับทาการเพาะปลูก ส่งผลให้มี
การตั้งถ่นิ ฐานในภูมภิ าคนี้มาชา้ นาน
ลักษณะภูมิอากาศ พื้นที่ของ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ส่วนใหญ่อยู่ในเขต
อบอ่นุ ภูมิอากาศเอือ้ อานวยตอ่ การเพาะปลูก ทา
ใหม้ ปี ระชากรเขา้ มาตง้ั ถ่นิ ฐานหนาแนน่
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็น
หลัก ส่วนพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียง
เหนือเปน็ เขตทะเลทรายและกงึ่ ทะเลทราย ซงึ่
มี ภู มิ อ า ก า ศ แ ห้ ง แ ล้ ง แ ล ะ ห น า ว จั ด ใ น ฤ ดู ห น า ว
ไม่เอ้ืออานวยต่อการเพาะปลูก จึงมีประชากรอาศัย
อยูเ่ บาบาง
เอเชยี ตะวนั ออก
จีน จีนเป็นแหล่งอารยธรรมของโลกตะวันออกท่ีมี
ความเจริญและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ทั้งยังมีอิทธิพลต่อ
ดนิ แดนในภมู ิภาคเอเชียตะวันออกและดินแดนท่ีจีนติดต่อ
สัมพันธ์ด้วย พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจีน
ยาวนานมากกว่า ๓,๐๐๐ ปี ทาให้ประเทศจีนมีรากฐาน
ทางการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คมทแี่ ข็งแกร่ง
พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของจนี
แมน่ ้าหวางเหอเป็นแม่น้าทมี่ ีความสาคญั ท้งั ทาง
ดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง และภมู ิปัญญาของจนี
เอกสารจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงเป็นหลักฐาน
ทางประวัติศาสตร์ที่ทาใหผ้ ศู้ ึกษาไดร้ บั รู้ถงึ
พฒั นาการของประวตั ิศาสตร์จนี
สาธารณรฐั ประชาชนจีนเปน็ ประเทศทม่ี ีประชากรมากทส่ี ุดในโลก และ
มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การต้ังถิ่นฐานมีอยู่หนาแน่นในเขตที่ราบลุ่มแม่น้า
หวางเหอและแม่น้าฉางเจียงซึ่งเป็นเขตเพาะปลูกที่สาคัญที่สุดของประเทศ และเป็นที่ตั้งของ
เมืองสาคัญ ๆ ตลอดจนตลาดการคา้ ขนาดใหญ่ พัฒนาการทางเศรษฐกิจ การเมือง และ
ภูมิปัญญาของจีนมีความผูกพันอย่างมากกับแม่น้าทั้ง ๒ สาย กล่าวได้ว่า “หวางเหอ คือ
ตน้ กาเนิดของอารยธรรมจีน ส่วนฉางเจียง คือ อารยธรรมจีนทส่ี มบรู ณ์”
พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง
ในอดีตจนี เรยี กตนเองว่า “จุงกวอ๋ ” หมายถงึ ศูนย์กลางของโลก
ที่มีอารยธรรม การปกครองสมยั สมบูรณาญาสิทธิราชยข์ องจนี มลี ักษณะสาคัญ คอื
การรวมอานาจอย่ทู ่ีศนู ยก์ ลางการปกครองในเมืองหลวง จกั รพรรดิจนี มีฐานะโอรส
แห่งสวรรค์
พัฒนาการดา้ นการเมอื งการปกครอง
ส่วนขุนนางจีนแบ่งเป็น ขุนนาง ๓ ประเภท คือ ฝ่ายพลเรือน
ฝา่ ยทหาร และฝา่ ยตรวจสอบ ส่วนใหญ่ถกู เลือกสรรมา โดยการสอบแข่งขัน
การปกครองในสว่ นภูมิภาค แบ่งเป็น มณฑล
มขี ้าหลวงใหญ่หรอื ผู้สาเร็จราชการขน้ึ ตรงตอ่ จักรพรรดิ
ในระดบั ตา่ สุด คือ อาเภอ มนี ายอาเภอ
ทาหนา้ ที่เกบ็ ภาษอี ากร ใหค้ าปรึกษา
และตดั สินคดีความ รวมถงึ ควบคุมทหารของทอ้ งถนิ่
ภาพวาดการสอบจอหงวน
ในพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ ลัทธจิ กั รวรรดนิ ยิ มตะวนั ตกไดแ้ ผ่ขยายเขา้ สู่
เอเชีย จีนพ่ายแพ้ต่ออังกฤษในสงครามฝ่ิน จึงถูกบังคับให้เปิดเมืองท่า เขตเช่าพิเศษ และ
ชดใช้คา่ ปฏกิ รรมสงคราม รวมทั้งต้องสญู เสยี อธปิ ไตยทางการศาลและทางเศรษฐกิจ การที่
ต่างชาติเข้ามาย่ายีเอาเปรียบจีน ทาให้ชาวจีนเคล่ือนไหวต่อต้านเพื่อล้มล้างผู้ปกครองที่ไม่
สามารถแกไ้ ขปัญหา และนาไปสู่การปฏวิ ตั ิเป็นประชาธปิ ไตย
ในกลางพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕
ผู้นาในการปฏิวตั ิ คือ ซนุ ยัตเซน็ (Sun Yat-sen)
แต่ความพยายามปฏริ ปู ประเทศหลงั เปล่ยี นแปลง
การปกครองประสบความลม้ เหลว
ทาใหป้ ระเทศตอ้ งแตกแยก ซุน ยตั เซน็
จีนมีการปกครองในระบอบสังคมนิยม ในช่วงแรกอานาจในการตัดสินใจด้าน
นโยบายการเมือง การปกครอง การทหาร การต่างประเทศ และเศรษฐกิจของประเทศได้
รวมศูนย์อยู่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนตามแนวคิดของเหมา เจ๋อตง ต่อมาในยุคเติ้ง เส่ียวผิง
(Deng Xiaoping) อานาจบริหารโดยรวมยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์
จีน
เหมา เจอ๋ ตง ประกาศจัดต้ังสาธารณรัฐประชาชนจนี
พัฒนาการดา้ นเศรษฐกจิ โดยพน้ื ฐานของสังคมจนี มีความเจริญรงุ่ เรือง
ทางเศรษฐกจิ ชาวจนี จึงเชอ่ื ว่าดินแดนของตนคอื ศนู ย์กลางของโลกทเ่ี จรญิ รงุ่ เรอื ง ไม่
จาเปน็ ต้องพึ่งสนิ คา้ ต่างชาติ แต่กย็ งั มเี ส้นทางการค้ากบั ต่างประเทศของจีนท่สี าคญั คอื
เสน้ ทางการคา้ ทางบกและเสน้ ทางการคา้ ทางทะเล
เส้นทางการคา้ ทางทะเล ต้งั แต่สมยั ราชวงศซ์ ่งหรอื ซอ้ งทส่ี ามารถตอ่ เรือสาเภา
ขนาดใหญ่และไดพ้ ัฒนาการคา้ ทางทะเลกบั เกาหลี ญ่ีปนุ่
อาณาจักรตา่ ง ๆ ในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ตลอดถงึ
ตะวนั ออกกลาง ตอ่ มาในสมยั ราชวงศ์หมิง จีนมนี โยบายขยาย
การคา้ ทางทะเลอยา่ งกว้างขวาง จึงสง่ กองเรือสารวจทางทะเล
ภายใตก้ ารนาของเจง้ิ เหอ (Zheng He) เดนิ ทางไปไกล
ถึงชายฝง่ั แอฟรกิ าตะวนั ออก
ตง้ั แตพ่ ุทธศตวรรษท่ี ๒๒ พอ่ คา้ ชาวยโุ รปเข้ามาคา้ ขายกับจนี โดยตรง
อังกฤษไดน้ าฝนิ่ ท่ีทากาไรอยา่ งมหาศาลมาขายในจนี แตต่ อ่ มารฐั บาลจนี หา้ มการค้าฝิ่นและ
ตัดสนิ ใจปราบฝิน่ เปน็ เหตุให้เกดิ สงครามฝนิ่ กบั องั กฤษ จนี เปน็ ฝ่ายแพ้สงคราม
ตัง้ แต่ปลายราชวงศ์ชงิ จนถงึ ชว่ งสงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ประชาชนจีนไดร้ บั ความ
เดอื ดร้อนทางเศรษฐกจิ จากภยั ธรรมชาตแิ ละความล้มเหลวในการแก้ไขปัญเศรษฐกิจ
ของรฐั บาลรัฐบาลจีนไดน้ าระบบเศรษฐกจิ แบบคอมมิวนสิ ตห์ รอื ระบบคอมมนู
(Commune) มาใช้แก้ปญั หาเศรษฐกจิ ท่ีมีความอดอยากและขาดแคลนอยา่ งมาก
พัฒนาการด้านสังคม สังคมจีนเป็นสังคมขนาดใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่
เป็นชาวจีนเชื้อสายฮ่ัน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นแรงงานในโรงงาน
อุตสาหกรรม และทางานรบั จ้าง
สงั คมจีนมีความก้าวหนา้ ดา้ นภูมิปัญญาและอารยธรรมมาหลายพันปีแล้ว ท้ังด้าน
ปรัชญา ศาสนา ศิลปกรรม การประดิษฐ์ตัวอักษร ฯลฯ อีกท้ังยังเป็นสังคมท่ียึดมั่นใน
คาสอนของลัทธิขงจื๊อ ที่เน้นในเรื่องหลักคุณธรรม การเคารพผู้อาวุโส และยึดถือจารีต
ประเพณดี ัง้ เดมิ
ญ่ปี ุ่น ญีป่ นุ่ เปน็ หมเู่ กาะในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก
ลกั ษณะภูมิประเทศท่โี ดดเดย่ี วจากโลกภายนอก ทาให้
ชาวญ่ปี นุ่ มีบคุ ลิกพเิ ศษ สามารถพ่ึงพาตนเอง ทัง้ ยงั
ยอมรับความเจรญิ ที่ก้าวหนา้
สามารถพฒั นาวฒั นธรรมใหม้ เี อกลกั ษณ์
เฉพาะอันเกดิ จากการคดิ คน้ พฒั นาและการผสมผสานกับ
อารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออกของจนี ทาให้ประเทศเตบิ โต
อยา่ งรวดเร็ว
พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์การปกครองของ
ญี่ป่นุ เรมิ่ มาเกอื บ ๒,๐๐๐ ปี ผูป้ กครองมสี ถานะเป็นจักรพรรดิ
ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๑ ญีป่ ุ่นได้รบั อทิ ธพิ ลทางอารยธรรมจากจีนทัง้ ทางปรัชญา
การปกครอง ภาษา และวฒั นธรรม โดยรับผา่ นเกาหลอี กี ตอ่ หนึง่
ในปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ หรือสมยั ยะมะโตะ (Yamato) ตอนปลาย (พ.ศ.
๑๑๙๕-๑๒๕๓) ญี่ปนุ่ รบั รปู แบบอารยธรรมของจนี เปน็ สว่ นใหญ่ หลงั จากนั้นไดม้ ีการ
สร้างเมอื งหลวงแหง่ แรกที่เมืองนะระ โดยยึดตามรปู แบบของนครฉางอานของจีน ตอ่ มาไดย้ า้ ย
เมอื งหลวงไปที่เฮองั เกยี ว (เกยี วโต)
ตั้งแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๗ ญ่ีปุ่นมีการปกครองแบบฟิวดัล อานาจการ
ปกครองเป็นของชนชั้นนักรบ และเกิดสถาบันโชกุน ซึ่งเป็นผู้นาสูงสุดของพวกขุนศึกหรือ
หัวหน้านักรบ (ไดเมียว) ที่ต่างมีกาลังนักรบ (ซามูไร) เป็นฐานอานาจ ส่วนจักรพรรดิ
ยงั คงประทบั อยู่ท่เี กียวโตแตไ่ มม่ ีพระราชอานาจ สมยั การปกครองของญี่ปุ่นในยุคนี้เรียกตาม
ช่ือตระกูลของโชกุนท่ีบริหารประเทศ เช่น สมัยอะชิกะงะ (Ashikaga) สมัยโทะกุงะวะ
(Tokugawa)
ญ่ีปุ่นสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็วกระท่ังกลายเป็นผู้นาทางด้าน
อตุ สาหกรรมและการทหาร ทาให้ญี่ปุ่นได้ขยายแสนยานุภาพทางการทหารยึดครองดินแดน
เกาหลีและแมนจูเรียของจีนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ เม่ือเกิดสงครามโลกคร้ังที่ ๒
ญ่ีปุ่นได้เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ และทาสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยโจมตีฐานทัพเรือ
สหรัฐอเมรกิ า และยึดครองดนิ แดนจีน สงครามยุติลงเมอ่ื ญีป่ ุ่นยอมแพ้ตอ่ ฝ่ายสัมพนั ธมติ ร
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่สมัยฟื้นฟูพระราชอานาจเมจิเป็นต้นมา
เศรษฐกิจญี่ปุ่นเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยสาคัญคือความสามารถในการพัฒนา
อุตสาหกรรมของชาวญีป่ ุ่นทเี่ รียนรูเ้ ทคโนโลยีจากชาติตะวันตกและสามารถใช้ประโยชน์จาก
ทรพั ยากรธรรมชาติภายในประเทศ
ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวญี่ปุ่นที่มีจิตวิญญาณของ
ความรักชาติและเสียสละ ทาให้สามารถนาทรัพยากรท่ีมีอยู่ในประเทศมาพัฒนาเศรษฐกิจ
จนกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนา ทั้งด้านอุตสาหกรรมและการเกษตรของโลก
จากน้ันจึงขยายฐานการลงทุนไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ท่ัวโลก ปัจจุบันญ่ีปุ่นมีสถานะเป็น
มหาอานาจทางเศรษฐกจิ ของโลกประเทศหนึง่
พฒั นาการดา้ นสงั คม ความเจรญิ ทางดา้ นสังคมและวัฒนธรรมของสังคมญ่ีปุ่นมี
รากฐานมาจากการพัฒนาอารยธรรมของชาวญี่ปุน่ ประกอบดว้ ยการผสมผสานอารยธรรม
จีนและอารยธรรมของชาติตะวันตก ญี่ปุ่นพัฒนาลัทธิประเพณีจากความเชื่อด้ังเดิมของตน
คือ แนวคิดเก่ียวกับความตายและโลกใหม่หลังความตาย ความอุดมสมบูรณ์ และความเช่ือ
ในเทพเจ้าหรือคามิ (Kami) ความเชื่อเหล่าน้ีได้พัฒนาเป็นลัทธิชินโต ซึ่งเน้นพิธีกรรมท่ี
เรยี บงา่ ยการบชู าธรรมชาติ การบูชาบรรพบรุ ุษ การใหค้ วามเคารพต่อเทพเจ้า
ปัจจุบันสังคมญ่ีปุ่นเป็นสังคมแบบเสรีนิยม ประชาชนมีโอกาสทางการศึกษา
มีมาตรฐานการดารงชีวิตและความเป็นอยู่ท่ีดีใกล้เคียงกับชาวตะวันตก อย่างไรก็ตาม แม้
สงั คมญ่ีปุ่นได้พัฒนาและเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทั้ง
ด้านการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้าง การพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ แต่ชาว
ญ่ีปุ่นก็ยังให้ความสาคัญกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท่ีมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์
เฉพาะที่ ชาวญ่ีป่นุ ภาคภมู ิใจ
เกาหลี เกาหลเี หนอื และเกาหลีใต้
เกาหลเี หนอื และเกาหลีใตเ้ ดิมเปน็ ประเทเดียวกัน
และมีพฒั นาการทีเ่ จรญิ รุ่งเรอื งมานานกวา่ ๒,๐๐๐ ปี แต่
หลังสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ได้ถูกแบง่ ออกเปน็ สองประเทศ
ท้งั สองประเทศมภี าษาและวฒั นธรรมเดยี วกนั
แตม่ ีพฒั นาการทางการเมอื งการปกครองและเศรษฐกิจ
แตกต่างกนั
เมอื่ สงครามโลกครั้งท่ี ๒ ยตุ ิลง กองกาลังของสหภาพโซเวยี ตและสหรัฐอเมรกิ า
เขา้ ไปปลดอาวธุ ทหารญปี่ ุ่นในเกาหลแี ละได้ตกลงแบ่งเขตปกครองเกาหลี โดยแบ่งดินแดนท่ี
เส้นขนานท่ี ๓๘ องศาเหนอื สหภาพโซเวียตเขา้ ควบคุมดนิ แดนสว่ นท่ีอยเู่ หนือเสน้ ขนาน
สว่ นสหรฐั อเมริกาเข้าควบคุมดินแดนทอี่ ยใู่ ตเ้ ส้นขนาน
ในพ.ศ.๒๔๙๑ สหภาพโซเวยี ตและสหรัฐอเมริกาตา่ งสนบั สนนุ ให้มกี ารต้งั รฐั บาล
ในดินแดนท่ีควบคมุ ซงึ่ ดินแดนทส่ี หภาพโซเวยี ตควบคุมไดก้ ลายเปน็ ประเทศเกาหลีเหนอื
มีคิม อลิ -ซอ็ ง ผฝู้ กั ใฝ่แนวทางสังคมนิยมเป็นประธานาธิบดี ส่วนสหรัฐอเมริกาได้สนบั สนนุ
ให้ อี ซงึ -มัน (Yi Seung-man หรือ Syngman Rhee) ผู้มนี โยบายตอ่ ต้าน
คอมมวิ นิสต์เปน็ ผนู้ าของประเทศเกาหลใี ต้ ดนิ แดนเกาหลจี งึ ถกู แบง่ แยกเปน็ ๒ ประเทศนับ
แต่นั้นมา
เกาหลใี ต้
พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ในช่วง ๓๕ ปีแรก เกาหลีใต้มีการ
ปกครองแบบเผด็จการประชาธิปไตย ทาให้รัฐบาลประสบปัญหาด้านเสถียรภาพทาง
การเมอื ง เพราะรฐั บาลเผด็จการถูกต่อต้านจากนักศึกษาและประชาชน (โดยเฉพาะชาวนา
และกรรมกร) อยเู่ สมอ
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ เกาหลีใตม้ กี าร
พฒั นาเศรษฐกจิ ให้เตบิ โตไดอ้ ย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง
กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่หรือ
NICS (Newly Industrial Countries)
ความสาเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจทาให้เกาหลีใต้
ได้รับความไว้วางใจใหเ้ ป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา
โอลิมปกิ ใน พ.ศ. ๒๕๓๑ ท่กี รุงโซล
พัฒนาการด้านสังคม สังคมเกาหลีใต้เป็นสังคมเสรีประชาธิปไตย ชาวเกาหลีใต้
ได้ผสมผสานวัฒนธรรมด้ังเดิมที่ได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมจีนกับความเจริญของโลก
ตะวันตกท่ีก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลักษณะสังคมโดยรวมประกอบด้วย
สังคมเมืองที่มีความก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยี และสังคมชนบทที่ประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมเป็นหลักแต่มีมาตรฐานการครองชีพและการดารงชีวิตท่ีดี โดยมีสิทธิได้รับ
โอกาสทางการศกึ ษาการประกอบอาชพี และการพฒั นาตนเอง
เกาหลีเหนือ
พฒั นาการด้านการเมืองการปกครอง
เกาหลีเหนือมกี ารปกครองระบอบสงั คมนยิ มมาตลอด
ผนู้ าสงู สดุ คือ คิม อิล-ซอ็ ง ซึ่งเป็นทงั้ ประมุขของ
พรรคคอมมิวนสิ ต์เกาหลแี ละประมขุ ของประเทศ ตง้ั แต่
การสถาปนาประเทศเกาหลเี หนือจนถึงแก่กรรม ใน
พ.ศ. ๒๕๓๗
คมิ จ็อง-อนึ
ประธานาธบิ ดคี นปจั จบุ นั ของประเทศเกาหลเี หนอื
พฒั นาการด้านเศรษฐกิจ เกาหลีเหนอื ประสบปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกจิ ต้อง
ซื้อข้าวและอาหารจากต่างประเทศ เนื่องจากพ้ืนที่ของเกาหลีเหนือมีภูมิอากาศหนาวเย็นและ
มักประสบปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเน่ือง ทาให้ไม่สามารถเพาะปลูกหรือผลิตอาหารเล้ียงดู
ประชากรไดอ้ ยา่ งท่ัวถงึ
นอกจากนี้ การทเ่ี กาหลีเหนอื พยายามระดมทรัพยากรเพ่ือพฒั นากองทัพและอาวุธ
นิวเคลียร์ให้มีศักยภาพเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ส่งผลกระทบต่อการ
พัฒนาเศรษฐกจิ
พฒั นาการดา้ นสังคม สงั คมของเกาหลีเหนือยงั ไมเ่ ป็นท่ีรู้จักของโลกภายนอกมาก
นัก เพราะยังไม่มีการเปดิ ประเทศอย่างเต็มที่ ประชาชนส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกรรม
ในระบบคอมมูน การพัฒนาอุตสาหกรรมยังไม่ก้าวหน้า เพราะมีวัตถุดิบจากัดและขาดการ
ส่งเสรมิ ทางด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ประชาชนส่วนใหญ่ขาดการศกึ ษาและยากจน
ภูมิภาคเอเชียใต้ เป็นที่รู้จักกันในอดีตว่าเป็นศูนย์กลางของ
อารยธรรมท่ีเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกและมีอิทธิพลต่อภูมิภาคอ่ืนของเอเชีย ภูมิภาคนี้มี
ประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก และเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดินิยม
ตะวนั ตก ภายหลงั ได้รับเอกราช ภูมภิ าคนไ้ี ด้แบ่งออกเป็นหลายประเทศ แต่ละประเทศต่างมี
พัฒนาการดา้ นการเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ และสังคมของตนเอง
เอเชยี ใต้
ลักษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องเอเชยี ใตม้ คี วามแตกตา่ งกนั คือ มที ั้งเขตเทอื กเขาทาง
ตอนเหนอื ทม่ี ีภูมอิ ากาศหนาวเยน็ เขตทรี่ าบลุ่มแม่นา้ สนิ ธุ แม่น้าคงคา แม่นา้ พรหมบุตร
และแม่นา้ สาขาของแม่นา้ ดงั กลา่ วทมี่ ีความอดุ มสมบรู ณ์ และเขตทรี่ าบสงู ทางตอนกลางของ
ภูมภิ าคทีแ่ ห้งแล้งและร้อนจดั ส่งผลใหแ้ ต่ละเขตมีความแตกต่างกนั ทง้ั ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ
การประกอบอาชีพ และการหลอ่ หลอมอารยธรรม
ลกั ษณะภูมิอากาศ ภูมอิ ากาศในเขตเอเชยี ใตโ้ ดยรวมมีความแหง้ แล้ง เพราะ
ฝนตกน้อยและรอ้ นจดั ประชากรสว่ นใหญจ่ งึ ต้องอาศัยน้าจากแม่น้าสายต่าง ๆ เป็นหลักใน
การประกอบอาชีพเกษตรกรรม
สว่ นพ้ืนทที่ างตอนใตซ้ ึง่ อย่ใู นเขตมหาสมุทรอินเดีย ก็อาศัยลมมรสุมท่ีนาความชุ่ม
ชนื้ มาช่วยในการเพาะปลูกและบรรเทาความแห้งแลง้
อนิ เดีย อินเดยี ครอบครองพื้นท่สี ว่ นใหญ่ของภมู ิภาค
เอเชียใต้ที่มีความหลากหลายของสภาพภูมิศาสตร์
ชาวอินเดียโบราณได้พัฒนาความเจริญรุ่งเรือง
ทางด้านอารยธรรม ทาให้อินเดียเป็นศูนย์กลาง
ความเจริญทช่ี นชาตติ า่ ง ๆ ตอ้ งการยึดครอง
อย่างไรก็ตาม แม้อินเดียต้องตกอยู่ภายใต้
การปกครองของชนต่างเช้ือชาติและต่างศาสนา
แต่ชาวอินเดียก็ยังสามารถดารงเอกลักษณ์และ
วฒั นธรรมของตนมาจนถึงปัจจบุ ัน
พฒั นาการดา้ นการเมอื งการปกครอง
ประเทศอินเดียมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ดาเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ประมุขของประเทศ คือ ประธานาธิบดีท่ีมาจากการเลือกตั้ง หัวหน้าฝ่ายบริหาร
คอื นายกรฐั มนตรซี ่ึงเปน็ ผู้นาของพรรคการเมอื งท่คี รองเสยี งข้างมากในรฐั สภา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนิ เดยี ต้องประสบปญั หาการเมืองภายใน อันเป็นผลมาจาก
ความแตกต่างทางด้านเช้ือชาติและศาสนา เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนา
พราหมณ์-ฮินดู แตม่ ีชนกลุ่มน้อยท่นี ับถือศาสนาอ่ืน เช่น ชาวมุสลิม ชาวสิกข์ และผู้นับถือ
ศาสนาครสิ ต์
พัฒนาการดา้ นเศรษฐกจิ อนิ เดยี จดั อยใู่ นกลุ่มประเทศกาลงั พฒั นาที่มีการเตบิ โต
ทางเศรษฐกิจสงู แม้ว่าประชากรสว่ นใหญ่จะมฐี านะยากจนและประกอบอาชพี เกษตรกรรม
เปน็ หลัก แตอ่ ินเดยี กส็ ามารถพฒั นาด้านอตุ สาหกรรมไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ตงั้ แต่ทศวรรษ ๒๕๓๐
เปน็ ตน้ มา โดยปจั จัยสาคัญทท่ี าให้อุตสาหกรรมในอินเดียเตบิ โต คือ แรงงานค่าแรงตา่ และ
ความตอ้ งการของตลาดภายในประเทศ อตุ สาหกรรมท่ีโดดเด่นของอนิ เดยี เช่นอตุ สาหกรรรมท่ี
เก่ียวกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศซ่ึงเป็นทตี่ ้องการของตลาดตา่ งประเทศ และอตุ สาหกรรมยานยนต์
ซง่ึ ตลาดภายในประเทศมคี วามต้องการสูง
การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วทาให้อินเดียถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศ
“BRICS” ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ท่ีมีความร่วมมือ
กันทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ ส่งผลให้กลุ่มประเทศ BRICS กลายเป็นข้ัว
อานาจใหม่ของเศรษฐกิจโลกท่ีสามารถถ่วงดุลอานาจของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
โดยให้ความสาคัญในเรื่องการปฏิรูปกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) การเปลี่ยน
สกุลเงนิ สารองระหว่างประเทศสกุลใหมแ่ ทนสกุลเงนิ ดอลลารส์ หรฐั
พัฒนาการด้านสังคม สงั คมอนิ เดยี มคี วามเจริญรงุ่ เรอื งมายาวนานหลายพันปี
อารยธรรมและภมู ปิ ัญญาอนิ เดยี มคี วามรงุ่ เรืองมาก ทง้ั ด้านการปกครอง กฎหมาย ปรัชญา
ศาสนา ภาษา วรรณกรรม ศลิ ปกรรม การแพทย์ ดนตรี อารยธรรมและภมู ปิ ญั ญาอนิ เดีย
ไม่ไดม้ อี ิทธพิ ลอยูเ่ ฉพาะในประเทศเท่านัน้
หากยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อดินแดนต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้และดินแดน
ใกล้เคียงโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียเป็น
ส่วนใหญ่
สังคมของอินเดยี ไดร้ บั อิทธิพลจากระบบวรรณะที่ชาวอารยนั ใชแ้ บ่งแยกชนชน้ั
โดยแบ่งออกเปน็ ๔ วรรณะ คือ วรรณะพราหมณ์ วรรณะกษัตรยิ ์ วรรณะแพศย์ และ
วรรณะศทู รผทู้ ถ่ี อื กาเนดิ อยใู่ นวรรณะใดจะต้องแตง่ งานกันภายในวรรณะของตน หากฝา่ ฝืน
ทายาทท่ีเกิดมาจะอยนู่ อกวรรณะ เรียกว่า จัณฑาล
ระบบวรรณะมีอทิ ธพิ ลอยา่ งมากต่อวถิ ีชีวติ และความคิดของชาวอินเดยี จนถงึ
สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ต่อมาหลังได้รบั เอกราชแล้วสงั คมอินเดยี มกี ารปรับเปลย่ี นมากขนึ้
พรอ้ มกับมกี ารรบั ความเจรญิ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ทาให้ชาวอนิ เดียไม่ได้ยดึ ติดอยู่
กบั ระบบวรรณะแบบเดิม อยา่ งไรกต็ าม สังคมอินเดยี ปัจจบุ นั ยังคงยึดมน่ั อยูก่ บั
ขนบธรรมเนยี มและประเพณเี ดมิ
ปากีสถาน ปากสี ถานเปน็ ประเทศของชาวมุสลิมท่ีแยก
ออกมาจากอินเดีย ในช่วงแรกปากีสถานประกอบด้วย
ปากีสถานตะวันตกและตะวันออก ซึ่งไม่มีพรมแดน
ติดตอ่ กนั ตอ่ มาดนิ แดนปากีสถานตะวันออกได้เรียกร้อง
เอกราชและแยกตัวออกไปเป็นประเทศบังกลาเทศ ทาให้
ปากีสถานปัจจุบันมีพ้ืนท่ีครอบคลุมเฉพาะส่วนท่ีเป็น
ดนิ แดนปากสี ถานตะวนั ตกแตเ่ ดิม
พัฒนาการด้านการเมือง ปากีสถานได้ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๙๐ และประสบ
ปัญหา
ทางการเมืองมาตลอด ทั้งปญั หาการเมอื งภายในประเทศและปัญหากบั ประเทศเพ่อื นบา้ น
ปัญหาการเมอื งภายในประเทศ ได้แก่ ปัญหาการแบ่งแยกประเทศของปากีสถาน
ตะวันออก และปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล ปัญหาปากีสถานตะวันออกเกิด
จากการทีช่ าวปากสี ถานตะวันออกได้เรียกร้องการปกครองตนเอง
ปัญหากับประเทศเพ่ือนบ้าน เกิดจากกรณีพิพาทระหว่างปากีสถานกับอินเดีย
เ ก่ี ย ว กั บ ปั ญ ห า แ ค ว้ น แ ค ช เ มี ย ร์ ท่ี ท า ใ ห้ เ กิ ด ส ง ค ร า ม ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ ป า กี ส ถ า น
เปน็ ฝา่ ยพา่ ยแพ้ จึงมีผลสบื เนือ่ งใหป้ ากสี ถานพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ตามอย่างอินเดีย
แต่กถ็ กู อินเดียตอ่ ต้านอยา่ งหนัก
ปากีสถานเป็นสังคมอิสลามที่สตรีมีโอกาสทางการศึกษาและมีสิทธิเสรีภาพทาง
การเมือง เน่ืองจากเคยอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษซ่ึงได้วางรากฐานการศึกษาและ
การพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไว้ให้กับอาณานิคม ทาให้สตรีบางคนท่ีมี
การศึกษาสูง เช่น นางเบนาซีร์ บุตโต (Benazir Bhutto) สามารถเป็นผู้นาทาง
การเมืองได้เช่นเดียวกับบุรุษ
บงั กลาเทศ บังกลาเทศเปน็ หน่ึงในประเทศทม่ี ปี ระชากร
หนาแนน่ ที่สดุ ในโลก ตง้ั อยูใ่ นเขตท่รี าบล่มุ ดนิ ดอน
สามเหลี่ยมปากอ่าวเบงกอล และมกั ประสบภยั
ธรรมชาตริ นุ แรง จัดเปน็ ประเทศทข่ี าดการพฒั นาและ
ประสบปัญหาเร่ืองเสถียรภาพทางการเมอื ง
พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของบงั กลาเทศ
บังกลาเทศก่อต้ังข้ึนใน พ.ศ. ๒๕๑๔ แต่รัฐบาลประสบปัญหาการขาด
เสถียรภาพทางการเมือง เพราะรัฐบาลชุดแรกท่ีบริหารโดยประธานาธิบดีที่เป็นพลเรือนได้
ถูกโคน่ ล้มดว้ ยการรัฐประหาร หลงั จากน้นั บังกลาเทศก็มกี ารปกครองโดยรัฐบาลทหารซึ่งมี
การรัฐประหารต่อเน่ืองทาให้ประเทศบังกลาเทศอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ในช่วง พ.ศ.
๒๕๓๓-๒๕๔๓ พลเรือนได้รบั เลือกตงั้ เขา้ มาบรหิ ารประเทศในตาแหนง่ นายกรัฐมนตรี แต่
รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศล้วนประสบปัญหาอย่างหนัก เน่ืองจากไม่สามารถแก้ปัญหา
ความยากจนและความอดอยากในประเทศได้ เป็นเหตุให้มีการประท้วง ต่อต้าน และการก่อ
วินาศกรรม จนนาไปส่กู ารลม้ ล้างรัฐบาล
ปัญหาคนวา่ งงาน บังกลาเทศมปี ระชากรหนาแน่นและมพี ื้นท่เี พาะปลูกจากดั ทา
ให้เกดิ ปญั หาการว่างงาน แม้รัฐบาลพยายามแกป้ ญั หาด้วยการพฒั นาอุตสาหกรรม โดย
เปิดรบั การลงทนุ จากตา่ งประเทศ แตเ่ นือ่ งจากอยใู่ นวงจากดั จึงไม่สามารถแกป้ ญั หาการ
วา่ งงานไดท้ ั้งหมด สง่ ผลให้ชาวบงั กลาเทศจานวนมากพยายามเดินทางไปหางานทาใน
ตา่ งประเทศ แม้วา่ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ แรงงานผิดกฎหมายกต็ าม
ปญั หาภยั ธรรมชาติ ลักษณะทตี่ ้งั ทาใหบ้ งั กลาเทศประสบปญั หาอทุ กภยั จากพายุ
ไซโคลนท่ีก่อตัวในอ่าวเบงกอลทุกปี ทาให้การเพาะปลูกได้รับความเสียหาย ไม่ได้ผลผลิต
เต็มที่ นอกจากน้ีวาตภัยท่ีเกิดข้ึนยังคร่าชีวิตผู้คนเป็นจานวนมาก และส่งผลให้เกิดความ
ยากจนในสังคมบังกลาเทศ
ศรลี ังกา ศรีลังกาหรือเกาะลังกาในอดีตเป็นศูนย์กลางของ
พระพุทธศาสนา ลัทธิลังกาวงศ์ต้ังอยู่ทางใต้สุดของ
ประเทศอินเดีย และอยู่บนเส้นทางเดินเรือติดต่อระหว่าง
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็น
จดุ ยทุ ธศาสตรส์ าคัญในมหาสมุทรอนิ เดีย
พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ สงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งของศรลี ังกา
ศรลี งั กามีประวตั ิศาสตร์ยาวนานมากกวา่ ๒,๐๐๐ ปี ชาวพื้นเมอื งของศรลี งั กา
สว่ นใหญ่เป็นชาวสิงหล (Sinhala) ทน่ี บั ถือพระพทุ ธศาสนา ลักษณะทีต่ ั้งของเกาะลังกาท่ี
อย่ใู กลก้ ับอนิ เดยี ทาใหใ้ นอดตี ผนู้ าของแคว้นในอนิ เดียใต้ เช่น พวกโจฬะ กลงิ คะ ปัลลาวะ
ไดพ้ ากนั รกุ รานและยดึ ครองดินแดนบางสว่ นของลงั กา รวมถึงชาวทมฬิ (Tamil) ทนี่ ับถอื
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเขา้ มาตั้งถนิ่ ฐานในลงั กาตงั้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษที่ ๖ ส่วนใหญ่อย่ทู าง
ตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของลังกาในสมัยอาณานคิ มโปรตเุ กสและฮอลนั ดพยายาม
เขา้ มายึดครองเกาะลงั กา แต่ไมส่ ามารถครอบครองดนิ แดนได้ทง้ั หมด ตอ่ มาลงั กาตกเปน็
อาณานคิ มของอังกฤษระหว่าง พ.ศ. ๒๓๔๕-๒๔๙๑ รฐั บาลองั กฤษไดส้ ง่ เสริมให้มขี ยาย
พืน้ ทป่ี ลกู ใบชาจานวนมากในเกาะลงั กา จงึ มีการนาชาวทมิฬจากอินเดียใต้จานวนมากเขา้ มา
ทางานในไรช่ าของนายทนุ ชาวองั กฤษ ทาให้ชาวทมฬิ กลายเป็นชนกลมุ่ นอ้ ยกลุ่มใหญ่ท่ีสดุ
ของศรีลังกา
เมอื่ ไดร้ บั เอกราชแลว้ ศรลี งั กามกี ารปกครองในระบอบ เด็ก ๆ ชาวศรีลงั กา
เชื้อสายทมฬิ ในชุดประจาชาติ
สาธารณรฐั สังคมนิยมประชาธิปไตยมีประธานาธิบดีทม่ี าจาก
การเลือกตงั้ เป็นผู้นาสงู สดุ โดยเป็นท้งั ประมุขของประเทศผนู้ า
รัฐบาลและผบู้ ญั ชาการทหารสูงสุดส่วนนายกรฐั มนตรีเปน็ ฝา่ ย
บริหารทีม่ ีอานาจรองจาประธานาธบิ ดี ทัง้ น้ีมีสตรีได้รับเลือกตั้ง
เป็นผูน้ าถึง ๒ คน คอื นางสริ มิ าโว บันดาราไนยเก และนาง
จันทรกิ า กุมาราตุงคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมารฐั บาลศรลี งั กาตอ้ ง
เผชิญปญั หาสาคญั ทางการเมอื ง คอื การทช่ี นกลุม่ นอ้ ยชาวทมิฬ
พยายามทาสงครามตอ่ สู้กบั รัฐบาลศรลี งั กาเพ่อื แบง่ แยกประเทศ
ส่งผลให้รัฐบาลต้องใชง้ บประมาณจานวนมหาศาลในการ
ปราบปรามกลมุ่ กบฏ รวมถงึ มผี เู้ สียชีวิตจานวนมากปญั หาน้ี
ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ของศรลี ังกาโดยตรง
ในดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม ชาวศรีลังกาดาเนินชีวิตแบบเรียบง่ายและเคร่งศาสนา
สว่ นใหญอ่ าศัยอยู่ในเมืองขนาดเล็กและชนบท ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีสภาพ
ยากจนและขาดการพัฒนา เพราะท่ีผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณส่วนใหญ่ในการ
ปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทาให้ขาดงบประมาณในการพัฒนาประเทศด้านอ่ืน ๆ
ปัจจุบันปัญหาความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองภายในได้ผ่อนคลายลง รัฐบาลศรีลังกาจึง
เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอการแปรรูปอาหาร การ
ก่อสรา้ ง และการโทรคมนาคม