The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

926 ชาดกศิษย์-อาจารย์114-3-62 เดี่ยว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ICT Banjongrat, 2021-06-16 23:35:03

926 ชาดกศิษย์-อาจารย์114-3-62 เดี่ยว

926 ชาดกศิษย์-อาจารย์114-3-62 เดี่ยว

ขณะนั้น พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาแล้ว
พระองคไ์ ดต้ รสั ทกั เขาวา่

“ดูก่อนอุบาสก เธอหายไปไหนไม่เห็นหน้ามา ๑
สปั ดาห์แล้ว”

เขาจึงกราบทูลเล่าเรื่องความทุกข์ท้ังหมดให้ทรง
ทราบวา่

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภรรยาของข้าพระองค์
มคี วามประพฤตชิ ว่ั อยา่ งรา้ ยแรง เธอคบชู้ ทำ� ใหข้ า้ พระองค์
เสียใจอยา่ งที่สุด จึงไมไ่ ดม้ าเขา้ เฝ้า พระเจา้ ขา้ ”

พระพทุ ธเจ้าจงึ ตรสั สอนเขาด้วยมหากรณุ าว่า
“ดูก่อนอุบาสก ขึ้นช่ือว่า ‘บุรุษ’ ไม่ควรท�ำความ
โกรธเคืองในบรรดาสตรีที่นอกใจด้วยเศร้าเสียใจว่า
‘ภรรยาของเราประพฤติช่ัว คบชู้สู่ชาย’ แต่พึงท�ำใจให้
หนักแน่นมั่นคงเป็นกลางเข้าไว้ แม้ในชาติก่อน ก็เคยมี
บัณฑิตสอนเธออย่างน้ีมาแล้ว แต่เธอจดจ�ำไม่ได้เพราะ
ถูกการเวียนเกดิ เวยี นตายจากภพอ่ืนมาปิดบงั เอาไว้”
อนั อบุ าสกกราบทลู อาราธนาแลว้ ไดท้ รงนำ� เรอื่ งราว
ในอดตี ชาติมาตรัสเลา่ ใหฟ้ ัง ดงั ตอ่ ไปนี้

100 ศิษย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

เนือ้ หาชาดก
ในอดตี กาล เม่อื พระเจา้ พรหมทัตครองราชยส์ มบตั ิ

ในกรุงพาราณสี มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ท่านหนึ่งส่ังสอน
ความรู้ให้แก่พวกมาณพจ�ำนวน ๕๐๐ คน

ต่อมา มีมาณพคนหนึ่งผู้เป็นศิษย์ของท่านไป
แตง่ งาน ตอ่ มา เขาจับได้ว่า ‘นางมชี ’ู้ จงึ เกดิ ความแค้นใจ
อยา่ งท่สี ุด คิดไมต่ กวา่ จะจัดการอย่างไรกับเธอดี จึงหาย
หน้าไมไ่ ดไ้ ปเรียนวชิ ากบั อาจารย์ ๒ - ๓ วันเพราะความ
ทุกขท์ รมานนั้น

ต่อมา เมื่อไม่สามารถจะหาทางออกในเรื่องน้ีได้
เพราะจิตใจสับสนเป็นทุกข์ เขาจึงน�ำเรื่องไปปรึกษา
กะอาจารย์ของเขาเพื่อหาทางออกในเร่ืองน้ี

ท่านอาจารย์จึงกล่าวสอนเขาด้วยความสงสารศิษย์
วา่

“ลกู ศษิ ยเ์ อย๋ ธรรมดาวา่ สตรนี นั้ พวกเธอเปน็ สมบตั ิ
ของคนทั่วไป คนฉลาดท้ังหลายเม่ือรู้อย่างน้ี จึงไม่ควร
ทจี่ ะตอ้ งขนุ่ เคอื งหรอื เสยี ใจในหญงิ เหลา่ นนั้ เลยวา่ ‘ภรรยา
ของเราคบชู้ มนี ิสัยตำ�่ ชา้ ’ ”

จากนั้น ท่านอาจารย์ได้กล่าวสอนคาถาน้ีกะศิษย์
วา่

๑๒. อนภริ ติ 101

www.kalyanamitra.org

ขึ้นช่ือว่าหญงิ ท้ังหลายในโลกนี้
มีอุปมาเหมือนแม่นำ�้ หนทาง รา้ นด่ืมเหลา้
ศาลาท่ีพกั อาศัย รมิ ทาง และบ่อนำ�้
บณั ฑติ ทงั้ หลายจงึ ไมค่ วรทจี่ ะถอื โกรธหญงิ เหลา่ นน้ั

“ดูก่อนลูกศิษย์เอ๋ย อุปมาท้ังหมดท่ีอาจารย์ยกมา
เหลา่ นี้ ฉนั ใด

หญงิ ทั้งหลายในโลกนี้ ก็ฉันนนั้ เหมือนกนั เป็นของ
สาธารณ์ เหมอื นสมบตั ผิ ลัดกันชม

เมื่อคิดได้เข้าใจดังน้ีแล้ว สมควรหรือเปล่าท่ีเธอจะ
ไปโกรธแคน้ ในหญงิ ผใู้ จคอโลเลเหลา่ นน้ั ขอใหเ้ ธอจงทำ� ใจ
ใหเ้ ปน็ กลาง คดิ ปลงเสยี วา่ ‘หญงิ ทใี่ จคอโลเล กม็ กั จะเปน็
สมบัติของชายทั้งโลก’ คิดได้ดังน้ี จะได้ไม่ต้องไปโกรธ
ต่อหญิงเหลา่ น้ัน ท�ำใหใ้ จของเจา้ ตอ้ งเป็นทุกข์”

อาจารยไ์ ดใ้ หโ้ อวาทแกศ่ ษิ ยร์ กั อยา่ งนน้ั แลว้ เมอื่ เขา
ไดฟ้ ังแล้วก็เกดิ ความสบายใจ ปลงตกได้

ฝ่ายภรรยาของเขารูเ้ รอื่ งว่า ‘อาจารย์สามีเราคงจะรู้
ความลับของเราแล้ว’ เพ่ือความปลอดภัย เราควรเลิก
จะเลิกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะจะดีกว่า ตั้งแต่น้ัน นางก็
ไมก่ ลา้ ท�ำความช่ัวอีก

102 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

สว่ นภรรยาของอบุ าสกนนั้ กเ็ หมอื นกนั เมอ่ื ไดท้ ราบ
ว่า ‘พระพุทธเจา้ ไดต้ รสั สอนสามีของนาง’

ดังน้ัน นางจึงอนุมานเอาว่า ‘พระพุทธเจ้าคงทรง
ทราบพฤตกิ รรมชวั่ ของนางจงึ ไดส้ อนสามีของนาง’

ดงั นนั้ ตงั้ แตน่ นั้ นางกเ็ ลกิ พฤตกิ รรมทไี่ มด่ เี พอ่ื ความ
ปลอดภยั ของตนเอง

พระศาสดา ครั้นทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
ได้ตรัสประกาศสัจจะ ในเวลาจบอริยสัจจะ ๔ อุบาสก
ไดบ้ รรลโุ สดาบนั

ประชุมชาดก
สองผวั เมียในครัง้ นนั้ คือ สองผัวเมยี ในชาตินี้
พราหมณผ์ เู้ ปน็ อาจารย์ คือ เราตถาคต

๑๒. อนภริ ติ 103

www.kalyanamitra.org

104 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารยส์ อนวธิ แี กป้ ัญหาในครอบครัว ๓

๑๓) ทรุ าชานชาดก๓๒

วา่ ด้วย ความรไู้ ดย้ ากของหญงิ

สถานทต่ี รสั เชตวันมหาวหิ าร นครสาวตั ถี
ทรงปรารภ อุบาสกคนหนึง่
สาเหตทุ ่ีตรัส

อบุ าสกผหู้ นง่ึ ไดฟ้ งั พระธรรมเทศนาจากพระสมั มา-
สัมพุทธเจ้าแล้ว บังเกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
ย่ิงนัก

ทกุ ๆ วนั เขาจะนำ� เครอื่ งไทยธรรมอนั ประณตี ไปถวาย
พระพทุ ธองคแ์ ละพระภกิ ษุ ณ เชตวนั มหาวหิ าร และตงั้ ใจ
ฟังธรรมดว้ ยความซาบซึ้งดมื่ ด�่ำในรสพระธรรมเสมอ

แม้อุบาสกจะเป็นผู้ใฝ่ธรรมะถึงเพียงน้ัน แต่ภรรยา
ของเขากลับตรงกันข้าม นางไม่สนใจเลย มิหน�ำซ�้ำ
ยังประพฤตินอกลู่นอกทางด้วยการคบชูส้ ู่ชายอีกดว้ ย

๓๒ ตล.น้ ๕ฉ๖บ, ับน.ช๑า๓ต๗ก,ัฏมฐมกรถ.า อรรถกถาชาดก เอกนิบาตชาดก,

๑๓. ทรุ าชาน 105

www.kalyanamitra.org

การทน่ี างตอ้ งหลบๆ ซอ่ นๆ ไมใ่ หใ้ ครรเู้ หน็ การกระทำ�
ของนาง ท�ำให้นางพะวักพะวน และมักจะอารมณ์เสีย
หน้าตาบดู บึ้ง บ่นวา่ พดู จากระทบกระเทยี บอุบาสกเสมอ
แต่บางคราวที่นางสบอารมณ์ นางก็จะพูดจาอ่อนหวาน
ปรนนบิ ตั เิ อาใจอุบาสกอยา่ งดเี ย่ียม

อุบาสกรู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจจิตใจของนาง
เลย เขากลบั คดิ วา่ ‘การทภ่ี รรยาบง้ึ ตงึ โกรธเขานนั้ คงเปน็
เพราะเขาทำ� อะไรใหเ้ ธอไมพ่ อใจ’ แตค่ ราวใดทเี่ ธอดตี อ่ เขา
อยา่ งมากเล่า เขาก็ไมไ่ ด้ทำ� อะไรให้นางเปน็ พิเศษเลย

อบุ าสกรสู้ กึ สงสยั ยง่ิ นกั ครน้ั เอย่ ถามนาง นางกลบั
ตวาดใสใ่ หเ้ สยี อกี

อบุ าสกเฝา้ ครนุ่ คดิ จนไมเ่ ปน็ อนั ทำ� อะไร เขาวนุ่ วาย
ใจจนถึงขนาดขาดการไปเชตวันมหาวิหารเสียหลายวนั

วันหนึ่งเม่ืออุบาสกรู้สึกสบายใจข้ึนบ้างแล้ว เขาจึง
ออกจากบา้ นไปกราบพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระพทุ ธองค์
จึงทรงซกั ถามถงึ สาเหตทุ ีเ่ ขาหายไปหลายวัน

เมอื่ อบุ าสกเลา่ ความเปน็ ไปในบา้ นใหท้ รงทราบแลว้
พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงระลกึ ชาตแิ ตห่ นหลงั ดว้ ยบพุ เพ
นวิ าสนุสตญิ าณ แล้วตรัสวา่
“ดกู อ่ นอบุ าสก ขนึ้ ชอื่ วา่ ‘หญงิ ’ แลว้ อา่ นนางไดย้ าก
จริงๆ ในชาติก่อนนั้น บัณฑิตทั้งหลายเคยบอกเรื่องน้ี

106 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

กับเธอมาแล้วแต่เธอจ�ำไม่ได้เอง เพราะต้องเวียนว่าย
ตายเกิดหลายภพหลายชาติ เธอจึงลืมเรื่องในท�ำนองน้ี
เสียสนิท”

อบุ าสกไดฟ้ งั ดงั นนั้ จงึ กราบทลู อารธนาใหพ้ ระพทุ ธ-
องค์ทรงเลา่ เรอ่ื งราวในอดตี ชาตใิ หฟ้ งั ดงั มเี นอ้ื ความดังน้ี

เน้อื หาชาดก
คร้ังหน่ึงในอดีต สมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราช-

สมบัติ ณ กรุงพาราณสี ในคร้ังน้ันมีเด็กหนุ่มชาวบ้าน
คนหนึ่ง เข้ามาเรียนศิลปวิทยากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์
โดยมีศษิ ยร์ ่วมสำ� นักประมาณ ๕๐๐ คน

เนอื่ งจากศษิ ยผ์ นู้ เี้ ปน็ ผทู้ มี่ คี วามวริ ยิ ะอตุ สาหะ ใฝใ่ จ
ในการเรยี นรู้ และชา่ งปรนนบิ ตั เิ อาใจอาจารยอ์ ยา่ งดเี ยยี่ ม
และสม่�ำเสมอมไิ ด้ขาด อาจารย์จึงเอ็นดเู ขามาก

แต่อยู่ๆ ลูกศิษย์คนนี้ก็หายหน้าไปจากส�ำนัก
คราวละหลายๆ วัน เม่ือสืบถามก็ได้ความว่า ‘ไปรักใคร่
หลงใหลสาวสวยชาวเมืองคนหนึ่งเข้า จนได้นางเป็น
ภรรยาอย่ใู นเมอื งพาราณสนี น่ั เอง’

เม่ือมีภรรยาแล้ว ความตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียน
ก็หย่อนไป ไม่มาปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อย่างสม�่ำเสมอ
เช่นเคย ท่านอาจารยจ์ ึงไดแ้ ตจ่ บั ตาดูอยู่เงยี บๆ

๑๓. ทรุ าชาน 107

www.kalyanamitra.org

นับเป็นความโชคร้ายอย่างย่ิงของเขา ท่ีบังเอิญได้
ภรรยาเป็นหญงิ เจ้าชู้ แมจ้ ะมีสามหี นุ่มแนน่ มีวชิ าความรู้
นางก็ยังคบชู้สู่ชาย ความมักมากในกามคุณ ท�ำให้นาง
พะวกั พะวน สองฝกั สองฝ่ายอยอู่ ย่างนัน้ เรือ่ ยไป

วนั ใดทน่ี างสามารถหลบเลยี่ งสามอี อกไปหาชายชไู้ ด้
นางจะกลบั มาบา้ นดว้ ยอารมณแ์ จม่ ใส สดชน่ื เอาอกเอาใจ
ปรนนิบัติรับใช้สามีสารพัด นางจะอ่อนน้อมราวกับทาส
ท่ีเขาไถม่ าจากขอื่ คา ดชู ่างน่าตื้นตนั ใจ

แต่หากวันใด นางปรารถนาที่จะประกอบกรรม
อันลามก แต่ติดขัดด้วยเหตุใดก็ตาม อารมณ์นางจะ
ขนุ่ มวั เกรยี้ วกราด หาเรอ่ื งทะเละเบาะแวง้ กบั สามเี อาดอื้ ๆ

ครนั้ เขายอมออ่ นขอ้ ให้ นางกก็ ลบั ไดใ้ จ คราวตอ่ ๆ มา
ก็ย่ิงเพิ่มความหยาบคายร้ายกายข้ึนตามล�ำดับ ท�ำตัว
เป็นนายสามี

ชายหนมุ่ ผเู้ ปน็ สามเี ปน็ คนรกั สงบ ใฝใ่ จในทางธรรม
ไม่อยากให้เร่ืองในบ้านร้าวฉานบานปลายใหญ่โต อีกทั้ง
เขาไมเ่ คยระแคะระคายถงึ ความประพฤตอิ นั เสยี หายของ
ภรรยาเลย จึงอุตส่าห์อดทนและพยายามปรับปรุงตัวเอง
ให้ถกู ใจภรรยา

แต่เนื่องจากอารมณ์ของนางแปรปรวน ไม่อยู่กับ
รอ่ งกบั รอย โดยสาเหตจุ ากความเจ้าชขู้ องนางเอง เขาจึง

108 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

ไมอ่ าจเอาใจนางไดถ้ กู เมอ่ื ถกู รงั ควานบอ่ ยๆ เขากห็ งดุ หงดิ
ใจคอเศร้าหมอง ไม่มกี ะจิตกะใจจะรำ�่ เรียน

ดังน้ันเขาจึงไม่ไปส�ำนักอาจารย์เป็นเวลาหลายวัน
ได้แต่นอนกา่ ยหนา้ ผาก กลัดกล้มุ อัดอน้ั ตันใจอยู่ทีบ่ ้าน

ในทส่ี ดุ วนั หนงึ่ เมอ่ื เหตกุ ารณใ์ นบา้ นไมต่ งึ เครยี ดนกั
เขาก็หวนคิดถึงท่านอาจารย์ นึกเสียดายวิชาความรู้
ท่ีร่�ำเรียนมาแล้ว มาด่วนทอดท้ิงเสียครึ่งๆ กลางๆ และ
คิดถึงศิษย์ร่วมส�ำนักท้ัง ๕๐๐ ข้ึนมาอย่างจับใจ จึงรีบ
ออกจากบา้ น ไปสูส่ ำ� นกั ท่านอาจารยแ์ ตเ่ ชา้

อาจารย์เห็นลูกศิษย์กลับมาเรียนตามเดิมก็ดีใจ
จงึ รอ้ งทกั ข้นึ วา่

“เออ... หายหน้าไปตั้ง ๗ - ๘ วัน เป็นอะไรไปล่ะ
พอ่ เอย๊ ...”

ลูกศิษย์หนุ่มทอดถอนใจใหญ่ แล้วกราบเรียนท่าน
อาจารยต์ ามตรงด้วยน้�ำเสียงเศร้าสรอ้ ยวา่

“ท่านอาจารย์ขอรับ กระผมเหลวไหล ทอดท้ิงการ
เรียนไปมีภรรยาเสียกลางคัน บัดนี้ ภรรยาของกระผม
ไมร่ เู้ ปน็ อยา่ งไร บางวนั นางกด็ เี หลอื เกนิ เฝา้ พะเนา้ พะนอ
เอาใจ ปรนนิบัติกระผมอย่างดีราวกบั นางทาสี แตบ่ างวัน

๑๓. ทุราชาน 109

www.kalyanamitra.org

นางกลบั ทำ� ตวั ราวกบั เจา้ นาย ดรุ า้ ย เกรย้ี วกราด จนกระผม
เข้าหน้าไม่ติด เหมือนเสอื แมล่ ูกออ่ นกไ็ ม่ปาน

กระผมเอาใจนางไม่ถูก อ่านใจนางไม่ออก รู้สึก
หงดุ หงดิ เศรา้ หมอง จนคดิ วา่ ถงึ มาเรยี นกไ็ มร่ เู้ รอ่ื ง จงึ ไมไ่ ด้
มารบั ใชท้ า่ นอาจารย์ขอรบั ”

ทา่ นอาจารยฟ์ งั คำ� สารภาพของลกู ศษิ ยแ์ ลว้ จงึ กลา่ ว
ปลอบโยน โดยอธิบายสภาพธรรมดาของหญิงเจา้ ชวู้ า่

“นี่แหละหนา… ธรรมดาของหญงิ เจ้าชู้ เปน็ อย่างน้ี
เอง วันใดนางประพฤตินอกลู่นอกทางได้ นางก็อารมณ์ดี
ยอมตามใจสามีทุกอยา่ ง เหมอื นนางทาสี

แตว่ นั ใดนางประพฤตนิ อกลนู่ อกทางไมไ่ ด้ นางกจ็ ะ
ตีรวน เกร้ียวกราด ถือดี ดุร้าย ไม่คิดว่าเราเป็นสามี…
ขนึ้ ชอื่ วา่ ‘ผหู้ ญงิ ’ แลว้ ดนู างออกยาก ดงั นน้ั ไมว่ า่ นางจะทำ�
ดกี ับเรานกั หนา ก็อย่ายินดีเลยว่า ‘นางปรารถนาเรา’

แมเ้ มอ่ื นางดดุ า่ วา่ เรา กอ็ ยา่ เสยี ใจวา่ ‘นางไมป่ รารถนา
เรา’ เพราะสภาพของหญิงรู้ไดอ้ ยาก เหมือนการไปในนำ�้
ของปลา ฉะน้นั จงวางตัวเป็นกลางท�ำเฉยๆ ไว้ อยา่ ยนิ ดี
ยินรา้ ย”

ศิษย์ฟังโอวาทของอาจารย์แล้ว ก็คิดได้ ตั้งใจจะ
ไมย่ นิ ดี ยินร้ายกบั การกระท�ำของภรรยาอีกต่อไป

110 ศิษย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

ดังนั้น ในวันต่อมา แม้นางจะเกร้ียวกราดเข้าใส่
หนักหนาอย่างไร เขาก็ท�ำเฉยเมยเสีย และแม้ในวันที่
นางอารมณ์ดี เข้ามายั่วยวน เคล้าเคลีย เอาใจ เขาก็คง
ทำ� เฉยๆ เสยี เช่นกัน

หญิงผู้เป็นภรรยารู้สึกไม่ชอบมาพากล ในท่าที
ทเ่ี ปลย่ี นไปของสามี นกึ หวาดระแวงวา่

‘สามีคงล่วงรู้ความลับของนางเสียแล้ว ย่ิงรู้ว่าสามี
กลบั ไปสำ� นกั อาจารยต์ ง้ั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี นอยา่ ง ขะมกั ขะเมน้
เหมือนเดิม ก็ย่ิงไม่สบายใจ คิดไปว่า ท่านอาจารย์คง
ลว่ งรู้ความประพฤตขิ องนางด้วย’ นางจงึ นกึ หวนั่ วติ กอยู่
ครามครัน๓๓

แตน่ างพอมคี วามเฉลยี วฉลาดอยบู่ า้ ง รจู้ กั พจิ ารณา
มองเห็นคุณค่าของสามีท่ีเหนือกว่าชายชู้ทุกประการ
จึงตัดใจเลิกประพฤตินอกใจสามี หันมาเอาใจใส่กิจการ
บา้ นเรือนเยี่ยงภรรยาที่ดีท้งั หลาย

นับแต่น้ันมา ครอบครัวนี้จึงมีความปกติสุข ชาย
ผู้เป็นสามีก็สามารถศึกษาศิลปศาสตร์ได้ส�ำเร็จ ตามที่
ตัง้ ใจไว้ทุกประการ

๓๓ คฺรามครฺ ัน ว. มาก หลาย นัก.

๑๓. ทรุ าชาน 111

www.kalyanamitra.org

เมอื่ พระบรมศาสดาทรงนำ� พระธรรมเทศนานม้ี าแลว้
ทรงประกาศสจั จะทง้ั หลาย.

ในเวลาจบสัจจะ อุบาสกด�ำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
แลว้ .
ประชมุ ชาดกว่า

เมียผัวท้ังสองในคร้ังน้ัน ได้มาเป็น สองเมียผัว
ในครง้ั น้ี

สว่ นอาจารย์ไดม้ าเปน็ เราตถาคต ฉะน้แี ล.

112 ศษิ ยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารยส์ อนวิธีแกป้ ัญหาในครอบครัว ๔

๑๔) อมุ มาทนั ตีชาดก๓๔

ว่าด้วย เสนาบดีถวายนางอมุ มาทนั ตี
แด่พระราชา

สถานทต่ี รสั วัดพระเชตวนั
ทรงปรารภ ภกิ ษุรูปหนงึ่ ผ้ตู ้องการสึก
สาเหตุทีต่ รัส

มเี รอื่ งเลา่ วา่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั สอนภกิ ษผุ ตู้ อ้ งการสกึ
รูปน้นั ว่า

“ดูก่อนภิกษุ โปราณกบัณฑิตได้เคยพร�่ำสอน
พระราชา ผู้ครอบครองราชยส์ มบัติ ท�ำใหพ้ ระองคไ์ มต่ อ้ ง
ตกไปสู่อ�ำนาจกิเลสที่เกิดข้ึน ห้ามจิตพระองค์ได้ ท�ำให้
พระราชาไมต่ ้องท�ำสิง่ ทไี่ มเ่ หมาะสม”

จากนั้น ได้ทรงน�ำเร่ืองราวในอดีตชาติมาตรัสเล่า
ให้ฟัง ดังตอ่ ไปนี้

๓ ๔ ตล.น้ ๖ฉ๒บ,ับน.ช๔า๖ต,กมัฏมฐรก.ถา อรรถกถาชาดก ปัญญาสนบิ าตชาดก,

๑๔. อุมมาทันตี 113

www.kalyanamitra.org

114 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

เนื้อหาชาดก
ในอดีตกาล ในแคว้นสีวี พระราชาทรงพระนามว่า

‘สีวี’ ทรงครอบครองราชสมบัติในอริฏฐบุรีนคร พระองค์
มีพระราชโอรสพระนามวา่ ‘สวี กิ มุ าร’

แม้บุตรของท่านเสนาบดีก็คลอดวันเดียวกันกับที่
พระราชกมุ ารประสูติ บรรดาญาติได้ตั้งช่ือวา่ ‘อภปิ ารกะ’
ท้ังพระราชกมุ ารและบุตรเสนาบดเี ปน็ เพอ่ื นเลน่ กันตั้งแต่
เดก็

ต่อมา เมื่อเจริญวัยขึ้น ทั้งคู่ได้ไปเรียนหนังสือ
พร้อมกันท่ีกรุงตักกสิลา เมื่อกลับมาถึงเมือง พระราชา
ได้ทรงพระราชทานราชสมบัติแก่พระราชโอรส แม้พระ-
ราชโอรสนั้น ก็ทรงแต่งต้ังอภิปารกะผู้เป็นสหายของ
พระองคไ์ วใ้ นตำ� แหนง่ เสนาบดี ทรงครอบครองราชยส์ มบตั ิ
โดยธรรม

ในพระนครนน้ั นนั่ เอง มีบตุ รสาวของท่านติรฏิ วิ ัจฉ-
เศรษฐี เปน็ ผู้ที่มีความงดงามมากชือ่ วา่ ‘อุมมาทันต’ี

ในขณะที่นางมีอายุได้ ๑๖ ปี เธอมีผิวพรรณเกิน
หมู่มนุษย์ประดุจนางเทพธิดาบนช้ันฟ้า พวกหนุ่มๆ
เม่ือพบเห็นเธอถึงกับลืมสติ เป็นผู้เมาแล้วด้วยกิเลส
เหมอื นเมาน้�ำเมา

๑๔. อมุ มาทนั ตี 115

www.kalyanamitra.org

ครง้ั นน้ั ทา่ นตริ ฏิ วิ จั ฉะผเู้ ปน็ บดิ าไดไ้ ปเฝา้ พระราชา
และได้ยกนางถวายแด่พระองค์ โดยขอให้พระราชา
สง่ พราหมณ์ผูท้ ำ� นายลักษณะไปพิจารณาธิดาของตน

พระราชาจึงส่งพราหมณ์เหล่านั้นไปท่ีบ้านของนาง
พอได้เจอนางอุมมาทันตีเท่าน้ัน พวกพราหมณ์ถึงกับ
ตะลึงต้ังสติไม่ได้ แสดงอาการวิปลาส จนท�ำให้นางต้อง
ส่ังให้คนรับใช้ลากคอพราหมณ์เหล่าน้ันออกจากบ้านไป
สร้างความโกรธแคน้ ใหพ้ วกเขาเปน็ อยา่ งมาก

พวกเขาจึงไปทูลเท็จต่อพระราชาว่า “นางอุมมา-
ทันตีเป็นคนกาลกรรณี” ท�ำให้พระราชาไม่ต้องการนาง
สร้างความโกรธแค้นให้แก่นางมาก จนถึงกับผูกอาฆาต
ต่อพระราชา

ตอ่ มา บดิ าจงึ ไดย้ กนางใหแ้ กท่ า่ นเสนาบดอี ภปิ ารกะ
นางไดเ้ ปน็ ทร่ี กั ทช่ี อบใจอยา่ งยง่ิ ของทา่ นอภปิ ารกเสนาบดี

ถามว่า เพราะวิบากกรรมอะไร ? จึงท�ำให้นาง
มรี ูปร่างงดงามถงึ ปานนั้น

ตอบวา่ เพราะนางเคยถวายผา้ แดง
มเี รอื่ งเลา่ วา่ ‘ในอดตี ชาติ สมยั พระพทุ ธเจา้ พระนาม
วา่ กสั สปะ นางยากจนมากตอ้ งไปรบั จา้ งถงึ ๓ ปกี วา่ จะได้

116 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

ผ้าที่ย้อมด้วยดอกค�ำ ๑ ผืน เมื่อได้ผ้ามาแล้ว นางไป
พบพระภกิ ษุ ทถี่ กู โจรขโมยจวี รจงึ มอบถวายผา้ นน้ั ไปแลว้
ต้งั ความปรารถนาว่า ‘ขอให้ตนเองมีรูปสวย ไม่มีหญิงใด
สวยกว่า คนผู้พบเหน็ ขอให้ตะลงึ ลมื สติ’

ต่อมา นางได้มาเกิดในอริฏฐบุรี มีรูปร่างงดงาม
เหมอื นอยา่ งทไี่ ด้ปรารถนาไว้แลว้ ’

วันหน่ึง ในพระนครน้ัน มีงานมหรสพ ชาวบ้าน
พากันเท่ียวงานประจ�ำเดือนกัตติกมาส แม้พระราชา
กเ็ สด็จไปประพาสเมอื งโดยการเสด็จบนรถมา้

ในขณะทพี่ ระองคเ์ สดจ็ ผา่ นบา้ นทา่ นเสนาบดี นางได้
โผลห่ นา้ ออกไปใหพ้ ระราชาทอดพระเนตร ทำ� ใหพ้ ระราชา
ตะลงึ ในความงาม จนถงึ กบั ลมื พระสตทิ รงตรัสถามสารถี
ทันทวี ่า

“สาวสวยคนนั้นเปน็ ธิดาหรือภรรยาของใคร ?”
สนุ ันทสารถจี งึ กราบทลู ให้ทราบวา่
“นน่ั คอื นางอมุ มาทนั ตี ภรรยาของอภปิ ารกะเสนาบดี
ผูเ้ ป็นสหายรกั ของพระราชานนั่ เอง.”
พระราชาเมอ่ื ทราบความจรงิ จงึ มรี บั สง่ั ใหน้ ายสารถี
ขบั รถกลบั วงั ทนั ที เสดจ็ ขนึ้ เตยี งบรรทม เอาแตท่ รงบน่ เพอ้

๑๔. อุมมาทันตี 117

www.kalyanamitra.org

ชมโฉมในความงดงามของนางอุมมาทนั ตี ทรงรู้สึกริษยา
ทเ่ี สนาบดสี หายไดภ้ รรยาทส่ี วยงามอยา่ งน้ี พระองคอ์ ยาก
เป็นสวามีของนางบ้าง

เมื่ออภิปารกะเสนาบดีทราบเร่ือง จึงคิดจะช่วย
พระราชาของตน เขาจึงได้ด�ำเนินอุบายด้วยการส่ังให้
คนใช้ปลอมตัวเป็นเทวดา โดยเขาจะท�ำการบูชาเพื่อ
อยากรู้ว่า ‘พระราชาประชวรด้วยพระโรคอะไร ?’

จากน้ัน ให้เทวดาปลอมบอกความจริงเร่ืองที่
พระราชาทรงประชวรด้วยโรครักในตัวนางอุมมาทันตี
ถ้าอยากให้พระราชามีพระชนม์ชีพให้ถวายภรรยาแก่
พระองค์

วันต่อมา ท่านเสนาบดีเข้าเฝ้าพระราชาเพ่ือถวาย
ภรรยาแด่พระราชาโดยทูลใหท้ ราบวา่

“เทวดาสง่ั ใหเ้ ขาถวายภรรยาแดพ่ ระองค์ เพอ่ื ชว่ ยให้
พระองค์มีพระชนมช์ ีพอย่รู อด”

พระราชาพอได้สดับเช่นน้ัน ถึงกับทรงสะดุ้ง
ทค่ี วามชว่ั แมใ้ นพระทยั ของพระองคเ์ ปน็ ทร่ี บั รกู้ นั ไปหมด
แม้กระทั่งเทวดา แม้พระองค์ไม่ปรารถนา แต่อภิปารกะ
ก็ยงั ยืนยันทจ่ี ะถวายภรรยาอยู่นนั่ เอง

118 ศษิ ยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

พระราชาจึงตรัสแก่เขาด้วยคาถานว้ี า่
ดกู อ่ นอภิปารกเสนาบดี เชญิ ท่านฟงั คำ� ของเราเถิด
เราจกั แสดงธรรมทสี่ ตั บุรษุ สอ้ งเสพแก่ทา่ น
พระราชาชอบใจธรรมจงึ จะดีงาม
นรชนผมู้ ีความรรู้ อบจงึ จะดีงาม
ความไมป่ ระทษุ รา้ ยตอ่ มติ รเปน็ ความดี
การไมก่ ระทำ� บาปเป็นสุข
มนษุ ย์ท้งั หลายพึงอย่เู ปน็ สขุ ในแว่นแคว้น
ของพระราชาผไู้ ม่ทรงกริว้ โกรธ ทรงตงั้ อยู่ในธรรม
เหมอื นเรอื นของตน อันมีรม่ เงาเย็น ฉะน้ัน
เราย่อมไม่ชอบใจกรรมท่ีท�ำด้วยความไม่พิจารณา
อนั เป็นกรรมไม่ดนี ้นั เลย
แม้พระราชาเหล่าใดทรงทราบแล้วไม่ทรงท�ำเอง
เราชอบใจกรรมของพระราชาเหลา่ นนั้
ขอท่านจงฟงั อุปมาของเราตอ่ ไปนี้
เมอ่ื ฝงู โควา่ ยขา้ มฟากไปอยู่ ถา้ โคผนู้ �ำฝงู วา่ ยไปคด
โคทั้งหมดน้ันก็ว่ายไปคด ในเมื่อโคตัวผู้น�ำฝูงว่ายไปคด
ฉันใด ในหมู่มนษุ ยก์ ็ฉนั นน้ั
ผใู้ ดไดร้ ับยกย่องวา่ เป็นผปู้ ระเสรฐิ

๑๔. อุมมาทนั ตี 119

www.kalyanamitra.org

ถา้ ผนู้ นั้ ประพฤตอิ ธรรม จะพดู ไปทำ� ไมถงึ ประชาชน
นอกน้ีเล่า

รัฐทั้งหมดย่อมอยู่เป็นทุกข์ ถ้าพระราชาไม่ทรง
ต้ังอยูใ่ นธรรม

เม่ือฝูงโควา่ ยน�้ำข้ามไปอยู่ ถา้ โคผูน้ ำ� ฝงู ว่ายไปตรง
โคท้ังหมดนั้นก็ว่ายไปตรง ในเมื่อโคน�ำฝูงว่ายไปตรง
ฉันใด ในหมู่มนุษย์กฉ็ นั นั้น

ผู้ใดไดร้ บั ยกย่องวา่ เป็นผ้ปู ระเสรฐิ
ถ้าผู้น้ันประพฤติธรรม จะพูดไปท�ำไมถึงประชาชน
นอกนี้
รัฐทั้งหมดย่อมอยู่เป็นสุข ถ้าพระราชาทรงตั้งอยู่
ในธรร ม...ฯ
อภิปารกเสนาบดีได้กลา่ วสรรเสรญิ พระราชาวา่
“ขา้ แตพ่ ระมหาราชเจา้ ขอพระองคจ์ งประพฤตธิ รรม
เถิด เพราะว่าธรรมทีป่ ระพฤติแล้วยอ่ มนำ� สขุ มาให้
ครน้ั พระองคท์ รงประพฤตธิ รรมในโลกนแี้ ลว้ จกั เสดจ็
สู่สวรรค์ ฯ”
เมอื่ อภปิ ารกเสนาบดแี สดงธรรมแดพ่ ระราชาอยา่ งนี้
แล้ว พระราชาสามารถหักห้ามพระทัยตัดความรักจาก
นางอุมมาทนั ตีได้หมดส้นิ

120 ศษิ ยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

พระพุทธเจ้าคร้ันทรงน�ำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
ทรงประกาศสัจจะ

ในเวลาจบสัจจะ ภกิ ษุผตู้ ้องการสึกด�ำรงอย่ใู นโสดา
ปตั ติผล

ประชุมชาดก
สุนนั ทสารถ ี คือ อานนท์
อภิปารกเสนาบดี คอื สารีบุตร
อมุ มาทันตี คือ นางอุบลวรรณา
บริษทั ท่ีเหลอื คือ พทุ ธบริษทั
สว่ นพระเจ้าสวี ริ าช คือ เราตถาคต

๑๔. อุมมาทันตี 121

www.kalyanamitra.org

122 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารยส์ อนวธิ ีแก้ปัญหาในครอบครวั ๕

๑๕) อสาตมันตชาดก๓๕

วา่ ดว้ ย หญิงเลวทราม

สถานท่ีตรสั พระเชตวนั มหาวิหาร
ทรงปรารภ ภกิ ษุผูก้ ระสัน
สาเหตทุ ีต่ รสั

เรอื่ งของภกิ ษนุ ้นั จักแจ่มแจ้งใน อมุ มาทันตีชาดก.
(เรื่องท่ี ๑๔ ของเลม่ นี้)

(เรอ่ื งย่อๆ มีวา่ )
ก็พระศาสดาตรัสกะภิกษุนน้ั ว่า
“ดูก่อนภิกษุ ข้ึนช่ือว่าหญิงส่วนมาก ไม่น่ายินดี
ไร้สติ ลามก เป็นผู้มีเบื้องหลัง เธอจะกระสันปั่นป่วน
เพราะหญงิ เลวๆ เชน่ นีท้ ำ� ไม ?.”
แล้วทรงน�ำเร่ืองในอดตี มาสาธก ดงั ต่อไปน้ี :-

๓๕ ตล.น้ ๕ฉ๖บ, บั น.ช๑า๑ต๐ก,ฏั มฐมกรถ. า อรรถกถาชาดก เอกนบิ าตชาดก,

๑๕. อสาตมันต 123

www.kalyanamitra.org

เนื้อหาชาดก
ในอดตี กาล ในเมอื งพาราณสมี พี ราหมณต์ ระกลู หนง่ึ

ไดจ้ ดุ ไฟตงั้ ไวต้ งั้ แตว่ นั ลกู ชายเกดิ ไมใ่ หด้ บั เปน็ เวลา ๑๖ ปี
แลว้ วันหน่งึ มารดาเรียกลกู ชายมาบอกวา่

“ลูกรัก แม่ได้จุดไฟต้ังไว้ในวันท่ีลูกเกิดเรื่อยมา
ถา้ หากเจา้ ประสงคจ์ ะไปพรหมโลก จงเขา้ ปา่ บชู าพระอคั น-ิ
เทพเจ้าเถิด ถา้ อยากจะครองเรือน จงไปเรยี นศลิ ปวทิ ยา
กบั อาจารย์ทศิ าปาโมกข์ ณ เมืองตกั กสิลาเถิด”

ลูกชายตัดสินใจเดินทางไปเรียนท่ีเมืองตักกสิลา
จนส�ำเร็จแล้วกลับมาบ้าน ส่วนมารดาไม่อยากจะให้
ลูกชายครองเรือน อยากจะแสดงโทษของสตรี หวังให้
ลูกชายออกบวช จึงส่งลูกชายให้กลับไปเรียนอสาตมนต์
ที่ส�ำนักของอาจารย์ ณ เมอื งตกั กสิลาอกี

ทส่ี ำ� นกั เรยี นเมอื งตกั กสลิ า อาจารยม์ มี ารดาผแู้ กช่ รา
มอี ายไุ ด้ ๑๒๐ ปอี ยคู่ นหนง่ึ ทา่ นจะเปน็ ผปู้ รนนบิ ตั มิ ารดา
ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้�ำ ป้อนข้าว ป้อนน�้ำ
ตลอดมา ผู้คนชาวเมอื งจงึ รังเกยี จทา่ น

ท่านจึงได้พามารดา เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าแห่งหน่ึง
เมื่อเห็นลกู ศษิ ยก์ ลับมาหาอกี คร้งั อาจารยท์ ราบว่า

124 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

‘ตอ้ งการจะมาเรียนอสาตมนต์’ จึงเขา้ ใจเจตนาของ
มารดาของเขา’

ต้ังแต่วันน้ันเป็นต้นมา อาจารย์จึงมอบหน้าท่ี
ปรนนบิ ตั มิ ารดาผชู้ ราใหแ้ กล่ กู ศษิ ยไ์ ป พรอ้ มกบั สงั่ สอนวา่

“เจ้าจงอาบน�้ำ ป้อนข้าว ป้อนน�้ำ มารดาของเรา
ปรนนิบัติด้วยการนวดมือ เท้า ศีรษะและหลังของท่าน
พรอ้ มกบั พดู ยกยอ่ งคำ� หวานเปน็ ตน้ วา่ ‘คณุ แมค่ รบั ถงึ จะ
แกเ่ ฒา่ แลว้ รา่ งกายของคณุ แมย่ งั ดกู ระชมุ่ กระชวยอยเู่ ลย
สมัยเปน็ สาวคณุ แมค่ งจะสวยสะคราญหาที่เปรียบไมไ่ ด’้

ถา้ หากมารดาของเราพดู อะไรกบั เจา้ ตอ้ งบอกใหเ้ รา
ทราบท้ังหมดหา้ มปดิ บงั เจา้ ทำ� เช่นน้ถี งึ จะได้อสาตมนต์”

เขาไดป้ รนนบิ ตั มิ ารดาของอาจารยเ์ ชน่ นน้ั ตลอดมา
จนนางคิดว่า ‘หนุ่มน้อยคนน้ีคงต้องการอภิรมย์กับเรา
เป็นแนน่ อน’

วนั หน่ึงนางจึงถามชายหนุม่ ว่า
“เธอต้องการฉนั ใชไ่ หม”
เขารับค�ำวา่
“ครบั แต่ผมเกรงกลัวอาจารย์”
นางพูดวา่
“ถ้าเชน่ น้ัน เจา้ จงฆ่าลกู ฉันเสียสิ”

๑๕. อสาตมันต 125

www.kalyanamitra.org

เขากล่าวว่า
“ผมเรยี นหนงั สอื กบั ทา่ น จะใหฆ้ า่ ทา่ นไดอ้ ยา่ งไร ?”
นางพดู วา่
“ถ้าหากเธอไมท่ อดทงิ้ ฉันจรงิ ฉนั จะฆ่าเขาเอง”
ธรรมดาหญิงส่วนมากไม่น่ายินดี มีลับลมคมใน
ถงึ จะแกแ่ ลว้ กย็ งั มกี เิ ลสราคะ ถงึ กบั คดิ จะฆา่ ลกู ชายตนเอง
ชายหนุ่มได้บอกเร่ืองทุกอย่างแก่อาจารย์ อาจารย์
จึงทราบวา่ ‘มารดาตนจะสนิ้ ชวี ิตในวันน้ี’
จึงเรียกให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นมะเดื่อมาท�ำเป็นรูปหุ่น
เท่าตัวให้นอนในที่นอนคลุมผ้าทั่วร่าง ผูกราวเชือกไว้
เสรจ็ แลว้ มอบขวานใหล้ กู ศษิ ยน์ ำ� ไปมอบใหม้ ารดา บอกวา่
“อาจารยเ์ ข้านอนแล้ว”
นางเดินไปตามราวเชือก แล้วเงื้อขวานจามลงบน
ห่นุ ไมน้ ั้นหวังให้ตายคาที่ พอเกดิ เสียงดังกึก จึงทราบว่า
ฟันถูกไม้
ทนั ใดนนั้ เองลกู ชายก็โผล่มาถามวา่
“แม่ทำ� อะไร ?”
นางทราบว่า ‘ถูกหลอกแลว้ ’
จงึ ลม้ ลงสน้ิ ใจตาย ณ ทนี่ นั้ นนั่ เอง ความทจ่ี รงิ ถา้ นาง
ไมเ่ ดนิ มา กจ็ ะนอนตายทศ่ี าลาของตนเองอยแู่ ลว้ นางเดนิ
มาด้วยอ�ำนาจกเิ ลสตัณหา

126 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารย์ได้ท�ำการเผาศพมารดาแล้วเรียกลูกศิษย์
มาสอนว่า

“อสาตมนต์ไม่มีดอก ขึ้นชื่อว่า ‘หญิง’ ส่วนมาก
ไม่รู้จักจืดจาง มารดาของเจ้าส่งเจ้ามา เพ่ือให้รู้จักโทษ
ของหญงิ บดั นี้ เจา้ เหน็ โทษของมารดาเราแลว้ พงึ ทราบวา่
‘ผูห้ ญงิ ’ สว่ นมากไมร่ จู้ กั อ่ิม ชั่วชา้ ”

แล้วให้เขากลับบ้าน เมื่อชายหนุ่มกลับไปถึงบ้าน
มารดาจึงถามว่า

“บดั น้ีเจ้าจกั บวชหรือจะครองเรอื น ?”
เขาได้ตัดสินใจออกบวชเพราะเห็นโทษของหญิง
และได้กลา่ วคาถาว่า

“ขึ้นช่ือว่า หญิงในโลกน้ีไม่นายินดี เพราะหญิง
เหล่านน้ั ไม่มีขอบเขต มแี ตค่ วามกำ� หนัด คะนอง เหมอื น
เปลวไฟไหม้ทุกสิง่ ทกุ อยา่ ง

ข้าพเจ้า จักละทิ้งหญิงท้ังหลายเหล่าน้ัน ไปบวช
เพมิ่ พูนวเิ วก”

พราหมณมาณพ ติเตียนหญิงท้ังหลายอย่างนี้
กราบลามารดาบิดาบวชแล้ว เพ่ิมพูนวิเวกมีประการ
ดังกลา่ วแล้ว ไดเ้ ปน็ ผมู้ ีพรหมโลกเปน็ ทไ่ี ปในเบ้อื งหน้า.

๑๕. อสาตมันต 127

www.kalyanamitra.org

แม้พระบรมศาสดา กต็ รสั ว่า
“ดกู อ่ นภกิ ษุ ขนึ้ ชอ่ื วา่ ‘หญงิ ทงั้ หลาย’ ไมร่ จู้ กั จดื จาง
ลามก มเี บ้ืองหนา้ เบอื้ งหลงั ใหท้ กุ ข์อยา่ งน”ี้
ทรงแสดงโทษของหญิงทงั้ หลาย ประกาศสจั ธรรม
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุนั้นด�ำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
แล้ว.
ประชุมชาดก
มารดามาณพในครัง้ นน้ั ไดม้ าเปน็ ภกิ ษุณี
ชอ่ื ‘ภทั ทกาปิลาน’ี ในบัดน้ี
บิดาของมาณ ไดม้ าเป็น พระมหากัสสปะ
มาณพผู้เปน็ ศษิ ย ์ ได้มาเปน็ พระอานนท์
สว่ นอาจารย ์ ไดม้ าเป็น เราตถาคต ฉะนแ้ี ล.

128 ศิษย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารยส์ อนเรื่องความประพฤตทิ ี่เลว
ใหล้ กู ศิษยพ์ จิ ารณา

๑๖) ลาภครหิกชาดก๓๖

ว่าดว้ ย วิธีการหลอกลวง

สถานทต่ี รัส วดั พระเชตวนั
ทรงปรารภ ภกิ ษสุ ัทธวิ ิหารกิ ของพระสารบี ตุ รเถระ
สาเหตุทต่ี รสั

ไดย้ นิ วา่ สทั ธวิ หิ ารกิ ของพระเถระเขา้ ไปหาพระเถระ
ไหวแ้ ล้ว น่งั ณ ส่วนขา้ งหนงึ่ แล้วถามวา่

“ทา่ นผเู้ จรญิ ขอทา่ นโปรดบอกปฏปิ ทาอนั จะใหล้ าภ
เกิดแก่กระผม ภิกษุกระท�ำอะไรจึงจะได้ปัจจัยมีจีวร
เป็นตน้ ขอรบั .”

ล�ำดับนั้น พระเถระจึงบอกปฏิปทาอันจะให้ลาภ
เกดิ ขึ้นแกส่ ทั ธวิ ิหารกิ นน้ั ดังนว้ี า่

“ดูก่อนอาวุโส ลาภสักการะ ย่อมเกิดแก่ภิกษุ
ผปู้ ระกอบดว้ ยองค์ ๔ คือ

๓๖ ตล.น้ ๕ฉ๘บ,บั น.ช๒า๙ต๗กัฏ, มฐกมถร.า อรรถกถาชาดก ติกนบิ าตชาดก,

๑๖. ลาภครหิก 129

www.kalyanamitra.org

130 ศษิ ยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

๑. พึงท�ำลายหิริโอตตัปปะภายในตน อันละสมณ-
สญั ญาเสีย ไมเ่ ป็นบา้ เลยทำ� เปน็ เหมอื นคนบา้

๒. พึงกลา่ ววาจาส่อเสยี ด
๓. พงึ เปน็ เชน่ กับนกั ฟอ้ นรำ� และ
๔. พึงเป็นคนเอกิ เกริกมวี าจาพล่อยๆ.”
สัทธิวิหาริกน้ันติเตียนปฏิปทานั้นแล้ว จึงลุกขึ้น
หลกี ไป.
พระเถระเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว
กราบทูลเร่ืองนน้ั ใหท้ รงทราบ.
พระศาสดาตรัสวา่
“ดกู อ่ นสารีบุตร ภิกษนุ ัน้ ตเิ ตยี นลาภในบดั น้เี ทา่ นัน้
หามิได้ แมใ้ นกาลกอ่ น กไ็ ดต้ ิเตียนแลว้ เหมือนกนั ”
อนั พระเถระทูลอาราธนาแล้ว จงึ ได้ตรสั อดตี นทิ าน
มาสาธกว่า

เน้ือหาชาดก
กาลครั้งหน่ึงนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็น

อาจารย์ทิศาปาโมกข์ มีลูกศิษย์อยู่ประมาณ ๕๐๐ คน
ตั้งส�ำนักเรียนอยูใ่ นเมอื งแห่งหน่ึง

๑๖. ลาภครหกิ 131

www.kalyanamitra.org

วันหนึ่ง มีลูกศิษย์คนหนึ่ง เข้าไปถามถึงวิธีได้
เงินทองว่า

“อาจารย์ครับ ผมเรียนใกล้จะจบแล้ว ผมอยาก
ทราบว่า ‘ชาวโลกเขา มีวิธีการหลอกลวงให้ได้เงินทอง
โดยไมต่ อ้ งเหน็ดเหนื่อยอยา่ งไรครบั ?’ ”

อาจารยต์ อบวา่
“ฟังนะเธอ ชาวโลกเขามีวิธีการหลอกลวงให้ได้
เงินทองโดยไม่ตอ้ งเหน็ดเหนอื่ ยเลย อยู่ ๔ วธิ ี คอื
ไมใ่ ช่คนบา้ ท�ำเป็นเหมอื นคนบ้า
ไม่ใช่คนพูดส่อเสยี ด ทำ� เปน็ เหมือนคนพูดสอ่ เสียด
ไม่ใชน่ กั ฟ้อนรำ� ทำ� เป็นเหมอื นนักฟ้อนรำ�
ไม่ใชค่ นพูดพล่อย ท�ำเปน็ เหมอื นคนพูดพล่อย
ย่อมได้เงินทองจากคนผู้หลงงมงาย น่ีเป็นค�ำสอน
สำ� หรับเธอ”
“มันมีความหมายว่าอย่างไรครับ ? อาจารย์ช่วย
อธบิ ายให้ทราบด้วยครับ” ลูกศษิ ยซ์ ักไซ้ตอ่
อาจารย์จึงอธิบายให้ฟังว่า
“คนบ้า ผู้คนมักจะไม่ถือโทษโกรธเคือง เขาจะ
หยิบฉวยอะไรไปก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ขนม

132 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

หรือเงินทอง คนท่ีไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่กลัวนรก
มคี วามโกรธ ถกู ตัณหาครอบงำ� ย่อมท�ำกรรมชวั่ ทกุ อยา่ ง
ได้เช่นกนั กับคนบ้า เขาจะแสวงหาเงนิ ทองมาด้วยวิธีการ
แบบคนบ้า

คนพูดส่อเสียด ย่อมสามารถพูดค�ำไม่เป็นจริง
ให้เป็นจริงได้ สามารถใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ให้เสียหายได้
ฉะนน้ั ผตู้ ้องการเงนิ ทองก็ต้องรจู้ ักพูดสอ่ เสียด

นักฟ้อนร�ำ ย่อมไม่มีหิริโอตตัปปะ ท�ำได้ทุกอย่าง
เพื่อให้ได้ทรัพย์มา ฉะน้ัน ผู้ต้องการเงินทองก็ต้องเป็น
เหมอื นนักฟอ้ นรำ�

คนพูดพล่อย ย่อมท�ำตัวเป็นคนรู้ทุกส่ิงทุกอย่างว่า
ใครท�ำอะไร ? ที่ไหน ? อย่างไร ? ผู้คนกลัวคนผู้น้ี
จะประจานจงึ มอบทรพั ยใ์ หเ้ ขาเพอ่ื ปดิ ปาก ทรพั ยจ์ ำ� นวน
มากจงึ เกดิ ขนึ้ แกเ่ ขา ฉะนน้ั ผตู้ อ้ งการเงนิ ทอง จงึ ตอ้ งรจู้ กั
เปน็ คนพดู พล่อย”

ลูกศิษย์ได้ฟังแล้วจึงพูดต�ำหนิวิธีการหลอกลวงให้
ไดล้ าภมาโดยไมค่ ำ� นงึ ถึงคณุ ธรรมว่า

“อาจารยค์ รบั ถา้ เปน็ เชน่ นก้ี ารออกบวชจะประเสรฐิ
กว่าการแสวงหาลาภโดยไมม่ ีคณุ ธรรมเลย”

๑๖. ลาภครหกิ 133

www.kalyanamitra.org

วา่ แลว้ จงึ ตดั สนิ ใจออกบวชเปน็ ฤาษี แสวงหาภกิ ษา
โดยธรรม ยังสมาบัติทั้งหลายให้เกิดข้ึน ได้มีพรหมโลก
เปน็ ทไ่ี ปในเบอื้ งหน้า.
ประชมุ ชาดก

มาณพในครั้งน้นั ได้เปน็ ภกิ ษผุ ตู้ เิ ตยี นลาภในบดั น้ี
ส่วนอาจารย ์ คอื เราตถาคต

134 ศษิ ยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารย์ลงโทษศษิ ยเ์ ป็นการสัง่ สอน

๑๗) ตลิ มุฏฐิชาดก๓๗

วา่ ด้วย การเฆย่ี นตีเปน็ การสัง่ สอน

สถานทีต่ รัส พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภ ภกิ ษผุ ู้ชอบโกรธรปู หน่งึ
สาเหตทุ ่ีตรสั

ไดท้ ราบมาวา่ มภี กิ ษรุ ปู หนึ่งเป็นผ้มู ักโกรธ ใครว่า
กล่าวอะไรแม้นิดหน่อย ก็จะไม่พอใจมีแต่ความโกรธ
น้อยใจ คบั แค้นใจให้เหน็ อยู่เสมอ

ต่อมาวันหน่ึง ภิกษุทั้งหลายได้นั่งประชุมกัน
ในโรงธรรมสภาปรารภภิกษุรปู นีว้ ่า

“ผมู้ อี ายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษรุ ปู โนน้ ชา่ งเปน็ คนทโี่ กรธงา่ ย
เหลือเกิน ชอบเอะอะโวยวายเหมือนเกลือท่ีเขาใส่ลงไป
ในไฟ ขนาดบวชเข้ามาในศาสนาที่สอนไม่ให้โกรธ ก็ยัง
ไมส่ ามารถทีจ่ ะข่มความโกรธไดเ้ ลย”

๓ ๗ ตล.้น๕ฉ๘บ,บั น.ช๑า๒ต,กมฏั มฐรก.ถา อรรถกถาชาดก ติกนบิ าตชาดก,

๑๗. ติลมฏุ ฐิ 135

www.kalyanamitra.org

136 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

ในขณะน้ัน พระบรมศาสดาเสด็จผ่านมา เมื่อทรง
ทราบเรอ่ื งจงึ มรี บั สงั่ ใหไ้ ปเรยี กภกิ ษรุ ปู นน้ั มามาสอบสวน

เมอื่ เธอยอมรบั ตามสตั ยจ์ รงิ จงึ ตรสั แกภ่ กิ ษทุ งั้ หลายวา่
“ภกิ ษทุ งั้ หลาย มใิ ชเ่ ฉพาะแตใ่ นบดั นเ้ี ทา่ นน้ั ทภี่ กิ ษุ
รปู นม้ี พี ฤตกิ รรมอยา่ งนี้ แมเ้ มอื่ กอ่ น เธอกเ็ ปน็ ผชู้ อบโกรธ
เหมือนกัน”
เมือ่ ภกิ ษุท้งั หลายกราบทลู อาราธนาแลว้ จงึ ทรงนำ�
เร่ืองในอดีตชาติมาตรสั เลา่ ให้ฟงั ดงั ต่อไปนี้

เน้ือหาชาดก
ในอดีตกาล เม่ือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ

อยู่ในพระนครพาราณสี พระองค์มีโอรสพระนามว่า
‘พรหมทตั ตกมุ าร’ อนั ทจ่ี รงิ พระราชาในสมยั กอ่ น แมจ้ ะมี
อาจารยท์ เี่ กง่ เชย่ี วชาญในวชิ าการตา่ ง ๆ อยใู่ นพระราชวงั
แต่ก็จะทรงนิยมส่งโอรสของตนไปเรียนในสถานท่ีไกล ๆ
จากรฐั ของตนดว้ ยมงุ่ หวงั จะสอนโอรสดว้ ยเหตุ ๓ ประการ
ดังน้ี

๑. จักไมม่ คี วามเยอ่ หยิ่งดว้ ยมานะ
๒. จักทนตอ่ ความยากลำ� บากจากดินฟ้าอากาศได้
๓. จกั ได้เรียนรู้ประเพณีของชาวโลกในท่ีตา่ ง ๆ

๑๗. ติลมุฏฐิ 137

www.kalyanamitra.org

จากเหตุผลดังกล่าว พระราชาจึงส่งพระราชโอรส
ผ้มู ีพระชนมายุ ๑๖ พรรษาไปยงั เมอื งตกั กสลิ า

พระราชโอรสจึงได้เสด็จไปเรียนวิชาในส�ำนักของ
อาจารยโ์ ดยนำ� ทรพั ย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะไปเปน็ คา่ เลา่ เรยี น
บูชาครู

วนั หนงึ่ พระราชโอรสไดเ้ สดจ็ ไปอาบนำ�้ กบั อาจารย์
ระหวา่ งทางเหน็ หญงิ ชรา เอาเมลด็ งาออกมาตาก จงึ หยบิ
มาหนง่ึ ก�ำมอื เพื่อเสวยเลน่

ในตอนแรก หญิงชราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เม่ือเห็น
พระราชโอรสท�ำอยา่ งนั้น ๓ วันตดิ ตอ่ กนั

นางจงึ รอ้ งดงั ลน่ั หาวา่
“อาจารย์ทิศาปาโมกข์ ใชล้ ูกศษิ ยใ์ ห้ลกั ของนาง”

เม่ืออาจารย์ทราบเรื่องจะชดใช้ค่าเสียหาย นาง
ก็ไม่ต้องการ แต่ขอให้อาจารย์สั่งสอนลูกศิษย์ไม่ให้ท�ำ
อย่างนี้อกี ก็เพียงพอแลว้

อาจารย์จึงใช้ให้ลูกศิษย์ ๒ คนจับพระราชกุมาร
ท่ีแขนทั้ง ๒ ข้าง แล้วเอาไม้ไผ่เฆี่ยนตีไปท่ีกลางหลัง
อยา่ งแรงถงึ ๓ คร้ัง พระราชกมุ ารจงึ ไดท้ รงแตเ่ ก็บความ
อาฆาตแคน้ ไวใ้ นพระทยั

138 ศิษย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

ต่อมา เม่ือพระราชกุมารได้ศึกษาศิลปวิทยาจบ
ก็อ�ำลาอาจารย์กลับไปและได้ข้ึนครองราชย์สืบต่อจาก
พระราชบดิ า

พระราชาพระองค์ใหมเ่ มือ่ ไดข้ นึ้ เปน็ พระราชา ทรง
ระลึกถึงความอัปยศแต่หนหลัง จึงส่งทูตไปเชิญอาจารย์
ให้เขา้ วังดว้ ยหมายจะแก้แค้น

ฝา่ ยอาจารยท์ ราบว่า ‘จะเกิดราชภัย’ จงึ ไม่ยอมไป
เข้าเฝ้า รอเวลาจนพระราชาพระองค์น้ันมีพระชนมายุ
เขา้ สู่วัยกลางคนจึงไปเข้าเฝา้

พระราชาทรงดใี จทจี่ ะไดแ้ กแ้ คน้ อาจารยจ์ งึ ตรสั เรยี ก
อ�ำมาตย์ท้ังหลายมาตรัสเล่าว่า

“พวกทา่ นทงั้ หลายรหู้ รอื ไมว่ า่ รอยไมเ้ รยี วทอ่ี าจารย์
ตเี รายงั ไมเ่ คยจางหายไปจากความทรงจำ� จวบจนกระทงั่
ถงึ วนั นี้ ดเู อาเถดิ อาจารยไ์ ดบ้ ากหนา้ มารบั เอาความตาย
โดยไมร่ ตู้ ัวเลย”

จากน้ัน จงึ ได้ตรัส ๒ คาถาเหลา่ นว้ี า่

การที่ท่านให้จับแขนเราไว้ แล้วเฆี่ยนตีเราด้วยซีก
ไมไ้ ผ่

เพราะเหตุแค่เพียงเมล็ดงาก�ำมือเดียวเท่าน้ันเอง
ยังจ�ำฝังใจเราอยู่จนวนั น้ี

๑๗. ตลิ มฏุ ฐิ 139

www.kalyanamitra.org

ดูก่อนพราหมณ์ ท่านคงจะไม่ใยดีในชีวิตของท่าน
แลว้ กระมัง จงึ ดั้นด้นมาหาเราถงึ ทีน่ ้ี

ผลกรรมทีท่ า่ นใหจ้ บั แขนท้งั ๒ ของเรา แลว้ เฆ่ยี นตี
เราถึง ๓ คร้งั นั้น จักตอบสนองแก่ท่านในวันนแี้ น่ ๆ

อาจารย์ไดฟ้ ังแลว้ จงึ กลา่ วตอบดว้ ยคาถาท่ี ๓ ว่า
อรยิ ชนยอ่ มปอ้ งกนั คนไมด่ ผี กู้ ระทำ� ความชว่ั
ดว้ ยการลงโทษ
กรรมของอรยิ ชนนัน้ จัดวา่ เปน็ การสงั่ สอน
หาใชเ่ ปน็ เวรกรรมไม่
พวกบณั ฑติ ท้งั หลาย ย่อมเข้าใจเหตผุ ลดงั กลา่ ว
เหมือนกนั ทงั้ นน้ั
ฝา่ ยอาจารยจ์ ึงได้ทลู เตอื นสตลิ กู ศษิ ยผ์ เู้ ปน็ ราชาวา่
“การทที่ ่านสงั่ สอนแมจ้ ะต้องถงึ กับเฆ่ียนตี กเ็ พ่อื จะ
อบรมลูกศิษย์ให้เป็นคนดี ถ้าไม่อบรมส่ังสอนแต่เนิ่น ๆ
ต่อไปก็จะท�ำให้ลูกศิษย์เหลิงและท�ำอะไรตามใจชอบ
จะเปน็ อนั ตรายตอ่ ลกู ศษิ ยเ์ องในอนาคต ในวนั นท้ี พี่ ระองค์
ไดร้ บั สมบตั อิ นั ยงิ่ ใหญ่ ไมใ่ ชจ่ ากอาจารยค์ นนห้ี รอกหรอื ?”
ฝา่ ยเหลา่ อำ� มาตยไ์ ดฟ้ งั ถอ้ ยคำ� ของอาจารยจ์ งึ กราบ
ทลู สนบั สนนุ ความเห็นอาจารยว์ ่า

140 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

“ขอเดชะ ค�ำที่อาจารย์กล่าวสอนมาทั้งหมด
เป็นความจริง พระองค์มวี นั นีไ้ ด้เพราะอาจารย”์

ในขณะนั้น พระราชาส�ำนึกถึงพระคุณของอาจารย์
จึงคิดจะมอบราชสมบัติให้แก่อาจารย์ ฝ่ายอาจารย์ก็ทูล
ปฎิเสธ

พระราชาจงึ สง่ ขา่ วไปยงั เมอื งตกั กศลิ าใหน้ ำ� บตุ รและ
ภรรยาของอาจารยม์ า แล้วตั้งอาจารย์ไว้ในต�ำแหน่งแห่ง
ปโุ รหติ อยใู่ นโอวาทประดจุ ลกู ทอี่ ยใู่ นโอวาทบดิ า บำ� เพญ็
บุญมีประการตา่ ง ๆ เม่อื สวรรคตแลว้ ไดเ้ สดจ็ ไปสสู่ วรรค์

พระศาสดา คร้ันทรงนำ� พระธรรมเทศนานมี้ าแสดง
แล้ว ทรงประกาศอรยิ สัจ ๔ ประชุมชาดก

ในเวลาจบสจั จกถา ภกิ ษผุ ชู้ อบโกรธไดบ้ รรลอุ นาคามี
ส่วนบุคคลอ่ืนได้บรรลโุ สดาบันและสกทาคามี

ประชุมชาดก
พระราชาในกาลนนั้ ได้เปน็ ภกิ ษุผู้มักโกรธในบัดนี้
สว่ นอาจารยใ์ นคราวนน้ั ได้เป็น เราตถาคต

๑๗. ตลิ มฏุ ฐิ 141

www.kalyanamitra.org

142 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

อาจารยจ์ ับโกหกของศิษย์

๑๘) เสตเกตุชาดก๓๘

วา่ ด้วย คนท่ไี ด้ช่ือว่าเป็นทิศ

สถานท่ตี รัส วดั พระเชตวนั
ทรงปรารภ ภกิ ษุรูปหน่งึ ผโู้ กหก
สาเหตทุ ีต่ รสั

มีเร่ืองเล่าว่า ภิกษุรูปน้ันมีปกติชอบโกหกอยู่
เปน็ อาจณิ วนั หน่งึ เธอถกู ภิกษทุ งั้ หลายนำ� ตวั ไปเขา้ เฝ้า
พระพทุ ธเจา้ กราบทลู ใหท้ ราบถงึ พฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสม
นั้น เมื่อพระพุทธองค์ตรัสสอบถาม ภิกษุน้ันได้ยอมรับ
ตามความเปน็ จริง

พระพทุ ธองค์จึงตรัสกะภิกษทุ ง้ั หลายวา่
“ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย ภิกษุรูปนี้เป็นผู้ชอบโกหก
เฉพาะในชาตนิ ้เี ท่านนั้ ก็หามิได้ แมใ้ นอดตี ชาติ เธอกเ็ คย
ชอบโกหกอยา่ งน้ีมาแลว้ เหมือนกนั ”

๓ ๘ ตล.้น๕ฉ๙บ,บั น.ช๑า๔ต,กมฏั มฐรก.ถา อรรถกถาชาดก ฉกั กนบิ าตชาดก,

๑๘. เสตเกตุ 143

www.kalyanamitra.org

อันภิกษุท้ังหลายกราบทูลอาราธนาแล้ว ได้ทรงน�ำ
เอาเรือ่ งราวในอดีตชาตมิ าตรสั เลา่ ให้ฟงั ดังต่อไปนี้

เนือ้ หาชาดก
ในอดีตกาล เม่ือพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ

อยใู่ นนครพาราณสี มพี ราหมณค์ นหนงึ่ เป็นอาจารยท์ ศิ า-
ปาโมกข์สอนมนตแ์ กม่ าณพ ๕๐๐ คน

หัวหน้ามาณพชื่อว่า ‘เสตเกตุ’ เป็นคนมีมานะ
ถือตวั สงู เพราะความยึดติดในชาตติ ระกูล

วันหนึง่ เขาเห็นคนจัณฑาลก�ำลังเขา้ พระนครจงึ ด่า
ต�ำหนิและเกิดการทะเลาะกัน คนจัณฑาลจึงถามปัญหา
โดยบอกว่า “ถา้ เขาตอบแกไ้ ม่ไดจ้ ะใหล้ อดหว่างขา”

จากนน้ั ได้ถามถึงทิศทั้ง ๔ วา่ มอี ะไรบา้ ง เมอ่ื เขา
ตอบไม่ถูก คนจณั ฑาลจึงจบั เขาใหล้ อดหวา่ งขา

พวกเพื่อนจึงน�ำเร่ืองน้ันไปเล่าให้อาจารย์ฟัง เม่ือ
อาจารย์สอบถาม เขาได้ยอมรับความจริงนั้น อาจารย์
จึงสอนเขาดว้ ย ๒ คาถาว่า

ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าโกรธไปเลย เพราะความโกรธไม่ดี
ทิศทเ่ี จา้ ยังไม่เหน็ และไม่ไดย้ ิน ยงั มีอีกเปน็ จำ� นวนมาก

144 ศิษยอ์ าจารย์

www.kalyanamitra.org

เสตเกตุเอย๋ มารดาบิดาเป็นทศิ ๆ หนึ่ง
บณั ฑิตทั้งหลายสรรเสรญิ อาจารย์ เรียกวา่ เป็นทิศ
ทิศหนึง่ คฤหสั ถท์ งั้ หลายผู้ถวายข้าว นำ้� และผ้านุ่งห่ม
ส่วนสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้เรียกร้อง
บัณฑิตท้ังหลาย เรียกสมณะและพราหมณ์แม้เหล่าน้ัน
วา่ เป็นทศิ ๆ หนง่ึ
ดูก่อนเสตเกตุเอ๋ย ทิศนี้เป็นยอดทิศเพราะสัตว์
ทั้งหลายผมู้ ีทุกข์ไปถงึ แลว้ จะมีความสขุ

อาจารย์บอกทิศท้ังหลายแก่มาณพอย่างน้ี แต่เขา
มีความละอายท่ีได้รับความอัปยศเช่นน้ัน จึงกราบลา
อาจารยแ์ ล้วไปศกึ ษาต่อท่ีเมืองตักกศิลา และเมืองต่าง ๆ
จนกระท่ังไปถึงบ้านชายแดน และได้ไปพบพวกดาบส
กลมุ่ หนงึ่ เขาเกดิ ศรทั ธาไดข้ อบวชอยกู่ บั พวกดาบสเหลา่
นนั้ จนกลายเป็นหัวหน้าดาบสในท่ีสุด

ต่อมา เขาได้พาหมู่ดาบสธุดงค์จาริกไปโปรดสัตว์
ที่เมืองพาราณสี พระราชาทอดพระเนตรเห็นหมู่ดาบส
เหลา่ นน้ั เกดิ ความเลอ่ื มใสไดน้ มิ นตใ์ หด้ าบสเหลา่ นนั้ อยใู่ น
พระราชอุทยาน

วนั หนงึ่ พระราชาไดเ้ รยี นใหด้ าบสเหลา่ นน้ั ทราบวา่
‘จักไปกราบพวกดาบสในตอนเย็น’

๑๘. เสตเกตุ 145

www.kalyanamitra.org

เสตเกตดุ าบสจงึ ไดส้ ง่ั สานศุ ษิ ยใ์ หบ้ ำ� เพญ็ พรตทรมาน
ตนเองเพ่ือให้พระราชาเกิดความเลื่อมใส ส่วนตนเอง
น่งั แกป้ ญั หาบรรดาศษิ ย์อยู่

พระราชาทอดพระเนตรการบ�ำเพ็ญพรตของเหล่า
ฤาษี ทรงเกิดความเล่อื มใสย่งิ นกั เข้าไปหาเสตเกตดุ าบส
ไหว้แล้วได้ประทับนงั่ ณ ทีส่ ่วนหนึง่

จากนนั้ ได้ทรงหันไปปราศรยั กะปุโรหติ ผ้เู คยเปน็
อาจารย์ของเสตเกตุดาบสมาก่อนด้วยคาถาที่ ๓ วา่

ชฎลิ เหลา่ ใดนงุ่ หนงั สตั วท์ แี่ ขง็ กระดา้ ง มฟี นั สกปรก
รปู ร่างมอมแมม ทำ� การสาธยายมนตอ์ ยู่

ชฎิลเหล่าน้ัน ต้ังอยู่ในความเพียรที่มนุษย์ควรท�ำ
รูโ้ ลกนี้แลว้ จะพน้ จากอบายภมู ไิ ดห้ รอื ไม่หนอ ?

ปุโรหิตฟังพระด�ำรัสน้ันแล้ว ได้กราบทูลให้ทราบ
ด้วยคาถาท่ี ๔ วา่

ขา้ แต่มหาราชเจ้า บุคคลใดเป็นพหสู ตู ผู้คงแกเ่ รยี น
แตไ่ ดท้ ำ� บาปกรรมไว้ ไม่ประพฤตธิ รรมเลย

ผู้นั้นแม้จะมีเวทมนต์ต้ังพัน ถ้าไม่ยอมประพฤติ
จรณธรรมจะพงึ พ้นจากทกุ ข์ไปไมไ่ ด้เลย

146 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

พระราชาได้ฟงั แล้วก็ส้ินศรัทธาต่อดาบสเหล่านัน้
เสตเกตดุ าบสจงึ คดิ วา่
‘พระราชาเลื่อมใส แต่ปุโรหิตอาจารย์ของเรานี้
กลบั บ่นั ทอนศรทั ธา’
จงึ รบี ถวายพระพรแดพ่ ระราชาด้วยคาถาท่ี ๕ วา่
บุคคลแม้มีเวทมนต์ตั้งพัน อาศัยความเป็นพหูสูตร
นน้ั แตไ่ มป่ ระพฤตจิ รณะพึงพ้นจากทุกขไ์ ปไมไ่ ด้
อาตมามีเข้าใจว่า พระเวทท้ังหลายเป็นสิ่งไร้ผล
สว่ นจรณะคอื การสำ� รวมดว้ ยดนี น่ั แหละ เปน็ ความจรงิ แท้

ปโุ รหิตได้ฟงั คำ� น้นั แลว้ ไดก้ ลา่ วคาถาท่ี ๖ ว่า

เวททงั้ หลายจะไม่มผี ลเลยน้นั หามิได้ จรณะคือการ
ประพฤตสิ ำ� รวมระวงั เทา่ นนั้ จะเปน็ ความจรงิ แทก้ ห็ ามไิ ด้

บุคคลเรียนเวทท้ังหลายแล้ว ย่อมได้รับเกียรติก็มี
บุคคลผู้ฝึกฝนตนด้วยจรณธรรม ย่อมจะบรรลุความสงบ
ได้ก็มี

ปโุ รหติ ครน้ั หกั ลา้ งถอ้ ยคำ� ของเสตเุ กตดุ าบสอยา่ งนี้
แล้ว ได้ไล่สึกให้ถือโล่และอาวุธคอยเป็นทหารองครักษ์
คมุ้ ครองพระราชา

๑๘. เสตเกตุ 147

www.kalyanamitra.org

ประชมุ ชาดก
เสตเกตดุ าบสในครงั้ น้นั คือ ภกิ ษุผู้โกหกในบัดนี้
บุตรของคนจณั ฑาลในครัง้ นัน้ คือ สารีบุตรในบัดน้ี
ส่วนปุโรหิต คอื เราตถาคตนน่ั เอง”

148 ศษิ ย์อาจารย์

www.kalyanamitra.org

ลกู ศิษยไ์ ด้รบั ทุกขเวทนา เพราะไม่เช่อื ฟงั ค�ำสอน

๑๙) โลสกชาดก๓๙

ว่าดว้ ย คนทีต่ ้องเศรา้ โศก

สถานทตี่ รัส พระเชตวนั มหาวหิ าร
ทรงปรารภ พระโลสกตสิ สเถระ
สาเหตทุ ่ีตรัส

คร้ังหนึ่งในสมัยพุทธกาล ณ ชนบท แคว้นโกศล
มีหมู่บ้านชาวประมงประมาณ ๑,๐๐๐ ครอบครัว อาศัย
อยดู่ ้วยความผาสกุ ตลอดมา

ครั้นต่อมาหญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านได้ตั้งครรภ์
นับต้ังแต่น้ันมาทุกครอบครัวต่างก็ท�ำมาหากินฝืดเคือง
ล�ำบากมากขึ้นตามล�ำดับ ซ�้ำยังมีภัยพิบัติเกิดข้ึนเนืองๆ
เชน่ ถูกไฟไหมบ้ ้านถึง ๗ ครง้ั ถูกทางการปรบั ถึง ๗ หน

ชาวประมงท้ังหลายจึงประชุมกันเพื่อหาทางแก้ไข
ในที่สุดจึงเห็นพ้องต้องกันว่า คงจะต้องมีบุคคลที่เป็น
กาลกณิ อี ยใู่ นหมบู่ า้ นอยา่ งแนน่ อน จงึ ชว่ ยกนั คน้ หาบคุ คล

๓๙ ต้นฉบบั ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาชาดก เอกนบิ าตชาดก,
ล.๕๖, น.๒, มมร.

๑๙. โลสก 149

www.kalyanamitra.org


Click to View FlipBook Version