The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา พ21101-พ21103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนบ้านโคกแสมสาร

จัดทำโดย
นายกวินพัฒน์ อชิรศิรโรจน์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kawinpat.a, 2021-10-13 10:13:35

แผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษา ม.1

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา พ21101-พ21103 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนบ้านโคกแสมสาร

จัดทำโดย
นายกวินพัฒน์ อชิรศิรโรจน์

๑๔๐

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

5. เลอื กตวั แทนนักเรยี นที่มรี ปู ร่างอ้วน 1 คน และผอม 1 คน ออกมาอา่ นบทสนทนาทีก่ ำหนดให้
แล้วเพ่อื นในช้นั เรยี นรว่ มกันวิเคราะหบ์ ทสนทนาและตอบคำถาม ดังน้ี

แนน : นี่ฟ้า ฉนั วา่ ช่วงน้ีเธอดูอว้ นข้ึนนะ

ฟ้า : แหม นิดหน่อยเอง

ฟ้า : ช่วงน้ีกินหนกั มาก กินอะไรก็อร่อยไปหมด
กินวนั ละ 4 ม้ือแน่ะ

แนน : โอโ้ ห!!! 4 ม้ือ มนั เยอะเกินไปหรือป่ าว
กินเยอะขนาดน้ีไดอ้ อกกาลงั กายบา้ งหรือป่ าว

ฟ้า : ไมไ่ ดอ้ อกเลย กินเสร็จก็อาบน้านอนเลย

แนน : ...............................................
• จากบทสนทนาของแนนกับฟ้า มกี ารสนทนาเกยี่ วกับเรอ่ื งใด
(ตวั อย่างคำตอบ เรื่องความอ้วน การรบั ประทานอาหาร 4 มอื้ ของฟ้า)
• นักเรียนคิดวา่ สาเหตทุ ่ีฟ้าอว้ นข้ึน เพราะอะไร
• การรับประทานอาหารที่มากเกนิ ความต้องการของร่างกาย เสีย่ งตอ่ การเกิดโรคใด
• ถ้านกั เรยี นเปน็ แนน จะมีวิธีแนะนำฟา้ ในการปฏิบัติตนอยา่ งไร
6. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับภาวะโภชนาการเกิน โดยตอบคำถาม ดังนี้
• สาเหตุของภาวะโภชนาการเกินหรอื โรคอว้ น มีอะไรบ้าง
• ผลกระทบท่ีเกิดจากภาวะโภชนาการเกนิ หรือโรคอ้วน มีอะไรบา้ ง
7. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ดังน้ี
• ถ้านักเรยี นไม่ต้องการใหเ้ กดิ ปัญหาภาวะโภชนาการเกนิ ควรปฏบิ ัติตนอยา่ งไร

• •ข้ัน•ป•ฏบิ•ตั •ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•8.• นกั เรยี นแบง่ กลุ่มร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกับปญั หาโภชนาการในวัยรนุ่ คอื ภาวะโภชนาการเกิน โดย

วิเคราะห์สาเหตแุ ละผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ สขุ ภาพ
9. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปเกี่ยวกับปัญหาภาวะโภชนาการในวัยรุ่น บนั ทกึ ลงในชิ้นงานที่ 8

เร่อื ง ปญั หาภาวะโภชนาการในวยั รุ่น
10.นกั เรียนรว่ มกนั สรุปสงิ่ ท่ีเขา้ ใจเปน็ ความรูร้ ว่ มกัน ดงั น้ี

๑๔๑

การบรโิ ภคอาหารในปริมาณท่เี พียงพอและได้สดั สว่ น จะทำใหม้ ีภาวะโภชนาการทด่ี ี แต่ในทาง
ตรงกันขา้ ม ถา้ ร่างกายไดร้ ับสารอาหารในปรมิ าณที่ไมเ่ หมาะสมและเกนิ กบั ความต้องการของร่างกาย
กจ็ ะส่งผลให้เกิดภาวะโภชนาการทไ่ี ม่ดี คือ ภาวะโภชนาการเกนิ หรือโรคอว้ นได้

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1
ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. ภาพคนรปู ร่างอว้ น
3. เกณฑ์มาตรฐานการเจริญเติบโต
4. เกณฑ์มาตรฐานดชั นมี วลกาย
5. บทสนทนาของแนนกับฟ้า
6. แหล่งการเรยี นรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง ภาวะโภชนาการเกนิ (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินชน้ิ งาน เร่ือง ปัญหาภาวะโภชนาการในวยั ร่นุ (P) ด้วยแบบประเมิน
4. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมนิ

๑๔๒

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ ช้ินงาน เรอื่ ง ปัญหาภาวะโภชนาการในวยั รนุ่

รายการการ ระดับคณุ ภาพ

ประเมนิ 4 3 2 1

การสรปุ สาเหตุ สรุปสาเหตุ ผลกระทบ สรุปสาเหตุ ผลกระทบ สรปุ สาเหตุ ผลกระทบ สรปุ สาเหตุ ผลกระทบ
ผลกระทบต่อ ตอ่ สขุ ภาพ และ ต่อสุขภาพ และ ตอ่ สขุ ภาพ และ ตอ่ สุขภาพ และ
แนวทางปฏบิ ัตติ น แนวทางปฏบิ ตั ติ น
สุขภาพและแนวทาง แนวทางปฏิบัติตน แนวทางปฏิบตั ิตน เพอ่ื ปอ้ งกนั ปญั หา เพอ่ื ปอ้ งกนั ปัญหา
ปฏบิ ัตติ นเพ่อื เพอื่ ป้องกนั ปัญหา เพื่อป้องกันปญั หา ภาวะโภชนาการ ภาวะโภชนาการ
ปอ้ งกนั ปัญหาภาวะ ภาวะโภชนาการ ภาวะโภชนาการ ลงในแผนภาพ ลงในแผนภาพ
ลงในแผนภาพ ลงในแผนภาพ ไดถ้ กู ตอ้ ง ขอ้ มูล ไดถ้ ูกตอ้ ง แตข่ อ้ มลู
โภชนาการ มีความสอดคล้องกนั ยงั ไมส่ อดคล้องกนั
ไดถ้ กู ต้องสมั พนั ธ์กนั ได้ถกู ตอ้ ง มกี ารอธบิ าย
ลงในแผนภาพ มีการเช่อื มโยงใหเ้ หน็ เป็น ให้เหน็ ถงึ ความสมั พันธ์

ภาพรวม แสดง ของสาเหตุ ผลกระทบ มกี ารอธบิ ายใหเ้ ข้าใจได้

ความสมั พันธข์ องสาเหตุ และแนวทางป้องกนั งา่ ย

ผลกระทบ และแนวทาง ปญั หาอย่าง

ปอ้ งกันปัญหา เปน็ เหตเุ ปน็ ผล

ได้อย่างเปน็ รูปธรรม

นำไปปฏบิ ตั ไิ ด้จริง

ความคิดเหน็ ของผบู้ ังคับบัญชา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอ่ื .....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านโคกแสมสาร

๑๔๓

ใบงานที่ 8 เรอื่ ง ปัญหาภาวะโภชนาการในวยั รุ่น ได_้ _________
คะแนน
วนั ที่________เดือน_______________พ.ศ.___________ คะแนนเตม็ 10
ช่อื _____________________________เลขท_่ี _____ชน้ั __________ คะแนน

นักเรยี นแบง่ กลุ่มเขียนปญั หาภาวะโภชนาการในวยั รุ่น คอื ภาวะโภชนาการขาดสารอาหาร
และภาวะโภชนาการเกิน วเิ คราะห์สาเหตุ ผลกระทบตอ่ สุขภาพ และแนวทางปฏิบัติตน เพอ่ื ป้องกันปัญหาภาวะ
โภชนาการน้ัน บันทึกลงในแผนภาพความคดิ จากนน้ั แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน

ผลกระทบต่อสุขภาพ
ปัญหาภาวะโภชนาการ
สาเหตุ ขาดสารอาหาร

แนวทางปฏิบัติตน

ปัญหาภาวะโภชนาการ
สาเหตุ เกนิ ผลกระทบต่อสุขภาพ

แนวทางปฏบิ ตั ิตน

๑๔๔ ๑๔๔

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 ภาวะโภชนาการท่ีมีผลกระทบต่อสุขภาพ
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4

เร่อื ง การควบคุมน้ำหนักของตนเองใหอ้ ยใู่ นเกณฑ์มาตรฐาน

รายวิชาสุขศึกษา รหัสวิชา พ๒๑๑๐๓ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คณุ คา่ และมีทกั ษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกันโรค

และการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพื่อสขุ ภาพ
ตวั ชี้วดั
พ 4.1 ม.1/3 ควบคมุ นำ้ หนกั ของตนเองให้อยูใ่ นเกณฑ์มาตรฐาน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายวธิ ีการแก้ไขปัญหาน้ำหนักต่ำกวา่ เกณฑ์มาตรฐานและปญั หานำ้ หนักเกนิ เกณฑ์มาตรฐาน (K)
2. เขียนแผนภาพสาเหตขุ องปัญหาน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานและปญั หาน้ำหนักเกิน

เกณฑ์มาตรฐาน พร้อมวธิ ีการแกไ้ ข (P)
3. เห็นความสำคญั ของการมีนำ้ หนกั ตัวเปน็ ไปตามเกณฑม์ าตรฐาน (A)

สาระสาคญั

การมีน้ำหนกั อยใู่ นเกณฑ์มาตรฐานแสดงถงึ ภาวะการเจรญิ เตบิ โตทเ่ี หมาะสมสง่ ผลให้มสี ุขภาพที่ดี
เราจงึ ต้องร้จู ักควบคุมน้ำหนกั ตัวให้อยใู่ นเกณฑ์มาตรฐานอย่เู สมอ เพื่อการมีสขุ ภาพท่ีดีอย่างยนื ยาว
และสง่ ผลให้มบี คุ ลิกภาพท่ีดี

สาระการเรียนรู้

การควบคุมน้ำหนกั ของตนเองให้อยู่ในเกณฑม์ าตรฐาน
• การแก้ไขปัญหาน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (การเพ่ิมนำ้ หนกั )
• การแก้ไขปัญหาน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน (การลดนำ้ หนัก)

๑๔๕

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•ันน•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นักเรยี นร่วมกนั ทบทวนความร้เู ก่ียวกบั ภาวะการขาดสารอาหารและภาวะโภชนาการเกิน
โดยตอบคำถาม ดังน้ี

• นักเรยี นคิดว่าคนผอม คือ คนลกั ษณะใด สาเหตทุ ่ีทำให้คนผอม คืออะไร
• ความผอมมผี ลเสยี ต่อสขุ ภาพอยา่ งไรบ้าง
• นกั เรียนคิดวา่ การแก้ไขปญั หาความผอม ควรทำอยา่ งไร

• นกั เรยี นคิดวา่ คนอ้วน คือ คนลักษณะใด สาเหตทุ ่ีทำใหค้ นอว้ น คืออะไร
• ความอ้วนมีผลเสยี ตอ่ สุขภาพอยา่ งไรบ้าง
• นักเรยี นคดิ วา่ การแก้ไขปัญหาความอ้วน ควรทำอยา่ งไร

2. นักเรยี นศกึ ษาความรู้และรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำหนกั ตำ่ กว่าเกณฑ์มาตรฐาน
(การเพิ่มนำ้ หนัก) และการแก้ไขปญั หานำ้ หนักเกินเกณฑม์ าตรฐาน (การลดนำ้ หนกั ) จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง
ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอรเ์ นต็

•ข•้ันก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

3. นักเรียนแบง่ กลุ่ม แตล่ ะกลุ่มอ่านสถานการณ์บนกระดาน แลว้ ร่วมกันวิเคราะหส์ าเหตุของปญั หา
นำ้ หนักตำ่ กวา่ เกณฑ์ สาเหตขุ องปญั หานำ้ หนักเกินเกณฑ์ และวธิ ีแก้ไขสาเหตุของปัญหาดังกล่าว
บันทึกเป็นแผนภาพความคิดลงในกระดาษสำหรับทำกิจกรรม

๑๔๖

สถานการณ์

พชิ ยั เป็นนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 อายุ 13 ปี มีน้าหนกั 33 กิโลกรัม ส่วนสูง 148
เซนติเมตร พชิ ยั เป็นคนรับประทานอาหารยากและไม่ชอบรับประทานผกั พชิ ยั มกั จะเขา้ นอน
หลงั เท่ียงคนื และไมค่ ่อยชอบออกกาลงั กาย จากพฤติกรรมดงั กลา่ ว ทาใหพ้ ชิ ยั มีปัญหาน้าหนกั
ต่ากวา่ เกณฑ์

รับประทานอาหารนอ้ ย การมีพฤติกรรม อยากมีหุ่นผอมเพรียว
การรับประทานอาหาร เหมือนดารา นางแบบ

ท่ีไม่ถูกตอ้ ง

สาเหตุของปัญหา
น้าหนักต่ากว่าเกณฑ์

วิธแี ก้ไข (การเพมิ่ น้าหนกั )

รับประทานอาหาร เพ่ิมการรับประทาน ออกกาลงั กายใหเ้ หมาะสม
ใหค้ รบ 5 หมู่ อาหารท่ีมีไขมนั กบั สภาพร่างกาย

4. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ วเิ คราะห์และอภปิ รายผลสรปุ สาเหตุของปญั หาน้ำหนกั ต่ำกวา่ เกณฑ์
และสาเหตขุ องปัญหาน้ำหนักเกนิ เกณฑเ์ ปน็ ความรู้ความเข้าใจรว่ มกัน

5. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคำถามกระตุ้นความคิด ดงั นี้
• นักเรยี นชอบรปู รา่ งของดารา นักร้องคนใด เพราะเหตุใด และถา้ ต้องการมีรปู ร่างแบบน้ัน

นักเรยี นจะมวี ธิ ปี ฏบิ ัตติ นอย่างไร

๑๔๗

• •ข้ัน•ป•ฏิบ•ัต•ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

•6.• นกั เรียนร่วมกนั ออกแบบแนวทางการแก้ไขปญั หานำ้ หนัก คือ ตำ่ กวา่ เกณฑม์ าตรฐาน

(การเพิม่ นำ้ หนัก) และเกนิ เกณฑม์ าตรฐาน (การลดนำ้ หนัก) ถา้ ปฏิบัตจิ ะสง่ ผลอยา่ งไรต่อรา่ งกาย จากน้นั
ส่งตวั แทนนักเรียนออกมาเขยี นคำตอบลงในแผนภาพความคดิ บนกระดาน

(รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่)

ต่ากวา่ เกณฑม์ าตรฐาน (รับประทานอาหารที่มีไขมนั ) ผลการปฏบิ ตั ิ
(การเพิม่ น้าหนกั ) (ด่ืมนมรสช็อกโกแลต)
(ร่างกายแขง็ แรง
การควบคุมนา้ หนัก (เพม่ิ ปริมาณอาหารในแตล่ ะม้ือ) มีคณุ ภาพชีวติ ดี
ของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์ (ออกกาลงั กายเป็นประจา) การเจริญเติบโต
(เล่ียงอาหารประเภทไขมนั ) และการพฒั นา
มาตรฐาน เป็นไปตามวยั )
เกินเกณฑม์ าตรฐาน (รับประทานผกั ผลไมใ้ หม้ ากข้นึ )
(การลดน้าหนกั )

(ลดปริมาณอาหารในแต่ละม้ือ)

7. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ส่งิ ท่เี ขา้ ใจเป็นความรูร้ ว่ มกนั ดงั น้ี
การมีนำ้ หนกั อยใู่ นเกณฑม์ าตรฐานแสดงถึงภาวะการเจรญิ เติบโตท่เี หมาะสมส่งผลใหม้ ีสขุ ภาพ

ทด่ี ี เราจงึ ตอ้ งร้จู ักควบคุมนำ้ หนักตวั ใหอ้ ย่ใู นเกณฑม์ าตรฐานอย่เู สมอ เพื่อการมีสขุ ภาพทด่ี ีอยา่ งยืนยาว
และสง่ ผลให้มบี คุ ลิกภาพท่ดี ี

๑๔๘

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. ตัวอยา่ งสถานการณน์ ำ้ หนักต่ำกว่าเกณฑ์และน้ำหนักเกินเกณฑ์
3. กระดาษสำหรบั ทำกจิ กรรม
4. แหลง่ การเรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง การแก้ไขปญั หาน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (การเพมิ่ น้ำหนัก)
การแก้ไขปญั หานำ้ หนักเกนิ เกณฑ์มาตรฐาน (การลดน้ำหนัก) (K) ดว้ ยแบบทดสอบ

2. ประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ (A) ด้วยแบบประเมิน

ความคิดเหน็ ของผูบ้ ังคบั บัญชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นโคกแสมสาร

๑๔๙ ๑๔๙

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่อื นยา้ ยผปู้ ่วย

รหสั -ชือ่ รายวชิ า พ 2110๓ สุขศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา
เวลาเรียน 8 ชั่วโมง
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 โรงเรยี น บ้านโคกแสมสาร

ผสู้ อน นายกวินพัฒน์ อชริ ศิรโรจน์

เปา้ หมายหลักของการเรียนรู้

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ป้องกนั และหลีกเล่ยี งปัจจยั เสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช้ยา

สารเสพตดิ และความรนุ แรง
ตวั ช้ีวัด
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยอย่างปลอดภยั

ความรู้ฝังแน่น ความเข้าใจทค่ี งทน (Enduring Understanding)

นกั เรยี นเขา้ ใจว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเกดิ การเจบ็ ปว่ ยอยา่ งกะทันหนั ผู้ป่วยควรจะไดร้ บั
การปฐมพยาบาลอย่างทนั ท่วงที ซึ่งจะชว่ ยใหอ้ าการของผู้ป่วยลดความรุนแรงลง โดยผู้ให้การชว่ ยเหลอื
ตอ้ งไดร้ ับการฝกึ ฝนเรื่องการปฐมพยาบาลเปน็ อย่างดี เพือ่ ใหเ้ กิดทักษะในการช่วยเหลอื และสามารถ
ชว่ ยเหลือผูป้ ว่ ยได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

เมอื่ เกดิ อุบัติเหตหุ รือเกิดการเจบ็ ป่วยอย่างกะทนั หนั ผู้ปว่ ยท่ไี มส่ ามารถเคลื่อนยา้ ยตนเองได้
จำเป็นต้องมีผู้ชว่ ยเหลือพาเคล่ือนยา้ ย ซง่ึ ผ้ใู ห้การช่วยเหลือจะต้องไดร้ บั การฝึกฝนการเคล่อื นย้าย
มาเป็นอย่างดี เพื่อใหเ้ กิดทักษะในการชว่ ยเหลอื และสามารถชว่ ยเหลือผ้ปู ว่ ยได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

สาระการเรียนรู้

1. การปฐมพยาบาล
1.1 การเป็นลม
1.2 บาดแผล
1.3 ไฟไหม้ นำ้ ร้อนลวก
1.4 กระดูกหัก
1.5 สงิ่ แปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมูก

๑๕๐

1.6 แมลงสตั ว์กัดต่อย
2. การเคลอ่ื นย้ายผู้ป่วย

2.1 การเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ยดว้ ยผ้ชู ่วยเหลือ 1 คน
2.2 การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว่ ยดว้ ยผูช้ ่วยเหลือ 2 คน
2.3 การเคล่อื นย้ายผู้ปว่ ยด้วยผชู้ ่วยเหลอื 3 คน
2.4 การเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยโดยใชอ้ ุปกรณ์

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

ภาระงาน : ชิน้ งาน/การแสดงออกของผู้เรียน

• ใบงานท่ี 9 เร่อื ง การปฐมพยาบาล
• ใบงานที่ 10 เรื่อง การเคล่ือนย้ายผปู้ ่วย

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรอื่ ง การปฐมพยาบาล การเคล่ือนยา้ ยผู้ป่วย (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมนิ ชิน้ งาน เร่อื ง การปฐมพยาบาล (P) ดว้ ยแบบประเมิน
4. ประเมนิ ชนิ้ งาน เร่อื ง การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ว่ ย (P) ดว้ ยแบบประเมิน
5. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน (A) ด้วยแบบประเมิน

๑๕๑

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทำงานกลุม่

รายการการ ระดบั คุณภาพ
ประเมนิ
432 1
กระบวนการ
ทำงานกลมุ่ มีการกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท ไม่มีการกำหนด
บทบาทสมาชกิ
สมาชกิ ชดั เจน สมาชกิ ชดั เจน เฉพาะหัวหน้า และไม่มกี ารช้แี จง
เป้าหมาย สมาชกิ
และมกี ารช้ีแจงเป้าหมาย มีการชแ้ี จงเปา้ หมาย ไมม่ กี ารช้แี จงเปา้ หมาย ต่างคนต่างทำงาน

การทำงาน อยา่ งชัดเจนและ อย่างชัดเจน

มีการปฏิบตั ิงานรว่ มกัน ปฏบิ ัติงานรว่ มกัน ปฏบิ ตั ิงานรว่ มกนั

อย่างรว่ มมอื รว่ มใจ แต่ไมม่ ีการประเมนิ ไม่ครบทุกคน

พรอ้ มกับการประเมนิ เปน็ เปน็ ระยะ ๆ

ระยะ ๆ

แบบประเมินช้ินงาน เรื่อง การปฐมพยาบาล

รายการการ ระดบั คุณภาพ

ประเมนิ 4 3 2 1

การวาดภาพ วาดภาพแสดงข้นั ตอนการ วาดภาพแสดงข้นั ตอน วาดภาพแสดงขนั้ ตอน วาดภาพแสดงข้นั ตอน

แสดงขนั้ ตอน ปฐมพยาบาลและเขยี น การปฐมพยาบาลและ การปฐมพยาบาลและ การปฐมพยาบาลและ

การปฐมพยาบาลและ อธบิ ายข้นั ตอน เขียนอธิบายขน้ั ตอนการ เขียนอธบิ ายขน้ั ตอนการ เขียนอธบิ ายขัน้ ตอนการ

เขียนอธบิ ายขั้นตอน การปฐมพยาบาลผู้ป่วยลง ปฐมพยาบาลผปู้ ว่ ยลงใน ปฐมพยาบาลผู้ป่วยลงใน ปฐมพยาบาลผ้ปู ่วยลงใน

การปฐมพยาบาลผ้ปู ว่ ย ในแบบบันทกึ ได้ถูกต้อง แบบบันทึกได้ถูกตอ้ ง แบบบันทกึ ไดถ้ กู ต้อง แบบบนั ทึกไดถ้ ูกต้อง

ลงในแบบบันทึก และสามารถแกไ้ ขปญั หา และสามารถแกไ้ ขปญั หา โดยมีครหู รอื ผูอ้ ่นื โดยต้องอาศยั คำแนะนำ

ระหว่างปฏิบตั ิไดด้ ว้ ย ระหว่างปฏบิ ตั ิได้ โดยมี แนะนำบ้าง จากครูและเพอื่ น

ตนเอง ครูหรอื ผอู้ ่ืนแนะนำบา้ ง

แบบประเมนิ ชนิ้ งาน เร่ือง การเคล่อื นย้ายผูป้ ่วย

รายการการ ระดบั คณุ ภาพ

ประเมิน 4 3 2 1

การแสดงวธิ กี าร แสดงวิธีการเคล่ือนยา้ ย แสดงวธิ ีการเคลอื่ นยา้ ย แสดงวธิ กี ารเคล่อื นย้าย แสดงวิธีการเคล่ือนยา้ ย
ผปู้ ว่ ยตามสถานการณ์
เคล่อื นยา้ ยผ้ปู ว่ ย ผูป้ ่วยตามสถานการณ์ ผปู้ ่วยตามสถานการณ์ ผปู้ ว่ ยตามสถานการณ์ สมมตุ ิและบนั ทึกขอ้ มลู
ลงในแบบบนั ทึกได้
ตามสถานการณ์สมมตุ ิ สมมตุ ิและบันทกึ ข้อมลู ลง สมมตุ ิและบนั ทึกข้อมูลลง สมมตุ ิและบันทึกขอ้ มลู ถูกต้องสอดคล้องกบั
สถานการณ์ แต่ยังไม่
และบนั ทึกขอ้ มลู ในแบบบนั ทึกไดถ้ กู ตอ้ ง ในแบบบันทกึ ได้ถกู ตอ้ ง ลงในแบบบันทกึ ได้ สามารถแก้ไขปัญหา
ระหว่างปฏบิ ตั ิได้
ลงในแบบบันทกึ สอดคล้องกับสถานการณ์ สอดคลอ้ งกับสถานการณ์ ถูกต้องสอดคลอ้ งกบั ต้องอาศัยคำแนะนำ
จากครู
สามารถแกไ้ ขปัญหาใน สามารถแกไ้ ขปญั หาใน สถานการณ์ สามารถ

ระหว่างปฏิบตั ไิ ด้ ขอ้ มลู ระหว่างปฏบิ ตั ิได้ โดย แกไ้ ขปัญหาในระหวา่ ง

ในแบบบันทึกมีความ อาศัยแบบอย่างจากครู ปฏิบัติได้ โดยอาศยั

เชื่อมโยงสมั พันธก์ นั ข้อมลู ในแบบบันทกึ คำแนะนำจากครู

ทัง้ ระบบ มคี วามสมั พันธก์ ัน ข้อมลู ในแบบบันทึก

มีความสมั พันธ์กนั

๑๕๒

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

มวี นิ ัย
ตัวช้ีวดั ท่ี 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม

พฤติกรรมบ่งช้ี ดเี ยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไมผ่ ่าน (0)

3.1.1 ปฏบิ ัตติ น ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่ปฏบิ ตั ติ นตามขอ้ ตกลง
ตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ
ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ข้อบังคับของครอบครวั ขอ้ บังคบั ของ ขอ้ บงั คับของ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว
ครอบครัว โรงเรยี น โรงเรยี นและสงั คม ไม่ ครอบครัวและโรงเรียน ครอบครวั และโรงเรียน และโรงเรยี น
และสังคม ไมล่ ะเมิด ละเมิดสทิ ธิของผอู้ ่ืน ตรงต่อเวลา ตรงตอ่ เวลา
สิทธขิ องผอู้ ื่น ตรงต่อเวลา ในการปฏิบตั ิ ในการปฏิบัติ
3.1.2 ตรงต่อเวลา ในการปฏบิ ัติ กิจกรรมต่าง ๆ กจิ กรรมต่าง ๆ
ในการปฏิบัติ กิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ในชีวติ ประจำวนั
กิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน และรับผดิ ชอบ
ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบ ในการทำงาน
และรบั ผดิ ชอบ ในการทำงาน
ในการทำงาน

ใฝเ่ รียนรู้
ตัวชวี้ ดั ที่ 4.1 ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดเี ยี่ยม (3) ดี (2) ผา่ น (1) ไมผ่ า่ น (0)

4.1.1 ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา ไมต่ ัง้ ใจเรยี น

4.1.2 เอาใจใส่ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่

และมคี วามเพียรพยายาม และมีความเพียรพยายาม และมคี วามเพยี รพยายาม ในการเรียน มสี ว่ นรว่ มใน

ในการเรยี นรู้ ในการเรยี นรู้ มสี ่วนรว่ ม ในการเรยี นรู้ มีสว่ นรว่ ม การเรยี นรู้

4.1.3 สนใจเข้ารว่ ม ในการเรยี นรู้ ในการเรยี นรู้ และเขา้ รว่ มกจิ กรรม

กิจกรรมการเรยี นรตู้ ่าง ๆ และเขา้ ร่วมกิจกรรม และเขา้ ร่วมกจิ กรรม การเรยี นรตู้ ่าง ๆ

การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ การเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เป็นบางครง้ั

ทง้ั ภายในและภายนอก บ่อยครง้ั

โรงเรียนเปน็ ประจำ

๑๕๓

ตวั ชว้ี ดั ท่ี 4.2 แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
ดว้ ยการเลอื กใช้สอ่ื อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้
สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผา่ น (0)

4.2.1 ศึกษาคน้ คว้า ศกึ ษาคน้ คว้า ศึกษาค้นคว้า ศึกษาคน้ คว้า ไมศ่ ึกษาคน้ ควา้
หาความรจู้ ากหนงั สอื หาความรู้จากหนังสอื หาความรู้
หาความร้จู ากหนังสือ หาความรจู้ ากหนงั สอื เอกสาร ส่งิ พมิ พ์ เอกสาร ส่ิงพมิ พ์
ส่ือเทคโนโลยี ส่อื เทคโนโลยี
เอกสาร ส่ิงพมิ พ์ เอกสาร ส่ิงพมิ พ์ และสารสนเทศ แหล่งเรียนรู้
แหลง่ เรยี นร้ทู ้ังภายใน ท้ังภายในและภายนอก
ส่อื เทคโนโลยตี ่าง ๆ ส่ือเทคโนโลยี และภายนอกโรงเรยี น โรงเรยี น เลือกใช้ส่อื
และเลอื กใช้สือ่ ได้อยา่ งเหมาะสม
แหลง่ เรยี นรู้ท้ังภายใน และสารสนเทศ ได้อย่างเหมาะสม มกี ารบันทกึ ความรู้
มกี ารบนั ทึกความรู้
และภายนอกโรงเรยี น แหล่งเรียนรทู้ งั้ ภายใน วเิ คราะหข์ ้อมลู
สรุปเป็นองค์ความรู้
และเลอื กใช้สื่อได้อยา่ ง และภายนอกโรงเรยี น แลกเปลยี่ นเรยี นรู้
กบั ผอู้ นื่ ได้
เหมาะสม เลอื กใช้สื่อ

4.2.2 บนั ทึกความรู้ ได้อย่างเหมาะสม

วิเคราะห์ ตรวจสอบ มกี ารบนั ทกึ ความรู้

จากสงิ่ ทีเ่ รยี นรู้ วเิ คราะหข์ ้อมลู

สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ สรปุ เป็นองคค์ วามรู้

4.2.3 แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้

ด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย

และนำไปใช้ และนำไปใช้

ในชีวติ ประจำวนั ในชวี ิตประจำวันได้

มุง่ ม่ันในการทำงาน
ตวั ชวี้ ดั ที่ 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ น้าทกี่ ารงาน

พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ยย่ี ม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไมผ่ ่าน (0)

6.1.1 เอาใจใส่ ต้ังใจและรบั ผดิ ชอบ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบ ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบ ไมต่ งั้ ใจปฏิบตั ิ
ตอ่ การปฏิบตั ิหน้าที่ ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ ในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี หน้าท่ีการงาน
ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ที่ได้รบั มอบหมาย ท่ีไดร้ ับมอบหมาย ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
6.1.2 ตงั้ ใจ ใหส้ ำเรจ็ มีการปรับปรงุ ใหส้ ำเรจ็ มกี ารปรับปรุง ให้สำเรจ็
และรับผดิ ชอบ และพัฒนาการทำงาน และพัฒนาการทำงาน
ในการทำงานให้สำเรจ็ ใหด้ ขี น้ึ ดว้ ยตนเอง ใหด้ ีขึ้น
6.1.3 ปรับปรุง
และพัฒนาการทำงาน
ด้วยตนเอง

๑๕๔ ๑๕๔

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผ้ปู ว่ ย
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1

เร่อื ง การปฐมพยาบาล : การเป็นลม

รายวิชาสขุ ศึกษา รหัสวชิ า พ๒๑๑๐๓ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ปอ้ งกนั และหลีกเล่ยี งปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสย่ี งต่อสุขภาพ อบุ ตั เิ หตุ การใชย้ า

สารเสพตดิ และความรุนแรง
ตวั ช้วี ดั
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคลื่อนยา้ ยผู้ป่วยอย่างปลอดภัย

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสาเหตุ อาการ และวธิ ีการปฐมพยาบาลการเป็นลมประเภทตา่ ง ๆ (K)
2. ฝกึ ปฏบิ ตั ิการปฐมพยาบาลผปู้ ว่ ยที่เป็นลมแบบตา่ ง ๆ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการฝึกปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลผูป้ ่วยท่เี ป็นลมแบบตา่ ง ๆ (A)

สาระสาคญั

การเปน็ ลม เปน็ อาการเจบ็ ป่วยทพี่ บไดบ้ อ่ ย ๆ เกดิ ข้นึ จากหลายสาเหตุ การศึกษาสาเหตุ อาการการเปน็ ลม
ประเภทต่าง ๆ และฝึกฝนการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี จะทำให้เม่ือพบเหน็ คนเป็นลมประเภทตา่ ง ๆ
จะไดใ้ ห้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง ปลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• การเปน็ ลม

๑๕๕

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. มุง่ มัน่ ในการทำงาน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นักเรยี นสังเกตภาพเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลคนเป็นลม แลว้ รว่ มกนั สนทนา โดยตอบคำถาม ดังนี้

• นกั เรียนเคยเป็นลมหรือเคยพบเห็นคนที่เปน็ ลมหรือไม่
• ถ้าเคย มีลักษณะอาการอยา่ งไร
• นักเรียนคิดว่าการเปน็ ลมมีสาเหตุมาจากอะไร
• ในตอนนั้นนักเรยี นมวี ิธกี ารปฏิบัตอิ ยา่ งไร
• นกั เรยี นคิดว่าการเปน็ ลมมกี ่ีประเภท อะไรบา้ ง
2. นกั เรยี นทเี่ คยมีประสบการณเ์ ปน็ ลมออกมาเลา่ ประสบการณ์ที่เกดิ ขึ้นให้กับเพ่ือน
ในชัน้ เรียนฟงั
3. นักเรยี นศกึ ษาความรู้และรวบรวมขอ้ มลู เกีย่ วกบั การปฐมพยาบาลการเป็นลม
จากแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ หนังสอื เรยี น อินเทอรเ์ น็ต

๑๕๖

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

4. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม 3 กลมุ่ รว่ มกนั วิเคราะหส์ าเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเป็นลม
ประเภทตา่ ง ๆ ดังนี้

กลมุ่ ที่ 1 สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเปน็ ลมแบบธรรมดา
กลุ่มท่ี 2 สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเป็นลมแดด
กลมุ่ ที่ 3 สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเปน็ ลมร้อน
5. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั วางแผนและเตรยี มการนำเสนอผลการวเิ คราะห์ แลว้ เขียนสิ่งที่
ได้เรียนรลู้ งในกระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม จากนัน้ สง่ ตวั แทนนักเรียนออกมานำเสนอหน้าช้ันเรยี น
6. นักเรยี นจับคู่ แต่ละคูส่ ่งตวั แทนออกมาจับสลากการปฐมพยาบาลผปู้ ่วยท่เี ปน็ ลมประเภท
ตา่ ง ๆ แลว้ สาธิตขั้นตอนการปฐมพยาบาลการเป็นลมประเภทท่ีตนเองจับสลากได้
7. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถามกระตุ้นความคิด ดงั นี้
• นกั เรียนคิดว่าการเรียนรเู้ รื่อง การปฐมพยาบาลคนเปน็ ลมมีความจำเปน็ หรอื ไม่ เพราะอะไร

• •ข้นั •ป•ฏบิ•ัต•แิ ล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•8.• นักเรียนสังเกตการสาธติ การปฐมพยาบาลการเป็นลมธรรมดา การเป็นลมแดด และการเป็นลม

รอ้ น รว่ มกันหน้าชัน้ เรยี น
9. นักเรยี นแตล่ ะคฝู่ ึกปฏบิ ัตกิ ารปฐมพยาบาลผปู้ ว่ ยทีเ่ ป็นลมจากสลากที่จบั ไดต้ ามข้ันตอน

ที่ถกู ต้อง
10.นักเรยี นร่วมกนั สรปุ สงิ่ ท่เี ข้าใจเปน็ ความร้รู ่วมกัน ดงั น้ี
การเป็นลม เปน็ อาการเจบ็ ปว่ ยทพี่ บไดบ้ อ่ ย ๆ เกดิ ขึ้นจากหลายสาเหตุ การศึกษาสาเหตุ อาการ

การเปน็ ลมประเภทตา่ ง ๆ และฝกึ ฝนการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี จะทำให้เมื่อพบเห็นคนเปน็ ลมประเภท
ตา่ ง ๆ จะได้ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้อยา่ งถูกต้อง ปลอดภัย และมปี ระสทิ ธภิ าพ

๑๕๗

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

2. ภาพการปฐมพยาบาลคนเปน็ ลม
3. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
4. สลากหัวข้อประเภทของการเป็นลม
5. แหล่งการเรียนร้ทู ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง การปฐมพยาบาลการเป็นลม (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลุ่ม (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมนิ

ความคิดเหน็ ของผบู้ ังคับบญั ชา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่อื .....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหนง่ ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นโคกแสมสาร

๑๕๘ ๑๕๘

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนยา้ ยผปู้ ว่ ย
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2

เร่ือง การปฐมพยาบาล : บาดแผล

รายวชิ าสขุ ศกึ ษา รหัสวชิ า พ๒๑๑๐๓ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ป้องกนั และหลกี เล่ยี งปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพ อุบตั ิเหตุ การใชย้ า

สารเสพตดิ และความรนุ แรง
ตัวชว้ี ดั
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ยอยา่ งปลอดภัย

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายสาเหตุ อาการ และวิธีการปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผลชนดิ ปดิ และชนดิ เปิด (K)
2. ฝกึ ปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลผู้ปว่ ยทีเ่ กิดบาดแผลชนิดปดิ และชนิดเปดิ (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการฝกึ ปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่เกิดบาดแผลชนดิ ปิดและชนดิ เปดิ (A)

สาระสาคญั

บาดแผลมี 2 ชนิด คือ ชนดิ ปดิ และชนิดเปดิ ซึ่งมสี าเหตุและวธิ กี ารปฐมพยาบาลที่แตกต่างกนั การศึกษา
สาเหตุ อาการการเกิดบาดแผลชนิดปดิ และชนดิ เปดิ และฝึกฝนการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธจี ะทำให้
สามารถปฐมพยาบาลได้อยา่ งถูกต้อง ปลอดภยั และมปี ระสิทธิภาพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• บาดแผล

๑๕๙

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรยี นรู้
2. มุ่งมั่นในการทำงาน

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นกั เรยี นรว่ มกันสังเกตภาพเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลบาดแผลถลอก แลว้ ร่วมกนั สนทนา
โดยตอบคำถาม ดังนี้

• นักเรียนเคยเกิดบาดแผลหรือเคยพบเห็นคนที่เกิดบาดแผลหรอื ไม่
• บาดแผลท่ีเกดิ ขนึ้ กบั นักเรยี นหรือทนี่ กั เรียนเคยพบเหน็ มลี ักษณะอย่างไรบ้าง
• บาดแผลเหล่านน้ั เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
• นักเรยี นคิดวา่ การเกดิ บาดแผลมสี าเหตมุ าจากอะไรบ้าง
• ในตอนที่นักเรยี นเกิดบาดแผลหรอื พบเหน็ คนที่มบี าดแผล นักเรยี นทำอยา่ งไร
• การเกดิ บาดแผลมกี ชี่ นดิ อะไรบา้ ง
2. นักเรยี นที่เคยมีประสบการณ์การเกิดบาดแผลขนึ้ กับตนเองออกมาเล่าประสบการณ์ให้เพ่ือน ๆ ฟงั
หน้าชน้ั เรียน
3. นกั เรียนศกึ ษาความรู้และรวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลการเกดิ บาดแผลจากหนังสอื

๑๖๐

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

4. นักเรียนแบง่ กลุ่ม 2 กลุม่ กลุ่มละเท่า ๆ กัน รว่ มกนั วิเคราะห์สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาล
การเกดิ บาดแผลชนิดตา่ ง ๆ ดงั น้ี

กลมุ่ ที่ 1 สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผลชนิดปดิ
กลมุ่ ท่ี 2 สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผลชนดิ เปิด
5. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ช่วยกันวางแผนและเตรียมการนำเสนอผลการวเิ คราะห์ แลว้ เขยี นสิง่ ที่
ได้เรยี นรู้ลงในกระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม จากน้นั ส่งตัวแทนนกั เรยี นออกมานำเสนอหน้าช้นั เรยี น
6. นักเรียนจบั คู่ แต่ละคู่ส่งตวั แทนออกมาจับสลากการปฐมพยาบาลผูท้ ม่ี บี าดแผลชนดิ ตา่ ง ๆ
ดงั นี้ การเกดิ บาดแผลชนิดปดิ คอื แผลฟกช้ำ และการเกดิ บาดแผลชนิดเปดิ ได้แก่ แผลถลอก แผลถูกของ
มีคมบาด และแผลถูกตำ แตล่ ะคู่เขยี นข้นั ตอนการปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผลชนดิ ทต่ี นเองจบั สลากได้
และออกมาแสดงบทบาทสมมติ
7. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้
• นักเรยี นคิดวา่ การเรียนรเู้ รื่อง การปฐมพยาบาลเมอ่ื เกดิ บาดแผลมีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไร

• •ข้นั •ป•ฏบิ•ตั •ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•8.• นักเรียนสังเกตการสาธิตการปฐมพยาบาลของการเกิดบาดแผลเปิดและการเกดิ บาดแผลปิด

ร่วมกันหนา้ ชัน้ เรียน
9. นกั เรียนแตล่ ะคฝู่ กึ ปฏบิ ัตกิ ารปฐมพยาบาล จากข้ันตอนการปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผลชนิด

ทีต่ นเองจับสลากได้ ตามขนั้ ตอนที่ถูกต้อง
10.นักเรียนร่วมกันสรปุ สงิ่ ท่ีเขา้ ใจเปน็ ความรู้รว่ มกัน ดงั น้ี
บาดแผลมี 2 ชนดิ คือ ชนิดปิดและชนดิ เปิด ซงึ่ มสี าเหตุและวธิ กี ารปฐมพยาบาลที่แตกต่างกัน

การศึกษาสาเหตุ อาการการเกดิ บาดแผลชนดิ ปิดและชนิดเปดิ และฝกึ ฝนการปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี
จะทำให้สามารถปฐมพยาบาลได้อยา่ งถกู ต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธภิ าพ

๑๖๑

สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

2. ภาพการปฐมพยาบาลบาดแผล
3. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
4. สลากหัวขอ้ การปฐมพยาบาลการเกิดบาดแผล
5. แหลง่ การเรยี นรทู้ ั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรื่อง การปฐมพยาบาลบาดแผล (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทำงานกลุม่ (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มั่นในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมนิ

ความคดิ เห็นของผู้บังคับบัญชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นโคกแสมสาร

๑๖๒ ๑๖๒

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผ้ปู ว่ ย
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3

เร่อื ง การปฐมพยาบาล : ไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวก

รายวชิ าสขุ ศกึ ษา รหสั วชิ า พ๒๑๑๐๓ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ปอ้ งกันและหลกี เลย่ี งปัจจยั เสี่ยง พฤติกรรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ า

สารเสพติด และความรุนแรง
ตัวชวี้ ดั
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธปี ฐมพยาบาลและเคล่ือนย้ายผูป้ ว่ ยอย่างปลอดภัย

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสาเหตุ อาการ และวธิ กี ารปฐมพยาบาลผถู้ ูกท่ีไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวก (K)
2. ฝกึ ปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลผทู้ ถ่ี กู ไฟไหม้ นำ้ ร้อนลวก (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการฝึกปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลผ้ทู ่ีถูกไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก (A)

สาระสาคญั

อบุ ตั เิ หตุไฟไหม้และน้ำรอ้ นลวก ทำใหเ้ กดิ อาการบาดเจ็บได้ การศึกษาสาเหตุ อาการของการเกดิ ไฟไหม้
น้ำรอ้ นลวก พร้อมวธิ ีการปฐมพยาบาลทถ่ี ูกวิธี จะทำให้ปฐมพยาบาลผู้ทถี่ ูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้อย่าง
ถกู ต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• ไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวก

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

๑๖๓

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้
2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นักเรียนร่วมกนั สงั เกตภาพเกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลผทู้ ีถ่ ูกไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวก แลว้ รว่ มกันสนทนา
โดยตอบคำถาม ดังนี้

• นกั เรียนเคยถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกหรอื ไม่
• นกั เรียนเคยพบเหน็ คนท่ีถกู ไฟไหมห้ รือน้ำร้อนลวกหรือไม่
• บาดแผลของการถูกไฟไหมห้ รือนำ้ รอ้ นลวกมลี ักษณะอยา่ งไร
• นกั เรียนคดิ ว่าการถกู ไฟไหมห้ รือน้ำร้อนลวกมสี าเหตุมาจากอะไรบ้าง
• ในตอนทนี่ ักเรียนถูกไฟไหม้ หรอื น้ำร้อนลวก นักเรียนทำอย่างไร
2. นักเรยี นท่ีเคยมีประสบการณ์การถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกออกมาเลา่ ประสบการณท์ ี่เกิดข้ึน
ให้เพ่ือน ๆ ฟงั หนา้ ชน้ั เรียน
3. นักเรยี นศึกษาความรู้และรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลผทู้ ถี่ กู ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ หนังสอื เรียน อินเทอรเ์ นต็

๑๖๔

•ข(G•้นั aค•tิดh•eวrเิ •คinรg•า)ะ•ห์•แล•ะส•รุป• ค•วา•ม•รู้ •(P•ro•ces•sin•g)•

4. นกั เรียนวิเคราะห์สาเหตุ อาการ และการปฐมพยาบาลการถกู ไฟไหม้ หรือนำ้ ร้อนลวก จากนั้นสุ่ม
เลอื กตัวแทนนักเรียน 1-2 คน ออกมานำเสนอความรู้จากการวเิ คราะหห์ นา้ ชน้ั เรียน และนักเรยี นรว่ มกัน
ตรวจสอบความถูกต้องและเสนอแนะเพมิ่ เตมิ จากน้นั แต่ละคนจดบันทึกสรุปความรู้ที่ได้ลงในสมดุ

5. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม แตล่ ะกลุ่มร่วมกันวิเคราะหว์ ธิ กี ารปฐมพยาบาลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดยเขียน
ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเปน็ แผนภาพความคิดลงในกระดาษสำหรับทำกจิ กรรมและอภิปรายสรุปเปน็ ความรู้
ร่วมกัน

6. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด ดงั น้ี
• เพราะเหตุใดเราจึงควรศกึ ษาสาเหตแุ ละวธิ ีปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ นำ้ ร้อนลวก

• •ข้นั •ป•ฏิบ•ัต•ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•7.• นกั เรยี นสงั เกตการสาธิตการปฐมพยาบาลผ้ทู ี่ถูกไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวกรว่ มกนั หน้าชัน้ เรียน

8. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันฝึกปฏบิ ตั กิ ารปฐมพยาบาลไฟไหม้ น้ำรอ้ นลวกตามขน้ั ตอนทถ่ี ูกตอ้ ง
9. นักเรียนรว่ มกันสรปุ ส่ิงทเ่ี ขา้ ใจเป็นความร้รู ว่ มกัน ดงั นี้

อบุ ตั ิเหตไุ ฟไหม้และน้ำร้อนลวก ทำให้เกดิ อาการบาดเจบ็ ได้ การศกึ ษาสาเหตุ อาการของการเกดิ
ไฟไหม้ นำ้ ร้อนลวก พรอ้ มวธิ กี ารปฐมพยาบาลทีถ่ ูกวิธี จะทำใหป้ ฐมพยาบาลผ้ทู ่ีถูกไฟไหม้ นำ้ รอ้ นลวก
ได้อยา่ งถกู ต้อง ปลอดภัย และมปี ระสิทธภิ าพ

๑๖๕

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศึกษาและพลศึกษา ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1
ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. ภาพการปฐมพยาบาลผู้ท่ีถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
3. กระดาษสำหรบั ทำกจิ กรรม
4. แหลง่ การเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรอ่ื ง การปฐมพยาบาลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมนิ

ความคดิ เหน็ ของผู้บังคับบัญชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบ้านโคกแสมสาร

๑๖๖ ๑๖๖

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4

เรื่อง การปฐมพยาบาล : กระดกู หกั

รายวชิ าสุขศึกษา รหัสวชิ า พ๒๑๑๐๓ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ปอ้ งกนั และหลกี เลยี่ งปจั จยั เส่ียง พฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภาพ อบุ ตั เิ หตุ การใชย้ า

สารเสพติด และความรุนแรง
ตวั ชี้วัด
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวธิ ีปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผปู้ ่วยอย่างปลอดภัย

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสาเหตุ อาการ และวิธกี ารปฐมพยาบาลผ้ทู ่ีกระดูกหัก (K)
2. ฝกึ ปฏบิ ัติการปฐมพยาบาลผู้ท่ีกระดูกหัก (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการฝึกปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลผู้ทีก่ ระดูกหกั (A)

สาระสาคญั

การเกดิ อบุ ตั ิเหตุตา่ ง ๆ อาจทำใหก้ ระดูกหักได้ การศกึ ษาสาเหตุ และลักษณะตา่ ง ๆ ของอาการกระดูกหัก
พร้อมวธิ กี ารปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี จะทำใหเ้ มื่อเราพบเห็นผู้ทกี่ ระดูกหกั จะไดใ้ หค้ วามช่วยเหลอื ได้
อยา่ งถูกต้อง ปลอดภยั และมีประสิทธิภาพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• กระดูกหัก

๑๖๗

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้
2. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นกั เรียนร่วมกันฟังสถานการณเ์ ก่ียวกับการเกิดอุบตั เิ หตุแล้วทำให้ผปู้ ว่ ยกระดูกหกั ดงั นี้

“นาย ก. ขีร่ ถจกั รยานยนตไ์ ปซ้ือของท่ีตลาด แต่โชคร้ายท่ีระหวา่ งทาง ยางรถจกั รยานยนต์
เกิดระเบิด ทาใหร้ ถเสียหลกั ลม้ ลงกลางถนน รถจกั รยานยนตท์ บั ขาจนกระดูกหกั และซ้าร้าย
ผทู้ ่ีมาช่วยเหลือไม่มีความรู้เรื่อง การปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ทาใหก้ ารช่วยเหลือเป็นไปอยา่ ง
ทลุ กั ทุเล และเป็นเหตุใหอ้ าการกระดูกหกั หายชา้ จนถึงทกุ วนั น้ีนาย ก. กย็ งั เดินไม่เป็นปกติ”

2. นกั เรียนรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับสถานการณ์ทีไ่ ด้ฟัง โดยตอบคำถาม ดังน้ี
• นักเรยี นคิดวา่ การเกดิ อุบตั เิ หตขุ อง นาย ก. มีสาเหตุมาจากอะไร
• อุบตั เิ หตใุ นคร้ังนที้ ำให้ นาย ก. ได้รับบาดเจ็บอยา่ งไร
• หลงั จากเกดิ อุบัติเหตุ นาย ก. มอี าการอยา่ งไร

3. นักเรียนท่เี คยมปี ระสบการณ์การเกดิ อบุ ตั ิเหตุหรือไดร้ บั บาดเจ็บเกี่ยวกบั กระดูกหักออกมา
เล่าประสบการณ์ของตนเองให้เพ่อื นฟงั หน้าชนั้ เรียน

4. นกั เรยี นร่วมกนั ฟังคำอธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกับกระดูกหกั ว่า กระดูกหกั หมายถึง ภาวะท่ี
สว่ นประกอบของกระดูกแตกแยกออกจากกนั อาจเปน็ การแตกแยกโดยสนิ้ เชงิ หรอื อาจมีบางสว่ น
ตดิ กันอย่บู ้าง ซง่ึ ขึ้นอย่กู ับความรุนแรง หรือวตั ถุทีม่ ากระทำต่อกระดกู

5. นักเรยี นศึกษาความรู้และรวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกบั การปฐมพยาบาลกระดูกหกั
จากแหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ หนงั สือเรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต

๑๖๘

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

6. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม ร่วมกนั วิเคราะหส์ าเหตุของการเกิดกระดูกหัก ผลท่เี กดิ ข้ึน
และเสนอแนวทางการปฐมพยาบาลท่ถี กู ต้องลงในแผนภาพความคดิ ลงในกระดาษสำหรับทำกิจกรรม
แลว้ แต่ละกลมุ่ ร่วมกันอภิปรายสรปุ เป็นความรู้

รถควา่ ตกตน้ ไม้ ผลทเี่ กดิ ขึน้

สาเหตุ กระดูกหกั ปวดเมื่อเคล่ือนไหวส่วนท่ี
กระดูกหกั ร่างกายไดร้ ับ
ตกบนั ได รถชน บาดเจ็บจากความรุนแรง
ที่มาทากบั กระดูก

แนวทางการปฐมพยาบาล

เมื่อสงสัยวา่ กระดูกหกั หรือแน่ใจวา่ กระดูกหกั ตอ้ งป้องกนั ไมใ่ หก้ ระดูก

ส่วนที่หกั เคลื่อนไหว ดว้ ยการเขา้ เฝือกชว่ั คราว โดยใชว้ สั ดุที่แขง็ และ

เหมาะสมกบั ขนาดของอวยั วะน้นั ทาเป็นเฝือกชวั่ คราว แลว้ ใชผ้ า้ หรือ

เชือกรัดเขา้ กบั อวยั วะส่วนน้นั

7. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันวิเคราะหค์ วามเหมือนและความแตกตา่ งกันของวธิ ีการ
เขา้ เฝอื กชั่วคราวทีก่ ำหนดให้ โดยเลือกมา 2 วิธี นำมาเขียนลงในแผนภาพความคดิ ลงในกระดาษสำหรบั
ทำกจิ กรรม และสรปุ เป็นความรรู้ ่วมกัน แล้วตอบคำถาม ดังนี้

1. วิธกี ารเข้าเฝือกชัว่ คราวกระดูกตน้ แขนหัก
2. วิธีการเขา้ เฝือกชวั่ คราวกระดูกปลายแขนหัก
3. วธิ ีการเขา้ เฝอื กช่ัวคราวกระดูกหนา้ แขง้ หัก
4. วธิ ีการเข้าเฝอื กชั่วคราวกระดูกนว้ิ มอื หกั
5. วิธกี ารเขา้ เฝือกช่ัวคราวกระดูกฝ่าเท้าหัก
6. วิธกี ารเข้าเฝอื กช่วั คราวกระดูกน้ิวเท้าหกั

๑๖๙

(ตัวอย่างแผนภาพความคิด)

เข้าเฝื อกแขน ความ เข้าเฝื อกนวิ้ มือ

เหมือน

ใชไ้ มห้ รือหนงั สือพมิ พ์ ช่วยบรรเทาอาการ ใชไ้ มแ้ บน ๆ ขนาดกวา้ งและ

ที่พบั แบน ๆ จานวน 2 อนั เจ็บปวด หรืออาการ ยาวกวา่ นิ้ววางมาถึงกลางฝ่ ามือ

ความกวา้ งความยาวเทา่ กบั ไมใ่ หร้ ุนแรงมากข้ึน วางแนบนิ้วท้งั ดา้ นหลงั มือ

ขนาดของแขนทาเป็ น และฝ่ามือ ใชผ้ า้ หรือเชือกพนั

เฝือกชวั่ คราว มดั เชือกหรือผา้ รอบไม้ พนั ถึงฝ่ามือ เพือ่ ยดึ

เป็นช่วง ๆ ใหแ้ น่นพอสมควร ใหแ้ น่น ควรใชผ้ า้ คลอ้ งคอ

ใชผ้ า้ คลอ้ งหอ้ ยเฝื อกไวก้ บั คอ เพ่อื ช่วยใหก้ ารเจบ็ ปวด

ทุเลา

• นักเรียนคดิ ว่าการเรยี นรูเ้ ร่ือง การปฐมพยาบาลผู้ป่วยท่ีกระดกู หกั มีความจำเป็นหรอื ไม่
อย่างไร

8. นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด ดังนี้
• เพราะเหตุใดเราจงึ ควรศึกษาลกั ษณะและวธิ ีการปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่กระดกู หัก

• •ข้ัน•ป•ฏบิ• ัต•แิ ล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ห•ล•งั ก•าร•ปฏ• บิ •ตั •ิ (A•p•ply•in•g a•nd• C•o•ns•tru•ct•in•g t•he• K•no•w•le•dg•e)•

•9.• นักเรียนแต่ละกลมุ่ ดูการสาธติ ตัวอยา่ งการปฐมพยาบาลวิธีการเข้าเฝือกชั่วคราวในแต่ละวิธี

10.นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กล่มุ แต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมาจบั สลากการปฐมพยาบาล
วธิ ีการเข้าเฝอื กชวั่ คราว ดงั นี้

กระดูกตน้ แขนหกั กระดูกปลายแขนหกั กระดูกหนา้ แขง้ หกั

กระดูกนิ้วมือหกั กระดูกฝ่าเทา้ หกั กระดูกนิ้วเทา้ หกั

11.จากนั้นนักเรียนแตล่ ะกลุ่มฝึกปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลวิธีการเข้าเฝอื กชัว่ คราวในกรณที ี่
จับสลากได้ โดยออกมารับอปุ กรณห์ นา้ ช้นั เรยี น

12.นักเรยี นร่วมกนั สรุปสง่ิ ท่เี ขา้ ใจเป็นความรู้รว่ มกัน ดังน้ี

๑๗๐

การเกดิ อุบตั เิ หตตุ า่ ง ๆ อาจทำให้กระดูกหกั ได้ การศึกษาสาเหตุ และลักษณะต่าง ๆ ของอาการ
กระดูกหัก พร้อมวิธกี ารปฐมพยาบาลท่ถี ูกวิธี จะทำใหเ้ มอื่ เราพบเหน็ ผู้ทกี่ ระดูกหักจะไดใ้ หค้ วามช่วยเหลอื ได้
อยา่ งถูกต้อง ปลอดภยั และมีประสิทธภิ าพ

สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. ตัวอยา่ งสถานการณ์
3. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
4. สลากกรณกี ระดูกหกั
5. เฝือกชว่ั คราว (เช่น เศษผา้ ผ้าเช็ดหนา้ เชือก ไม้กระดาน)
6. แหล่งการเรยี นรู้ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรือ่ ง การปฐมพยาบาลกระดูกหัก (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

ความคิดเหน็ ของผบู้ ังคบั บัญชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .....................................................
(นายสมพร คลา้ ยวงษ์)

ตำแหน่ง ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบา้ นโคกแสมสาร

๑๗๑ ๑๗๑

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5

เรอื่ ง การปฐมพยาบาล : สิง่ แปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก

รายวชิ าสขุ ศึกษา รหสั วชิ า พ๒๑๑๐๓ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ป้องกนั และหลีกเลยี่ งปจั จัยเส่ียง พฤติกรรมเส่ยี งต่อสุขภาพ อบุ ตั เิ หตุ การใช้ยา

สารเสพติด และความรนุ แรง
ตัวชว้ี ัด
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคล่ือนย้ายผปู้ ่วยอย่างปลอดภยั

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสาเหตุ อาการ และวิธีการปฐมพยาบาลผทู้ ีม่ ีสงิ่ แปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมูก (K)
2. ฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลผทู้ ม่ี ีสิง่ แปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมกู (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการฝกึ ปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลผ้ทู ม่ี สี ่ิงแปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมกู (A)

สาระสาคญั

ส่ิงแปลกปลอม หมายถงึ ส่ิงที่เข้าสู่รา่ งกายแลว้ ทำใหร้ ่างกายมอี าการผิดปกติ เม่ือสิ่งแปลกปลอมเขา้ ตา หู
คอ จมูก อาจเกดิ อันตรายร้ายแรงได้ จึงควรศึกษาวธิ กี ารปฐมพยาบาลท่ีถกู วธิ ี เพราะเม่ือพบเห็นผู้ท่ีมี
สิ่งแปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมกู จะไดใ้ หค้ วามชว่ ยเหลือได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสทิ ธภิ าพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• ส่ิงแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก

๑๗๒

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. มุ่งมั่นในการทำงาน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นกั เรียนรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับประสบการณ์ในการมีสิง่ แปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมูก
โดยตอบคำถาม ดังน้ี

• นักเรยี นเคยถูกแมลงหรือส่ิงแปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมกู หรือไม่
• สิ่งแปลกปลอมทเ่ี ขา้ ตา หู คอ จมกู ของนกั เรียนคืออะไร และเข้าบริเวณใด
• เมอื่ มสี งิ่ แปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก นักเรยี นมีอาการอย่างไรบา้ ง
2. นกั เรียนรว่ มกนั ฟงั คำอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกับความหมายของสิ่งแปลกปลอมวา่ สิ่งแปลกปลอม
หมายถงึ ส่ิงทเ่ี ข้าสรู่ ่างกาย แล้วทำใหร้ า่ งกายมีอาการผิดปกติ เช่น ฝนุ่ ละออง เศษวสั ดุ ของเหลว แมลง
เหรยี ญ ลกู ปัด ก้างปลา
3. ตวั แทนนกั เรียนท่ีเคยถูกสง่ิ แปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมกู 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณข์ อง
การมีสงิ่ แปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ จมกู จากน้ันรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถาม ดงั นี้
• เมื่อมสี ิ่งแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก นักเรยี นทำอยา่ งไร
• นกั เรียนคิดว่าการเรยี นรเู้ ร่ือง การปฐมพยาบาลผ้ทู ่ีถูกแมลงหรือส่ิงแปลกปลอมเข้าตา หู คอ
จมกู มคี วามจำเป็นหรือไม่ อย่างไร
4. นักเรียนศกึ ษาความรู้และรวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั การปฐมพยาบาลสงิ่ แปลกปลอมเขา้ ตา หู คอ
จมูก จากแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ หนงั สือเรียน อนิ เทอร์เนต็

๑๗๓

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 8 กลมุ่ แต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนออกมาจับสลากหัวข้อหนา้ ชั้นเรยี น ดังนี้
กลุ่มที่ 1 สิ่งแปลกปลอมเขา้ ไปในลกู ตา แต่ไม่ฝังในเปลือกตา
กลุ่มที่ 2 สิ่งแปลกปลอมฝงั ลงไปในเปลอื กตา หรอื ในลกู ตา
กลมุ่ ที่ 3 ของหลวงกระเดน็ เข้าตา
กลมุ่ ที่ 4 น้ำเขา้ หู
กลมุ่ ที่ 5 วัตถตุ ่าง ๆ เข้าหู
กลมุ่ ที่ 6 แมลงเข้าหู
กลุ่มที่ 7 สง่ิ แปลกปลอมติดคอ เชน่ กา้ งปลา วัตถเุ ลก็ ๆ
กลุ่มที่ 8 ส่ิงแปลกปลอมเขา้ จมกู เช่น เมลด็ ผลไม้ ลูกปัด

6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์และเขียนขั้นตอนการปฐมพยาบาลผ้ทู ่ถี ูกส่ิงแปลกปลอมเข้าตา หู คอ
จมกู ที่กล่มุ ของตนเองจับสลากไดเ้ ป็นแผนภาพความคิดลงในกระดาษสำหรับทำกิจกรรมและอภปิ รายสรปุ เป็น
ความรู้รว่ มกนั

7. นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด ดังนี้
• เพราะเหตุใดเราจึงควรศึกษาลักษณะและวธิ กี ารปฐมพยาบาลสง่ิ แปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก

• •ข้ัน•ป•ฏบิ•ตั •แิ ล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•8.• นักเรยี นรว่ มกนั สังเกตการสาธิตการปฐมพยาบาลส่ิงแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก

9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฝึกปฏบิ ัติการปฐมพยาบาลจากขนั้ ตอนการปฐมพยาบาลที่ถกู ส่ิงแปลกปลอม
เขา้ ตา หู คอ จมูก และคอยฟังคำเสนอแนะเพมิ่ เติม

10.นักเรยี นร่วมกันสรุปส่ิงที่เข้าใจเปน็ ความรู้รว่ มกนั ดงั น้ี
สงิ่ แปลกปลอม หมายถึง ส่ิงที่เข้าสรู่ ่างกายแลว้ ทำให้รา่ งกายมอี าการผดิ ปกติ เมื่อส่งิ แปลกปลอม

เขา้ ตา หู คอ จมูก อาจเกดิ อันตรายร้ายแรงได้ จงึ ควรศึกษาวธิ ีการปฐมพยาบาลท่ีถกู วธิ ี เพราะเม่ือพบเห็นผู้ท่ีมี
สิ่งแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก จะได้ให้ความช่วยเหลอื ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพ

๑๗๔

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. สลากหวั ข้อการปฐมพยาบาลสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมกู
3. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
4. แหลง่ การเรยี นรู้ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรอื่ ง การปฐมพยาบาลส่ิงแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมกู (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ด้วยแบบประเมนิ
3. ประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน (A) ด้วยแบบประเมิน

ความคดิ เหน็ ของผู้บังคับบัญชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นโคกแสมสาร

๑๗๕ ๑๗๕

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผู้ป่วย
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 6

เรือ่ ง การปฐมพยาบาล : แมลงสตั วก์ ดั ต่อย

รายวิชาสุขศกึ ษา รหสั วชิ า พ๒๑๑๐๓ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ปอ้ งกันและหลกี เล่ียงปจั จยั เสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสขุ ภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ า

สารเสพติด และความรุนแรง
ตัวช้ีวัด
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคล่ือนยา้ ยผู้ปว่ ยอยา่ งปลอดภัย

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายสาเหตุ อาการ และวธิ กี ารปฐมพยาบาลผูท้ ถ่ี ูกแมลงสัตวก์ ดั ต่อย (K)
2. ฝึกปฏบิ ัติการปฐมพยาบาลผู้ทถี่ กู แมลงสัตว์กัดต่อย (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการฝกึ ปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลผทู้ ่ีถูกแมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย (A)

สาระสาคญั

ผ้ทู ี่ถูกแมลงหรอื สัตว์มีพิษกัดตอ่ ย ควรจะไดร้ ับการปฐมพยาบาลอยา่ งถูกต้องและทันท่วงที การศึกษา
วธิ ีการปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี จะทำให้เม่อื พบเหน็ ผทู้ ี่ถกู แมลงสัตวก์ ัดตอ่ ยจะได้ใหค้ วามช่วยเหลอื
อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

สาระการเรียนรู้

การปฐมพยาบาล
• แมลงสัตว์กัดต่อย

๑๗๖

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รียนรู้
2. ม่งุ มั่นในการทำงาน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นักเรยี นร่วมกันสนทนาเกยี่ วกับประสบการณ์ในการถูกแมลงสตั ว์กัดตอ่ ย โดยตอบคำถาม ดงั น้ี
• นกั เรยี นเคยถูกแมลงหรือสัตว์มีพษิ กดั หรอื ต่อยหรือไม่
• แมลงหรือสัตว์มีพิษท่ีกัดหรือต่อยนักเรียนคืออะไร
• หลงั จากทีโ่ ดนแมลงหรือสัตว์มพี ิษกัดหรือตอ่ ยแลว้ นักเรยี นมีอาการอยา่ งไร

2. ตวั แทนนกั เรียนที่เคยถูกแมลงหรอื สตั ว์มีพิษกัดหรือต่อย 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณ์
อาการเม่ือถกู แมลงหรอื สตั ว์มีพิษกัดหรือต่อยหนา้ ชนั้ เรยี น

3. นักเรยี นศกึ ษาความรู้และรวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกบั การปฐมพยาบาลเมือ่ ถูกแมลงสตั วก์ ัดต่อย
จากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอรเ์ น็ต

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

4. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม 4 กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆ กัน ร่วมกนั วิเคราะหส์ าเหตขุ องแมลงหรือสตั วม์ ีพษิ
กัดตอ่ ย ผลท่ีเกดิ ขน้ึ และเสนอแนวทางการป้องกันและแกไ้ ข ลงในแผนภาพความคดิ ลงในกระดาษสำหรบั ทำ
กจิ กรรม แล้วอภปิ รายสรปุ เป็นความรูร้ ่วมกัน ดังนี้

กลมุ่ ที่ 1 ถกู แมลงท่ีมเี หลก็ ในต่อย เช่น ผงึ้ แตน ตอ่
กล่มุ ท่ี 2 ถูกแมงป่องต่อย หรือตะขาบกัด
กลุ่มที่ 3 ถกู พิษจากแมงกะพรนุ ไฟ
กลุม่ ที่ 4 ถูกงูพษิ กัด

๑๗๗

(ตวั อยา่ งแผนภาพความคิด)

อยใู่ นบริเวณท่ีมีรังผ้งึ ต่อ แตน ถกู แมลงท่ีมี ผลทเ่ี กดิ ขึน้
สาเหตุ เหลก็ ในต่อย เช่น
บริเวณที่ถูกต่อยมีอาการปวดบวม แดง
ไปเลน่ หรือแหย่รังผ้ึง ต่อ แตน ผงึ้ ต่อ แตน และคนั บางคนมคี วามตา้ นทานนอ้ ย
อาการกจ็ ะรุนแรง
กว่าปกติ ถา้ ถกู ต่อยอวยั วะที่สาคญั
จะเป็นอนั ตรายถึงชีวติ ได้

แนวทางป้องกนั และแก้ไข

อยใู่ ห้ห่างจากบริเวณท่ีมีแมลงมีพิษ ถา้ ถกู ตอ่ ยแลว้ มีเหลก็ ในฝังอยู่ ใหเ้ อาเหลก็ ในออก
ก่อน อาจใชป้ ลายลวดหนีบกระดาษ กิ๊บดาติดผมกดลงไปตรงรอยบริเวณท่ีถกู ต่อยให้
เหลก็ ในโผลข่ ้นึ มา แลว้ ดึงเหลก็ ในออก ลา้ งแผล
ดว้ ยสบกู่ บั น้าสะอาด ถา้ ปวดหรือบวมให้ใชน้ ้าหรือเจลประคบเยน็ บริเวณท่ี
ถูกต่อย แลว้ กินยาแกป้ วดหรือแกแ้ พ้ ถา้ มีอาการรุนแรงให้รีบนาส่งโรงพยาบาล

5. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ ดงั นี้
• เพราะเหตุใดเราจึงควรศึกษาสาเหตแุ ละวิธีการปฐมพยาบาลแมลงสตั ว์มพี ษิ กดั ต่อย

• •ข้ัน•ป•ฏิบ• ัต•ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ห•ล•ังก•าร•ปฏ• ิบ•ตั •ิ (A•p•ply•in•g a•nd• C•o•ns•tru•ct•in•g t•he• K•no•w•le•dg•e)•
•6.• นกั เรียนรว่ มกนั สังเกตการสาธติ การปฐมพยาบาลผูท้ ่ีถูกแมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย และจบั คู่ฝึกปฏบิ ตั ิตาม

ขัน้ ตอนการปฐมพยาบาลท่ถี ูกต้อง และรบั ฟงั คำแนะนำเพ่ิมเตมิ
7. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม แต่ละกล่มุ ศึกษาค้นคว้าเร่อื งสตั ว์หรือแมลงทม่ี พี ิษอืน่ ๆ กลมุ่ ละ 1 ชนดิ

ฝกึ ปฏิบตั ิสาธติ วิธีการปฐมพยาบาล หากถูกสตั ว์หรือแมลงชนิดนน้ั กดั ต่อย
8. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ เลอื กการปฐมพยาบาลกลมุ่ ละ 1 วธิ ี (โดยหา้ มซำ้ กนั ) จากนั้นวาดภาพ

การปฐมพยาบาลและเขียนอธิบายวิธีปฐมพยาบาลลงในช้ินงานที่ 9 เร่ือง การปฐมพยาบาล
9. นกั เรียนรว่ มกันสรุปสิง่ ท่ีเข้าใจเป็นความรูร้ ่วมกัน ดังนี้
ผทู้ ่ีถูกแมลงหรอื สัตวม์ ีพษิ กดั ตอ่ ย ควรจะได้รบั การปฐมพยาบาลอยา่ งถูกต้องและทนั ทว่ งที

การศึกษาวธิ กี ารปฐมพยาบาลที่ถูกวิธี จะทำใหเ้ มอื่ พบเห็นผู้ทถ่ี กู แมลงสตั วก์ ัดต่อยจะไดใ้ ห้ความช่วยเหลืออย่าง
ถกู ต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธภิ าพ

๑๗๘

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
3. แหล่งการเรียนรทู้ ้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรือ่ ง การปฐมพยาบาลแมลงสัตวก์ ดั ต่อย (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมนิ ชน้ิ งาน เรอื่ ง การปฐมพยาบาล (P) ด้วยแบบประเมนิ
4. ประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมนิ

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมินชิน้ งาน เรือ่ ง การปฐมพยาบาล

รายการการ ระดับคณุ ภาพ

ประเมนิ 4 3 2 1

การวาดภาพ วาดภาพแสดงข้ันตอน วาดภาพแสดง วาดภาพแสดง วาดภาพแสดง
ขน้ั ตอนการปฐม
แสดงข้ันตอน การปฐมพยาบาลและ ข้นั ตอนการปฐม ข้ันตอนการปฐม พยาบาลและเขียน
อธบิ ายขน้ั ตอนการ
การปฐมพยาบาล เขยี นอธิบายขั้นตอน พยาบาลและเขยี น พยาบาลและเขยี น ปฐมพยาบาลผู้ป่วย
ลงในแบบบนั ทึกได้
และเขียนอธบิ าย การปฐมพยาบาล อธิบายขน้ั ตอนการ อธิบายข้ันตอนการ ถูกต้อง โดยต้อง
อาศัยคำแนะนำจาก
ขัน้ ตอนการปฐม ผูป้ ว่ ยลงในแบบบนั ทกึ ปฐมพยาบาลผู้ปว่ ย ปฐมพยาบาลผู้ปว่ ย ครู
และเพื่อน
พยาบาลผูป้ ว่ ยลงใน ได้ถูกตอ้ ง และ ลงในแบบบันทึกได้ ลงในแบบบันทึกได้

แบบบนั ทึก สามารถแก้ไขปัญหา ถกู ต้อง และสามารถ ถกู ต้อง โดยมีครูหรือ

ระหว่างปฏบิ ัติไดด้ ้วย แก้ไขปัญหาระหวา่ ง ผู้อนื่ แนะนำบ้าง

ตนเอง ปฏบิ ตั ไิ ด้ โดยมีครู

หรือผ้อู นื่ แนะนำบ้าง

ความคดิ เหน็ ของผ้บู ังคับบญั ชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.....................................................
(นายสมพร คลา้ ยวงษ์)

ตำแหนง่ ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบา้ นโคกแสมสาร

๑๗๙

ใบงานที่ 9 เรอื่ ง การปฐมพยาบาล ได_้ _________

วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ คะแนน
ช่ือ_____________________________เลขท_่ี _____ชนั้ __________ คะแนนเตม็ 10

นกั เรยี นแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสม แล้วเลอื กการปฐมพยาบาลกลมุ่ ละ 1 วิธี (โดยคหะ้าแมนซนำ้ กนั )

พร้อมวาดภาพประกอบและเขยี นข้อมลู ลงในแบบบนั ทกึ ครผู สู้ อนประเมนิ ความถูกต้อง

แบบบนั ทกึ การปฐมพยาบาล

วธิ ปี ฐมพยาบาล

ลงชื่อ ผปู้ ระเมิน เกณฑก์ ารประเมิน ถกู ตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง

๑๘๐ ๑๘๐

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 การปฐมพยาบาลและการเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7

เรือ่ ง การเคลอื่ นย้ายผู้ป่วยด้วยผชู้ ว่ ยเหลอื 1 คน ผูช้ ว่ ยเหลอื 2 คน และผู้ช่วยเหลือ 3 คน

รายวิชาสขุ ศึกษา รหัสวชิ า พ๒๑๑๐๓ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ปอ้ งกันและหลกี เลี่ยงปัจจยั เส่ียง พฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภาพ อุบตั เิ หตุ การใชย้ า

สารเสพตดิ และความรุนแรง
ตัวชี้วดั
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวธิ ีปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผู้ปว่ ยอยา่ งปลอดภยั

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายวิธีการเคล่อื นยา้ ยผู้ป่วยด้วยผชู้ ว่ ยเหลือ 1 คน ผชู้ ว่ ยเหลอื 2 คน และผชู้ ว่ ยเหลือ 3 คน (K)
2. แสดงวิธีการเคล่ือนย้ายผู้ป่วยดว้ ยผู้ชว่ ยเหลอื 1 คน ผู้ชว่ ยเหลือ 2 คน และผชู้ ่วยเหลอื 3 คน (P)
3. เหน็ ประโยชนข์ องการเรยี นรู้เรอ่ื ง การชว่ ยเหลือผ้ปู ว่ ยดว้ ยผชู้ ว่ ยเหลอื 1 คน ผชู้ ว่ ยเหลือ 2 คน

และผชู้ ่วยเหลือ 3 คน (A)

สาระสาคญั

การเคลื่อนย้ายผปู้ ่วยสามารถทำได้หลายวิธี เราควรฝึกฝนการช่วยเหลือทุกวธิ ี เพื่อเลือกใช้
วธิ กี ารเคล่อื นย้ายใหเ้ หมาะกับอาการของผูป้ ่วยแตล่ ะลักษณะ

สาระการเรียนรู้

การเคลอื่ นย้ายผ้ปู ว่ ย
• การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยด้วยผูช้ ว่ ยเหลอื 1 คน
• การเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยด้วยผูช้ ว่ ยเหลอื 2 คน
• การเคลอื่ นย้ายผู้ป่วยด้วยผู้ชว่ ยเหลอื 3 คน

๑๘๑

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มวี ินัย
2. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นักเรียนรว่ มกนั สงั เกตภาพเก่ียวกับการเคล่ือนยา้ ยผู้ป่วย แลว้ บอกวา่ นักเรยี นเคยพบเห็น
การเคล่ือนย้ายผู้ป่วยวิธใี ดบา้ งในชีวิตประจำวนั

การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่ วย การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ่ วย การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่ วย
ดว้ ยวิธีพยงุ เดิน ดว้ ยวธิ ีอมุ้ กอดดา้ นหนา้ ดว้ ยวธิ ีกอดคอขี่หลงั

๑๘๒

การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ่ วย การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่ วย
ดว้ ยวิธีอมุ้ ประสานแคร่ ดว้ ยวธิ ีอมุ้ สามคนเรียง

2. ตัวแทนนกั เรียน 1 คน ออกมาอ่านขา่ วใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั แลว้ ร่วมกันสนทนาจากขา่ วท่ีได้ฟัง
แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี

เกดิ อบุ ัติเหตรุ ถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บต 7492 พัทลงุ เสียหลกั พุ่งชนหลักกิโลและต้นไม้
ขา้ งทางในสภาพรถพังยบั เยนิ ภายในรถมีผู้เสยี ชีวิตตดิ อยู่ 1 ราย คอื นายชัยวัฒน์ ไหมด้วง อายุ 49 ปี
สว่ นผู้บาดเจบ็ คือ นางปล้ืมกมล ไหมด้วง อายุ 49 ปี ผู้เป็นภรรยาของนายชยั วฒั น์ผูเ้ สยี ชวี ิต ซง่ึ จนท.
หน่วยก้ภู ยั ได้นำส่ง รพ.ป่าพะยอม ในเวลาตอ่ มาจากการสอบสวนทราบว่า กอ่ นเกดิ เหตนุ ายชยั วฒั น์ ซึ่งเปน็
ผู้ช่วยผใู้ หญ่บา้ นหมู่ที่ 4 ต.บ้านพร้าว อ.ปา่ พะยอม จ.พทั ลุง ได้ขับรถกระบะคนั ดังกลา่ วออกจากบ้านพักไปทำ
ธรุ ะส่วนตวั นอกบา้ น โดยมีนางปลม้ื กมล ผเู้ ปน็ ภรรยาน่ังมาด้วยด้านหนา้ หลังจากน้นั ได้ขับรถกระบะกลับสู่
บา้ นพัก เม่ือมาถึงทีเ่ กดิ เหตุก่อนทีจ่ ะถึงบา้ นพกั ประมาณ 1 กโิ ลเมตร ซง่ึ เปน็ ชว่ งที่มีฝนตก รถกระบะ
เกิดเสยี หลักพุ่งชนเสาหลักซเี มนตร์ ิมถนนและไปพงุ่ ชนตน้ ไมท้ ำให้รถกระบะพงั เสียหายยับเยนิ และทำให้
มผี เู้ สียชวี ติ และบาดเจ็บดังกล่าว

ทีม่ า : https://www.thairath.co.th

• นกั เรยี นคดิ วา่ วธิ ีการใดบ้างที่ควรนำมาใชเ้ คล่อื นย้ายผ้บู าดเจ็บออกจากรถกระบะ
3. นกั เรียนศึกษาความรู้และรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั การเคล่อื นย้ายผู้ป่วยดว้ ยผชู้ ่วยเหลอื 1 คน ผู้ช่วย
เหลือ 2 คน และผู้ช่วยเหลอื 3 คน จากแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรยี น อนิ เทอรเ์ นต็

๑๘๓

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

4. นกั เรียนสังเกตบตั รคำบนกระดาน แลว้ รว่ มกนั แยกประเภทการเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยดว้ ยวิธีการ
ตา่ ง ๆ ทกี่ ำหนดใหล้ งในแผนภาพความคดิ บนกระดานให้ถูกต้อง ดังน้ี

วิธีอมุ้ เคียง วิธีพยงุ เดิน วิธีอมุ้ ประสานแคร่

วธิ ีอมุ้ กอดคอทาบหลงั วธิ ีนงั่ สองมือ วิธีกอดคอขหี่ ลงั

วธิ ีอมุ้ กอดดา้ นหนา้ วธิ ีลาก วิธีอมุ้ สามคนเรียง

วธิ ีอมุ้ สองต่อหน่ึง

ผ้ชู ่วยเหลือ 1 คน การเคล่ือนย้ายผ้ปู ่ วย ผ้ชู ่วยเหลือ 3 คน

(วิธีพยงุ เดิน วธิ ีอมุ้ กอด ผู้ช่วยเหลือ 2 คน (วิธีอมุ้ สามคนเรียง วิธีอมุ้
ดา้ นหนา้ วธิ ีกอดคอข่ีหลงั (วิธีอมุ้ เคยี ง วิธีนง่ั สองมือ สองต่อหน่ึง)
วิธีอมุ้ กอดคอทาบหลงั วธิ ีอมุ้ ประสานแคร่)
วธิ ีลาก)

๑๘๔

5. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสม แต่ละกลุ่มเลอื กวธิ ีการเคลือ่ นยา้ ยผู้ปว่ ยจากบตั รคำมา
กลุ่มละ 1 ประเภท และเลอื กวธิ ีการเคล่ือนย้ายผูป้ ่วยในประเภทนนั้ มาเปรียบเทียบความเหมือนและ
ความแตกตา่ งของวธิ ีการเคล่ือนย้ายผ้ปู ่วยลงในแผนภาพความคดิ แลว้ ตอบคำถาม ดังนี้

วิธีการเคล่ือนย้าย คือ วธิ กี ารเคล่ือนย้าย คือ

(วธิ ีอมุ้ เคยี ง) สิ่งท่ี (วิธีนง่ั สองมือ)
ลกั ษณะผบู้ าดเจบ็ (ขาเจ็บหรือ เหมือนกัน ลกั ษณะผบู้ าดเจบ็ (แขนหรือมือ

ไม่รู้สึกตวั ) (เป็นการเคลื่อนยา้ ยผปู้ ่ วย บาดเจ็บ เดินไม่ได้ หรือเดินลาบาก

วิธีการช่วยเหลือ (ผชู้ ่วยเหลือท้งั 2 คน ดว้ ยผชู้ ่วยเหลือ 2 คน) แตร่ ู้สึกตวั )

คุกเข่าขา้ งหน่ึง สอดแขนขา้ งหน่ึง วธิ ีการช่วยเหลือ (ผชู้ ่วย 2 คน หนั หนา้

เขา้ ใตศ้ ีรษะผปู้ ่ วย ส่วนแขนอีกขา้ ง เขา้ หากนั คุกเข่าขา้ งลาตวั คนละขา้ ง

สอดเขา้ ใตห้ ลงั ผปู้ ่ วย แลว้ ลุกข้ึนยนื ผชู้ ่วยคนที่ 1 สอดมือขวา คนท่ี 2

พร้อมกนั ดา้ นหนา้ ผปู้ ่ วยหันเขา้ หา สอดมือซา้ ยใตร้ ักแร้และจบั มือกนั

ผชู้ ่วยลกั ษณะนอนตะแคง แบบขา้ วตม้ มดั ขา้ งหลงั ผปู้ ่ วย และมือ

แลว้ ออกเดินพร้อมกนั ) อีกขา้ งสอดใตเ้ ขา่ ผปู้ ่ วย แลว้ ยกข้ึน

พร้อมกนั )

• การเคลือ่ นย้ายผปู้ ว่ ยอย่างถูกวธิ ีจะสง่ ผลอย่างไร
6. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ดังน้ี

• ถา้ นกั เรียนพบผปู้ ่วยท่จี ำเป็นตอ้ งเคลื่อนย้ายเพ่ือทำการรักษา แต่ในขณะนั้นนักเรียนพบเหน็
ผ้ปู ่วยเพยี งลำพัง นกั เรียนจะทำอย่างไร

• •ข้นั •ป•ฏิบ•ัต•ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

•7.• นักเรียนร่วมกันสังเกตการสาธิตวธิ กี ารเคล่อื นย้ายผู้ปว่ ยดว้ ยผู้ช่วยเหลือ 1 คน ผูช้ ว่ ยเหลอื 2 คน

และผชู้ ่วยเหลือ 3 คน รว่ มกบั ตวั แทนนักเรยี น ดงั น้ี
1) การเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยด้วยผชู้ ่วยเหลอื 1 คน
1. การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว่ ยด้วยวิธีพยุงเดิน
2. การเคล่ือนย้ายผปู้ ่วยดว้ ยวิธีอ้มุ กอดด้านหนา้
3. การเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยด้วยวธิ กี อดคอขหี่ ลัง
4. การเคลอื่ นย้ายผ้ปู ่วยด้วยวธิ ีอุ้มกอดคอทาบหลัง
5. การเคล่ือนย้ายผู้ป่วยด้วยวิธแี บกใส่บ่าวธิ ีท่ี 1

๑๘๕

6. การเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ยด้วยวิธแี บกใส่บา่ วธิ ที ี่ 2
7. การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยดว้ ยวธิ ลี าก
8. การเคลอื่ นย้ายผู้ปว่ ยดว้ ยวิธีคลานลาก
2) การเคล่อื นย้ายผปู้ ่วยดว้ ยผู้ช่วยเหลือ 2 คน
1. การเคล่อื นย้ายผปู้ ว่ ยด้วยวิธอี ุ้มเคียง
2. การเคลอ่ื นย้ายผู้ป่วยด้วยวธิ สี องคนหาม
3. การเคลือ่ นย้ายผู้ป่วยดว้ ยวธิ ีทีน่ ง่ั สองมือ
4. การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยด้วยวธิ ีอุ้มประสานแคร่
3) การเคลือ่ นย้ายผ้ปู ว่ ยด้วยผชู้ ่วยเหลอื 3 คน
1. การเคล่อื นย้ายผปู้ ่วยด้วยวธิ ีอมุ้ สามคนเรียง
2. การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยด้วยวิธีอมุ้ สองต่อหนงึ่
8. นักเรยี นแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม และสง่ ตัวแทนกลมุ่ ออกมาจับสลากเลอื กวธิ ีการเคลอื่ นย้าย
ผ้ปู ว่ ยกลุ่มละ 1 วธิ ี แลว้ ฝึกปฏบิ ตั ิจนชำนาญ แล้วออกมาแสดงหน้าช้นั เรียน
9. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มคดิ สถานการณส์ มมตุ ิการเกิดอุบตั เิ หตุท่ีต้องมีการเคล่ือนยา้ ยผู้ปว่ ย และแสดง
การเคล่อื นย้ายผู้ป่วยอยา่ งถูกวิธี แลว้ บนั ทึกผลลงในแบบบนั ทกึ ช้ินงานที่ 10 เรอื่ ง การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ย
10.นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สง่ิ ที่เข้าใจเป็นความรู้รว่ มกนั ดังนี้
การเคล่ือนย้ายผู้ป่วยสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เราควรฝกึ ฝนการช่วยเหลอื ทกุ วธิ ี เพื่อเลือกใช้
วิธกี ารเคลอื่ นยา้ ยให้เหมาะกับอาการของผ้ปู ่วยแตล่ ะลักษณะ

๑๘๖

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนังสอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. ภาพการเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยตา่ ง ๆ
3. ตวั อยา่ งขา่ วอบุ ัตเิ หตุ
4. บัตรคำประเภทการเคลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ย
5. กระดาษสำหรบั ทำกิจกรรม
6. สลากหัวข้อการเคล่ือนยา้ ยผูป้ ่วย
7. แหล่งการเรยี นรู้ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ่วยดว้ ยผู้ชว่ ยเหลอื 1 คน การเคลอื่ นย้ายผู้ปว่ ยด้วยผู้ช่วยเหลอื
2 คน การเคล่อื นยา้ ยผู้ป่วยด้วยผู้ชว่ ยเหลอื 3 คน (K) ด้วยแบบทดสอบ

2. ประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินชน้ิ งาน เรอื่ ง การเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ย (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
4. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านมีวินัย มุ่งม่นั ในการทำงาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

ความคิดเหน็ ของผบู้ ังคบั บญั ชา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .....................................................
(นายสมพร คล้ายวงษ์)

ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านโคกแสมสาร

๑๘๗ ๑๘๗

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 การปฐมพยาบาลและการเคลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ย
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 8

เรื่อง การเคลอ่ื นย้ายผ้ปู ่วยโดยใช้อปุ กรณ์

รายวชิ าสุขศึกษา รหสั วิชา พ๒๑๑๐๓ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ 5.1 ป้องกนั และหลกี เลยี่ งปจั จัยเส่ียง พฤติกรรมเสยี่ งต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ า

สารเสพตดิ และความรุนแรง
ตัวชีว้ ดั
พ 5.1 ม.1/1 แสดงวธิ ปี ฐมพยาบาลและเคล่ือนยา้ ยผปู้ ว่ ยอย่างปลอดภยั

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายวิธกี ารเคล่อื นย้ายผ้ปู ว่ ยโดยใช้อุปกรณ์ (K)
2. แสดงวธิ กี ารเคล่ือนย้ายผู้ปว่ ยโดยใช้อปุ กรณ์ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการเรียนรู้เรอ่ื ง การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยใชอ้ ปุ กรณ์ (A)

สาระสาคญั

การเคลอื่ นย้ายผ้ปู ่วยสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เราควรฝกึ ฝนการช่วยเหลือทกุ วิธี และเลอื กใชอ้ ปุ กรณ์
ในการชว่ ยเหลอื ให้เหมาะสมกับอาการของผู้ปว่ ยแต่ละลักษณะ เพ่อื ใหเ้ คลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ยได้อย่างรวดเร็ว
และเกดิ ความปลอดภยั

สาระการเรียนรู้

การเคล่อื นย้ายผปู้ ว่ ย
• การเคลอื่ นย้ายผูป้ ่วยโดยใชอ้ ุปกรณ์

๑๘๘

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

1. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มีวินยั
2. มงุ่ ม่ันในการทำงาน

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

•ข้•นั น•าเ•ข้า•สู่บ• ท•เร•ียน• • • • • • • • •

1. นกั เรยี นร่วมกนั สงั เกตภาพเกี่ยวกบั การเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ยโดยใชอ้ ุปกรณ์ แลว้ บอกว่านกั เรียน
เคยพบเห็นการเคล่ือนยา้ ยผูป้ ่วยวธิ ีใดบ้างในชีวิตประจำวัน

การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่ วย การเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่ วย
โดยใชเ้ กา้ อ้ี โดยใชเ้ ปลหาม

2. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับการเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ย โดยตอบคำถาม ดงั น้ี
• นกั เรียนคิดวา่ มีอุปกรณ์ใดบา้ งทสี่ ามารถใช้เคล่อื นย้ายผู้ป่วยได้
• นกั เรยี นคดิ วา่ มีอะไรบา้ งท่สี ามารถนำมาใช้ทำเปลหามได้

3. นกั เรยี นศึกษาความรู้และรวบรวมขอ้ มูลเกีย่ วกบั การเคลอื่ นย้ายผ้ปู ่วยโดยใช้อุปกรณ์
จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรียน อินเทอร์เน็ต

๑๘๙

•ข•้นั ก•ร•ะบ•วน• ก•าร•เร•ียน•รู้• • • • • • • • • •

4. นักเรยี นร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับการเคลือ่ นย้ายผู้ป่วย โดยใชอ้ ปุ กรณ์โดย
ตอบคำถาม ดงั นี้

• การเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยโดยใช้เกา้ อี้เหมาะสำหรบั ผู้ปว่ ยลกั ษณะใด
• การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยใชเ้ ปลหามเหมาะสำหรบั ผู้ป่วยลักษณะใด
• เสอ้ื ทน่ี ำมาใช้ในการเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ่วย ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร
• การเคลื่อนย้ายผปู้ ่วยโดยใชผ้ ้าหม่ หามเหมาะสำหรบั ผู้ปว่ ยลกั ษณะใด

5. ตัวแทนนักเรียนออกมาสาธิตการเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยโดยใชอ้ ุปกรณ์ท่เี ตรียมไวห้ นา้ ชน้ั เรียน
โดยนักเรียนคนอนื่ ๆ รว่ มกันสงั เกตการสาธติ ดว้ ยวธิ ีการต่อไปนี้

1) การเคลื่อนย้ายผูป้ ว่ ยโดยใช้เก้าอ้ี
2) การเคล่อื นย้ายผู้ปว่ ยโดยใช้เปลหาม
3) การเคลอ่ื นย้ายผู้ป่วยโดยใช้ผา้ ห่มทำเปล
4) การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว่ ยโดยใช้เส้ือทำเปล
5) การเคลอ่ื นย้ายผ้ปู ่วยโดยใช้ผา้ ขาวมา้ ทำเปล
6) การเคล่อื นย้ายผู้ปว่ ยโดยใชผ้ ้าหม่ หาม
6. นกั เรยี นร่วมกันวิเคราะหว์ ิธีการปฏิบตั ิและอภิปรายตอบข้อสงสยั ร่วมกนั ในชนั้ เรียน
7. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยตอบคำถามกระต้นุ ความคิด ดงั นี้
• นักเรยี นคดิ วา่ คำวา่ Safety First มคี วามสัมพนั ธ์กับการเคลื่อนยา้ ยผูป้ ่วยอย่างไร

• •ข้นั •ป•ฏิบ•ัต•ิแล•ะส• ร•ุปค•ว•าม•รู้ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
•8.• นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 6 กลมุ่ ส่งตัวแทนกลุม่ ออกมาจบั สลากเลือกการเคล่อื นย้ายผปู้ ่วย

กลุ่มละ 1 วิธี ไดแ้ ก่ การเคลอ่ื นย้ายผู้ปว่ ยโดยใชเ้ ก้าอ้ี เปลหาม ผา้ หม่ ทำเปล เส้ือทำเปล ผ้าขาวม้าทำเปล
และใช้ผ้าหม่ หาม จากนัน้ แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารับอุปกรณ์หน้าชน้ั เรียนและฝึกปฏิบัตกิ ารเคลื่อนยา้ ย
ผปู้ ว่ ยตามท่ีกลมุ่ ตนจบั สลากได้ และเขยี นข้นั ตอนการเคล่ือนยา้ ยลงในกระดาษสำหรับทำกจิ กรรม

9. นกั เรยี นช่วยกันบอกประโยชน์ของการเคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ยอย่างถกู วิธี โดยตัวแทนนักเรียน 1 คน
ออกมาเขียนสรปุ เปน็ แผนภาพความคดิ บนกระดาน


Click to View FlipBook Version