The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

พระราชลญั จกรประจำ�พระองคร์ ัชกาลท่ี ๘
เปน็ ตรางา ลกั ษณะกลม เปน็ รูปพระโพธสิ ตั วป์ ระทบั บนบลั ลงั ก์ดอกบวั
ห้อยพระบาทขวาเหนือบวั บาน หมายถึงแผ่นดิน พระหัตถซ์ า้ ยถือดอกบัวตูม
มเี รือนแก้วดา้ นหลงั แทนรศั มี และมีแทน่ รองรบั ต้งั ฉัตรบรวิ ารท้ังสองข้าง
เป็นพระราชสัญลักษณข์ องพระปรมาภไิ ธยว่า อานนั ทมหดิ ล แปลวา่ เปน็ ที่ยนิ ดขี องแผ่นดิน
ประหนง่ึ พระโพธสิ ัตว์เสดจ็ มาประทานความร่มเย็นเปน็ สุขแก่ทวยราษฎร์

...ท่านทงั้ หลายคงเห็นอยู่ว่า แม้ว่าสงคราม
จะส้ินสุดไปแลว้ ความทุกขย์ ากกย็ ังมีอยู่ทว่ั ไปในโลก
ซง่ึ รวมถงึ บา้ นเมืองไทยทรี่ ักของเราด้วย แต่ขา้ พเจา้ เชื่อว่า

คนไทยทกุ คนถอื วา่ ตนเป็นเจา้ ของชาติบ้านเมอื ง
และต่างปฏิบัติหน้าท่ขี องตนใหด้ ี ดว้ ยความซือ่ สัตย์สจุ ริต

และถูกต้องตามทำ�นองคลองธรรมแลว้
ความทุกขย์ ากของบ้านเมอื งก็จะผ่านพน้ ไปได้...

พระราชดำ�รสั
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหดิ ล

พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร รชั กาลที่ ๘
เม่ือคราวเสด็จนวิ ัตพระนคร พทุ ธศักราช ๒๔๘๘
๑๕๐

พระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอฐั มรามาธบิ ดินทร รัชกาลท่ี ๘
เปน็ พระราชโอรสในสมเด็จพระมหติ ลาธิเบศร
อดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
และสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี
พระนามเดมิ วา่ พระวรวงศ์เธอ

พระองค์เจ้าอานันทมหิดล
เสด็จพระราชสมภพ
เมอ่ื วันอาทติ ย์ ที่ ๒๐ กันยายน
พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๘
ณ เมอื งไฮเดลเบริ ก์ ประเทศเยอรมนี
เวลานน้ั สมเดจ็ พระบรมราชชนก
ทรงศกึ ษาวชิ าการแพทย์อยทู่ ่นี นั่

พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี ๖
พระราชทานพระนามว่า“อานนั ทมหดิ ล”
หมายความวา่ “ผู้เป็นท่ีรกั ของแผ่นดนิ ”

๑๕๑

พระองค์มพี ระเชษฐภคนิ ี คือ
สมเด็จพระเจ้าพนี่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา

กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
และ สมเด็จพระอนุชา คอื

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร รชั กาลท่ี ๙

พุทธศักราช ๒๔๖๙ สมเด็จพระบรมราชชนก
ทรงเข้าศกึ ษาวิชาแพทยศาสตร์

ณ มหาวทิ ยาลยั ฮาวาร์ด สหรัฐอเมรกิ า

ทง้ั ๓ พระองคไ์ ดต้ ามเสดจ็ สมเดจ็ พระบรมราชชนก พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ สมเด็จพระบรม
และสมเดจ็ พระบรมราชชนนี ไปประเทศต่าง ๆ ราชชนกเสดจ็ นวิ ตั ประเทศไทย
ไดแ้ ก่ ฝรัง่ เศส สวติ เซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา
ขณะน้ันพระชนมพรรษา ๓ พรรษา
ไดเ้ สดจ็ ฯ ไปประทับ ณ วังสระปทุม

๑๕๒

ตอ่ มา สมเดจ็ พระบรมราชชนก นับแต่นั้นมา สมเดจ็ พระบรมราชชนนี
ทรงพระประชวร และสน้ิ พระชนม์ จึงอภบิ าลพระโอรส และพระธิดาทง้ั สามพระองค์
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ กนั ยายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๒ เพยี งลำ�พงั สืบมา

ทรงเร่มิ การศกึ ษาชน้ั ตน้
ทโ่ี รงเรยี นมาแตร์เดอี
และชน้ั ประถมศกึ ษา
ที่โรงเรียนเทพศริ นิ ทร์

พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ เหตุการณ์บา้ นเมอื งขณะนน้ั ยงั ไม่เรยี บรอ้ ยนัก
ประเทศไทยเปลยี่ นการปกครอง สมเดจ็ พระศรีสวรนิ ทิรา บรมราชเทวี พระพนั วัสสา
จากระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์
อยั ยกิ าเจา้ มพี ระราชด�ำ รใิ ห้พระนดั ดา
เปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย ท้ังสามพระองคเ์ สด็จไปตา่ งประเทศ

๑๕๓

สมเด็จพระบรมราชชนนี พร้อมพระโอรส และพระธดิ า ทัง้ สามพระองคท์ รงเข้าศึกษาที่
เสด็จไปประทบั ท่เี มืองโลซานน์ ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ โรงเรยี นเมียรม์ องต์ ใกลท้ ีป่ ระทับ

เพอ่ื ทรงศึกษา และรกั ษาพระพลานามยั

วนั ที่ ๒ มนี าคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ ขณะนัน้ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั อานันทมหิดลทรงอยู่ในล�ำ ดับท่ี ๑
ทรงสละราชสมบัติ และทรงสละพระราชสทิ ธิ์
ในการแตง่ ตัง้ ผู้สบื ราชสมบัติตามกฎมณเฑียรบาล แห่งการสืบราชสันตติวงศ์

สภาผูแ้ ทนราษฎรมมี ตเิ ห็นชอบ
กราบบงั คมทลู เชิญเสด็จขนึ้ ครองราชสมบัติ

เป็นพระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลที่ ๘
แห่งพระบรมราชจกั รีวงศ์

ขณะพระชนมพรรษา ๘ พรรษา
๕ เดอื น ๑๑ วนั

ทรงยังไม่บรรลุพระราชนติ ภิ าวะ
เปน็ ยวุ กษตั ริย์ที่ประทบั อย่ตู า่ งประเทศ

เพอื่ ทรงศึกษาเลา่ เรยี น

๑๕๔

ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ
แตง่ ตง้ั คณะผู้สำ�เร็จราชการ
แทนพระองค์ ประกอบด้วย
พลเอก พระเจ้าวรวงศ์เธอ
กรมหมื่นอนุวัตรจาตรุ นต์
นาวาตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองคเ์ จ้าอาทิตย์ทิพอาภา

และเจ้าพระยายมราช
(ป้ัน สุขมุ )

พทุ ธศักราช ๒๔๗๘ พระองค์ทรงยา้ ย ทรงศกึ ษาภาษาไทย ณ ท่ีประทบั
ไปศึกษาท่ี เอกอล นูแวล เดอ ลา ซอื อสี โดยมีพระอาจารย์ตามเสดจ็ มาจากกรุงเทพฯ
และทรงศกึ ษาภาษาอื่นอีก ๕ ภาษา ไดแ้ ก่
โรมองด์ ภาษาละตนิ ฝรงั่ เศส องั กฤษ เยอรมนั และสเปน

สมเดจ็ พระบรมราชชนนี
ถวายการอภบิ าลยุวกษัตรยิ ์ท้งั สุขอนามยั
และการศึกษา ทรงปลูกฝังการทรงงาน
พระราชจริยวตั รของพระมหากษัตรยิ ์

และจารีตราชประเพณีของไทย
เพื่อทรงเตรยี มพระองค์ส่ภู าระหนา้ ท่ี

อันใหญ่หลวง

๑๕๕

นบั ตัง้ แตเ่ สด็จเถลิงถวัลยราชสมบตั ิ
รัฐบาลไดก้ ราบบังคมทูลเชิญ
เสด็จนวิ ัตประเทศไทย เพอื่ ให้
ประชาชนไดช้ ่ืนชมพระบารมี
หลายครง้ั แตท่ รงขัดขอ้ ง
ดว้ ยพระพลานามัยไมแ่ ขง็ แรง
จึงยังไมส่ ามารถเสด็จกลับ
เมืองไทยได้

พุทธศักราช ๒๔๘๑
พระชนมพรรษา ๑๓ พรรษา

ไดเ้ สด็จนวิ ตั ประเทศไทย
โดยทางเรอื

พร้อมสมเด็จพระราชชนนี
สมเด็จพระพ่นี างเธอ
และสมเดจ็ พระอนชุ า

ในระหว่างท่เี สดจ็ นิวตั ประเทศไทย ทรงประกอบพระราชกรณยี กิจต่าง ๆ
โดยมปี ระชาชนมาเฝา้ ฯ รับเสด็จเนอื งแน่น ด้วยปรารถนาจะไดช้ น่ื ชมพระบารมี
เพราะประเทศไทยหา่ งเหินพระมหากษัตริย์มานาน ครน้ั เมอ่ื เหน็ พระราชอิริยาบถแล้ว

กย็ ่ิงปีติโสมนัส ตา่ งเคารพรกั พระมหากษตั รยิ ์พระองค์น้อยเปน็ ลน้ พน้

๑๕๖

ยวุ กษตั รยิ ป์ ระทบั ในราชอาณาจกั ร พระองคท์ รงปฏบิ ตั ิ
พระราชกรณยี กจิ นอ้ ยใหญเ่ ทา่ ทเ่ี วลาจะอ�ำ นวย

ทรงเยี่ยมราษฎร วดั วาอาราม
และสถานท่สี �ำ คัญต่าง ๆ ท่ัวประเทศ

เสดจ็ ฯ ประทับอยเู่ ป็นมิ่งขวัญชาวไทย ๕๙ วนั
กอ่ นเสดจ็ ฯ กลับไปทรงศึกษาตอ่ ณ ประเทศ

สวิตเซอรแ์ ลนด์ แมเ้ ปน็ ระยะเวลาส้นั ๆ
แตป่ วงชนชาวไทยล้วนช่นื ชมในพระราชจริยวตั ร

ทงี่ ดงามอย่างยงิ่

๑๕๗

หลงั จากเสด็จนิวัตคร้งั แรก ไดเ้ กิดวิกฤต ชาวไทยวา้ เหว่ท่ปี ระเทศขาดองคพ์ ระประมขุ
สงครามโลกคร้ังทส่ี อง การตดิ ต่อสอ่ื สาร มพี ระราชสาสน์ อำ�นวยพรให้ชาวไทย
รอดพ้นความทุกข์
กบั ต่างประเทศไม่สะดวก จึงมิได้
เสดจ็ นวิ ตั ประเทศไทยอีกเปน็ เวลานาน

พุทธศักราช ๒๔๘๘
เมอ่ื ทรงบรรลุพระราชนิตภิ าวะ
พระชนมพรรษา ๒๐ พรรษา
รฐั บาลกราบบังคมทูลเชิญเสด็จ
นวิ ตั พระนคร แต่มพี ระราชประสงค์
จะศึกษาตอ่ ระดบั อุดมศึกษา
ในคณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั โลซานน์

ให้ส�ำ เรจ็ เสียกอ่ น

แต่ในทสี่ ดุ ทรงตดั สนิ พระทยั
เสดจ็ นวิ ตั พระนครเป็นการชั่วคราว

เม่ือวันที่ ๕ ธนั วาคม
พุทธศักราช ๒๔๘๘

๑๕๘

พุทธศักราช ๒๔๘๘ เปน็ เวลาทีก่ องทัพฝา่ ยสัมพนั ธมติ รเข้ามาอย่ใู นเมอื งไทย
เพื่อปลดอาวธุ กองทัพญป่ี ุ่น ในฐานะผแู้ พส้ งครามโลกครงั้ ที่ ๒

อนาคตของไทยในขณะนั้น
ข้ึนอยกู่ ับ

การด�ำ เนินนโยบายของรัฐบาล
โดยฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร

ท่มี าจากหลายชาติหลายภาษา

ทเ่ี หน็ ใจไทยก็มี
ทข่ี ม่ ขเู่ อาเปรยี บกม็ ีไมน่ อ้ ย
ไทยตอ้ งขมขืน่ อดทน อดกลั้น

๑๕๙

ทรงตรวจพลสวนสนามกองทพั สมั พันธมติ ร
ในฐานะประมขุ ของชาติไทย

เคยี งคูล่ อร์ด หลุยส์ เมานต์แบตเทน
แหง่ กองทัพอังกฤษ ผ้บู ัญชาการทหาร
ฝ่ายสัมพนั ธมติ รในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้

อย่างสง่างามสมพระเกียรติ
ณ ท้องสนามหลวง และถนนราชด�ำ เนิน
เมื่อวันท่ี ๑๙ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๔๘๙
ทรงนำ�เกยี รติภูมิชาตไิ ทยกลับคืนสู่ดวงใจคนไทยท้งั ชาติ

ทรงบ�ำ รงุ ขวญั ประชาชนใหช้ มุ่ ชื่นแขง็ แกรง่
และเพม่ิ พนู ความจงรกั ภักดี
อยา่ งประมาณมไิ ด้

๑๖๐

เสด็จพระราชดำ�เนนิ เยยี่ มพสกนกิ รทงั้ ในกรุงเทพฯ
และจงั หวัดใกล้เคยี ง เช่น สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี

พระประแดง ปากเกร็ด ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร
ทรงเอาพระราชหฤทัยใสร่ าษฎรอย่างใกลช้ ิด
มีพระราชปฏสิ ันถารถึงความเป็นอยขู่ องราษฎร
ดว้ ยพระเมตตา

พระราชทาน “เงินก้นถุง”
ซ่ึงเป็นพระราชทรัพยส์ ่วนพระองค์
เพื่อเปน็ น้าํ ใจตอบแทนความจงรักภักดี

เป็นทีป่ ลาบปลืม้ ในหมรู่ าษฎร
ทม่ี ารอเฝา้ รับเสด็จเปน็ ลน้ พน้

๑๖๑

การเสดจ็ เยอื นหัวเมืองนอกกรงุ เทพฯ
ไดท้ รงเย่ียมเยยี นพสกนิกรแลว้

ยังทรงศึกษาลกั ษณะการบริหารบา้ นเมอื ง
ของหน่วยราชการตา่ ง ๆ ไปด้วย
เสดจ็ ประทบั บลั ลงั ก์
ทรงไวซ้ ึ่งความยตุ ธิ รรม ๒ คร้ัง
ครั้งที่ ๑ เม่ือวันที่ ๘ มีนาคม
พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙
ณ บัลลังกศ์ าลจงั หวดั นครปฐม

ครง้ั ท่ี ๒ ในเดอื นพฤษภาคม ปเี ดยี วกนั
ทศ่ี าลประจ�ำ จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา
ทรงรว่ มพจิ ารณาคดลี กั ทรพั ย์
จ�ำ เลยเปน็ หญงิ แมล่ กู ออ่ น

ซง่ึ ตามค�ำ ฟอ้ งของอยั การ จ�ำ เลยไดข้ โมย
หว่ งกญุ แจนากของโจทก์ มผี เู้ หน็

และจบั ไดข้ องกลาง จ�ำ เลยรบั สารภาพ
วา่ กระท�ำ ไปเพราะยากจน ไมม่ เี งนิ
เลย้ี งดบู ตุ ร ศาลพจิ ารณาจ�ำ คกุ ๖ เดอื น

มพี ระบรมราชวนิ จิ ฉยั ตามส�ำ นวนฟอ้ งแลว้ ประชาชนทเ่ี ฝา้ ฟงั การพจิ ารณาคดี
มพี ระราชด�ำ รสั วา่ โทษจ�ำ คกุ นน้ั ใหร้ อลงอาญา ตา่ งส�ำ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ
เพราะจ�ำ เลยไมเ่ คยกระท�ำ ผดิ มากอ่ น จ�ำ เลยกม้ กราบ
ไปทบ่ี ลั ลงั กด์ ว้ ยความซาบซง้ึ ในพระเมตตา เปน็ ลน้ พนั
พระราชทานพระราชทรพั ยแ์ กห่ ญงิ แมล่ กู ออ่ น

ผเู้ ปน็ จ�ำ เลย เปน็ บ�ำ เหนจ็ ความซอ่ื สตั ย์
ทม่ี ตี อ่ อาญาของแผน่ ดนิ

๑๖๒

ในพิธเี ปดิ สมัยการประชมุ สภาผู้แทนราษฎร
ณ พระทน่ี ั่งอนันตสมาคม
ทรงลงพระปรมาภิไธย

ในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย
เมื่อวันท่ี ๙ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙
และมีพระราชดำ�รสั กบั ประชาชนชาวไทย

ทางวทิ ยกุ ระจายเสียง
ในวนั รฐั ธรรมนูญ

ทรงตระหนกั ถึงคณุ คา่
และความสำ�คญั ของการศกึ ษา
ทเี่ สริมสรา้ งภูมิปัญญาแก่เยาวชน

ผู้เปน็ อนาคตของชาติ
เสดจ็ ฯ ทอดพระเนตรกิจการของ
หอสมดุ แหง่ ชาติ ซ่งึ เป็นแหลง่ รวม

ต�ำ ราความรู้ต่าง ๆ

ทรงเยี่ยมสถานศึกษาหลายแหง่ ทรงเยี่ยมโรงเรยี นเทพศิรนิ ทร์
ไดแ้ ก่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ซ่ึงเป็นโรงเรยี นทที่ รงศึกษา

และโรงเรียนอัสสัมชัญ เม่ือครัง้ ทรงพระเยาว์

๑๖๓

เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไป
พระราชทานปริญญาบตั ร
ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณ์

มหาวทิ ยาลยั
เมื่อวนั ท่ี ๑๓ เมษายน
พุทธศกั ราช ๒๔๘๙
ทรงเลง็ เหน็ ความส�ำ คัญของการสาธารณสุข และสขุ ภาพอนามัยของราษฎร พระราชทาน
พระราชทรัพย์สว่ นพระองค์ สรา้ งตกึ อ�ำ นวยการโรงพยาบาลประจำ�กรมแพทย์ทหารบก
จงั หวัดลพบุรี และพระราชทานนามโรงพยาบาลวา่ “อานันทมหดิ ล”
เมอ่ื วันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ เสด็จพระราชด�ำ เนินไป
พระราชทานปริญญาบัตร ณ หอประชมุ ราชแพทยาลยั ศริ ริ าชพยาบาล

๑๖๔

มีพระราชปรารภให้มีการผลติ แพทยเ์ พิม่ มากขึน้
เพือ่ ให้เพยี งพอที่จะชว่ ยเหลอื ประชาชน โรงเรยี นแพทยแ์ หง่ ที่ ๒
จึงได้กำ�เนดิ ขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คือ คณะแพทยศาสตร์

จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัยในปัจจบุ ัน

เมอ่ื วันที่ ๑๙ พฤศจกิ ายน
พุทธศกั ราช ๒๔๘๑

เมื่อเสด็จนวิ ัตพระนครครง้ั แรก
ทรงประกาศพระองคเ์ ป็นพุทธมามกะ
ทา่ มกลางมณฑลสงฆใ์ นพระอโุ บสถ

วดั พระศรีรตั นศาสดาราม
ดว้ ยมีพระราชศรทั ธา
ในพระพุทธศาสนาลึกซงึ้
ทรงตง้ั พระราชหฤทยั
จะทรงผนวชไว้
เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ ไปทรงนมสั การพระพุทธรูป
ในพระอารามที่ส�ำ คัญหลายแห่ง
เชน่ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม
วดั เบญจมบพิตรดุสติ วนาราม
วดั สระเกศ วัดอรณุ ราชวราราม
วัดบวรนิเวศวิหาร และวดั เทพศริ ินทราวาส
ทรงบำ�เพญ็ พระราชกศุ ล
และพระราชทานพระราชทรัพยส์ ่วนพระองค์
บำ�รงุ วดั วาอารามต่าง ๆ
ด้วยพระราชศรทั ธาที่มัน่ คง

๑๖๕

ณ วดั สทุ ัศนเทพวราราม มีพระราชดำ�รสั ว่า “ท่นี ่ีสงบเงยี บน่าอยู่จรงิ ”
เม่อื เสดจ็ สวรรคต จงึ ไดอ้ ญั เชญิ พระบรมราชสรีรางคารมาประดษิ ฐาน ณ บรเิ วณผา้ ทพิ ย์
พระศรศี ากยมุนี ภายในพระวหิ ารแห่งนี้

พระองค์ทรงตงั้ พระราชหฤทัยว่า ทรงขอสงั ฆราชานเุ คราะหใ์ นการศกึ ษา
จะทรงพระผนวชในพระพทุ ธศาสนา ต�ำ ราทางพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื เตรยี มพระองค์
โดยเมื่อวันท่ี ๑๙ มนี าคม พุทธศักราช ๒๔๘๙
มีพระราชหตั ถเลขาแจง้ พระราชประสงคถ์ ึง ในการทจ่ี ะทรงพระผนวช
สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์

สืบเนื่องมาจากหลังยตุ สิ งครามโลกคร้ังท่ี ๒ ในยา่ นเยาวราช มกี ารทำ�ร้ายรา่ งกายคนไทย
เกดิ ความขัดแย้งระหวา่ งชาวไทยและชาวจีน ที่เรยี กว่า “เลยี ะพะ” ทีเ่ ข้าไปในบรเิ วณน้นั

อยา่ งรุนแรง

๑๖๖

สาเหตุเพราะญี่ปุ่นเป็นฝา่ ยพ่ายแพ้ เวลานน้ั ชาวจนี บางกลุม่ เข้าใจว่าชาวจีนไดช้ นะสงคราม
กับไทยด้วย เพราะไทยเขา้ พวกกับญปี่ ุ่น ชาวจีนจงึ ลกุ ฮอื เพราะชงิ ชงั ญ่ีปุ่นทีก่ ดขขี่ ่มเหง

พ่นี ้องในเมอื งจนี

สถานการณน์ ี้เกิดขน้ึ ในกลาง พุทธศกั ราช ๒๔๘๘ กระทั่งวนั ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศกั ราช
มีความรนุ แรงเกอื บจะเป็นสงครามกลางเมอื ง ๒๔๘๙ รฐั บาลโดย ม.ร.ว. เสนีย์
ปราโมช ได้สถาปนาความสัมพนั ธ์
แมร้ ัฐบาลจะควบคมุ ความรุนแรงในพืน้ ทเี่ ยาวราชได้ กบั สาธารณรัฐประชาชนจนี
แต่สถานการณพ์ ร้อมคกุ รนุ่ ไดต้ ลอดเวลา สถานการณ์ก็เรมิ่ คลค่ี ลายลงบ้าง

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงเหน็ วา่
จะปล่อยให้ขุ่นขอ้ งหมองใจเชน่ นัน้ ไม่ได้
เพราะไทยจีนเคยอยู่กันฉนั พน่ี ้องมาช้านาน
และสำ�เพง็ เป็นพื้นทที่ พ่ี ระบาทสมเด็จ

พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
พระราชทานใหเ้ ปน็ ทอี่ ยแู่ ก่ชาวจนี

ดว้ ยเหตนุ ี้
วันท่ี ๓ มถิ นุ ายน พุทธศกั ราช ๒๔๘๙
พระองค์ พรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระอนุชา
จงึ เสดจ็ ฯ ไปทรงเย่ียมเยยี นราษฎร

ทเ่ี ยาวราชและสำ�เพ็ง

๑๖๗

ชาวจีนจดั ซุม้ แสดงความจงรักภักดีต่อทง้ั สองพระองค์ดว้ ยความปตี ยิ นิ ดี
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงพระดำ�เนนิ โดยไมร่ ีบเร่ง ทรงทักทายด้วยพระเมตตาออ่ นโยน

ทรงรบั ของทีพ่ อ่ คา้ ถวาย บางร้านกราบบงั คมทลู เชิญประทับเพ่ือความเปน็ สิริมงคล
ยงั ความปลาบปลม้ื ต่อชาวเยาวราชเปน็ ลน้ พ้น

การเสดจ็ ฯ เย่ียมส�ำ เพ็งเป็นเวลานานกว่า ๔ ชว่ั โมง สร้างความประทับใจ
ทอี่ งค์พระประมขุ เสด็จฯ มา ทกุ คนตา่ งชน่ื ชมและสรรเสรญิ ในพระมหากรณุ าธิคณุ

ความบาดหมางระหว่างคนไทยกับคนจนี คอ่ ยเลอื นหาย
นบั ได้ว่าพระราชกรณียกจิ คร้งั นี้เป็นเร่อื งส�ำ คัญอยา่ งยง่ิ ในบา้ นเมือง

๑๖๘

วันที่ ๕ มถิ ุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ ทอดพระเนตรการทำ�นาและกิจการ
เสดจ็ พระราชดำ�เนินพรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระอนุชา ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ปฏิบตั พิ ระราชกรณยี กจิ สุดท้าย และทรงหว่านข้าวในพื้นทที่ งุ่ บางเขน

วันอาทิตย์ ท่ี ๙ มิถุนายน พุทธศกั ราช ๒๔๘๙
เวลาประมาณ ๙ โมงเชา้

ประชาชนชาวไทยไดร้ บั ขา่ วสะเทือนใจทงั้ แผน่ ดิน
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอฐั มรามาธบิ ดินทร เสด็จสวรรคตอย่างกะทนั หัน

พระชนมพรรษา ๒๑ พรรษา
ทรงดำ�รงสริ ิราชสมบตั ิ ๑๒ ปี

ในรัชกาลต่อมา โปรดเกล้าฯ
ให้สรา้ งพระบรมราชานสุ าวรีย์
เพอื่ นอ้ มรำ�ลึกถึงพระบาทสมเดจ็
พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล
พระอฐั มรามาธิบดินทร หลายแหง่
ไดแ้ ก่ วดั สุทศั นเทพวราราม

โรงเรยี นเทพศิรินทร์
โรงเรียนอยุธยาวทิ ยาลยั
โรงพยาบาลอานันทมหดิ ล
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
และสวนหลวงพระราม ๘

๑๖๙

คณะรฐั มนตรีมีมติเมอ่ื วันท่ี ๑๘ มถิ ุนายน พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ กำ�หนดใหว้ นั ท่ี ๒๐ กนั ยายน
ของทุกปเี ป็น “วันเยาวชนแห่งชาติ” เน่อื งจากเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว
และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธิบดินทร

ซง่ึ ท้งั สองพระองคท์ รงดำ�รงสิริราชสมบัติเมอ่ื พระชนมพรรษายังไม่ทรงบรรลุพระราชนติ ภิ าวะ
คณะรัฐมนตรมี มี ตใิ ห้ วนั ท่ี ๙ มิถนุ ายน ของทกุ ปี

เป็น “วันอานนั ทมหิดล” วันทีร่ ะลกึ คล้ายวนั เสด็จสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอฐั มรามาธิบดนิ ทร

ก�ำ หนดใหเ้ ป็นวนั รัฐพธิ ี มีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะ
ณ พระบรมราชานุสาวรยี ์ เชงิ สะพานพระราม ๘
และวัดสุทศั นเทพวราราม เป็นประจ�ำ ทกุ ปี

๑๗๐

รชั กาลท่ี ๙

พระบารมเี ปี่ยมลน้

พระราชลญั จกรประจำ�พระองคร์ ชั กาลที่ ๙
เป็นรปู พระท่ีนัง่ อฐั ทิศอุทมุ พรราชอาสน์ ประกอบด้วยวงจกั ร
กลางวงจักรมอี กั ขระเปน็ “อ”ุ หรอื เลข ๙ รอบวงจกั รมีรศั มีเปลง่ ออกโดยรอบ
เหนือจกั รเป็นรูปเศวตฉัตร ๗ ชัน้ ฉัตรตัง้ อยบู่ นทน่ี ่ังอฐั ทศิ

แปลความหมายว่า มีพระบรมเดชานุภาพในแผ่นดิน

...การทำ�ดีนนั้ ทำ�ยากและเห็นผลช้า แต่กจ็ �ำ เปน็ ต้องท�ำ
เพราะหาไม่ความช่วั ซึง่ ท�ำ ไดง้ ่ายจะเขา้ มาแทนที่
และจะพอกพนู อย่างรวดเรว็ โดยไมท่ นั รู้สึกตวั

บุคคลแต่ละคนจึงต้องตงั้ ใจและเพยี รพยายามใหส้ ุดกำ�ลงั
ในการสรา้ งเสรมิ และสะสมความด.ี ..

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รชั กาลท่ี ๙
พระราชทานแก่ผู้สำ�เร็จการศกึ ษาโรงเรียนนายรอ้ ยตำ�รวจ

ณ สวนอัมพร วันที่ ๑๔ สิงหาคม พทุ ธศักราช ๒๕๒๕

๑๗๒

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพติ ร รัชกาลที่ ๙
พระนามเดมิ ว่า พระวรวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้าภมู พิ ลอดลุ เดช
เปน็ พระนามทพ่ี ระบาทสมเด็จ

พระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั รชั กาลที่ ๗
พระราชทาน มคี วามหมายวา่
พลงั ของแผน่ ดินเปน็ อ�ำ นาจท่ี
หาใดเปรยี บมิได้

เปน็ พระราชโอรสใน
สมเด็จพระมหติ ลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวิกรม

พระบรมราชชนก
และสมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เสดจ็ พระราชสมภพ
เมอื่ วนั จนั ทร์ ที่ ๕ ธันวาคม

พุทธศักราช ๒๔๗๐
ณ โรงพยาบาลเมาตอ์ อเบริ ์น
เมืองเคมบริดจ์ รฐั แมสซาชูเซตส์

สหรฐั อเมริกา

มพี ระเชษฐภคนิ ี
คือ สมเดจ็ พระเจ้าพีน่ างเธอ

เจา้ ฟ้ากัลยาณวิ ฒั นา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช

พระบาทสมเดจ็
พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล

พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร
รัชกาลท่ี ๘

๑๗๓

พุทธศักราช ๒๔๗๑ วนั ที่ ๒๔ กันยายน พุทธศกั ราช ๒๔๗๒
โดยเสดจ็ สมเดจ็ พระบรมราชชนก สมเดจ็ พระบรมราชชนกสวรรคต

และสมเด็จพระบรมราชชนนี ขณะนน้ั มีพระชนมพรรษาไมถงึ ๒ พรรษา
เสดจ็ นวิ ัตพระนคร ประทบั ณ วงั สระปทมุ

พุทธศักราช ๒๔๗๕
ทรงเขา ศึกษาในโรงเรยี นมาแตรเ ดอี
และในปตอ มา จึงเสดจ็ ฯ พรอมดวย

สมเด็จพระบรมราชชนนี
สมเดจ็ พระเชษฐภคนิ ี
และสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าช
ไปประทับ ณ เมอื งโลซานน
ประเทศสวติ เซอรแ ลนด

ทรงศึกษาในโรงเรียนเมียรม องต พุทธศักราช ๒๔๘๑ ทรงสาํ เร็จการศึกษา
เชน เดียวกบั สมเดจ็ พระเชษฐภคนิ ี จากโรงเรียนยิมนาส กลาซีค กังโตนาล
และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช แหง เมืองโลซานน ทรงรับประกาศนยี บัตร
ดา นอักษรศาสตร ตอมาทรงเขา ศึกษา
จากนั้นยายไปทรงศึกษาตอ ท่ี ดา นวทิ ยาศาสตร ในมหาวิทยาลยั โลซานน
เอกอล นแู วล เดอ ลา ซืออสี โรมองด

๑๗๔

เม่ือสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธิราช
เสดจ็ ขึน้ ครองราชสมบัตเิ ป็นพระมหากษตั รยิ ์

รชั กาลท่ี ๘ แหง่ พระบรมราชจักรวี งศ์
ตอ่ มา เมอื่ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๘

ทรงได้รับสถาปนาฐานันดรศกั ด์เิ ปน็
“สมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดลุ ยเดช”

เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๑
โดยเสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหา

อานนั ทมหิดล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร
เสดจ็ นิวัตประเทศไทยเป็นเวลา ๒ เดอื น
ประทบั ณ พระต�ำ หนักจติ รลดารโหฐาน

พระราชวังดุสติ
แล้วเสด็จฯ กลบั ไปทรงศกึ ษาต่อ
ณ ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนดด์ งั เดมิ

พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๘ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จ เมอ่ื พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวอานนั ทมหิดล
พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสดจ็ ฯ ไปทรงเยือนส�ำ เพ็ง ย่านธุรกจิ ของคนจนี

พระอฐั มรามาธิบดินทร เสดจ็ นิวตั ประเทศไทย ทรงปฏบิ ตั หิ น้าที่ชา่ งภาพสว่ นพระองค์
ครั้งทส่ี อง ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพมิ าน
ในพระบรมมหาราชวงั

๑๗๕

วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ ชาวไทยตอ้ งประสบ
ความสญู เสยี อยา่ งใหญห่ ลวง เมอ่ื พระบาทสมเดจ็

พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร
เสดจ็ สวรรคต

รัฐสภาลงมตเิ ป็นเอกฉันทก์ ราบบังคมทลู เชญิ
สมเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจ้าฟา้ ภมู พิ ลอดลุ ยเดช
ข้ึนครองราชย์ สบื ราชสันตตวิ งศ์ เป็นพระมหากษตั รยิ ์

รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรวี งศ์

ขณะนัน้ พระชนมพรรษา ๑๙ พรรษา ขา้ พเจา้ มคี วามจ�ำ เปน็
ยงั มพี ระราชกจิ ดา้ นการศกึ ษา ท่ีจะต้องจากประเทศไทย
ณ ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ และพวกท่านทั้งหลายเพอ่ื ไปศกึ ษาต่อ
จึงมพี ระราชดำ�รัสอำ�ลาประชาชน
ทางวทิ ยกุ ระจายเสยี งว่า ให้มคี วามรดู้ ้านใหม่
ทรงพระเจรญิ พระเจ้าอยูห่ วั
พระองค์ใหม่

พระเจ้าอยูห่ วั
รชั กาลที่ ๙

๑๗๖

จากนน้ั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั ไปทรงศกึ ษาตอ่ ในหลวงอยา่ ทง้ิ ประชาชน
ณ สวิตเซอรแ์ ลนด์ ในวนั ท่ี ๑๒ สิงหาคม

ขณะรถยนตพ์ ระทีน่ ง่ั เคลอื่ นผา่ นฝงู ชนที่มาส่งเสดจ็
ณ ถนนราชด�ำ เนินกลาง ใครคนหนง่ึ ตะโกนขึ้นวา่

เหตุการณ์น้ีทรงบนั ทกึ ไว้ในพระราชนิพนธ์ การศกึ ษาตอ่ ครง้ั นท้ี รงเปลย่ี นสาขา
เรอ่ื ง “เม่อื ขา้ พเจ้าจากสยามมาสู่สวิสเซอรแ์ ลนด”์ จากวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ สงั คมศาสตร์ นติ ศิ าสตร์
ความว่า “ถา้ ประชาชนไมท่ ง้ิ ขา้ พเจา้ แล้ว ขา้ พเจ้า และรฐั ศาสตร์ เพอ่ื เตรยี มพระองค์
จะละทงิ้ อย่างไรได้” ในฐานะพระประมขุ ของประเทศ

ทรงมงุ่ มั่นทีจ่ ะศกึ ษา
เพ่ือนำ�ความรมู้ าพัฒนา
ประเทศชาติ และความ
อยดู่ กี นิ ดขี องประชาชน

๑๗๗

พทุ ธศักราช ๒๔๙๓
โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกอบพระราชพิธี

ถวายพระเพลิงพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จ

พระปรเมนทรมหาอานันทมหดิ ล
พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร

ระหวา่ งวันท่ี ๒๘-๒๙ มีนาคม
พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓
วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓

โปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกอบพระราชพธิ รี าชาภิเษกสมรสกบั หม่อมราชวงศส์ ิริกิต์ิ กิตยิ ากร
ทรงจดทะเบยี นสมรสตามกฎหมาย และทรงสถาปนาเปน็ สมเด็จพระราชนิ ีสิรกิ ติ ์ิ

๑๗๘๖

ทรงรับพระบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี
เมอ่ื วันท่ี ๕ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓
มีพระปฐมบรมราชโองการว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ทรงสถาปนาสมเด็จพระราชนิ ีสริ ิกติ ิ์
เปน็ สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ ี

๑๗๙

วนั ที่ ๒๒ ตลุ าคม พทุ ธศักราช ๒๔๙๙ ทรงออกรบั บิณฑบาต
ทรงพระผนวช ณ พระอโุ บสถ จากประชาชนทั่วไป
วดั พระศรีรัตนศาสดาราม
พระสมณฉายา “ภมู ิพโลภิกข”ุ
และประทบั
ณ พระต�ำ หนกั ปนั้ หยา
วัดบวรนเิ วศวิหาร
เป็นเวลา ๑๕ วัน

ระหว่างนี้ โปรดเกลา้ ฯ ให้
สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกิต์ิ

พระบรมราชินี
เปน็ ผสู้ �ำ เรจ็ ราชการแทนพระองค์

เมือ่ ทรงลาสกิ ขาแล้ว
มพี ระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ

ให้เฉลมิ พระอภิไธย เปน็
สมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ิต์ิ

พระบรมราชนิ ีนาถ

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ

พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
มีพระราชโอรสและพระราชธดิ า ๔ พระองค์
๑. ทูลกระหม่อมหญงิ อบุ ลรตั นราชกัญญา

สิริวฒั นาพรรณวดี
๒. พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดี
ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจา้ อยูห่ ัว
๓. สมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพ

รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี
๔. สมเดจ็ พระเจ้านอ้ งนางเธอ เจ้าฟา้ ฯ
กรมพระศรสี วางควฒั น วรขัตติยราชนารี

๑๘๐

ตลอดระยะเวลาทที่ รงครองราชย์ ๗๐ ปี
ทรงบำ�เพญ็ พระราชกรณยี กิจนานปั การ
ทรงแก้ปญั หาความเดอื ดรอ้ นของบ้านเมือง
และทรงสร้างสนั ตสิ ุขแกอ่ าณาประชาราษฎร์
มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ

ดา้ นตา่ ง ๆ ๔,๘๑๐ โครงการ
ล้วนเป็นประโยชน์

แกก่ ารพฒั นาความเจรญิ ของชาติ
และแนวทางการด�ำ รงชวี ติ
ของปวงชนชาวไทย
ระหวา่ งพทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ - ๒๔๙๙ เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรทกุ ภูมิภาค
ทรงรบั ทราบถงึ ปญั หาความยากจน

๑๘๑

ทรงเปน็ พระมหากษตั ริย์นกั พฒั นา
ทรงเนน้ การพัฒนาแบบยัง่ ยืน มีความ

สมดุลระหว่างมนุษยก์ ับธรรมชาติ
โครงการในพระราชดำ�ริจงึ ครอบคลมุ
ทกุ ดา้ น ได้แก่ เกษตรกรรม ส่งิ แวดล้อม

สาธารณสุข การส่งเสรมิ อาชีพ
ทรัพยากรนํา้ และการคมนาคม

โครงการ
อันเน่อื งมาจากพระราชด�ำ ริ

โครงการแรกเรม่ิ ข้ึนเมอ่ื
พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕

เมือ่ คร้ังเสดจ็ ฯ
ไปทรงเย่ยี มราษฎรทบ่ี ้านห้วยคต

จงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์
รถพระที่นัง่ ตกหลม่
จงึ มพี ระราชดำ�รใิ ห้ตดั ถนน
สายหัวหนิ -หว้ ยมงคล
เพื่ออำ�นวยความสะดวก

แกร่ าษฎร
รถบูลโดเซอร์
พระราชทานสำ�หรับเกลีย่ ดนิ
ในการสร้างถนนครง้ั น้ัน

๑๘๒

มพี ระราชด�ำ ริ
ให้สร้างอา่ งเก็บน้ําเขาเตา่
จงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ์
เพอ่ื แก้ไขปญั หาการขาดแคลนน้ํา
ของราษฎรในหนา้ แล้ง
อ่างเก็บน้ําเขาเตา่ นับเป็นจดุ เร่มิ ตน้ ของโครงการทเ่ี กย่ี วเนือ่ งกบั การบรหิ ารจดั การนํ้า
โปรดใหส้ ร้างเข่อื น อา่ งเก็บนํ้า ตามแนวพระราชดำ�รทิ ั่วประเทศ เกิดไฟฟ้าพลงั นา้ํ ทกุ เขอ่ื น
ประดุจแสงสวา่ งจากสายนทีสูป่ ระชาชน และสโู่ รงงานอตุ สาหกรรมทีพ่ ฒั นาให้ชาติเจรญิ กา้ วหน้า

๑๘๓

พระราชทานพระราชดำ�รใิ นการทำ�ฝนเทียม หรือท่ีเรียกวา่ “ฝนหลวง”
ในพน้ื ทแ่ี หง้ แลง้ และฝนทิ้งชว่ ง ตลอดจนการสร้างอา่ งเก็บนํ้า เหมือง ฝาย
สรา้ งโรงงานพลังนาํ้ ขนาดเลก็ ในชุมชน และการผันนํ้าจากแหลง่ ธรรมชาติ
สูแ่ หลง่ แกม้ ลิง ชะลอน้าํ มใิ ห้ท่วมลน้ และท�ำ ความเสยี หายก่อนระบาย
ออกสูท่ ะเล

ทรงใสพ่ ระราชหฤทัย ในเรือ่ ง
การบริหารจดั การนํา้ อยา่ งสม่ําเสมอ
ทรงใหค้ วามสำ�คัญว่า “นา้ํ คือชวี ติ ”

มีพระราชด�ำ รัสว่า “หลักสำ�คัญ
ตอ้ งมีนํา้ บรโิ ภค นา้ํ ใช้
น้าํ เพอื่ การเพาะปลกู
เพราะว่าสิ่งมชี วี ติ อยทู่ ี่น่นั

ถ้ามีนํา้ คนอย่ไู ด้ ถ้าไมม่ นี ํ้าคนอยไู่ ม่ได้
ไมม่ ีไฟฟา้ คนอย่ไู ด้

แตถ่ ้ามไี ฟฟ้า ไม่มีนา้ํ คนอยูไ่ ม่ได้”
นอกจากการสรา้ งเขื่อน ยงั มโี ครงการพฒั นาลุ่มนา้ํ อกี หลายแหง่ ได้แก่ โครงการพัฒนาลุม่ นา้ํ กาํ่
จงั หวัดสกลนคร-นครพนม โครงการพัฒนาลุ่มนํา้ บางนรา จังหวดั นราธิวาส โครงการพัฒนา

พ้นื ท่ีลุ่มน้ําปากพนัง จังหวัดนครศรธี รรมราช พทั ลงุ และสงขลา
รวมถงึ อา่ งเก็บกกั นํ้าขนาดยอ่ ม เหมอื ง หรือฝายเลก็ ฝายน้อยทเ่ี รียกว่า “ฝายแมว้ ”

เพื่อใหค้ วามช่มุ ช้ืนแก่ผืนป่าและบรรเทาการขาดแคลนนาํ้ ในฤดแู ล้ง

๑๘๔

ทรงสร้างศูนย์พฒั นาอนั เนอื่ งมาจากพระราชด�ำ ริ เสมือนพพิ ธิ ภัณฑ์ทมี่ ีชวี ติ ในทุกภูมภิ าค
เพ่ือใหค้ วามรแู้ ละแก้ปัญหาด้านเกษตรกรรม ตามสภาวะของแตล่ ะภูมภิ าค ไดแ้ ก่ ดนิ นา้ํ พชื
เมลด็ พนั ธ์ุ วธิ ีการอน่ื ๆ อยา่ งครอบคลมุ ครบวงจรแก่ทุก ๆ ปญั หาทเ่ี ขา้ ไปศกึ ษา ณ ศูนย์นนั้ ๆ

ตราบปจั จบุ นั

พุทธศกั ราช ๒๕๒๒ ทรงริเรม่ิ โครงการพฒั นา
ดา้ นเกษตรกรรมโครงการแรก ไดแ้ ก่ ศูนยศ์ กึ ษาการพัฒนา

เขาหนิ ซอ้ น อนั เนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ
อ�ำ เภอพนมสารคาม จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา

ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาหว้ ยทราย อนั เนื่อง ศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาอ่าวค้งุ กระเบน
มาจากพระราชด�ำ ริ อำ�เภอชะอำ� จงั หวัด อันเน่อื งมาจากพระราชด�ำ ริ อำ�เภอท่าใหม่
เพชรบุรี ด�ำ เนนิ การปอ้ งกันไฟป่าดว้ ยระบบ
ป่าเปียก และใชห้ ญ้าแฝกแกป้ ัญหาดินดาน จังหวดั จนั ทบุรี
เปน็ การอนรุ ักษ์ปา่ ชายเลน

และการบ�ำ บดั น้ําเสีย
จากการเลย้ี งกุ้งกุลาดำ�

๑๘๕

ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาภูพาน
อันเน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ อำ�เภอเมืองสกลนคร จงั หวัดสกลนคร
ทดลองเร่อื งพันธุ์พชื พนั ธุ์สตั ว์ ขา้ วหอมมะลิ ๑๐๕ เห็ดภูพาน และสุกรภพู าน
ภาคเหนอื ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไคร้ อนั เน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ
อำ�เภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชียงใหม่ ดำ�เนนิ การสร้างฝายชะลอนํ้า
เพ่มิ ความชุ่มชืน้ เพอ่ื รักษาป่าต้นนา้ํ การปลูกป่า ๓ อยา่ ง
ได้ประโยชน์ ๔ อย่าง

ภาคใต้ ศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อนั เน่อื งมาจากพระราชดำ�ริ อำ�เภอเมอื งนราธวิ าส
จงั หวดั นราธิวาส ด�ำ เนินการปรับปรุงดินเปรี้ยวด้วยทฤษฎแี กล้งดิน และพัฒนาพ้นื ทปี่ า่ พรุ

๑๘๖

นอกจากนี้ ยังมโี ครงการ
อันเนือ่ งมาจากพระราชด�ำ ริ
เพอ่ื พฒั นาการประกอบอาชพี
อกี จ�ำ นวนมาก นบั แต่พ้นื ราบ
ไปจนถึงบนดอยสงู ทางตอนเหนอื
ภมู ปิ ระเทศเปน็ ภูเขา หุบเขา สูงกว่า
ระดับนา้ํ ทะเล ๕๐๐-๕,๒๖๕ เมตร
อากาศหนาวเยน็ ตลอดปี

โครงการพัฒนาเกษตรที่สงู “โครงการหลวง”
ตง้ั ขึน้ เม่อื พุทธศกั ราช ๒๕๑๒ เพอื่ ช่วยเหลือ
ชาวไทยภูเขาทที่ �ำ ไร่เล่อื นลอยและปลูกฝ่ิน

ทรงสง่ เสรมิ ให้ชาวเขาหนั มาปลกู พชื เศรษฐกิจ นอกจากแก้ปัญหาป่าต้นน้ําแลว้
ทดแทน และใหท้ ำ�กนิ เป็นที่เป็นทาง แกป้ ญั หา ยังแก้ปัญหาการปลูกฝนิ่ ดว้ ยสันติ

การบุกรุกแผว้ ถางปา่ ซึ่งเปน็ ป่าตน้ นํา้
และรับซอื้ ผลผลิต

๑๘๗

ทรงตง้ั สถานีทดลองปลูกพืชเมอื งหนาว
แทนการปลกู ฝน่ิ ไดแ้ ก่

สถานวี ิจยั เกษตรหลวงอ่างขาง อำ�เภอฝาง
สถานีเกษตรหลวงปางดะ อำ�เภอสะเมิง
และสถานเี กษตรหลวงดอยอนิ ทนนท์

อ�ำ เภอจอมทอง จังหวัดเชยี งใหม่

โครงการวิจยั การปลกู พืชในทสี่ งู เช่น ปลกู ไม้ดอก ไมผ้ ล กาแฟ พืชผักเมอื งหนาว เลย้ี งสัตว์
โดยต้ังศูนย์เพอื่ การพัฒนา ๓๔ แห่ง น�ำ ผลงานวจิ ัยไปส่รู าษฎร ๕ จงั หวดั คือ จังหวัดเชยี งใหม่
เชียงราย ลำ�พูน แมฮ่ อ่ งสอน และพะเยา มีการจดั การหลงั เก็บเก่ียว การขนสง่ การคัดบรรจุ

การแปรรปู และวจิ ยั การตลาด สว่ นโครงการพฒั นาเกษตรในชนบททรงริเร่ิมทดลอง
ณ พืน้ ท่โี ดยรอบพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวงั ดุสิต

ผลิตแลว้ อยู่ดกี นิ ดี
มีท่ขี าย ชวี ิตม่ันคง

พุทธศักราช ๒๕๐๓ โปรดให้ฟ้นื ฟู
พระราชพธิ พี ชื มงคลจรดพระนงั คัลแรกนาขวัญ

หลงั จากยกเลกิ ไปเม่อื พทุ ธศักราช ๒๔๗๙
เพ่อื เป็นการสร้างขวญั กำ�ลังใจแก่เกษตรกร

๑๘๘

ทรงริเริ่มโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
มีวัตถุประสงค์หลักในการดำ�เนินงาน ๓
ประการ
๑. เป็นโครงการศึกษาทดลอง
๒. เป็นโครงการตัวอย่าง ให้ผู้สนใจ
สามารถเข้ามาศึกษา เพื่อสามารถ
นำ�กลับไปดำ�เนินการเองได้
๓. เป็นโครงการที่ไม่หวังผลกำ�ไรเชิงธุรกิจ

ทรงนำ�ข้าวชอ่ื “นางมล” มาทดลองปลูก ตอ่ มา จงึ ทดลองปลูกพนั ธุ์ขา้ วใหเ้ หมาะกับพืน้ ที่
เมือ่ พทุ ธศักราช ๒๕๐๔ แลว้ พระราชทาน ทง้ั ขา้ วเจ้า ขา้ วเหนยี ว ขา้ วไร่ ที่ปลกู ในพน้ื ที่
ในงานพระราชพธิ จี รดพระนงั คัลแรกนาขวญั ที่มนี ํา้ น้อย รวมท้ังปลกู พืชตระกูลถัว่ ไดแ้ ก่
ถ่วั ลิสง ถวั่ แดง ถ่วั เหลอื ง และพืชอีกหลายชนิด

เพ่อื เพ่มิ ผลผลติ พืชไร่

ทรงขยายพันธขุ์ า้ ว และเมล็ดพันธ์พุ ชื อืน่ ๆ
พระราชทานแกร่ าษฎรทวั่ ประเทศ

๑๘๙

ทรงต้งั โรงสขี า้ วตัวอยา่ ง ใชเ้ ครอ่ื งจกั รท่ีผลิต ส่วนแกลบหรอื เปลือกขา้ วจากการสี
ในประเทศ รวมถงึ ยุ้งฉางแบบตา่ ง ๆ น�ำ ไปผสมกับสารเคมีสูตรต่าง ๆ ทำ�ปุ๋ย
ที่สรา้ งดว้ ยไม้ ด้วยเหลก็ และคอนกรีต
หรืออัดแท่งท�ำ เป็นเชือ้ เพลงิ
เพอื่ เก็บรักษาข้าวเปลอื กส�ำ หรบั การศึกษาวิจัย สำ�หรับใช้แทนฟืนได้

ทรงเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลานิล สร้างโรงโคนมทดลองส�ำ หรับเลี้ยงโคนม
ที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เมื่อครั้งดำ�รง ท่มี ผี นู้ �ำ มาถวาย ๖ ตวั เมือ่ โคนมตกลกู ได้นํ้านม
พระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร แห่งญี่ปุ่น ทูลเกล้าฯ ทเ่ี หลือจากลกู โคมาจ�ำ หน่ายแก่ขา้ ราชบรพิ าร
ถวาย โปรดให้กรมประมงขยายพันธุ์แล้วแจกจ่าย
จนกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจแพร่หลายทั่วประเทศ เป็นการวางแนวทางเพ่ือการผลิตให้สมบูรณ์

ต่อมาทรงตั้งโรงงานผลิตนมผง รบั นา้ํ นมดบิ จากสหกรณโ์ คนมมาผลิต
พระราชทานชอื่ วา่ “นมผงสวนดสุ ติ ” ผ่านการฆา่ เชือ้ แล้ว นำ�ออกจำ�หนา่ ย
ภายหลงั ไดจ้ ดั ตง้ั “ศูนยร์ วมนมสวนจิตรลดา” ในโรงเรียน เสรมิ สร้างใหเ้ ด็กมสี ขุ ภาพ

ร่างกายแขง็ แรง

๑๙๐

แก้ปญั หาการขาดแคลนพลงั งาน
ทรงพฒั นาพลังงาน ๔ ประเภท ไดแ้ ก่

พลังงานชีวภาพ
ผลิตพลังงานแก๊สและน้ํามนั
จากพชื เช่น ปาล์มน้าํ มัน อ้อย
มนั ส�ำ ปะหลัง ได้แก๊สโซฮอล์
และไบโอดีเซลเปน็ พลังงาน
ทดแทนนา้ํ มนั จากฟอสซลิ

พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม
ทรงน�ำ ระบบเซลลแ์ สงอาทิตย์ใชใ้ นทห่ี า่ งไกล เป็นพลังงานธรรมชาติทน่ี �ำ มาใช้ประโยชน์
ที่สายไฟฟา้ ไปไม่ถึง สามารถมีไฟฟ้าสำ�หรบั โดยการใชก้ งั หนั ลมสูบนํ้าขึ้นมาใช้ในการบริโภค
วทิ ยุส่อื สารขนาด ๑๐๐ วัตต์ ใชป้ ระโยชน์ และใช้สร้างกระแสไฟฟ้า ดงั เช่น ท่งุ กังหันลมใน
ในการสบู นํ้าซึง่ อปุ กรณ์ไฟฟ้าปราศจากมลพษิ
โครงการช่ังหวั มนั ตามพระราชดำ�ริ
อ�ำ เภอทา่ ยาง จังหวดั เพชรบรุ ี

พลงั งานนํา้
ทรงให้ความรใู้ นการผลติ ไฟฟ้าไวส้ องแบบ
แบบแรกได้จากนาํ้ ไหลจากทส่ี ูงมาพดั กงั หันเครอ่ื งกำ�เนดิ ไฟฟ้า
แบบที่สองได้จากนํา้ ไหลทางราบ เม่ือไหลอยู่ตลอดเวลา
ท�ำ ให้กังหนั เคร่ืองก�ำ เนดิ ไฟฟา้ หมุนไดเ้ ช่นกนั
มีพระราชด�ำ ริดา้ นชลประทานทัว่ ทุกภูมภิ าค

การสรา้ งพลังงานท้ัง ๔ ประเภท
ทรงไดร้ ับการถวายพระราชสมญั ญา
“พระบดิ าแหง่ การพัฒนาพลังงานไทย”

๑๙๑

พุทธศกั ราช ๒๕๓๑ ทรงคิดคน้ “เกษตรทฤษฎใี หม่” เพอื่ เปน็ ทางเลือกให้ราษฎร
สามารถพ่ึงตนเองไดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ หลกั การคอื ใชท้ ด่ี นิ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุด
โดยแบง่ ท่ีดนิ ออกเปน็ ๔ ส่วน ส�ำ หรับแหล่งน้าํ นาขา้ ว ไร่ สวน และทีอ่ ยู่อาศยั

เกษตรทฤษฎีใหมแ่ บ่งออกเป็น ๓ ขั้น
๑ ) เป็นการพงึ่ ตนเอง ใช้ทดี่ นิ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ
๒ ) รวมกลมุ่ กันเป็นสหกรณ์เพอื่ เพิ่มผลผลิต
๓ ) ประสานความรว่ มมือกนั ให้กลายเป็นภาคธุรกจิ
พุทธศักราช ๒๕๓๒ ทรงริเรม่ิ โครงการน้ี
ณ บริเวณวดั มงคลชยั พัฒนา จงั หวัดสระบุรี
เปน็ แห่งแรก

พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐
ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกจิ ตกตาํ่
จงึ ทรงนำ� “หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง”
ที่มพี ระราชด�ำ รไิ ว้ เมื่อพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗

อันมีคณุ ลักษณะ ๓ อย่าง คอื
ความพอประมาณ

ความมีเหตุผล การมภี มู คิ ุม้ กนั ทดี่ ีในตวั
การนำ�ปรัชญาน้มี าประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ

จะสง่ ผลให้เกิดการพฒั นาสงั คม
และทรัพยากรบุคคลอยา่ งมน่ั คง ยง่ั ยนื

และสงบสขุ

๑๙๒

โปรดให้จัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์
ในพระบรมราชูปถัมภข์ ึ้น เมื่อวนั ท่ี ๒๕ ตลุ าคม

พทุ ธศักราช ๒๕๐๕ เพ่ือชว่ ยเหลือราษฎร
ทีป่ ระสบภยั พิบตั จิ ากเหตกุ ารณ์วาตภยั

และอทุ กภยั ทแ่ี หลมตะลุมพุก
จงั หวดั นครศรธี รรมราช ทำ�ให้สูญเสีย
ทง้ั ชีวติ และทรพั ย์สนิ เปน็ จำ�นวนมาก

พระราชทานพระราชทรพั ย์
และช่วยเหลอื ราษฎรโดยเร่งด่วน

โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงเรียนประชาบาล
ทถ่ี ูกพายุแฮเรยี ตพดั เสียหาย ๑๒ โรงเรียน
ใน ๒ จังหวดั ภาคใต้ พระราชทานชอื่ วา่

“โรงเรียนราชประชานุเคราะห์”
จากลำ�ดับที่ ๑ ถึง ๑๒ ตามล�ำ ดบั ในระยะตอ่ มา

ไดเ้ พิ่มข้ึนถึง ๕๘ แหง่

๑๙๓

พุทธศักราช ๒๕๓๑
โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งมูลนิธชิ ยั พัฒนา เพื่อชว่ ยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยพบิ ตั ิ

ท่ีตอ้ งการความรวดเร็วทนั เหตกุ ารณ์และการปรบั ปรุงส่ิงแวดล้อม

มูลนิธิชัยพัฒนา จะเน้นกจิ กรรมเพ่ือการพัฒนา
ท่ีไม่ซํา้ ซ้อนกบั โครงการของรัฐ แตจ่ ะพยายาม

สนับสนนุ สง่ เสรมิ และประสานงาน
ใหโ้ ครงการต่าง ๆ เกิดความสมบูรณ์
และสามารถด�ำ เนนิ การได้อยา่ งรวดเรว็

สอดคล้องกับสถานการณ์
ทรงประดษิ ฐก์ งั หนั ชัยพัฒนา
ส�ำ หรบั เตมิ ออกซเิ จนในน้าํ เพือ่ บำ�บัดนํา้ เสีย
ซง่ึ สมาพันธ์นกั ประดษิ ฐน์ านาชาติ
ไดท้ ูลเกลา้ ฯ ถวายรางวลั
ในฐานะท่ที รงสรา้ งนวัตกรรมท่ีเปน็ ประโยชน์

ตอ่ การรกั ษาส่ิงแวดลอ้ ม
เปน็ ส่ิงประดิษฐ์รายการแรก

ท่ีไดร้ ับสทิ ธิบัตร
จากกรมทรัพย์สนิ ทางปญั ญา

กระทรวงพาณชิ ย์

๑๙๔

โปรดใหต้ ัดถนนข้ึนรวม ๑๒ สาย ซึง่ เปน็ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ
อันแสดงถึงสายพระเนตรอนั กว้างไกล โดยเรมิ่ ต้นโครงการในพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๔

เมื่อทรงครองราชย์ครบ ๒๕ ปี โปรดให้สร้างถนนรัชดาภิเษก
(วงแหวนรอบใน) และเมื่อทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี
โปรดให้สร้างถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก)
รวมถึงสร้างโครงข่ายจตุรทิศ ทิศเหนือ-ทิศใต้
และทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก เพื่อรองรับปริมาณ
การจราจรที่นับวันจะหนาแน่นในกรุงเทพมหานคร
อำ�นวยความสะดวกในการเล่ียงใจกลางเมือง
ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นเส้นทางบรรทุกสนิ ค้าจากโรงงานอุตสาหกรรมสมุทรปราการ
เชอ่ื มท่าเรือคลองเตย การเชื่อมโยงของถนนเหล่านี้ ช่วยแกป้ ัญหาการจราจร
เปน็ ประโยชนต์ ่อการคมนาคมตราบปจั จุบนั

๑๙๕

ทรงตระหนกั ถงึ การจราจรทตี่ ดิ ขดั
ในกรุงเทพมหานคร

เม่อื วันที่ ๖ กนั ยายน พทุ ธศักราช ๒๕๓๖
จึงมีพระราชด�ำ รใิ หม้ หี น่วยจราจรเคลื่อนทเี่ รว็

เพอื่ แกไ้ ขในจดุ ทค่ี บั คง่ั

ตอ่ มา จราจรหน่วยนไ้ี ดม้ ภี ารกจิ เพ่มิ ข้ึน ได้แก่ ช่วยเหลืออบุ ัตเิ หตุ
การช่วยปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น ช่วยทำ�คลอดฉุกเฉิน อำ�นวยความสะดวก
แกผ่ ูป้ ว่ ยท่เี รง่ ด่วน

หน่วยจราจรเหลา่ น้ีได้แบ่งเบาภาระฉุกเฉินจากภยนั ตรายบนท้องถนน
ชว่ ยเหลอื ประชาชนใหถ้ ึงมือแพทย์โดยเร็วเปน็ จำ�นวนมาก

๑๙๖

มพี ระมหากรุณาธิคุณแกก่ จิ การแพทย์แผนปจั จบุ ัน และการสาธารณสุขของประเทศไทย
ทรงตระหนักถงึ ความสำ�คัญดา้ นสุขอนามยั ของราษฎร เม่ือเสด็จพระราชดำ�เนนิ ไปทรงเย่ียมราษฎร

ในภมู ิภาคตา่ ง ๆ โปรดใหห้ นว่ ยแพทยห์ ลวงตามเสด็จเพ่อื ดูแลราษฎรท่เี จ็บป่วย เรียกว่า
“หนว่ ยแพทย์พระราชทาน” ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ทีข่ าดแคลนสถานพยาบาล

หน่วยแพทย์พระราชทานเหลา่ นี้ ตรวจรักษาประชาชน
ท่ปี ว่ ยไข้ ท้ังรกั ษาโรคท่วั ไป และทนั ตกรรม

ในรายท่อี าการหนกั ทรงรับเปน็ คนไขใ้ นพระบรมราชูปถมั ภ์
ให้การรักษาในโรงพยาบาลจนหายปกติ
ทรงก�ำ หนดให้มี “หมอหมบู่ ้าน” สอนความร้กู ารดูแลรกั ษาพยาบาลเบอื้ งตน้
เชน่ การปฐมพยาบาล การทำ�คลอด โภชนาการ อาหารเสริมในทอ้ งถิน่
การป้องกนั และควบคุมโรคตดิ ตอ่ การส่งผู้ปว่ ยเข้ารักษาในโรงพยาบาล
เป็นความรสู้ าธารณสุขมูลฐานในการด�ำ รงชีวิต

๑๙๗

ทรงจัดตงั้ สถาบนั ราชประชาสมาสยั เป็นโครงการทดลองควบคุมและบ�ำ บัดโรคเร้ือน
ของกระทรวงสาธารณสขุ ทรงรับเปน็ โครงการในพระราชดำ�ริ และโปรดให้ดแู ล
ลูกของผู้ปว่ ยโรคเร้ือน
มพี ระราชด�ำ รสั เกีย่ วกบั
ราชประชาสมาสยั ว่า หมายถงึ
“พระราชาและประชาชนยอ่ มพ่ึงพาอาศัยกนั ”
ถอื เปน็ พระมหากรุณาธคิ ณุ อย่างลน้ พ้น
ตอ่ ผ้ปู ว่ ยโรคเรือ้ น

ทรงก�ำ จัดโรคร้ายแรงทเ่ี ป็นภัยใหห้ มดไปจากประเทศ
ไดแ้ ก่ อหวิ าตกโรค โรคเรอ้ื น โปลิโอ และวณั โรค
นอกจากนี้ ยังโปรดให้ผลติ เกลอื ไอโอดีน
แจกจา่ ยแก่ราษฎรในถน่ิ ทรุ กนั ดาร
เพื่อป้องกันโรคคอพอก

พุทธศกั ราช ๒๔๙๘ พระราชทานเรือ “เวชพาหน์” ออกบรรเทาทุกขแ์ ละรักษาผ้ปู ่วยท่อี าศัย
ตามรมิ แม่นา้ํ เมื่อการคมนาคมยงั ไม่เจริญ ไดแ้ ก่ แม่น้าํ เจา้ พระยา บางปะกง ทา่ จีน สะแกกรัง
เปน็ เวลานานกวา่ ๒๐ ปี ในเรือมอี ุปกรณ์เหมือนโรงพยาบาล แลว้ ขยายการรกั ษาไปสู่ภาคใต้

๑๙๘

ทรงพัฒนาการสาธารณสุข ด้วยการยกระดบั ศักยภาพบคุ ลากรทางการแพทย์
โดยจดั ตัง้ มูลนิธิอานนั ทมหิดล พระราชทานพระราชทรพั ย์ส่วนพระองค์
เป็นทุนไปศึกษาในต่างประเทศ ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๒

ทรงหว่ งใยความทกุ ขย์ ากของราษฎร
และทหารท่ไี ดร้ ับบาดเจ็บและทพุ พลภาพ
โดยทรงสร้างเครือ่ งมอื ในการดำ�รงชีวิต
เชน่ ทำ�ขาเทยี ม แขนเทยี ม และกอ่ ตง้ั
หน่วยงานช่วยเหลือในการประกอบอาชพี
เชน่ มลู นธิ ิสายใจไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์
สงเคราะห์ครอบครวั และทหารผา่ นศึก

เปน็ ตน้
ทรงห่วงใยทหารทท่ี ำ�หน้าทรี่ ั้วของชาติ
ปกปอ้ งแผ่นดินใหพ้ น้ ภัยจากผู้กอ่ การรา้ ย
โดยเฉพาะลัทธคิ อมมวิ นิสต์
เสด็จฯ โดยเฮลคิ อปเตอร์ เย่ียมทหาร
ต�ำ รวจ ท่ีรกั ษาประเทศในชายแดน
พระราชทานขวัญ และก�ำ ลังใจ
ทุกฐานที่ตั้งหน่วยทหาร
และต�ำ รวจตระเวนชายแดน

๑๙๙


Click to View FlipBook Version