The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ๑๐ รัชกาล ฉบับการ์ตูน

ในรชั สมยั มกี ารคบคา้ สมาคมกบั ชาวตะวนั ตก นโยบายส�ำ คญั ในการรกั ษาเอกราช
ของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทย คอื การพฒั นาบา้ นเมอื งใหเ้ จรญิ ทดั เทยี มกบั นานาอารยประเทศ

ดว้ ยเหตนุ ้ี จงึ ทรงเปลย่ี นแปลงขนบธรรมเนยี มประเพณีใหเ้ หมาะสมกบั กาลสมยั

โปรดใหย้ กเลกิ ธรรมเนยี มการหมอบคลาน โปรดให้ข้าราชการ เลิกไว้ผมทรงมหาดไทย
เวลาขา้ ราชการเขา้ เฝ้าฯ เปล่ยี นมาเปน็ ยังไว้ผมทรงนนั้ อยรู่ ึ

นัง่ เกา้ อ้ี และยืนเฝ้าฯ แทน

โปรดใหข้ า้ ราชการสวมเสอ้ื คอตง้ั กระดมุ หา้ เมด็ ในปลายรชั กาล โปรดใหเ้ ลกิ ประเพณี
แบบเสอ้ื นอกทหาร และนงุ่ ผา้ โจงไดต้ ามโอกาส โกนหัวไว้ทกุ ขท์ ั้งเมือง เมอ่ื พระเจา้ แผน่ ดิน

เสดจ็ สวรรคต

๑๐๐

ขา้ ราชการกนิ หมากฟันดำ� ดฟูงนัจารขมงิ าตวา โปรดใหข้ า้ ราชการใชป้ ฏทิ นิ สรุ ยิ คตติ ามแบบสากล
กโ็ ปรดให้ขดั เสยี ให้ขาว คอื นบั วนั ที่ ๑ - ๓๑ และใช้ชอ่ื เดอื น เช่น
เดอื นเมษายน พฤษภาคม ฯลฯ แทนการใช้
วนั ข้างขึน้ ข้างแรม และเดือนทางจันทรคติ
ข้ึนห้าคํา่ เดือนอา้ ย
น่ีอีกกี่วนั หนอ

ทรงพัฒนารปู แบบการรับประทานอาหาร พทุ ธศกั ราข ๒๔๑๘ โปรดใหต้ งั้ สถานพยาบาล
ให้นง่ั บนโต๊ะ และใช้ช้อนส้อมแทนการใช้มอื เรยี กวา่ “โรงหมอ” เพอ่ื พฒั นาการแพทยแ์ ผนใหม่

และให้ราษฎรคลอดบุตรอยา่ งปลอดภัย
พระราชทานนามวา่ “โรงศริ ริ าชพยาบาล

ปจั จบุ นั คอื โรงพยาบาลศริ ริ าช

พทุ ธศักราช ๒๔๓๖ เกิดวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒
สืบเนื่องจากการขยายอ�ำ นาจของชาตติ ะวนั ตกในยุคจกั รวรรดนิ ิยม เม่ือฝรง่ั เศสได้เวียดนามและ
เขมรสว่ นนอกด้านตะวันออกแล้ว กพ็ ยายามท่ีจะยึดครองลาว ซ่ึงในขณะน้ันเปน็ ประเทศราช

ของไทย เพื่อหวังใชแ้ ม่น้าํ โขงทไี่ หลผ่านลาวเป็นเสน้ ทางไปสู่จนี ซึ่งเป็นตลาดการค้าที่ส�ำ คัญ

๑๐๑

เหตุการณ์ร้ายแรงเริ่มต้นเม่อื เดอื นเมษายน
พุทธศักราช ๒๔๓๖ เม่ือฝรง่ั เศสส่งกำ�ลังทหาร
เข้ายดึ เมืองเชียงแตง (สตรงึ เตรง) ทางตอนใต้

ของเมอื งจำ�ปาศักดิ์ และเมอื งค�ำ ม่วน
ขณะน้นั เปน็ เมอื งประเทศราชของไทย

มีการสรู้ บอยา่ งหนกั หน่วง
ฝร่งั เศสใช้กำ�ลงั เรอื รบตฝี ่าปอ้ ม และเรือรบทป่ี ากแม่นา้ํ เจ้าพระยา ประกาศปดิ อ่าว พรอ้ มยื่น

ขอ้ เรียกรอ้ ง ไทยอยู่ในฐานะเสยี เปรียบจงึ จ�ำ ยอมสละดินแดนฝั่งซา้ ยแมน่ ้าํ โขง
และเสยี คา่ ปรับถึง ๓ ล้านฟรังก์
หรอื ประมาณ ๑,๖๐๕,๐๐๐ บาท

ซึง่ ได้น�ำ เงนิ ถงุ แดงท่พี ระบาทสมเดจ็
พระนัง่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเกบ็ ไว้
มาสมทบจ่ายเป็นส่วนใหญ่

จากวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ มที หารไทย
บาดเจบ็ ลม้ ตายจ�ำ นวนมาก โปรดให้จัดตั้งสภา

อณุ าโลมแดง (ปจั จบุ ันคือสภากาชาดไทย)
เปน็ สภาการกศุ ล จดั หาทนุ ซอื้ ยาและเวชภัณฑ์
โปรดใหส้ มเดจ็ พระศรพี ชั รินทรา บรมราชินนี าถ

พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
ทรงดำ�รงต�ำ แหน่งสภานายิกาพระองคแ์ รก

ดว้ ยเหตุน้ี จึงมพี ระราชด�ำ ริด�ำ เนนิ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ เยอื นประเทศตา่ ง ๆ ในทวปี ยโุ รป
พระบรมราชวิเทโศบายเจริญสมั พันธไมตรี รวม ๒ ครง้ั ในพทุ ธศกั ราช ๒๔๔๐ และพทุ ธศกั ราช
๒๔๕๐ กลา่ วไดว้ า่ ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ เ์ อเชยี
กบั นานาประเทศ พระองคแ์ รกทเ่ี สดจ็ เยอื นทวปี ยโุ รป เพอ่ื ใหเ้ หน็ วา่

มคี วามเจรญิ และศวิ ไิ ลซเ์ สมอกนั ซง่ึ นอกจาก
ไดป้ ระโยชนด์ า้ นการเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ตา่ งประเทศ
แลว้ ยงั ทรงน�ำ ความเจรญิ กา้ วหนา้ มาพฒั นาประเทศ

ดา้ นตา่ ง ๆ ดว้ ย

๑๐๒

พุทธศกั ราช ๒๔๑๖ โปรดใหต้ ง้ั หอรษั ฎากรพิพัฒน์
เพอ่ื จัดเก็บรายไดข้ องแผ่นดินรวมไว้แห่งเดยี วกนั

ต่อมายกเป็นกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
ทรงกำ�หนดอตั ราภาษอี ากรใหเ้ สมอภาคกนั

ทำ�ให้เก็บภาษอี ากรไดม้ ากข้ึน

พทุ ธศกั ราช ๒๔๓๙ โปรดให้มีการ พุทธศกั ราช ๒๔๓๙
จดั ท�ำ งบประมาณแผ่นดินขึ้นเปน็ ครัง้ แรก มีการจดั ตัง้ ธนาคารขน้ึ เปน็ ครัง้ แรก ชอื่
ให้แยกจากเงนิ ส่วนพระองค์ และมีการ “บริษัท แบงก์สยาม กมั มาจล ทุน จำ�กัด”
เปลี่ยนแปลงระบบการเงินหลายประการ
ได้พัฒนาเป็นระยะ ๆ ปจั จบุ นั คอื
ธนาคารไทยพาณิชย์ จ�ำ กัด (มหาชน)

วันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๔๕ ประกาศใช้
“พระราชบัญญัติธนบัตร ร.ศ. ๑๒๑” โปรดใหจ้ ัดท�ำ

ตวั๋ ส�ำ คญั ที่ใชแ้ ทนเงนิ เรียกวา่ “ธนบัตร”
รสู้ ึกแปลก ๆ
ท่ีใช้กระดาษ

แทนเงนิ

พกพาไดส้ ะดวก
ง่ายต่อการตรวจนับ

๑๐๓

ด้านการเกษตรและคมนาคม
ด้วยพระราชวิสัยทัศน์เพื่อบา้ นเมอื ง
ทรงพัฒนาสาธารณปู โภคทกุ ด้าน

เพื่อการคมนาคมท่ที ันสมยั
เพอื่ ส่งเสริมอาชีพของราษฎร
ใหก้ ว้างขวาง มีความสะดวกสบายข้ึน

โปรดใหข้ ดุ คลองเพื่อการพัฒนาการเกษตร มหี นว่ ยราชการและเอกชน
ขุดคลองขน้ึ เป็นจ�ำ นวนมาก มีพระราชดำ�รเิ รือ่ งอนญุ าตขุดคลองว่า

“การขุดคลองเพอื่ ทจี่ ะให้เป็นท่ีมหาชนทัง้ ปวงได้ไปมาอาศยั แลเป็นทางท่ีจะให้สินค้า
ไดบ้ รรทกุ ไปมาโดยสะดวก ซง่ึ ใหผ้ ลแก่การเรอื กสวนไร่นา ซ่ึงจะไดเ้ กดิ ทวขี นึ้

ในพระราชอาณาจกั ร เปน็ การอดุ หนุนการเพาะปลกู ในบ้านเมอื งให้วัฒนาเจริญยิ่งขึน้ ”

มีการขดุ คลองใหม่ ๆ และขดุ ลอกคลองเกา่ คลองเปรมประชากร คลองราชมนตรี
เพ่ือสง่ เสริมการทำ�ไร่ทำ�นา และเป็นเสน้ ทาง คลองทววี ฒั นา คลองนครเนื่องเขต
คลองนราภริ มย์ คลองประเวศบุรรี มย์
สญั จร เช่น คลองรังสิต คลองพระโขนง คลองอดุ มชลจร และคลองประปา
คลองปทุมวนั คลองกระทุ่มแบน

๑๐๔

โปรดท�ำ นุบ�ำ รงุ การเกษตรดา้ นอน่ื สอนให้เลย้ี งหมู วัว ควาย
เช่น บำ�รุงพนั ธ์ุขา้ ว ยาสูบ ฝ้าย อย่างถกู หลักอนามัย

แจกจา่ ยพชื พันธุ์แก่ราษฎร

พทุ ธศกั ราช ๒๔๔๒
เม่ือเสด็จฯ กลับจากยโุ รปคร้งั แรก

โปรดให้สรา้ งถนนราชด�ำ เนนิ
แบ่งเป็นชว่ ง มถี นนราชดำ�เนนิ นอก
ถนนราชด�ำ เนนิ กลาง ถนนราชดำ�เนินใน
เปน็ ถนนทก่ี วา้ งขวางสวยงาม เลียนแบบ
ถนนในยโุ รป โดยมพี ระราชประสงค์

ให้ประชาชนได้มที ่ีพักผ่อน

เดิมประชาชนนิยมสญั จรทางนา้ํ มีถนนตัดขึน้ ใหมม่ ากขน้ึ ในรัชสมยั
การสร้างถนนใหญ่โตจึงมกี ารซบุ ซิบอยบู่ า้ ง

วา่ ใครจะมาเดิน ถา้ เลก็ ๆ กย็ งั พอวา่

๑๐๕

ท�ำ ให้มรี ้านค้าเกิดขนึ้ ตามแนวถนน จากนนั้ กม็ รี ถลาก รถม้า รถยนต์
รวมทั้งหา้ งร้านหลายแหง่ ว่ิงกันดาษดื่น ประชาชนใช้สัญจรมากขึ้น

เป็นดังพระราชประสงค์

พุทธศักราช ๒๔๓๐ โปรดใหเ้ ดนิ รถราง ในปเี ดียวกนั น้ี ทรงพระกรณุ า
เปน็ ครั้งแรก เพอื่ อ�ำ นวยความสะดวก โปรดเกลา้ ฯ ให้ เซอรแ์ อนดรู คลาก
สำ�รวจเสน้ ทางรถไฟเปน็ การเริม่ ตน้
แกป่ ระชาชนในการเดนิ ทาง

รถไฟสายแรก เปิดเดนิ รถระหว่าง แตส่ รา้ งยงั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ ถึงนครราชสมี า
กรงุ เทพฯ - นครราชสีมา ก็เปิดใหเ้ ดินรถ ระหวา่ งกรงุ เทพฯ -
อยุธยาก่อน ระยะทาง ๗๑ กิโลเมตร
เปิดเดนิ รถเมอ่ื วนั ที่ ๒๘ มีนาคม

พทุ ธศักราช ๒๔๓๙

๑๐๖

พทุ ธศักราช ๒๔๔๐ ตัง้ กรมสุขาภิบาลขึน้ คร้นั กิจการสุขาภบิ าลได้ผลดีน่าพอใจ
เพอ่ื ดูแลรักษาความสะอาด กำ�จัดขยะมลู ฝอย พทุ ธศักราช ๒๔๕๑ จึงโปรดให้จดั การ
เพือ่ ควบคมุ โรคติดต่อ แล้วขยายไปยังสว่ น สขุ าภิบาลหวั เมอื งขน้ึ ทวั่ ไป แบง่ เปน็
๒ ประเภท คอื สุขาภบิ าลเมอื ง และ
ภมู ภิ าค โดยทดลองเป็นครงั้ แรกที่ สขุ าภิบาลตำ�บล ตอ่ มาเป็นเทศบาล
ตำ�บลท่าฉลอม จังหวดั สมุทรสาคร

เม่อื พุทธศกั ราช ๒๔๔๘

ดว้ ยเหตุวา่ ในรัชกาลเกิดการระบาดของ วนั ท่ี ๑๓ กรกฏาคม พทุ ธศักราช ๒๔๕๒
อหวิ าตกโรค เพราะราษฎรดมื่ น้าํ ตามบอ่ ขุด โปรดให้จดั ตัง้ “การประปา”
ขึน้ ในเขตพระนคร
หรือตามแม่นํา้ ล�ำ คลอง อนั เป็นวถิ ปี กติ
จึงมพี ระราชดำ�รใิ ห้จัดการเรือ่ งนา้ํ ดื่มน้าํ ใช้ ภายหลังจงึ ขยายออกไปกวา้ งขวางขึ้น

พุทธศกั ราช ๒๔๒๓ โปรดใหต้ ้งั กรมไปรษณีย์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๓๙ โปรดให้จัดตง้ั
เรม่ิ ทดลองในเขตพระนคร และธนบรุ ี กรมป่าไมข้ นึ้ เพ่อื ดูแลปา่ ไม้ โดยให้
มที ี่ท�ำ การเรยี กว่า “ไปรษณียาคาร” มร. เอช เสลด เปน็ เจ้ากรมปา่ ไมค้ นแรก

ต่อมาได้ควบรวมกบั กรมโทรเลขซ่ึงตงั้ ก่อน ตอ่ มา พุทธศักราช ๒๔๖๖
เรยี กวา่ “กรมไปรษณีย์โทรเลข” พระยาดรพุ ันธพ์ ิทักษ์ (สนิท พุกกะมาน)
มารบั หนา้ ทตี่ อ่ นบั เป็นเปน็ อธบิ ดีกรมปา่ ไม้

คนไทยคนแรก

โทรเลขดว่ นขอรับ

๑๐๗

ในรัชสมยั มีการน�ำ รปู แบบสถาปตั ยกรรม และศิลปกรรมแบบตะวันตกมาประยุกต์
ใชใ้ นงานกอ่ สรา้ งและประดบั ตกแตง่ อาคารสถานท่ี ตลอดจนพระราชวังสำ�คญั ๆ หลายแห่ง
อาทิ พระท่ีนง่ั จกั รมี หาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง วังบางขนุ พรหม และวังวรดิศ

รวมถึงงานจิตรกรรมฝมี ือชา่ งชาวอิตาลีภายในโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม เปน็ ตน้

ทรงเลือ่ มใสในพระพทุ ธศาสนา
พุทธศกั ราช ๒๔๓๑ โปรดใหส้ อบชำ�ระพระไตรปฎิ ก
พทุ ธศกั ราช ๒๔๔๕ โปรดใหต้ ราพระราชบญั ญัติ
ปกครองคณะสงฆ์ โปรดให้บรู ณปฏิสงั ขรณ์วดั วาอาราม

ทั่วราชอาณาจกั ร โปรดให้สร้างวัดราชบพิธ
สถิตมหาสีมาราม และวัดนิเวศธรรมประวัติ
เมือ่ สร้างพระราชวงั ดสุ ิตแลว้ โปรดใหส้ รา้ ง
วดั เบญจมบพติ รดสุ ติ วนาราม ทรงทำ�นุบำ�รงุ
อปุ ถมั ภ์ทกุ ศาสนา ไม่วา่ จะเปน็ ครสิ ต์ศาสนา

ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาอ่นื ๆ

๑๐๘

ทรงปฏิรูปการศกึ ษาให้เป็นระเบียบแบบแผน พุทธศกั ราช ๒๔๒๗ โปรดใหต้ ้งั
โปรดให้ตั้งโรงเรยี นหลวงข้นึ ในพระบรมมหาราชวงั โรงเรยี นขนึ้ ทีว่ ดั มหรรณพาราม
เป็นแห่งแรก เมื่อพทุ ธศกั ราช ๒๔๑๔ เพื่อส่งเสรมิ เป็นแห่งแรกเพ่ือขยายการศึกษา
การศึกษาแกบ่ รรดาเจ้านายและลูกหลานขา้ ราชบริพาร ออกสปู่ ระชาชน ตลอดรชั สมยั
มโี รงเรยี นเกดิ ขน้ึ เปน็ จ�ำ นวนมาก

พุทธศกั ราช ๒๔๔๘ โปรดใหร้ วมกจิ การหอพระมณเฑียรธรรม หอพทุ ธศาสนสงั คหะ
และหอพระสมดุ วชริ ญาณ ซงึ่ เป็นหอสมดุ ที่พระราชโอรสและพระราชธิดา

ในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว ทรงจดั ตงั้ ขึน้ ส�ำ หรบั สมาชกิ ในราชตระกูล
เปน็ หอพระสมดุ วชริ ญาณส�ำ หรับพระนคร เพื่อพระราชทานโอกาส
ใหป้ วงชนมีแหล่งศึกษาหาความรู้ ต่อมาไดพ้ ัฒนาเป็นหอสมดุ แห่งชาติ

ทรงเปน็ กวีที่มพี ระปรีชาสามารถอยา่ งยิง่ ทรงพระราชนพิ นธ์หนังสือไวห้ ลายประเภท
ท้ังวรรณคดี กวนี พิ นธ์ วชิ าการทางวฒั นธรรม ประวตั ิศาสตร์ รัฐศาสตร์ ศาสนา เป็นต้น

ซึ่งบทพระราชนิพนธห์ ลายเรือ่ งน�ำ มาใช้เป็นบทเรียนดว้ ย

๑๐๙

พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระองค์ทรงเปน็ ทรี่ ักของพสกนิกร
เสด็จสวรรคตเม่ือวันอาทิตย์ ที่ ๒๓ ตุลาคม จงึ ทรงได้รบั การถวายพระราชสมัญญาว่า
“สมเดจ็ พระปยิ มหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า
พุทธศกั ราช ๒๔๕๓ พระชนมพรรษา “พระมหากษตั ริยท์ ที่ รงเป็นทรี่ กั ย่ิงของปวงชน”
๕๘ พรรษา ทรงดำ�รงสิริราชสมบตั ิ ๔๒ ปี

ในโอกาส
คล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ ๑๕๐ ปี
วนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน พุทธศกั ราช ๒๕๔๖
องค์การศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์และวัฒนธรรม
แหง่ สหประชาชาตหิ รอื ยเู นสโก (UNESCO)

ไดป้ ระกาศยกย่องพระเกียรตคิ ุณ
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
ใหท้ รงเป็นบุคคลส�ำ คญั ของโลก ดา้ นการศกึ ษา

วัฒนธรรม สงั คมศาสตร์ มนุษยวทิ ยา
การพัฒนาสังคมและการส่อื สาร

๑๑๐

รัชกาลท่ี ๖

มากลน้ การศึกษา

พระราชลญั จกรประจ�ำ พระองคร์ ชั กาลท่ี ๖
เปน็ ตรางา ลกั ษณะกลมรี รูปวชิราวุธ มรี ัศมี
ประดษิ ฐานบนพานทองสองชัน้ ต้ังอยู่เหนอื ตงั่ มฉี ตั รบรวิ าร ๒ ขา้ ง
เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า วชริ าวุธ หมายถึง ศัสตราวุธของพระอินทร์

รกั ราช จงจติ น้อม ภกั ดี ทา่ นนา
รกั ชาติ กอบกรณยี ์ แน่วไว้
รักศาสน์ กอบบุญตรี สุจรติ ถว้ นเทอญ
รักศักดิ์ จงจิตให้ โลกซรอ้ งสรรเสรญิ ฯ...

บทหน่งึ ของโคลง “สยามานุสสติ”
พระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๖

๑๑๒

พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั
รชั กาลที่ ๖ พระนามเดมิ วา่

สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้ามหาวชริ าวธุ
เปน็ พระราชโอรสใน

พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
และสมเด็จพระศรีพชั รินทรา บรมราชินีนาถ

พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
เสดจ็ พระราชสมภพ

เม่อื วันเสาร์ ที่ ๑ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๒๔

พุทธศกั ราช ๒๔๓๑ โปรดเกลา้ ฯ ทรงศกึ ษาภาษาไทยเบ้อื งตน้ กบั เจา้ พระยา
สถาปนาเปน็ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระเสดจ็ สเุ รนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปยี มาลากุล)
เจา้ ฟ้ามหาวชริ าวุธ กรมขนุ เทพทวาราวดี
จากนนั้ ทรงศึกษาทโ่ี รงเรยี นราชกุมาร
ในพระบรมมหาราชวัง

ตอ่ มา พทุ ธศกั ราช ๒๔๓๖ สมเดจ็ พระบรมชนกนาถ
โปรดเกล้าฯ ใหเ้ สดจ็ ฯ ไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ

๑๑๓

คร้ันสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจา้ ฟ้ามหาวชริ ณุ หศิ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
สมเดจ็ พระเชษฐาธิราช ประชวรและเสด็จทิวงคต
เม่ือวันที่ ๘ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๓๗
จึงทรงไดร้ ับการสถาปนาเฉลิมพระอิสรยิ ยศขนึ้ เป็น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชริ าวธุ

สยามมกุฎราชกุมาร
เมื่อวนั ที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๓๗

พระชนมพรรษา ๑๓ พรรษา
ขณะทรงดำ�รงพระอิสรยิ ยศสมเด็จ

พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร
ทรงปฏิบัตพิ ระราชกรณยี กจิ แทนพระองค์

ในการเสด็จเยอื นนานาประเทศ
ทรงเข้าร่วมพระราชพธิ สี ำ�คญั
ของพระราชวงศป์ ระเทศตา่ ง ๆ ในยโุ รป

การศกึ ษา ณ ประเทศองั กฤษ ชว่ งแรกได้แก่ เมื่อทรงสำ�เรจ็ การศกึ ษาแลว้ เสดจ็ นวิ ัตพระนคร
วิชาสามัญ จากนั้นทรงศึกษาท่ีโรงเรียนนายรอ้ ย เมอื่ วนั ท่ี ๒๙ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๔๕
แซนดเ์ ฮิร์สต์ ตอ่ มา ทรงศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ ทรงดำ�รงพระยศเป็นนายพลเอก
ราชองครกั ษ์ จเรทหารบก บังคบั บญั ชา
กฎหมายและการปกครอง กรมทหารมหาดเล็ก
ทมี่ หาวิทยาลยั ออ๊ กซ์ฟอร์ด

๑๑๔

พทุ ธศักราช ๒๔๔๗ ทรงผนวช
ตามขัตติยราชประเพณี

ประทับจ�ำ พรรษา ณ วดั บวรนเิ วศวิหาร
ต่อมา เม่อื สมเดจ็ พระบรมชนกนาถ

เสดจ็ ประพาสยโุ รป ครงั้ ที่ ๒
ในพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๐ โปรดเกล้าฯ ให้
เป็นผ้สู ำ�เรจ็ ราชการแผ่นดินแทนพระองค์

ทรงปฏบิ ตั ิพระราชกจิ ไดด้ ีเย่ยี ม
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว เสด็จสวรรคต
เมอ่ื วันท่ี ๒๓ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๔๕๓
ณ พระท่นี ่งั อัมพรสถาน สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟา้ มหาวชริ าวุธ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
ได้เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบัติสืบราชสนั ตตวิ งศ์
เป็นพระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลที่ ๖
แหง่ พระบรมราชจกั รีวงศ์

วนั ท่ี ๑๐ สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๗ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ
ใหต้ ง้ั การพระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรสกบั เจา้ จอมสวุ ทั นา (นามเดมิ คณุ เครอื แกว้ อภยั วงศ)์ ธดิ าของ

พระยาอภยั ภเู บศร์ (เลอ่ื ม อภยั วงศ)์ และสถาปนาขน้ึ เปน็ พระนางเจา้ สวุ ทั นา พระวรราชเทวี

๑๑๕

ดา้ นการปกครอง โดยเฉพาะสว่ นภมู ิภาค ส่งจดหมาย เขยี นท่ีอยใู่ หม่
โปรดเกลา้ ฯ ให้ตราข้อบงั คบั ลกั ษณะ ใหถ้ กู ตอ้ งด้วย

การปกครองหวั เมือง เพือ่ การบรหิ ารราชการ
ส่วนภูมิภาค เปลย่ี นการเรยี กช่อื เมอื ง

ให้เป็นจงั หวัด สว่ นมณฑลใหเ้ ป็นภาค ยงั ผลให้
การบรหิ ารบ้านเมอื งเป็นระเบียบมากขน้ึ

โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญัตขิ นาน พระราชกรณยี กิจสำ�คัญอกี ประการหนึ่ง
นามสกุลเมอ่ื พทุ ธศักราช ๒๔๕๖ เพอื่ เป็น ทรงต้งั “ดุสิตธาน”ี เมอ่ื วันที่ ๒๑ กรกฎาคม
หลกั การสืบสายสกลุ ฝา่ ยบิดาผูใ้ ห้ก�ำ เนิด
พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๑ เพอื่ ทดลองรปู แบบ
และต่อมา ประชาธปิ ไตยขนาดเลก็ มพี ระราชดำ�ริ
พุทธศกั ราช ๒๔๖๐
เปลยี่ นสรรพนาม ใหท้ �ำ อย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป
ผ้หู ญิงจากทีเ่ คยเรียก
อำ�แดง เป็น นาง

หรอื นางสาว

พุทธศกั ราช ๒๔๕๕ มบี ุคคลคณะหนึง่ ต่อมา พระราชทานอภยั โทษ
คดิ ท�ำ การปฏิวัตเิ ปล่ียนแปลงการปกครอง ซึ่งแสดงถงึ แนวพระราชด�ำ ริ
แต่ท�ำ การไม่ส�ำ เร็จ เรยี กการปฏิวัตคิ รั้งนวี้ ่า ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
“กบฏ ร.ศ. ๑๓๐” มีผ้ถู กู จบั กมุ ลงโทษ

ตามค�ำ พิพากษาศาล จำ�นวน ๒๓ คน

๑๑๖

วนั ท่ี ๑ พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๔๕๔
มพี ระราชดำ�รใิ หจ้ ัดตง้ั กองเสือป่า

เพือ่ ฝกึ อบรมขา้ ราชการพ่อค้าและพลเรอื น
ใหไ้ ด้รบั การฝึกอย่างทหาร เปน็ ก�ำ ลงั ประเทศ
ในยามคบั ขัน มีระเบียบวินยั เคารพกฎหมาย

บ้านเมือง ปลกู ฝังให้มคี วามจงรักภักดี
ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
โดยเฉพาะสง่ เสริมความกล้าหาญ
เข้มแขง็ สามคั คี และเสยี สละ

มีการตั้งกองเสือป่าในชือ่ อืน่ ๆ ตามกจิ กรรม เช่น กองเสอื ปา่ จงึ เปน็ ทีร่ วมข้าราชการ สามญั ชน
กองเสือปา่ รักษาพระองค์ หรือ กองเสือป่าหลวง และพลเรอื นทั่วประเทศ แบ่งเปน็ ๔ ภาค
ดูแลตามกลมุ่ จังหวัด ถอื เปน็ ตน้ แบบของ
กองเสือป่ารักษาแผน่ ดิน หรอื กองเสือป่า
รักษาดนิ แดน ตำ�รวจตระเวนชายแดนในเวลาตอ่ มา

วนั ที่ ๑ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๔๕๔ ต่อมาจงึ ขยายกจิ การไปตามโรงเรยี นต่าง ๆ
โปรดเกลา้ ฯ ให้ตงั้ กองลกู เสือเป็นกิจการของ กำ�หนดใหค้ รกู �ำ กบั โดยตำ�แหนง่ บรรจุ
เยาวชนกองแรกขึ้น ณ โรงเรยี นมหาดเล็กหลวง
หรือ โรงเรียนวชริ าวธุ วิทยาลยั ในปจั จุบนั วชิ าลูกเสืออยูใ่ นหลักสูตรกระทรวงธรรมการ
และพระราชทานคำ�ขวญั ให้ลกู เสือวา่
“เสียชพี อย่าเสียสตั ย์ ”

๑๑๗

เดอื นสิงหาคม พุทธศกั ราช ๒๔๕๗
เกดิ สงครามโลกครงั้ ที่ ๑ ในทวีปยโุ รป
ระหว่างกล่มุ มหาอำ�นาจกลาง ประกอบ
ดว้ ยเยอรมนี ออสเตรยี -ฮังการี เป็นผู้นำ�

สงครามกับฝา่ ยสมั พนั ธมิตร
โดยอังกฤษ ฝร่ังเศส และรสั เซยี

ในชน้ั ตน้ ทรงรักษาความเปน็ กลางอยา่ งเครง่ ครัด ตอ่ มา เมือ่ วนั ท่ี ๒๒ กรกฎาคม
ทรงติดตามสถานการณส์ งครามอย่างใกล้ชดิ พุทธศกั ราช ๒๔๖๐ มีพระบรมราชโองการ
ใหร้ ่วมกบั ฝา่ ยสัมพนั ธมิตร โปรดใหป้ ระกาศ

รบั อาสาสมคั รประมาณ ๑,๒๕๐ คน
เพ่อื เขา้ ร่วมรบในสมรภูมยิ ุโรป เดนิ ทางเม่อื
วันที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๖๑

พุทธศักราช ๒๔๖๐ มพี ระราชดำ�ริ พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๑ โปรดใหส้ ่งทหาร
ให้ใชธ้ งสามสี เพื่อความสง่างาม เขา้ ร่วมรบในสงครามโลกครัง้ ที่ ๑
คือ ธงไตรรงค์ แทนธงช้างเผอื ก ท�ำ ใหธ้ งชยั เฉลิมพล ซงึ่ นำ�รูปแบบธงไตรรงค์
เป็นธงประจำ�ชาติไทยสืบมาตราบปจั จุบนั มาเป็นพื้น ไดไ้ ปโบกสะบดั ปรากฏแก่สายตา
ชาวโลกในสมรภูมยิ โุ รปเป็นครั้งแรก

๑๑๘

เมอื่ สงครามยุติ ฝา่ ยสมั พันธมิตร
เปน็ ฝา่ ยชนะ ทหารไทยเดินทางกลับ
ประเทศไทย เมือ่ วนั ที่ ๒๔ มิถนุ ายน
พทุ ธศักราช ๒๔๖๒ โปรดเกล้าฯ

ใหส้ ร้างอนสุ รณแ์ ห่งการ
เขา้ ร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ คอื
“วงเวียน ๒๒ กรกฎา” เขตป้อมปราบ
ศตั รพู ่าย กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานท่ี
ท่พี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัว

ทรงประกาศสงคราม
และโปรดเกล้าฯ ให้สรา้ ง “อนสุ าวรยี ท์ หารอาสา”
ส�ำ หรบั บรรจุอัฐิของทหารอาสาท่ีเสียชวี ิตในสมรภมู ิ
ณ บริเวณสนามสามเหล่ยี ม มมุ ตะวันตกเฉียงเหนือ
ของสนามหลวง ตรงข้ามกบั โรงละครแห่งชาติ

การสง่ กองทหารอาสาเขา้ สูส่ งครามโลกคร้ังที่ ๑ ไดก้ อ่ ให้เกดิ ประโยชน์หลายประการ
เช่น ได้รับเกียรตยิ กยอ่ งเทา่ เทยี มนานาอารยประเทศ ความไม่เท่าเทยี มท่เี คยมีคอ่ ย ๆ น้อยลง

ท�ำ ใหป้ ระเทศไทยมโี อกาสเจรจากบั ชาตมิ หาอำ�นาจแกไ้ ขสนธิสญั ญาทไี่ ม่เปน็ ธรรม เช่น
สนธสิ ัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ท้งั ยังได้มโี อกาสเขา้ รว่ มลงนามในสนธสิ ญั ญาสนั ติภาพ

ท่ีกรงุ ปารสี และไดร้ ับเชญิ ใหเ้ ข้าร่วมก่อต้งั องค์การสนั นบิ าตชาติ

๑๑๙

ดา้ นเศรษฐกิจ มพี ระราชด�ำ รใิ ห้ประชาชนร้จู กั การ ทรงริเริ่มงานดา้ นสหกรณ์ โดยต้งั
ออมทรพั ย์ เพ่ือความมนั่ คงทางด้านเศรษฐกิจ ทรงตรา “สหกรณ์วัดจันทรไ์ มจ่ ำ�กดั สนิ ใช”้
พระราชบัญญตั คิ ลงั ออมสิน ส�ำ หรับเปน็ ท่อี อมทรัพย์
เมื่อพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๖ ปจั จบุ นั คอื ธนาคารออมสนิ ทีต่ �ำ บลวัดจันทร์ อ�ำ เภอเมอื ง
จงั หวัดพษิ ณโุ ลก นบั เป็นสหกรณ์

แห่งแรกในประเทศ

โปรดให้กอ่ ตั้งบรษิ ทั ปนู ซีเมนตไ์ ทย เป็นอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่
เพ่อื สรา้ งพนื้ ฐานให้เศรษฐกจิ มัน่ คง ลดการนำ�เขา้ จากต่างประเทศ

พุทธศักราช ๒๔๕๘ โปรดใหจ้ ดั ต้ังกรมพาณิชย์ พุทธศกั ราช ๒๔๕๙ ประกาศห้ามมีอบายมขุ
กรมสรรพากร กรมตรวจเงนิ แผ่นดิน กรมสถิติ ลักษณะเสย่ี งทาย หวย ก ข เพราะทำ�ลาย
พยากรณ์ เพอ่ื ใหค้ �ำ ปรึกษาแก่หน่วยงานตา่ ง ๆ
เศรษฐกจิ ของชาติ
ส่งเสรมิ สนบั สนนุ การพาณชิ ยข์ องประเทศ ปตี อ่ มาให้เลกิ การพนนั บอ่ นเบีย้

๑๒๐

โปรดใหต้ ้งั กรมรถไฟหลวง ปรับปรุงและขยายกิจการรถไฟ
ต่อจากรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก
และขยายเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือ อสี าน ภาคใต้ และตะวันออก

และเปดิ ใช้สถานรี ถไฟกรงุ เทพ หรอื สถานหี วั ลำ�โพง
เม่อื พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๙

โปรดใหส้ ร้างสะพานพระราม ๖ พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๓ ทรงวางรากฐาน
เช่อื มเส้นทางรถไฟภาคใต้ การคมนาคมทางอากาศ ขนสง่ ไปรษณยี ภัณฑ์
สูศ่ นู ย์กลางทีห่ ัวลำ�โพง
ระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดนครราชสีมา
ต่อมา จึงตง้ั เปน็ กรมอากาศยาน

พุทธศักราช ๒๔๕๖ โปรดให้ต้งั สถานวี ทิ ยโุ ทรเลข ๒ สถานี
คอื ตำ�บลศาลาแดงในกรงุ เทพฯ และท่จี ังหวดั สงขลา
ทรงบัญญตั ิศัพทภ์ าษาไทยว่า “วทิ ยุ”

๑๒๑

เมอื่ วันที่ ๓๐ กันยายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗
โปรดให้จัดตั้ง “กรมทดนํา้ ” ต่อมา โปรดให้
สร้างเข่ือนพระราม ๖ เขอื่ นทดนํ้าขนาดใหญ่

แหง่ แรกของประเทศไทย
ที่ตำ�บลทา่ หลวง อำ�เภอทา่ เรอื

จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
สามารถชว่ ยขยายพ้ืนท่ีเพาะปลูกเพิม่ ขน้ึ

๖๘๐,๐๐๐ ไร่
พระราชทานทด่ี นิ สว่ นพระองค์

๑๔๑ ไร่ ๔๘ ตารางวา
สร้าง “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ”์

ถวายเปน็ พระอนสุ รณ์
แดส่ มเด็จพระบรมชนกนาถ

ทรงก่อต้ัง “สถานเสาวภา”เปน็ พระอนุสรณ์ สถานเสาวภานี้
แด่สมเดจ็ พระบรมราชชนนี (สมเดจ็ พระศรพี ัชรนิ ทรา เป็นสถานท่ีผลติ วคั ซีน
และเซรมุ่ สำ�หรบั ป้องกนั
บรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพันปหี ลวง) และรักษาโรคไข้ทรพษิ
พษิ สุนัขบ้า และพิษงู
ทีต่ ้งั อาคารเปน็ สว่ นหนง่ึ
ของสภากาชาดไทย

รวมถึงพระราชทาน
พระราชทรัพย์

สร้าง “วชริ พยาบาล”
ทีถ่ นนสามเสน

๑๒๒

ทรงตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั ของการศกึ ษา
จึงทรงสร้างโรงเรยี นแทนการสรา้ งวดั
พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๓
พระราชทานทดี่ นิ และพระราชทรพั ย์
ก่อสร้างโรงเรยี นมหาดเลก็
ในพระบรมมหาราชวัง
ตอ่ มา เปลีย่ นเปน็
โรงเรียนข้าราชการพลเรอื น

พทุ ธศักราช ๒๔๕๓ ตั้งโรงเรยี น พทุ ธศักราช ๒๔๕๔ โอนชา่ งสิบหมู่มหาดเล็ก
พาณิชยการวดั มหาพฤฒาราม และวดั และกรมพพิ ธิ ภัณฑ์จากกระทรวงธรรมการ
ราชบรู ณะ เพอื่ ใหก้ ารอาชวี ศกึ ษาเบือ้ งตน้ รวมเป็น “กรมศิลปากร” เพือ่ การอนรุ ักษ์
แกร่ าษฎร เปน็ โรงเรยี นอาชวี ะแห่งแรก
วฒั นธรรม ศลิ ปกรรม โบราณคดี
ในประเทศ และโบราณสถานของชาติ

พุทธศกั ราช ๒๔๕๖ พทุ ธศักราช ๒๔๕๖ ตง้ั โรงเรียนครูสตรี (ปจั จุบันคือ
ตัง้ โรงเรียน “เพาะช่าง”เพือ่ ฝกึ ฝน โรงเรียนเบญจมราชาลัย) เพ่ือเลอื กนกั เรยี นสตรี
เยาวชนใหส้ ืบทอดงานศลิ ปกรรม จากมณฑลตา่ ง ๆ มาอบรมฝกึ หัดการเป็นครู ใหก้ ลบั ไป

อันเปน็ เอกลกั ษณข์ องชาติ เปน็ ครูที่บา้ นเกดิ และมกี ารเปิดโรงเรียนสตรี
ประจ�ำ จงั หวดั อยา่ งแพร่หลาย

๑๒๓

พุทธศกั ราช ๒๔๕๗ จดั ตัง้ โรงเรียน พุทธศกั ราช ๒๔๕๙ ยกฐานะโรงเรียนข้าราชการ
นางพยาบาลสภากาชาดแห่งแรกในสยาม พลเรอื น สถาปนาเปน็ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
เมอื่ แรกดำ�เนินการ ข้นึ อยูก่ บั แผนกศึกษา ยงั ผลให้เกดิ ประโยชน์ดา้ นการศกึ ษาของชาติ
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (กองพยาบาล
อย่างกว้างขวาง
ทหารบกกลาง กระทรวงกลาโหม)

พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๐ จดั ต้ังโรงเรียน ได้เรียนเกษตร
ฝึกหดั ครูประถมกสกิ รรมแห่งแรก อยา่ งมวี ชิ าการ
ณ หอวงั หรือบ้านสวนหลวงสระปทมุ

ให้การศกึ ษาดา้ นเกษตรกรรม

พทุ ธศักราช ๒๔๖๑ พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๔ ตราพระราชบญั ญตั ิ
ตราพระราชบญั ญัติโรงเรียนราษฎร์ ประถมศกึ ษา บงั คบั ใหเ้ ดก็ ทอ่ี ายตุ ง้ั แต่ ๗ ปขี น้ึ ไป
ควบคุมให้การศกึ ษาภาคเอกชน
เขา้ เรยี นหนงั สอื ในโรงเรยี นจนถงึ อายุ ๑๔ ปี
มปี ระสทิ ธภิ าพ โดยไมเ่ สยี คา่ เลา่ เรยี น
อายุ ๗ ขวบแลว้
ต้องไปโรงเรียน
จะได้อ่านออก
เขยี นได้

๑๒๔

ทรงท�ำ นบุ ำ�รงุ วดั วาอารามตา่ ง ๆ หากแตม่ พี ระราชด�ำ รวิ า่ วดั นั้นมีจำ�นวนมากมายแลว้
ทรงปรับปรงุ การปกครองสงฆ์ และ โปรดใหส้ ร้างโรงเรยี นแทน จึงปรากฏมโี รงเรยี น
ขยายการศึกษา และทรงสง่ เสริม เกดิ ขึ้นเป็นอันมาก
สนับสนุนการเผยแผ่พทุ ธศาสนา

อยา่ งกว้างขวาง

ทรงพระราชนิพนธเ์ รอื่ งเก่ียวกบั
พระพุทธศาสนาไวห้ ลายเรื่อง เชน่
เทศนาเสอื ปา่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รู้อะไร
แปล “เทศนามงคลวเิ สสกถา” ทที่ รงไว้
เป็นภาษาอังกฤษ ซงึ่ รัฐบาลพม่าขณะนัน้
ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าต

น�ำ ไปอบรมสอนทหารของตน
โปรดเกล้าฯ ใหอ้ ัญเชญิ พระพุทธรูป

ท่มี ีเพียงพระเศยี ร พระหตั ถ์ และพระบาท
จากเมืองศรีสชั นาลัย มาปฏสิ งั ขรณใ์ หส้ มบูรณ์งดงาม

พระราชทานนามวา่
“พระร่วงโรจนฤทธศิ์ รอี ินทราทติ ย์ธรรโมภาส
มหาวชริ าวธุ ราชปชู นยี บพติ ร” ประดษิ ฐาน

ณ ซุ้มประตูดา้ นเหนอื องค์พระปฐมเจดีย์

๑๒๕

ทรงเป็นพระมหากษัตริยท์ ี่มงี านพระราชนพิ นธ์
มากที่สดุ ถงึ ๑,๒๓๖ เรอื่ ง

ดว้ ยทรงใฝพ่ ระราชหฤทัยในการประพันธ์
ต้งั แต่ทรงพระเยาว์ ทรงเชยี่ วชาญท้ังร้อยแกว้

และรอ้ ยกรองทุกประเภท ทง้ั โคลง ฉนั ท์
กาพย์ กลอน

บทพระราชนิพนธท์ งั้ วรรณคดี กวนี พิ นธ์ ทรงตงั้ วรรณคดสี โมสร เพ่อื ยกยอ่ ง
บทละครร้อง บทละครรำ� บางส่วนคือ งานที่มีคณุ ค่าของชาติ สง่ เสรมิ สนับสนนุ
พระนลค�ำ หลวง นารายณ์สิบปาง มทั นะพาธา
หวั ใจนกั รบ เวนิสวาณชิ เทศนาเสอื ปา่ ด้านวรรณกรรมอย่างเสรี เกดิ กวี
นิทานทองอนิ กฎหมายทะเล กนั ป่วย นักประพันธ์ส�ำ คญั ๆ หลายท่าน

โปรดเกล้าฯ ใหอ้ อกหนงั สอื พิมพ์ ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทความลงในหนังสือพิมพ์
ไดแ้ ก่ หนังสอื พิมพ์ทวีปัญญา และ ดุสติ สมิต เปน็ ประจำ� พระบรมนามาภไิ ธยทที่ รงใช้
ในการประพันธน์ นั้ มที ้ังพระนามจรงิ และ
เป็นหนังสือพิมพเ์ ฉพาะกลมุ่
ซ่ึงแพรห่ ลายมากในขณะน้นั พระนามแฝง เช่น อัศวพาหุ ศรีอยธุ ยา รามจิตติ
พนั แหลม นายแกว้ นายขวญั นอ้ ยลา และ สคุ รพี

๑๒๖

ในรัชสมัย การละคร โขนนาฏศิลป์ โปรดใหต้ ้ังกรมมหรสพ เพอ่ื สง่ เสริมศลิ ปวฒั นธรรมไทย
และการดนตรี ร่งุ เรืองสูงสดุ ให้มน่ั คงยิง่ ขึน้ ทรงตง้ั โรงละครหลวงจัดแสดงนาฏศลิ ป์
และดนตรีไทย ใหเ้ จรญิ วฒั นาเปน็ เอกลกั ษณข์ องชาติ

ทรงพระอจั ฉรยิ ภาพในดา้ นสถาปตั ยกรรม ทรงประยุกตส์ ิ่งก่อสรา้ งไทย
ผสมผสานกับศิลปกรรมแบบสากลได้อย่างกลมกลนื สงา่ งดงาม สะทอ้ นถึง
การอนรุ ักษแ์ ละฟืน้ ฟูในเวลาเดียวกัน รชั กาลน้ีนับได้วา่ เปน็ ยุคฟน้ื ฟูศิลปะ
ไดแ้ ก่ หอประชุมโรงเรียนวชิราวธุ วิทยาลยั
ตึกคณะอกั ษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั พระราชวงั สนามจันทร์
จงั หวดั นครปฐม พระราชวงั พญาไท
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
จังหวดั เพชรบุรี ล้วนเป็นมรดก
อันมีค่าของแผน่ ดนิ

จิตรกรรม ภาพจติ รกรรมฝาผนัง ณ วหิ ารทศิ ในรัชสมัย วฒั นธรรมการแตง่ กายสตรไี ทย
พระปฐมเจดยี ์ ผนงั พระอุโบสถวดั ระฆัง เร่มิ พฒั นา นิยมไวผ้ มยาวเกล้าเป็นมวย หรือ
โฆสิตาราม ภาพเขียนท่ผี นงั โดมพระท่ีนงั่ ไวผ้ มบอ๊ บแบบตะวนั ตก สวมผ้าซิน่ เป็นผา้ ถุง
อนันตสมาคม แทนนงุ่ โจงกระเบน โปรดให้สตรีในราชส�ำ นกั

แตง่ กายตามสมยั นยิ มดว้ ย

จติ รกรรมฝาผนงั ภายในพระอุโบสถวดั ระฆงั โฆสิตาราม
๑๒๗

พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั กอ่ นเสด็จสวรรคต ๒ ชั่วโมง พระนางเจา้ สุวทั นา
ทรงพระประชวรดว้ ยพระโรคโลหติ เปน็ พษิ พระวรราชเทวี มีพระประสตู ิการ
ในพระอทุ ร เสดจ็ สวรรคต ณ พระทน่ี ง่ั
จกั รพรรดพิ มิ าน ในพระบรมมหาราชวงั สมเดจ็ พระเจา้ ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา
วนั พฤหสั บดี ท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช สิริโสภาพณั ณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดยี ว

๒๔๖๘ พระชนมพรรษา ๔๖ พรรษา ในรชั กาลน้ี
ทรงด�ำ รงสริ ริ าชสมบตั ิ ๑๕ ปี

ทรงบำ�เพ็ญพระราชกรณยี กจิ
อันเปน็ คณุ อเนกอนนั ตแ์ กช่ าตแิ ละประชาชนชาวไทย

ด้วยพระอจั ฉริยภาพลํา้ เลศิ
ทรงได้รบั การถวายพระราชสมญั ญา

“สมเด็จพระมหาธรี ราชเจา้ ”
หมายถึง มหาราชผูท้ รงเป็นจอมปราชญ์

และในวาระครบ ๑๐๐ ปี
วนั คลา้ ยวนั พระบรมราชสมภพ
วนั ท่ี ๑ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๔
องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
แห่งสหประชาชาติหรอื ยูเนสโก (UNESCO)
ประกาศยกย่องพระเกียรตคิ ุณ
ใหท้ รงเปน็ บุคคลสำ�คัญของโลก
ทรงเป็นผ้มู ผี ลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดบั โลก

๑๒๘

รัชกาลท่ี ๗

ประชาธปิ ไตย

พระราชลญั จกรประจำ�พระองคร์ ัชกาลที่ ๗
เป็นตรางา ลกั ษณะกลมรี เป็นรปู พระแสงศร ๓ องค์
คือ พระแสงศรพรหมาสตร์ พระแสงศรประลยั วาต พระแสงศรอคั นวี าต
เป็นสญั ลักษณข์ องพระปรมาภิไธยวา่ ประชาธิปกศักดเิ ดชน์ เดชน์ แปลว่า ลกู ศร
เหนือราวพาดพระแสงเป็นดวงตรามหาจกั รบี รมราชวงศภ์ ายใตพ้ ระมหาพชิ ยั มงกุฎ
เบ้ืองซ้ายและเบอื้ งขวาของราวพระแสง ตงั้ บังแทรก

มลี ายกระหนกอยูต่ อนบนของดวงตรา

...ขา้ พเจา้ มีความเตม็ ใจที่จะสละอ�ำ นาจ
อันเปน็ ของข้าพเจา้ อยูแ่ ตเ่ ดมิ ใหแ้ ก่ราษฎรโดยทวั่ ไป
แต่ข้าพเจ้าไมย่ นิ ยอมยกอ�ำ นาจท้งั หลายของขา้ พเจ้า
ใหแ้ ก่ผใู้ ด คณะใด โดยเฉพาะเพอื่ ใชอ้ �ำ นาจนน้ั โดยสิทธขิ าด
และโดยไม่ฟงั เสยี งอันแท้จรงิ ของประชาราษฎร ...

พระราชหัตถเลขาสละราชสมบตั ิ
ของพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ ๗

๑๓๐

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
รัชกาลท่ี ๗ พระนามเดิมว่า

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ ประชาธิปก
ศักดิเดชน์ เป็นพระราชโอรสพระองค์เลก็ ใน
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
และสมเด็จพระศรพี ชั รนิ ทรา บรมราชินนี าถ

พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง
เสดจ็ พระราชสมภพ

เม่ือวนั พธุ ที่ ๘ พฤศจกิ ายน พทุ ธศักราช ๒๔๓๖
ณ พระที่นัง่ สทุ ธาศรีอภิรมย์ ในพระบรม

มหาราชวงั มพี ระนามอยา่ งไมเ่ ป็นทางการว่า
“ทลู กระหม่อมเอยี ดน้อย”

สมเด็จพระราชชนนี โปรดให้เรียก ทรงถนอมเล้ยี งใกลช้ ิด
“ทลู กระหมอ่ มฟา้ น้อย” มาตงั้ แตท่ รงพระเยาว์

เมอ่ื เจริญพระชนมพรรษา ทลู กระหมอ่ มฟา้ นอ้ ย
ทรงไดร้ ับการศึกษาเบื้องตน้ อนั ควร ทรงเข้าเรียนนายรอ้ ยพิเศษ
ในโรงเรยี นนายร้อยช้ันปฐม
แกข่ ตั ติยราชกมุ าร มีพระอาจารย์ถวายอกั ษร

ทีพ่ ระราชวงั ดสุ ติ

๑๓๑

วันท่ี ๔ มนี าคม พทุ ธศักราช ๒๔๔๘ พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๖
โปรดเกลา้ ฯ ให้ประกอบพระราชพิธีโสกนั ต์ ทรงส�ำ เรจ็ การศกึ ษาวชิ าทหาร
ปนื ใหญม่ า้ จากโรงเรยี นนายรอ้ ย
และทรงแสดงพระองค์
เปน็ พทุ ธมามกะ เมอื งวลู ชิ ประเทศองั กฤษ
แลว้ เสดจ็ ฯ ไปประจ�ำ กรมทหาร
ตามโบราณราชประเพณี
ณ พระท่ีนง่ั ดุสติ มหาปราสาท ปนื ใหญม่ า้ องั กฤษ
เพอ่ื ทรงศกึ ษาหนา้ ทน่ี ายทหาร
สถาปนาเป็น
“สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ ณ เมอื งออลเดอชอต
เจ้าฟา้ ประชาธปิ กศักดเิ ดชน์
กรมขนุ ศโุ ขทัยธรรมราชา”
ตอ่ มา เสด็จฯ ไปทรงศกึ ษาวิชาการ
ที่วิทยาลัยอีตนั ประเทศองั กฤษ
ขณะพระชนมพรรษา ๑๓ พรรษา

พุทธศกั ราช ๒๔๕๗ เมอื่ เกิดภาวะ ทรงเขา้ รบั ราชการใน
สงครามโลก ครง้ั ท่ี ๑ ขึ้นในยโุ รป ต�ำ แหนง่ นายทหารคนสนทิ ของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ วั
โปรดให้เสดจ็ นวิ ัตประเทศไทย สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
เจา้ ฟา้ จกั รพงษภ์ วู นาถ

กรมหลวงพษิ ณโุ ลกประชานาถ
เสนาธกิ ารทหารบก

๑๓๒

ทรงผนวชทว่ี ดั พระศรรี ตั นศาสดาราม วนั ท่ี ๒๖ สิงหาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๑
โดยมสี มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา ทรงอภิเษกสมรสกับหมอ่ มเจา้ หญิง
วชริ ญาณวโรรส เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ เสดจ็ ฯ ไป รำ�ไพพรรณี สวสั ดิวัตน์
ประทบั จ�ำ พรรษา ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร

พระสมณฉายา “ปชาธโิ ป”

โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ �ำ แบบอย่างพธิ สี มรส วนั ที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน พุทธศักราช ๒๔๖๘
แบบตะวนั ตกมาปรบั ใชบ้ างข้นั ตอน พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั
คือมีการถามความสมคั รใจของคสู่ มรส เสดจ็ สวรรคต จึงเสดจ็ เถลิงถวลั ยราชสมบตั ิ
เป็นพระมหากษัตริย์ รชั กาลท่ี ๗
แห่งพระบรมราชจกั รีวงศ์

วนั ที่ ๒๕ กมุ ภาพันธ์ พทุ ธศักราช ๒๔๖๙
โปรดเกลา้ ฯ ให้ประกอบพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก
ตามโบราณราชประเพณี เฉลมิ พระปรมาภิไธยวา่

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาประชาธิปก
พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัว

๑๓๓

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงสถาปนาพระวรราชชายา
ข้นึ เป็น สมเดจ็ พระนางเจ้าร�ำ ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี

พระราชจรยิ วตั รทรงประหยดั ทรงบ�ำ เพญ็ พระราชกรณยี กิจ ด้วยการ
และเรียบง่าย ทรงท่มุ เทพระสตปิ ญั ญา เสด็จพระราชด�ำ เนินไปทรงเยยี่ ม
เพ่อื ความสขุ ของอาณาประชาราษฎร์
อาณาประชาราษฎรต์ ามหัวเมืองต่าง ๆ
และบา้ นเมืองอยา่ งเต็มท่ี ในถ่นิ ทรุ กันดารที่หา่ งไกล เปน็ การ
บ�ำ รงุ ขวัญเสริมสรา้ งกำ�ลังใจราษฎร

เสด็จฯ ไปเจรญิ พระราชไมตรีหลายประเทศ พุทธศกั ราช ๒๔๗๔ เสด็จ ฯ พระราชด�ำ เนิน
ทั้งยุโรปและเอเชีย อาทิ เยอรมนี สิงคโปร์ ไปประเทศสหรฐั อเมรกิ าเพื่อรักษาพระเนตร
อนิ โดนเี ซยี เวยี ดนาม กมั พชู า เพอ่ื ทอดพระเนตร
กจิ การอันเป็นแนวทางในการพฒั นาประเทศ

๑๓๔

พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ โปรดให้สร้างพระปฐมบรมราชานุสรณ์
โปรดเกล้าฯ ให้มพี ระราชพธิ ฉี ลองพระนคร เพอ่ื ร�ำ ลกึ ถึงพระมหากรุณาธคิ ณุ

ครบ ๑๕๐ ปี อย่างยิ่งใหญ่ ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช รัชกาลที่ ๑ พระผู้ทรงสถาปนา

กรุงรตั นโกสนิ ทร์

โปรดใหส้ ร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า พระบรมรปู พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
เชอื่ มธนบุรีและพระนคร จฬุ าโลกมหาราช ประดิษฐาน ณ ซุ้มเชิงสะพาน
แลว้ ปรบั ถนนหนทางทงั้ สองฝง่ั

เสด็จพระราชดำ�เนินมาเปดิ สะพาน
โดยขบวนพยหุ ยาตราทางสถลมารค

๑๓๕

วนั ที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศกั ราช ๒๔๗๕
คณะราษฎรยึดอ�ำ นาจกอ่ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
จากระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชยเ์ ป็นระบอบประชาธปิ ไตย
พระองค์ไมม่ ีพระราชประสงค์ให้มกี ารต่อสกู้ นั ในหมู่คนไทย
จึงทรงยอมตามข้อเรียกรอ้ งของคณะราษฎร ท่จี ะให้พระองค์

ทรงเป็นพระมหากษตั รยิ ์ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู

การสละพระราชอำ�นาจ ทรงลงพระปรมาภไิ ธยในรา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบบั
ของพระองค์ คือความ ชัว่ คราว เพ่อื ให้มกี ารตง้ั รัฐสภา และจดั ต้งั รัฐบาล
องอาจกล้าหาญยิ่งใหญ่ โดยมีพระยามโนปกรณน์ ติ ิธาดา
ดำ�รงต�ำ แหน่งนายกรัฐมนตรี
ด้วยทรงค�ำ นงึ ถงึ คนแรก
ความสงบสขุ ของบ้านเมือง

เปน็ ส�ำ คัญ

โปรดเกล้าฯ พระราชทานรฐั ธรรมนูญฉบับแรก
ส�ำ หรับการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธปิ ไตย

เมอ่ื วันที่ ๑๐ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕
ณ พระทนี่ ั่งอนันตสมาคม พระราชวงั ดุสิต

๑๓๖

ยคุ เรมิ่ ต้นระบอบประชาธิปไตยน้นั มคี วาม พระยาพหลพลพยหุ เสนาจงึ เข้ายดึ อำ�นาจจากรัฐบาล
ขดั แย้งขน้ึ ระหวา่ งรัฐบาลกบั คณะราษฎร และไดร้ ับการแตง่ ต้ังเปน็ นายกรัฐมนตรี จากนั้น

จงึ นำ�ไปส่กู ารยบุ สภาผูแ้ ทนราษฎร ไดม้ ีการเปดิ การประชมุ สภาผูแ้ ทนราษฎรข้นึ อกี ครัง้
ในเวลาต่อมา

ความตึงเครยี ดยังไม่สิ้นสุด เมื่อมีความพยายาม น�ำ โดยพระวรวงศ์เธอ
ต่อตา้ นรฐั บาลของพระยาพหลฯ คณะบุคคล พระองคเ์ จา้ บวรเดช

กลุม่ หนึ่งไดร้ วมตัวกันข้นึ เรียกตัวเองวา่
“คณะกู้บ้านก้เู มือง”

เหตุการณค์ รงั้ น้นั รัฐบาลได้ใชก้ �ำ ลัง ทรงเสียพระราชหฤทยั ทค่ี นไทยสูร้ บกันเอง จงึ เสด็จฯ ไป
ปราบปรามอย่างรุนแรง ประทบั ณ พระต�ำ หนกั โนล กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ
เม่ือวันที่ ๑๒ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗

๑๓๗

เม่อื วันท่ี ๒ มนี าคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ เปิดทางให้ผมู้ ีความเหมาะสม
ทรงสละราชสมบตั ิ ไดป้ กครองบ้านเมืองตามยคุ สมยั

ทรงลงพระปรมาภไิ ธยทา้ ยพระราชหัตถเลขา
ประกาศสละราชสมบัติ ความตอนหนง่ึ ว่า...
“...บัดนขี้ ้าพเจา้ เหน็ วา่ ความประสงคข์ องขา้ พเจา้
ที่จะให้ราษฎรมสี ทิ ธอิ อกเสียงในนโยบายของประเทศ
โดยแท้จริงไม่เป็นผลส�ำ เร็จ และเมอื่ ขา้ พเจา้ รสู้ กึ ว่า
บัดนี้เปน็ อนั หมดหนทางทข่ี า้ พเจ้าจะช่วยเหลอื
หรอื ใหค้ วามคุ้มครองแกป่ ระชาชนไดต้ ่อไปแลว้

ขา้ พเจ้าจงึ ขอสละราชสมบัติ
ออกจากตำ�แหน่งพระมหากษตั รยิ ์ แต่บดั น้เี ปน็ ต้นไป “

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
มไิ ด้เสด็จนิวตั ประเทศไทยอีกเลย
ทรงดำ�เนินพระชนมช์ พี เรียบงา่ ย
อย่างสามัญชนในประเทศองั กฤษ

๑๓๘

ขณะทรงด�ำ รงสิรริ าชสมบัติ
เปน็ ระยะเวลา ๙ ปี ทรงประกอบ

พระราชกรณยี กิจนานปั การ
อันเปน็ คุณประโยชน์แกบ่ ้านเมอื ง
ทรงเปน็ นกั ประชาธปิ ไตยอย่างแท้จรงิ
ทรงศึกษาหลกั การปกครองแผ่นดนิ
ของนานาประเทศ ทงั้ ในเอเชีย ยโุ รป
และอเมรกิ า ทรงพระปรีชาสามารถ
และพระวิสัยทัศน์กว้างไกล พระองค์
ทรงตระหนักว่าการปกครองบ้านเมือง
ควรปรับใหเ้ หมาะกบั กาลสมัย

ทรงตระหนักถงึ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย โปรดให้ตั้งอภิรฐั มนตรสี ภาและองคมนตรสี ภา
วา่ เหมาะกับอปุ นิสยั คนไทย เพราะคนไทย ใหม้ สี ว่ นรว่ มในการถวายคำ�ปรกึ ษาข้อราชการ
สำ�คัญต่าง ๆ ท้งั ด้านการเมอื งและเศรษฐกจิ
รกั ในอสิ รภาพ ไมช่ อบการกดขีบ่ ังคับ จงึ ไดท้ รง
วางรากฐานการปกครองแบบใหมน่ ีอ้ ย่างเป็นขนั้ ตอน

การวางรปู แบบการปกครองดังกล่าว
ถอื เปน็ การทดลองเรียนรกู้ ารประชุม
ออกกฎหมายแบบรฐั สภา ซึ่งเปน็ รากฐาน
ของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย

๑๓๙

มพี ระราชดำ�ริทจ่ี ะพระราชทาน
การปกครองระบอบประชาธิปไตย
โดยมพี ระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ ประมขุ

เพื่อเปน็ ของขวัญให้แกร่ าษฎร
ทรงตั้งที่ปรึกษาสำ�หรับการน้ี เช่น นายฟรานซสิ บี แชร์
(ตอ่ มาคอื พระยากัลยาณไมตร)ี นายเรยม์ อลดบ์ ี สตเี วนส์
และ พระยาศรวี สิ ารวาจา เป็นตน้

มพี ระราชดำ�รใิ หม้ ีการร่างรัฐธรรมนญู ข้นึ ๒ คร้งั กระทั่งเกิดเหตุการณ์เปล่ยี นแปลง
หากเเตอ่ ภิรฐั มนตรีสภา และผมู้ ีสว่ นรว่ มในการร่าง การปกครอง ในวันที่ ๒๔ มถิ นุ ายน

รัฐธรรมนญู เหน็ วา่ ราษฎรยงั ไมม่ คี วามพร้อม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕
สำ�หรบั การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย

๑๔๐

จากผลของมหาสงครามโลกคร้ังที่ ๑ ท่วั โลกประสบปญั หาภาวะเศรษฐกจิ ตกตํา่ ส่งผลกระทบ
มาสูป่ ระเทศไทย ตง้ั แต่ปลายรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัวเร่ือยมา
กระทัง่ ถงึ รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยูห่ วั
เสดจ็ ข้ึนครองราชย์ ทรงหนกั พระราชหฤทยั อยา่ งย่งิ

ทรงแกป้ ญั หาเศรษฐกจิ ด้วยการ ทรงปรบั ปรุงการเกบ็ ภาษี
ควบคมุ งบประมาณ ตัดทอนรายจา่ ย ตดั ทอนงบประมาณแผน่ ดนิ ที่ไม่จำ�เปน็
ยบุ หนว่ ยงานราชการซาํ้ ซอ้ น ลดเงินเดอื น แมแ้ ตง่ บประมาณสว่ นพระองค์ก็มไิ ด้เวน้
ขา้ ราชการ รวมถงึ ปลดข้าราชการออก

หนว่ ยงานท่ีไมถ่ กู ยบุ ก็ลดจำ�นวนขา้ ราชการลง ทำ�ใหเ้ กดิ ความไมพ่ อใจในหมขู่ า้ ราชการ
เรยี กว่าเปน็ “สมยั ดุลยภาพ” ใครถูกออก ท่ีได้รบั ผลกระทบ นำ�ไปสกู่ ารเปลี่ยนแปลง
จากราชการ กเ็ รียกว่า “ถกู ดุล”
เสยี ใจด้วย การปกครองในเวลาตอ่ มา
ท่ถี กู ดุล

๑๔๑

ทรงเหน็ ความส�ำ คญั ในการศึกษาเปน็ อยา่ งยิ่ง พระราชทานหนงั สอื สว่ นพระองค์
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั มารวมไว้ทหี่ อพระสมดุ วชิรญาณส�ำ หรับพระนคร
ณ อาคารถาวรวตั ถุ พระราชทานนามว่า “หอพระสมุดวชิราวุธ” เพือ่ เปดิ โอกาสให้ประชาชนทว่ั ไป

เขา้ ศกึ ษาหาความรู้
ทรงส่งเสริมการศึกษา
ใหก้ วา้ งขวางข้นึ ในหม่รู าษฎร
มพี ระราชประสงค์ใหร้ าษฎร
มคี วามรู้ทางการเมอื ง
รูจ้ กั สทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องตน
สบื เน่ืองมาจากว่า พระองคม์ พี ระราชดำ�ริ
ทจี่ ะพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย

๑๔๒

ทรงเร่งรดั ประกาศ
พระราชบัญญตั ิประถมศกึ ษา

ใหเ้ กดิ ขึน้ ในตำ�บลต่าง ๆ
เพอื่ ให้การศึกษาเขา้ ถึงชุมชน

ยกเลกิ การเก็บเงนิ การศกึ ษาพลี ทรงก่อต้ังหนว่ ยงาน
เพ่ือไมใ่ หเ้ ป็นภาระแกร่ าษฎร ส�ำ นักงานขา้ ราชการพลเรอื น หรือ ก.พ.

เพื่อวางรากฐานการรับราชการ
พลเรอื นเขา้ สู่ระบบราชการ

จดั ตั้งทนุ ก.พ. เพอื่ ส่งนักเรยี น
ไปศกึ ษาตอ่ ระดบั อดุ มศึกษาในตา่ งประเทศ

สรา้ งมาตรฐานสบื มาจนถึงปจั จบุ นั

๑๔๓

พุทธศักราช ๒๔๖๙ ทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา
มีหน้าทีจ่ ดั การและรักษาวตั ถสุ ถานต่าง ๆ

รวมท้งั ท�ำ นบุ ำ�รงุ รกั ษาวิชาชา่ ง
และสอบสวนพิจารณาวิชาอักษรศาสตร์
อนั เป็นการรักษาเอกลักษณ์ของชาตใิ หค้ งอยู่

ทรงสง่ เสริมสรา้ งสรรค์วรรณกรรมรุ่นใหมด่ ว้ ยการ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ โปรดเกล้าฯ
ประกวดเรยี บเรยี งบทประพนั ธท์ ง้ั รอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรอง ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ิคุ้มครอง
โดยพระราชทานพระราชทรัพยส์ ว่ นพระองค์เป็นรางวลั
วรรณกรรมและศิลปกรรม
แก่ผแู้ ต่งหนงั สอื ยอดเยีย่ ม และพระราชทานทุน พุทธศักราช ๒๔๗๖ โปรดเกลา้ ฯ
ให้นกั เรียนไปศกึ ษาวชิ าวทิ ยาศาสตรใ์ นตา่ งประเทศ ให้ตราพระราชบญั ญตั กิ ารพมิ พ์
อนั เป็นต้นแบบของพระราชบญั ญตั ิ

ลิขสทิ ธใ์ิ นปัจจบุ ัน

นอกจากนั้น โปรดให้ยุบรวมกรมธรรมการเข้ากับกระทรวงศึกษาธิการ
ดว้ ยทรงพิจารณาเหน็ วา่ การศึกษาไมค่ วรแยกจากวดั ซ่งึ เป็นทพ่ี งึ่ ทางใจแก่ศาสนกิ ชน

๑๔๔

มพี ระราชศรัทธาเคร่งครดั ในพทุ ธศาสนาอย่างยงิ่
ทรงบรู ณปฏิสังขรณ์วดั วาอารามหลายแห่ง
โดยเฉพาะวดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม
วดั ประจ�ำ รชั กาลของสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ

โปรดให้ช�ำ ระพระไตรปิฎกภาษาไทย เม่ือแลว้ เสร็จ โปรดให้แจกจ่ายไปยัง
ฉบบั สยามรฐั โดยหนง่ึ ชดุ มจี �ำ นวน ๔๕ เลม่ มหาวทิ ยาลัยและหอสมดุ ท้งั ในประเทศ

เพอ่ื เชิดชพู ระเกียรตยิ ศของ และไปยงั ต่างประเทศ
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว

ดว้ ยมีแนวพระราชดำ�รวิ ่าศาสนาเป็นยาบำ�รุงก�ำ ลงั โปรดใหร้ าชบณั ฑติ ยสภาจดั ประกวด
บำ�รุงนํ้าใจ ให้ทนความล�ำ บากได้ ใหม้ แี รง แตง่ หนงั สอื สอนพระพทุ ธศาสนาส�ำ หรบั เดก็
เพอ่ื พระราชทานในงานพระราชพธิ วี สิ าขบชู า
ท่ีจะทำ�งานของตนเป็นผลสำ�เรจ็ ได้ และยังเป็นยา เปน็ ประเพณสี บื มาถงึ รชั กาลปจั จบุ นั กลา่ ว
ทจ่ี ะสมานหัวใจให้หายเจ็บปวดยามทกุ ข์ได้ด้วย
ไดว้ า่ ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ท์ ท่ี รงเหน็
ความส�ำ คญั ของการสอนศาสนาส�ำ หรบั เดก็

๑๔๕

ทรงอนุรกั ษด์ นตรไี ทยไวด้ ้วยพระองค์เอง
ทั้งน้ี เพราะทรงสนพระราชหฤทยั
ในวิชาดนตรไี ทย ทรงพระกรณุ า
โปรดเกลา้ ฯ ให้หลวงประดิษฐไพเราะ

(ศร ศิลปบรรเลง) เข้าถวายการฝึกสอน
จนสามารถทรงดนตรีไดเ้ ป็นอย่างดี

ทรงพระราชนพิ นธ์ท�ำ นองเพลงไทย ทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม
ไว้ ๓ เพลง คอื เพลงราตรีประดับดาว (เถา) ทรงสละพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคป์ ฏสิ งั ขรณ์
เพลงเขมรลออองค์ (เถา) และเพลงโหมโรง วัดสวุ รรณดาราราม จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา

คล่ืนกระทบฝัง่ โปรดให้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนงั
เร่ือง พงศาวดารสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช

ไว้ท่ีพระวหิ าร

โปรดเกล้าฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพิม่ เติม ทรงสรา้ งค่านยิ มแบบใหม่ โดยทรง
กฎหมายลักษณะผัวเมีย พทุ ธศักราช ๒๔๗๓ ปลูกฝงั ทีละน้อย และตามความสมัครใจ
ริเริ่มให้มีการจดทะเบียนสมรส ทะเบยี นหยา่
ทะเบยี นรบั รองบตุ ร

กฎหมายนด้ี มี ากนะ สำ�หรบั ฉนั
คุณหลวง คงไมท่ นั แลว้

๑๔๖

โปรดการถ่ายภาพนิง่
และถา่ ยภาพยนตร์ท่มี เี นือ้ หา
ท้งั ที่เป็นสารคดีและใหค้ วามบันเทิง
ทรงสะสมกลอ้ งถ่ายภาพน่ิง

และกล้องถ่ายภาพยนตร์
ไว้เป็นจำ�นวนมาก

ภาพยนตร์เร่ือง “แหวนวิเศษ” ถือเปน็ นบั ไดว้ า่ ทรงเปน็ ผู้บุกเบกิ
พระเกยี รติประวตั ิ เน่ืองจากทรงสรา้ งโครงเรอ่ื ง วงการภาพยนตรไ์ ทยในยุคตน้
กำ�กบั ภาพ ลำ�ดบั ฉาก และอำ�นวยการแสดง

ดว้ ยพระองคเ์ อง

ทรงสละพระราชทรัพย์สว่ นพระองค์
สร้างโรงภาพยนตร์ “ศาลาเฉลิมกรงุ ”
เปน็ โรงภาพยนตร์ทท่ี ันสมัยในเวลานน้ั
และสามารถจดั แสดงสมโภชพระนคร

ครบ ๑๕๐ ปี
โรงมหรสพ
แห่งแรกในเอเชยี เลยนะ
ทีม่ เี ครอ่ื งปรับอากาศ
ระบบไอน้าํ

๑๔๗

พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั
ประทับอยู่ ณ ประเทศองั กฤษ พรอ้ มดว้ ย
สมเดจ็ พระนางเจ้าร�ำ ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี

จนกระทัง่ เสด็จสวรรคต
เมื่อวนั ศกุ ร์ ที่ ๓๐ พฤษภาคม

พุทธศักราช ๒๔๘๔
พระชนมพรรษา ๔๘ พรรษา
ทรงดำ�รงสิริราชสมบตั ิ ๙ ปี
ตอ่ มา ไดม้ พี ิธีอญั เชญิ พระบรมอฐั ิ

เสดจ็ นิวัตประเทศไทย
เมอื่ พุทธศกั ราช ๒๔๙๑

พุทธศักราช ๒๕๕๖ ในโอกาส ๑๒๐ ปี
แหง่ วนั คล้ายวันพระบรมราชสมภพ และในโอกาส

ครบ ๑๐๐ ปี การเสดจ็ นวิ ตั พระนคร
เมอ่ื ทรงส�ำ เรจ็ การศึกษาจากประเทศอังกฤษ
องค์การศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรม
แห่งสหประชาชาตหิ รือยูเนสโก (UNESCO)
ประกาศยกย่องพระเกียรตคิ ณุ ให้ทรงเป็นบุคคล
ส�ำ คัญของโลก ในฐานะท่ที รงมีผลงานดเี ด่น

ดา้ นการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วัฒนธรรม
สังคมศาสตร์ และสอื่ มวลชน

คณะรฐั มนตรีกำ�หนดให้ วนั ที่ ๓๐ พฤษภาคม
ซงึ่ เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต

เปน็ “วันพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว”
รฐั สภาไทยได้กอ่ ตัง้ สถาบนั พระปกเกล้า
เผยแพรค่ วามรเู้ กย่ี วกบั พระราชประวัติ

พระราชกรณยี กิจ ประชาธปิ ไตย พิพิธภณั ฑ์
เพือ่ เผยแพรพ่ ระเกียรติคณุ ให้แผ่ไพศาล

๑๔๘

รชั กาลที่ ๘

นำ�ไทยสามัคคี


Click to View FlipBook Version