ก
คำนำ
ในโอกาสที่ สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงบรรยาย เรื่อง “การพัฒนาเด็กและเยาวชนหลงั โควดิ 19” ว่า ตั้งแต่ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรม–
ชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง จนเกดิ สถานการณ์โควิด 19 การทางานมา 50 ปี ไม่เคยเห็นนักเรยี น เรยี นยาก
อย่างนี้ โรงเรียนก็ปิด เข้าไม่ได้ การเดินทางก็ยากลาบาก แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนเฉพาะประเทศไทย
ตา่ งประเทศ กล็ าบากยิ่งกว่าเรา ดงั นัน้ ทกุ คนต้องปรบั ตวั
ในการน้ี สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 เห็นความสาคัญ
ของการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนกั เรยี น เพอื่ ร่วมสนองในพระราชดารดิ งั กล่าว จึงได้จดั ทา “คู่มอื
พฒั นาการอา่ นและการเขยี นภาษาไทย” ชดุ น้ีข้ึน ตามนโยบาย “เด็กไทยวิถใี หม่ อ่านออกเขียนไดท้ กุ คน”
ประกอบด้วย
1. คู่มอื พัฒนาการอ่านและการเขยี นภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1
2. ค่มู อื พฒั นาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2
3. คู่มือพฒั นาการอ่านและการเขยี นภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
4. ค่มู อื พัฒนาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4
5. คู่มอื พัฒนาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
6. คู่มือพฒั นาการอ่านและการเขยี นภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6
โดยเลม่ นเี้ ป็น “ค่มู อื พัฒนาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5” เพือ่ เป็นแนวทางในการ
จัดการเรียนรู้สาหรับครูผูส้ อนภาษาไทย ในการแก้ปัญหานักเรียนท่ีอา่ นไม่ออกเขียนไม่ได้ดว้ ย จัดทาข้ึนโดย
คณะทางาน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการสอนภาษาไทย ศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบภาษาไทย
ครูผู้สอนภาษาไทย ท่ีมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย และการวัดและ
ประเมินผล ซึ่งครูผู้สอนหรือผู้ที่สนใจสามารถนาไปใช้ในการพัฒนาซ่อมเสริม โดยใช้เป็นแนวทางการสอน
อ่านเขียนภาษาไทยแก่นักเรียน ในวัยประถมศึกษา และซ่อมเสริมนักเรียนท่ีมีปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
โดยสามารถนาไปปรับใช้ใหเ้ หมาะสมกบั บริบทของสถานศึกษาได้เปน็ อยา่ งดี
ในโอกาสน้ี ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ คณะทางาน และผู้ทม่ี ีสว่ นเกย่ี วข้องท่ีได้รว่ มจดั ทาและให้
ข้อเสนอแนะในการจัดทาคู่มือเล่มน้ี และหวังเป็นอย่างย่ิงว่า “คู่มือพัฒนาการอ่านและการเขียนภาษาไทย
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5” นี้ จะเป็นแนวทางในการพฒั นาการอา่ นการเขียนของนักเรียน เพื่อใหเ้ กิดประโยชน์
สูงสุดกับผู้เรียนเป็นสาคัญ หากมีข้อเสนอแนะประการใด โปรดแจ้งสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาประจวบครี ขี ันธ์ เขต 1 เพื่อเป็นขอ้ มลู การพฒั นาต่อไป
พฤศจิกำยน 2564
สำนักงำนเขตพื้นทีก่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำประจวบครี ีขันธ์ เขต 1
ข
แนวทำงกำรใชค้ มู่ อื พัฒนำกำรอ่ำนและกำรเขยี นภำษำไทย
ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ ๕
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 จัดทา “คู่มือการพัฒนา
การอ่านและการเขียนภาษาไทย” ชุดน้ีขึ้น เพ่ือขับเคลื่อนตามนโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้
ทุกคน” ประกอบด้วย
1. ค่มู อื พัฒนาการอ่านและการเขยี นภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1
2. คมู่ ือพัฒนาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2
3. คู่มือพัฒนาการอา่ นและการเขียนภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3
4. คมู่ ือพัฒนาการอา่ นและการเขยี นภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4
5. คมู่ อื พัฒนาการอ่านและการเขยี นภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5
6. คูม่ อื พฒั นาการอ่านและการเขียนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6
โดยมีวัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนภาษาไทย และสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
ให้กับเดก็ นักเรยี นในสงั กัด ให้สามารถอา่ นออกเขียนได้
2. เพื่อจัดทาคู่มือ (ตารา/แผนการเรียนการสอน) สนับสนุนการพัฒนาการเรียนรู้เด็ก
นักเรียนและเยาวชน
3. เพอ่ื สรา้ งความตระหนกั รใู้ นการใชภ้ าษาไทย
4. เพื่อให้ผู้ปกครอง ผู้นาชุมชน ผู้นาศาสนา และประชาชนในพ้ืนท่ี ได้มีส่วนร่วมใน
กิจกรรม
5. เพ่ือสง่ เสริมให้ครผู ู้สอนจดั กระบวนการเรียนรทู้ ี่ส่งเสรมิ และพฒั นาการแกป้ ัญหาดา้ นการ
อ่านและการเขียน โดยมกี ลุ่มเป้าหมาย กลุม่ นักเรยี นและเยาวชนท่อี า่ นไมอ่ อก/เขยี นไมไ่ ด้ ในระดับชั้น ป.
๑ – ป.๖ จาแนกรายช้นั และรายโรงเรียน
โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี
ค่มู ือพฒั นาการอา่ นและการเขยี นภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ 3
ส่วน คอื
สว่ นที่ 1 ความรู้สาหรับครู เป็นส่วนท่ีให้ความรู้ความเข้าใจ เป็นการเตรียมความรู้ให้แก่ครู
เพื่อให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจสาระสาคญั หลักการของเร่อื งที่สอนอย่างถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ
ส่วนท่ี 2 แนวทางการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะ และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เพือ่ ใหผ้ ูส้ อนได้ใชเ้ ปน็ แนวทางในการจัดการเรยี นรู้
ค
สว่ นที่ 3 แนวทางการวัดและประเมินผลประจาหน่วย เพ่ือตัดสินว่าหลังการจัดการเรียนรู้
ครบตามหน่วยนั้นแล้ว ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยน้ันในระดับใด ซึ่ง
นาผลจากการวัดมาตรวจสอบความสามารถในการอ่านและเขียนในหน่วยนั้นๆ โดยจัดแบ่งเป็นหน่วยการ
สอนตามลาดบั ของการสอนภาษาไทยข้ันพน้ื ฐาน เปน็ ๑๑ หน่วย ไดแ้ ก่
หน่วยที่ 1 การอา่ นและเขียนคาควบกลา้
หน่วยท่ี 2 การอ่านและเขียนอักษรนา
หน่วยที่ 3 การอ่านและเขยี นภาษาต่างประเทศ
หนว่ ยท่ี ๔ การอ่านและเขียนอักษรย่อ
หนว่ ยท่ี ๕ การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้
หนว่ ยที่ ๖ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง
หนว่ ยท่ี ๗ การอ่านจบั ใจความ
หน่วยท่ี ๘ การเขียนประโยค
หน่วยที่ ๙ การเขียนเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ
หนว่ ยท่ี 10 การเขียนยอ่ ความ
หนว่ ยท่ี 1๑ การเขียนเรียงความ
กำรใชค้ ู่มอื พฒั นำกำรอำ่ นและกำรเขียนภำษำไทย ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๕
ครูผู้สอนสามารถนาไปบูรณาการกับการเรียนการสอนภาษาไทยในช้ันเรียน และซ่อมเสริม
นักเรียนกรณีที่นักเรียนไม่สามารถบรรลุตัวช้ีวัดตามหลกั สูตร ทั้งน้ี ครูผู้สอนสามารถคัดกรองเด็กนักเรียน
จากการเรียนการสอนในช้นั เรยี นปกติ แลว้ พัฒนาเป็นรายบคุ คล โดยดาเนินการดังน้ี
1. จัดกระบวนการเรยี นรู้ทเี่ น้นการอ่านเขยี นถกู วธิ ี
2. จดั กจิ กรรมที่สนกุ สนาน บทเพลง บทกลอน เกม ใชส้ ่ือนวตั กรรมที่หลากหลาย
3. สแกนนกั เรียนทุกคน ทุกชนั้ ทุกเดอื น (วินิจฉยั สมรรถนะยอ่ ย)
4. ใชค้ มู่ อื ครู แบบฝกึ ทกั ษะ และสอื่ เสรมิ ซอ่ มเสรมิ รายบคุ คล
5. ประเมนิ ผลการพัฒนาและนาผลมาพัฒนาต่อยอด
ง
สอนอย่ำงไรให้อ่ำนออก เขียนได้
สำหรับนกั เรียนระดับช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๕
การอ่านและการเขียนภาษาไทย เป็นทักษะพ้ืนฐานที่สะท้อนความสามารถในการเรียนรู้ของ
ผู้เรียน เป็นพฤติกรรมการรับและส่งสาร คือ ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ความเชอ่ื ทัศนคติ ประสบการณ์
ผ่านตัวอักษรหรือสัญลักษณท์ ่ีผู้ส่งสารคือผู้เขียนได้เรียบเรียงหรอื ได้กระทาไว้ การอ่านและการเขียนจึงถือ
เป็นเครื่องมือสาคัญ ท่ีใช้ในการเสาะแสวงหาความรู้ สืบค้นหาข้อมูล ข่าวสาร การรู้และการใช้วิธีอ่าน
เขยี นที่ถกู ตอ้ งจงึ จาเปน็ สาหรบั ทกุ คน เพอ่ื การดารงชีวิตและการประกอบอาชีพ
การอ่านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เด็กจะต้องรู้จักสัญลักษณ์ที่เป็นตัวอักษรไทย คือ
พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เพ่ือนามาประสมแลว้ สามารถเปล่งเสียงคาๆ นั้น และเข้าใจความหมาย
ของคา โดยโยงประสบการณ์ของตนเข้ามาช่วยเสริมให้เข้าใจยิ่งข้ึน ดังน้ัน การอ่านจงึ เปน็ ส่งิ ที่จาเปน็ ที่ครู
จะตอ้ งสอนให้แกเ่ ดก็ รวู้ ธิ กี ารสอนหลายๆ แบบ ไมม่ วี ธิ ีการสอนใดเป็นสูตรสาเร็จ การสอนทดี่ จี งึ ต้องใช้วิธี
สอนหลากหลายวิธีผสมผสานกันตามความสามารถของเด็กแต่ละวัย และพิจารณาถึงความเหมาะสมของ
สภาพแวดล้อม การอ่านเป็นทักษะท่ีครูจะต้องฝึกฝนให้เด็กจนเกิดความชานาญ และฝึกฝนอย่างต่อเน่ือง
สม่าเสมอ โดยมวี ัตถุประสงค์ในการอ่าน คือ
1. อ่านเพอ่ื จบั ประเด็นสาคัญของเรอื่ ง
2. อา่ นเพ่ือตอ้ งการรู้รายละเอยี ด
3. อ่านเพ่ือตอบคาถามส่งิ ท่อี ยากรู้
4. อ่านเพอ่ื ยอ่ หรือเรยี บเรยี งเร่ืองใหก้ ระชบั
5. อ่านเพื่อสรุปหลักเกณฑ์ แนวคิด หรือแก่นของเร่ือง
6. อ่านเพื่อคาดคะเน หรือคาดหวังผลทไี่ ด้
7. อ่านเพ่ือให้รู้คณุ ค่า และเกิดความซาบซ้ึงในเรอื่ งทอี่ ่าน
8. อ่านเพอ่ื ประเมนิ ความถูกตอ้ ง ใชว้ จิ ารณญาณไตร่ตรอง
ทกั ษะกำรอ่ำนทีค่ รูต้องสอนให้แก่เด็ก
1. การอ่านคาและรคู้ วามหมายของคา นั่นคือให้เด็กอ่านออกเป็นคาและเข้าใจความหมาย
ของคานนั้ ซง่ึ เป็นทกั ษะเบื้องต้น คือสอนให้เด็กอ่านออก
2. การอ่านจับใจความ เมื่อเด็กอ่านออกเป็นคา เป็นวลี และเป็นประโยคได้แล้ว จะตอ้ ง
เข้าใจในสิ่งท่ีอ่าน บอกได้ว่าใครทาอะไร ท่ีไหน อย่างไร ในเร่ืองท่ีอ่าน เล่าเร่ืองได้ สรุปเรื่องได้ นั่นคอื
การสอนใหเ้ ดก็ อ่านเป็น
3. การอ่านออกเสียงให้ชัดเจนถูกต้อง โดยเฉพาะคาที่ออกเสียง ร ล คาควบกล้า คาท่ีมี
อักษรนา รจู้ กั จงั หวะในการอ่านใหถ้ กู วรรคตอน ฝึกจนอ่านคล่อง
จ
4 การอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ รู้จักวิธีค้นคว้าความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทักษะนี้เหมาะ
ท่ีจะใช้กับเด็กในชั้นประถมปลายไปจนถงึ ชั้นทสี่ งู
5. ฝึกให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน ครูจัดบรรยากาศในช้ันเรียนเพ่ือกระตุ้นให้เด็กอ่านหนังสือ
จัดกิจกรรมต่างๆ ท่ีเชิญชวนให้เด็กอยากอ่าน ข้อสาคัญคือ ครูต้องเป็นตัวอย่างท่ีดีแก่เด็ก อ่านหนังสือ
หลากหลายนามาเลา่ ใหเ้ ดก็ ฟงั
6. การอ่านเพื่อให้คุณค่าและเกิดความซาบซ้ึง น่ันคือ การสอนอ่านวรรณคดี และ
วรรณกรรมสาหรับเดก็ ให้เดก็ มองเห็นประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากการอา่ น เพอ่ื นามาใช้ในชีวิตประจาวนั ใหเ้ ดก็
รรู้ สไพเราะของการอ่านรอ้ ยกรองตา่ งๆ การอ่านวรรณคดที ่จี ดั ไว้ให้เด็กแต่ละชน้ั เพ่ือให้เห็นความงดงามของ
ภาษา
วธิ ีกำรสอนอำ่ น
การสอนให้อ่านออกเขียนได้มีหลายวิธี ครูไม่ควรยึดวิธีใดวิธีหนึ่ง ควรผสมผสานหลายวิธีจน
สามารถทาใหเ้ ด็กอา่ นออกเขียนได้
1. สอนโดยวิธีประสมอักษร เป็นการสอนที่ใช้กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่แสดงถึงภูมิ
ปัญญา การสอนอ่านแบบไทย ซึ่งทาให้เด็กอ่านหนังสือไทยได้แตกฉานวิธีหน่ึง วิธีสอนแบบน้ีเป็นการนา
พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ มาประสมกัน แล้วฝึกอ่านแบบแจกลูก การอ่านแบบสะกดคา เป็นการสอน
อา่ นท่ีเน้นการฟังเสียงของพยัญชนะต้น สระ ตวั สะกด และวรรณยกุ ต์ทน่ี ามาประสมกันเปน็ คา เมือ่ ฝึกฝน
บ่อยๆ จนชินหู ก็จะอ่านได้ถูกต้องแม่นยา การอ่านแบบแจกลูก เป็นการอ่านโดยยึดพยัญชนะต้นเป็น
หลัก ยึดสระเป็นหลัก หรือยึดสระ และตัวสะกดเป็นหลัก หลักการสอนอ่านเขียนแบบแจกลูกสะกดคา
คือ ข้ันท่ี ๑ สอนให้เห็นรูป ข้ันท่ี ๒ สอนให้รู้จักเสียง ขั้นที่ ๓ สอนให้อ่านสะกดคา ขั้นที่ ๔ สอนให้
อ่านแจกลกู ข้นั ที่ ๕ สอนใหอ้ า่ นทบทวน ขน้ั ที่ ๖ สอนให้เขียนสะกดคา โดยมลี าดับขนั้ ของเนือ้ หาในการ
สอนให้อ่านออกเขียนไดแ้ บบแจกลกู สะกดคา ประกอบดว้ ย
1) สอนใหร้ จู้ กั พยญั ชนะ
2) สอนให้รู้จกั สระ
3) สอนใหส้ ะกดคาแจกลกู คาในแม่ ก กา
4) สอนให้ผนั วรรณยุกตค์ าในแม่ ก กา
5) สอนใหอ้ า่ นเขียนคาทมี่ ตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
6) สอนใหผ้ นั วรรณยุกตค์ าที่มีตวั สะกดตรงตามมาตรา
7) สอนให้อา่ นเขียนคาที่สะกดไมต่ รงมาตรา
8) สอนให้อา่ นเขยี นคาควบกลา้
9) สอนให้อา่ นเขยี นคาที่มอี กั ษรนา
10) สอนใหอ้ ่านเขียนคาทม่ี ตี ัวการันต์ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ และคาทีม่ ีลักษณะพิเศษ
ฉ
ข้อควรคำนงึ ในกำรสอนสะกดคำแจกลูก
1) เด็กจะสามารถอ่านสะกดคาแจกลูกได้ เม่ือรู้จักและออกเสียง “เสียงพยัญชนะ”
และ “เสียงสระ” ได้ถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ เพราะปัญหาของเด็กที่อ่านสะกดคาแจกลูกไม่ได้ เกิดจากไม่รู้จัก
หรือไม่แมน่ ในเสียงพยัญชนะและเสียงสระ ดงั นน้ั กอ่ นทจ่ี ะสอนอา่ นสะกดคาแจกลกู แต่ละครงั้ ครูจะตอ้ ง
ตรวจสอบ ทบทวนให้เด็กแมน่ ในเสียงพยัญชนะและเสียงสระท่ีจะสอนเสยี ก่อนทกุ ครัง้
2) ให้เร่ิมต้นท่ีการสอนอ่านสะกดคาก่อน เมื่อเห็นว่าสามารถอ่านสะกดคาได้ถูกต้องแล้ว
จงึ ค่อยฝกึ ใหแ้ จกลกู เพ่ือใหเ้ กิดความคลอ่ งในการอ่านคากลุ่มนั้นๆ
3) ใหเ้ ริ่มต้นที่การอ่านสะกดคา อา่ นแจกลูกกอ่ น เม่อื เห็นวา่ สามารถอ่านได้ถูกต้องแล้ว
จึงใหฝ้ ึกเขยี นสะกดคา เขยี นแจกลูก เพ่อื ใหเ้ กิดความคลอ่ งในการอ่านการเขยี นต่อไป
4) กิจกรรม “เขยี นตามคาบอก” และ “คัดลายมอื ” เป็นกิจกรรมทสี่ ามารถใช้ฝึกฝน
ให้เกดิ ความแมน่ ยาและคงทนในการอ่านการเขียน จงึ ควรนามาใช้หลงั การอ่านเขียนสะกดคาแจกลูกทุกครง้ั
2. สอนด้วยการเดาคาจากภาพ หรือการสอนอ่านจากภาพ เด็กเริ่มหัดอ่านจากรูปภาพ
ก่อนแล้วจงึ นาไปสกู่ ารอ่านจากตวั อกั ษร รูปภาพจะเปน็ สง่ิ ช้ีแนะให้เด็กอา่ นคานัน้ ได้
3. สอนอ่านจากรูปร่างของคา เมื่อเด็กเห็นรูปร่างของคาโดยส่วนรวมก็จะจาได้ แล้วจะ
นาไป เปรียบเทียบกับคาที่เคยอา่ นออกแล้ว คาใดท่ีมีรูปร่างคลา้ ยคลึงกันก็สามารถเดาและเทียบเสยี งไดว้ า่
อ่านอย่างไร การสอนแบบนี้ครูต้องตีกรอบคาทีท่ าใหเ้ ด็กสามารถมองเห็นรปู ร่างคาไดอ้ ย่างชดั เจน เนน้ การ
ฝกึ ให้เด็กสังเกตรปู ร่างของคา
4. สอนด้วยการเดาคาจากบริบท หรือคาท่ีอยู่แวดล้อม สาหรับเด็กมักจะใช้บริบทที่เป็น
ปริศนาคาทาย หากครตู อ้ งการให้เด็กอ่านคาใดก็สร้างปรศิ นาคาทาย เมอื่ เด็กทายคาไดถ้ กู กส็ ามารถอา่ นคา
นัน้ ออก
5. สอนอ่านโดยให้รู้หลักภาษา วิธีนี้เด็กจะรู้หลักเกณฑ์ของภาษาเพื่อการอ่านการเขียน
ตามที่บรรจุไว้ในหลักสูตร เช่น อักษร ๓ หมู่ สระเสียงเดี่ยว สระเสียงประสม มาตราตัวสะกด การผัน
วรรณยุกต์ การอ่านคาควบกล้า การอ่านอักษรนา ฯลฯ วิธีนี้จึงต้องหาวิธีสอนท่ีหลากหลาย จัดกิจกรรม
ที่น่าสนใจให้เด็กเรียนรู้หลักภาษาที่ง่ายๆ ด้วยวิธีง่ายๆ ท่ีทาให้เด็กสนุกสนาน กิจกรรมที่เด็กชอบ เช่น
เลา่ นิทาน ร้องเพลง เลน่ เกม ฯลฯ
6. สอนอ่านตามครู วธิ นี ้เี ป็นการสอนท่งี ่าย ครูส่วนใหญ่ชอบมาก ถ้าครไู ม่คดิ พจิ ารณาใหด้ ี
ว่า เมอื่ ใดควรสอนด้วยวธิ นี ี้ จะเปน็ อันตรายต่อเด็ก ครูจะใชว้ ธิ ีนต้ี ่อเมื่อเปน็ คายาก คาท่ีมีตัวสะกดแปลกๆ
และครูได้ใช้วิธีอ่ืนแล้วเด็กยังอ่านไม่ได้ ครูอาจใช้วิธีน้ีได้ โดยครูอ่านนาแล้วให้นักเรียนอ่านตาม เมื่อเด็ก
อ่านได้แล้วจึงฝึกให้อ่านเป็นกลุ่ม เป็นรายบุคคล การอ่านบทร้อยกรองน้ัน ครูจาเป็นต้องอ่านนาก่อน
เพือ่ ให้รู้จังหวะและลีลาการอา่ นบทรอ้ ยกรองตามประเภทของคาประพนั ธ์น้นั ๆ
วิธกี ารสอนทั้ง 6 วิธนี ้ี ครคู วรนาไปประยุกต์ใช้ให้ผสมผสาน ใหเ้ หมาะสมแกว่ ัยของเด็ก จะ
ทาให้ เด็กอ่านออกอ่านเกง่ ต่อไปครูจึงสอนอา่ นวลี ประโยค ขอ้ ความ เรื่องราวส้ันๆ และการฝึกการอา่ น
จับใจความในลาดับตอ่ ไป
สำรบญั ช
คำนำ หน้ำ
แนวทำงกำรใชค้ มู่ อื พัฒนำกำรอำ่ นและกำรเขยี นภำษำไทย ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี 5
สอนอยำ่ งไรใหอ้ ำ่ นออกเขยี นได้ ชั้นประถมศกึ ษำปที ่ี ๕ ก
สำรบัญ ข
หน่วยท่ี 1 การอา่ นและเขยี นคาควบกล้า ง
หนว่ ยที่ 2 การอา่ นและเขยี นอกั ษรนา ซ
หน่วยท่ี 3 การอา่ นและเขียนภาษาตา่ งประเทศ ๑
หน่วยที่ 4 การอ่านและเขียนอกั ษรยอ่ 1๘
หน่วยท่ี 5 การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ๓4
หนว่ ยที่ 6 การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ๕4
หนว่ ยที่ 7 การอ่านจับใจความ ๖5
หน่วยที่ 8 การเขียนประโยค ๗5
หนว่ ยท่ี 9 การเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ 87
หนว่ ยท่ี 10 การเขยี นยอ่ ความ 101
หน่วยที่ 11 การเขยี นเรียงความ 118
เอกสำรอ้ำงองิ 128
คณะทำงำน 1๔3
๑57
๑58
๑
หน่วยที่ ๑
กำรอำ่ นและเขียน
คำควบกล้ำ
๒
ใบควำมรู้
กำรอำ่ นและเขียนคำควบกล้ำ
คำควบกล้ำ (อักษรควบ) คือ พยัญชนะอน่ื ๆ ที่ควบกับ ร ล ว ประสมสระเดียวกนั
เวลาอ่านออกเสยี งกลา้ เป็นพยางคเ์ ดยี วกัน โดยออกเสยี งวรรณยกุ ต์ตามพยัญชนะตวั หน้า
แบง่ ออกเปน็ ๒ ชนดิ ได้แก่
1. คำควบกล้ำแท้ หมายถึง คาที่มีพยัญชนะต้น 2 ตัว ประสมอยู่ในสระเดียวกัน
เม่ืออา่ นออกเสยี ง จะอา่ นออกเสียงพร้อมกนั เปน็ เสียงเดียวกัน ควบกลา้ กนั ดงั นี้
1.1 พยญั ชนะตัวหนา้ ก ข ค ต ป พ ควบกบั ร เชน่
กร >>> กราบ เกรอะ แกรง กร่อน กรว้ิ
ขร >>> ขรขุ ระ ขรัว ขรึม
คร >>> ครอบครอง ครา่ คร่า คร้าน ครุ่นคิด ครืน้ เครง ครุฑ
ตร >>> ตรสั ตรึกตรอง ตรกึ ตรา ตระหนก
ปร >>> ปรารถนา ปราสาท โปรดปราน เปรย เปรอะ
พ1ร.1 พ>ย>ญั >ชนพะรตอ้ัวหงน้าพรกงิ้ ขพคราปยผพพราคววพบรกาบั กล เชน่
๓
กล >>> กลมกลนื กลั่นแกลง้ กล้า กลอ้ ง กลอน
ขล >>> ขลาด ขลุก เขลา โขลง ขลัง ขลยุ่
คล >>> คละคลุ้ง คล่องแคล่ว คลกิ เคลือบ เคลมิ้ เคลอ่ื น
ปล >>> ปลา ปลาย ปลอม ปลอบ ปลด ปล้มื ปลวก
ผล >>> ผลัด ผลาญ ผลิ เผลอไผล ผลุบ
พล >>> พลบ พลิ้ว พลี พลาดพล้ัง พลกิ แพลง พลาย
1.2 พยัญชนะตวั หน้า ก ข ค ควบกบั ว เชน่
กว >>> แกวง่ ไกว กวัดแกวง่ กวาด เกวียน
ขว >>> ขวัญ ขวักไขว่ ขวาก ขวาย ขวา้ ง ขวิด แขวง
คว >>> ควา้ ควาย ควกั ความ ควาน ควัน
บทอ่ำนเสริม
เพลงคำควบกล้ำ
ควำยไล่ขวดิ ขำ้ งขวำ คว้ำขวำนมำไลข่ ว้ำงควำยไป
**ควำยขวำงว่ิงวนขวกั ไขว่ กวัดแกวง่ ขวำนไลล่ ม้ คว่ำขวำงควำย
๔
๒. คำควบกล้ำไม่แท้ หมายถึง คาท่ีมีพยัญชนะสองตัวเรียงกัน พยัญชนะตัวหลัง
เป็น ร แต่อา่ นออกเสียงพยัญชนะตวั หน้าเพยี งตัวเดียว หรอื เปล่ียนเสียงเป็นพยัญชนะอนื่ คอื ซ
2.1 พยัญชนะตัวหนา้ จ ซ ศ ส ควบกับ ร ออกเสียงพยัญชนะตัวหน้าเพียง
ตัวเดียว
จร >>> จรงิ อ่านว่า จงิ
ซร >>> ไซร้ อา่ นว่า ไซ้
ศร >>> เศรา้ อ่านวา่ เส้า
สร >>> สรง อ่านว่า สง
2.2 พยญั ชนะตวั หนา้ ทร ออกเสียงเป็น ซ
ทร >>> ทรง อ่านว่า ซง
ทร >>> ทรัพย์ อา่ นว่า ซบั
ทร >>> ทราม อา่ นวา่ ซาม
ทร >>> ทรดุ อา่ นวา่ ซุด
หมำยเหตุ คาบางคา มี ทร เปน็ พยญั ชนะต้น แต่อาจอา่ นเป็นคาควบกลา้ ได้
อนิ ทรา อ่านวา่ อนิ - ทรา
ออกเสียง ทร ควบกลา้ นิทรา อา่ นว่า นิด - ทรา
จันทรา อ่านวา่ จัน - ทรา
๕
เศรษฐมี ศี รทั ธา สร้างอาศรมใตต้ น้ ไทร
เสริมสระถมทรายไว้ อนิ ทรีไซรแ้ ทรกทารงั
เสรจ็ ส้ินคาปราศรัย เศรษฐกจิ ไทยทรัพย์อยู่ยัง
สร้อยพุทรากระทรวงดัง ทรงศรีสั่งทราบทรามวัย
พรรณนภิ า สันติพงษ์
ลักษณา อินทะจกั ร
ผแู้ ตง่
ผ
ทรวดทรงทราบทรามทราย ทรุดโทรมหมายนกอนิ ทรี
มทั รอี ินทรีมี เทรดิ นนทรี พทุ รา เพรา
ทรวงไทรทรัพยแ์ ทรกวดั โทรมนัสย์ ฉะเชิงเทรา
ตัว “ทร” เหลา่ น้ีเรา ออกสาเนียงเปน็ เสียง “ซ”
กาชยั ทองหลอ่ (๒๕๔๐ : ๑๖๘)
๖
แบบฝึกอ่ำน
คำควบกลำ้
๗
แบบฝึกทักษะท่ี ๑
กำรอ่ำนออกเสียงคำท่ีมี “ร” และ “ล”
----------------------------
กรอ่ น กราบ กรวิ้ กลมกลืน กลั่นแกลง้ กล้าแกรง่
กาพรา้ ตะแกรง กบั แกล้ม ขรวั ขรุขระ ขลาดกลวั
คร่าคร่า ครอบคลมุ ครืน้ เครง ครนุ่ คดิ คลอ่ งแคลว่ คละคลุ้ง
คลาไคล คู่ครอง เคร่งขรึม เคราะห์ เคลบิ เคลม้ิ เคลือบ
ไตร่ตรอง ตรึกตรา ปรบมอื ปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลง ปราศจาก
ปราสาท ปรึกษา ปรโุ ปร่ง โปรยปราย เปรยี บเทียบ ปลอม
โปรดปราน ผลดั ผา้ ผลาญ ผลิ พร้อง พล้วิ
พลี เพรศิ พราย โพลเ้ พล้
ช่ือ..................................................สกลุ ..................................................เลขท.ี่ ........................หอ้ ง........................
ควำมถูกตอ้ งใน กำรอำ่ นเว้น กำรอำ่ นออกเสยี ง ร ล กำรอำ่ นคลอ่ ง ควำมมน่ั ใจ รวม
กำรอำ่ นคำ วรรคตอน และคำควบกลำ้ ในกำรอำ่ น
(๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๒๐ คะแนน)
ข้อคิดเห็นเพม่ิ เตมิ
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................ผ้ปู ระเมิน
(....................................................)
................/...................../.....................
๘
แบบฝึกทักษะท่ี ๒
กำรอ่ำนออกเสียงคำท่ีมี “ร” และ “ล”
----------------------------
ศรีปราชญ์เปน็ กวที ป่ี ราดเปรื่อง และเป็นที่โปรดปรานของสมเดจ็ พระนารายณ์ กรม
ตารวจปรึกษาหาวิธีทจ่ี ะปรบั ปรงุ วิธีการปราบปรามผทู้ ่ีปลอมแปลงเคร่ืองอิสริยาภรณ์ เปรมชอบพูด
เปรียบเปรยปรียาว่าเป็นผู้หญิงเปร้ียวปรู๊ดปร๊าด ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เพราะดินฟ้าอากาศเกิดปรวนแปรและในไม่ช้าฝนก็โปรยปรายลงมา หัวใจเธอเปล่ียนแปลงปล้ิน
ปลอ้ นไมแ่ นว่ แนเ่ หมอื นสายเปลที่แกวง่ ไกว นักโทษท่ถี ูกปลดปล่อยตา่ งพากนั ปลาบปลมื้ ในพระมหา
กรุณาธิคุณ กล้วยท่ีเปลวปลูกใกล้จอมปลวกออกปลีที่แปลกประหลาด ผิวเธองาม เปล่งปลั่งด่ัง
เทพธิดาปลอมแปลง นางแปลกไปท่ีปลายนาซ่ึงเปล่าเปลี่ยวและปลอดคนจึงถูกปล้นและถูกปลุก
ปล้า เมอ่ื ประธานกล่าวคาปราศรัยเสร็จสิ้นลงประชาชนก็เข้าใจอย่างปรุโปร่งและปรบมอื ด้วยความ
เปรมปรดี ิท์ ส่ี มปรารถนา
ชื่อ..................................................สกุล..................................................เลขท่.ี ........................หอ้ ง........................
ควำมถูกตอ้ งใน กำรอำ่ นเวน้ กำรอำ่ นออกเสยี ง ร ล กำรอำ่ นคล่อง ควำมมนั่ ใจ รวม
กำรอำ่ นคำ วรรคตอน และคำควบกล้ำ ในกำรอำ่ น
(๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๔ คะแนน) (๒๐ คะแนน)
ข้อคิดเห็นเพ่มิ เติม
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ................................................ผู้ประเมนิ
(....................................................)
................/...................../.....................
๙
เกณฑป์ ระเมินผล : กำรออกเสยี งคำควบกล้ำ
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๑. ความถกู ต้องในการ
๔ ๓๒ ๑
อา่ นคา อ่านคาไดถ้ กู ตอ้ ง อา่ นออกเสยี งผดิ
๒. การอา่ นเว้นวรรคตอน ชัดเจนทุกคา อา่ นออกเสยี งผิด อ่านออกเสยี งผดิ ๕ คา ข้นึ ไป
เวน้ วรรคตอน เวน้ วรรคตอนผิด
๓. การอ่านออกเสยี ง ร ล ได้ถกู ต้อง ๑ – ๒ คา ๓ – ๔ คา ๕ แห่ง ข้นึ ไป
และคาควบกลา้ อ่านออกเสยี ง ร ล อ่านออกเสยี ง
และคาควบกลา้ เวน้ วรรคตอนผิด เวน้ วรรคตอนผดิ ร ล และคาควบ
๔. การอ่านคล่อง ชัดเจนทุกคา กล้า ผิด ๕ คา
๑ – ๒ แห่ง ๓ – ๔ แหง่ ข้ึนไป
๕. ความม่ันใจในการอา่ น ใชเ้ วลาในการอา่ น ใชเ้ วลาในการ
น้อยกว่า ๒ นาที อ่านออกเสยี ง ร ล อา่ นออกเสยี ง ร ล อา่ น มากกวา่
๓ นาที
อา่ นด้วยทา่ ทางม่ันใจ และคาควบกลา้ ผดิ และคาควบกล้าผิด อา่ นดว้ ยท่าทาง
มาก เสียงดัง ฟงั ชัด มนั่ ใจ
และไมต่ ะกุกตะกัก ๑ – ๒ คา ๓ – ๔ คา
ใช้เวลาในการอ่าน ใช้เวลาในการอา่ น
๒ นาที – ๒ นาที ๒ นาที ๓๑ วนิ าที –
๓๐ วินาที ๓ นาที
อา่ นดว้ ยท่าทางม่ันใจ อ่านดว้ ยท่าทางมัน่ ใจ
และเสียงดงั ฟังชดั ตะกุกตะกกั เลก็ นอ้ ย
๑๐
แบบฝึกทักษะ
คำควบกล้ำ
๑๑
แบบฝึกทักษะที่ 1
คำชีแ้ จง เติมพยัญชนะตน้ ใหส้ มั พันธ์กับความหมายที่กาหนดให้
1. ก________กลืน หมายถงึ ไมข่ ัดแย้งกนั , เข้ากันได้เปน็ อยา่ งดี
2. กระพ________ หมายถึง ขยิบตา, เปิดปดิ โดยเรว็
3. ข________ด หมายถึง มักกลวั , ไม่กล้า
4. พ________น หมายถงึ ผู้หากนิ ในทางล่าสัตว,์ ชานาญป่า
5. คร________คลุม หมายถึง แผ่ไปถึง, รวมไปถงึ
6. ตรกึ ต________ง หมายถงึ คิดใครค่ รวญ, คิดทบทวน, ตริตรอง, ไตร่ตรอง
7. ป________ดา หมายถึง อิ่มใจ, ปลมื้ ใจ, ยินดี
8. ส________ง หมายถึง กอ่ ขน้ึ , ทาให้มขี ้ึน, เกิดข้ึนด้วยวธิ ีต่างๆ
9. ส________ย หมายถึง เคร่ืองประดับทท่ี าเปน็ เสน้ เปน็ สาย
10. พ________ยน้า หมายถึง ผพี รายท่อี ยูใ่ นนา้
รวม........................................คะแนน คะแนน เกณฑ์
คะแนน ๙ – ๑๐ ดีมาก
คะแนน ๗ – ๘
คะแนน ๕ – ๖ ดี
คะแนน ๐ – ๔ พอใช้
ปรบั ปรงุ
๑๒
แบบฝึกทักษะที่ ๒
คำชแ้ี จง นาคาควบกลา้ ต่อไปน้ีเติมลงในช่องว่างใหม้ ีความหมาย
ตัวอยำ่ ง เสริมสรำ้ ง คล่องแคล่ว
กรำน เพลิน ปรุง โศก โทรม
เพรียง เสริญ ทรง ปรำย สรวง
1. กราบ__________ 2. สรร__________
3. บวง__________
5. ทรวด__________ 4. โปรย__________
7. ปรับ__________
9. เศร้า__________ 6. ทรดุ __________
รวม........................................คะแนน 8. พร้อม__________
10. เพลิด__________
คะแนน เกณฑ์
คะแนน ๙ – ๑๐ ดีมาก
คะแนน ๗ – ๘
คะแนน ๕ – ๖ ดี
คะแนน ๐ – ๔ พอใช้
ปรับปรุง
๑๓
เฉลยแบบฝึกทักษะ
คำควบกล้ำ
๑๔
เฉลย
แบบฝึกทักษะที่ 1
คำชี้แจง เติมพยญั ชนะต้นให้สมั พนั ธก์ ับความหมายทกี่ าหนดให้
1. ก ลม กลืน หมายถึง ไม่ขดั แย้งกนั , เขา้ กันไดเ้ ป็นอย่างดี
2. กระพ ริบ . หมายถงึ ขยิบตา, เปิดปิดโดยเร็ว
3. ข ลา ด หมายถึง มกั กลัว, ไม่กล้า
4. พ รา น หมายถงึ ผหู้ ากนิ ในทางล่าสตั ว์, ชานาญป่า
5. คร อบ คลุม หมายถึง แผ่ไปถึง, รวมไปถงึ
6. ตรึกต รอ ง หมายถึง คดิ ใครค่ รวญ, คดิ ทบทวน, ตรติ รอง, ไตรต่ รอง
7. ป รี ดา หมายถงึ อม่ิ ใจ, ปลื้มใจ, ยนิ ดี
8. ส ร้า ง หมายถงึ กอ่ ขึ้น, ทาใหม้ ีขนึ้ , เกดิ ขึน้ ด้วยวธิ ีตา่ งๆ
9. ส รอ้ ย หมายถึง เคร่ืองประดับทท่ี าเปน็ เสน้ เปน็ สาย
10. พ รา ยนา้ หมายถึง ผีพรายท่ีอยูใ่ นนา้
๑๕
เฉลย
แบบฝกึ ทักษะท่ี ๒
คำชี้แจง นาคาควบกลา้ ต่อไปนเี้ ติมลงในช่องว่างใหม้ ีความหมาย
ตัวอย่ำง เสริมสรำ้ ง คลอ่ งแคล่ว
กรำน เพลิน ปรงุ โศก โทรม
เพรียง เสรญิ ทรง ปรำย สรวง
1. กราบ กราน 2. สรร เสรญิ .
3. บวง สรวง 4. โปรย ปราย .
5. ทรวด ทรง 6. ทรุด โทรม .
7. ปรบั ปรุง 8. พรอ้ ม เพรยี ง .
9. เศรา้ โศก 10. เพลิด เพลิน .
๑๖
แบบทดสอบ
ประจำหน่วยที่ ๑
คำชี้แจง ให้นักเรยี นเขยี นคาอา่ นของคาตอ่ ไปน้ี
ตวั อยำ่ ง ทรวดทรง อำ่ นวำ่ ซวด – ซง
1. กล้าแกร่ง อ่านว่า ___________________________________
2. กล่นั แกล้ง อา่ นว่า ___________________________________
3. กะเหร่ียง อา่ นว่า ___________________________________
4. ไตร่ตรอง อา่ นวา่ ___________________________________
5. ดนิ ทราย อ่านว่า ___________________________________
6. นทิ รา อา่ นว่า ___________________________________
7. ปราศรยั อ่านวา่ ___________________________________
8. สรวล อา่ นว่า ___________________________________
9. โพลเ้ พล้ อา่ นว่า ___________________________________
10. เศร้าสร้อย อา่ นวา่ ___________________________________
รวม........................................คะแนน
๑๗
เฉลยแบบทดสอบ
ประจำหน่วยท่ี ๑
คำชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นคาอา่ นของคาตอ่ ไปนี้
ตัวอยำ่ ง ทรวดทรง อำ่ นวำ่ ซวด – ซง
1. กลา้ แกร่ง อา่ นวา่ กล้า – แกรง่
2. กล่นั แกลง้ อา่ นว่า กล่ัน – แกล้ง
3. กะเหรีย่ ง อ่านวา่ กะ – เหร่ียง
4. ไตร่ตรอง อ่านวา่ ไตร่ – ตรอง
5. ดินทราย อ่านว่า ดนิ – ซาย
6. นิทรา อ่านว่า นิด – ทรา
7. ปราศรยั อา่ นว่า ปรา – ไส
8. สรวล อ่านวา่ สวน
9. โพลเ้ พล้ อา่ นว่า โพล้ – เพล้
10. เศร้าสร้อย อา่ นว่า เส้า – สอ้ ย
๑๘
หนว่ ยที่ ๒
กำรอ่ำนและเขียน
อกั ษรนำ
๑๙
ใบควำมรู้
กำรอ่ำนและเขียนอักษรนำ
อักษรนำ คือ พยญั ชนะ ๒ ตวั ท่ีประสมอยูใ่ นสระเดยี วกนั มีวิธกี ารออกเสียงอักษรนา ดังน้ี
1. อ่านออกเสียงร่วมกันสนทิ เปน็ พยางคเ์ ดยี ว ได้แก่
1.1 เมื่อมี ห เปน็ อาษรนา อกั ษรต่าเดยี่ ว ได้แก่ ง ญ น ม ย ร ล จะออก
เสยี งพยางค์เดียวสงู ตาม ห เชน่ หงอน หงาย หมาย หญา้ ไหม หนอน หยาม หรือ
หลาน เป็นตน้
1.2 เม่ือมี อ เป็นอักษรนา ย มอี ยู่ 4 คา ได้แก่
อย่า อา่ นวา่ หยา่
อยู่ อ่านวา่ หยู่
อย่าง อา่ นวา่ หย่าง
อยาก อ่านวา่ หยาก
2. อา่ นออกเสียง ๒ พยางค์ เม่อื อักษรสงู หรอื อักษรกลางเป็นอกั ษรนา จะอ่านออก
เสียงพยัญชนะตวั หนา้ คล้ายประสมสระอะ (พยางคแ์ รกออกเสยี ง อะ กึ่งเสยี ง) พยางค์หลังจะออก
เสียงตามสระทป่ี ระสมอยแู่ ละออกเสยี งเหมอื น ห นา ดงั น้ี
2.1 อกั ษรสูงนาอกั ษรตา่ เดย่ี ว เชน่
ขนาด อ่านว่า ขะ – หนาด
ขมีขมนั อ่านว่า ขะ – หมี – ขะ – หมัน
สนุกสนาน อ่านว่า สะ – หนกุ - สะ – หนาน
สมอง อา่ นวา่ สะ – หมอง
๒๐
2.2 อกั ษรกลางนาอกั ษรต่าเดย่ี ว เชน่
จมกู อา่ นวา่ จะ – หมูก
ตลก อ่านว่า ตะ – หลก
อรอ่ ย อา่ นว่า อะ – หร่อย
ตวาด อ่านวา่ ตะ – หวาด
ขอ้ สังเกต
1. ห นา อักษรตา่ เดย่ี ว จะไม่ออกเสยี ง ห เช่น หมาย หนาว หนู หลาน แหวก หรู
2. อ นา ย มีอยู่ ๔ คา คือ อย่า อยู่ อย่าง อยาก เวลาอ่านไมอ่ อกเสียง อ แต่
ออกเสียงพยัญชนะ ย
3. คาบางคาทีม่ ีข้อยกเวน้ ทไ่ี ม่ต้องออกเสียงวรรณยุกตต์ ามพยญั ชนะตวั แรก เชน่
ขมา อ่านว่า ขะ – มา สมาคม อา่ นว่า สะ – มา – คม
๒๑
แบบฝกึ ทักษะกำรอ่ำน
บทร้อยกรอง ฉลาดเสมอเฉลมิ ไฉน
ขยะขยาดตลาดเสนอ เถลไถลหวาดหวนั่ แสวง
ตล่งิ ตลบเสนอถลอกแถลง
สนิมสนองฉลองไสว สวะสวิงหน่ายแหนงขยับขยาย
อยา่ อยูอ่ ยา่ งอยากเผยอ สลบั สลายเสนาะสนุกสนาน
จมูกถนดั ขยะแขยง หวงั หลอกเหลนหลานหลากหลาย
หรหู ราหรุบหรับ(สา)หร่าย
สลดิ เสลดสลัดสมาน
บทร้อยกรอง
บุหงาคราเดือนหงาย เหงาหงอยคลา้ ยกบั กลวั หงอ หงอนไกใ่ บหงิกงอ
คนเจบ็ เหงือก หงุดหงิดเหงา หง่างเหง่งวังเวงแวว่ แหงนหนา้ แล้ว ไยซมึ เศรา้
ผมหงอกหลอกลวงเรา ทัง้ รากเหงา้ เนา่ เสียหาย เมาหงาทาหงบุ หงบั หงุงหงิงกลับ
ฟังง่ายงา่ ย หงิมหงมิ ย้ิมอายอาย คนแกห่ ง่อมย่อมเสียใจ
บทรอ้ ยกรอง
ปลาหมออยู่ในหม้อ แม่หมา้ ยรอสวมเสอ้ื ไหม ทางานเสรจ็ ใหม่ใหม่
เหน็ ไฟไหม้กองไมห้ มอน สวมหมวกในสายหมอก สมหมายบอกขอหมั้นกอ่ น
หมน่ หมองตอ้ งเดือดรอ้ น อยา่ ประมาทนัง่ มา้ หมุน กาหมดั ไล่ตีหมา เงนิ หมดมาน่ังหมกม่นุ
เป็นหมนั หมัน่ หาทนุ เงนิ สองหม่ืนคนื นอ้ งหมวย รับเหมาหมกั หมมอยู่ จัดหมวดหม่หู มอบลงดว้ ย
คว้าหมบั จับกระบวย มีเขม็ หมดุ หยดุ ดหู มี
๒๒
แบบฝกึ ทักษะ
อักษรนำ
๒๓
แบบฝึกทกั ษะที่ 1
คำชีแ้ จง เติมคาท่กี าหนดให้ลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ตอ้ ง
อยำ่ อยู่ อย่ำง อยำก
1. น้าหวาน____________________ บ้าน
2. แมบ่ อกว่า__________________ ไปไหนตามลาพัง
3. โตข้ึนฉนั ____________________ เป็นคณุ ครู
4. คุณครูบอกวา่ ________________ เดินลดั สนาม
5. ในตลาดนัดมสี ่งิ ของใหเ้ ลอื กหลาย____________
6. กรณุ า______________________ สง่ เสียงดงั
7. นกทารงั ____________________ บนตน้ ไม้
8. มาลีตั้งใจทางาน_______________ทมุ่ เท
9. แป้ง_______________________ เกง่ เหมอื นพี่
10. __________บา้ นทา่ น__________นิ่งดูดาย
รวม........................................คะแนน
๒๔
แบบฝกึ ทักษะท่ี 2
คำชีแ้ จง เขยี นคาอา่ นของคาตอ่ ไปนี้
ตัวอยำ่ ง สนม อ่ำนวำ่ สะ – หนม
1. ขนง อา่ นวา่ ___________________________________
2. ตลิ่ง อ่านวา่ ___________________________________
3. สนุก อ่านว่า ___________________________________
4. สลัก อ่านวา่ ___________________________________
5. กนก อา่ นว่า ___________________________________
6. จรสั อ่านว่า ___________________________________
7. ผดงุ อา่ นว่า ___________________________________
8. มณี อ่านวา่ ___________________________________
9. ทลาย อ่านวา่ ___________________________________
10. แสดง อา่ นว่า ___________________________________
รวม........................................คะแนน
๒๕
แบบฝกึ ทักษะที่ 3
คำชแี้ จง เขยี นคาจากคาอ่านท่กี าหนดให้ถกู ตอ้ ง
1. ขะ – หยัน เขยี นวา่ ____________________________
2. ขะ – หมี – ขะ – หมนั เขยี นวา่ ____________________________
3. จะ – หมกู เขยี นวา่ ____________________________
4. ฉะ – หวดั – ฉะ – เหวียน เขยี นว่า ____________________________
5. ฉะ – หลาด เขยี นว่า ____________________________
6. ตะ – หลาด เขียนวา่ ____________________________
7. ถะ – หนัด เขยี นวา่ ____________________________
8. สะ – หมอ เขียนว่า ____________________________
9. สะ – หม่า – สะ – เหมอ เขียนว่า ____________________________
10. หม่น – หมอง เขียนวา่ ____________________________
รวม........................................คะแนน
๒๖
แบบฝกึ ทกั ษะที่ 4
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นกาเคร่อื งหมาย หนา้ ข้อความทีถ่ ูกต้อง และกาเครอ่ื งหมาย
หน้าข้อความทีผ่ ิด
________ 1. คาที่มี ห นา ง เชน่ หงาย
________ 2. อักษร ห นา ต้องอ่านออกเสยี ง อะ
________ 3. หญ้า ไม่เปน็ คาทม่ี ีอกั ษรต่าเด่ยี ว
________ 4. การอ่านอกั ษรนาเด่ียว ตอ้ งอ่านด้วยโทนเสยี งตา่ เทา่ นน้ั
________ 5. คาวา่ ตลก ตลาด เปน็ คาท่ีมอี กั ษรนา อักษรตา่ เดี่ยว
________ 6. อกั ษรนาอกั ษรตา่ เดี่ยว มี 14 ตวั
________ 7. คาที่มี ห นา เชน่ เหน่ือย เหนยี ว หนาว
________ 8. คาที่มี ห นา ล เชน่ หลกั ฐาน เหลอื บ หลับใหล
________ 9. หลงกล หลอกหลอน ไม่เป็นคาทีม่ ีอักษรนาอักษรตา่ เด่ยี ว
________ 10. อกั ษร ห นา อกั ษรเดี่ยว เวลาอ่านไมต่ อ้ งอ่านออกเสียง อ
รวม........................................คะแนน
๒๗
แบบทดสอบประจำหน่วยที่ ๒
คำชี้แจง นาคาทีเ่ ป็นอกั ษรนาตอ่ ไปน้ี แบ่งตามกลมุ่ ให้ถูกตอ้ ง
ฉลาม ขนนุ สายหยุด กหุ ลาบ องุ่น หม้อ สวิง จ้งิ หรีด
นอ้ ยหน่า หนอน นกหวีด หงอนไก่ จมกู สมอง สมงิ
หนูนา หมี หวี บุหงา หน้าววั ฝร่งั หมู หมา
ดอกไม้
...............................................................................................................................
ผลไม้
...............................................................................................................................
ของใช้
...............................................................................................................................
สตั ว์
...............................................................................................................................
อวยั วะ
...............................................................................................................................
๒๘
เฉลยแบบฝึกทกั ษะ
อกั ษรนำ
๒๙
เฉลย
แบบฝึกทักษะที่ 1
คำช้แี จง เติมคาท่กี าหนดให้ลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
อยำ่ อยู่ อยำ่ ง อยำก
1. นา้ หวาน__________อย_ู่ _______ บา้ น
2. แมบ่ อกว่า_________อยา่ _______ ไปไหนตามลาพัง
3. โตขนึ้ ฉนั __________อยาก______ เปน็ คณุ ครู
4. คุณครบู อกว่า______อย่า_______ เดินลัดสนาม
5. ในตลาดนัดมีสิ่งของใหเ้ ลอื กหลาย___อยา่ ง____
6. กรุณา___________อย่า________ ส่งเสียงดงั
7. นกทารงั _________อยู่_________ บนตน้ ไม้
8. มาลตี ้งั ใจทางาน____อย่าง_______ทมุ่ เท
9. แป้ง____________อยาก_______ เกง่ เหมอื นพ่ี
10. ____อยู่____บ้านทา่ น____อย่า___น่ิงดดู าย
๓๐
เฉลย
แบบฝึกทกั ษะที่ 2
คำชแ้ี จง เขียนคาอา่ นของคาตอ่ ไปนี้
ตัวอยำ่ ง สนม อำ่ นว่ำ สะ – หนม
1. ขนง อา่ นวา่ ขะ – หนง
2. ตล่งิ อา่ นวา่ ตะ – หล่ิง
3. สนกุ อ่านว่า สะ – หนุก
4. สลกั อา่ นว่า สะ – หลกั
5. กนก อ่านว่า กะ – หนก
6. จรัส อา่ นวา่ จะ – หรดั
7. ผดงุ อา่ นวา่ ผะ – ดุง
8. มณี อา่ นวา่ มะ – นี
9. ทลาย อา่ นว่า ทะ – ลาย
10. แสดง อ่านว่า สะ – แดง
๓๑
เฉลย
แบบฝึกทกั ษะท่ี 3
คำชีแ้ จง เขยี นคาจากคาอา่ นทก่ี าหนดใหถ้ ูกต้อง
1. ขะ – หยนั เขียนว่า ขยนั
ขมขี มนั
2. ขะ – หมี – ขะ – หมัน เขียนว่า จมกู
ฉวัดเฉวียน
3. จะ – หมูก เขยี นวา่ ฉลาด
ตลาด
4. ฉะ – หวัด – ฉะ – เหวยี น เขียนวา่ ถนดั
สมอ
5. ฉะ – หลาด เขียนว่า สม่าเสมอ
หมน่ หมอง
6. ตะ – หลาด เขยี นวา่
7. ถะ – หนัด เขียนว่า
8. สะ – หมอ เขยี นวา่
9. สะ – หมา่ – สะ – เหมอ เขยี นว่า
10. หมน่ – หมอง เขียนวา่
๓๒
เฉลย
แบบฝึกทกั ษะที่ 4
คำชแี้ จง ให้นักเรียนกาเครื่องหมาย หน้าขอ้ ความทถี่ ูกต้อง และกาเครอ่ื งหมาย
หน้าข้อความทผ่ี ิด
________ 1. คาทีม่ ี ห นา ง เช่น หงาย
________ 2. อกั ษร ห นา ต้องอ่านออกเสียง อะ
________ 3. หญา้ ไมเ่ ปน็ คาที่มีอักษรตา่ เด่ียว
________ 4. การอ่านอกั ษรนาเดย่ี ว ตอ้ งอ่านดว้ ยโทนเสียงตา่ เทา่ น้นั
________ 5. คาวา่ ตลก ตลาด เป็นคาทม่ี อี ักษรนา อักษรตา่ เดีย่ ว
________ 6. อกั ษรนาอักษรต่าเดีย่ ว มี 14 ตวั
________ 7. คาที่มี ห นา เช่น เหน่อื ย เหนยี ว หนาว
________ 8. คาทมี่ ี ห นา ล เชน่ หลกั ฐาน เหลอื บ หลบั ใหล
________ 9. หลงกล หลอกหลอน ไม่เปน็ คาทม่ี อี กั ษรนาอักษรต่าเดยี่ ว
________ 10. อกั ษร ห นา อกั ษรเดี่ยว เวลาอ่านไม่ตอ้ งอา่ นออกเสยี ง อ
๓๓
เฉลย
แบบทดสอบประจำหนว่ ยที่ ๒
คำชี้แจง นาคาท่ีเป็นอกั ษรนาตอ่ ไปน้ี แบ่งตามกลมุ่ ให้ถกู ต้อง
ฉลาม ขนุน สายหยุด กหุ ลาบ องุน่ หมอ้ สวิง จิง้ หรดี
นอ้ ยหน่า หนอน นกหวีด หงอนไก่ จมูก สมอง สมงิ
หนูนา หมี หวี บุหงา หนา้ ววั ฝรง่ั หมู หมา
ดอกไม้
สำยหยุด กุหลำบ บุหงำ หนำ้ ววั
ผลไม้
ขนุน องนุ่ นอ้ ยหนำ่ ฝรั่ง
ของใช้
หมอ้ สวงิ นกหวดี หวี
สตั ว์
ฉลำม จ้ิงหรดี หนอน สมงิ หนูนำ หมี หมู หมำ
อวัยวะ
หงอนไก่ จมูก สมอง
๓๔
หนว่ ยที่ ๓
กำรอำ่ นและเขียน
ภำษำต่ำงประเทศ
๓๕
ผังมโนทัศน์สำระกำรเรยี นรู้
คำไทยแท้
ลกั ษณะของคำไทยแท้
คาไทยแท้ คอื คาภาษาไทยท่ีใช้มาก่อนทีจ่ ะรับคาภาษาต่างประเทศเขา้ มาใช้ มลี กั ษณะดังนี้
1. มกั เป็นคาโดดหรอื คาพยางคเ์ ดยี ว มคี วามหมายสมบรู ณใ์ นตัว
2. มตี ัวสะกดตรงตามมาตรา
3. มกี ารใช้เสยี งวรรณยุกต์เพอื่ บอกความหมายทต่ี ่างกัน
4. ใช้คาลกั ษณนาม
5. ไม่มคี าควบกลา้ และตัวการนั ต์
6. ไม่นยิ มใชพ้ ยญั ชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ ยกเวน้ บางคา เช่น
ฆา่ ฆ้อง ระฆัง เฆย่ี น เฌอ เฒ่า ณ ธ เธอ ศอก ศึก
7. มีการซ้าคาเพ่อื ให้ความหมายแตกต่างกัน เชน่ ดาๆ หมายถงึ ดาเป็นบางสว่ น
8. คาท่ีใช้สระใอไมม้ ้วน ๒๐ คา และคาทใ่ี ช้สระไอไมม้ ลายบางคา เชน่ ไว ไฟ ไป
เกรด็ ควรรู้
คำทีย่ มื มสำรจะำใกอภไมำม้ษว้ำนต่ำง๒ป๐ระคเทาศคือ ใกล้ ใคร ใคร่ ใจ ใช่ ใช้ ใหญ่ ใด ใต้ ใน ใบ ใบ้
ใฝ่ สภะำใภษ้ำไใทยยใส ใส่ ให้ ใหม่ หลงใหล
๓๖
นาคาภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ เน่ืองจากการติดต่อกับประเทศอื่นๆ ทาให้เราได้รับ
อิทธิพลทางดา้ นภาษาของประเทศเหล่าน้ันเขา้ มาดว้ ย
เกรด็ ควรรู้
ภาษา คือ เครอื่ งมือสอื่ สารที่ใช้ติดต่อระหวา่ งกนั ภาษาจงึ มีการถ่ายยืมกนั เรายืม
คาภาษาต่างประเทศเขา้ มาใช้หลายภาษา เชน่ บาลแี ละสนั สกฤต เขมร จนี องั กฤษ ชวา
มลายู เปอรเ์ ซีย ญีป่ นุ่ แต่ในระดับช้ันน้ีจะศึกษาเพียง ๔ ภาษา ไดแ้ ก่
๑. ภำษำบำลแี ละสนั สกฤต
เป็นภาษาที่มาจากทางอินเดีย ใช้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู เมื่อ
ศาสนาเหล่านี้เผยแผ่เขา้ มาในประเทศไทย เราจึงรับภาษาบาลีและสันสกฤตมาใช้ ส่วนมากจึงเปน็
คาเกี่ยวกบั ศาสนาและวรรณกรรม มีหลักสงั เกตดังน้ี
1) มีหลายพยางค์
2) ตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
3) มกี ารใชต้ วั การันต์
4) ประสมดว้ ยพยญั ชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฒ ณ ธ ภ ฤ ศ ษ ฬ
5) บางคามตี ัวสะกด ๒ ตวั แต่ออกเสยี งเพยี งตวั เดยี ว
2. ภำษำเขมร
นยิ มนามาใชเ้ ป็นคาราชาศัพท์และใช้ในวรรณคดี มีหลักสังเกตดงั น้ี
1) มักใช้ จ ญ ร ล เป็นตวั สะกด
2) มักเป็นคาควบกลา้ หรอื อักษรนา
3) มกั เปน็ คาแผลง
๓๗
3. ภำษำจนี
นิยมนามาใช้เปน็ ช่อื อาหารและเครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ตา่ งๆ มหี ลักสงั เกตดงั น้ี
1) มักเป็นคาโดด หรือคาพยางค์เดยี ว
2) ใช้เสียงวรรณยกุ ตบ์ อกความหมายทตี่ า่ งกนั
เกรด็ ควรรู้
ภาษาจีนมีเสียงสูงตา่ ของวรรณยกุ ตเ์ หมอื นเสยี งดนตรี จึงไดช้ ือ่ ว่าภาษาดนตรี
4. ภำษำอังกฤษ
เป็นภาษาสากลในการติดต่อส่ือสาร ส่วนมากเป็นคาศัพท์เก่ียวกับความเจริญก้าวหน้า
และเทคโนโลยี มหี ลักสงั เกตดังน้ี
1) ส่วนมากไมน่ ยิ มใส่รูปวรรณยุกต์ ยกเวน้ บางคา เชน่ แทก็ ซี่ กกุ๊ แต่เมือ่ อา่ นต้อง
ออกเสียงวรรณยกุ ต์ใหค้ ลา้ ยคาเดิม เชน่ เว็บไซต์ อา่ นวา่ เวบ็ – ไซ้
2) บางคามีการคิดศัพท์บัญญัติขึ้นใช้ แต่ไม่นิยมจึงเรียกคาน้ันทับศัพท์ เช่น ฟรี
คอมพวิ เตอร์ ลิฟต์
3) ส่วนใหญ่ใช้เสยี งตัวสะกดตรงตามมาตราของไทย
4) มีคาที่ใช้ ค ซ ต ฟ ล ส เป็นตัวสะกด เช่น เทคนิค ก๊าซ ยีราฟ ฟุตบอล
แก๊ส
๓๘
แบบฝกึ ทกั ษะ
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ชดุ ที่ ๑
คำชี้แจง จงจบั คูค่ าไทยแทก้ บั ความหมายเติมลงในชอ่ งว่างขา้ งหน้าให้ถูกตอ้ ง
๓๙
แบบฝึกทักษะ
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ชุดที่ 2
คำชีแ้ จง บอกวา่ คาต่อไปนเ้ี ป็นคาทีม่ าจากภาษาใดพรอ้ มทัง้ บอกความหมาย
ที่ คา ภาษา ความหมาย
1 เกษตร
2 เวฬุวนั
3 ทฤษฎี
4 ปรัชญา
5 ปัญญา
6 มจั ฉา
7 ภรรยา
8 กรีฑา
9 กีฬา
10 สัมพนั ธ์
11 เจิม
12 ไถง
13 บาเพญ็
14 บังอาจ
15 โสม
๔๐
แบบฝึกทักษะ
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ชดุ ที่ 3
คำชแ้ี จง บอกคาไทยทใี่ ช้แทนคาภาษาต่างประเทศทีก่ าหนดให้
๑. ฟรี ๑. ……………………
๒. โชว์ ๒. ……………………
๓. เชยี ร์ ๓. ……………………
๔. แบงค์ ๔. ……………………
๕. รถมอเตอร์ไซค์ ๕. ……………………
๖. เทป ๖. ……………………
๗. รถเมล์ ๗. ……………………
๘. แอร์ ๘. ……………………
๙. ก๊อปปี้ ๙. ……………………
๑๐. ฟลิ ์ม ๑๐. ……………………
๔๑
แบบฝกึ ทกั ษะ
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ชุดที่ 4
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนบอกความหมายของคาในภาษาจนี ต่อไปน้ี
ก๊ก หมายถึง ...................................................................................................
กง๊ หมายถึง ...................................................................................................
กงไฉ่ หมายถึง .............................................................................................
กงเตก๊ หมายถึง ...................................................................................................
กงสี หมายถงึ ...................................................................................................
กวยจบ๊ั หมายถงึ ...................................................................................................
กอเอ๊ียะ หมายถงึ ...................................................................................................
กงั ฉนิ หมายถงึ ...................................................................................................
กุ๊ย หมายถึง ...................................................................................................
เก๊ หมายถึง ...................................................................................................
เกำ้ อี้ หมายถงึ ...................................................................................................
เกีย้ มไฉ่ หมายถึง ...................................................................................................
เกี๊ยะ หมายถึง ...................................................................................................
ง่วน หมายถงึ ...................................................................................................
จบั กงั หมายถึง ...................................................................................................
จบั ฉำ่ ย หมายถงึ ...................................................................................................
เจ๊ง หมายถงึ ...................................................................................................
๔๒
โจ๊ก หมายถึง ...................................................................................................
เฉำก๊วย หมายถงึ ....................................................................................................
แฉโพย หมายถึง ...................................................................................................
ซวย หมายถึง ...................................................................................................
ซินแส หมายถึง ...................................................................................................
เซง้ หมายถึง ...................................................................................................
เซียน หมายถงึ ...................................................................................................
แซยดิ หมายถงึ ...................................................................................................
ตงฉิน หมายถงึ ...................................................................................................
ตะหลิว หมายถงึ ...................................................................................................
ต้ัวโผ หมายถึง ...................................................................................................
ตุ๋น หมายถึง ...................................................................................................
เต้ำเจ้ยี ว หมายถึง ...................................................................................................
ไต๋ หมายถงึ ...................................................................................................
ไตก้ ง๋ หมายถึง ...................................................................................................