The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by s.olarn, 2022-12-25 04:35:54

ป.5

ป.5

๙๓

อา่ นขอ้ ความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคาถาม ข้อที่ ๖ – ๑๐

กลางดกึ คนื หนง่ึ หัวขโมยแอบปีนรั้วบา้ นของเศรษฐี เขาวางแผนมาเปน็ อยา่ งดี
ที่จะได้ของมีค่ากลับไป เขาจึงเอากระดูกและช้ินเน้ือติดมาด้วย เพื่อเบ่ียงเบนความ
สนใจจากสุนัขเฝา้ บ้าน แต่พอเขาโยนเนอ้ื ให้มนั มันกลับไมส่ นใจ แลว้ พูดวา่ "ทา่ นคดิ
ผิดแล้ว เนื้อก้อนนี้ไม่สามารถปิดปากข้าได้ เรื่องอะไรข้าจะปล่อยให้ท่านมาขโมยของ
จากเจา้ นายท่ขี า้ รกั ไป แล้วเจา้ นายของข้าตอ้ งมาเดอื ดรอ้ นดว้ ยล่ะ"

๖. ใคร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

7. ทาอะไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

8. เม่ือไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

9. อยา่ งไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

10. ผลเปน็ อยา่ งไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................


๙๔

แบบฝึกทกั ษะท่ี 2

คำชี้แจง : อา่ นคาประพนั ธ์ท่ีกาหนดใหแ้ ล้วเติมคาให้ตรงกบั ความหมาย

คำมนั่ สญั ญำ

ถงึ ม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมทุ ร ไมส่ ิ้นสดุ ความรักสมัครสมาน
แม้เกดิ ในใตฟ้ า้ สุธาธาร ขอพบพานพศิ วาสไมค่ ลาดคลา
พี่ขอพบศรสี วัสด์เิ ปน็ มัจฉา
แม้เน้อื เยน็ เปน็ หว้ งมหรรณพ เชยผกาโกสมุ ปทุมทอง
แม้เปน็ บัวตวั พเ่ี ปน็ กุมรา เป็นราชสหี ส์ มสู่เป็นคูส่ อง
เปน็ คคู่ รองพิศวาสทุชาติไป
เจ้าเปน็ ถ้าอาไพรขอให้พี่
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง

แนวตงั้ 2. ดอกบวั
1. ปี , ศกั ราช 4. รีบ
3. โหมไฟใหแ้ รง 6. ความรัก ,ความตอ้ งการ
8. น้า แมน่ า้
5. ค้นหา 10. รกั ษาไหว้
7. พบ 12. ไมร่ ูเ้ รื่อง ไมเ่ ขา้ ใจ
9. ดอกไม้
11. ปา่
13. แมลง ผึ้ง

แนวนอน
1. นามท่ีเรยี กผู้หญิงท่ีมีความงาม ความดี
2. ทบ่ี รรจศุ พ 3. ลานา้
6. มอง 8. ผืนน้าท่ีกว้างใหญท่ ีส่ ุด
11. ตระกูล 14. เจ้าป่า สิงโต
15. พบเจอกบั คนทร่ี กั
16. ห้วง


๙๕

แบบทดสอบประจำหนว่ ยท่ี ๗

คำชี้แจง บอกใจความสาคัญจากขอ้ ความท่กี าหนดให้ (๑๐ คะแนน)

๑. เม่ือคนอยู่กับคนด้วยกันก็ยังต้องมีศีลมีวินัยวางไว้ แล้วเวลาอยู่ร่วมกับหมาซึ่งไม่ใช่คนจึง
ต้องกาหนดศลี ธรรมกาหนดวินัยไว้เช่นเดยี วกัน มิฉะน้ันจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ การท่ีจะใหห้ มา
อยู่ในศีลนั้นก็จาเป็นต้องมีผู้ให้ศีล ผู้ที่จะให้ศีลหมาได้ก็คือผู้ที่หมาเคารพ เหมือนกับคน
ไม่ยอมรับศีลจากฆราวาสด้วยกัน แต่ยอมรับศีลจากพระ ฉะนั้นก่อนที่ใครจะหัดหมาให้อยู่
ในกาหนดใดๆ ได้ ผ้นู ้ันจะตอ้ งอยู่ในฐานะทเ่ี คารพของหมาเสยี ก่อน

ใจความสาคญั คอื …………………………………………………………………………………................................

2. สุนทรภู่ได้สูญสิ้นชีวิตไปแล้ว ส้ินไปในวาระท่ีท่านกลับได้ดารงเกียรติอันควรแก่ปรีชาสามารถ
ของท่าน คือ เมื่อท่านได้เป็นพระศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมอาลักษณ์ในสมเด็จพระป่ินเกล้า
เจ้าอยู่หัว แต่นามและวรรณคดีของท่านยังอยู่โดยความดีงามและคุณค่าในตัวเอง เราได้รับ
ท้ังความบันเทิงและความสะเทือนใจในรสแห่งคติธรรมอันแสดงออกโดยภาษาอันไพเราะ
ซาบซึง้ ใจจากวรรณคดีท่ีท่านฝากไว้

ใจความสาคญั คือ …………………………………………………………………………………..............................

3. ปัจจุบันนี้ชีวิตของเยาวชนตกอยู่ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมท่ีเป็นอบายมุข ได้แก่ สุรา ยาเสพติด
การพนัน และสถานเริงรมย์ต่างๆ ถ้าเยาวชนมีเวลาว่างมากเกินไปก็อาจถูกชักจูงไปสู่
อบายมุขได้โดยง่าย หากเยาวชนตกเป็นทาสของอบายมุขแล้วก็อาจจะกลายเปน็ อาชญากร
ในท่ีสุดกีฬาจึงเป็นกิจกรรมยามว่างท่ีสาคัญ ซ่ึงจะช่วยป้องกันไม่ให้เยาวชนหันเหไปสู่
อบายมขุ ได้

ใจความสาคัญ คือ…………………………………………………………………………………...............................


๙๖

4. ปะการังเป็นแหล่งพักพิงของปลาตัวเล็ก แต่ปัจจุบันถูกพ่อค้าปลาตู้ทาลายโดยใช้วิธีฉีดพ่น
ยาสลบไปตามคอปะการัง เพื่อจับปลาสีสวยๆ ไปขาย มีผลทาให้ปะการังตายไปด้วย เมื่อ
ปะการงั ตาย ปลาเลก็ ปลานอ้ ยซึง่ เปน็ อาหารของปลาใหญก่ ถ็ ูกทาลาย ปะการังเปรียบเสมือน
หม้อข้าวของชาวประมง การทาลายปะการังจึงเท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวของชาวประมง
จานวนมาก

ใจความสาคัญคอื …………………………………………………………………………………..............................

5. จะรู้ว่าแต่งกายเหมาะตัวนั้นไม่ยาก มีกระจกส่อง กระจกนั้นมิใช่กระจกที่ส่องทุกวันในบ้าน
กระจกบานสาคัญอยู่ในแววตาของคนอ่ืนๆ มนุษย์ดูตัวเองมาตั้งแต่เกิด รักและหลงตัวเอง
มักมองไม่เห็นหรือเห็นไม่ตรงกับคนอื่น ความเหมาะตัว ได้แก่ แต่งกายให้เหมาะกับรูป
ลักษณะวัย รวมทั้งฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม สาวน้อยอายุ ๑๘ แต่งตัวโลดโผนอย่างไร
มีคนเห็นงาม คุณป้าอว้ นตุต๊ ะ๊ อายุ ๕๐ แตง่ ตวั เหมอื นกันคนสงสาร

ใจความสาคญั คอื ………………………………………………………………………………….............................


๙๗

เฉลยแบบฝึกทกั ษะท่ี 1

1. ชา้ งพัง
2. เขม้ งวดกับลูก
3. เมอ่ื ลูกงอแง
4. ใช้งวงฟาดสั่งสอนลกู
5. ลกู ไมง่ อแง
6. หวั ขโมย
7. ปล้นบ้านเศรษฐี
8. กลางดึกคืนหนึ่ง
9. นาเนอ้ื มาล่อสนุ ัขแต่สนุ ขั ไมก่ นิ เพราะสุนัขมีความซ่อื สตั ยต์ อ่ เจา้ ของ
10. ขโมยไมส่ าเรจ็


๙๘

เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 2

ศ ก โ ก สุ ม ร
รี บ ก ร ห า
ส พิ ศ ว า ส ช
วั ศ ธ สี

ส บ า ห์

ดิ์ ม ห ร ร ณ พ

หบ

ผกา ห้ พ

ส ง วน า

มุ ง พ น า

ท งง

ภุ ม ร า ศ์


๙๙

เฉลยแบบทดสอบ
ประจำหนว่ ยที่ 7

๑. เม่ือคนอยู่กับคนด้วยกันก็ยังต้องมีศีลมีวินัยวางไว้ แล้วเวลาอยู่ร่วมกับหมาซึ่งไม่ใช่คนจึง
ต้องกาหนดศีลธรรมกาหนดวินัยไว้เช่นเดยี วกัน มิฉะนั้นจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ การที่จะให้หมา
อยู่ในศีลนั้นก็จาเป็นต้องมีผู้ให้ศีล ผู้ที่จะให้ศีลหมาได้ก็คือผู้ที่หมาเคารพ เหมือนกับคน
ไม่ยอมรับศีลจากฆราวาสด้วยกัน แต่ยอมรับศีลจากพระ ฉะนั้นก่อนท่ีใครจะหัดหมาให้อยู่
ในกาหนดใดๆ ได้ ผนู้ น้ั จะต้องอยใู่ นฐานะที่เคารพของหมาเสียก่อน

ใจความสาคญั คือ คนทจ่ี ะฝกึ หดั หมำได้ต้องเป็นคนที่หมำเคำรพ

2. สุนทรภู่ได้สูญสิ้นชีวิตไปแล้ว สิ้นไปในวาระที่ท่านกลับได้ดารงเกียรติอันควรแก่ปรีชาสามารถ
ของท่าน คือ เมื่อท่านได้เป็นพระศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมอาลักษณ์ในสมเด็จพระป่ินเกล้า
เจ้าอยู่หัว แต่นามและวรรณคดีของทา่ นยังอยู่โดยความดงี ามและคุณค่าในตัวเอง เราได้รับ
ทั้งความบันเทิงและความสะเทือนใจในรสแห่งคติธรรมอันแสดงออกโดยภาษาอันไพเราะ
ซาบซ้งึ ใจจากวรรณคดที ่ีท่านฝากไว้

ใจความสาคญั คอื วรรณคดขี องสนุ ทรภมู่ คี ณุ ค่ำทำงคติธรรมและคุณคำ่ ทำงภำษำที่ไพเรำะซำบซ้งึ

3. ปัจจุบันนี้ชีวิตของเยาวชนตกอยู่ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมที่เป็นอบายมุข ได้แก่ สุรา ยาเสพติด
การพนัน และสถานเริงรมย์ต่างๆ ถ้าเยาวชนมีเวลาว่างมากเกินไปก็อาจถูกชักจูงไปสู่
อบายมุขได้โดยงา่ ย หากเยาวชนตกเป็นทาสของอบายมุขแล้วก็อาจจะกลายเป็นอาชญากร
ในท่ีสุดกีฬาจึงเป็นกิจกรรมยามว่างท่ีสาคัญ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เยาวชนหันเหไปสู่
อบายมุขได้

ใจความสาคัญคือ กำรปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ ยำวชนหนั เหไปส่อู บำยมขุ ได้


๑๐๐

4. ปะการังเป็นแหล่งพักพิงของปลาตัวเล็ก แต่ปัจจุบันถูกพ่อค้าปลาตู้ทาลายโดยใช้วิธีฉีดพ่น
ยาสลบไปตามคอปะการัง เพ่ือจับปลาสีสวยๆ ไปขาย มีผลทาให้ปะการังตายไปด้วย เม่ือ
ปะการงั ตาย ปลาเล็กปลานอ้ ยซ่ึงเป็นอาหารของปลาใหญ่ก็ถูกทาลาย ปะการงั เปรียบเสมือน
หม้อข้าวของชาวประมง การทาลายปะการังจึงเท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวของชาวประมง
จานวนมาก

ใจความสาคญั คอื ใหค้ นไทยตระหนักถงึ คุณค่ำของปะกำรังหำกทำลำยปะกำรังจงึ เท่ำกับเปน็ กำร
ทบุ หมอ้ ข้ำวของชำวประมง

5. จะรู้ว่าแต่งกายเหมาะตัวนั้นไม่ยาก มีกระจกส่อง กระจกนั้นมิใช่กระจกที่ส่องทุกวันในบ้าน
กระจกบานสาคัญอยู่ในแววตาของคนอื่นๆ มนุษย์ดูตัวเองมาตั้งแต่เกิด รักและหลงตัวเอง
มักมองไม่เห็นหรือเห็นไม่ตรงกับคนอื่น ความเหมาะตัว ได้แก่ แต่งกายให้เหมาะกับรูป
ลักษณะวัย รวมท้ังฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม สาวน้อยอายุ ๑๘ แต่งตัวโลดโผนอย่างไร
มคี นเห็นงาม คุณป้าอว้ นตตุ๊ ะ๊ อายุ ๕๐ แตง่ ตวั เหมอื นกนั คนสงสาร

ใจความสาคญั คอื กำรแต่งกำยให้เหมำะสมกบั วยั บุคลกิ ภำพ ฐำนะทำงเศรษฐกิจและสงั คม


๑๐๑

หนว่ ยท่ี ๘

กำรเขียน
ประโยค


๑๐๒

ใบควำมรู้
กำรเขยี นประโยค

ประโยค คอื การนาคามาเรียงกนั เป็นเรื่องราวท่ไี ดเ้ นอื้ หามีใจความสมบรู ณ์

ประกอบด้วยส่วนสาคญั 2 ภาค คอื

1. ภาคประธาน คอื ผ้แู สดงกรยิ า ไดแ้ ก่ คานามหรือสรรพนาม เชน่

กระต่ำยว่งิ กระต่ำย เป็นภาคประธาน

เขำมาโรงเรยี น เขำ เปน็ ภาคประธาน

2. ภาคแสดง คอื บทกรยิ า บทกรรม และส่วนเติมเตม็

บทกริยา ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั กระทาหรอื ตวั แสดงของประธาน เชน่ วิง่ เดนิ น่งั ฯลฯ

บทกรรม ทาหน้าที่เปน็ ผ้ถู กู กระทา

และส่วนเติมเตม็ ทาหนา้ ทีเ่ สรมิ ใจความของประโยคใหส้ มบูรณ์

เชน่ ฉนั กนิ ขา้ ว ฉัน เป็น ประธาน ภาคประธาน

กนิ เปน็ กรยิ า ภาคแสดง

ขา้ ว เป็น กรรม


๑๐๓


๑๐๔

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๑
เรื่องประโยคและส่วนประกอบของประโยค

คำช้แี จง ระบำยสขี ้อควำมท่เี ปน็ ประโยค พชื ผักสวนครัว
นกเปด็ น้า

แก้วแตก ขนมข้หี นู

แมน่ ้าลาคลอง เดก็ เลน่ น้า

ดอกกหุ ลาบ เขาหัวเราะ
น้องรอ้ งไห้ สุดลกู หลู กู ตา

กวา้ งใหญ่ไพศาล นอ้ งนอน


๑๐๕

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒
เรอื่ งประโยคและส่วนประกอบของประโยค

คำช้แี จง จำแนกหนำ้ ทขี่ องคำในประโยคต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง

ตัวอยำ่ ง

พ่อจบั ปลำ พ่อ เป็น ประธำน

จับ เป็น กริยำ

ปลำ เปน็ กรรม

๑. ตารวจจับผ้รู า้ ย ตำรวจ เป็น ..........................
จบั เปน็ .........................
ผูร้ ้ำย เป็น .........................

๒. นา้ ฝนวิง่ เรว็ มาก นำ้ ฝน เปน็ .........................
วิ่ง เปน็ .........................
เร็วมำก เปน็ .........................


๑๐๖

๓. ฉนั ปลูกต้นชบาในกระถาง ฉัน เป็น ..................

ปลกู เปน็ ...................

ตน้ ชบำ เปน็ ...................

ในกระถำง เปน็ ...................
ตน้ ชบำ เป็น .................

................. เป็น ...................
๔. น้องกินข้าวอย่างรวดเรว็ น้อง

กนิ เป็น ...................

ขำ้ ว เปน็ ...................

อยำ่ งรวดเร็ว เปน็ ...................
ตน้ ชบำ เปน็ .................

.................
๕. กวางป่าหลายตวั หากนิ ในไร่ของชาวบา้ น

กวำงป่ำ เป็น ....................

หลำยตวั เป็น ...................

หำกิน เปน็ ....................

ในไร่ เป็น ....................

ของชำวบ้ำน เปน็ .....................


๑๐๗

เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๑
เรือ่ งประโยคและสว่ นประกอบของประโยค

๑. แกว้ แตก ๒. เด็กเลน่ นา้ 3. เขาหัวเราะ
๔. น้องร้องไห้ ๕. น้องนอน

เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๒
เรือ่ งประโยคและส่วนประกอบของประโยค

๑. ตารวจจับผรู้ า้ ย ตำรวจ เปน็ ประธำน
จบั เป็น กริยำ
ผ้รู ำ้ ย เป็น กรรม

2. นา้ ฝนวิ่งเรว็ มาก น้ำฝน เปน็ ประธำน
วิ่ง เปน็ กริยำ
เรว็ มำก เป็น กรรม

3. ฉันปลูกตน้ ชบาในกระถาง ฉัน เปน็ ประธำน

ปลกู เปน็ กริยำ

ต้นชบำ เปน็ กรรม

ในกระถำง เป็น ขยำยกรยิ ำ


๑๐๘

4. น้องกนิ ข้าวอยา่ งรวดเรว็ น้อง เป็น ประธำน

กนิ เปน็ กริยำ

ขำ้ ว เปน็ กรรม

อย่ำงรวดเร็ว เปน็ ขยำยกรยิ ำ

5. กวางป่าหลายตัวหากินในไร่ของชาวบ้าน
กวำงป่ำ เป็น ประธำน
หลำยตวั เปน็ ขยำยประธำน
หำกิน เปน็ กริยำ
ในไร่ เป็น กรรม
ของชำวบำ้ น เป็น ขยำยกรรม


๑๐๙

ประโยคเพ่ือกำรสือ่ สำร

ในการส่ือสารเพื่อให้ผู้พูดและผู้ฟังมีความเข้าใจตรงกัน ต้องเลือกใช้ประโยคให้ตรงตาม
วัตถปุ ระสงค์ ซ่ึงประโยคทีใ่ ชใ้ นการสอ่ื สารสามารถแบ่งได้เป็น 5 ลักษณะ ไดแ้ ก่

1. ประโยคบอกเลา่ คือ ประโยคทมี่ ลี กั ษณะเป็นการบอกกลา่ วหรือเลา่ ขอ้ ความ เชน่
- น้องดืม่ นม
- นกจกิ หนอน
- แม่คา้ ขายผัก
- เก่งกนิ ข้าว

2. ประโยคคาถาม คือ ประโยคทม่ี ีลักษณะเป็นการซกั ถามทตี่ ้องการคาตอบ ซ่ึงมกั จะ
มคี าว่า ใคร อะไร ไหน อย่างไร ทาไม อยู่ในประโยค เชน่

- ใครไปทะเล
- คุณพอ่ อยูท่ ่ีไหน
- พีจ่ ะทาอะไร
- เขาสรา้ งบ้านนีไ้ ด้อยา่ งไร

3. ประโยคปฏิเสธ คือ ประโยคที่บอกความไม่ยอมรับ ซึ่งมักจะมีคาว่า ไม่ ไม่ได้
มิได้ อยใู่ นประโยค เชน่

- แมไ่ มไ่ ปทะเล
- พอ่ ไม่ได้ไปทางาน
- น้องยงั ไมไ่ ดอ้ าบนา้


๑๑๐

4. ประโยคคาส่ัง คือ ประโยคท่ีต้องการให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านทาตามท่ีผู้พูดหรือผู้เขียน
ตอ้ งการ ซึง่ มักจะมีคาวา่ จง ห้าม อย่า อยู่ในประโยค เชน่

- หา้ มเลยี้ วขวา
- อยา่ ว่ิงเล่นในห้องเรยี นเรียน
- จงแตง่ ประโยคจากคาที่กาหนดให้

5. ประโยคขอร้องและชักชวน คือ ประโยคที่ผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการขอร้อง หรือ
ชักชวนให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านทาสิ่งใดส่ิงหนึ่งตามที่ตนการ ซึ่งมักจะมีคาว่า ช่วย โปรด กรุณา อยู่
หนา้ ประโยค เพอ่ื แสดงอาการขอรอ้ งและชักชวน เชน่

- โปรดเอ้อื เฟ้อื แก่เดก็ สตรี และคนชรา
- ช่วยปดิ ไปทุกครัง้ หลงั ออกจากหอ้ งน้า
- กรุณาทงิ้ ขยะลงในถงั ขยะ

6. ประโยคแสดงความตอ้ งการ คอื ประโยคท่แี สดงความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
สิง่ ใดส่งิ หน่งึ มักพบคาว่า อยาก ตอ้ งการ ปรารถนา ประสงค์ อยู่ในประโยค เช่น

- พ่อต้องการให้ฉนั เป็นหมอ
- ฉนั อยากไปเท่ียวภาคเหนือ
- ครูประสงคจ์ ะให้ฉนั ไปเรยี นทีโ่ รงเรยี น


๑๑๑

แบบฝึกทกั ษะที่ ๑
เร่อื งประโยคเพอื่ กำรสอื่ สำร

คำชีแ้ จง บอกชนิดของประโยคทีก่ าหนดใหต้ อ่ ไปน้ี
ตวั อยำ่ ง ใครก็ไดจ้ บั เชอื กนีไ้ ว้หนอ่ ย = ประโยคขอรอ้ ง

รปู ประโยคสำหรับเลือกตอบ
ประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม ประโยคปฏเิ สธ

ประโยคคาส่งั ประโยคขอร้อง

ขอ้ ที่ ประโยค ชนดิ ของประโยค
1 เราไปดูหนังกนั นะ
2 ฉันยงั ไมเ่ คยเหน็ กหุ ลาบสีน้าเงนิ เลย
3 สุภาพต้องการไปกรงุ เทพฯอาทติ ยน์ ี้
4 หา้ มส่งเสียงดังนะจ๊ะหนูๆ
5 ใครๆ ก็หาวา่ ฉันเป็นคนเจา้ อารมณ์
6 เม่ือไหร่เราจะไดพ้ บกัน
7 เธอจะไปหรือไมฉ่ นั ไม่สนใจหรอก
8 ฉันคงต้องหาใครสักคนมาดแู ล
9 โปรดรกั ษาความสะอาด
10 ฉันปรารถนาทจี่ ะเจอเขาอกี สกั ครั้ง


๑๑๒

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒
เรอ่ื งประโยคเพื่อกำรส่ือสำร

คำชี้แจง แตง่ ประโยคจากคาทกี่ าหนดให้

ลักษณะรูปประโยคสำหรบั ใช้ในกำรแตง่ ประโยค
ประโยคบอกเลา่ ประโยคคาถาม ประโยคปฏเิ สธ ประโยคคาส่งั ประโยคขอรอ้ ง

ท่ี คำ ชนิดประโยค ประโยค
1 น้า – กอหญา้
2 นก – สูงลบิ
3 โรงเรยี น – สามคั คี
4 ฟากฟา้ – เกลือ่ น
5 ดาว – แสง
6 ทางาน – หลายปี
7 กบรอ้ ง – ทุ่งนา
8 ชาวนา – ลาบาก
9 พระเจ้า – คนดี
10 หนงั สอื – เชียงใหม่


๑๑๓

เฉลยแบบฝกึ ทักษะที่ ๑
เรอื่ งประโยคเพ่ือกำรส่ือสำร

ขอ้ ที่ ประโยค ชนิดของประโยค

1 เราไปดหู นงั กนั นะ ประโยคชกั ชวน

2 ฉนั ยงั ไม่เคยเห็นกุหลาบสีน้าเงินเลย ประโยคปฏิเสธ

3 สุภาพต้องการไปกรงุ เทพฯอาทติ ย์นี้ ประโยคแสดงความตอ้ งการ

4 หา้ มส่งเสยี งดงั นะจะ๊ หนูๆ ประโยคคาส่งั

5 ใครๆ ก็หาว่าฉันเป็นคนเจา้ อารมณ์ ประโยคบอกเลา่

6 เมอ่ื ไหรเ่ ราจะไดพ้ บกัน ประโยคคาถาม

7 เธอจะไปหรือไมฉ่ นั ไมส่ นใจหรอก ประโยคบอกเลา่

8 ฉนั คงต้องหาใครสกั คนมาดแู ล ประโยคแสดงความต้องการ

9 โปรดรักษาความสะอาด ประโยคขอร้อง

10 ฉันปรารถนาท่ีจะเจอเขาอกี สักคร้ัง ประโยคแสดงความตอ้ งการ


๑๑๔

แนวคำตอบแบบฝกึ ทักษะท่ี ๒
เรอ่ื งประโยคเพอื่ กำรส่อื สำร

คำช้แี จง แต่งประโยคจากคาที่กาหนดให้

ลักษณะรปู ประโยคสำหรบั ใชใ้ นกำรแต่งประโยค
ประโยคบอกเลา่ ประโยคคาถาม ประโยคปฏิเสธ ประโยคคาส่งั ประโยคขอรอ้ ง

ท่ี คำ ชนิดประโยค ประโยค
1 นา้ – กอหญา้
2 นก – สูงลบิ
3 โรงเรียน – สามัคคี
4 ฟากฟ้า – เกลื่อน
5 ดาว – แสง
6 ทางาน – หลายปี
7 กบรอ้ ง – ทุ่งนา
8 ชาวนา – ลาบาก
9 พระเจา้ – คนดี
10 หนงั สือ – เชยี งใหม่

หมายเหตุ การให้คะแนนอยใู่ นดุลพินิจของครู


๑๑๕

แบบทดสอบประจำหนว่ ยที่ ๘

1. ข้อใดคอื องค์ประกอบของการสือ่ สาร ข. ผพู้ ูด ผอู้ า่ น ผู้ฟัง
ก. ผ้ฟู งั ผู้เขียน ผปู้ ฏิบตั ิ ง. ผสู้ ง่ สาร ผ้รู ับสาร สาร
ค. ผู้พูด ผู้ฟัง ผสู้ ง่ สาร

2. ข้อใดไม่เป็นประโยค ข. ไมบ้ รรทัดหกั
ก. เขาพูดเลน่ ง. ดาวฤกษส์ ่องแสง
ค. ทอ้ งฟ้าสีคราม

3. ข้อใดเป็นประโยคปฏิเสธ ข. เก่งและกอ้ ยชอบทานผลไม้
ก. น้าทะเลสีคราม ง. นดุ ไี ม่มาโรงเรียน
ค. ปา้ แชม่ ขายผลไมใ้ นตลาด

4. ประโยคใดมโี ครงสร้าง ประธาน กรยิ า และกรรม

ก. แม่คา้ กาลงั วนุ่ วาย ข. การคา้ ขายดมี ีกาไร

ค. คุณพอ่ กาลังทาสบี า้ น ง. คนงานหยุดพกั กลางวัน

5. ข้อใดเป็นประโยคคาถาม ข. ผา้ ชนดิ นี้ไม่ยบั งา่ ยหรอกนะ
ก. ฉันไมอ่ ยากไปกับเธอเลย ง. ภาพยนตรเ์ รื่องน้ีไม่สนุกเลย
ค. ผูห้ ญงิ คนน้ีไม่สวยถูกใจหรือ

6. ข้อใดเป็นประโยคบอกเลา่ ข. จรงิ หรอื ที่เขาจะตามมา
ก. สมศักดิเ์ ปดิ โทรศพั ท์เสียงดงั มาก ง. ฉันจะไปกับคณุ ก็หาไม่
ค. เธอชอบรายการ “เจาะใจ” ไหม

7. ประโยคใดเน้นผูก้ ระทา ข. มีคนมากมายในงานวัด
ก. ตน้ ไม้ใหญ่หลังบา้ นถูกคณุ แมโ่ คน่ ง. สุนัขสีดาไลก่ ัดแมว
ค. คุณสมปองถูกฟา้ ผ่าตาย


8. ขอ้ ใดเปน็ ประโยคคาส่ัง ๑๑๖
ก. สมใจไปทาความสะอาดหอ้ งครับ
ค. หา้ มจอดรถในที่หา้ มจอด ข. คุณควรปฏิบตั ิตนให้ดีกว่าน้ี
ง. เธอจะทาเองหรอื จะใหฉ้ นั บังคับ
9. ขอ้ ใดเปน็ ประโยคขอรอ้ ง
ก. โปรดช่วยกนั รกั ษาความสะอาด ข. อยา่ จอดรถขวางประตู
ค. ทกุ คนควรรักษาระเบียบวนิ ยั ง. ห้ามเดินลัดสนาม

10. ข้อใดเปน็ ประโยคปฏิเสธ ข. อย่าทิ้งกระดาษให้เกลอื่ นกลาด
ก. ชูใจจะทางานหรือไม่ ง. ณัฐดลหาได้ทาการบา้ นไม่
ค. วิไลสวยมากแคไ่ หน

เฉลยแบบทดสอบประจำหนว่ ย
1. ง 6. ก
2. ค 7. ง
3. ค 8. ค
4. ค 9. ก
5 ค 10. ง


๑๑๗

แบบบนั ทึกคะแนน แบบทดสอบ

โรงเรียน …………………............................................…………………… ชั้น ……………………………

ข้อที่ รวมคะแนน*

ท่ี ชื่อ - สกลุ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ (คะแนนเตม็
๑๐ คะแนน)









๑๐

คะแนนรวม**

หมำยเหตุ 1. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อให้รู้ข้อบกพร่องสาหรับนาไปใช้ในการปรับปรุง
และพัฒนาการอ่านของนกั เรียน

2. วิธีการบันทึก ถ้าตอบถูกต้องให้ใส่เครื่องหมาย  ถ้าตอบผิดให้ใส่เครื่องหมาย 
(เครื่องหมาย  เทา่ กบั ๑ คะแนน เครอื่ งหมาย  เท่ากับ ๐ คะแนน)

3. ใชร้ วมคะแนน* และคะแนนรวม** เพอ่ื ประโยชนใ์ นการวินจิ ฉัย ปรับปรงุ หรอื แกไ้ ขความเข้าใจ
ในการอา่ นของนกั เรยี น และการจัดการเรียนการสอนเปน็ รายบคุ คลและภาพรวม

จำกน้นั ให้นำคะแนนมำเทยี บกบั เกณฑ์ ดงั น้ี

(คะแนนเตม็ 10 คะแนน) กำรแปรผล
คะแนน 8 – 1๐ ดีมาก
คะแนน 5 – 7 ดี
คะแนน 3 – 4 พอใช้
คะแนน ๐ – 2 ปรบั ปรุง


๑๑๘

หนว่ ยท่ี 9

กำรเขียนเร่อื ง
ตำมจินตนำกำร


๑๑๙

ใบควำมรู้
กำรเขียนเร่ืองตำมจนิ ตนำกำร

กำรเขียนเรื่องตำมจนิ ตนำกำร
จินตนาการ หมายถงึ ความคดิ ท่เี ชื่อมโยงประสบการณแ์ ละความจรงิ ในชวี ิตจากอดีตไปสู่

อนาคต หรือเชื่อมโยงเร่ืองราวและเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันโดยผูกเป็นเรื่องราวขึ้นมาจาก
ความคิดของนักเรยี น

กำรเขียนเลำ่ เร่อื งจำกภำพ
เปน็ การใช้ประสบการณร์ ่วมกบั จินตนาการของแตล่ ะคน โดยดูรายละเอียดต่างๆ จากภาพ

เป็นพ้ืนฐานในการจินตนาการ เขียนเป็นเร่ืองราวที่น่าสนใจหรือให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
แกผ่ ู้อา่ น การเขยี นเรอ่ื งจากภาพต้องเรยี บเรียงเรือ่ งราวต่างๆ จากภาพใหม้ ีความเกีย่ วเนื่องสัมพนั ธ์
กนั

หลักกำรเขยี นเร่ืองจำกภำพ
1. ดภู าพ พิจารณาภาพรายละเอยี ดตา่ งๆ ใหค้ รบถว้ น
2. จินตนาการผกู เรื่องราวย้อนไปในอดตี คดิ ไปในอนาคต หรือเชื่อมโยงเหตกุ ารณ์ใด/

เหตกุ ารณ์หนึง่ ในปัจจบุ ัน
3. สรา้ งความคดิ คานึงโดยใช้ความเป็นจริงหรอื เหตุการณท์ ส่ี มจรงิ เปน็ พ้ืนฐาน
4. ลาดบั เรอ่ื งราวใหต้ อ่ เนอื่ งตงั้ แตต่ น้ จนจบ
5. เขยี นเลา่ ความให้ต่อเนือ่ ง
6. ตง้ั ช่อื เร่อื งให้นา่ สนใจ
7. เขยี นลายมือให้อ่านงา่ ย จบประโยคเว้นวรรคใหช้ ดั เจน

ปรบั ปรุงมำจำก www.kroobannok.com


๑๒๐

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี ๑
กำรเขยี นเร่ืองจำกภำพ

คำชีแ้ จง เขียนเรื่องจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทดั ด้วยลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทัด
(ไม่ต้องตั้งชอื่ เรอื่ ง)

(คัดลอกภาพจากhttps://www.google.co.th/search?q=ลงิ ขีห่ มา&biw=1366สืบค้นเมอ่ื วนั ที่ ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๙)

.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

ชอ่ื ...........................................สกลุ ...........................................ช้ัน......................เลขท.่ี ................


๑๒๑

แบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒
กำรเขียนเรือ่ งจำกภำพ

คำชแี้ จง เขียนเรื่องจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทัด ดว้ ยลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทดั
(ไม่ตอ้ งต้ังชอ่ื เรือ่ ง)

(คดั ลอกขอ้ มูลจาก https://www.facebook.co.th)

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชื่อ...........................................สกุล...........................................ชั้น......................เลขท.่ี ..................


๑๒๒

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๓
กำรเขยี นเร่อื งจำกภำพ

คำช้ีแจง เขียนเรอื่ งจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทัด ดว้ ยลายมอื ตวั บรรจงครงึ่ บรรทดั
(ไม่ตอ้ งต้ังชื่อเร่อื ง)

(คัดลอกข้อมูลจาก https://www.facebook.co.th)

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชอื่ ...........................................สกุล...........................................ช้ัน......................เลขท.่ี ...................


๑๒๓

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๔
กำรเขยี นเร่ืองจำกภำพ

คำชแ้ี จง เขียนเรือ่ งจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทดั ด้วยลายมอื ตวั บรรจงครงึ่ บรรทดั
(ไม่ตอ้ งต้ังชื่อเรื่อง)

(คดั ลอกขอ้ มูลจาก https://www.facebook.co.th)

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ช่ือ...........................................สกุล...........................................ชั้น......................เลขท.่ี ...................


๑๒๔

แบบฝึกทักษะท่ี ๕
กำรเขียนเรื่องจำกภำพ

คำช้ีแจง เขยี นเร่ืองจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทดั ดว้ ยลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทัด
(ไมต่ ้องต้ังชือ่ เรอ่ื ง)

(คดั ลอกขอ้ มูลจาก https://www.facebook.co.th)
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

ช่อื ...........................................สกุล...........................................ช้ัน......................เลขท.ี่ ..................


๑๒๕

เกณฑก์ ำรประเมินกำรเขียนเรอื่ งตำมจนิ ตนำกำร
ตำมแนวทำงกำรทดสอบระดบั ชำติขั้นพ้ืนฐำน

(Ordinary National Educational Test : O–NET)

ที่ เกณฑ์ รำยละเอียดเกณฑ์ คะแนนเตม็

๑ เขยี นตรงตามคาส่ัง เขียนความยาว 4 – 7 บรรทดั ไมต่ ้ังชื่อเรอ่ื ง ไมเ่ ขียนเปน็

บทรอ้ ยกรอง ไมใ่ ชค้ าย่อ ยกเวน้ พ.ศ. และ ค.ศ. ไม่ใช้คา

ทับศัพท์ ๒

๒ การนาเสนอความคิด นาเสนอความคิดสาคญั ในการเขียน / เลา่ เรอื่ งจากภาพ ๑

สาคญั ของภาพ พร้อมทงั้ ให้ขอ้ มูลสนบั สนนุ ความคิด เขยี น/เล่าเรอ่ื งจากภาพ ๑

- ความรักของสตั ว์ นาเสนอความคดิ ทแ่ี สดงความคิดสาคญั โดยมีตวั อยา่ ง ๑

ตา่ งสายพนั ธุ์ จากภาพประกอบการอธบิ าย ๑

เขียน/เลา่ เร่อื ง โดยไมก่ ล่าวถงึ ความคิดสาคัญของภาพ

เนอ้ื เรอ่ื งไม่เกยี่ วขอ้ งกบั ภาพ

๓ การเรียงลาดบั เรียงลาดับความคิด และเชอื่ มโยงความคดิ ไดด้ ีตลอดท้ังบท

ความคิดและ เขยี นไม่วกวน

การเชอื่ มโยง ไม่เรยี งลาดบั ความคดิ และไมเ่ ช่อื มโยงความคิด

ความคดิ

๔ การสะกดคา สะกดคา และใช้ไม้ยมกถูกต้อง

และการใช้ไม้ยมก ผดิ ตงั้ แต่ 5 คาขนึ้ ไป (ไมน่ ับคาซา้ )

๕ การใชค้ า/ ถอ้ ยคา ใช้คา/ถ้อยคาสานวนถกู ตอ้ งตามความหมาย ทัง้ ความหมาย

สานวน ตรงและความหมายแฝง ไมใ่ ช้คาภาษาถน่ิ

ผิดตง้ั แต่ 5 คาขน้ึ ไป

๖ ประโยค เขยี นประโยคทส่ี มบูรณ์ ส่ือความได้ เรยี งลาดบั คา/

วางสว่ นขยายในประโยคถูกตอ้ ง

ผดิ ตง้ั แต่ 3 แห่งขน้ึ ไป

๗ วรรคตอน เวน้ วรรคได้โดยไมท่ าให้เกิดความเขา้ ใจผดิ /ไมท่ าใหต้ อ้ งอ่าน

ทวนหลายครงั้

ไม่เว้นวรรค หรอื เว้นวรรคทกุ คา

(คัดลอกข้อมลู /ปรับปรุงข้อมลู จาก https://www.niets.or.th.)


๑๒๖

แบบทดสอบประจำหนว่ ยท่ี ๙
กำรเขยี นเรือ่ งจำกภำพ

คำช้ีแจง เขยี นเรื่องจากภาพ ความยาว ๕ – ๗ บรรทดั ดว้ ยลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทดั
(ไมต่ ้องต้งั ชอ่ื เรอ่ื ง)

(คดั ลอกข้อมูลจาก https:// th.toluna.com)
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................

ช่อื ...........................................สกุล...........................................ชั้น......................เลขที่.....................


๑๒๗

เกณฑก์ ำรประเมนิ กำรเขียนเรือ่ งตำมจินตนำกำร
ตำมแนวทำงกำรทดสอบระดบั ชำติขัน้ พนื้ ฐำน

(Ordinary National Educational Test : O–NET)

ท่ี เกณฑ์ รำยละเอียดเกณฑ์ คะแนนเตม็

๑ เขียนตรงตามคาสงั่ เขียนความยาว 4 – 7 บรรทดั ไม่ตง้ั ช่อื เรอ่ื ง ไม่เขียนเปน็ ๑

บทร้อยกรอง ไม่ใชค้ าย่อ ยกเวน้ พ.ศ. และ ค.ศ. ไม่ใช้

คาทับศพั ท์

๒ การนาเสนอความคดิ นาเสนอความคิดสาคญั ในการเขยี น/เล่าเรอ่ื งจากภาพ ๓

สาคัญของภาพ พรอ้ มทั้งใหข้ อ้ มลู สนบั สนนุ ความคดิ เขยี น/เลา่ เร่ืองจาก

- วิถีชวี ติ ของคนชนบท ภาพ นาเสนอความคิดท่แี สดงความคดิ สาคญั โดยมี

- ความสุขในแบบบา้ นๆ ตวั อยา่ งจากภาพประกอบการอธบิ าย

เขียน/เลา่ เร่อื ง โดยไม่กล่าวถงึ ความคิดสาคญั ของภาพ ๐

เนอ้ื เรือ่ งไมเ่ ก่ียวขอ้ งกับภาพ

๓ การเรียงลาดบั ความคดิ เรยี งลาดับความคิด และเชอื่ มโยงความคิดได้ดตี ลอด ๒

และการเชอ่ื มโยง ทั้งบท เขยี นไมว่ กวน

ความคดิ ไม่เรียงลาดบั ความคิดและไมเ่ ชือ่ มโยงความคิด ๐

๔ การสะกดคาและ สะกดคา และใชไ้ มย้ มกถกู ต้อง ๑

การใชไ้ มย้ มก ผิดตง้ั แต่ 5 คาขน้ึ ไป (ไมน่ ับคาซ้า) ๐

๕ การใชค้ า/ถ้อยคา ใช้คา/ถ้อยคาสานวนถกู ตอ้ งตามความหมาย ๑

สานวน ทั้งความหมายตรง และความหมายแฝง ไมใ่ ช้คาภาษาถ่ิน

ผดิ ตง้ั แต่ 5 คาข้ึนไป ๐

๖ ประโยค เขยี นประโยคที่สมบูรณ์ ส่อื ความได้ เรยี งลาดบั คา/ ๑

วางสว่ นขยายในประโยคถูกตอ้ ง

ผิดตงั้ แต่ 3 แห่งขน้ึ ไป ๐

๗ วรรคตอน เว้นวรรคไดโ้ ดยไมท่ าให้เกดิ ความเข้าใจผดิ /ไม่ทาให้ตอ้ งอา่ น ๑

ทวนหลายครงั้

ไม่เว้นวรรค หรอื เว้นวรรคทกุ คา ๐

(คดั ลอกขอ้ มูล/ปรับปรุงขอ้ มลู จาก https://www.niets.or.th.)


๑๒๘

หน่วยที่ 10

กำรเขียน

สรุปควำม


๑๒๙

ใบควำมรู้
กำรเขยี นสรุปควำม

๑.๑ ควำมหมำยของกำรเขยี นสรุปควำม

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของ “สรุป” เอาไว้ว่า
หมายถงึ ประเดน็ ย่อๆ ของเร่ือง ยอ่ เอาเฉพาะใจความสาคัญของเร่อื งเป็นประเดน็ ๆ ไป เช่น สรุปข่าว
สรุปเหตกุ ารณ์

การสรปุ ความ คอื การหยิบยกเอาความคิดหลักหรือประเด็นท่ีสาคัญของเรือ่ งที่ไดฟ้ ังได้ดู
ได้อ่านมากล่าวยา้ ใหเ้ ดน่ ชดั โดยใช้ประโยคสนั้ ๆ แลว้ เรยี บเรยี งใหเ้ ป็นระเบียบ

การเขียนสรุปความ คือ การเขียนประเด็นท่ีสาคัญของเรอื่ งที่ฟังหรืออ่านให้เด่นชดั โดยใช้
ประโยคสั้นๆ แล้วเรียบเรียงให้เป็นระเบียบ เพ่ือการสื่อสารท่ีตรงประเด็น ชัดเจน ต่อเนื่อง และ
สละสลวย

1.2 ประเภทของกำรเขยี นสรปุ ควำม

การเขียนสรุปความแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท คือ
1.2.1 การเขยี นสรปุ ความจากการฟงั ไมว่ า่ จะเปน็ การฟงั บรรยาย อภิปราย การประชุม
ตลอดจนขา่ วสารประเภทต่างๆ ผ้เู ขียนต้องมสี มาธิในการฟัง เพื่อจับใจความสาคัญของเรื่องโดยสรุป
สาระสาคญั ของเรอ่ื ง เปน็ ประเดน็ ย่อย เพ่อื ความเข้าใจที่ชัดเจนและรวดเร็ว
1.2.2 การเขียนสรุปความจากการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านร้อยแก้วหรือร้อยกรอง
ผู้เขียนต้องอ่านเร่ืองหรือสารนั้นๆ โดยละเอียด จับใจความสาคัญ ตลอดจน แนวทางความคิด
ทศั นคติเพ่ือนามาเปน็ ขอ้ มูลในการเขยี น


๑๓๐

1.3 วธิ กี ำรกำรเขยี นสรุปควำม

การเขยี นสรปุ ความมวี ธิ ีการดงั น้ี
1.3.1 การเขียนสรุปความเร่ืองที่ฟังหรืออ่าน หากเร่ืองท่ีฟังหรืออ่านร้อยกรองให้ถอด
เป็นรอ้ ยแก้ว
3.2.2 การเขียนสรุปความเร่ืองท่ีฟังหรืออ่าน ควรหาใจความสาคัญของเร่ืองให้ได้
โดยท่ีใจความสาคัญจะปรากฏอยู่ในประโยคหน่ึงหรือย่อหน้าใดย่อหน้าหน่ึง ส่วนข้อความอื่นๆ จะ
เปน็ ความรองหรือพลความ ซึง่ เปน็ สว่ นทีข่ ยายใจความสาคัญให้ชัดเจนยิ่งข้ึน ประโยคที่เปน็ ใจความ
สาคัญอาจจะอย่ตู อนต้น ตอนกลาง หรือตอนทา้ ยของเรอ่ื งกไ็ ด้
1.3.3 การเขียนสรุปความเร่ืองที่ฟังหรืออ่าน ผู้เขียนอาจจับใจความสาคัญของเร่ือง
ที่ฟัง เขียนจดบนั ทกึ สาระสาคญั ท่ีได้จากการฟังเป็นประเดน็ ย่อย หากเป็นการจบั ใจความสาคัญจาก
เร่ืองท่ีอ่าน อาจแบ่งที่ละย่อหน้าหรือทีละตอน แล้วบันทึกไว้เป็นข้อๆ หรืออาจทาบันทึกย่อเพื่อ
นามาเรยี บเรยี งใหม่
1.3.4 การเขียนสรุปความจากเร่ืองที่ฟังหรืออ่าน ควรใช้สานวนภาษาของผู้เขียนเอง
เรียบเรียงเน้ือหาให้มีความสมบูรณ์ สละสลวย เปล่ียนคาสรรพนามบุรุษท่ี ๑ ให้เป็นสรรพนามบุรุษ
ที่ ๓ ถ้ามีคาราชาศัพท์ให้คงไว้ ชื่อบุคคลที่เก่ียวข้องให้ใช้ชื่อโดยตรง ไม่ใช้อักษรย่อ ถ้ามีบทสนทนา
โตต้ อบของบุคคลใหจ้ บั ใจความสาคญั ของเร่ืองทสี่ นทนา
1.3.5 เมื่อเขียนสรุปความจากเรื่องท่ีฟังหรืออ่านแล้ว ควรอ่านทบทวนเรื่องที่เขียน
อกี ครัง้ เพอื่ พจิ ารณาสานวนภาษาที่ใช้เขียนยอ่ หน้า ตลอดจนเน้อื เรอ่ื งให้สัมพนั ธก์ ัน

1.4 รปู แบบกำรเขยี นสรปุ ควำม

รูปแบบการเขียนสรปุ ความ ประกอบด้วยส่วนสาคัญ ได้แก่ สรุปความเร่ืองอะไร ของใคร
จากแหล่งใด และเนอ้ื เรื่องทส่ี รปุ ดังตวั อย่างการสรุปความงานเขยี น


๑๓๑

แบบฝกึ ทักษะท่ี ๑
กำรเขียนสรปุ ควำม

***********************************

คำช้ีแจง เขยี นสรุปความ ดว้ ยลายมอื ตัวบรรจง ความยาวไม่เกนิ ๓ บรรทดั

หมู่บ้านหัวปายตั้งอยู่ในหุบเขาในอาเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หมู่บ้านน้ีทุรกันดาร ไม่มี
สาธารณูปโภคใดๆ ไม่มีท้ังไฟฟ้าและน้าประปา แหล่งกาเนิดไฟฟ้าเพียงแหล่งเดียวของชาวบ้านที่นี่
คือแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซ่ึงจะเก็บไฟฟ้าไว้ใช้เฉพาะตอนกลางคืน ส่วนน้าน้ันหาได้จากแม่น้าใน
หมู่บา้ น

หมู่บา้ นนี้มชี าวบ้านอาศัยอยู่ ประมาณ ๑๕๐ คน ในจานวนนีเ้ ป็นเด็กรวมทั้งส้ิน ๔๘ คน ปะ
กู จะตีก๋อย ผู้นาชุมชนเล่าให้ฟังว่า มีเด็กที่อายุ เกิน ๗ ปี ประมาณ ๑๕ คนที่ยังไม่ได้เข้าเรียนใน
โรงเรยี น

การเดินทางจากหมู่บ้านไปโรงเรียนในหุบเขาโดยใช้รถเครื่องน้ันใช้เวลามากกว่าหน่ึงช่ัวโมง
เพราะ ถนนหนทางมีความสงู ชันและมโี คง้ มาก การรับสง่ เด็กไปโรงเรยี นเป็นเรื่องยากลาบากสาหรับ
หลายครอบครัว เนื่องจากระยะทางท่ีห่างไกลและต้องเสียค่าน้ามันรถ ปะกูใช้เงินประมาณ ๒๐๐
บาทตอ่ สปั ดาห์ เป็นค่านา้ มัน ในการรับส่งลูกสาวไปโรงเรยี น

“เดก็ ทกุ คนที่นอ่ี ยากไปโรงเรยี นท้ังนนั้ แหละครับ” ปะกูกล่าว “แต่การเดนิ ทางลาบาก หลาย
คน เลยไปโรงเรียนไมไ่ ด้ ถา้ มีโรงเรยี นใกลห้ มบู่ ้านคงดีมาก เด็กจะได้มโี อกาสเรยี นหนงั สอื ทุกคน”

(คัดลอกขอ้ มูลจาก https://www.niets.or.th.)

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ช่ือ...........................................สกลุ ...........................................ชั้น......................เลขท.่ี .....................


๑๓๒

คำสำคญั / ประเดน็ ท่ีตอ้ งสรุป

๑. หม่บู า้ นหัวปาย
๒. หมู่บ้านน้ที ุรกนั ดาร
๓. การเดนิ ทางจากหมู่บ้านไปโรงเรยี นในหุบเขาโดยใช้รถเคร่อื งนัน้ ใชเ้ วลามากกว่าหน่งึ

ช่วั โมง
๔. การรบั ส่งเดก็ ไปโรงเรียนเปน็ เรื่องยากลาบาก
๕. เด็กทกุ คนที่น่อี ยากไปโรงเรียน
๖. ถา้ มีโรงเรียนใกล้หมู่บา้ นคงดมี าก เดก็ จะได้มีโอกาสเรยี นหนงั สอื ทุกคน


๑๓๓

แบบฝกึ ทักษะท่ี ๒
กำรเขียนสรุปควำม

***********************************

คำช้แี จง เขียนสรุปความ ดว้ ยลายมอื ตวั บรรจง ความยาวไม่เกนิ ๓ บรรทัด

แมงป่องเป็นสัตว์มีพิษที่ซ่อนตัวและหลบหลีกได้เก่ง สามารถพบเจอได้ทั่วโลก ทุกวันน้ี
แมงป่องมีสายพันธุ์มากกว่า ๑,๐๐๐ ชนิด บางชนิดมีพิษร้ายแรงสามารถฆ่าคนตายได้ แต่บางชนิด
พิษของมันก็สามารถชว่ ยคนได้เช่นกนั ผลการค้นคว้าวิจยั พบว่า พิษของแมงป่องบางชนิดมีประโยชน์
ทางการแพทย์ สามารถเป็นยารักษาโรคเส้นเลอื ดตบี โรคลาไสอ้ ักเสบ หรือโรคไขขอ้ อักเสบได้

พิษของแมงป่องจะอยู่ท่ีปลายหางซ่ึงมีลักษณะคล้ายเข็ม เมื่อมันต่อสู้ก็จะปล่อยพิษ
ออกมาขณะที่ใช้หางท่ิมแทงเหยื่อหรือศัตรูของมัน การสกัดพิษแมงป่องจากบริเวณปลายหางน้ีถือ
เป็นเรอื่ งยากและอนั ตราย ดังนั้น ยาที่ทามาจากพิษของแมงป่องจึงมีราคาสูงลิบลิ่ว แต่ก็ถือวา่ คุ้มค่า
เม่ือเทียบกับประโยชน์ท่จี ะไดร้ ับ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตมนุษย์อาจจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวในราคาแพงอีกแล้ว
เน่ืองจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮัสซันที่ ๒ ประเทศโมร็อกโกได้คิดค้นพัฒนาเครื่อง
รีดพิษแมงป่องท่ีทางานโดยการใช้สายรัดหางแมงป่องให้เข้าที่ จากนั้นใช้เคร่ืองควบคุมระยะไกล
กระตุ้นไฟฟา้ ท่ีต่อมพิษเพือ่ ให้แมงป่องปล่อยพิษออกมา เครื่องมือดงั กล่าวมีความพิเศษ คือ นอกจาก
จะใช้งานได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังปลอดภัยทั้งผู้ใช้งานและตัวแมงป่องด้วย นักวิทยาศาสตร์
เปรียบเทียบว่าถ้าในอดีตสามารถสกัดพิษจากแมงป่องได้แค่ ๑๐ ตัวต่อวัน มาถึงวันน้ีเครื่องมือท่ี
คิดคน้ ขึน้ ใหมจ่ ะชว่ ยใหท้ าได้ถงึ ๑๕๐ ตวั ภายในหนงึ่ วนั

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชอ่ื ...........................................สกลุ ...........................................ช้ัน......................เลขท.ี่ ......................


๑๓๔

คำสำคญั /ประเด็นทีต่ ้องสรปุ

๑. แมงปอ่ งเปน็ สัตว์มีพิษท่ซี อ่ นตัวและหลบหลกี ได้เกง่
๒. สามารถพบเจอได้ทว่ั โลก
๓. แมงปอ่ งบางชนิดมปี ระโยชนท์ างการแพทย์
๔. พษิ ของแมงปอ่ งจะอยู่ที่ปลายหาง
๕. การสกัดพิษแมงป่องจากบริเวณปลายหางนี้ถอื เป็นเรอ่ื งยากและอนั ตราย
๖. อนาคตมนุษยอ์ าจจะไม่ตอ้ งเสียค่าใชจ้ า่ ยดงั กลา่ วในราคาแพง


๑๓๕

แบบฝึกทักษะท่ี ๓
กำรเขียนสรุปควำม

***********************************

คำชี้แจง เขียนสรุปความ ดว้ ยลายมอื ตวั บรรจง ความยาวไม่เกิน ๓ บรรทดั

ภายในไร่ส้มแห่งหนึ่งในอาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้เขตชายแดนพม่า มีสิ่งก่อสร้าง
ช้ันเดียวง่ายๆ พ้ืนทาด้วยคอนกรีตขรุขระ ฝาผนังเป็นลาไม้ไผ่และหลังคามุงแฝกต้ังอยู่ ครั้งหนึ่ง
เจ้าของไร่ส้มเคยใช้เป็นที่เก็บปุ๋ยและเครื่องไม้เครื่องมือในการทาไร่ต่างๆ แต่ปัจจุบันถูกแปลงสภาพ
เป็นสิ่งท่สี าคัญกวา่ นัน้ น่ันคือ เปน็ สถานทใี่ ห้การศึกษาแก่เด็กๆ ทเ่ี ป็นลูกหลานของแรงงานต่างดา้ ว

ลูกหลานแรงงานต่างด้าวเหลา่ น้ี นับเป็นส่วนหนึ่งของเด็กวัยปฐมกว่า 900,000 ท่ีไม่ได้
เข้าเรียนหรือเข้าเรียนช้ากว่าเกณฑ์ ท้ังๆ ท่ีกฎหมายไทยระบุว่า เด็กทุกคนในประเทศไทย รวมถึง
บุตรหลานของแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย มีสิทธิท่ีจะได้รับการศึกษาและมีสิทธิ
เขา้ เรียนในโรงเรียนของรฐั บาล แตก่ ระน้ันจากข้อมูลของสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ัน
พืน้ ฐาน พบว่า มเี ด็กๆ บตุ รหลานแรงงานต่างด้าวเพยี ง 75,000 คนเท่าน้ันทเ่ี ขา้ โรงเรยี น

แม้ว่าพวกเขาจะขาดแคลนทรัพยากรทางการศึกษา แต่โรงเรียนในไร่ส้มเป็นสถานที่ๆ
สอนให้เด็กๆ อ่านออกเขียนได้ และคิดเลขเป็น นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้เรียนได้เรียนภาษาและ
ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไทใหญ่อีกด้วย เด็กๆมักนาส่ิงท่ีได้จากห้องเรียนไปใช้ในชีวิต
ประจาวัน เช่น ช่วยพ่อแม่ส่ือสารกับหมอและพยาบาลเวลาไปโรงพยาบาล ช่วยอ่านฉลากยา และ
ช่วยคานวณค่าแรง

(คัดลอก/ดดั แปลงข้อมูลจาก
https://www.unicef.org/thailand/tha/reallives_14796.html)

..........................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................

ชอ่ื ...........................................สกลุ ...........................................ชั้น......................เลขท.่ี ...................


๑๓๖

คำสำคัญ/ประเด็นทต่ี ้องสรปุ

๑. ภายในไร่สม้ แหง่ หนง่ึ
๒. มีสงิ่ ก่อสรา้ งชนั้ เดยี วง่ายๆ
๓. เป็นท่ีเกบ็ ปยุ๋ และเครื่องไมเ้ ครอื่ งมอื ในการทาไร่ตา่ งๆ
๔. เปน็ สถานที่ให้การศึกษาแก่เดก็ ๆทีเ่ ปน็ ลกู หลานของแรงงานต่างดา้ ว
๕. ทไี่ ม่ไดเ้ ข้าเรียนหรือเรยี นช้ากวา่ เกณฑ์
๖. สอนเดก็ ให้อา่ นออกเขียนได้และคดิ เลขเปน็
๗. เดก็ ๆ มักนาสง่ิ ท่ไี ดจ้ ากหอ้ งเรียนไปใช้ในชวี ิตประจาวนั


๑๓๗

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๔
กำรเขยี นสรุปควำม

***********************************

คำชแ้ี จง เขียนสรปุ ความ ด้วยลายมอื ตัวบรรจง ความยาวไม่เกิน ๓ บรรทัด

ภำษำไทยควำมภูมิใจของคนในชำติ

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติที่มีวิวัฒนาการต่อเนื่องมาเป็นเวลาช้านาน นับเป็น
ภูมิปัญญาของชาติท่ีใช้ในการสื่อสารเป็นเครื่องมือในการดารงชีวิตและเป็นพ้ืนฐานในการเรียนรู้
การใชท้ ักษะทางภาษา ในการพดู การดู การอ่าน จากบุคคลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และสภาพแวดล้อม
รอบตัวจะทาให้ช่วยพฒั นา สติปัญญา กระบวนการคดิ การวิเคราะห์ การวจิ ารณ์ จนเกิดเป็นความรู้
ใหม่ในปัจจุบันสังคมไทยได้รับ ผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัฒน์เป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดปัญหา
อย่างมากมาย ทั้งปัญหาด้านศีลธรรม ปัญหา การศึกษาและปัญหาสังคม ภาษาไทยกาลงั อ่อนแอลง
จนถึงขั้นระดับเป็นปัญหาจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพ่ือ ดารงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยไว้
ภาษาเป็นศักด์ิศรีของชาติไทย เป็นส่ิงแสดงความรุ่งเรืองของชนชาติไทยและวัฒนธรรมไทยอย่าง
ย่ิงยงและยาวนาน ภาษามีชีวิตมีความเปลี่ยนแปลง อีกท้ังวิวัฒนาการภาษาไทย ยังได้บ่งบอกถึง
ลักษณะของชีวิต และสังคมไทยในทุกถิ่นฐาน ดังนั้น ภาษาไทยจึงนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถงึ
ความเป็นชาติไทย พวกเราในฐานะที่เป็นคนไทย จึงควรเห็นคุณค่า ควรร่วมกันสืบสานและอนุรักษ์
ภาษาไทยให้คงอยู่คูช่ าตไิ ทยสบื ต่อไป

(บทความ จากTAGS : ภาษาไทย ความภมู ิใจของคนในชาติ) bEduzones Pr News

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชือ่ ...........................................สกลุ ...........................................ช้ัน........................เลขท.่ี ...................


๑๓๘

คำสำคญั /ประเด็นทตี่ ้องสรปุ
๑. ภาษาไทยเปน็ เอกลักษณ์ประจาชาติ
๒. เปน็ ภูมิปัญญาของชาติ
๓. เปน็ เคร่ืองมือในการดารงชีวติ
๔. เป็นพ้ืนฐานในการเรยี นรู้
๕. เป็นส่งิ แสดงความรงุ่ เรืองของชนชาตไิ ทยและวฒั นธรรมไทยอยา่ งยิ่งยง
๖. ภาษามชี วี ติ มคี วามเปลย่ี นแปลง
๗. ร่วมกนั สืบสานและอนรุ กั ษภ์ าษาไทยให้คงอยู่


๑๓๙

แบบทดสอบประจำหนว่ ยที่ ๑๐
กำรเขยี นสรุปควำม

***********************************

คำช้ีแจง เขียนสรุปความ ด้วยลายมือตัวบรรจง ความยาวไม่เกิน ๓ บรรทดั

วิวัฒนำกำรของเรอื ไทย

ชาวสยามหรอื คนไทยในสมัยก่อน มักต้ังถนิ่ ฐานบ้านเรอื นอย่ใู กลแ้ ม่น้าลาคลอง เพราะน้า
เป็นปัจจัยสาคัญในการดารงชีวิต และใช้ในการเดินทางไปมาหาสู่กัน คนไทยจึงมีความผูกพันกับ
สายน้า และมีภมู ิปญั ญาในการคิดประดษิ ฐเ์ รอื แบบต่างๆ ขึ้นใช้ใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน

นับต้ังแต่สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี จนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาว
สยามมีการใช้เรือเป็นท่ีพักอาศัย หรือเป็นพาหนะในการเดินทางและค้าขาย ตลอดจนใช้ลาเลียง
ทหารและอาวุธในยามมีศึกสงคราม ต่อมาเมื่อชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายกับชาวสยามมากข้ึน จึงมี
การสร้างเรือสาเภาข้ึนเพื่อบรรทุกสินค้าของสยามไปขายยังต่างประเทศ เช่น จีน ญ่ีปุ่น และ
นบั ตง้ั แต่สมยั รชั กาลท่ี ๓ เร่ิมมเี รอื สาเภาขนาดใหญ่ของชาวตะวันตกเข้ามาค้าขายกับชาวสยาม มาก
ข้ึนเร่ือยๆ จนทาให้รัชกาลที่ ๔ ต้องทรงเปิดประเทศ ทาสนธิสัญญาทางการค้ากับอังกฤษ
เป็นประเทศแรก และต่อมาก็ทาสนธสิ ญั ญากับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ เปน็ เหตุให้วัฒนธรรม
และความรู้ทางตะวันตกหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศอย่างรวดเร็ว ประเทศสยามเริ่มพัฒนาประเทศตาม
แบบชาวตะวันตกหลายด้าน โดยรัชกาลท่ี ๕ ได้ทรงส่งพระราชโอรสไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ
เพอ่ื นาความรูก้ ลับมาพฒั นาบา้ นเมอื ง

ประเทศสยามมีความก้าวหน้าทางด้านการค้าขายทางเรือ มีการต่อเรือกลไฟข้ึนใช้และ
สามารถต่อเรือสาเภาแบบทันสมัยท่ีใช้เครื่องจักรไอน้า รวมทั้ง มีการนาเรือยนตแ์ ละเรือกลไฟขนาด
เล็กมาใช้ในลาน้ามากข้ึน ทาให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง นอกจากน้ี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงซื้อเรือรบที่ทันสมัยจากประเทศอังกฤษมา
ประจาการ ชื่อว่า เรือหลวงพระร่วง ทาให้การทหารเรือมีความก้าวหน้าทันสมัยมาก ต่อมาเม่ือเกิด
สงครามโลกครั้งที่ ๒ กิจการเรือโดยสารและการคมนาคมทางน้าต้องหยุดชะงกั ลง หลังจากสงคราม
สิ้นสุด ประเทศไทยก็เร่ิมพัฒนาประเทศอย่างมีแบบแผน เกิดการพัฒนาด้านการคมนาคมทางบก


๑๔๐

อยา่ งมาก ประชาชนหนั มาใชร้ ถยนตแ์ ละรถไฟกันมาก สง่ ผลให้การคมนาคมทางน้าใชเ้ รือลดน้อยลง
ไปเร่ือยๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อการคมนาคมทางบกและทางอากาศมีการใช้เพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง
ท่ัวโลก ประเทศต่างๆ เริ่มประสบปัญหาการจราจรและปัญหาการขาดแคลนน้ามัน ซ่ึงเป็นเชื้อเพลิง
สาคัญท่ีใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์และยานพาหนะต่างๆ อาจทาให้การคมนาคมทางน้า โดยการใช้
เรอื ไดร้ บั ความนยิ มดังเช่นในอดตี

..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................

ชื่อ...........................................สกลุ ...........................................ชั้น......................เลขท.่ี ...................


๑๔๑

เกณฑก์ ำรประเมินกำรเขยี นสรปุ ควำม
ตำมแนวทำงกำรทดสอบระดับชำติขัน้ พ้ืนฐำน
(Ordinary National Educational Test : O-NET)

ท่ี เกณฑ์ รำยละเอยี ดเกณฑ์ คะแนนเตม็

๑ คาสาคัญ/ประเด็น สรปุ ใจความสาคัญได้ครบทุกประเดน็ ๔
ทต่ี ้องสรปุ ๐
ไมม่ ีประเด็นสาคญั ๑
๒ การเรียงลาดบั ความคิด ๐
และการเชอื่ มโยงความคิด เรียงลาดับความคิดและเชอื่ มโยงความคดิ ไดด้ ตี ลอด ๒
ท้ังบท เขียนไม่วกวน
๓ รู้กลวธิ ีสรปุ ความ ๐
ไมเ่ รียงลาดับความคดิ และไมเ่ ชื่อมโยงความคดิ , ๑
๔ การสะกดคาและการใช้ ลอกข้อความจากบทอา่ นทง้ั หมด ๐
ไมย้ มก ๑
- สรุปใจความสาคญั โดยไมม่ ีการยกตวั อยา่ ง ๐
๕ การใชค้ า/ ถอ้ ยคาสานวน - ไมม่ กี ารอธบิ ายเพ่ิมเติม/ ไม่เขยี นเนอ้ื ความซ้า ๑
- ไมร่ ะบขุ ้อความทเ่ี ปน็ รายละเอยี ด ไม่มขี ้อความใน ๐
๖ ประโยค เครือ่ งหมายอญั ประกาศ ข้อความที่
- เป็นภาษาพดู หรือ คายอ่ เชน่ มีคาลงทา้ ย ค่ะ ครับ
คาสรรพนามบุรษุ ท่ี 1
ทงั้ น้ี ไม่รวมการเน้นคา โดยใช้เครอ่ื งหมายอญั ประกาศ
กากับ
- ไม่มีขอ้ ความทส่ี รุปผิดไปจากเรื่องทีอ่ า่ น

มีขอ้ บกพรอ่ ง ต้ังแต่ 2 แบบข้ึนไป

สะกดคา และใช้ไม้ยมกถูกตอ้ ง

ผดิ ตัง้ แต่ 5 คาขนึ้ ไป (ไม่นบั คาซ้า)

ใช้คา/ถ้อยคาสานวนถกู ต้องตามความหมาย
ท้ังความหมายตรง และความหมายแฝง ไม่ใช้คาภาษาถน่ิ

ผิดตง้ั แต่ 5 คาข้ึนไป

เขียนประโยคท่สี มบูรณ์ สื่อความได้ เรยี งลาดับคา/
วางสว่ นขยายในประโยคถกู ตอ้ ง

ผิดตง้ั แต่ 3 แหง่ ขนึ้ ไป

(คดั ลอกขอ้ มลู จาก https://www.niets.or.th.)


๑๔๒

คำสำคัญ/ประเดน็ ทีต่ ้องสรปุ

๑. ชาวสยามหรอื คนไทยในสมัยกอ่ น มกั ต้งั ถ่ินฐานบา้ นเรอื นอยูใ่ กลแ้ ม่นา้ ลาคลอง
๒. นา้ เป็นปัจจยั สาคญั ในการดารงชีวิต และใช้ในการเดนิ ทางไปมาหาสูก่ นั
๓. มคี วามผกู พนั กบั สายน้า มีภูมิปญั ญาในการคิดประดิษฐเ์ รือแบบตา่ งๆ ขน้ึ ใช้ให้

เหมาะสมกบั การใช้งาน
๔. ประเทศไทยก็เรมิ่ พัฒนาประเทศอย่างมีแบบแผน เกดิ การพัฒนาดา้ นการคมนาคม

ทางบก
๕. การคมนาคมทางน้าใชเ้ รอื ลดนอ้ ยลง
๖. ประเทศต่างๆ เริ่มประสบปญั หาการจราจร และปัญหาการขาดแคลนน้ามัน
๗. อาจทาใหก้ ารคมนาคมทางน้า โดยการใชเ้ รือไดร้ บั ความนิยมดงั เชน่ ในอดีต


Click to View FlipBook Version