The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by s.olarn, 2022-12-25 04:35:54

ป.5

ป.5

๔๓

เฉลยแบบฝกึ ทักษะ
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ชดุ ท่ี ๑

คำชแี้ จง จงจบั คคู่ าไทยแท้กบั ความหมายเติมลงในชอ่ งวา่ งข้างหนา้ ใหถ้ ูกต้อง


๔๔

เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย ชดุ ที่ 2

ท่ี คา ภาษา ความหมาย
1 เกษตร
2 เวฬวุ ัน ภาษาสนั สกฤต ทีด่ ิน ทุง่ นา ไร่
3 ทฤษฎี ภาษาบาลี ป่าไผ่
4 ปรชั ญา ภาษาสนั สกฤต
5 ปญั ญา ภาษาสันสกฤต การคาดเอาตามหลักวชิ าการเพื่อเสริมเหตุผล
6 มจั ฉา ภาษาบาลี
7 ภรรยา ภาษาบาลี วิชาวา่ ดว้ ยหลกั แหง่ ความรู้และความจรงิ
8 กรฑี า ภาษาสันสกฤต
9 กฬี า ภาษาสันสกฤต ความฉลาดรอบรู้
10 สัมพันธ์ ภาษาบาลี ปลา
11 เจมิ ภาษาบาลี
เขมร เมยี หรือหญงิ ที่เป็นคคู่ รองของชาย
12 ไถง กฬี าประเภทหนง่ึ การปะลองยทุ ธ
13 บาเพญ็ เขมร
14 บงั อาจ เขมร กิจกรรมหรอื การเลน่ เพอื่ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
15 โสม เขมร
เขมร ผูกพัน เกย่ี วข้อง

เอาแปง้ หอมแต้มเป็นจุดท่หี นา้ ผากหรอื ส่งิ ทต่ี ้องการ
ให้เป็นมงคล
ตะวัน, วัน
ทาให้เต็มบรบิ รู ณ์

กล้าแสดงกล้าทาโดยไม่ยาเกรง , กล้าทาผดิ กฎหมาย
ชอื่ ไมเ้ ถาชนดิ หนง่ึ หวั คลา้ ยผกั กาด กินไดแ้ ละทายา
ได,้ พระจันทร์


๔๕

เฉลยแบบฝึกทักษะ
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ชดุ ที่ 3

คำชแี้ จง บอกคาไทยทใี่ ชแ้ ทนคาภาษาต่างประเทศทก่ี าหนดให้

๑๐. ฟรี 1. ได้เปล่า
๑๑. โชว์ 2. แสดงใหเ้ ห็น
๑๒. เชยี ร์ 3. สนบั สนุน
๑๓. แบงค์ 4. ธนาคาร
๑๔. รถมอเตอรไ์ ซค์ 5. รถจักรยานยนต์
๑๕. เทป 6. แถบบันทกึ เสียง
๑๖. รถเมล์ 7. รถโดยสารประจาทาง
๑๗. แอร์ 8. เครือ่ งปรับอากาศ
๑๘. ก๊อปป้ี 9. ถ่ายเอกสาร
๑๐. ฟลิ ม์ 10.แถบบันทึกภาพและเสียง

๑๐. ……………………
๑๑. ……………………
๑๒. ……………………
๑๓. ……………………
๑๔. ……………………
๑๕. ……………………


๔๖

เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ
คำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย ชุดท่ี 4

กก๊ หมายถงึ พวก, หม,ู่ เหลา่ , โดยปรกติมกั ใช้เข้าคกู่ นั วา่ เปน็ ก๊กเป็นพวก เปน็ กก๊
เปน็ หมู่ เปน็ กก๊ เป็นเหลา่ (จ. วา่ ประเทศ)
กง๊ หมายถงึ ดม่ื (ใชแ้ กเ่ หล้า) เชน่ กง๊ เหลา้ น. หนว่ ยตวงเหล้าโรงเป็นตน้ ตามวธิ ี
ประเพณี ๑ กง๊ เท่ากับ ๕๐ ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร (จ.)
กงไฉ่ หมายถึง น. ผกั กาดเค็มชนิดหนึ่งของจีน (จ. ก้งไฉ่ ว่าผักดองเค็ม)
กงเตก๊ หมายถงึ น. การทาบญุ ใหแ้ ก่ผตู้ ายตามพิธีของนักบวชนกิ ายจนี และญวน
มกี ารสวดและเผากระดาษท่ที าเปน็ รูปต่างๆ มบี า้ นเรือน คนใช้ เป็นต้น
กงสี หมายถงึ น. ของกองกลางท่ใี ช้รวมกันสาหรับคนหมหู่ นง่ึ ๆ, หุ้นส่วน, บริษัท
(จ. กงซี ว่า บรษิ ทั ทาการค้า, กจิ การท่ีจัดเปน็ สาธารณะ)
กวยจ๊ับ หมายถึง น. ช่อื ของกนิ ชนดิ หนงึ่ ทาดว้ ยแปง้ ท่ีใชท้ าเส้นกว๋ ยเต๋ยี ว แต่หั่นเป็น
ชน้ิ ใหญ่ๆ ตม้ สกุ แลว้ ปรุงด้วยเครือ่ ง มหี มู เป็นตน้ (จ.)
กอเอ๊ียะ หมายถึง น. ข้ผี งึ้ ปิดแผลชนดิ หนง่ึ แบบจีน (จ.)
กังฉนิ หมายถงึ ว. คดโกง, ไมซ่ ่ือตรง (จ. กงั ฉิน วา่ อามาตยท์ จุ ริต, อามาตยท์ รยศ)
ก๊ยุ หมายถึง น. คนเลว, คนโซ (จ. กยุ๊ ว่า ผ)ี
เก๊ หมายถงึ ว. ปลอมหรือเลยี นแบบเพอ่ื ใหห้ ลงผดิ วา่ เป็นของแท้, ไม่ใช่ของแท้,
ไมใ่ ช่ของจริง, โดยปริยายหมายความว่าไม่มีราคา, ใชก้ ารไมไ่ ด้.
(จ.)


๔๗

เกำ้ อ้ี หมายถงึ น. ทสี่ าหรับนัง่ มีขาและพนกั พงิ มักยกยา้ ยไปมาได้ มหี ลายชนิด, ถา้ มี
รูปยาวใชน้ อน เรียกวา่ เก้าอนี้ อน, ถ้าใชโ้ ยกได้ เรยี กว่า เกา้ อโ้ี ยก
เกี้ยมไฉ่ หมายถึง น. ผักดองเคม็ ชนดิ หนึง่ (จ.)
เกีย๊ ะ หมายถงึ น. เกือกไมแ้ บบจีน (จ.)
งว่ น หมายถึง ว. เพลนิ ทาเพลนิ เลน่ อย่กู ับสงิ่ ใดสิ่งหนึ่ง (จ. หงว่ น)
จับกงั หมายถึง น. กรรมกร, ผ้ใู ชแ้ รงงาน, ใช้เรียกผรู้ บั จ้างทางานตา่ งๆ (จ.)
จับฉ่ำย หมายถึง น. ช่ืออาหารอย่างจนี ชนิดหน่ึงทีใ่ สผ่ ักหลายๆ อยา่ ง (ปาก) ของตา่ งๆ
ที่ปะปนกนั ไม่เปน็ สารับ ไม่เปน็ ชดุ (จ.)
เจ๊ง หมายถงึ (ปาก) ก. เลกิ ลม้ กจิ การเพราะหมดทุน; ส้ินสดุ (จ.)
โจก๊ หมายถึง น. ข้าวต้มชนดิ หนง่ึ ทีใ่ ชป้ ลายข้าวต้มจนเละ (จ.)
เฉำกว๊ ย หมายถึง น. ช่ือขนมชนิดหนง่ึ สดี า ทาจากเมือกท่ีได้จากการตม้ เคี่ยวพรรณไม้
ชนดิ หน่งึ ใสแ่ ป้งลงไปผสม กวนให้ทั่ว ทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ กนิ กับน้าหวาน
แฉโพย หมายถึง หรือใสน่ า้ ตาลทรายแดง.
ซวย หมายถึง ก. เปิดเผยขอ้ ทป่ี ดิ บังหรอื ความลับ
ซนิ แส หมายถงึ (ปาก) ว. เคราะหร์ า้ ย, อบั โชค (จ.)
เซ้ง หมายถึง น. หมอ, คร,ู จนี แส กว็ า่ (จ.)
(ปาก) ก. โอนสิทธหิ รือกิจการไปให้อีกคนหน่งึ โดยได้ค่าตอบแทน,
เซยี น หมายถึง รบั โอนสทิ ธห์ิ รอื กจิ การจากอีกคนหนึง่ โดยต้องเสียคา่ ตอบแทน
น. ผสู้ าเรจ็ , ผ้วู เิ ศษ; โดยปรยิ ายหมายความวา่ ผู้ทเี่ กง่ หรอื ชานาญ
ในทางใดทางหนึง่ เป็นพเิ ศษ เชน่ เซยี นการพนัน (จ.)


๔๘

แซยดิ หมายถงึ วนั ที่มีอายคุ รบ ๕ รอบนกั ษตั ร คือ ๖๐ ปีบริบูรณต์ ามคติของจนี ,
เรยี กการทาบุญในวนั เช่นน้ันว่า ทาบุญแซยดิ (จ.)

ตงฉิน หมายถงึ ว. ซ่อื ตรง, ซ่ือสัตย์ (จ. ตงฉนิ ว่า อามาตย์ซอื่ สตั ย์)
ตะหลิว หมายถึง น. เครื่องมอื ทาด้วยเหล็ก ใชแ้ ซะหรือตกั ของทท่ี อดหรือผัดในกระทะ
ต้ัวโผ หมายถงึ น. หวั หน้าคณะมหรสพ มลี ะคร งิ้ว เปน็ ตน้ , โตโ้ ผ กเ็ รยี ก (จ.)
ตุ๋น หมายถึง ก. ทาใหส้ ุกดว้ ยวธิ เี อาของใสภ่ าชนะวางในภาชนะทม่ี นี า้ แลว้ เอาฝาครอบ

ตงั้ ไฟให้น้าเดอื ด เชน่ ตนุ๋ ไข่ ตนุ๋ ข้าว, เค่ยี วใหเ้ ปอื่ ย เชน่ ต๋นุ เนอ้ื
เตำ้ เจยี้ ว หมายถงึ น. ถว่ั เหลอื งทีห่ มักเกลือสาหรับปรงุ อาหาร (จ.)
ไต๋ หมายถงึ (ปาก) น. กลเม็ด, ทเี ดด็ , ความลบั , เจตนาแท้จรงิ ซ่งึ ซ่อนเร้นไว;้

ไพต่ วั สาคญั ซึ่งปิดไว้ไมใ่ ห้คูแ่ ข่งรู้ (จ.)
ไต้กง๋ หมายถึง น. นายทา้ ยเรอื สาเภา หรอื เรอื จับปลา (จ.)


๔๙

แบบทดสอบประจำหน่วยที่ ๓
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย

คำชแ้ี จง ทาเครื่องหมาย  ทบั ในช่องตัวอกั ษร ก, ข, ค, ง ทเี่ หน็ วา่ ถูกที่สดุ
เพียงคาตอบเดียวในกระดาษคาตอบ

1. ข้อใดไม่ใช่สาเหตทุ ท่ี าให้ภาษาตา่ งประเทศเข้ามาปะปนในภาษาไทย
ก. ความสัมพันธก์ ันทางเชอื้ ชาติและถิน่ ทอี่ ยอู่ าศัยตามภูมศิ าสตร์
ข. ความสัมพันธ์ทางดา้ นสงครามการค้า
ค. ความสมั พนั ธ์ทางดา้ นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ง. ความสัมพันธ์ทางดา้ นศาสนา

2. “คนไทยมเี สรีภาพในการนบั ถือศาสนา เม่ือนับถือศาสนาใดกต็ ามยอ่ มไดร้ บั ถอ้ ยคาภาษาที่
ใชใ้ นคาสอนหรอื คาเรยี กช่ือตา่ งๆ ของศาสนานั้นมาปะปนอยู่ในภาษาไทย” จากขอ้ ความ
ดังกลา่ วความสมั พันธ์ขอ้ ใดถูกต้อง
ก. ความสัมพนั ธ์ทางด้านประวตั ิศาสตร์
ข. ความสมั พันธท์ างดา้ นภมู ศิ าสตร์
ค. ความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมและประเพณี
ง. ความสมั พนั ธท์ างด้านศาสนา

3. “คนไทยทีอ่ าศยั อย่บู ริเวณชายแดนมีความเกยี่ วพันกบั ชนชาตติ ่างๆ โดยปรยิ าย มกี ารเดินทาง
ข้ามแดนไปมาหาสูก่ นั แต่งงานกัน เปน็ ญาติกัน” จากข้อความดังกลา่ วความสมั พันธข์ อ้ ใด
ถกู ต้อง
ก. ความสัมพนั ธ์กนั ทางเชอ้ื ชาตแิ ละถนิ่ ทอี่ ยู่อาศยั ตามภูมศิ าสตร์
ข. ความสัมพันธท์ างดา้ นวฒั นธรรมและประเพณี
ค. ความสัมพนั ธท์ างด้านการคา้
ง. ความสัมพันธท์ างการทตู


๕๐

4. ดว้ ยเหตุที่วรรณคดที าให้ภาษาสนั สกฤตและภาษาชวาเข้ามาปะปนในภาษาไทยนัน้ มีอทิ ธิพล
มาจากความสมั พนั ธด์ า้ นใด
ก. ความสมั พันธ์ทางดา้ นวรรณคดี
ข. ความสัมพนั ธส์ ่วนตวั กับคนตา่ งชาติ
ค. ความสมั พนั ธ์ทางด้านวัฒนธรรมและประเพณี
ง. ความสัมพันธท์ างดา้ นประวตั ศิ าสตร์

5. ข้อใดเปน็ คาที่เกิดจากความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาการและเทคโนโลยี
ก. ปัญญา ศีล
ข. ปฏกิ ริ ิยา เซยี มซี
ค. คอมพิวเตอร์ ทฤษฎีบท
ง. ทรัพย์ หนุ้

6. ภาษาต่างปะเทศทีเ่ ขา้ มาปะปนในภาษาไทยด้วยสาเหตุตา่ งๆ มอี ทิ ธิพลตอ่ ภาษาไทย คือ
ทาใหล้ ักษณะของภาษาไทยเปลีย่ นไปจากเดมิ ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ ง
ก. คามพี ยางคม์ ากขนึ้
ข. เกดิ ความยงุ่ ยากในการใช้คา
ค. มคี าควบกล้าใช้มากขนึ้
ง. มีคาไวพจนใ์ ช้มากขน้ึ

7. ขอ้ ใดคอื คาทมี่ คี วามหมายเหมอื นกันท้ังหมด
ก. นก ปกั ษา สกุณา วหิ ค
ข. ม้า พาชี อาชา อศั วะ
ค. ดอกไม้ กรรณิกา บุปผชาติ สุมาลี
ง. น้า คงคา ธารา รชั นกี ร


๕๑

๘. จากอทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศท่มี ตี อ่ ภาษาไทย ทาให้ลกั ษณะของภาษาไทยเปล่ยี นไป
จากเดมิ คือ คามีพยางค์มากขึ้น คาในข้อใดมี ๓ พยางค์ทุกคา
ก. โทรศพั ท์ ปรารถนา
ข. อุทกภยั จันทร
ค. ยาตรา จกั รยาน
ง. สาธารณ มารดา

9. จากอทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศที่มตี อ่ ภาษาไทย ทาให้ภาษาไทยมคี าทีส่ ะกดไมต่ รง
ตามมาตรา คาในข้อใดสะกดตรงตามมาตราทุกคา
ก. กาญจน์ สุนขั
ข. ปาก กา้ น
ค. ลาภ บาท
ง. มงกุฎ เจริญ

10. จากอิทธิพลของภาษาต่างประเทศทมี่ ตี อ่ ภาษาไทย ทาใหโ้ ครงสร้างของภาษาเปล่ยี นไป
ข้อใดไม่เป็นประโยคสานวนตา่ งประเทศ
ก. เขาพบตวั เองอย่ใู นหอ้ งเรียน
ข. นวนยิ ายเร่อื งน้ีเขียนโดยทมยนั ตี
ค. ข้าพเจา้ มาถึงนครสวรรค์เมื่อเวลาบ่าย
ง. มันเปน็ เวลาบ่ายเมอื่ ขา้ พเจ้ามาถึงลพบรุ ี


๕๒

เฉลยแบบทดสอบประจำหนว่ ย
คำภำษำตำ่ งประเทศในภำษำไทย

*

1. ข
2. ง
3. ก
4. ก
5. ค
6. ข
7. ง
8. ก
9. ข
10. ค


๕๓

แบบบนั ทกึ คะแนน แบบทดสอบ

โรงเรยี น …………………........................................................…………………… ช้ัน ……………………………

ท่ี ชอื่ - สกุล ข้อที่ รวมคะแนน*

๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ (คะแนนเตม็
๑๐ คะแนน)



















๑๐

คะแนนรวม**

หมายเหตุ 1. ให้บันทึกคะแนนของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพ่ือให้รู้ข้อบกพรอ่ งสาหรบั นาไปใช้ในการปรบั ปรุง
และพัฒนาการอ่านของนกั เรียน

2. วิธีการบันทึก ถ้าตอบถูกต้องให้ใส่เครื่องหมาย  ถ้าตอบผิดให้ใส่เครื่องหมาย 
(เคร่ืองหมาย  เท่ากบั ๑ คะแนน เคร่อื งหมาย  เทา่ กบั ๐ คะแนน)

3. ใช้รวมคะแนน* และคะแนนรวม** เพื่อประโยชนใ์ นการวนิ ิจฉยั ปรับปรุงหรือแกไ้ ขความเข้าใจ
ในการอ่านของนักเรยี น และการจัดการเรยี นการสอนเปน็ รายบุคคลและภาพรวม

จากน้ันให้นาคะแนนมาเทยี บกบั เกณฑ์ ดังน้ี

เกณฑ์ของระดับคะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน กำรแปรผล

รอ้ ยละ 75 – 100 8 – 10 คะแนน ดมี าก
ร้อยละ 50 – 74 5 – 7 คะแนน ดี
รอ้ ยละ 25 – 49 3 – 4 คะแนน
รอ้ ยละ 0 – 24 0 – 2 คะแนน พอใช้
ปรับปรุง


๕๔

หนว่ ยท่ี ๔

กำรอำ่ นและเขยี น
อกั ษรย่อ


๕๕

ใบควำมรู้ อักษรย่อ

อักษรย่อ คือ คาท่ีเขียนโดยมีเครื่องหมายมหัพภาค หรือเครื่องหมายจุด ( . ) กากับ
ท้ายตัวอักษร การใช้อักษรย่อนั้นมีประโยชน์ในการเขียนคา ซ่ึงทาให้ประหยัดเวลาและเน้ือที่
ในการเขยี น แต่สาหรบั การอา่ นนั้นไม่ควรอา่ นอกั ษรย่อ ควรอา่ นชื่อเต็มเพอ่ื ใหผ้ ู้ฟังเขา้ ใจทันที

หลักการเขยี นอักษรย่อในราชบัณฑิตยสถาน

1. ใช้พยัญชนะต้นของพยางค์แรกของคาเปน็ ตวั ย่อ
ถา้ เปน็ คาคาเดียวใหใ้ ชต้ ัวย่อตวั เดียว แม้ว่าคานั้นจะมหี ลายพยางค์ก็ตาม ตัวอย่าง
1) ๕ วา = ๕ ว.
2) จงั หวดั = จ.
3) ๓.๐๐ นาฬกิ า = ๓.๐๐ น.
4) ศาสตราจารย์ = ศ.

2. ถ้าใช้ตวั ย่อเพยี งตวั เดียวแล้วทาให้เกิดความสบั สน อาจใชพ้ ยญั ชนะตน้ ของคาถดั ไป
เปน็ ตัวยอ่ ดว้ ยกไ็ ด้ ตวั อย่าง
1) ทหารบก = ทบ.
2) ตารวจ = ตร.
3) อัยการ = อก.
4) กิโลเมตร = กม.

3. ถา้ เปน็ คาสมาสให้ถอื เป็นคาคาเดยี วและใชพ้ ยญั ชนะต้นของพยางคแ์ รกเพียงตัวเดยี ว ตวั อย่าง
1) มหาวทิ ยาลยั = ม.
2) วิทยาลยั = ว.

4. ถา้ เปน็ คาประสม ใชพ้ ยญั ชนะตน้ ของแต่ละคา ตวั อยา่ ง
1) ชั่วโมง = ชม.
2) โรงเรยี น = รร.

5. ถ้าใช้พยัญชนะต้นของแตล่ ะคาแล้วทาให้เกดิ ความสบั สน ให้ใช้พยญั ชนะตน้ ของ
พยางคถ์ ดั ไปแทน ตัวอยา่ ง
1) พระราชกาหนด = พ.ร.ก.
2) พระราชกฤษฎีกา = พ.ร.ฎ


๕๖

6. ถา้ พยางคท์ ่ีมี ห เป็นอกั ษรนา เชน่ หญ หล ให้ใชพ้ ยญั ชนะตวั ทีอ่ อกเสียงเปน็ ตัวยอ่

ตวั อยา่ ง

1) สารวัตรใหญ่ = สวญ.

2) ทางหลวง = ทล.

7. คาทพ่ี ยญั ชนะต้นเปน็ อักษรควบกล้าหรืออักษรนา ให้ใชอ้ กั ษรตวั หนา้ ตัวเดียว ตวั อย่าง

1) ประกาศนยี บัตร = ป.

2) ถนน = ถ.

3) เปรียญ = ป.

8. ตัวย่อไม่ควรใชส้ ระ ยกเว้นคาท่ีเคยใชม้ าก่อนแลว้ ตัวอยา่ ง

1) เมษายน = เม.ย.

2) มิถุนายน = ม.ิ ย.

๓) เสนาธกิ าร = เสธ.

9. ตัวย่อต้องมีจดุ กากบั เสมอ ตัวยอ่ ต้งั แต่ ๒ ตัวขน้ึ ไป ให้จุดท่ีตัวสุดท้ายเพยี งจุดเดยี ว

ยกเว้นตวั ท่ีใชก้ นั มาก่อนแลว้ ตวั อย่าง

1) ตาบล = ต.

2) รองศาสตราจารย์ = รศ.

3) พทุ ธศกั ราช = พ.ศ.

10. ใหเ้ วน้ วรรคเลก็ น้อยหนา้ ตัวย่อทุกแบบ ตวั อย่าง

1) ประวัติของ อ.ไชยา

2) มีขา่ วจาก สฎ.ว่าเกดิ ลมพายุ

11. ให้เวน้ วรรคระหว่างกลุม่ อกั ษรย่อ ตวั อยา่ ง

1) ศ. ศ. นพ.

2) รศ. ดร.

12. การอ่านคายอ่ ตอ้ งอา่ นเต็ม ตัวอยา่ ง

1) ๐๕.๐๐ น. อ่านว่า ห้า – นา – ลิ – กา

2) อ.ไชยา อ่านวา่ อา – เพอ – ไช – ยา

13. ถา้ คาประสมประกอบดว้ ยคาหลายคามคี วามยาวมาก อาจเลือกเฉพาะพยัญชนะตน้

ของคาทเี่ ป็นใจความสาคญั ทงั้ น้ไี มค่ วรเกนิ ๔ ตวั ตัวอยา่ ง

1) คณะกรรมการประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ = กปร.

2) สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน = สพฐ.


๕๗

แบบฝกึ ทักษะที่ ๑

คำช้ีแจง เขียนอกั ษรย่อของคาต่อไปนี้
๑. มกราคม ______ ๗. กรกฎาคม ______
๒. กมุ ภาพันธ์ ______ ๘. สงิ หาคม ______
๓. มีนาคม ______ ๙. กันยายน _______
๔. เมษายน ______ ๑๐. ตุลาคม _______
๕. พฤษภาคม ______ ๑๑. พฤศจกิ ายน ______
๖. มิถนุ ายน ______ ๑๒. ธนั วาคม ________


๕๘

แบบฝกึ ทักษะท่ี ๒

คำช้แี จง เขยี นคาจากอักษรย่อตอ่ ไปน้ี

๑. รร. = _____________________________
๒. พ.ศ. = _____________________________
๓. นร. = _____________________________
๔. อ. = _____________________________
๕. ผอ. = _____________________________
๖. รพ. = _____________________________
๗. ต. = _____________________________
๘. ชม. = _____________________________
๙. ว.ด.ป. = _____________________________
๑๐. สวญ. = _____________________________


๕๙

เฉลย


๖๐

เฉลยแบบฝกึ ทักษะที่ ๑

๑. มกราคม = ม.ค. ๗. กรกฎาคม = ก.ค.
๒. กุมภาพนั ธ์ = ก.พ. ๘. สิงหาคม = ส.ค.
๓. มนี าคม = มี.ค. ๙. กันยายน = ก.ย.
๔. เมษายน = เม.ย. ๑๐. ตลุ าคม = ต.ค.
๕. พฤษภาคม = พ.ค. ๑๑. พฤศจิกายน = พ.ย.
๖. มิถุนายน = ม.ิ ย. ๑๒. ธันวาคม = ธ.ค.


๖๑

เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะที่ ๒

๑. รร. = โรงเรยี น
๒. พ.ศ. = พุทธศักราช
๓. นร. = นักเรียน
๔. อ. = อาเภอ
๕. ผอ. = ผอู้ านวยการ
๖. รพ. = โรงพยาบาล
๗. ต. = ตาบล
๘. ชม. = ชวั่ โมง
๙. ว.ด.ป. = วัน เดือน ปี
๑๐. สวญ. = สารวัตรใหญ่


๖๒

แบบทดสอบ

ประจาหนว่ ยท่ี ๔

คำชีแ้ จง จงทาเครือ่ งหมาย x หน้าข้อท่ีถูกตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว

1. อักษรย่อหมายถึงอะไร
ก. พยญั ชนะท่ีเขียนไมห่ มด
ข. พยญั ชนะที่ใช้เขยี นยอ่ คายาวๆ ให้ส้นั ลง
ค. พยัญชนะท่ีไม่มีในภาษาไทย
ง. พยัญชนะที่อยู่อันดบั ต้นๆ ในภาษาไทย

2. อักษรย่อใช้เครื่องหมายวรรคตอนใด
ก. อัญประกาศ
ข. เสมอภาค
ค. มหพั ภาค
ง. อัศเจรีย์

3. อักษรย่อในข้อใดตรงกับความหมายว่า กรงุ เทพมหานคร
ก. กทม.
ข. กมน.
ค. กทน.
ง. กทห.

4. กก. ยอ่ มาจากอะไร
ก. กก๊ิ กก๊ั
ข. กกุ๊ กู๋
ค. กกุ๊ กก๊ิ
ง. กิโลกรัม


๖๓

๕. ขอ้ ใดตอ่ ไปนมี้ ีตัวย่อเหมือนกัน
ก. โรงเรียน โรคร้าย
ข. โรงแรม โรงรบ
ค. โรงเรียน โรงแรม
ง. โรครกั รม่ ร่นื

6. พ.ศ. ยอ่ มาจากอะไร
ก. พ่ศี กั ดิ์
ข. พุทธศักราช

ค. พุทธศาสนา
ง. พรุ่งนีว้ นั ศุกร์

ข้อ ๗ – ๑๐ หากถูกตอ้ งใหต้ อบ ก. หากผดิ ให้ตอบ ข.

7. มหาวิทยาลยั = มหว. ตอบ___________
8. พระราชกาหนด = พ.ร.ก. ตอบ___________
9. พระราชกฤษฎีกา = พ.ร.ก ตอบ___________
10. เสนาธกิ าร = เส.น. ตอบ___________

**เกณฑ์การประเมนิ นกั เรยี นต้องทาแบบทดสอบให้ไดร้ อ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์


๖๔

เฉลยแบบทดสอบ
ประจำหนว่ ยท่ี 4

เฉลย

๑.ข ๖. ข
2.ค ๗. ข
3.ก ๘. ก
4.ง ๙. ก
5.ค ๑๐.ข


๖๕

หน่วยที่ ๕

กำรอ่ำนออกเสียง
บทร้อยแก้ว


๖๖

ใบควำมรู้
กำรอ่ำนออกเสียงบทรอ้ ยแกว้

๑. ควำมหมำยของกำรอ่ำนออกเสียง
การอ่านออกเสยี ง คือ การเปล่งเสยี งตามตัวอักษร ถ้อยคา และเคร่ืองหมายตา่ งๆ ที่

กาหนดไว้ให้ถูกต้องชัดเจนแก่ผู้ฟัง การอ่านออกเสียงถือเป็นการส่ือความหมายที่ก่อให้เกิด
“ทักษะ” (วาสนา บญุ สม, ๒๕๔๑ : ๒๒) ดังตอ่ ไปนี้

1.1 เกิดทกั ษะการเปลง่ เสียงใหช้ ัดเจน
1.2 เกิดทักษะการใชอ้ วัยวะทอี่ อกเสยี งได้ถูกต้อง
1.3 เกดิ ทกั ษะการออกเสียงควบกลา้ ไดถ้ กู ต้องชดั เจนยิ่งขึ้น
1.4 เกดิ ทักษะการวิเคราะหค์ าท่ีอา่ นมากขน้ึ
1.5 เกิดทักษะการเปลง่ เสียงตามรูปตวั อักษรควบกล้าได้คลอ่ งแคลว่

2. หลักเกณฑ์ในกำรอ่ำนออกเสียงรอ้ ยแก้ว
หลักเกณฑ์ท่ัวไปในการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว (ฟองจันทร์ สุขย่ิง และคณะ, ๒๕๕๔

: ๓ – ๔) มดี ังนี้
2.1 ก่อนอ่านควรศึกษาเรื่องท่ีอ่านให้เข้าใจ โดยศึกษาสาระสาคัญของเร่ืองและ

ข้อความทกุ ขอ้ ความ เพ่อื จะแบง่ วรรคตอนในการอา่ นได้อยา่ งเหมาะสม
2.2 อา่ นออกเสียงดงั พอเหมาะกับสถานทแี่ ละจานวนผู้ฟงั ให้ผู้ฟังไดย้ ินทั่วถงึ กนั ไม่

ดังหรอื คอ่ ยจนเกนิ ไป
2.3 อ่านให้คล่อง ฟังร่ืนหู และออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี ชัดถ้อยชัดคา โดย

เฉพาะตัว ร ล หรอื คาควบกล้า ตอ้ งออกเสยี งให้ชัดเจน
2.4 อา่ นออกเสยี งใหเ้ ป็นเสียงพูดอยา่ งธรรมชาตทิ ส่ี ุด


๖๗

3. หลักกำรอำ่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว
3.1 ศึกษาเร่ืองที่อ่านให้เข้าใจ เพ่ือให้ทราบถึงสาระสาคัญของเร่ือง อารมณ์ และ

ความรู้สกึ ทผี่ ้เู ขียนตัง้ ใจจะสื่อให้ผอู้ ่านทราบ แลว้ แบ่งวรรคตอนในการอ่านให้ถูกต้องว่าตอนใด
ควรเว้นวรรคน้อย ตอนใดควรเว้นวรรคมาก

3.2 ศึกษาหลักการอ่านคาในภาษาไทยให้ถูกต้องตามอักขรวิธี การอ่านคาท่ีนิยมมา
จากภาษาตา่ งประเทศ ต้องอา่ นให้ถกู ตอ้ งโดยยดึ พจนานกุ รม

3.3 ต้องมีสมาธิในการอ่าน คือ ต้องมีความมั่นใจตัวเอง ไม่อ่านผิด อ่านตก อ่าน
เติม หรืออ่านผิดบรรทัด ต้องควบคุมสายตาจากซ้ายไปขวา และย้อยกลับมาอีกบรรทัดหน่ึง
อย่างว่องไวและแม่นยา

3.4 อ่านด้วยน้าเสียงทีเ่ ป็นธรรมชาติ คือ การอ่านให้มีน้าเสียงเหมอื นเสยี งพดู ไม่ดดั
เสียงหรือใช้เสียงแหลมเกนิ ไป เน้นเสียงหนักเบา สูงต่า ให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยสอดคล้อง
กบั เรือ่ งทีอ่ ่าน

3.5 อา่ นออกเสียงใหด้ ังพอประมาณ ไมต่ ะโกนหรือเสยี งแผว่ เกนิ ไป หากอา่ นเสียงดงั
ผ่านไมโครโฟน ควรให้ปากห่างจากไมโครโฟนของแต่ละคน และระมัดระวังอยา่ ให้เสียงหายใจ
เข้าไมโครโฟน เพราะเสยี งจะพรา่ ไม่นา่ ฟัง

3.6 อ่านเว้นวรรคตอนให้ถูกต้อง เป็นการกาหนดการอ่านให้เหมาะสม ไม่อ่านเร็ว
หรือช้าเกินไป ต้องอ่านใหจ้ บคาและจบความ ถ้าเป็นคายาวหรือคาหลายพยางค์ ไม่ควรหยดุ
กลางคาหรอื ตัดประโยคจนเสียความ

3.7 อ่านอย่างมีลีลาและอารมณ์ตามเนื้อเรื่องท่ีอ่าน คือ เน้นคาสาคัญและคาท่ีต้องการ
เพ่ือให้เกิดภาพพจน์หรือจินตนาการ การเน้นควรเน้นเฉพาะคา ไม่ใช่เน้นท้ังวรรค หรือเน้น
ทั้งประโยค เชน่ “แม่ คอื ผใู้ ห้กาเนิดและผมู้ พี ระคุณต่อเรา” เน้นคาว่า “แม่” เป็นตน้

3.8 อ่านเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง เช่น คาที่ใช้อักษรย่อ ต้องอ่านให้เต็มคา
ดงั ตัวอย่าง

“คณะกรรมการแม่บ้าน ทบ. ลงพ้ืนที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้าท่วม” ต้องอ่าน
ออกเสยี งวา่ “สมาคมแมบ่ า้ นกองทัพบก ลงพืน้ ที่ชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภยั นา้ ท่วม”

3.9 การผ่อนลมหายใจ เมื่ออ่านจบย่อหน้าหน่ึงๆ ควรผ่อนลมหายใจเล็กน้อย เมื่อ
อ่านย่อหน้าใหม่จึงเน้นเสียงหรือทอดเสียง เพ่ือดึงดูดความสนใจ จากน้ันก็อ่านตามปกติตาม
เน้อื หาทีอ่ า่ น


๖๘

3.10 การจับหนังสือ ควรวางหนังสือหรือบทอ่านบนฝ่ามือซ้าย ยกขึ้นให้ได้ระดับ
ตามความเหมาะสม มือขวาคอยพลกิ หนังสอื หน้าถดั ไป ไมค่ วรใชน้ ว้ิ ชตี้ ามตวั หนงั สอื

4. กำรเตรียมตวั ก่อนกำรอ่ำนออกเสียง
การเตรียมตัวก่อนการอ่านออกเสียง (จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ และบาหยัน อิ่มสาราญ,

๒๕๔๗ : ๒๖) มดี ังน้ี
4.1 อ่านบทให้เข้าใจ การอ่านให้ผู้อื่นฟัง มีวัตถุประสงค์สาคัญเพื่อให้ผู้ฟังรับร้แู ละ

เข้าใจตรงตามเนอ้ื หาสาระที่อ่าน ฉะน้นั ผอู้ า่ นจึงต้องเข้าใจขอ้ ความน้ันเสยี กอ่ น เพอื่ ความมัน่ ใจ
และเพอ่ื ความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผูส้ ง่ สารและผู้รบั สาร ขอ้ ความใดทีอ่ ่านไมเ่ ขา้ ใจหรือสงสัย
ว่าจะผดิ พลาด ตอ้ งตรวจสอบเสยี กอ่ น

4.2 ทาเครื่องหมายแสดงจังหวะการอ่าน ในการอ่านเราควรทาเครื่องหมายลงใน
บทว่าตอนใดควรหยุด คาใดควรเน้น และคาใดควรทอดจังหวะ การทาเคร่ืองหมายในบทมี
กฎเกณฑ์ตายตวั แตโ่ ดยทางทน่ี ยิ มปฏบิ ัติกันมักทาเครอ่ื งหมายง่ายๆ ดังนี้

ก. เครื่องหมายขีดเฉยี งขีดเดยี ว (/) ขีดระหวา่ งคา แสดงการหยุดเว้นนิดหนง่ึ
เพราะมีคาหรือข้อความอื่นต่อไปอีก การอ่านตรงคาที่มีเครื่องหมายนี้ จึงไม่ควรลงเสียงหนัก
เพราะยงั ไม่จบประโยค

ข. เครอ่ื งหมายขดี เฉยี งสองขีด (//) ขดี หลังประโยคหรอื ระหวา่ งคาเพอ่ื แสดง
ให้รวู้ ่าให้หยุดเวน้ นานหนอ่ ย

ค. เคร่ืองหมายวงกลมล้อมคา เพ่ือบอกว่าเป็นคาท่ีสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าอ่าน
อย่างไร

ง. คาท่ตี อ้ งการเนน้ ให้ขีดเสน้ ใต้ทคี่ าน้ัน
จ. คาใดทีท่ อดจงั หวะ ใหท้ าเสน้ โค้งท่สี ่วนบนของคานน้ั ( ⌒ )

ฉ. เคร่ืองหมายมุมคว่าหรือหมวกเจ๊กคว่า ( ^ ) แสดงว่าข้อความน้ันจะเน้น
เสยี งขึ้นสูง และมุมหงายหรอื หมวกเจ๊กหงาย ( v ) แสดงการเนน้ เสียงลงตา่

4.3 ซอ้ มอ่านใหค้ ลอ่ ง หลงั อ่านบทจนเข้าใจและทาเครอ่ื งหมายแสดงจังหวะการอ่าน
แลว้ ควรซอ้ มอ่านให้คล่องโดยใช้ไมโครโฟน เพอื่ ให้ผอู้ ืน่ ช่วยสงั เกตหรือบนั ทึกเสยี งไว้ เพื่อฟัง
และแกไ้ ขข้อบกพร่องของตัวเอง อาจต้องซ้อมหลายคร้ังจนกว่าจะแก้ไขได้เปน็ ทนี่ ่าพอใจ


๖๙

แบบฝึกทักษะที่ ๑
กำรอำ่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้

----------------------------

แถลงกำรณส์ ำนักพระรำชวัง
เรือ่ ง พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอย่หู ัว เสดจ็ ฯ มำตรวจพระวรกำย

ณ โรงพยำบำลศิรริ ำช ฉบบั ท่ี 3
ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดาเนินมาโรงพยาบาลศิริราช เพ่ือให้
คณะแพทย์ถวายการตรวจพระวรกายอย่างละเอียด (ตามแถลงการณ์ ฉบับที่ 2) คณะแพทย์ฯ ได้
รายงานผลการถวายตรวจเพ่ิมเติมด้วยเครื่องมือพิเศษ โดยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบว่า
พระอามาสัย (กระเพาะอาหาร) พระอันตคุณ (ลาไส้เล็ก) พระอันตะ (ลาไส้ใหญ่) พระยกนะ (ตับ)
และพระวักกะ (ไต) เป็นปรกติ การตรวจพระโลหิตเพื่อติดตามผลเม่ือวานนี้ พบว่าสภาวะทาง
โภชนาการดขี ้ึน และไมพ่ บการอกั เสบในระบบตา่ งๆ ของพระวรกายแตอ่ ย่างใด
คณะแพทย์ผู้ถวายการตรวจพระวรกายได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมี
พระพลานามัยดีขึ้น น้าหนักพระวรกายเพ่ิมข้ึน คณะแพทย์ฯ จึงได้ขอพระราชทานพระบรม
ราชานญุ าตงดการถวายสารอาหารเพิม่ ทางหลอดพระโลหิตในระยะนี้

จงึ ประกำศมำเพอ่ื ทรำบโดยทั่วกนั
สำนักพระรำชวงั
30 สิงหำคม 2557

ช่อื ................................................สกุล...............................................เลขที่...........................ห้อง...........................

กำรออกเสียง กำรใชภ้ ำษำ กำรสอดแทรกอำรมณ์ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ รวม

(๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๒๐ คะแนน)

ข้อคิดเหน็ เพิ่มเติม

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)

................/...................../.....................


๗๐

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๒
กำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้

----------------------------

"...ขณะท่พี ระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรีนคร คอื ราชคฤห์ เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวาร
แดดในยามเย็นกาลังอ่อนลงสู่สมัยโกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลีเกษตรแลละล่ิวเหน็
เปน็ ทางสวา่ งไปทั่วประเทศสุดสายตา ประหนงึ่ มีหตั ถ์ทิพย์มาปกแผ่อานวยสวัสดี เบือ้ งบน
มีกลุ่มเมฆเป็นคล่ืนซ้อนซับสลับกันเป็นทิวแถว ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแวว
ประหนึ่งเอาทรายทองไปโปรยปราย เลื่อนลอยล่ิวๆ เร่ือยๆ รายลงจรดฟ้า ชาวนาและโค
ก็เม่ือยล้าด้วยตรากตราทางาน ต่างพากันเดิมดุ่มๆ เดินกลับเคหสถาน เห็นไรๆ เป็นรัศมี
แห่งสีรงุ้ อันกาแพงเชงิ เทนิ ปอ้ มปราการที่ล้อมกรงุ ..."

ชอื่ ................................................สกุล...............................................เลขที่...........................ห้อง...........................

กำรออกเสยี ง กำรใชภ้ ำษำ กำรสอดแทรกอำรมณ์ ควำมคิดสร้ำงสรรค์ รวม

(๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๒๐ คะแนน)

ขอ้ คิดเห็นเพ่ิมเตมิ

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ................................................ผู้ประเมิน
(....................................................)

................/...................../.....................


๗๑

แบบฝึกทักษะท่ี ๓
กำรอำ่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว

----------------------------

รายการจดหมายเหตกุ รงุ ศรี ตอนที่ ๘๘๔๒ เทศกาลสงกรานต์ “ขนมในประเพณี
สงกรานต”์

เทศกาลสงกรานต์แต่ก่อนมีประเพณีทาขนมกวนไปทาบุญตักบาตร แจกจ่าย
แลกเปลี่ยนรสฝมี ือกันที่รจู้ ักกันดี และยงั มีผู้ทามาจนปจั จุบนั บ้าง คือ ข้าวเหนยี วแดงและ
กาละแม ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธนอธิบายการกวนขนมแจกจ่ายญาติมิตรว่า
เป็นเพราะสมัยก่อนหาซื้อได้ยาก ไม่มีผู้ทาขาย เมื่อมีงานใหญ่จึงทากันคราวหน่ึง จึงทาให้
มากสาหรับแบ่งปันกัน นอกจากนี้ ยังเคยนิยมทาขนมลูกแมงลักน้ากะทิ ลอดช่องน้ากะทิ
รวมทง้ั น้าเย็นต้งั ไว้ท่ีร้านน้าหน้าบ้าน ใหผ้ กู้ ระหายได้กินดม่ื ตามอัธยาศัย เป็นนา้ ใจที่มอบ
ให้แก่กนั ในวันสงกรานต์ ซึง่ บรรพชนไทยเคยปฏิบัติเปน็ ประเพณีสังคมท่มี คี ุณค่ายิ่ง

ช่ือ................................................สกุล...............................................เลขท่ี...........................หอ้ ง...........................

กำรออกเสียง กำรใชภ้ ำษำ กำรสอดแทรกอำรมณ์ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ รวม

(๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๒๐ คะแนน)

ข้อคิดเห็นเพ่มิ เตมิ

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ................................................ผ้ปู ระเมนิ
(....................................................)

................/...................../.....................


๗๒

แบบฝึกทกั ษะท่ี ๔

กำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว

----------------------------

ข่าวในพระบรมมหาราชวัง
วันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม

ราชกุมารี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานพระราชวโรกาสให้ ศาสตราจารย์
นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐาน
วิทยาศาสตรศ์ ึกษาในพระอปุ ถมั ภ์สมเดจ็ พระเจา้ พ่ีนางเธอ เจ้าฟา้ กัลยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธวิ าส
ราชนครินทร์ นาคณะผู้แทนศูนย์ส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา
ท่ัวประเทศ และคณะผู้แทนนักเรียนไทยท่ีกลับจากการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ
เฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงานผลการแขง่ ขนั ฯ และรับพระราชทานพระราโชบายเพ่ือเป็นแนวทางใน
การดาเนนิ งานของมูลนธิ ิ และศนู ย์ส่งเสรมิ โอลมิ ปิกวชิ าการฯ

ชื่อ................................................สกลุ ...............................................เลขท่ี...........................ห้อง...........................

กำรออกเสยี ง กำรใชภ้ ำษำ กำรสอดแทรกอำรมณ์ ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ รวม

(๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๒๐ คะแนน)

ข้อคิดเห็นเพ่มิ เตมิ

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมิน
(....................................................)

................/...................../.....................


๗๓

แบบทดสอบประจำหนว่ ยท่ี ๕
กำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว

----------------------------

พญาฉทั ทนั ต์ เป็นพญาชา้ งในปา่ หิมพานต์ มกี ายสีเงนิ ยวง มบี ริวารเป็นชา้ งเกา้ หม่ืนเก้าพันตัว
พญาฉัททันต์มีส่ีตัวตามลาดับดังนี้ เมียใหญ่ช่ือนางช้างมหาสุพัตรา เมียรองช่ือนางช้างแก้วสุพัตรา
เมยี สามชือ่ นางชา้ งเกศสพุ ัตรา และเมยี สน่ี างชา้ งจุลสุพัตรา วันหนึง่ พญาฉทั ทนั ตพ์ าเมยี และบริวาร
ท้ังหลายไปเที่ยวเล่นในปา่ พญาฉทั ทันต์หักกงิ่ มะเดือ่ ใหเ้ มียทกุ ตวั แตก่ ่ิงที่หกั ใหน้ างจุลสพุ ัตรานนั้ มี
รังมดแดงอยู่ ทาให้นางจุลสุพัตราคิดว่าพญาฉัททันต์แกล้งและไม่รักตัว นางจึงได้ตัดพ้อต่อว่า
พญาฉัททันต์ว่าไม่รักตน แสดงความอาฆาต และอธิษฐานจะล้างผลาญพญาฉัททันต์ทุกชาติไป
แลว้ นางกก็ ลนั้ ใจตาย

ต่อมานางจุลสุพัตรามาเกิดเป็นธิดาของท้าวพรหมทัต มีพระนามว่าสุพัตรา เมื่ออายุได้
สิบห้าปี นางบรรทมแล้วสุบินว่าได้นอนที่พระแท่นงาช้าง เมื่อต่ืนข้ึนมานางกราบทูลพระราชบิดา
ว่าหากไม่ได้พระแท่นงาช้างจะอดอาหารตาย ท้าวพรหมทัตจึงมีรับสั่งให้บรรดาพรานป่าท้ังหลาย
ไปหางาชา้ งขนาดเท่าทนี่ างต้องการมาให้นางใหไ้ ด้ พรานโสอุดรเป็นผรู้ บั อาสาไปหางาช้างให้

เมื่อพรานโสอุดรเข้าไปในป่าหิมพานต์ จึงคิดอุบายขุดหลุมดักยิงพญาฉัททันต์ เมื่อถูกยิง
พญาฉัททันต์เห็นพรานโสอุดรคลุมหัวดว้ ยผา้ กาสาวพัตร จึงระงับใจไม่ฆ่าเพราะเห็นว่าเป็นจวี รของ
พระอรหันต์ เม่ือสนทนากันพรานโสอดุ รจงึ เล่าเหตทุ ่ีเขา้ มาเพือ่ ตัดงาแก่พญาฉัททนั ต์ พญาฉัททันต์
ทราบจึงยอมให้ตัดงาเป็นทานแกพ่ รานโสอุดร สาหรับไปให้ถวายนางสุพัตรา ก่อนตายพญาฉทั ทันต์
อธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต และให้มนต์ป้องกันตัวในการเดินทางแกพ่ รานโสอุดร เมื่อ
พรานโสอุดรนางาไปถวายแก่นางสุพัตรา นางราลึกเหตุแต่ครั้งก่อนได้รู้สึกเสียใจและตายตาม
พญาฉทั ทนั ต์ไป

(คัดลอกจากวรรณคดีนทิ านพญาฉทั ทนั ต์คากาพย์ ฉบับวัดหนองไมเ้ หลอื ง)

ช่อื ................................................สกุล...............................................เลขท่ี...........................ห้อง...........................

กำรออกเสยี ง กำรใชภ้ ำษำ กำรสอดแทรกอำรมณ์ ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ รวม

(๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๕ คะแนน) (๒๐ คะแนน)

ลงชอ่ื ................................................ผ้ปู ระเมิน
(....................................................)

................/...................../.....................


๗๔

เกณฑ์ประเมินผล : กำรออกเสยี งร้อยแกว้

เกณฑ์กำรประเมนิ ระดบั คณุ ภำพ
๑. การออกเสยี ง
ดีมำก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรงุ (๑)
๒. การใชภ้ าษา เสียงดังฟงั ชดั เสียงคอ่ ยไมช่ ดั เจน
มีอักขรวธิ ที ี่ถกู ตอ้ ง เสยี งดังฟังชดั เสยี งดงั ฟังชัด อกั ขรวธิ ีไม่ถูกต้อง
๓. การสอดแทรก
อารมณ์ ใช้ภาษาถ้อยคาได้ มอี กั ขรวธิ ที ่ถี ูกต้อง มีอกั ขรวธิ ี ใชภ้ าษาถอ้ ยคา
ถูกต้องเหมาะสม ยังบกพรอ่ งอยู่มาก
๔. ความคดิ ตามหลกั วิชาการ บา้ ง ไมถ่ ูกต้อง
สรา้ งสรรค์ สอดแทรกอารมณ์ ขาดอารมณ์
ไดเ้ หมาะสมกบั บท ใช้ภาษาถ้อยคาได้ ใช้ภาษาถอ้ ยคา ในการอ่าน
อย่างชัดเจนยงิ่ ขน้ึ
มีความคิด ถูกต้องแต่เป็นไป ยังบกพรอ่ ง อา่ นเหมอื นกบั
สร้างสรรคใ์ นการ การอ่านตาม
อ่านท่แี ปลกใหม่ ตามหลกั วิชาการ อยูบ่ ้าง ตวั อยา่ งทีพ่ บเหน็
ไมเ่ หมือนใคร โดยทัว่ ไป
สอดแทรกอารมณ์ สอดแทรก

ในการอ่านไดอ้ ย่าง อารมณ์ในการ

เหมาะสม อา่ นบางคร้งั

มคี วามคิด ปรับปรงุ การอ่าน

สร้างสรรคใ์ นการ จากการอา่ น

อ่านที่แตกตา่ งจาก ทว่ั ไปและ

ทัว่ ไปเล็กนอ้ ย สร้างสรรค์

เพ่มิ เติมให้ดขี นึ้

เล็กน้อย


๗๕

หน่วยที่ ๖

กำรอ่ำนออกเสยี ง
บทร้อยกรอง


๗๖

กำรอำ่ นออกเสียงบทร้อยกรอง

การอ่านออกเสยี งร้อยกรอง เป็นการอา่ นท่ีม่งุ ใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลินซาบซ้ึง
ในรสของคาประพันธ์ ซง่ึ จะต้องอ่านอยา่ งมีจงั หวะ ลลี าและท่วงทานองตามลกั ษณะ
คาประพันธแ์ ตล่ ะชนดิ

กำรอำ่ นบทรอ้ ยกรอง อำ่ นได้ ๒ แบบ ดังนี้
1. อ่านออกเสียงธรรมดา เป็นการอ่านออกเสียงพูดตามปกติเหมือนกับ
อ่านรอ้ ยแก้ว แตม่ จี งั หวะวรรคตอน
2. อ่านเป็นทานองเสนาะ เปน็ การอา่ นมสี าเนียงสูง ตา่ หนัก เบา ยาว สัน้
เป็นทานองเหมือนเสียงดนตรี มีการเอ้ือนเสียง เน้นสัมผัส ตามจังหวะ ลีลาและ
ท่วงทานองตามลกั ษณะบังคับของบทประพันธ์ให้ชดั เจนและเหมาะสม

หลักเกณฑใ์ นกำรอ่ำนออกเสยี งบทร้อยกรอง
1. ศึกษาลักษณะบังคับของคาประพันธ์ เช่น การแบ่งจังหวะจานวนคา
สัมผสั เสียง วรรณยุกต์ เสยี งหนักเบา เปน็ ต้น
2. อ่านให้ถูกตอ้ งตามลักษณะบงั คับของคาประพนั ธ์
3. อา่ นออกเสยี ง ร ล คาควบกล้าให้ชัดเจน
4. อ่านออกเสยี งดังให้ผู้ฟงั ได้ยนิ ทัว่ ถึง ไมด่ ังหรือค่อยจนเกินไป
5. คาท่ีรับสัมผัสกันต้องอ่านเน้นเสียงให้ชัดเจน ถ้าเป็นสัมผัสนอกต้อง
ทอดเสียงให้มจี งั หวะยาวกวา่ ธรรมดา
6. มีศลิ ปะในการใช้เสียง เอือ้ นเสียง และทอดจงั หวะให้ช้าจนจบบท


๗๗

ข้อควรคำนงึ ในกำรอ่ำนบทรอ้ ยกรอง
1. ก่อนอ่านทานองเสนาะควรรักษาสุขภาพให้ดี มีความพร้อมทั้งกาย
และใจ จะชว่ ยให้ม่ันใจมากข้ึน
2. ตั้งสติให้ม่ันคง ไม่หว่ันไหว ต่ืนเต้น ตกใจ หรือประหม่า ควรมีสมาธิ
ก่อนอ่าน และขณะกาลงั อา่ น เพือ่ ไม่ใหเ้ กดิ ข้อผดิ พลาด
3. ก่อนอ่านควรตรวจดูบทอ่านอย่างคร่าวๆ และรวดเร็วเพ่ือพิจารณา
คายาก หรือการผันวรรณยุกต์ และอน่ื ๆ
4. พิจารณาบทที่จะอ่าน เพ่ือตัดสินใจเลือกใส่อารมณ์ในบทอ่านให้
เหมาะสมสอดคลอ้ งกบั เน้อื ความ
5. หมั่นศึกษาและฝึกฝนการอ่านทานองเสนาะจากผู้รู้ เก่ียวกับกลวิธี
ต่างๆ อยู่เสมอ จึงจะทาให้สามารถอา่ นทานองเสนาะได้อยา่ งไพเราะ

คณุ ค่ำของกำรอำ่ นทำนองเสนำะ
1. ผูฟ้ งั เห็นความงามของบทรอ้ ยกรองทอี่ า่ น
2. ผู้ฟงั ได้รบั ความไพเราะและเกิดความซาบซ้ึง
3. เกดิ ความสนกุ สนานเพลิดเพลิน
4. จดจาบทร้อยกรองได้รวดเรว็ เเม่นยา
5. ช่วยกล่อมเกลาจติ ใจใหเ้ ป็นคนอ่อนโยน
6. ชว่ ยสืบทอดวฒั นธรรมในการอา่ นทานองเสนาะไว้เปน็ มรดกของชาติ


๗๘

วิธกี ำรอ่ำนทำนองเสนำะจำกคำประพันธ์
วิธีกำรอ่ำนทำนองเสนำะประเภทกลอนสภุ ำพ
1. การแบ่งวรรคจังหวะในการอ่านของกลอนสุภาพแตล่ ะวรรค
กลอนสภุ าพจะแบ่งจงั หวะการอา่ นคาในแต่ละวรรคเปน็ ๓ ช่วง ดงั น้ี คอื
ถา้ วรรคละ ๖ คา จะแบง่ อา่ นเป็น ๒ – ๒ – ๒
ถา้ วรรคละ ๗ คา จะแบง่ อ่านเปน็ ๒ – ๒ – ๓
ถ้าวรรคละ ๘ คา จะแบง่ อ่านเปน็ ๓ – ๒ – ๓
ถา้ วรรคละ ๙ คา จะแบ่งอา่ นเป็น ๓ – ๓ – ๓
ตวั อยำ่ ง
ถงึ บางซ่อื / ช่ือบาง / นีส่ ุจรติ เหมือนช่ือจิต / ทพี่ ่ีตรง / จานงสมร
มิตรจิต / กข็ อให้ / มติ รใจจร ใจสมร / ขอใหซ้ ือ่ / เหมือนชอื่ บาง

(นริ ำศระบำท ของ สุนทรภู)่

๒. คาทสี่ ัมผสั กนั นยิ มอา่ นเน้นคา เพื่อใหเ้ กิดความไปเราะนา่ ฟัง เชน่

ในเพลงปีว่ ่าสาม พ่พี ราหมณ์เอย๋ ยังไม่เคย เชยชิดพสิ มัย

ถึงรอ้ ยรสบปุ ผา สุมาลยั จะช่นื ใจเหมอื นสตรีไมม่ เี ลย

(พระอภัยมณี ของ สุนทรภ่)ู

๓. ต้องอ่านให้ถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี โดยเฉพาะคาควบกลา้ ร , ล, ว

4. การใส่อารมณ์ ในการอ่านกลอนควรใส่อารมณ์สอดแทรกลงไปในบท
ที่อา่ นเหมาะสมกับเน้ือเร่ืองและบรรยากาศโดยอาศัยการตีความตัวบท
ที่จะอ่านให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วอ่านถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็น
ทว่ งทานองให้น่าฟงั


๗๙

5. การอ่านใหร้ ับสัมผสั เพอื่ ใหเ้ กดิ ความไพเราะจากเสยี งสมั ผสั ในวรรค เชน่

ถึงหนา้ วงั ดงั หนึง่ ใจจะขาด คดิ ถงึ บาทบพิตรอดิศร

คา อดิศร ออกเสยี งเปน็ อะ – ดิ – สอน เพอ่ื ให้รับกับสมั ผสั ของคาวา่ บพติ ร

แล้วปลกู มหาโพธิบนโขดใหญ่ เผอญิ ให้เตย้ี ตา่ เพราะกรรมหนา

คา โพธิ ออกเสียงเปน็ โพด เพ่ือให้รบั กับสัมผัสของคาวา่ โขด

ตวั อย่างกลอนสภุ าพ

“จะว่าโศกโศกอะไรทีใ่ นโลก ไม่เทา่ โศกใจหนกั เหมือนรักสมร

จะวา่ หนกั หนักอะไรในดินดอน ถึงสงิ ขรก็ไม่หนักเหมือนรกั กัน

จะวา่ เจ็บเจบ็ แผลก็แกห้ าย ถา้ เจบ็ กายชวี าจะอาสญั

แต่เจบ็ แค้นนแี่ สนจะเจบ็ ครัน สดุ จะกลน้ั สดุ จะกลืนฝืนอารมณ์”

(นิรำศเดือน ของ นำยมี)

วิธอี ่ำนทำนองเสนำะประเภทกำพย์ยำนี ๑๑

ข้อแนะนำในกำรอำ่ นกำพย์ยำนี

การอา่ นกาพย์ยานี ๑๑ มีวธิ ีการอ่านทานองเสนาะเช่นเดียวกับหลักการ

อ่านทานองเสนาะโดยทั่วไปท่ีได้กล่าวไว้ แต่มีหลักการอ่านเฉพาะกาพย์อยู่บ้าง

ดงั นี้

1. การแบง่ จงั หวะ

กาพย์ยานี วรรคหน้าแบ่งจังหวะเป็น ๒–๓ ส่วนวรรคหลังแบ่งเป็น

๓–๓

หมแู นม / แหลมเลศิ รส พรอ้ มพริกสด / ใบทองหลาง

พิศห่อ / เห็นรางชาง หา่ งหอ่ หวาน / ปว่ นใจโหย

2. การใส่ทานอง กาพย์ยานี มีทานองดังน้ี บาทเอกออกเสียงลงต่า

ส่วนบาทโทออกเสยี งตน้ วรรคขึน้ เสยี งสงู

3. การใส่อารมณ์ ในการอ่านกาพย์ควรใสอ่ ารมณส์ อดแทรกลงไป ใน

บทที่อ่านให้เหมาะสมกับเน้ือเร่ืองและบรรยากาศโดยอาศัยการตีความตัวบท ที่

จะอ่านให้ถ่องแท้เสียก่อนแล้วอ่านถ่ายทอดอารมณ์ออกมาเป็นท่วงทานองให้ น่า

ฟงั


๘๐

แบบฝกึ ทักษะท่ี 1
กำรอ่ำนออกเสียงบทรอ้ ยกรอง

คำชีแ้ จง : อ่านบทรอ้ ยกรองเป็นทานองเสนาะ

สังขท์ อง ตอนกำเนิดพระสังข์

เม่อื น้ัน พระสังข์ซ่อนอยู่ก็รู้สน้ิ
พระแมไ่ ปปา่ เป็นอาจณิ ในจิตคดิ ถวิลทกุ เวลา
สงสารผ่านเกลา้ เป็นหนกั หนา
จะใคร่ออกช่วยพระแม่เจา้ กลบั มาจนค่าแล้วร่าไร
เหนอ่ื ยยากลาบากกายา อุ้มชชู มชิดพสิ มยั
จะออกให้เหน็ ตัวกก็ ลวั การ
ไมว่ ่าลูกน้อยเป็นหอยปู ของพระแมเ่ จา้ อยฉู่ าวฉาน
พระคุณล้าลบภพไตร พระมารดามาเหน็ จะรา่ ไร
จะเห็นใครไปมาก็หาไม่
ไกป่ า่ พาฝงู มากินข้าว ฉวยจบั ไมไ้ ด้ไลต่ ี
ค้ยุ เขีย่ เรี่ยรายทั้งดนิ ดาน ผนั ผินลอยลบั ขยับหนี
จะหนีเข้าสังขก์ าบงั ตน
เย่ียมลอดสอดดทู ัง้ ซ้ายขวา ดูแลจดั แจงทกุ แหง่ หน
ออกจากสงั ข์พลนั ทนั ใด
สาละวนเล่นพลางไม่ห่างดู
กอบเก็บขา้ วหกที่ตกดิน
เหลยี วดผู ู้คนชนนี

หงุ ขา้ วหาปลาไว้ท่าแม่

ช่วยขบั ไกป่ า่ ประสาจน

(ทีม่ ำ : เว็บไซต์ http://oknation.nationtv.tv)


๘๑

แบบฝึกทกั ษะท่ี 2
กำรอำ่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง

คำช้แี จง : อา่ นบทรอ้ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ

ตนเป็นท่ีพง่ึ แห่งตน

เราเกิดมาท้ังทชี ีวติ หนง่ึ อย่าหมายพ่ึงผู้ใดให้เขาหยนั
ควรคะนงึ พึง่ ตนทนกดั ฟนั คิดบากบ่ันตงั้ หนา้ มานะนา
อย่าหยามเหยียดพาลหาว่างานตา่
กสิกิจพณิชการงานมเี กียรติ เชิญเลอื กทาตามถนดั อยา่ ผัดวนั
หรอื จะชอบวชิ าอตุ สาหกรรม เอาปญั ญาเปน็ แรงม่งุ แขง่ ขัน
ผลจะบรรลสุ ู่ประตชู ัย
เอาดวงใจเป็นทุนหนนุ นาหน้า คอยเปดิ อา้ ยม้ิ รับไม่ขับไส
เอาความเพียรเป็นยานประสานกนั แหลมทองไทยพร้อมจะชว่ ยอานวย เอย

เงนิ และทองกองอยู่ประตหู น้า
ทรพั ย์ในดนิ สินในนา้ ออกคล่าไป

(ทม่ี ำ : หนงั สอื บทประพันธ์อธบิ ำยสภุ ำษติ )


๘๒

แบบฝึกทกั ษะท่ี 3
กำรอำ่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง

คำช้แี จง : อา่ นบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ

วชิ ำเหมอื นสินคำ้

วิชาเหมอื นสินค้า อันมีคา่ อยเู่ มืองไกล
ตอ้ งยากลาบากไป จงึ จะได้สนิ คา้ มา
เปน็ สาเภาอันโสภา
จงต้ังเอากายเจา้ แขนซา้ ยขวาเป็นเสาใบ
ความเพยี รเปน็ โยธา สองเทา้ ต่างสมอใหญ่

น้วิ เปน็ สายระยาง อัชฌาสัยเป็นเสบียง
ถือท้ายเรอื ไวใ้ ห้เทยี่ ง
ปากเป็นนายงานไป ตัดแลน่ เลี่ยงขา้ มคงคา
สตเิ ป็นหางเสอื ส่องดแู ถวแนวหนิ ผา
เป็นลา้ ต้าฟงั ดูลม
ถือไว้อยา่ ให้เอียง จะทาลายเรือใหจ้ ม
ปญั ญาเปน็ กลอ้ งแกว้ ยิงระดมให้จมไป
คือวชิ าอันพสิ มัย
เจา้ จงเอาหูตา อย่าไดค้ ร้านการวิชา
ขเี้ กยี จคือปลาร้าย

เอาใจเปน็ ปืนคม
จงึ จะได้สนิ ค้ามา

จงหม่นั มั่นหมายใจ

(ท่ีมำ : วชิ ำเหมอื นสินคำ้ ในหนงั สอื ดรุณศึกษำ เล่ม 3)


๘๓

แบบฝกึ ทักษะที่ 4
กำรอำ่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรอง

คำช้ีแจง : อา่ นบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ

สังขท์ อง

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงทา้ วยศวิมลไอศวรรย์
ไร้บตุ รสุดวงศพ์ งศพ์ นั ธ์ุ วันหน่ึงนั้นไปเลยี บพระนคร
พระทรงภุชร้อนจติ ดังพิษศร
ราษฎรรอ้ งวา่ ใหห้ าบุตร นัง่ นอนร้อนใจใชพ่ อดี
มไิ ดเ้ สวยสรงสาคร ยิ่งประดังพลกุ พลา่ นท้งั กรงุ ศรี
มาไร้ท่โี อรสยศไกร
ประชาชนจนจิตไม่คดิ หวงั ถว้ นถชี่ ้ีแจงแถลงไข
เวทนาเป็นพระยาสมบตั ิมี คน้ ควา้ หาไปดตู ามบุญ
รกั ษาศีลดว้ ยช่วยอดุ หนุน
จึงดารัสตรัสเลา่ มเหสี เกลือกบญุ ของใครได้สรา้ งมา
เจา้ มาชว่ ยพี่คดิ นะดวงใจ

บวงสรวงซอ่ งเซทุกเวลา
ถ้วนทุกนางในใหพ้ รอ้ มมุล

(ท่มี ำ:เว็บไซต์ http://oknation.nationtv.tv)


๘๔

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 5
กำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง

คำชี้แจง : อา่ นบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ

มองฟา้ ยังฝ่าฝน อนั มืดมนเสมอมี
มวั ซวั สลวั สี ยะเยือกหนาวอยู่ยาวนาน
วะไหวหววิ กบั วันวาร
พฤกษ์ไพรไสวพริ้ว คือสตั ว์ส่าซ่ึงรา่ เสียง
เสยี งขบั สง่ ศพั ท์ขาน สาราญรมย์แลรายเรียง
ผสมคู่สมส่คู า
เริงเรา้ เหนือเงารม่ ผลิผลพวงราเพยพา
ร้องขานผสานเคียง และหอมใหห้ ัวใจเห็น
หลังน้าหยาดละอองเย็น
ไม้ดอกพันลอกดวง ชวี ิตบ่มเพาะสมบูรณ์
ห้อมใหห้ วั ใจหา ทวคี นทวคี ณู
มหิ อมหวานเชน่ วานวนั ฯ
ช่นื ฉา่ ถงึ ธรรมชาติ
ชีพปวงลลุ ่วงเปน็

เหม่อมองแลว้ หมองหม่น
โลกสวยพลันม้วยสูญ

(คมทวน คันธนู)
(ทม่ี ำ: เว็บไซต์http://www.homelittlegirl.com)


๘๕

แบบทดสอบประจำหน่วยท่ี 6
กำรอำ่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง

คำชี้แจง : อา่ นบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ

เรื่องกานทก์ ลอนออ่ นด้อยค่อยค่อยหดั แมน้ อึดอัดขัดใจอย่าไปเล่ยี ง
ทีละวรรคถักถอ้ ยนารอ้ ยเรียง แม้ไมเ่ คียงเยย่ี งเขาจะเศรา้ ไย
เฝา้ พากเพยี รเจยี รจารนาขานไข
วางเค้าโครงโยงคาคอ่ ยนาเขียน เขียนดว้ ยใจใฝร่ ักอกั ษรา
จะถกู นิดผดิ บ้างช่างปะไร แตใ่ จรกั ถกั ถอ้ ยร้อยภาษา
อยา่ โมโหโกรธาต่อว่ากนั
แมไ้ มเ่ ก่งเพลงกลอนยงั ออ่ นด้อย ทุกอักษรกลอนกานทบ์ นลานฝัน
แมถ้ ้อยคานาเขียนไมเ่ นียนตา เป็นของขวัญค่าลน้ เพ่อื ชนไทย

ทกุ ทุกวรรคถัก-รา่ ยหมายสบื สาน
อาบคณุ คา่ ชา้ นานแห่งวารวัน

(ท่มี ำ : เว็บไซต์ https://vallop-magmee.blogspot.com)


๘๖

เกณฑ์กำรประเมินผลกำรอำ่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง

รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน
๑. การอ่านถกู ตอ้ ง
๕ ๔ ๓๒ ๑
ตามอกั ขรวธิ ี อา่ นออกเสยี ง
อ่านออกเสียง อา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง ไม่ถูกต้อง
๒. การอา่ นเพ่ิมคา ถกู ต้อง ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามอักขรวธิ ี
หรอื ขา้ มคา ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวธิ ี ไม่ถกู ต้อง ไมถ่ กู ตอ้ ง 7 คา ขน้ึ ไป
ทกุ คา ๑ - ๒ คา อ่านเพมิ่ คา
ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวธิ ี หรอื ขา้ มคา
๓ แห่ง ขนึ้ ไป
๓ - ๔ คา ๕ - ๖ คา
ความชดั เจน
ไม่อา่ นเพม่ิ คา อา่ นเพม่ิ คา ในการอา่ น
บกพรอ่ ง
คะแนนเตม็ 5 คะแนน หรือขา้ มคา หรือข้ามคา ๗ แหง่ ขนึ้ ไป

๑ - ๒ แห่ง อา่ นเว้น
วรรคตอน
๓. ความชดั เจนในการอ่าน ความชดั เจน ความชัดเจน ความชัดเจน ความชัดเจน ไมถ่ กู ตอ้ ง
๓.๑ อ่านชัดถ้อยชัดคา ในการอา่ น ในการอา่ น ในการอา่ น ในการอา่ น ๗ แห่ง ขนึ้ ไป
๓.๒ อ่านด้วยนา้ เสียง สมบรู ณ์ท้ัง บกพร่อง บกพรอ่ ง บกพรอ่ ง
เหมาะสมกบั เนอื้ ๒ ข้อ ๑ - ๒ แห่ง ๓ - ๔ แหง่ ๕ - ๖ แหง่
เรือ่ ง
อ่านเว้น อา่ นเวน้ อ่านเวน้ อา่ นเวน้
๔. การเวน้ วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน
ในการอ่าน ไดถ้ ูกต้อง ไม่ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง ไมถ่ กู ต้อง
ทกุ แห่ง ๑ - ๒ แหง่ ๓ - ๔ แห่ง ๕ - ๖ แหง่

กำรแปลผล กำรแปลผล

ช่วงคะแนน ดมี าก
กำรอ่ำนออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ดี

(คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน) พอใช้
คะแนน ๑๕ – ๒๐ ปรบั ปรงุ
คะแนน ๑๐ – ๑๔
คะแนน ๕ – ๙
คะแนน ๐ - ๔


๘๗

หน่วยท่ี ๗

กำรอำ่ น
จบั ใจควำม


๘๘

กำรอ่ำนจบั ใจควำม

ควำมหมำยของกำรอำ่ นจับใจควำมสำคัญ

การอ่านเพ่อื จับใจความสาคญั หมายถงึ การอา่ นเพือ่ คน้ หาสาระสาคญั ของเร่อื งซึ่งผ้เู ขยี น
ตอ้ งการส่ือ ในแตล่ ะยอ่ หน้ามเี พยี งใจความเดียว นอกนั้นจะเปน็ สว่ นขยายเพือ่ ให้เข้าใจมากย่งิ ขึ้น

ควำมสำคญั

๑. เปน็ พ้ืนฐานของการอ่านทาให้รู้ได้วา่ เป็นเร่ืองราวเกย่ี วกบั ใคร ทาอะไร ทีไ่ หน เมอื่ ไร
อยา่ งไร และสามารถนาไปเปน็ ข้อมลู เพอ่ื วิเคราะห์และประเมินค่าจากเรอ่ื งทีอ่ า่ นได้

2. สามารถรับทราบข้อมูลได้รวดเร็ว การอ่านจับใจความสาคัญผู้อ่านใช้การอ่านแบบ
คร่าวๆ ก็สามารถรับสารได้

3. สามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ เม่ือรับทราบความรู้ความคิดของผู้เขียน
สามารถนามาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ในการดาเนินชีวติ


๘๙

วธิ กี ำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ

การจบั ใจความมีหลายอย่าง ข้นึ อยู่กับความชอบว่าอยา่ งไร เชน่ การขดี เส้นใต้ การใช้สี
ตา่ งๆ กนั แสดงความสาคัญมากนอ้ ยของข้อความ การบนั ทึกยอ่ เปน็ สว่ นหน่ึงของการอา่ น จับ
ใจความสาคัญที่ดี แต่ผู้ท่ีย่อควรย่อด้วยสานวนภาษาและสานวนของตนเอง ไม่ควรย่อด้วยการตัด
ข้อความสาคัญมาเรียงต่อกัน เพราะอาจทาให้ผู้อ่านพลาดสาระสาคัญบางตอนไป อันเป็นเหตุให้
การตคี วามผิดพลาดคลาดเคลอื่ นได้

วิธจี ับใจควำมสำคัญมีหลักดงั น้ี

1. อา่ นเร่อื งราวแล้วพิจารณาทีละยอ่ หน้า หาประโยคใจความสาคญั ของแตล่ ะยอ่ หนา้
2. เม่อื อา่ นจบให้ต้ังคาถามตนเองวา่ เรอื่ งทีอ่ า่ น มใี คร ทาอะไร ทีไ่ หน เมอ่ื ไหร่ และ

อยา่ งไร
3. ตัดส่วนทีเ่ ป็นรายละเอยี ดออกได้ เชน่ ตัวอยา่ ง สานวนโวหาร อุปมาอปุ ไมย

(การเปรียบเทียบ) ตัวเลข สถิติ ตลอดจนคาถามหรือคาพูดของผู้เขียน ซึ่งเป็นสว่ น
ขยายใจความสาคญั
4. สรุปใจความสาคัญด้วยสานวนภาษาของตนเอง

ตัวอยำ่ งกำรจบั ใจควำมสำคัญ

คา้ งคาวเปน็ สัตว์ทอี่ อกหากนิ ในเวลากลางคืน มนั สามารถบนิ ผาดโผนฉวัดเฉวียนไปมาโดย
ไม่ต้องพ่ึงสายตา มันอาศัยเสียงสะท้อนกลับของตัวมันเอง โดยค้างคาวจะส่งคลื่นสัญญาณพิเศษ
ซึ่งสั้นและรวดเร็ว เม่ือสัญญาณไปกระทบส่ิงกีดขวางด้านหน้าจะสะท้อนกลับเข้ามา ทาให้รู้ว่ามี
อะไรอยู่ด้านหน้า มันจะบินหลบเลี่ยงได้ แม้แต่สายโทรศัพท์ที่ระโยงระยางเป็นเส้นเล็กๆ คล่ืน
เสียงก็จะไปกระทบแล้วสะทอ้ นกลับเข้าหูของมันได้ ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่จะสามารถรับคล่ืนสะทอ้ น
กลบั ไปไดใ้ นระยะใกล้ แต่ค้างคาวทาไดแ้ ละบินวนกลับได้ทนั ท่วงที

ท่ีมา : เอกรินทร์ ส่มี หาศาล และคณะ. ( ๒๕๕๒). ภาษาไทย.


๙๐

วิธีกำรสรุปใจควำม

ใคร ค้างคาว

ทำอะไร ออกหากิน

เมื่อไร ตอนกลางคืน

อย่ำงไร โดยไม่ใชส้ ายตา แตอ่ าศยั เสยี งสะทอ้ นกลบั ของตวั มันเอง

ผลเปน็ อยำ่ งไร สามารถหลบสิง่ กดี ขวาง

ใจควำมสำคญั ของเร่ือง ค้างคาวจะออกหากินในตอนกลางคืน โดยไมต่ ้องอาศัยสายตา

แต่อาศยั เสยี งสะทอ้ นกลบั ของตวั มนั เอง

ตวั อย่ำงกำรจับใจควำม

ความเครียดทาให้เพ่ิมฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทาให้หัวใจเต้นรัว เส้นเลือดบีบตัว
กล้ามเนื้อเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารเกิดผิดปกติ เกิดอาการปวดหัว ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขา
อ่อนแรง ความเครียดจงึ เปน็ การทาให้แกเ่ รว็

ใจควำมสำคญั ของเรอ่ื ง ความเครียดทาให้แกเ่ ร็ว

โดยท่ัวไปผักท่ีขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ เกษตรกรมักใช้สารกาจัดศัตรูพืช หากไม่มี
ความรอบคอบในการใช้จะทาให้เกิดสารค้าง ทาให้มีปัญหาสุขภาพ ฉะนั้นเม่ือซ้ือผักไป
รบั ประทานจึงควรล้างน้าหลายๆ ครั้ง เพราะจะชว่ ยกาจดั สารตกคา้ งไปได้บ้าง บางคนอาจแช่ผัก
ไวโ้ ดยผสมโซเดยี มคารบ์ อเนตกไ็ ด้ แตอ่ าจทาใหว้ ิตามนิ ลดลง

ใจควำมสำคญั ของเร่อื ง เม่ือซอื้ ผกั ไปรับประทานจงึ ควรล้างผักด้วยนา้ หลาย ๆ คร้ัง


๙๑

เชา้ วนั รงุ่ ขึน้ เสยี งไก่ขัน ฉันและนอ้ งต่นื ขึ้นแล้วชวนกันไปอาบน้าแต่งตัว เสร็จก็ออกไป
วิ่งเลน่ ท่สี นามหญ้าหน้าบา้ น ฉนั พบเห็ดดอกหน่งึ กาลงั บาน มีขนาดใหญม่ าก ฉนั กับนอ้ งดดู ้วย
ความในใจ คุณน้าซึ่งตื่นเช้าเช่นกัน รีบเดนิ เข้ามาหา้ มไม่ให้ไปเข้าใกล้เหด็

ใจควำมสำคญั ของเรือ่ ง เหด็ ทีพ่ บอาจเป็นเห็ดมีพษิ

การเดนิ การวา่ ยนา้ การฝึกโยคะ การออกกาลังกายดว้ ยอุปกรณต์ ่างๆ ตลอดจนการ
หายใจลกึ ๆ มีสว่ นทาใหส้ ุขภาพแข็งแรง

ใจควำมสำคัญของเรอ่ื ง การทาให้สุขภาพแข็งแรงทาไดห้ ลายวธิ ี

ทม่ี า : ฟองจนั ทร์ สุขยงิ่ และคณะ. ( ๒๕๕๘ ). หลักภาษาและการใช้ภาษา


๙๒

แบบฝึกทักษะที่ 1

คำชแี้ จง อา่ นข้อความตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคาถามให้ถกู ต้อง (๑๐ คะแนน)
อ่านข้อความตอ่ ไปน้ี แล้วตอบคาถามขอ้ ท่ี ๑ – ๕

ช้างพังเป็นแม่ท่ีดีและค่อนข้างเข้มงวดกับลูกของมันมาก มันไม่ยอมให้ลูกงอแง
กวนใจเลย มนั ใช้งวงฟาดเพอ่ื สัง่ สอนและได้ผลดที กุ ครั้ง เพราะมันฟาดคอ่ นขา้ งแรง

ทมี่ า : ทนิ รัตน์ จนั ทราภนิ นั ท์ (๒๕๕๐). แบบฝึกการอ่านจับใจความสาคัญ.

1. จากเรอ่ื งทอ่ี า่ นกล่าวถึงใคร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

2. ทาอะไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

3. เม่ือไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

4. อยา่ งไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................

5. ผลเป็นอยา่ งไร (๑ คะแนน)
ตอบ ................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version