ของไดโอดตวั ท่ีสองหรือนาข้วั บวกของมิเตอร์ไปวดั ท่ีขา B ของทรานซิสเตอร์ภาคขบั กาลงั ตวั ที่ 1 ที่ขยาย
สัญญาณซีกบวก ข้วั ลบของมิเตอร์ไปวดั ที่ขา B ของทรานซิสเตอร์ภาคขบั กาลงั ตวั ท่ี 2 ท่ีขยายสัญญาณซีกลบ
การวดั ท้งั สองกรณีโดยปกติจะไดไ้ ฟประมาณ 1.2 – 1.3 โวลต์
7. ใส่ทรานซิสเตอร์ภาคขยายกาลงั ท่ีเอาตพ์ ุตจากน้นั ติดแผน่ ระบายความร้อนเขา้ กบั ทรานซิสเตอร์ขยาย
กาลงั ท้งั สองตวั ต้องจาไวว้ ่าการติดแผ่นระบายความร้อนเข้ากบั ตวั ทรานซิสเตอร์แผ่นระบายความร้อนจะ
ไม่ชอร์ตหรือไม่ถูกต่อถึงทรานซิสเตอร์เลยโดนการใส่แผ่นไมกา้ แทรกระหว่างทรานซิสเตอร์และแผน่ ระบาย
ความร้อน เมื่อใส่ทรานซิสเตอร์ภาคขยายกาลงั แลว้ จะตอ้ งวดั ไฟท่ีจุดเอาตพ์ ุตท่ีออกไปลาโพงอีกคร้ังเหมือนขอ้
ท่ี 5 การวดั คร้ังน้ีจะตอ้ งไม่มีไฟตรงออกเหมือนคร้ังแรกคือใกลเ้ คียงศูนย์
8. ทาการต่อลาโพงเขา้ กบั ระบบจากน้นั ใช้สายมิเตอร์เข่ียไปที่อินพุตของเพาเวอร์แอมป์ หากเคร่ืองเสียง
ทางานปกติจะตอ้ งไดย้ นิ เสียง “แคก้ ๆ” ออกที่ลาโพงตามจงั หวะที่เราเข่ียจากสายมิเตอร์จากน้นั ลองเร่งโวลลุ่ม
ข้ึนแล้วนาสายมิเตอร์ไปเขี่ยท่ีขาเบสของทรานซิสเตอร์ภาคไดร์เวอร์จะต้องได้ยินเสียงดงั ออกที่ลาโพงตาม
จงั หวะที่เราเข่ียจากสายมิเตอร์ จากน้นั ลองหาแหล่งกาเนิดสัญญาณเสียง เช่น วทิ ยุ เทป เคร่ืองเล่นแผน่ CD มา
ป้อนเขา้ ท่ีอินพุตของเคร่ืองขยายเสียงแลว้ ลองปรับ เบสและทริบเบิ้ล หรือลองกดป่ ุมโวลลุ่มดูวา่ มีความแตกตา่ ง
กนั หรือไมเ่ สียงดงั ข้ึนหรือไม่ เท่าน้ีกถ็ ือวา่ เสร็จสิ้นการประกอบเคร่ืองขยายเสียงแลว้
9.4 การหาขาของทรานซิสเตอร์
จากท่ีไดศ้ ึกษาเรื่องของทรานซิสเตอร์ผ่านพน้ มาแลว้ น้นั การหาขาของทรานซิสเตอร์เป็ นเร่ืองที่จาเป็ น
มากเนื่องจากทรานซิสเตอร์ที่ใชอ้ ยูใ่ นปัจจุบนั มีหลากหลายเบอร์ และลกั ษณะโครงสร้างหรือการวางตาแหน่ง
ขาก็จะต่างกนั ออกไป วิธีการท่ีจะหาขาทรานซิสเตอร์ว่าขาใดเป็ นขาเบสขาอิมิตเตอร์หรือขาคอลเล็คเตอร์
สามารถทาไดห้ ลายวิธี เช่น การวดั หาขาด้วยมลั ติมิเตอร์ การเปิ ดดูรายละเอียดจากคู่มือทรานซิสเตอร์ การวดั
แรงเคลื่อนไฟฟ้าในวงจรหรือการดูจากลกั ษณะวงจรที่ทรานซิสเตอร์ต่อร่วมอยู่ ในบทน้ีจะขอกล่าวถึงสองวิธีที่
นิยมใชแ้ ละสะดวกท่ีสุด ไดแ้ ก่ การวดั หาขาดว้ ยมลั ติมิเตอร์และการเปิ ดดูรายละเอียดจากคูม่ ือทรานซิสเตอร์
9.4.1 การวดั หาขาของทรานซิสเตอร์
9.4.1.1 การวดั หาขาเบส ในการวดั หาขาของทรานซิสเตอร์ขาเบสจะเป็ นขาแรกที่วดั หาเน่ืองจากเป็ นขาท่ี
หาง่ายท่ีสุดเนื่องจากขาเบสเป็ นขาที่อยูต่ รงกลางเม่ือดูโครงสร้างของทรานซสิ เตอรใำ์ นรูปที่ 9.14 จะคลาำ้
ยกบั การนาไดโอด 2 ตวั มาตอ่ ชนกนั เพราะฉะน้นั การวดั หาขาเบสจึงตอ้ งนาหลกั การไดโอดมาใชใ้ นการวดั
การวดั หาขาเบสเร่ิมจากต้งั สเกลไปท่ี R×10 หรือ R×100 ใช้สายมิเตอร์จบั ไปที่ขาใดขาหน่ึงเป็ นหลกั วดั เทียบ
สองขาที่เหลือให้วดั ไปเร่ือย ๆ จนกว่าจะพบจงั หวะที่วดั เทียบกบั อีก 2 ขาแลว้ มิเตอร์ข้ึนเท่า ๆ กนั ท้งั สองขา้ ง
แสดงวา่ ขาท่ีจบั เป็นหลกั คือขาเบส เมื่อวดั ไดข้ าเบสแลว้ จะสามารถทราบชนิดของทรานซิสเตอร์ในเวลาเดียวกนั
เลยโดยการอา้ งอิงถึงหลกั การของการใหไ้ บอสั เช่น ในกรณีที่เราวดั ขาเบสไดแ้ ลว้ และไบอสั ท่ีจา่ ยใหเ้ ป็ นไฟลบ
แสดงวา่ เป็ นทรานซิสเตอร์ชนิดพีเอ็นพี ในทางกลบั กนั กรณีท่ีเราวดั ขาเบสไดแ้ ล้วและไบอสั ที่จ่ายให้เป็ นไฟ
บวกแสดงวา่ เป็ นทรานซิสเตอร์ชนิดเอ็นพีเอน็ (มิเตอร์ย่ีห้อซันวา่ , ยูเนี่ยน, สแตนดาร์ด, ทีอาร์เอส, ยฟู องหรือ
มิเตอร์ยหี่ อ้ ใดก็ตามที่เป็ นมิเตอร์ของญ่ีป่ ุนหรือเกาหลีข้วั บวกของมิเตอร์จะปล่อยไฟลบและข้วั ลบของมิเตอร์จะ
ปล่อยไฟบวก)
9.4.1.2 การวดั หาขาคอลเล็คเตอร์และอิมิตเตอร์ เมื่อทราบตาแหน่งของขาเบสแลว้ ให้ต้งั มิเตอร์ไปท่ียา่ น
สูงสุดท่ีประมาณ R×10k จบั ไปท่ีสองขาที่เหลือท่ีไม่ใช่ขาเบส หากจบั ถูกตอ้ งตามลกั ษณะการไบอสั เม่ือนามือ
ไปแตะระหวา่ งขาเบสและขาที่เหลือ (ทีละคู)่ หากแตะแลว้ เขม็ มิเตอร์ข้ึนขาน้นั คือขาคอลเลค็ เตอร์ ขาท่ีไมข่ ้ึนคือ
ขาอิมิตเตอร์หรืออาจสรุปได้ดงั น้ีถ้าเป็ นทรานซิสเตอร์ชนิดพีเอ็นพีให้แตะขาเบสกบั ขาที่ป้อนไฟลบ ถา้ ขาท่ี
ป้อนไฟลบเป็ นขาคอลเล็คเตอร์เข็มมิเตอร์ตอ้ งข้ึนเพราะค่าความตา้ นทานระหว่างคอลเล็คเตอร์กบั อิมิตเตอร์
ต่าลงเม่ือไดร้ ับไบอสั ทางอินพุตถูกตอ้ ง หากเข็มมิเตอร์ไม่ข้ึนใหส้ ลบั สายแลว้ แตะใหม่ ส่วนขาที่จากไฟบวกคือ
ขาอิมิตเตอร์นน่ั เอง ถา้ เป็ นทรานซิสเตอร์ชนิดเอ็นพีเอน็ ให้แตะขาเบสกบั ขาท่ีป้อนไฟบวกถา้ ขาที่ป้อนไฟบวก
เป็ นขาคอลเล็คเตอร์เข็มมิเตอร์จะข้ึน ถา้ เข็มมิเตอร์ไม่ข้ึนให้สลบั สายมิเตอร์แลว้ เขา้ ไปใหม่ ขาท่ีป้อนไฟลบให้
คือขาอิมิตเตอร์
9.4.1.3 การวดั หาขาชิลด์ ทรานซิสเตอร์บางตวั มี 4 ขาโดยขาที่ 4 น้ีจะเป็ นขาชิลด์ (Shield) ซ่ึงขาชิลด์น้ี
เป็ นขาที่ต่อไวก้ บั ตวั ถงั เพื่อพาสสัญญาณรบกวนลงกราวด์ ทรานซิสเตอร์ประเภทน้ีพบเห็นในวงจรความถี่สูง
ขาชิลด์จะเป็ นขาที่ป้องกนั สัญญาณมารบกวนการทางานของทรานซิสเตอร์และวงจรเหล่าน้นั การหาขาชิลด์
สามารถทาไดโ้ ดยการต้งั มิเตอร์ที่ R×1 แลว้ เอาสายมิเตอร์เส้นหน่ึงจบั ไวท้ ่ีตวั ถงั (ท่ีเป็ นเหล็กหรืออลูมิเนียม)
คงท่ีไว้ ส่วนอีกเส้นท่ีเหลือวดั หาขาท่ีเขม็ มิเตอร์ข้ึนขาน้นั และเป็ นขาชิลด์
9.4.2 การใชค้ ูม่ ืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ECG
หนังสือ ECG ย่อมาจาก Electronics Component Guide เป็ นหนังสือที่ใช้เทียบเบอร์และรายละเอียดของ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท้งั หมด มิไดม้ ีเพียงทรานซิสเตอร์อยา่ งเดียวแต่จะประกอบไปดว้ ยอุปกรณ์สารก่ึงตวั นา
ท้งั หมด เช่น ไดโอด, ทรานซิสเตอร์, เฟต, เอสซีอาร์, ไทรแอก,แอลอีดี, ไอซีประเภทซีมอส และอื่น ๆ อีก
มากมาย หนงั สือ ECG เป็ นหนังสือท่ีให้ประโยชน์กบั ช่างอิเล็กทรอนิกส์เป็ นอย่างมากหากใช้งานไดถ้ ูกตอ้ ง
ข้นั ตอนต่อไปน้ีจะเป็ นการสอนให้ใชง้ านหนงั สือECG ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและรวดเร็ว ในหนงั สือ ECG จะมีหลาย
ร้อยหนา้ และแบ่งรายละเอียดไวอ้ ยา่ งมากมาย หลกั การใชง้ าน ECG มีดงั น้ี
1. เปิ ดสารบญั ดูเบอร์ท่ีตอ้ งการคน้ หาข้อมูล โดยปกติแล้ว ECG จะมีสารบญั ประมาณ300 กว่าหน้าคือ
หมายเลขหนา้ 2-3 ถึง 2-310 วา่ มีเบอร์ที่เราตอ้ งการหาหรือไม่ ใน ECG น้นั จะไม่ทาเป็ นกลุ่มอุปกรณ์แต่จะเรียง
ตามเบอร์ (ตวั เลขและตวั อกั ษรภาษาอังกฤษ) ตามลาดบั เพ่ือให้ง่ายและสะดวกแก่การคน้ หาเช่น หน้าที่ 2-3
เริ่มตน้ ที่เบอร์ 0000000FR2…………116 ถึงเบอร์0066-161AX-XXBX…………….74LS157 ซ่ึงในแต่ละหนา้
จะเรียงเบอร์จากเลขนอ้ ยไปหาเลขมากและตวั อกั ษรจะเรียงจาก A ไปถึง Z
2. เม่ือพบเบอร์ที่ต้องการให้สังเกตที่ขวามือจะพบ ECG No ให้จาหมายเลข ECG No ไวเ้ ช่น ในเบอร์
2SC1815จะตรงกบั ECG No หมายเลข 85
3. เม่ือทราบเบอร์ ECG No แลว้ ไปที่ดชั นีสินคา้ เพ่ือหาตาแหน่งหนา้ ที่แสดงรายละเอียดของอุปกรณ์ (Page
No) ของเบอร์อะไหล่ ดชั นีสินคา้ น้ีจะอยใู่ นหนา้ ท่ี 1-5 ถึง 1-32 โดยประมาณตวั อยา่ งดชั นีอยใู่ นรูปท่ี 9.15
จากรูปท่ี 9.15 แสดงตวั อย่างของดชั นีสินคา้ เพ่ือความเขา้ ใจในดชั นีสินคา้ มากยง่ิ ข้ึนจะอธิบายส่วนต่าง ๆ ของ
ดชั นีสินคา้ ดงั น้ี
- ECG No หมายถึง แถวที่แสดงรหสั ECG จากมากไปหานอ้ ย
- Page No หมายถึง แถวที่แสดงตาแหน่งหนา้ กระดาษของเบอร์อะไหล่แตล่ ะตวั พมิ พอ์ ยู่ เช่น เลข 85 ดูท่ีหนา้ 1-
41 เป็นตน้
- FIG No แถวท่ีแสดงหมายเลขที่ตอ้ งเปิ ดไปดูรูปร่าง, ตวั ถงั และตาแหน่งขาต่างๆของเบอร์อะไหล่ต่าง ๆ
ของเบอร์อะไหล่ ซ่ึงถ้าเป็ นประเภททรานซิสเตอร์ ดูได้ที่หน้า 78-85 ประเภทไอซีต้องดูท่ีหน้า 269-292
โดยประมาณ
- Description เป็ นแถวท่ีแสดงรายละเอียดของอุปกรณ์แต่ละตวั วา่ เป็ นทรานซิสเตอร์หรือไอซี พร้อมท้งั
ชนิดของอุปกรณ์และหนา้ ท่ีการทางาน
4. จากขอ้ ที่ 3 ตวั อยา่ ง 2SC1815 จะตรงกบั ECG No หมายเลข 85 และใน ECG Noหมายเลข 85 น้นั จะได้
ดชั นีสินคา้ หรือ Page No 1-41 และไดต้ วั ถงั หรือลกั ษณะโครงสร้าง T-16 จากน้ันเรานา Page No 1-41 และได้
ตวั ถงั หรือลกั ษณะโครงสร้าง T-16 ไปเปิ ดดูไดเ้ ลย
5. หากตอ้ งการทราบวา่ เบอร์ทรานซิสเตอร์ท่ีเราคน้ หาพบแลว้ มีเบอร์อ่ืนท่ีใชแ้ ทนกนั ไดห้ รือไม่สามารถ
ทาได้โดยการเทียบคุณสมบตั ิที่ช่อง Description วา่ มีคุณสมบตั ิและตวั เลขในช่องต่าง ๆ ตรงกนั หรือไม่ หาก
ตรงกันแสดงว่าทรานซิสเตอร์เบอร์น้ันสามารถใช้แทนทรานซิสเตอร์ที่เรากาลงั ค้นหาอยู่ ได้จากตวั อย่าง
ทรานซิสเตอร์เบอร์ 2SC1815 จะมีเบอร์แทนคือเบอร์ 2SC3198Y
• ด้านทกั ษะ(ปฏิบตั )ิ
3. แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 9
4. ใบงานที่ 11
• ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่
4)
1. สรุปการประกอบเคร่ืองขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน
1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที ) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน ( 15 นาที )
2. ผูส้ อนอธิบายข้ันตอนการบัดกรีให้ผูเ้ รียน 2. ผเู้ รียนฟังผสู้ อนอธิบายข้นั ตอนการบดั กรีอยา่ ง
เขา้ ใจ เขา้ ใจ
3. ผูส้ อนแจง้ วตั ถุประสงค์ของการเรียน บทท่ี 3. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วตั ถุประสงคข์ อง
9 เร่ือง การประกอบเคร่ืองขยายเสียง การเรียนบทที่ 9 เรื่อง การประกอบเครื่องขยายเสียง
2. ข้นั ให้ความรู้ (120 นาที )
2. ข้นั ให้ความรู้ ( 250 นาที ) 4. ผูเ้ รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอน วิชา
4. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนเปิ ดเอกสารประกอบการ เคร่ืองเสียง บทที่ 9 เร่ือง การประกอบเครื่องขยาย
สอนวิชา เคร่ืองเสียง บทท่ี 9 เร่ือง การประกอบ เสียง พร้อมอธิบายเน้ือหาทีละส่วน
เคร่ืองขยายเสียง พร้อมอธิบายเน้ือหาทีละส่วน 5. ผเู้ รียนฟังอธิบายความรู้เพมิ่ เติมนอกเหนือจาก
5. ผสู้ อนอธิบายความรู้เพ่ิมเติมนอกเหนือจาก เอกสารประกอบการสอนวชิ า เคร่ืองเสียง
เอกสารประกอบการสอนวชิ า เครื่องเสียง 6. ผเู้ รียนซกั ถามขอ้ สงสัยท่ีเกิดข้ึน
6. ผสู้ อนเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนซกั ถามขอ้ สงสัย
ที่เกิดข้ึนระหวา่ งการเรียน และตอบขอ้ ซกั ถาม 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 120 นาที )
3. ข้ันประยุกต์ใช้ ( 120 นาที ) 10. ผเู้ รียนทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 9
24.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบประเมินหลังการ 11. ผเู้ รียนทาใบงานท่ี 11 หนา้ ท่ี 279-283
เรียนบทท่ี 9 12. ผเู้ รียนสืบคน้ ขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต
25.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาใบงานที่ 11 หน้าท่ี 279-
283
26. ผู้ส อ น ใ ห้ ผู้เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก
อินเทอร์เน็ต
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน
4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 95 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 95 นาที )
15. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ได้ 3. ผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาท่ีไดเ้ รียนให้มีความ
เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั
16. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกหอ้ งเรียน 4. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน
ดว้ ยเอกสารประกอบการสอนท่ีจดั ทาข้ึน ดว้ ยเอกสารประกอบการสอนที่จดั ทาข้ึน
(บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-4) (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-4)
(รวม 480 นาที หรือ 8 คาบเรียน)
งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมินผล
ก่อนเรียน
15. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนบทที่ 9
16. ทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนของบทท่ี 9 และใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรมใน
บทท่ี 9
ขณะเรียน
17. ทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทท่ี 9
18. ร่วมกนั สรุป “การประกอบเครื่องขยายเสียง”
หลงั เรียน
8. ทาใบงานท่ี 11
ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผู้เรียน
แบบประเมินหลงั การเรียนบทท่ี 9
ใบงานท่ี 11
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้
ส่ือส่ิงพมิ พ์
23. เอกสารประกอบการสอนวิชา เครื่องเสียง(ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิง
พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-4)
24. แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 9 ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1
25. ใบงานที่ 11
ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี)
15. เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์
16. PowerPoint เรื่อง การประกอบเคร่ืองขยายเสียง
ส่ือของจริง
8. การประกอบเครื่องขยายเสียง (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-4)
แหล่งการเรียนรู้
ในสถานศึกษา
1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร
2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต
นอกสถานศึกษา
ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถ่ินจงั หวดั สมุทรสาคร
การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอ่ืน
22. บูรณาการกบั วชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
23. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
24. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าเบ้ืองตน้
การประเมินผลการเรียนรู้
หลกั การประเมินผลการเรียนรู้
ก่อนเรียน
8. ความรู้ความเขา้ ใจก่อนการเรียนการสอน
ขณะเรียน
17. ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนรู้บทที่ 9
18. สังเกตการทางาน
หลงั เรียน
8. ตรวจใบงานท่ี 11
คาถาม
ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผ้เู รียน
ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 9
ตรวจใบงานที่ 11
สมรรถนะท่ีพงึ ประสงค์
ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การประกอบเครื่องขยายเสียง
29. วเิ คราะห์และตีความหมาย
30. ต้งั คาถาม
31. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง
32. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ
สมรรถนะการปฏิบตั งิ านอาชีพ
1. การประกอบเคร่ืองขยายเสียง
สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคล้อง
จากการเรียนเรื่อง การประกอบเครื่องขยายเสียง ทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้เพิ่มเกี่ยวกบั เทคนิคการบดั กรี
การอ่านค่าอุปกรณ์ การประกอบและทดสอบเคร่ืองขยายเสียง เป็นตน้
รายละเอยี ดการ ประเมนิ ผลการเรียนรู้
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 อธิบายข้นั ตอนการบดั กรีที่ถูกตอ้ งได้
22. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
23. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
24. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายข้นั ตอนการบดั กรีที่ถูกตอ้ งได้ จะได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 อ่านค่าอุปกรณ์ได้
22. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
23. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ
24. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อ่านคา่ อุปกรณ์ได้ จะได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 3 ประกอบและทดสอบเครื่องขยายเสียงได้
22. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
23. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ
24. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ประกอบและทดสอบเครื่องขยายเสียงได้ จะได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 สรุปการประกอบเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมะสม
19. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
20. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
21. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สรุปการประกอบเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมะสม จะได้ 4
คะแนน
แบบประเมนิ หลงั การเรียนบทที่ 9
ตอนท่ี 1 จงเติมคาในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1. ....................................................เป็นอุปกรณ์ใหค้ วามร้อนใชใ้ นการบดั กรี
2. หวั แร้งท่ีใชใ้ นการบดั กรีวงจรควรมีขนาดไม่เกิน...................................วตั ต์
3. การใชห้ วั แร้งที่ร้อนเกินไปจะทาให.้ .........................................................เสียหาย
4. ตะกวั่ ท่ีใชบ้ ดั กรีเกิดจากการผสมระหวา่ ง............................................................................
5. ........................................................หรือน้ายาประสานจะช่วยใหก้ ารบดั กรีง่ายข้ึน
6. ตวั ตา้ นทานแบบค่าคงที่มีอยู่ 2 ชนิดคือ........................แถบสี และ..........................แถบสี
7. ................................................เป็นตวั ตา้ นทานที่มีวตั ตส์ ูงมีลกั ษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผนื ผา้
8. ตวั ตา้ นทานปรับคา่ ไดม้ ีช่ือเรียกไดอ้ ีก 2 อยา่ งคือโวลลุ่มและ................................................
9. ตวั เก็บประจุที่ใชก้ นั ในปัจจุบนั แบ่งได้ 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ.......................................................
10. .........................................................เป็นสิ่งแรกท่ีควรทาก่อนการประกอบเคร่ืองเสียง
ตอนท่ี 2 กากบาทลงหนา้ คาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว
1. ตะกว่ั ที่ใชใ้ นการบดั กรีมีส่วนผสมของดีบุกและตะกวั่ เทา่ ใด?
ก. 30/40 ข. 40/50 ค. 60/50 ง. 60/40
2. การทาความสะอาดปลายหวั แร้งก่อนบดั กรีทาไดโ้ ดย?
ก. สะบดั แรง ๆ
ข .ชุบน้ายาประสาน
ค. นาผา้ ชุบน้าหมาด หรือฟองน้าชุบน้าเช็ด
ง. นาปลายหวั แร้งเคาะกบั พ้ืน
3. เคร่ืองมือท่ีช่วยถอดอุปกรณ์ที่บดั กรีแลว้ ออกมาคือ?
ก. ใชท้ ่ีดูดตะกวั่ ดูดตะกว่ั ออกก่อน
ข. ใชม้ ีดคตั เตอร์แซะออกไดเ้ ลย
ค. ใชค้ ีมดึงออกไดท้ นั ที
ง. ถูกทุกขอ้
4. หวั แร้งท่ีใชใ้ นการบดั กรีอุปกรณ์ควรมีกาลงั วตั ตเ์ ท่าใด?
ก. 10-15 วตั ต์
ข. 18-25 วตั ต์
ค. 35-40 วตั ต์
ง. 50-60วตั ต์
5. การบดั กรีที่ดีจุดบดั กรีจะตอ้ ง?
ก. มนั วาว
ข. ขนุ่ มวั
ค. มีตะกวั่ จบั กนั เป็นกอ้ นโต
ง. มีฟลก๊ั ซ์เยมิ้
6. 4Ω7 หมายถึงขอ้ ใด?
ก. 4.7 Ω
ข. 47 Ω
ค. 4.7 kΩ
ง. 47 kΩ
7. 705K ที่เขียนบนตวั เก็บประจุแบบไมลาร์มีคา่ เท่ากบั เท่าไหร่?
ก. 0.7 μF ±10%
ข. 0.07 μF ±10%
ค. 750 μF ±10%
ง. 7 μF ±10%
8. ขอ้ ใดคือตวั เกบ็ ประจุแบบมีข้วั ?
ก. ไมลาร์
ข. แทนทาลมั
ค. โพลีโพรไพรีน
ง. เซรามิก
9. 473J ท่ีเขียนบนตวั เกบ็ ประจุแบบเซรามิกมีคา่ เท่ากบั เทา่ ไหร่?
ก. 0.047 μF ±10%
ข. 0.047 μF ±5%
ค. 47 μF ±10%
ง. 470 μF ±5%
10. 1M8 หมายถึงขอ้ ใด?
ก. 1.8 MΩ
ข. 18 MΩ
ค. 0.18 MΩ
ง. 180 MΩ
11. ข้นั ตอนการลงอุปกรณ์สิ่งท่ีตอ้ งคานึงถึงคือ?
ก. ลงอุปกรณ์ที่มีความสูงมาก ๆ ก่อนแลว้ ค่อยใส่อุปกรณ์ท่ีมีความสูงนอ้ ย ๆ ตามลาดบั
ข. ลงอุปกรณ์ท่ีมีความสูงนอ้ ย ๆ ก่อนแลว้ คอ่ ยใส่อุปกรณ์ท่ีมีความสูงมาก ๆ ตามลาดบั
ค. ลงอุปกรณ์พวกสารก่ึงตวั นาก่อน
ง. ลงแบบใดก็ไดข้ อใหส้ ะดวกตามใจผลู้ งอุปกรณ์
12. แรงดนั ไฟตรงที่ออกไปที่ลาโพงจะมีค่าประมาณเทา่ ใด?
ก. 0.1 V
ข.1V
ค. 1.5 V
ง. 2 V
13. ทรานซิสเตอร์ภาคขยายกาลงั สงั เกตไดจ้ ากขอ้ ใด?
ก. มกั มีขนาดใหญ่
ข .ติดแผน่ ระบายความร้อน
ค. อยสู่ ่วนทา้ ย ๆ ของวงจร
ง. ถูกทุกขอ้
14. ตวั ตา้ นทานปรับคา่ ได้ 6 ขามีก่ีช้นั ?
ก. 1 ช้นั
ข. 2 ช้นั
ค. 3 ช้นั
ง. 4 ช้นั
15. เม่ือลงอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแลว้ แตว่ งจรไมท่ างานอาจเกิดจากขอ้ ใด?
ก. ลงอุปกรณ์ไม่ครบ
ข. ลงอุปกรณ์ผดิ ตาแหน่งหรือใส่ผดิ ข้วั
ค. จุดบดั กรีไมด่ ี
ง. ถูกทุกขอ้
ตอนท่ี 3 จากโจทยจ์ งอธิบายใหไ้ ดค้ วามหมายที่สมบูรณ์
1. การบดั กรีท่ีดีคืออะไร?
2. ขอ้ ควรปฏิบตั ิก่อนการบดั กรีคืออะไร?
3. จงอธิบายข้นั ตอนการบดั กรีมาพอสังเขป?
4. จงอธิบายข้นั ตอนการถอดอุปกรณ์โดยใชท้ ี่ดูดตะกว่ั มาพอสังเขป?
5. จงอธิบายข้นั ตอนการอา่ นตวั ตา้ นทานแบบ 4 แถบสีและ 5 แถบสีมาพอสงั เขป?
6. จงอธิบายลกั ษณะและแบบตา่ ง ๆ ของตวั ตา้ นทานปรับค่าไดท้ ่ีใชใ้ นเครื่องขยายเสียง?
7. จงอธิบายข้นั ตอนการวดั หาขาทรานซิสเตอร์มาอยา่ งละเอียดพร้อมวาดภาพประกอบ?
8. จงอธิบายข้นั ตอนการใชห้ นงั สือ ECG มาพอเขา้ ใจพร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ?
9. ตวั เก็บประจุมีกี่ชนิด อะไรบา้ ง และการอ่านค่าประจุจากตวั เกบ็ ประจุแบบมีข้วั ตา่ ง ๆ มีวธิ ีอา่ น
อยา่ งไร?
10. จงอธิบายข้นั ตอนการประกอบและทดสอบเครื่องเสียงมาพอสังเขป
แบบประเมินผลการนาเสนอผลงาน
ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................
รายชื่อสมาชิก
1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขที่…….
3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขท่ี…….
ที่ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น
32 1
1 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน (ความรู้เก่ียวกบั เน้ือหา ความถกู ตอ้ ง
ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ )
2 รูปแบบการนาเสนอ
3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาใหผ้ ฟู้ ังมีความ
สนใจ
รวม
ผปู้ ระเมิน…………………………………………………
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง
3 คะแนน = มีสาระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์
2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระสาคญั ไมถ่ ูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
2. รูปแบบการนาเสนอ
3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มีการใชเ้ ทคนิคท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยี
ประกอบการ นาเสนอท่ีน่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั
8 คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แต่
ขาดการประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน
1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไม่เหมาะสม และไมน่ ่าสนใจ
3. การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
4. ความสนใจของผฟู้ ัง
3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ
2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน
ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................
รายช่ือสมาชกิ 2……………………………………เลขท่ี…….
4……………………………………เลขที่…….
1……………………………………เลขท่ี…….
3……………………………………เลขที่…….
ที่ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เห็น
1 การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 321
2 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม
3 การปฏิบตั ิหนา้ ที่ที่ไดร้ ับมอบหมาย
4 การประเมินผลและปรบั ปรุงงาน
รวม
ผปู้ ระเมิน…………………………………………………
วนั ที่…………เดือน……………………..พ.ศ…………...
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน
2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ ีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน
1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน
2. การหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม
3 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานที่ ส่ือ /
อุปกรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง
2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีส่ือ / อุปกรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด
การจดั เตรียมสถานท่ี
1 คะแนน = กระจายงานไม่ทว่ั ถึงและมีสื่อ / อุปกรณ์ไม่เพยี งพอ
3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมาย
3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่กาหนด
2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด
1 คะแนน = ทางานไม่สาเร็จตามเป้าหมาย
4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน
3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็ นระยะ
2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แตไ่ มป่ รับปรุงงาน
1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทกึ หลงั การสอน
บทท่ี 9เร่ือง การประกอบเคร่ืองขยายเสียง
ผลการใช้แผนการสอน
16. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
17. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกบั เน้ือหาและเวลาท่ีกาหนด
18. สื่อการสอนเหมาะสมดี
ผลการเรียนของนักเรียน
11. นกั ศึกษาส่วนใหญม่ ีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิ
ใบงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
12. นกั ศึกษากระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพ่อื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาที่กาหนด
ผลการสอนของครู
16. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร
17. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ
18. สอนทนั ตามเวลาท่ีกาหนด
แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี
แผนการจดั การเรียนรู้ บทที่ 10
ชื่อวชิ า เครื่องเสียง สอนสัปดาห์ท่ี 12-18
ชื่อหน่วย การทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียง คาบรวม 72
ช่ือเร่ือง การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง จานวนคาบ 4
หัวข้อเรื่อง
1 คา่ ความตา้ นทานของเคร่ืองขยายเสียง
2 คา่ กาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ตุ
3 ค่าตอบสนองความถี่
4 คา่ ตอบสนองความถ่ีชวั่ คราว
5 การปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเครื่องขยายเสียง
สาระสาคญั
การวดั และการทดสอบการทางานของเครื่องขยายเสียงในสภาวะต่างๆ เพ่ือหาคุณสมบตั ิ ทางไฟฟ้าของ
เคร่ืองขยายเสียง การทดสอบจาเป็ นจะตอ้ งมีเคร่ืองมือและอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานและ มีความเที่ยงตรงสูง เพื่อ
วดั และทดสอบหาคุณสมบตั ิทางไฟฟ้าของเคร่ืองขยายเสียงได้ อย่างแม่นยา ในบทเรียนน้ีจะกล่าวถึงการวดั และ
การทดสอบหาค่าความตา้ นทานของเครื่องขยาย, กาลงั วตั ตท์ ี่ เอาตพ์ ุต, ค่าตอบสนองความถี่ของเครื่องขยายเสียง,
คา่ ตอบสนองความถี่ชว่ั คราว และการปรับ สมดุลของเครื่องขยายเสียง
สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย
- ทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียง
คาศัพท์สาคญั
จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้
จุดประสงค์ทว่ั ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5. เพ่อื ใหม้ ีความรู้เก่ียวกบั หลกั การวดั หาค่าความตา้ นทานของเครื่องขยายเสียง (ด้านความรู้)
6. เพือ่ ใหม้ ีทกั ษะในการวดั คา่ กาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ตุ (ด้านทักษะ)
7. เพ่อื ใหม้ ีเจตคติท่ีดีในการปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเคร่ืองขยายเสียง (ด้านจิตพิสัย)
8. เพ่อื สรุปการทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม
จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง)
จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. อธิบายหลกั การวดั หาคา่ ความตา้ นทานของเคร่ืองขยายเสียงได้ (ด้านความรู้)
2. วดั ค่ากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ตุ ได้ (ด้านทักษะ)
3. วดั คา่ ตอบสนองความถี่ได้ (ด้านทักษะ)
4. วดั ค่าตอบสนองความถ่ีชว่ั คราวได้ (ด้านทักษะ)
5. ปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเคร่ืองขยายเสียงได้ (ด้านจิตพิสัย)
6. สรุปการทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/
บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง)
เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้
• ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี
10.1 ค่าความต้านทานของเคร่ืองขยายเสียง
ค่าความตา้ นทานอินพุต (Input Resistance) เคร่ืองขยายเสียงคือค่าความตา้ นทานคงท่ีของข้วั ต่ออินพุตของ
เคร่ืองขยาย การต่อสัญญาณเสียงเขา้ ข้วั ตอ่ อินพตุ ของเคร่ืองขยายเสียงควรคานึงถึงค่าความตา้ นทานของอุปกรณ์ที่
จะนามาต่อให้มีค่าความตา้ นทานเท่ากนั หรือใกลเ้ คียงกนั เพื่อการส่งผา่ นสัญญาณเสียงไดส้ ูงสุดการทดสอบค่า
ความตา้ นทานอินพตุ เคร่ืองขยายเสียง
จากรูปท่ี 10.1 แสดงวงจรทดสอบหาค่าความตา้ นทานอินพุตเคร่ืองขยายเสียง การทดสอบเพ่ือหาค่าความ
ตา้ นทานอินพุตสามารถทาไดโ้ ดย ปรับ VR1 ใหม้ ีค่าความตา้ นทานต่าสุด ป้อนความถ่ีเสียงคล่ืนไซน์ค่าประมาณ
1 kHz เขา้ เครื่องขยายเสียง จากน้นั ปรับความแรงของเคร่ืองขยายเสียงประมาณคร่ึงหน่ึงและค่อย ๆ เพ่ิมเพ่ิมความ
แรงของเคร่ืองกาเนิดเสียงข้ึนเรื่อย ๆ พร้อมกบั สงั เกตรูปคล่ืนที่เครื่องออสซิลโลสโคปตามไปดว้ ย ปรับความแรง
ของเคร่ืองกาเนิดสัญญาณเสียงให้แรงสุด จากน้นั ปรับค่าความตา้ นทาน VR1 ค่อย ๆ เพิ่มข้ึนเรื่อย ๆ จนกระทง่ั
แรงดนั ที่ AC โวลตม์ ิเตอร์ลดลง เหลือคร่ึงหน่ึงของค่าสูงสุดท่ีวดั ได้ หยุดการทดสอบ นาค่า VR1 มาวดั ค่าความ
ตา้ นทานดว้ ยโอห์มมิเตอร์ ค่าอา่ นไดค้ า่ ความตา้ นทานอินพตุ ของเครื่องขยายเสียง
10.2 ค่ากาลงั วตั ต์เอาต์พตุ ของเครื่องขยายเสียง
ค่ากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ุต (Output Power)ของ เคร่ืองขยายเสียง คือค่ากาลงั ขยายสูงสุดของเครื่องขยายเสียงท่ี
สามารถขบั ออกมาได้ เป็ นค่าท่ีบอกให้ทราบถึงอตั ราการขยายเสียงค่าสูงสุดท่ีไม่ผิดเพ้ียนของสัญญาณเสียง
ส่งออกเอาต์พุต ไปขบั ลาโพงให้เปล่งเสียงออกมา กาลังวตั ต์เอาต์พุตที่บอกค่าไวเ้ ป็ นมาตรฐานของสมาคม
อิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (EIA) บอกค่า RMS ถือเป็ นการบอกค่ากาลังวตั ต์มาตรฐานท่ีนิยมใช้กนั ในรูปที่ 10.2
แสดงวงจรทดสอบหากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ตุ เครื่องขยายเสียง การทดสอบ ป้อนความถ่ีเสียงคล่ืนไซน์ 1kHz เขา้ เครื่อง
ขยายเสียงปรับเคร่ืองขยายเสียงให้มีระดบั ความแรงเคร่ืองขยายเสียงไปตาแหน่งสูงสุด จากน้นั ค่อย ๆ ปรับเพิ่ม
ความแรงเครื่องกาเนิดสัญญาณเสียงทีละน้อยพร้อมกบั ดูรูปร่างสัญญาณเสียงที่ออสซิลโลสโคป ปรับความแรง
เครื่องกาเนิดสัญญาณเสียงให้แรงสุด โดยวดั สัญญาณเสียงออกมาไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคปไม่ผิดเพ้ียน อา่ นค่าแรง
ดนั ที่วดั ไดด้ ว้ ยAC โวลตม์ ิเตอร์ออกมาเป็ นค่า Vrms และอ่านค่าแรงดนั ท่ีวดั ไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคปออกมาเป็ น
คา่ VPP หรือ VP หยดุ การทดสอบนาค่าแรงดนั ที่อา่ นไดม้ าคานวณดว้ ยสูตรหากาลงั ไฟฟ้า
10.3 ค่าตอบสนองความถีข่ องเคร่ืองขยายเสียง
ค่าตอบสนองความถี่ของเคร่ื องขยายเสี ยงคือค่าแสดงคุ ณภาพของเครื่ องขยายเสี ยงว่าสามารถให้การ
ตอบสนองต่อความถ่ีเสียงครอบคลุมย่านความถี่เสียงช่วงใด เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีจะตอ้ งตอบสนองความถี่
เสียงครอบคลุมตลอดช่วงความถ่ี 20 Hz – 20 kHzจากรูปที่ 10.3 แสดงวงจรทดสอบหาค่าการตอบสนองความถี่
เคร่ืองขยายเสียง ข้นั ตอนการทดสอบ ปรับระดบั ความแรงหรือความดงั ของเครื่องขยายไปที่ตาแหน่งสูงสุด ปรับ
ป่ ุมเสียงทุม้ หรือเบสและป่ ุมปรับเสียงแหลมหรือทริบเบิ้ลไวท้ ่ีตาแหน่งก่ึงกลาง ป่ ุมปรับอ่ืน ๆ ตอ้ งอยทู่ ่ีตาแหน่ง
ปิ ด (OFF) ป้อนความถี่เสียงความถ่ี 1 kHz เข้าท่ีอินพุตของเครื่องขยาย ปรับเพิ่มความแรงสูงสุดท่ีรูปร่าง
สัญญาณเสียงวดั ไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคปท่ีตาแหน่งคร่อม RL ไม่ผิดเพ้ียน ใช้ความแรงของสัญญาณเสียงจาก
เคร่ืองกาเนิดสัญญาณเสียงค่าน้ีเป็ นมาตรฐานใช้ทดสอบตลอดย่านความถ่ีเสียงบนั ทึกค่าไวป้ รับค่าความถี่ของ
เคร่ืองกาเนิดสัญญาณเสียงไปที่ 20 Hz อ่านค่าแรงดนั ท่ีตกคร่อม RLด้วย AC โวลต์มิเตอร์ บนั ทึกค่าแรงดนั ไว้
จากน้นั เปลี่ยนค่าความถ่ีเสียงเพ่ิมสูงข้ึนเป็ นลาดบั เช่น 50Hz, 1000 Hz, 500 Hz, 1 kHz, 1 kHz, 10 kHz, 15 kHz,
20 kHz เป็ นต้น ทุกคร้ังท่ีเปล่ียนความถ่ีจะต้องบนั ทึกค่าแรงดันที่ตกคร่อม RL ด้วย AC โวลต์มิเตอร์เสมอ
จากน้นั นาค่าท่ีวดั ไดม้ าคานวณหาระดบั ความดงั เป็น dB ดว้ ยสูตรดงั น้ี
10.4 ค่าตอบสนองความถ่ชี ่ัวคราว
ค่าตอบสนองความถี่ชวั่ ขณะหรือทรานเช้ียนเรสปอนส์ (Transient Response) คือค่าท่ีบอกสภาวะการ
ทางานของเครื่องขยายเสียงในลกั ษณะต่าง ๆ เช่นการเลื่อนเฟส ความเพ้ียนการสูญเสีย การออสซิลเลต และการ
ฮมั เป็ นตน้ การทดสอบค่าเหล่าน้ีทาไดโ้ ดยใชค้ ล่ืนส่ีเหลี่ยมป้อนเขา้ เคร่ืองขยายเสียง และวดั รูปคลื่นสัญญาณที่
ออกเอาตพ์ ุตเคร่ืองขยายเสียงดว้ ยออสซิลโลสโคปนารูปคล่ืนที่ไดม้ าวิเคราะห์สภาวะการทางานของเครื่องขยาย
เสียงน้นั ไดใ้ นรูปที่ 10.5 แสดงวงจรทดสอบหาค่าตอบสนองชวั่ ขณะเคร่ืองขยายเสียง ข้นั ตอนการทดสอบ เร่ิม
จากปรับระดบั เครื่องขยายเสียงไปท่ีตาแหน่งสูงสุด ปรับป่ มุ เสียงทม้ ุ และเสียงแหลมไวท้ ่ีก่ึงกลาง ป่ มุ ปรับอื่น ๆ
อยท่ ู ำำี ่ตาแหน่งปดิ (Off) ป้อนความถี่คล่ืนสี่เหล่ียม 2 kHz ความแรงพอประมาณให้เครื่องขยายเสียง ดูรูปร่าง
สญั ญาณที่วดั ไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคป นามาวเิ คราะห์คา่ สญั ญาณและไดค้ วามหมายตามตารางท่ี 10.1
10.5 การปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเคร่ืองขยายเสียง
เคร่ืองขยายเสียงแบบคอมพลิเมนตารีสร้างมาใชง้ านมีดว้ ยกนั 2 ชนิดดงั ที่เคยกล่าวมาแลว้ ในบทท่ี 6 คือ
OTL เป็ นชนิดท่ีมีตวั เก็บประจุต่อร่วมท่ีเอาต์พุตก่อนท่ีจะต่อเขา้ กบั ลาโพงและใชแ้ หล่งจ่ายไปในวงจรเพียงชุด
เดียว อีกชนิดคือ OCL เป็ นชนิดท่ีไม่มีตวั เก็บประจุต่อร่วมที่เอาตพ์ ุตกล่าวคือสามารถต่อตรงเขา้ กบั ลาโพงไดเ้ ลย
และใชแ้ หล่งจ่ายไปให้วงจร 2 ชุด ความสาคญั ของวงจรขยายคอมพลิเมนตารีไม่วา่ จะเป็ น OTL หรือ OCL คือท่ี
ภาคขยายกาลงั ตอ้ งทางานถูกตอ้ งและสมดุลกนั เครื่องขยายจึงจะทางานได้ หากเกิดการทางานท่ีผดิ พลาดกอ็ าจจะ
มีผลทาให้ลาโพงชารุดหรือเสียหายได้ ดงั น้นั เราจึงจาเป็ นจะตอ้ งตรวจสอบความถูกตอ้ งท่ีจุดเอาตพ์ ุตของเคร่ือง
ขยายเสียงเสียก่อนหลกั การในการตรวจสอบวงจรขยายคอมพลิเมนตารีท้งั ชนิด OTL หรือ OCL มีการตรวจสอบ
ท่ีต่างกนั ออกไป หลกั การตรวจสอบและการปรับแตง่ มีดงั น้ี
10.5.1 เครื่องขยายเสียงคอมพลีเมนตารีชนิด OTL ในการปรับสมดุลที่เอาต์พุตของเคร่ืองขยายเสียงคอม
พลิเมนตารีชนิด OTL ยงั ไมต่ อ้ งตอ่ ลาโพงท่ีเอาตพ์ ุตใหต้ ่อวงจรตามรูปที่10.6 จากน้นั ทาการปรับแต่งความสมดุล
ของ Q1 และ Q2 โดยต่อโวลต์มิเตอร์ M2 คร่อมจุด X มีค่าเป็ นคร่ึงหน่ึงของแหล่งจ่าย VCC เม่ือมีการเปล่ียน
ทรานซิสเตอร์ในภาคขยายกาลงั ทุกคร้ังเราจะตอ้ งทาการวดั ท่ีจุด X ทุกคร้ังเช่นเดียวกนั การปรับแต่งค่าไบอสั ที่
เหมาะสมกบั ภาคขยายกาลงั สามารถปรับได้ 2 ลกั ษณะคือปรับแรงดนั และปรับกระแส ก่อนการปรับแต่ค่าไบอสั
น้นั ตอ้ งทาการปรับแต่งสมดุลของ Q1 และ Q2 ที่ VR2 ให้ไดก้ ่อนจึงจะสามารถปรับแต่งท่ี VR1 ได้ ถ้าปรับ
แรงดนั ให้ใช้ DCโวลตม์ ิเตอร์ M1 วดั คร่อมขา B และขา E ของ Q1 หรือ Q2 ตวั ใดตวั หน่ึง ปรับ VR1 ใหอ้ ่านค่า
แรงดนั ที่ M1 ออกมาโดยประมาณ 0.4 – 0.5 V หรือกรณีปรับกระแสใหใ้ ช้ DC แอมป์ มิเตอร์วดั อนุกรมกบั
วงจร Q1 หรือ Q2 ปรับ VR1 ใหม้ ีกระแสสงบไหลตามคูม่ ือที่กาหนดให้ เพราะแตล่ ะวงจรตอ้ งการคา่ กระแสสงบ
แตกต่างกนั
10.5.1 เคร่ืองขยายเสียงคอมพลีเมนตารีชนิด OCL เครื่องขยายเสียงชนิดน้ีหากเกิดการไม่สมดุล หรือเกิด
การชารุดของทรานซิสเตอร์หรือ MOSFET ในภาคขยายกาลัง จะมีผลต่อการชารุดเสียหายของลาโพงได้
เนื่องจากมีกระแสไฟตรงจานวนมากไหลเขา้ ไปที่ลาโพง ดงั น้นั จึงตอ้ งมีความระมดั ระวงั ในการใชง้ าน ควรวดั จุด
ตอ่ เอาตพ์ ุตของเครื่องขยายเสียงทุกคร้ังก่อนที่จะต่อลาโพงในรูปที่ 10.7 แสดงวงจรตรวจวดั จุดต่อเอาตพ์ ุตเคร่ือง
ขยายเสียงชนิด OCL ที่ส่วนอินพุตจุดVi ควรต่อลงกราวด์ ที่ส่วนเอาต์พุตให้ต่อโหลด RL มีค่าความตา้ นทาน 8
Ω ทนกาลังวตั ต์ประมาณ10 - 30 W เขา้ ไปแทนลาโพง และใช้ DC โวลต์มิเตอร์วดั คร่อมโหลด RL การต่อ
ข้วั บวก – ลบมิเตอร์คร่อม RL ต่ออย่างไรก็ได้ถ้าทรานซิสเตอร์ Q1 และ Q2 ทางานปกติและทางานเท่ากัน
แรงดนั วดั ไดค้ ร่อม RL ตอ้ งเป็น 0 V หรืออยา่ งมากไม่ควรมีแรงดนั เกิน 0.3 V ถือวา่ วงจรเสียงชนิด OCL ปกติ ถา้
วดั แรงดนั ไดเ้ กินกวา่ คา่ น้ีถือวา่ วงจรขยายเสียงชนิด OCL ผดิ ปกติไม่ควรนาไปใชง้ าน ควรตรวจแกไ้ ขวงจรก่อน
• ด้านทกั ษะ(ปฏิบตั )ิ
15. แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 10
16. ใบงานที่ 12
• ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
(จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 6)
1. สรุปการทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน
1. ข้นั เตรียม ( 15 นาที ) 1. ข้นั เตรียม ( 15 นาที )
4. ผสู้ อนแจง้ จุดประสงค์การเรียนของบทที่ 10 ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงค์การเรียนของ
เร่ือง การทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียง บทที่ 10 เร่ือง การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง
2. ข้นั ให้ความรู้ ( 250 นาท)ี 2. ข้ันให้ความรู้ (250 นาท)ี
5. ผูส้ อนเปิ ด PowerPoint เรื่อง การทดสอบ 5. ผูเ้ รียนศึกษา PowerPoint เร่ือง การทดสอบ
คุ ณ ส มบัติเคร่ื องขยายเสี ยง และเปิ ดเอกส าร คุ ณ ส ม บัติ เค รื่ อ งข ย าย เสี ย ง แ ล ะ เปิ ด เอ ก ส าร
ประกอบการสอน วชิ า เครื่องเสียง บทที่ 10 ประกอบการสอน วิชา เครื่องเสียง บทท่ี 10 พร้อมจด
6. ผู้สอนให้ผู้เรี ยนสรุ ปตามท่ีได้ศึกษาจาก บนั ทึกเน้ือหาท่ีสาคญั
PowerPoint 6. ผเู้รียนสรุป ตามท่ีไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint
3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ ( 120 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 120 นาที )
27. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบประเมินหลังการ 7. ผเู้ รียนทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 10
เรียนบทท่ี 10 8. ผเู้ รียนทาใบงานท่ี 12 หนา้ ท่ี 284-287
28. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาใบงานที่ 12 หน้าท่ี 284- 9. ผเู้ รียนสืบคน้ ขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต
287
29. ผู้ ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก
อินเทอร์เน็ต
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้
ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน
4. ข้ันสรุปและประเมินผล (95 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 95 นาที )
17. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาท่ีไดเ้ รียน 13. ผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ได้เรียนให้มีความ
ใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั
18. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนศึกษาเพิ่มเติมนอกหอ้ งเรียน 14. ผเู้ รียนศึกษาเพ่มิ เติมนอกหอ้ งเรียน
(บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-6) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-6)
(รวม 480 นาที หรือ 8 คาบเรียน)
งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล
ก่อนเรียน
17. จดั เตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนบทที่ 10
18. ทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 10 และใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรมใน
บทท่ี 10
ขณะเรียน
19. ทาแบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 10
20. ร่วมกนั สรุป “การทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียง”
หลงั เรียน
9. ทาใบงานท่ี 12
ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผู้เรียน
แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 10
ใบงานที่ 12
สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้
สื่อส่ิงพมิ พ์
26. เอกสารประกอบการสอนวิชา เครื่องเสียง(ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
ขอ้ ท่ี 1-6)
27. แบบประเมินหลงั การเรียนบทที่ 10 ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1
28. ใบงานที่ 12
ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี)
17. เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์
18. PowerPoint เร่ือง การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง
ส่ือของจริง
9. การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
ขอ้ ท่ี 1-6)
แหล่งการเรียนรู้
ในสถานศึกษา
1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร
2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต
นอกสถานศึกษา
ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถ่ินจงั หวดั สมุทรสาคร
การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอ่ืน
25. บูรณาการกบั วชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
26. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
27. บูรณาการกบั วชิ าไฟฟ้าเบ้ืองตน้
การประเมินผลการเรียนรู้
หลกั การประเมินผลการเรียนรู้
ก่อนเรียน
9. ความรู้ความเขา้ ใจก่อนการเรียนการสอน
ขณะเรียน
19. ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนรู้บทที่ 10
20. สงั เกตการทางาน
หลงั เรียน
9. ตรวจใบงานท่ี 12
คาถาม
ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน
ตรวจแบบประเมินหลงั การเรียนบทท่ี 10
ตรวจใบงานท่ี 12
สมรรถนะท่ีพงึ ประสงค์
ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง
33. วเิ คราะห์และตีความหมาย
34. ต้งั คาถาม
35. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง
36. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ
สมรรถนะการปฏบิ ตั งิ านอาชีพ
7. การทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียง
สมรรถนะการขยายผล
ความสอดคล้อง
จากการเรียนเร่ือง การทดสอบคุณสมบตั ิเคร่ืองขยายเสียง ทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้เพ่ิมเกี่ยวกบั ค่าความ
ตา้ นทานของเคร่ืองขยายเสียง ค่ากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ุต ค่าตอบสนองความถี่ ค่าตอบสนองความถี่ช่ัวคราว การ
ปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเครื่องขยายเสียง และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้
รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 อธิบายหลกั การหาค่าความตา้ นทานของเครื่องขยายเสียงได้
25. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
26. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
27. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายหลกั การหาคา่ ความตา้ นทานของเครื่องขยายเสียงได้ จะได้ 2
คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 วดั ค่ากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ุตได้
25. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
26. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
27. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : วดั คา่ กาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ตุ ได้ จะได้ 1 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 3 วดั คา่ ตอบสนองความถ่ีได้
1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : วดั ค่าตอบสนองความถ่ีได้ จะได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 วดั ค่าตอบสนองความถ่ีชว่ั คราวได้
22. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
23. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ
24. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : วดั ค่าตอบสนองความถี่ชว่ั คราวได้ จะได้ 1 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 ปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเครื่องขยายเสียงได้
1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ
3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ปรับสมดุลภาคขยายกาลงั ของเคร่ืองขยายเสียงได้ ได้ 2 คะแนน
จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 6 สรุปการทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ
2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ
3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สรุปการทดสอบคุณสมบตั ิเครื่องขยายเสียงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม จะได้
2 คะแนน
แบบประเมนิ หลงั การเรียนบทท่ี 10
ตอนท่ี 1 จงเติมคาในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1. การตอ่ สญั ญาณเสียงเขา้ ข้วั อินพุตของเครื่องขยายเสียงควรคานึงถึง..................................
ของอุปกรณ์ที่จะนามาตอ่
2. ............................................ของเคร่ืองเสียง เป็นสิ่งจาเป็นเบ้ืองตน้ ของการเลือกซ้ือ เลือกใช้
เคร่ืองเสียง
3. ค่าบอกกาลงั วตั ตม์ าตรฐาน คือ........................................................................................
4. ในวงจรทดสอบหาค่าความตา้ นทานอินพตุ เคร่ืองขยายเสียง ตา่ งจากการทดสอบหาค่าต่าง ๆ
คือ มีการตอ่ ...............................................................................เพิ่มเขา้ ไปในวงจร
5. เคร่ืองขยายเสียงที่มีคุณภาพตอ้ งตอบสนองความถ่ีไดด้ ีตลอดยา่ นความถี่............................
ถึง..........................................................................................................................................
6. ในการทดสอบหาคา่ ตอบสนองความถ่ีเครื่องขยายเสียง อนั ดบั แรกตอ้ งปรับระดบั ความแรง
เครื่องขยายเสียงไปท่ีตาแหน่ง..................................................................................................
7. การทดสอบค่าตอบสนองชว่ั ขณะเครื่องขยายเสียงทาไดโ้ ดยป้อน......................................ให้
เคร่ืองขยาย
8. ความสาคญั ของเครื่องขยายเสียงแบบคอมพลีเมนตารีอยทู่ ่ีการทางานท่ีถูกตอ้ งของภาค........
...................................................................ตอ้ งทางานถูกตอ้ งและสมดุลกนั
9. เคร่ืองขยายเสียงชนิด OTL การปรับสมดุลท่ีเอาตพ์ ตุ เครื่องขยายเสียง ยงั ไมจ่ าเป็นตอ้ งตอ่
..............................................................................................เขา้ ในวงจร
10. ปกติแลว้ วงจรภาคขยายกาลงั เครื่องขยายเสียงชนิด.............................................................
ไม่มีการปรับสมดุลท่ีจุดออกเอาตพ์ ุต
ตอนท่ี 2 กากบาทลงหนา้ คาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพียงขอ้ เดียว
1. ขอ้ ใดคือค่ากาลงั วตั ตม์ าตรฐานท่ีนิยมใช้ ?
ก. RMS
ข. RMX
ค. PMPO
ง. PMPR
2. คล่ืนไซน์วดั ดว้ ย AC โวลตม์ ิเตอร์มีคา่ 20 V จงหาค่ายอด (VP) ของคล่ืนไซนค์ า่ น้ี ?
ก. 14.14 V
ข. 28.28 V
ค. 42.42 V
ง. 56.56 V
3. คลื่นไซนว์ ดั ดว้ ย AC โวลตม์ ิเตอร์มีค่า 15 V จงหาค่ายอด (VPP) ของคล่ืนไซน์ค่าน้ี ?
ก. 15 V
ข. 21.21 V
ค. 30 V
ง. 42.42 V
4. การหาค่าความตา้ นทานอินพุต (Ri) ของเครื่องขยายเสียงโดยใช้ VR1 ต่ออนุกรมกบั อินพุตเคร่ืองขยายเสียง
และตอ่ รับเคร่ืองกาเนิดสญั ญาณเสียง ตอ้ งปรับค่าอยา่ งไร ?
ก. ใหแ้ รงดนั ที่ VR1 เทา่ กบั แรงดนั ท่ี Ri
ข. ใหแ้ รงดนั ที่ Ri เป็นคร่ึงหน่ึงของแรงดนั เครื่องกาเนิด
ค. ใหแ้ รงดนั ที่ VR1 เป็นคร่ึงหน่ึงของแรงดนั เครื่องกาเนิด
ง. ถูกทุกขอ้
5. ทดสอบหากาลงั วตั ตเ์ อาต์พุตเคร่ืองขยายเสียง วดั แรงดนั ตกคร่อมโหลด RL = 8 Ωดว้ ยออสซิลโลสโคปได้
30 VP กาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ุตจะวดั ออกมาไดเ้ ท่าไร ?
ก. 14.06 W
ข. 28.13 W
ค. 56.25 W
ง. 112.5 W
6. ความถี่เสียงท่ีนิยมใชป้ ้อนใหเ้ ครื่องขยายเสียงเพ่อื วดั การทดสอบมีคา่ เทา่ ไร ?
ก. 1 KHz
ข. 500 Hz
ค. 100 Hz
ง. 20 Hz
7. การทดสอบค่าการตอบสนองความถ่ี สียงของเคร่ืองขยายเสียง การปรับแต่งป่ ุมปรับใดของเคร่ืองขยายเสียง
ก่อนการทดสอบไมถ่ ูกตอ้ ง ?
ก. ป่ ุมโวลลุ่มปรับแรงสุด
ข. ป่ ุมทุม้ แหลมปรับไวก้ ่ึงกลาง
ค. ป่ ุมลาวดเ์ นสไวท้ ่ีตาแหน่ง ON
ง. ป่ ุมโลวพ์ าสฟิ ลเตอร์ไวท้ ี่ตาแหน่ง OFF
8. ป้อนความถ่ี 100 Hz ใหเ้ คร่ืองขยายเสียง วดั แรงดนั อินพตุ ได้ 0.5 V วดั แรงดนั เอาตพ์ ุตได้ 25 V จงหาความดงั
ของเคร่ืองขยายเสียงในหน่วย dB ?
ก. -1.7 dB
ข. -34 dB
ค. 1.7 dB
ง. 34 dB
9. จากรูป เป็ นสัญญาณวดั ที่ไดเ้ อาตพ์ ุตเครื่องขยายเสียงดว้ ยการป้อนคล่ืนส่ีเหลี่ยมใหท้ างอินพุต จะวเิ คราะห์ค่า
เครื่องขยายไดอ้ ยา่ งไร ?
ก. เกิดการเลื่อนเฟส
ข. เกิดการสูญเสียท่ีความถี่ต่า
ค. เกิดการสูญเสียที่ความถ่ีสูง
ง. ความแรงเพ่ิมข้ึนที่ความถ่ีต่า
10. แรงดนั วดั ไดท้ ่ีจุดตอ่ เอาตพ์ ุตของเครื่องขยายเสียงชนิด OCL ค่าปกติควรวดั ไดเ้ ท่าไร ?
ก. 0 V
ข. 0.5 V
ค. VCC
ง. VCC / 2
11. ถา้ จ่ายแรงดนั ให้วงจรขยายกาลงั เครื่องขยายเสียงชนิด OTL มีค่า 40 V ค่าปกติท่ีจุดต่อเอาตพ์ ุตของเครื่อง
ขยายเสียงควรวดั ไดเ้ ทา่ ไร ?
ก. 0 V
ข. 0.5 V
ค. 20 V
ง. 40 V
12. การต่อสัญญาณเสียงเขา้ ข้วั อินพุตของเครื่องขยายเสียงควรคานึงถึงอะไร ?
ก. คา่ ความนา
ข. ค่าความตา้ นทาน
ค. ค่าอินพุตที่ป้อน
ง. ค่าตวั เกบ็ ประจุที่อินพุต
13. ขอ้ ใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการทดสอบคา่ ตอบสนองชว่ั ขณะเคร่ืองขยายเสียง ?
ก. ตวั ตา้ นทานโหลด
ข. ออสซิลโลสโคป
ค. ตวั ตา้ นทานปรับค่าได้
ง. เคร่ืองกาเนิดสญั ญาณเสียง
14. Vrms คือค่าอะไร ?
ก. แรงดนั วดั ไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคปเป็นพคี หน่วยเป็น V
ข. แรงดนั วดั ไดด้ ว้ ยออสซิลโลสโคปเป็นพีคทูพีค หน่วยเป็น V
ค. แรงดนั วดั ไดด้ ว้ ย DC โวลตม์ ิเตอร์เป็น RMS หน่วยเป็น V
ง. แรงดนั วดั ไดด้ ว้ ย AC โวลตม์ ิเตอร์เป็น RMS หน่วยเป็น V
15. จากรูป เป็นสัญญาณวดั ที่ไดเ้ อาตพ์ ตุ เคร่ืองขยายเสียงดว้ ยการป้อนคล่ืนส่ีเหล่ียมใหท้ างอินพุต จะวเิ คราะห์ค่า
เคร่ืองขยายไดอ้ ยา่ งไร ?
ก. แรงดนั เกิดการฮมั
ข. เกิดการสูญเสียที่ความถ่ีต่า
ค. เกิดการสูญเสียท่ีความถ่ีสูง
ง. เกิดการออสซิลเลตแบบลดต่า
ตอนท่ี 3 จากโจทยจ์ งอธิบายใหไ้ ดค้ วามหมายท่ีสมบูรณ์
1. คุณลกั ษณะทางไฟฟ้าของเครื่องขยายเสียงหาไดจ้ ากอะไร ?
2. ค่าความตา้ นทานอินพุตเคร่ืองขยายเสียงคืออะไร ?
3. ค่ากาลงั วตั ตเ์ อาตพ์ ุตเคร่ืองขยายเสียงคืออะไร และบอกใหท้ ราบถึงอะไร ?
4. คา่ ตอบสนองความถ่ีเคร่ืองขยายเสียงคืออะไร ?
5. ค่าตอบสนองชว่ั ขณะเครื่องขยายเสียงคืออะไร ?
6. คา่ ตอบสนองชว่ั ขณะเครื่องขยายเสียง สามารถทาไดโ้ ดยวธิ ีใด ?
7. การปรับแตง่ คา่ ไบอสั ท่ีเหมาะสมกบั ภาคขยาย ปรับแต่งไดก้ ่ีลกั ษณะ อะไรบา้ ง ?
8. คา่ RMS คือค่าอะไร เป็นมาตรฐานของสมาคมใด ?
9. จงอธิบายคาต่อไปน้ี Prms, Vrms, Vp, Vpp, RL
10. จงบอกชนิดความผดิ เพ้ียนของรูปคล่ืนสี่เหลี่ยม พร้อมรูปคลื่นประกอบ ?
แบบประเมินผลการนาเสนอผลงาน
ช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................
รายช่ือสมาชิก
1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขที่…….
3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่…….
ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เห็น
32 1
1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง
ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ )
2 รูปแบบการนาเสนอ
3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้าเสียง ซ่ึงทาใหผ้ ูฟ้ ังมีความ
สนใจ
รวม
ผปู้ ระเมิน…………………………………………………
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง
3 คะแนน = มีสาระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์
2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์
1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์
2. รูปแบบการนาเสนอ
3 คะแนน = มีรูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มีการใชเ้ ทคนิคท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี
ประกอบการ นาเสนอท่ีน่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั
คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอทีแ่ ปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอที่น่าสน ใจ แต่ขาด
การประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน
1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ
3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
4. ความสนใจของผฟู้ ัง
3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ
1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื
แบบประเมนิ กระบวนการทางาน
ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................
รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่…….
4……………………………………เลขที่…….
1……………………………………เลขที่…….
3……………………………………เลขที่…….
ที่ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น
1 การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 321
2 การแบ่งหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม
3 การปฏิบตั ิหนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน
รวม
ผปู้ ระเมิน…………………………………………………
วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………...
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั
3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน
2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน
1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน
2. การมอบหมายหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม
3 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานท่ี ส่ือ /
อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง
2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แตข่ าด
การจดั เตรียมสถานท่ี
1 คะแนน = กระจายงานไมท่ วั่ ถึงและมีส่ือ / อุปกรณ์ไมเ่ พยี งพอ
3. การปฏิบตั ิหนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด
2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาท่ีกาหนด
1 คะแนน = ทางานไมส่ าเร็จตามเป้าหมาย
4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน
3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็ นระยะ
2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน
1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บนั ทึกหลงั การสอน
บทที่ 10 เร่ือง การทดสอบคุณสมบัตเิ ครื่องขยายเสียง
ผลการใช้แผนการเรียนรู้
1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน
3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี
ผลการเรียนของนักเรียน
5.นกั ศึกษาส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบ
งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
6.นกั ศึกษากระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพ่อื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนด
ผลการสอนของครู
1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร
2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ
3. สอนไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
ใบชว่ ยสอน
(Instruction Sheets)
ใบความรู้ (Information Sheet)
รหสั วิชา 20105-2008 ช่อื วิชา เครอื่ งเสียง
ช่อื หน่วย คลื่นเสยี งและเครอื่ งเสียง
เร่ือง คลนื่ เสยี งและเครือ่ งเสียง จานวนชัว่ โมงสอน (4)
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
• จุดประสงค์ทั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
1. เพอื่ ให้มีความรู้เกีย่ วกบั การเกิดเครื่องเสียง (ดา้ นความรู้)
2. เพอื่ ให้มีทักษะในการจาแนกโครงสร้างของหูและการได้ยนิ (ดา้ นทกั ษะ)
3. เพอ่ื ใหม้ ีเจตคติท่ีดใี นการจาแนกองค์ประกอบของระบบไฟฟา้ (ดา้ นจติ พิสยั )
4. เพือ่ สรปุ แหลง่ กาเนิดไฟฟา้ กระแสสลบั ได้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม (ดา้ นดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม/บรู ณา
การเศรษฐกจิ พอเพยี ง)
• จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
1. อธบิ ายการเกิดคลืน่ เสยี งได้ (ด้านความรู้)
2. บอกคุณสมบตั ิและส่วนประกอบของเครื่องเสียงได้ (ด้านความร้)ู
3. จาแนกโครงสรา้ งของหูและการได้ยนิ ได้ (ดา้ นทักษะ)
4. คานวณหนว่ ยวัดและความดังได้ (ด้านทักษะ)
5. เขยี นความแตกตา่ งระหวา่ งเครอ่ื งเสียงท่วั ไปได้ (ด้านทกั ษะ)
6. แยกแยะสว่ นประกอบของเครอ่ื งเสียงชนดิ ไฮ-ไฟได้ (ด้านทักษะ)
7. ชใี้ ห้เหน็ ถงึ ความผดิ เพย้ี นท่มี ผี ลต่อเครื่องเสยี งชนดิ ไฮ-ไฟได้ (ด้านจติ พิสยั )
8. สรปุ คลน่ื เสยี งและเครื่องเสยี ง ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม (ดา้ นด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง)
เนื้อหาสาระ
1.1 คลืน่ เสียง
คลื่นเสียงเป็นคลื่นชนิดหนึ่งท่ีกาเนิดข้ึนได้จากการสั่นของอากาศโดยรอบและมีความถ่ีตาจึงถูกเรียกว่า
ความถี่เสียง (Audio Frequency) อยู่ในช่วงความถ่ีประมาณ 20 Hz – 20 KHz เป็นช่วงความถ่ีที่มนุษย์อย่างเรา ๆ
สามารถรับฟังและได้ยินได้ คล่ืนเสียงน้ันเดินทางไปได้ไม่ไกลเน่ืองจากคลื่นเสียงน่ันเกิดการจางหายหรือถูกดูดกลืนได้
ง่าย คล่ืนเสยี งเกิดขึ้นได้จากแหล่งกาเนิดเสียงต่าง ๆ หลายชนิดแตกต่างกนั เมื่อคล่นื เสียงมาจากแหลง่ กาเนิดท่ีต่างกัน
คลื่นเสียงและความถ่ีของเสียงที่ได้ก็จะแตกต่างกันไปด้วย แต่ยังคงเป็นคล่ืนรูปไซน์เหมือนกัน การเดินทางของเสียงไป
ในตัวกลางต่าง ๆอัตราเร็วในการเดินทางของเสียงขึ้นอยู่กับคุณสมบัติตัวกลางท่ีเสียงเคล่ือนท่ีผ่าน ได้แก่ ความ
หนาแน่น ความยืดหยุ่น เป็นต้น โดยปกติเสียงเดินทางในของแข็งได้ดีท่ีสุด รองลงมาคือของเหลวและก๊าซ นอกจากน้ี
อัตราเรว็ เสียงยังขึ้นอย่กู ับอณุ หภูมขิ องตวั กลางที่เสียงเคลื่อนที่ผ่าน โดยพบว่า เม่ืออณุ หภูมิสูงขึ้น อัตราเร็วเสียงจะมคี ่า
มากขึ้น สาหรับตัวกลางท่ีเป็นอากาศ ในขณะท่ีเสียงเคลื่อนท่ีจะมีการถ่ายทอดพลังงานไปให้กับวัตถุที่เสียงตกกระทบ
โดยอัตราการถ่ายทอดพลังงานของเสียงต่อพื้นที่ที่ต้ังฉากกับทิศการเคลื่อนท่ีของเสียง เรียกว่าความเข้มเสียง
(Intensity) หรืออาจกลา่ วได้วา่ ความเข้มเสยี ง หมายถึง กาลงั ของเสยี งจากแหลง่ กาเนิดทตี่ กกระทบบนพน้ื ที่ 1 ตาราง
หน่วยในแนวต้ังฉากท่ีพิจารณา เน่ืองจากเสียงแผ่ออกทุกทิศทางเหมือนกันคือ ลักษณะของคล่ืนเสียงจะเป็นรูปคล่ืน
ไซน์ (Sine Wave) เหมือนกัน กล่าวคือจะมีส่วนของสัญญาณแรงสุด (Maximum Signal)และส่วนของสัญญาณที่เบา
สุด (Minimum Signal)และจะมกี ารเปล่ียนแปลงเพิ่มหรอื ลดเปน็ ไปตามลาดับสลบั กันไปมา
คลื่นเสียงเป็นคลื่นตามยาวเกิดจากการส่ันของวัตถุ ความถ่ีของเสียงจะมีค่าเท่ากับความถ่ีของแหล่งกาเนิด
และในขณะที่มีการส่ัน โมเลกุลของตัวกลางจะมีการถ่ายทอดพลังงานทาให้เกิดความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตาม
ตาแหน่ง ทาให้เกิดเป็นช่วงอัดและชว่ งขยายโดยท่ีช่วงอัดคือบรเิ วณที่อนุภาคของตัวกลางอัดเข้าหากัน บริเวณน้ีมีจะมี
ความดันสูงสุดโดยเทียบกับความดันที่ตาแหน่งสมดุลของอนุภาค โดยการขจัดของอนุภาคน้อยท่ีสุด ส่วนช่วงขยายคือ
บริเวณท่ีอนุภาคตัวกลางแยกห่างจากกัน บริเวณน้ีมีความดันต่าสุดโดยเทียบกับความดันท่ีตาแหน่งสมดุลของอนุภาค
การขจัดของอนุภาคมากที่สุด อัตราเร็วเสียงข้ึนอยู่กับคุณสมบัติตัวกลางท่ีเสียงเคลื่อนท่ีผ่าน ได้แก่ ความหนาแน่น
ความยืดหย่นุ เปน็ ต้น โดยปกติเสียงเดนิ ทางในของแข็งไดด้ ที ส่ี ุด รองลงมาคือของเหลวและกา๊ ซ
• ด้านทกั ษะ(ปฏบิ ัติ)
17. แบบประเมินหลังการเรียนบทที่ 1
18. ใบงานท่ี 1
• ดา้ นคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
(จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 9)
สรปุ คลื่นเสียงและเคร่ืองเสียง ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม
เอกสารอา้ งอิง
1. หนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์อตุ สาหกรรม ( พนั ธศ์ ักดิ์ พุฒมิ านิตพงศ์)
ใบงาน (Job Sheet)
รหัสวชิ า 20105-2008 ช่ือวิชา เครื่องเสียง
ช่ือหน่วย คลน่ื เสยี งและเครื่องเสียง
เรื่อง คล่นื เสียงและเครอื่ งเสียง จานวนชว่ั โมงสอน (4)
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
จดุ ประสงคท์ ั่วไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง เครอื่ งมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์
1.เพอ่ื ใหม้ คี วามรเู้ กย่ี วกับการเกดิ เครอื่ งเสียง (ด้านความรู)้ 1. โปรเจคเตอร์ พร้อมจอ
2.เพื่อใหม้ ที ักษะในการจาแนกโครงสร้างของหูและการไดย้ นิ 2. คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบคุ
(ดา้ นทกั ษะ)
3.เพื่อใหม้ เี จตคติท่ีดีในการจาแนกองคป์ ระกอบของระบบไฟฟา้ ข้อควรระวงั .
(ด้านจิตพิสยั )
4.เพ่อื สรปุ แหล่งกาเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ ได้อยา่ งถกู ตอ้ งและ
เหมาะสม (ด้านด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจ
พอเพียง)
•จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.อธิบายการเกิดคลนื่ เสยี งได้ (ด้านความร้)ู
2.บอกคุณสมบตั ิและสว่ นประกอบของเครอ่ื งเสยี งได้ (ด้าน
ความรู้)
3.จาแนกโครงสร้างของหูและการได้ยินได้ (ด้านทักษะ)
4.คานวณหน่วยวดั และความดงั ได้ (ดา้ นทกั ษะ)
5.เขยี นความแตกตา่ งระหว่างเครอื่ งเสยี งทัว่ ไปได้ (ดา้ นทักษะ)
6.แยกแยะส่วนประกอบของเครื่องเสียงชนดิ ไฮ-ไฟได้ (ดา้ น
ทกั ษะ)
7.ช้ีใหเ้ ห็นถงึ ความผิดเพ้ยี นทมี่ ผี ลต่อเคร่อื งเสียงชนิดไฮ-ไฟได้
(ดา้ นจิตพสิ ยั )
8.สรปุ คลื่นเสยี งและเครือ่ งเสียง ได้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม
(ด้านดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง
- ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ าน (มีภาพประกอบ)
1. ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน (15 นาที ) ระวงั ไฟรั่วในระหว่างใชค้ อมพิวเตอร์
1. ผู้สอนจัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนา
รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่อง คล่ืน มอบงาน
เสียงและเครือ่ งเสียง นกั ศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคล่นื เสียง
2. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของบทที่ 1 วดั ผล/ประเมินผล
และขอใหผ้ ้เู รยี นรว่ มกันทากจิ กรรมการเรียนการสอน ก่อนเรียน
2. ขั้นใหค้ วามรู้ (120 นาท)ี 10. ความรู้ความเข้าใจกอ่ นการเรยี นการสอน
1. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทท่ี 1 ขณะเรยี น
เร่ือง คล่ืนเสียงและเครื่องเสียง และให้ผู้เรียนศึกษา 21. ตรวจแบบประเมนิ หลงั การเรียนรู้บทท่ี 1
เอกสารประกอบการสอน วิชา เคร่ืองเสียง หน้าท่ี 1-- 22. สงั เกตการทางาน
14โดยใหผ้ ู้เรยี นเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถสอบถาม
ข้อสงสัยระหว่างเรียนจากผสู้ อน หลังเรียน
10. ตรวจใบงานท่ี 1
2. ผสู้ อนให้ผู้เรียนอธิบายคล่ืนเสียงและเคร่ืองเสียง ผลงาน/ชน้ิ งาน/ผลสาเร็จของผูเ้ รียน
ได้ ศึกษาจาก PowerPoint
ตรวจแบบประเมนิ หลังการเรียนบทท่ี 1
3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 60 นาที ) ตรวจใบงานที่ 1
30. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบประเมินหลังการเรียน
บทท่ี 1
31. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รยี นทาใบงานที่ 1 หนา้ 222-228
32. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นสบื คน้ ข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็
4. สรุปผลการทดลอง
ใบปฏิบตั ิงาน (Operation Sheet)
รหสั วชิ า 20105-2008 ช่อื วิชา เครื่องเสียง
ชอื่ หน่วย คลน่ื เสยี งและเคร่ืองเสยี ง
เรื่อง คลื่นเสียงและเครื่องเสียง จานวนช่วั โมงสอน (4)
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- จุดประสงคท์ ัว่ ไป
1.เพอ่ื ใหม้ ีความรเู้ กยี่ วกับการเกดิ เครอื่ งเสยี ง (ด้านความร)ู้
2.เพ่ือให้มที กั ษะในการจาแนกโครงสร้างของหูและการไดย้ นิ (ดา้ นทกั ษะ)
3.เพื่อใหม้ เี จตคตทิ ่ีดีในการจาแนกองคป์ ระกอบของระบบไฟฟา้ (ดา้ นจิตพสิ ยั )
4.เพอื่ สรุปแหล่งกาเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง)
•จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.อธิบายการเกิดคลนื่ เสยี งได้ (ดา้ นความร้)ู
2.บอกคุณสมบตั แิ ละส่วนประกอบของเครื่องเสยี งได้ (ด้านความร้)ู
3.จาแนกโครงสร้างของหแู ละการไดย้ ินได้ (ด้านทักษะ)
4.คานวณหน่วยวัดและความดงั ได้ (ด้านทักษะ)
5.เขียนความแตกต่างระหว่างเครอ่ื งเสยี งทั่วไปได้ (ด้านทกั ษะ)
6.แยกแยะส่วนประกอบของเคร่ืองเสยี งชนิดไฮ-ไฟได้ (ดา้ นทักษะ)
7.ชใี้ หเ้ ห็นถึงความผิดเพีย้ นทมี่ ีผลต่อเครอื่ งเสียงชนดิ ไฮ-ไฟได้ (ด้านจิตพสิ ัย)
8.สรุปคลื่นเสยี งและเคร่ืองเสียง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เคร่อื งมือ-อุปกรณ์-วสั ดุ
1. โปรเจคเตอร์ พร้อมจอ
2. คอมพวิ เตอรห์ รือโนต้ บุค
ขน้ั ตอนการปฏบิ ัติงาน
1. ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน (15 นาที )
-ผู้สอนจัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนารายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเร่ือง คล่ืนเสียงและเคร่ือง
เสียง
-ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 1 และขอใหผ้ เู้ รียนร่วมกันทากจิ กรรมการเรยี นการสอน
2. ขนั้ ให้ความรู้ (120 นาท)ี
-ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 1 เร่ือง คล่ืนเสียงและเคร่ืองเสียง และให้ผู้เรียนศึกษาเอกสาร
ประกอบการสอน วชิ า เครื่องเสียง หนา้ ที่ 1--14โดยให้ผู้เรียนเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง และสามารถสอบถามข้อสงสัย
ระหวา่ งเรยี นจากผสู้ อน
-ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนอธบิ ายคล่ืนเสียงและเครื่องเสียงได้ ศึกษาจาก PowerPoint
3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ ( 60 นาที )
1.ผู้สอนให้ผู้เรยี นทาแบบประเมินหลังการเรียนบทท่ี 1
2.ผูส้ อนให้ผ้เู รยี นทาใบงานท่ี 1 หนา้ 222-228
3.ผู้สอนให้ผูเ้ รียนสืบคน้ ขอ้ มลู จากอินเทอรเ์ น็ต
4. สรปุ ผลการทดลอง
ใบปฏิบัติงาน (Operation Sheet)
รหสั วชิ า 20105-2008 ชอ่ื วิชา เครื่องเสียง
ชอื่ หน่วย คลนื่ เสียงและเคร่อื งเสยี ง
เร่ือง คล่นื เสยี งและเครอ่ื งเสียง จานวนช่วั โมงสอน (4)
ข้อควรระวัง
ระวังไฟร่วั ในระหว่างใช้คอมพิวเตอร์
ข้อเสนอแนะ
ควรศกึ ษาก่อนเรยี นล่วงหนา้
การประเมินผล
ทฤษฎีผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ปฏิบัตไิ มน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80
เอกสารอา้ งอิง
หนังสือเครื่องเสยี ง ( พันธ์ศักดิ์ พุฒมิ านติ พงศ์)
ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheet)
รหสั วิชา 20105-2008 ชื่อวิชา เครื่องเสียง
ช่อื หน่วย คล่นื เสยี งและเครอ่ื งเสียง
เรอื่ ง คลน่ื เสยี งและเคร่อื งเสียง จานวนชั่วโมงสอน (4)
จุดประสงค์การมอบงาน
เพ่ือใหน้ ักศึกษาค้นคว้าหาขอ้ มูลทีเ่ ก่ียวข้องกับคล่นื เสียงก่อนเรียน
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
ให้นกั ศึกษาคน้ คว้าข้อมูลทีเ่ ก่ยี วขอ้ งคล่ืนเสยี งในอินเตอรเ์ นท็ และวารสาร อเิ ลก็ ทรอนิกส์แฮนบคุ
แหล่งคน้ คว้า
INTERNET, วารสารอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ฮนบุค , หนงั สือเรียนวชิ าเครอ่ื งเสียง
กาหนดเวลาสง่ งาน
ส่งก่อนเรยี น 1 วนั