40 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตารางที่ 6 ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จ านวน 31 คน รายการ การวิเคราะห์ทางสถิติ S ระดับความ พึงพอใจ 1. แบบฝึกทักษะมีขั้นตอนชัดเจน 4.61 0.50 มากที่สุด 2. แบบฝึกทักษะเรียงจากง่ายไปหายาก 4.36 0.55 มาก 3. แบบฝึกทักษะมีความน่าสนใจ 4.23 0.62 มาก 4. แบบฝึกทักษะท าให้นักเรียนสนใจการเรียนมากขึ้น 4.52 0.63 มากที่สุด 5. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท าให้เข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น 4.42 0.62 มาก 6. นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง 4.45 0.68 มาก 7. เวลาในการเรียนแต่ละแบบฝึกทักษะมีความเหมาะสม 4.29 0.82 มาก 8. นักเรียนสามารถศึกษากิจกรรมการเรียนรู้ได้ตลอดโดยไม่จ ากัด เวลา 4.03 0.71 มาก 9. นักเรียนสามารถน าความรู้จากการใช้แบบฝึกทักษะไปใช้ ประโยชน์ได้ 4.58 0.56 มากที่สุด 10. นักเรียนประเมินผลด้วยตนเองซึ่งช่วยให้แก้ไขการเรียนได้ดีขึ้น 4.29 0.69 มาก รวม 4.38 0.64 มาก จากตารางที่ 6 พบว่า โดยภาพรวม ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.38 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก นักเรียนมีความพึงพอใจสูงสุดในหัวข้อแบบฝึกทักษะมีขั้นตอนชัดเจนซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.61อยู่ใน ระดับความพึงพอใจมากที่สุด รองลงมาคือหัวข้อ นักเรียนสามารถน าความรู้จากการใช้แบบฝึกทักษะ ไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58 อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด และหัวข้อแบบฝึก ทักษะท าให้นักเรียนสนใจการเรียนมากขึ้น ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก ที่สุด ตามล าดับ
41 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผล จากการวิจัยศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เลขยกก าลัง โดยใช้แบบฝึกทักษะ ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนราธิวาส สามารถสรุปผลจากการศึกษาค้นคว้า ดังนี้ 1. ผลการศึกษาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียนระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง เลขยกก าลัง มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์80.84/80.11 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกทักษะผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ.01 3. ความพึงพอใจสูงสุดของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกทักษะโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก อภิปรายผล จากการวิจัยศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เลขยกก าลัง โดยใช้แบบฝึกทักษะ ส าหรับ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนราธิวาส สามารถอภิปรายผลจากการศึกษาค้นคว้า ดังนี้ 1. ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ส าหรับ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่ามีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80.84/80.11 ที่เป็นเช่นนี้ เพราะแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ตั้งแต่ชุดที่ 1 - ชุดที่ 5 ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ร่วมกันและ เน้นทักษะกระบวนการคิด อธิบายแนวคิดอย่างละเอียด ชัดเจน ได้ด าเนินการจัดการเรียนรู้ตาม ขั้นตอนที่ก าหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เป็น การแก้ปัญหาที่เป็นระบบแยกเป็นขั้นตอนชัดเจน ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน สอดคล้อง กับผลงานวิจัยของศิรินุช รัตนประสบ (2550) ที่ศึกษาการสร้างชุดการสอน เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หาร ระคน ตามขั้นตอนของโพลยา ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีประสิทธิภาพประสิทธิภาพเท่ากับ 88.33/86.66 ผลงานวิจัยของอาภรณ์ แข็งฤทธิ์ (2558) ที่ศึกษา ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ส าหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า มีประสิทธิภาพประสิทธิภาพเท่ากับ 82.35/82.78 และผลงานวิจัยของ พจนา เบญจมาศ (2558) ที่ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.26/86.17 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนราธิวาส พบว่า หลังเรียนมีค่าสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ
42 ที่ระดับ .01 โดยก่อนเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ย 16.26 หลังเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีค่าคะแนนเฉลี่ย 24.10 การที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากการจัดการเรียนรู้มีการใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ที่ผ่านการหา ประสิทธิภาพมาแล้ว และเป็นแบบฝึกทักษะที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน เน้นทักษะ กระบวนการคิดได้น ามาใช้ร่วมกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดท าขึ้นอย่างมีคุณภาพ โดยใช้เทคนิค การแก้ปัญหาแบบโพลยา ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 การท าความเข้าใจปัญหา เป็นการมองไปที่ตัว ปัญหาโดยพิจารณาว่าโจทย์ถามอะไร โจทย์ก าหนดอะไรมาให้บ้าง มีสาระความรู้ใดที่เกี่ยวข้อง ส าหรับการแก้ปัญหาหรือไม่ ค าตอบของปัญหาอยู่ในรูปแบบใด จนสามารถสรุปปัญหาออกมาเป็น ภาษาของตนเอง ขั้นที่ 2 การวางแผนแก้ปัญหา เป็นขั้นตอนส าคัญที่จะต้องพิจารณาว่าจะแก้ปัญหา ด้วยวิธีใด จะแก้ปัญหาอย่างไร นักเรียนต้องมองเห็นความส าคัญของข้อมูลต่างๆ ในโจทย์ปัญหาอย่าง ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นขั้นที่ค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่โจทย์ถามกับข้อมูลหรือสิ่งที่โจทย์ ก าหนดให้ ถ้าหากไม่สามารถหาความสัมพันธ์ได้ก็ควรอาศัยหลักการของการวางแผนแก้ปัญหา ดังนี้ 1. โจทย์ปัญหาลักษณะนี้เคยพบมาก่อนหรือไม่และมีลักษณะคล้ายคลึงกับโจทย์ปัญหาที่เคยท า 2. ถ้า อ่านในโจทย์ปัญหาครั้งแรกแล้วไม่เข้าใจควรอ่านโจทย์ปัญหาอีกครั้งแล้ววิเคราะห์ความแตกต่างของ ปัญหานี้กับปัญหาที่เคยท ามาก่อน ดังนั้นการวางแผนการแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนที่ผู้แก้ปัญหาน ามา ก าหนดแนวทางในการแก้ปัญหาและเลือกยุทธวิธีแก้ปัญหา ขั้นที่ 3. การด าเนินการตามแผน เป็น ขั้นตอนที่ ลงมือปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ได้ค าตอบของปัญหาด้วยการรู้จักเลือกวิธีการคิด ค านวณ กฎ หรือสูตร ที่เหมาะสมมาใช้แล้วลงมือปฏิบัติจนกระทั่งสามารถหาค าตอบได้หรือค้นพบ วิธีการแก้ปัญหาใหม่ ขั้นที่ 4. การตรวจสอบ เป็นขั้นตอนที่ผู้แก้ปัญหามองย้อนกลับไปที่ขั้นตอนต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้ถูกต้องสมบูรณ์มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ ตลอดจนกระบวนการในการแก้ปัญหา เป็นการแก้ปัญหาที่เป็นระบบแยกเป็นขั้นตอนชัดเจนสามารถ ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ได้รับการหาคุณภาพอย่างเป็นระบบ ท าให้เมื่อ น าไปใช้แล้วนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ครูได้วางแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการของโพลยา ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นกระบวนการที่ท าให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ คิด แก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี คิดอย่างเป็นระบบ ท าให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น สอดคล้องกับ ผลงานวิจัยของพจนา เบญจมาศ (2558) ที่ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดย การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 พบว่า มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ ผลงานวิจัยของนงลักษณ์ ฉายา (2558) ที่ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องสมการ เชิงเส้นตัวแปรเดียว ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ.01 3. ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เลขยกก าลัง โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมาก ซึ่งมีค่าระดับความพึงพอใจ 4.38 การที่นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะร่วมกับแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก แบบฝึกทักษะที่จัดท าขึ้นเหมาะสมกับนักเรียน มีเนื้อหาที่ไม่ยากและง่ายจนเกินไป นักเรียนสามารถใช้ในการคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์สามารถน าไปใช้ใน
43 ชีวิตประจ าวันได้ โดยมีเทคนิคการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้เป็นขั้นตอน นักเรียนเกิด ความสนุก จากการจัดการเรียนรู้ มีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน เพราะนักเรียนจะต้องคิด วางแผน อภิปราย ถกเถียงแสดงแนวคิดร่วมกันเป็นการเน้นทักษะทางสังคมช่วยให้นักเรียนอยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับผลงานวิจัยของศิรีกานต์ งามพิพัฒนพงษ์ (2558) ที่ศึกษาผล การใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง จ านวนเชิงซ้อน โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าโดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ผลงานวิจัยของ อาภรณ์ แข็งฤทธิ์ (2558) ที่ศึกษาผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่าโดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และผลงานวิจัยของ พจนา เบญจมาศ (2558) ที่ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดย การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ข้อเสนอแนะ 1.ข้อเสนอแนะในการน าไปใช้ 1.1 แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่จ าเป็นในกระบวนการจัดการเรียนการสอนซึ่งส่งผล ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น ดังนั้นครูผู้สอนในควรน าเอาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ไป ใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้มากขึ้น 1.2 การด าเนินการควรท าตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในค าชี้แจง แต่ครูผู้สอนสามารถปรับ เปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ 1.3 ครูควรกระตุ้นให้ก าลังใจและเสริมแรงให้นักเรียนกระตือรือร้นในการกิจกรรมตามแบบ ฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ 2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป 2.1 ควรศึกษาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะการเรียน การสอนที่มีเทคนิคการสอนเข้ามาใช้ในการจัดท าแผนการสอนเพื่อให้นักเรียนสามารถมีผลการเรียนรู้ ที่ดีขึ้น เช่น เทคนิคการสอนแบบ STAD เทคนิคการสอนแบบการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง เป็นต้น 2.2 ควรมีการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเมื่อเรียนด้วยแบบฝึกทักษะกับสื่อหรือนวัตกรรม อื่นๆ
44 บรรณานุกรม
45 บรรณานุกรม กันต์กนิษฐ์ พลพิพัฒน์. (2560). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการแก้โจทย์ปัญหา คณิตศาสตร์ของนักเรียนโดยใช้กลวิธี STAR. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. จันทบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏร าไพพรรณี. จีระศักดิ์ นุ่นปาน. (2553). ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบเอ็กซ์พลิซิทร่วมกับการใช้แบบฝึก เสริมทักษะที่มีต่อความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ. ชมพูนุท วนสันเทียะ. (2552). การศึกษาความคิดรวบยอดและความสามารถในการแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชวินิตบางเขนโดยใช้วิธีสอน แบบโยนิโสมนสิการร่วมกับการใช้แผงผังมโนทัศน์. ปริญญานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ. ชมนาด เชื้อสุวรรณทวี.(2542). การสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. วารสารศิลปากร ศึกษาศาสตร์วิจัย, 5(1),7-19. ซ่อนกลิ่น เรืองยังมี. (2552). ผลการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้ทักษะการปฏิบัติตามแนวคิด ของเดวี่ส์ที่มีต่อความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัย. วิทยานิพนธ์ การศึกษา มหาบัณฑิต. สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ. ถวัลย์ มาศจรัส, สมปอง แว่นไธสง และบังอร สงวนหมู่. (2550). นวัตกรรมการศึกษาชุด แบบฝึกหัด แบบฝึกเสริมทักษะ เพื่อพัฒนาผู้เรียนและการจัดท าผลงานวิชาการของ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ครูช านาญการ ครูช านาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญ ครูเชี่ยวชาญพิเศษ). (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ธารอักษร. ทิพย์วรรณ เตมียกุล. (2550). การพัฒนาชุดการเรียนโจทย์ปัญหาจากชีวิตประจ าวันกลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. ลพบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี. นงลักษณ์ ฉายา. (2558). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. นวภัทร ศรีชูทอง. (2550). ผลของการใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้และการใช้แผนภาพเป็นสื่อที่มี ต่อความสามารถในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์และความพึงพอใจต่อการเรียน คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลป่าบอน จังหวัด พัทลุง. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ. บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร : สุวีริยายนส์น.
46 ปฐมาภรณ์ สิทธิ์เสือ. (2546). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ประภาพรรณ เส็งวงค์. (2551). การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ด้วยการวิจัยในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : อี.เค.บุ๊คส์. ประโรม กุ่ยสาคร. (2547). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการคูณการหารโดยการบูรณาการภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร ปานจิตร วัชระรังสี. (2548). การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันเทคนิคการแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปาฮามี อาแว. (2559). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสอนมโนทัศน์และผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 สังกัดส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. พจนา เบญจมาศ. (2558). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ไพศาล วรค า. (2558). การวัดทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ : ตักสิลาการพิมพ์. รอฮานี ปูตะ. (2560). ผลของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการแบบเปิดร่วมกับการศึกษาชั้น เรียนที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. โรงเรียนนราธิวาส. (2559). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2559. นราธิวาส : ฝ่ายวิชาการโรงเรียนนราธิวาส. โรงเรียนนราธิวาส. (2560). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2560. นราธิวาส : ฝ่ายวิชาการโรงเรียนนราธิวาส. เวชฤทธิ์ อังกนะภัทรขจร. (2554). ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์. ในเอกสารค าสอนวิชา 410541. ชลบุรี: ภาควิชาการจัดการเรียนรู้ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. เวชฤทธิ์ อังกนะภัทรขจร. (2555). ครบเครื่องเรื่องควรรู้ส าหรับครูคณิตศาสตร์ :หลักสูตรการสอน และการวิจัย. กรุงเทพฯ : จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์. ศศิธร แม้นสงวน. (2555). พฤติกรรมการสอนคณิตศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัย รามค าแหง.
47 ศิรินุช รัตนประสบ. (2555). การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร ระคน ตามขั้นตอนของ โพลยา ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา. ศิรีกานต์ งามพิพัฒนพงษ์. (2558). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง จ านวนเชิงซ้อน โดย การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บุรีรัมย์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.). (2559). ประกาศผลสอบและรายงานผลสอบ โอเน็ต. กรุงเทพฯ : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2559, จาก www.onetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/Login.aspx. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.). (2560). ประกาศผลสอบและรายงานผลสอบ โอเน็ต. กรุงเทพฯ : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2560, จาก www.onetresult.niets.or.th/AnnouncementWeb/Login.aspx. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2550). ทักษะ/กระบวนการทาง คณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552). เอกสารพัฒนาวิชาชีพครูคณิตศาสตร์ มืออาชีพ. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). ทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์(พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : สามคิวมีเดีย. สถาพร ศรีสุนทร. (2547). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมนึก ภัททิยธนี. (2549). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์. ส าลี ดวงบุบผา. (2558). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามรูปแบบซิปปา เรื่อง ระบบจ านวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี. สุคนธ์ สินธพานนท์. (2552). นวัตกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. (พิมพ์ครั้งที่3). กรุงเทพฯ : 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอน “การสร้างแบบฝึก”. ชัยนาท : ชมรมพัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. สุพรรณ สิงหนุวัฒนะ. (2558). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม โดยการใช้เทคนิค การเรียนรู้แบบร่วมมือ STAD ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. อัมพร ม้าคนอง. (2553). ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ : การพัฒนาเพื่อพัฒนาการ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
48 อาภรณ์ แข็งฤทธิ์. (2558). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค TAI ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์. อารมณ์ จันทร์ลาม. (2550). ผลของการสอนแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา ของโพลยาที่มีต่อทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต. สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ. Prescott, D.A. (1961). The child in the educative process. NewYork : Mc Graw-Hall. Siemens, D.W. (1986). “The Effect of Homework Emphasis on the Time Spent Doing Homework and Achievement of Plane Geometry Student.” Dissertation Abstracts Internation. 10 (April) : 2954-A. Loring, D. H.(2003). “Effects of Worked Examples and Algebra Problem Problem- solving Skill on Error and Cognitive Load”. Dissertation Abstracts International, 64(5) : 1527-A ; November. Curtis, K.M.(2006). “Improving Student Attitudes : A Study of Mathematics Curriculum Innovation.” Dissertation Abstracts International, 67 (4) : unpaged.
49 ภาคผนวก
50 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ
51 รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือในการวิจัย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสริมศักดิ์ สุรวัลลภ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ข้าราชการบ านาญ คณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒประสานมิตร 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชิต ดุรงค์แสง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ข้าราชการบ านาญ คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ 3. อาจารย์ ดร. วัลลยา ธรรมอภิบาล อินทนิน คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการประเมินผลและวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ 4. นายธีนภัทร สุวรรณวงศ์ ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 16 5. นางสาวราชชฎาวรรณ ทองรักษา ครูช านาญการพิเศษ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนนราธิวาส ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 15
52 ภาคผนวก ข หนังสือขอความอนุเคราะห์
53
54
55
56
57
58 ภาคผนวก ค การหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
59 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์(ค21101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องเลขยกก าลัง จ านวน 30 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน เวลา 60 นาที ค าชี้แจง จงท าเครื่องหมายกากบาทลงในช่องตัวเลือก ก , ข , ค และ ง แต่ละข้อมีค าตอบที่ ถูกต้องที่สุดเพียงค าตอบเดียว ลงในกระดาษค าตอบ 1. ตัวเลือกในข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ ก. เลขยกก าลังที่มี 2 เป็นฐาน และ 2 เป็นเลขชี้ก าลัง ข. เลขยกก าลังที่มี 2 เป็นฐาน และ 3 เป็นเลขชี้ก าลัง ค. เลขยกก าลังที่มี 3 เป็นฐาน และ 2 เป็นเลขชี้ก าลัง ง. เลขยกก าลังที่มี 3 เป็นฐาน และ 3 เป็นเลขชี้ก าลัง 2. อ่านว่าอย่างไร ก. สามทั้งหมดยกก าลังห้า ข. สามลบทั้งหมดยกก าลังห้า ค. ลบสามทั้งหมดยกก าลังห้า ง. ห้าเป็นเลขชี้ก าลังของสาม 3. มีความหมายตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 4. เขียน -4,913 เป็นเลขยกก าลังที่มีเลขชี้ก าลังมากกว่า1 ตรงกับตัวเลือกใด ก. = ข. = ค. = ง. 17 =
60 5. ถ้า = 225 แล้ว x คือจ านวนใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 6. ถ้าจะขุดบ่อปลาบนพื้นราบ ให้ปากบ่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีด้านยาวด้านละ 4 เมตร และลึก 4 เมตร บ่อน้ าจะมีปริมาตรเท่าใด ก. ลูกบาศก์เมตร ข. ลูกบาศก์เมตร ค. ลูกบาศก์เมตร ง. ลูกบาศก์เมตร 7. ค่าของ ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 8. ค่าของ (- ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. (- ข. (- ค. (- ง. (- 9. ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง.
61 10. ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 11. ค่าของ (-64) ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 12. ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งมีมวลเป็น 9.5 1017 เท่าของอุกกาบาตลูกหนึ่ง ถ้า อุกกาบาตมีมวล 1.37 108 กิโลกรัม จงหาว่าดาวเคราะห์มีมวลเท่าใด ก. 1.3015 × 1024 กิโลกรัม ข. 1.3015 × 1025 กิโลกรัม ค. 1.3015 × 1026 กิโลกรัม ง. 1.3015 × 1027 กิโลกรัม 13. ค่าของ ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 14. ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง.
62 15. ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 16. ตรงกับตัวเลือกใด ก. 6 ข. 9 ค. 12 ง. 21 17. เมื่อ c 0 ในรูปเลขยกก าลังตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 18. น้ าตกปาโจเป็นน้ าตกที่สวย ปริมาณน้ าที่ไหลประมาณวันละ 2 1012 ลิตร สามารถรองรับน้ าได้มากกว่า 1013ลิตร จงหาว่าอ่างเก็บน้ าเหล่านี้ต้อง รองรับน้ าจากน้ าตกปาโจประมาณกี่วันจึงจะได้น้ า1013 ลิตร ก. 7 ข. 6 ค. 5 ง. 4
63 19. ตัวเลือกในข้อใดเป็นสมบัติของเลขยกก าลัง เมื่อ แทนจ านวนใด ๆ m และ n แทนจ านวนเต็มบวก ก. = ข. = ค. = ง. = 20. ค่าของ ในรูปเลขยกก าลังได้ตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 21. ค่าของ ในรูปเลขยกก าลังได้ตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง. 22. ค่าของ ตรงกับตัวเลือกใด ก. -3 ข. -1 ค. 1 ง. 3 23. ในรูปเลขยกก าลังได้ตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง.
64 24. ประมาณกันว่าในปี ค.ศ. 2060 โลกมีประชากรมากกว่า 10,000,000,000 คน ถ้าพื้น โลกส่วนที่อยู่อาศัยได้มีพื้นที่ประมาณ 16 108 ตารางกิโลเมตร จงหาความหนาแน่นของ ประชากรโลกโดยเฉลี่ยต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ก. 3.25 ข. 4.25 ค. 5.25 ง. 6.25 25. เขียน 40,000,000 ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้ตรงกับตัวเลือกใด ก. ข. ค. ง . 26. โลกมีรัศมียาวประมาณ 6,390,000 เมตร เขียนให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้ ตรงกับตัวเลือกใด ก. เมตร ข. เมตร ค. เมตร ง. เมตร 27. 7.359 เขียนแทนจ านวนใด ก. 7,359,000 ข. 7,359,000,000 ค. 7,359,000,000,000 ง. 7,359,000,000,000,000 28. 8.2 เขียนแทนจ านวนใด ก. 0.00000082 ข. 0.0000082 ค. 0.000082 ง. 0.00082 29. เส้นลวดในสายไฟชนิดหนึ่งมีหน้าตัดรูปวงกลมมีรัศมียาวประมาณ 0.0068 เมตร เขียนให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้ตรงกับตัวเลือกใด ก. 6.8 × 10-5 เมตร ข. 6.8 × 10-4 เมตร ค. 6.8 × 10-3 เมตร ง. 6.8 × 10-2 เมตร
65 30. นุชรีหนัก 60 กิโลกรัม จงหาว่าสมองของนุชรีหนักประมาณเท่าใด (โดยเฉลี่ยแล้วน้ าหนักสมองของคนเป็น 1.9 เท่าของน้ าหนักตัว) ก. 1.14 กิโลกรัม ข. 14.4 กิโลกรัม ค. 58.1 กิโลกรัม ง. 61.19 กิโลกรัม
66 ตารางที่ 7 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ ที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 -บอกความหมายของก าลังเลขยกก าลังได้ -เขียนจ านวนที่ก าหนดให้ใน -รูปเลขยกก าลังที่มีเลขชี้ก าลังเป็นจ านวน เต็มบวกได้ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 0 +1 +1 +1 4 0.80 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ หาผลคูณของเลขยกก าลังเมื่อเลขชี้ก าลังเป็น จ านวนเต็มได้ 12 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ หาผลหารของเลขยกก าลังเมื่อเลขชี้ก าลังเป็น จ านวนเต็มได้ 22 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 23 +1 +1 +1 0 +1 5 0.80 ใช้ได้
67 ตารางที่ 7 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ต่อ) จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อที่ คะแนนความเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 24 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 25 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 26 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 27 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 28 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 29 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 30 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 31 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ น าคุณสมบัติของเลขยกก าลังไปใช้ใน การค านวณและแก้ปัญหาได้ 32 +1 +1 +1 +1 0 5 0.80 ใช้ได้ 33 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 34 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 35 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 36 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 37 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 38 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ -เขียนจ านวนที่มีค่ามาก ๆ หรือมีค่าน้อย ๆให้ อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้ -หาจ านวนที่เท่ากับจ านวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ได้ -คูณหรือหารจ านวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ได้อย่างง่ายได้ -ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของค าตอบ 39 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 40 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 41 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 42 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 43 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 44 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 45 +1 +1 +1 0 +1 4 1.00 ใช้ได้
68 ตารางที่ 8 แสดงความยากง่าย (P) และค่าอ านาจจ าแนก (D) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ข้อที่ P ความหมาย D ความหมาย สรุป หมายเหตุ 1 0.75 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 1 2 0.94 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 3 0.56 ค่อนข้างง่าย 0.23 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 2 4 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 5 0.94 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 6 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 7 0.50 ง่ายพอเหมาะ 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 3 8 0.94 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 9 0.69 ง่าย 0.38 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 4 10 0.50 ง่ายพอเหมาะ 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 5 11 0.69 ง่าย 0.23 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 6 12 0.63 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 7 13 0.81 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 14 0.69 ง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 8 15 0.69 ง่าย 0.23 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 9 16 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 17 0.63 ง่าย 0.75 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่10 18 0.81 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 19 0.94 ง่ายมาก 0.13 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 20 0.75 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 11 21 0.75 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 12 22 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 23 0.44 ค่อนข้างยาก 0.88 อ านาจจ าแนกได้ดีมาก คัดเลือก ข้อที่ 13 24 0.69 ง่าย 0.38 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 14 25 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก
69 ตารางที่ 8 แสดงความยากง่าย (P) และค่าอ านาจจ าแนก (D) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ต่อ) ข้อที่ P ความหมาย D ความหมาย สรุป หมายเหตุ 26 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 27 0.63 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 15 28 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 29 0.69 ง่าย 0.38 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 16 30 0.56 ค่อนข้างง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 17 31 0.69 ง่าย 0.38 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 18 32 0.63 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 19 33 0.63 ง่าย 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 20 34 0.69 ง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 21 35 1.00 ง่ายมาก 0.00 อ านาจจ าแนกได้น้อยมาก คัดออก 36 0.63 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 22 37 0.63 ง่าย 0.75 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 23 38 0.56 ค่อนข้างง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 24 39 0.88 ง่ายมาก 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดออก 40 0.63 ง่าย 0.25 อ านาจจ าแนกได้น้อย คัดเลือก ข้อที่ 25 41 0.69 ง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 26 42 0.69 ง่าย 0.63 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 27 43 0.44 ค่อนข้างยาก 0.88 อ านาจจ าแนกได้ดีมาก คัดเลือก ข้อที่ 28 44 0.63 ง่าย 0.50 อ านาจจ าแนกได้ปานกลาง คัดเลือก ข้อที่ 29 45 0.63 ง่าย 0.75 อ านาจจ าแนกได้ดี คัดเลือก ข้อที่ 30 หมายเหตุ ข้อสอบที่คัดเลือกไว้ใช้ 0.20 p 0.80 และ 0 .20 D 1.00
70 70
71 71
72 72
73 นูรีมาน สือรี วิเคราะห์ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้วิธีของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน สูตร KR-20 (บุญชม ศรีสะอาด. 2554 : 104) ได้ดังนี้ = 5.43 = 672 = 15646 N = 30 K = 30 จากสูตร NN 1 N X X S 2 2 2 2 2 30(29) 30(15646)-(672) S 870 469380 - 451584 S 2 870 17796 S 2 = 20.45 จากสูตร ดังนั้น ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 0.76
74 นูรีมาน สือรี ภาคผนวก ง การหาประสิทธิภาพของแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
75 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 10 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ชุดที่ 1 เรื่องความหมายของเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ ที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 -บอกความหมายของก าลังเลขยกก าลังได้ -เขียนจ านวนที่ก าหนดให้ใน -รูปเลขยกก าลังที่มีเลขชี้ก าลังเป็นจ านวน เต็มบวกได้ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้
76 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 11 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ชุดที่ 2 เรื่องการคูณของเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อ ที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 หาผลคูณของเลขยกก าลังเมื่อเลขชี้ก าลังเป็น จ านวนเต็มได้ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้
77 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 12 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ชุดที่ 3 เรื่องการหารของเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 หาผลหารของเลขยกก าลังเมื่อเลขชี้ก าลังเป็น จ านวนเต็มได้ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้
78 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 13 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ชุดที่ 4 เรื่องสมบัติของเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 น าคุณสมบัติของเลขยกก าลังไปใช้ใน การค านวณและแก้ปัญหาได้ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้
79 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 14 ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ของแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ชุดที่ 5 เรื่องการน าไปใช้ ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ ข้อที่ คะแนนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ IOC หมายเหตุ 1 2 3 4 5 -เขียนจ านวนที่มีค่ามาก ๆ หรือมีค่าน้อย ๆให้ อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้ -หาจ านวนที่เท่ากับจ านวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ได้ -คูณหรือหารจ านวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์ วิทยาศาสตร์ได้อย่างง่ายได้ -ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของค าตอบ 1 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 +1 +1 5 1.00 ใช้ได้
80 นูรีมาน สือรี ภาคผนวก จ การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ
81 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 15 แสดงผลการประเมินความเหมาะสมของแบบฝึกทักษะ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยผู้เชี่ยวชาญ รายการ ระดับความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญคนที่ s ระดับความ เหมาะสม 1 2 3 4 5 1. เนื้อหา 1.1 นวัตกรรมมีความสอดคล้องกับ จุดประสงค์และเนื้อหา 5 5 4 5 5 4.80 0.45 มากที่สุด 1.2 เนื้อหาครอบคลุมหลักสูตร 5 4 4 5 5 4.60 0.55 มากที่สุด 1.3 การน าเสนอเนื้อหาเรียงล าดับจาก ง่ายไปยาก 4 5 5 4 4 4.40 0.55 มาก 1.4 เนื้อหามีความเหมาะสมกับผู้เรียน 5 4 5 4 4 4.40 0.55 มาก 2. ภาษา สัญลักษณ์ และการคิดค านวณ 2.1 ภาษาที่ใช้สื่อความได้ชัดเจน 4 5 4 5 4 4.40 0.55 มาก 2.2 ใช้สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ ถูกต้องเหมาะสม 5 4 5 4 5 4.60 0.55 มากที่สุด 2.3 แสดงวิธีท าตามล าดับขั้นตอนได้ ชัดเจน 4 4 5 4 4 4.20 0.45 มาก 2.4 การคิดค านวณ 4 5 4 4 4 4.20 0.45 มาก 3. การพิมพ์ 3.1 ตัวอักษรชัดเจน 4 5 4 5 5 4.60 0.55 มากที่สุด 3.2 เว้นวรรคตอนได้ถูกต้อง 5 4 4 4 5 4.40 0.55 มาก 3.3 รูปเล่มและขนาดพอเหมาะต่อ การน าไปใช้ 5 4 5 5 4 4.60 0.55 มากที่สุด รวม 4.47 0.52 มาก
82 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 16 แสดงผลประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อน ามาใช้กับกลุ่มทดลองรายบุคคล นักเรียน ล าดับที่ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 คะแนน รวม คะแนนสอบ สอบก่อน เรียน คะแนนสอบ หลังเรียน 10 10 10 10 10 50 30 30 1 8 7 7 7 7 36 15 21 2 6 7 7 7 8 35 12 19 3 6 7 6 6 7 32 14 20 รวม 103 41 60 เฉลี่ย 34.33 13.67 20 ร้อยละ 68.67 45.56 66.67 ประสิทธิภาพของกระบวนการ E1 ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 เกณฑ์มาตรฐาน 80 80 ผลการวิเคราะห์ 68.67 66.67 การแปลผล ต่ ากว่าเกณฑ์ ต่ ากว่าเกณฑ์
83 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 17 แสดงผลประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อน ามาใช้กับกลุ่มทดลองขนาดเล็ก นักเรียน ล าดับที่ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 คะแนน รวม คะแนนสอบ สอบก่อน เรียน คะแนนสอบ หลังเรียน 10 10 10 10 10 50 30 30 1 9 8 8 8 7 40 15 25 2 8 8 7 7 7 37 14 23 3 9 8 7 8 7 39 14 22 4 8 9 8 7 7 39 16 23 5 8 8 7 8 7 38 13 24 6 9 8 7 7 7 38 11 21 7 8 9 8 7 8 40 13 19 8 8 9 7 8 6 38 12 25 9 7 8 7 7 6 35 14 23 รวม 344 122 205 เฉลี่ย 38.22 13.56 22.78 ร้อยละ 76.44 45.19 75.93 ประสิทธิภาพของกระบวนการ E1 ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 เกณฑ์มาตรฐาน 80 80 ผลการวิเคราะห์ 76.44 75.93 การแปลผล ต่ ากว่าเกณฑ์ ต่ ากว่าเกณฑ์
84 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 18 แสดงผลประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อน ามาใช้กับกลุ่มทดลองภาคสนาม นักเรียน ล าดับที่ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 คะแนน รวม คะแนนสอบ สอบก่อน เรียน คะแนนสอบ หลังเรียน 10 10 10 10 10 50 30 30 1 8 9 9 8 6 40 11 23 2 8 9 8 8 9 42 13 26 3 9 8 9 8 8 42 14 25 4 9 8 8 9 8 42 13 25 5 9 8 7 8 7 39 14 24 6 9 8 8 7 8 40 13 24 7 9 7 8 6 8 38 10 19 8 9 8 7 7 8 39 14 25 9 8 8 8 8 7 39 13 24 10 9 9 8 9 8 43 13 25 11 9 8 8 8 9 42 12 26 12 9 9 8 9 7 42 13 25 13 9 8 8 8 7 40 14 21 14 9 8 8 8 7 40 13 21 15 8 9 8 8 9 42 11 20 16 8 8 9 8 8 41 13 25 17 8 8 8 9 8 41 15 26 18 9 8 8 8 7 40 14 25 19 8 8 8 7 8 39 13 23 20 9 8 8 8 7 40 15 26 21 8 9 8 9 8 42 13 25 22 9 8 9 8 7 41 15 27
85 นูรีมาน สือรี ตารางที่ 18 แสดงผลประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องเลขยกก าลัง ส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อน ามาใช้กับกลุ่มทดลองภาคสนาม (ต่อ) ประสิทธิภาพของกระบวนการ E1 ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 เกณฑ์มาตรฐาน 80 80 ผลการวิเคราะห์ 80.84 80.11 การแปลผล สูงกว่าเกณฑ์ สูงกว่าเกณฑ์ นักเรียน ล าดับที่ ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 คะแนน รวม คะแนนสอบ สอบก่อน เรียน คะแนนสอบ หลังเรียน 10 10 10 10 10 50 30 30 23 9 9 8 8 8 42 13 24 24 9 8 8 7 8 40 12 25 25 8 8 7 8 8 39 11 22 26 9 8 8 8 7 40 15 24 27 9 8 7 8 7 39 14 23 28 8 8 8 8 7 39 13 26 29 8 8 7 8 8 39 12 21 30 9 8 7 8 7 39 13 22 31 9 8 8 8 9 42 14 28 รวม 1253 406 745 เฉลี่ย 40.42 13.10 24.03 ร้อยละ 80.84 43.66 80.11
86 นูรีมาน สือรี ภาคผนวก ฉ การหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้