The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Academic Administration, 2019-12-11 11:10:42

pae2562

pae2562

ห น้ า | 48

แนวข้อสอบวิชาภาษาไทย ระดบั ชนั้ ม. 4

1. ตามธรรมชาตขิ องภาษา ข้อใดไมใ่ ช่ลกั ษณะทวั่ ไปของภาษา

1. ครปู ระจาช้ันกวกั มอื เรยี กเด็กนักเรยี นไปเข้าแถวท่สี นาม

2. คาว่า “บตั รเติมเงิน” เป็นคาประสมทีใ่ ชใ้ นภาษาไทยไม่นานนัก

3. คณุ วมิ ลเลา่ วา่ ลกู สาวอายุ 2 ขวบพดู เก่งขึน้ ใชป้ ระโยคได้ยาวกว่าเมือ่ ก่อนมาก

4. เดก็ ชายทองออกเสียงคาภาษาองั กฤษท่ีมีเสยี งตัว s สะกดไมไ่ ด้ เพราะเสยี งสะกดน้ีไม่มีในภาษาไทย

2. ข้อใดใช้อวัจนภาษา

1. นาวาเอียงเสยี งกุกลกุ ข้นึ ร้อง มันดาลอ่ งนา้ ไปช่างไวเหลอื

2. ตล่งิ เบ้อื งบูรพาศาลาลาน เรอื ขนานจอดโจษกนั จอแจ

3. ถึงวัดแจง้ แสงจันทร์จารสั เรือง แลชาเลอื งเหลียวหลังหลัง่ นา้ ตา

4. พี่เร่งเตือนเพ่อื นชายพายกระโชก ถึงสามโคกต้องแดดย่งิ แผดแสง

ใชค้ าประพนั ธน์ ้ีตอบคาถาม ข้อ 3–7

ก. โบราณวา่ เปน็ ขา้ จอมกษัตรยิ ์ ข. ราชสวสั ดิต์ อ้ งเพียรเรยี นรกั ษา

ค. ทา่ นกาหนดจดไวใ้ นตารา ง. มมี าแต่โบราณช้านานพลัน

3. ข้อใดมีเสยี งสระประสม

1. ขอ้ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง

4. ขอ้ ใดมีอักษรควบ

1. ข้อ ก 2. ข้อ ข 3. ข้อ ค 4. ข้อ ง

5. ขอ้ ใดมเี สยี งวรรณยกุ ต์ครบ 5 เสยี ง

1. ขอ้ ก 2. ข้อ ข 3. ขอ้ ค 4. ข้อ ง

6. ข้อใดมอี กั ษรต่านอ้ ยท่สี ดุ (ไม่นับเสียงทซ่ี า้ กนั )

1. ขอ้ ก 2. ข้อ ข 3. ขอ้ ค 4. ข้อ ง

7. ข้อใดมีอักษรนา

1. ข้อ ก และ ข 2. ข้อ ข และ ค 3. ข้อ ค และ ง 4. ขอ้ ง และ ก

8. คาในขอ้ ใดอา่ นออกเสียงจานวนพยางคเ์ ท่ากบั คา “พนั ธกรณ”ี

1. เทวนาครี นมิ มานรดี สัตบริภัณฑ์ 2. บดีวรดา นิคหกรรม จตุรพิธพร

3. ทาสปญั ญา นกั ษตั รบดี ปัจจัยนาค 4. ฉกามาพจร ญาณวทิ ยา สุวรรณภูมิ

9. ข้อใดมคี าสะกดผิด

1. แมค่ รัวซ้ือปลากะพงมาทอดนา้ ปลา 2. ดอกอตุ พดิ เวลาบานจะสง่ กลน่ิ เหม็น

3. สมเสรจ็ เป็นสตั ว์ปา่ หายากในปัจจบุ นั 4. ชาวตา่ งประเทศบางคนชอบเล้ียงแมวสสี วาท

10. ข้อใดมคี าสะกดผิด

1. เขากินมังสวริ ตั ิทุกวนั พธุ มาสามปีแลว้ 2. ที่ปากทางเข้าหมบู่ ้านมยี ามรักษาการอยู่

3. คนที่ซ้ือทองรูปพรรณตอ้ งจ่ายเงินค่ากาเหน็จด้วย 4. เพ่ือนเห็นเขาน่ังหลบั จงึ ถามว่าเข้าฌานถึงข้ัน

ไหนแลว้

11. คาทุกคาในข้อใดใชไ้ ดท้ ัง้ ความหมายตามตวั และความหมายเชิงอุปมา

1. ตกเบด็ ปลดแอก ยกยอ 2. เดนิ เรอื่ ง ตปี ีก ขน้ึ ใจ

3. ลอยแพ รูดซิป แข็งใจ 4. ล้วงกระเปา๋ ออกโรง ตาฝาด

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 49

12. คาทกุ คาในขอ้ ใดใช้ไดท้ งั้ ความหมายตามตวั และความหมายเชิงอุปมา

1. ปีนเกลยี ว ปดิ ฉาก ถกู ขา 2. ปดิ ตา ฝากไข้ เปล่ยี นมือ

3. วางใจ เปา่ ป่ี แกเ้ คล็ด 4. ปน่ั หัว กนิ ตะเกียบ ลงคอ

13. ข้อใดใช้คาถกู ต้อง

1. เธอไดร้ ับคาชมวา่ ทางานเกง่ มากจนใคร ๆ ยกมือให้

2. การแสดงดนตรีกว่าจะยกเลกิ ก็เกอื บสองท่มุ

3. ผมู้ ีรายไดต้ า่ ได้รบั ยกเว้นไม่ต้องเสยี ภาษีเงนิ ได้

4. ผู้ตอ้ งขงั ทีม่ คี วามประพฤติดีจะได้รับการยกโทษลงครึง่ หนง่ึ

14. ข้อใดใชค้ าฟมุ่ เฟือย

1. ทหารในขบวนสวนสนามเดินอกผายไหล่ผงึ่

2. คณุ ยายขอใหฉ้ ันกบั ญาติที่บกุ รกุ ทีด่ นิ เลกิ แลว้ ตอ่ กัน

3. ฉันตอ้ งทนฟงั เขาชี้แจงเหตผุ ลแมจ้ ะไม่มีสว่ นได้สว่ นเสยี

4. พ่อแม่ชื่นชมปตี ยิ ินดที ีล่ กู สาวสาเรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาเอก

15. ข้อความตอ่ ไปน้มี คี าสันธานและคาบุพบทกีค่ า (นบั คาซ้า)

“น้าเป็นองค์ประกอบสาคัญตอ่ ร่างกายของมนุษยแ์ ละทาใหเ้ ราสามารถดาเนินชวี ิตอยู่ได้ ถ้าร่างกายขาดนา้

เราจะไมส่ ามารถดารงชวี ิตอยู่ได้เลย”

1. สนั ธาน 2 คา บพุ บท 1 คา 2. สนั ธาน 2 คา บุพบท 2 คา

3. สันธาน 1 คา บุพบท 2 คา 4. สนั ธาน 1 คา บุพบท 1 คา

16. ข้อใดใช้ลักษณนามไม่ถกู ตอ้ ง

1. เขาสามารถปฏิบตั ิตามเง่ือนไขของหนว่ ยงานไดค้ รบทุกข้อ

2. นกั วิชาการเสนอข้อคดิ เหน็ ไวใ้ นบทสรุปของรายงานหลายประการ

3. รฐั บาลมปี ัญหาเร่งดว่ นทีต่ ้องรบี แกไ้ ขหลายเรื่อง

4. คณะกรรมการกาลงั พจิ ารณาคาขวัญท่สี ่งเข้าประกวด 50 บท

17. ขอ้ ความตอ่ ไปนีม้ คี านามและคากรยิ าหลักอย่างละกี่คา (ไมน่ ับคาซ้า)

“กิจกรรมนั้นเป็นของดีแต่สถาบันอุดมศึกษาไม่ได้ต้ังข้ึนสาหรับรับนักศึกษาเพื่อทากิจกรรม กิจกรรมมีไว้

ให้นกั ศึกษาใชเ้ วลาวา่ งทาประโยชน์และเปลยี่ นบรรยากาศ”

1. คานาม 7 คา คากริยา 8 คา 2. คานาม 6 คา คากรยิ า 8 คา

3. คานาม 7 คา คากรยิ า 7 คา 4. คานาม 6 คา คากริยา 6 คา

18. ขอ้ ความต่อไปนีส้ ่วนใดใชภ้ าษาตา่ งระดบั กบั ส่วนอื่น

1) สัตว์หลายชนิดมีประสาทสัมผัสพิเศษท่ีสามารถรับรู้ภัยธรรมชาติล่วงหน้าได้/2) ฝูงมดที่กรูเกรียวกัน

ขนึ้ มาจากพน้ื ดินบอกใหเ้ รารู้วา่ ฝนจะตกหนักในไม่ช้านี้/ 3) ถ้าฝูงแมลงสาบพากนั ไต่ออกมาจากที่ซ่อนว่ิงพล่าน

ไปทุกทศิ ทกุ ทาง/ 4) เปน็ สญั ญาณว่าจะมพี ายุและฝนฟา้ คะนองตามมาแน่ ๆ

1. ส่วนที่ 1 2. สว่ นที่ 2 3. สว่ นที่ 3 4. สว่ นที่ 4

19. ข้อใดไม่ใช่ความร้สู ึกของผู้พูดขอ้ ความต่อไปนี้

“พอมปี ระสบการณ์ตกงานบอ่ ยเข้า ท้ัง ๆ ท่เี รียนจบปริญญาเอก เรากเ็ รมิ่ เข้าใจชีวติ แล้ววา่

คนเราไมค่ วรยึดตดิ กบั วฒุ ิการศกึ ษา จากเดิมทีเ่ คยลาพองกไ็ มเ่ หลือแล้ว คดิ เพียงวา่ ทางานอะไรก็ได้

ทไ่ี มผ่ ิดกฎหมายไดเ้ งินมาประทงั ชีวิต”

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสู่ความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 50

1. เคียดแค้น 2. ขมขืน่ 3. ปลงตก 4. ผดิ หวัง

20. วินัยฟังรายการวิทยุ มีข้อความตอนหนึ่งว่า "ตลอดชีวิตท่ีผ่านมาเราจะรู้สึกว่าเรายังมีไม่พอต้องมีนั่นมีนี่

เสียก่อนแล้วเราจะอ่ิมจะเต็มส่ิงหน่ึงท่ีเราไม่เคยได้รับการสอนก็คือ ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถในการหา

เงินทอง หาของ หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้าในแก้วไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากในใจเราไม่เคย

หยุด" หลังจากฟังแล้ว เขาบอกกับตนเองว่า ผู้พูดต้องการให้คนเราลดความตอ้ งการของตัวเองลงเพื่อความสุข

ในชวี ิต จาก

สถานการณใ์ นข้อความข้างต้นแสดงว่าวินัยมีสมั ฤทธิผลในการฟงั ระดับใด

1. เข้าใจจดุ ประสงคข์ องผู้พูด 2. รับรูข้ อ้ ความได้ครบถ้วน

3. บอกไดว้ า่ สิ่งท่ฟี ังนา่ เชื่อถือ 4. ประเมนิ ไดว้ า่ สงิ่ ท่ฟี ังมปี ระโยชน์

21. จากขอ้ ความตอ่ ไปนเ้ี รื่องใดสาคัญทส่ี ุด

“การศึกษาระดับมหาวทิ ยาลยั นน้ั ผู้เรยี นจะต้องใช้ทกั ษะทางภาษาอยูเ่ สมอนักศกึ ษาต้องฟังคาบรรยาย

ถ้ามีทักษะการฟังดีก็จะกลั่นกรองความรู้ได้ดี สามารถจดบันทึกสาระความรู้ท่ีได้ฟังพร้อมแสดงความ

คิดเห็นได”้

1. การจดบันทึก 2. การฟังให้เป็น 3. การกล่ันกรองความรู้ 4. การแสดงความ

คิดเห็น

22. ขอ้ ใดเปน็ การบรรยาย

1. จังหวัดกาญจนบุรีเชญิ ชวนให้ไปชมงาน"เมอื งประวตั ศิ าสตร์ ธรรมชาติอศั จรรย์ สวรรค์นกั ผจญภยั "

2. พลพายตา่ งโล้ตวั อย่างสะพรึบพรอ้ ม เร้าเร่งใหเ้ รอื พ่งุ โลดไปในสายนา้ อนั เช่ียวกราก

3. ประชาชนปล่อยใจให้ไหลเลื่อนไปกับกระแสน้า ความปราดเปรียวของเรือระดับพระกาฬ และเสียง

พากยอ์ นั เรา้ ระทึก

4. สายฝนกระหน่าหนาวจนเจ็บหน้า แต่ไม่สามารถสยบเสียงเฮท่ีเป็นจังหวะของคนดู ผสานกับเสียงฮุย

เสยี งจว้ งของพลพาย

23. ข้อความต่อไปน้ีเหมาะจะเปน็ ส่วนใดของเรยี งความเรื่อง "อุดมการณข์ องชาวจีนในเมืองไทย"

“ในบรรดากลุ่มชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองไทยดังกล่าว ชาวจีนแต้จ๋ิวนับเป็นกลุ่มที่มีจานวน

มากที่สดุ รองลงมาเปน็ ชาวจีนฮกเกีย้ น รองลงมาอีกคือชาวจีนไหหลาและชาวจีนกวางตุ้ง ส่วนชาวจนี แคะน้นั มี

จานวนน้อยสดุ ”

1. สว่ นนาเร่ือง 2. ประเดน็ สาคญั ของเรอื่ ง 3. สว่ นขยายความ 4. สว่ นสรปุ เรื่อง

24. ข้อความสว่ นใดในจดหมายกจิ ธุระตอ่ ไปนี้ไม่จาเป็นตอ้ งกลา่ วถึง

1) ด้วยชมรมวิทยาศาสตร์จะจัดการแข่งขันโต้วาทีระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเน่ืองในงานสัปดาห์

วิทยาศาสตร์ ระหวา่ งวันที่ 20 - 22 สงิ หาคม 2551 / 2) ซึง่ การแข่งขัน จาเปน็ ตอ้ งมีคณะกรรมการการตัดสิน

เพื่อหาผชู้ นะ /3) ในการนจ้ี ึงขอเรียนเชิญท่านเป็นคณะกรรมการตัดสินโตว้ าทีรอบชิงชนะเลิศ / 4) ในวนั พุธที่

22 สิงหาคม 2551 เวลา 13.00 - 14.00 น. ณ ห้องประชุม

1. ส่วนที่1 2. ส่วนท่ี2 3. สว่ นท่3ี 4. ส่วนท่ี4

25. ข้อใดไม่ไดก้ ล่าวถึงอาวุธในการต่อสู้

1. พวกพลพาชตี ีกระทบ ราทวนสวนประจบโถมแทง

2. นายกองแกว่งดาบวาบวบั ตา่ งขับพลว่ิงเขา้ ชงิ ชัย

3. โรมรุกบกุ ไปแตล่ าพัง ไลห่ ลังพวกพลเข้ารณรงค์

4. บ้างเป่าชดุ จุดยงิ ปนื ใหญ่ ฉัตรชัยมณฑกนกสบั

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสูค่ วามเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 51

เฉลย 1. (2) 2. (3) 3. (2) 4. (4) 5. (2) 6. (1) 7. (2) 8. (1) 9. (4) 10. (2)
11. (1) 12. (1) 13. (3) 14. (4) 15. (2) 16. (4) 17. (3) 18. (1) 19. (1) 20. (1)
21. (2) 22. (1) 23. (3) 24. (2) 25. (3)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แนวข้อสอบรายวิชาประวัตวิ รรณคดี 1 – 2

1. ข้อใดหมายถึงวรรณคดีเร่อื งลลิ ติ โองการแชง่ น้า

1. มคี ุณคา่ ต่อระบอบการปกครองแบบราชาธปิ ไตย

2. แตง่ ขนึ้ ตามพระราชประสงคข์ องสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ

3. ใชค้ าประพันธ์หลายชนดิ เป็นแบบอย่างได้

4. มลี ักษณะคลา้ ยมหากาพย์ สรรเสรญิ วีรบุรษุ

2. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ ลักษณะของวรรณคดีสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนต้น ไม่ถูกต้อง

1. มเี นอ้ื หาปลกุ ใจใหร้ ักชาติบ้านเมือง

2. เนน้ ใหม้ คี วามจงรักภกั ดีตอ่ พระมหากษัตรยิ ์

3. สามารถระบผุ ้แู ต่งและสมยั ท่แี ต่งชัดเจน

4. มงุ่ อบรมจติ ใจและสั่งสอนให้ยดึ มั่นในศาสนา

3. วรรณคดีเรื่องใดผู้แต่งถือหลักว่ามนุษย์มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง อยู่เป็นวิสัยของปุถุชนท่ัวไป

และแสดงความเชื่อเร่อื งกฎแหง่ กรรม

1. ลลิ ติ ยวนพ่าย 2. ลลิ ติ พระลอ 3. โคลงกาสรวล 4. โคลงนริ าศหริภญุ ชัย

4. วรรณคดีเรื่องเสอื โคคาฉนั ทใ์ ห้คตสิ อนใจดา้ นใดเป็นสาคัญ

1. ความรักระหวา่ งแมก่ บั ลูก 2. ความโลภ

3. ความซอ่ื สัตยต์ ่อคามน่ั สัญญา 4. ความเสียสละ

5. โคลงเรอ่ื งใดแตง่ เพอื่ แสดงพระราชจริยวตั รของพระมหากษัตริย์และหลกั ทศพธิ ราชธรรม

1. โคลงทศรถสอนพระราม 2. โคลงราชสวสั ดิ์

3. โคลงทวาทศมาส 4. โคลงพาลีสอนน้อง

6. บทละครนอกเรื่องใดเปน็ ยอดแห่งละครนอกใหข้ ้อคิดเรอื่ งโทษของความหลงเพราะกเิ ลสตณั หา

1. สังข์ทอง 2. มณีพิชัย 3. คาวี 4. ไชยเชษฐ์

7. ข้อใด ไม่ถูกตอ้ ง เกีย่ วกบั ผลงานของพระสนุ ทรโวหาร (ภ)ู่

1. เสภาพระราชพงศาวดาร แต่งสมัยรัชกาลท่ี 4 เพอ่ื ใช้เล่นมโหรหี ลวง

2. เพลงยาวถวายโอวาท แตง่ ถวายเจ้าฟ้ากลางและเจา้ ฟ้าปว๋ิ

3. นิราศสพุ รรณ เป็นนริ าศเรอื่ งสดุ ท้าย

4. นทิ านคากลอนเรือ่ งแรก คอื โคบุตร

8. วรรณคดเี ร่ืองใดทน่ี าวรรณคดีในสมยั กรุงธนบรุ ี มาปรบั ปรงุ แก้ไขข้นึ ใหม่

1. ลิลิตตะเลงพ่าย 2. สรรพสิทธคิ์ าฉนั ท์

3. สมทุ รโฆษคาฉนั ท์ 4. กฤษณาสอนน้องคาฉนั ท์

9. กวีทา่ นใดนาเร่ืองสามัญชนมาเขยี น โดยใช้คาราชาศัพทเ์ หมอื นกษตั รยิ ์

1. คุณพุ่ม 2. คณุ สวุ รรณ

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสคู่ วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 52

3. พระมหามนตรี (ทรัพย์) 4. หมืน่ พรหมสมพัตสร (นายมี)
10. วรรณคดเี ร่อื งใดมีลกั ษณะการแตง่ แตกต่างจากขอ้ อ่ืน
2. อุณรุทร้อยเรือ่ ง
1. มณีพชิ ัย 4. อภยั นุราช
3. พระอภยั มณี

เฉลย 1. (1) 2. (3) 3. (2) 4. (3) 5. (1) 6. (3) 7. (3) 8. (4) 9. (3) 10. (3)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แนวขอ้ สอบรายวิชาหลักภาษาไทย – การเขยี น

1. ขอ้ ใดประสมสระหลงั

1. ตะโพน 2. ฆ้องวง 3. จะเข้ 4. ระนาด

2. คาบาลใี นข้อใด ไม่ มกี ารตัดตวั สะกดออกไป

1. รฐั 2. ยุติ 3. มิติ 4. กปั

3. ข้อใดเป็นคาลงอปุ สรรค (เติมหนว่ ยเสียงหนา้ ศัพท)์ แบบเขมร

1. บารงุ 2. บาเพญ็ 3. บาราศ 4. บาเรอ

4. ขอ้ ใดเป็นรูปประโยคกรรตุ (เนน้ ประธาน)

1. ปรากฏเหตกุ ารณ์ประหลาดขน้ึ บริเวณสแ่ี ยกนี้บอ่ ยๆ

2. โรงเรียนของเรามีเนอ้ื ทีร่ วมทั้งสิ้น 80 ไร่เศษ

3. หนังสือเล่มนเ้ี ขียนขึน้ เมื่อปี พ.ศ. 2493

4. ขา้ วในนาตอ้ งดาให้เสรจ็ ก่อนฤดฝู น

5. ข้อความต่อไปน้ีประกอบดว้ ยประโยคชนิดใด

“สุนทรภเู่ ปน็ สามญั ชนคนธรรมดาที่มพี รสวรรคแ์ ละความสามารถในการแตง่ กลอนทาใหไ้ ดเ้ ป็นกวสี าคัญ

คน หน่งึ ของชาตไิ ทย”

1. ความรวมแบบเหตผุ ลและความซ้อนคณุ านปุ ระโยค

2. ความรวมแบบขัดแยง้ และความซอ้ นวเิ ศษณานปุ ระโยค

3. ความรวมแบบคลอ้ ยตามและความซ้อนนามานปุ ระโยค

4. ความรวมแบบเลอื กเอาอย่างใดอย่างหน่ึงและความเดยี ว

6. คาใด มิได้ เขยี นผดิ จากการอิงแนวเทยี บผดิ

1. ผาสขุ 2. มัคทายก 3. เผลอเรอ 4. เบี้ยใบ้รายทาง

7. ข้อใดใชร้ าชาศพั ทผ์ ดิ

1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงโปรดการดนตรี โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ดนตรแี จ๊ส

2. สมเดจ็ พระสงั ฆราชประทานพระวโรกาสให้ประชาชนเข้าเฝ้าในวันคลา้ ยวนั ประสตู ิ

3. สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารเี สด็จฯ ไปทอดพระเนตรการแสดงดนตรไี ทย

ณ ศูนยว์ ฒั นธรรมแห่งประเทศไทย

4. ประชาชนไปร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิ

วัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมส่คู วามเปน็ เลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 53

8. ประโยคใดมีความหมายครบตามประโยคขนาดสนั้ ทีก่ าหนด

“สามารถเป็นวิศวกร, สามารถทางานทโ่ี รงงานน้,ี สามารถเปน็ เพ่ือนกบั พี่ชายฉัน”

1. สามารถเปน็ เพือ่ นกบั พชี่ ายฉันซ่งึ เป็นวศิ วกรที่ทางานโรงงานนี้

2. สามารถซึง่ เป็นวิศวกรที่ทางานโรงงานนี้เปน็ เพอื่ นกบั พี่ชายฉนั

3. สามารถซ่งึ ทางานโรงงานน้เี ปน็ เพ่ือนกบั วศิ วกรทเี่ ปน็ พี่ชายฉัน

4. สามารถซงึ่ เป็นเพือ่ นกับวศิ วกรท่ีทางานโรงงานนี้เปน็ พีช่ ายฉนั

9. คาใดแปลความหมายว่า “หว่ งหนา้ ห่วงหลงั ”

1. พะรุงพะรงั 2. พะว้าพะวงั

3. พะวักพะวน 4. พะอืดพะอม

เฉลย 1. (2) 2. (3) 3. (2) 4. (2) 5. (1) 6. (4) 7. (1) 8. (2) 9. (2)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสูค่ วามเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 54

กลุ่มสาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเป็นเลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 55

กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียน
ทุกแผนการเรียนโดยแยกเป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐานตามการเปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวัด
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) ทีก่ าหนดให้เปน็ รายวิชาพืน้ ฐานมี 4 สาระดังน้ี

สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ดาเนินการจัดหลักสูตรสอดคล้องกับสาระที่ 1 สาระที่ 2
และสาระท่ี 3 เป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ส่วนสาระที่ 4 เทคโนโลยี เป็นสาระท่ีสอดคล้อง เช่ือมโยงกับมาตรฐาน
การเรียนรู้ และตัวช้ีวัดสาระท่ี 2 การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร ซึ่งเป็นสาระพ้ืนฐานของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี จึงได้ประสานงาน
กับกลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยเี พ่ือบรู ณาการหลักสูตร ในรายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ
สาหรับสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม คือ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ สาระโลก ดาราศาสตร์
และอวกาศ เป็นการจัดตามผลการเรียนรู้ ซ่ึงจัดตามความพร้อม จุดเน้น และความถนัดของนักเรียน
และสถานศกึ ษา โรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษาจึงจัดทาหลักสูตร ใหม้ คี วามยดื หยุน่ ระหวา่ งชน้ั ปี
โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. หลกั สูตรสาหรบั นักเรยี นกลุ่มสาระการเรียนรทู้ เี่ น้น วทิ ย์-คณติ แยกตามระดบั ชนั้ ดังนี้

1.1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4

1.1.1 สาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐาน

ภาคเรยี นท่ี 1 รายวชิ าทเี่ รยี น ว31101 วิทยาศาสตร์ 1 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกติ

ภาคเรียนท่ี 2 รายวชิ าทเี่ รียน ว31102 วิทยาศาสตร์ 2 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หน่วยกติ

1.1.2 สาระการเรียนรูเ้ พ่มิ เติม

ภาคเรียนที่ 1 รายวิชาที่เรยี น ว30201 ฟิสิกส์ 1 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกติ

ว30221 เคมี 1 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1.5 หน่วยกติ

ว30241 ชีววทิ ยา 1 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกิต

นกั เรยี นความสามารถพิเศษด้านวทิ ยาศาสตรเ์ รยี นเพ่มิ เติมตามความสนใจ คือ

นักเรียนที่สนใจด้านสาขาฟิสิกส์ ลงทะเบยี นเรยี น

วิชาพฒั นาศักยภาพทางฟสิ ิกส์ 1 (ว30216) จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

นกั เรียนที่สนใจด้านสาขาเคมี ลงทะเบยี นเรยี น จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ
วิชาพัฒนาศักยภาพทางเคมี 1 (ว30236)

นกั เรยี นท่ีสนใจดา้ นสาขาชีววทิ ยา ลงทะเบียนเรียน

วิชาพฒั นาศกั ยภาพทางชวี วิทยา 1 (ว30256) จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกติ

นักเรียนทสี่ นใจด้านโครงงานวิทยาศาสตร์ ลงทะเบยี นเรยี น

วชิ าพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 1 (ว30294) จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกิต

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 56

ภาคเรยี นที่ 2 รายวชิ าที่เรยี น ว30202 ฟิสิกส์ 2 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1.5 หน่วยกติ

ว30222 เคมี 2 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ

ว30242 ชวี วทิ ยา 2 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ

นกั เรียนความสามารถพิเศษดา้ นวิทยาศาสตร์เรยี นเพิ่มเติมตามความสนใจ คือ
นักเรยี นที่สนใจด้านสาขาฟิสกิ ส์ ลงทะเบียนเรยี น

วิชาพฒั นาศกั ยภาพทางฟสิ กิ ส์ 2 (ว30217) จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกิต

นักเรยี นทส่ี นใจดา้ นสาขาเคมี ลงทะเบียนเรียน

วิชาพฒั นาศักยภาพทางเคมี 2 (ว30237) จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

นักเรียนที่สนใจดา้ นสาขาชีววทิ ยา ลงทะเบียนเรียน

วชิ าพฒั นาศักยภาพทางชวี วทิ ยา 2 (ว30257) จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

นกั เรยี นทสี่ นใจดา้ นโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ลงทะเบยี นเรยี น

วชิ าพัฒนาศักยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 2 (ว30295) จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หน่วยกติ

1.2 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5

1.2.1 สาระการเรียนรพู้ ้นื ฐาน

ภาคเรียนที่ 1 รายวชิ าทเ่ี รียน ว32101 วทิ ยาศาสตร์ 3 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกติ

ภาคเรยี นที่ 2 รายวชิ าทีเ่ รยี น ว32102 วทิ ยาศาสตร์ 4 จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ

1.2.2 สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม

ภาคเรยี นท่ี 1 รายวิชาทีเ่ รยี น ว30203 ฟสิ ิกส์ 3 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 2 หน่วยกติ

ว30223 เคมี 3 จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ

ว30243 ชวี วทิ ยา 3 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

ว30281 พ้ืนฐานเมแคนิกสแ์ ละหนุ่ ยนต์ จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกิต

เฉพาะนกั เรียนกลุ่มวิทย์-คณิต(ประยุกต์) 1 ห้อง

นกั เรียนความสามารถพิเศษด้านวทิ ยาศาสตร์เรียนเพ่ิมเติมตามความสนใจ คือ
นกั เรยี นทสี่ นใจดา้ นสาขาฟิสิกส์ ลงทะเบยี นเรยี น

วชิ าพฒั นาศกั ยภาพทางฟิสกิ ส์ 3 (ว30218) จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกติ

นกั เรยี นทส่ี นใจดา้ นสาขาเคมี ลงทะเบียนเรยี น จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกิต
วิชาพัฒนาศกั ยภาพทางเคมี 3 (ว30238)
นักเรียนท่ีสนใจดา้ นสาขาชวี วทิ ยา ลงทะเบยี นเรียน

วิชาพัฒนาศักยภาพทางชวี วิทยา 3 (ว30258) จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกิต

นักเรียนที่สนใจด้านโครงงานวิทยาศาสตร์ ลงทะเบยี นเรยี น

วชิ าพฒั นาศกั ยภาพทางโครงงานวิทยาศาสตร์ 3 (ว30296) จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกิต

ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ าที่เรียน ว30204 ฟสิ ิกส์ 4 จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1.5 หน่วยกติ

ว30224 เคมี 4 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกิต

ว30244 ชวี วทิ ยา 4 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1.5 หน่วยกิต

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 57

นักเรยี นความสามารถพิเศษด้านวทิ ยาศาสตรเ์ รยี นเพ่ิมเติมตามความสนใจ คือ

นักเรียนท่ีสนใจด้านสาขาฟิสกิ ส์ ลงทะเบียนเรยี น จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต
วชิ าพัฒนาศักยภาพทางฟสิ กิ ส์ 4 (ว30219)
นักเรียนท่สี นใจด้านสาขาเคมี ลงทะเบียนเรียน

วิชาพฒั นาศักยภาพทางเคมี 4 (ว30239) จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หน่วยกิต
นักเรยี นที่สนใจด้านสาขาชีววทิ ยา ลงทะเบยี นเรยี น จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หน่วยกิต
วิชาพฒั นาศกั ยภาพทางชีววทิ ยา 4 (ว30259)

นกั เรียนที่สนใจดา้ นโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ลงทะเบยี นเรยี น
วิชาพฒั นาศกั ยภาพทางโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 4 (ว30297) จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ
1.3 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6

1.3.1 สาระการเรยี นรพู้ ้ืนฐาน

ภาคเรียนที่ 1 รายวิชาที่เรยี น ว33101 วทิ ยาศาสตร์ 5 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 1 หน่วยกติ

ภาคเรยี นที่ 2 รายวิชาทเ่ี รียน ว33102 วิทยาศาสตร์ 6 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกิต

1.3.2 สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ

ภาคเรยี นที่ 1 รายวชิ าทเ่ี รยี น ว30205 ฟสิ ิกส์ 5 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 2 หนว่ ยกติ

ว30225 เคมี 5 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1.5 หน่วยกิต

ว30245 ชวี วทิ ยา 5 จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1.5 หน่วยกติ

ภาคเรียนที่ 2 รายวิชาที่เรยี น ว30206 ฟิสิกส์ 6 จานวนหนว่ ยการเรียนรู้ 2 หนว่ ยกิต

ว30226 เคมี 6 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1.5 หนว่ ยกติ

ว30246 ชวี วทิ ยา 6 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1.5 หน่วยกติ

2. หลกั สูตรสาหรบั นักเรยี นกล่มุ สาระการเรียนรู้ท่เี นน้ ภาษา-คณิต และ ภาษา-ภาษา แยกตามระดับช้นั ดังนี้

2.1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4

2.1.1 สาระการเรยี นรูพ้ ้ืนฐาน

ภาคเรยี นที่ 1 รายวิชาที่เรียน ว31101 วทิ ยาศาสตร์ 1 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกติ

ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชาทเ่ี รยี น ว31102 วทิ ยาศาสตร์ 2 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

2.2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5

2.2.1 สาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน

ภาคเรยี นที่ 1 รายวชิ าทเ่ี รยี น ว32101 วทิ ยาศาสตร์ 3 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกติ

ภาคเรียนท่ี 2 รายวิชาทเ่ี รียน ว32102 วิทยาศาสตร์ 4 จานวนหน่วยการเรยี นรู้ 1 หนว่ ยกิต

2.3 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

2.3.1 สาระการเรียนร้พู น้ื ฐาน

ภาคเรยี นที่ 1 รายวิชาที่เรียน ว33101 วทิ ยาศาสตร์ 5 จานวนหนว่ ยการเรยี นรู้ 1 หน่วยกติ

ภาคเรียนที่ 2 รายวิชาที่เรยี น ว33102 วิทยาศาสตร์ 6 จานวนหน่วยการเรียนรู้ 1 หนว่ ยกติ

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสู่ความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 58

การเตรยี มความพรอ้ มสาหรับการเรยี นวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน
ในโรงเรยี นเตรียมอุดมศกึ ษา

วชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐานเปน็ การจัดหลักสูตรสาหรบั นกั เรยี นทกุ คน ทุกระดับช้นั ทัง้ สายวทิ ย์-คณิต
สายภาษา-คณิต และ สายภาษา-ภาษา ประกอบด้วยรายวิชา
ว 31101 วทิ ยาศาสตร์ 1, ว 31102 วิทยาศาสตร์ 2, ว 32101 วทิ ยาศาสตร์ 3, ว 32102 วทิ ยาศาสตร์ 4,
ว 33101 วิทยาศาสตร์ 5, ว 33102 และ วิทยาศาสตร์ 6
ตามรายละเอยี ดหลกั สตู รดงั น้ี

ชอ่ื รายวิชา เนอ้ื หาสาระ ความรพู้ ืน้ ฐาน รูปแบบการประเมิน

ม4 หน่วยที่ 1 การเคลือ่ นที่ - ความรู้เรื่องเวกเตอร์และ 1. การประเมินผลก่อน
ภาคเรยี นที่ 1 การเคลื่อนท่ีแนวตรง
สเกลาร์ สอบกลางภาคเรยี น
ว 31101 1.1 อตั ราเรว็ และความเร็ว
วิทยาศาสตร์ 1 1.2 ความเรง่ - คานยิ ามของความเร็ว (20 คะแนน) ประกอบดว้ ย
1.3 แรงจากสนามโน้มถ่วง
1.4 แรงในนิวเคลียส ความเรง่ เรอ่ื งการเคลอื่ นทใ่ี นแนวตรง

หนว่ ยท่ี 2 เซลล์ การลาเลียงสาร - ความสมั พนั ธแ์ ละความ และเซลล์ การลาเลียงสาร
ผ่านเซลล์
เช่ือมโยงของตวั แปร ผ่านเซลล์ แรงจากสนาม
2.1 องค์ประกอบของเซลล์
2.2 การลาเลียงสารผา่ นเซลล์ ท่ีเปลย่ี นแปลงไป โน้มถว่ ง แรงในนิวเคลยี ส

2.2.1 การแพร่ - แรง ชนดิ ของแรง 2. ประเมนิ ผลสอบกลาง
2.2.2 การลาเลยี งแบบ
ฟาซิลเิ ทต ภาคเรียน(20 คะแนน)
2.2.3 การลาเลียงแบบ
ใช้พลังงาน 3. การประเมินผลหลัง
2.2.4 การลาเลียงสาร
แบบไมผ่ ่านเย่อื หุ้มเซลล์ - โครงสร้างพ้ืนฐานของ สอบกลางภาคเรยี น

เซลล์ (20 คะแนน) โครงสรา้ ง
- หนา้ ท่ีและสว่ นประกอบ อะตอมและตารางธาตุ
งานบรู ณาการ
ของเซลล์เบ้ืองตน้

- ความแตกต่างของเซลล์พืช สวนพฤกษศาสตร์ใน
โรงเรยี น
และเซลลส์ ตั ว์
4. คณุ ลักษณะอนั
- หลักการลาเลียงสาร

เบื้องตน้ พึงประสงค(์ 10 คะแนน)

5. ประเมินผลสอบปลาย

ภาคเรียน (30 คะแนน)

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 59

ชอ่ื รายวชิ า เนื้อหาสาระ ความร้พู นื้ ฐาน รูปแบบการประเมนิ

ม4 หน่วยท่ี 3 โครงสรา้ งอะตอม - วิวัฒนาการของโครงสร้าง 1. การประเมนิ ผลก่อนสอบ
ภาคเรยี นที่ 2 และตารางธาตุ อะตอม กลางภาคเรียน(10 คะแนน)
ประกอบด้วยเรื่อง
ว 31102 3.1 โครงสร้างอะตอม - การคน้ พบของแบบจาลอง สารชวี โมเลกุล
วทิ ยาศาสตร์ 2 3.1.1 เลขอะตอม อะตอม 2. ประเมินผลสอบกลาง
เลขมวล และไอโซโทป ภาคเรียน (30 คะแนน)
3.1.2 การจัดตัวของ - ความสัมพันธ์ของเลขมวล 3. การประเมินผลหลังสอบ
และเลขอะตอม กลางภาคเรยี น
อเิ ลก็ ตรอนในอะตอม - สมบตั ขิ องธาตใุ นตาราง (20 คะแนน) ประกอบดว้ ย
3.1.3 ธาตุหมู่ I A และ II เรอ่ื งดุลยภาพ อยู่อยา่ ง
ธาตุ ปลอดภยั และพนั ธะเคมี
A ธาตหุ มู่ VII A ธาตุ หมู่ - หลกั การให้อิเลก็ ตรอน 4. คณุ ลกั ษณะ
VIII A อันพึงประสงค์(10 คะแนน)
โลหะแทรนซชิ ัน ธาตุก่ึง และรบั อิเล็กตรอน 5. ประเมนิ ผลสอบปลาย
โลหะ ภาคเรยี น (30 คะแนน)
ธาตกุ มั มันตรงั สี คร่ึงชีวิต - สารอนิ ทรยี แ์ ละ
ของธาตุกมั มนั ตรังสี สารอนนิ ทรยี ์
ประโยชนข์ องธาตุ
กัมมนั ตรงั สแี ละสมบตั ิของ - ยกตวั อยา่ งสารอินทรยี ์และ
ธาตุ สารอนินทรีย์
3.2 ตารางธาตุ
3.3 เวเลนซ์อิเล็กตรอน - สมบตั ขิ องธาตใุ นตาราง
ธาตุ
หนว่ ยที่ 4 สารชวี โมเลกุล
4.1 ไขมันและนา้ มนั - ประเภทของพันธะเคมี
4.1.1 องคป์ ระกอบและ - ประเภทของหมู่ฟงั ก์ชนั ใน
โครงสร้างของไขมันและ
กรดไขมัน ไขมนั ในเลือด สารชีวโมเลกลุ
4.1.2 การใชป้ ระโยชนจ์ าก - แหล่งทม่ี าของสาร

ไขมัน ชีวโมเลกุลประเภทต่างๆ
4.2 โปรตีน
4.2.1 องค์ประกอบและ
โครงสร้างของโปรตีน
4.2.2 โปรตนี ในรา่ งกาย
4.2.3 คุณค่าของโปรตีน
4.3 คาร์โบไฮเดรต
4.3.1 มอโนแซ็คคาไรด์
(นา้ ตาลโมเลกลุ เด่ียว)
4.3.2 ไดแซค็ คาไรด์
(นา้ ตาลโมเลกุลค)ู่

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 60

ช่อื รายวิชา เนอื้ หาสาระ ความรพู้ ้ืนฐาน รูปแบบการประเมนิ

4.3.3 พอลแิ ซค็ คาไรด์ - โครงสร้างพื้นฐานของ
4.4 กรดนวิ คลีอิก สง่ิ มชี วี ติ
- การทางานของระบบ
หน่วยที่ 5 การรกั ษาดลุ ยภาพ ต่างๆในร่างกาย
ระบบภูมิค้มุ กนั - การตอบสนองของ
5.1 กลไกการรกั ษาดุลยภาพ สง่ิ มีชีวิตต่อสิ่งเรา้
- ความแตกต่างของส่ิงเร้า
5.1.1 การรักษาดุลยภาพ ภายในและภายนอก
ของน้าในพืช - โรคท่เี กิดจากเช้ือ
5.1.2 การรักษาดุลยภาพ แบคทีเรียหรือไวรสั
ของน้าและสารตา่ งๆ - กลไกการทางานของ
ในร่างกาย ร่างกายเมื่อเกิดการ
5.1.3 การรักษาดลุ ยภาพ บาดเจ็บ
ของกรด – เบสในรา่ งกาย
5.1.4 การรกั ษาดุลยภาพ - โครงสร้างพันธะทางเคมี
ของน้าและแร่ธาตใุ น
สิง่ มชี ีวติ
อ่ืนๆ
5.1.5 การรกั ษาดุลยภาพ
ของ
อณุ หภูมิภายในร่างกาย
5.2 ภูมิคมุ้ กนั ของรา่ งกาย
5.2.1 การป้องกันและ
ทาลาย
เชอื้ โรค และส่ิงแปลกปลอม
5.2.2 ความผดิ ปกติของ
ระบบ
ภูมคิ มุ้ กนั
หน่วยท่ี 6 พนั ธะเคมี
6.1 พันธะเคมี

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 61

ช่อื รายวชิ า เนอ้ื หาสาระ ความรู้พ้ืนฐาน รูปแบบการประเมิน

ม5 หนว่ ยที่ 7 สิง่ มีชวี ติ กับ
ภาคเรยี นที่ 1
สงิ่ แวดล้อม - ระดบั ของความสัมพันธใ์ น 1. การประเมนิ ผลก่อนสอบ
ว 32101 กลางภาคเรียน
วิทยาศาสตร์ 3 7.1 ระบบนิเวศ ระบบนเิ วศ (20 คะแนน)
2. ประเมนิ ผลสอบกลาง
7.1.1 ความสมั พนั ธ์ของ - องค์ประกอบของระบบ ภาคเรยี น (30 คะแนน)
3. การประเมินผลหลังสอบ
องค์ประกอบในระบบนเิ วศ นเิ วศ กลางภาคเรียน
(10 คะแนน)
7.1.2 วัฏจกั รสารในระบบนเิ วศ - การหมนุ เวยี นสารในวฏั 4. คณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
7.1.3 การเปลีย่ นแปลงแทนที่ จกั ร (10 คะแนน)
5. ประเมนิ ผลสอบปลาย
7.2 ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ ภาคเรยี น (30 คะแนน)

สง่ิ แวดล้อม

หน่วยที่ 8 การเคลอ่ื นท่ี - ความรเู้ รอื่ งเวกเตอรแ์ ละ
8.1 การเคลอื่ นทแี่ บบโพรเจกไทล์ สเกลาร์
8.2 การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม - แนวคิดหลกั การเคลื่อนท่ี
8.3 การเคล่อื นทแี่ บบฮารม์ อนิก ในแนวตรง
อยา่ งงา่ ย - ความสัมพนั ธ์และความ
เชอื่ มโยงของตวั แปรที่
หนว่ ยที่ 9 ปฏกิ ิริยาเคมี เปลย่ี นแปลงไป
9.1 การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
9.2 สมการเคมี - สมบัติของธาตุในตาราง
9.3 ปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชวี ติ ประจาวัน ธาตุ
และผลกระทบตอ่ ส่งิ แวดล้อม - โครงสรา้ งพันธะทางเคมี
9.4 สารเคมใี นชีวติ ประจาวนั - ความสมั พนั ธข์ องเลขมวล
และเลขอะตอม
อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า - หลกั การให้อเิ ล็กตรอน
และรับอเิ ล็กตรอน

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 62

ช่อื รายวชิ า เนอื้ หาสาระ ความร้พู ้ืนฐาน รปู แบบการประเมิน

ม5 หน่วยท่ี 10 แรงในธรรมชาติ - สนามแมเ่ หล็ก เส้นแรง 1. การประเมินผลก่อนสอบ
ภาคเรียนท่ี 2 10.1 แรงจากสนามแม่เหล็ก แม่เหลก็ กลางภาคเรยี น
10.2 แรงจากสนามไฟฟา้ - ปริมาณทางไฟฟา้ และการ (20 คะแนน)
ว 32102 10.3 บรรยากาศ คานวณ 2. ประเมินผลสอบกลาง
วทิ ยาศาสตร์ 4 - การหมุนเวยี นของระบบ ภาคเรยี น (20คะแนน)
หน่วยท่ี 11 ปโิ ตรเลยี ม ลมของโลกและการ 3. การประเมนิ ผลหลงั กลาง
11.1การเกิดและแหล่งปิโตรเลียม หมนุ เวียนของนา้ ใน ภาคเรยี น (10 คะแนน)
11.2การกลัน่ น้ามนั ดิบและ มหาสมุทร 4. คุณลกั ษณะ
- พายุและมรสุม อนั พงึ ประสงค์
ผลิตภณั ฑ์ (10 คะแนน)
11.3 การแยกแก๊สธรรมชาติและ - สารอนิ ทรีย์ 5. ประเมินผลสอบปลาย
- การแยกสารเนอื้ เดียว ภาคเรียน (40 คะแนน)
ผลติ ภัณฑ์ สารเน้ือผสม
11.4 เช้ือเพลงิ ในชีวิตประจาวนั - สมบตั ธิ าตุ
11.5 ผลของผลติ ภัณฑป์ ิโตรเลียม
ตอ่ ส่ิงมชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม

หนว่ ยท่ี 12 พอลิเมอร์ - สมบตั ิและตารางธาตุ
12.1 พอลเิ มอร์ธรรมชาติและ - พนั ธะเคมีและ
พอลิเมอรส์ ังเคราะห์ สารประกอบ
12.2 การเกดิ พอลิเมอร์

12.2.1 โครงสรา้ งพอลิเมอร์
12.2.2 ผลติ ภัณฑ์จากพอลิ
เมอร์
เชน่ พลาสตกิ ยาง เส้นใย
12.2.3 ผลที่เกิดจากการผลิต
และใช้พอลเิ มอร์ต่อสงิ่ มีชวี ติ และ
ส่ิงแวดล้อม

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสู่ความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 63

ชือ่ รายวิชา เนื้อหาสาระ ความร้พู ้ืนฐาน รูปแบบการประเมิน

ม6 หนว่ ยที่ 13 โครงสร้างโลก
ภาคเรียนที่ 1
13.1 การศึกษาโครงสร้างโลก - โครงสรา้ งโลก แบง่ ตาม 1. การประเมินผลก่อนสอบ
ว 33101 กลางภาคเรยี น
วิทยาศาสตร์ 5 (ตามสมบัติทางกายภาพและเคมี สมบตั ขิ องหิน (20 คะแนน)
2. ประเมินผลสอบกลาง
ของหิน และคล่นื ไหวสะเทือน) - ประเภทของหนิ ภาคเรยี น(30 คะแนน)
3. การประเมนิ ผลหลังสอบ
หน่วยที่ 14 คล่ืน กลางภาคเรียน (10
คะแนน)
14.1 ส่วนประกอบคล่นื - สว่ นประกอบคลื่น 4. คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
14.2 สมบัตคิ ล่นื กล - คุณสมบตั ิคลื่น 4 (10 คะแนน)
5. ประเมนิ ผลสอบปลาย
ประการ ภาคเรยี น (30 คะแนน)

หนว่ ยที่ 15 การเคลื่อนที่ของ

แผ่นธรณี - รปู แบบการเคลื่อนทีข่ อง

15.1 ทฤษฎีทวีปเลอ่ื นของเวเก แผ่นธรณี

เนอร์ - ชนดิ และจานวนของแผ่น

15.2 หลกั ฐานและข้อมูลทาง ธรณใี นโลก

ธรณีวทิ ยาทส่ี นบั สนนุ การเคล่ือนท่ี

ของทวปี (หลกั ฐานจากรอยต่อทวปี

หลกั ฐานจากความคลา้ ยคลงึ กนั

ของกลุ่มหนิ และแนวภูเขา

หลกั ฐานจากหนิ ทเี่ กิดจากการ

สะสมตวั ของตะกอนธารนา้ แขง็

ซากดกึ ดาบรรพ์ เทือกสนั เขาใต้

สมุทร และรอ่ งลึกกน้ สมทุ ร อายุ

บรเิ วณพืน้ มหาสมุทร ภาวะ

แม่เหลก็ โลกบรรพกาล)

15.3 กระบวนการทีท่ าให้เกิดการ

เคล่อื นท่ีของแผ่นธรณี

15.4 ลกั ษณะการเคลอ่ื นทขี่ อง

แผน่ ธรณี (แผน่ ธรณีเคลื่อนท่ีแยก

ออกจากกนั แผ่นธรณีเคล่อื นทีเ่ ขา้

หากนั แผ่นธรณเี คลือ่ นที่ผ่านกัน

หรือเคลือ่ นท่เี ฉือนกัน)

15.5 การเปล่ยี นแปลงของเปลือก

โลก (ชั้นหินคดโคง้ รอยเลอ่ื น)

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 64

ช่อื รายวชิ า เนือ้ หาสาระ ความรู้พื้นฐาน รูปแบบการประเมิน
- สว่ นประกอบของโลก
หน่วยที่ 16 ปรากฏการณ์ทาง - การเปล่ยี นแปลงทางธรณี
ธรณวี ิทยา
16.1 แผน่ ดนิ ไหว (การเกิด - ประเภทของหนิ
แผน่ ดินไหว แนวแผน่ ดนิ ไหว - ตวั อย่างซากดึกดาบรรพ์ใน
ขนาดและความรนุ แรงของ ประเทศไทย
แผ่นดนิ ไหว ประเทศไทยกบั
ปรากฏการณแ์ ผ่นดนิ ไหว) - การเกดิ คล่ืนเสียง
16.2 ภูเขาไฟ (แนวภูเขาไฟ - ความสมั พนั ธ์ของ
การระเบดิ ของภูเขาไฟ ผลของ ความเรว็ กบั ความถี่คลื่น
ภเู ขาไฟระเบดิ ทม่ี ีต่อลกั ษณะภูมิ - ผลจากการรวมคล่ืน
ประเทศ ภเู ขาไฟในประเทศไทย
โทษและประโยชนจ์ ากภูเขาไฟ)
หนว่ ยที่ 17 ธรณปี ระวตั ิ
17.1 อายทุ างธรณวี ิทยา
17.2ซากดกึ ดาบรรพ์ (ซากดึกดา
บรรพด์ ชั นซี ากดึกดาบรรพใ์ น
ประเทศไทย)
17.3 การลาดบั ชน้ั หนิ
หน่วยที่ 18 เสียงและการได้ยนิ
18.1 การเคลื่อนที่ของเสียง
18.2 ความเรว็ ความถี่ ของเสียง
18.3 ลักษณะทางกายภาพของ
เสยี ง
18.4 การเกดิ บีตส์

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 65

ช่อื รายวิชา เน้ือหาสาระ ความร้พู ้นื ฐาน รูปแบบการประเมนิ

ภาคเรียนท่ี 2 หน่วยท่ี 19 เอกภพ - กาเนดิ และการ 1. การประเมนิ ผลก่อน
ว 33102 19.1 เอกภพวิทยาในอดีต เปลี่ยนแปลงของเอกภพ สอบกลางภาคเรียน
(แบบจาลองเอกภพของชาวสุเม - กาแล็กซีและระบบดาว (20 คะแนน)
วทิ ยาศาสตร์ 6 เรยี นและแบบจาลองเอกภพของ ฤกษ์ 2. ประเมินผลสอบกลาง
ชาว บาบิโลน ภาคเรยี น
แบบจาลองเอกภพของกรีก - กาแล็กซแี ละระบบดาว (30 คะแนน)
แบบจาลองเอกภพของเคพเลอร์ ฤกษ์ 3. การประเมินผลหลังสอบ
แบบจาลองเอกภพของกาลเิ ลโอ) - พลงั งานของดาวฤกษ์ กลางภาคเรียน
19.2 กาเนดิ เอกภพ (แนวคดิ (10 คะแนน)
เบื้องต้นของบิกแบง หลักฐาน ระบบสรุ ิยะ 4. คุณลักษณะอนั พึง
สนับสนนุ ทฤษฎบี ิกแบง การ ประสงค์(10 คะแนน)
ประมาณอายุของเอกภพ) 5. ประเมนิ ผลสอบปลาย
19.3 กาแล็กซี ภาคเรยี น
(30 คะแนน)
หน่วยท่ี 20 ดาวฤกษ์
20.1 ววิ ัฒนาการดาวฤกษ์
20.2 กาเนิดและวิวฒั นาการของ
ดวงอาทิตย์
20.3 ความส่องสว่างและโชติ
มาตรของดาวฤกษ์
20.4 สแี ละอณุ หภมู ิของดาวฤกษ์
20.5 ระยะหา่ งของดาวฤกษ์
20.6 เนบิวลา แหลง่ กาเนิดดาว
ฤกษ์
20.7 ระบบดาวฤกษ์มวลของดาว
ฤกษ์

หน่วยท่ี 21 ระบบสุริยะ
21.1 การกาเนดิ ระบบสุรยิ ะ
21.2 เขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์
(ดาวเคราะห์ชั้นใน แถบดาว
เคราะห์น้อย ดาวเคราะหช์ ัน้ นอก
ดงดาวหางของออรต์ สะเก็ดดาว
วตั ถุในแถบ คอยเปอร์)
21.3 ดวงอาทติ ย์ (โครงสรา้ ง
ภายในดวงอาทติ ย์ ชั้นบรรยากาศ
ทีห่ อ่ ห้มุ ดวงอาทิตย์ พายุสรุ ิยะ)

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสู่ความเปน็ เลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 66

ชื่อรายวิชา เน้อื หาสาระ ความรพู้ ื้นฐาน รปู แบบการประเมิน

หน่วยท่ี 22 เทคโนโลยีอวกาศ - เทคโนโลยอี วกาศและ

22.1 กล้องโทรทรรศน์ (กล้อง การสารวจ

โทรทรรศนแ์ บบหกั เหแสง กล้อง

โทรทรรศนแ์ บบสะทอ้ นแสง กลอ้ ง

โทรทรรศน์แบบผสม)

22.2 การขนส่งและการโคจรของ

ดาวเทียม

22.3 ระบบขนสง่ อวกาศ

22.4 การใช้ประโยชน์จาก

เทคโนโลยอี วกาศ (ดาวเทียม

สื่อสาร ดาวเทยี มอุตุนิยมวทิ ยา

ดาวเทยี มสารวจ

ทรพั ยากร ดาวเทยี มสงั เกตการณ์

ดาราศาสตร์ และกล้องโทรทรรศน์

อวกาศฮับเบิล)

หนว่ ยท่ี 23 พันธุกรรม

23.1 ลักษณะพันธกุ รรม - การแบ่งเซลล์

23.2 โครโมโซมและการถ่ายทอด - สารพันธุกรรม

ลักษะพันธุกรรม - ยีน

23.3 การถ่ายทอดลักษณะ - พันธุกรรมหมู่เลือด

พันธกุ รรม

หน่วยท่ี 24 คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้

24.1 ความสมั พันธ์ระหวา่ ง - สนามแม่เหลก็

สนามไฟฟ้าและสนามแมเ่ หล็ก - สนามไฟฟ้า

24.2 การเกิดคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ - สมบัตขิ องคลน่ื แมห่ ลก็

24.3 สเปกตรมั ของคล่ืน ไฟฟา้

แมเ่ หลก็ ไฟฟา้

หน่วยท่ี 25 พลังงานนิวเคลยี ร์

25.1 คร่งึ ชวี ติ - การคานวนค่าครึง่ ชวี ติ

25.2 ปฏิกริ ยิ านวิ เคลยี ร์ -นิวเคลียรฟ์ ชิ ชัน นิวเคลยี ร์

25.3 การประยุกต์ใช้พลังงาน ฟวิ ชั่น

นวิ เคลยี ร์ - ประโยชน์และผลกระทบ

25.4 โรงไฟฟ้านวิ เคลยี ร์ ของพลงั งานนวิ เคลยี ร์

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 67

แนวทางในการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตรใ์ หป้ ระสบความสาเร็จ
1. การเขา้ เรยี นสมา่ เสมอ และปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลงของการเรยี นการสอนอย่างเคร่งครดั
2. การส่งงานตรงต่อเวลา มีการตรวจสอบคณุ ภาพของช้นิ งาน
3. ศกึ ษาและทบทวนเน้อื หาในบทเรียนใหม้ ีความเขา้ ใจ

เอกสารการสอน
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน ฟสิ ิกส์ เคมี ชีววิทยา และโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ของ สสวท.
2. เอกสารทีค่ ณะครวู ิทยาศาสตร์ ม.5 จัดทาข้นึ เพ่อื ใช้ในการเรียนการสอน

สิ่งทเ่ี ป็นปัญหาและอุปสรรคในการเรียน
1. เวลาเรียนไม่ครบร้อยละ 80 เน่ืองจากนักเรียนหยุดเรียนเพื่อเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ

เข้ามหาวทิ ยาลยั
2. การส่งงาน นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ทางานส่งโดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลาทาเพราะต้องอ่านหนังสือ

เตรยี มสอบ
3. การสอบวัดผลกลางภาค นักเรียนไม่ทาข้อสอบส่วนที่เป็นอัตนัย เนื่องจากไม่ได้อ่านหนังสือ

และขาดความใสใ่ จในการทบทวนบทเรียน
4. ในภาคเรียนท่ี 2 นักเรียนช้ัน ม.6 ส่วนใหญ่ไม่ใช้ผลการเรียนในการสมัครสอบระดับอุดมศึกษา

จงึ ไมใ่ หค้ วามสาคญั ในการเขา้ เรยี น

เอกสารเพิม่ เตมิ
ค้นควา้ เพ่มิ เติมจากเว็บไซต์ เชน่ www.geo.sc.chula.ac.th , www.narit.or.th

รางวัลสาหรบั ผทู้ าคะแนนยอดเยย่ี ม
นกั เรยี นที่ทาคะแนนปลายภาคได้สงู สุด จากทัง้ 2 ภาคเรยี น จะไดร้ บั โลว่ ิชาวิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีโครงการส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการทุกสาขาวิชา

นักเรียนผู้สนใจ ในสาขาวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สามารถสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเข้าค่าย
สอวน.ค่าย 1 และ สอวน.ค่าย 2 และคัดเลือกเป็นตัวแทนเข้าแข่งขันระดับชาติ และระดับโลกตามลาดับ
ซึ่งไดแ้ ก่

1. การแข่งขันโลกและอวกาศโอลิมปิกระหว่างประเทศ ( International Earth Science
Olympiad; IESO)

2. ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ (International Olympiad
on Astronomy and Astrophysics; IOAA)

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสูค่ วามเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 68

แบบฝึกหัดวิชาวิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน

1. สายใยอาหารขา้ งล่างน้ี ค. และ ง. เป็นสง่ิ มชี วี ติ กลุม่ ใด ตามลาดับ


แสง ก คง

1. ผผู้ ลิต และ ผู้บรโิ ภค

2. ผบู้ ริโภคทง้ั พืช และ สตั ว์ และผยู้ ่อยสลายอนิ ทรียสาร

3. ผ้บู ริโภคพืช และ ผู้บริโภคสตั ว์

4. ผู้บรโิ ภคทง้ั พชื และ สัตว์ และผู้บริโภคสัตว์

2. ปลาที่กินหญ้าสดเป็นอาหารจะเติบโตขึ้นเป็นน้าหนักโดยเฉลี่ยได้ประมาณกี่กรัมหลังจากใช้หญ้าเล้ียงไป

แล้ว 1 กโิ ลกรัม

1. 25 2. 50 3. 100 4. 200

3. Green house effect มสี าเหตุมาจากอะไร

1. การทาลายโอโซนในบรรยากาศที่มากเกนิ ไป

2. การลดปรมิ าณของสารคลอโรฟลอู อโรคาร์บอนในบรรยากาศ

3. การเพิ่มปรมิ าณคาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทนในบรรยากาศ

4. การเกดิ หมอกควัน เม่อื เช้อื เพลิงธรรมชาตถิ ูกเผาไหมข้ ณะทม่ี ีแสงแดดจดั

4. เมื่อเกิดปรากฎการณ์ที่พืชน้าเจริญคลุมผิวน้าอย่างรวดเร็ว เพราะได้รับสารฟอสเฟต จากการซักล้าง

ทาให้ O2 ละลายลงในน้าน้อยลง น้าในแหลง่ นา้ นั้นจะมสี ภาพเชน่ ไร

1. มคี า่ DO สูง แต่มคี า่ BOD ตา่ 2. มคี ่า DO ตา่ แต่มีค่า BOD สูง

3. ทงั้ DO และ BOD มีคา่ สงู 4. ท้ัง DO และ BOD มคี ่าตา่

5. ขอ้ ใดเป็นการเคลือ่ นท่แี บบโพรเจกไทล์

1. เตะลูกบอล 2. ขวา้ งวตั ถุออกไปในอากาศ

3. ยิงลูกธนไู ปยังเปา้ 4. ถูกทุกขอ้

6. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ต้อง

1. วตั ถุเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลมต้องมีแรงกระทาในทิศพงุ่ เข้าสศู่ ูนย์กลางเสมอ

2. วตั ถผุ ูกเชือกแล้วเหวี่ยง แรงสูศ่ ูนย์กลาง คอื แรงท่วี ตั ถุดงึ เชือก

3. ดาวเทียมโคจรรอบโลกแรงสศู่ นู ย์กลาง คอื แรงโน้มถว่ งของโลกทีก่ ระทาตอ่ ดาวเทียม

4. โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ เพราะดวงอาทิตยม์ ีแรงสู่ศนู ย์กลางกระทาตอ่ โลก

7. ถ้าการแกว่งของนอตแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายจากตาแหน่ง A ไป B ใช้เวลา 0.5 วินาที คาบการแกว่งจะ

มคี า่ กว่ี ินาที

1. 0.5

C A 2. 1.0
B 3. 1.5
4. 2.0

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 69

8. พจิ ารณาปรากฏการณ์ต่อไปน้ี

ก. การเกดิ นา้ คา้ ง

ข. การบรู ระเหิดในตเู้ สื้อผา้

ค. การระเบดิ ของดินปนื

ง. ไอศกรมี ละลายเมอื่ วางทิ้งไว้

จ. การสังเคราะห์แสงของพชื

ฉ. โซเดยี มไฮดรอกไซด์ละลายนา้ ในบีกเกอร์ แล้วบีกเกอรร์ อ้ นข้ึน

ข้อใดเป็นปรากฏการณ์ที่คายความร้อน

1. ก ค และ ฉ 2. ก ง และ จ 3. ข ค และ ง 4. ข ง และ ฉ

9. การกระทาในข้อใดไมม่ ีผลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

1. การนาเน้อื หมูแชใ่ นชอ่ งแข็ง

2. ใช้แคลเซียมคารไ์ บด์ชว่ ยในการบม่ มะมว่ ง

3. การเคี้ยวยาลดกรดชนดิ เม็ดให้ละเอียดก่อนกลนื

4. การเปลยี่ นขนาดภาชนะท่บี รรจสุ ารละลายทที่ าปฏิกิรยิ า

10. การเค้ยี วอาหารใหล้ ะเอยี ดกอ่ นกลืนจะช่วยให้ปฏกิ ริ ิยาการย่อยอาหารเรว็ ข้นึ เพราะเหตใุ นข้อใด

1. เปน็ การเพ่มิ ความเขม้ ข้นของอาหาร 2. เปน็ การเพ่ิมพื้นทีผ่ ิวของอาหาร

3. เปน็ การเพมิ่ อณุ หภมู ขิ องอาหาร 4. เป็นการเพ่มิ ตวั เร่งปฏกิ ริ ิยาการยอ่ ย

11. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเป็นเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ท้งั หมดทต่ี ้องใชส้ นามแม่เหล็ก

1. เตารดี ไฟฟา้ พดั ลมไฟฟา้ เคร่ืองปนั่ ผสมอาหาร

2. มอเตอรไ์ ฟฟ้า สวา่ นไฟฟ้า เตาไฟฟ้า

3. สว่านไฟฟา้ เครอ่ื งปนั่ ผสมอาหาร เตาไฟฟ้า

4. สว่านไฟฟ้า เคร่อื งปน่ั ผสมอาหาร พดั ลมไฟฟา้

12. สนามแมเ่ หลก็ โลกมปี ระโยชนใ์ นด้านใด

1. ทาใหเ้ กดิ ฤดกู าลตา่ งๆ บนโลก 2. ทาให้เกิดกลางวันและกลางคืน

3. ช่วยปอ้ งกันความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ 4. ช่วยป้องกันอนั ตรายจากลมสรุ ยิ ะ

13. เคร่อื งฟอกอากาศใชห้ ลักการใดของแรงชนดิ ใด

1. แรงระหว่างมวล 2. แรงระหวา่ งประจุ

3. แรงนิวเคลยี ร์ 4. แรงโน้มถ่วง

14. วัตถกุ อ้ นหน่ึงชั่งนา้ หนกั บนโลกได้ 240 นิวตัน ถ้าขน้ึ ไปช่งั น้าหนักบนดวงจนั ทร์ซ่ึงมีคา่ สนามโนม้ ถ่วงเปน็

1 ใน 6 ของสนามโนม้ ถ่วงบนโลก จะอา่ นคา่ นา้ หนกั ของวัตถุได้เท่าใด

1. 40 N 2. 60 N 3. 120 N 4. 24 N

15. ในการกลน่ั ลาดับสว่ นของปิโตรเลยี ม ส่วนตา่ งๆ ท่อี อกมาจะมจี ุดเดอื ดเรียงตามลาดบั จากน้อยไปหามาก

ดงั ขอ้ ใด

1. แก๊สหงุ ตม้ นา้ มันก๊าด นา้ มันดีเซล เบนซิน

2. น้ามันดเี ซล น้ามันก๊าด เบนซนิ แกส๊ หงุ ต้ม

3. แก๊สหงุ ต้ม เบนซนิ นา้ มันก๊าด น้ามนั ดเี ซล

4. แกส๊ หุงต้ม เบนซนิ น้ามนั ดเี ซล น้ามันกา๊ ด

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มส่คู วามเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 70

16. พจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี

ก. LPG เปน็ แก๊สหุงตม้ และสามารถปรับใช้แทนนา้ มันเบนซนิ ได้

ข. เลขออกเทนใชบ้ อกคุณภาพของนา้ มันเบนซิน สว่ นเลขซีเทน ใชบ้ อกคณุ ภาพของน้ามนั ดีเซล

ค. แก๊สโซฮอล์เปน็ เช้ือเพลิงทไี่ ดจ้ าการผสมเมทานอล (แอลกอฮอลช์ นิดหนึ่ง) กบั น้ามนั เบนซิน

ในอตั ราสว่ น 1: 9

ง. MTBE เป็นสารท่เี ตมิ ลงในน้ามนั เบนซนิ เพ่ือเพม่ิ ประสิทธิภาพการเผาไหม้และเรียกว่าน้ามนั ไรส้ าร

ตะก่ัว

ขอ้ ใดถูก

1. ก และ ข เท่านั้น 2. ค และ ง

3. ก ข และ ค 4. ก ข และ ง

17. ประชาชนท่ีอาศัยอยูใ่ กลโ้ รงงานอุตสาหกรรมไมค่ วรเก็บน้าฝนไวเ้ พ่ือการบรโิ ภคเพราะเหตุใด

1. มีฝุ่นละอองมากไม่เหมาะกับการบริโภค 2. มตี ะกรันมากใชบ้ ริโภคอาจเป็นโรคนิว่ ได้

3. มีกรดคารบ์ อนิกและกรดไฮโดรคลอริกปนอยู่ 4. มีกรดกามะถันและกรดไนตรกิ ปนอยู่

18. พลาสติกชนดิ หนึ่งมสี มบตั ดิ ังนี้

ก. ประกอบดว้ ยมอนอเมอร์เพียงชนิดเดียว

ข. เปน็ เทอร์มอพลาสตกิ

ค. เมื่อไหม้ไฟจะเกิดควนั สขี าว กลน่ิ คล้ายกรดเกลือ

ง. ใชท้ ารองเทา้ กระดาษตดิ ผนงั

พลาสติกชนดิ ใดมีสมบตั ิดงั กล่าว

1. พอลยิ ูเรยี ฟอรม์ าลดีไฮต์ 2. พอลไิ วนลิ คอลไรด์

3. พอลโิ พรพลิ นี 4. พอลิสไตรีน

19. ข้อใดถูกต้อง

1. ยางธรรมชาตมิ ีกามะถนั เจอื ปน ทาให้ไมเ่ หมาะกับการใชง้ านบางประเภท

2. พอลไิ อโซปรนี เปน็ ยางธรรมชาติที่ดี คือ มคี วามทนทานต่อตัวทาละลายสูง

3. จกุ นมยางทาจากยางไอโซปรีนเป็นยางสงั เคราะห์มสี ิง่ เจือปนนอ้ ย คุณภาพสม่าเสมอทงั้ กอ้ นมีสขี าว

4. ยางสงั เคราะหท์ ่ีเกดิ จากซลิ ิคอนทาปฏกิ ิรยิ ากบั สารบางชนิด ทาให้ทนตอ่ สารเคมีได้สูงกว่ายางชนิด

อ่ืนๆ

20. เส้นใยชนดิ ใดเป็นพอลิเมอรก์ ่ีงสงั เคราะห์

1. อารเ์ นล-60 2. ลนิ ิน 3. ไหม 4. ไนลอน

21. “แนวแบง่ เขตโมโฮโรวิซกิ ” เปน็ รอยตอ่ ระหวา่ งโครงสรา้ งโลกสว่ นใด

1. เปลือกโลก – เนื้อโลก 2. เนอื้ โลก – แก่นโลก

3. เปลือกโลกทวีป – เปลือกโลกมหาสมทุ ร 4. แก่นโลกชัน้ นอก – แก่นโลกชน้ั ใน

22. ขอ้ ใดถูกตอ้ งเก่ยี วกบั หินบรเิ วณพื้นมหาสมุทร

1. เปน็ หนิ ท่มี คี วามหนาแนน่ นอ้ ย

2. ประกอบดว้ ยธาตุซลิ ิกอนและอะลูมเิ นียม

3. หนิ บะซอลต์ท่บี ริเวณเทอื กสันเขาใตส้ มุทรมีอายมุ ากทส่ี ดุ

4. หินบะซอลตท์ ่อี ยไู่ กลจากรอยแยกมีอายุมากกว่าหินบะซอลตท์ ี่อยู่ใกลห้ บุ เขาทรุด

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 71

23. บรเิ วณใดเกิดจากการเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณที แ่ี ตกต่างจากข้ออื่น

1. เทอื กเขาแอลป์ 2. เทอื กสนั เขากลางสมุทร

3. เทอื กเขาหมิ าลยั 4. เทือกเขาแอนดีส

24. ข้อใดผดิ

1. ขนาดของแผ่นดินไหว กาหนดจากพลังงานที่ปลดปล่อยมาจากศนู ยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหว

2. คลืน่ ไหวสะเทอื น เปน็ รปู แบบของการปลดปลอ่ ยพลงั งานเม่ือเกดิ แผน่ ดนิ ไหว

3. ประเทศพม่าตงั้ อยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ (Ring of fire)

4. ไซโมกราฟเปน็ เครอื่ งมือวดั ความไหวสะเทือน

25. ขอ้ ใดไม่ใช่หินอคั นีพุ Extrusive igneous rock

1. หินบะซอลต์ 2. หินแกบโบร 3. หินไรโอไลต์ 4. หินแอนดีไซต์

26. จากภาพจงเรียงลาดบั ช้ันหินจากอายมุ ากไปอายนุ ้อย

1. D-C-B-A D
2. C-A-B-D

3. A-B-C-D C
4. A-B-D-C
AB

27. จากข้อมูลตอ่ ไปนี้ ข้อใดเรยี งลาดับเหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ ขนึ้ หลงั จากบิกแบงได้ถูกต้อง

1. เกิดอะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลยี ม

2. ควารก์ รวมตัวกันเปน็ นิวเคลยี สของไฮโดรเจนและนิวตรอน

3. โปรตอนและนวิ ตรอนรวมกนั เป็นนวิ เคลยี สของฮเี ลียม

4. เกิดกาแลก็ ซที ่ีมีธาตไุ ฮโดรเจนและฮีเลยี ม

1. 1-2-3-4 2. 2-3-1-4 3. 4-3-2-1 4. 3-2-1-4
4. ดาวปาริชาตสแี ดง
28. ดาวฤกษด์ วงใดมีอุณหภมู สิ ูงที่สุด 4. ไฮโดรเจน
4. ปาลาปา
1. ดาวเซตาสนี า้ เงนิ 2. ดวงอาทติ ย์สเี หลือง 3. ดาวหางหงส์สีขาว

29. ธาตุท่ีมมี ากท่ีสุดในเอกภพคอื ธาตุใด

1. ออกซิเจน 2. คาร์บอน 3. ฮเี ลียม

30. ดาวเทียมในขอ้ ใดเปน็ ดาวเทียมสารวจทรัพยากร

1. ไทยโชติ 2. อนิ เทลแซท 3. ไทยคม

***********************************************

เฉลยแบบทดสอบวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

ขอ้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
คาตอบ 4 3 3 2 4 2 4 1 4 2 4 4 2 1 3

ข้อ 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30
คาตอบ 442311423232141

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสูค่ วามเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 72

การเตรียมความพรอ้ มสาหรับวิชาฟิสิกส์ในโรงเรยี นเตรยี มอดุ มศึกษา

วชิ าฟสิ กิ ส์เปน็ วชิ าสาหรบั นกั เรยี นสายวิทย์-คณติ ที่ต้องเรียนตลอดระยะเวลา 3 ปีการศกึ ษา

เนอ้ื หาหลักสตู รวชิ าฟิสกิ ส์สาหรับนกั เรียนสายวิทย์-คณิต

รายวชิ า เน้ือหา ความรพู้ น้ื ฐาน รปู แบบการประเมนิ
อตั ราสว่ นคะแนน
ม. 4 หนว่ ยท่ี 1 การวัด - คณิตศาสตรพ์ ื้นฐาน ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 60 :
40
ภาคเรียนท่ี 1 1.1 หน่วย - ตรีโกณมติ ิ Formative 1 (15 คะแนน)
- แบบทดสอบอัตนัย
ว 30201 1.2 เครือ่ งมอื วัด - เวกเตอร์ - ชิ้นงาน
Summative (20 คะแนน)
ฟิสิกส์ 1 1.3 เลขนยั สาคญั - แบบทดสอบอตั นยั
Formative 2 (15 คะแนน)
1.4 ความคลาดเคลือ่ น - แบบทดสอบอตั นัย
- ชน้ิ งาน
1.5 การบนั ทกึ ผลและแปรความหมาย คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
(10 คะแนน)
ข้อมูล สอบปลายภาค (40 คะแนน)
- แบบทดสอบปรนัย
หน่วยที่ 2 เวกเตอร์
อัตราสว่ นคะแนน
2.1 การบวก ลบ เวกเตอร์ ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 60 :
40
2.2 การแยกเวกเตอร์ Formative 1 (15 คะแนน)
- แบบทดสอบอตั นัย
หน่วยท่ี 3 การเคลือ่ นท่ีแนวตรง - ชิ้นงาน
Summative (20 คะแนน)
3.1 ตาแหนง่ การกระจัดและระยะทาง - แบบทดสอบอัตนัย
Formative 2 (15 คะแนน)
3.2 ความเร็วและอัตราเร็ว - แบบทดสอบอัตนัย
- ชน้ิ งาน
3.3 ความเรง่ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

3.4 การเคลือ่ นทแี่ นวตรงด้วยความเร่งคงท่ี

หน่วยท่ี 4 แรงและกฎการเคล่อื นท่ขี อง

นวิ ตนั

4.1 มวลและแรง

4.2 กฎการเคลื่อนทข่ี องนิวตัน

4.3 การนากฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันไปใช้

ในการคานวณ

4.4 แรงดงึ ดูดระหว่างมวล

หน่วยท่ี 5 สภาพสมดุล

5.1 สมดลุ ต่อการเคล่ือนท่ี

5.2 สมดลุ ต่อการหมุน

ม. 4 หนว่ ยที่ 6 งานและพลังงาน - คณิตศาสตร์พื้นฐาน

ภาคเรียนท่ี 2 6.1 งาน และกาลัง - ตรโี กณมติ ิ

ว 30202 6.2 พลงั งาน - เวกเตอร์

ฟสิ ิกส์ 2 6.2.1 พลังงานจลน์ - การเคล่ือนทแ่ี นวตรง

6.2.2 พลังงานศกั ย์ - กฎการเคลอ่ื นทีข่ องนวิ

6.3 งานลัพธ์บนวตั ถกุ ับการเปลย่ี นแปลง ตนั

พลงั งานจลน์

6.4 กฎการอนุรักษพ์ ลงั งาน

หน่วยที่ 7 โมเมนตมั และการชน

7.1 โมเมนตมั เชงิ เสน้

7.2 แรงและการเปลยี่ นโมเมนตัม

7.3 การดลและแรงดล

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสูค่ วามเปน็ เลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 73

รายวิชา เน้อื หา ความรพู้ ้นื ฐาน รูปแบบการประเมนิ
(10 คะแนน)
ม. 5 7.4 การชนและกฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั - คณิตศาสตร์พน้ื ฐาน สอบปลายภาค (40 คะแนน)
ภาคเรยี นท่ี 1 หนว่ ยท่ี 8 การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ - เวกเตอร์ - แบบทดสอบปรนัย
หน่วยท่ี 9 การเคลอื่ นท่แี บบวงกลม - กฎการเคล่อื นท่ขี องนวิ
ว 30203 ตนั อัตราส่วนคะแนน
ฟสิ ิกส์ 3 9.1 การเคล่ือนท่ีแบบวงกลม - ความรู้พืน้ เกย่ี วกบั ไฟฟ้า ระหว่างภาค : ปลายภาค = 60 :
ระนาบระดบั และอิเล็กทรอนกิ ส์ 40
เบื้องตน้ Formative 1 (15 คะแนน)
9.2 การเคลื่อนทีแ่ บบวงกลมระนาบดิง่ - แบบทดสอบอตั นัย
หน่วยที่ 10 การเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนิก - ช้นิ งาน
Summative (20 คะแนน)
อยา่ งง่าย - แบบทดสอบอตั นัย
10.1 ลกั ษณะของการเคล่ือนท่ีแบบ Formative 2 (15 คะแนน)
- แบบทดสอบอัตนัย
ซิมเปิลฮาร์โมนิก - ช้ินงาน
10.2 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการกระจดั -

เวลา ความเรว็ -เวลา
และความเร่ง-เวลา
10.3 การสนั่ ของมวลตดิ สปริงและการ
แกวง่ ลูกตุม้ นาฬกิ า
หนว่ ยที่ 11 การเคล่ือนทแ่ี บบหมนุ
11.1 การกระจัดเชิงมมุ ความเร็วเชงิ มุม
ความเรง่ เชงิ มมุ
11.2 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความเร่ง
เชงิ เสน้ และความเร่งเชงิ มมุ
11.3 สมการการเคลื่อนทแ่ี บบหมุน
11.4 การประยกุ ตใ์ ช้และการคานวณคา่
ต่างๆท่ีเกยี่ วข้อง
11.5 พลงั งานจลนใ์ นการหมุน
11.6 โมเมนต์ความเฉ่ือย
ทอรก์ ของแรง กาลัง
11.7 งานและพลังงานจลน์ในการหมนุ
ที่เปลี่ยนไป
11.8 การกลิ้ง
11.9 โมเมนตมั เชงิ มุม
11.10 หลกั อนุรักษ์โมเมนตมั เชิงมุม

หนว่ ยท่ี 12 ไฟฟ้าสถติ
12.1 ประจุไฟฟ้า

12.1.1 การทาให้วัตถุเปน็ กลางมี
ประจุอสิ ระ

12.1.2 อิเลก็ โตรสโคป
12.1.3 กฎการอนรุ ักษ์ประจไุ ฟฟา้
12.2 แรงระหวา่ งประจแุ ละ

กฎของคูลอมบ์
12.3 สนามไฟฟา้
12.4 งานและพลงั งานศกั ย์ไฟฟา้
12.4.1 งานในการเคล่ือนประจุไฟฟา้

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

รายวิชา เน้ือหา ความรพู้ น้ื ฐาน ห น้ า | 74

12.4.2 ศักยไ์ ฟฟา้ และ รูปแบบการประเมิน
พลงั งานศกั ย์ไฟฟ้า คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
(10 คะแนน)
12.4.3 ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่าง สอบปลายภาค (40 คะแนน)
2 ตาแหน่ง - แบบทดสอบปรนัย

12.4.4 สนามไฟฟ้าและศกั ยไ์ ฟฟ้าของ
ตัวนาทรงกลม

12.5 ความสามารถในการเกบ็ ประจุ
12.5.1 ความจไุ ฟฟ้าในตัวนาทรงกลม
12.5.2 แผ่นตวั นาคู่ขนาน
12.5.3 พลงั งานสะสมในตวั เกบ็ ประจุ
12.5.4 วงจรตัวเก็บประจุ

หนว่ ยท่ี 13 ไฟฟ้ากระแสตรง
13.1 กระแสไฟฟ้า
13.2 กฎของโอหม์

13.2.1 ความต้านทานและความ
นาไฟฟ้า

13.2.2 สภาพต้านทานและสภาพ
นาไฟฟา้

13.2.3 ผลของอุณหภมู ิที่มตี อ่
ความต้านทาน

13.3 พลงั งานในวงจรไฟฟ้า
13.3.1 แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ และ
ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้
13.3.2 กาลังไฟฟ้าและพลงั งานไฟฟ้า

13.4 การต่อตัวตา้ นทานและแบตเตอร่ี
13.4.1 การต่อตัวต้านทาน
13.4.2 การต่อแบตเตอรี่

13.5 การวเิ คราะห์วงจรไฟฟ้ากระแสตรง
13.6 เครื่องวัดไฟฟ้า
แอมมิเตอร์ โวลต์มเิ ตอร์ โอหม์ มิเตอร์
หน่วยท่ี 14 แม่เหลก็ ไฟฟา้
14.1 สนามแม่เหลก็ และฟลักซ์แม่เหล็ก
14.2 แรงกระทาต่ออนภุ าคไฟฟา้ ซ่งึ

เคลอื่ นทใ่ี นสนามแมเ่ หล็กสมา่ เสมอ
14.3 แรงกระทาต่อลวดตวั นาทม่ี กี ระแส

ไฟฟา้ ผา่ นและวางตวั ในสนามแมเ่ หล็ก
14.4 แรงระหว่างลวดตวั นาสองเสน้ ที่
ขนาน

กันและมกี ระแสผา่ น
14.5 โมเมนตข์ องแรงคคู่ วบทีก่ ระทาต่อ

ขดลวดท่มี กี ระแสไฟฟ้าผ่านและวาง
ในสนามแม่เหลก็

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

รายวชิ า เนือ้ หา ความรพู้ ้ืนฐาน ห น้ า | 75

ม. 5 14.6 มอเตอรก์ ระแสตรงและ รปู แบบการประเมิน
ภาคเรยี นที่ 2
แกนแวนอมเิ ตอร์ อัตราสว่ นคะแนน
ว 30204 ระหว่างภาค : ปลายภาค = 60 :
ฟิสกิ ส์ 4 14.7 แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ เหน่ยี วนา และ 40
Formative 1 (15 คะแนน)
เครอื่ งกาเนดิ ไฟฟา้ - แบบทดสอบอัตนยั
- ชน้ิ งาน
14.8 หมอ้ แปลงไฟฟา้ ศักยไ์ ฟฟา้ Summative (20 คะแนน)
- แบบทดสอบอัตนยั
หนว่ ยที่ 15 สมบตั ิของแข็ง - คณิตศาสตร์พ้นื ฐาน Formative 2 (15 คะแนน)
- แบบทดสอบอตั นัย
15.1 สภาพยืดหยนุ่ และสภาพพลาสตกิ - เวกเตอร์ - ชนิ้ งาน
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
15.2 ความเค้นตามยาว ความเครยี ด - กฎอนุรกั ษพ์ ลงั งาน (10 คะแนน)
สอบปลายภาค (40 คะแนน)
15.3 คา่ มอสด์ ลู สั ของยงั - แรง - แบบทดสอบปรนยั

หนว่ ยท่ี 16 สมบัตขิ องของเหลว - สภาพสมดุล

16.1 ความหนาแนน่ และความหนาแนน่

สมั พทั ธ์

16.2 ความดัน และแรงดนั ในของเหลว

16.2.1 ความดนั เกจ ความดันสมบูรณ์

และการประยุกตใ์ ช้

16.2.2 เคร่อื งมอื วัดความดนั

16.2.3 แรงดนั ของเหลวที่กระทาตอ่ ผนัง

16.3 กฎของพาสคลั และเครือ่ งวัดไฮดรอลคิ

16.4 แรงลอยตวั หลักของอาร์คิมดิ สิ

16.5 ความตึงผิว

16.6 การซมึ ตามรเู ลก็

16.7 ความหนืดและกฎของสโตกส์

16.8 พลศาสตร์ของของไหล

16.8.1 ของไหลอุดมคติ

16.8.2 สมการความตอ่ เนื่อง

16.8.3 สมการแบรน์ ลู ลีและการ

ประยุกต์ใช้

หนว่ ยที่ 17 บรรยากาศ

17.1 การหมุนเวียนระบบลม

17.2 การหมุนเวยี นระบบนา้

17.3 การพยากรณ์ station model

หนว่ ยท่ี 18 ความรอ้ นและแก๊ส

18.1 พลงั งานความร้อนและสมดลุ ความ

ร้อน

18.2 การขยายตวั เชิงความรอ้ น

18.3 สมบัตขิ องแกส๊ อดุ มคติ

18.4 แบบจาลองของแกส๊

18.5 ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส

18.6 พลงั งานภายในระบบ

18.7 กฎขอ้ ที่ศนู ยแ์ ละข้อท่ีหน่งึ

ของเทอร์โมไดนามกิ ส์

18.8 การประยกุ ต์ใช้ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มส่คู วามเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 76

รายวชิ า เน้อื หา ความรู้พื้นฐาน รปู แบบการประเมนิ
ม. 6 -คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน อตั ราส่วนคะแนน
ภาคเรยี นท่ี 1 หนว่ ยที่ 19 ไฟฟ้ากระแสสลบั - เวกเตอร์ ระหว่างภาค : ปลายภาค = 60 :
ว 30205 19.1 ไฟฟา้ กระแสสลบั เบ้อื งต้น -การเคล่ือนท่แี บบฮารม์ อ 40
ฟสิ กิ ส์ 5 19.2 วงจรไฟฟา้ ทปี่ ระกอบด้วยตวั R, L, C นกิ Formative 1 (15 คะแนน)
อยา่ งง่าย - แบบทดสอบอัตนัย
ม. 6 19.2.1 การต่อ R, L, C แบบอนกุ รม -กฎอนรุ กั ษ์พลงั งาน - ชิน้ งาน
ภาคเรียนท่ี 2 19.2.2 การตอ่ R, L, C แบบขนาน Summative (20 คะแนน)
19.2.3 การตอ่ R, L, C แบบผสม - คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน - แบบทดสอบอตั นัย
ว 30206 19.3 กาลงั ไฟฟา้ เฉลีย่ - เวกเตอร์ Formative 2 (15 คะแนน)
ฟิสิกส์ 6 หน่วยท่ี 20 สมบตั ขิ องคลน่ื - ไฟฟา้ - แบบทดสอบอัตนยั
20.1 ประเภทของคล่ืน - โครงสร้างอะตอม - ชิ้นงาน
20.2 ความสัมพนั ธ์ระหว่างอัตราเรว็ คล่นื คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
(10 คะแนน)
ความยาวคลื่นและความถค่ี ลน่ื สอบปลายภาค (40 คะแนน)
20.3 สมบตั ขิ องคลนื่ - แบบทดสอบปรนัย

20.3.1 การสะท้อน อตั ราสว่ นคะแนน
20.3.2 การหกั เห ระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 60 :
20.3.3 การแทรกสอด 40
20.3.4 การเล้ียวเบน Formative 1 (15 คะแนน)
หน่วยที่ 21 เสยี งและการได้ยิน - แบบทดสอบอตั นัย
21.1 สมบัตคิ วามเปน็ คลนื่ ของเสยี งและ - ชน้ิ งาน

การเกิดบตี ส์
21.2 การส่นั พ้องของเสยี ง
21.3 ความเข้มและระดับความเข้มเสียง
21.4 ระดบั เสยี งและคณุ ภาพเสยี ง
21.5 ปรากฏการณด์ อปเพลอร์
21.6 คล่นื กระแทก
หนว่ ยที่ 22 สมบัติแสงเชิงเรขาคณิต

22.1 การสะท้อนของแสง
22.1.1 กระจกเงาราบ
22.1.2 กระจกเงาโค้ง

22.2 การหกั เหของแสง
22.2.1 กฎของสเนลล์
22.2.2 ความลึกปรากฏ
22.2.3 การสะท้อนกลบั หมด
22.2.4 การกระจายของแสง
22.2.5 เลนส์

22.3 ความสวา่ ง
22.4 การเหน็ สี

หน่วยที่ 23 คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้
23.1 ทฤษฎคี ล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้าของ

แมกซเวลล์
23.2 สเปกตรมั คล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้
หนว่ ยท่ี 24 สมบัตแิ สงเชิงฟสิ ิกส์
24.1 การแทรกสอดของแสง

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสูค่ วามเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

รายวชิ า เนือ้ หา ความรู้พน้ื ฐาน ห น้ า | 77

24.2 การเลีย้ วเบนของแสง รปู แบบการประเมิน
24.3 แสงโพลาไรซ์ Summative (20 คะแนน)
24.4 การกระเจิงแสง - แบบทดสอบอตั นัย
หน่วยท่ี 25 ฟิสกิ สอ์ ะตอม Formative 2 (15 คะแนน)
25.1 การคน้ พบอิเลก็ ตรอน - แบบทดสอบอตั นยั
25.1.1 อะตอมและโครงสรา้ งสสาร - ชิ้นงาน
25.1.2 การทดลองของทอมสนั คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
25.1.3 การทดลองของมิลลิแกน (10 คะแนน)
25.2 ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กตรกิ สอบปลายภาค (40 คะแนน)
25.2.1 ปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ลก็ ตรกิ - แบบทดสอบปรนยั
25.2.2 การเกิดกระแสไฟฟา้ จาก

ปรากฏการณโ์ ฟโตอเิ ลก็ ตรกิ
25.2.3 ผลการทดลองปรากฏการณ์

โฟโตอเิ ลก็ ตรกิ
25.2.3 ส่ิงที่ไดจ้ ากกราฟและสมั พันธ์

ระหว่างความต่างศกั ยห์ ยุดย้งั
กบั ความถี่แสง

25.2.4 ปรากฏการณค์ อมป์ตัน
25.3 แบบจาลองอะตอม

25.3.1 สเปกตรมั อะตอม
25.3.2 แบบจาลองอะตอมของทอมสนั
25.3.3 แบบจาลองอะตอมของ

รทั เทอรฟ์ อรด์
25.3.4 ทฤษฎีอะตอมไฮโดรเจนของโบร์
25.3.5 การทดลองของแฟรงคแ์ ละเฮรติ ซ์
25.3.6 รงั สเี อ็กซ์
25.3.7 สมมตุ ิฐานของเดอบรอยล์
25.3.8 กลศาสตรค์ วอนตมั
25.3.9 หลักการสรา้ งเลเซอร์
หนว่ ยที่ 26 ฟสิ กิ สน์ ิวเคลียร์
26.1 กัมมนั ตภาพรงั สี
26.1.1 การค้นพบกมั มนั ตภาพรังสี
26.1.2 ชนิดของกมั มนั ตภาพรงั สี
26.1.3 การสลายนิวเคลยี สของธาตุ

กัมมันตภาพรงั สี
26.2 เสถียรภาพนิวเคลยี สและ

ปฏิกริ ิยานวิ เคลยี ร์
26.2.1 เสถยี รภาพนิวเคลียส
26.2.2 ปฏิกริ ิยานิวเคลยี ร์
26.2.3 ประโยชนแ์ ละโทษจาก

กมั มนั ตภาพรังสแี ละ
พลงั งานนวิ เคลียร์

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 78

แบบฝึกหัดวชิ าฟสิ ิกส์
1. ผลการทดลองการเคลื่อนทแี่ นวตรงได้แถบกระดาษ ดงั รูป ขนาดความเรว็ ณ จุดท่ี 5 มีค่ามากกวา่ คา่

ความเรว็ ณ จดุ
ที่ 3 บนแถบกระดาษน้ี อยู่ก่ี cm/s กาหนดใหเ้ ครือ่ งเคาะสญั ญาณเวลาได้ 50 ครั้ง/วินาที

จดุ ที่ 1 2 3 4 5 6 ทศิ การ
     ของแถบ
4.0 6.2 9.2 cm
เคลอ่ื นท่ี

กระดาษ
0 1.0 2.4

2. วตั ถุเคลื่อนทโ่ี ดยมีความเรว็ เป็นช่วงๆตามที่แสดงในกราฟ v-t ความเรว็ เฉลย่ี ตลอดเวลาที่เคลอื่ นที่ไดใ้ น 4

วนิ าที

มคี ่าเทา่ ไร V (m/s)

6 23 4 t(s)
4
2

01

3. วัตถมุ วล m ผูกตดิ กบั เชือกยาว L เรมิ่ ปลอ่ ย 4 4 O 1
จากตาแหน่ง 1 ซงึ่ อยูใ่ นแนวระดบั 30°30°
และแนวเดยี วกบั จดุ ทผ่ี กู เชอื ก O วัตถุ 3
จะแกว่งไปหยุดที่ตาแหน่ง 4 พอดี L
จงหาว่าขณะวตั ถผุ า่ นตาแหน่ง 3 อัตราส่วน
พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วงต่อพลงั งานจลน์เปน็ เทา่ ใด 2

4. ทาใหว้ ัตถไุ ถลขึน้ พน้ื เอยี งฝืดมมุ  ขณะวัตถุเหลอื ความเร็วเปน็ 1/3 ของความเรว็ ต้น วัตถุจะมี
พลงั งานศักย์โน้มถ่วง

เป็นกี่เทา่ ของพลังงานจลน์ กาหนดสัมประสิทธ์ิความเสียดทานจลน์ระหว่างวัตถุกบั พ้ืนเป็น a

v
3

v

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 79

B 5. ชายตนหนงึ่ ออกแรงคงท่ี 300 นิวตัน ดงึ เชือกทีผ่ ูกมวลหนกั 20 kg
ซึง่ อยู่น่ิงท่ีจดุ A ไปตามรางโคง้ ล่ืนยาว 1 ใน 4 ของวงกลมซ่ึง
0.5 m ตดิ ตงั้ ไวใ้ นแนวดิง่ ดงั รูป เมื่อมวลเคลื่อนท่จี าก A ถงึ B โด
ใช้เวลา 1 นาที จงหากาลงั ของชายคนน้ีและหาความเร็วของ
60 มวล A เม่อื เคล่ือนท่ีผา่ นจดุ B

300 N A

20 kg
2m

6. ปล่อยวัตถุเล็กๆจากท่ีสูง 8.0 เมตร ลงมาตามรางโคง้ ลน่ื ระหวา่ งรางโคง้ ลืน่ เปน็ พื้นราบฝดื มี
สมั ประสทิ ธค์ิ วามเสยี ดทานจลน์ 0.5 จงหาวา่ เมอ่ื วัตถหุ ยุดจะหยดุ ห่างจากจดุ กึ่งกลางทางราบก่เี มตร

8.0 m 
1.5 m

7. จากรูป กาหนดให้ เวกเตอร์ A มีขนาด 2 หน่วย , เวกเตอร์ B มขี นาด 5 หนว่ ย , เวกเตอร์ C มีขนาด 15
หน่วย และเวกเตอร์ D มขี นาด 10 หนว่ ย จงหาเวกเตอร์ลพั ธข์ องเวกเตอร์ท้ังสี่มีขนาดเท่าใดและทิศใด

y

CB

37 A x
53

D

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสคู่ วามเป็นเลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 80

8. ปลอ่ ยมวลใหไ้ ถลโดยไม่มีความฝดื จากหยุดนงิ่ ทีจ่ ุด A ไปสดุ ราง AB จะใช้เวลาเป็นกี่เทา่ ของการไถลไปสดุ
ราง AC ทงั้ นีก้ าหนดวา่ มุม   90 (ตอบในรปู ของ  )

g

A

B
C

9. ยงิ วัตถขุ นึ้ ไปดว้ ยความเร็วตน้ 20 เมตรตอ่ วนิ าที ทามุม 53 องศากับแนวระดับ โดยยิงขึน้ ไปบนพน้ื เอียง
ซง่ึ เอียง 37 องศากับแนวระดับ ดงั รูป วัตถุจะตกบนพืน้ เอยี งได้ระยะความยาวตามพืน้ เอยี งเท่าใด

?

53 37

10. วัตถุสองก้อนมวล m และ M (โดย M > m) ผูกตดิ กันด้วยเชอื กเบาและคลอ้ งผ่านรอกลืน่ ที่ยอดของพืน้
เอยี งทรงสามเหลี่ยมหนา้ จว่ั ดังรปู หากค่าสัมประสิทธิแ์ รงเสียดทานจลนร์ ะหวา่ งพน้ื เอยี งกับมวลทั้งสอง
ก้อนเท่ากบั  จงหาคา่  ทท่ี าใหก้ อ้ นมวลมีการเคลื่อนทด่ี ้วยอัตราเรว็ คงท่ี

T

mM

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 81

11. จงหาค่ามมุ  ท่ที าใหแ้ รงดึงในสายเคเบลิ AC ทเ่ี กิดจากแรงดงึ 100 นิวตนั มคี า่ น้อยท่สี ดุ

A

C 100 N

48

B

เฉลยแบบฝึกหดั วชิ าฟิสิกส์

1. 55 2. 2.5 เมตร/วินาที
3. (2 - 3 ) : 2 4. 8

5. 15 วัตต,์ 5 เมตร/วนิ าที 9a cot

7. แรงลพั ธ์ขนาดประมาณ 17 หน่วย และมที ิศทามมุ arctan 0.375 กันทศิ –x 6. 0.15

9. 10.5 เมตร 10.   M m  t an  8. 1
 m 
 M  cos 

11.   42

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสคู่ วามเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 82

การเตรียมความพรอ้ มสาหรับการเรยี นวิชาเคมีในโรงเรียนเตรยี มอดุ มศกึ ษา

วิชาเคมี ทนี่ ักเรียนสายวิทย์ – คณิต ตอ้ งเรียนตลอดระยะเวลา 3 ปี ในโรงเรียนเตรียมอดุ มศกึ ษา
ดงั นี้ นกั เรยี นสายวทิ ย์ – คณิตทัว่ ไป เรียนทั้งหมด 6 รายวิชา ไดแ้ ก่ รายวชิ า ว30221 เคมี 1 , ว30222 เคมี 2
, ว30223 เคมี 3 , ว30224 เคมี 4 , ว30225 เคมี 5 และ ว30226 เคมี 6

หลกั สูตรวิชาเคมสี าหรับนกั เรยี นสายวทิ ย์ – คณติ

เนอื้ หา ความรูพ้ ืน้ ฐาน รูปแบบการประเมิน

หน่วยท่ี 1 ความปลอดภยั และทกั ษะใน อัตราสว่ นคะแนนระหว่างภาค :

ห้องปฏบิ ตั ิการเคมี ปลายภาค = 60 : 40

สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตรายของ - ทกั ษะปฏิบัติการเคมี Formative 1 (15 คะแนน)
สารเคมีในระบบ GHS และ NFPA ข้อควรปฎิบัติ เบือ้ งต้น - แบบทดสอบอตั นยั
ในการทาปฎิบัติการเคมี ทั้งก่อนทาปฏิบัติการ - ทักษะการอ่านเครื่องมือ - สอบปฏิบตั กิ ารการทดลอง
ขณะทาปฏิบัตกิ ารและหลงั ทาปฏบิ ตั ิการ การ วทิ ยาศาสตร์ - แบบฝกึ หดั
กาจัดสารเคมี และการปฐมพยาบาล เมื่อ - ทักษะการจัดกระทา - ชิน้ งาน
ได้รับอุบัติเหตุจากสารเคมี การพิจารณาความ ข้อมลู

น่าเช่ือถือของข้อมูลท่ีได้จากการวัดจากความ Summative (20 คะแนน)
เที่ยงและความแม่น การเลือกใช้อุปกรณ์ วัด -แบบทดสอบอัตนยั
ปริมาตรและวัดมวลได้อย่างเหมาะสม เลข

นัยสาคัญ หน่วยวัดในระบบเอสไอ แฟกเตอร์ Formative 2 (15 คะแนน)
เปล่ียนหน่วย วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ - บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ - สอบปฏบิ ตั ิการการทดลอง
จติ วทิ ยาศาสตร์ - แบบฝึกหัด

หนว่ ยท่ี 2 อะตอมและสมบัติของธาตุ - ชิ้นงาน

แบบจาลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน - เน้ือหาเคมีระดับชั้นม.ต้น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
รัทเทอร์ฟอร์ด โบร์และแบบกลุ่มหมอก อนุภาค แบบจาลองอะตอม รปู แบบ (10 คะแนน)
มลู ฐานของอะตอม สญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ ตา่ ง ๆ

เลขอะตอม เลขมวล ไอโซโทป เขียนการจัดเรียง - โครงสร้างอะตอม เร่ือง สอบปลายภาค (40 คะแนน )
อิเล็กตรอนในอะตอม ระดับพลังงานของ จานวนอนภุ าคมลู ฐาน -แบบทดสอบปรนยั
อิเล็กตรอน ออร์บิทัล และเวเลนซ์อิเล็กตรอน เลขอะตอม เลขมวล

วิวัฒนาการของการสร้างตารางธาตุและตาราง การจดั เรียงอเิ ล็กตรอน

ธาตุในปัจจุบัน แนวโน้มสมบัติบางประการของ - เนื้อหาเคมีระดบั ช้ัน

ธาตุในตารางธาตุตามหมู่และตามคาบเก่ียวกับ ม.ต้น เรื่องแนวโน้มสมบัติ

ขนาดอะตอม ขนาดไอออน IE EN และ EA ข อ ง ธ า ตุ ใ น ต า ร า ง ธ า ตุ

สมบตั ิของธาตุแทรนซิชัน ธาตกุ มั มันตรงั สี สมบัติของธาตุตามแนวหมู่

โครงการอบรมเตรียมความพรอ้ มสู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

เนอื้ หา ความรู้พน้ื ฐาน ห น้ า | 83
รปู แบบการประเมนิ

การเกิดกัมมันตภาพรังสี การสลายตัวและ แ ล ะ ค า บ ร ว ม ทั้ ง ธ า ตุ

อันตรายจากไอโซโทปกัมมันตรังสี คานวณครึ่ง กั ม มั น ต รั ง สี ไ อ โ ซ โ ท ป

ชีวิตของธาตุกัมมันตรังสี ปฏิกิริยานิวเคลียร์และ กัมมันตรังสี รังสีแอลฟา

เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับการใช้สารกัมมันตรังสี รังสีบีตารังสีแกมมา สมการ

การนาธาตุไปใช้ประโยชน์และผลกระทบต่อ นิวเคลียร์ คร่ึงชีวิตของ

สิง่ มีชีวติ และสงิ่ แวดล้อม ไ อ โ ซ โ ท ป กั ม มั น ต รั ง สี

ป ฏิ กิ ริ ย า นิ ว เ ค ลี ย ร์ แ ล ะ

อันตรายและประโยชน์ของ

ไอโซโทปกัมมนั ตรังสี

หนว่ ยที่ 3 โมลและสตู รเคมี - เนอ้ื หาเคมรี ะดบั ชัน้ ม.ตน้

คานวณมวลอะตอม มวลอะตอมเฉลี่ย โมล ปริมาณสารสัมพันธ์ เร่ือง

ม ว ล ต่ อ โ ม ล ม ว ล โ ม เ ล กุ ล แ ล ะ ม ว ล สูตร ความสัมพันธ์ระหว่างโมล

ความสัมพันธ์ระหว่างจานวนโมล อนุภาค มวล กับปรมิ าณสารในหน่วยอื่น

และปรมิ าตรของแกส๊ ที่ STP สูตรเคมีและการหา - ทักษะการคานวณทาง

มวลเป็นร้อยละจากสตู ร กฎทรงมวล กฎสัดสว่ น คณิตศาสตร์ การคานวณ

คงที่ สตู รอยา่ งง่าย สูตรโมเลกลุ ทั่วไป เร่อื งเลขยกกาลังและ

ราก (กรณฑ)์

หนว่ ยที่ 4 พนั ธะเคมี - การท่องตาราง
สญั ลักษณ์แบบจดุ ของลิวอสิ และกฎออกเตต จาสญั ลักษณธ์ าตุ บอกหมู่
และคาบในตารางธาตุได้
การเกิดพันธะโคเวเลนต์ โครงสร้างลวิ อิส
สตู รโมเลกุลและช่ือของสารโคเวเลนต์ ความยาว
และพลงั งานพนั ธะ เรโซแนนซ์ การคานวณ
พลงั งานพันธะและพลงั งานของปฏกิ ริ ยิ า รูปร่าง
และสภาพข้ัวของโมเลกุลโคเวเลนต์
แรงยึดเหน่ียวระหว่างโมเลกลุ และสมบตั ขิ องสาร
โคเวเลนต์ สารโคเวเลนต์โครงรา่ งตาข่าย
การเกิดพันธะไอออนิก สตู รเคมี และช่อื ของ
สารประกอบไอออนกิ พลังงานกบั การเกดิ
สารประกอบไอออนกิ สมบัติของสารประกอบ
ไอออนิก สมการไอออนิกและสมการไอออนิก
สทุ ธิ การเกิดพันธะโลหะ สมบตั ิของโลหะ และ
การนาสารประกอบชนิดตา่ งๆไปใช้ประโยชน์

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

เนอ้ื หา ความรู้พ้นื ฐาน ห น้ า | 84
รูปแบบการประเมิน

หนว่ ยท่ี 5 แกส๊ และสมบตั ิของแกส๊

สมบัติของแก๊ส กฎต่าง ๆ ของแก๊ส กฎของ - ความรูเ้ รอ่ื งโมลของสาร

บอยล์ กฎของชารล์ กฎรวมแก๊ส กฎแกส๊ สมบูรณ์ - การคานวณทาง

ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ การแพร่ของแกส๊ คณติ ศาสตร์ เน้นทกั ษะการ

คานวณทัว่ ไป

หนว่ ยที่ 6 สารละลาย

ความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยต่างๆ - การคานวณโดยใชห้ นว่ ย

การเตรียมสารละลาย การหาจุดเดือด จุดเยือก- นาทาง

แข็งหรือจุดหลอมเหลวของสารละลายท่ีแตกตา่ ง -ความรู้เร่ืองโมลของสาร

จากสารบรสิ ทุ ธ์ิ

หนว่ ยที่ 7 ปริมาณสัมพนั ธ์

ปริมาณสมั พนั ธข์ องแก๊สตามกฎของ -ทักษะการคานวณทาง

เกย์–ลูสแซก และกฎอาโวกาโดร สูตรเอมพริ ิคลั คณิตศาสตร์ทัว่ ไป

สูตรโมเลกุล มวลขององค์ประกอบจากสูตรเคมี -สมการเคมี

ปรมิ าณสัมพนั ธข์ องสารในสมการเคมี

หน่วยท่ี 8 อตั ราการเกิดปฏริ ิยาเคมี

อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี แนวคิดเกี่ยวกับการ - การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี

เกิดปฏิกิริยาเคมี พลังงานกับการดาเนินไปของ -ทกั ษะการคานวณทาง

ปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่ออัตรา การ คณติ ศาสตร์ทัว่ ไป

เกิดปฏิกิริยาเคมี ได้แก่ ความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิว

อุณหภูมิ ความดันของแก๊ส ตัวเร่งปฏิกิริยา

และตวั หนว่ งปฏิกิรยิ า

หนว่ ยที่ 9 สารอนิ ทรีย์

โครงสร้างสารอินทรีย์ สูตรโครงสร้างแบบลิวอิส -กฎออกเตด

แบบย่อ แบบลิวอิสผสมแบบย่อ แบบเส้นและ -การเขยี นสูตรโครงสร้าง

มุม สูตรโครงสร้างแบบโซ่เปิด และแบบวง แบบเส้น

ปรากฏการณ์ไอโซเมอริซึม สารประกอบ

ไฮโดรคาร์บอน หมู่ฟังก์ชัน ปฏิกิริยาเคมีของ

แอลกอฮอล์ กรดอินทรีย์ เอสเทอร์ แอลดีไฮด์

คีโตน เอมีนและเอไมด์ สารประกอบอินทรีย์

น า ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ า วั น แ ล ะ

อตุ สาหกรรม

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

เนือ้ หา ความรพู้ น้ื ฐาน ห น้ า | 85
รปู แบบการประเมนิ
หนว่ ยท่ี 10 พอลิเมอร์
ชนิดและประเภทปฏิกิริยาของพอลิเมอร์ ชนิด การแยกปิโตรเลียม และ
สมบัติ ประโยชน์ของพลาสติก เส้นใยและยาง การนา ไปใชป้ ระโยชนท์ า
มลพษิ แนวทางแก้ไขและการป้องกนั สิ่งแวดล้อม เปน็ ผลิตภัณฑ์ตา่ ง ๆ เชน่
การประหยัดพลงั งานและการใชพ้ ลงั งานทดแทน พลาสตกิ เส้นใย

ยาง

หน่วยท่ี 11 สมดุลเคมี
ศึกษาเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงที่ผันกลับได้ - อัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
ความหมายและสมบัติของภาวะสมดุล สมดุล - การคานวณเกยี่ วกับโมล
ระหว่างสถานะ สมดุลในสารละลายอิ่มตัว และปริมาณสัมพันธ์
สมดุลในปฏิกิริยาเคมี ความสัมพันธ์ระหว่าง - การคานวณทาง
ความเข้มข้นของสารต่างๆ ณ ภาวะสมดุล คณิตศาสตร์การคานวณ
ค่าคงที่สมดุลกับสมการเคมี การคานวณเกี่ยวกบั ทว่ั ไป เนน้ เรอื่ งเลขยกกาลัง
ค่าคงท่ีสมดุล ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสมดุล การ และรากที่ 2
เปล่ียนแปลงภาวะสมดุล หลักของเลอชาเตอลิเอ
การใช้หลักของเลอชาเตอลิเอในอุตสาหกรรม
สมดุลเคมีในสิ่งมีชวี ติ และสงิ่ แวดล้อม
หนว่ ยท่ี 12 กรด – เบส
ศึกษาเกี่ยวกับสารละลายอิเล็กโทรไลต์และ - กรด – เบส ระดบั ม.ต้น
สารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ ไอออนใน - สมดุลเคมี
สารละลายกรด-เบส ทฤษฎีกรด – เบส คู่กรด - การคานวณเกย่ี วกับโมล
– เบส การแตกตัวของ กรด – เบส การ และปริมาณสัมพันธ์
คานวณหาไอออนในสารละลาย กรดแก่ – เบส - การคานวณทาง
แก่ คา่ คงท่สี มดลุ กรด-เบส การคานวณหาไอออน คณิตศาสตร์การคานวณ
ในสารละลายกรดอ่อน – เบสอ่อน การแตกตัว ทว่ั ไป เน้นเรอ่ื งเลขยกกาลงั
เป็นไอออนของน้าและการเปลี่ยนแปลงความ รากที่ 2 และลอการิทึม
เข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนและไฮดรอกไซด์
ไอออนในน้า การคานวณหา pHของสารละลาย
อินดิเคเตอร์สาหรับกรด – เบส ปฏิกิริยา
ระหว่างกรดกับเบส ปฏิกิริยาสะเทิน ปฏิกิริยา
ของกรดหรือเบสกับสารบางชนิด เกลือและ
ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส กระบวนการและ การ
เลือกอินดิเคเตอร์ในการไทเทรตกรด -เบส
การคานวณหา pH ของสารละลายในการ
ไทเทรตต้ังแต่เร่ิมต้นการไทเทรตจนถึงจุดสมมูล

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

เนอื้ หา ความรูพ้ ้ืนฐาน ห น้ า | 86
รปู แบบการประเมนิ
สารละลายบัฟเฟอร์และสมบัติของสารละลาย
บฟั เฟอร์

หน่วยที่ 13 เคมไี ฟฟา้
ศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยารีดอกซ์และนอนรีดอกซ์ - เซลลไ์ ฟฟ้าระดบั ม.ตน้
ปฏิกริ ิยา-ออกซิเดชัน ปฏกิ ริ ิยารีดกั ชัน ตัวรีดวิ ซ์ - สมบตั ขิ องธาตใุ นตาราง
ตัวออกซิไดส์ การเปรียบเทียบความสามารถใน ธาตุ
การถ่ายโอนอิเล็กตรอนของสารจากข้อมูลการ - การคานวณเกี่ยวกับโมล
ทดลอง การเขียนและการดุลสมการรีดอกซ์โดย และปริมาณสมั พันธ์
ใช้เลขออกซิเดชันที่เปล่ียนไปและโดยวิธีครึ่ง - การคานวณทาง
ปฏิกิริยา เซลล์ไฟฟ้าเคมี เซลล์กัลวานิก การ คณิตศาสตร์ทว่ั ไป
เขียนแผนภาพเซลล์กัลวานิก การหาค่า
ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์และศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของ
คร่ึงเซลล์ การเปรียบเทียบความสามารถในการ
ทาหน้าที่ตัวรีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ของสารจาก
ค่าศักย์ไฟฟ้า เซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ทุติยภูมิ
บางชนิด เซลล์อิเล็กโทรไลติก การแยกสารไอ
ออนิกท่ีหลอมเหลวและการแยกสารละลายด้วย
กระแสไฟฟ้า การชุบโลหะ การทาโลหะให้
บริสุทธิ์โดยใชเ้ ซลล์อิเล็กโทรไลติก การกัดกร่อน
ของโลหะและการป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ
ความก้าวหนา้ และเทคโนโลยที ่ีเกี่ยวข้องกับเซลล์
เคมไี ฟฟ้า

หน่วยท่ี 14 บูรณาการ
การแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดข้ึนใน - ความรู้วชิ าเคมีทุก
ชีวิตประจาวัน การประกอบอาชีพ หรือ ระดบั ชน้ั
อุตสาหกรรมโดยใช้ความรู้ทางเคมี โดยมีการบูร - ความรวู้ ทิ ยาศาสตรใ์ น
ณาการความรู้วิชาเคมีในแต่ละระดับชั้น รวมทงั้ สาขาต่างๆ
บูรณาการความรู้วิชาเคมีร่วมกับสาขาวิชาอื่น มี - การคานวณทาง
การใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรร มเ พ่ือ - การใช้เทคโนโลยี
แก้ปัญหา และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการ สารสนเทศ
นาเสนอผลงาน

** อาจปรบั เปลีย่ นได้ตามความเหมาะสม

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มส่คู วามเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 87

แนวทางในการเรยี นวชิ าเคมใี ห้ประสบความสาเร็จ
1. นกั เรียนตอ้ งมีความรู้และความเขา้ ใจเรื่อง ตารางธาตุและสมบัติของธาตุเป็นอย่างดี มพี ื้นฐานปริมาณ
สารสมั พนั ธ์ เพราะต้องนาไปใชใ้ นการเรยี นเคมที ุกเร่ือง
2. การทดลองเป็นหวั ใจสาคัญของการเรียนวิชาเคมี เพราะทาให้นักเรียนเข้าใจทฤษฎีที่เป็นรูปธรรมมาก
ขึ้น
โดยไมเ่ นน้ การจา
3. การทาแบบฝกึ หัดและทบทวนอย่างตอ่ เนื่องจะชว่ ยให้นกั เรยี นสามารถทาคะแนนไดด้ ี
4. นักเรียนควรศึกษาบทเรียน วางแผนการเรียนและการเตรียมตัวในการสอบล่วงหน้า
ประมาณ 2 สัปดาห์
5. ควรทากิจกรรม ใบงาน หรืองานท่ีครูมอบหมายอย่างต่อเน่ืองและส่งตรงเวลา รวมทั้งมาเรียน
ในคาบเรียน อยา่ งสม่าเสมอจะทาให้คะแนนเกบ็ ของนักเรียนดีและได้ผลการเรยี นอยู่ในระดับที่ดีมาก

เอกสารประกอบการสอน
1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ (เคมี) ของสสวท. เล่ม 1 – เลม่ 5
2. เอกสารประกอบการเรียนการสอนท่คี ณะครผู สู้ อนแตล่ ะระดบั ชน้ั จดั ทาขนึ้ นักเรียนสามารถสอบถาม
จากครูผูส้ อนประจาวชิ า
3. หนังสือแบบฝึกหัดเพ่ิมเติมท่ีคณะครูผู้สอนแต่ละระดับชั้นจัดทาข้ึน นักเรียนสามารถสอบถาม
จากครูผสู้ อนประจาวชิ า

สิง่ ทีเ่ ปน็ ปัญหาและอปุ สรรคในการเรียน
1. นักเรียนตอ้ งเขา้ เรียนสมา่ เสมอ เพ่ือใหไ้ ด้รบั ความรู้ครบถว้ นและเข้าใจเนือ้ หาอย่างต่อเน่อื ง
2. ติดตามงานท่ีต้องปฏิบัติ เช่น การทาการทดลอง การส่งชิ้นงานและแบบฝึกหัด เพราะแสดงถึง
ความรับผิดชอบและการรกั การเรยี นร้ใู นวิชาเคมี
3. ติดตามข้อมูลข่าวสารการสอบเข้ามหาวิทยาลัยล่วงหน้า เพ่ือนามาวางแผนการเตรียมความพร้อม
ในการสอบทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น

เอกสารเพิม่ เติม
1. หนังสอื เคมภี าษาองั กฤษ
2. หนงั สอื เคมีในระดบั มหาวิทยาลัย
3. เวบ็ ไซตท์ างวทิ ยาศาสตรท์ ี่น่าสนใจ
4. Dictionary ศัพท์วิทยาศาสตร์

รางวลั สาหรบั ผู้ทาคะแนนยอดเยี่ยม
นกั เรียนทส่ี อบได้คะแนนปลายภาคสูงสดุ ของแต่ละระดับช้ันใน 1 ปีการศกึ ษา ( 2 ภาคเรียน)
จะไดร้ บั โลค่ ะแนนสูงสดุ ของระดบั ชน้ั
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีโครงการส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการทุกสาขาวิชา

นักเรียนท่ีสนใจวิชาเคมี สามารถสมัครเข้ารับการคัดเลือก เพื่อเข้าอบรม สอวน. ค่าย 1 ค่าย 2 และ
คัดเลอื กเปน็ ตวั แทนไปแข่งขนั ระดบั ชาติ และระดับโลกตามลาดับ

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสคู่ วามเป็นเลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 88

แบบฝึกหดั วิชาเคมี

1. ในการเตรยี มสารละลายกรดแอซีติกความเข้มข้น 1.00 mol/dm3 ปริมาตร 250 cm3 จากกรดแอซีติก
บรสิ ุทธ์ทิ ่มี ีความหนาแน่น 1.10 g/cm3 จะตอ้ งใชก้ รดแอซตี กิ บริสุทธิ์ก่ี cm3

1. 13.6 2. 15.0 3. 16.5 4. 25.0

2. สารละลาย HX ที่มเี น้ือ HX ร้อยละ x โดยมวล มคี วามหนาแนน่ y g/cm3 จะมคี วามเขม้ ข้นกี่
mol/dm3 ถ้า HX มมี วลโมเลกุล A

1. 10 y/xA 2. 10 A/xy 3. 10 /xyA 4. 10 xy/A

3. ในการตรวจสอบคุณภาพของน้าประปาตวั อย่างพบว่า มสี ารอินทรีย์มวลโมเลกุลเท่ากับ 250 เจอื ปนอยู่

4  10–7 mol/dm3 ถา้ ในแตล่ ะวันประชาชนดืม่ นา้ ประปานีเ้ ข้าไป 2,000 cm3 ต่อวันตอ่ คน

ปรมิ าณของสารอนิ ทรีย์ท่ีร่างกายรับเขา้ ไปต่อวันมีกี่ mg

1. 1  10–4 2. 2  10–4 3. 1  10–1 4. 2  10–1

4. ในห้องปฏิบัตกิ ารมนี า้ สม้ สายชูขวดหน่งึ ท่สี ลากเขยี นว่า น้าส้มสายชบู ริสุทธิ์ 5 % โดยมวล

ความหนาแนน่ ของสารละลาย 1.2 g/cm3 ปรมิ าตรสทุ ธิ 700 cm3 ถา้ ต้องการเตรียมนา้ สม้ สายชู

เขม้ ข้น 0.1 mol/dm3 ปรมิ าตร 500 cm3 จะตอ้ งทาอยา่ งไรจากน้าส้มสายชูขวดน้ัน
1. แบง่ มา 50 cm3 เติมนา้ ลงไปอีกจนได้สารละลายมปี ริมาตร 500 cm3

2. แบ่งมา 50 cm3 เติมน้าลงไปอีกจนได้สารละลายมีปรมิ าตร 1000 cm3

3. นาน้าส้มสายชขู วดนน้ั มาเติมนา้ อีกเท่าตัวแล้วแบง่ มาเพียง 500 cm3
4. นาน้าส้มสายชขู วดน้ันมาเติมน้าอีก 2 เทา่ ตัว แลว้ แบ่งมาเพียง 1000 cm3

5. น้าทะเลมีไอโอดนี รอ้ ยละ 2.54 โดยมวล จงหาปรมิ าตรของน้าทะเลในหน่วย dm3 ที่มีไอโอดนี ในรปู

ของไอโอไดด์ไอออนอยู่ 1.21  1024 อนุภาค กาหนดให้ความหนาแนน่ ของน้าทะเลเท่ากับ 1.5 g/cm3

1. 4.3 2. 6.7 3. 10.0 4. 13

6. ในการวเิ คราะห์ผักบ้งุ 100 g พบว่ามีตะกัว่ 0.208 ส่วนในล้านส่วน ผกั บุง้ จานวนน้ีมตี ะกว่ั อยกู่ ี่อะตอม

1. 6.02  1014 2. 6.02  1016 3. 6.02  1020 4. 6.02  1022

7. สารละลาย A เกิดจากการละลาย Na2CO3 31.8 g ในนา้ จนได้สารละลาย 500 cm3 ถา้ ตอ้ งการเตรยี ม
สารละลาย Na2CO3 0.2 mol/dm3 180 cm3 จากสารละลาย A จะต้องแบง่ สารละลาย A มาก่ี cm3

1. 60 2. 90 3. 120 4. 150

8. สารละลาย A เตรยี มจากการละลาย Na2CO3 5.3 g ในนา้ 250 cm3 ถา้ ท่านต้องการเตรยี มสารละลาย
Na2CO3 เขม้ ข้น 0.01 mol/dm3 จานวน 500 cm3 จะตอ้ งนาสารละลาย A มาก่ี cm3
1. 15 2. 20 3. 25 4. 30

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 89

9. ถ้าต้องการเตรยี มกรดไฮโดรคลอรกิ เข้มขน้ 0.50 mol/dm3 จานวน 100 cm3 จากกรดเข้มข้น

36.0 % m ซึ่งมีความหนาแนน่ 1.20 g/cm3 จะตอ้ งใช้กรดน้ีก่ี cm3

1. 4.22 2. 5.07 3. 5.52 4. 6.08

10. จะตอ้ งเติมน้าลงในสารละลายคอปเปอร์(II)ซัลเฟต (CuSO4) ทม่ี คี วามเข้มขน้ 16 g/dm3 จานวน
200 cm3 ก่ี cm3 เพื่อให้ได้สารละลายคอปเปอร์(II)ซลั เฟต ที่มีความเข้มขน้ เป็น 0.01 mol/dm3

1. 2,200 2. 2,0000 3. 1,800 4. 200

11. กาหนดให้คา่ คงทสี่ มดุลของปฏิกิรยิ าตอ่ ไปน้ี ทีอ่ ุณหภูมิ 250 C มคี า่ a,bและ c ดังน้ี

2N2O(g) 2N2(g) + O2(g) K1 = a

2N2O4(g) 4NO2(g) K2 = b

N2(g) + 2O2(g) 2NO2(g) K3 = c

2N2O(g) + 3O2(g) 2N2O4(g) K4 = ………

K4 มคี า่ เทา่ ใดในเทอม a , b และ c 4. ac2/b
1. ac2b
2. c/ab 3. ac/b

12. เผา NaHCO3ได้แกส๊ CO2ดังสมการ

2NaHCO3(s) Na2CO3(s) + CO2(g) + H2O(g)
ท่อี ุณหภูมิ 1000C มีคา่ คงทีส่ มดลุ เทา่ กับ 0.04 mol2 dm¯6 ถ้าเผา NaHCO3หนัก 80 g ในภาชนะปดิ
ขนาด 2dm3 ทีภ่ าวะสมดลุ NaHCO3สลายตัวไปรอ้ ยละเทา่ ใดโดยน้าหนัก

(Na = 23 , C = 12 , O = 16)

1. 10.5 2. 21 3. 42 4. 84

13. จงพิจารณาปฏกิ ิรยิ า N2O4(g) + 58.0 kJ 2NO2(g)

มกี ารเปลย่ี นแปลงใดบ้างที่ทาใหส้ มดุลเลือ่ นไปทางขวา

ก) เติม N2O4 ข) ลด N2O4 ค) ลด NO2
ฉ) ลดอุณหภมู ิ
ง) เพม่ิ ความดันโดยการเติม N2(g) จ) เพิม่ ปรมิ าตร

1. ก , ค และ ง 2. ก , คและ จ

3. ค , จ และ ฉ 4. ข , ค และ จ

14. สารละลายเบสออ่ นเขม้ ขน้ 0.05 mol dm¯3 ปริมาตร 250 cm3 แตกตัวรอ้ ยละ 0.01

จะมี pH และค่าคงทสี่ มดุลของเบสอ่อนเทา่ ใดตามลาดบั

1. 8.7 , 5 x 10¯9 2. 10 , 2 x 10¯8
3. 8.7 , 5 x 10¯10 4. 12 , 2 x 10¯8

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมส่คู วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 90

15. สารละลายในข้อใดเป็นสารละลายบฟั เฟอร์

1. 10 cm3 1.0 mol dm¯3 NH3 + 10 cm3 1.0 mol dm¯3 NH4OH
2. 10 cm3 1.0 mol dm¯3 NaOH + 20 cm3 1.0 mol dm¯3 CH3COOH
1.0 mol dm¯3 Na2S
3. 10 cm3 1.0 mol dm¯3 H2S + 10 cm3 1.0 mol dm¯3 NaCN

4. 10 cm3 1.0 mol dm¯3 CH3COOH + 20 cm3

16 จากข้อมูลตอ่ ไปนี้

อินดิเคเตอร์ ชว่ ง pH ทเี่ ปลย่ี นสี สีที่เปลี่ยน สขี องสารละลายตัวอย่าง

เมทลิ ออเรนจ์ 3.2 – 4.4 แดง – เหลอื ง เหลอื ง

คองโกเรด 3.0 – 5.0 น้าเงิน – แดง แดง

ฟีนอลเรด 6.8 – 8.4 เหลือง – แดง เหลอื ง

พิจารณาสารละลายตอ่ ไปน้ี

ก. สารละลาย H2SO4 2 x 10¯ 6 mol . dm¯ 3
ข. สารละลาย HA 0.1 mol dm¯3 ผสมกับ NaA 0.1 mol dm¯3 (Ka ของ HA เทา่ กับ 5 x 10¯5)
ค. สารละลายที่มีแก๊ส HCl ที่ 270C จานวน 0.001 โมล ละลายในน้า 50 dm3

สารละลายในข้อใด เปลย่ี นสอี นิ ดิเคเตอร์เชน่ เดียวกบั สารละลายตัวอย่าง

(กาหนด log 2 = 0.3 , log 5 = 0.7)

1. ก เทา่ นน้ั 2. ข เท่านั้น 3. ก และ ข เทา่ นน้ั 4. ก ข และ ค

17. ข้อใดเป็นปฏิกริ ิยารีดอกซ์ที่ตวั ออกซิไดสม์ ีการเปลย่ี นแปลงคา่ เลขออกซิเดชันมากที่สุด

1. KClO3 + 6 HCl + 3 SnCl2  KCl + 3 SnCl4 + 3 H2O
2. Cr2O72– + 14 H+ + 3 S2–  2 Cr3+ + 7 H2O + 3 S
3. 2CuSO4 + 4 KI  2 CuI + 2 K2SO4 + I2
4. NH3 + H+  NH4+

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 91

18. จากคา่ EOของครึ่งปฏิกิริยาตอ่ ไปน้ี

ปฏกิ ริ ยิ ารีดกั ชนั E0, V
– 0.83
2H2O + 2e¯  H2 + 2OH¯
0.00
2H+ + 2e¯  H2 +0.40
+1.09
O2 + 2H2O + 4e¯  4OH¯ +1.23

Br2 + 2e¯  2Br¯ 4. ค เท่านัน้

O2 + 4H+ + 4e¯  2H2O

ปฏกิ ริ ิยาอเิ ล็กโทรลิซิสของสารละลาย HBrเข้มข้น 1 mol/dm3

ก. ผลิตภณั ฑท์ เ่ี กดิ ข้ึนที่ข้วั แอโนดและแคโทด คือ O2และ H2ตามลาดับ

ข. ศกั ย์ไฟฟา้ ภายนอกที่ทาให้เกิดปฏิกริ ิยาเทา่ กบั 1.23โวลต์

ค. pHของสารละลายจะคอ่ ยๆเพ่ิมขึน้

ขอ้ ใดถกู ต้อง

1. ก ข 2. ก ค 3. ข ค

19. ในการถลุงแร่สติบไนต์มสี มการทีเ่ ก่ียวข้อง 2 ข้ันตอนคือ

ขั้นตอนท่ี 1 การย่างแร่เพ่อื เปล่ียนสารประกอบซัลไฟดข์ องพลวงใหเ้ ป็นสารประกอบออกไซด์

ข้ันตอนท่ี 2 รดี วิ ซส์ ารประกอบออกไซดข์ องพลวงด้วย CO(g) เพื่อให้ไดโ้ ลหะพลวง

ในการถลงุ โลหะพลวงจากแร่สติบไนตห์ นกั 136 กรมั พบว่าไดอ้ อกไซด์ของพลวงซ่งึ นาไปเผากับถา่ นไม้

จึงจะไดโ้ ลหะพลวงหนัก 24.4 กรมั แรส่ ตบิ ไนต์ทนี่ ามาถลุงมปี ริมาณของ Sb2S3 อยรู่ อ้ ยละเท่าใด

(ให้Sb = 122, S = 32, O = 16)

1. 12.5 % 2. 20 %

3. 25 % 4. 50 %

20. ขอ้ ใดถูกต้องเกี่ยวกับการผลติ โซเดยี มไฮดรอกไซด์โดยใช้เยอ่ื แลกเปลี่ยนไอออน

ก. เป็นเซลล์อิเลก็ โทรไลต์

ข. เกดิ ปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์

ค. เย่ือแลกเปลยี่ นไอออนจะยอมให้เฉพาะไอออนลบผา่ นได้เทา่ นั้น

ง. โซเดยี มไฮดรอกไซด์ท่ีไดจ้ ะมีความเข้มข้นมากกว่าที่ได้จากเซลลป์ รอท
จ. ที่แคโทดเกดิ ปฏิกริ ิยา 2H2O(l) + 2e– H2(g) + 2OH–(aq)

1. ก , ข , ค 2. ก , ข , จ

3. ข , ค , ง 4. ค , ง , จ



เฉลยแบบฝกึ หัดวิชาเคมี
ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20

คาตอบ 2 4 4 1 2 2 1 3 1 3 4 4 2 3 2 1 1 4 3 2

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 92

การเตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเรียนวิชาชีววทิ ยาในโรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษา

วิชาชีววิทยาที่นักเรียนสายวิทย์ – คณิตต้องเรียนตลอดระยะเวลา 6 ภาคเรียน ในโรงเรียน
เตรียมอุดมศึกษาจะต้องลงทะเบียนเรียนท้ังส้ิน 6 รายวิชา ได้แก่ รายวิชา ว30241 ชีววิทยา 1, ว30242
ชีววิทยา 2, ว30243 ชีววิทยา 3 , ว30244 ชวี วิทยา 4, ว30245 ชวี วทิ ยา 5 และ ว30246 ชีววทิ ยา 6

โดยมหี ลกั สตู รดังน้ี

รายวิชา เนื้อหา ความร้พู น้ื ฐาน รปู แบบการประเมิน

ม.4 หนว่ ยที่ 1 ส่งิ มีชีวิตและการ

ภาคเรยี นที่ ดารงชวี ิต 1. ความรเู้ รือ่ งการใช้ 1. Formative 1 (15
คะแนน)
1 1.1 ธรรมชาติของส่ิงมีชวี ิต กล้องจลุ ทรรศน์ – การสอบกล้องจุลทรรศน์
(5 คะแนน) ,
ว30241 - ความหมายและเกณฑค์ ณุ สมบัติ 2. ความรู้เรื่อง – ชิน้ งานและปฏบิ ตั ิการ
(10 คะแนน)
ชีววทิ ยา 1 ของส่ิงมีชวี ิต กระบวนการทาง
2. Summative (20
- ชวี จริยธรรม วทิ ยาศาสตร์ คะแนน)

1.2 การศกึ ษาชีววทิ ยา 3. Formative 2
(15 คะแนน)
- การศกึ ษาชีววิทยา กระบวนการ – การสอบอาณาจกั ร
สตั ว์
ทางวทิ ยาศาสตร์ (5 คะแนน)
– ช้ินงานและปฏิบัตกิ าร
- สว่ นประกอบของกลอ้ งจุลทรรศน์ ( 10 คะแนน)

หน่วยที่ 2 เซลลข์ องส่ิงมีชีวิต 1. ความรเู้ รือ่ งเซลล์ 4. ปลายภาค (40 คะแนน)
– สอบเนื้อหาทั้งหมด
2.1 เซลล์ของสง่ิ มชี ีวิต การลาเลียงสาร
5. คุณลักษณะอันพงึ
- เซลล์และทฤษฏีเซลล์ ผ่านเซลล์ ประสงค์ (10 คะแนน)

- การศกึ ษาโครงสร้างของเซลล์

ภายใต้กลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้แสง

และอิเล็กตรอน

- การรกั ษาดลุ ยภาพของเซลล์

- การลาเลยี งและสอ่ื สารระหวา่ ง

เซลล์

- การเปลย่ี นแปลงของเซลล์ และการ

ชราภาพของเซลล์

หนว่ ยที่ 3 ความหลากหลายทาง 1. รูจ้ ักความ

ชีวภาพ หลากหลายทาง

3.1 การศึกษาความหลากหลายทาง ชีวภาพ

ชีวภาพ 2. รจู้ ักระบบนเิ วศ

3.2 การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต 3. จาแนกสิง่ มีชีวิตได้

3.3 อาณาจักรของสิ่งมชี ีวติ

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมส่คู วามเป็นเลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 93

รายวชิ า เน้อื หา ความรู้พน้ื ฐาน รปู แบบการประเมนิ

ม.4 หน่วยท่ี 4 เคมพี ื้นฐานของ 1. เช่อื มโยงกับ 1. Formative 1 (15
ภาคเรียนที่ สงิ่ มีชวี ติ
ความรูเ้ รอื่ ง คะแนน)
2 4.1 โครงสร้างของพันธะเคมี
ว30242 ประเภทของหมู่ฟงั ก์ชนั โครงสรา้ ง – การสอบเคมีพน้ื ฐานของ
ชวี วิทยา 2 4.2 ประเภทและความแตกต่าง
ทางเคมขี องสารเคมี สิง่ มชี ีวติ (5 คะแนน)
ระหวา่ งสารอนิ ทรยี ์ สารอนนิ ท
รีย์และ สารชวี ทีเ่ ป็นอนิ ทรยี ส์ าร – ช้นิ งาน (10 คะแนน)
โมเลกุล
- โครงสร้างและหนา้ ทขี่ อง 2. ชนดิ ของ 2. Summative(20
คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ลพิ ิด
วติ ามนิ และกรดนิวคลีอิก สารอาหาร คะแนน)
4.3 ปฏิกริ ิยาเคมีภายในเซลล์ของ
สงิ่ มชี วี ิต – การสอบเรอื่ งการย่อย
หน่วยท่ี 5 ระบบยอ่ ยอาหาร
5.1 ความหมายและอวยั วะที่ อาหาร
เกี่ยวขอ้ งของระบบย่อยอาหาร
ของสิง่ มชี วี ิต 3. Formative
5.2 การลาเลยี งและการดูดซึม
สารอาหาร 2(15คะแนน)

หน่วยที่ 6 การรกั ษาดุลยภาพ – การสอบระบบหมุนเวียน
6.1 การรักษาดลุ ยภาพในร่างกาย
1. ระบบการ (5 คะแนน)
ของส่ิงมชี วี ิตเซลลเ์ ดียวและ
สิง่ มชี ีวิตโครงสร้างซับซอ้ น ยอ่ ยอาหารใน – ชน้ิ งานและปฏบิ ัตกิ าร
6.2 ระบบหายใจและโครงสร้างที่
ใช้ในการแลกเปล่ยี นแกส๊ ของ คน (10 คะแนน)
สิง่ มีชวี ติ 2 ชนิดของสารอาหาร 4. ปลายภาค (40 คะแนน)
6.3 ระบบขบั ถ่ายและการรกั ษา 3. ระบบ – สอบเนื้อหาทัง้ หมด
สมดุลน้าในร่างกาย หมุนเวยี นโลหติ 5. คุณลกั ษณะอันพึง
6.4 ระบบหมุนเวียนเลอื ด ประสงค์ (10 คะแนน)
6.5 ระบบนา้ เหลืองและระบบ
ภูมิคมุ้ กัน 1. ระบบหมุนเวยี น
โลหิต

2. ระบบหายใจ
3. ระบบขับถา่ ย
4. การรกั ษาดลุ ย

ภาพของรา่ งกาย

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสู่ความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 94

รายวชิ า เนอ้ื หา ความรพู้ ื้นฐาน รูปแบบการประเมนิ

ม.5 หน่วยที่ 7 ระบบนิเวศ 1. ความหลากหลาย 1. Formative 1 (15
ภาคเรยี นที่ 7.1 องค์ประกอบของระบบนิเวศ ของสิง่ มชี ีวิต คะแนน)
– การสอบเกบ็
1 7.2 บทบาทของสงิ่ มีชีวติ ในระบบ 2. ระบบนเิ วศ คะแนน
ว30243 นเิ วศ 3. อาณาจักรของ (5 คะแนน)
ชวี วทิ ยา 3 7.3 การถา่ ยทอดพลังงานและการ – ช้ินงาน/งานทม่ี อบหมาย
ส่งิ มีชวี ิต (10 คะแนน)
หมนุ เวียนพลังงานในระบบนเิ วศ
7.4 ประชากรและการเปลีย่ นแปลง 2. Summative (20 คะแนน)
3. Formative 2 (15
แทนท่ี
คะแนน)
หน่วยท่ี 8 โครงสร้างของพืช – ใบงานและงานท่ี
มอบหมาย (15 คะแนน)
8.1 ชนดิ และหนา้ ทส่ี าคญั ของ 1. อาณาจักรพืช 4. ปลายภาค (40 คะแนน)
– สอบเนื้อหาท้ังหมด
เนือ้ เยื่อพืช 2. การลาเลยี งสาร 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์

8.2 โครงสร้างสว่ นประกอบต่างๆของ ผา่ นเซลล์ (10 คะแนน)

พืช

8.3 กลไกการลาเลียงน้าและการ

ลาเลยี งธาตอุ าหารและ

สารอาหารของพชื

หน่วยท่ี 9 กระบวนการสังเคราะห์ 1. อาณาจกั รพชื
ด้วยแสง 2. ระบบนเิ วศ
3. ปฏิกิริยาเคมี
9.1 ปฏิกริ ยิ าแบบใชแ้ สงใน
กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
และกระบวนการตรงึ CO2 ของ
พชื C3 C4 CAM

9.2 ปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ กระบวนการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสงและ

การปรับตัวของพืชเพอื่ รับแสง

หน่วยที่ 10 กระบวนการหายใจ 1. ปฏิกริ ยิ าเคมี
ระดบั เซลล์ 2. ชนิดของ

10.1 ปฏกิ ริ ยิ าการสลายสารอาหาร สารอาหาร
แบบใช้ออกซิเจน 3. อาณาจักรของ

10.2 ปฏกิ ริ ิยาการสลายสารอาหาร สิง่ มีชีวิต

แบบไม่ใชอ้ อกซเิ จน

โครงการอบรมเตรียมความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลิศทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 95

รายวชิ า เนอ้ื หา ความรู้พื้นฐาน รูปแบบการประเมนิ

ม.5 หน่วยท่ี 11 การแบง่ เซลล์ 1. โครงสรา้ งของ 1. Formative 1
ภาคเรยี นที่ 11.1 การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซสิ เซลล์ (15 คะแนน)
2. ชนิดและหนา้ ท่ี
2 11.2 การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส – การสอบเก็บคะแนน
ว30244 ของเซลล์ (5 คะแนน)
ชีววทิ ยา 4
1. การแบ่งเซลล์ – ชิ้นงาน/งานทมี่ อบหมาย
หน่วยท่ี 12 การสืบพันธข์ุ องพชื 2. อวัยวะสบื พันธขุ์ อง (10 คะแนน)
และการเจริญเติบโต
พืช 2. Summative (20
12.1 การสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศัยเพศ 3. โครงสร้างพืช คะแนน)
12.2 การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ
12.3 โครงสรา้ งของดอก ผล และ 1. การแบ่งเซลล์ 3. Formative 2
2. อวยั วะสืบพนั ธข์ุ อง (15 คะแนน)
เมล็ด – ใบงานและงานที่
12.4 การงอกและปจั จยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง สัตว์ มอบหมาย (15 คะแนน)
3. ระบบหมุนเวียน
กบั การงอกของเมลด็ 4. ปลายภาค (40 คะแนน)
เลอื ด – สอบเนอ้ื หาท้ังหมด
หน่วยท่ี 13 การสบื พนั ธุ์ของสัตว์ 4. ชนิดของ 5. คณุ ลักษณะอนั พึง
และการเจริญเติบโต สารอาหาร
5. ระบบการหายใจ ประสงค์ (10 คะแนน)
13.1 การสบื พันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
ของสตั ว์

13.2 การสบื พนั ธุ์แบบอาศยั เพศและ
โครงสร้างระบบสืบพันธุ์ในคน

13.3 การตงั้ ครรภ์ การคลอด และ
ความผิดปกตใิ นการสืบพนั ธุ์

13.4 การเจรญิ เติบโตของสตั ว์หลงั
การปฏิสนธิ

13.5 การเจริญเตบิ โตของคนและ
ปัจจยั ที่เกี่ยวข้อง

โครงการอบรมเตรยี มความพรอ้ มสู่ความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 96

รายวิชา เน้อื หา ความรพู้ ืน้ ฐาน รปู แบบการประเมนิ

ม.6 หน่วยที่ 14 การรับรู้และการ 1. Formative 1 (15
คะแนน)
ภาคเรยี นท่ี ตอบสนอง
– การสอบเก็บ
1 14.1 โครงสรา้ งและการทางานของ 1. โครงสร้างเซลล์ คะแนน
(5 คะแนน)
ว30245 เซลล์ประสาท – ใบงาน/งานที่
มอบหมาย (10 คะแนน)
ชวี วทิ ยา 14.2 โครงสรา้ งและหน้าทข่ี องสมอง
2. Summative (20
และไขสนั หลัง คะแนน)

14.3 โครงสร้างและหน้าท่ีของตา 3. Formative 2 (15
คะแนน)
หู จมูก ลิน้ และ ผิวหนัง – โครงงานการทดลอง
ฮอรโ์ มนพชื
หนว่ ยท่ี 15 ระบบตอ่ มไรท้ อ่
– รายงาน power point ใน
15.1 หนา้ ที่ ตาแหน่ง และอิทธพิ ล 1. ประเภทของ เนือ้ หาท่ีครูมอบหมาย

ตา่ งๆของฮอร์โมนมนุษย์ สารชวี โมเลกุล - ใบงาน
4. ปลายภาค (40 คะแนน)
15.2 ประเภทของฮอรโ์ มน 2. ระบบต่างๆใน – สอบเนอื้ หาทั้งหมด
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
15.3 การควบคุมการทางานของ ร่างกาย
(10 คะแนน)
ฮอรโ์ มน หมายเหตุ

15.4 ความผิดปกติต่างๆท่ีเกิดจาก ถา้ นกั เรียนขาดเรยี น
3 ครัง้ โดยไม่มีเหตุอันควร
ระดับฮอรโ์ มนผดิ ปกติ และไมม่ ีหลักฐานการขาด
เรียนชดั เจน จะตดั คะแนน
15.5 กลไกการควบคมุ ระดับ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1 คะแนน
ฮอร์โมนในรา่ งกาย (ทุก 3 ครั้งตดั คะแนน
1 คะแนน)
หน่วยที่ 16 ฮอรโ์ มนพชื และการ

เคลอ่ื นไหวของพืช 1. ระบบประสาท

16.1 อทิ ธพิ ลของสารควบคุมการ 2. โครงสรา้ งเซลล์

เจริญเตบิ โตของพชื

16.2 การเคลื่อนไหวของพืชที่

ตอบสนองต่อส่ิงแวดล้อม

หนว่ ยท่ี 17 การเคลือ่ นที่ของ

ส่ิงมีชวี ิต โครงสรา้ งของสตั ว์

17.1 การเคลื่อนท่ขี องสิง่ มีชีวติ

เซลล์เดยี ว

17.2 การเคล่ือนท่ีของสตั วไ์ ม่มี

กระดูก สันหลงั

17.3 การเคลือ่ นทขี่ องสัตวม์ ีกระดูก

สันหลังบางชนิด

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสคู่ วามเปน็ เลศิ ทางวิชาการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)

ห น้ า | 97

รายวชิ า เน้ือหา ความรูพ้ ืน้ ฐาน รูปแบบการประเมิน

หนว่ ยท่ี 18 พฤติกรรมของสัตว์

18.1 ความหมายของพฤติกรรมที่ การทางานของระบบ

สาคญั ประสาทและระบบ

18.2 พฤติกรรมท่ีมีมาแตก่ าเนิด ต่อมไรท้ อ่

18.3 พฤติกรรมท่เี กิดจากการเรียนรู้

ม.6 หน่วยที่19 การถ่ายทอดทาง 1. Formative 1 (15 คะแนน)

ภาคเรียนที่ 2 พันธุกรรม 1. โครงสรา้ งของ – การสอบเกบ็ คะแนน

ว 30246 19.1 การถ่ายทอดลักษณะทาง เซลล์ (5 คะแนน)

ชวี วทิ ยา 6 พนั ธุกรรมทีเ่ ป็นไปตามกฎของ 2. การแบง่ เซลล์ – ชน้ิ งาน/งานท่ี

เมนเดล 3. การสบื พนั ธุ์ มอบหมาย (10

19.2 การถ่ายทอดลักษณะทาง คะแนน)

พันธกุ รรมท่เี ป็นส่วนขยายกฎ 2. Summative (20 คะแนน)

ของเมนเดล 3. Formative 2 (15 คะแนน)

หนว่ ยท่ี 20 ยนี และโครโมโซม – การศึกษานอกสถานท่ี

20.1 โครงสร้างของโครโมโซม และ 1. โครงสร้างของ – ชิ้นงาน/งานที่มอบหมาย
DNA เซลล์ 4. ปลายภาค (40 คะแนน)
20.2 คณุ สมบัติของสารพันธกุ รรม 2. การแบ่งเซลล์ – สอบเนือ้ หาท้ังหมด
3. การสบื พนั ธุ์ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
20.3 มิวเทชัน (10 คะแนน)
หมายเหตุ
หน่วยท่ี 21 พันธศุ าสตรแ์ ละ
ถา้ นกั เรียนขาดเรียน
เทคโนโลยที าง DNA 1. โครงสรา้ งของ 3 คร้งั โดยไม่มเี หตอุ นั ควรและ
ไมม่ ีหลักฐานการขาดเรียน
21.1 พันธวุ ศิ วกรรม DNA ชัดเจน จะตัดคะแนน
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
21.2การใช้ประโยชน์จากพันธุ

วศิ วกรรม21.3 ความปลอดภัยของ

เทคโนโลยที าง DNA

หนว่ ยที่ 22 ววิ ฒั นาการสิง่ มีชีวติ 1 คะแนน
และมนุษย์ (ทุก 3 ครั้งตดั คะแนน
22.1 แนวคิดและทฤษฎีวิวฒั นาการ 1. ประชากร
1 คะแนน)

22.2 กาเนิดสปชี ีส์ 2. การสร้างเซลล์

22.3 ววิ ัฒนาการของมนุษย์ สบื พนั ธ์ุ

22.4 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ใน

ประเทศไทย

หมายเหตุ

การประเมนิ และเน้ือหาอาจปรับเปลี่ยนไดต้ ามความเหมาะสมโดยครผู ้สู อนจะแจ้งให้นักเรียนทราบล่วงหนา้

โครงการอบรมเตรยี มความพร้อมสู่ความเป็นเลิศทางวชิ าการ
(PAE = Preparation for Academic Excellence)


Click to View FlipBook Version