การให้คะแนนทักษะการ ออกแบบการแก้ปัญหา จากสถานการณ์ โดยประยุกต์ใช้ 3 นักเรียนมีการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ที่ ก าหนด โดยมีการน าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการ ประดิษฐ์ โดยเริ่มจากการเขียนแบบร่างการออกแบบชิ้นงาน และเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม สามารถอธิบายผลการใช้งานได้ดี 2 นักเรียนมีการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ที่ ก าหนด โดยมีการน าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยใน การประดิษฐ์ สามารถอธิบายผลการใช้งานได้ แต่ไม่มีการเขียน แบบร่างการออกแบบชิ้นงาน 1 นักเรียนมีการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ที่ ก าหนด โดยมีการน าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยใน การประดิษฐ์ แต่ไม่มีการเขียนแบบร่างการออกแบบชิ้นงาน และไม่สามารถอธิบายการใช้งานได้ การให้คะแนนความ ร่วมมือในการท ากิจกรรม ร่วมกับผู้อื่น 3 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นตลอดทั้งคาบเรียน ไม่ก่อ ความวุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดัง โวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 2 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเป็นบางครั้งในคาบเรียน และก่อความวุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูสอน 1 ไม่ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ท าให้เกิดความวุ่นวาย หรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดิน ไปมา หรือ ชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ ดังนั้น นักเรียนต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับ คุณภำพ ดี ถือว่ำผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในแผนกำรจัดกำรเรียนที่ 2
บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 วิทยาศาสตร์กับการแก้ปัญหา แผนกำรสอนเรื่อง 2 วิทยาศาสตร์ช่วยแก้ปัญหาได้... ...... วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน
1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ............. ได้แก่............................................................................................ ...... 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ..................................... ........หัวหน้ากลุ่มสาระ ( ) ( ) ต าแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชาการ …………./……………./………… ( ) ลงชื่อ............................................ผู้อ านวยการ ( ) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่1 วิทยาศาสตร์กับการแก้ปัญหา แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง วิทยาศาสตร์ช่วยแก้ปัญหาได้
ค าชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแนนรวม ระดับคุณภำพ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย)
- คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้ ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 6)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
ใบกิจกรรมที่ 1.2 วิทยำศำสตร์ช่วยแก้ปัญหำอย่ำงไร หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 8 กิจกรรมที่ 1.2 วิทยำศำสตร์ช่วยแก้ปัญหำอย่ำงไร? จุดประสงค์ แก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่ก าหนดให้ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) อ่างพลาสติกหรือจานพลาสติก 1 ใบ 2) กระดาษ A4 4 แผ่น 3) กระดาษหนังสือพิมพ์ 2 แผ่น 4) อะลูมิเนียมฟอยล์ (ขนาด 30cm x 30cm) 2 แผ่น 5) พลาสติกห่ออาหาร (ขนาด 30cm x 30cm) 2 แผ่น 6) โฟมยางหรือฟิวเจอร์บอร์ด (ขนาด 30cm x 30cm) 2 แผ่น 7) กรรไกรหรือคัตเตอร์ 2 อัน 8) กาว 1 หลอด 9) เทอร์มอมิเตอร์ 1 อัน 10) เทปใส 2 ม้วน วัสดุที่ใช้ทั้งห้อง 1) น ้าแข็ง (ก้อนเล็ก) 1 กิโลกรัม 2) เครื่องชั่ง 2 เครื่อง สถำนกำรณ์ ที่ก ำหนด จำกสถำนกำรณ์ที่ก ำหนด ปัจจุบันภาวะโลกร้อนส่งผลต่อสภาพอากาศทั่วโลก แม้กระทั่งพื้นที่หนาวเย็น อย่างขัวโลกใต้ อุณหภูมิก็สูงขึ้นมากจนส่งผลต่อการด ารงชีวิตของสัตว์ที่อาศัยอยู่ เช่น นกเพนกวิน เพราะแผ่นน ้าแข็งที่เป็นที ่อยู่อาศัยหลอมเหลวเร็วขึ้น ท าให้ไม่เหมาะสม ต่อการด ารงชีวิตอีกต่อไป หากสมมุติให้นักเรียนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องช่วยออกแบบ และสร้างอุปกรณ์ที ่ช ่วยท าให้แผ ่นน ้าแข็งหลอมเหลวช้าลงในสภาพอากาศที ่ร้อนขึ้น (อุณหภูมิห้อง) โดยสามารถออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ก าหนดให้เท่านั้น นักเรียนคิดว่า จะช่วยเหลือนกเพนกวินได้หรือไม่ อย่างไร
กิจกรรมที่ 1.2 วิทยำศำสตร์ช่วยแก้ปัญหำอย่ำงไร? วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. อ่านและวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อระบุปัญหา บันทึกผล 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา วิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหาที่ เป็นไปได้ ส ารวจตรวจสอบซึ่งอาจจะเป็นการสืบค้นข้อมูล ส ารวจ ทดลองเพิ่มเติมใน ประเด็นต่าง ๆ เช่น - ปัจจัยใดบ้างที่ท าให้น ้าแข็งหลอมเหลว - วัสดุแต่ละชนิดสามารถป้องกันการหลอมเหลวของน ้าแข็งได้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร - การถ่ายโอนความร้อนจากภายนอกสู่ภายในอุปกรณ์เกิดได้อย่างไร 3. ออกแบบชิ้นงานและวางแผนการท างาน บันทึกผล 4. ด าเนินการสร้างชิ้นงานตามขั้นตอนที่ออกแบบไว้ บันทึกรายละเอียดการท างานและ ผลการท ากิจกรรมในแต่ละขั้นตอน 5. ทดสอบ ประเมินผล และระบุแนวทางการปรับปรุงชิ้นงาน บันทึกผลและน าเสนอ กำรเตรียมตัว ล่วงหน้ำ เตรียมเครื่องชั่ง เพื่อให้นักเรียนเปรียบเทียบน ้าหนักของน ้าแข็งก่อนและหลังการทดล อง หากเกณฑ์ในประเมินคือน ้าหนักของน ้าแข็งที่เหลือจากการท ากิจกรรม ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. จำกสถำนกำรณ์ที่ก ำหนดให้ ปัญหำคืออะไร ............................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จำกกิจกรรม นักเรียนประยุกต์ใช้ควำมรู้ด้ำนวิทยำศำสตร์อะไรบ้ำง ใช้และประยุกต์ใช้อย่ำงไร ............................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. กระบวนกำรแก้ปัญหำของนักเรียนมีล ำดับและขั้นตอนอย่ำงไรบ้ำง ...............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร ............................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.2 วิทยำศำสตร์ช่วยแก้ปัญหำอย่ำงไร เฉลยค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. จำกสถำนกำรณ์ที่ก ำหนดให้ ปัญหำคืออะไร แนวค ำตอบ ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ช่วยให้น ้าแข็งหลอมเหลวช้าที่สุดจากวัสดุและอุปกรณ์ที่มีในเวลา ที่ก าหนด 2. จำกกิจกรรม นักเรียนประยุกต์ใช้ควำมรู้ด้ำนวิทยำศำสตร์อะไรบ้ำง ใช้และประยุกต์ใช้อย่ำงไร แนวค ำตอบ นักเรียนตอบตามความคิดและสิ่งที่ปฏิบัติ เช่น ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสมบัติของ วัสดุการถ่ายโอนความร้อน การดูดและคายความร้อนของวัตถุ ความรู้ด้านคณิตศาสตร์เกี่ยวกับการวัดปริมาตร การหาพื้นที่ รูปร่างรูปทรงสามมิติ เป็นต้น 3. กระบวนกำรแก้ปัญหำของนักเรียนมีล ำดับและขั้นตอนอย่ำงไรบ้ำง แนวค ำตอบ นักเรียนตอบตามความคิดและตามที่ปฏิบัติ โดยมีแนวค าตอบดังนี้ เริ่มจากการระบุปัญหา วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม ออกแบบ สร้างชิ้นงานตามแบบ ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์จุด ดีและจุดด้อย น าเสนอแนวคิดและผลการท ากิจกรรม โดยอาจอ้างอิงกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจาก หนังสือเรียน ในหัวข้อเกร็ดน่ารู้ 4. จำกกิจกรรมนี้ สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แนวค ำตอบ ในการแก้ปัญหาหนึ่ง จ าเป็นต้องมีการท างานร่วมกันในการระบุปัญหา รวบรวมข้อมูล ต่าง ๆ เพื่อช่วยตัดสินใจเบื้องต้นในการเลือกแนวทางและออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ในบางครั้งต้องมีการหาข้อมูล เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการออกแบบและสร้างชิ้นงาน จากนั้นควรมีการทดสอบต้นแบบ เพื่อหาข้อดีและ ข้อที่ควรปรับปรุง เพื่อพัฒนาชิ้นงานให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่ำงผลกำรท ำกิจกรมที่ 1.2 วิทยำศำสตร์ช่วยแก้ปัญหำอย่ำงไร แนวทำงกำรบันทึกผลกำรท ำกิจกรรม - ผลการระบุปัญหา เช่น แนวทางในการท าให้น ้าแข็ง หลอมเหลวช้าลงเมื่อสัมผัสอากาศที่อุณหภูมิสูงขั้น หรือวิธีการกันความร้อนข้างนอกสัมผัสน ้าแข็งหรือ ป้องกันการหลอมเหลวของน ้าแข็งโดยท าให้อุณหภูมิ ภายในภาชนะให้คงที่ ครูและนักเรียนควรร่วมกันระบุ เกณฑ์และข้อจ ากัดในการสร้างชิ้นงาน - ผลของการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น สมบัติของ วัสดุ การถ่ายโอนพลังงานความร้อน การดูดและคาย พลังงานความร้อน รูปร่างรูปทรงของชิ้นงาน ตัวกลาง ในการถ่ายโอนพลังงานความร้อน และอื่น ๆ - ผลของการออกแบบชิ้นงาน วาดแบบตามความคิด และเหตุผลประกอบที่ได้รวบรวมมา โดยระบุ รายละเอียดของชิ้นงาน อาจบันทึกสมมุติฐานที่ตั้ง เช่น กระดาษสีขาวจะช่วยสะท้อนความร้อนของแสงได้ดี - ผลของการสร้างสรรค์ ทดสอบ ประเมินผล และ ปรับปรุงได้ชิ้นงานและทดสอบตามเกณฑ์ที่ร่วมกัน ตั้งไว้ ตัวอย่ำงผลกำรออกแบบชิ้นงำน
- ผลการน าเสนอ นักเรียนน าเสนอแนวคิด จุดดี จุด ด้อย และประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับการสร้างชิ้นงาน โดย ให้เน้นกระบวนการท างานในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น ระบุ ขั้นตอนการท างาน คนท างาน ผลของการท างาน ตัวอย่ำงชิ้นงำนและกำรทดสอบ ตัวอย่ำงผลกำรน ำเสนอองค์ควำมรู้ในบทเรียนวิทยำศำสตร์กับกำรแก้ปัญหำ แนวทำงกำรบันทึกผลกำรท ำกิจกรรม
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่3 เรื่อง โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม รหัสวิชำ ว23101 เวลำ 2 ชั่วโมง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ พันธุศาสตร์ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ภำคเรียนที่ 1 สำระที่ 1 ชื่อสำระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มำตรฐำน ว 1.3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี ่ยนแปลงทางพันธุกรรมที ่มีผลต ่อสิ ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ม.3/1 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลอง 2. สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 1) ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้ โดยมียีนเป็นหน่วย ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม
2) โครโมโซมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยู่ในนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม มีความสัมพันธ์กัน โดยบางส่วนของดีเอ็นเอ ท าหน้าที่เป็นยีนที่ก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1) ด้ำนควำมรู้ (K) นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลองได้ 2) ด้ำนทักษะ (P) นักเรียนใช้ทักษะการสังเกตลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ได้ 3) ด้ำนเจตคติ (A) นักเรียนตระหนักถึงความส าคัญของการใช้อุปกรณ์การท ากิจกรรมได้ 4. คุณลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการท างาน มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้ำนสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลอง 6. สำระกำรเรียนรู้ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เช่น คนมีลักษณะแตกต่างจาก แมวและนก ถ้าสังเกตลักษณะต่าง ๆ ของคน แม้ว่าจะมีลักษณะโดยรวมเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดของแต่ละ ลักษณะที ่แตกต ่างกัน เช ่น บางคนมีหนังตาชั้นเดียว บางคนมีหนังตาสองชั้น บางคนสูง บางคนเตี้ย ลักษณะ ต ่าง ๆ เหล ่านี้สามารถถ ่ายทอดจากรุ ่นหนึ่งไปยังรุ ่นต ่อ ๆไปได้ เรียกลักษณะที ่ถ ่ายทอดไปได้นี้ ลักษณะทำง พันธุกรรม (genetic trait) การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของเซลล์ โดยโครงสร้างพื้นฐานของเชลล์ประกอบด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส ภายในนิวเคลียส มีสารพันธุกรรมที่ก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ถ้าน าส่วนของพืช เช่น บริเวณปลายรากของหอม ภายในเซลล์ของปลายรากหอม บางเซลล์มีลักษณะ เหมือนกัน บางเซลล์มีลักษณะแตกต่างกัน บางเซลล์จะเห็น นิวเคลียสมีลักษณะกลม เห็นขอบเขตของนิวเคลียสชัดเจน
บางเซลล์ไม่เห็นขอบเขตของนิวเคลียสแต่จะเห็นโครงสร้างที่ มีลักษณะเป็นท่อน เรียกว่า โครโมโซม (chromosome) ซึ่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนในเซลล์ ที่อยู่ระหว่างการ แบ่งเซลล์ดังภาพ 2.2 ภำพแสดง โครงสร้ำงภำยในเซลล์ปลำยรำกหอม ที่มา: ผศ.ปริศนา จริยวิทยาวัฒน์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในเซลล์ที่ยังไม่มีการแบ่งเซลล์ โครโมโซมจะอยู่ในสภาพ คลายตัวออกเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ยาวพันกันอยู่ภายในนิวเคลียสของเซลล์ เรียกว่า โครมำทิน (chromatin) ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ดังภาพ 2.3 ภำพแสดง โครมำทินในนิวเคลียสของเซลล์ ในเซลล์ที ่จะมีการแบ ่งเซลล์ โครมาทินจะจ าลอง ตัวเองเป็น 2 สน และขดตัวสั้นลงเป็นโครโมโซม โดยจะเห็นเป็นสองแห่งที่เชื่อมติดกันอยู่ ซึ่งแต่ละแท่ง เรียกว ่า โครมำทิด (chromatid) ดังนั้นหนึ ่ง โครโมโซม จึงประกอบด้วย 2 โครมาทิด โครมาทิดทั้ง สองมีส ่วนที ่ติดกันอยู ่ตรงบริเวณที ่เรียกว ่ า เชนโทรเมียร์ (centromere) ดังภาพ 2.4 ภำพแสดง กำรจ ำลองและขดตัวของโครมำทินและส่วนต่ำง ๆ ของโครโมโซม นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและพบว่าโครโมโซมประกอบด้วย กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก หรือ ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid : DNA) ดีเอ็นเอ เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ประกอบด้วยหน่วยย่อยเรียงตัวกัน เป็นสายจ านวน 2 สาย ซึ่งจะจับคู่และบิดเป็นเกลียว ในหน่วยย่อยแต่ละหน่วยประกอบด้วยน ้าตาล หมู่ฟอสฟต และเบส ดีเอ็นเอที่เป็นสายคู่นี้พันอยู่รอบโปรตีนที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม ดูเหมือนสายลูกปัด ดังภาพ 2.5
ภำพแสดง ดีเอ็นเอ (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 19-20) 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชั่วโมง; 120นาที) ขั้นที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) (20 นำที) 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อน าเข้าสู่หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พันธุศาสตร์ โดยใช้ ภาพน าหน ่วย ซึ ่งเป็นภาพรวงข้าว และใช้สื ่อวิดิทัศน์แสดง 8 พันธุ์ข้าวไม ่ขัดสี กินดีมีประโยชน์ (สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=b_B3a7hrUwo) 2) ครูใช้ค าถามว่าข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย แล้ว ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาน าหน่วย และร่วมกันอภิปรายโดยใช้แนวค าถามต่อไปนี้ - ถ้าชาวนาต้องการขยายพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะตามที่ต้องการ เช่น เมล็ดข้าวที่มีลักษณะยาวเรียว พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูงชาวนาจะท าอย่างไร (คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวจากต้นที่มีลักษณะตามต้องการแล้วน าไปปลูก รอจนต้นข้าวเจริญเติบโตและออกผล สังเกตลูกที่เกิดขึ้นว่ามีลักษณะดังกล่าวหรือไม่) - ชาวนาทราบได้อย่างไรว่าหลังจากต้นข้าวเจริญเติบโตจนออกผล ต้นลูกที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะ ตามต้องการ (ทราบจากการสังเกตลักษณะที่ปรากฏในต้นข้าวแต่ละรุ่นซึ่งส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายคลึงพ่อแม่) 3) นักเรียนดูภาพน าบท หนังสือเรียนหน้า 14 จากนั้นครูใช้แนวค าถามต่อไปนี้ - แม่แมวและลูกแมวมีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตามภาพที่เห็น เช่น แม่แมวกับลูกแมวมีสีขนคล้ายกัน) - เหตุใดลูกแมวจึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับแม่แมว (เพราะลูกแมวได้รับการถ่ายทอดลักษณะ ทาง พันธุกรรมบางลักษณะมาจากแม่แมว) 4) ครูและนักเรียนร ่วมกันอภิปรายเพื ่อให้ได้ข้อสรุปว ่า การใช้ความรู้เกี ่ยวกับการถ ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรมนั้นมีมานานแล้วโดยสังเกตการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของพ่อแม่ไปยังลูก
5) นักเรียนท ากิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 เล ่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 17 จ านวน 3 ข้อ เพื่อให้ได้ค าตอบที่ถูกต้อง - ลักษณะใดไม่ได้เป็นลักษณะทางพันธุกรรม (การมีรอยสัก) - ด.ญ. ก มีหนังตาชั้นเดียว ซึ่งเป็นการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมมาจากบุคคลใด (พ่อ) - สารพันธุกรรมพบอยู่ในโครงสร้างใดของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ (นิวเคลียส) ขั้นที่2 ขั้นส ำรวจและค้นหำ (Exploration) (40 นำที) 6) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างของเซลล์ที่นักเรียนเคยเรียนมาแล้ว โดยใช้ค าถาม ต่อไปนี้ - นิวเคลียสมีหน้าที่อะไร (นิวเคลียสควบคุมการท างานและกิจกรรมต่าง ๆ ของเซลล์) - นิวเคลียสเกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรมอย่างไร (นิวเคลียสเป็นที่อยู่ของสารพันธุกรรม) - สารพันธุกรรมมีหน้าที่อะไร (ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ ไปยังลูกได้) 7) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีลักษณะ อย่างไร โดยใช้ค าถามว่า สารพันธุกรรมอยู่ในโครงสร้างใดของนิวเคลียสและโครงสร้างนั้นมีลักษณะอย่างไร 8) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 18 และครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน โดย ใช้ค าถามดังต่อไปนี้ - กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ภายในเซลล์ของปลายรากหอม) - กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย ่างไร (สังเกตและบรรยายลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้อง จุลทรรศน์) - วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตลักษณะของโครงสร้างภายในเซลล์ของ ปลายรากหอมจากสไลด์ถาวรโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง วาดภาพหรือถ่ายภาพเซลล์ และระบุโครงสร้างที่เห็น ภายในเซลล์ของปลายรากหอม) - นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (สังเกตลักษณะโครงสร้างภายในเซลล์ของ ปลายรากหอม) 9) ขณะที่แต่ละกลุ ่มท ากิจกรรม ครูเดินสังเกตการท ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ ค าแนะน า ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น วิธีใช้กล้องจุลทรรศน์ การตรวจหาเซลล์ของปลายรากหอม
ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหา และข้อสงสัยที่พบจากการท ากิจกรรมของนักเรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบ การ อภิปรายหลังจากการท ากิจกรรม ขั้นที่3 ขั้นอธิบำยและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นำที) 10) นักเรียนบันทึกผลการท ากิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที ่ 2.1 โครงสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีลักษณะอย่างไร โดยการตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผล ของกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจำกกิจกรรมว่ำ เซลล์ของปลายรากหอมมีโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นท่อน เรียกว่า โครโมโซม ซึ่งจะอยู่ในเซลล์บางเซลล์เท่านั้น แต่บางเซลล์เห็นเฉพาะนิวเคลียสที่ติดสี ขั้นที่4 ขั้นขยำยควำมรู้ (Elaboration) (20 นำที) 11) ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเพื่อท าความเข้าใจเกี่ยวกับโครมาทิน โครโมโซม และส่วนต่าง ๆ ของโครโมโซม โดยอ่านเนื้อหาและสังเกตภาพ 2.4 ในหนังสือเรียนหน้า 19 และตอบค าถามระหว่างเรียนดังนี้ - โครมาทินและโครโมโซมเกี่ยวข้องกันอย่างไร (แนวค าตอบ โครมาทินเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ที่อยู่ ภายในนิวเคลียสของเซลล์ แต่เมื่อเซลล์แบ่งตัวเส้นใยเหล่านี้จะมีการจ าลองตัวเอง จาก 1 เส้นเป็น 2 เส้น แล้ว ขด ตัวสั้นลงเป็นโครโมโซมที่มี 2 โครมาทิด) 12) จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ำ เมื่อเซลล์มีการแบ่งตัว โครมาทินแต่ละสายจะมี การจ าลองตัวเองเป็น 2 เส้น จากนั้นจะขดตัวสั้นลงเป็นโครโมโซม 1 โครโมโซมประกอบด้วย 2 โครมาทิด ที่ติดกันอยู่ บริเวณที่ติดกันนี้เรียกว่า เซนโทรเมียร์ ขั้นที่5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (20 นำที) 13) ครูและนักเรียนอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอและโปรตีนที่ เป็นก้อนกลม ส่วนดีเอ็นเอ (DNA) ย่อมาจาก deoxyribonucleic acid เป็นสารที่มีสมบัติเป็นกรด โมเลกุลของดี เอ็นเอ ประกอบด้วยหน่วยย่อยเรียงต่อกันเป็นสายจ านวน 2 สายจับกันเป็นคู่ และบิดเป็นเกลียวคล้ายบันไดเวียน แต่ละหน่วยย่อยประกอบด้วยน ้าตาล หมู่ฟอสเฟต และเบส 14) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์การ ประเมิน (Rubrics Score) 8. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 อุปกรณ์ท ากิจกรรม: 1) กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 2) สไลด์ถาวรเซลล์ปลายรากหอม
8.2 คลิปวิดีทัศน์: 8 พันธุ์ข้าวไม่ขัดสี กินดีมีประโยชน์ 8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีลักษณะอย่างไร 8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทาง พันธุกรรมมีลักษณะอย่างไร 8.5 แหล่งเรียนรู้: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ 9. กำรวัดและกำรประเมิน ตัวชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ที่ใช้ในกำรประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลอง (ด้านความรู้: K) - ตรวจการตอบค าถาม ท้ายกิจกรรมที่ 2.1 - ค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับ การถ่ายทอดทาง พันธุกรรมมีลักษณะ อย่างไร จ านวน 3 ข้อ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านความรู้ 2. การใช้ทักษะการสังเกต ลักษณะของโครโมโซม โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ (ด้านกระบวนการ: P) - ตรวจการท าแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.1 - แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้าง ที่เกี่ยวข้องกับการ ถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีลักษณะอย่างไร - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านกระบวนการ 3. ตระหนักถึงความส าคัญ ของการใช้อุปกรณ์ การท ากิจกรรมได้ (ด้านเจตคติ: A) - สังเกตการใช้งานอุปกรณ์ ในกิจกรรมของนักเรียน - เกณฑ์การประเมินการใช้ งานอุปกรณ์ในกิจกรรม ของนักเรียน - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านเจตคติ
9.1 เกณฑ์กำรประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนตอบ ค าถามท้าย กิจกรรมที่ 2.1 3 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.1 ถูกต้อง จ านวน 3 ข้อ 2 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.1 ถูกต้อง จ านวน 2 ข้อ 1 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.1 ถูกต้อง จ านวน 1 ข้อ หรือ ไม่ถูกต้อง ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนการบันทึก แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.1 3 บันทึกผลจากการสังเกตลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ โดยบรรยายในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็น สอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม และมีการวาดภาพลักษณะโครโมโซมของ เซลล์ปลายรากหอมได้ถูกต้อง มีส่วนประกอบที่เหมือนกับเซลล์ต้นฉบับ 2 บันทึกผลจากการสังเกตลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ โดยบรรยายในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็น สอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม แต่วาดภาพลักษณะโครโมโซมของเซลล์ ปลายรากหอมได้ไม่ถูกต้อง มีส่วนประกอบที่แตกต่างกับเซลล์ต้นฉบับ 1 บันทึกผลจากการสังเกตลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ โดยบรรยายในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ดีสอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม และวาดภาพลักษณะโครโมโซมของเซลล์ปลายรากหอมได้ได้ไม่ถูกต้อง มีส่วนประกอบที่แตกต่างกับเซลล์ต้นฉบับ การให้คะแนน การใช้งานอุปกรณ์ใน กิจกรรม 3 ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถูกวิธี หยิบ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ อย่างระมัดระวัง ไม่หยอกล้อหรือแกล้งเพื่อนขณะก าลังใช้งานอุปกรณ์ และหลังการใช้งานอุปกรณ์มีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี 2 ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ถูกวิธี หยิบ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ อย่างระมัดระวัง ไม่หยอกล้อหรือแกล้งเพื่อนขณะก าลังใช้งานอุปกรณ์
แต่หลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี หรือไม่เก็บ อุปกรณ์เข้าตู้เก็บอุปกรณ์ตามประเภทของอุปกรณ์ 1 ใช้งานอุปกรณ์การทดลองในกิจกรรมได้ แต่ขณะหยิบ เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ หรือก าลังใช้งานอุปกรณ์ จะหยอกล้อหรือแกล้งเพื่อน อาจท าให้อุปกรณ์ เสียหายได้ และหลังการใช้งานอุปกรณ์ไม่มีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ ดังนั้น นักเรียนต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับ คุณภำพ ดี ถือว่ำผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในแผนกำรจัดกำรเรียนที่ 3
บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์.... ...... ... ... แผนกำรสอนเรื่อง 3 โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน 1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ............. ได้แก่.................................................................................................. 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ำกลุ่มสำระ (นางนฤมล หวังมั่น) (นายภูเบส นิราศภัย) ต าแหน่งครู ลงชื่อ.............................................รองฯวิชำกำร …………./……………./………… (นายประหยัด เขียวหวาน) ลงชื่อ............................................ผู้อ ำนวยกำร (นางสาวทองใบ ตลับทอง) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์ I แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม . ค ำชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแนนรวม ระดับคุณภำพ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย) - คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้ ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
6)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... คลิปวิดีทัศน์: 8 พันธุ์ข้ำวไม่ขัดสี กินดีมีประโยชน์
ข้าวมีสีเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ล้วนมีความส าคัญในตัวของมันเอง และข้าวสายพันธุ์ที่มี สีเข้ม แดงบ้าง ด าบ้างนั้น ล้วนเป็นแหล่งสะสมสารอาหารและยาป้องกันรักษาโรคชั้นเยี่ยมที่มีมากกว่าข้าวขาวราว 2-3 เท่า เรามาดูกันว่า บรรดาข้าวมีสีทั้งหลายแหล่ที่มีขายอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ที่น่าสนใจ อย่างไรกันบ้าง แหล่งที่มำ: เว็บไซต์อ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=b_B3a7hrUwo เผยแพร่เมื่อ 13 กรกฎำคม พ.ศ. 2560 (ช่องYouTube: Abdulthaitube - อับดุลย์เอ๊ย ถามไรตอบได้!) ใบกิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมมีลักษณะอย่ำงไร หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 18 กิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมมีลักษณะอย่ำงไร? จุดประสงค์ สังเกตและบรรยายลักษณะของโครโมโซมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง 1 กล้อง 2) สไลด์ถาวรเซลล์ปลายรากหอม 1 แผ่น วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. สังเกตโครงสร้างภายในเชลล์ปลายรากหอมจากสไลด์ถาวรด้วยกล้องจุลทรรศน์ ใช้แสง โดยใช้เลนส์ใกล้วัตถุก าลังขยายต ่าสุด แล้วเลือกบริเวณที่เห็นเชลล์แต่ละ เชลล์ชัดเจน
2. เปลี่ยนเลนส์ใกล้วัตถุที่มีก าลังขยายสูงขึ้น ปรับภาพจนเห็นภาพชัดเจน บันทึกผล โดยการวาดภาพหรือถ่ายภาพ และระบุโครโมโชมที่เห็นภายในเชลล์โดยการ เปรียบเทียบกับภาพ 2.2 ในหนังสือเรียนหน้า 19 ข้อเสนอแนะใน กำรท ำกิจกรรม 1) ครูแนะน าให้นักเรียนใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเซลล์ปลายรากหอมด้วยเลนส์ใกล้ วัตถุก าลังขยายต ่าเพื่อตรวจดูเซลล์ โดยเลื่อนสไลด์เพื่อตรวจหาเซลล์ที่มีโครงสร้าง ภายในต่างจากเซลล์อื่น เช่น โครงสร้างที่เป็นเส้นหรือท่อนซึ่งติดสีได้ดีภายในเซลล์ จากนั้นจึงใช้เลนส์ใกล้วัตถุก าลังขยายสูงเพื่อตรวจดูรายละเอียดของเซลล์นั้น ครู เน้นย ้าให้นักเรียนปรับภาพโดยใช้ปุ่มปรับภาพละเอียดเพื่อให้มองเห็นภาพชัดเจน 2) ครูควรให้ความรู้กับนักเรียนเรื่องการศึกษาโครโมโซม โดยควรศึกษาขณะที่เซลล์ มีการแบ่งตัว เพราะเป็นช่วงที่โครโมโซมมีการขดตัวท าให้สามารถสังเกตลักษณะ ได้ง่าย 3) ในกรณีที่ไม่มีสไลด์ถาวร ครูอาจเตรียมสไลด์ของเซลล์ปลายรากหอมเองซึ่งมีวิธีการ ดังนี้ 3.1) เพาะหอมแดงหรือหอมใหญ่ โดยตัดรากเก่า ๆ ของหัวหอมทิ้ง น าไปวางบน ขวดปากกว้างหรือบีกเกอร์ที่มีน ้าอยู่เต็ม หรือเพาะในกระบะทรายและรดน ้า อย่างสม ่าเสมอ ระวังอย่าให้ทรายแห้ง ทิ้งไว้จนรากงอกยาวประมาณ 1-2 กิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมมีลักษณะอย่ำงไร? ข้อเสนอแนะใน กำรท ำกิจกรรม 3.2) ตัดปลายรากยาวประมาณ 1 เซนติเมตรจากปลายราก แช่ในสารละลายตรึง สภาพ (fixative) ซึ่งเตรียมโดยผสมเอทิลแอลกอฮอล์ 3 ส่วน กับกรดแอซิติก เข้มข้น 100% (glacial acetic acid) 1 ส่วน ควรเตรียมใหม่ทุกครั้งก่อนใช้ แช่รากไว้ในสารละลายตรึงสภาพ 1 คืนในตู้เย็น 3.3) ถ้าต้องการเก็บปลายรากไว้ใช้ครั้งต่อไปให้เก็บปลายรากไว้ในสารละลาย เอทิลแอลกอฮอล์ 70% 3.4) ใช้ปากคีบคีบรากจากข้อ 3) วางบนสไลด์ ตัดส่วนปลายรากที่มีสีขาวขุ่นยาว ประมาณ 2-3 มิลลิเมตรมาใช้ ส่วนที่เหลือด้านบนให้ทิ้งไป ล้างส่วนปลาย รากด้วยน ้ากลั่นโดยหยดน ้ากลั่นให้ท่วมราก ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วซับน ้าด้วย
กระดาษเยื่อ หยดกรดไฮดรอคลอริกเข้มข้น 1 N. (Normality) ประมาณ 1- 2 หยดให้พอท่วมเพื่อให้ผนังเซลล์อ่อนตัว ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีระวังอย่าให้ กรดแห้ง จากนั้นซับกรดออกด้วยกระดาษเยื่อ แล้วล้างด้วยน ้ากลั่นอีก 1-2 ครั้ง เพื่อล้างกรดออกให้หมด 3.5) หยดสีอะซิโทคาร์มีน (acetocarmine) บนปลายรากหอมเพื่อย้อมสี โครโมโซม แล้วผ่านสไลด์บนเปลวไฟ ระวังอย่าให้สีเดือดและแห้ง ปิดด้วย กระจกปิดสไลด์ 3.6) ใช้ปลายแท่งแก้วหรือปลายดินสอด้านที่มียางลบกดเบา ๆ บนกระจกปิด สไลด์เพื่อให้ปลายรากหอมแตกออกและให้เซลล์กระจาย จากนั้นใช้กระดาษ เยื่อซับสีส่วนเกินบริเวณข้าง ๆ กระจกปิดสไลด์ น าไปส่องดูด้วยกล้อง จุลทรรศน์ ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. สิ่งที่เห็นภำยในเซลล์แต่ละเซลล์เหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร 2. ลักษณะของโครโมโซมที่สังเกตได้ มีลักษณะอย่ำงไร 3. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมมีลักษณะอย่ำงไร ชื่อ-นำมสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขที่...........กลุ่มที่............ สิ่งที่สังเกตได้จำกกำรท ำกิจกรรม .............................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. บันทึกภำพที่ได้จำกกำรท ำกิจกรรม ภำพลักษณะโครโมโซมของเซลล์ปลำยรำกหอม แนวทำงบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรม มีลักษณะอย่ำงไร สิ่งที่สังเกตได้จำกกำรท ำกิจกรรม
สังเกตเห็นโครงสร้างภายในเซลล์มีลักษณะแตกต ่างกัน บางเซลล์จะเห็นนิวเคลียสชัดเจน ภายใน นิวเคลียสมีจุดสีจาง บางเซลล์ไม่เห็นนิวเคลียสแต่จะเห็นท่อนสั้นหลาย ๆ ท่อนเรียงตัวกระจายอยู่ในเซลล์ หรือ บางเซลล์ท่อนสั้นจะเรียงตัวอยู่ในแนวเดียวกันตรงกลางเซลล์ และบางเซลล์เห็นท่อนสั้นแยกออกเป็น 2 กลุ่ม ในเซลล์ดังภาพ ภำพลักษณะโครโมโซมของเซลล์ปลำยรำกหอม เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.1 โครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมมีลักษณะอย่ำงไร
เฉลยค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. สิ่งที่เห็นภำยในเซลล์แต่ละเซลล์เหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร แนวค ำตอบ สิ่งที่เห็นบางเซลล์เหมือนกันคือเห็นนิวเคลียสและโครงสร้างภายในเป็นจุดสี ซึ่งแตกต่างจาก บางเซลล์ที่ไม่เห็นนิวเคลียสแต่พบโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นท่อนสั้นหลายท่อนเรียงตัวอยู่ในแนวเดียวกัน ตรงกลางเซลล์ และบางเซลล์เห็นท่อนสั้นแยกออกเป็น 2 กลุ่มอยู่ภายในเซลล์ 2. ลักษณะของโครโมโซมที่สังเกตได้ มีลักษณะอย่ำงไร แนวค ำตอบ มีลักษณะเป็นท่อนอยู่ภายในเซลล์ 3. จำกกิจกรรมนี้ สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แนวค ำตอบ ภายในเซลล์ของปลายรากหอมจะมีโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นท่อน ๆ เรียกว่า โครโมโซม ซึ่ง จะเห็นชัดเจนอยู่ในเซลล์บางเซลล์เท่านั้น แต่บางเซลล์เห็นเฉพาะนิวเคลียสที่ติดสี แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 4
เรื่อง หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรม รหัสวิชำ ว23101 เวลำ 1 ชั่วโมง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ พันธุศาสตร์ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ภำคเรียนที่ 1 สำระที่ 1 ชื่อสำระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มำตรฐำน ว 1.3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี ่ยนแปลงทางพันธุกรรมที ่มีผลต ่อสิ ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ม.3/1 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลอง 2. สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 1) ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้ โดยมียีนเป็นหน่วย ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม 2) โครโมโซมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยู่ในนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม มีความสัมพันธ์กัน โดยบางส่วนของดีเอ็นเอ ท าหน้าที่เป็นยีนที่ก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1) ด้ำนควำมรู้ (K) นักเรียนอธิบายความเกี่ยวข้องของหน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมกับ ลักษณะของสิ่งแวดล้อมได้ 2) ด้ำนทักษะ (P) นักเรียนใช้ทักษะการตีความหมายและสรุปผลการก าหนดลักษณะทาง พันธุกรรมกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต โดยใช้แบบจ าลอง 3) ด้ำนเจตคติ (A) นักเรียนให้ความร่วมมือในการท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ 4. คุณลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการท างาน มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้ำนสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความเกี่ยวข้องของหน่วยที่ก าหนดลักษณะทาง พันธุกรรมกับลักษณะของสิ่งแวดล้อม โดยใช้แบบจ าลองได้ 6. สำระกำรเรียนรู้ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เช่น คนมีลักษณะแตกต่างจาก แมวและนก ถ้าสังเกตลักษณะต่าง ๆ ของคน แม้ว่าจะมีลักษณะโดยรวมเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดของแต่ละ ลักษณะที ่แตกต ่างกัน เช ่น บางคนมีหนังตาชั้นเดียว บางคนมีหนังตาสองชั้น บางคนสูง บางคนเตี้ย ลักษณะ ต ่าง ๆ เหล ่านี้สามารถถ ่ายทอดจากรุ ่นหนึ่งไปยังรุ ่นต ่อ ๆไปได้ เรียกลักษณะที ่ถ ่ายทอดไปได้นี้ ลักษณะทำง พันธุกรรม (genetic trait) การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของเซลล์ โดยโครงสร้างพื้นฐานของเชลล์ประกอบด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส ภายในนิวเคลียส มีสารพันธุกรรมที่ก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ถ้าน าส่วนของพืช เช่น บริเวณปลายรากของหอม ภายในเซลล์ของปลายรากหอม บางเซลล์มีลักษณะ เหมือนกัน บางเซลล์มีลักษณะแตกต ่างกัน บางเซลล์ จะเห็นนิวเคลียสมีลักษณะกลม เห็นขอบเขตของนิวเคลียส ชัดเจน บางเซลล์ไม ่เห็นขอบเขตของนิวเคลียสแต ่จะเห็น โครงสร้างที ่มีลักษณะเป็นท ่อน เรียกว ่า โครโมโซม (chromosome) ซึ ่งจะมองเห็นได้อย ่างชัดเจนในเซลล์ ที่อยู่ระหว่างการแบ่งเซลล์ดังภาพ 2.2 ภำพแสดง โครงสร้ำงภำยในเซลล์ปลำยรำกหอม ที่มา: ผศ.ปริศนา จริยวิทยาวัฒน์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในเซลล์ที่ยังไม่มีการแบ่งเซลล์โครโมโซมจะอยู่ในสภาพ คลายตัวออกเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ยาวพันกันอยู่ภายในนิวเคลียสของเซลล์ เรียกว่า โครมำทิน (chromatin) ซึ่งจะไม่สามารถมองเห็นภายใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง ดังภาพ 2.3 ภำพแสดง โครมำทินในนิวเคลียสของเซลล์ ในเซลล์ที ่จะมีการแบ ่งเซลล์ โครมาทินจะจ าลอง ตัวเองเป็น 2 สน และขดตัวสั้นลงเป็นโครโมโซม โดยจะเห็นเป็นสองแห่งที่เชื่อมติดกันอยู่ ซึ่งแต่ละแท่ง เรียกว ่า โครมำทิด (chromatid) ดังนั้นหนึ ่ง
โครโมโซม จึงประกอบด้วย 2 โครมาทิด โครมาทิดทั้ง สองมีส่วนที่ติดกันอยู่ตรงบริเวณที่เรียกว่า เชนโทร เมียร์ (centromere) ดังภาพ 2.4 ภำพแสดง กำรจ ำลองและขดตัวของโครมำทินและส่วนต่ำง ๆ ของโครโมโซม นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและพบว่าโครโมโซมประกอบด้วย กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก หรือ ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid : DNA) ดีเอ็นเอ เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ประกอบด้วยหน่วยย่อยเรียงตัวกัน เป็นสายจ านวน 2 สาย ซึ่งจะจับคู่และบิดเป็นเกลียว ในหน่วยย่อยแต่ละหน่วยประกอบด้วยน ้าตาล หมู่ฟอสฟต และเบส ดีเอ็นเอที่เป็นสายคู่นี้พันอยู่รอบโปรตีนที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม ดูเหมือนสายลูกปัด ดังภาพ 2.5 ภำพแสดง ดีเอ็นเอ (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 19-20) หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมเรียกว่า ยีน (gene) ซึ่งก าหนดหรือควบคุมลักษณะของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ โดย จะพบยีนอยู่ในบางช่วงของสายดีเอ็นเอ ภายในนิวเคลียสของเซลล์มีโครโมโซม ซึ ่งประกอบด้วย ดีเอ็นเอและโปรตีน ดีเอ็นเอบางช ่วงท าหน้าที่เป็นยีน ซึ่งควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม และบางช่วงไม่เป็นยีน จึงไม่ได้ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม เนื่องจากดีเอ็นเอในแต่ละ โครโมโซมมีความยาวมาก โครโมโซมจึงมียีนเป็นจ านวนมาก ความสัมพันธ์ระหว ่างโครโมโซมดีเอ็นเอ และยื ่น เป็นดัง ภาพ 2.6
ภำพแสดง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 25) 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชั่วโมง; 60นาที) ขั้นที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) (10 นำที) 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยใช้สื ่อวิดิทัศน์แสดง 10 อันดับ สุนัขที ่น ่ารักที ่สุด ในโลก (สืบค้นจากhttps://www.youtube.com/watch?v=rIJZNADwbj4) 2) ครูใช้ค าถามว่าสายพันธุ์สุนัขที่นักเรียนเห็นในวิดีทัศน์มีอะไรบ้างที่นักเรียนรู้จัก เพื่อให้นักเรียน ร่วมกันอภิปรายถึงความเข้าใจในความหลากหลายของสายพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) ขั้นที่2 ขั้นส ำรวจและค้นหำ (Exploration) (10 นำที) 3) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะ ของสิ่งมีชีวิตอย่างไร โดยใช้ค าถามว่า หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมบนสายดีเอ็นเอท างานได้อย่างไร 4) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 21 และครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน โดย ใช้ค าถามดังต่อไปนี้ - กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต) - กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (เพื่ออธิบายความเกี่ยวข้องของหน่วยที่ก าหนดลักษณะทาง พันธุกรรมกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตโดยใช้แบบจ าลอง) - วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (หยิบชิ้นกระดาษที่มีรหัสภาพในซองกระดาษ ลักษณะละ 1 ชิ้น รวม5 ชิ้น แล้วน าไปเทียบกับตารางแปลลักษณะของสุนัข จากนั้นวาดรูปสุนัขจากลักษณะที่หยิบ ได้)
- นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของ สุนัขที่ได้จากรหัสภาพแล้วน ามาวาดภาพสุนัข) 5) ขณะที่แต่ละกลุ่มท ากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการท ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ ค าแนะน าถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น การสุ่มหยิบชิ้นกระดาษรหัสภาพ การน ารหัสภาพไปเทียบ กับตารางแปลลักษณะแล้วน ามาวาดเป็นภาพสุนัข ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหาและข้อสงสัยที่พบจากการท ากิจกรรม ของนักเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการอภิปรายหลังจากการท ากิจกรรม ขั้นที่3 ขั้นอธิบำยและลงข้อสรุป (Explanation) (20 นำที) 6) นักเรียนบันทึกผลการท ากิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก าหนด ลักษณะทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่างไร ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ตามล าดับในวิธีการท า กิจกรรม โดยการตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของกิจกรรมภายในกลุ่ม 7) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผล เพื่อให้ได้ข้อสรุปจำกกิจกรรมว่ำ หน่วยที่ก าหนดลักษณะทาง พันธุกรรม ท าให้สิ ่งมีชีวิตแสดงลักษณะต ่าง ๆ ออกมา การที ่สิ ่งมีชีวิตมีหน่วยที ่ก าหนดกษณะทางพันธุกรรม แตกต่างกัน จะท าให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างกัน ขั้นที่4 ขั้นขยำยควำมรู้ (Elaboration) (10 นำที) 8) ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม สังเกตภาพ 2.6 จากหนังสือเรียนหน้า 25 แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างโครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีนมาให้นักเรียนดู จากนั้นให้นักเรียนอธิบายความสัมพันธ์ตามความเข้าใจ และให้ นักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยใช้ค าถามระหว่างเรียน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ำ โครโมโซมอยู่ภายในเซลล์ โครโมโซม ประกอบด้วย ดีเอ็นเอที่พันอยู่รอบโปรตีนที่มีลักษณะเป็นก้อนกลม บางช่วงของดีเอ็นเอท าหน้าที่เป็นยีนที่ก าหนด ลักษณะของสิ่งมีชีวิต ขั้นที่5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นำที) 9) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์การ ประเมิน (Rubrics Score) 8. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 อุปกรณ์ท ากิจกรรม: ใบงานที่แสดงการก าหนดรหัสภาพ ซองกระดาษ และกรรไกร 8.2 คลิปวิดีทัศน์: 10 อันดับ สุนัขที่น่ารักที่สุดในโลก 8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะ ของสิ่งมีชีวิตอย่างไร
8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรม เกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่างไร 8.5 แหล่งเรียนรู้: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ 9. กำรวัดและกำรประเมิน ตัวชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ที่ใช้ในกำรประเมิน 1. อธิบายความเกี่ยวข้อง ของหน่วยที่ก าหนด ลักษณะทางพันธุกรรม กับลักษณะของ สิ่งแวดล้อมได้ (ด้านความรู้: K) - ตรวจการตอบค าถาม ท้ายกิจกรรมที่ 2.2 - ค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก าหนดลักษณะ ทางพันธุกรรมเกี่ยวข้อง กับลักษณะของสิ่งมีชีวิต อย่างไร จ านวน 5 ข้อ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านความรู้ 2. การใช้ทักษะการสังเกต - ตรวจการท าแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 - แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ ก าหนดลักษณะทาง - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน
ลักษณะของโครโมโซม โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ (ด้านกระบวนการ: P) พันธุกรรมเกี่ยวข้องกับ ลักษณะของสิ่งมีชีวิต อย่างไร ด้านกระบวนการ 3. ให้ความร่วมมือในการ ท ากิจกรรมร่วมกับ ผู้อื่นได้ (ด้านเจตคติ: A) - สังเกตความร่วมมือใน การท ากิจกรรมของ นักเรียน - เกณฑ์การประเมินความ ร่วมมือในการท ากิจกรรม ร่วมกับผู้อื่นของนักเรียน - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านเจตคติ 9.1 เกณฑ์กำรประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนตอบ ค าถามท้าย กิจกรรมที่ 2.2 3 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.2 ถูกต้อง จ านวน 4-5 ข้อ 2 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.2 ถูกต้อง จ านวน 2-3 ข้อ 1 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.2 ถูกต้อง จ านวน 1 ข้อ หรือ ไม่ถูกต้อง การให้คะแนนการบันทึก แบบบันทึกการค้นคว้า 3 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ในแบบบันทึกการ ค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม
กิจกรรมที่ 2.2 และมีการวาดภาพลักษณะสิ่งมีชีวิตได้ถูกต้อง มีส่วนประกอบที่เหมือนกับ ของจริง 2 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ในแบบบันทึกการ ค้นคว้าได้ ถูกต้อง ครบทุกประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม การวาดภาพลักษณะสิ่งมีชีวิตได้ แต่ส่วนประกอบไม่สอดคล้องกับของจริง 1 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ในแบบบันทึกการ ค้นคว้าได้ไม่ครบทุกประเด็น และการวาดภาพลักษณะสิ่งมีชีวิตได้ แต่ ส่วนประกอบไม่สอดคล้องกับของจริง การให้คะแนนความ ร่วมมือในการท ากิจกรรม ร่วมกับผู้อื่น 3 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นตลอดทั้งคาบเรียน ไม่ก่อความ วุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 2 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเป็นบางครั้งในคาบเรียน และ ก่อความวุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดัง โวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูสอน 1 ไม่ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ท าให้เกิดความวุ่นวายหรือ ปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดินไปมา หรือ ชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ ดังนั้น นักเรียนต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับ คุณภำพ ดี ถือว่ำผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในแผนกำรจัดกำรเรียนที่ 4 บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์.... ...... ... ... แผนกำรสอนเรื่อง 4 หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรม วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน
1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ............. ได้แก่.................................................................................................. 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ำกลุ่มสำระ ( ) ( ) ต าแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชำกำร …………./……………./………… ( ) ลงชื่อ............................................ผู้อ ำนวยกำร ( ) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์ I แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรม .
ค ำชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแนนรวม ระดับคุณภำพ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย)
- คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้ ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 6)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................
คลิปวิดีทัศน์: 10 อันดับ สุนัขที่น่ำรักที่สุดในโลก แหล่งที่มำ: เว็บไซต์อ้างอิง https://www.youtube.com/watch?v=rIJZNADwbj4 เผยแพร่เมื่อ 5 มีนำคม พ.ศ. 2562 (ช่องYouTube: Perkak Eiei)
ใบกิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่ำงไร หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 21 กิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่ำงไร? จุดประสงค์ อธิบายความเกี่ยวข้องของหน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมกับลักษณะของ สิ่งมีชีวิต วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) ชิ้นกระดาษที่มีรหัสภาพ ลักษณะละ 4 ชิ้น รวม 20 ชิ้น 2) ซองกระดาษ 5 ซอง วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. นักเรียนก าหนดรหัสภาพแทนแบบจ าลองของหน่วยที่ก าหนดลักษณะทาง พันธุกรรมของสุนัข ลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 ตอนที่ 1 ออกแบบตารางการแปลรหัสภาพลักษณะของสุนัข 2. ตัดกระดาษที่มีรหัสภาพแบบต่าง ๆ ออกเป็นชิ้นยาว โดยใช้รหัสภาพก าหนด ลักษณะทางพันธุกรรมของสุนัข 5 ลักษณะ ได้แก่ ล าตัว หัว ใบหู ขา และหาง แต่ละลักษณะมีรหัสภาพที่แตกต่างกัน 4 แบบ 3. น ารหัสภาพแต่ละลักษณะ ซึ่งมี 4 ชิ้นใส่ในซองกระดาษลักษณะละ 1 ซอง 4. สุ่มหยิบชิ้นกระดาษ 1 ชิ้น จากซองกระดาษแต่ละซอง แล้วน าไปเทียบกับ ตารางแปลรหัสภาพลักษณะต่าง ๆ ของสุนัขที่ก าหนดให้ บันทึกผลลงในแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 ตอนที่ 2 5. น าลักษณะจากข้อ 4 มาวาดเป็นภาพของสุนัขทั้งตัว กำรเตรียมตัว ล่วงหน้ำ ส าเนาแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.2 ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ให้เพียงพอ กับการใช้งาน ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. แบบจ ำลองรหัสภำพนี้ใช้แทนหน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตชนิดใด
2. รหัสภำพแบบต่ำง ๆ ที่หยิบโดยกำรสุ่มแต่ละครั้งแทนลักษณะใดของสิ่งมีชีวิต 3. ภำพสิ่งมีชีวิตของนักเรียนแต่ละกลุ่มเหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร เพรำะเหตุใด 4. สิ่งใดเป็นตัวก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต 5. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.2 ตอนที่ 1 ออกแบบตำรำงกำรแปลรหัสภำพลักษณะของสุนัข ค ำชี้แจง: ให้นักเรียนออกแบบลักษณะล าตัว หัว ใบหู ขา และหาง จ านวน 4 แบบ *โดยไม่ซ ้ากัน ลักษณะของล ำตัว ลักษณะของหัว รหัส ABCD รหัส WXYZ รหัส BCDA รหัส XYZW รหัส CDAB รหัส YZWX รหัส DABC รหัส ZWXY ลักษณะของใบหู ลักษณะของขำ รหัส 1234 รหัส 6789 รหัส 2341 รหัส 7896 รหัส 3412 รหัส 8967 รหัส 4123 รหัส 9678 ลักษณะของหำง ลำยเซ็นต์ผู้ออกแบบ รหัส กขคง
รหัส ขคงก รหัส คงกข รหัส งกขค แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.2 ตอนที่ 2 หน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่ำงไร ชื่อ-นำมสกุล.....................................................................................ชั้น.................เลขที่...........กลุ่มที่.......... บันทึกผลกำรท ำกิจกรรม ผลการท ากิจกรรมขึ้นอยู่กับการสุ่มหยิบชิ้นกระดาษที่มีรหัสภาพของแต่ละลักษณะ เช่น สุ่มหยิบได้ชิ้น กระดาษที่มีรหัสภาพที่ก าหนดแต่ละลักษณะดังนี้ ลักษณะของล ำตัวได้รหัสภำพ ลักษณะของหัวได้รหัสภำพ ลักษณะของใบหูได้รหัสภำพ ลักษณะของขำได้รหัสภำพ ลักษณะของหำงได้รหัสภำพ เมื่อน ำรหัสภำพแต่ละลักษณะไปเทียบกับตำรำงแปลรหัสแล้วน ำไปวำดภำพสุนัขทั้งตัว จะได้สุนัขที่มี ลักษณะดังนี้
. แนวทำงกำรบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.2 ตอนที่ 1 ออกแบบตำรำงกำรแปลรหัสภำพลักษณะของสุนัข ค ำชี้แจง: ให้นักเรียนออกแบบลักษณะล าตัว หัว ใบหู ขา และหาง จ านวน 4 แบบ *โดยไม่ซ ้ากัน ลักษณะของล ำตัว ลักษณะของหัว รหัส ABCD รหัส WXYZ รหัส BCDA รหัส XYZW รหัส CDAB รหัส YZWX รหัส DABC รหัส ZWXY ลักษณะของใบหู ลักษณะของขำ รหัส 1234 รหัส 6789 รหัส 2341 รหัส 7896 รหัส 3412 รหัส 8967 รหัส 4123 รหัส 9678 ลักษณะของหำง ลำยเซ็นต์ผู้ออกแบบ รหัส กขคง รหัส ขคงก รหัส คงกข
รหัส งกขค แนวทำงกำรบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.2 ตอนที่ 2 หน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่ำงไร บันทึกผลกำรท ำกิจกรรม ผลการท ากิจกรรมขึ้นอยู่กับการสุ่มหยิบชิ้นกระดาษที่มีรหัสภาพของแต่ละลักษณะ เช่น สุ่มหยิบได้ชิ้น กระดาษที่มีรหัสภาพที่ก าหนดแต่ละลักษณะดังนี้ ลักษณะของล ำตัวได้รหัสภำพ ABCD ลักษณะของหัวได้รหัสภำพ YZWX ลักษณะของใบหูได้รหัสภำพ 4123 ลักษณะของขำได้รหัสภำพ 9678 ลักษณะของหำงได้รหัสภำพ ขคงก เมื่อน ำรหัสภำพแต่ละลักษณะไปเทียบกับตำรำงแปลรหัสแล้วน ำไปวำดภำพสุนัขทั้งตัว จะได้สุนัขที่มี ลักษณะดังนี้ .
เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.2 หน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่ำงไร เฉลยค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. แบบจ ำลองรหัสภำพนี้ใช้แทนหน่วยที่ก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตชนิดใด แนวค ำตอบ สุนัข 2. รหัสภำพแบบต่ำง ๆ ที่หยิบโดยกำรสุ่มแต่ละครั้งแทนลักษณะใดของสิ่งมีชีวิต แนวค ำตอบ ลักษณะล าตัว หัว ใบหู ขา และหาง 3. ภำพสิ่งมีชีวิตของนักเรียนแต่ละกลุ่มเหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร เพรำะเหตุใด แนวค ำตอบ อาจเหมือนกันหรือแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่น่าจะมีลักษณะแตกต่างกัน เช่น ลักษณะหาง ของสุนัข บางกลุ่มมีปลายหางม้วนเข้าหาล าตัว บางกลุ่มมีขนฟูอยู่ที่ปลายหาง บางตัวหางชี้ขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลที่ ได้จากการสุ่มหยิบชิ้นกระดาษที่มีรหัสภาพของแต่ละกลุ่ม 4. สิ่งใดเป็นตัวก ำหนดลักษณะทำงพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต แนวค ำตอบ รหัสภาพบนชิ้นกระดาษเป็นตัวก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต 3. จำกกิจกรรมนี้ สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แนวค ำตอบ หน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรม ท าให้สิ่งมีชีวิตแสดงลักษณะต่าง ๆ ออกมา การที่ สิ่งมีชีวิตมีหน่วยที่ก าหนดลักษณะทางพันธุกรรมแตกต่างกัน มีผลท าให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกต่างกัน
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่5 เรื่อง ค านวณการเข้าคู่ของแอลลีล รหัสวิชำ ว23101 เวลำ 2 ชั่วโมง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ พันธุศาสตร์ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ภำคเรียนที่ 1 สำระที่ 1 ชื่อสำระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มำตรฐำน ว 1.3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี ่ยนแปลงทางพันธุกรรมที ่มีผลต ่อสิ ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ม.3/2 อธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสม โดยพิจารณาลักษณะเดียวที่ แอลลีลเด่นข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์ 2. สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 1) เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่วชนิดหนึ่ง และน ามาสู่หลักการพื้นฐาน ของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต 2) สิ ่งมีชีวิตที ่มีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต ่ละต าแหน ่งบนฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล โดย แอลลีลหนึ่งมาจากพ่อ และอีกแอลลีลมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกัน แอลลีลที่แตกต่างกันนี้ แอลลีลหนึ ่งอาจมีการแสดงออกข ่มอีกแอลลีลหนึ ่งได้ เรียกแอลลีลนั้นว่าเป็นแอลลีลเด ่น ส ่วนแอลลีลที ่ถูกข่ม อย่างสมบูรณ์ เรียกว่าเป็นแอลลีลด้อย
3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1) ด้ำนควำมรู้ (K) นักเรียนอธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณา ลักษณะเดียวที่แอลลีลเด่นข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์ 2) ด้ำนทักษะ (P) นักเรียนใช้ทักษะการใช้จ านวน โดยค านวณอัตราส่วนการเข้าคู่กันของ แอลลีลและการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 3) ด้ำนเจตคติ (A) นักเรียนให้ความร่วมมือในการท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ 4. คุณลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการท างาน มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้ำนสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถวิเคราะห์การเข้าคู่กันของแอลลีลและ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม 6. สำระกำรเรียนรู้ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต เช่น คน แมลงหวี่ ถั่วลันเตา จะมีโครโมโซมเป็นคู่ยกเว้นในเซลล์ สืบพันธุ์ โดยโครโมโซมแต ่ละคู ่ซึ ่งมาจากพ ่อและแม ่จะมีรูปร ่างลักษณะเหมือนกัน ความยาวเท ่ากันและ มียีนที่ควบคุมลักษณะเดียวกันอยู่ที ่ต าแหน่งเดียวกันบนโครโมโซมที่เป็นคู่กัน เรียกโครโมโซมที ่เป็นคู่กันนี้ว ่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม (homologous chromosome) ดังภาพ 2.7 ก. ฮอมอโลกัสโครโมโซมในเซลล์ ข. ฮอมอโลกัสโครโมโซมแสดงต ำแหน่งของยีนที่ ควบคุมลักษณะเดียวกันลักษณะใดลักษณะหนึ่ง บนโครโมโซมที่เป็นคู่กัน
ภำพแสดง ฮอมอโลกัสโครโมโซม (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 26) ก่อนหน้าที่นักวิทยาศาสตร์จะค้นพบโครงสร้างและความรู้เกี่ยวกับโครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน มีบุคคล ที่ ค้นพบความรู้ทางพันธุศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นฐานส าคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาวิชาพันธุศาสตร์ในปัจจุบัน โดยในปลายคริสต์ศตวรรษที ่ 19 มีบาทหลวงชาวออสเตรียชื่อว ่า เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล (Gregor Johann Mendel) มีความสนใจในวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการปรับปรุงพันธุ์พืช เขาทดลองผสมพันธุ์ ถั่วลันเตา เพื่อศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและได้สรุปเป็นกฎของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ขึ้น เมนเดลใช้ถั ่วลันเตาในการทดลองเพราะเป็นพืชที ่ปลูกง ่าย เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และให้ผลในระยะเวลาสั้น เมนเดลได้ผสมพันธุ์ ถั่วลันเตาที่มีลักษณะต่าง ๆ โดยเลือกศึกษาเพียง 7 ลักษณะได้แก่ รูปร่าง ของเมล็ด สีของเมล็ด สีของดอก รูปร่างของฝัก สีของฝัก ต าแหน่งของดอก และความสูงของล าต้น โดยแต่ละลักษณะของถั่วลันเตาที่น ามาผสมพันธุ์ กันนั้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ล าตันสูงและล าตันเตี้ย ฝักสี เขียวและฝักสีเหลือง ตันถั ่วลันเตาที ่เมนเดลน ามาใช้เป็นพันธุ์แท้ได้จากการเลือก ต้นถั่ว ซึ่งมีลักษณะที่ต้องการแล้วปล่อยให้ผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกัน และเมื ่อถั ่วออกผล เมนเดลก็จะน าเมล็ดแก ่ไปปลูกจนกระทั ่งต้นถั ่ว เจริญเติบโต จึงคัดเลือกต้นที่มีลักษณะเดิมที่ต้องการแล้วปล่อยให้ผสม ภายในดอกเดียวกันจนได้ผลและเมล็ด แล้วน าเมล็ดไปปลูก ท าเช่นนี้อีกหลาย ๆ รุ่น จนได้เป็นตันถั่วพันธุ์แท้ ที ่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการเช ่น ถั ่วดอกสีขาวพันธุ์แท้เกิดจากการผสมภายในดอกเดียวกันหลายรุ ่น ๆ จนได้ต้นถั่วที่มีลักษณะดอกสีขาวทั้งหมดในทุกรุ่นที่ผสม เมนเดล ทดลองผสมพันธุ์ถั ่วลันเตาพันธุ์แท้โดยศึกษาเฉพาะลักษณะที ่แตกต ่างกันอย ่างชัดเจนเพียง 1 ลักษณะ เช่น ในการศึกษาลักษณะสีของดอกถั่ว เมนเดลจะผสมพันธุ์ข้ามต้น โดยผสมถั่วรุ่นพ่อแม่ดอกสีม่วงพันธุ์ แท้กับดอกสีขาวพันธุ์แท้ แล้วพิจารณาสีดอกของถั่วรุ ่นลูกที่เกิดขึ้นโดยไม ่พิจารณาลักษณะอื ่น เรียกการผสม ลักษณะนี้ว่า กำรผสมโดยพิจำรณำลักษณะเดียว (monohybrid cross) ตัวอย ่างการผสมพันธุ์ถั ่วลันเตาของเมนเดล ดอกสีม่วงพันธุ์แท้กับดอกสีขาวพันธุ์แท้ เริ่มจากการตัด อับเรณูของดอกถั่วสีม่วงทิ้งไปในขณะที่ดอกยังตูมอยู ่ ภำพแสดง เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล