The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by narumon, 2023-06-02 01:04:14

แผนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม.3

แผนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ม.3

แล้วใช้ถุงคลุมดอกตูมนั้นไว้เพื่อไม่ให้มีเรณูใดเข้าไปผสม เมื่อดอกเจริญเต็มที่จึงเขี่ยเรณูจากดอกถั่วพันธุ์สีขาวมา แตะที่ยอดเกสรเพศเมียของดอกสีม่วงที่คลุมไว้ และใช้ ถุงคลุมดอกไว้ดังเดิม รอจนกว่าจะติดผลซึ่งมีเมล็ดอยู่ ภายใน เมื ่อเมล็ดแก ่จึงน าเมล็ดแก ่ไปเพาะ สังเกต ลักษณะสีดอกของต้นลูกที่เกิดขึ้น ดังภาพ ภำพแสดง กำรผสมพันธุ์ต้นถั่วดอกสีม่วง พันธุ์แท้กับดอกสีขำวพันธุ์แท้ (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม. 3 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. หน้า 28) เมนเดลได้ท าการทดลองแบบเดียวกันนี้ในการศึกษาลักษณะอื ่นๆ ของถั ่วลันเตาอีก 6 ลักษณะ แล้วบันทึกลักษณะของต้นถั่วลูกผสมที่เกิดขึ้น จากนั้นให้ลูกผสมรุ่นที่ 1 ผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกัน ท าให้ลูกผสม ในรุ่นที่ 2 ซึ่งผลจากการผสมพันธุ์ถัวลันเตาพบว่าลูกรุ่นที่ 1 มีลักษณะของรุ่นพ่อแม่ปรากฏเพียงลักษณะเดียว และ ลูกในรุ่นที่ 2 มีลักษณะของรุ่นพ่อแม่ปรากฏทั้งสองลักษณะในอัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน เมนเดล เรียกลักษณะที่ปรากฏ ในลูกรุ่นที่ 1 ว่า ลักษณะเด่น (dominant trait) และลักษณะที่ไม่ปรากฏในรุ่นที่ 1 แต่กลับมาปรากฏในรุ่นที่ 2 ว่า ลักษณะด้อย (recessive trait) เมนเดลสังเกตว่าลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏให้เห็นในลูกรุ่นที่ 1 แต่กลับมาปรากฏในรุ่นที่ 2 และเมื่อนับ จ านวนลูกในรุ ่นที ่ 2 พบว ่ามีอัตราส ่วนระหว ่างลักษณะเด ่นและลักษณะด้อยมีค ่าประมาณ 3 ต ่อ 1 เมนเดล ตั้งสมมติฐานโดยใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ เพื ่ออธิบายผลการทดลองว ่า ลักษณะแต ่ละลักษณะของพืชถูก ควบคุมด้วยหน่วยควบคุมลักษณะ ซึ่งเมนเดลเรียกว่า แฟกเตอร์ (factor) ที่มีอยู่เป็นคู่ในเชลล์ของร่างกาย โดย แฟกเตอร์หนึ่งมาจากพ่อและอีกแฟกเตอร์หนึ่งมาจากแม่ เมื่อถึงเวลาที่มีการสร้างเชลล์สืบพันธุ์ แฟกเตอร์ที่อยู่เป็น คู่จะแยกจากกันอยู่เป็นแฟกเตอร์เดี่ยวในเซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์ สมมติฐานของเมนเดลปัจจุบันรู้จักกันในชื่อว่า กฎกำรแยก (law of segregation) และเมื ่อเซลล์สืบพันธุ์มาปฏิสนธิ จะท าให้ได้ไชโกต ซึ ่งเป็นรุ ่นลูก มีแฟกเตอร์ที่อยู่เป็นคู่เช่นเดิมอีก ต่อมาเรียกแฟกเตอร์นี้ว่า ยีน ซึ่งจากการทดลองพบว่ายีนที่ควบคุมแต่ละลักษณะมีรูปแบบที่แตกต่างกันจึง ปรากฏเป็นลักษณะที่ต่างกัน เรียกรูปแบบที่แตกต่างกันของยีนว่า แอลลีล (allele)


ยืนที่ควบคุมลักษณะเดียวกันในตันถั่ว อาจมีแอลลีลที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับแอลลีลที่ได้ รับมาจากพ่อและแม ่ เช ่น ถ้าพ่อและแม ่มีแอลลีลที ่เหมือนกัน ลูกจะมีแอลลีลที ่อยู ่บนฮอมอโลกัสโครโมโซม เหมือนกันแต่ถ้าพ่อและแม่มีแอลลีลต่างกัน ลูกก็จะมีแอลลีลบนฮอมอโลกัสโครโมโซมต่างกัน แอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่น เรียกว่า แอลลีลเด่น (dominant allele) ส่วนแอลลีลที่ควบคุมลักษณะ ด้อยเรียกว่า แอลลีลด้อย (recessive allele) เมื่อมาเข้าคู่กัน แอลลีลเด่นจะสามารถข่มแอลลีลด้อยไม่ให้ปรากฏ ลักษณะด้อยออกมา เรียกแอลลีลเด่นที่ข่มแอลลีลด้อยแบบนี้ว่า กำรข่มอย่ำงสมบูรณ์ (complete dominant) ดังนั้นแม้มีแอลลีลเด่นเพียงแอลลีลเดียว สิ่งมีชีวิตก็จะแสดงลักษณะเด่นออกมาได้ ส่วนสิ่งมีชีวิต ที่แสดงลักษณะ ด้อยจะต้องมีแอลลีลด้อยทั้งสองแอลลีล นักพันธุศาสตร์นิยมใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเอียง แทนแอลลีลเด่น และอักษรตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอียงแทนแอลลือ เช่น ใช้ตังอักษร T แทนแอลลีลเด่นที่ควบคุมลักษณะต้นสูง และ t แทนแอลลีลด้อย ที่ ควบคุมลักษณะตันเตี้ย 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชั่วโมง; 120นาที) ขั้นที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) (15 นำที) 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน เพื่อเชื่อมโยงความรู้เรื่องโครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีนไปสู่ การค้นพบความรู้ทางพันธุกรรมของเมนเดล โดยใช้ประเด็นค าถามว่าดังนี้ - บุคคลส าคัญที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งพันธุศาสตร์คือใคร (เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล: Gregor Johann Mendel) - เมนเดลมีการศึกษาพืชชนิดใดที่น าไปสู่การเป็นพื้นฐานวิชาพันธุศาสตร์ (ถั่วลันเตา) - เมนเดลเลือกศึกษาลักษณะของต้นถั่วกี่ลักษณะ อะไรบ้าง (7 ลักษณะ ได้แก่ รูปร่างของเมล็ด สี ของเมล็ด สีของดอก รูปร่างของฝัก สีของฝัก ต าแหน่งของดอก และความสูงของล าต้น) - เมนเดลมีวิธีการคัดเลือกต้นถั ่วพันธุ์แท้ที ่มีลักษณะที ่ต้องการศึกษาอย ่างไร (เมนเดลเลือก ต้นถั่วที่มีลักษณะที่ต้องการ ปล่อยให้ผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกัน เมื่อถั่วออกฝักจึงน าเมล็ดไปปลูกจนกระทั่งต้น ถั่วเจริญเติบโตแล้วคัดเลือกต้นที่มีลักษณะที่ต้องการ จากนั้นให้ผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกัน เมื่อต้นถั่วเจริญเติบโต และออกฝักจึงน าเมล็ดไปปลูก ท าเช่นนี้อีกหลาย ๆ รุ่น จนต้นถั่วทุกต้นที่ได้จากการผสมมีลักษณะเหมือนเดิมทุก ประการ) - เหตุใดเมนเดลจึงปล่อยให้ต้นถั่วมีการผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกันหลาย ๆ รุ่น (เพื่อคัดเลือก พันธุ์แท้ก่อนที่จะท าการผสมพันธุ์ ซึ่งจะท าให้ได้ต้นถั่วที่ใช้ในการผสมพันธุ์มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่าง เดียวเท่านั้น)


ขั้นที่2 ขั้นส ำรวจและค้นหำ (Exploration) (30 นำที) 2) ให้นักเรียนศึกษาและวิเคราะห์แผนภาพ ผลการทดลองผสมพันธุ์ต้นถั ่วทั้ง 7 ลักษณะ จากตาราง 2.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นม. 3 เล่ม 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. หน้า 29 แล้วตอบค าถามต่อไปนี้ - ลักษณะใดของต้นถั่วลันเตาที่เมนเดลศึกษาเป็นลักษณะเด่นและลักษณะใดเป็นลักษณะด้อย (ลักษณะเด ่น ได้แก ่ เมล็ดกลม เมล็ดสีเหลือง ฝักอวบ ฝักสีเขียว ดอกเกิดที ่ล าต้น ดอกสีม ่วง และต้นสูง ส่วนลักษณะด้อย ได้แก่ เมล็ดขรุขระ เมล็ดสีเขียว ฝักแฟบ ฝักสีเหลือง ดอกเกิดที่ยอด ดอกสีขาวและต้นเตี้ย) - เมื่อน าจ านวนชองลูกในรุ่นที่ 2 ที่เป็นลักษณะด้อยหารด้วยจ านวนของลูกที่เป็นลักษณะเด่น จะ ได้อัตราส่วนประมาณเท่าใด (อัตราส่วนระหว่างลักษณะเด่นและลักษณะด้อยในลูกรุ่นที่ 2 ประมาณ 3 : 1) - จากการศึกษาแผนภาพ ผลการทดลองผสมพันธุ์ต้นถั่วทั้ง 7 ลักษณะ สรุปผลการทดลองของ เมนเดลได้อย ่างไร (ลักษณะทั้ง 7 ลักษณะมีแบบแผนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน กล่าวคือ ลูกรุ ่นที ่ 1 แสดงลักษณะเด ่นเพียงลักษณะเดียว และลูกรุ ่นที ่ 2 แสดงทั้งลักษณะเด ่นและลักษณะด้อย ในอัตราส่วนประมาณ 3 : 1) 3) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการอธิบายผลการทดลองของเมนเดลตามรายละเอียด ในหนังสือเรียน เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ำ ลักษณะของพืชถูกควบคุมด้วยแฟกเตอร์หรือยีน ยีนที่ควบคุมลักษณะแต่ละ ลักษณะจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน เรียกรูปแบบที่แตกต่างกันของยีนนี้ว่า แอลลีล ในเซลล์ร่างกายจะมีแอลลีลอยู่ เป็นคู่ เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีลที่อยู่เป็นคู่กันนี้จะแยกจากกันเป็นแอลลีลเดี่ยว และ จะมาเข้าคู่กัน อีกเมื่อเกิดการปฏิสนธิระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย รุ่นลูกจะได้รับ แอลลีลห นึ่งจากพ่อและอีกแอลลีลหนึ่งจากแม่ ขั้นที่3 ขั้นอธิบำยและลงข้อสรุป (Explanation) (15 นำที) 4) ครูอธิบายเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับแอลลีลเด่น แอลลีลด้อย การข่มอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งการ เขียนแอลลีลเด่นและแอลลีลด้อย เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า - แอลลีลเด่นหรือแอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่นของสิ่งมีชีวิต หมายถึง แอลลีลที่ท าให้สิ่งมีชีวิต แสดงลักษณะเด่นนั้นออกมาได้แม้ว่าจะมีแอลลีลเด ่นเพียงแอลลีลเดียว ส่วนแอลลีลด้อยหรือแอลลีลที่ควบคุม ลักษณะด้อยของสิ่งมีชีวิต หมายถึง แอลลีลที่ท าให้สิ่งมีชีวิตแสดงลักษณะด้อยออกมาได้ เมื่อมีแอลลีลด้อยทั้งสอง แอลลีล - สัญลักษณ์ที่ใช้แทนแอลลีลเด่นและแอลลีลด้อยใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่และเป็นตัว เอียงแทนแอลลีลเด่น และอักษรตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอียง แทน แอลลีลด้อย เช่น T แทนแอลลีลเด่นที่ควบคุมลักษณะ ต้นสูงของถั่วลันเตา และ t เป็นแอลลีลด้อยที่ควบคุมลักษณะต้นเตี้ยของถั่วลันเตา ดังนั้น TT แสดงลักษณะต้นสูง


ส่วน Tt จะแสดงลักษณะต้นสูงเช่นเดียวกัน เพราะ T ข่ม t ไม่ให้แสดงลักษณะออกมา การข่มในลักษณะนี้เรียกว่า การข่มอย่างสมบูรณ์ ส่วน tt แสดงลักษณะต้นเตี้ยซึ่งเป็นลักษณะด้อย เพราะต้องมีแอลลีลด้อยทั้งสองแอลลีล ขั้นที่4 ขั้นขยำยควำมรู้ (Elaboration) (40 นำที) 5) ครูเชื ่อมโยงเข้าสู ่กิจกรรมที ่ 2.3 โอกาสการเข้าคู ่ของแอลลีลเป็นเท ่าใด โดยใช้ค าถามว ่า นักเรียนทราบหรือไม่ว่าโอกาสการเข้าคู่กันของแอลลีลเป็นเท่าใดเมื่อมีการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ 6) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 32 และครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน โดย ใช้ค าถามดังต่อไปนี้ - กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (การเข้าคู่ของแอลลีลโดยใช้ลูกปัดเป็นแบบจ าลอง) - กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (เพื่อค านวณและอธิบายโอกาสการเข้าคู่ของแอลลีล) - วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ใส่ลูกปัดสีแดงและสีขาวอย่างละ 5 เม็ดลงในกล่อง พลาสติก 2 ใบคนให้ทั ่ว จากนั้นหยิบลูกปัดจากกล่องทั้ง 2 ใบ ใบละ 1 เม็ดพร้อมกัน บันทึกรูปแบบของ สีลูกปัดที่หยิบได้ในแต่ละครั้ง จากนั้นให้ใส่ลูกปัดกลับคืนลงในกล่อง ท าให้ครบ 100 ครั้ง ค านวณอัตราส่วนจ านวน ครั้งของรูปแบบของสีลูกปัดที่หยิบได้ทั้ง 3 แบบ น าผลการทดลองของทุกกลุ่มมารวมกันแล้วหาค่าเฉลี่ย ค านวณ อัตราส่วนของจ านวนครั้งของรูปแบบของสีลูกปัดที่หยิบได้ของทั้งห้อง) - นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (รูปแบบของคู่สีที่หยิบได้และจ านวนครั้งของคู่ สีลูกปัดที่หยิบได้) 7)ขณะที่แต่ละกลุ่มท ากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการท ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ ค าแนะน าถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น การหยิบลูกปัดออกจากกล่อง 2 ใบพร้อมกันโดยไม่มอง การ ใช้มือคนลูกปัดให้ทั่วก่อนหยิบลูกปัดแต่ละครั้ง เมื่อหยิบลูกปัดแล้วต้องใส่กลับลงในกล่องดังเดิม การบันทึกจ านวน ครั้งของสีลูกปัดที่หยิบได้ ขั้นที่5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (20 นำที) 8) นักเรียนจัดท าบันทึกผลการท ากิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.3 ตรวจสอบ ความเรียบร้อยก่อนส่งงาน 9) ครูตรวจสอบการส ่งแบบบันทึกการค้นคว้าและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) 8. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 อุปกรณ์ท ากิจกรรม: ลูกปัดสีแดง ลูกปัดสีขาว กล่องหรือถ้วยพลาสติกทึบ 8.2 แผนภาพ: ผลการทดลองการผสมพันธุ์ถั่วลันเตา 7 ลักษณะของเมนเดล


8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 2.3 โอกาสการเข้าคู่ของแอลลีลเป็นเท่าใด 8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.3 โอกาสการเข้าคู่ของแอลลีลเป็นเท่าใด 8.5 แหล่งเรียนรู้: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ 9. กำรวัดและกำรประเมิน ตัวชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ที่ใช้ในกำรประเมิน 1. อธิบายอธิบายการ ถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมจากการ ผสม (ด้านความรู้: K) - ตรวจการตอบค าถาม ท้ายกิจกรรมที่ 2.3 - ค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.3 โอกาสการเข้าคู่ของแอล ลีลเป็นเท่าใด จ านวน 5 ข้อ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านความรู้ 2. การใช้ทักษะการใช้ จ านวน โดยค านวณ อัตราส่วนการเข้าคู่กัน ของแอลลีลและ การถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรม (ด้านกระบวนการ: P) - ตรวจการท าแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.3 - แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.3 โอกาส การเข้าคู่ของแอลลีลเป็น เท่าใด - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านกระบวนการ 3. ให้ความร่วมมือในการ ท ากิจกรรมร่วมกับ ผู้อื่นได้ (ด้านเจตคติ: A) - สังเกตความร่วมมือใน การท ากิจกรรมของ นักเรียน - เกณฑ์การประเมินความ ร่วมมือในการท ากิจกรรม ร่วมกับผู้อื่นของนักเรียน - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านเจตคติ 9.1 เกณฑ์กำรประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score)


ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนตอบ ค าถามท้าย กิจกรรมที่ 2.3 3 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.3 ถูกต้อง จ านวน 4-5 ข้อ 2 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.3 ถูกต้อง จ านวน 2-3 ข้อ 1 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.3 ถูกต้อง จ านวน 1 ข้อ หรือ ไม่ถูกต้อง การให้คะแนนการบันทึก แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.3 3 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม และมีการแสดงการ ค านวณจ านวนอัตราส่วนอย่างต ่าได้ถูกต้อง 2 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ถูกต้อง และ มีการแสดงการค านวณจ านวนอัตราส่วนอย่างต ่าได้ไม่ถูกต้อง มีข้อผิดพลาดบ้าง 1 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ และ มีการแสดงการค านวณจ านวนอัตราส่วนอย่างต ่าได้ไม่ถูกต้อง การให้คะแนนความ ร่วมมือในการท ากิจกรรม ร่วมกับผู้อื่น 3 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นตลอดทั้งคาบเรียน ไม่ก่อความ วุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 2 ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเป็นบางครั้งในคาบเรียน และ ก่อความวุ่นวายหรือปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดัง โวยวาย ลุกเดินไปมา หรือชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูสอน 1 ไม่ให้ความร่วมมือในท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ท าให้เกิดความวุ่นวายหรือ ปัญหาที่รบกวนการเรียนของผู้อื่น เช่น พูดเสียงดังโวยวาย ลุกเดินไปมา หรือ ชวนผู้อื่นคุยเล่น ขณะครูท าการสอน 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ ดังนั้น นักเรียนต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับ คุณภำพ ดี ถือว่ำผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในแผนกำรจัดกำรเรียนที่ 5


บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์.... ...... ... ... แผนกำรสอนเรื่อง 5 ค านวณการเข้าคู่ของแอลลีล วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน 1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ............. ได้แก่.................................................................................................. 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ำกลุ่มสำระ ( ) ( ) ต าแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชำกำร


…………./……………./………… ( ) ลงชื่อ............................................ผู้อ ำนวยกำร ( ) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์ I แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ค านวณการเข้าคู่ของแอลลีล. ค ำชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแนนรวม ระดับคุณภำพ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19


20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย) - คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้ ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 6)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................


แผนภำพแสดง ผลกำรทดลองกำรผสมพันธุ์ถั่วลันเตำ 7 ลักษณะของเมนเดล ลักษณะพันธุกรรม ลักษณะของพ่อแม่ที่ใช้ผสมพันธุ์ ลักษณะที่ปรำกฏ ลูกรุ่นที่ 1 ลูกรุ่นที่ 2 รูปร่ำงของเมล็ด เมล็ดกลม X เมล็ดขรุขระ เมล็ดกลมทุกต้น เมล็ดกลม 5,474 เมล็ด เมล็ดขรุขระ 1,850 เมล็ด สีของเมล็ด เมล็ดสีเหลือง X เมล็ดสีเขียว เมล็ดสีเหลืองทุกต้น เมล็ดสีเหลือง 6,022 เมล็ด เมล็ดสีเขียว 2,001 เมล็ด รูปร่ำงของฝัก ฝักอวบ X ฝักแฟบ ฝักอวบทุกต้น ฝักอวบ 882 ต้น ฝักแฟบ 299 ต้น สีของฝัก ฝักสีเขียว X ฝักสีเหลือง ฝักสีเขียวทุกต้น ฝักสีเขียว 428 ต้น ฝักสีเหลือง 152 ต้น ต ำแหน่งของดอก ดอกเกิดที่ต้น X ดอกเกิดที่ยอด ดอกเกิดที่ต้นทุกต้น ดอกเกิดที่ต้น 651 ต้น ดอกเกิดที่ยอด 207 ต้น สีของดอก ดอกสีม่วง X ดอกสีขาว ดอกสีม่วงทุกต้น ดอกสีม่วง 705 ต้น


ดอกสีขาว 224 ต้น ควำมสูงของล ำต้น ต้นสูง X ต้นเตี้ย ต้นสูงทุกต้น ต้นสูง 787 ต้น ต้นเตี้ย 277 ต้น ใบกิจกรรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 32 กิจกรรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด? จุดประสงค์ อธิบายโอกาสการเข้าคู่ของแอลลีล วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) ลูกปัดสีแดง 10 เม็ด 2) ลูกปัดสีขาว 10 เม็ด 3) กล่องหรือถ้วยพลาสติกทึบ 2 ใบ วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. ก าหนดลูกปัดสีแดงแทนแอลลีล T ซึ่งเป็นแอลลีลเด่น ควบคุมลักษณะ ต้นสูง และลูกปัดสีขาวแทนแอลลีล t ซึ่งเป็นแอลลีลด้อย ควบคุมลักษณะ ต้นเตี้ย 2. น าลูกปัดสีแดงและสีขาวอย่างละ 5 เม็ดบรรจุลงในกล่องพลาสติกใบที่ 1 และ 2 ดังภาพ ภำพกำรจัดอุปกรณ์ในกิจกรรม


3. ใช้มือคนลูกปัดในกล ่องพลาสติกทั้งสองใบให้ทั ่วและหยิบเม็ดลูกปัดจากกล ่อง พลาสติกขึ้นมาพร้อมกันใบละ 1 เม็ด โดยไม่ต้องมอง บันทึกสีของลูกปัด แล้วใส่กลับ คืนกล่องพลาสติกตามเดิม 4. ท าข้อ 3 ซ ้า โดยหยิบลูกปัดอีก 99 ครั้ง รวมจ านวนครั้งในการหยิบ 100 ครั้ง นับจ านวนครั้งที่หยิบลูกปัดแล้วได้สีแดงทั้งคู่ สีแดงกับสีขาว และสีขาวทั้งคู่จากนั้น ค านวณหาอัตราส ่วนอย ่างต ่าของการหยิบลูกปัดทั้ง 3 แบบ โดยน าตัวเลขที ่เป็น จ านวนครั้งที่ได้จากการหยิบที่มีค่าน้อยที่สุดไปหารตัวเลขทุกตัว 5. น าผลการท ากิจกรรมของแต่ละกลุ่มมารวมกัน แล้วค านวณหาอัตราส่วนอย่างต ่า ของจ านวนครั้งในการหยิบลูกปัดทั้ง 3 แบบ โดยใช้วิธีการเดียวกันกับในข้อ 4 กิจกรรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด? ข้อเสนอแนะ ในกำรท ำกิจกรรม 1) ครูควรชี้แจงให้นักเรียนทราบว่าลูกปัดแต่ละเม็ดแทนแอลลีลในเซลล์สืบพันธุ์ โดยการหยิบแต่ละครั้งเปรียบได้กับการเข้าคู่กันของแอลลีลในเซลล์สืบพันธุ์ 2) แนะน าให้นักเรียนเขย่าหรือใช้มือคนลูกปัดให้ทั่ว เพื่อให้ลูกปัดแต่ละเม็ดมีโอกาส ถูกหยิบเท่า ๆ กัน 3) ขณะหยิบลูกปัดแต่ละครั้งไม่ควรแอบมอง และเมื่อหยิบขึ้นมาแล้วต้องน าลูกปัด ใส่คืนในกล่องทุกครั้ง 4) ให้นักเรียนในกลุ่มแบ่งหน้าที่กันโดยคนหนึ่งหยิบลูกปัด อีกคนหนึ่งบันทึกผล และช่วยกันออกแบบตารางบันทึกผลการทดลอง 5) ครูอาจใช้วัสดุอื่น ๆ ที่หาได้ง่าย มีรูปร่างและขนาดเท่ากันแต่มีสีต่างกันมาใช้ แทนลูกปัด เช่น ลูกปิงปอง ฝาขวดน ้า ลูกอม 6) การหาอัตราส่วนอย่างต ่าท าได้โดยน าจ านวนครั้งของการหยิบลูกปัดที่เป็นตัวเลข น้อยที่สุดในกลุ่มไปหารตัวเลขทุกตัวในกลุ่ม เช่น หยิบลูกปัดสีแดง-แดงได้จ านวน 23 ครั้ง หยิบลูกปัดสีแดง-ขาว ได้ 52 ครั้ง หยิบลูกปัดสีขาว-ขาว ได้ 25 ครั้ง ก็น า 23 ไปหาร 23, 52 และ 25 จะได้อัตราส่วนอย่างต ่าเท่ากับ 1 : 2.26 : 1.09 หรือ อัตราส่วนโดยประมาณเท่ากับ 1 : 2 : 1


ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลูกปัดที่หยิบได้ทั้ง 3 แบบของกลุ่มเป็นเท่ำใด 2. เมื่อน ำผลรวมของกำรหยิบลูกปัดของทุกกลุ่มรวมกัน อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลูกปัดที่หยิบได้เป็นเท่ำใด เหมือนหรือแตกต่ำงจำกผลกำรค ำนวณของแต่ละกลุ่มอย่ำงไร 3. เหตุใดจึงต้องน ำผลของกำรหยิบลูกปัดในแต่ละกลุ่มมำรวมกันแล้วค ำนวณหำอัตรำส่วนอย่ำงต ่ำ 4. ถ้ำกำรหยิบลูกปัดจำกกล่องพลำสติกพร้อมกันแล้วน ำลูกปัดมำเข้ำคู่กันเปรียบเสมือนกำรเข้ำคู่ของ แอลลีลในกำรปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ต้นถั่วที่เกิดจำกกำรผสมในกิจกรรมนี้จะมีลักษณะเช่นใดบ้ำง และมีอัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลักษณะที่ปรำกฏเป็นเท่ำใด 5. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด ชื่อ-นำมสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขที่...........กลุ่มที่ ............ ตำรำงบันทึกผลกำรท ำกิจกรรม กลุ่มที่ จ ำนวนครั้งของสีลูกปัดที่หยิบได้ อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำ แดง-แดง (TT) แดง-ขำว (Tt) ขำว-ขำว (tt) 1 2 3 4 รวม สรุปผลกำรท ำกิจกรรม


……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แนวทำงกำรบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด ตำรำงบันทึกผลกำรท ำกิจกรรม กลุ่มที่ จ ำนวนครั้งของสีลูกปัดที่หยิบได้ อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำ แดง-แดง (TT) แดง-ขำว (Tt) ขำว-ขำว (tt) 1 23 52 25 1:2.26:1.09 2 22 51 27 1:2.32:1.23 3 20 50 30 1:2.50:1.50 4 24 54 22 1.09:2.45:1


รวม 89 207 104 1:2.33:1.17 สรุปผลกำรท ำกิจกรรม เมื่อน าผลการทดลองของแต่ละกลุ่มมารวมกันจะได้ปริมาณข้อมูลมากพอที่จะลดความคลาดเคลื่อนของ การทดลอง ซึ่งเมื่อน าผลรวมของข้อมูลนั้นมาคิดอัตราส่วนของคู่สีของลูกปัดที่หยิบได้ คู่ลูกปัดสีแดง-แดง สีแดง-ขาว สีขาว-ขาว จะมีอัตราส่วนใกล้เคียงกับ 1 : 2 : 1 มากขึ้น เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.3 โอกำสกำรเข้ำคู่ของแอลลีลเป็นเท่ำใด เฉลยค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลูกปัดที่หยิบได้ทั้ง 3 แบบของกลุ่มเป็นเท่ำใด


แนวค ำตอบ ตอบตามที่ค านวณได้จากผลการทดลอง ซึ่งอัตราส่วนของคู่สีแดง-แดง : สีแดง-ขาว : สี ขาว-ขาว อาจแตกต่างกัน แต่ควรได้ในอัตราส่วนประมาณ 1 : 2 : 1 2. เมื่อน ำผลรวมของกำรหยิบลูกปัดของทุกกลุ่มรวมกัน อัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลูกปัดที่หยิบได้เป็นเท่ำใด เหมือนหรือแตกต่ำงจำกผลกำรค ำนวณของแต่ละกลุ่มอย่ำงไร แนวค ำตอบ ตอบตามที่ค านวณได้จากผลการทดลองที่เป็นผลรวมของทั้งห้อง ซึ่งเมื่อมีจ านวนข้อมูลมาก ขึ้นคู่ลูกปัดสีแดง-แดง สีแดง-ขาว สีขาว-ขาว จะมีค่าใกล้เคียงกับ 1 : 2 : 1 มากขึ้น 3. เหตุใดจึงต้องน ำผลของกำรหยิบลูกปัดในแต่ละกลุ่มมำรวมกันแล้วค ำนวณหำอัตรำส่วนอย่ำงต ่ำ แนวค ำตอบ การน าผลของการหยิบลูกปัดในแต่ละกลุ่มมารวมกันเพื่อจะได้ข้อมูลปริมาณมากพอที่จะลด ความคลาดเคลื่อนของการทดลอง 4. ถ้ำกำรหยิบลูกปัดจำกกล่องพลำสติกพร้อมกันแล้วน ำลูกปัดมำเข้ำคู่กันเปรียบเสมือนกำรเข้ำคู่ของ แอลลีลในกำรปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ต้นถั่วที่เกิดจำกกำรผสมในกิจกรรมนี้จะมีลักษณะเช่นใดบ้ำง และ มีอัตรำส่วนอย่ำงต ่ำของลักษณะที่ปรำกฏเป็นเท่ำใด แนวค ำตอบ ต้นถั่วที่เกิดจากการผสมพันธุ์ตามกิจกรรมมีทั้งต้นสูงและต้นเตี้ย เช่น เป็นต้นสูง 75 ต้น (23+52) และต้นเตี้ย 25 ต้น ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนระหว่างต้นสูง : ต้นเตี้ย เท่ากับ 3 : 1 5. จำกกิจกรรมนี้ สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แนวค ำตอบ การสุ่มหยิบลูกปัดแต่ละครั้งเปรียบเหมือนการเข้าคู่กันของแอลลีลในเซลล์สืบพันธุ์เมื่อมีการ ปฏิสนธิระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมีย ซึ่งมีโอกาสการเข้าคู่กัน 3 แบบ คือ สีแดง-แดง (TT) สีแดง-ขาว (Tt) สีขาว-ขาว (tt) ในอัตราส่วนประมาณ 1 : 2 : 1 ต้นถั่วที่เกิดจากการผสมพันธุ์จึงมีอัตราส่วนระหว่าง ต้นสูง และต้นเตี้ยประมาณ 3 : 1 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง อัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ รหัสวิชำ ว23101 เวลำ 1 ชั่วโมง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ พันธุศาสตร์ รวม 15 ชั่วโมง


กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ภำคเรียนที่ 1 สำระที่ 1 ชื่อสำระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มำตรฐำน ว 1.3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี ่ยนแปลงทางพันธุกรรมที ่มีผลต ่อสิ ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ม.3/3 อธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูก และค านวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และ ฟีโนไทป์ของรุ่นลูก 2. สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 1) เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีลที่เป็นคู่กันในแต่ละฮอมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจากกันไปสู่เซลล์ สืบพันธุ์แต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สืบพันธุ์จะได้รับเพียง 1 แอลลีล และจะมาเข้าคู่กับแอลลีลที่ต าแหน่งเดียวกันของ อีกเซลล์สืบพันธุ์หนึ่ง เมื่อเกิดการปฏิสนธิจนเกิดเป็นจีโนไทป์และแสดงฟีโนไทป์ในรุ่นลูก 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1) ด้ำนควำมรู้ (K) นักเรียนอธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูกได้ 2) ด้ำนทักษะ (P) นักเรียนใช้ทักษะการใช้จ านวน โดยค านวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และ ฟีโนไทป์ของรุ่นลูกในตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ก าหนดได้3) ด้ำนเจตคติ (A) นักเรียนมีความมุ่งมั่นและรับผิดชอบในการท างาน 4. คุณลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการท างาน มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้ำนสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถวิเคราะห์แผนภาพและค านวณอัตราส่วนการเกิด จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูกในตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ก าหนด 6. สำระกำรเรียนรู้


กฎกำรแยก (law of segregation) เมื ่อเซลล์สืบพันธุ์มาปฏิสนธิ จะท าให้ได้ไชโกต ซึ ่งเป็นรุ ่นลูก มีแฟกเตอร์ที่อยู่เป็นคู่เช่นเดิมอีก ต่อมาเรียกแฟกเตอร์นี้ว่า ยีน (Gene) ซึ่งจากการทดลองพบว่ายีนที่ควบคุม แต่ละลักษณะมีรูปแบบที่แตกต่างกันจึงปรากฏเป็นลักษณะที่ต่างกัน เรียกรูปแบบที่แตกต่างกันของยีนว่า แอล ลีล (allele) แอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่น เรียกว่า แอลลีลเด่น (dominant allele) ส่วนแอลลีลที่ควบคุมลักษณะ ด้อยเรียกว่า แอลลีลด้อย (recessive allele) เมื่อมาเข้าคู่กัน แอลลีลเด่นจะสามารถข่มแอลลีลด้อยไม่ให้ปรากฏ ลักษณะด้อยออกมา เรียกแอลลีลเด่นที่ข่มแอลลีลด้อยแบบนี้ว่า กำรข่มอย่ำงสมบูรณ์ (complete dominant) ดังนั้นแม้มีแอลลีลเด่นเพียงแอลลีลเดียว สิ่งมีชีวิตก็จะแสดงลักษณะเด่นออกมาได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตที่แสดงลักษณะ ด้อยจะต้องมีแอลลีลด้อยทั้งสองแอลลีล นักพันธุศาสตร์นิยมใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเอียง แทนแอลลีลเด่น และอักษรตัวพิมพ์เล็ก ตัวเอียงแทนแอลลือ เช่น ใช้ตังอักษร T แทนแอลลีลเด่นที่ควบคุมลักษณะต้นสูง และ แทน t แอลลีลด้อย ที่ ควบคุมลักษณะตันเตี้ย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าก าหนดให้ลูกปัดแต่ละสี แทนแอลลีลที่ก าหนดลักษณะต้นสูงและต้นเตี้ยของต้นถั่ว โดย ก าหนดลูกปัดสีแดงเป็นแอลลีลเด่นที่ก าหนดลักษณะต้นสูงและแทนด้วยตัวอักษร T ส่วนลูกปัดสีขาวเป็นแอลลี ลด้อยที่ก าหนดลักษณะต้นเตี้ยและแทนด้วยตัวอักษร t ในตอนต้นของการท ากิจกรรมกล่องพลาสติกแต่ละใบมี ลูกปัด 2 สีจ านวนเท่ากัน เปรียบได้กับถั่วต้นพ่อและต้นแม่ที่เป็นลูกผสม ซึ่งมีคู่ของแอลลีลเป็น Tt เรียกรูปแบบคู่ ของแอลลีลเช่นนี้ว่า จีโนไทป์(genotype) การหยิบลูกปัดจากกล ่องพลาสติกครั้งละหนึ ่งเม็ดแล้วน ามาเข้าคู ่กัน เปรียบได้กับการเข้าคู ่ของ แอลลีลในการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ และเมื่อหยิบซ ้าหลาย ๆ ครั้งจะพบว่าอัตราส่วนของจีโนไทป์ TT : Tt : tt ใกล้เคียงกับ 1 : 2 : 1 และอัตราส่วนของลักษณะตันสูง : ตันเตี้ยใกล้เคียงกับ 3 : 1 เช่นเดียวกับ ผลการทดลอง ผสมพันธุ์ตันถั่วของเมนเดล เราอาจเขียนแผนภาพการผสมพันธุ์ระหว ่างถั ่วต้นสูงกับถั ่วต้นเตี้ยในรุ ่นพ่อแม ่ และการผสมพันธุ์ ระหว่างลูกรุ่นที่ 1 โดยเขียนอักษรภาษาอังกฤษแทนแอลลีลของถั่วได้ดังภาพ


ภำพแสดง กำรผสมพันธุ์ระหว่ำงถั่วรุ่นพ่อแม่และกำรผสมพันธุ์ระหว่ำงลูกรุ่นที่ 1 (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 34) ฟีโนไทป์ของรุ่นพ่อแม่พันธุ์แท้ จีโนไทป์ของรุ่นพ่อแม่พันธุ์แท้ เซลล์สืบพันธุ์ จีโนไทป์ของลูกรุ่นที่ 1 (F1 ) ฟีโนไทป์ของลูกรุ่นที่ 1 (F1 ) สูง สูง สูง เตี้ย ฟีโนไทป์ของรุ่นลูกรุ่นที่ 1 (F1 ) จีโนไทป์ของรุ่นลูกรุ่นที่ 1 (F1 ) เซลล์สืบพันธุ์ จีโนไทป์ของลูกรุ่นที่ 2 (F2 ) ฟีโนไทป์ของลูกรุ่นที่ 2 (F2 ) อัตราส่วนระหว่างต้นสูงกับต้นเตี้ย เท่ากับ 3 : 1 สูงหมดทุกต้น


เมื่อน าถั่วรุ่นพ่อแม่ซึ่งเป็นถั่วต้นสูงพันธุ์แท้ที่มีจีโนไทป์ TT ผสมพันธุ์กับถั่วต้นเตี้ยพันธุ์แท้ที่มีจีโนไทป์ tt เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีล T กับ T และ แอลลีล t กับ t จะแยกออกจากกันไปอยู่ในเชลล์สืบพันธุ์ท าให้ เชลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์มีแอลลีลเดียว และเมื่อเซลล์สืบพันธุ์มาปฏิสนธิกัน ท าให้ได้ไซโกต ซึ่งจะเจริญเป็นลูกรุ่นที่ 1 ที่มีแอลลีลมารวมกันเป็นคูใหม่ ผลจากการเข้คู่กันของแอลลีล T ที่เป็นแอลลีลเด่นซึ่งควบคุมลักษณะ ตันสูง กับแอลลีล t ที่เป็นแอลลีลด้อย ซึ่งควบคุมลักษณะต้นเตี้ย ท าให้ลูกรุ่นที่ 1 ทุกต้นมีจีโนไทป์เป็น Tt และมีลักษณะ ที่ปรากฏหรือลักษณะที่แสดงออกที่เรียกว่า พีโนไทป์ (phenotype) เป็นต้นสูงทุกต้น ลูกรุ่นที่ 2 เกิดจากการผสมพันธุ์กันระหว่างลูกรุ่นที่ 1 ที่มีจีโนไทป์ Tt เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์และมี การปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์จะมีการเข้าคู ่กันของแอลลีลได้ 3 รูปแบบ คือ TT Tt และ tt เรียกจีโนไทป์ ที่ประกอบด้วยคู่ของแอลลีลที่เหมือนกัน เช่น TT หรือ tt ว่า ฮอมอไซกัส (homozygous) และแอลลีลที่แตกต่าง กัน เช่น Tt ว่า เฮเทอโรไซกัส (heterozygous) ดังนั้นสรุปได้ว ่า จีโนไทป์ คือ รูปแบบคู ่ของแอลลีลที ่มีอยู ่ในเชลล์ ซึ ่งเขียนแทนโดยใช้ตัวอักษร ภาษาอังกฤษ เช่น TT Tt และ tt ฟีโนไทป์ คือ ลักษณะที ่แต ่ละจีโนไทป์แสดงออกมา เช ่น ความสูงของล าตันมีฟีโนไทป์ 2 แบบ คือ ล าตันสูงและล าตันเตี้ย แต่มีจีโนไทป์ 3 แบบ คือ ล าตันสูงมีจีโนไทป์ และ T ซึ่งแอลลีลเด่นจะข่มแอลลีลด้อยอย่าง สมบูรณ์ จึงปรากฏพีโนไทป์เป็นลักษณะเด่น ส่วนล าตันเตี้ยมีจีโนไทป์ tt ความรู้ที่เมนเดลค้นพบสามารถน ามาใช้ในการอธิบายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของ สิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ นอกจากนี้ยังสามารถน าความรู้มาใช้ประโยชน์ในการวินิจฉัย ป้องกัน และ แก้ปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในมนุษย์ได้ 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (1 ชั่วโมง; 60นาที) ขั้นที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) (10 นำที) 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยใช้แผนภาพแสดง การผสมพันธุ์ระหว่างถั่วรุ่นพ่อแม่ และการผสมพันธุ์ระหว่างลูกรุ่นที่ 1และตั้งประเด็นค าถามร่วมกันว่าดังนี้ - ความหมายของฟีโนไทป์ (ฟีโนไทป์ เป็นลักษณะที่แสดงออกซึ่งเป็นผลมาจากจีโนไทป์) - ความหมายของฮอมอไซกัสและเฮเทอโรไซกัส (คู่แอลลีลที่เหมือนกัน เช่น TT tt เรียกว่า ฮอมอ ไซกัส ส่วนคู่แอลลีลที่แตกต่างกัน เช่น Tt เรียกว่า เฮเทอโรไซกัส) - ก าหนดให้ถั ่วลันเตาที ่มีแอลลีลควบคุมลักษณะเมล็ดกลม (R) เป็นแอลลีลเด ่น และ แอลลีลควบคุมเมล็ดขรุขระ (r) เป็นแอลลีลด้อย ถ้าน าถั่วลันเตาเมล็ดกลมที่มีจีโนไทป์ RR ผสมพันธุ์กับถั่วลันเตา เมล็ดกลมที่มีจีโนไทป์ Rr ให้นักเรียนเขียนแผนภาพ เพื่อค านวณหาอัตราส่วนของจีโนไทป์และฟีโนไทป์ในรุ่นลูก


(แผนภาพการผสมพันธุ์ถั่วลันเตา เป็นดังนี้) ดังนั้นในรุ่นลูกจะมีอัตราส่วนจีโนไทป์ RR : Rr เท่ากับ 1 : 1 ส่วนฟีโนไทป์จะมีเมล็ดกลมทุกต้น ขั้นที่2 ขั้นส ำรวจและค้นหำ (Exploration) (20 นำที) 2) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร โดยใช้ ค าถามว ่า จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกขึ้นอยู ่กับลักษณะของพ ่อและแม ่ นักเรียนจะค านวณอัตราส ่วนของ จีโนไทป์และฟีโนไทป์ได้อย่างไร 3) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 37 และครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน โดย ใช้ค าถามดังต่อไปนี้ - กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาด) - กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (1.หาจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาด 2.ค านวณและ อธิบายอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูกสัตว์ประหลาด) - วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย ่างไร (โยนเหรียญ 2 เหรียญพร้อม ๆ กันเพื ่อหา จีโนไทป์และฟีโนไทป์ในแต่ละลักษณะของสัตว์ประหลาด แล้วน าฟีโนไทป์ทั้งหมดมาวาดเป็นภาพสัตว์ประหลาด จากนั้นเลือกจีโนไทป์ของลักษณะ 1 ลักษณะจากการท ากิจกรรมโดยก าหนดให้เป็นพ่อมาผสมพันธุ์กับแม่ที่มี ลักษณะเดียวกันตามที่โจทย์ก าหนดให้ แล้วเขียนแผนภาพเพื่อหาอัตราส่วนของจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูก) - นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (รวบรวมฟีโนไทป์ของแต ่ละลักษณะ แล้วน ามาวาดเป็นภาพสัตว์ประหลาด) 4) ขณะที่แต่ละกลุ่มท ากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการท ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ ค าแนะน าถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ เช่น การหาฟีโนไทป์โดยการโยนเหรียญ การเขียนแผนภาพการ ผสมพันธุ์ระหว่างพ่อและแม่ ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหาและข้อสงสัยที่พบจากการท ากิจกรรมของนักเรียน เพื่อใช้ เป็นข้อมูลประกอบการอภิปรายหลังจากการท ากิจกรรม ขั้นที่3 ขั้นอธิบำยและลงข้อสรุป (Explanation) (10 นำที)


5) นักเรียนบันทึกผลการท ากิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และ ฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร โดยการตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของกิจกรรมภายใน กลุ่ม 6) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผล เพื่อให้ได้ข้อสรุปจำกกิจกรรมว่ำ การเข้าคู่กันของแอลลีลท า ให้เกิดจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ที่ก าหนดลักษณะที่แสดงออกหรือฟีโนไทป์ที่แตกต่างกัน เป็นผลให้สัตว์ประหลาด มี ลักษณะแตกต่างกัน การเขียนแผนภาพการผสมพันธุ์จะท าให้สามารถหาอัตราส่วนจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของ ลูก ได้ ขั้นที่4 ขั้นขยำยควำมรู้ (Elaboration) (10 นำที) 7) ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม เพื่อสรุปควำมรู้ที่ได้จำกกิจกรรมว่ำ การเข้าคู่ของแอลลีลท าให้ เกิดจีโนไทป์ซึ่งเป็นผลให้สิ่งมีชีวิตมีฟีโนไทป์ที่แตกต่างกัน ถ้าทราบจีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตรุ่นพ่อและแม่ เราสามารถ ค านวณหาอัตราส่วนจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกได้ ขั้นที่5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (10 นำที) 8) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์การ ประเมิน (Rubrics Score) 8. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 อุปกรณ์ท ากิจกรรม: เหรียญบาท กระดาษปรู๊ฟหรือกระดาษวาดเขียน 8.2 แผนภาพ: การผสมพันธุ์ระหว่างถั่วรุ่นพ่อแม่และการผสมพันธุ์ระหว่างลูกรุ่นที่ 1 8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร 8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของ สัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร 8.4 แหล่งเรียนรู้: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ 9. กำรวัดและกำรประเมิน ตัวชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ที่ใช้ในกำรประเมิน 1. อธิบายการเกิดจีโนไทป์ และฟีโนไทป์ของ - ตรวจการตอบค าถาม ท้ายกิจกรรมที่ 2.4 - ค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.4 - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน


รุ่นลูกได้ (ด้านความรู้: K) จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของ สัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร จ านวน 4 ข้อ ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านความรู้ 2. การใช้ทักษะการใช้ จ านวน โดยค านวณ อัตราส่วนการเกิด จีโนไทป์และฟีโนไทป์ ของรุ่นลูกในตัวอย่าง การถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมที่ก าหนด ได้(ด้านกระบวนการ: P) - ตรวจการท าแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.4 - แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์ และฟีโนไทป์ของสัตว์ ประหลาดเป็นอย่างไร - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านกระบวนการ 3. ความมุ่งมั่นในการ ท างานและความ รับผิดชอบ (ด้านเจตคติ: A) - สังเกตพฤติกรรมของ นักเรียนระหว่างและหลัง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ - เกณฑ์การประเมินความ มุ่งมั่นและความรับผิดชอบ ในการท ากิจกรรมการ เรียนรู้ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านเจตคติ 9.1 เกณฑ์กำรประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนตอบ ค าถามท้าย กิจกรรมที่ 2.4 3 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.4 ถูกต้อง จ านวน 4 ข้อ 2 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.4 ถูกต้อง จ านวน 2-3 ข้อ 1 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.4 ถูกต้อง จ านวน 1 ข้อ หรือ ไม่ถูกต้อง การให้คะแนนการบันทึก แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.4 3 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหาในกิจกรรม มีการค านวณหา อัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูกรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ในตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง และเขียนแผนผังการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้ถูกต้อง 2 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ถูกต้อง


และมีการค านวณหาอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูก รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ในตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ ก าหนดได้อย่างถูกต้อง และเขียนแผนผังการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมได้ 1 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ และมีการ ค านวณหาอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูกรุ่นที่ 1 และ รุ่นที่ 2 ในตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ก าหนดได้ และ เขียนแผนผังการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้ การให้คะแนนพฤติกรรม ความมุ่งมั่นและความ รับผิดชอบในการท า กิจกรรมการเรียนรู้ 3 1) นักเรียนมีความสนใจและมุ่งมั่นในการท ากิจกรรม ให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามขั้นตอนการเรียนรู้เป็นอย่างดี 2) นักเรียนมีความรับผิดชอบท างานที่ได้รับมอบหมายได้ตรงเวลาที่ ก าหนดเป็นอย่างดี 2 1) นักเรียนสนใจและมุ่งมั่นในการท ากิจกรรมเป็นบางครั้ง และมีการคุย กันเล่นขณะการเรียนรู้ แต่ไม่กระทบผู้อื่น 2) นักเรียนมีความรับผิดชอบท างานที่ได้รับมอบหมายตรงตามเวลาที่ ก าหนด แต่เกิดปัญหาระหว่างการท างาน 1 1) นักเรียนขาดความมุ่งมั่นและไม่สนใจในการเรียน มีพฤติกรรมชอบคุย ชอบเล่นหรือนอนหลับขณะการเรียนการสอน 2) นักเรียนขาดความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายไม่ตรงตาม ก าหนดเวลาที่ตกลงไว้ 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ ดังนั้น นักเรียนต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับ คุณภำพ ดี ถือว่ำผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในแผนกำรจัดกำรเรียนที่ 6


บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์.... ...... ... ... แผนกำรสอนเรื่อง 6 อัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน 1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ.............


ได้แก่.................................................................................................. 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ำกลุ่มสำระ ( ) ( ) ต าแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชำกำร …………./……………./………… ( ) ลงชื่อ............................................ผู้อ ำนวยกำร ( ) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์ I แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง อัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์. ค ำชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแน นรวม ระดับ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน คุณภำพ


3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย) - คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้


ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 6)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... แผนภำพแสดง กำรผสมพันธุ์ระหว่ำงถั่วรุ่นพ่อแม่และกำรผสมพันธุ์ระหว่ำงลูกรุ่นที่ 1 ฟีโนไทป์ของรุ่นพ่อแม่พันธุ์แท้ จีโนไทป์ของรุ่นพ่อแม่พันธุ์แท้


ภำพแสดง กำรผสมพันธุ์ระหว่ำงถั่วรุ่นพ่อแม่และกำรผสมพันธุ์ระหว่ำงลูกรุ่นที่ 1 (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 34) ใบกิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร


หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 37 กิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร? จุดประสงค์ 1) หาจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลาด 2) วาดภาพลักษณะของสัตว์ประหลาด 3) ค านวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของรุ่นลูก วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) เหรียญบาท 2 เหรียญ 2) กระดาษปรู๊ฟหรือกระดาษวาดเขียน 1 แผ่น สถำนกำรณ์ สัตว์ประหลาดมีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกัน 7 ลักษณะ แต่ละลักษณะถูก ควบคุมด้วยยีนที่มี 2 แอลลีล และแอลลีลเด่นสามารถข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์ ลักษณะต่าง ๆ ของสัตว์ประหลาดมีดังนี้ 1) รูปร่างของหัว 2) จ านวนตา 3) การมีรูจมูก 4) จ านวนเขา 5) จ านวนขา 6) จ านวนแขน 7) การมีฟัน วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. โยนเหรียญบาท 2 เหรียญพร้อมกัน เพื่อหาจีโนไทป์และฟีโนไทป์ในแต่ละลักษณะ ของสัตว์ประหลาด ก าหนดให้ด้านหัวของเหรียญแทนแอลลีลเด่น และด้านก้อยแทน แอลลีลด้อย โดยใช้สัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ให้ไว้ในตารางแทนแอลลีลเด่น และแอลลีลด้อย บันทึกผล


กิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร? วิธีด ำเนินกิจกรรม ตาราง แอลลีลเด่นและแอลลีลด้อยของลักษณะต่าง ๆ ของสัตว์ประหลาด ลักษณะ ลักษณะที่ควบคุมโดย แอลลีลเด่น/สัญลักษณ์ ลักษณะที่ควบคุมโดย แอลลีลด้อย/สัญลักษณ์ รูปร่ำงของหัว หัวกลม/A หัวสี่เหลี่ยม/a จ ำนวนตำ 2 ตา/B 1 ตา/b กำรมีรูจมูก มีรูจมูก/C ไม่มีรูจมูก/c จ ำนวนเขำ 2 เขา/D ไม่มีเขา/d จ ำนวนขำ 3 ขา/E 2 ขา/e จ ำนวนแขน 4 แขน/F 2 แขน/f กำรมีฟัน มีฟัน/G ไม่มีฟัน/g 2. น าพี่โนไทป์ของลักษณะทั้งหมดที่ได้จากข้อ 1 มาวาดเป็นภาพสัตว์ประหลาด 3. ก าหนดให้สัตว์ประหลาดที่ได้ในข้อ 2 เป็นพ่อ จากนั้นเลือกจีโนไทป์ของสัตว์ประหลาด ที่เป็นพ่อลักษณะใดก็ได้จ านวน 1 ลักษณะ เช่น เลือกสัตว์ประหลาดที่มีหัวกลมที่อาจมี จีโนไทป์เป็นฮอมอไซคัสหรือเฮเทอโรไชกัส 4. เลือกลักษณะของแม่ที่เป็นลักษณะเดียวกับที่เลือกจากพ่อ จากลักษณะที่ก าหนดให้ เพียง 1 ลักษณะ ดังนี้ 4.1 หัวกลมที่มีจีโนไทป์เป็นฮอมอไซคัส 4.2 ตา 2 ตา ที่มีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซคัส 4.3 ไม่มีรูจมูก 4.4 เขา 2 เขา ที่มีจีโนไทป์เป็นฮอมอไซคัส 4.5 ขา 2 ขา 4.6 แขน 4 แขน ที่มีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซคัส 4.7 ไม่มีฟัน เขียนจีโนไทป์ของแม่จากลักษณะที่เลือกไว้ 5. น าพ่อมาผสมพันธุ์กับแม่ แล้วเขียนแผนภาพเพื่อหาอัตราส่วนของจีโนไทป์และ ฟีโนไทป์ของลักษณะดังกล่าวในลูกที่เกิดขึ้น


ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของแต่ละลักษณะเป็นอย่ำงไร 2. สิ่งใดก ำหนดฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดในแต่ละลักษณะ 3. เมื่อน ำพ่อมำผสมพันธุ์กับแม่ ลูกที่เกิดขึ้นมีอัตรำส่วนกำรเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์เป็นอย่ำงไร 4. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร ชื่อ-นำมสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขที่...........กลุ่มที่ ............ ลักษณะของสัตว์ประหลำดหรือฟีโนไทป์ที่ได้จำกกำรโยนเหรียญบำท ลักษณะ ด้ำนของเหรียญที่โยนได้ จีโนไทป์ ฟีโนไทป์ ลักษณะของหัว จ ำนวนของตำ กำรมีรูจมูก/ไม่มีรูจมูก จ ำนวนเขำ จ ำนวนขำ จ ำนวนแขน กำรมีฟัน/ไม่มีฟัน เมื่อน ำฟีโนไทป์ของแต่ละลักษณะมำวำดเป็นสัตว์ประหลำด จะได้ภำพดังตัวอย่ำง


อธิบำยแต่ละลักษณะของแม่ จะมีจีโนไทป์ดังนี้ …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………. เขียนแผนผังกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรม ดังนั้นรุ่นลูก (F1) จะมี ................ลักษณะ คือ.......................................................................... จีโนไทป์ของพ่อและแม่ เซลล์สืบพันธุ์ จีโนไทป์ของลูก (F1) ฟีโนไทป์ที่แสดงออกมำ ....................... ....................... ....................... ....................... พ่อ แม่


จีโนไทป์รุ่นลูก (F1) คือ ................................................................................................................ ในอัตรำส่วนเท่ำกับ ................................................................................................................ แนวทำงกำรบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร ลักษณะของสัตว์ประหลำดหรือฟีโนไทป์ที่ได้จำกกำรโยนเหรียญบำท ลักษณะ ด้ำนของเหรียญที่โยนได้ จีโนไทป์ ฟีโนไทป์ ลักษณะของหัว ก้อย-ก้อย aa หัวสี่เหลี่ยม จ ำนวนของตำ ก้อย-ก้อย bb 1 ตา กำรมีรูจมูก/ไม่มีรูจมูก หัว-ก้อย Cc มีรูจมูก จ ำนวนเขำ หัว-หัว DD 2 เขา จ ำนวนขำ หัว-ก้อย Ee 3 ขา จ ำนวนแขน ก้อย-ก้อย ff 2 แขน กำรมีฟัน/ไม่มีฟัน หัว-หัว GG มีฟัน เมื่อน ำฟีโนไทป์ของแต่ละลักษณะมำวำดเป็นสัตว์ประหลำด จะได้ภำพดังตัวอย่ำง


อธิบำยแต่ละลักษณะของแม่ จะมีจีโนไทป์ดังนี้ 1. หัวกลมที่มีจีโนไทป์เป็นฮอมอไซกัส จีโนไทป์ คือ AA 2. ตา 2 ตา ที่มีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซกัส จีโนไทป์ คือ Bb 3. ไม่มีรูจมูก จีโนไทป์ คือ cc 4. เขา 2 เขาที่มีจีโนไทป์เป็นฮอมอไซกัส จีโนไทป์ คือ DD 5. ขา 2 ขา จีโนไทป์ คือ ee 6. แขน 4 แขนที่มีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซกัส จีโนไทป์ คือ Ff 7. ไม่มีฟัน จี โนไทป์ คือ gg เขียนแผนผังกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุกรรม เลือกพ่อที่มีขา 3 ขาซึ่งมีจีโนไทป์Ee และแม่ซึ่งมีลักษณะเดียวกับพ่อคือจ านวนขา จากโจทย์ก าหนดให้ แม่มีขา 2 ขา มีจีโนไทป์ee แล้วน ามาผสมพันธุ์กัน ลูกที่เกิดจะเป็นไปตามแผนภาพ จีโนไทป์ของพ่อและแม่ เซลล์สืบพันธุ์ จีโนไทป์ของลูก (F1) ฟีโนไทป์ที่แสดงออกมำ ....................... ....................... ....................... ....................... พ่อ แม่ Ee ee E e e e Ee Ee ee ee ขา 3 ขา ขา 3 ขา ขา 2 ขา ขา 2 ขา 2 ขา 3 ขา และ ขา 2 ขา


ดังนั้นรุ่นลูก (F1) จะมี ................ลักษณะ คือ.......................................................................... จีโนไทป์รุ่นลูก (F1) คือ ................................................................................................................ ในอัตรำส่วนเท่ำกับ ................................................................................................................ เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.4 จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดเป็นอย่ำงไร เฉลยค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. จีโนไทป์และฟีโนไทป์ของแต่ละลักษณะเป็นอย่ำงไร แนวค ำตอบ ตอบตามผลการทดลองของแต่ละกลุ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับการโยนเหรียญบาททั้งสองเหรียญว่า จะ ออกด้านใด เช่น ลักษณะของหัว ถ้าโยนได้เหรียญด้านหัว-หัว หรือด้านหัว-ก้อย จะมีจีโนไทป์เป็น AA หรือ Aa ตามล าดับ ซึ ่งจะมีฟีโนไทป์เป็นหัวกลม แต ่ถ้าโยนได้เหรียญด้านก้อย-ก้อยก็จะมีจีโนไทป์เป็น aa ซึ ่งจะมี ฟีโนไทป์เป็นหัวสี่เหลี่ยม 2. สิ่งใดก ำหนดฟีโนไทป์ของสัตว์ประหลำดในแต่ละลักษณะ แนวค ำตอบ จีโนไทป์ของแต่ละลักษณะ 3. เมื่อน ำพ่อมำผสมพันธุ์กับแม่ ลูกที่เกิดขึ้นมีอัตรำส่วนกำรเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์เป็นอย่ำงไร แนวค ำตอบ ค าตอบขึ้นอยู่กับจีโนไทป์ของพ่อและแม่ที่เลือกมาผสมพันธุ์ เช่น ถ้าพ่อมีจีโนไทป์ Ee และ แม่มีจีโนไทป์ ee จีโนไทป์ของลูก คือ Ee และ ee ในอัตราส่วน 1 : 1 และมีฟีโนไทป์คือมีขา 3 ขากับมีขา 2 ขา ใน อัตราส่วนระหว่างมีขา 3 ขากับมีขา 2 ขาเท่ากับ 1 : 1 Ee และ ee 1 : 1 หรือ 50 : 50


4. จำกกิจกรรมนี้ สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แนวค ำตอบ การเข้าคู่กันของแอลลีลท าให้เกิดจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ที่ก าหนดลักษณะที่แสดงออกหรือ ฟีโนไทป์ที่แตกต่างกัน เป็นผลให้สัตว์ประหลาดมีลักษณะแตกต่างกัน การเขียนแผนภาพการผสมพันธุ์จะท าให้ สามารถหาอัตราส่วนจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกได้ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ รหัสวิชำ ว23101 เวลำ 2 ชั่วโมง หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ พันธุศาสตร์ รวม 15 ชั่วโมง กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ภำคเรียนที่ 1 สำระที่ 1 ชื่อสำระ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มำตรฐำน ว 1.3 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชี้วัด ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส าคัญของการถ ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี ่ยนแปลงทางพันธุกรรมที ่มีผลต ่อสิ ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ ่งมีชีวิต รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.3 ม.3/1 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจ าลอง 2. สำระส ำคัญ/ควำมคิดรวบยอด 1) สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีจ านวนโครโมโซมเท่ากันและคงที่เสมอ


2) มนุษย์มีจ านวนโครโมโซม 23 คู่ เป็นออโตโซม 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1) ด้ำนควำมรู้ (K) นักเรียนบอกความแตกต่างของโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ 2) ด้ำนทักษะ (P) นักเรียนใช้ทักษะการสังเกตเปรียบเทียบลักษณะโครโมโซมของมนุษย์ เพศชายและเพศหญิงได้ 3) ด้ำนเจตคติ (A) นักเรียนมีความมุ่งมั่นและรับผิดชอบในการท างาน 4. คุณลักษณะผู้เรียน 4.1 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการท างาน มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ 5. ด้ำนสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของโครโมโซมของ มนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ 6. สำระกำรเรียนรู้ สิ ่งมีชีวิตต ่างชนิดกันจะมีลักษณะแตกต ่างกัน ลักษณะเหล ่านี้ถูกควบคุมโดยยีนที ่อยู ่บนโครโมโซม โดยทั่วไปสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันจะมีจ านวนโครโมโซมแตกต่างกัน สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีจ านวนโครโมโซม เท่ากันและมีจ านวนคงที่เสมอในแต่ละรุ่น ยกตัวอย่างโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ สิ่งมีชีวิต จ ำนวนโครโมโซม ถั่วลันเตา 14 หอมหัวใหญ่ 16 มะเขือเทศ 24 ข้าวสาลี 42 แมลงวันผลไม้ 8 ไส้เดือนดิน 36 ลิงชิมแพนซี 48 มนุษย์ 46


เซลล์ร ่างกายของมนุษย์แต ่ละเซลล์มีจ านวนโครโมโซมเท ่ากับ 46 แท ่งหรือ 23 คู ่ เป็นโครโมโซมที่ ไม่เกี่ยวข้องกับการก าหนดเพศ เรียกว่า ออโตโซม (autosome) จ านวน 22 คู่ และเป็นโครโมโซมที่ก าหนดเพศ เรียกว่า โครโมโซมเพศ (sex chromosome) จ านวน 1 คู่ ดังภาพ ออโตโซม โครโมโซมเพศ(XX) ออโตโซม โครโมโซมเพศ(XY) ภำพแสดง โครโมโซมของมนุษย์ (อ้างอิงจาก: หนังสือเรียนชั้นม.3 เล่ม1 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2560) สสวท. หน้า 46) โครโมโซมเพศที่มีขนาดใหญ่ที่พบทั้งในเพศหญิงและเพศชาย เรียกว่า โครโมโซม X ส่วนโครโมโซมเพศที่มี ขนาดเล็กกว่าที่พบเฉพาะในเพศชาย เรียกว่า โครโมโซม Y ดังนั้นเพศชายจะมีโครโมโซมเพศเป็น XY ส่วนเพศหญิงจะมี โครโมโซมเป็น XX ไซโกต 1 เซลล์ที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อและแม่ จะเจริญเติบโตเป็นมนุษย์ที่ประกอบ ไปด้วยเซลล์จ านวนมากประมาณ 40 ล้านล้านเซลล์ 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Cycles: 5Es) (2 ชั่วโมง; 120นาที) ขั้นที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) (20 นำที) 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน ก่อนเข้าสู่เรื่อง โครโมโซมของมนุษย์และความผิดปกติทาง พันธุกรรม โดยให้นักเรียนท ากิจกรรมทบทวนความรู้ก่อนเรียน หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ


เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 เล ่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 41 จ านวน 3 ข้อ เพื่อให้ได้ค าตอบที่ถูกต้อง - โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นท่อนในนิวเคลียสระยะที่มีการแบ่งเซลล์คือข้อใด (ข.โครโมโซม) - จากภาพ A B และ C คืออะไรตามล าดับ (ก. โครโมโซม โครมาทิด เซนโทรเมียร์) - จากภาพเซลล์ที่ก าหนดให้ โครโมโซมคู่ใดเป็นฮอมอโลกัสโครโมโซม (ค. 3, 5) 2) ครูเชื่อมโยงไปสู่เรื่องจ านวนโครโมโซมของสิ่งมีชีวิต โดยใช้ค าถามต่อไปนี้ - สิ่งใดเป็นตัวก าหนดลักษณะของสิ่งมีชีวิต (ยีน) - ยีนอยู่บนโครงสร้างใดในนิวเคลียส (โครโมโซม) - นักเรียนคิดว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีโครโมโซมเท่ากันหรือแตกต่างกัน (นักเรียนตอบตามความ เข้าใจของตนเอง) 3) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยใช้แผนภาพแสดง จ านวนโครโมโซมในเซลล์ร่างกาย ของสิ่งมีชีวิต (แนบท้ายแผนการจัดการเรียนรู้) และตั้งประเด็นค าถามร่วมกันว่าดังนี้ - สิ่งมีชีวิตในตาราง 2.2 มีจ านวนโครโมโซมเท่ากันหรือต่างกัน อย่างไร (ส่วนใหญ่จะมีจ านวน โครโมโซมแตกต่างกัน แต่มีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่มีจ านวนโครโมโซมเท่ากันเช่น ยีสต์และหอมหัวใหญ่) - จ านวนโครโมโซมมีความสัมพันธ์กับขนาดของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ อย่างไร (ไม่มีความสัมพันธ์กัน สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาจมีจ านวนโครโมโซมมากกว่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ เช่นมนุษย์มีโครโมโซม 46 แท่ง ส่วนปลาดุก ด้านมีโครโมโซม 104 แท่ง) 4) ครูและนักเรียนพิจารณาตารางจ านวนโครโมโซมในเซลล์ร ่างกายของสิ ่งมีชีวิต (แนบท้าย แผนการจัดการเรียนรู้) หรือในหนังสือเรียนหน้า 42 และร่วมกันอภิปรายข้อมูลในตาราง จากนั้นตอบค าถาม ระหว่างเรียน อ่านเนื้อหาท้ายตาราง และร่วมกันอภิปราย เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ำ โดยทั่วไปสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน จะมี จ านวนโครโมโซมแตกต่างกัน แต่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีจ านวนโครโมโซมเท่ากันเสมอและมีจ านวนคงที่ในทุก ๆ รุ่น และจ านวนโครโมโซมไม่มีความสัมพันธ์กับขนาดของสิ่งมีชีวิต ขั้นที่2 ขั้นส ำรวจและค้นหำ (Exploration) (30 นำที) 5) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร โดยใช้ข้อมูล จากตารางแสดงจ านวนโครโมโซมของนักเรียนเป็นเท่าไร และนักเรียนทราบหรือไม่ว่ามนุษย์เพศชายและหญิงมี โครโมโซมเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร 6) นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีด าเนินกิจกรรม ตามหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 43 และครูตรวจสอบความเข้าใจการอ่าน โดย ใช้ค าถามดังต่อไปนี้


- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (ลักษณะของโครโมโซมมนุษย์) - กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อย่างไร (สังเกตและเปรียบเทียบลักษณะโครโมโซมของมนุษย์เพศชาย และเพศหญิง) - วิธีด าเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สังเกตและจับคู่โครโมโซมที่เหมือนกันของเพศชาย โดยเขียนหมายเลขเดียวกันก ากับไว้ในแต่ละคู่ ตัดคู่ของโครโมโซมออก แล้วน ามาเรียงล าดับจากใหญ่ไปหาเล็ก จากนั้นจึงตัดและจัดเรียงล าดับโครโมโซมของมนุษย์เพศหญิง โดยใช้วิธีการเดียวกันกับเพศชาย เปรียบเทียบ ลักษณะของโครโมโซมเพศชายและหญิง แยกคู่โครโมโซมที่แตกต่างกันของเพศชายและหญิงมาวางเป็นคู่สุดท้าย) - นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (สังเกตลักษณะโครโมโซมของเพศชายและเพศ หญิง รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจ านวนคู่ของโครโมโซม ความเหมือนและความแตกต่างของโครโมโซมเพศชายและ เพศหญิง) 7) ขณะที่แต่ละกลุ่มท ากิจกรรม ครูควรเดินสังเกตการท ากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม และให้ ค าแนะน าถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในประเด็นต ่าง ๆ เช ่น การจัดเรียงโครโมโซม การสังเกตคู ่ที ่ต ่างกันระหว ่าง โครโมโซมเพศชายและเพศหญิง ซึ่งครูควรรวบรวมปัญหาและข้อสงสัยที่พบจากการท ากิจกรรมของนักเรียน เพื่อ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการอภิปรายหลังจากการท ากิจกรรม ขั้นที่3 ขั้นอธิบำยและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นำที) 8) นักเรียนบันทึกผลการท ากิจกรรมลงในแบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมใน เซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร โดยการตอบค าถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของกิจกรรม 9) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผล เพื่อให้ได้ข้อสรุปจำกกิจกรรมว่ำ มนุษย์มีจ านวนโครโมโซม 46 แท่ง หรือ 23 คู่ โครโมโซม 22 คู่มีลักษณะเหมือนกันทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ส่วนโครโมโซมอีก 1 คู่ มีลักษณะ แตกต่างกัน ขั้นที่4 ขั้นขยำยควำมรู้(Elaboration) (20 นำที) 10) ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม โดยให้นักเรียนสังเกตภาพ 2.15 ในหนังสือเรียนหน้า 46 และ เปรียบเทียบผลที่ได้จากการท ากิจกรรม 2.5 กับภาพ 2.15 อ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหน้า 46 จากนั้นร่วมกัน อภิปรายเกี่ยวกับออโตโซมและโครโมโซมเพศ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ำ โครโมโซมคู่ที่ 1-22 เหมือนกันทั้งในเพศชาย และเพศหญิง เรียกว่า ออโตโซม ส่วนโครโมโซมคู่ที่ 23 เรียกว่า โครโมโซมเพศ ซึ่งจะแตกต่างกันในเพศหญิงและ ชาย เพศหญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY ขั้นที่5 ขั้นประเมิน (Evaluation) (20 นำที) 11) นักเรียนตรวจสอบการท าแบบบันทึกการค้นคว้าและส่งตามก าหนดที่วางไว้ 12) ครูตรวจสอบการส่งแบบบันทึกการค้นคว้าของนักเรียนและให้คะแนนประเมินตามเกณฑ์การ ประเมิน (Rubrics Score)


8. สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 อุปกรณ์ท ากิจกรรม: กรรไกร กาวแท่งหรือสก็อตเทปใส และส าเนาภาพโครโมโซมของมนุษย์ 8.2 แผนภาพ: จ านวนโครโมโซมในเซลล์ร่างกายของสิ่งมีชีวิต 8.3 ใบกิจกรรม: ใบกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร 8.4 แบบบันทึกกิจกรรม: แบบบันทึกการค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างไร 8.5 แหล่งเรียนรู้: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ 9. กำรวัดและกำรประเมิน ตัวชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์ที่ใช้ในกำรประเมิน 1. บอกความแตกต่างของ โครโมโซมของมนุษย์ เพศชายและเพศหญิง ได้(ด้านความรู้: K) - ตรวจการตอบค าถาม ท้ายกิจกรรมที่ 2.5 - ค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่างกาย ของมนุษย์เป็นอย่างไร จ านวน 4 ข้อ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านความรู้ 2. การใช้ทักษะการสังเกต เปรียบเทียบลักษณะ โครโมโซมของมนุษย์ เพศชายและเพศหญิงได้ (ด้านกระบวนการ: P) - ตรวจการท าแบบบันทึก การค้นคว้ากิจกรรมที่ 2.5 - แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซม ในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ เป็นอย่างไร - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านกระบวนการ 3. ความมุ่งมั่นในการ ท างานและความ รับผิดชอบ (ด้านเจตคติ: A) - สังเกตพฤติกรรมของ นักเรียนระหว่างและหลัง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ - เกณฑ์การประเมินความ มุ่งมั่นและความรับผิดชอบ ในการท ากิจกรรมการ เรียนรู้ - ได้ไม่น้อยกว่า 2 คะแนน ระดับคุณภาพดี ถือว่า ผ่านการประเมิน ด้านเจตคติ


9.1 เกณฑ์กำรประเมินผลนักเรียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics Score) ประเด็นกำรประเมิน ค่ำน ้ำหนัก คะแนน แนวทำงกำรให้คะแนน การให้คะแนนตอบ ค าถามท้าย กิจกรรมที่ 2.5 3 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.5 ถูกต้อง จ านวน 4 ข้อ 2 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.5 ถูกต้อง จ านวน 2-3 ข้อ 1 ตอบค าถามท้ายกิจกรรมที่ 2.5 ถูกต้อง จ านวน 1 ข้อ หรือ ไม่ถูกต้อง การให้คะแนนการบันทึก แบบบันทึกการค้นคว้า กิจกรรมที่ 2.5 3 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ชัดเจน ถูกต้อง ครบทุกประเด็นสอดคล้องกับเนื้อหาลักษณะโครโมโซมของมนุษย์ และ บันทึกโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ถูกต้อง เป็นระเบียบ 2 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ถูกต้อง สอดคล้องกับเนื้อหาลักษณะโครโมโซมของมนุษย์ และบันทึกโครโมโซม ของมนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ถูกต้อง เป็นระเบียบ 1 บันทึกผลจากการท ากิจกรรมในแบบบันทึกการค้นคว้าได้ และ บันทึกโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิงได้ การให้คะแนนพฤติกรรม ความมุ่งมั่นและความ รับผิดชอบในการท า กิจกรรมการเรียนรู้ 3 1) นักเรียนมีความสนใจและมุ่งมั่นในการท ากิจกรรม ให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามขั้นตอนการเรียนรู้เป็นอย่างดี 2) นักเรียนมีความรับผิดชอบท างานที่ได้รับมอบหมายได้ตรงเวลาที่ ก าหนดเป็นอย่างดี 2 1) นักเรียนสนใจและมุ่งมั่นในการท ากิจกรรมเป็นบางครั้ง และมีการคุย กันเล่นขณะการเรียนรู้ แต่ไม่กระทบผู้อื่น 2) นักเรียนมีความรับผิดชอบท างานที่ได้รับมอบหมายตรงตามเวลาที่ ก าหนด แต่เกิดปัญหาระหว่างการท างาน 1 1) นักเรียนขาดความมุ่งมั่นและไม่สนใจในการเรียน มีพฤติกรรมชอบคุย ชอบเล่นหรือนอนหลับขณะการเรียนการสอน 2) นักเรียนขาดความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายไม่ตรงตาม ก าหนดเวลาที่ตกลงไว้ 9.2 ระดับคุณภำพ คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00 - 2.99 หมายถึง ดี


คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01 - 1.99 หมายถึง พอใช้ บันทึกหลังกำรสอน หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์.... ...... ... ... แผนกำรสอนเรื่อง 7 โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ วันที่...............................เดือน...............................................................พ.ศ. 2566 1. สรุปผลกำรเรียนกำรสอน 1. นักเรียนจ านวน....................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้...........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผ่านจุดประสงค์.......................คน คิดเป็นร้อยละ............. ได้แก่.................................................................................................. 2. สรุปผลตำมรำยจุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ( K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 นักเรียนมีความรู้เกิดกระบวนการ (P) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 นักเรียนมีเจตคติ (A) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ข้อเสนอแนะหลังกำรจัดกำรเรียนกำรสอน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ.............................................หัวหน้ำกลุ่มสำระ ( ) ( )


ต าแหน่ง................................................... ลงชื่อ.............................................ผู้ช่วย/รองฯวิชำกำร …………./……………./………… ( ) ลงชื่อ............................................ผู้อ ำนวยกำร ( ) แบบบันทึกกำรประเมินคุณภำพกำรเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 รำยวิชำวิทยำศำสตร์พื้นฐำน (ว23101) หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 พันธุศาสตร์ I แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ ค ำชี้แจง: ท าเครื่องหมาย ในช่องค่าน ้าคะแนนแต่ละด้านตามจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยประเมินตามเกณฑ์Rubrics Score เลข ที่ ชื่อ-นำมสกุล/ รหัสนักเรียน ด้ำนควำมรู้ (K) ด้ำนกระบวนกำร (P) ด้ำนเจตคติ(A) คะแนนรวม ระดับคุณภำพ ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน ค่ำน ้ำหนักคะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18


19 20 21 22 23 24 เกณฑ์กำรพิจำรณำคุณภำพ (โดยน ำคะแนนรวมทุกด้ำน K P A แล้วหำค่ำเฉลี่ย) - คะแนนรวมเฉลี่ย 3.00 หมายถึง ดีมาก - คะแนนรวมเฉลี่ย 2.00-2.99 หมายถึง ดี - คะแนนรวมเฉลี่ย 0.01-1.99 หมายถึง พอใช้ ต้องได้คะแนนเฉลี่ยทุกประเด็นกำรประเมิน ไม่ต ่ำกว่ำ 2.00 แสดงระดับคุณภำพ ดี ขึ้นไปเท่ำนั้น ถึงจะผ่ำนกำรเรียนรู้ตำมตัวชี้วัด ผลกำรประเมินกำรเรียนรู้ของนักเรียน ผู้เรียนที่ ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. ผู้เรียนที่ ไม่ผ่าน ตัวชี้วัด มีจ านวน…………………………คน คิดเป็นร้อยละ……………………………………………….. 1)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 2)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 3)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 4)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 5)………………………………………………........……….สาเหตุ………………......................................................... 6)………………………………………………........……….สาเหตุ……………….........................................................


แผนภำพแสดง จ ำนวนโครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิต จ ำนวนโครโมโซม เก้งธรรมดา 6 แมลงวันผลไม้ 8 ถั่วลันเตา 14 หอมหัวใหญ่ 16 ยีสต์ 16 มะเขือเทศ 24 ไส้เดือนดิน 36 ข้าวสาลี 42 มนุษย์ 46 ลิงชิมแพนซี 48 ช้างอินเดีย 56 ปลาดุกด้าน 104


ใบกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เป็นอย่ำงไร หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่ม 1 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ หน้า 43 กิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เป็นอย่ำงไร? จุดประสงค์ สังเกตและเปรียบเทียบลักษณะโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิง วัสดุอุปกรณ์ วัสดุที่ใช้ต่อกลุ่ม 1) กรรไกร 1 เล่ม 2) กาวแท่งหรือสก็อตเทปใส 1 แท่งหรือ 1 ม้วน 3) ส าเนาภาพโครโมโซมของมนุษย์เพศชายและเพศหญิง อย่างละ 1 แผ่น วิธีด ำเนินกิจกรรม 1. สังเกตภาพโครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เพศชาย 2. จับคู่โครโมโซมที่มีขนาด ลักษณะของแถบที่เหมือนกัน และต าแหน่งของ เซนโทรเมียร์ที่ตรงกัน โดยเขียนหมายเลขเดียวกันก ากับไว้ด้านข้างของโครโมโซม แต่ละแท่ง 3. ตัดภาพโครโมโซมที่เหมือนกันในแต่ละคู่ แล้วน ามาจัดเรียงตามขนาดจากใหญ่ ไปหาเล็กตามล าดับ 4. ท าซ ้าข้อ 1-3 โดยเปลี่ยนเป็นโครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์เพศหญิง 5. เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของโครโมโซมเพศชายและเพศหญิงทีละคู่ 5. แยกดูโครโมโซมที่แตกต่างกันของเพศชายและของเพศหญิงมาวางไว้เป็นคู่สุดท้าย


ข้อเสนอแนะ ในกำรท ำกิจกรรม 1. ใช้กระดาษสีที่มีสีต่างกันในการท าส าเนาโครโมโซมของมนุษย์เพศหญิงและเพศชาย เพื่อไม่ให้โครโมโซมของแต่ละเพศปะปนกัน 2. ในการจัดเรียงโครโมโซมอาจมีโครโมโซมบางคู่ที่มีขนาดใกล้เคียงกันมาก นักเรียนอาจเรียงสลับต าแหน่งกันก็ได้ 3. ควรจัดเรียงโครโมโซมของเพศชายก่อนเพศหญิงตามขั้นตอนที่ให้ไว้ในกิจกรรม เพื่อให้สังเกตเห็นโครโมโซม X ซึ่งแตกต่างจากออโตโซม และเมื่อนักเรียนจัดเรียง โครโมโซมของเพศหญิงจะสามารถแยกโครโมโซม X ออกจากออโตโซมได้ง่ายขึ้น ค ำถำมท้ำยกิจกรรม 1. โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เพศชำยและเพศหญิงมีจ ำนวนเท่ำกันหรือไม่ อย่ำงไร 2. โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เพศชำยและเพศหญิงเหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร 3. เซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เพศชำยและเพศหญิงมีจ ำนวนฮอมอโลกัสโครโมโซมกี่คู่ 4. จำกกิจกรรม สรุปได้ว่ำอย่ำงไร แบบบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เป็นอย่ำงไร ชื่อ-นำมสกุล..........................................................................................ชั้น.................เลขที่...........กลุ่มที่ ............ เมื่อน ำภำพโครโมโซมมนุษย์มำจัดเรียงจะมีลักษณะดังนี้ โครโมโซมของมนุษย์เพศชำย


โครโมโซมของมนุษย์เพศหญิง แนวทำงกำรบันทึกกำรค้นคว้ำกิจกรมที่ 2.5 โครโมโซมในเซลล์ร่ำงกำยของมนุษย์เป็นอย่ำงไร เมื่อน ำภำพโครโมโซมมนุษย์มำจัดเรียงจะมีลักษณะดังนี้ โครโมโซมของมนุษย์เพศชำย


Click to View FlipBook Version