The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sasit Pinkaew, 2022-10-02 23:00:22

รส.90-10-1 รวมเล่ม

รส.90-10-1 รวมเล่ม

- ๑๙๐ -

ก) อนั ตรายเลก็ นอ้ ยทีเกิดกบั พลยงิ หรือกาํ ลังพล มาจากการร่วงของซากปรกั หกั พงั ซึงวสั ดทุ ี

กระจดั กระจายอยจู่ ะไม่ปลิวไปรอบห้อง

ข) ไมม่ ีหลกั ฐานปรากฏทางลบวา่ เจา้ หน้าทผี ูป้ ฏิบตั ิตามขนั ตอนจะไดร้ ับผลจากแรงดนั เปลว

เพลิง

ค) อนั ตรายทีรา้ ยแรงทีสุด ได้แกก่ ารสูญเสียการไดย้ ิน นับเป็ นสิงทลี ดประโยชน์ในสนามรบ

เมือทาํ การยงิ ในทกี าํ บงั ซึงจะเหน็ ไดช้ ดั วา่ พลยิงทสี วมเครืองป้ องกนั เสียงและทาํ การยงิ แบบประกอบกนั

(ยิงจรวดดรากอน (DRAGON) ในอาคารตึกก่ออิฐ) จะไดร้ ับอันตรายจากเสียงนอ้ ยกว่าการยิงอาวธุ ตอ่ สู้

รถถงั ขนาดเบาในพืนทีโลง่ แจง้ โดยไมส่ วมเครืองป้ องกนั เสียง

ง) ทีทีปลอดภยั ทีสุดของทหารคนอืนๆ ในหอ้ งทีมกี ารยงิ คอื การอยชู่ ิดผนงั ดา้ นทีทาํ การยงิ

อาวธุ โดยเฉพาะเครืองจุดระเบดิ พลาสติกเป็นอนั ตรายเมอื ยนื อยดู่ า้ นหลงั ตรงกบั อาวธุ ตอ่ สูร้ ถถังขนาดเบา

หรือจรวดโทว์ (TOW) ขณะทาํ การยิง

จ) พลยิงควรแสวงประโยชนจ์ ากช่องระบายอากาศทีมอี ยู่โดยการเปิ ดประตูหนา้ ตา่ ง ซึงแมว้ า่

การระบายอากาศจะไมล่ ดเสียงดัง แต่ช่วยในการระบายควนั และฝ่นุ และลดห้วงเวลาทีเกิดแรงอดั สงู

ฉ) ความแตกตา่ งของการยงิ อาวธุ ในพืนทปี ิ ดและพนื ทีโล่งแจง้ ไดแ้ ก่ หว้ งเวลาในการเพิมและ

ลดแรงดนั

ช) อาคารแบบเฟรม โดยเฉพาะหอ้ งเลก็ ๆ อาจทาํ ความเสียหายกับโครงสร้างบริเวณผนงั

ดา้ นหลงั หนา้ ตา่ ง ประตู ซึงหอ้ งใหญๆ่ จะไดร้ ับความเสียหายเพียงเลก็ นอ้ ย

๓) การยิงอาวุธไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั ในพืนทปี ิ ดทาํ ใหใ้ นหอ้ งมืดมวั แตไ่ ม่มคี วามมดื จาก

ตาํ แหนง่ ของพลยิงในการมองออกไปดา้ นนอก แมว้ า่ ในหอ้ งจะมีความมืดมวั หนาแนน่ แต่ก็สามารถอยไู่ ด้

ซึงตารางที ๘-๘ แสดงผลของควนั และความมดื มวั

อาคาร อาวธุ พลยงิ มองออกไป ภายในห้อง จากภายนอกไกลๆ

ตกึ กอ่ อฐิ ตถ. เบา ไมม่ ี พอประมาณ ควนั บางๆ

จรวดดรากอน เบาบาง พอประมาณ แสงวาบเลก็ ๆ

ในบังเกอร์ จรวดดรากอน ไมม่ ี เบาบาง แสงวาบพอประมาณ

จรวดโทว์ ไมม่ ี เบาบาง ควนั พอประมาณ

แบบเฟรมเล็ก ตถ. เบา ไมม่ ี พอประมาณ พอประมาณ

จรวดดรากอน ไมม่ ี รุนแรง พอประมาณ

แบบเฟรมกลาง ตถ. เบา ไมม่ ี เบาบาง พอประมาณ

จรวดดรากอน ไมม่ ี รุนแรง แสงวาบบางๆ

แบบเฟรมใหญ่ ตถ. เบา ไมม่ ี เบาบาง ไมม่ ี

จรวดดรากอน เบาบาง รุนแรง แสงวาบบางๆ

จรวดโทว์ ไมม่ ี รุนแรง ควนั บางๆ

ตารางที ๘ – ๘ ควันและความมืดมวั

- ๑๙๑ -

๔) จรวดดรากอน (DRAGON) ทาํ ใหโ้ ครงสรา้ งเสียหายมากทสี ุด เวน้ อาคารรูปเฟรม แต่ไมไ่ ด้

หมายถึงภยั จากการบาดเจบ็ ของพลยิง เนืองจากความเสียหายจะเกิดทผี นงั ดา้ นไกลจากพลยิง โดยความ

เสียหายและการปรักหกั พงั ทีมากทสี ุด ไดแ้ ก่ สะเกด็ ปนู ฉาบและชินเศษไมท้ ีปลิวออกไป สาํ หรับชนิ ส่วน

ใหญ่ๆ ของแผ่นปนู ฉาบสามารถหลดุ ออกจากเพดานได้ ปกติเปลวเพลิงดา้ นทา้ ยของอาวธุ ตอ่ สู้รถถงั ขนาด

เบาและจรวด ดรากอน (DRAGON) ไมส่ ามารถทาํ ใหเ้ ฟอร์นิเจอร์เคลือนทีได้ ตารางที ๘-๙ แสดงผลการ

ทดสอบการสร้างความเสียหายกบั โครงสร้างและเกิดการปรักหกั พงั

อาคาร อาวุธ ความเสียหาย การเคลือนย้าย
ซากปรักหักพงั
โครงสร้าง ผนงั ทีกาํ บัง

ตกึ กอ่ อฐิ ตถ. เบา ไมม่ ี เลก็ น้อย เลก็ น้อย

จรวดดรากอน ไมม่ ี เลก็ น้อย เลก็ น้อย

ในบงั เกอร์ จรวดดรากอน ไมม่ ี ไมม่ ี ไมม่ ี

จรวดโทว์ ไมม่ ี ไมม่ ี ใบไมแ้ ละเกิดฝ่ ุน

แบบเฟรมเล็ก ตถ. เบา ไมม่ ี เลก็ น้อย ไมม่ ี

จรวดดรากอน รุ นแรง รุ นแรง ไมม่ ี

แบบเฟรมกลาง ตถ. เบา ไมม่ ี ไมม่ ี เลก็ น้อย

จรวดดรากอน เลก็ น้อย เลก็ น้อย โคมไฟ/เก้าอีลม้

แบบเฟรมใหญ่ ตถ. เบา ไมม่ ี เลก็ น้อย เลก็ น้อย

จรวดดรากอน เลก็ น้อย ปานกลาง ไมม่ ี

จรวดโทว์ เลก็ น้อย รุ นแรง ไมม่ ี

ตารางที ๘ - ๙ การทําลายโครงสร้างและเคลอื นย้ายซากปรักหักพงั

๕) การยิงอาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบาในหอ้ ง ตอ้ งยึดถือขอ้ ควรระวงั เพือความปลอดภยั ดงั ตอ่ ไปนี
(ดูรูปที ๘-๖)

- ๑๙๒ -

รูปที ๘-๖ การยงิ อาวุธต่อสู้รถถังขนาดเบาในห้อง
ก) ต้องมีชอ่ งวา่ งระหวา่ งด้านทา้ ยของอาวธุ ต่อสูร้ ถถงั ขนาดเบา กบั ผนงั ดา้ นใกลท้ ีสุด อยา่ ง
นอ้ ย ๔ ฟุต
ข) มีชอ่ งระบายอากาศอยา่ งนอ้ ย ๒๐ ตารางฟุต (เปิดประตูขนาด ๗x๓ ตารางฟุต มีความ
เพียงพอ) เพอื ลดหรือป้องกนั ความเสียหายต่อโครงสร้าง ซึงช่องระบายอากาศยิงใหญย่ ิงดี
ค) ควรถอดกระจกออกจากหนา้ ต่างทงั หมด
ง) กาํ ลงั พลทกุ คนทอี ยใู่ นห้องตอ้ งออกหา่ งจากดา้ นทา้ ยของอาวธุ ยิง และควรสวมหมวกเหลก็
เสือเกราะป้องกนั เครืองป้ องกนั ตา และเครืองป้องกนั เสียง
จ) เคลือนยา้ ยวสั ดุทตี ิดไฟออกจากดา้ นทา้ ยของอาวธุ ยิง
ฉ) เพดานควรสูง อย่างนอ้ ย ๗ ฟตุ
๖) การยิงปืนไรแ้ รงสะทอ้ นถอยหลงั ขนาด ๙๐ มม. (90-mm RCLR),อาวธุ ตอ่ สู้รถถงั เอที-๔ (AT4)
หรือ เอที-๘ (AT8), หรือ อาวธุ โจมตีแบบยิงประทบั บ่า (SMAW) จากในหอ้ ง มีขอ้ ควรระมดั ระวงั เพอื
ความปลอดภยั ดังต่อไปนี (ดูรูปที ๘-๗)

- ๑๙๓ -

รูปที ๘-๗ การยิงอาวุธ 90-mm RCLR, เอที-๔ (AT4),เอที-๘ (AT8) หรือ SMAW จากภายในอาคาร
ก) อาคารควรเป็นอาคารก่อสรา้ งถาวรแข็งแรง
ข) เพดานควรสงู อยา่ งนอ้ ย ๗ ฟุต สรา้ งจากปนู ฉาบหรือแผน่ ทีเคลือนยา้ ยได้
ค) พืนควรมีขนาด อยา่ งนอ้ ย ๑๕x๑๒ ตารางฟุต (ห้องยิงใหญย่ ิงดี)
ง) ช่องระบายอากาศอยา่ งนอ้ ย ๒๐ ตารางฟตุ ดา้ นหลงั หรือดา้ นขา้ งของอาวธุ และเปิ ดประตู

ขนาด ๗x๓ ฟตุ เป็นอยา่ งนอ้ ย
จ) ควรถอดกระจกออกจากหนา้ ต่างทงั หมด รวมทงั เคลอื นยา้ ยวสั ดุทเี ป็นอิสระออกจากหอ้ ง
ฉ) ควรทาํ พืนใหเ้ ปี ยกเพอื ป้ องกนั การเกิดฝ่นุ ผงจากการพน่ ของอากาศรอบๆ ทาํ ใหก้ าร

มองเห็นของพลยิงมดื มวั
ช) กาํ ลังพลทกุ คนทอี ยใู่ นหอ้ งตอ้ งออกหา่ งจากดา้ นทา้ ยของอาวธุ ยิง
ซ) กาํ ลังพลทกุ คนทีอยใู่ นหอ้ งควรสวมหมวกเหลก็ เสือเกราะป้ องกนั เครืองป้องกนั ตา และ

เครืองป้องกนั เสียง
ด) ถา้ พลยงิ ใชก้ ารยงิ จากทา่ นอน ร่างกายส่วนลา่ งตอ้ งตงั ฉากกับทิศทางการยิงของอาวธุ

มฉิ ะนนั เปลวไฟอาจทาํ ใหข้ าไดร้ ับบาดเจ็บ
ค. การทะลุทะลวงของอาวุธ กิจทีสําคญั ทีสุดในการปฏิบตั ิการตอ่ โครงสรา้ ง ได้แก่ การลบลา้ ง

ป้ องกนั การใช้เป็นทตี งั ยิง ทีวางตัวบุคล และการวางอาวุธไวด้ า้ นหลังฉากขดั ขวาง อาวุธไรแ้ รงสะทอ้ น
ถอยหลงั อาจนาํ มาใชห้ รือใช้ไมไ่ ด้ขึนกับผลของอาวธุ ยิงเล็งตรงขนาดหนกั หรือมาตรฐานของระเบิด
ทาํ ลาย และอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั แตล่ ะชนิดมคี วามสามารถในการทะลุทะลวงเป้ าหมายหลายชนิด
ไดแ้ ตกต่างกนั ซึงการทะลุทะลวงไมไ่ ดห้ มายถึงเฉพาะการทาํ ลายความแข็งแกร่งของทตี งั แตย่ งั กอ่ ใหเ้ กิด

- ๑๙๔ -
การบาดเจ็บลม้ ตายแก่ทหารทอี ยใู่ นทิศทางการสาดของกระสุนระเบิดแรงสงู ตอ่ สู้รถถัง และทาํ ใหท้ หาร
คนอืนๆ ทีอยใู่ นสนามเพลาะหอู ือ งุนงง หรือเกิดอาการชอ็ ก แตย่ งั สามารถกลบั มาทาํ การรบไดใ้ นทีสุด

๑) อาวุธต่อสู้รถถังขนาดเบา เอ็ม.๗๒ (M72) แมจ้ ะมขี นาดเบาและใชง้ ่าย แต่มีดนิ ระเบิดบรรจุ
นอ้ ย และทะลุทะลวงได้จาํ กดั มีความสามารถในการทาํ ลายผนังอฐิ สองชันดา้ นหลงั มกี ระสอบทรายหนา
๔ ฟตุ แตไ่ ม่เกิดช่องยิงในสิงก่อสร้างแบบนี อาวธุ ต่อสูร้ ถถงั ขนาดเบาตอ้ งมีระยะยิงไปยงั เป้าหมายอยา่ ง
นอ้ ย ๑๐ ฟตุ หากกระทบเป้ าหมายก่อนเริมการทาํ งาน กระสุนจะไมร่ ะเบิด (อาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบา
สามารถใช้ อาวธุ ต่อสูร้ ถถงั เอที-๔ (AT4) แทนได้ ตามบญั ชีรายการกระสุนของกองทพั ) ซึงอาวธุ ต่อสู้
รถถงั ขนาดเบาสามารถเจาะทะลุ

• คอนกรีตเสริมเหล็ก หนา ๒ ฟุต เป็นรูกลมเลก็ ๆ แผก่ วา้ งเล็กนอ้ ย
• ดินลึก ๖ ฟตุ เป็ นรูสีเหลียมไมแ่ ผข่ ยาย
• เจาะเหลก็ หนา ๑๒ นิว (ดา้ นขา้ ง ด้านหลงั และดา้ นบนของยานเกราะส่วนใหญ่) เป็นรูกลม

เล็กๆ
๒) เครืองยงิ จรวด เอ็ม.๑๓๖ (M136) ขนาด ๘๔ มม. เอที-๔ (AT4) อาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั เอที-๔ (AT4)
ขนาด ๘๔ มม. มีนาํ หนกั มากกวา่ อาวธุ ต่อสู้รถถงั ขนาดเบา และมหี ัวรบทีมีอาํ นาจทะลุทะลวงสูงกวา่ มาก
โดยทาํ การเจาะแผ่นเกราะไดม้ ากกวา่ ๑๗.๕ นิว (๔๕๐ มม.) หัวรบมสี ่งผลในการทาํ ลายสูงโดยเฉพาะ
บริเวณดา้ นหลงั เกราะ การทดลองกบั ชนิดเป้าหมายในเมอื งยงั ดําเนินการอยู่ แต่ เอที-๔ (AT4) น่าจะทะลุ
ทะลวงไดอ้ ยา่ งนอ้ ยเท่ากบั ปื นไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั ขนาด ๙๐ มม. โดยมีระยะเริมทาํ งานตําสุด ๑๐ เมตร
ทาํ ใหก้ ารยิงเป้ าหมายระยะใกล้ภายใตก้ ารกาํ บงั ประสบผลสาํ เร็จ
๓) เครืองยิงจรวดขนาด ๘๔ มม. เอที-๔ (AT4) อาวุธตอ่ สู้รถถงั เอที-๘ (AT8) มีนาํ หนกั เบา
สามารถนาํ ติดตวั ไปได้ เป็นอาวุธยิงเล็งตรง อเนกประสงค์ทอี อกแบบมาโดยเฉพาะสาํ หรับปฏิบตั ิการทาง
ทหารลกั ษณะภูมิประเทศในเมอื ง หากดูจากลกั ษณะภายนอก อาวธุ ต่อสู้รถถงั เอที-๘ (AT8) เกือบจะ
เหมือนกบั อาวธุ ต่อสู้รถถงั เอที-๔ (AT4) และมีวธิ ีการยิงเหมือนกนั แต่ เอที-๘ (AT8) ไดผ้ ลิตมาใชใ้ น
หนว่ ยทหารบกและนาวิกโยธินสหรฐั ช่วงสงครามอา่ วเปอร์เซียมีจาํ นวนจาํ กดั และชนวนระเบิดมี
ความสามารถในการแยกเป้ าหมายระหว่างเกราะและพืนดินออ่ น มขี ีดความสามารถสูงสุดในการใชโ้ จมตี
อาคาร บงั เกอร์ และยานเกราะขนาดเบา ซึงหวั รบจะระเบิดทนั ทีทกี ระทบกบั วตั ถุแขง็ แตจ่ ะถว่ งเวลาการ
ระเบิดเมอื กระทบวตั ถุออ่ นและมดุ เขา้ ไประเบิดภายใน อาวุธตอ่ สู้รถถงั เอที-๘ (AT8)ใชใ้ นการทาํ ลาย
บงั เกอร์มนู ดิน บงั เกอร์ทอ่ นไม้ เจาะรูขนาดใหญใ่ นยานเกราะขนาดเบา และใชเ้ จาะผนงั คอนกรีตเสริม
เหล็ก หนา ๘ นิว และผนงั อิฐสามชนั หนา ๑๒ นิว

- ๑๙๕ -
๔) ปื นไร้แรงสะท้อนถอยหลงั ปื นไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั ขนาด ๙๐ มม. กําลงั ถกู ตดั จากบญั ชคี ุม
ยทุ โธปกรณข์ องกองทพั บกสหรัฐ แตย่ งั มีใชใ้ นกองพนั ทหารช่าง โดยแจกจา่ ยระบบอาวธุ ต่อสูย้ านเกราะ
เรนเยอร์ ขนาด ๘๔ มม. (RAAWS) ใหก้ บั กองกาํ ลงั ขนาดเบา ปื นไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั ทีมนี าํ หนกั เบามี
ความคล่องแคลว่ มีอาํ นาจทะลุทะลวงสูง จึงเป็ นอาวธุ ทีทรงประสิทธิภาพในการรบในพืนทสี ิงปลกู สรา้ ง

ก) ปื นไรแ้ รงสะทอ้ นถอยหลงั ขนาด ๙๐ มม. มีกระสนุ สงั หารบคุ คลในการต่อตา้ นขา้ ศึกที
เปิดเผยตัว ซึงการยิงกระสนุ ชนิดนไี ม่ทะลุผนงั โครงสร้าง แตส่ ามารถเจาะฝากนั และวงกบไมข้ องอาคาร
กระสุนสังหารบคุ คลไม่มรี ะยะใกลส้ ุด แตก่ ระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ ต้านยานเกราะจะไมท่ าํ งานจนกว่าได้
ระยะ ๓๕-๕๐ ฟตุ ซึงกระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ ตา้ นยานเกราะขนาด ๙๐ มม.สามารถเจาะทะลุ

• ดินหนา ๓ ๑/๒ ฟตุ เป็นรูกวา้ ง ๒ นิว ไมม่ กี ารแผข่ ยายบานออก
• คอนกรีตเสริมเหล็ก หนา ๒ ๑/๒ ฟุต เป็นรูชอ่ งยงิ เล็กๆ (กวา้ งนอ้ ยกวา่ ๓ นิว) มีการแผ่

ขยายบานออก

• แผน่ เกราะหนา ๑๐ นิว เป็นรูสีเหลียม
ข) ระบบอาวุธต่อสู้ยานเกราะเรนเยอร์ มกี ระสุนชนิดระเบิดแรงสงู ตอ่ ต้านยานเกราะ ใชใ้ นการ
ยงิ เป้ าหมายยานเกราะ และกระสุนระเบดิ แรงสูง กระสุนระเบดิ แรงสูงเจาะเกราะในการยงิ เป้ าหมายอืนๆ
โดยกระสุนระเบดิ แรงสูงสามารถตงั ใหร้ ะเบดิ แบบแตกอากาศและแบบกระทบแตก ประกอบดว้ ยสะเกด็
ระเบิดลูกเหล็กกลม ๘๐๐ เมด็ ทีระเบดิ กระจายเพือการสังหาร ใชต้ อ่ ตา้ นกองกาํ ลงั ในพืนทีโล่งหรือ
ดา้ นหลงั ทีกาํ บงั ในทางดิง เช่นผนงั กําแพงตาํ ๆ สาํ หรับกระสุนระเบิดแรงสงู เจาะเกราะใชป้ ระโยชน์ไดด้ ี
ทีสดุ ในปฏิบตั ิการทางทหารในพืนทีเมอื ง ใช้ต่อต้านยานเกราะขนาดเบา คอนกรีตหนาและผนงั กอ่ อฐิ
ผนงั ไมบ้ าง สนามเพลาะ และกองกําลงั ทีไมม่ ีการป้องกนั รวมทงั สามารถยิงกระสุนส่องแสงและกระสุน
ควนั ได้ โดยกระสุนควนั ใชส้ ําหรับการกําบงั หนว่ ยทหารฝ่ ายเดียวกนั ในการเคลือนทผี ่านพืนทีโลง่ แจง้
เลก็ ๆ ทงั นีกระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ ตา้ นยานเกราะ จะพรอ้ มทาํ งานทีระยะ ๕-๘ เมตร และสาดสะเก็ด
ระเบิดมาด้านหลงั ไกล ๕๐ เมตร กระสุนระเบดิ แรงสูง จะพรอ้ มทาํ งานทรี ะยะ ๒๐-๗๐ เมตร และสาดลกู
เหล็กมาด้านหลงั ไกล ๒๕๐ เมตร และกระสนุ ระเบิดแรงสูงเจาะเกราะ จะพร้อมทาํ งานทีระยะ ๑๕-๔๐
เมตร และมสี ะเกด็ ระเบิดเล็กนอ้ ยในรัศมี ๕๐ เมตร
๕) เครืองยงิ จรวดโจมตี อเนกประสงค์ แบบประทับบ่ายิง (SMAW) เครืองยงิ จรวด SMAW ได้
แจกจา่ ยใหก้ บั หน่วยนาวิกโยธินสหรฐั จดั อยใู่ นชนั ความลบั และมใี ชใ้ นกองทพั บกในหว้ งระหวา่ ง
สงคราม เป็นอาวธุ ทีมนี าํ หนกั เบา สามารนาํ ติดตวั ไปได้ เป็นอาวธุ โจมตีทีทาํ การหิวและตดิ ตงั ทาํ การยงิ ได้
ดว้ ยคนเพียงคนเดียว ใช้สาํ หรบั ทาํ ลายทีตงั สนามเพลาะ และตอ่ ตา้ นยานเกราะขนาดเบา เครืองยิงจรวด
SMAW มีปืนเลก็ ยาวชีเป้ า ขนาด ๙ มม. และกลอ้ งโทรทรรศนก์ าํ ลงั สูง ขนาด ๓.๘ นิว เพือความแมน่ ยาํ
สําหรับการยงิ ระยะไกลในการรบในพนื ทีสิงปลกู สรา้ ง อีกทงั เป็นอาวธุ ทีมขี ีดความสามารถสูง ในการ
สรา้ งความเสียหายบริเวณดา้ นหลงั ผนังกาํ แพงและในบงั เกอร์ โดยสามารถทาํ งานไดใ้ นระยะ ๑๐ เมตร

- ๑๙๖ -
ชนวนสามารถทาํ การยิงไดส้ องแบบ เหมอื นอาวธุ ตอ่ สู้รถถงั เอที-๘ (AT8) ซึงสามารถทาํ ลายบงั เกอร์ส่วน
ใหญ่ไดด้ ว้ ยการยิงเพียงนดั เดียว และสามารเจาะช่องผ่านคอนกรีตเสริมเหล็กไดด้ ้วยการยงิ หลายๆ นดั

๖) จรวด อาร์พจี ี-๗ (RPG-7) เป็นอาวธุ คุกคามทใี ชอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง มนี าํ หนกั เบา มคี วาม
คลอ่ งแคล่ว มีความแมน่ ยาํ ในการยงิ ระยะไกลในการรบในพืนทีสิงปลกู สร้าง ซึงในสงครามความขัดแยง้
เกือบทกุ ทใี นโลกกองทพั จะตอ้ งป้องกนั ตนเองจากการตอบโตด้ ้วยอาวธุ อาร์พีจี (RPG) สาํ หรับหวั รบของ
อาร์พีจี (RPG) สามารถทาํ ลายยานเกราะให้เกิดความเสียหายไดพ้ อสมควร โดยเฉพาะรถสายพานลาํ เลียง
พล เอ็ม.๑๑๓ (M113) และไดผ้ ลนอ้ ยในการตอ่ ตา้ นเป้ าหมายแข็งแรงทวั ไปในเมือง โดยมีขอ้ จาํ กดั ในการ
ทาํ ลายคอนกรีตเสริมเหล็กหรือหิน ตามปกติกระสุนจะกอ่ ใหเ้ กิดรูเลก็ ๆ ทีมกี ารบานออกเล็กน้อย และเกิด
รูทีเบอร์มดนิ จากผลของแรงระเบดิ โดยไม่มสี ่วนแผข่ ยายออก กระสอบทรายสามชนั สามารถป้ องกนั
อาร์พีจี (RPG) ได้และเนืองจากการออกแบบของชนวนทาํ ให้ อาร์พีจี (RPG) สามารถป้ องกนั ได้โดยใช้
รัวโซ่เชือมเขา้ ดว้ ยกนั ตงั ตรงสูง ๔ เมตร บริเวณดา้ นหนา้ ทตี งั และแมว้ ่าจะปราศจากฉากขัดขวาง มี
เปอร์เซ็นต์สงู ทีกระสุน อาร์พีจี (RPG) ทาํ การยงิ ต่อเป้าหมายในเมืองมกั ดา้ น เนืองจากการแฉลบ

ง. การเจาะผนังกําแพง การเจาะผนงั กาํ แพงถือเป็นงานปกติในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง อาวธุ ไร้แรง
สะทอ้ นถอยหลงั ขนาดเบาใชท้ าํ การเจาะได้การปฏิบตั ิการเจาะจะช่วยในเรอื งการเคลอื นทีและมีชอ่ งทาง
เขา้ ภายในอาคารโดยไมใ่ ช้ประตูหนา้ ตา่ ง เทคนคิ การเจาะสามารถใชใ้ นการทาํ ชอ่ งยงิ ใหก้ บั ทตี งั อาวธุ ยงิ
หรือชอ่ งสําหรับการโยนระเบดิ มือเขา้ ไปในอาคารทที าํ การตงั รับ ซึงช่องเจาะทีกาํ ลงั พลสามารถเคลือนที
ผ่านไปไดค้ วรมขี นาดเส้นผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ ๒๔ นิว (๖๐ เซนติเมตร) ส่วนช่องยิงควรมขี นาด
เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ ๘ นิว (๒๐ เซนติเมตร) (ดูรูปที ๘-๘) และไมม่ ีอาวธุ ไรแ้ รงสะทอ้ นถอยหลงั
ขนาดเบาในอัตราของกองพนั ดาํ เนินกลยุทธ์ (เวน้ แต่ อาจมี เอที-๘ (AT8) และ SMAW) ทจี ะสามารถทาํ
การเจาะผนงั ได้ดว้ ยกระสุนนดั เดียว ดงั นนั เมือตอ้ งทาํ การเจาะผนังจะตอ้ งวางแผนจาํ นวนกระสุนที
ตอ้ งการใชใ้ นการเจาะดว้ ย

- ๑๙๗ -

ช่องเจาะสาํ หรับ
โยนระเบิดมอื

ช่องเจาะสาํ หรับ
กาํ ลังพลเคลอื นที

รูปที ๘-๘ เทคนิคการใช้ช่องเจาะในผนังตึก

๑) หินขนาดใหญเ่ ป็นวสั ดุทเี จาะยากทสี ุดในบรรดาวสั ดุทใี ชใ้ นการสร้างอาคารทงั หมด ซึงอาวุธ
ต่อสู้รถถงั ขนาดเบา LAW, เอที-๔ (AT4) หรือ เอที-๘ (AT8), ปื นไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั 90-mm RCLR,
และ อาร์พีจี-๗ (RPG-7) ไมส่ ามารถเจาะทะลุกาํ แพงหินสไตล์ยโุ รปได้จะกะเทาะเพียงผิวหนา้ เทา่ นนั

๒) ชันผนังอิฐปกติจะเจาะยากเช่นกันเมือใชอ้ าวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลังขนาดเบา ผนงั อิฐบางที
สามารถเจาะทะลโุ ดยการยงิ หลายนดั โดยเฉพาะทีมีความหนานอ้ ยกว่าสามแผ่น การยงิ กระสุนต่อสูร้ ถถงั
ขนาดเบาจาํ นวน ๕ นดั ไปยงั จดุ เดิม บนผนงั หนา ๘ นิว (อิฐสองชนั ) จะเกิดชอ่ งยิง อาวธุ ทหี นกั กวา่ เช่น
เอที-๔ (AT4) และ ปรส.๙๐ มม. RCLR จะใชจ้ าํ นวนนดั นอ้ ยกวา่ สําหรับ เอที-๘ (AT8) และ เครืองยิง
จรวด SMAW จะสรา้ งชอ่ งทผี นงั ไดใ้ หญพ่ อทีจะเคลือนทผี า่ นได้

๓) ผนงั ไมจ้ ะตา้ นทานอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลังไดน้ อ้ ย แมแ้ ต่กาํ แพงทีทาํ จากทอ่ นซงุ ก็
สามารถเจาะให้ทะลุและแตกเป็นชินๆ ได้ การยิงกระสุนต่อสูร้ ถถงั ขนาดเบาจาํ นวน ๓ นดั ไปยงั จดุ เดิม
ของผนงั ไมจ้ ะเกิดช่องขนาดตวั คน สาํ หรับ เอที-๘ (AT8) และ SMAW จะทาํ ลายผนงั ไมอ้ ยา่ งสินเชิง โดย
ใชก้ ระสุนเพียงนดั เดียวสามารถเจาะชอ่ งไดก้ วา้ งพอทีจะใชป้ ระโยชน์

๔) เนืองจากกระสุนมีความเร็วสูง อาวธุ ต่อสู้รถถงั เอที-๔ (AT4) สามารถเจาะทะลเุ ป้ าหมาย
บางๆ เช่น ตัวถงั รถยนต์ ก่อนทีจะระเบดิ

- ๑๙๘ -
๕) ไมม่ ีอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั ขนาดเบาชนิดใด จะทาํ ลายผนงั โครงสร้างไดเ้ หมอื นกับ
ระเบิดทาํ ลาย หรืออาวธุ หนกั กวา่ เช่น ปืนใหญ่รถถงั ปื นใหญส่ นาม หรือปืนติดยานรบของทหารช่าง ซึง
ในบรรดาอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลังขนาดเบา ทงั หมด เครืองยงิ จรวด SMAW และ อาวุธตอ่ สูร้ ถถงั
เอที-๘ (AT8) จะใชไ้ ดผ้ ลมากทสี ุด
๘ - ๖ อาวุธนาํ วิถีต่อสู้รถถงั
อาวธุ นาํ วถิ ีตอ่ สูร้ ถถงั (ATGMs) จะใช้สาํ หรบั ทาํ ลายรถถังและยานรบหุม้ เกราะเป็นหลกั มขี ีด
ความสามารถในการทาํ ลายบงั เกอร์ อาคาร และเป้ าหมายทวั ไปในสนามเพลาะทีพบขณะทาํ การรบใน
พืนทสี ิงปลกู สร้าง ใหเ้ กิดความเสียหายได้พอสมควร ซึงประเภทของอาวุธเหล่านี รวมถึงจรวดโทว์
(TOW) และจรวดดรากอน (DRAGON) ด้วย
ก. การใช้ จรวดโทว์ (TOW) และจรวดดรากอน(DRAGON) มีไวเ้ ฝ้ าระวงั และทาํ การยงิ ต่อสู้รถถัง

ขณะทาํ การเข้าตีในพืนทีสิงปลูกสร้าง และเพิมขีดความสามารถการต่อระยะในการรบปะทะกบั ยานเกราะ
ระหวา่ งการตงั รบั ในพืนทีสิงปลูกสร้างจะใช้ไดด้ ีทีสุดบนเส้นทางสญั จรหลกั และชนั บนของอาคาร
เพอื ใหไ้ ดพ้ ืนการยิงในระยะไกล โดยมรี ะยะยงิ ใกลส้ ุด ๖๕ เมตร ทาํ ใหม้ ขี อ้ จาํ กดั โอกาสในการยิงในเขตที
มีสิงปลกู สรา้ งหนาแนน่

๑) เครืองกดี ขวาง การยิงทรี ะดบั พืนดิน กองเศษวสั ดแุ ละสิงกีดขวางอืนๆ จะรบกวนการร่อน
ของจรวด โดยจะตอ้ งมชี อ่ งวา่ งเหนอื สิงกีดขวางอยา่ งนอ้ ย ๓.๕ ฟตุ (๑ เมตร) รูปที ๘-๙ แสดงสิงกีดขวาง
ทวั ไปทขี ดั ขวางการร่อนของอาวุธนําวถิ ีตอ่ สู้รถถงั ทีพบในพืนทีสิงปลูกสร้าง ซึงสายไฟฟ้ าเป็นอุปสรรค
อยา่ งมากสาํ หรับพลยิงอาวุธนาํ วิถตี อ่ สู้รถถงั ถา้ มีกระแสไฟฟ้ าในสายไฟฟ้ า จะเกิดการลดั วงจรในลวดนํา
วถิ ี ทําใหก้ ระแสไฟฟ้ าแรงสูงวงิ เขา้ สู่ตวั พลยงิ ก่อนทลี วดนาํ วถิ ีจะละลาย แลว้ ทาํ ให้ระบบการเล็งและการ
นาํ วิถีเสียหาย รวมทงั เป็นอันตรายกับพลยิง ดงั นนั กอ่ นทาํ การยิงอาวธุ นําวถิ ีต่อสู้รถถงั ขา้ มสายไฟฟ้ า
จะตอ้ งพิจารณากอ่ นตัดสินใจไม่วา่ กระแสไฟฟ้ าจะถกู ตดั หรือไม่

๒) ห้วงอับกระสุน ห้วงอับกระสนุ ทสี ่งผลกระทบต่อการยงิ ของอาวธุ นาํ วถิ ีตอ่ สู้รถถงั มี ๓
ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ระยะเริมทาํ งาน พืนทีตาํ สุด และระดบั ความสูงมากทีสดุ

ก) ทงั จรวดดรากอน (DRAGON) และจรวดโทว์ (TOW) มีระยะเริมทาํ งานใกลส้ ุด ๖๕
เมตร นบั เป็นขอ้ จาํ กดั การใชใ้ นพืนทีสิงปลกู สรา้ งเป็นอยา่ งมาก ซึงมีพนื ทีบางแห่งภายในเมืองทีสามารถ
ทาํ การยิงไดไ้ กลกวา่ ระยะเริมทาํ งานใกลส้ ุด ไดแ้ ก่ การยงิ ระยะไกลทรี ะดบั พืนดินไปตามแนวถนน หรือ
ทางรถไฟ และการยิงขา้ มสวนสาธารณะ หรือจตั รุ ัส ถ้าสามารถทาํ ได้ และอาวุธนาํ วิถีตอ่ สูร้ ถถัง อาจใช้
บริเวณชนั บนหรือบนหลงั คาของอาคารเพือทาํ การยิงไปยงั อาคารอืน

- ๑๙๙ -

สิงกีด ขวางการร่ อน ของ เสาไฟฟ้ าแรงสูง ช่ องว่ างเหนื อกํ าแ พงและ
อาวธุ นาํ วิถีต่อสู้รถถัง และสายไฟฟ้ า รัวสูง ๑๑ เมตร

เสาโทรศัพท์, เสาไฟส่องสว่าง ยานพาหนะ
และสายไฟ
----------เสาทีวี ตกึ อาคาร
พุ่มไม้ กองวสั ดุ

รูปที ๘-๙ สิงกีดขวางการร่อนของอาวุธนําวิถตี ่อสู้รถถงั

ข) จรวดโทว์ (TOW) มีขอ้ จาํ กดั มากกวา่ จรวดดรากอน(DRAGON) มาก ในเรืองสภาพพืนที
ตาํ และระดบั ความสูง พืนทีตาํ สุดและความสูงทจี าํ กดั ของจรวดโทว์ (TOW) ทตี ิดตงั บนยานพาหนะ ทาํ ให้
เกิดห้วงอับกระสุนและหมดโอกาสโจมตีเป้ าหมายในระยะใกล้ (ดูรูปที ๘-๑๐) ซึงทีตงั เป้ าหมายทีอยใู่ น
ระยะเริมทาํ งานตาํ สุด (๖๕ เมตร) ไมส่ ามารถโจมตีไดด้ ว้ ยชดุ จรวดโทว์ (TOW) ทีตงั ในทีสูงกว่าชนั ๖
ของอาคาร เนืองจากเป็นมมุ กดตําสุด แต่ทีระยะ ๑๐๐ เมตร ชดุ จรวดโทว์ (TOW) สามารถตงั ยงิ ไดจ้ ากชนั
๙ และสามารถโจมตีเป้ าหมายได้

ทีอบั กระสุน ระดบั ตําสุด -๒๐
อาคาร ระดบั สูงสุด +๓๐

ทีอับกระสนุ

รูปที ๘-๑๐ ระดับสูงสุดและตําสุดของการยิงจรวดโทว์ (TOW)

- ๒๐๐ -
๓) เปลวเพลิงดา้ นทา้ ย เช่นเดียวกบั อาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั เมอื ทาํ การรบในพืนทีสิงปลูก
สรา้ ง ขอ้ หว่ งใยเกียวกับเปลวเพลิงดา้ นทา้ ยของอาวธุ นาํ วถิ ีต่อสู้รถถงั จะมีมากกวา่ การรบในภมู ิประเทศ
เปิด เนอื งจากกองเศษหินทกี ระจดั กระจายในพืนทีระวงั จะถกู กวาดและปลิวไปโดยเปลวเพลิงดา้ นทา้ ย
รวมทงั ตอ้ งพิจารณาผนงั ทบี งั คบั และถนนแคบๆ ทีจะทาํ ให้เปลวเพลิงดา้ นทา้ ยมขี นาดใหญ่ขึน ถา้ เปลว
เพลิงด้านทา้ ยอาวุธนาํ วิถตี ่อสูร้ ถถงั ปะทะผนังเป็นมมุ ทีเหมาะสม จะพดั ซากปรกั หกั พงั ไปหรือเกิดการหนั
เหทาํ ใหท้ หารทีไม่มีการป้องกนั ไดร้ ับบาดเจบ็ (รูปที ๘-๑๑) ซึงอาวธุ นาํ วถิ ีต่อสูร้ ถถงั ทงั สองชนิดสามารถ
ยิงจากภายในอาคารได้ โดยทหารทกุ คนในห้องควรจะสวมหมวกเหลก็ เสือป้ องกันแวน่ ตาป้องกนั และ
เครืองป้องกนั เสียง

จรวดโทว์ (TOW) จรวดดรากอน
(DRAGON)
สวมเครือง
สวมเครืองป้ องกนั ป้ องกนั เสยี ง สวมเครืองป้ องกนั สวมเครือง
เสียงในพืนทีนี เสยี งในพืนทีนี ป้ องกนั เสยี ง

๓๐ เมตร

พืนทีอันตราย พืนทีอันตราย ๕๐ เมตร

๙๐ เมตร ๖๐ เมตร

พืนทีระวัง พืนทีระวงั

รูปที ๘-๑๑ เปลวเพลิงด้านทา้ ยของอาวุธนาํ วิถตี ่อสู้รถถงั ในถนนโล่ง

ก) การยงิ จรวดโทว์ (TOW) จากภายในหอ้ ง ตอ้ งปฏิบตั ิตามขอ้ ควรระวงั เพือความปลอดภยั
ดงั ต่อไปนี (รูปที ๘-๑๒)

• อาคารจะตอ้ งก่อสร้างแบบมนั คงแขง็ แรง
• เพดานจะตอ้ งสูงอยา่ งนอ้ ย ๗ ฟตุ
• พืนห้องตอ้ งมขี นาดอย่างน้อย ๑๕x๑๕ ตารางฟตุ หรือขนาดทีใหญ่กวา่

- ๒๐๑ -
• ตอ้ งมีทรี ะบายอากาศอยา่ งนอ้ ย ๒๐ ตารางฟุต ทางดา้ นหลงั ของอาวุธ และเปิ ดประตู

ขนาด ๗x๓ ตารางฟตุ ใหร้ ะบายอากาศเพียงพอ ซึงการเพิมการระบายอากาศทาํ ได้
โดยนาํ ฝากนั ภายในหอ้ งออก
• ถอดกระจกทงั หมดออกจากหนา้ ตา่ ง และเคลือนยา้ ยวตั ถเุ ล็กๆ ทีกระจดั กระจายออก
จากหอ้ ง
• กาํ ลงั พลทกุ นายในหอ้ ง ควรอยูใ่ หห้ ่างจากดา้ นทา้ ยของจรวดโทว์ (TOW)
• กาํ ลงั พลทกุ นายในหอ้ ง ควรสวมแวน่ ตาป้ องกนั สะเกด็ และเครืองป้ องกนั เสียง
• ตอ้ งมีชอ่ งวา่ ง ๙ นวิ (๒๓ เซนติเมตร) ระหว่างท่อยิงกบั ช่องทีทาํ การยิง (ดู
รายละเอียดคําแนะนาํ เกียวกับความปลอดภยั ใน AR385-62 และ AR385-63)

รูปที ๘-๑๒ การยิงจรวดโทว์ (TOW) จากภายในห้อง

ข) การยงิ จรวดดรากอน (DRAGON)จากภายในหอ้ ง ตอ้ งปฏิบตั ิตามขอ้ ควรระวงั เพือความ
ปลอดภยั ดงั ต่อไปนี

• อาคารจะตอ้ งกอ่ สร้างแบบมนั คงแขง็ แรง
• เพดานจะต้องสูงอยา่ งนอ้ ย ๗ ฟตุ
• พืนหอ้ งต้องมขี นาดอยา่ งนอ้ ย ๑๕x๑๕ ตารางฟตุ หรือขนาดทีใหญ่กวา่

- ๒๐๒ -

• ตอ้ งมีทรี ะบายอากาศอยา่ งนอ้ ย ๒๐ ตารางฟตุ (หอ้ งเปิด) ทางดา้ นหลงั ของอาวธุ
และเปิ ดประตู ขนาด ๗x๓ ตารางฟตุ เป็นอยา่ งตาํ เพือระบายอากาศ

• ถอดกระจกทงั หมดออกจากหนา้ ตา่ ง และเคลือนยา้ ยวตั ถเุ ล็กๆ ทกี ระจดั กระจาย
ออกจากหอ้ ง

• ตอ้ งเก็บกวาดภายในหอ้ ง หรือทาํ พนื ใหเ้ ปี ยกเพือป้ องกันฝ่ ุนผง (เป่าโดยเปลวเพลิง
ดา้ นทา้ ย) ทีจะบดบงั การมองเห็นของกาํ ลงั พลคนอืนๆ ภายในหอ้ ง

• กาํ ลงั พลทกุ นายในหอ้ ง ควรอยู่ใหห้ ่างจากดา้ นทา้ ยของอาวธุ โทว์ ๒ เอ (TOW2A)
• กาํ ลงั พลทกุ นายในหอ้ ง ควรสวมแวน่ ตาป้ องกนั สะเกด็ และเครืองป้ องกนั เสียง
• ตอ้ งมีชอ่ งวา่ ง ๖ นวิ ระหวา่ งทอ่ ยิงกบั ชอ่ งทีทาํ การยิง โทว์ ๒ (TOW2)
ข. การทะลุทะลวงของอาวุธ จรวดนาํ วถิ ตี อ่ สูร้ ถถงั สามารถทะลุทะลวงและทาํ ลายรถถงั ยานเกราะ
ขนาดหนกั เนืองจากมหี วั รบขนาดใหญ่บรรจดุ ินระเบิดโพรงเป็นหลกั และสามารถเจาะทะลเุ ป้ าหมาย
ทวั ไปในเมือง เวน้ แตก่ ารทาํ ลายโครงสร้างส่วนใหญข่ องทีมนั หวั รบดินระเบดิ โพรงจะมกี ารกระจาย
เลก็ นอ้ ย กาํ ลงั ขา้ ศึกทไี มอ่ ยตู่ รงหรือใกลก้ บั จดุ ทกี ระสุนจรวดนาํ วถิ ีตอ่ สู้รถถงั กระทบอาจไมไ่ ดร้ ับบาดเจ็บ
๑) จรวดโทว์ (TOW) มาตรฐาน จรวดโทว์ (TOW) ปกติสามารถเจาะทะลุดินไดล้ กึ ๘ ฟุต

คอนกรีตเสริมเหล็ก หนา ๔ ฟตุ และแผน่ เหล็กกลา้ หนา ๑๖ นิว จรวดโทว์ (TOW) ทีปรับปรุง(ITOW),
จรวดโทว์ ๒ (TOW2) และจรวดโทว์ ๒ เอ (TOW 2A) ไดพ้ ฒั นาการเจาะทะลุทะลวงใหด้ ีขึน โดยสามารถ
ทะลุทะลวงได้มากกว่าจรวดโทว์ (TOW) ปกติ ซึง จรวด เอ ๑๑ โทว์ (A11 TOW) ทาํ การเจาะทะลกุ าํ แพง
กระสอบทรายสามชนั ถงั ๕๕ แกลลอนทบี รรจดุ ินสองชัน และผนงั ทอ่ นซุง ๑๘ นวิ

๒) จรวดโทว์ ๒ บี (TOW 2B) ใชใ้ นการตอ่ สูย้ านเกราะขา้ ศึก โดยร่อนผ่านเหนือเป้าหมายและ
ระเบดิ หวั รบเจาะดา้ นบนของยานเกราะทีบางกวา่ จากลกั ษณะการออกแบบทาํ ให้ จรวดโทว์ ๒ บี
(TOW2B) ไม่สามารถโจมตีเป้ าหมายทไี ม่ใชโ่ ลหะได้ ดงั นนั การใช้ จรวดโทว์ ๒ บี (TOW 2B) ในการ
ต่อสู้ยานเกราะขา้ ศึกต้องหลีกเลียงการยิงตรงไปบนยานพาหนะของฝ่ ายเดียวกนั ยานพาหนะทใี ชง้ าน
ไมไ่ ด้ หรือวตั ถุทีเป็นโลหะใหญ่ๆ เช่น ถังเก็บนาํ ใหญ่ หรือถงั นํามนั ใหญ่

๓) จรวดดรากอน (DRAGON) สามารถเจาะทะลดุ ินไดล้ กึ ๘ ฟตุ คอนกรีต หนา ๔ ฟตุ และแผ่น
เหล็กกลา้ หนา ๑๓ นิว และทาํ การยงิ ในระยะใกลไ้ ด้จากชนั บน หรือจากดา้ นหลงั หรือดา้ นข้างของ
ยานพาหนะ ทาํ การโจมตีเป้ าหมายในจดุ ทอี อ่ นทสี ุดของรถถังและสามารถเป็ นกบั ดกั รถถงั ในสถานการณ์
ทีไมส่ ามารถยิงตอบโตไ้ ด้ สําหรับทีตงั ยงิ ในทสี ูงจะเพิมโอกาสในการยงิ ถูกเป้ าหมายของกระสุนนดั แรก
โดยเมือทาํ การยงิ ทีระยะ ๒๐๐ เมตร ดว้ ยมมุ กด ๒๐ องศา จะเพิมโอกาสในการถกู เป้ าหมาย ร้อยละ ๖๗
เมอื ยิงทีมุมกด ๔๕ องศา จะเพิมโอกาสในการถูกเป้ าหมายเป็นสองเทา่ เมอื เปรียบเทียบกบั การยิงทีระดบั
พืนดิน

- ๒๐๓ -
ค. การเจาะผนังกําแพง การยงิ อาวธุ นาํ วถิ ีต่อสู้รถถัง จะไดผ้ ลในการทาํ ลายโครงสร้างไม่มากนกั
เนอื งจากมีอตั รามลู ฐานนอ้ ยและมรี าคาแพง จึงใชไ้ ดด้ ีกวา่ ในการตอ่ สู้รถถงั หรือทตี งั ยิงป้องกนั ของขา้ ศึก
และใชไ้ ดผ้ ลในการทาํ ลายบงั เกอรห์ รือทีตงั ยงิ ขา้ ศกึ ทีพิสจู น์ทราบ
๘ - ๗ อาวุธเพลิง
อาวุธเพลิงมลี กั ษณะพิเศษสามารถก่อใหเ้ กิดการบาดเจบ็ ลม้ ตายทงั ทางดา้ นร่างกายและจติ ใจ ซึง
การใชเ้ พลิงไมต่ อ้ งการผลแหง่ ความแมน่ ยาํ ณ ตาํ แหนง่ ทีต้องการ แตต่ อ้ งไมก่ ระจายไปยงั โครงสร้าง
อาคารทฝี ่ายเราตอ้ งการใช้ ซึงเพลิงขนาดใหญ่ในพืนทสี ิงปลูกสร้างนับเป็นความหายนะอย่างใหญห่ ลวง
อาวุธเพลิงทมี ีใชโ้ ดยทวั ไป ไดแ้ ก่ เอ็ม.๒๐๒ (M202) FLASH และระเบิดขวา้ งฟอสฟอรัส เอม็ .๓๔ (M34)
(WP) สําหรับเครืองฉีดไฟชนิดหิวไปมาได้ เอม็ .๒ เอ.๑-๗ (M2 A1-7) มีเก็บไวส้ ํารองสงครามในรหสั
สภาพ ซี (C) ซึงมีจาํ นวนจาํ กดั
ก. การใช้ อาวธุ เพลิงใชท้ าํ ลายทมี นั สนามเพลาะโดยการเล็งตรงไปยงั ชอ่ งยิง ถึงแมจ้ ะพลาดเป้ า แต่
มีวตั ถุเชือเพลิงเขา้ ไปมากพอทจี ะทาํ ใหเ้กิดการบาดเจบ็ ล้มตาย และทาํ ใหข้ ้าศึกทยี ึดครองเกิดความยุ่งเหยิง
สาํ หรับระเบดิ ขวา้ งฟอสฟอรสั เอ็ม.๓๔ (M34) WP ยากทีจะทาํ การขวา้ งในระยะไกลหรือโยนใหเ้ ขา้ ไป
ในช่องเปิ ดเล็กๆ เช่น ชอ่ งยงิ ของบงั เกอร์ อย่างไรก็ตามอาวธุ ใชไ้ ดผ้ ลอยา่ งคาดไมถ่ ึงเมือฉีดพน่ เขา้ ไปใน
หอ้ งหรืออาคาร
ข. ผลของอาวุธ ผลของอาวธุ เพลงิ ๓ ชนดิ ทใี ชต้ อ่ เป้าหมายในเมอื ง

๑) เอ็ม.๒๐๒ (M202) FLASH สามารถทาํ ใหเ้ กิดไฟไดไ้ กลถึง ๕๐๐ เมตร ซึงในการรบในพืนที
สิงปลูกสร้างจะมีระยะเป้ าหมายทีใกล้กว่า เป้ าหมายทเี ป็นจดุ เชน่ ในตรอกซอย หรือบงั เกอร์ สามารถทาํ
การยงิ ไดใ้ นระยะ ๒๐๐ เมตร และการยิงประณตี ตอ่ เป้ าหมายช่องยิงของบงั เกอร์ สามารถทาํ ไดท้ รี ะยะ
๕๐ เมตร

ก) หวั รบ FLASH มีบรรจสุ ารติดไฟแบบเข้มข้น โดยจะเผาไหมเ้ มอื สมั ผสั อากาศ ในการรบมี
ระยะปลอดภยั ตาํ สุด ๒๐ เมตร ซึงเป็นรัศมกี ารระเบิดของหวั รบทีพงุ่ ออกมาดา้ นหลงั ดว้ ย หากกระสุน
กระทบวตั ถแุ ขง็ ในเสน้ ทางแลน่ และแตกออก จะระเบิดเผาไหมเ้ ป็นเปลวไฟแมช้ นวนจะไม่ทาํ งาน ดังนนั
ชดุ จรวด เอ็ม.๒๐๒ (M202) จะตอ้ งป้ องกนั จากการยงิ ของกระสุนปืนเลก็ และสะเกด็ ระเบิดจากกระสุนปืน
ใหญ่เพราะสามารถทาํ ใหร้ ะเบดิ เกดิ การเผาไหมไ้ ด้ นอกจากนีจะตอ้ งคาํ นึงถึงเปลวเพลิงดา้ นทา้ ย ก่อนทาํ
การยงิ (ดูรูปที ๘-๑๓) ซึงสภาพของเมืองส่งผลกระทบตอ่ เปลวเพลงิ ด้านทา้ ย ของ เอ็ม.๒๐๒ (M202)
เหมอื นกับอาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบา (ดู หวั ขอ้ ๘-๕) โดยมขี อ้ พิจารณาเหมอื นกับการยงิ อาวธุ ต่อสู้รถถงั
ขนาดเบายงิ ในพืนทีปิด

- ๒๐๔ -

จรวด เอม็ .๒๐๒ (M202)

ด้ านห ลัง ๑๕ เมตร
ของอาวธุ พืนที

อนั ตราย

พืนทีระวัง ๒๕ เมตร

๓๘ เมตร

รูปที ๘-๑๓ เปลวเพลิงดา้ นท้ายของ เอม็ .๒๐๒ (M202) FLASH

ข) จรวด เอม็ .๒๐๒ (M202) FLASH จะไมท่ ะลุทะลวงเป้ าหมายทวั ไปในเมือง สามารถเจาะ
ทะลุไมอ้ ดั หนา ๑ นิว ทีระยะ ๒๐๐ เมตร และเจาะทะลุประตูไดใ้ นระยะทีใกล้กว่า จรวดสามารถเจาะ
กระจกหนา้ ต่าง โดยไม่ทาํ ความเสียหายใหก้ ับสิงกอ่ สร้างจากอิฐและอิฐบลอ็ ก โดยเครืองฉีดไฟจะใชอ้ ยา่ ง
ไดผ้ ลเมอื พน่ ไปยงั ดา้ นบน ดา้ นขา้ ง และดา้ นหลงั ของยานเกราะ และจะไดผ้ ลทางจิตวทิ ยาเมือจรวด
เพลิงยิงไปตกใกลๆ้ ฝูงชน

ค) กระสุนทีระเบิดใกลห้ รือบนกระบะทา้ ยของยานพาหนะ หรือหอ้ งเครืองยนต์ สามารถทาํ
ใหย้ านพาหนะไหมไ้ ฟ รวมทงั ยานยนตล์ อ้ เช่น ยานยนตล์ อ้ บีทีอาร์ (BTR) ยางจะไดร้ ับความเสียหายเมือ
ถูกยิงโดยจรวด เอ็ม.๒๐๒ (M202) ซึงรถถงั รุ่นใหมข่ องข้าศึก และรถสายพานลาํ เลียงพล บีเอ็มพีเอส
(BMPs ) จะมีระบบป้องกนั แรงดนั นิวเคลียร์ ชีวะ เคมี เอน็ บีซี (NBC) โดยสามารถป้ องกันเปลวเพลิงเขา้
ไปในยานพาหนะได้

๒) ลูกระเบดิ ขว้างฟอสฟอรัส เอ็ม.๓๔ (M34) WP ใชใ้ นการเผาไหมแ้ ละทาํ ลายวตั ถุทตี ิดไฟได้
โดยเฉพาะโครงสรา้ งทที าํ จากไม้ และสามารถสร้างฉากควนั เร่งด่วนในการซอ่ นพรางการเคลือนทขี า้ ม
ภมู ปิ ระเทศเปิ ดแคบๆ เชน่ ถนน ซึงควนั จะไมเ่ ป็นอนั ตราย แต่ควนั ทหี นาแนน่ อาจทาํ ให้หายใจไมอ่ อกได้
(ก) เมือมีการระเบดิ จะมีแสงประกายสว่างวาบ มคี วนั และการเผาไหมข้ องฟอสฟอรัสขาว ซึงทกุ อยา่ งนี
ทาํ ให้ M34 เป็นหนึงในอาวธุ ทีมผี ลทางจิตวิทยามากทีสุด โดยจะสาดสะเกด็ ฟอสฟอรัสขาว จากจดุ ที

- ๒๐๕ -
ระเบดิ ได้ไกล ๓๕ เมตร ซึงสามารถจบั ติดกบั เสือผา้ ผิวหนงั และเผาไหมต้ ่อไป แต่เนอื งจากนาํ หนกั ของ
ระเบิดขวา้ งค่อนข้างหนกั ทาํ ใหท้ หารราบสามารถขวา้ งระเบดิ ไปไดไ้ กลเพียง ๓๐-๔๐ เมตร

ก) ทหารจะตอ้ งหลีกเลียงการบาดเจ็บจากการใชล้ ูกระเบดิ ขวา้ งฟอสฟอรัส เอ็ม.๓๔ (M34)
ของทหารฝ่ ายเดียวกนั ซึงเหมือนกบั จรวด เอม็ .๒๐๒ (M202) ระเบดิ เอ็ม.๓๔ (M34) ฟอสฟอรัสทีอยู่
ภายในสามารถลกุ ไหมไ้ ดเ้ มือสัมผสั กับอากาศ เป็นทรี ู้ว่าลกู ปืน

ข) ระเบดิ ขวา้ งฟอสฟอรสั เอ็ม.๓๔ (M34) เป็นอาวธุ ทใี ชไ้ ดผ้ ลในการต่อต้านยานเกราะข้าศกึ
ในการรบในพืนทีสิงปลกู สร้างเมือใชใ้ นระยะใกล้ โดยการขวา้ งหรือหยอ่ นจากชนั บนไปยงั ยานพาหนะ
ของข้าศกึ และสามารถใชร้ ่วมกับเชอื เพลิงเหลว ชนวนฝกั แคระเบดิ เชือปะทุ และเครืองจดุ ชนวน เพือ
สรา้ งลกู ไฟ และใชเ้ ป็นเครืองมอื ตอ่ สู้รถถังเร่งดว่ นในสนาม (ดู รส. ๒๑-๗๕, ผนวก ซ)

ค) ระเบิด เอ็ม.๓๔ (M34) เป็นเครืองมอื สร้างฉากกําบงั ชนั เยียม สามารถขวา้ งจากดา้ นหลงั ที
กาํ บงั ไปยงั ถนนโล่งหรือจตั รุ ัส และเมอื ระเบิดจะขดั ขวางการตรวจการณ์ของขา้ ศกึ ไดช้ วั ขณะหนึง ทาํ ให้
กาํ ลงั ฝ่ ายเราสามารถเคลือนทอี ยา่ งรวดเร็วผา่ นทีโล่งแจง้ เมือมกี ารยิงของขา้ ศึก ทาํ ใหก้ ารเล็งทาํ ไดย้ าก
และลดอนั ตรายลง กรณี ทีใชฉ้ ากควนั ในการกําบงั การเคลือนทีของหมปู่ ื นเลก็ ขา้ มพนื ทโี ลง่ แคบๆ จะลด
ความสูญเสียจากการยิงของปืนเลก็ ได้ ประมาณรอ้ ยละ ๙๐

๓) เครืองฉดี ไฟแบบหิวไปมาได้ เอ็ม.๒ เอ.๑-๗ (M2 A1-7) เครืองฉีดไฟแบบหิวไปมาได้ มีระยะ

หวงั ผลใกลก้ วา่ เอ็ม.๒๐๒ (M202) (๒๐ ถึง ๕๐ เมตร) แตไ่ ม่มเี ปลวเพลิงด้านทา้ ย เครืองฉีดไฟแบบหิวไป
มาได้ ส่งผลกระทบตอ่ ร่างกายและจิตใจเป็ นอย่างมาก เมอื ใชต้ อ่ ตา้ นขา้ ศึกทีอยูห่ ลงั เครืองปิ ดกนั ถนน
เครืองฉีดไฟสามารถฉีดเผาผลาญไดก้ วา้ งตลอดแนวหนา้ การรบ และใชป้ ระโยชน์ในการยิงจดุ ทีเป็นมมุ
อบั ดว้ ยเชือเพลิงขน้ โดยไม่เปิดเผยตวั ผยู้ ิง (ดูรูปที ๘-๑๔)

ก) การยิงนาํ มนั ทยี งั ไม่จดุ ไฟ (ยิงเปี ยก) สามารถทาํ การยิงดว้ ยเครืองฉีดไฟ และจดุ การเผาไหม้
ดว้ ยการยิงนดั ต่อมา จะเกิดลกู ไฟทมี ีความหนาแน่นเพิมขึน ซึงเทคนิคนีจะใชไ้ ดผ้ ลสาํ หรับการทาํ ลาย
ยทุ โธปกรณท์ ยี ึดได้ และใช้สังหารทหารขา้ ศึกทีอยใู่ นทอ่ ระบายนาํ หรือเผาอาคารกรณีขา้ ศึกสร้างทีมนั ใน
อาคารไม้นอกจากนียงั ใชย้ ิงไปยงั ดา้ นบนหรือชอ่ งมอง

ข) เชือเพลงิ ข้นเมือติดไฟจะดบั ยาก ดงั นนั ผูบ้ งั คบั หน่วยจะตอ้ งพิจารณาวา่ จะเผาอะไรกอ่ น
ตดั สินใจใชไ้ ฟนี โดยพิจารณาผลความเสียหายขา้ งเคียง ทงั ในแง่การเมอื งหรือยทุ ธวิธี ซึงเป็นกฎขอ้ บงั คับ
ทีสาํ คญั ในการใชเ้ พลิง ดังนนั การใช้เครืองฉีดไฟในการรบในพืนทีสิงปลูกสร้างควรจะใชโ้ ดยผู้ทีได้รับ
การฝึกมาเป็นพิเศษ ผนู้ ําหน่วยทหารราบจะตอ้ งแนใ่ จว่าผใู้ ช้เครืองฉีดไฟจะตอ้ งมกี ารระวงั ป้องกนั ที
ปลอดภยั เพยี งพอเมือเขา้ หาเป้ าหมาย เนืองจากขา้ ศกึ จะรวมอาํ นาจการยงิ มายงั เครืองฉีดไฟทีตรวจพบ

ค) แมว้ า่ การกําหนดทีตงั เป้ าหมายทแี น่ชดั จะกระทาํ ไดย้ ากในเวลากลางคืน ผู้บงั คับหนว่ ยควร
จะพิจารณาใชเ้ ครืองฉีดไฟในเวลากลางคืน เพือผลทางจติ วิทยาและผลในการสงั หารทาํ ลายข้าศึก

- ๒๐๖ -

รูปที ๘ - ๑๔ การยิงจดุ ทีเป็ นมมุ อับ
๘ - ๘ ลูกระเบดิ ขว้าง

ลกู ระเบดิ ขวา้ งใชส้ ําหรับการขยายผลระหวา่ งการรบในพืนทีสิงปลกุ สร้าง ระเบดิ ควนั ใชส้ าํ หรับ
การสร้างม่านควนั และเป็นสญั ญาณ ระเบดิ ควบคุมจลาจลใชใ้ นการขบั ไล่ขา้ ศกึ ออกจากสนามเพลาะลกึ ๆ
สาํ หรับระเบดิ มีสะเกด็ และระเบดิ ขวา้ งเสียงเทยี ม ใชใ้ นการกวาดลา้ งขา้ ศึกออกจากหอ้ งและหอ้ งใตถ้ ุนตึก
และใชม้ ากทีสุดในการระเบดิ สัมภาระทหารระหวา่ งการรบทีรุนแรงในพืนทสี ิงปลกู สร้าง ซึงในสงคราม
โลกครังที ๒ หน่วยขนาดกองพนั ทาํ การรบในเมืองจะใชล้ ูกระเบดิ ขวา้ งมากถึง ๕๐๐ ลกู ในแต่ละวนั

ก. การใช้ ลูกระเบดิ ขวา้ งควนั และลกู ระเบดิ ขวา้ งควบคุมจลาจล มีเทคนิคการใชท้ ีเหมอื นกนั
สาํ หรับระเบดิ มีสะเกด็ ใชใ้ นการสังหารข้าศกึ ใหบ้ าดเจบ็ ลม้ ตาย

๑) ระเบิดขวา้ ง เอเอ็น-เอ็ม.๘ เอชซี (AN-M8 HC) เมอื ระเบิดจะใหค้ วนั หนาแนน่ สีขาวหรือสีเทา
รวมทงั การเผาไหมอ้ ยา่ งรนุ แรงยากทีจะดบั ควนั ทีเขม้ ขน้ เป็นอนั ตราย ทาํ ใหห้ ายใจลาํ บากและเกิดการ
สาํ ลัก ระเบดิ ขวา้ ง เอ็ม.๘ (M8) ปกติจะใชส้ ร้างฉากควนั โดยจะคอ่ ยๆ เกิดควนั แตจ่ ะเกิดเป็นหว้ ง
เวลานานกวา่ ระเบดิ ขว้างฟอสฟอรัส เอม็ .๓๔ (M34) WP และไมส่ ร้างความเสียหายต่อสภาพใกลเ้ คียงจาก
ชินส่วนทเี ผาไหมท้ กี ระจายออกไป

- ๒๐๗ -
๒) ระเบิดขวา้ งควนั แบบ เอ็ม.๑๘ (M18) ในชุดจะมคี วนั หลายสี ใชส้ ําหรับเป็นทศั นะสัญญาณ
สําหรับควนั สีเหลืองจะมองเหน็ ยากในพืนทสี ิงปลูกสร้าง และในรุ่นใหม่ควนั สีเหลืองสามารถมองเหน็ ได้
ดีกว่ารุ่นก่อน
๓) ระเบิดขวา้ งควบคุมจลาจล เอ็ม.๗ เอ.๓ ซีเอส (M7A3 CS) ใชส้ ําหรับขบั ไลก่ าํ ลงั ข้าศกึ ออก
จากสนามเพลาะ ขอ้ พิจารณาในการใชอ้ าจทาํ ให้ประชาชนบาดเจบ็ รวมทงั เกิดความเสียหายขา้ งเคยี ง
เนอื งจากสภาพลมในพืนทีสิงปลูกสรา้ งแปรปรวนเปลียนทิศทางงา่ ย เมอื ใชร้ ะเบดิ ขวา้ ง ซเี อส (CS) ทหาร
จะตอ้ งป้ องกนั การระคายเคืองจากควนั ทีจะเกิดกบั ทหารฝ่ายเดยี วกนั และระเบิดขวา้ ง ซีเอส (CS) มีการ
เผาไหมอ้ ยา่ งหนาแนน่ สามารถจดุ โครงสรา้ งทตี ดิ ไฟได้ สาํ หรับกาํ ลงั ขา้ ศกึ ทีสวมหนา้ กากป้องกนั เคมี
สามารถอดทนต่อแก๊ส ซีเอส (CS) เข้มขน้ หนาแนน่ ได้
๔) ลูกระเบดิ ขวา้ งเชิงรุก เอ็มเค ๓ เอ ๒ (MK3A2) ปกติจะหมายถึงระเบดิ ขวา้ งเสียงเทยี ม ที
กอ่ ใหเ้ กิดการบาดเจ็บล้มตายในการรบประชิด ขณะทีเกิดอนั ตรายตอ่ ทหารฝ่ายเดยี วกนั นอ้ ยทีสุด ดว้ ย
เหตุผลนีลูกระเบิดขวา้ งจงึ เหมาะทจี ะใชใ้ นปฏิบตั ิการรบดว้ ยวธิ ีรุกในสภาพแวดลอ้ มของปฏิบตั ิการทาง
ทหารในภมู ิประเทศในเมอื ง ซึงระเบิดขวา้ งจะเกดิ เสียงเทยี มดงั รุนแรงมากในพืนทีปิด และสามารถใช้เมือ
ตอ้ งการผลของการระเบิดเบาบางและการรือทาํ ลาย รวมทงั เจาะช่องผนงั ภายในอาคาร เสียงเทียมทีเกิด
จาก เอ็มเค ๓ เอ ๒ (MK3 A2) จะดงั มากกวา่ ระเบิดสงั หารมีสะเกด็ ระเบดิ โดยจะใชไ้ ดผ้ ลดีในการตอ่ ตา้ น
ทหารขา้ ศกึ ทีอยใู่ นบงั เกอร์ อาคาร และทางผ่านใตด้ ิน
๕) ระเบดิ ขวา้ งแบบมีสะเก็ดระเบดิ เป็นชนิดทีมใี ช้ทวั ไประหว่างการรบในพืนทีสิงปลูกสร้าง
สาํ หรับปราบปรามระหว่างการสู้รบ ของหอ้ งหนึงกับอีกหอ้ งหนึง หรือบา้ นหนึงกบั อีกบา้ นหนึง และใช้
ในการกวาดล้างหอ้ งทีมีขา้ ศึก กรณีใช้ในการรบประชิด จะลดการถ่วงเวลา ประมาณ ๒ วนิ าที เพือไมใ่ ห้
ขา้ ศึกมีเวลาขวา้ งกลบั มา การขวา้ งระเบดิ ใชก้ ารกลิง จบั โยน หรือการแฉลบไปยงั พืนทีทีเขา้ ไมถ่ ึงดว้ ย
เครืองยิงลูกระเบิดขวา้ ง ขนาด ๔๐ มม.โดยทหารจะตอ้ งระวงั ในการขวา้ งลูกระเบดิ ขึนไปขา้ งบน ซึงเป็น
วิธีทีไมค่ วรใช้มาก
ข. ผลของระเบดิ ระเบิดขวา้ งแต่ละชนิดจะใหผ้ ลเฉพาะเจาะจง ระหว่างการรบในพืนทีสิงปลกู
สร้าง
๑) พืนทีเมอื งมผี ลตอ่ ระเบิดขวา้ งควนั เนืองจากระเบิดขวา้ งควนั จะสร้างเมฆควนั สีหรือควนั ขาว
อยา่ งหนาแนน่ ปกคลมุ อยนู่ ิงทวั บริเวณอาจทาํ ใหเ้ กิดไฟไหมไ้ ดห้ ากไมพ่ ิจารณาใหร้ อบคอบ โดยเฉพาะถา้
เป็นทีปิดและรวมอยใู่ นทีทีมีชอ่ งวา่ งเลก็ ๆ ควนั จะทาํ ให้ทหารสาํ ลกั หายใจไมอ่ อก
๒) ระเบดิ ขวา้ งมีสะเกด็ จะมผี ลหลากหลายในการรบในพืนทสี ิงปลกู สร้าง โดยมสี ะเก็ดเล็กๆ ทีมี
ความเร็วสูงจาํ นวนมาก ซึงสามารถเจาะทะลฝุ ากนั แผน่ หินและทาํ ใหต้ ายไดใ้ นระยะใกล้ (๑๕-๒๐ เมตร)
ความเรว็ ของสะเกด็ จะลดลงอยา่ งรวดเร็วและแทบไมม่ ผี ลในระยะเกินกวา่ ๒๕ เมตร ซึงสะเกด็ ระเบดิ

- ๒๐๘ -
จะไม่สามารถเจาะทะลุกระสอบทรายชนั เดียว อิฐบลอ็ ก หรืออาคารกอ่ อิฐ แตส่ ามารถทาํ ใหว้ งกบไม้
เป็นรู รวมทงั สิงก่อสร้างจากดีบกุ หากเกิดการระเบิดใกลก้ ับผนงั

๓) เครืองกีดกนั สะเก็ดระเบิดภายในหอ้ ง ประกอบดว้ ย เฟอร์นิเจอร์ธรรมดา ประตู หรอื หนงั สือ
สามารถใช้ป้องกนั สะเก็ดระเบดิ ได้ดงั นนั หอ้ งอาจยงั ไม่ปลอดภยั เมือมรี ะเบดิ ๑-๒ ลกู ระเบดิ ภายใน เมอื
ระเบดิ แบบมีสะเก็ดเกิดการระเบดิ ทพี ืนหอ้ ง ไมเ่ พียงแต่สาดสะเกด็ ไปดา้ นขา้ ง แต่ยงั สาดลงไปยงั หอ้ ง
ขา้ งลา่ งด้วย โดยการสาดลงมากหรือนอ้ ยขนึ อยกู่ บั ชนิดของวสั ดพุ ืน ซึงพืนไมจ้ ะไดร้ ับผลมากทีสุด

๔) ระเบดิ ขวา้ งของต่างชาติบางชนิด สาดสะเกด็ ระเบิดมากกวา่ เอ็ม.๒๖ (M26) ของสหรัฐ เครือง
ปิ ดกนั บางๆ และผนงั ในอาคารจะตา้ นทานระเบิดเหล่านไี ดน้ อ้ ยกวา่ เอม็ .๒๖ (M26) ปัญหาใหญ่ของ
ระเบิดขวา้ งแบบมสี ะเกด็ ทผี ลติ ในสหรัฐ คือการกระดอนกลบั เมือกระทบกบั เป้ าหมายแขง็ ๆ ซึงปกติ
ระเบิดขวา้ งจะถกู โยนเขา้ ไปในหนา้ ตา่ งเปิ ดของชนั ลา่ งหรือชนั สอง โดยทีระยะใกลเ้ คียงกบั ๒๐ เมตร
โอกาสทีผูข้ วา้ งจะขวา้ งพลาดเป้ าหมายหนา้ ตา่ งมาตรฐานขนาด ๑x๑ ตารางเมตร จะมีสูง ระเบิดขวา้ งแบบ
มีสะเก็ด ปกติจะทะลกุ ระจกหน้าต่างเขา้ ไปในหอ้ ง แต่ถา้ กระทบกระจกหนาดว้ ยมุมแหลมระเบิดจะหนั เห
โดยไมท่ ะลหุ นา้ ต่าง

๕) ระเบิดมอื เป็นอาวุธทใี ชย้ าก เนอื งจากมคี วามเสียงต่อการสังหารพวกเดยี วกนั ซึงผู้บงั คบั
หนว่ ยควรทาํ การฝึ กก่อนทาํ การรบดว้ ยระเบดิ ขวา้ งใหเ้ ป็ นเรืองปกติ โดยเฉพาะทหารจะตอ้ งระมดั ระวงั
อยา่ งมากในการขวา้ งระเบิดขนึ ไปชนั บน

๖) สลกั ระเบิดขวา้ งแบบมีสะเก็ดและระเบดิ ขวา้ งเสียงเทยี ม สามารถใส่กลบั เขา้ ไปได้ เมอื ผูข้ วา้ ง
ตดั สินใจไมใ่ ชร้ ะเบดิ โดยตอ้ งทาํ การใส่อยา่ งระมดั ระวงั (ดู รส. ๒๓-๓๐)

๗) ปัจจยั METT-T และกฎการปะทะ จะเป็นตวั กาํ หนดชนิดของระเบิดทีจะใชใ้ นการกวาดล้าง
ในแต่ละหอ้ ง และเนืองจากค่าใชจ้ า่ ยของระเบิดขวา้ งมสี ูง หนว่ ยควรใชถ้ งุ เป้าหรือเครืองหลังในการนาํ
ระเบิดทกุ ชนิดไปเพิมเติม ซึงระเบิดขวา้ งเพิมเติมยงั สามารถนําไปโดยกระเป๋ ากระสุนหรือซองกระติกนาํ
๘ - ๙ เครืองยิงลูกระเบดิ

สภาพแวดลอ้ มของเมอื ง มีเครืองกําบงั เหนอื ศรี ษะจะจาํ กัดการยงิ เล็งจาํ ลองด้วยมุมยิงตาํ เป็นอยา่ ง
มาก ขณะทอี าวธุ เล็งจาํ ลองทงั หมดถูกบงั คบั ดว้ ยเครืองกาํ บงั เหนือศีรษะ เครืองยิงลกู ระเบดิ จะไดร้ บั
ผลกระทบนอ้ ยกวา่ ปื นใหญ่สนามเนืองจากเครืองยิงลูกระเบิดมีวิถีกระสุนสูงกวา่ การยงิ ปืนใหญ่ดว้ ยมมุ
ยงิ ตําจะมีพืนทีอบั กระสุนของเป้ าหมายดา้ นหลงั อาคารเป็นห้าเท่าของความสูงอาคาร แตเ่ ครืองยิงลกู
ระเบดิ จะมีพนื ทอี ับกระสุนเพยี ง ๑ ๑/๒ เทา่ ของความสูงอาคาร จากขอ้ ไดเ้ ปรียบนีการใช้เครืองยิงลกู
ระเบดิ จงึ มีความสาํ คญั สาํ หรับทหารราบในการรบในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง

ก. การใช้ เครืองยิงลกู ระเบดิ ไมเ่ พียงแตส่ ามารถทาํ การยิงไปยงั ทีแคบลึกๆ ของอาคารสงู แต่
สามารถทาํ การยงิ จากทีแคบๆ ไดด้ ว้ ย โดยเครืองยิงลกู ระเบดิ ทตี งั ยงิ ดา้ นหลงั ของอาคารทาํ ใหข้ า้ ศกึ

- ๒๐๙ -
กาํ หนดทีตงั ไดย้ ากทาํ ใหย้ ากในการยิงโตต้ อบ และเนอื งจากเครืองยงิ ลกู ระเบิด มีนาํ หนกั เบา แมเ้ครืองยิง
ลูกระเบิดขนาดหนกั ก็สามารถหิวดว้ ยมอื ไปเขา้ ทีตงั ยงิ ทียานพาหนะเขา้ ไปไมไ่ ด้

๑) เครืองยงิ ลูกระเบดิ สามารถทาํ การยิงผา่ นหลงั คาอาคารทีปรกั หกั พงั ได้ ถ้าพืนชนั ล่างมีความ
แขง็ แรงพอในการต้านทานแรงสะทอ้ นถอยหลงั หากมีคอนกรีตเฉพาะในพืนทตี งั ยงิ เครืองยิงลกู ระเบิด
ของหมวด สามารถทาํ การยิงโดยใช้กระสอบทรายรับนาํ หนกั ใตแ้ ผน่ ฐานและตวั ยึดเครืองยิงทาํ หนา้ ทีเป็น
ทงั สมอบกและตวั คาํ ยนั และปกั หลกั เล็งในกระป๋ องบรรจทุ รายได้

๒) เครืองยงิ ลกู ระเบดิ ขนาด ๖๐ มม., ๘๑ มม. และ ๑๐๗ มม. ของกองทพั บกสหรฐั ฯ มีข้อจาํ กดั
ในการทาํ ลายเป้าหมายสิงก่อสร้าง แมว้ า่ การใชช้ นวนถ่วงเวลาจะสามารถเจาะทะลุไดม้ ากกวา่ หนึงชนั จาก
ชนั บนสุดของอาคารขนาดเบา อยา่ งไรก็ตาม การทีสามารถครอบคลุมพืนทีไดก้ วา้ งขวาง และมีชนวน
แบบอเนกประสงค์ ทาํ ใหเ้ ครืองยิงลูกระเบิดใชไ้ ดผ้ ลในการตอ่ ต้านกาํ ลงั ขา้ ศกึ ทรี ุกคืบหนา้ ผา่ นแนวถนน
พืนทีโลง่ แจง้ หรือขา้ มกองเศษหิน สําหรับเครืองยิงลูกระเบิด ขนาด ๑๒๐ มม. สามารถใชไ้ ดผ้ ลกับ
เป้าหมายสิงกอ่ สร้างพอสมควร โดยการตงั ขนวนถว่ งเวลา สามารถเจาะทะลลุ ึกลงไปในอาคารและสร้าง
ความเสียหายไดอ้ ยา่ งมาก

๓) ระหวา่ งการรบในพืนทีสิงปลกู สร้างหมวดเครืองยิงลกู ระเบดิ ปกตจิ ะปฏิบตั ิการแยกเป็นส่วน
ยงิ เนืองจากไม่มพี ืนทีโล่งกวา้ งพอทีจะใชเ้ ป็นทตี งั ยิงของหมวด รูปที ๘-๑๕ แสดงการแยกเป็นสองส่วน
ยิง ตงั ยงิ คนละถนน สามารถรวมอาํ นาจการยงิ เป็นกลุ่มกอ้ น และป้องกนั การยิงต่อตา้ น ค. โดยการตงั ยงิ
เป็นแนวและกระจายทีตงั ยิง

ภาพด้ านบน ข้าศึก
ข้าศึก

รูปที ๘-๑๕ การแยกส่วนยิงเครืองยิงลกู ระเบดิ ปฏบิ ตั ิการใกลก้ ัน

- ๒๑๐ -
๔) การรบในพืนทีสิงปลกู สรา้ งใช้ ทงั ๓ แบบมาตรฐานของการยงิ เครืองยงิ ลูกระเบิด ไดแ้ ก่
กระสุนระเบดิ แรงสูงเป็นชนิดทีใชม้ ากทีสุด กระสุนควนั ฟอสฟอรัส ดบั เบิลยพู ี (WP) ใชใ้ นการเผาไหม้
อาคารและกดดนั ขา้ ศกึ ใหอ้ อกจากหอ้ งเก็บของใตถ้ นุ ตึกและอาคารรูปเฟรมขนาดเบา และใชไ้ ดผ้ ลมาก
ทีสดุ ในการตอ่ ตา้ นการซอ่ นตวั ในรถถงั ขา้ ศึก แมว้ ่าการยงิ พลาดเป้าใกลๆ้ ทาํ ใหพ้ ลประจาํ รถตามองไม่
เห็น ถกู กาํ จดั หรือถกู บงั คบั ใหข้ ึนมาขา้ งบน การยิงใหถ้ กู เป้ าจึงกระทาํ ไดย้ าก แตก่ ็ยงั ไดผ้ ล
๕) เนืองจากภมู ปิ ระเทศทีปรับแตง่ ในเมืองจะลดความเร็วของลมและเพิมการผสมกนั ของอากาศ
ทาํ ใหค้ วนั จากเครืองยงิ ลกู ระเบิดอยู่ไดน้ านกวา่ และครอบคลุมสิงปลกู สร้างไดด้ ีกวา่ ในพืนทีโลง่ แจง้
๖) เครืองกาํ บงั ปกคลุมในเมอื ง สง่ ผลกระทบต่อการใชแ้ สงสวา่ ง ในพืนทีสิงปลูกสร้างจาํ เป็ นตอ้ ง
วางแผนการใชแ้ สงสวา่ งดา้ นหลงั ทตี งั ทหารฝ่ ายเรา โดยให้กาํ ลงั ฝ่ายเราอยใู่ นร่มเงา และกาํ ลงั ข้าศกึ อยใู่ น
ทีสว่าง การใชก้ ระสุนส่องสวา่ ง จะทาํ การปรับได้ยากและมขี อ้ จาํ กดั ในการใชใ้ นหุบเขาลึกตามธรรมชาติ
ของพืนทีเมอื ง กระแสลมทีเปลียนอยา่ งรวดเร็วในพืนทีสิงปลูกสรา้ งส่งผลตอ่ กระสุนส่องสวา่ งของเครือง
ยงิ ลกู ระเบิดทาํ ใหใ้ ชไ้ ดผ้ ลนอ้ ยลง
ข. ผลของการยิงเครืองยงิ ลูกระเบดิ ชนวนอเนกประสงคข์ องกระสุนเครืองยิงลกู ระเบิดรุ่นลา่ สุด
ของสหรฐั ฯ ทาํ ใหเ้ ครืองยงิ ลูกระเบิดเป็นอาวธุ ทมี ีประสิทธิภาพในภมู ิประเทศเมอื ง การตงั ชนวนถว่ งเวลา
สามารถเพิมการทะลุทะลวงไดอ้ ีกเลก็ นอ้ ย การแตกอากาศจะเพิมพืนทีสังหารทีครอบคลุมโดยสะเก็ด
ระเบดิ ซึงในอาคารสูงอาจทาํ ใหช้ นวนเวลาระเบิดกอ่ นเวลา เมอื วิถกี ระสุนแลน่ ผ่านอาคารในระยะใกล้
๑) เครืองยิงลูกระเบิด ขนาด ๖๐ มม. กระสุน ค. ๖๐ มม. ไมส่ ามารถทะลผุ า่ นหลงั คาส่วนใหญ่ แม้
จะตังชนวนถ่วงเวลา แต่กระสนุ ระเบิดขนาดเล็กนีสามารถใชไ้ ด้ผลในการกาํ จดั พลซุม่ ยิงทีอยบู่ นหลงั คา
และป้ องกนั ขา้ ศกึ ใชห้ ลงั คาเป็นทีตรวจการณ์ ปกติกระสนุ ควนั ขนาด ๖๐ มม. ใชส้ รา้ งฉากควนั ไดไ้ ม่ดี
เนอื งจากครอบคลุมพืนทีไดน้ อ้ ย แต่ในการรบในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง ทตี อ้ งการใหค้ วนั อยนู่ านในพนื ที
เล็กๆ จึงใชไ้ ดผ้ ลมากขึน ซึงในสงครามเวยี ดนาม กระสุนควนั ขนาด ๖๐ มม. ใชใ้ นการสร้างฉากควนั
เล็กๆ ในช่วงเวลาสนั ๆ เพอื ซ่อนพรางการเคลือนทีผา่ นทโี ลง่ แจง้ เชน่ สวนสาธารณะ จตั รุ ัส และสะพาน
ส่วนกระสุนสังหารระเบิด แรงสูง ขนาด ๖๐ มม. ทีตกในระยะใกล้ ๑๐ ฟตุ ไมส่ ามารถเจาะทะลุกระสอบ
ทรายชนั เดียว หรือผนงั อิฐชนั เดียว ผลของกระสุนเมอื กระทบโดยตรงบนบงั เกอร์ หรือทีมนั สูร้ บ จะ
เทา่ กับดินระเบดิ ทเี อน็ ที (TNT) ขนาด๑-๒ ปอนด์ โดยไม่ทาํ ใหบ้ งั เกอร์ยบุ ตวั แตจ่ ะทาํ ลายโครงสร้าง
ปกติเครืองยงิ ลูกระเบดิ ขนาด ๖๐ มม. จะไม่ทาํ ใหเ้ กิดหลุมบนผิวถนนแขง็
๒) เครืองยิงลูกระเบดิ ขนาด ๘๑ มม. การใช้ตอ่ ตา้ นเป้ าหมายในเมืองไดผ้ ลคลา้ ยกบั ค. ๖๐ มม.
มาก เพียงแต่มีพืนทีสงั หารมากกว่า รวมทงั กระสุนควนั ดบั เบลิ ยพู ี และอาร์พี (WP & RP) ใหผ้ ลมากกวา่
การกระทบเป้ าหมายโดยตรงจะเทา่ กับดินระเบิด ทีเอ็นที (TNT) ขนาด ๒ ปอนด์ ซึงเครืองยิงลกู ระเบิด
ขนาด ๘๑ มม. ไม่สามารถทาํ ใหเ้กิดหลุมบนผิวถนนแข็ง การตงั ชนวนถว่ งเวลา สามารถเจาะทะลุ
หลงั คาของอาคารขนาดเบา

- ๒๑๑ -
๓) เครืองยงิ ลูกระเบดิ ขนาด ๑๐๗ มม. จะใหผ้ ลปานกลางตอ่ เป้ าหมายในเมือง สามารถใชไ้ ดผ้ ล
มากกวา่ ค.๘๑ มม. และแมจ้ ะทาํ การยิงดว้ ยชนวนถ่วงเวลา ก็ไมส่ ามารถเจาะลึกลงไปยงั เป้ าหมายในเมือง
ทวั ๆ ไป และในพืนทสี ิงปลูกสร้าง พืนทีสังหารสะเกด็ ระเบิดจะเพิมขึน เนืองจากแรงระเบิดจะสาดซาก
หกั พงั ออกไปดว้ ย ระยะยงิ ตําสุดของเครืองยงิ ลกู ระเบิดขนาด ๑๐๗ มม. เป็นขอ้ จาํ กดั การใชร้ ะหวา่ งการ
รบในพืนทสี ิงปลกู สร้าง ซึงไมม่ ี ค. ชนดิ ใดมีขีดความสามารถในการยิงเป้ าหมายทางลึก โดย ค.๑๐๗ มม.
เป็นขนาดเลก็ สุดทีทาํ ได้ ทงั ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ หลมุ บนผิวถนนแข็งไดบ้ า้ งแตไ่ มใ่ หญ่พอทจี ะกีดขวางการสัญจร
ของยานพาหนะได้
๔) เครืองยิงลูกระเบิด ขนาด ๑๒๐ มม. มีขนาดใหญพ่ อในการเกิดผลต่อเป้ าหมายทวั ไปในเมอื ง
เป็นส่วนใหญ่ โดยสามารถเจาะลึกเขา้ ไปในอาคารและสร้างความเสียหายไดม้ ากขึน เนืองจากพลังจากการ
ระเบิด หากตอ้ งการป้องกนั สะเก็ดระเบดิ ของกระสุนระเบิดแรงสงู ขนาด ๑๒๐ มม. ทตี กในระยะห่าง
๑๐ ฟตุ ตอ้ งใชถ้ ุงดินหรือทราย หนาอยา่ งนอ้ ย ๑๘ นิว และผลจากการตกกระทบโดยตรง เกือบจะเทา่ กบั
ดินระเบดิ ทเี อ็นที (TNT) ขนาด ๑๐ ปอนด์ ทสี ามารถบดขยีสนามเพลาะทีสร้างจากวสั ดธุ รรมดา รวมทงั
สามารถสรา้ งหลุมตืนๆ ขนาดใหญ่บนผิวถนน ซึงไมล่ ึกหรือชนั พอทีจะกีดขวางการเคลือนทขี อง
ยานพาหนะ แตล่ ึกพอทีจะสร้างความเสียหายหรือทาํ ลายระบบระบายนาํ ทอ่ ประปาและทอ่ ก๊าซ รวมทงั
สายไฟฟ้ าและสายโทรศพั ท์
๕) เครืองยงิ ลูกระเบดิ ขนาด ๑๖๐ มม. เป็นเครืองยงิ ลกู ระเบดิ ของรัสเซียทสี ามารถสร้างความ
เสียหายอยา่ งมากมายใหก้ บั โครงสร้างเกือบทกุ ชนิดในเมอื ง มเี ฉพาะอาคารใหญ่ๆ หรือหอ้ งเกบ็ ของใตถ้ นุ
อาคารทอี ยูล่ ึกเทา่ นนั ทีจะสามารถป้องกนั อาวุธชนิดนีได้แมแ้ ต่บงั เกอร์ทีสร้างอยา่ งดีก็สามารถยุบตัวแค่
กระสุนทีตกพลาดเป้ าใกลๆ้ ผลจากการตกกระทบโดยตรงเทา่ กับดนิ ระเบิด ทีเอน็ ที (TNT) มากกวา่ ๑๕
ปอนด์ เครืองยงิ ลูกระเบิด ขนาด ๑๖๐ มม. จะกอ่ ใหเ้ กิดหลมุ บนผิวถนนในเมอื งทีมีความกวา้ งหลายเมตร
และลึกพอทีจะขดั ขวางการสัญจรของยานพาหนะ ทงั ยงั สามารถทาํ ลายระบบระบายนาํ ทอ่ ส่งนําใหญ่
และระบบสายไฟฟ้ าใตด้ ินไดอ้ ีกดว้ ย
๖) เครืองยิงลูกระเบดิ ขนาด ๒๔๐ มม. เป็นเครืองยงิ ลูกระเบดิ ๒ เอส ๔ (2S4) ของรัสเซีย ที
ออกแบบมาเพือทาํ ลายสนามเพลาะขนาดหนกั ซึงอาคารทวั ๆ ไป ไมส่ ามารถป้ องกนั ได้ กระสุนระเบดิ
แรงสูง มนี าํ หนกั ๒๔๐ ปอนด์ และมีกระสุนเจาะคอนกรีตสําหรับใชใ้ นพืนทเี มือง รอบการยิงของ
๒ เอส ๔ (2S4) ใชเ้ วลา ๑ นาที โดยกระสุนจะสร้างความเสียหายใหก้ บั ผิวการจราจร ทาํ ลายแผ่นพืนผิว
ถนนขนาดหนกั ได้ไกลหลายหลาจากจดุ ทรี ะเบดิ ตกกระทบ
๘ - ๑๐ ๒ ปื นกล ขนาด ๒๕ มม.
ปื นกล ขนาด ๒๕ มม. ติดตงั บนรถรบ เอ็ม.๒/เอ็ม.๓ (M2/M3) และ รถหุ้มเกราะขนาดเบา
USMC LAV -25 ของนาวิกโยธิน สหรฐั ฯ ทีมแี จกจา่ ยใหมใ่ หก้ ับทหารราบ ดว้ ยอาวธุ ทีมพี ลานุภาพ
สําหรับใชใ้ นการรบในพนื ทีสิงปลกู สรา้ ง โดยมีบทบาทหลกั ในการยิงทาํ ลายและเจาะผนงั ดา้ นนอกของ

- ๒๑๒ -
สนามเพลาะ (ดูหวั ขอ้ ๘-๓ ผลในการกาํ จดั และการทะลุทะลวงของปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม.) ซึง
ผลการเจาะผนงั และสนามเพลาะของ ปื นกล ขนาด ๒๕ มม. เป็นประโยชนอ์ ย่างมากสําหรับทหารราบใน
การรบในพืนทีสิงปลกู สร้าง

ก. การเยือง ปื นกล ขนาด ๒๕ มม. จะใชไ้ ดผ้ ลดีกบั เป้ าหมายในเมอื งเมือทาํ การยิงตงั ฉากต่อพืนผิว
แขง็ (มุมเยอื งเป็ นศนู ย)์ อยา่ งไรกต็ ามในการรบในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง แทบจะเป็นไปไมไ่ ดท้ ีจะหาทตี งั ยงิ ที
มีการกาํ บงั ซึงมีมมุ เยอื งตาํ เวน้ แต่บริเวณถนนและชอ่ งว่างระหวา่ งอาคารทีมคี วามกวา้ งมาก กระสนุ ที
กระทบเป้ าหมายส่วนใหญจ่ ะมีมมุ เยอื ง ซึงจะลดอาํ นาจในการทะลุทะลวงลง สําหรับกระสุนเจาะเกราะ
ส่องวถิ ี APDS-T ตอ้ งทาํ การยงิ ดว้ ยมุมเยอื งมากถึง ๒๐ องศา จงึ จะสามารถเจาะเป้ าหมายได้ ซึงกระสุนแต่
ละนัดมกั จะกะเทาะวสั ดุทีทาํ ผนงั โดยไมเ่ จาะลึกเขา้ ไปถึงโครงสรา้ ง

ข. ชนดิ ของเป้ าหมาย ปืนกล ขนาด ๒๕ มม. จะส่งผลต่างกนั เมือทาํ การยิงเป้ าหมายในเมอื งที

ต่างกนั
๑) คอนกรีตเสริมเหล็ก ผนงั คอนกรีตเสริมเหล็ก ทีมีความหนา ๑๒-๒๐ นิว จะพบปญั หาเมอื

พยายามจะสรา้ งช่องเจาะ ซึงดเู หมอื นงา่ ยในการเจาะคอนกรีต การทาํ ให้คอนกรีตแตกและหมดไปจาก
ช่องเจาะ แต่เหล็กเสริมยงั คงอยู่ มีสภาพเหมอื นลกู กรงหนา้ ต่างของคุก ทีไมส่ ามารถผา่ นเขา้ ไปได้ แต่
สามารถใชร้ ะเบดิ ขวา้ งหรือใชเ่ ป็นชอ่ งยงิ ของปื นเลก็ จากดา้ นหลงั ของผนงั ได้ เหลก็ เสริมของผนงั ปกติจะ
มีขนาด ๓/๔ นิว วางห่างกนั ๖-๘ นวิ ซึงไม่มวี ธิ ีทีรวดเร็วในการตดั เหล็กนี นอกจากการตดั ดว้ ยดินระเบดิ
ทาํ ลาย การใช้ไฟตดั หรือเลือยไฟฟ้ า และการยงิ ดว้ ยกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวิถี APDS-T หรือ
กระสุนระเบิดแรงสูงเพลงิ ส่องวิถี HEI-T ของปื นกล ขนาด ๒๕ มม. ก็ไมส่ ามารถตดั เหลก็ เสริมนีได้

๒) ผนังอิฐ ปื นกล ขนาด ๒๕ มม.สามารถทาํ ลายผนงั อฐิ ไดง้ ่ายกวา่ ขนึ อยกู่ ับความหนาและ
ความกวา้ งของช่วง

๓) ผนังบังเกอร์ ปืนกล ขนาด ๒๕ มม. สามารถทาํ ลายลา้ งกระสอบทรายผนังบงั เกอร์ได้ โดยมุม
เยืองจะมผี ลกระทบในการทะลทุ ะลวงนอ้ ยมาก ผนงั บงั เกอร์ดินทีมคี วามหนาถึง ๓๖ นิว สามารถเจาะทะลุ
ไดโ้ ดยง่าย การยิงในระยะใกลข้ องการรบในพืนทีสิงปลูกสร้าง สามารถทาํ ลายผนงั บงั เกอร์ไดอ้ ยา่ งง่าย
ดาย โดยเฉพาะการยงิ ปื นกล ขนาด ๒๕ มม. ไปยงั บริเวณชอ่ งหนา้ ต่างบงั เกอร์

ค. การยิงเป็ นชุด การใช้ปื นกล ขนาด ๒๕ มม. ยิงเป้ าหมายทวั ไปในเมือง ดูเหมอื นจะไดผ้ ลหากทาํ

การยิงเป็นชดุ สันๆ ซึงการยิงในระยะใกล้ พลยงิ อาจตอ้ งยกจดุ เล็งในการยงิ แบบเป็ นวง เพือใหแ้ นใ่ จวา่
กระสุนนดั ที ๒-๓ จะขยายช่องใหใ้ หญข่ ึน แต่ถึงแมไ้ ม่ทาํ การยิงเป็นชดุ การยิงของปืนกล ขนาด ๒๕ มม.
ก็สามารถเอาชนะเป้ าหมายในเมืองไดเ้ กือบทกุ ชนิด

ง. การทะลุทะลวงของอาวุธ กระสุนทใี ชใ้ นการรบ ๒ ชนิด (กระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี
APDS-T หรือกระสุนระเบดิ แรงสูงเพลิงส่องวถิ ี HEI-T ) มีความสามารถในการทะลุทะลวงไดต้ า่ งกนั
เล็กนอ้ ย ซึงใชอ้ ยา่ งได้ผลทงั คใู่ นเป้ าหมายทตี ่างกนั เช่น กระสุนฝึกส่องวิถี (TP-T) แมจ้ ะมปี ระโยชนน์ อ้ ย

- ๒๑๓ -

ในการตอ่ สูย้ านเกราะขา้ ศกึ แต่จะใชไ้ ดผ้ ลกบั เป้ าหมายทเี ป็นโครงสร้างในระยะใกลไ้ ดด้ กี วา่ ซึงปกติจะ

ไมน่ าํ ไปทาํ การรบ

๑) กระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวิถี APDS-T สามารถทะลุทะลวงเป้ าหมายในเมอื ง ใชว้ ิธกี าร

รักษาพลงั งานจลน์และเจาะลึกเขา้ ไปยงั เป้ าหมายเป็นรูเลก็ ๆ และใหผ้ ลดีทีสุดบริเวณดา้ นหลงั ของผนงั

โดยหวั เจาะเกราะจะแตกออกเป็นสะเกด็ ๒-๓ ชิน ทาํ ใหข้ า้ ศกึ บาดเจบ็ ลม้ ตายไดห้ ลายคน ซึงการสงั หาร

ขา้ ศกึ ดา้ นหลงั ผนงั ตอ้ งใชก้ ระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี อยา่ งนอ้ ย ๔ นดั ตารางที ๘-๑๐ แสดง

จาํ นวนกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอก ส่องวิถี ทีตอ้ งการในการสรา้ งชอ่ งขนาดต่างๆ บนผนังทวั ๆ ไป ใน

เมอื ง

เป้ าหมาย สร้างช่องยิง (นดั ) สร้างช่องเจาะ (นัด)

ผนงั อิฐ หนา ๓ นิว ทีมมุ เยือง ๐ องศา ๒๒ ๗๕

ผนงั อฐิ หนา ๓ นิว ทีมุมเยือง ๔๕ องศา ๒๒ ๓๕*

ผนงั อิฐ หนา ๕ นิว ทีมมุ เยือง ๐ องศา ๓๒ ๕๐*

คอนกรี ตเสริมเหลก็ หนา ๘ นิว คา่ มมุ เยอื ง ๐ องศา ๒๒ ๗๕ (เหลก็ เสริมยงั คงอย)ู่

คอนกรี ตเสริมเหลก็ หนา ๘ นิว คา่ มุมเยอื ง ๔๕ องศา ๒๒ ๔๐* (เหลก็ เสริมยงั คงอย)ู่

* มุมเยืองและความลึกทาํ ใหจ้ าํ นวนของวสั ดุทีทาํ ผนังเพมิ มากขนึ

ตารางที ๘ - ๑๐ ผลการเจาะของกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวิถี

ก) เมือทาํ การยงิ กระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี เพียงนดั เดียว จะทาํ ใหค้ วามสามารถใน
การทาํ ลายดา้ นหลงั ของผนังไม่เกิดผล ซึงกระสนุ สามารถเจาะทะลคุ อนกรีตเสริมเหลก็ ไดห้ นามากกวา่
๑๖ นิว และยงั มีพลงั งานเหลอื มากพอทีจะสังหารขา้ ศึก โดยเจาะทะลุทงั สองขา้ งของอาคารโครงไม้ หรือ
อิฐเคลือบ นอกจากนีกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี ทาํ การเจาะสนามเพลาะไดโ้ ดยไดง้ า่ ย ตารางที
๘-๑๑ แสดง จาํ นวนกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวิถี ทีตอ้ งการในการสร้างชอ่ งขนาดต่างๆ ใน
บงั เกอร์ทีพบ

ชนดิ ของบังเกอร์ มมุ เยือง การเจาะทะลุ สร้างช่องยิง ช่องเจาะเล็ก

ทราย/ทอ่ นซุง หนา ๓๖ นิว ๐ องศา ๑ (นดั ) ๒๕ (นดั ) ๔๐ (นดั )

ทรายหนา ๓๖ นิว/คอนกรี ตหนา ๖ นิว ๐ องศา ๖ (นัด) ๖ (นัด) ๒๐ (นัด)

ตารางที ๘ - ๑๑ จํานวนกระสุนเจาะเกราะส่ องวิถที ีต้องการในการสร้างช่องขนาดต่างๆ ในบังเกอร์

ข) กระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกสอ่ งวถิ ี เป็นอนั ตรายตอ่ บคุ คลทีเปิดเผยตวั เนืองจากชินส่วน
ของการสลดั ปลอกทกี ระเด็นออกมาทาํ ใหบ้ คุ คลทอี ยอู่ อกไปทางดา้ นหน้าปากกระบอกปื นและอยใู่ นเขต
พืนทีอนั ตรายอาจไดร้ ับบาดเจบ็ และถึงตายได้จากผลของปลอกทีสลดั ในขณะทหี วั เจาะวงิ ผ่านขา้ มศรี ษะ

- ๒๑๔ -
ไปกระทบต่อเป้ าหมาย ซึงพืนทอี นั ตรายจะมีมมุ ขยายตาํ จากปากกระบอกปืน กวา้ งประมาณ ๑๐ องศา
ไกลออกไปอย่างตาํ ๑๐๐ เมตร และมมุ ด้านซา้ ยและขวาของปากกระบอกปื น ประมาณ ๑๗ องศา ซึงรูปที
๘-๑๖ แสดงพนื ทอี ันตรายของกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี APDS-T

๑๐๐ เมตร

รูปที ๘-๑๖ พืนทีอนั ตรายของกระสุนเจาะเกราะสลัดปลอกส่องวิถี APDS-T

๒) กระสุนระเบิดแรงสูงเพลิงส่องวิถี HEI-T ทาํ การเจาะทะลเุ ป้ าหมายในเมอื งโดยการระเบิดชิน
วสั ดุออกไป

ก) กระสุนระเบดิ แรงสูงเพลิงส่องวิถี ไมส่ ามารถทะลุทะลวงเป้ าหมายในเมอื งไดด้ ีเท่ากบั
กระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี APDS-T แตก่ ระสุนแตล่ ะนดั ทาํ ใหว้ สั ดุในเกิดการกะเทาะได้
มากกวา่ ซึงจะสรา้ งความเสียหายไดม้ ากกวา่ เมอื ทาํ การยงิ หลายๆนดั เนอื งจากผลการกระทบเป้ าหมาย
สะสมของกระสุนหลายนดั มีผลมากกวา่ ผลรวม ของกระสุนแต่ละนัด ตารางที ๘-๑๒ แสดงจาํ นวนของ
กระสุนระเบดิ แรงสูงเพลิงส่องวิถี ทีต้องการในการเจาะชอ่ งขนาดตา่ งๆ

เป้ าหมาย สร้างช่องยิง (นัด) สร้างช่องเจาะ (นัด)

ผนงั อิฐ หนา ๓ นิว ทีมมุ เยือง ๐ องศา ๑๐ ๒๐

ผนงั อิฐ หนา ๓ นิว ทีมมุ เยือง ๔๕ องศา ๒๐ ๒๕

ผนงั อิฐ หนา ๕ นิว ทมี มุ เยือง ๐ องศา ๓๐ ๖๐

คอนกรีตเสริมเหลก็ หนา ๘ นิว คา่ มมุ เยอื ง ๐ องศา ๑๕ ๒๕

คอนกรีตเสริมเหลก็ หนา ๘ นิว คา่ มุมเยอื ง ๔๕ องศา ๑๕ ๓๐

ตารางที ๘-๑๒ จํานวนกระสุนระเบิดแรงสูงเพลิงส่องวถิ ีทีต้องการในการสร้างช่องขนาดต่างๆ

- ๒๑๕ -
ข) กระสุนระเบดิ แรงสูงเพลิงส่องวิถีเพียงนดั เดียวจะไมเ่ จาะรู หรือมสี ะเก็ดทาํ ใหผ้ นงั
โครงสรา้ งตึกดา้ นนอกไดร้ ับความเสียหาย แต่จะมีสะเกด็ จากกระสนุ นดั แรกด้านหลงั ผนงั โครงไมห้ รืออิฐ
เคลือบ ทงั ไมส่ ามารถเจาะทะลบุ งั เกอรไ์ ดเ้ รว็ เทา่ กับกระสุนเจาะเกราะสลดั ปลอกส่องวถิ ี แต่สร้างความ
เสียหายภายในบงั เกอร์ไดม้ ากกวา่ เมือดนิ ดา้ นนอกถูกระเบิดกวาดออกไป ในการทาํ ลายบงั เกอร์แข็งแรง
จะตอ้ งใช้กระสุนระเบิดแรงสูงเพลิงส่องวิถี ประมาณ ๔๐ นดั ในการระเบดิ กวาดดนิ ดา้ นนอกทีเป็นเกราะ
กาํ บงั และเจาะแนวคอนกรีตหรือทอ่ นซงุ ดา้ นใน นอกจากนียงั ใชท้ าํ ลายช่องทางยิงทีสงสยั หรือพิสูจน์
ทราบ ไดแ้ ก่ ประตู หนา้ ตา่ ง และชอ่ งยงิ
๘ - ๑๑ ปืนใหญ่รถถงั
เป็นปื นใหญ่ทีมคี วามเร็วสูงทรงพลานุภาพ ติดตงั บนรถถงั เอ็ม.๑ (M1), เอ็ม.๑ เอ.๑ (M1 A1),
เอ็ม.๖๐ (M60) และ เอ็ม.๔๘ (M48) ทใี ชเ้ ป็ นกญุ แจสําคัญของทหารราบในชยั ชนะในพืนทีสิงปลกู สร้าง
โดยใหก้ ารสนับสนุนการยงิ เลง็ ตรงอยา่ งหนกั หนว่ ง แมว้ า่ ทหารราบจะครอบครองบทบาทในการรบใน
พืนทสี ิงปลกู สร้าง รถถงั และทหารราบจะตอ้ งปฏิบตั กิ ารเป็ นทีมร่วมกนั อยา่ งใกลช้ ิด รถถงั จะเคลือนทีไป
ตามถนนหลงั จากทหารราบทาํ การกวาดลา้ งพืนทีสงสัยดว้ ยอาวธุ นาํ วิถตี ่อสูร้ ถถงั ซึงรถถงั จดั เป็ นหนึงใน
อาวธุ ทมี ีประสิทธิภาพทีทาํ การยิงอยา่ งหนกั หน่วงต่อระบบโครงสรา้ ง อนั เป็นบทบาทสาํ คัญของปืนใหญ่
รถถงั ระหวา่ งการรบในพืนทีสิงปลกู สร้างในการยงิ เลง็ ตรงไปยงั อาคารและจดุ ตา้ นทานแข็งแรงซึงทหาร
ราบไดพ้ ิสูจน์ทราบแลว้ สําหรับการเจาะผนงั และสนามเพลาะด้วยปื นใหญ่รถถงั ขนาด ๑๐๕ มม. และ
๑๒๐ มม. นบั เป็ นประโยชนอ์ นั ใหญ่หลวงสําหรับทหารราบทีทาํ การรบในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง
ก. มุมเยือง ปืนใหญร่ ถถังจะไดผ้ ลดีทีสุดในการยิงเป้ าหมายในเมอื งเมือทาํ การยิงตงั ฉากกบั
พืนผิวแข็งของเป้าหมาย (มุมเยืองเป็นศนู ย)์ อยา่ งไรก็ตามในการรบในพืนทีสิงปลกู สร้าง แทบจะเป็นไป
ไมไ่ ด้ทีจะหาทีตงั ยิงทมี ีการกําบงั ซึงมีมมุ เยืองตํา ซึงกระสนุ ส่วนใหญ่จะกระทบเป้ าหมายเป็นมมุ เยอื งทาํ
ใหล้ ดอาํ นาจการทะลุทะลวงลง การยงิ ดว้ ยกระสุนกะเทาะเกราะเจาะเกราะ APDS ทีมมุ เยืองมากถึง ๒๕
องศา จะไดร้ ับผลกระทบนอ้ ยแต่มมุ เยอื งทใี หญก่ วา่ ๔๕ องศา จะลดการทะลุทะลวงลงอย่างมหาศาล
ตวั อยา่ ง เช่น ปื นใหญร่ ถถงั ขนาด ๑๐๕ มม.ยิงด้วยกระสนุ กะเทาะเกราะเจาะเกราะ APDS ไมส่ ามารเจาะ
ทะลผุ นงั คอนกรีตเสริมเหล็ก หนา ๒ นิวได้ ทีมุมเยอื งมากกวา่ ๔๕ องศา เนืองจากอาจเกดิ การแฉลบได้
ข. ชนิดกระสุน กระสุนกะเทาะเกราะเจาะเกราะแบบมคี รีบทรงตวั APFSDS เป็นชนดิ ทีมใี ช้
ทวั ไปในรถถงั ใช้ไดผ้ ลดีในการตอ่ สู้ยานเกราะ สําหรับกระสุนชนิดอืนทีใชไ้ ดผ้ ลในการโจมตีอาคารตึก
สามารถบรรทกุ ไปได้ ปื นใหญ่ ขนาด ๑๐๕ มม. จะมีกระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ สูร้ ถถงั HEAT เพิมเติม
นอกจากกระสุนกะเทาะเกราะเจาะเกราะ APDS ส่วนปื นใหญ่รถถงั ขนาด ๑๒๐ มม. จะมีกระสุนระเบดิ
แรงสูงตอ่ สูร้ ถถงั แบบอเนกประสงค์ (HEAT-MP) ติดไปดว้ ย
ค. ลักษณะพเิ ศษ ทงั ปืนใหญร่ ถถงั ขนาด ๑๐๕ มม. และ ๑๒๐ มม. มลี กั ษณะพิเศษสองประการ
ซึงมผี ลกระทบตอ่ การใชใ้ นพืนทสี ิงปลกู สร้าง ไดแ้ ก่ ขอ้ จาํ กดั ของมุมสงู และมมุ กด และการเตรียมรบ

- ๒๑๖ -
ระยะใกล้ ส่วนรถถัง เอ็ม.๑ (M1) และ เอม็ .๑ เอ.๑ (M1 A1) จะมลี กั ษณะพิเศษเพมิ เติม ทีไมเ่ กียวกับปื น
ใหญ่ ไดแ้ ก่ ก๊าซรอ้ นจดั จากการเผาไหมข้ องเครืองยนต์เทอร์ไบน์ ทีส่งผลกระทบตอ่ การปฏิบตั ิของ
ทหารราบ

๑) ปืนใหญ่รถถงั เอม็ .๑ (M1) และ เอม็ .๑ เอ.๑ (M1 A1) สามารถยกได้ +๒๐ องศา และกดลงได้
-๑๐ องศา ส่วนรถถงั เอ็ม.๖๐ (M60) และตระกูล เอ็ม.๔๘ (M48) จะจาํ กดั มุมยกสูง +๑๙ องศา และจาํ กัด
มุมกดลง -๑๐ องศา ทาํ ใหเ้ กิดพนื ทอี ับกระสุนรอบรถถงั รัศมี ๓๕ ฟุต (๑๐.๘ เมตร) บนความกวา้ งมาตรวดั
บนถนน (ปกติใชใ้ นยโุ รป) พืนทีอบั กระสุนจะไกลออกไปถึงอาคารดา้ นขา้ ง ในแต่ละด้าน (ดูรูปที ๘-๑๗)
ในทาํ นองเดยี วกนั มพี ืนทเี หนือศรี ษะทรี ถถงั ไมส่ ามารถทาํ การยิงได้ (ดูรูปที ๘-๑๘) ซึงพืนทอี บั กระสนุ
มกั เป็นทีตงั ยิงอาวุธต่อสู้รถถงั ระยะยิงใกล้ และเป็ นทซี ่อนของพลยิงขา้ ศกึ ทที าํ การยงิ มายงั รถถงั ในขณะที
รถถงั ไมส่ ามารถยิงโตต้ อบ รวมทงั การเปิ ดเผยจดุ อ่อนทีสุดของรถถงั ทางดา้ นขา้ ง ด้านหลงั และดา้ นบน
ซึงทหารราบจะตอ้ งเคลือนทีนาํ หนา้ ขนาบขา้ ง และตามหลงั รถถงั เพือใหก้ ารป้ องกันอย่างใกลช้ ิด แต่
ความรอ้ นทีออกมาทางดา้ นทา้ ยของรถถังตระกลู เอ.๑ (A1) ทาํ ใหท้ หารราบเดินเทา้ ไมส่ ามารถติดตามได้
อยา่ งใกลช้ ิด แตย่ งั คงไดร้ บั การป้ องกนั จากการยงิ ของปื นเล็กและสะเกด็ ระเบดิ จากขนาดและเกราะของ
รถถงั นอกจากนีรถถงั ตระกูล เอ็ม.๑ (M1) ยงั มีจดุ อับสายตาทเี กดิ จากมมุ กด ๐ องศา ทางส่วนบนของรถ
ในการโจมตีเป้ าหมายในพืนทนี ี รถถงั จะต้องหมนุ ตวั เพือเปลียนเป้าหมายดา้ นหลังใหม้ าอยทู่ างปีกแทน

๑๖ เมตร

พืนทีอับกระสนุ ของอาวธุ

รูปที ๘-๑๗ พืนทีอับกระสุนของปื นใหญ่รถถังทีระดับพืนดิน

- ๒๑๗ -

ชัน ๙-๑๐ ๓๐ เมตร

ชัน ๖-๗ ๒๐ เมตร

หลงั คาบ้าน ๑๐ เมตร

ห้วงอับ

๓๐ เมตร ๖๐ เมตร ๙๐ เมตร

รูปที ๘ - ๑๗ พืนทีอับกระสุนของปื นใหญ่รถถังเหนอื ระดับพนื ดนิ

๒) กระสุนระเบิดแรงสูงต่อสูร้ ถถงั HEAT จะพรอ้ มทาํ งานทรี ะยะ ๒๕-๓๐ ฟตุ และกระสุน
ระเบิดแรงสูงต่อสู้รถถังแบบอเนกประสงค์ HEAT-MP ขนาด ๑๒๐ มม. มรี ะยะพร้อมทาํ งานประมาณ ๓๖
ฟตุ ทาํ ใหร้ ถถงั สามารถโจมตีเป้ าหมายไดใ้ นระยะใกล้ เกราะของรถถงั จะป้องกนั พลประจาํ รถจากแรงลม
กระโชกกลบั จากการยิง และการยิงโตต้ อบของขา้ ศกึ สําหรับกระสุนกะเทาะเกราะเจาะเกราะแบบมคี รีบ
ทรงตัว APFSDS ไมม่ ีระยะพร้อมทาํ งาน สามารถทาํ การยงิ ไดเ้ กือบทกุ ระยะยิง ชินส่วนทีสลดั ออกมาจาก
กระสุนสามารถสังหารทหารรบทีอยใู่ นทีเปิดเผยลาํ ไปขา้ งหนา้ ของรถถงั

ค. ผลต่อเป้ าหมาย กระสุนระเบิดแรงสูงต่อสูร้ ถถงั HEAT เป็นชนิดทีใชไ้ ดผ้ ลทสี ุดในการทาํ ลาย
ผนงั อาคารตกึ กระสุนกะเทาะเกราะ APFSDS สามารถเจาะทะลลุ ึกลงไปในโครงสร้าง แตไ่ มเ่ กิดรใู หญ่
หรือแรงขบั ทีแผไ่ ปดา้ นหลงั ของเป้าหมาย ในทางตรงกนั ขา้ ม กระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ สูร้ ถถัง HEAT และ
กระสุนระเบดิ แรงสูงตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบา มขี นาดใหญ่พอทีจะขยายแรงขบั ทาํ ใหข้ า้ ศึกทีอยใู่ นอาคารเกิด
การบาดเจบ็ ล้มตาย ซึงกระสุนหนึงนัดจะสรา้ งชอ่ งเจาะในทกุ โครงสร้าง เวน้ สิงกอ่ สร้างจากอิฐทีหนา
ทีสุด ซึงสิงก่อสร้างจาก อิฐเคลือบและโครงไมส้ ามารถทาํ ลายไดด้ ว้ ยกระสุนนดั เดียว แมแ้ ตก่ ระสุนระเบิด
แรงสูงตอ่ สูร้ ถถงั HEAT ขนาด ๑๒๐ มม. ก็ไมส่ ามารถตดั เหลก็ เสริมทเี หลือปิ ดทางเขา้ ของช่องเจาะทีมีอยู่
ออกทงั หมด (ดรู ูปที ๘-๑๙) ทงั กระสุน HEAT และ APFSDS ใชไ้ ดผ้ ลในการทาํ ลายสนามเพลาะ ซึงมี
เพียงเบริ ์มดินใหญ่ๆ และอาคารขนาดใหญ่ทสี ามารถต้านทานการยิงของปื นใหญ่รถถงั ได้

ง. การใช้ กาํ ลงั รถถงั ขนาดใหญ่อาจเสียเปรียบอยา่ งมากระหวา่ งการรบในพืนทีสิงปลกู สร้าง แต่การ

ใชร้ ถถงั จาํ นวนนอ้ ยร่วมกบั ทหารราบเป็นวิธีทีไดผ้ ลดีทีสดุ โดยเฉพาะเมอื ปฏิบตั ิการร่วมกนั ในระดบั
หนว่ ยทหารขนาดเลก็ ทหารราบ รถถงั และทหารช่างเฉพาะกิจซึงเป็นรูปแบบการจดั ในการโจมตีพืนที
สนามเพลาะ โดยการใช้รถถงั คนั เดียวหรือเป็นคู่ปฏิบตั ิการร่วมกบั หมหู่ รือหมวดปื นเล็ก

- ๒๑๘ -
๑) ในพืนทสี ิงปลูกสร้าง รถถงั ต้องการทหารราบเดนิ เทา้ ทาํ การระวงั ป้องกนั และกําหนดทตี งั
เป้าหมาย ในการปะทะขา้ ศึกทอี ยใู่ นอาคาร รถถงั ตอ้ งการการคุ้มครองขา้ งหน้าเพือนาํ ไปยงั ทตี งั ทีมกี าร
กาํ บงั และยงิ เบิกทางให้ จดุ ทไี ดร้ ับการแนะนาํ จากผู้นาํ หน่วยทหารราบทาํ ใหร้ ถถงั มีความแน่ใจในการยงิ
อยา่ งแมน่ ยาํ และจาํ กดั การเปิ ดเผยตวั โดยผูบ้ งั คบั รถถงั จะหยดุ ในทีมนั ทีมีการกําบงั ลงจากรถและทาํ การ
ลาดตระเวนเส้นทางเคลือนทีขา้ งหนา้ ไปยงั ทีตงั ยิง

เหลก็ เสริม

ทางเดนิ ของกระสุน
วัสดุทีสาดเข้ าไปในห้ อง
เป็ นสะเกด็ ทาํ ให้เกดิ ความ
เสยี หาย

รูปที ๘-๑๙ ผลของกระสุนระเบิดแรงสูงต่อสู้รถถังต่อผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก

๒) เมอื ยิงปืนใหญร่ ถถัง จะเกดิ ลูกไฟขนาดใหญ่และกลุ่มเมฆควนั ขึน และเนืองจากพืนทีสิงปลูก
สร้างเป็นพืนทแี คบฝ่นุ ผงจากอาคารตึกจะหอบปลิวร่วมกบั เมฆควนั นี ทาํ ใหเ้ ป้ าหมายถูกบดบงั โดยเมฆ
ควนั และฝ่ ุนจากการระเบดิ ซึงขึนอยกู่ บั สภาวะของทตี งั ทีทาํ ใหค้ วามมืดอาจครอบคลมุ เป็นห้วงเวลา ๒-๓
นาที โดยทหารราบสามารถใชห้ ว้ งเวลาดังกล่าวในการเปลียนทีตงั ใหมห่ รือรุกคืบหนา้ โดยปราศจากการ
มองเห็นของขา้ ศกึ ซึงจะตอ้ งทาํ การฝึ กดว้ ยความระมดั ระวงั เนืองจากขา้ ศกึ อาจใช้เวลานีในการเคลือนที
เหมอื นกนั

๓) การยิงปืนใหญ่รถถังจะมแี รงอดั อากาศสูงและเสียงดงั มากกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายกบั ทหารราบใน
ทีเปิ ดเผยตัว กองกาํ ลงั เดินเทา้ ทีปฏิบตั ิงานใกลก้ บั รถถงั ควรสวมหมวกเหล็ก เสือป้ องกนั และแวน่ ตา
ป้ องกนั สะเกด็ หากเป็นไปไดค้ วรสวมเครืองป้ องกนั เสียงและหลีกเลียงการอย่ดู า้ นหน้ารถถงั ในมมุ ๖๐
องศา ขณะรถถงั ทาํ การยิง

๔) รถถงั มเี ครืองมอื ตรวจจบั ความรอ้ นทีมอี านุภาพ สามารถตรวจพบขา้ ศกึ และอาวธุ ทีซอ่ นในร่ม
เงาและดา้ นหลังทเี ปิ ด ซึงฝ่ ุน ไฟ และควนั ทหี นาแนน่ จะลดความสามารถในการตรวจพบ

- ๒๑๙ -
๕) รถถงั จะมีเครืองยิงลูกระเบดิ ขวา้ งติดตงั บนป้อมปืนทสี ามารถสรา้ งฉากควนั จากลกู ระเบิด
ขวา้ ง โดยลกู ระเบิดใชด้ ินระเบดิ และการเผาไหมข้ องฟอสฟอรัสแดงเป็นวสั ดใุ นการสรา้ งฉากควนั การเผา
ไหมข้ องวสั ดุทาํ ให้เกิดเพลิงไหมง้ า่ ยและควบคุมไมไ่ ด้ เป็นอันตรายกบั ทหารราบทีอยใู่ กลร้ ถถงั ซึงผู้
บงั คับรถถงั และผูน้ าํ หน่วยทหารขนาดเล็กจะตอ้ งประสานงานกนั วา่ จะใช้เครืองยิงลกู ระเบดิ ขวา้ งเมือไร
ภายใตส้ ภาวะใด เครืองยงิ ลูกระเบดิ ขวา้ งจดั เป็นอปุ กรณส์ ําคญั ทอี าํ นวยประโยชน์ในการป้ องกนั รถถงั แต่
อาจกอ่ ใหเ้ กิดปญั หาถ้าใชอ้ ย่างขาดการพิจารณาอยา่ งรอบคอบ
๖) ขนาดและเกราะของรถถงั ใชเ้ ป็นทกี ําบงั ของทหารราบเดนิ เทา้ จากอาวธุ ยิงเล็งตรงและสะเก็ด
ระเบิด ภายใตก้ ารประสานงาน รถถงั สามารถเคลือนทีกาํ บงั ทหารราบในการรุกคืบหนา้ ผ่านทีโลง่ แจง้
เลก็ ๆ แมว้ า่ การยงิ ของข้าศกึ ในการโจมตีรถถงั ไมท่ ะลุมาทาํ อนั ตรายทหารราบทีอยใู่ กล้ แตส่ ะเกด็ ของ
กระสุนตอ่ สูร้ ถถงั และการแฉลบจากเกราะของรถถงั เป็ นสาเหตุหลกั ทีทาํ ใหท้ หารราบบาดเจบ็ ล้มตาย
ขณะปฏิบตั งิ านร่วมกบั รถถังในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง
๗) รถถังบางคันติดตงั ใบมีดปรับเกลีย สามารถใชเ้ คลือนยา้ ยสิงกีดขวางทเี ป็ นกองลกู รังภายใต้
การยงิ ทาํ การเจาะเครืองกีดขวาง และปิดกนั ทางออกได้
๘ - ๑๒ อาวุธทาํ ลายของรถรบทหารช่าง ซอี ีวี (CEV )

รถรบทหารช่าง ซีอีวี (CEV) เป็นรถเครืองมือพิเศษของทหารช่าง ทีมขี ีดความสามารถในการ
ทาํ ลายสูง โดยตดิ ตงั ปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม. และปื นกลขนาดกวา้ งปากลาํ กลอ้ ง.๕๐ ในป้ อมผู้
บงั คบั รถ รวมทงั ปืนใหญห่ ลกั ขนาด ๑๖๕ มม. ซึงปื นใหญห่ ลกั ทาํ การยิงกระสุนระเบิดแรงสงู พลาสติก
(HEP) ทีทรงพลงั มากโดยมรี ะยะยิงไกลสุด ๙๒๕ เมตร

ก. ผลต่อเป้ าหมาย กระสุนระเบดิ แรงสูงพลาสติก เอชอีพี (HEP) ใชไ้ ดผ้ ลมากกบั ตึกกอ่ อิฐและ
เป้าหมายคอนกรีต ดว้ ยแรงผลกั ดนั ทีรุนแรงจากกระสุน เอชอพี ี (HEP) ชนวนระเบดิ และดินระเบดิ จาํ นวน
มาก สามารถทาํ ลายสิงกีดขวางและทลายกําแพงใหพ้ งั ลงมา กระสุนหนึงนดั ทาํ ให้เกิดช่อง ขนาดเส้นผ่า
ศนู ยก์ ลาง ๑ ฟุต ในผนังคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา ๗ นวิ ผลของกระสุนทีมีต่อบงั เกอร์และสนามเพลาะ เป็น
เรืองน่าทึงทสี ามารถทาํ ใหผ้ นงั ทงั หมดยุบพงั ทลายอยา่ งรวดเรว็

ข. การใช้ รถรบทหารชา่ ง จะใชใ้ นภารกิจพเิ ศษของทหารชา่ งในการสนบั สนุนโดยตรงใหก้ บั กองพนั
ทหารราบ ซึงตอ้ งไดร้ ับความคุม้ ครองอยา่ งใกลช้ ิดและกาํ หนดทีตงั เป้ าหมายโดยทหารราบเหมือนกบั รถถงั
แมว้ า่ รถรบทหารชา่ ง ซีอีวี (CEV) จะมีตวั รถของรถถงั และลาํ กลอ้ งปืนบนป้ อมปื นสนั แต่รถรบทหารชา่ ง
ไมใ่ ชร่ ถถังจงึ ไมค่ วรมอบภารกิจในการต่อสูก้ บั รถถงั ขา้ ศกึ เมอื ใชเ้ ป็นส่วนหนึงของชดุ ทหารราบ-ทหารชา่ ง
รถรบทหารชา่ ง ซีอีวี (CEV) เป็นยานรบทีสนบั สนุนการโจมตีหนกั ไดอ้ ยา่ งยอดเยยี ม

- ๒๒๐ -

๘ - ๑๓ ปื นใหญ่และปืนเรือ
แหล่งการยงิ สนบั สนุนหลกั ใหก้ บั กองกาํ ลังทหารราบในการรบในพืนทสี ิงปลกู สร้าง ไดแ้ ก่ การ

ยงิ ของปื นใหญ่สนาม และในพืนทีสิงปลกู สร้างทีอยใู่ กลช้ ายฝงั สามารถใชก้ ายิงสนับสนนุ จากปื นเรือ ซึง
ปื นใหญส่ นามใหก้ ารสนบั สนนุ ไดท้ งั การยิงเล็งจาํ ลองและการยิงเลง็ ตรง

ก. การยิงเล็งจาํ ลอง การยิงเลง็ จาํ ลองของปื นใหญไ่ มส่ ามารถโจมตีเป้าหมายทอี ยใู่ นผนงั และใน
ตึก การกระทบเป้ าหมายมกั ตกบนหลงั คาหรือชนั บนมากกว่าพืนทสี ําคญั และเสาหลกั ของโครงสรา้ ง

๑) การโจมตีโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหลก็ หนา หิน และผนงั อิฐจะตอ้ งใชอ้ าวธุ ขนาด ๑๕๕
มม. เป็นอยา่ งตาํ แมป้ ื นใหญ่ขนาดหนักทีมคี ่าใชจ้ า่ ยของกระสุนมากจะใชเ้ พือทาํ ลายอาคารไดท้ กุ ขนาด
แตอ่ าคารสูงจะมพี ืนทีอบั กระสุนสาํ หรบั การยิงเล็งจาํ ลองทีไมส่ ามารถโจมตีเป้ าหมายได้ เนืองจากความ
สูงของอาคารทอี ย่รู วมกนั และมุมตกของวถิ ีกระสุน (ดรู ูปที ๘-๒๐) ซึงตามปกติพืนทอี บั กระสนุ ของการ
ยิงเลง็ จาํ ลองมมุ ยงิ ตาํ ประมาณ ๕ เทา่ ของความสูงของอาคารทีสูงทสี ุด เหนืออาคารทีกระสุนแล่นผา่ น

๒) แมต้ ามทฤษฎีจะสามารถยงิ ถกู เป้ าหมายบนถนนเมือยงิ ข้ามอาคารสูง แต่ปัญหาทเี กิดขึน
เนืองจากความคลาดเคลือนของระยะยงิ ซึงการยิงทีหลกั ฐานยิงเดยี วกนั ดว้ ยระยะทีคลาดเคลือนหนึง
ระยะ สามารถยิงกระสุนตกบนเป้ าหมาย เพียงร้อยละ ๕๐ หมายถึงการยิงเล็งจาํ ลองในพนื ทีสิงปลูกสร้างที
มีอาคารสูง จะตอ้ งใชก้ ระสุนเป็นสองเทา่ ในการแก้ปัญหาลดพนื ทเี ป้ าหมายและระยะทีคลาดเคลือน
รวมทงั ประมาณรอ้ ยละ ๒๕ ของกระสุนระเบดิ แรงสูงจะดา้ นเนืองจากการแฉลบกบั พืนผิวแข็ง

๓) ปื นเรือ จะใชไ้ ดผ้ ลในภมู ิประเทศทีมีสิงปกคลุมมากกวา่ เนืองจากมีวถิ ีกระสุนแบนราบ แต่
จะปรับการยงิ ยากกวา่ เนืองจากแนวยิงเปลียนไป

อาคาร

มุมตก

พืนทีอับกระสุน

รปู ที ๘-๒๐ พืนทีอับกระสุนของการยงิ เล็งจําลอง (มุมยิงตาํ )

- ๒๒๑ -
ข. การยิงเล็งตรง ปืนใหญอ่ ตั ตาจรไมม่ ีเกราะหนาเหมอื นรถถงั แต่สามารถใชไ้ ดใ้ นพืนทีสิงปลกู
สรา้ งถา้ มีการระวงั ป้องกันจากทหารราบเพียงพอ ในพืนทเี มืองปื นใหญ่ของสหรัฐฯ มีการใชง้ านที
เหมอื นกนั ในบทบาทการยิงเลง็ ตรงเพิมเติมกาํ ลงั ยงิ ใหก้ บั รถถงั ตอ่ เป้ าหมายแขง็ แรงหรือเป้ าหมายสําคญั
เนืองจากปื นใหญจ่ าํ นวนมากพอหาง่ายและมีความสมั พนั ธ์ทคี นุ้ เคยกบั ทหารราบ รถถังยงั คงนยิ มใชใ้ น
การยิงเล็งตรงมากกวา่ ปื นใหญอ่ ตั ตาจร ซึงปืนใหญ่อตั ตาจรจะใชใ้ นบทบาทนีเฉพาะหลงั จากได้วิเคราะห์
ความตอ้ งการทีจะทาํ การยงิ เลง็ ตรงอยา่ งหนกั หนว่ งและเพอื แลกกับการมสี ่วนร่วมในการกระจายอาํ นาจ
การยิงทรี ุนแรงของปื นใหญ่ โดยมีความตอ้ งการการระวงั ป้ องกนั อยา่ งใกลช้ ิดและการกําหนดทตี งั
เป้าหมายเหมือนกบั รถถงั
ค. ผลต่อเป้ าหมาย การยงิ เล็งตรงของ ปื นใหญข่ นาดกลาง (๑๕๕ มม.) และ ปื นใหญข่ นาดหนกั

(๒๐๓ ม.) มผี ลในการทาํ ลายล้างผลาญสิงกอ่ สร้างอาคารตกึ และสนามเพลาะ สาํ หรับปื นใหญ่ทีมีขนาด
เล็กกวา่ (๑๐๕ มม.) ปกติจะเป็นแบบลากจงู ทาํ ใหย้ ากในการใชย้ ิงเลง็ ตรง รวมทงั ส่งผลในการทาํ ลาย
เป้าหมายนอ้ ยกวา่ อาวธุ ทีมีขนาดกวา้ งปากลาํ กลอ้ งใหญ่กว่า

๑) ปื นใหญ่กระสุนวิถีโค้ง ขนาด ๑๕๕ มม. เป็นปื นใหญอ่ ตั ตาจรทีมคี วามคล่องแคล่วและจาํ กดั
การป้องกนั ในพืนทสี ิงปลกู สร้าง สามารถใชอ้ ยา่ งไดผ้ ลเนืองจากอตั ราการยิงเร็วและอาํ นาจทะลุทะลวง
ซึงการใชก้ ระสุนระเบิดแรงสูงสามารถเจาะทะลอุ ิฐและคอนกรีตเสริมเหล็กไดห้ นาถึง ๓๘ นิว วิถีกระสุน
สามารถเจาะทะลคุ อนกรีตเสริมเหล็ก หนาถึง ๒๘ นิว โดยสรา้ งความเสียหายเลยผนงั ออกไป การใช้
ชนวนเจาะคอนกรีตเป็ นวิธีทีดีเยียม ในการเจาะโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ซึงกระสุน ๑ นดั
สามารถเจาะทะลุไดถ้ ึง ๔๖ นิว กระสุน ๕ นดั สรา้ งชอ่ งเจาะกวา้ ง ๑.๕ เมตร สําหรบั กาํ แพงหนา ๑ เมตร
กระสุน ๑๐ นดั ทาํ การเจาะชอ่ งใหญ่ในกาํ แพงหนา ๑.๕ เมตร การใชช้ นวนกระทบแตกไวทาํ ให้เศษอิฐ
กระเด็นเขา้ ไปในอาคาร ซึงการใชช้ นวนถ่วงเวลาเศษอิฐเศษหินจะกระเด็นออกมาภายนอกอาคาร

๒) ปื นใหญ่กระสุนวถิ โี ค้ง ขนาด ๒๐๓ มม. เป็นอาวธุ ยงิ เล็งตรงทรงพลังอาํ นาจมากทีสดุ ทีมใี ช้
ในกองทพั บก มอี ตั ราการยิงชา้ แต่กระสุนมอี ํานาจทะลุทะลวงสูงมาก โดยกระสุน ๑ นดั สรา้ งชอ่ งเจาะ
บนกาํ แพงได้หนาถึง ๕๖ นวิ พลประจาํ ปื นจะเปิ ดเผยตวั ต่อขา้ ศกึ รถขนกระสนุ จะบรรทกุ ได้ ๓ นดั ซึง
เป็นขอ้ จาํ กดั ในการใช้

๓) ปื นเรือ ชนิดของปื นเรือทีใชส้ นบั สนนุ กองกําลงั ภาคพืนดิน ไดแ้ ก่ ปื นใหญก่ ระสุนวถิ ีราบ
๕๔ ขนาด ๕ นิว ไมว่ ่าจะติดตงั แบบเดียวหรือแบบคู่ โดยอาวธุ ชนิดนีมอี ัตราการยิงสูง และมีผลในการ
ทาํ ลายพอๆ กบั ปืนใหญก่ ระสนุ วถิ ีโคง้ ขนาด ๑๕๕ มม. ปื นใหญก่ ระสุนวิถีราบขนาดหนกั ทีสุดทีใช้
สําหรับโจมตีเป้ าหมายบนพืนดิน คอื ปืนใหญ่กระสุนวิถรี าบ กวา้ งปากลาํ กลอ้ ง ๑๖ นวิ ทตี ิดตงั บนเรือรบ
ชนั ไอโอวาทีซ่อมใหม่ เมอื ทาํ การยิงกระบอกเดยี วหรือหลายกระบอกพรอ้ มกนั ปื นขนาดใหญ่นีสามารถ
ทะลุทะลวงโครงสร้างทวั ๆ ไป ในพืนทสี ิงปลูกสร้าง การระเบดิ ส่งผลในการทาํ ลายอาคารไดไ้ กลถึงหนึง
ช่วงตึกจากจดุ ทีตกกระทบ การยิงของปืนเรือจะไมค่ อ่ ยใชใ้ นการสนบั สนุนอยา่ งใกลช้ ิดใหก้ ับกองกาํ ลงั

- ๒๒๒ -
ภาคพืนดิน ด้วยระยะยิงทไี กลและมอี าํ นาจในการทาํ ลายสูง การควบคมุ และการปรับการยิงไปขา้ งหนา้
การรุกคืบหนา้ ของกองกาํ ลังกระทาํ โดยผูต้ รวจการณท์ างอากาศ เพือทาํ การกวาดลา้ งทาํ ลาย จุดตา้ นทาน
แขง็ แรงและอาวธุ ยิงสนบั สนนุ ของขา้ ศกึ
๘ - ๑๔ อาวุธทางอากาศ

ทงั อากาศยานปี กหมนุ และปี กติดลาํ ตวั สามารถส่งมอบอาํ นาจการยิงจาํ นวนมาก อยา่ งรวดเร็ว
เหนือพืนทีสิงปลกู สร้างขนาดใหญ่ เป็นการยากทีจะจาํ แนกลกั ษณะเฉพาะของเป้ าหมายจากทางอากาศ
ตอ้ งใชก้ ารติดตอ่ สือสารทีดีทมี คี วามสาํ คญั แก่ชีวิต จากพนื สู่อากาศจะทาํ ใหก้ ารใชอ้ าํ นาจการยิงทาง
อากาศประสบความสาํ เร็จ ในอดีตนกั บนิ มกั ประเมินค่าผลของปื นใหญร่ ะเบดิ แรงสงู ทีมตี ่อฝ่ายตงั รับสูง
เกินไป เป็นทีน่าสงั เกตวา่ อาคารขนาดใหญส่ มยั ใหมส่ ามารถตา้ นทานความเสียหายจากการทงิ ระเบดิ และ
จรวดยงิ ได้

ก. อากาศยานปี กหมนุ อาวธุ ของเฮลิคอปเตอร์โจมตีสามารถใชโ้ จมตีเป้ าหมายในพืนทีสิงปลกู

สร้าง ซึงยานยนต์หุ้มเกราะของขา้ ศึกในสวนสาธารณะเลก็ ๆ บนถนนทีมีตน้ ไมท้ งั สองขา้ ง และในพืนที
โลง่ แจง้ เป็นเป้ าหมายทีเหมาะ สาํ หรับเฮลิคอปเตอร์โจมตี
หมายเหตุ : เป้าหมายทใี ช้ไดผ้ ลกบั จรวดโทว์ (TOW) และลกู ระเบิดขว้าง ขนาด ๔๐ มม. ทีบรรทกุ ไปกบั
เฮลิคอปเตอร์โจมตีไดน้ าํ มากลา่ วไปแลว้

๑) จรวดตอ่ สู้รถถงั นําทางดว้ ยเลเซอร์ยงิ จากอากาศ HELLFIRE มหี วั รบทีใหญก่ วา่ และระยะยงิ
ไกลกวา่ จรวดโทว์ (TOW) แตเ่ ป็ นหวั รบดินระเบดิ โพรงทไี มไ่ ด้ออกแบบมาเฉพาะสําหรับโจมตีเป้ าหมาย
อาคารตึก เพราะเลเซอร์ชเี ป้ าของ HELLFIRE อาจใชไ้ ม่ได้ เนืองจากเลเซอร์จะสะทอ้ นผิวโลหะมนั ที
กระทบ สําหรับการใช้เฮลิคอปเตอร์โจมตีในการยงิ จรวดนาํ วถิ ีตอ่ สู้รถถงั ตอ่ เป้าหมายในชนั บนของ
อาคารสูงบางครงั เป็นสิงทีพึงประสงค์

๒) จรวดพบั ครีบ ขนาด ๒.๗๕ นิว และปื นใหญข่ นาด ๒๐ มม. ทีใชก้ ับเฮลคิ อปเตอรโ์ จมตีบาง
ชนดิ เป็นอาวธุ เป็นพนื ทีทดี ี ใชโ้ จมตีกําลังขา้ ศกึ ในทโี ลง่ หรือใตท้ ีกาํ บงั บางๆ แตใ่ ชไ้ ม่ไดผ้ ลในการโจมตี
เป้าหมายตึกขนาดใหญ่ เนืองจากปื นใหญ่ขนาด ๒๐ มม. มีการแฉลบมาก โดยเฉพาะเมอื ยิงดว้ ยกระสุน
เจาะเกราะ สังหารบคุ คล เอพี (AP) ไปยงั พืนทีสิงปลกู สรา้ ง

๓) ปื นใหญข่ นาด ๓๐ มม. ทีบรรทกุ บนเฮลิคอปเตอร์ อาปาเช่ เป็นอาวธุ ทีมคี วามแมน่ ยาํ และ
เจาะทะลุอาคารตกึ ไดด้ ีกวา่ ปืนใหญข่ นาด ๒๐ มม.

ข. อากาศยานปี กติดลําตัว การสนบั สนุนทางอากาศอยา่ งใกลช้ ิดใหก้ บั กาํ ลงั ภาคพืนดินทีทาํ การสู้
รบในพืนทสี ิงปลกู สร้าง เป็นภารกิจทียากลําบากสาํ หรบั อากาศยานแบบปีกติดลําตัว การกาํ หนดทีตงั
เป้าหมายและการพิสจู น์ฝ่ายกระทาํ ไดย้ าก เนืองจากกาํ ลงั ขา้ ศกึ และฝ่ ายเราอยผู่ สมผสานกนั รวมทงั มีความ
เสียงจากอาวธุ ตอ่ สู้อากาศยานระยะยงิ ใกลข้ องขา้ ศกึ

- ๒๒๓ -
๑) เนืองจากกาํ ลงั ขา้ ศึกแลฝ่ ายเราอาจแยกกนั อยแู่ คค่ นละอาคาร การยิงอาวุธจากอากาศยาน
ตอ้ งการความแมน่ ยาํ สูง การทาํ แถบเครืองหมาย แสงไฟ ไฟสัญญาณเตือนในทสี ูง ควนั หรือสิงทีชว่ ยใน
การพิสูจนฝ์ ่ ายของกาํ ลังฝ่ายเราเป็นสิงจาํ เป็น
๒) วตั ถุประสงค์ทวั ไปของลูกระเบิด ขนาด ๕๐๐ -๒,๐๐๐ ปอนด์ ตอ้ งการผลในการบาดเจ็บล้ม
ตายของกําลงั ขา้ ศึกในอาคารขนาดใหญพ่ อประมาณ การใชล้ กู ระเบิดมมุ ดิงสูง การทิงจะเพิมความแมน่ ยาํ
และการทะลุทะลวง แต่จะเพิมการเปิ ดเผยตวั ของอากาศยานตอ่ อาวุธต่อสู้อากาศยานดว้ ยเหมอื นกนั ส่วน
การใช้ลกู ระเบดิ มุมดงิ ตาํ โดยการถว่ งเวลาสูง (ลกู ระเบดิ หนว่ งเวลา) สามารถใช้ทงิ ไปยงั ชนั บนของอาคาร
โดยมีการทะลุทะลวงไมค่ อ่ ยดีนกั ซึงบางครงั การทิงระเบิดทางอากาศทะลผุ ่านอาคารโครงเคร่าแบบเบา
และระเบิดภายนอกอาคาร
๓) จรวดทางอากาศ และปื นใหญ่ขนาด ๒๐ มม. จะใหผ้ ลปานกลางในการโจมตีกาํ ลังทหาร
ขา้ ศกึ ในพืนทีสิงปลกู สร้าง เนืองจากจรวดยิงจะขาดความแมน่ ยาํ ในการรวมผลความเสียหาย กระสุนปืน
ใหญ่ ขนาด ๒๐ มม.จะทะลุทะลวงไดด้ ีกวา่ กระสุน ขนาด .๕๐ เลก็ นอ้ ย กระสนุ เจาะเกราะ สังหารบคุ คล
เอพี (AP) สามารถแฉลบได้ และกระสุนส่องวิถีทาํ ใหเ้ กิดเพลิงไหม้
๔) ปื นใหญ่ขนาด ๓๐ มม. ทาํ การยงิ จากเครืองบนิ แบบ เอ-๑๐ (A-10) เป็นอาวธุ ทีมคี วามแมน่ ยาํ
และใชไ้ ดผ้ ลปานกลางตอ่ เป้ าหมายในพนื ทสี ิงปลูกสรา้ ง สามารถทะลุทะลวงอาคารตึกได้ดีกวา่ ปืนใหญ่
ขนาด ๒๐ มม.
๕) อาวุธของเครืองบิน เอซี-๑๓๐ (AC-130) ใชไ้ ดผ้ ลมากทีสดุ ระหวา่ งการรบในพืนทีสิงปลกู
สรา้ ง เครืองบินชนิดนีทาํ การยิงไดแ้ ม่นยาํ โดยใชป้ ื นใหญข่ นาด ๒๐ มม. วลั แคน, ปื นใหญย่ ิงเร็ว ขนาด
๔๐ มม. และปื นใหญ่วิถีโคง้ ขนาด ๑๐๕ มม. ซึงกระสุนปืนใหญ่วถิ ีโคง้ ขนาด ๑๐๕ มม. ใชไ้ ดผ้ ลในการ
โจมตีหลังคาและชนั บนของอาคาร นอกจากนีเครืองบิน เอซี-๑๓๐ (AC-130) สามารถทาํ การยิงปื นใหญ่
ขนาด ๔๐ มม. และปื นใหญว่ ิถีโคง้ ขนาด ๑๐๕ มม. ไปยงั เป้าหมายจดุ เดียวเพือเจาะหลงั คาไดอ้ ยา่ งแมน่ ยาํ
โดยทาํ การยิงตรงลึกลงไปในอาคาร
๖) กระสนุ นาํ วถิ ีด้วยเลเซอร์และสายตา สามารถใชอ้ ย่างไดผ้ ลในการโจมตีเป้ าหมายทีมคี ่าสงู
กองทพั อากาศสหรัฐฯ ไดพ้ ฒั นาอาวธุ พิเศษขนาดหนกั ได้แก่ ลูกระเบิดนําวถิ ีด้วยเลเซอร์ เพือเจาะทีตงั
อาวธุ ทแี ข็งแรง แต่ประสบปัญหาร่วมกนั ของฝ่ ุนควนั หนาแนน่ ทีปกคลุมพืนทีสิงปลกู สรา้ งอยแู่ ละการ
กระจายของแสงเลเซอร์จงึ เป็ นขอ้ จาํ กดั ในการใชง้ าน หากเครืองบนิ ทที าํ การทงิ ระเบิดสามารถกาํ หนด
ทีตงั ดว้ ยเลเซอร์และทาํ การล็อกเป้ าไดส้ าํ เร็จ อาวธุ ชนิดนีจะมผี ลในการทาํ ลายลา้ งไดอ้ ยา่ งใหญ่หลวง
โดยเจาะลึกลงไปในคอนกรีตเสริมเหลก็ กอ่ นการระเบดิ ดว้ ยแรงอยา่ งมหาศาล แต่ถา้ ทาํ การทงิ ระเบิด
โดยไมล่ ็อกเป้าหมาย หรือจุดทเีลเซอร์ชเี ป้ าเกิดหายไป จะไมส่ ามารถคาดเดาได้วา่ อาวธุ จะแลน่ ไปไกล
เทา่ ไรกอ่ นตกกระทบ

- ๒๒๔ -

๘ – ๑๕ ระเบดิ ทาํ ลาย
การรบในพืนทีสิงปลกู สรา้ งมคี วามตอ้ งการใชร้ ะเบิดทาํ ลายอยา่ งกวา้ งขวาง ไม่เฉพาแต่ทหาร

ชา่ ง ทหารทกุ คนควรไดร้ บั การฝึ กการใชร้ ะเบิดทาํ ลาย (ดู รส ๕-๒๕ สาํ หรับข้อมลู จาํ เพาะเกียวกับความ
ปลอดภยั ในการใชร้ ะเบิดทาํ ลาย)

ก. ระเบิดทาํ ลายขนาดใหญ่ ระเบิดทาํ ลายขนาดใหญ่ มีใช้ ๒ ชนิด ได้แก่ ดินระเบดิ ทีเอ็นที และ
ดินระเบดิ ซี-๔ (C4) ซึงทหารทีอยใู่ นทีเปิดเผยจะตอ้ งหาทกี าํ บงั หรือเคลือนทอี อกห่างอยา่ งนอ้ ย ๓๐๐
เมตร จากจดุ ทีใชร้ ะเบดิ ขนาดใหญ่ทาํ การเจาะผนงั กาํ แพง

๑) ดินระเบิด ทีเอน็ ที (TNT) ทีมีใช้ ขนาด ๑/๔ , ๑/๒ , และ ๑ ปอนด์ ซึงในการเจาะกาํ แพง
คอนกรีตไมเ่ สริมเหลก็ หนา ๑๒ นิว ตอ้ งใช้ดินระเบิด ทีเอน็ ที จาํ นวน ๕ ปอนด์ ทาํ การวางติดกบั กาํ แพง
โดยไมต่ อ้ งอดั เขา้ ไป กรณอี ดั กระทงุ้ เขา้ ไปจะใชด้ ินระเบดิ ทีเอ็นที เพียง ๒ ปอนด์ ก็เพียงพอ

๒) ดินระเบดิ ซี-๔ (C4) มีใชเ้ ป็นทอ่ นหลายขนาดแตกต่างกนั โดยการวางดินระเบิด ซี-๔ (C4)
ทีความสูงระหวา่ งเอวถึงหนา้ อก จะเจาะช่องในผนงั อาคารตึกทวั ไป ขนาดใหญพ่ อทคี นจะลอดได้

ข. ดินระเบิดโพรง มใี ชใ้ นกองทพั ๒ ขนาด ไดแ้ ก่ เอม็ .๒ เอ.๓ (M2 A3) ขนาด ๑๕ ปอนด์ และ
เอ็ม.๓ เอ.๓ (M3 A3) ขนาด ๔๐ ปอนด์ ซึงดินระเบิดโพรง เอ็ม.๓ เอ.๓ (M3 A3) เป็นขนาดทเี หมาะสมใน
การใช้ในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง โดยสามารถทาํ การเจาะคอนกรีตเสริมเหลก็ ไดห้ นา ๕ ฟตุ ทีมคี วามสอบของ
รู จาก ๕ นิว ลดลงจนเหลือ ๒ นิว และการแผ่ขยายความกวา้ งไปยงั เป้าหมายดา้ นหลงั ของกาํ แพงเป็นเรือง
ทตี อ้ งนาํ มาพิจารณา รวมทงั พืนทีปลอดภยั ของทหารฝ่ ายเดียวกนั

ค. ระเบิดกระเป๋ า ในกองทพั มีระเบดิ กระเป๋ าแบบมาตรฐาน ใชอ้ ยู่ ๒ แบบ คอื เอ็ม.๑๘๓ (M183)
และ เอ็ม.๓๗ (M37) ซึงทงั สองแบบทาํ ในรูปกระเป๋ าหิวทีมีเชือปะทแุ ละชนวนระเบดิ แตล่ ะชนิด หนกั
๒๐ ปอนด์ โดย เอ็ม.๑๘๓ (M183) มีทอ่ นขนาด ๑ ๑/๔ ปอนด์ สามารถใช้ แยกกนั ได้ และเมือใชแ้ บบไม่
มีการอดั ระเบดิ กระเป๋ าสามารถเจาะกาํ แพงคอนกรีต หนา ๓ ฟตุ และเนืองจากเป็นระเบิดทที ีพลงั มาก ซาก
ปรักหกั พงั จะถูกพดั กระเดน็ ไปไกล ดงั นนั ทหารฝ่ ายเราตอ้ งเขา้ ทีกาํ บงั ก่อนการระเบิด

ง. ดินระเบิดหลุม ดินระเบดิ หลุมขนาดทีมีใชม้ าตรฐานในกองทพั เป็นรูปทรงกระบอกบรรจุ
แอมโมเนียมในเตรต หนกั ๔๓ ปอนด์ ซึงการระเบิดจะไมม่ ีผลทาํ ใหว้ สั ดุแตกเป็นผง เหมอื น ทีเอน็ ที
(TNT) และ ซี ๔ (C4) และมีประโยชนม์ ากหากใชร้ ะเบิดทาํ ลายอยา่ งรอบคอบมากกว่าการใชอ้ ยา่ ง
รีบร้อน

- ๒๒๕ -

ผนวก ก

การพิจารณาใช้นวิ เคลียร์ ชีวะ เคมี (นชค.)

นโยบายของกองทพั ปัจจบุ นั เพง่ เลง็ เครืองมอื สังหารหรือทาํ ใหท้ พุ ลภาพทใี ชใ้ นการตอ่ ตา้ นอาวธุ
ของขา้ ศกึ จะตอ้ งได้รับการอนุมตั ิจากผูม้ ีอาํ นาจบงั คับบญั ชาในระดบั ชาติ ซึงขา้ ศึกทีมีขีดความสามารถ
อาจไมป่ ฏิบตั ิการภายใตข้ อ้ จาํ กดั นี ผูบ้ งั คบั บญั ชาในสนามรบจะตอ้ งเตรียมพร้อมโดยคาดการณว์ ่ามีการ
ป้ องกนั ตนจากอาวธุ นิวเคลียร์, ชีวะ, เคมี (นชค.) อยา่ งพอเพียง เมอื ทาํ การรบปะทะในเมือง โดยผนู้ าํ หนว่ ย
ตอ้ งทราบวา่ สภาพแวดลอ้ มของสิงปลกู สร้างส่งผลกระทบตอ่ แนวทางการป้ องกนั การสืบคน้ และการ
ทาํ ลายลา้ งลา้ งพิษอยา่ งไร รวมทงั ลกั ษณะพิเศษเกียวกบั การใชเ้ ครืองมือทางชีวะเคมี โดยเจา้ หนา้ ทที ี
เคลือนทผี า่ นพืนทปี นเปื อนในพืนทีสิงปลูกสรา้ งจะตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบปฏิบตั ิโดยสงั เขปทกี าํ หนดไว้
ใน รส.๓-๓, รส. ๓-๔, รส. ๓-๕ และ รส.๓-๑๐๐

ก - ๑ การป้ องกันนิวเคลียร์, ชีวะ, เคมี (นชค.)
ชนั ลา่ งสุดหรือหอ้ งใต้ถุนของอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหรือโครงเหลก็ กลา้ จะใหก้ ารป้องกนั จาก

อนั ตรายของอาวธุ นิวเคลียร์และการปนเปื อนสารเคมที เี ป็นของเหลว สาํ หรบั อุโมงค์ ทอ่ ระบายนาํ อุโมงค์
รถไฟใตด้ ิน และทอ่ นาํ ทงิ จะให้การป้ องกันไดด้ ีกวา่ อาคาร รวมทงั รถถงั ยานรบแบลดลีย์ และรถสายพาน
ลาํ เลียงพล สามารถใหก้ ารป้ องกนั ไดเ้ ชน่ กนั

ก. การโจมตีดว้ ยอาวุธชวี ภาพ ยากทีจะตรวจพบหรือทราบได้ อาวธุ ชีวภาพสามารถแพร่กระจาย
โดยใชล้ ะอองในอากาศเป็นตวั นาํ การกาํ หนดทิศ และวิธีการลบั (ดู รส.๓-๓ สาํ หรบั ข้อมลู รายละเอียด
เพิมเติม) เนืองจากการแพร่ของอาวธุ ชีวภาพสามารถพ่นหรือหยดในลกู ระเบิดทีทิงจากเครืองบิน ดงั นนั
กาํ ลงั พลทีสงั เกตเห็นสิงบอกเหตุจะตอ้ งรายงานโดยทนั ที การรายงานดว่ นและการรกั ษาอาการเจบ็ ป่ วยจะ
ทาํ ใหก้ ารใชม้ าตรการตอบโตท้ างการแพทยม์ ีความรวดเร็วขึน และแมว้ า่ อาคารและหลุมหลบภยั จะ
ป้ องกนั การแพร่จากการฉีดพน่ บางชนิดได้ แต่สามารถป้ องกนั อาวธุ ชีวภาพไดเ้ พียงเล็กนอ้ ย

ข. สารเคมีทาํ ให้บาดเจ็บลม้ ตาย โดยการสูดเขา้ ไปหรือการซึมเขา้ ทางผิวหนงั ทหารจึงมเี วลาเพียง
ไมก่ ีวินาทีในการสวมหนา้ กาก และเนืองจากอาคารจะมชี อ่ งทางแคบๆ ทีกกั เก็บสารเคมีอยู่ ส่งผลให้มี
ความแตกตา่ งของความเขม้ ขน้ ในแต่ละหอ้ งหรือแตล่ ะอาคาร ซึงสารเคมีปกติจะไหลไปรวมในทตี าํ ทาํ ให้
ทอ่ นําทงิ และอุโมงค์รถไฟใตด้ ินเป็นทหี ลบซอ่ นทีเป็นพิษ การเตรียมการป้องกันควรรวบรวมมาตรการ
ป้ องกนั ไวใ้ นเครือข่ายของการป้ องกัน โดยกาํ ลงั พลอาจใชพ้ ัดลมแรงๆ เป่ าในอุโมงค์เพือมใิ หส้ ารเคมเี ขา้
ไปได้ การใชห้ นา้ กากป้ องกนั และชดุ ป้องกนั เป็นวธิ ีทีดีทสี ุดในการป้ องกนั สารเคมีเป็ นรายบคุ คล

- ๒๒๖ -

ค. อนามยั ส่วนบคุ คลเป็นมาตรการสําคญั ในการป้ องกันการติดเชือและการเจบ็ ป่วยแต่เป็นโชค
ไมด่ ีทลี กั ษณะของพนื ทีสิงปลกู สรา้ งมรี ะบบการส่งเสริมอนามยั ทไี มด่ ีนกั เมอื ระบบลม้ เหลวทาํ ใหส้ ภาวะ
การส่งเสริมอนามยั แย่กวา่ ในพนื ทที ีไมม่ สี ิงอาํ นวยความสะดวกทีถกู ต้องตามหลกั อนามยั ซึง
ผูบ้ งั คับหนว่ ยจะตอ้ งมคี วามมนั ใจวา่ กาํ ลงั พลไดใ้ ชม้ าตรการส่งเสริมอนามยั และมีความตา้ นทานอนั ตราย
ในปัจจบุ นั

ง. ผู้บงั คบั หนว่ ยควรวางแผนลักษณะป้ องกนั ตามภารกจิ บงั คับของ นชค. เพือใหเ้กิดความเชือมนั ว่า
การส่งกาํ ลังบาํ รงุ ในพืนทสี ิงปลูกสร้าง มกี ารส่งกําลงั สิงอุปกรณ์ป้องกนั นิวเคลยี ร์ ชวี ะ เคมี (นชค.)
รวมอยดู่ ้วย ไดแ้ ก่ เสือผา้ ชุดป้ องกนั เครืองมอื สืบคน้ และทาํ ลายลา้ งพิษ รวมทงั กล่องบรรจุอาหารและนาํ
ดืมทีปิ ดแนน่ จะตอ้ งมสี ะสมไวเ้หมอื นกบั เสบียงอืนๆ และเมอื ปฏิบตั ิการในขณะทีสวมชุดป้ องกนั ผูบ้ งั คบั
หน่วยตอ้ งอนโุ ลมใหส้ ําหรับกิจกรรมทียากลาํ บากทเี กียวขอ้ งกับการรบในพืนทสี ิงปลกู สร้าง

๑) การสืบค้น หลังจากการโจมตีของ นชค. กองพนั จะตอ้ งรีบส่งทีมสืบคน้ และสํารวจออกไป ซึง
การสืบคน้ ในพืนทสี ิงปลกู สร้างมีความยุง่ ยากซับซอ้ นเนอื งจากสภาพธรรมชาติของอาคารทอี ยรู่ วมกนั ชดุ
สืบคน้ และสาํ รวจจะตอ้ งเริมจากการทดสอบและสํารวจเสน้ ทางหลกั บริเวณทางแยก และอาคารในพืนที
เพอื รวบรวมไวใ้ นรายงาน นชค.ขนั ตน้ การสาํ รวจอาคารทงั หมดอยา่ งเป็ นระบบ หอ้ ง และสิงอาํ นวย
ความสะดวกใตด้ ินจะตอ้ งทาํ ใหเ้ สร็จกอ่ นทกี าํ ลงั พลทีไมไ่ ด้สวมหนา้ กากจะเขา้ ยึดพืนที โดยขอ้ มลู ทงั หมด
จะตอ้ งส่งตอ่ ตามแบบฟอร์มรายงาน นชค.ทีเหมาะสม

๒) การทําลายล้างพษิ เจา้ หนา้ ทีจะตอ้ งเริมปฏิบตั ิการทาํ ลายลา้ งพิษใหเ้ ร็วทีสุดหลงั การโจมตี
ดว้ ย นชค. และภารกิจเอืออาํ นวย โดยเริมจากการลา้ งพษิ ร่างกายและยุทโธปกรณ์ส่วนตวั ซึงผู้บงั คับหน่วย
จะตอ้ งกาํ หนดความตอ้ งการแลกเปลียนเครืองมอื ลกั ษณะป้ องกนั ตามภารกิจบงั คบั ของ นชค. และขอ้
กาํ หนดสาํ หรับความเร่งรีบหรือความรอบคอบในปฏิบตั ิการทาํ ลายล้างพิษ

ก) สารกัมมนั ตรังสี เจา้ หน้าทคี วรสวมชุดกนั ฝนสําหรับปฏิบตั ิการทาํ ลายลา้ งพิษ (ต่อทอ่ ลงมา
ดา้ นล่างอาคาร) เพือป้ องกนั สิงของทีปนเปื อนกมั มนั ตรงั สีสมั ผสั ผิวหนงั

ข) สารเคมแี ละชีวภาพ พืนทีบริเวณถนน ทางเดินริมถนน และทที ีมพี ืนแขง็ ใชเ้ ป็นทีทาํ ลาย
ลา้ งพิษโดยอากาศไดเ้ ป็ นอย่างดีหากมเี วลามากพอ ซึงผงฝ่นุ หรือทรายหนาหลายนิวใช้เป็นทีกาํ บงั สารเคมี
และชีวภาพได้ การทดสอบเป็นส่วนๆ ควรจะทาํ เป็นระยะๆ เพอื ใหแ้ นใ่ จวา่ สารเคมแี ละชีวภาพจะไม่
รัวซึมผา่ นทกี าํ บงั เขา้ มา บนถนนในส่วนทีวิกฤตจะใชร้ ถบรรทกุ ติดตงั เครืองทาํ ลายลา้ งพิษทีมีกาํ ลงั
ขบั เคลอื น (PDDA) แบบ เอม็ .๑๒ เอ.๑ (M12 A1) ในการฉีดพน่ สารฟอกขาว เอสทีบี (STB) ทาํ ลายลา้ ง

พิษเบืองตน้ อยา่ งรวดเร็ว ส่วนการทาํ ลายลา้ งพิษของอาคารกระทาํ ไดย้ าก โดยเฉพาะอาคารไมม้ ีเทคนิค
บางอยา่ งทีใชใ้ นการทาํ ลายลา้ งพิษ ไดแ้ ก่ การขดั ดว้ ยสารฟอกขาว เอสทบี ี (STB) ลา้ งด้วยนํารอ้ น นําสบู่

ลา้ งหรือฉีดพ่นดว้ ยสารละลายโซดาร่วมกบั การลา้ งโดยผึงอากาศ

- ๒๒๗ -

ก – ๒ การปฏบิ ัติการโดยใช้ควัน
เพอื ใหเ้ กิดผลสําเร็จในการรบเมือเผชิญกับปญั หาความยงุ่ ยากจากการปฏิบตั กิ าร นชค. ผูบ้ งั คับ

หน่วยจะตอ้ งวางแผนการใชค้ วนั ร่วมกบั นชค. ก่อนการรบ ทงั ในการเขา้ ตีและตงั รับเพือใหเ้กิดความ
สมบรู ณใ์ นการปฏิบตั ิภารกิจในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง โดยตอ้ งการการสนบั สนนุ เคมีภณั ฑ์จากหน่วยผลิต
ควนั ทงั ในการเขา้ ตีและตงั รับ ซึงควนั สามารถสนับสนุนการดาํ เนนิ กลยทุ ธข์ องหน่วยและปฏิบตั ิการลวง
ในการเขา้ ตี สําหรับการใชค้ วนั ในการตงั รับจะครอบคลุมบดบงั อากาศของขา้ ศึกและการตรวจการณ์ทาง
พืนดิน โดยลดความแมน่ ยาํ จากการยงิ ของข้าศกึ และข่าวสารเป้ าหมาย

ก. ไมค่ วรใชค้ วนั หากทาํ ใหป้ ระสิทธภิ าพของฝ่ ายเราลดลง และเช่นเดียวกนั ปริมาณควนั ที
หนาแน่นในหอ้ งปิ ดจะแทนทอี อกซิเจนทาํ ใหห้ ายใจไมอ่ อก แมท้ หารจะสวมหนา้ กากป้ องกนั กต็ าม

ข. หมอ้ ควนั ซึงเป็นตัวผลิตควนั หรือกระสุนควนั ของปืนใหญ่ สามารถใชใ้ นการกาํ บงั การถอนตวั
ของฝ่ายตังรบั หรือการเคลือนทีของกาํ ลังทโี จมตี การยิงฟอสฟอรสั ขาวของปื นใหญจ่ ะส่งผลใหเ้ กดิ การ
บาดเจบ็ ล้มตายและเกิดเพลิงไหม้ โดยจะตอ้ งคาํ นึงถึงเพลิงทีเกิดจากฟอสฟอรัสขาว และเศษชินส่วนของ
ดินระเบดิ ทกี ระเด็นไปถูกหญา้ แหง้ และซากหักพงั

ค. ระเบดิ ขวา้ งควนั สามารถใชอ้ ยา่ งเป็นกล่มุ กอ้ นในการสรา้ งฉากควนั เร่งด่วนสําหรับซอ่ นพราง
การเคลอื นทขี องกาํ ลงั พลขา้ มถนนและ ตรอกซอย และสามารถใชเ้ ป็ นทศั นะสญั ญาณ อีกทงั ทาํ การยิงโดย
เครืองยิงลกู ระเบดิ ยิง เอ็ม.๒๐๓ (M203) เพอื ชีเป้ าใหก้ ับ ฮ.โจมตี และ การดําเนนิ กลยทุ ธ์ทางอากาศ

ง. ลมทีแปรปรวนจากอาคาร ส่งผลกระทบต่อการใช้ควนั ในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง เมอื ใชห้ มอกควนั
ปกคลุมพืนทีสิงปลกู สร้างสาํ หรับการกาํ บงั จะตอ้ งครอบคลุมถึงตวั กาํ ลงั พลดว้ ย ความลม้ เหลวทีจะ
ครอบคลุมอาคารสูง หอสูง และหอคอยทาํ ใหผ้ ูต้ รวจการณข์ า้ ศึกใชเ้ ป็นจดุ อา้ งสาํ หรับการยิงในพนื ทีสิง
ปลกู สร้าง

ก – ๓ สารควบคุมการจลาจล
สารควบคุมการจลาจล เชน่ แกส็ ซเี อส (CS) และ ซีเอ็น (CN) สามารถใชใ้ นการขับไล่กาํ ลัง

ขา้ ศกึ จากทีมนั หรือไมใ่ หเ้ ขา้ พืนทีทียึดครอง ซึงสารควบคุมจลาจลทาํ ให้เกิดผลในขณะนนั โดยไมส่ ่งผล
ในภายหลัง ซึงเหมาะทีจะใชเ้ มือมแี ผนทีคาํ นึงถึงการป้ องกนั ไมใ่ หป้ ระชาชนไดร้ ับบาดเจบ็ ลม้ ตาย แต่จะ
ใชไ้ มไ่ ดผ้ ลสาํ หรับขา้ ศกึ ทีไดร้ ับการฝึ กในการป้องกนั อนั ตรายจากสารเคมีมาเป็นอยา่ งดี

- ๒๒๘ -

ผนวก ข

รถสายพานลําเลียงพล (แบลดลยี ์)

หมวดและหมู่รถสายพานลาํ เลียงพล (แบลดลีย)์ มกั ไม่ทาํ การสู้รบตามลาํ พงั ในพืนทสี ิงปลูกสร้าง
ปกติจะทาํ การสูร้ บเป็นส่วนหนึงของกองรอ้ ยหรือในชดุ รบของกองร้อย

ตอนที ๑
การใช้
การสู้รบในพืนทีสิงปลูกสรา้ งจะอย่เู ป็นจดุ รอบๆ ทีมนั ทีไดเ้ ตรียมการในบา้ นและอาคาร ซึงทีมนั
จะครอบคลุมถึงถนนทางเข้าและทีป้ องกันโดยทนุ่ ระเบิด เครืองกดี ขวาง และกบั ระเบดิ จงึ ตอ้ งทาํ การ
ตรวจตราและกวาดลา้ งทนุ่ ระเบิดบริเวณสะพาน สะพานลอย และอาคารก่อนทจี ะใชป้ ระโยชน์ สว่ น
ลาดตระเวนจะตอ้ งหาขา่ วกรองเกียวกับความสามารถในการรับนาํ หนกั ของถนน สะพาน และพืน เพือ
การตกลงใจวา่ สามารถรับนาํ หนกั ของ รสพ. (แบลดลยี ์) และรถถงั ได้
ข – ๑ การโจมตเี ป้ าหมาย
ถนนและตรอกซอยมีความพรอ้ มสาํ หรับเป็นชอ่ งทางยิงและพืนทสี ังหาร เนืองจากยานพาหนะที
สญั จรจะถูกจาํ กดั และเป็นช่องทางบงั คบั และเป็นเป้ าหมายของการซุ่มโจมตี รวมทงั การโจมตรี ะยะใกล้
ซึงรถถงั จะเสียเปรียบเนืองจากปื นใหญไ่ มส่ ามารถยกมมุ ยงิ โจมตีเป้ าหมายบริเวณชนั บนของอาคารสงู
สําหรับรถแบรดลีย์มีมมุ ยงิ ของปื น ขนาด ๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม. ได้ +๖๐ ถึง -๑๐
องศา ซึงจะมขี ีดความสามารถในการใชม้ ากกวา่ และดว้ ยคณุ ลกั ษณะนีทาํ ใหส้ ามารถยิงทรี ะดบั พืนดินใน
เวลาเดียวกนั ทางดา้ นขา้ งและดา้ นหลังยานยนตฝ์ ่ายขา้ ศึก ขณะทีรถถงั มีขอ้ จาํ กดั การใหก้ ารสนบั สนุนใน
ลกั ษณะนี
ข – ๒ รสพ.(แบลดลีย์) และรถถัง
รสพ.(แบลดลีย)์ และรถถัง ไมส่ ามารถใชไ้ ดต้ ามลําพงั ซึงการทาํ งานเป็ นทมี ร่วมกับทหารราบ
เดินเทา้ (ทีมปื นเล็ก) จะไดร้ บั การระวงั ป้องกนั จากทหารราบ ในทางกลบั กนั รสพ.แบลดลีย์ และรถถัง จะ
เป็นส่วนยิงสนับสนนุ ทีสาํ คญั ใหก้ บั ทีมปื นเลก็
ก. ในขณะเคลือนที รสพ.(แบลดลีย์) ควรจะอยใู่ กลอ้ าคารแต่ละฝังของถนน ซึง รสพ.แตล่ ะคนั จะ
ใหก้ ารคุ้มครองทางดา้ นฝงั ตรงขา้ มของถนน โดย รสพ. จะอยตู่ รงกลางการป้องกนั แตพ่ ลประจาํ รถจะ
ตอ้ งเตรียมพรอ้ มเพือรอสัญญาณจากทหารราบเดนิ เทา้ ซึงความร่วมมอื ของทงั สองส่วนมคี วามสาํ คญั เป็ น
อยา่ งยิงในสภาพแวดล้อมทเี ป็นสิงปลูกสร้าง โดยใชท้ ศั นะสัญญาณเป็นหลกั สําหรับโทรศพั ทจ์ ะใชเ้ มือ
จาํ เป็น ภายใต้การฝึ กและการซกั ซอ้ มมาก่อน
ข. ผู้บงั คบั หนว่ ยควรพิจารณาใชก้ ารยิงระยะไกลของอาวธุ จากรถถังจากพนื ทเี ฝ้ าระวงั ซึงในพืนที
สิงปลูกสรา้ ง รสพ.(แบลดลยี ์) ทีมขี ีดความสามารถมากกวา่ ในการยกและกดปื น ขนาด ๒๕ มม. สามารถ
ยงิ สนบั สนนุ ไปยงั เป้ าหมายทรี ถถังทาํ การยงิ ก่อนหนา้ นี
ค. แมว้ า่ รสพ.(แบลดลยี ์) จะมเี กราะป้ องกนั ดีกว่า รสพ. เอ็ม.๑๑๓ (M113) แตไ่ มส่ ามารถตา้ นทาน
อาวธุ นาํ วิถีตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดปานกลางและขนาดหนกั ได้ จึงนิยมใชห้ ลงั จากพืนทไี ดถ้ กู กวาดลา้ งให้

- ๒๒๙ -
ปราศจากอาวธุ นาํ วิถีตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดปานกลางและขนาดหนกั หรือใชใ้ นพืนทีเมืองทีภูมปิ ระเทศ
เอืออํานวยต่อการยิงสนบั สนนุ ของอาวธุ ต่อสู้รถถงั ระยะยงิ ไกล ซึงส่วนใหญก่ ารยงิ อาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ระยะ
ยิงใกลข้ องหมวดจะใชอ้ าวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบา และจรวดดรากอน (DRAGON) สาํ หรบั ปื นขนาด
๒๕ มม. ของ รสพ.(แบรดลีย)์ จะใช้สนับสนุนการยงิ เล็งตรงเป็นหลกั

ตอนที ๒
การรุก
จากลกั ษณะภูมิประเทศ การสูร้ บในพืนทสี ิงปลกู สร้างปกติจะเริมโดยกาํ ลังเดินเทา้ ซึงจะตอ้ งใช้
รสพ.(แบลดลยี )์ ใหม้ ากทีสุดในการสนบั สนนุ อย่างใกลช้ ิดใหก้ บั กําลงั พลชุดเดินเทา้ ส่วนรถถังทเี คลอื นที
ตามจะถกู นาํ เขา้ ทีตงั ภายใตก้ ารระวงั ป้ องกนั ของทหารราบเพือสนบั สนนุ การยิงเล็งตรงอยา่ งหนกั ใหก้ บั
ทหารราบ (รูปที ข-๑ แสดงการจดั ของ รสพ.(แบลดลีย)์ )

รูปที ข - ๑ การจัดของ รสพ.(แบลดลยี ์)

- ๒๓๐ -
ข – ๓ ภารกิจ

ภารกิจร่วมกนั ของทีมทหารราบและ รสพ.(แบลดลีย)์ ไดแ้ ก่
ก. ภารกิจของทีมทหารราบระหวา่ งการโจมตีในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง

• ทาํ การโจมตีและลดจาํ นวนทีมนั ของขา้ ศกึ รวมทงั ทาํ การกวาดลา้ งอาคารภายใตก้ ารยิง
คุม้ ครองของรถถังและ รสพ.(แบลดลยี )์

• ลบลา้ งทาํ ลายอาวธุ ต่อสู้รถถงั ของขา้ ศกึ
• กาํ หนดทีตงั เป้ าหมายสําหรับการรบปะทะของรถถงั และ รสพ.(แบลดลีย)์
• ป้ องกนั รถถงั และ รสพ.(แบลดลีย)์ จากการตอ่ สู้รถถงั และการจูโ่ จมของขา้ ศึกแบบตวั

ตอ่ ตัว
ข. ภารกิจของทีม รสพ.(แบลดลีย)์ ระหว่างการโจมตีในพืนทีสิงปลกู สร้าง

• ทาํ ลายทมี นั ของข้าศึกในอาคารดว้ ยการยิงเลง็ ตรงของ ปื นขนาด ๒๕ มม. (กระสุนเจาะ
เกราะสลดั เปลือก APDS) และปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม. (เมือผนงั สรา้ งจาก
วสั ดุบาง)

• กาํ จดั พลยงิ ขา้ ศึกในอาคารเป้ าหมายและอาคารใกลเ้ คียง ดว้ ย ปื นขนาด ๒๕ มม. (รูปที
ข-๒) และปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม.

รูปที ข - ๒ การยิงทาํ ลาย ด้วยปื นขนาด ๒๕ มม.

- ๒๓๑ -
• แยกอาคารเป้ าหมายให้อยโู่ ดดเดียวดว้ ยการยิงเลง็ ตรง เพือป้ องกนั การถอนตัว การ

เพิมเติมกาํ ลงั และการตีโตต้ อบของขา้ ศกึ
• เจาะผนงั ทาํ เสน้ ทางผา่ นไปในอาคารเป้ าหมาย โดยใชอ้ าวธุ ทีดีทีสุดทีมอี ยู่ ไดแ้ ก่ ปื น

ขนาด ๒๕ มม. ทาํ การยงิ แบบแบบขดเป็นวง (ดรู ูปที ข-๓)
• สร้างสิงกีดขวางหรือเครืองปิ ดกนั บนถนน
• ระวงั ป้องกนั ใหก้ บั ส่วนกวาดลา้ งอาคารเป้ าหมาย
• บดบงั การตรวจการณ์ของข้าศกึ ด้วยระบบควนั ของ รสพ.(แบลดลยี ์)
• การนําผูบ้ าดเจ็บออกจากพืนทที ีมกี ารยงิ เลง็ ตรง

รูปที ข - ๓ การยิงแบบขดเป็นวง

- ๒๓๒ -

ข - ๔ ชุดทหารราบ (ปื นเล็ก)
รสพ.(แบลดลีย)์ ใชด้ ีทีสุดในการสนบั สนนุ การยงิ เล็งตรงใหก้ ับชุดทหารราบปื นเล็ก โดยเคลือนที

ตามไปขา้ งหลังชดุ ทหารราบเมอื จาํ เป็น และโจมตีเป้ าหมายทีกาํ หนดทีตงั โดยชุดทหารราบ (รูปที ข-๔)
ความเร็วของ รสพ.(แบลดลีย)์ ทาํ ใหช้ ุดทหารราบเคลือนทขี า้ มถนน พืนทโี ล่ง และตรอกซอย ไดด้ ว้ ย
ความรวดเร็ว

ก. ชุด รสพ.(แบลดลยี )์ จะเตรียมการยิงดว้ ย ปื นขนาด ๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒
มม. ใหก้ ับชุดทหารราบทอี ยฝู่ งั ตรงขา้ มของถนน ซึง ปื นขนาด ๒๕ มม. จดั เป็ นอาวธุ ทีมีประสิทธิภาพ
มากทีสุดของ รสพ. (แบลดลีย)์ ขณะทาํ การสูร้ บในพืนทสี ิงปลูกสร้าง (รูปที ข - ๕)

ข. การใช้ปื นขนาด ๒๕ มม. สนบั สนนุ ชดุ ทหารราบจาํ เป็ นตอ้ งพิจารณาในเรืองความปลอดภยั

- ๒๓๓ -

ทีมปฏบิ ตั กิ ารรบ เคลือนทีขึนไป
ใกล้ ทีพักอาศั ย เมือโจมตเี ป้ าหมาย

ทีมปฏิบตั กิ ารรบ
ใกล้ทีพกั อาศัย

รูปที ข - ๔ การกาํ บงั ให้กับชดุ ทหารราบปื นเล็ก
ข้าศึก

ทีมปฏบิ ัตกิ ารรบ
ใกล้ ทีพักอาศั ย

รูปที ข - ๕ การใช้ปื นขนาด ๒๕ มม.สนับสนุนชุดทหารราบปืนเลก็

- ๒๓๔ -

กระสุนระเบดิ แรงสูง ๒๕ มม. มีระยะพรอ้ มทาํ งาน ๑๐ เมตร จากปื น และจะระเบดิ
เมอื มกี ารตกกระทบ
• กระสุนเจาะเกราะสลดั เปลือก APDS จะสลดั เปลือกพลาสติกไปดา้ นหนา้ ปื น ขณะ
ทาํ การยงิ เป็นรูปพัด ด้านหนา้ ของปื น ๒๕ มม. ซึงตอ้ งการระยะปลอดภยั ๑๐๐
เมตร (รูปที ข-๖)

๑๒๕ เมตร

รูปที ข - ๖ เขตปลอดภยั รูปพัดของ ปืนขนาด ๒๕ มม.
ค. ระบบปล่อยควนั ของเครืองยนต์ รสพ.(แบลดลีย)์ สามารถใชใ้ นการกาํ บงั การเคลือนทขี องชุด
ทหารราบในพืนทีสิงปลูกสร้าง และ รสพ.(แบลดลีย)์ สามารถสรา้ งฉากควนั โดยใชเ้ ครืองยิงลูกระเบิดควนั
โดยจาํ เป็นตอ้ ง วเิ คราะห์ภาวะของทิศทางลมใหม้ นั ใจวา่ ควนั ส่งผลกระทบตอ่ ขา้ ศึกมใิ ช่ฝ่ ายเรา ซึงเป็น
วานทยี ากเนอื งจากกระแสลมระหวา่ งอาคารมกั จะแปรปรวน นอกจากนีควนั สามารถใชเ้ ป็ นฉากกาํ บงั
รสพ.(แบลดลีย)์ เมอื ทีมทหารราบข้ามพ้นพืนทีอันตรายแล้ว (รูปที ข-๗)

ฉากควนั

เครืองกาํ เนดิ ควัน

ทศิ ทางลม

รูปที ข-๗ การใช้ควันเป็นฉากกาํ บังการเคลือนทีของชุดทหารราบปืนเลก็

- ๒๓๕ -
ข - ๕ การติดต่อสือสาร

การติดต่อสือสารระหวา่ งชุดทหารราบและ พลประจาํ รถ รสพ. แบลดลีย์ สามารถใชท้ ศั นสัญญาณ
เสียงสัญญาณ วทิ ยุ หรือโทรศพั ท์ โดยตอ้ งปฏิบตั ิด้วยความระมดั ระวงั
ข – ๖ การกวาดล้างอาคาร

ภารกิจทวั ไปของหมวดในการปฏิบตั ิการรุก คือการโจมตีและกวาดลา้ งอาคารหรือกลุ่มของอาคาร
โดยขันแรกผูบ้ งั คับหมวดจะตอ้ งกาํ หนดการประกอบกําลงั ของชดุ ทหารราบปื นเล็กและชุด รสพ.
(แบลดลีย)์ ซึงการประกอบกําลงั ของชุดปฏิบตั ิการจะเปลียนแปลงไปตามสถานการณ์ ตามปกติแล้วชดุ
รสพ. (แบลดลีย)์ และกําลงั พลทตี อ้ งการสาํ หรับการระวงั ป้ องกนั จะจดั จากส่วนของ รสพ. ในแตล่ ะหมู่
ของชุดปื นเลก็ จดั เป็นส่วนโจมตี ๒-๓ คน และผู้บงั คบั หมวดสามารถจดั กําลงั จากส่วนของหมวดเป็นชุด
ระเบิดทาํ ลาย สําหรับอาคารเลก็ ๆ ผู้บงั คับหมวด ควรจะมีชดุ ปืนเลก็ ชดุ เดียว ดําเนินการโจมตี เป็น ๓ ขนั

ขันที ๑ ส่วนยานรบทีสนบั สนนุ การยงิ เล็งตรงและเล็งจาํ ลองทาํ การแยกอาคารใหโ้ ดดเดยี ว
ขันที ๒ ชุดปื นเลก็ ทหารราบเข้าไปในอาคารเพือหยดุ ยงั การทรงตวั ของขา้ ศกึ
ขันที ๓ ชุดปื นเลก็ ทหารราบทาํ การกวาดลา้ งอาคารทีละหอ้ ง
ก. การแยกอาคารใหโ้ ดดเดียว รสพ.(แบลดลยี ์) เขา้ ยึดทีมนั เฝ้ าระวงั (รูปที ข-๘) โดยการยิงปืน
ขนาด ๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ขนาด ๗.๖๒ มม.และปรับการยิงเล็งตรงเพือกาํ จดั กองกาํ ลงั ขา้ ศึกใน
อาคารและอาคารใกลเ้ คียงทสี ามารถทาํ การยิงมายงั ชุดทหารราบเดินเทา้

ค. ๘๑
ค. ๘๑

รูปที ข - ๘ การแยกอาคารให้โดดเดียวและการย้ายยงิ

- ๒๓๖ -

ข. ชุดปื นเล็กเคลือนทไี ปยงั อาคารบนเสน้ ทางทมี ีการกําบงั และการซอ่ นพราง โดยใช้ลกู ระเบดิ ขวา้ ง
ควนั หมอ้ ควนั และระบบทาํ ควนั ของ รสพ.(แบลดลยี )์ สรา้ งควนั เพิมเติมในการซ่อนพราง ซึงชุดปืนเลก็
จะเขา้ ไปในอาคารในจดุ ทสี ูงสดุ เทา่ ทีทาํ ได้ เนืองจาก

• ชนั ล่างและใตถ้ นุ ตึก ขา้ ศกึ มกั มีการตงั รับทีแข็งแรงทีสุด
• หลงั คาของอาคารจะมีจุดอ่อนกว่าผนังอาคาร
• การต่อสู้ขณะลงบนั ไดทาํ ไดง้ า่ ยกวา่ ขณะขึนบนั ได
ค. หากไมม่ ีเสน้ ทางทีมีการกาํ บงั ไปยงั หลงั อาคาร ชดุ ปื นเล็กจะเผชิญหนา้ ขา้ ศกึ ตงั แต่ชนั ตาํ สุดที
ระดบั พืนดิน ซึงควรหยดุ ยงั ขา้ ศกึ มิใหต้ งั ตวั ไดโ้ ดยเร็ว เพือต่อสู้ขึนไปยงั ชนั สูงสุดของอาคารและทาํ การ
กวาดลา้ งทีละหอ้ ง ทลี ะชนั จากบนลงลา่ ง

ตอนที ๓
การตังรับ
การตอ่ สู้ในการตงั รับส่วนใหญจ่ ะปฏิบตั ิโดยทีมปื นเลก็ ซึงในภูมิประเทศของเมอื งยากทีจะจดั กาํ ลงั
ระดบั หมวดทาํ การตงั รับร่วมกบั รสพ.(แบลดลีย)์ แต่บทบาทของ รสพ.(แบลดลีย)์ ยงั คงมคี วามสาํ คญั ปกติ
หมวดจะทาํ การตงั รบั ในทมี นั ตงั แตห่ นึงถึงสามอาคารขึนอยกู่ บั ความแขง็ แรงของอาคาร ขนาดของหมวด
และการจดั วางอาคาร
ข – ๗ ภารกิจ
ภารกิจในการตังรับของชดุ ปื นเลก็ และ รสพ.(แบลดลีย)์ ไดแ้ ก่
ก. ภารกิจของทีมปืนเล็กในการตงั รับ
• เตรียมการในทีมนั ตังรับ
• ทาํ การตรวจการณ์และระวงั ป้องกนั เพอื ป้ องกนั การแทรกซึมของข้าศึก
• ทาํ การรบปะทะและเอาชนะกาํ ลังขา้ ศึกทีโจมตี
• ทาํ ให้ได้มาซึงเป้ าหมายสําหรับการต่อส้ดู ้วยอาวธุ ของรถถังและ รสพ.(แบลดลีย)์
• ป้ องกนั รถถงั และ รสพ.(แบลดลีย)์ จากอาวุธตอ่ สู้รถถงั ระยะใกล้ และอาวธุ อืนๆ
• วางระเบดิ ทาํ ลายและเครืองกีดขวาง (สนบั สนุนโดยทหารช่างสนาม)
ข. ภารกิจของทมี รสพ.(แบลดลยี )์ ในการตงั รับ
• ใหก้ ารยิงสนบั สนนุ ชดุ ปื นเลก็ และการสนับสนุนซึงกนั และกนั ใหก้ ับชดุ รสพ.(แบลดลีย)์
ทีมอืน
• ทาํ ลายยานเกราะขา้ ศกึ และทาํ การยงิ เล็งตรงร่วมกบั ปืนใหญ่
• ลบลา้ งหรือกาํ จดั ทีมนั ขา้ ศึก ดว้ ยการยิงปื นขนาด ๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ขนาด
๗.๖๒ มม.สนบั สนนุ การตีโต้ตอบเฉพาะตาํ บล

- ๒๓๗ -

• ทาํ ลายหรือทาํ ใหข้ า้ ศกึ ไมส่ ามารถตงั ตวั ไดอ้ ยา่ งหมดหนทางป้องกนั ดว้ ยการยงิ ของปื น
ขนาด ๒๕ มม.

• เพิมความเรว็ และการขนส่งแบบมีการป้องกนั ใหก้ บั ชุดทหารราบ
• เสริมความแข็งแรงพนื ทคี กุ คาม โดยเคลือนทีผ่านเส้นทางทมี ีการกาํ บงั และการซอ่ น

พรางไปยงั ทีมนั แห่งใหม่
• ใหก้ ารสนับสนุนซึงกนั และกนั กับการยิงของอาวธุ ตอ่ สู้รถถงั อืนๆ
• เพิมเติมกระสุนและเสบียงอืนๆ ใหก้ ับชดุ ทีลงจากรถ
• เคลือนยา้ ยผูป้ ่วยเจ็บออกจากพืนทที ีมีการยิงเล็งตรง
หมายเหตุ : ในสองภารกิจสุดทา้ ยจะตอ้ งชงั นําหนกั ความสําคญั ในภาพรวมระหวา่ งความต้องการเพิมเติม

เสบียงกบั การขนยา้ ยผู้ป่วย
ข - ๘ การพัฒนาการตังรับ

ในการพัฒนาการตงั รับ ผูบ้ งั คบั หมวดจะตอ้ งคาํ นึงถึงเรืองตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี
ก. การกระจายกาํ ลงั ทีมนั ตังรับในสองอาคารทีใหก้ ารสนับสนนุ ซึงกนั และกนั ได้ ดีกวา่ ตงั รับใน
อาคารเดียวทีสามารถถูกออ้ มผา่ นได้
ข. พืนการยิง ทีมนั ควรจะมีพืนการยิงดีในทกุ ทิศทาง ได้แก่ ถนนกวา้ ง และพืนทโี ล่ง เช่น สวน
สาธารณะจะใหพ้ ืนการยิงดีเยียม
ค. การตรวจการณ์ อาคารทีเลือกควรสามารถทาํ การตรวจการณ์ไปยงั ส่วนทีติดกนั ซึงชนั ทีสูงกวา่
จะเอืออาํ นวยตอ่ การตรวจการณ์ แต่ดึงดูดความสนใจจากการยิงของขา้ ศกึ
ง. การซ่อนพราง อาคารของเมอื งจะใหก้ ารซอ่ นพรางอยา่ งดีเยียม ควรหลีกเลียงทีมนั ทีสังเกตเหน็
ไดช้ ดั โดยเฉพาะพืนทีขอบนอกของอาคาร เนืองจากน่าจะเป็นจดุ ทขี า้ ศกึ ทาํ การระดมยิงอยา่ งหนกั มาก
ทีสดุ
จ. เส้นทางกําบงั เป็นเส้นทางทใี ชส้ ําหรับเคลือนทแี ละเพิมเติมเสบยี ง รวมทงั ต้องดีทีสุดเมือ
เคลอื นทผี า่ นหรือไปด้านหลงั อาคาร
ช. อันตรายจากไฟ ควรหลีกเลียงอาคารทีเผาง่าย
ซ. เวลา อาคารทีตอ้ งการการเตรียมการเพิม เป็นสิงทีไมพ่ ึงประสงค์เมอื มีปจั จยั เวลาเขา้ มาเกียวขอ้ ง
ด. ความแข็งแรง อาคารทีใชว้ างกาํ ลงั รสพ.(แบลดลีย)์ และรถถัง จะตอ้ งสามารถตา้ นทานนาํ หนกั
ของรถและผลจากการใชร้ ะบบอาวธุ ได้

- ๒๓๘ -

ข - ๙ แผนทีตังยิง
แผนการยิงของ รสพ.(แบลดลีย)์ ควรจะรวมอยใู่ นแผนการยิงของหมวด โดยพืนการยงิ ของปื น

๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ๗.๖๒ มม. จะตอ้ งครอบคลมุ ถนนและพืนทโี ล่งแจง้ ขณะเขา้ ทีมนั รสพ.
(แบลดลยี )์ ไมค่ วรเคลือนทเี พืองานส่งกาํ ลังบาํ รุง ถา้ เป็นไปไดค้ วรให้ รสพ.คนั อืน ทาํ หนา้ ทนี ีแทน

ก. ทนั ทีทผี ูบ้ งั คบั หมวดเลือกอาคารทจี ะทาํ การตังรบั จะกาํ หนดทตี งั ของทมี รสพ.(แบลดลีย)์ และ
ชดุ ปื นเล็ก ปืนกลของ รสพ. และทหารราบควรอยใู่ นตาํ แหนง่ ทีสามารถยิงกวาดได้ จรวดดรากอน
(DRAGON) จะทาํ การตงั ยงิ บริเวณชนั บนของอาคารเพือทาํ การยิงระยะไกลและยงิ ไปยงั ส่วนบนของ

รถถงั และถา้ ทาํ ได้จะกําหนดหนา้ ทใี นขนั ตน้ ใหก้ ับหมู่ รวมทงั กาํ หนดทีมนั เพิมเติมและทีมนั สํารองใหก้ ับ
ทีมปื นเลก็ และทมี รสพ.(แบลดลยี )์ ซึงจะครอบคลุมพืนทีส่วนแรกของการตงั รับเป็นวงรอบอยา่ งตอ่ เนอื ง

ข. อาวธุ ตอ่ สู้รถถงั ของหมวดไมส่ ามารถทาํ การยิงจากหอ้ งปิดหรือหอ้ งทไี มช่ อ่ งระบายอากาศ
อยา่ งไรกต็ าม จรวดโทว์ (TOW) สามารถทาํ การยงิ ไดจ้ ากทกุ หอ้ ง ที รสพ.(แบลดลีย์) ถูกส่งเขา้ ไปโดยที

ประตูปิดอยแู่ ละไมม่ ีทหารฝ่ ายเราอยใู่ นห้อง
ค. ภมู ิประเทศในเมือง ปื นขนาด ๒๕ มม. และปื นกลร่วมแกน ๗.๖๒ มม. จะใชม้ ากกวา่ จรวดโทว์

(TOW) เนืองจากเป็นการรบระยะใกล้ ขีดความสามารถของอาวุธตอ่ สู้รถถงั ของ รสพ.(แบลดลีย)์ จะถกู
จาํ กดั ใหน้ อ้ ยลง โดยตอ้ งทาํ การยิงในระยะใกล้ และเพิมเติมการยิงจากจรวดดรากอน (DRAGON) และ

อาวุธนาํ วิถีขนาดเบา (รูปที ข- ๙) ทีเขา้ ทีตงั ในทีทีสามารถใหก้ ารสนบั สนนุ รสพ.(แบลดลีย)์ ได้ แต่ตอ้ งไม่
ดึงความสนใจขา้ ศึกเขา้ มายงั ทตี งั รสพ.(แบลดลีย)์ โดยจรวดดรากอน (DRAGON) และอาวธุ นาํ วิถีขนาด

เบาจะใชไ้ ดผ้ ลมากเมอื ทาํ การโจมตีไปยงั ดา้ นขา้ ง ดา้ นหลงั และส่วนบนของยานเกราะฝ่ ายตรงขา้ ม จงึ
ควรตงั ในทที ีสามารถโจมตีในตาํ แหน่งดังกล่าวได้ โดยจรวดโทว์ (TOW) ควรจะจดั ความเร่งด่วนไวใ้ ช้

สําหรับโจมตีเป้ าหมายรถถังฝ่ายตรงข้ามเป็ นเป้ าหมายแรก

- ๒๓๙ -

รูปที ข-๙ ทตี ังจรวดดรากอน (DRAGON) ในการสนับสนุน รสพ.(แบลดลีย์)
ข-๑๐ กองร้อย รสพ. (แบลดลยี ์)

ทบ.ไดใ้ ช้ รสพ.(แบลดลยี )์ แทน รสพ.ติดตงั จรวดโทว์ ไอทวี ี (ITV) แบบ เอ็ม.๙๐๑ (M901) ในกอง
พนั ทหารราบยานเกราะ ซึงมีความคลอ่ งแคล่วมากกวา่ มอี ายกุ ารใชง้ านนานกวา่ และมอี ํานาจการยงิ
เหนือกวา่ เอม็ .๙๐๑ (M901) ซึงเป็นภารกิจพืนฐานของกองร้อย (แบลดลีย)์ (สําหรับขอ้ มลู เพิมเติมในการ
ใช้กองร้อย รสพ. (แบลดลีย)์ ดจู าก รส. ๗-๙๑ และ รส. ๗๑-๒ แกไ้ ข ครังที ๑)

ก. ข้อพิจารณา
๑) เนืองจากความขาดแคลนกําลงั พลของทหารราบเดินเทา้ กองร้อย รสพ. (แบลดลยี )์ จะตอ้ งให้

ความไวว้ างใจทหารราบเดินเทา้ ทีขนึ สมทบ หรือใหก้ ารสนับสนุนการระวงั ป้ องกันเฉพาะตาํ บล
๒) ควรจะใชใ้ หน้ อ้ ยทีสดุ แบบเป็นส่วนหรือเป็นคู่ (แนวคิดการป้ องกนั ทางปีกใหก้ นั ) เพือให้

ความช่วยเหลือซึงกันและกนั ได้
๓) กองร้อย รสพ.(แบลดลีย)์ จะมีอตั ราความสินเปลืองเชือเพลิงมากกว่า กองร้อย รสพ.ติดตงั

จรวดโทว์ เอม็ .๙๐๑ ไอทีวี (M901 ITV) เลก็ นอ้ ย ซึงไมเ่ ป็นปญั หามากนกั เนืองจากราคานาํ มนั เชือเพลงิ
เพิมเติมทตี อ้ งการถูกฉุดให้ตําลง โดยนาํ มนั เชือเพลิงจากสารอินทรีย์

ข. การใช้ในการรุก
๑) การจดั กองร้อย รสพ.(แบลดลีย)์ ทาํ ใหถ้ กู เลือกใชเ้ ป็นฐานยิงในการโจมตีสําหรับกองพนั

เฉพาะกิจ ซึงผู้บงั คบั กองพนั สามารถกาํ หนดหนา้ ทีให้สนบั สนุนการยงิ หรือปฏิบตั ิภารกิจโจมตีโดยการยิง


Click to View FlipBook Version