The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sasit Pinkaew, 2022-10-02 23:00:22

รส.90-10-1 รวมเล่ม

รส.90-10-1 รวมเล่ม

- ๙๐ -
ถ. ขา้ ศกึ และเตรียมการยิงเลง็ ตรงสนบั สนุนการตีโตต้ อบ ส่วนรถ รสพ. ใชต้ ่อสูก้ ับยานรบลอ้ หุ้มเกราะ
ของโซเวียต, รสพ.บีเอม็ พี (BMP) และยานยนต์ลอ้ บีอาร์ดีเอ็ม (BRDM) และเตรียมการยงิ เล็งตรงคุ้มครอง
เครืองกดี ขวาง

ตอนที ๗
แผนการตังรับของหมวด
แผนการตงั รับของหมวดในพืนทีสิงปลกู สรา้ งขนึ กบั การพิจารณาปัจจยั METT-T และกฎของการ
รบปะทะ
๔ – ๒๖ การตังรับเป็นจดุ ต้านทาน
ปกติหมวดจะไดร้ ับมอบภารกิจในการตงั รับเป็นจดุ ตา้ นทานแข็งแรงของอาคารหรือเป็นส่วน
หนึงของอาคารหรือกลุ่มเล็กๆ ของอาคาร (รูปที ๔-๑๕) การตงั รับของหมวดจะสนธิกาํ ลงั ตามภารกิจของ
กองร้อย (เช่น ทาํ การตงั รับในวงเวยี น และอนื ๆ) ซึงหมวดจะตอ้ งคอยระวงั ขา้ ศกึ จะใชค้ วามได้เปรียบจาก
การยึดอาคารสิงปลกู สร้าง หมวดจะใชอ้ าวุธและการยิงสนบั สนุนอยา่ งดีทีสดุ จดั การป้ องกนั รอบตวั และ
ตีโตต้ อบหรือเป็นส่วนของการตีโตต้ อบของกองรอ้ ยเพือขบั ไลข่ า้ ศึกทีเดินเทา้ ทงั นีผูบ้ งั คบั หมวดจะตอ้ ง
วิเคราะห์พืนทีเขตตงั รับของตนเพอื ใหข้ อ้ เสนอแนะแก่ผบู้ งั คับกองร้อยในการใชเ้ ครืองกดี ขวางและการยิง
สนบั สนุนทดี ีทีสุด

ถนน

แมน่ ํา

แมน่ ํา

ถนน

รูปที ๔-๑๕ การตังรบั เป็นจดุ ต้านทาน
ก. หมวดจะตอ้ งจดั ระเบยี บทตี งั ยิงตามลาํ ดบั ใหส้ ามารถคุ้มครองเส้นทางเขา้ เครืองกีดขวาง และ
สามารถใหก้ ารสนับสนนุ ซึงกนั และกนั การใชพ้ ลซุ่มยิงอาจกาํ หนดทีตงั บริเวณชันบนของอาคาร และ

- ๙๑ -
ส่วนทีมไิ ดท้ าํ การรบปะทะจะตอ้ งเตรียมพรอ้ มสาํ หรับการตีโตต้ อบ พร้อมยงิ ตอ่ สู้ หรือเพิมเติมกาํ ลงั
ใหก้ ับส่วนอืนๆ ของหมวด

ข. เนอื งจากระยะเวลาในการปฏิบตั ิภารกิจ หมวดจะตอ้ งสะสมสิงต่างๆ ดงั นี
เครืองมอื บกุ เบิก (ขวาน พลวั คอ้ น และเครืองมอื บดเจาะถนน)
วสั ดุทาํ ฉากขดั ขวาง (ลวดหนาม ถุงทราย)
ระเบิด (โดยเฉพาะระเบดิ ขวา้ ง)
อาหารและนาํ
เวชภณั ฑ์
เครืองมอื ผจญเพลิง

๔ – ๒๗ การตังรบั ต่อต้านยานเกราะ
ภมู ิประเทศในพืนทสี ิงปลกู สรา้ งเหมาะสําหรับการตงั รับของทหารราบในการตอ่ ตา้ นทหารราบ

ยานเกราะและทหารมา้ ยานเกราะ โดยหนว่ ยดงั กล่าวพยายามหลีกเลียงพืนทสี ิงปลูกสร้างแต่จะต้องทาํ การ
เคลือนทผี ่าน ซึงหนว่ ยทหารราบทไี ดร้ บั การฝึกมาเป็นอยา่ งดีสามารถสรา้ งความสูญเสียอยา่ งหนกั ใหก้ บั
กาํ ลงั พลหนว่ ยยานเกราะ

ก. พืนทีสิงปลกู สรา้ งมีลกั ษณะทีแนน่ อนเหมาะกบั การปฏิบตั ิการต่อสูร้ ถถงั ของทหารราบ ได้แก่
๑) กองเศษซากปรกั หักพงั บนถนนสามารถใชเ้ ป็ นเครืองกีดขวางยานพาหนะของขา้ ศกึ เป็ นที

ซ่อนของทนุ่ ระเบิด และใชเ้ ป็นทีกาํ บงั ซ่อนพรางของทหารราบฝ่ ายตงั รับ
๒) ถนนเป็นข้อจาํ กดั การดาํ เนินกลยทุ ธ์ของยานเกราะ ในเรืองพืนการยิง การติดต่อสือสาร

รวมทงั ลดขีดความสามารถในการเพิมเติมกาํ ลงั ของขา้ ศึก
๓) อาคารสิงปลกู สร้างเป็นทกี าํ บงั ซอ่ นพรางของทหารราบฝ่ ายตงั รับ
๔) หลงั คา ตรอกซอย และชนั บนของอาคารใชเ้ ป็นทีตงั ยิงไดอ้ ย่างดี
๕) ระบบทอ่ นาํ ทิง ทางระบายนาํ และทางรถไฟฟ้ าใตด้ นิ เป็นเสน้ ทางเคลอื นยา้ ยใตด้ ินของ

ทหารราบ
ข. แผนปฏิบตั ิการตอ่ สู้ยานเกราะในพืนทีสิงปลูกสร้าง มีขนั ตอน ดังนี

ขันตอนที ๑ เลือกพนื ทีในการรบปะทะทีเหมาะสม
พืนทีในการรบปะทะกับรถถงั ขา้ ศกึ ควรเป็ นทีทจี าํ กดั ขีดความสามารถในการสนบั สนนุ ซึงกนั และ

กนั ของรถถงั ขา้ ศึก วธิ ีทดี ีทีสุดของทหารราบคือต่อสูร้ ถถงั ทีละคนั ก่อนทคี นั อืนจะเปิ ดฉากการยิง โดย
พืนทีทนี ิยมใช้มลี ักษณะเป็นถนนแคบ ไมม่ ีจดุ วกกลบั มีแยกรูปตวั ที สะพาน อโุ มงค์ ถนนมตี า่ งระดบั
และมีพืนทีของกองเศษซากปรักหกั พงั รวมทงั พืนทีทสี ังเกตเหน็ ยากสามารถใชเ้ ป็ นพืนทรี บปะทะโดยใช้
การทาํ ลายหรือทนุ่ ระเบิดในการสร้างเครืองกีดขวาง

- ๙๒ -
ขันตอนที ๒ เลือกทีตังอาวุธทเี หมาะสม

ทีตงั อาวุธทดี ีทีสดุ จะวางไวบ้ ริเวณทีรถถังออ่ นแอทีสดุ และทหารราบมกี ารป้องกนั มากทีสุด และ
เป็นทีทีจาํ กดั ความสามารถในการตรวจการณ์และการยงิ ของรถถงั ซึงปกตเิ ป็ นพนื ทดี า้ นหลังและทางปีก
ของป้ อมปื น รูปที ๔-๑๖ แสดงพนื ทอี บั การยงิ และการตรวจการณเ์ ป้ าหมายของป้อมปื นรถถังในระดับ
พืนดินและเหนือศีรษะ

รถถงั ไม่สามารถตรวจการณ์

พืนทีอับการยิง

พืนทีอับการยงิ รถถงั ไม่สามารถตรวจการณ์

รูปที ๔-๑๖ รถถังไม่สามารถทําการยิงในระยะใกล้, ระดบั พนื
ถนน และเป้ าหมายเหนือศรี ษะ

ขันตอนที ๓ กําหนดจุดอ้างทหี มายและเลือกวิธกี ารโจมตี
หลงั จากเลือกทีตงั อาวธุ แล้วจะตอ้ งกาํ หนดจดุ อา้ งทีหมายเพือใหม้ นั ใจวา่ เครืองมอื ทาํ การยิงทอี ยใู่ น

ความควบคุมทาํ การยงิ ครอบคลุมพืนที โดยพลยงิ ตอ้ งเห็นจดุ อา้ งทหี มายไดช้ ัดเจนและไมถ่ กู ทาํ ลายไดง้ ่าย
จากผลของการรบ (เชน่ ตึกใหญ่ หรือสะพานทีไมค่ อ่ ยมีการใชง้ าน แต่จะไม่ใชต้ น้ ไม้ รถยนต์ เป็นจดุ อา้ ง
ทีหมาย) ทงั นีผู้บงั คับหน่วยปฏิบตั กิ ารตอ่ สูร้ ถถงั จะตอ้ งระบุวิธีการโจมตี เชน่ การยิงด้านหนา้ การยิงทาง
ขา้ ง หรือทางลึก ซึงการยงิ ดา้ นหนา้ เป็นวิธีทีใช้นอ้ ยทีสุด เนืองจากพลยงิ จะเปิ ดเผยทตี งั ยิง มโี อกาสสูงที
จะถกู ตรวจพบ และเกราะดา้ นหนา้ จะหนาทสี ุด (ดูขอ้ มลู เพิมเติมเกียวกบั เทคนิคของการรบปะทะตอ่ ที
หมาย ใน รส. ๗-๙๑ และ/หรือ รส. ๒๓-๑ )

ก. ตาํ แหนง่ ทีดีทีสุดสาํ หรับกาํ ลงั ทหารราบจะทาํ การยงิ รถถงั ทีระดบั พนื ดิน คือดา้ นขา้ งและ
ดา้ นหลงั หรือดา้ นบนของรถถังถา้ พลยิงอยใู่ นอาคารทีมรี ะดับสูงกวา่ (ดูผนวก ซ ระยะยงิ ใกลส้ ุดของ
อาวธุ ) ซึงการตงั รับตอ่ สูย้ านเกราะทีเหมาะสม อาจจดั เหมือนรูปที ๔-๑๗

- ๙๓ -

รูปที ๔-๑๗ หมวดในการตังรับต่อสู้ยานเกราะ

ข. ทีตงั ทีดีทีสุดในการตอ่ สู้รถถงั จากทางปีก คอื บนถนนอีกเส้นในระยะใกล้ โดยใช้พืนทีบริเวณมุม
ถนนซึงรถถงั ไมส่ ามารถทาํ การโตต้ อบโดยการยิงกราดจากป้อมปื น

ค. สําหรับการโจมตีทีปลอดภยั จากทตี งั ยิงทีมรี ะดบั สูงกวา่ ทหารราบจะใหร้ ถถงั เขา้ มาทรี ะยะสาม
เทา่ ของความสูงของระดับทีตงั อาวธุ ยงิ

ง. การโจมตีทรี ะยะไกลกวา่ จะมคี วามเสียงจากการถูกยิงโตต้ อบ เนืองจากตาํ แหนง่ ทีตงั อาวธุ ยิงจะ
ไมอ่ ยใู่ นพืนทอี ับการยิงเหนือศีรษะของรถถงั ซึงการยงิ จากเหนือศรี ษะจากดา้ นหลงั หรือดา้ นขา้ งจะไดผ้ ล
ดีกวา่ สําหรับทีมนั สํารองและทมี นั เพิมเติม จะเลือกไวเ้ มอื ถกู บงั คบั ให้ป้องกนั รอบตัวหรือเมือตอ้ งการ
ความออ่ นตวั
ขันตอนที ๔ ประสานการติดพนั เป้ าหมาย

รถถงั เป็นจดุ อ่อนเมอื ปรากฏตวั ขึน งานสิงแรกในการสงั หารพลประจาํ รถคือกดดันใหร้ ถถงั ปรากฏ
ตวั โดยใชก้ ารยิงเล็งตรงและการยิงเล็งจาํ ลองทีมีอยู่ ซึงการใชม้ าตรการควบคุมการยงิ ทีถูกตอ้ งร่วมกบั
แผนภาพกราฟฟิกจะลดโอกาสการเข้าใจผิดลงอยา่ งมาก งานขนั ต่อไปคือการประสานการยงิ ของอาวธุ
ต่อสู้รถถงั กรณีมีมากกวา่ หนึงเป้ าหมายในพนื ทโี จมตี โดยจะตอ้ งทาํ การยิงทกุ เป้ าหมายพร้อมกนั

ค. รถลอ้ หุม้ เกราะมกั ใชพ้ รอ้ มกับทหารราบในพืนทสี ิงปลูกสร้าง โดยอาวธุ ต่อสู้รถถงั จะตอ้ ง
สนบั สนุนการป้ องกนั รอบตวั ในการตงั รับตอ่ ต้านกําลงั พลข้าศึก อย่างไดผ้ ล (รูปที ๔-๑๘)

ง. การใชส้ ญั ญาณตามแผน (เช่น เสียงจากทนุ่ ระเบิด) ทาํ การโจมตีทกุ เป้ าหมายพร้อมกนั สําหรับ
เป้าหมายทไี มถ่ ูกโจมตีจะจดั เป็นอนั ตรายทีมคี วามเร่งดว่ นเป็ นอนั ดบั แรก แมว้ า่ รถถงั จะเป็นภยั คุกคามที
ใหญ่หลวง แต่ รสพ. บีเอ็มพี (BMP)ก็จดั วา่ มอี ันตรายเหมอื นกนั เนอื งจากทหารราบทลี งจากรถสามารถ

- ๙๔ -
ทาํ ลายทมี นั ตอ่ สูร้ ถถงั ของฝ่ ายเราได้ หากฝ่ ายเราไม่ใช้ทหารราบระวงั ป้องกนั ความเร่งด่วนในการโจมตี
จะเป็น รสพ. ของขา้ ศึก นอกจากนี กองเศษซากปรกั หกั พงั และทนุ่ ระเบดิ สามารถใชล้ ดจาํ นวนเป้ าหมายที
จะเคลือนทเี ข้ามาพรอ้ มกนั ในขณะโจมตี

ดรากอน

ถนน

รูปที ๔-๑๘ การประสานการซุ่มโจมตตี ่อสู้รถถัง
๔ – ๒๘ การปฏบิ ัติการซุ่มโจมตีด้วยยานเกราะ

กองรอ้ ยปื นเล็กสามารถใช้หมวดรถถงั ทีไดร้ ับเพิมเติมกาํ ลงั ในการปฏิบตั ิการซุ่มโจมตีดว้ ยยาน
เกราะ ในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง (รูปที ๔-๑๙) โดย มว.ถ.ตอ้ งไดร้ ับเพิมเติมกาํ ลงั จาก รสพ. (BFV) หรือ รสพ.
และ ๑-๒ หมู่ ปล.จากกองร้อย ซึงการซุ่มโจมตียานเกราะของขา้ ศกึ จะไดผ้ ลดี ในพืนทที ีได้ทาํ การ
ลาดตระเวนและกวาดล้างจากฝ่ าย เราแลว้

- ๙๕ -

ตก. ตก.
ทีซอ่ น ทีซอ่ น

ขา้ ศกึ

รูปที ๔-๑๙ การซุ่มโจมตดี ้วยยานเกราะ

ก. การปฏิบตั ิการเกียวขอ้ งกบั การดาํ เนินกลยุทธ์บนเครือข่ายเสน้ ทางทีปราศจากเครืองกีดขวาง ซึง
เครืองกีดขวางทอี ยนู่ อกพืนทกี ารซมุ่ โจมตีใชส้ ําหรับบงั คบั ทิศทางและหน่วงเหนียวขา้ ศกึ โดย มว.ถ.
จะตอ้ งรู้พืนทีเป็นอยา่ งดี

ข. รถถงั ทใี ชซ้ มุ่ โจมตี จะเขา้ ซอ่ นตวั ในทีตงั ณ ตําบลทีอยู่หา่ งจากเส้นทางทคี าดวา่ ขา้ ศกึ จะเขา้ มา
ประมาณ ๑,๐๐๐ เมตร ทตี ังส่วนระวงั ป้ องกนั จะอยบู่ ริเวณคอขวด ทาํ การตรวจการณ์และรายงานการเขา้
มาของขา้ ศกึ ความเร็ว ลกั ษณะของการระวงั ป้ องกนั และกิจกรรมของขา้ ศกึ ซึงบทบาทดงั กลา่ วกาํ หนด
ใหก้ ับหน่วยสอดแนมทีใช้ รสพ.(BFV) , รสพ.ติดตงั จรวดโทว์ หรือ รสพ. ทาํ การเคลือนยา้ ยจากทตี รวจ
การณ์หนึงไปยงั อีกทหี นึง และเมือมีการรายงานการเข้ามาของข้าศกึ ณ จดุ ทีจะโจมตี หรือจดุ อา้ งเป้าหมาย
ผบ.มว.ถ. จะทราบวา่ จะใช้ถ. จาํ นวนกีคันเพือบรรลุภารกิจในการซุ่มโจมตี

ค. รถถงั จะเคลอื นทเี ขา้ ซ่อนตัวในทตี งั ยิงอยา่ งรวดเร็ว เพือชิงความไดเ้ ปรียบในการซ่อนพราง และ
ใชค้ วามพยายามในการยิงดา้ นขา้ งไปยงั ข้าศกึ ทีเขา้ มา โดยมีระยะเฉลียในการยิงประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ เมตร
ซึงเป็นระยะทีไกลพอทจี ะไม่เปิดเผยทีตงั รถถังตอ่ ทหารราบขา้ ศึก เมือขา้ ศึกถกู โจมตี ถ.จะหยดุ การติดตอ่
และเคลอื นทีไป ณ จุดรวมกาํ ลงั ทมี ีการระวงั ป้ องกนั อยา่ งใกล้ชดิ โดยหมทู่ หารราบ หลงั จากนนั จึง
เคลอื นทเี ขา้ ทตี งั ในการซมุ่ โจมตีแห่งใหม่

- ๙๖ -

บทที ๕

ทักษะพืนฐานในการรบ

ความสาํ เร็จในการปฏิบตั ิการรบในพืนทีสิงปลูกสร้าง ขึนอยู่กบั การใชห้ มู่ ปล. อยา่ งถูกตอ้ ง
เหมาะสม โดยกาํ ลงั พลแตล่ ะคนจะตอ้ งมีความชาํ นาญในการใชเ้ ทคนิคการรบในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง ไดแ้ ก่
ทกั ษะในการเคลอื นที การเขา้ ไปยงั อาคาร การกวาดลา้ งในอาคาร การใชร้ ะเบดิ มอื การเลือกและใชท้ ตี งั
ยิง การผ่านพืนทสี ิงปลกู สร้างและการพราง ซึงทหารจะตอ้ งจาํ ไวเ้สมอถึงการดาํ รงสภาพความเป็นเพือน
ร่วมทีม เมือเคลือนทผี ่านสภาพแวดลอ้ มการปฏิบตั ิการทางทหารในเมอื ง

ตอนที ๑
การเคลอื นที
การเคลือนทใี นพืนทสี ิงปลูกสร้างเป็นทกั ษะพืนฐานขนั แรกทีทหารจะตอ้ งมคี วามเชยี วชาญ โดย
เทคนิคในการเคลือนทจี ะตอ้ งทาํ การฝึ กให้เคยชินจนกลายเป็ นนิสยั เพือลดการเปิ ดเผยตัวจากการยิงของ
ขา้ ศึก ทหารจะตอ้ งหลีกเลียงการทาํ ตวั ตดั กบั ฉากหลัง หลีกเลียงพืนทีโล่ง และเลือกทีตงั ทีมกี ารกาํ บงั ทีตงั
ตอ่ ไปกอ่ นการเคลือนที
๕ - ๑ การข้ามกําแพง
ทหารแต่ละคนจะตอ้ งเรียนรู้วิธีการข้ามกาํ แพงอยา่ งถกู ตอ้ ง (รูปที ๕-๑) โดยหลงั จากการลาด
ตระเวนสาํ รวจอกี ดา้ นแลว้ ทหารจะมว้ นกลงิ ขา้ มบนกําแพงอยา่ งเร็ว ทาํ ตัวใหต้ ําเมือตดั กบั ฉากหลงั ซึง
ความเรว็ ในการเคลือนทแี ละการทาํ ตวั ใหต้ าํ จะลดการตกเป็ นเป้ าหมายของขา้ ศกึ

รูปที ๕-๑ การข้ามกําแพงของทหาร

- ๙๗ -
๕ – ๒ การเคลอื นทบี ริเวณมุมตึก

พืนทีบริเวณมุมตึก ทหารจะตอ้ งทาํ การตรวจการณ์ก่อนการเคลือนทีไปข้างหนา้ ซึงมกั เกิด
ขอ้ ผิดพลาดกับทหารบริเวณหวั มมุ คือ อาวธุ มกั จะเลยมุมออกไป เป็นการเปิดเผยทีตงั จึงควรจะยนื ศรี ษะ
ออกไปในระดับตาํ กว่าทขี า้ ศึกคาดวา่ จะมองเห็น เมือใช้เทคนิคทีถกู ตอ้ งในการมอง รอบๆ บริเวณหวั มุม
(รูปที ๕-๒) โดยทหารจะทาํ การนอนราบบนพนื และไมย่ ืนอาวธุ ออกไปเลยมมุ ตึก อีกทงั ตอ้ งสวมหมวก
เหล็กกนั กระสุน โดยโผลศ่ ีรษะออกไป (ทีระดบั พืนดิน) แคพ่ อตรวจการณ์ได้

รูปที ๕-๒ เทคนิคการมองทถี ูกต้องบริเวณหัวมุม
๕ – ๓ การเคลือนทผี ่านช่องหน้าต่าง

หนา้ ตา่ งเป็ นจดุ ทอี นั ตรายสําหรับทหารและผูบ้ งั คบั หน่วยทหารขนาดเลก็ ความผิดพลาดในการ
ผา่ นหนา้ ตา่ งคือการเปิ ดเผยส่วนศรี ษะ (รูปที ๕-๓) ทาํ ใหพ้ ลยงิ ขา้ ศึกในอาคารทาํ การยงิ ผ่านหนา้ ตา่ งโดย
ไมเ่ ปิ ดเผยทีตงั ใหก้ บั หน่วยยงิ คุ้มครองของฝ่ายเรา

- ๙๘ -

รูปที ๕-๓ การเคลือนทผี ่านช่องหน้าต่างของทหาร
ก. เทคนิคทถี ูกตอ้ งในการเคลือนทผี า่ นชอ่ งหนา้ ตา่ ง คือทหารจะตอ้ งทาํ ตวั ใหต้ าํ กวา่ ขอบล่าง
หนา้ ต่าง โดยไมเ่ ป็นภาพตดั กบั หนา้ ต่าง และแนบชิดไปกบั ตวั อาคาร ซึงหากพลยิงขา้ ศึกในอาคารตอ้ งการ
โจมตีทหารฝ่ ายเราจะตอ้ งเปิ ดเผยตวั จากทีกาํ บงั
ข. การเคลือนทผี ่านช่องหนา้ ต่างหอ้ งใตถ้ นุ ตึกคงใชเ้ ทคนิคเชน่ เดียวกับการเคลือนทผี า่ นชอ่ ง
หนา้ ตา่ งชนั ล่าง (รูปที ๕-๔) แตค่ วามผิดพลาดทเี กดิ จากการขาดความระมดั ระวงั คือ ทหารจะเดินหรือวงิ
ผา่ นหนา้ ต่างหอ้ งใตถ้ ุน ทาํ ใหต้ กเป็นเป้าของพลยิงของขา้ ศึกภายในอาคาร ซึงการกระทาํ ทถี กู ตอ้ งคือการ
กระโดดข้าม โดยทหารจะต้องอยชู่ ิดกบั ผนงั ตึก แลว้ กา้ วหรือกระโดด โดยไมใ่ หข้ าผา่ นชอ่ งหน้าต่าง

- ๙๙ -

รูปที ๕-๔ การเคลอื นทผี ่านหน้าต่างใตถ้ นุ ตึกของทหาร
๕ - ๔ การใช้ประตทู างผ่าน

ประตูไมค่ วรใชผ้ า่ นเข้า ออก หากมีการยงิ คุม้ ครองของขา้ ศกึ หากทหารตอ้ งการใช้ประตเู ป็ น
ทางออกจะตอ้ งเคลือนทผี า่ นอยา่ งรวดเร็วเพือไปตาํ แหนง่ ต่อไป และตอ้ งทาํ ตวั ใหต้ าํ เทา่ ทเี ป็นไปได้ เพอื
หลีก เลียงการทาํ ตวั ตดั กบั ฉากหลงั (รูปที ๕-๕) ซึงการเลือกทตี งั ล่วงหนา้ การใชค้ วามเร็ว ลดการทาํ ตวั
ตดั กบั ฉากหลงั และใชก้ ารยิงคุม้ ครอง เป็ นเรืองทตี อ้ งเน้นสําคญั ในการเคลือนทอี อกทางประตู

- ๑๐๐ -

ทีกาํ บงั จุดต่อไป

การยิงคุ้มกนั

รูปที ๕-๕ การใช้ประตูทางออกของทหาร
๕ – ๕ การเคลอื นทขี นานไปกบั อาคาร

ทหารหรือหน่วยทหารขนาดเลก็ อาจไมส่ ามารถใชเ้ สน้ ทางภายในอาคารเป็นเสน้ ทางการเคลือนที
ในการรุกคืบหนา้ จึงจาํ เป็นตอ้ งใชก้ ารเคลือนทีภายนอกอาคาร (รูปที ๕-๖) โดยใชค้ วนั กาํ บงั และการยิง
คุม้ กนั รวมทงั การกําบงั และการซอ่ นพราง เพอื ปกปิ ดการเคลอื นที ซึงวิธีทีถูกตอ้ งในการเคลือนทีนอก
อาคารคอื ทาํ ตวั ให้แนบชิดกับด้านขา้ งของอาคาร โดยใชเ้งามืดเพอื ลดการตดั กับฉากหลงั และเคลอื นที
อยา่ งรวดเรว็ ไปยงั จุดตอ่ ไป (รูปที ๕-๗) ซึงถ้าพลยงิ ขา้ ศึกในอาคารเปิ ดฉากการยิงจะเปิ ดเผยทีตงั ของพล
ยิงใหฝ้ ่ายเรา อีกทงั เป็นการยากทีพลยงิ ขา้ ศึกทีอยนู่ อกอาคารจะตรวจพบและโจมตีฝ่ ายเรา

- ๑๐๑ -

ทีกาํ บังจุดต่อไป กาํ ลังพลของหมวด
ทาํ การยงิ คุ้มกัน

ทีกาํ บังจุดแรก

รูปที ๕-๖ การเคลือนทภี ายนอกอาคารของทหาร

กาํ ลังพลของหมวด
ทําการยงิ คุ้มกัน

รูปที ๕-๗ การเลือกตําแหน่งทจี ะเคลือนทีต่อไป

- ๑๐๒ -
๕ - ๖ การข้ามพืนทีโล่งแจ้ง

พืนทีโลง่ แจง้ ไดแ้ ก่ ถนน ตรอกซอย สวนสาธารณะ เป็นพนื ทีทคี วรหลีกเลียง เนืองจากเป็ นพืนที
สงั หาร แต่สามารถจะข้ามไดอ้ ยา่ งปลอดภยั โดยทหารแตล่ ะคนและผูน้ าํ หน่วยทหารขนาดเล็กประยกุ ต์
หลกั พืนฐานบางอยา่ ง ไดแ้ ก่

ก. ใชว้ ิธีการทีถกู ตอ้ งในการข้ามพืนทโี ล่ง ซึงทหารจะตอ้ งพฒั นาแผนการเคลือนทขี องตน (ใชค้ วนั
หรือระเบดิ มือ หรือหมอ้ ควนั ในการซ่อนพรางการเคลือนทีของทหารทกุ คน) และใชก้ ารเคลือนทีเป็ นหว้ ง
สันๆ ระหวา่ งอาคารหรือไปตามแนวอาคาร เพือไปยงั ตาํ แหน่งตอ่ ไป ซึงการกระทาํ เชน่ นีเป็นการลดการ
เปิดเผยตัวตอ่ การยิงของขา้ ศึก

ข. กอ่ นการเคลอื นทีไปยงั ตาํ แหนง่ อืน ทหารจะตอ้ งทาํ การลาดตระเวนด้วยสายตาเพือเลอื กทตี งั
ตอ่ ไปทีมกี ารกาํ บงั ซอ่ นพรางดีทสี ุด และในเวลาเดียวกันจะเลอื กเสน้ ทางทีจะใชไ้ ปทตี งั ใหมด่ ว้ ย
๕ – ๗ การใช้ชดุ ยิง

การเคลือนทขี องชุดยงิ จากอาคารไปยงั อาคารหรือระหวา่ งอาคาร จะกอ่ ใหเ้ กิดปัญหา เนอื งจาก
ชุดยิงจะเป็นเป้ าหมายใหญส่ ําหรับการยงิ ของขา้ ศึก (รูปที ๕-๘) และเมอื ตอ้ งการเคลือนทจี ากมมุ ตึกหนึง
ไปยงั อีกมุมหนึง ชุดยิงควรข้ามพืนทีโล่งเป็นกล่มุ รวมทงั การเคลือนทีจากดา้ นหนึงของอาคารไปยงั อีก
ดา้ นหนึงจะเกิดปัญหาคลา้ ยกนั และใชเ้ ทคนิคในการเคลือนทเี หมอื นกนั ซึงชดุ ยงิ จะตอ้ งใชก้ ารกาํ บงั จาก
อาคาร เพือเคลือนทีไปยงั อาคารติดกนั (รูปที ๕-๙) โดยแตล่ ะคนตอ้ งรกั ษาระยะตอ่ ระหว่างกัน ๓-๕ เมตร
และใชส้ ัญญาณตามแผนในการเคลือนทีของปี กในทนั ที (เป็นแถว) ขา้ มพืนทีโลง่ ไปยงั อาคารต่อไป

รูปที ๕-๘ การเคลือนทขี องชุดยิง

- ๑๐๓ -

กาํ ลังพลของหมวด
ทาํ การยงิ คุ้มกนั

รูปที ๕-๙ การเคลือนทไี ปยังอาคารติดกนั
๕ - ๘ การเคลือนทีระหว่างทีตัง

การเคลอื นทจี ากทีวางตัวไปยงั อีกทหี นึง ทหารทกุ คนจะตอ้ งระมดั ระวงั มิใหบ้ งั ทศิ ทางการยิง
สนบั สนุนของฝ่ ายเรา ซึงเมือถึงทีตงั ใหม่จะตอ้ งเตรียมยิงคุม้ ครองการเคลือนทใี หก้ บั ชุดหรือหมตู่ อ่ ไป
โดยใชก้ ารยิงแบบประทบั ไหล่ไดท้ งั ๒ บา่

ก. ความผิดพลาดเกิดจากการทีทหารจะใชก้ ารยิงเหนือสิงกาํ บงั ในทีตงั ใหม่ และทาํ ตัวตดั กบั ฉาก
หลงั ทาํ ใหง้ า่ ยตอ่ การตกเป็นเป้ าของขา้ ศึก ซึงเทคนิคทถี ูกตอ้ งจะตอ้ งทาํ การยิงจากดา้ นขา้ งของทกี ําบงั
เพอื ลดการเปิ ดเผยตวั (รูปที ๕-๑๐)

- ๑๐๔ -
ข. ความผิดพลาดจากทหารทถี นดั ขวาและทาํ การยงิ จากไหลข่ วาทางมมุ ดา้ นซา้ ยของอาคาร ซึงคน
ถนดั ซา้ ยทาํ การยงิ จากมมุ ดา้ นซา้ ยของอาคารจะไดเ้ ปรียบจากการกาํ บงั ของอาคาร (รูปที ๕-๑๑) ดังนนั
ทหารทีถนดั ขวาและถนดั ซ้ายควรไดร้ ับการฝึ กเพือประยกุ ตใ์ ชก้ ารกาํ บงั และการซอ่ นพรางใหเ้ หมาะกบั
มือทีถนดั รวมทงั สามารถยิงแบบประทบั บา่ ไดเ้ มอื ตอ้ งการ

รูปที ๕-๑๐ การยิงจากตาํ แหน่งทมี ีการกําบงั ของทหาร

- ๑๐๕ -

รูปที ๕-๑๑ การยิงทางด้านซ้ายจากมมุ ด้านซ้ายของอาคาร
๕ – ๙ การเคลอื นทภี ายในอาคาร

เมือตอ้ งการเคลือนทภี ายในอาคารภายใตก้ ารโจมตี (รูปที ๕-๑๒) ทหารจะตอ้ งหลีกเลียงการทาํ
ตวั ใหต้ ดั กบั ฉากหลงั ทงั ประตูและหนา้ ตา่ ง ถ้าตอ้ งเดินตามทางเดินไปยงั หอ้ งโถง (รูปที ๕-๑๓) จะตอ้ ง
เดินชิดผนงั เพือหลีกเลียงการปรากฏเป็นเป้าใหก้ บั ขา้ ศึก ซึงสภาพการปฏิบตั ิการทางทหารในเมอื ง เทคนิค
ในการเคลือนทีจะตอ้ งปรบั แกห้ รือละเวน้ นนั จะขึนอยกู่ ับกฎการปะทะ

รูปที ๕-๑๒ การเคลือนทีในอาคารภายใต้การโจมตี

- ๑๐๖ -

รูปที ๕-๑๓ กฎการเคลือนทีในทางเดินในอาคาร

ก. ขา้ ศึกมกั วางกับระเบดิ ไวบ้ ริเวณประตแู ละหน้าต่าง โดยทหารควรใชก้ ารยิงระยะใกลแ้ บบ
อตั โนมตั ิรอบบานพบั แลว้ เตะประตูใหเ้ ปิ ดแทนการใชล้ ูกบิดเปิ ดประตู หากตรวจพบกับระเบิดควรทาํ
เครืองหมาย และรายงาน แลว้ ออ้ มผ่านไป

ข. ก่อนเขา้ ไปแตล่ ะหอ้ ง ควรใช้ระเบิดขวา้ งแบบเทยี มเสียงไมถ่ ว่ งเวลา โดยการดึงสลกั นิรภยั
ปลอ่ ยกระเดืองนิรภยั นบั หนึงพนั หนึง หนึงพนั สอง แลว้ ขวา้ งเขา้ ไปในหอ้ ง ซึงตอ้ งใช้ความระมดั ระวงั
กรณีผนงั หอ้ งหรือพืนบาง และขณะขวา้ งระเบดิ ควรใชเ้ สียงเตือนทหารฝ่ ายเดียวกนั “ระวังสะเก็ดระเบดิ ”
และเมือข้าศกึ ขวา้ งระเบิดมือใหต้ ะโกน “ระเบดิ ”

คาํ เตือน
สะเก็ดระเบิดจากระเบิดขว้างมสี ะเก็ดแบบ เอม็ .๖๗ (M67) สามารถทาํ อนั ตรายทหารทีอยู่นอก
ห้องได้ จึงไม่ควรนํามาใช้ ซึงนิยมใช้ระเบิดขว้างแบบ เอม็ .เค.๓ เอ.๒ (MK3 A2) แทน และระเบิด
ขว้างเพลิงมอี ันตรายมากกว่าทกี าํ หนดคุณสมบัติไว้

ค. เมือระเบิดขวา้ งระเบดิ ทหารอีกคนตอ้ งรีบเขา้ ไปในหอ้ งทนั ที และทาํ การยิงเป้าหมายทีเกดิ ขึน
ดว้ ยการยิงระยะใกลแ้ บบอตั โนมตั ิ (รูปที ๕-๑๔) แลว้ ทาํ การตรวจคน้ หอ้ งแบบเป็นระบบ โดยทหารคน
แรกจะตามคนทีสองเขา้ ไปแลว้ เขา้ ไปยงั ตําแหน่งของประตูตรงขา้ มกบั คนทสี อง ในขณะทชี ุดสนบั สนุน
ไดท้ าํ การกวาดลา้ งบริเวณดา้ นนอกและทาํ การระวงั ป้องกนั ดา้ นนอกของหอ้ งแล้ว (ดรู ายละเอียดเพิมเติม
เกียวกบั คาํ แนะนาํ ในการเขา้ ไปในหอ้ งจาก รส. ๗-๘)

- ๑๐๗ -

รูปที ๕-๑๔ การปฏบิ ัตเิ มือทหารคนแรกเข้าไปในห้อง
ง. การใช้เสียงเตือนและสัญญาณของทหารเป็ นสิงสําคญั ยิงของชดุ โจมตี ซึงกาํ ลังพลแตล่ ะคน
จะตอ้ งให้ทกุ คนในชดุ โจมตีทราบว่าเขาอยตู่ รงไหนและกาํ ลงั ทาํ อะไร เช่น เมือทาํ การกวาดลา้ งในหอ้ ง
เรียบรอ้ ย ชดุ โจมตีจะตะโกน “ปลอดภยั ” เพอื ใหฝ้ ่ ายสนบั สนนุ ทราบ และตะโกน “กําลังออกไป” ก่อน
ออกไปรวมกับฝ่ ายสนบั สนุน หลงั จากนนั จะทาํ เครืองหมายไวท้ ีหอ้ ง ตาม รปจ. หรือเมอื เคลอื นทีขึนหรือ
ลงบนั ไดในแตล่ ะช่วงจะตอ้ งตะโกนบอกว่า “กาํ ลงั ขึน” หรือ “กาํ ลังลง” ดว้ ย
จ. การใช้ชอ่ งโหว่ ทผี นงั ทีถกู เจาะมีความกวา้ งประมาณ ๒ ฟตุ เพือเป็นช่องทางให้ทหารใชเ้ ขา้
ไปในหอ้ ง (รูปที ๕-๑๕) ซึงมีความปลอดภยั มากกวา่ การเข้าทางประตูทีนิยมใชก้ ับดักและควรหลีกเลียง
โดยทกุ ครังทจี ะเข้าไป จะตอ้ งโยนระเบดิ ขวา้ งเขา้ ไปกอ่ น

- ๑๐๘ -

รูปที ๕-๑๕ การผ่านช่องโหว่ผนงั ตึกของทหาร
ตอนที ๒

เทคนิคการเข้าในอาคาร
ทหารจะตอ้ งเปิ ดเผยตวั ใหน้ อ้ ยทสี ุดเมือเข้าไปในอาคาร และเลอื กจดุ ทีจะเขา้ ก่อนเคลือนทีตรงไป
ยงั อาคาร โดยหลกี เลียงการใชป้ ระตู หนา้ ตา่ ง ใชค้ วนั พรางการรุกคืบหนา้ ไปยงั อาคาร ใชก้ ารทาํ ลาย
กระสุนรถถงั รถรบทหารชา่ ง และอืนๆ ในการทาํ ชอ่ งทางเขา้ ใหม่รวมทงั การใชร้ ะเบดิ มอื ขวา้ งนาํ เขา้ ไป
ก่อน และเขา้ ไปทนั ทีเมือระเบดิ ทาํ งานแลว้ โดยคุ้มกนั ของคู่บดั ดี
๕ – ๑๐ การปฏบิ ัติในชันบนของอาคาร

การกวาดลา้ งอาคารจากบนลงล่างเป็นวธิ ีทนี ิยมใช้ และเป็นวิธีทีง่ายในการป้องกนั /ตงั รับใน
อาคารจากชนั บน โดยการใชร้ ูปแบบอาคารและแรงโนม้ ถ่วงให้เป็นประโยชน์ในการโยนระเบดิ มอื และ
เคลือนทีจากชนั หนึงลงไปอีกชันหนึง

ก. ขา้ ศึกทถี กู กดดนั ไปยงั ชนั บนของอาคาร อาจจะจนมมุ และต่อสู้แบบไมค่ ิดชีวิต หรือหลบหนี
ขึนไปบนหลังคา แตข่ ้าศึกทีถกู กดดนั ลงไปยงั ชนั ล่างจะถอนตวั ออกจากอาคารและเปิ ดเผยตัวเป็ นเป้ าการ
ยงิ ของฝ่ ายเราจากดา้ นนอก

ข. การใช้วิธีอืนๆ ทีหลากหลาย เชน่ การใชบ้ นั ไดพาด ทอ่ ระบายนาํ เถาวลั ย์ เฮลิคอปเตอร์
หรือหลงั คาหรือหนา้ ต่างของอาคารทตี ิดกนั เพือขึนไปถงึ ชนั บนหรือหลงั คาของอาคาร ซึงบางครงั ทหาร
อาจใช้วธิ ีการเหยียบบา่ ปี นขึนไป หรือใชโ้ ยทะกาทีปลายเชือกไต่ชว่ ยพลยงิ ใหป้ ีนเกาะผนงั ขึนไป หรือใช้
การดีดตวั จากอาคารอืน หรือผา่ นเขา้ ทางหนา้ ต่างชนั บน

- ๑๐๙ -
๕ – ๑๑ การใช้บนั ไดพาด

การใชบ้ นั ไดเป็นวิธีทเี ร็วทสี ุดในการเขา้ ไปยงั ชนั บนของอาคาร (รูปที ๕-๑๖) ซึงหนว่ ยสามารถ
หาบนั ไดจากประชาชนในทอ้ งถินหรือร้านคา้ หรือสร้างขึนจากวสั ดุทีได้มาจากสายการส่งกาํ ลัง โดยการ
สรา้ งมาจากแหล่งส่งกําลงั ในพืนทใี นเมอื ง เช่น การใช้ทอ่ นไมจ้ ากผนงั ดา้ นใน (รูปที ๕-๑๗) แมว้ ่าบนั ได
จะไมส่ ามารถใชข้ ึนไปถึงชันบนของอาคาร แต่ทาํ ให้มคี วามปลอดภยั ในการป้องกนั เนอื งจากสามารถ
เคลือนทีเร็ว

รปู ที ๕-๑๖ การใช้บันไดพาดเพือขึนไปยงั ชันบน

รูปที ๕-๑๗ การใช้ท่อนไม้จากผนังด้านใน

- ๑๑๐ -
๕ - ๑๒ การใช้โยทะกา

โดยเลือกใชโ้ ยทะกาและเชือกทีมอี ยู่ ซึงตะขอจะตอ้ งมีความแขง็ แรงพอ นาํ ติดตวั ไปได้ และงา่ ย
แกก่ ารโยน รวมทงั มีทีเกียวทีสามารถยดึ กบั ดา้ นในของหน้าตา่ ง และเชือกไต่ควรมเี สน้ ผา้ ศนู ยก์ ลาง ๕/๘
ถึง ๑ นิว มีความยาวพอทีจะโยนถึงหน้าต่างทตี อ้ งการ และผูกเป็นปมห่างกันประมาณ ๑ ฟุต เพอื ช่วยให้
ไตไ่ ดง้ ่ายขึน โดยการปฏิบตั ิตามคาํ แนะนาํ ดังตอ่ ไปนี

ก. การโยนโยทะกาจะตอ้ งยนื ชิดกําแพงใหม้ ากทสี ุด (รูปที ๕-๑๘) เพือลดการเปิ ดเผยตวั ตอ่ การ
ยงิ ของข้าศึก และลดระยะทางดิงในการโยนโยทะกา

ข. ตอ้ งแนใ่ จวา่ เชือกมีความยาวเพียงพอไปถึงเป้ าหมาย โดยถือโยทะกาและขดเชือก ๒-๓ ขดไว้
ในมือทจี ะโยน และขดเชือกทเี หลอื ขดหลวมๆ ใชม้ ืออีกขา้ งถอื ไว้พรอ้ มทจี ะปล่อยเชือกใหเ้ ป็นอิสระ ใน
การโยนจะตอ้ งโยนดว้ ยความนุ่มนวล เมอื ตะขอลอยสูงขึนมืออีกขา้ งปล่อยเชือกคลีตามออกไป

ค. เมือโยทะกาเขา้ ไปในหนา้ ต่าง (หรือบนหลงั คา) ดึงเชือกให้เกียวแน่นๆ ก่อนทาํ การปี น ซึงการ
ดึงไปทมี ุมของหนา้ ต่างจะมีโอกาสช่วยการเกาะไดด้ ี อีกทงั จะลดการเปิ ดเผยตวั บริเวณหนา้ ตา่ งทตี ํากวา่
ในระหว่างการปี น

ง. การใช้โยทะกาเป็นวิธีทนี ิยมนอ้ ยทสี ุดในการเขา้ ไปยงั ชนั บนของอาคาร โดยจะเลือกใช้เป็นวธิ ี
สุดทา้ ย ในการหนีจากทีตงั ขา้ ศึกทีมีศกั ยภาพ ซึงวิธีนอี าจใชก้ บั อาคารติดกนั ทีมที ตี งั ทีซอ่ นพรางและมี
หลงั คาเชือมตอ่ ไปยงั ทีตงั ของขา้ ศกึ

รูปที ๕-๑๘ การใช้โยทะกาโยนในระยะใกล้

- ๑๑๑ -

๕ – ๑๓ การไต่ผนังกาํ แพง
เมอื ทาํ การไต่กําแพงและเปิ ดเผยตอ่ การยิงของขา้ ศึกจะต้องใชก้ ารซ่อนพรางทงั หมดทีมีอยู่ โดย

การใชค้ วนั และมาตรการหนั เหความสนใจของขา้ ศกึ เพือเพิมโอกาสความสาํ เร็จในการเคลือนทีอยา่ ง
เปิดเผย ซึงการใชค้ วนั พรางจะต้องพิจารณาทิศทางลม และควนั ทีจะใช้ นอกจากนีการใชไ้ ฟ การตะโกน
และการเคลือนทลี วง เพือดึงความสนใจของข้าศกึ

ก. การปี นผนงั กาํ แพงดา้ นนอกเป็นจดุ อ่อนต่อพลซมุ่ ยิงของขา้ ศึก ทหารทเี คลอื นทีจากอาคารไป
ยงั อาคารอืน และทหารทไี ตก่ าํ แพงจะตอ้ งไดร้ ับการคุม้ กนั จากฝ่ ายเดียวกนั เนืองจากพืนทรี ะหวา่ งอาคาร
เป็นพืนการยิงทดี ีของข้าศกึ ซึงทีตงั อาวธุ ยิงทีเหมาะสมของฝ่ ายเราสามารถระงบั /กาํ จดั การยงิ ของฝ่ าย
ขา้ ศึก โดยการใชเ้ ครืองยิงลูกระเบดิ เอม็ .๒๐๓ M203 จะไดผ้ ลดีในการกวาดลา้ งขา้ ศึกจากหอ้ งภายใน
อาคาร (รูปที ๕-๑๙)

ข. ทหารทีไต่ผนงั กาํ แพงดว้ ยเชือก จะตอ้ งหลีกเลียงการทาํ ตวั ตัดกับฉากหลงั บริเวณหนา้ ตา่ งของ
หอ้ งทียงั ไมไ่ ด้ทาํ การกวาดล้าง และหลีกเลียงการเปิ ดเผยตวั ตอ่ การยิงของขา้ ศึกจากหนา้ ตา่ งทอี ยตู่ าํ กวา่
และในระหวา่ งการไต่ใหส้ ะพายอาวุธไวท้ างบ่าดา้ นทถี นดั เพือเปลียนมาเป็ นทา่ ยงิ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ซึงจะ
ตอ้ งทาํ การกวาดลา้ งหอ้ งทีอยตู่ าํ กวา่ ด้วยระเบิดมอื กอ่ นออกไปนอกหนา้ ตา่ ง ซึงจะทาํ ได้โดยการคลายสลกั
นิรภยั ไวก้ ่อนและใชม้ ือเพยี งขา้ งเดียวในการโยนระเบิด และตอ้ งโยนระเบิดเขา้ ไปในหนา้ ตา่ งชนั บนทีเป็น
ทีหมายก่อนเข้าไป

ค. ทหารทีเข้าไปในหนา้ ต่างทีหมายตอ้ งลดการทาํ ตวั ใหต้ ัดกบั ฉากหลงั (รูปที ๕-๒๐) โดยอาจนํา
ศีรษะเขา้ ไปกอ่ น แตว่ ิธีทนี ิยมคือการเกียวขาทีขอบล่างหนา้ ต่าง และเขา้ ทางข้างโดยใชล้ าํ ตัวคร่อมขอบ
หนา้ ต่าง

- ๑๑๒ -

รูปที ๕-๑๙ การใช้เครืองยิงลูกระเบิด เอ็ม๒๐๓ (M203) ในการกวาดล้างพลซุ่มยิงของ

เข้าไปยังหน้าต่างหลงั จากที
โยนระเบิดมอื เข้าไปแล้วเท่านัน

รูปที ๕-๒๐ ทหารเขา้ ไปยังหน้าตา่ งทีหมาย

- ๑๑๓ -
๕ – ๑๔ การไต่เชือกลงทางดิง

การไตเ่ ชือกลงทางดิง (รูปที ๕-๒๑) เป็นเทคนิคในการเขา้ ชนั บน ซึงทหารสามารถใชส้ าํ หรับ
การโจมตีจากหลงั คาของอาคารสูงเข้าไปทางหนา้ ตา่ ง (ดรู ายละเอียดเพิมเติมการไต่เชือกลงทางดิง จาก
คจ. ๒๑-๒๔ )

รูปที ๕-๒๑ การไต่เชือกลงทางดิง
๕ – ๑๕ การเข้าจากชันล่าง

การกวาดลา้ งอาคารตอ้ งกระทาํ จากบนลงลา่ ง แตอ่ าจไมส่ ามารถเขา้ อาคารไดจ้ ากชนั บนสดุ จึง
ตอ้ งเขา้ จากชนั ลา่ งหรือชนั ทีตาํ กวา่ ซึงทหารจะตอ้ งหลีกเลียงการเขา้ ทางประตูและหนา้ ตา่ งชนั ลา่ ง
เนืองจากอาจมีการวางกับระเบดิ และมกี ารยงิ คุ้มครองจากขา้ ศกึ

ก. แนวความคิดเมอื เขา้ ทางชนั ล่างของอาคาร โดยการใชก้ ารทาํ ลาย การยิงของ ป. การยิงของ
ถ. การยิงของอาวุธ ตถ. หรือวิธีทคี ลา้ ยกนั นี ในการสรา้ งชอ่ งทางเขา้ ใหมเ่พือหลีกเลียงกับระเบดิ ซึงการ
เขา้ อยา่ งเร่งด่วนจะทาํ ตอ่ จากผลของการระเบิดหรือระเบิดเทยี มเสียง

ข. กรณีทางเขา้ อาคารมเี ฉพาะประตู หนา้ ต่าง ควรใชก้ ารยงิ สนบั สนนุ โดยตรงมายงั บริเวณ
พืนทีนนั หากไมม่ ีการยิงสนบั สนนุ สามารถใชอ้ าวุธต่อสูร้ ถถงั ขนาดเบาทดแทนได้

ค. กอ่ นการเขา้ อาคาร ทหารจะตอ้ งใชร้ ะเบิดขวา้ งแบบไมถ่ ่วงเวลาโยนเข้าไปในทางเขา้ ใหม่
เพือเพิมกําลงั จากผลของการระเบิดตงั แต่เริมแรก โดยการสร้างทางเขา้ ใหมจ่ ะต้องพจิ ารณาผลดงั กล่าวกบั
อาคารทีปฏิบตั ิการและอาคารทีอยตู่ ิดกนั ซึงหากมีความจาํ เป็ นทีจะทาํ การยิงไปยงั อาคารทอี ยตู่ ิดกนั
จะตอ้ งประสานกบั หน่วยทรี ับผิดชอบอาคารนนั เพือขออนุญาตกอ่ นเริมปฏิบตั กิ าร สําหรับอาคารไมท้ ตี ิด
ไฟได้ แรงระเบิดอาจทาํ ใหอ้ าคารพงั ทลาย ในอาคารทกี ่อด้วยหิน อิฐ หรือคอนกรีต การยงิ สนบั สนุนจะ

- ๑๑๔ -
เล็งไป บริเวณมุมของอาคารหรือจดุ ทอี อ่ นแอในโครงสรา้ งของอาคาร (เทคนิคเฉพาะของการเขา้ ชนั ลา่ ง
ของอาคารแสดงใน รูปที ๕-๒๒)

ใช้ทหารสองคนยก แบบมีสงิ รองรับ

ใช้ทหารสองคนยนื หนั หน้า ทหารอีกคนยนื บนเครืองรองรบั เมือสองเท้าอยู่บนเครืองรองรบั
เข้าหากนั ถอื เครืองรองรบั ทหารทังสองยกขึนให้ทหารคนทีสาม
(แผ่นกระดาน หรอื ท่อนไม้)
ขึนไปถึงชอ่ งทางเข้า

ใช้ทหารสองคนยกส้นเท้า

ทหารคนแรกยืนกางฝ่ ามือหนั หน้าเข้าหา ทหารสองคนก้มโดยหนั หน้าเข้าหากนั
อาคาร แยกเท้าออกประมาณ ๒ ฟุต โดย จับสน้ เท้าของทหารคนแรก แล้วยกขึน
ยกส้นเท้าขึน เพอื ให้ทหารสองคนยก อย่างรวดเร็วเพือให้คนแรกขึนไปถึงช่อง
ทางเข้า

รูปที ๕-๒๒ เทคนิคการเข้าอาคารชันล่าง

- ๑๑๕ -
ใช้ทหารหนงึ คนยก

ทหารหนึงคนยนื เอาข้างหรือหลังพงิ อาคาร
โดยการป ระสานมือ ใหท้ หารอีกคนยกเท้า
ขึนวางบน มื อแล้ วยกขึนไป ถึงช่ องทางเข้ า

ใช้ทหารสองคนดงึ

เมือทหารสองคนแรกเขา้ ไปในอาคาร
และทหารคนอืนๆหาทางเข้า ทหารสอง
คนทีอยู่ในอาคารเรียบร้อยแลว้ สามารถ
ช่วยคนทีเหลอื โดยการดงึ เข้าไปในอาคาร

รูปที ๕-๒๒ เทคนิคการเข้าอาคารชันล่าง (ต่อ)

- ๑๑๖ -

เมือท หารสองคน ก้ มและหันหน้ า ทหารคนทสี ามยกเท้าไปยืนบนมอื เมือสองเท้ายนื บนมือทปี ระสาน ทหาร
เข้าหากัน โดยการประสานมือทังคู่ ทีประสานของทหารสองคน สองคน ยกคนทีสามขึนไปยงั ช่องทางเข้า

รูปที ๕-๒๒ เทคนิคการเข้าอาคารชันล่าง (ต่อ)

๕ - ๑๖ การใช้ระเบดิ มือ
การรบในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง (ในระหวา่ งการโจมตี) มีความตอ้ งการใชร้ ะเบดิ มอื อยา่ งกวา้ งขวาง

โดยทหารจะขวา้ งระเบิดกอ่ นการกระโดดเขา้ ไปทางช่องบนั ได ช่องรูโหว่ เป็ นตน้ และทา่ ขวา้ งทีใชเ้ ป็ น
ท่าแบบปกติ แบบมือเหนือศีรษะ และขวา้ งแบบโยน ซึงระเบิดขวา้ งจะตอ้ งลดการถ่วงเวลา ประมาณ ๒
วินาที เพือป้ องกนั ขา้ ศึกหยิบระเบิดและขวา้ งกลบั มา

ก. วสั ดุก่อสร้างทีใชใ้ นอาคารจะถูกกาํ จดั จากผลของการใชร้ ะเบดิ ขวา้ ง ดงั นนั การใช้ระเบดิ เทียม
เสียง หรือระเบดิ ขวา้ งเชิงรุก จะนิยมมากกวา่ ระเบดิ ขวา้ งมีสะเก็ดในระหวา่ งปฏิบตั ิการรุก หรือระหวา่ ง
การตงั รับในทีมนั ตงั รับเร่งด่วน ถา้ ทางเดินของอาคารทาํ จากวสั ดุบางๆ เช่น หินแผ่น หรือกระดานอดั
บางๆ ทหารจะตอ้ งหมอบราบกบั พนื หนั หมวกเหลก็ ไปยงั ทศิ ทางพืนทีทมี ีการระเบดิ หรือเคลือนทีออก
จากผนงั ทีสะเก็ดระเบดิ สามารถเจาะทะลไุ ด้

ข. ทหารจะตอ้ งขวา้ งระเบิดมือเขา้ ไปยงั ชอ่ งเปิด กอ่ นเขา้ ไปในอาคารเพือกาํ จดั ขา้ ศกึ ทีอยใู่ กล้
ทางเขา้ (รูปที ๕-๒๓) ซึงการใชเ้ ครืองยิงลกู ระเบิด เอ็ม.๒๐๓ (M203) เป็นวิธีทดี ีทสี ุด หรือใชว้ ิธีขวา้ ง
ระเบดิ มอื เขา้ ไปในหนา้ ตา่ งชนั บน

ค. เมือตอ้ งใชร้ ะเบิดมอื ทหารทขี วา้ งระเบดิ ควรยืนติดกบั อาคาร โดยใชอ้ าคารเป็นเครืองกาํ บงั ใน
ขณะเดียวกนั กาํ ลงั ส่วนทเี หลือจะตอ้ งมแี ผนทีจะใชพ้ นื ทีหลบไปยงั ทีปลอดภยั จากระเบดิ กรณีทีระเบดิ ไม่
เขา้ ไปในหนา้ ต่างแตต่ กกลบั มาบนพืน

- ๑๑๗ -
ง. ทหารทขี วา้ งระเบดิ ควรรอใหร้ ะเบดิ ทาํ งานก่อนอยา่ งนอ้ ย ๒ วินาที แล้วกา้ วออกไปไกลพอทีจะ
โยนระเบิดมอื ไปยงั ชอ่ งเปิดของชนั บน สําหรับอาวุธใหถ้ อื ไวอ้ ีกมอื และพรอ้ มทจี ะใชเ้ มือตอ้ งการ เมือ
ระเบดิ ถูกขวา้ งไปยงั ช่องเปิด (รูปที ๕-๒๓) กาํ ลงั ฝ่ ายโจมตีตอ้ งเคลือนทอี ยา่ งวอ่ งไวเข้าไปในอาคาร ซึง
เทคนิคนีจะใช้ตอ่ เมือกระจกหน้าตา่ งแตกแลว้ เทา่ นนั เพราะมโี อกาสสูงทีระเบิดจะตกกลบั ลงมาบนพืน
แทนทีจะเขา้ ไปในหอ้ ง
จ. ถา้ ทหารตอ้ งเข้าไปในอาคารโดยใช้บนั ไดบา้ น ขนั แรกใหต้ รวจดูกบั ระเบิด แล้วขวา้ งระเบิดมอื
เขา้ ไปทางประตชู อ่ งบนั ได รอใหร้ ะเบิดแลว้ เคลือนทีเขา้ ไปข้างในอยา่ งรวดเร็ว โดยใชบ้ นั ไดเป็นทกี าํ บงั

รูปที ๕-๒๓ การขว้างระเบิดมือผ่านช่องหน้าต่าง

คําเตือน
หลังจากขว้างระเบิดทหารจะต้องตะโกน “ระวังสะเก็ดระเบิด” ทนั ทีเพือบอกให้รู้ว่าระเบดิ ได้
ถูกขว้างออกไป แลว้ หาทีกําบังทรี ะเบิดกระดอนออกมาหรือถูกโยนกลบั มา หรือข้าศึกอาจทาํ การยิง
มายังผู้ขว้ าง

- ๑๑๘ -
ฉ. ช่องทางทดี ีทีสุดในการเขา้ ไปในอาคาร คือใชร้ อยแตกจากผนงั ดา้ นนอก และระเบดิ มอื จะตอ้ ง
โยนผ่านช่อง โดยใชส้ ิงกาํ บงั ทีมีอยู่ เชน่ มุมด้านล่างของอาคาร (รูปที ๕-๒๔)

รูปที ๕-๒๔ การโยนระเบิดมือเข้าไปในช่องโหว่ของกําแพง

ช. หากการใชป้ ระตูเป็นวิธเี ดยี วทจี ะเขา้ ไปในหอ้ งได้ ทหารจะตอ้ งระมดั ระวงั การยงิ จากทหาร
ขา้ ศึกทอี ยใู่ นหอ้ ง และระวงั กบั ดกั การเปิ ดประตูสามารถทาํ ไดโ้ ดยใช้มอื การเตะ การยิง หรือใชเ้ ครืองมอื
ในการบกุ เบิก เชน่ ขวาน และในขณะทีเปิดประตูทหารจะตอ้ งกาํ บงั ตวั จากการยงิ ผา่ นประตู หากใชก้ าร
เปิดดว้ ยมือ ควรใช้เป็นชุดปฏิบัติการ ๒ คน โดยแตล่ ะคนจะยนื กาํ บงั อยคู่ นละขา้ งของประตู แตค่ วรใช้วิธี
เปิดแบบเตะหรือจากการยงิ (รูปที ๕-๒๕) ซึงในขณะทคี นหนึงเตะประตู อีกคนจะยืนอยู่ขา้ งประตู

ซ. ทหารทใี ชก้ ารยิงอตั โนมตั ใิ นระยะใกล้ จะตอ้ งเล็งไปทีกลไกการลอ็ คประตู และยงั สามารถใช้
วธิ ีอืนๆ ไดถ้ า้ มีเครืองมือ เชน่ การใชข้ วาน การรือทาํ ลาย และวิธีสุดทา้ ยได้แกท่ หารเตะประตูใหเ้ ปิ ด เป็ น
เทคนิคทีนิยมนอ้ ยทีสดุ เนืองจากมีความยากและเหน็ดเหนอื ยเพราะประตูมกั ไม่เปิ ดในการเตะครังแรก ทาํ
ใหข้ ้าศกึ ทีอยใู่ นหอ้ งรู้ตวั (และมีเวลาพอทีจะทาํ การยงิ ผ่านทะลุประตู) ขณะทีประตูเปิ ดให้โยนระเบิดมือ
เขา้ ไป และหลงั จากการระเบิดทหารคนแรกจะเขา้ ไปประจาํ ตาํ แหนง่ ในหอ้ ง ทางซา้ ยหรือขวาของทางเขา้
ดา้ นหนึงของผนงั ทาํ การโจมตีเป้ าหมายดว้ ยความเร็ว ใชก้ ารยิงอตั โนมตั ิระยะใกล้ และการกวาดสายตา
ตรวจในหอ้ ง โดยส่วนทเี หลือของทีมทาํ การระวงั ป้ องกนั ในทนั ที ทงั นีทหารคนแรกในหอ้ งจะตดั สินใจ
ใหท้ หารคนต่อไปอยตู่ าํ แหนง่ ไหน แลว้ ออกคาํ สงั ใหเ้ ขา้ มา ซึงทหารทเี ขา้ มาจะตะโกนทวนการปฏิบตั ิวา่

- ๑๑๙ -
ไดเ้ ขา้ มาแลว้ อยใู่ นตาํ แหน่งใด อีกดา้ นหนึงของผนงั ทาํ การกวาดสายตาตรวจในห้อง เมอื เขา้ ประจาํ
ตาํ แหนง่ เรียบรอ้ ยแลว้ ทหารทยี ศอาวโุ สจะเรียกกาํ ลงั เสริมเข้าไป ดว้ ยวิธนี ี เป็นสิงทีล่อแหลมทีสมาชกิ
ชุดโจมตีทุกคนจะต้องบอกซึงกนั และกนั เพือหลีกเลียงการเขา้ ใจผิด

รูปที ๕-๒๕ การยิงประตูให้เปิ ดของทหาร
ด. อีกวิธีทีจะเขา้ ไปในหอ้ งคือการเจาะรูโหวก่ ําแพงโดยใชก้ ารทาํ ลาย ซึงการเคลือนทีจากหอ้ งหนึง
ไปยงั อกี หอ้ งหนึงผ่านรูโหว่ ทหารจะตอ้ งใชร้ ะเบิดขวา้ งเหมือนกับการผ่านเขา้ ทางประตู และเมือผ่านรู
โหวไ่ ปแล้ว ตอ้ งทาํ ตวั ใหต้ ําและหาทีกาํ บงั
ต. ถึงแมก้ ารกวาดลา้ งอาคารจากบนลงลา่ งจะเป็ นวิธีทดี ีทีสุด แตไ่ ม่สามารถทาํ ไดเ้ สมอไป ขณะที
ทาํ การกวาดลา้ งชนั ลา่ งของอาคาร ทหารมกั เผชญิ กับการต่อสูข้ องขา้ ศกึ บริเวณบนั ไดซึงจะต้องทาํ การ
กวาดลา้ งด้วย ดงั นนั การใชร้ ะเบดิ ขวา้ งยงั เป็นบทบาทสําคัญ สาํ หรับการผ่านขึนบนั ไดจะตอ้ งตรวจดูกบั
ระเบิดเป็นอนั ดบั แรก แลว้ ขวา้ งระเบิดมอื ทีปลดกระเดืองแล้วไปดา้ นบนสุดของบนั ได (รูปที ๕-๒๖) โดย
ตะโกนใชเ้ สียงเตอื นเมือขวา้ งระเบิด และเมอื ลกู แรกระเบดิ ระเบิดลูกตอ่ ๆ ไปถูกโยนไปบนบนั ได และ
ดา้ นหลงั ราวบนั ได รวมทงั ทีทางเดินในหอ้ งโถงเพือทาํ ลายขา้ ศกึ ทีอยดู่ า้ นหลงั การใชบ้ นั ไดเป็นเครือง
กาํ บงั หากทหารจะขวา้ งระเบิดจะใชว้ ิธีโยนแขนตํา เพือลดความเสียงในการกระดอนกลบั หรือกลงิ ตกลง
มาจากบนั ได

- ๑๒๐ -
ถ. หลงั จากบนั ไดปลอดภยั ชดุ โจมตีจะเคลือนทีไปชนั บนและทาํ การกวาดลา้ ง โดยวิธีการทอี ธิบาย
ไปแล้ว หลงั จากกวาดลา้ งชนั บนแล้ว ชดุ ปฏิบตั กิ ารจะเคลือนทีลงมากวาดลา้ งชนั กลางและชนั ล่าง และ
ปฏิบตั ิภารกิจตอ่ ไป

หมายเหตุ : เนืองจากระเบดิ มอื จะตอ้ งใชใ้ นการกวาดล้างในอาคารเป็นจาํ นวนมาก ดงั นนั จงึ
ตอ้ งการการส่งกาํ ลงั อยา่ งต่อเนืองสําหรับชดุ ปฏิบตั ิการทปี ฏิบตั ิภารกิจในพืนทสี ิงปลกู สร้าง

รูปที ๕ - ๒๖ การขว้างระเบิดมือขึนไปบนช่องบนั ได
ตอนที ๓

ตาํ แหน่งทีตงั ยิง
ความสาํ เร็จหรือความลม้ เหลวของหน่วยทีปฏิบตั ิการเขา้ ตี ตงั รับ หรือร่นถอย ขึนอยกู่ บั ขีด
ความสามารถส่วนตวั ของทหารในการทาํ การยิงอยา่ งแมน่ ยาํ ไปยงั ข้าศกึ และเปิ ดเผยตวั ต่อการยิงโตต้ อบ
นอ้ ยทีสุด ดงั นนั ทหารจะตอ้ งหาทตี งั ยงิ ทีเหมาะสมไดใ้ นทนั ที
๕ - ๑๗ ทีตังยิงเร่งด่วน
ตามปกติทีตงั ยิงเร่งดว่ นเป็นทตี งั ทยี ดึ ไดจ้ ากการเขา้ ตี หรือใชใ้ นขนั ตน้ ของการตงั รับ เป็นทีที
ทหารสามารถทาํ การยงิ ไปยงั ขา้ ศึกโดยใชท้ กี าํ บงั ทีมอี ยู่ป้องกนั อนั ตรายจากการยิงโตต้ อบของขา้ ศกึ โดย
ทหารอาจเขา้ ยดึ อยา่ งตงั ใจหรือถูกกดดนั จากการยิงของขา้ ศึกใหใ้ ชท้ ีตงั ยิงเร่งด่วน ซึงทงั สองกรณี ทาํ ให้มี

- ๑๒๑ -
เวลาในการเตรียมการนอ้ ยก่อนการเข้ายึดครอง เทคนิคในการเลือกทีตงั ยงิ เร่งดว่ นในพืนทสี ิงปลูกสร้างมี
ดงั นี

ก. การใช้มมุ ของอาคาร ทตี งั ยิงเร่งด่วนทเี หมาะสมจะใช้มุมของอาคารเป็นทีกาํ บงั
๑) พลยงิ จะตอ้ งมีความสามารถในการยิงปืนไดท้ งั ไหลข่ วาและไหล่ซา้ ยเพือใหไ้ ดผ้ ลดีในทกุ

ตาํ แหน่งของมุมอาคาร ซึงความผิดพลาดในการยงิ บริเวณมุมอาคารเกิดจากการยงิ ปื นผิดไหล่ ทาํ ใหพ้ ลยิง
เปิดเผยร่างกายมากเกนิ ความจาํ เป็น ดงั นนั การยงิ โดยใชไ้ หล่ทเี หมาะสมจะลดการตกเป็ นเป้ าจากการยิง
ของข้าศึก

๒) ความผดิ พลาดประการต่อไป ไดแ้ ก่ เมือทาํ การยนื ยิงในมมุ ของอาคาร พลยงิ จะเปิ ดเผย
ร่างกายเป็นเป้ า ณ ความสงู ทีขา้ ศกึ คาดเอาไว้ ทาํ ใหม้ คี วามเสียงในการตกเป็นเป้ าของขา้ ศกึ ทงั ตวั

ข. การใช้ผนังกาํ แพง เมอื ทาํ การยงิ หลงั กาํ แพง ทหารจะตอ้ งยิงจากดา้ นขา้ ง ไมใ่ ช่ดา้ นบนของ
ทกี าํ บงั (รูปที ๕-๒๗)

รูปที ๕-๒๗ ทหารทําการยิงดา้ นข้างทีกําบัง

ค. การใช้ช่องหน้าต่าง
ในพืนทสี ิงปลกู สร้าง หนา้ ต่างใชเ้ ป็นป้อมยงิ ทีสะดวก ทหารจะตอ้ งหลีกเลียงการยงิ ในทา่ ยนื ที
หนา้ ตา่ ง เนอื งจาก จะเปิ ดเผยส่วนใหญข่ องร่างกายในการยงิ โตต้ อบของขา้ ศึก และพลยงิ บริเวณชอ่ ง
หนา้ ตา่ งยงั ทาํ ตวั ตดั กบั แสงฉากหลงั ภายในอาคาร ทาํ ใหส้ งั เกตเห็นตําแหนง่ ของพลยิงไดช้ ดั เจน โดย
เฉพาะในเวลากลางคนื แสงจากปากลาํ กลอ้ งปื นจะสังเกตเห็นไดง้ ่าย จึงต้องใชว้ ธิ ีทีเหมาะสมในการยงิ จาก
ชอ่ งหนา้ ต่าง (รูปที ๕-๒๘) โดยทหารจะตอ้ งถอยกลบั เขา้ ไปในหอ้ งเพือป้ องกนั แสงจากปากลาํ กลอ้ งปื น
และทาํ การคกุ เขา่ ยงิ เพือลดการเปิ ดเผยตัวและการตัดกบั ฉากหลัง

- ๑๒๒ -

รูปที ๕-๒๘ ทหารทําการยิงจากช่องหน้าตา่ ง
ง. การใช้ช่องยิงในกาํ แพง ทหารอาจยิงผ่านรูทีทะลุผนงั กาํ แพงโดยหลีกเลยี งการใชช้ อ่ งหน้าต่าง
(รูปที ๕-๒๙) โดยอยหู่ า่ งออกไปหลงั ชอ่ งกาํ แพงทาํ ให้ปากลาํ กลอ้ งของอาวธุ ไมย่ ืนออกไปนอกกาํ แพง
และไมเ่ หน็ แสงจากปากลาํ กลอ้ ง

ไม่เห็นแสงปากลาํ กลอ้ ง
จากภายนอก

รูปที ๕-๒๙ ทหารทาํ การยิงจากช่องกําแพง
จ. การใช้หลังคา กนั สาดจากหลงั คาสร้างความเป็นตอ่ ใหก้ ับพลซมุ่ ยิงในการเพิมพืนการมองและ
ระยะในการโจมตีเป้าหมาย (รูปที ๕-๓๐) รวมทงั ปล่องไฟ ปลอ่ งควนั และวตั ถุทยี ืนขนึ มาจากหลงั คา
สามารถใชใ้ นการลดขนาดการตกเป็ นเป้ าหมายได้

- ๑๒๓ -

รูปที ๕-๓๐ ทหารทําการยิงจากกันสาดหลังคา
ฉ. ไม่มีทีตังยิง เมอื ทหารถกู กระทาํ จากการยงิ ของข้าศกึ และไมม่ ีทีตงั ยิงตามทกี ล่าวมา จะตอ้ ง
ปรากฏตวั ในการเป็นเป้ าใหน้ อ้ ยทีสดุ หากอยใู่ นทโี ล่งระหวา่ งอาคาร (บนถนน, ในตรอก) และถูกข้าศกึ ยิง
ลงมาจากอาคารหนึงโดยไมม่ ที ีกาํ บงั ทหารควรหมอบราบใหใ้ กลอ้ าคารทขี า้ ศกึ ทาํ การยงิ ให้มากทีสุด
เพือใหข้ ้าศึกทีโจมตีชะโงกหนา้ ออกมา และเป็ นเป้ าสาํ หรบั การยิงโตต้ อบของฝ่ายเรา
ช. ไม่มีทีกําบงั เมอื ทหารไมม่ ีทีกาํ บงั จะลดการเป็นเป้ าลงเมอื ทาํ การยิงในทา่ นอนยิง หรือทาํ การยิง
จากในร่มเงา รวมทงั การทาํ ตวั ไมต่ ดั กบั ฉากหลงั
๕ - ๑๘ การเตรียมทีตังยงิ

การเตรียมทตี งั ยงิ ไดแ้ ก่การสร้างหรือการปรับปรุงทตี งั สาํ หรบั พลยิงใหส้ ามารถโจมตีเฉพาะ
พืนที เสน้ ทางขา้ วของข้าศกึ ทตี งั ของขา้ ศึก ตลอดจนการลดการเปิ ดเผยตวั ในการยงิ โต้ตอบ ซึงตวั อยา่ ง
ในการเตรียมทีตงั ยิง ประกอบด้วย การปิ ดกนั ช่องหนา้ ต่าง การสรา้ งป้อมในช่องกาํ แพง ทตี งั ของพลซุ่ม
ยิง ทีตงั อาวธุ ต่อสู้รถถงั และทตี งั อาวธุ กล

ก. ช่องยิงธรรมชาติของหนา้ ต่างสามารถปรับปรุงโดยการปิ ดกนั ช่องหนา้ ต่าง เหลอื รูเลก็ ๆ ไว้
สาํ หรับพลยงิ (รูปที ๕-๓๑) ซึงใชว้ สั ดุทีฉีกขาดจากภายในอาคาร หรือทหี าได้ โดยหลกี เลียง

๑) การอดุ ช่องหนา้ ต่างเฉพาะทีจะใชเ้ ป็ นชอ่ งยงิ ซึงขา้ ศกึ จะรูว้ า่ เป็นการอดุ สาํ หรับใชเ้ ป็น
ทตี งั ยิง

๒) ช่องยิงทีเรียบรอ้ ย เป็นสีเหลียม หรือเป็นรูปทรงเรขาคณิต ทาํ ใหข้ า้ ศึกแยกความแตกต่าง
ได้ ซึงชอ่ งยิงปกติไมค่ วรอุดอย่างเรียบรอ้ ย โดยพยายามรกั ษารูปทรงเดิมเอาไวท้ าํ ใหต้ าํ แหนง่ ของพลยงิ
ยากแกก่ ารตรวจพบ เมอื ทาํ การยงิ จะยิงจากขอบล่างของหนา้ ต่าง เป็นการใชผ้ นงั ให้เป็นประโยชน์กบั

- ๑๒๔ -
พลยิงทาํ ใหข้ ้าศึกมองเห็นไดไ้ ม่ชดั เจน นอกจากนีควรใชก้ ระสอบทรายเสริมความแข็งแรงของผนงั เพือ
เพิมการป้ องกนั ให้กบั พลยิง ตอ้ งนาํ กระจกออกจากหนา้ ต่างป้องกนั การบาดเจบ็ ให้กบั พลยิง และใชผ้ า้ เปี ย
กรองอาวธุ เพือลดฝ่ ุน รวมทงั ใช้ลวดตาข่ายขึงเหนือหนา้ ตา่ งเพือป้องกนั ขา้ ศึกขวา้ งระเบดิ มอื เขา้ มา

ข. แมว้ า่ หนา้ ตา่ งจะเป็นทีตงั ยิงทดี ี แต่มกั ไมอ่ นญุ าตใหพ้ ลยิงทาํ การยงิ โจมตีเป้ าหมายในเขตของตน
๑) เพือหลกี เลียงรูปแบบในการยงิ จากชอ่ งหนา้ ตา่ งดงั กล่าว จึงต้องมีทตี งั ยงิ สาํ รองเตรียมเอาไว้

ไดแ้ ก่ การทาํ ชอ่ งทผี นงั (รูปที ๕-๓๒) โดยการตัดหรือระเบดิ ช่องเล็กๆ ทผี นงั ใหพ้ ลยิงใชต้ รวจการณแ์ ละ
โจมตีขา้ ศึกในเขตของตน

๒) กระสอบทรายจะใชเ้ สริมความแขง็ แรงใหก้ บั ผนงั บริเวณดา้ นล่าง ดา้ นขา้ ง และดา้ นบนของ
ช่องทผี นงั โดยใช้กระสอบสองชนั รองทีพืนสําหรับพลยิงเพือป้ องกนั การระเบดิ จากชนั ทอี ย่ตู าํ กวา่ (ถา้
ทีตงั ยิงอยูช่ นั ๒ หรือสงู กวา่ รวมทงั ใชผ้ นงั กระสอบทราย เศษอิฐเศษหิน เฟอนิเจอร์ แลวสั ดอุ ืนๆ กนั
ดา้ นหลงั ทีตงั ยิงเพือป้ องกนั พลยงิ จากการระเบิดภายในหอ้ ง

๓) ใชโ้ ต๊ะ เตียง หรือวัสดอุ ืนทีมี ทาํ ทีกาํ บงั เหนือศีรษะ เพือป้องกนั การบาดเจบ็ ของพลยงิ จากการ
ปรกั หกั พงั หรือการระเบิดจากชนั บน

๔) ทีตงั ยิงควรมกี ารพรางโดยการทุบชอ่ งอนื ๆ บนผนงั ทาํ ให้ขา้ ศกึ ตดั สินใจยาก วา่ การยิงมาจาก
ชอ่ งใด รวมทงั การเคลือนยา้ ยวสั ดุใกลเ้ คียงออกจากอาคารให้กระจายไปหลายๆ ทีทาํ ใหข้ ้าศึกสงั เกตเหน็
ช่องยงิ ไดย้ าก

- ๑๒๕ -
รูปที ๕-๓๑ ทีตังยิงบริเวณช่องหน้าต่าง

รูปที ๕-๓๒ การเตรยี มช่องทผี นัง

- ๑๒๖ -
ค. ปลอ่ งไฟและโครงสรา้ งอืนทียนื ออกมา ทเี หมาะแก่พลซมุ่ ยิงยดึ เป็นทตี งั ยิง จะตอ้ งมกี าร
จดั เตรียม โดยการรือวสั ดบุ างส่วนของหลงั คาเพอื ใหพ้ ลซมุ่ ยงิ ใช้ทาํ การยิงรอบๆ ปลอ่ งไฟ ซึงพลซุ่มยิงจะ
ยืนในอาคารบนคานหรือทียกพืนขึนมาและโผลเ่ ฉพาะศีรษะ ไหล่เหนอื หลงั คา (หลังปลอ่ งไฟ) และใช้
กระสอบทรายวางป้ องกันพลซุ่มยงิ บริเวณดา้ นขา้ งทตี งั ยิง
ง. เมอื หลงั คาไมม่ ีโครงสร้างยืนออกมาเพือใชป้ ้ องกัน (รูปที ๕-๓๓) ทีตงั ของพลซุ่มยงิ จะเตรียมอยู่
ตาํ กวา่ หลงั คาทางดา้ นขา้ ศึก โดยใชก้ ระสอบทรายเสริมความแขง็ แรงของทตี งั และวสั ดุทีทาํ หลงั คาชิน
เลก็ ๆ ควรนาํ ออกเพือใหพ้ ลซุ่มยิงโจมตีเป้ าหมายในเขตของตน ซึงชินส่วนของหลงั คาทีหายไปเป็ นเครือง
แสดงวา่ มีทตี งั ยิง จงึ ควรนาํ ชินส่วนอืนๆ ออกด้วยเพอื ลวงข้าศกึ วา่ เป็นทตี งั ยิงจริงของพลซุ่มยงิ ทงั นีทีตงั
พลซุ่มยงิ ตอ้ งไมส่ ามารถมองเห็นจากภายนอกอาคาร รวมทงั ต้องไมเ่ หน็ แสงจากปากลาํ กลอ้ งด้วย

รูปที ๕-๓๓ ทีตงั ของพลซุ่มยงิ

- ๑๒๗ -
จ. กฎและขอ้ พิจารณาในการเลือกทีตงั ยิง

๑) ใชก้ ารกาํ บงั และซ่อนพรางทีมอี ยอู่ ยา่ งสูงสดุ
๒) หลกี เลียงการยิงเหนือทกี าํ บงั ใหใ้ ชก้ ารยิงขา้ งทกี าํ บงั
๓) หลกี เลียงการทาํ ตวั ตดั กับสีและแสงของฉากหลงั ของอาคาร เสน้ ขอบฟ้ า
๔) เลือกทตี ังยิงใหมอ่ ย่างระมดั ระวงั กอ่ นออกจากทตี งั ยิงเก่า
๕) หลกี เลียงรูปแบบการยิงจากหนา้ ตา่ งทงั ทีมกี ารอดุ กนั และทไี มม่ ีการอุดกนั
๖) ใชเ้ วลาปรากฏตวั ใหน้ อ้ ยทีสุด
๗) เริมปรบั ปรุงทีตงั ยิงเร่งด่วนทนั ทีทียดึ ได้
๘) ใชว้ สั ดกุ ่อสรา้ งทีมีหลากหลายในพืนทสี ิงปลูกสร้าง สาํ หรับเตรียมทตี งั ยิง
๙) ระลึกเสมอวา่ ทีตงั ทีมกี ารกาํ บงั ในระดับพืนดินอาจไมม่ ีการกําบงั เหนือพืนดิน
ฉ. การโจมตีในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง พลประจาํ อาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลังและอาวธุ นาํ วิถีต่อสู้
รถถงั จะมอี ุปสรรคในการเลือกทีตงั ยิง สาเหตุจากเปลวเพลิงดา้ นหลงั ของอาวุธยิง และอาจไมม่ เี วลามาก
พอในการเจาะชอ่ งผนงั และเตรียมพืนทีว่างสาํ หรับเปลวเพลิงด้านหลงั จึงควรเลอื กทตี งั ยงิ ใหม้ ีพืนที
ดา้ นหลงั สําหรับเปลวเพลิงทีพ่นออกไปได้ ไดแ้ ก่มุมของหน้าต่างซึงกระสุนยิงจะออกไปนอกหนา้ ต่าง
และเปลวเพลิงพ่นไปอกี ทาง โดยการปรับปรุงทตี งั ยิงบริเวณมมุ ของอาคารจะใชก้ ระสอบทรายสร้างทีตงั ยิง
(รูปที ๕-๓๔)

รูปที ๕-๓๔ ทีตงั ยิงบริเวณมมุ

- ๑๒๘ -
ช. หมู่ ปล. ในการเขา้ ตี หรือการตงั รบั ในพืนทีสิงปลูกสรา้ งมกั ไดร้ ับการเพิมเติมกาํ ลงั ดว้ ยอาวธุ
ตถ. ดงั นนั ผบ.หม.ู่ ปล. จะตอ้ งเลือกทีตังยิงทดี ีสําหรับอาวธุ ตถ.ทอี ยใู่ นความควบคุม
ซ. หลกั การในการใชอ้ าวุธ ตถ.มีหลายประการ ไดแ้ ก่ ใชป้ ระโยชน์จากการกาํ บงั สูงสุด ใหก้ าร
ช่วยเหลือซึงกนั และกนั และเตรียมพืนทีสําหรับเปลวเพลิงด้านหลงั เมอื ใชอ้ าวุธไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั
จรวดโทว์ (TOW) จรวดดรากอน (DRAGON)และอาวธุ ตอ่ สูร้ ถถงั ขนาดเบา หรืออาวธุ ต่อสูร้ ถถัง เอที๔
(AT4)
ด. การปฏิบตั ิการในพืนทีสิงปลูกสร้างก่อใหเ้ กดิ ขอ้ พิจารณาใหม่ ซึงทหารจะตอ้ งเลือกทีตงั ยิง
สํารองจาํ นวนมาก โดยเฉพาะเมือโครงสร้างไม่เอืออาํ นวยตอ่ การกาํ บงั การยงิ จากปื นเล็ก โดยจะตอ้ งเลือก
ทีตงั อาวุธในร่มเงาหรือในอาคาร
ต. การยิงอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั และอาวธุ นาํ วิถีต่อสู้รถถังจากดาดฟ้ าอาคาร สามารถใช้
ปลอ่ งไฟเป็นทกี าํ บงั (รูปที ๕-๓๕) โดยเสริมความแข็งแรงดว้ ยกระสอบทรายดา้ นหลัง

รูปที ๕-๓๕ การยิงอาวุธไร้แรงสะท้อนถอยหลังจากหลังคา

- ๑๒๙ -
ถ. การเลือกทีตงั ยิงของอาวธุ ไร้แรงสะทอ้ นถอยหลงั และอาวธุ นาํ วถิ ีตอ่ สูร้ ถถงั จะตอ้ งใชป้ ระโยชน์
สูงสุดจากกองเศษลูกรัง มมุ ของอาคาร และยานพาหนะทถี กู ทาํ ลาย เป็นทกี าํ บงั สาํ หรับพลยงิ โดยอาวธุ
ตอ้ งสามารถเคลือนยา้ ยไดต้ ลอดแนวหลงั คา เพอื หามุมยงิ ทดี ีในการโจมตียานเกราะขา้ ศึก และเมืออาคารมี
หลายชนั ทตี ังยิงควรใช้ประโยชน์จากอาคารเป็นทีกาํ บงั เหนือศีรษะ (รูปที ๕-๓๖) และเปลวเพลิงดา้ นทา้ ย
จะตอ้ งไม่สร้างความเสียหายหรือทาํ ใหอ้ าคารพงั ทลายหรือเป็นอนั ตรายกับพลยงิ
หมายเหตุ : เมอื ทาํ การยงิ ในทีลาดชนั ต้องแนใ่ จวา่ มมุ ทีเครืองยงิ ทาํ กบั พืนหรือทยี กพืน ตอ้ งไมเ่ กนิ ๒๐
องศา และเมอื ทาํ การยิงในอาคาร ตอ้ งแน่ใจว่าไมม่ ีซากปรกั หกั พังและวตั ถทุ ีกระจดั กระจายอยใู่ นระยะ
๑๐-๑๕ ฟุต และมหี นา้ ตา่ ง ประตู หรือช่องทีผนงั สาํ หรบั ระบายเปลวเพลิง

รูปที ๕-๓๖ การเตรียมทีตังยิงโดยใช้อาคารเป็ นทีกําบังเหนือศีรษะ

- ๑๓๐ -
ท. ปื นกลสามารถตงั ยิงไดเ้ กอื บทกุ ทีเนืองจากไม่มเี ปลวเพลิงดา้ นทา้ ย ซึงในการเข้าตี จะใช้ประตู
หรือหนา้ ตา่ งเป็ นฐานยงิ (รูปที ๕-๓๗) ทาํ ใหข้ า้ ศกึ มกั มกี ารตรวจการณ์และวางอาํ นาจการยิงไวบ้ ริเวณ
ประตูหนา้ ตา่ ง จงึ ควรหลกี เลียง โดยใชช้ อ่ งเปิ ดของผนัง กาํ แพงทเี กิดขนึ ระหวา่ งการต่อสู้แทน หากไมม่ ี
สามารถใช้เชือปะทใุ นการเจาะช่องยิง (รูปที ๕-๓๘) ซึงหากไมพ่ ิจารณาการใชช้ ่องเปิ ดเหลา่ นี ปื นกล
ควรตงั ยิงในอาคารหรือในเงามืด

รูปที ๕-๓๗ การวางปื นกลบริเวณประตูทางเข้า

รูปที ๕-๓๘ การใช้ช่องกาํ แพงยิงปื นกล

- ๑๓๑ -
ธ. หลงั การเข้ายึดอาคาร ทหารจะใชไ้ มก้ ระดานปิ ดประตู หนา้ ต่าง โดยเวน้ ช่องวา่ งเลก็ ๆ ไวร้ ะหวา่ ง
รู ซึงจะสามารถใช้ประตู หนา้ ต่างเป็ นทตี งั ยงิ สํารองได้
บ. ช่องในกาํ แพง จะใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางในการตงั รับ โดยไมต่ อ้ งสร้างขนึ เป็นรูปแบบตามหลกั การ
หรือต้องอยเู่ ฉพาะในระดบั ทตี อ้ งการ ซึงทาํ ใหย้ ากแกข่ า้ ศึกในการพิสูจน์ทราบหาตาํ แหนง่ โดยช่องหลอก
กรวดทรายทกี ะเทาะ หรือช่องเจาะ ทีไมไ่ ดใ้ ช้เป็นทีตงั ยิงจะช่วยในการลวง และช่องในกาํ แพงทอี ยหู่ ลงั
พุ่มไมเ้ ตียๆ หลงั ประตูทีเปิ ดไมไ่ ด้ ใตช้ ายคาของอาคารจะยากแก่การตรวจพบ ซึงในการตงั รบั ทตี งั ยิง
สามารถสรา้ งขึนโดยใชอ้ าคารเป็ นเครืองกาํ บงั เหนือศีรษะ
ป. การเพิมพืนการยิงทาํ ไดโ้ ดยการตงั ปื นกลทีมมุ อาคารหรือใช้กระสอบทรายใตถ้ นุ อาคาร (รูปที
๕-๓๙) ซึงวสั ดทุ ีมอี ยู่ เชน่ โต๊ะ เกา้ อีนวม โซฟา รวมทงั เครืองตกแต่งบา้ นชินอนื ๆ สามารถนาํ มาใชส้ ร้าง
เป็นทีป้องกนั เพอื เพิมการกําบงั และการซ่อนพราง (รูปที ๕-๔๐)

- ๑๓๒ -

รูปที ๕ - ๓๙ การใช้กระสอบทรายเป็ นทีตังปืนกลใต้ถนุ อาคาร

รูปที ๕ - ๔๐ ปื นกลตังบรเิ วณมุมอาคารมีทกี าํ บัง
ผ. แมว้ า่ การยิงกวาดจะเป็นคุณลกั ษณะทตี อ้ งการในการใชป้ ื นกล แตม่ กั จะไมส่ ามารถปฏิบตั ิได้
เนอื งจากถกู กีดขวางจาํ กดั พืนทกี ารยิงกวาด ดว้ ย ยานพาหนะทีถกู ทาํ ลาย กองเศษอฐิ เศษหิน ทาํ ใหต้ อ้ ง
ยกระดบั ของทีตงั ยงิ ใหส้ ามารถยิงขา้ มเครืองกีดขวาง โดยอาจจาํ เป็นตอ้ งทาํ การยงิ จากช่องกําแพงบนชนั
๒ หรือชนั ๓ หรือใชก้ ารสร้างแทน่ ยกพืนใต้หลงั คา (รูปที ๕-๔๑) รวมทงั การสร้างชอ่ งบนกาํ แพง และ
ตอ้ งทาํ การพรางทตี งั ยิงโดยการกะเทาะแผ่นไมม้ งุ หลงั คาให้เป็นรอย ทวั ทงั หลงั คา

- ๑๓๓ -

รูปที ๕-๔๑ การสร้างแท่นยิงใต้หลังคา
๕ - ๑๙ การค้นหาเป้ าหมาย

พืนทีสิงปลกู สรา้ งเป็นพืนทีทที า้ ทายความสามารถของหน่วยเป็นพิเศษ ตึกรามบา้ นชอ่ งจะกาํ บงั
การเคลอื นทแี ละผลจากการยงิ เล็งตรงและการยงิ เล็งจาํ ลอง กองซากปรักหกั พงั ของอาคาร ตลอดจนตัว
อาคารช่วยในการซ่อนพรางและป้องกนั ทงั ฝ่ายเข้าตีและตงั รับทาํ ใหย้ ากแก่การคน้ หาเป้ าหมาย ซึงสภาพ
เมืองจะมีเสน้ ทางเขา้ ทีแนน่ อน จึงง่ายสาํ หรับการแบง่ เขต

ก. เทคนิคการลาดตระเวนและทตี รวจการณใ์ นเมอื งสามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดเ้ ชน่ เดียวกบั ภมู ิ-
ประเทศทีเป็นป่าทาํ ใหห้ นว่ ยสามารถกาํ หนดทตี งั ขา้ ศึก และพฒั นาเป้ าหมายสําหรับการยิงเล็งตรงและการ
ยงิ เลง็ จาํ ลอง รวมทงั คน้ หาเส้นทางทไี มม่ ีการกําบงั สําหรับการตงั รบั

ข. อาวธุ และยานพาหนะส่วนใหญ่มีสัญลกั ษณ์ทสี ังเกตได้ จากลกั ษณะการออกแบบหรือจาก
สภาวะแวดลอ้ มทีใชเ้ ครืองมือนนั เช่น การยิงปื นใหญร่ ถถงั ในทีแหง้ มฝี ่ ุน และทคี รอบคลุมโดยซาก
ปรักหกั พังจะทาํ ใหท้ อ้ งถนนเต็มไปดว้ ยฝ่ ุนทีคลงุ้ กระจาย รถถังทขี บั ในพืนทีสิงปลกู สร้างจะส่งเสียงดงั
กวา่ ในพืนทโี ล่งแจง้ ทหารเคลือนทีบนถนนลกู รงั หรือในหอ้ งโถงทีถกู ทาํ ลายจะมีเสียงดงั กวา่ การ
เคลือนทีในป่ า โดยทหารจะตอ้ งจดจาํ ลกั ษณะแตกต่างเหล่านเี พือใชใ้ นการกาํ หนดทตี งั และจาํ แนก

- ๑๓๔ -
เป้าหมาย นอกจากนกี ารมอง การฟัง และการไดก้ ลินจะเป็นเครืองช่วยในการสืบคน้ บอกลักษณะ และ
นาํ ไปสกู่ ารกําหนดทตี งั เป้าหมาย จําแนก และทาํ การโจมตดี ว้ ยความรวดเร็ว ทงั นีทหารจะตอ้ งค้นหา
เป้าหมายในพนื ทที ีเหมาะแก่การวางกําลังของฝ่ายเรา

ค. การค้นหาเป้ าหมายตอ้ งกระทาํ อยา่ งตอ่ เนืองทงั ในขณะเคลือนทีและหยดุ การเคลือนที ซึงใน
พืนทสี ิงปลกู สร้างจะเอืออาํ นวยในการกาํ บงั และการซอ่ นพรางใหท้ งั ฝ่ายเขา้ ตีและฝ่ายตงั รับ แต่มกั เป็นที
นิยมของฝ่ ายตงั รับ เพราะจะเพิมผลของความสําเร็จมากขนึ ดังนนั การคน้ หาเป้ าหมายจึงเป็นสิงสําคญั ยงิ
เนอื งจากการยงิ กอ่ นอาจกอ่ ใหเ้ กิดชัยชนะในการรบปะทะ

ง. เมือหนว่ ยเคลือนทีและข้าศึกมีทา่ ทจี ะเขา้ ประชิด หนว่ ยจะตอ้ งมีกาํ ลงั ทเี หนือกวา่ ซึงหลกั การนี
ใชไ้ ดก้ บั ทกุ สภาพภูมปิ ระเทศและสามารถประยกุ ต์ใช้ไดใ้ นพนื ทีสิงปลกู สรา้ ง โดยกาํ ลงั ทีเหนือกวา่
จะตอ้ งตรวจการณ์ทงั ในอาคารชนั ทอี ยสู่ ูงกวา่ และในระดบั ทอ้ งถนน

จ. ควรใชก้ ารเคลือนทีหลบหลีกในพืนทีสิงปลกู สรา้ ง เนืองจากฝ่ายเขา้ ตีและฝ่ายตงั รับอยใู่ นระยะที
ไมห่ ่างกนั มาก การใชส้ ัญญาณมือจะใชจ้ นกวา่ จะประชิดขา้ ศึก ซึงหน่วยควรหยดุ เป็นระยะๆ เพอื ฟังและ
ตรวจการณ์เพือให้แนใ่ จวา่ ไมถ่ กู ติดตามโดยข้าศกึ หรือไมม่ ีขา้ ศึกเกาะทางปีกเพือทาํ การซมุ่ โจมตี รวมทงั
การเลือกเสน้ ทางตอ้ งกระทาํ อยา่ งระมดั ระวงั โดยใชอ้ าคารและกองลูกรังช่วยการกาํ บงั ในการเคลือนที

ฉ. หนา้ ทใี นการตรวจการณ์ตอ้ งสร้างความชดั เจนใหก้ บั สมาชิกในหมู่ เพอื ใหแ้ น่ใจวา่ มคี วาม
ปลอดภยั โดยรอบในขณะเคลือนที โดยการระวงั ป้ องกนั ตอ้ งกระทาํ อยา่ งตอ่ เนืองในขณะหยดุ ประสาทรับ
ความรู้สึกทงั หมดจะต้องถกู นาํ มาใช้ในการค้นหาเป้ าหมาย โดยเฉพาะการไดย้ ินและการดมกลินซึงทหาร
สามารถจดจาํ เสียงของยานพาหนะและการเคลือนทีของประชาชนบนถนนลูกรังไดอ้ ย่างรวดเร็ว รวมทงั
การไดก้ ลินนาํ มนั เชือเพลิง โคโลญจ์ หรือการประกอบอาหาร เป็นการเปิ ดเผยทตี งั ของขา้ ศึก

ช. ทีตรวจการณ์ จะตังในทีทีทหารสามารถมองเห็นและไดย้ นิ กิจกรรมของขา้ ศกึ ในเขตทีกาํ หนด
เพือทาํ การแจง้ เตอื นการเขา้ มาของข้าศกึ และเป็ นทีทีมคี วามเหมาะสมในพืนทีสิงปลกู สร้าง โดยสามารถตงั
ในบริเวณชนั บนของอาคารซึงมคี วามไดเ้ ปรียบในการตรวจการณม์ ากวา่ ระดับพืนถนน

ซ. ผู้บงั คบั หมวดในการตงั รับจะจดั ตงั ทีตรวจการณส์ ําหรับการระวงั ป้องกนั ตามคาํ สงั ของผูบ้ งั คบั
กองร้อย โดยเป็นผู้เลือกทตี งั ทวั ไป และผู้บงั คับหมจู่ ะเป็นผู้เลอื กทีตงั เฉพาะของทตี รวจการณ์ (รูปที ๕-
๒๔) ซึงตามปกติจะมีทีตรวจการณอ์ ยา่ งนอ้ ยหมวดละ ๑ ทตี งั อนั ประกอบดว้ ยกาํ ลงั ๒-๔ นาย และอยใู่ น
ระยะยิงสนบั สนนุ ของปื นเล็กของหมวด ซึงผู้บงั คบั หน่วยจะเลือกทีทีสามารถตรวจการณ์เป้ าหมายไดด้ ีใน
เขตทรี ับผิดชอบ โดยมพี ืนการตรวจการณ์ทที าบทบั กบั ทีตรวจการณ์ทอี ยู่ติดกนั มกี ารกาํ บงั และการซ่อน
พรางสาํ หรบั การเคลอื นทไี ปและจากทตี รวจการณ์ ซึงนิยมใชช้ ันบนของอาคารบา้ นเรือน และผูบ้ งั คบั หมู่
จะไมเ่ ลอื กทที ีสังเกตเหน็ ได้ชดั และดึงดดู ความสนใจของขา้ ศึก เชน่ หอคอยจ่ายนาํ และหอคอยของโบสถ์

- ๑๓๕ -

ผู้บงั คบั หมวดจะเลือกทตี งั ทวั ไป และผ้บู งั คบั หมู่
จะเป็ นผู้เลือกทีตงั เฉพาะ

ผู้บงั คบั หน่วยจะเลอื กทีตงั มลี กั ษณะ ดงั นี
• มกี ารตรวจการณ์ดีในพืนทีหรือเขตที

ต้องการ(มีพืนการตรวจการณ์ทีคาบทบั กับ
ทตี รวจการณ์ทอี ยู่ติดกนั )
• มีการกําบงั และการซ่อนพราง (การตรวจ
การณ์ทีดใี นเขต อาจต้องการทีตรวจการณ์
ทีมกี ารกําบังและการซ่อนพรางนอ้ ยและ
ต้องการกําลงั ในการถากถางพืนการตรวจ
การณ์ )

รูปที ๕ - ๒๔ การเลือกทีตรวจการณ์

ด. ทหารตอ้ งไดร้ ับการสอนการกวาดสายตามองพืนทีเป้ าหมายจากทตี รวจการณ์ หรือจากตาํ แหนง่
ทีมกี ารต่อสู้ โดยการใชเ้ ทคนิคการกวาดสายตาทถี ูกตอ้ งของสมาชกิ ในหมจู่ ะทาํ ให้สามารถกาํ หนดทีตงั
และพิสูจน์ทราบเป้ าหมายไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว แบบไมใ่ ชอ้ ุปกรณ์เครืองเลนส์ ทหารจะตอ้ งคน้ หาเป้ าหมายได้
อยา่ งรวดเร็วสําหรับเป้าหมายทีเหน็ เด่นชดั และใช้ประสาทสัมผัสทีมอี ยใู่ นการคน้ หาสัญลกั ษณ์เป้าหมาย
หากยงั ไมพ่ บเป้ าหมายและมีเวลา ทหารจะตรวจการณอ์ ยา่ งละเอียด (ใชก้ ลอ้ งส่องสองตา) ในเขตภมู ิ-
ประเทศทีกาํ หนด โดยใชว้ ิธีตรวจทกุ ระยะ ๕๐ เมตรในทางลึก ขวามาซา้ ย และแถบลึกเขา้ ไปจากซา้ ยไป
ขวาใหค้ าบทบั กบั แถบแรก กระทาํ ไปจนครบเขตพืนทีรับผิดชอบ สําหรับพืนทีใจกลางเมอื งและวงแหวน
รอบๆ ผูต้ รวจการณ์จะพบกบั อาคารตึกรามทแี ตกต่างกนั การตรวจการณท์ ีทาบทบั กนั อาจกระทาํ ใน
แนวดิงสูงขึนมากกวา่ การตรวจในแนวระดบั ทีไกลออกไป

ต. ทหารซึงประจาํ ณ ทีตรวจการณ์ และในทตี งั อนื ๆ ควรจะมเี ครืองมือคน้ หาเป้ าหมาย อนั
ประกอบดว้ ย กลอ้ งส่องสองตา เครืองถ่ายภาพความชดั เจนสูง กลอ้ งตรวจจบั ความรอ้ น เรดาร์เฝ้ าตรวจ
ภาคพืนดิน (GSR), ระบบการตรวจจบั ระยะไกล (REMs) และระบบแจง้ เตือนลว่ งหนา้ ของหมวด
(PEWS) ซึงเครืองมอื เหล่านีจะช่วยเพิมขีดความสามารถในการตรวจจบั และโจมตีเป้าหมาย และอาจใช้
เครืองมอื หลายชนดิ หากเครืองมอื ชนิดเดียวไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหน่วย โดยการใช้
เครืองมอื ผสม คือระบบแจง้ เตือนลว่ งหนา้ ของหมวด ทาํ การตรวจจบั ใหค้ รอบคลุมพืนทีทสี ายตาตรวจ
การณไ์ ม่ถึงและพืนทอี ับสายตา ใชเ้ ครืองถ่ายภาพความชดั เจนสูงในระยะใกลๆ้ และกลอ้ งตรวจจบั ความ
รอ้ น สาํ หรับพืนทีทีมีการพราง มหี มอกควนั และในสภาวะทีมีแสงนอ้ ย ซึงการใชเ้ ครืองมอื ผสมจะเป็นวิธี

- ๑๓๖ -
ทีดีทีสุดในการตรวจการณ์ในเขตทีทาบทบั กนั ครอบคลุมพืนทีไดม้ ากกว่า รวมทงั ชดเชยขอ้ จาํ กัดขีด
ความสามารถใหก้ ับเครืองมอื ชนิดอืน

ถ. เทคนิคการคน้ หาเป้ าหมายในเวลากลางคืนจะคลา้ ยกบั ในเวลากลางวนั ซึงในเวลากลางคนื ไมว่ า่
จะใช้เลนส์เพิมแสงหรือใชต้ าเปล่า ทหารจะตอ้ งมองวตั ถุเป็นมุมเอียงเล็กนอ้ ยแทนการมองตรงไปยงั วตั ถุ
เนืองจากในสภาวะแสงนอ้ ย ดา้ นขา้ งของลกู ตาจะมคี วามไวตอ่ แสงมากกวา่ โดยกวาดสายตาจากยา่ นกลาง
ในระยะสนั ๆ ดว้ ยความรวดเร็วกวา่ ปกติ และหยดุ ในพืนทีเป้ าหมายทีสงสัยประมาณ ๒-๓ วินาที เพือ
ตรวจจบั ความเคลือนไหว

ท. เสียงและกลินจะเป็นเครืองช่วยในการคน้ หาเป้ าหมายในเวลากลางคืน เนอื งจากสามารถ
แพร่กระจายไดไ้ กลกวา่ ในสภาพอากาศชืนและเยน็ ในเวลากลางคืน เช่น การทาํ งานของเครืองจกั ร
ยานพาหนะ และทหารทีเคลือนทีบนถนนลกู รังสามารถไดย้ ินในระยะไกล สําหรับกลินจากนํามนั ดีเซล
เบนซิน การประกอบอาหาร กลินบหุ รี หรือแมแ้ ตค่ รีมโกนหนวด สามารถเปิดเผยทีตงั ไดท้ งั ฝ่ ายเราและ
ฝ่ ายขา้ ศกึ
๕ - ๒๐ การใช้เพลิง

กระสุนเพลิง อาวธุ พิเศษ และสิงทหี าได้งา่ ยเป็นเครืองมอื ในการวางเพลิง เชน่ นาํ มนั เบนซิน
และวตั ถไุ วไฟ เพอื กอ่ ใหเ้ กิดอคั คีภยั ในปฏิบตั ิการในพืนทสี ิงปลกู สร้าง โดยเฉพาะในการตงั รับจะตอ้ ง
คาํ นึงถึงการผจญเพลงิ เป็ นอนั ดบั แรก ซึงมขี นั ตอนในการลดความเสียงจากไฟทีเป็นภยั ทไี มส่ ามารถ
ป้ องกนั ไดใ้ นการเลือกทีตงั

ก. ทหารจะตอ้ งเลือกทีตงั ทีไมม่ ีพืนทเี ปิ ดขนาดใหญ่ โดยจะตอ้ งมกี ารกาํ บงั ใหม้ ากทีสดุ เพือ
ป้ องกนั การทะลุทะลวงของกระสุนเพลิง รวมทงั เคลือนยา้ ยวสั ดุทีติดไฟไดแ้ ละไมจ่ าํ เป็นออกจากทตี งั
ไดแ้ ก่ กล่องกระสุน เฟอร์นิเจอร์ พรม กระดาษหนงั สือพิมพ์ และผา้ มา่ น เป็ นตน้ และตดั ระบบไฟฟ้ า
และกา๊ ซหงุ ต้มทเี ข้ามาในอาคาร

ข. อาคารทสี รา้ งด้วยผนงั คอนกรีต พืนคอนกรีต และหลงั คามงุ สงั กะสี เหมาะสาํ หรับใช้เป็ น
ทีตงั แตอ่ าคารส่วนใหญ่มีพืน จนั ทนั และผนงั ดา้ นในทาํ ดว้ ยไม้ จึงตอ้ งทาํ การปรับปรุงโดยรือผนงั ดา้ น
ในออก ใชผ้ ้าหม่ คลมุ ใหเ้ หมอื นกบั ผนงั ดา้ นนอก และใช้ทรายหนาประมาณ ๒ นิวถมพืนและหอ้ งบน
เพดานเพือลดแรงจากกระสุน

ค. เครืองมอื ดับเพลิงทีมีจะตอ้ งจดั เตรียมไวใ้ นทีมนั เพือใชใ้ นขณะปฏิบตั ิการรบ โดยทหารแต่
ละคนตอ้ งมพี ลวั สนาม หมวกเหลก็ ทราย และผา้ หม่ ติดตวั ไปดว้ ย เพือไวใ้ ชส้ ําหรับการดบั เพลิง

ง. ไฟเป็นสิงทาํ ลายลา้ ง ทาํ ใหเ้ กิดชยั ชนะไดง้ ่ายหากมกี ารป้องกนั เป็นพิเศษ ทหารจะวาง
แผนการใชเ้ ส้นทางการถอนตวั ซึงเป็ นความเร่งดว่ นอนั ดบั แรกของการส่งกลับจากทีมนั การสูร้ บ โดย
สามารถออกผ่านพืนทีทีไม่มีวสั ดุติดไฟและมกี ารกําบงั จากการยิงเล็งตรงของขา้ ศึก

- ๑๓๗ -
จ. สภาพเนือทจี าํ กดั และเต็มไปดว้ ยวสั ดุตดิ ไฟในพนื ทีสิงปลกู สรา้ งเป็นสิงจงู ใจใหข้ า้ ศกึ ใชก้ าร
วางเพลิงเป็นเครืองมือทีกอ่ ใหเ้กิดปญั หาใหญ่สําหรับการปฐมพยาบาล ๒ ประการ และมีความเร่งด่วน
มากกวา่ สนามรบในทโี ลง่ แจง้ ไดแ้ ก่ การเผาไหม้ และการสดู ควนั ทาํ ใหข้ าดออกซิเจน เป็นเหตกุ ารณ์
เกิดขึนไดง้ ่ายภายในอาคาร ทาํ ใหผ้ ตู้ กเป็นเหยอื ไมส่ ามารถปฏิบตั ิการรบตอ่ ไปได้ ซึงการสูดควนั ไฟและ
ขาดออกซิเจน มีโอกาสป้ องกนั ไดน้ อ้ ย แต่สามารถลดการสูดควนั ลงไดจ้ ากการสวมหน้ากาก และ
นอกจากอันตรายจากไฟทกี ลา่ วแลว้ แผนการตงั รับสาํ หรับการรบในพนื ทีสิงปลกู สร้างจะตอ้ งจดั
เจา้ หนา้ ทีปฐมพยาบาล เพือเขา้ ไปถึงตวั เหยือและยุทโธปกรณ์ โดยตอ้ งเตรียมเวชภณั ฑ์พิเศษในการ
รักษาการบาดเจบ็ จากไฟไหมแ้ ละการสูดควนั ไฟ
ฉ. ในปฏิบตั ิการตังรับจะตอ้ งมีแผนการผจญเพลิง เนืองจากความสําเร็จของภารกิจง่ายต่อการ
ถกู คุกคามจากไฟ ซึงแผนการตงั รับทีไมส่ มบรู ณ์สามารถใชก้ ระสุนเพลิงเพือกอ่ ใหเ้ กิดเพลิงอย่าง
กวา้ งขวาง และเป็นอุปสรรคของการเข้าตี หรือขา้ ศกึ อาจใชเ้ พลิงสาํ หรับกําบงั การถอนตัว ใชเ้ ป็นเครือง
กีดขวางและฉากขดั ขวางฝ่ ายเข้าตีได้
ช. การวางแผนการเขา้ ตี ฝ่ ายเขา้ ตีจะตอ้ งพิจารณาใช้อาวธุ ทงั หมดทีมอี ยู่ ซึงมีอาวธุ ๒ ชนิดที
กอ่ ใหเ้ กิดไฟไดด้ ี ไดแ้ ก่ M202 FLASH และเครืองฉีดไฟ โดยเครืองฉีดไฟเป็ นอาวธุ ทีใชท้ าํ การฝึกและ
วดั ผลได้โดยใชน้ ําแทนเปลวไฟ ซึงเมือใช้เพลิงในปฏิบตั ิการจะตอ้ งไดร้ ับสนบั สนุนนกั ผจญเพลิงเพือ
หลีกเลยี งการใชก้ าํ ลงั ทหารในการตอ่ สูก้ บั ไฟ โดยทหารจะตอ้ งเลอื กเป้าหมายในระหว่างการวางแผน
ขนั ตน้ เพอื ไมใ่ หเ้ กดิ อุบตั ิเหตุทีสร้างความเสียหายตอ่ สิงอํานวยความสะดวกทสี ําคญั ในพืนทีสิงปลูกสร้าง
นอกจากนีการใช้เพลงิ ในพืนทีสิงปลูกสร้าง ทหารจะตอ้ งจดั ลาํ ดับความเร่งด่วนของทตี งั สําคญั
(โรงพยาบาล, แหล่งจา่ ยพลงั งาน, สถานีวทิ ยุ และโบราณสถาน) ในการตกลงใจใหก้ ารสนบั สนุนนกั ผจญ
เพลิง เป็นลาํ ดบั แรก
ซ. ทหารทกุ นายทีร่วมภารกิจการเข้าตตี ้องพร้อมทีจะจดั การกบั ไฟ โดยใชเ้ครืองมอื ทีมอี ยู่
ไดแ้ ก่ พลัวสนาม หมวกเหล็ก (สาํ หรับตกั นาํ และทราย) และผ้าห่ม (สาํ หรับดับไฟจาํ นวนนอ้ ยๆ)
สําหรับเครืองดบั เพลิงสามารถหาไดจ้ ากยานพาหนะทใี ชส้ นับสนนุ การเข้าตี
๕ – ๒๑ การใช้พลซุ่มยิง
ประโยชนข์ องพลซุ่มยิงสาํ หรบั หนว่ ยทปี ฏิบตั ิการในพืนทีสิงปลูกสร้างขึนกับปัจจยั หลาย
ประการ ไดแ้ ก่ ชนิดของปฏิบตั ิการ ระดบั ของความขดั แยง้ และกฎการปะทะ โดยกฎการปะทะจะเป็นตัว
กาํ หนดการทาํ ลาย ซึงพลซมุ่ ยงิ อาจไมม่ คี วามจาํ เป็นตอ้ งใช้ เนืองจากระบบอาวุธอนื ๆ ทีมีอยใู่ นหนว่ ย
ทหารราบยานเกราะมอี ํานาจการทาํ ลายทีสูงกวา่ อยา่ งไรก็ตามสามารถใช้สนับสนุนการตอ่ สู้ เมือกฎการ
ปะทะมขี อ้ หา้ มเกียวกบั ความเสียหายขา้ งเคียง ทาํ ให้พลซ่มุ ยิงเป็นเครืองมือทีมีค่าของผู้บงั คับบญั ชา (ดู
ขอ้ มลู เพิมเติมจาก รส.๗-๒๐, รส.๑-๒, C1; และ คจ. ๒๓-๑๔)

- ๑๓๘ -
ก. ประโยชน์ของพลซุ่มยิงสว่ นหนึงขึนอยกู่ ับลกั ษณะภมู ิประเทศ การควบคุมบงั คบั บญั ชาจะลดลง
เนอื งจากลกั ษณะเฉพาะของพนื ทีในเมอื ง ดงั นนั การเตรียมการเกียวกับเวลาและผลของการสนบั สนนุ
พลซุ่มยงิ จะตอ้ งเขา้ ใจแนวความคิดในการปฏิบตั แิ ละเจตนารมณ์ของผูบ้ งั คบั บญั ชาอยา่ งชดั เจน
ข. พลซุ่มยิงควรวางตวั ในอาคารทีมโี ครงสรา้ งเป็นตึกและเป็นอาคารทีมีพนื การยิงในระยะไกล
และสามารถตรวจการณ์ไดร้ อบตวั ซึงการใช้พลซุ่มยงิ จะมีความไดเ้ ปรียบเนืองจากไมต่ อ้ งเคลอื นทีหรือ
เขา้ ทีตงั ร่วมกับหน่วยนาํ โดยจะยดึ ทีทีสงู กวา่ ในการวางตวั ทางดา้ นหลงั และทางปี ก ในระยะหา่ งพอควร
จากหนว่ ยทพี ลซมุ่ ยิงใหก้ ารสนบั สนนุ ซึงการปฏิบตั กิ ารในระยะไกลจากหน่วยดงั กลา่ ว ทาํ ใหต้ อ้ งหลีก
เลียงการรบขันแตกหกั แต่ยงั คงอยใู่ กลพ้ อทจี ะสังหารเป้ าหมายในระยะทีเป็นภยั คุกคามใหก้ บั หนว่ ย และ
พลซุ่มยงิ ไมค่ วรวางตวั ในทีทีเห็นไดช้ ดั เช่น หอคอยโบสถ์ หรือบนดาดฟ้ าหลงั คา เพราะเป็ นทีทขี า้ ศึกคอย
ตรวจการณ์บอ่ ยๆ และใชเ้ ป็นเป้ าหมายในการทาํ ลาย โดยใชก้ ารยิงเล็งจาํ ลองทีสามารถเจาะทุหลังคาและ
ทาํ ให้เกดิ การบาดเจบ็ สูญเสียในชนั บนสุดของอาคาร นอกจากนีพลซุ่มยิงไมค่ วรวางตัวในบริเวณทีมี
การจราจรคบั คงั เพราะเป็ นพืนทีทีขา้ ศกึ ใหค้ วามสนใจในการตรวจการณ์
ค. พลซุ่มยงิ ควรปฏิบตั ิการตลอดทงั พืนทีปฏิบตั ิการ โดยเคลอื นทไี ปกบั กองรอ้ ยและพรอ้ มให้การ
สนบั สนนุ เมอื จาํ เป็น ซึงบางชดุ อาจปฏิบตั ิการเป็นอิสระ ทาํ การคน้ หาเป้ าหมายตามโอกาส โดยเฉพาะ
พลซุ่มยงิ ของขา้ ศึกโดยทาํ การยึดทีวางตวั หลายที เนืองจากทีตงั เดียวไมส่ ามารถสนบั สนุนการตรวจการณ์
ทีเพียงพอใหก้ ับชุด หากไมเ่ พิมความเสียงตอ่ การตรวจพบของขา้ ศกึ ทงั นีทตี ังแยกตอ้ งสามารถใหก้ าร
สนบั สนุนซึงกนั และกนั ได้ รวมทงั ควรมีการเตรียมทตี งั สาํ รองและทีตงั เพิมเติมสําหรับพนื ทีในเมือง
ง. พลซุ่มยงิ อาจถกู นาํ มาใชใ้ นภารกิจ ต่อไปนี

๑) สังหารพลซุ่มยิงของขา้ ศึก (การยิงตอ่ ต้านพลซุ่มยงิ )
๒) สังหารเป้ าหมายตามโอกาส ความเร่งด่วนตามคาํ สงั ของผูบ้ งั คบั บญั ชา ซึงเป้าหมาย
ประกอบด้วย พลซุ่มยิงของขา้ ศึก ผูน้ าํ ยานพาหนะของผูบ้ งั คบั บญั ชา พลวิทยุ ทหารชา่ งทาํ ลาย และพลยงิ
ปื นกล
๓) ตอ่ ต้านการเข้ามาของข้าศกึ ในพืนทีหรือเสน้ ทาง (ควบคุมภมู ิประเทศสําคญั )
๔) เตรียมการยงิ สนบั สนุนฉากขดั ขวาง และเครืองกีดขวาง
๕) ดาํ รงการระวงั ป้ องกนั ทางปี กและเสน้ ทางเขา้ ดา้ นหลงั (การกาํ บงั )
๖) สนบั สนุนการตีโต้ตอบดว้ ยการยงิ ประณีต

ตอนที ๔
เครืองมือนําทางในพืนทีสิงปลกู สร้าง
พืนทีสิงปลกู สรา้ งมีลกั ษณะพิเศษทแี ตกต่างในการนาํ ทาง ซึงลึกเขา้ ไปกลางใจเมืองลกั ษณะภมู ิ
ประเทศโดยทวั ไปอาจไมไ่ ด้แสดงไวใ้ นแผนที ตึกรามบา้ นช่องกลายเป็นลกั ษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่

- ๑๓๙ -
และหนว่ ยกลายเป็นสิงทียึดติดอยู่กบั ถนน เพราะการต่อสูใ้ นเมืองไดท้ าํ ลายอาคารเกิดกองซากปรกั หกั พงั
ปิ ดกนั ถนน และเครืองหมายทแี สดงบนถนนไดถ้ ูกทาํ ลายในระหวา่ งการตอ่ สู้หรือฝ่ายตังรับได้เคลือนยา้ ย
ออกไป สําหรับการปฏิบตั ิการในทางรถไฟใตด้ ินและระบบทอ่ นําเสียมีลกั ษณะทา้ ทายเป็นพิเศษ อย่างไรก็
ตาม แผนทแี ละภาพถา่ ยมไี วเ้ พือช่วยใหห้ นว่ ยแกป้ ญั หาตา่ งๆ เหลา่ นี รวมทงั ระบบหาพิกดั ดว้ ยดาวเทียม
สามารถเพิมความสามารถในการนาํ ทางในพืนทีสิงปลูกสร้าง
๕ – ๒๒ แผนทีทางทหาร

แผนทีทางทหารของเมอื งเป็ นแผนทีภมู ิประเทศของเมือง ปกติจะใช้มาตราส่วน ๑:๑๒,๕๐๐
ประกอบด้วย ลายเสน้ ถนนและชือถนน อาคารสําคญั และส่วนประกอบอืนๆ ของเมอื ง ซึงมาตราส่วน
แผนทขี องเมืองมตี งั แต่ ๑:๒๕,๐๐๐ - ๑:๕๐,๐๐๐ ขึนอยกู่ บั ความสาํ คัญและขนาดของเมอื ง ความหนา
แนน่ ของรายละเอียดและขอ้ มลู ทางการข่าว

ก. แผนทพี ิเศษ ทีจดั เตรียมโดยวิศวกรทางภูมิศาสตร์ทีใหก้ ารสนบั สนนุ ใชเ้ ป็นเครืองช่วยนาํ
ทางหนว่ ยในพืนทีสิงปลูกสร้าง โดยแผนทีนีไดถ้ ูกออกแบบหรือปรับปรุงขอ้ มลู ขา่ วสารทไี มม่ ีในแผนที
มาตรฐาน ซึงรวมถึงแผนทีเครือข่ายเส้นทางและสะพาน ทางรถไฟ พืนทีสิงปลกู สร้าง และระบบไฟฟ้ า
สามารถใชเ้ สริมกับแผนทที างทหารของเมอื งและแผนทีภมู ิประเทศ

ข. ในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง ทหารใชท้ างแยกทีถนนตดั ผา่ นเป็นจดุ อา้ งเหมือนการใชเ้ นินเขาและ
ลาํ ธารในภูมิประเทศในชนบท โดยการใชแ้ ผนทขี องเมอื งเพิมเติมหรือใช้แทนแผนทภี มู ิศาสตร์เป็นหลกั
สาํ คญั ของการนาํ ทาง ซึงแผนทีเหลา่ นีทาํ ใหห้ นว่ ยทีเคลือนทีผา่ นพืนทสี ิงปลูกสร้างรู้วา่ อยตู่ รงไหนและ
สามารถเคลือนทไี ปยงั ทีตงั ใหมแ่ มถ้ นนจะถกู ปิ ดกนั หรืออาคารสําคญั จะถูกทาํ ลาย

ค. การใช้เทคนคิ เกา่ ในการใชเ้ ข็มทศิ และการนบั กา้ วยงั คงใชไ้ ดผ้ ล โดยเฉพาะในเมอื งทีปิ ดไฟ
มดื เพราะถูกโจมตีทางอากาศ ทําใหม้ องไม่เห็นอาคารและเครืองหมายต่างๆ รวมทงั เหลก็ และเครืองมอื ที
ทาํ ด้วยเหล็กทมี ีอยใู่ นสภาวะแวดลอ้ มของการปฏิบตั ิการทางทหารในภมู ิประเทศในเมือง เป็นสาเหตทุ าํ
ใหก้ ารอ่านเข็มทิศมีความคลาดเคลือน สําหรับการใชร้ ะบบทอ่ นําทงิ ตอ้ งใชร้ ะบบนาํ ทางมากเหมือนกนั
โดยการใชแ้ ผนผงั การวางระบบพืนฐานจากสํานกั งานการระบายนาํ ของเมอื ง ซึงขอ้ มลู ทิศทางการวางทอ่
และระยะทางระหวา่ งฝาเปิ ดสาํ หรับขึนลง ร่วมกับเทคนิคการใชเ้ ข็มทิศและการนบั กา้ ว จะทาํ ใหห้ น่วย
สามารถเคลือนทผี า่ นระบบนาํ เสียของเมอื งได้

ง. การปฏิบตั ิการในพืนทีสิงปลูกสรา้ ง ส่งผลกระทบตอ่ การทาํ งานของอุปกรณ์ไฟฟ้ าใน
ทางตรงข้ามทําให้การอ่านผลผิดพลาด เช่น ระบบเครืองหาพิกดั ดว้ ยดาวเทยี ม จพี ีเอส (GPS) และระบบ

การกระจายขอ้ มลู ข่าวสาร ซึงระบบเหลา่ นีมกี ารทาํ งานคลา้ ยกบั เครืองมอื สือสาร คือ ตามแนวเสน้ เล็งและ
ไมส่ ามารถวดั ค่าไดเ้ มอื อยใู่ ตด้ ินหรือในอาคาร โดยจะตอ้ งติดตงั ไวช้ ันบนสุดของอาคาร ในพนื ทโี ลง่
หรือบนพืนดินทไี มม่ สี ิงกีดขวางแนวเส้นเล็ง


Click to View FlipBook Version