The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตำราพระโอสถปราสาททอง_Perfect

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หนังสือ-ตำรา, 2023-08-18 03:09:37

ตำราพระโอสถปราสาททอง_Perfect

ตำราพระโอสถปราสาททอง_Perfect

145 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๑๘ ลายนํ้าษฎากาศวาตให้กิน ถ้าจะแก้สอึกลายนํ้าร้อนแทรกพิมเสนรำหัดนํ้าผึ้งให้กิน การพลู ถ้าจะแก้แน่นอกลายนํ้า ต้มตามวิทธีให้กินหายสิ้นดังกล่าวมาวิเสศนัก ๚ะ ขิงสด ๚ อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ พระโอสถ ๔ ขนานนี้ ฃองฃ้าพระพุทธเจ้า ขุนเทวพรหมมาปลัดกรมทูลฉลอง ประกอบทูลเกล้าฯ กระหม่อม ถวาย เสวยตามสมุถาณพิกัด โดยลักษณห่งพระโรคนั้น ๚ะ๛ ๏ ๓๘ ยาชื่อมหาโอชา เอาตรีผลาวะลัง จันทังสาม แก่นสน อบเชยเทศ แฝกหอม กฤษนา กลำภัก ชะลูด ขอนดอก กรักขี จุกกะโรหินี กรุงเขมา พรรผักกาด ฃ่าตาแดง ผลมแว้งต้น คำอ่านปัจจุบัน ละลายนํ้าษฎากาศวาตให้กิน ถ้าจะแก้สะอึกละลายนํ้าร้อนแทรกพิมเสนร�ำหัดนํ้าผึ้งให้กิน ถ้าจะแก้แน่นอกละลายนํ้ากานพลู นํ้าขิงสด ต้มตามวิธีให้กินหายสิ้นดังกล่าวมาวิเศษนัก ๚ะ ๚ อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ พระโอสถ ๔ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ขุนเทวพรหมมาปลัดกรมทูลฉลอง ประกอบทูลเกล้าฯ กระหม่อม ถวาย เสวยตามสมุฏฐานพิกัด โดยลักษณะแห่งพระโรคนั้น ๚ะ๛ ๏ ๓๘1 ยาชื่อมหาโอชา เอาตรีผลาวะลัง จันทน์ทั้งสาม แก่นสน อบเชยเทศ แฝกหอม กฤษณา กระล�ำพัก ชะลูด ขอนดอก กรักขี จุกโรหินี กรุงเขมา พรรณผักกาด ข่าตาแดง ผลมะแว้งต้น ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๔๘


146 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๑๙


147 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๑๙ ผลกะดอม เถาบระเพด ไพลเหลือง กะชาย แห้วหมู มะตูมอ่อน รากขัดมอน กกรังกา เปลือกโมกหลวง เปลือกโมกมัน ดอกพิกุน ดอกบุนนาก ดอกสารภี ดอกบัวหลวง เอาเสมอภาก เบญกูลตามพิกัด ๓๖ ต้มตามวิทธีให้กิน แก้สรรนิปาธาตุ ในทะวะดึงษาการ เปนต้น เบญมูลธาตุเปนที่สุด หายสิ้นวิเสศนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๏ ๓๙ ยาชื่อทิพยธาระวาต เอาโกฎสอ โกฎพุงปลา จันทังสอง สมุลแวง ผลผักชี ใบกระวาน ตรีกาลพิศ ใครหอม ไพลเหลือง พริกไท เถาบรเพด มตูมอ่อน แห้วหมู กกรังกา คำอ่านปัจจุบัน ผลกระดอม เถาบอระเพ็ด ไพลเหลือง กระชาย แห้วหมู มะตูมอ่อน รากขัดมอน กกรังกา เปลือกโมกหลวง เปลือกโมกมัน ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกสารภี ดอกบัวหลวง เอาเสมอภาค เบญจกูลตามพิกัด ๓๖1 ต้มตามวิธีให้กิน แก้สันนิบาตธาตุ ในทวดึงษาการ เป็นต้น เบญจมูลธาตุเป็นที่สุด หายสิ้นวิเศษนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๏ ๓๙2 ยาชื่อทิพยธาระวาต เอาโกฐสอ โกฐพุงปลา จันทน์ทั้งสอง สมุลแว้ง ผลผักชี ใบกระวาน ตรีกาลพิศ ไคร้หอม ไพลเหลือง พริกไทย เถาบอระเพ็ด มะตูมอ่อน แห้วหมู กกรังกา ๑ ใต้ค�ำว่าพิกัดมีเลข ๓๖ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยามหาโอชา ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๔๙


148 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๐


149 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๐ รากขัดมอน เปลือกโมกมัน เปลือกช้างน้าว เปลือกหางกราย เปลือกฝิ่นต้น สิ่งละส่วน เนียระภูสีเทด ๔ ส่วน เบญกูลตามพิกัด ๒๘ ต้มตามวิทธีให้กิน แก้ในกองมรรทะวิปัติธาตุ อันบังเกิดแต่วาตะสมุถาณนั้น หายวิเสศนัก ๚ ๔๐ ยาชื่อชาติอะชิรณ เอาเปลือกเพกา เปลือกกะดังงา ญ่าหนวดแมว ชะเอม สิ่งละ ๕ ส่วน ยาเข้าเยนทังสอง แก่น มหาด แก่นมทราง ขิงแห้ง ข่าตาแดง สิ่งละ ๑๐ ส่วน ต้มตามวิทธีให้กิน มุตฆาต แก้โรคครํ่าคร่ามีเมลดยอดเปนต้น มีเถาดานเปนที่สุด เกิดเพื่อสันทฆาต รัตตฆาต อก แก้พยาธิทังปวงให้ตกสิ้น แก้ทังเสมหะเหนียวปะทะ แก้อาเจียน แก้ให้อกชุ่ม ฅอ คำอ่านปัจจุบัน รากขัดมอน เปลือกโมกมัน เปลือกช้างน้าว เปลือกหางกราย เปลือกฝิ่นต้น สิ่งละส่วน เนระพูสีเทศ ๔ ส่วน เบญจกูลตามพิกัด ๒๘1 ต้มตามวิธีให้กิน แก้ในกองมรรทะวิปัติธาตุ อันบังเกิดแต่วาตะสมุฏฐานนั้น หายวิเศษนัก ๚ ๔๐2 ยาชื่อชาติอะชิรณ เอาเปลือกเพกา เปลือกกระดังงา หญ้าหนวดแมว ชะเอม สิ่งละ ๕ ส่วน ยาข้าวเย็นทั้งสอง แก่น มะหาด แก่นมะซาง ขิงแห้ง ข่าตาแดง สิ่งละ ๑๐ ส่วน ต้มตามวิธีให้กิน แก้โรคคร�่ำคร่ามีเมล็ดยอดเป็นต้น มีเถาดานเป็นที่สุด เกิดเพื่อสัณฑะฆาต มุตฆาต รัตตฆาต แก้พยาธิทั้งปวงให้ตกสิ้น แก้ทั้งเสมหะเหนียวปะทะอก คอ แก้อาเจียน แก้ให้อกชุ่ม ๑ ใต้ค�ำว่าพิกัดมีเลข ๒๘ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาทิพยธาระวาต ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๐


150 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๑


151 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๑ แก้เฃละฟูมฅอแลสมานลำฅอหายดีนัก ๚ ๔๑ ยาชื่อนํ้าษฎาโคลิกะมัถธุรศ เอาเกลือธาร นํ้าผึ้ง สิ่งละส่วน นํ้าขิง นํ้ากระเทียม นํ้าฝักส้มป่อย นํ้าอ้อยแดง สิ่งละ ๒ ส่วน ๖ เขี้ยวให้เปนยางตูม ลายนํ้าอันใดอันหนึ่งก็ใด้ เปนยาป้าย แก้ใอ แก้เมลดยอดฤศดวงสันทฆาต ชำระเสมหะน่าอกแลลำฅอ ให้ตกลงไปสู่คูธทวาร สิ้นวิเสศนัก ๚ ๔๒ ยาชื่อจิมส้ม เอาเกลือสินเทา ดีปลี พริกหอม พริกหาง พริกล่อน สิ่งละส่วน ขิงแครง เกลือด่างคลี สิ่งละ ๔ ส่วน ๗ ฅอ ทำเปนจุณ สำรับจิมส้มอันใดอันหนึ่งให้กิน แก้เสมหะปะอยู่ใน ให้ถ่ม อก นํ้าเขละอยู่เนืองเนือง แก้เจบฅอแก้สรรพใอทังปวง แก้ฅอแห้งอกแห้ง คำอ่านปัจจุบัน แก้เขฬะฟูมคอแลสมานล�ำคอหายดีนัก ๚ ๔๑1 ยาชื่อนํ้าษฎาโคลิกะมัถธุรศ เอาเกลือธาร นํ้าผึ้ง สิ่งละส่วน นํ้าขิง นํ้ากระเทียม นํ้าฝักส้มป่อย นํ้าอ้อยแดง สิ่งละ ๒ ส่วน ๖2 เคี่ยวให้เป็นยางตูม ละลายนํ้าอันใดอันหนึ่งก็ได้ เป็นยาป้าย แก้ไอ แก้เมล็ดยอดริดสีดวง สัณฑะฆาต ช�ำระเสมหะหน้าอกแลล�ำคอ ให้ตกลงไปสู่คูถทวาร สิ้นวิเศษนัก ๚ ๔๒3 ยาชื่อจิมส้ม เอาเกลือสินเธาว์ ดีปลี พริกหอม พริกหาง พริกล่อน สิ่งละส่วน ขิงแครง เกลือด่างคลี สิ่งละ ๔ ส่วน ๗4 ท�ำเป็นจุณ ส�ำหรับจิ้มส้มอันใดอันหนึ่งให้กิน แก้เสมหะปะอยู่ในคอ ในอก ให้ถ่ม นํ้าเขฬะอยู่เนืองเนือง แก้เจ็บคอแก้สรรพไอทั้งปวง แก้คอแห้งอกแห้ง ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๑ ๒ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๖ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยานํ้าษฎาโคลิกะมัถธุรศ๓ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๒ ๔ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๗ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาจิมส้ม


152 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๒


153 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๒ เกิดเพื่อวาโย พัดเสมหะขึ้นเบื้องบนนั้นหายวิเสศนัก ๚ พระโอสถ ๕ ขนานนี้ ฃองฃ้าพระพุทธเจ้าหลวงประเสริฐโอสถ ประกอบทูลเกล้าฯ กระหม่อมถวาย เสวยตามสมุถาณพิกัด โดยลักษณแห่งพระโรคนั้น ๚ ๔๓ ยาชื่อรัตตะสุภัน เอาการะบูน ว่านนางคำ จันแดง เกสรสาระภี ดอกพิกุน สิ่งละส่วน ดอกชุมเหดเทด ๒ ส่วน แป้งเล่า ๔ ส่วน ดินสีพองสุทธิ ๖ ส่วน เปราะหอม ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย สิ่งละ ๘ ส่วน ขมิ้นทอง ๑๐ ส่วน ๑๓ ทำเปนจุณ เปราะหอม บดทำแท่งไว้ ลายนํ้ากำยานอบแทรก ทาให้ทั่วทังตัว ฃับลมอากาศ การะบูน กำเดาอันมีพิศ เดินมิได้สะดวกแลฃัดขั้งเข้า กระทำให้ผุดออกเปนวง ก็ดี คำอ่านปัจจุบัน เกิดเพื่อวาโย พัดเสมหะขึ้นเบื้องบนนั้นหายวิเศษนัก ๚ พระโอสถ ๕ ขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้าหลวงประเสริฐโอสถ ประกอบทูลเกล้าฯ กระหม่อมถวาย เสวยตามสมุฏฐานพิกัด โดยลักษณะแห่งพระโรคนั้น ๚ ๔๓1 ยาชื่อรัตตะสุภัน เอาการบูร ว่านนางค�ำ จันทน์แดง เกสรสารภี ดอกพิกุล สิ่งละส่วน ดอกชุมเห็ดเทศ ๒ ส่วน แป้งเหล้า ๔ ส่วน ดินสอพองสุทธิ ๖ ส่วน เปราะหอม ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย สิ่งละ ๘ ส่วน ขมิ้นทอง ๑๐ ส่วน ๑๓2 ท�ำเป็นจุณ บดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้าก�ำยานอบแทรกเปราะหอม การบูร ทาให้ทั่วทั้งตัว ขับลมอากาศ ก�ำเดาอันมีพิษ เดินมิได้สะดวกแลขัดแข้งเข่า กระท�ำให้ผุดออกเป็นวงด�ำ แดง ขาว เหลือง ก็ดี ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๓ ๒ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๓ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยารัตตะสุภัน ดำ แดง ฃาว เหลือง


154 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๓


155 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๓ แก้เนื้อส้าสาก แก้คัน แก้เมื่อยขบทังตัว หายวิเสศนัก ๚ ๔๔ ยาชื่อสวรรณวะลัง เอาการะบูน ว่านนางคำ สิ่งละส่วน ไพลเหลือง จันแดง สิ่งละ ๒ ส่วน แป้งเล่า ขมิ้นทอง สิ่งละ ๔ ส่วน เปราะหอม จันเทด สิ่งละ ๖ ส่วน ๘ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ลายนํ้ามฃามสดหมกไฟให้สุกทา ขับกำเดาเสโทให้เดิน ฝีดาษ ถ้าจะถอนเสี้ยน เหือด ก็ดี ลายนํ้าแป้งเล่าทาหายสิ้น ผิวเนื้อเปนปรกติ หัด วิเสศนัก ๚ ๔๕ ยาชื่อวังคาระวิเล่ห์ เอาดอกว่านหางช้าง ดอกขี้เหลก ดอกชุมเหดเทด ดอกหนาด สิ่งละส่วน ว่านเพดน้อย ว่านมหาเมก ว่านร่อนทอง การะบูน สิ่งละ ๒ ส่วน รากฃ่า รากกะชาย คำอ่านปัจจุบัน แก้เนื้อส่าสาก แก้คัน แก้เมื่อยขบทั้งตัว หายวิเศษนัก ๚ ๔๔1 ยาชื่อสวรรณวะลัง เอาการบูร ว่านนางค�ำ สิ่งละส่วน ไพลเหลือง จันทน์แดง สิ่งละ ๒ ส่วน แป้งเหล้า ขมิ้นทอง สิ่งละ ๔ ส่วน เปราะหอม จันทน์เทศ สิ่งละ ๖ ส่วน ๘2 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้ามะขามสดหมกไฟให้สุกทา ขับก�ำเดาเสโทให้เดิน ถ้าจะถอนเสี้ยนฝีดาษ เหือด หัด ก็ดี ละลายนํ้าแป้งเหล้าทาหายสิ้น ผิวเนื้อเป็นปรกติ วิเศษนัก ๚ ๔๕3 ยาชื่อวังคาระวิเล่ห์ เอาดอกว่านหางช้าง ดอกขี้เหล็ก ดอกชุมเห็ดเทศ ดอกหนาด สิ่งละส่วน ว่านเพชรน้อย ว่านมหาเมฆ ว่านร่อนทอง การบูร สิ่งละ ๒ ส่วน รากข่า รากกระชาย ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๔ ๒ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๘ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาสวรรณวะลัง๓ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๕


156 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๔


157 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๔ ขิงแครง กำยานเหนือ เข้าเบือ ว่านนางคำ สิ่งละ ๓ ส่วน ไพลดำ ไพลเหลือง ว่านเปราะ ว่านขมิ้น สิ่งละ ๔ ส่วน ๑๘ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ลายนํ้าส้มสายชูทา แก้โสภะโรคอันบังเกิดแต่กองลม ๖ จำพวกนั้นเปนต้น แลเกิดแต่จะลณะก็ดี เกิดแต่อาคันตุกะคืออะหิวาตะกะไภยก็ดี เกิดแต่ พิฆาต คืออะชิณโรคให้บังเกิดเปนที่สุดก็ดี หายสิ้นทุกประการวิเสศนัก ตามอาจารยกล่าวไว้ดังนี้ ๚ ๔๖ ยาชื่อกระไสยพินาศ เอาตรีกะตุกา กฤษนา กะลำภัก จันแดง ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย โกฎผลา สิ่งละส่วน การะบูน ๒ กำยานเหนือ ๓ ส่วน เปราะหอม จันฃาว สิ่งละ ๔ ส่วน คำอ่านปัจจุบัน ขิงแครง ก�ำยานเหนือ ข้าวเบือ ว่านนางค�ำ สิ่งละ ๓ ส่วน ไพลด�ำ ไพลเหลือง ว่านเปราะ ว่านขมิ้น สิ่งละ ๔ ส่วน ๑๘1 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้าส้มสายชูทา แก้โสภะโรคอันบังเกิดแต่กองลม ๖ จ�ำพวกนั้นเป็นต้น แลเกิดแต่จลณะก็ดี เกิดแต่อาคันตุกะคืออหิวาตกภัยก็ดี เกิดแต่ พิฆาต คืออชิณโรคให้บังเกิดเป็นที่สุดก็ดี หายสิ้นทุกประการวิเศษนัก ตามอาจารย์กล่าวไว้ดังนี้ ๚ ๔๖2 ยาชื่อกระไสยพินาศ เอาตรีกฏุก กฤษณา กระล�ำพัก จันทน์แดง ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย โกฐผลา สิ่งละส่วน การบูร ๒ ก�ำยานเหนือ ๓ ส่วน เปราะหอม จันทน์ขาว สิ่งละ ๔ ส่วน ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๘ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาวิคาระวิเล่ห์ ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๖


158 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๕


ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๕ หอมแห้ง กึ่งส่วนต้น ๑๔ ทำเปนจุณบดด้วยนํ้ามันพรรผักกาดส่วน ๑ นํ้าดอกไม้ เทด ๒ ส่วน ปรุงพิมเสนเท่าส่วนต้นทำแท่งไว้ ลายนํ้าส้มสายชูทา แก้วาโยเดินตามลำเส้นมิได้เปนปรกติ กระทำให้เมื่อยขบ แลให้บวมลมเกิดแต่ โสภะพิศก็ดี เกิดแต่มันทะเตโชก็ดี หายสิ้นทุกประการวิเสศนัก ๚ะ๛ ๏ ๔๗ ยาชื่อนํ้ามันทิพยสำราญ เอาใบวัลเปรียง ใบปะคำไก่ ใบเลี่ยน เอานํ้า สิ่งละส่วน ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย เอานํ้าสิ่งละ ๒ ส่วน เปราะหอม ผิวมะกรูด เอานํ้าสิ่งละ ๔ ส่วน ๗ นํ้ามันตีนเปด นํ้ามันสน นํ้ามันพิมเสน สิ่งละส่วน นํ้ามันจัน ๒ ส่วน ๔ คุลีการเข้าหุงให้คงแต่มันนํ้า เอาเทพธาโร คำอ่านปัจจุบัน หอมแห้ง กึ่งส่วนต้น ๑๔1 ท�ำเป็นจุณบดด้วยนํ้ามันพรรณผักกาดส่วน ๑ นํ้าดอกไม้ เทศ ๒ ส่วน ปรุงพิมเสนเท่าส่วนต้นท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้าส้มสายชูทา แก้วาโยเดินตามล�ำเส้นมิได้เป็นปรกติ กระท�ำให้เมื่อยขบ แลให้บวมลมเกิดแต่ โสภะพิศก็ดี เกิดแต่มันทเตโชก็ดี หายสิ้นทุกประการวิเศษนัก ๚ะ๛ ๏ ๔๗2 ยาชื่อนํ้ามันทิพยส�ำราญ เอาใบเถาวัลย์เปรียง ใบประค�ำไก่ ใบเลี่ยน เอานํ้า สิ่งละส่วน ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย เอานํ้าสิ่งละ ๒ ส่วน เปราะหอม ผิวมะกรูด เอานํ้าสิ่งละ ๔ ส่วน ๗3 นํ้ามันตีนเป็ด นํ้ามันสน นํ้ามันพิมเสน สิ่งละส่วน นํ้ามันจันทน์ ๒ ส่วน ๔4 คุลีการเข้าหุงให้คงแต่มันนํ้า เอาเทพทาโร ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนต้นมีเลข ๑๔ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยากระไสยพินาศ ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๗๓ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๗ หมายถึง ตัวยา ๗ ชนิด ได้แก่ ใบเถาวัลย์เปรียง ใบประค�ำไก่ ใบเลี่ยน ไพลเหลือง ขมิ้นอ้อย เปราะหอม ผิวมะกรูด ในสูตรยาน�้ำมันทิพยส�ำราญ ๔ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๔ หมายถึง ตัวยา ๔ ชนิด ได้แก่ น�้ำมันตีนเป็ด น�้ำมันสน น�้ำมันพิมเสน น�้ำมันจันทน์ ในสูตรยาน�้ำมันทิพยส�ำราญ 159


160 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๖


ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๖ อบเชยเทด เทียรขาว ตรีกะตุกา โกฎหอม กำยานเหนือ มดยอบ สิ่งละส่วน โกฎกะดูก ๒ ส่วน การพลู การะบูน สิ่งละ ๔ ส่วน ๑๒ ทำเปนจุณปรุงลงในนํ้ามัน ทาแก้เมื่อยขบทังปวง แก้เส้นแขง กระด้างตึง โทษในกองวาโยเดินตามลำเส้นมิได้สะดวก แก้ฟกบวมทังปวง ให้ขบตอดนั้นหายวิเสศนัก ๚ ๔๘ ยาชื่อนํ้ามันเพชร์สังหาร เอาเบญลำโพงกาสลัก ใบสลอด บระเพด ชิงชาลี ผลตีนเปด กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ยาชั่ง ตำเอานํ้าสิ่งละส่วน ๑๓ ขันทองพญาบาด รากมะยมตัวภู่ รากประยง รากข่อย ต้มเอานํ้าสิ่งละ ๒ ส่วน ๔ นํ้ามันงา นํ้ามันสน นํ้ามันกำยาน คำอ่านปัจจุบัน อบเชยเทศ เทียนขาว ตรีกฏุก โกฐหอม ก�ำยานเหนือ มดยอบ สิ่งละส่วน โกฐกระดูก ๒ ส่วน กานพลู การบูร สิ่งละ ๔ ส่วน ๑๒1 ท�ำเป็นจุณปรุงลงในนํ้ามัน ทาแก้เมื่อยขบทั้งปวง แก้เส้นแข็ง กระด้างตึง โทษในกองวาโยเดินตามล�ำเส้นมิได้สะดวก แก้ฟกบวมทั้งปวง ให้ขบตอดนั้นหายวิเศษนัก ๚ ๔๘2 ยาชื่อนํ้ามันเพชร์สังหาร เอาเบญจล�ำโพงกาสลัก ใบสลอด บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ผลตีนเป็ด กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ยาชั่ง ต�ำเอานํ้าสิ่งละส่วน ๑๓3 ขันทองพยาบาท รากมะยมตัวผู้ รากประยงค์ รากข่อย ต้มเอานํ้าสิ่งละ ๒ ส่วน ๔4 นํ้ามันงา นํ้ามันสน นํ้ามันก�ำยาน ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๒ หมายถึง ตัวยา ๑๒ ชนิด ได้แก่ เทพทาโร อบเชยเทศ เทียนขาว ตรีกฏุก โกฐหอม ก�ำยานเหนือ มดยอบ โกฐกระดูก กานพลู การบูร ในสูตรยาน�้ำมันทิพยส�ำราญ ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๕๘๓ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๓ หมายถึง ตัวยา ๑๓ ชนิด ได้แก่ เบญจล�ำโพงกาสลัก ใบสลอด บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ผลตีนเป็ด กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ยาชั่ง ในสูตรยาน�้ำมันเพชร์สังหาร ๔ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๔ หมายถึง ตัวยา ๔ ชนิด ได้แก่ ขันทองพยาบาท รากมะยมตัวผู้ รากประยงค์ รากข่อย ในสูตรยาน�้ำมันเพชร์สังหาร 161


162 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๗


163 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง ค�ำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๗ สิ่งละเท่าส่วนต้น ๓ หุงให้คงแต่นํ้ามัน แล้วเอาการพลู๒ ส่วน เทียรดำ เทียรขาว เทียรเยาวะภานีผลจัน สิ่งละ ๖ ส่วน รงทอง ๒๒ ส่วน ๖ ทำเปนจุณใส่ลงในนํ้ามัน เขี้ยวอย่าให้กรอบแล้วกรองกากเสีย ปรุงลงแล้วจึ่งเอา ฝิ่น พิมเสน สิ่งละส่วน ปรอดสุทธิ๔ ส่วน การะบูน การพลูสิ่งละ ๘ ส่วน ๕ ทำเปนจุณปรุงลงในนํ้ามัน ชุบสำลี ทรงแก้พยาธิซึ่งมีแม่มีตัว อันบังเกิดตามผิวพระมังสังษเปนเมลดยอดไปทังพระองค์ วาโย ให้ทรงคันยิ่งนัก อันเพื่อพระ โลหิต เสีย แลพิการต่างต่าง สมมุติว่าหิต กำเดา วาโย แลฝีแรง ก็ว่า แลแก้กามะวาตะอันบังเกิดแต่พระคุยหะถาน โลหิต ค�ำอ่านปัจจุบัน สิ่งละเท่าส่วนต้น ๓1 หุงให้คงแต่นํ้ามัน แล้วเอากานพลู๒ ส่วน เทียนดำ เทียนขาว เทียนเยาวพาณีผลจันทน์สิ่งละ ๖ ส่วน รงทอง ๒๒ ส่วน ๖2 ทำเป็นจุณใส่ลงในนํ้ามัน เคี่ยวอย่าให้กรอบแล้วกรองกากเสีย ปรุงลงแล้วจึงเอา ฝิ่น พิมเสน สิ่งละส่วน ปรอทสุทธิ๔ ส่วน การบูร กานพลูสิ่งละ ๘ ส่วน ๕3 ทำเป็นจุณปรุงลงในนํ้ามัน ชุบสำลี ทรงแก้พยาธิซึ่งมีแม่มีตัว อันบังเกิดตามผิวพระมังสังเป็นเมล็ดยอดไปทั้งพระองค์ ให้ทรงคันยิ่งนัก อันเพื่อพระวาโย พระโลหิต พระกำเดา เสีย แลพิการต่าง ๆ สมมุติว่าหิด แลฝีแรงวาโย แรงโลหิต ก็ว่า แลแก้กามวาตะอันบังเกิดแต่พระคุยหฐาน ๑ ใต้คำว่าส่วนต้นมีเลข ๓ หมายถึง ตัวยา ๓ ชนิด ได้แก่ น้ำงันงา น้ำมันสน น้ำมันกำยาน ในสูตรยาน้ำมันเพชร์สังหาร ๒ ใต้คำว่าส่วนมีเลข ๖ หมายถึง ตัวยา ๖ ชนิด ได้แก่กานพลูเทียนดำ เทียนขาว เทียนเยาวพาณีผลจันทน์รงทอง ในสูตรยาน้ำมันเพชร์สังหาร๓ ใต้คำว่าส่วนมีเลข ๕ หมายถึง ตัวยา ๕ ชนิด ได้แก่ฝิ่น พิมเสน ปรอท การบูร กานพลูในสูตรยาน้ำมันเพชร์สังหาร


164 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปรา สาททอง หน้าปล ายที่ ๒๘


ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๘ แลพระอันทะ กระทำให้คันระคนด้วยพระบุพโพมีเกลด ซึ่งแพทย์สมมุติว่า สางครางแลไส้ลามนั้น โทษทังนี้เกิดแต่กองอาโปธาตุสมุถาณระคนกันให้โทษ พระโอสถขนานนี้ ฃองฃ้าพระพุทธเจ้า ออกพระสิทธิสารประเสริฐ ประกอบทูลเกล้า ฯ กระหม่อมถวายทรงทาทุกเมื่อหายขาดพระโรค ๚ะ๛ ๏ ๔๙ ยาชื่อนํ้ามันผลาญอัคนี เอานํ้าใบตำลึงแฉก นํ้าญ่าดับไฟ นํ้าใบลำโพงแดง นํ้ามันงา นํ้ามันกุลาบ นํ้ามันจัน นํ้ามันสน นํ้ามัน พิมเสน เอาเสมอภาก ๘ หุงให้คงแต่นํ้ามัน เอาผลจัน ดอกจัน การพลู เทียรทังห้า สิ่งละ ๒ ส่วน การะบูน ๔ ส่วน ๙ ทำเปนจุณใส่ลงในนํ้ามัน คำอ่านปัจจุบัน แลพระอัณฑะ กระท� ำให้คันระคนด้วยพระบุพโพมีเกล็ด ซึ่งแพทย์สมมุติว่า สางครางแลไส้ลามนั้น โทษทังนี้เกิดแต่กองอาโปธาตุสมุฏฐานระคนกันให้โทษ พระโอสถขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ออกพระสิทธิสารประเสริฐ ประกอบทูลเกล้า ฯ กระหม่อมถวายทรงทาทุกเมื่อหายขาดพระโรค ๚ะ๛ ๏ ๔๙ 1 ยาชื่อนํ้ามันผลาญอัคนี เอานํ้าใบต� ำลึงแฉก นํ้าหญ้าดับไฟ นํ้าใบ ล� ำโพงแดง นํ้ามันงา นํ้ามันกุหลาบ นํ้ามันจันทน์ นํ้ามันสน นํ้ามัน พิมเสน เอาเสมอภาค ๘ 2 หุงให้คงแต่นํ้ามัน เอาผลจันทน์ ดอกจันทน์ กานพลู เทียนทั้งห้า สิ่งละ ๒ ส่วน การบูร ๔ ส่วน ๙ 3 ท� ำเป็นจุณใส่ลงในนํ้ามัน ๑ ที่ถูกควรเป็นล� ำดับที่ ๕๙ ๒ ใต้ค� ำว่าเสมอภาคมีเลข ๘ หมายถึง ตัวยา ๘ ชนิด ได้แก่ น�้ำใบต� ำลึงแฉก น�้ำหญ้าดับไฟ น�้ำใบล� ำโพงแดง น�้ำมันงา น�้ำมันกุหลาบ น�้ำมันจันทน์ น�้ำมันสน น�้ำมันพิมเสน ในสูตรยาน�้ำมันผลาญอัคนี ๓ ใต้ค� ำว่าส่วนมีเลข ๙ หมายถึง ตัวยา ๙ ชนิด ได้แก่ ผลจันทน์ ดอกจันทน์ กานพลู เทียนทั้งห้า การบูร ในสูตรยาน�้ำมันผลาญอัคนี 165


166 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๒๙


167 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๒๙ เขี้ยวอย่าให้กรอบแล้วจึ่งกรองกากเสีย เอาพิมเสน ๕ ส่วน ปรุงลงในนํ้ามันกวน ไปให้เยน ทรงทาแก้พยาธิอันบังเกิดแต่กามวาตซึ่งวิปริต กระทำให้คัน ไปทังพระองค์นั้น หายสิ้นวิเสศนัก พระโอสถขนานนี้ ฃองฃ้าพระพุทธเจ้า ออกพระสิทธิสารประเสริฐ ประกอบทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ทรงทา ทุกเมื่อ หายขาดพระโรคดังอาจารยสรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ะ๛ ๏ ๔๐ ยาขีผึ้งพระตำราหลวง เอานํ้ามันงา นํ้ามันเสือ นํ้ามันงูเหลือม นํ้ามันกะทุงดำ นํ้ามันเหี้ย นํ้ามันสุกรลึง นํ้ามันสุนักข์ลึง สิ่งละ ทนาน ๗ ใส่กระทะตั้งไฟให้เดือด แล้วจึ่งเอา กะดาษทังสอง อุตพิด คำอ่านปัจจุบัน เคี่ยวอย่าให้กรอบแล้วจึงกรองกากเสีย เอาพิมเสน ๕ ส่วน ปรุงลงในนํ้ามันกวน ไปให้เย็น ทรงทาแก้พยาธิอันบังเกิดแต่กามวาตซึ่งวิปริต กระท�ำให้คัน ไปทั้งพระองค์นั้น หายสิ้นวิเศษนัก พระโอสถขนานนี้ ของข้าพระพุทธเจ้า ออกพระสิทธิสารประเสริฐ ประกอบทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ทรงทา ทุกเมื่อ หายขาดพระโรคดังอาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ะ๛ ๏ ๔๐1 ยาขี้ผึ้งพระต�ำราหลวง เอานํ้ามันงา นํ้ามันเสือ นํ้ามันงูเหลือม นํ้ามันกระทุงด�ำ นํ้ามันเหี้ย นํ้ามันสุกรลึงค์ นํ้ามันสุนัขลึงค์ สิ่งละ ทะนาน ๗ ใส่กระทะตั้งไฟให้เดือด แล้วจึงเอา กระดาดทั้งสอง อุตพิด ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๖๐


168 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๐


169 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๐ บุกรอ กลอย กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ว่านกีบแรด ว่าน ร่อนทอง สิ่งละ ฝานเปนน่าแว่นทอดลงในนํ้ามันให้กรอบ กรองกากเสีย แล้วจึ่งเอา นํ้ามันตั้งไฟขึ้นอีก เอาสน ขีผึ้งแฃง ยางสนเทด สิ่งละ ยาดำ มดยอบ สิ่งละ กำยานเหนือ กำยานลาว กำยานสะเภา กำยานผี ยางสนเหนือ ชันตะเคียน มาตะกี สิ่งละ ฝุ่นจีน ฝิ่น ผมคน ผมม้า เผาเอาสิ่งละ ๑ ดีจระเข้ฝัก ทำเปนจุณ ใส่ลงในนํ้ามัน รุมไฟไปให้สิ้นฟองดีแล้ว ๑๗ จึ่งยกลง เอาพิมเสน ๒ บาท การะบูน ๔ ตำลึง บดปรุงลงในขีผึ้งกวนให้สบกันดีแล้ว คำอ่านปัจจุบัน บุกรอ กลอย กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ว่านกีบแรด ว่าน ร่อนทอง สิ่งละ ๒ ต�ำลึง ๒ บาท ๑๐ สลึง ฝานเป็นหน้าแว่นทอดลงในนํ้ามันให้กรอบ กรองกากเสีย แล้วจึงเอานํ้ามันตั้งไฟขึ้นอีก เอาสน ๑๐ ต�ำลึง ขี้ผึ้งแข็ง ยางสนเทศ สิ่งละ ๕ ต�ำลึง ยาด�ำ มดยอบ สิ่งละ ๓ ต�ำลึง ก�ำยานเหนือ ก�ำยานลาว ก�ำยานสะเภา ก�ำยานผี ยางสนเหนือ ชันตะเคียน มาตะกี สิ่งละ ๒ ต�ำลึง ๒ บาท ฝุ่นจีน ๑ ต�ำลึง ๑ บาท ฝิ่น ๒ บาท ๒ สลึง ผมคน ผมม้าเผาเอาสิ่งละ ๑ บาท ๒ สลึง ดีจระเข้ฝัก ๑ ๑๗1 ท�ำเป็นจุณ ใส่ลงในนํ้ามัน รุมไฟไปให้สิ้นฟองดีแล้ว จึงยกลง เอาพิมเสน ๒ บาท การบูร ๔ ต�ำลึง บดปรุงลงในขี้ผึ้งกวนให้สบกันดีแล้ว ๑ มีเลข ๑๗ ใต้เลข ๑ หมายถึง ตัวยา ๑๗ ชนิด ได้แก่ สน ขี้ผึ้งแข็ง ยางสนเทศ ยาด�ำ มดยอบ ก�ำยานเหนือ ก�ำยานลาว ก�ำยานสะเภา ก�ำยานผี ยางสนเหนือ ชันตะเคียน มาตะกี ฝุ่นจีน ฝิ่น ผมคน ผมม้า ดีจระเข้ฝัก ในสูตรยาขี้ผึ้งพระต�ำราหลวง ๑ ๒ ๒ ๒ ๑๐๑๐ ๕ ๓ ๒ ๒ ๑ ๑ ๒ ๒


170 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๑


171 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๑ ผ้า เอาเทออกใส่ที่ผนิดไว้ให้ได้ ๓ วัน จึ่งเอามาทาแผน ก็ได้ทรงปิด แพร พระเส้นทังปวง ซึ่งแฃงตึงขอดกระด้าง แลเคลดแคลงเมื่อยขบเสียดตาม เถาพระเส้น แลถอนพระวาโยให้เดินตามลำพระเส้น ให้ตลอดสะดวกเปนปรกติ แลปิดพระแผลก็ได้ ดูดพระบุพโพเรียกพระมังสังษขึ้นเรวพลันยิ่งนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ ๔๑ ยาชื่อนํ้ามันทิพยโสต เอานํ้ามันจัน นํ้ามันสน นํ้ามันตีนเปด เอาเสมอภาก ๓ ใส่กระทะตั้งไฟให้เดือด เอาผิวมนาว ผิวส้มส้า ผิวมะงั่ว สิ่งละส่วน ผิวมกรูด ๒ ส่วน ๔ ทอดลงในนํ้ามันให้กรอบกรองกากเสีย เอาพิมเสน ๑ การะบูน ๒ คำอ่านปัจจุบัน เอาเทออกใส่ที่ผนึกไว้ให้ได้ ๓ วัน จึงเอามาทาแผ่นผ้า แผ่นแพร ก็ได้ทรงปิด พระเส้นทั้งปวง ซึ่งแข็งตึงขอดกระด้าง แลเคล็ดแคลงเมื่อยขบเสียดตาม เถาพระเส้น แลถอนพระวาโยให้เดินตามล�ำพระเส้น ให้ตลอดสะดวกเป็นปรกติ แลปิดพระแผลก็ได้ ดูดพระบุพโพเรียกพระมังสังขึ้นเร็วพลันยิ่งนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ ๔๑1 ยาชื่อนํ้ามันทิพยโสต เอานํ้ามันจันทน์ นํ้ามันสน นํ้ามันตีนเป็ด เอาเสมอภาค ๓2 ใส่กระทะตั้งไฟให้เดือด เอาผิวมะนาว ผิวส้มซ่า ผิวมะงั่ว สิ่งละส่วน ผิวมะกรูด ๒ ส่วน ๔3 ทอดลงในนํ้ามันให้กรอบกรองกากเสีย เอาพิมเสน ๑ การบูร ๒ ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๖๑ ๒ ใต้ค�ำว่าเสมอภาคมีเลข ๓ หมายถึง ตัวยา ๓ ชนิด ได้แก่ น�้ำมันจันทน์ น�้ำมันสน น�้ำมันตีนเป็ด ในสูตรยาน�้ำมันทิพยโสต๓ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๔ หมายถึง ตัวยา ๔ ชนิด ได้แก่ ผิวมะนาว ผิวส้มซ่า ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด ในสูตรยาน�้ำมันทิพยโสต


172 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๒


173 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๒ ตึง บดปรุงลงในนํ้ามันเอาไว้ให้เยน ทรงหยอดพระกรรแก้ แก้โสตดังมะมี่ คัน เกิดเพื่ออุทังคมาวาตกำเริบ พระโอสถขนานนี้ ฃองฃ้าพระพุทธเจ้าออกญาแพทยพงษา ประกอบทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ทรงยอนเปนนิจมิได้ขาดหายสิ้นดังกล่าวมาแล้ว ใบกระวาน วิเสศนัก ๚ ๔๒ ยาชื่อกำบังสินธุ์ เอาตรีกะตุกา สิ่งละส่วน ตรีสุคนธ์อบเชย รากพิมเสน เบญกานี การะบูน ผลจัน ดอกจัน สีเสียดเทด เปลือกผลตะบูน เปลือก มะฃามขบ ชันตะเคียน กำยานเหนือ สิ่งละ ๒ ส่วน แก่นจันเทด ผลกระวาน การพลู กะเทียมสดขั้ว สิ่งละ ๓ ส่วน จันแดง จันชะมด โกฎพุงปลา ฝาง เปลือกขี่อ้ายนา สิ่งละ ๔ ส่วน ๒๖ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ลายนํ้า ต้มก็ได้ เบญกูน คำอ่านปัจจุบัน บดปรุงลงในนํ้ามันเอาไว้ให้เย็น ทรงหยอดพระกรรณ แก้ตึง แก้คัน แก้โสตดังมะมี่ เกิดเพื่ออุทธังคมาวาตาก�ำเริบ พระโอสถขนานนี้ ฃองข้าพระพุทธเจ้าออกญาแพทยพงษา ประกอบทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ทรงยอนเป็นนิจมิได้ขาดหายสิ้นดังกล่าวมาแล้ว วิเศษนัก ๚ ๔๒1 ยาชื่อก�ำบังสินธุ์ เอาตรีกฏุก สิ่งละส่วน ตรีสุคนธ์ ใบกระวาน อบเชย รากพิมเสน เบญกานี การบูร ผลจันทน์ ดอกจันทน์ สีเสียดเทศ เปลือกผลตะบูน เปลือก มะขามขบ ชันตะเคียน ก�ำยานเหนือ สิ่งละ ๒ ส่วน แก่นจันทน์เทศ ผลกระวาน กานพลู กระเทียมสดคั่ว สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์แดง จันทน์ชะมด โกฐพุงปลา เปลือกขี้อ้ายนา สิ่งละ ๔ ส่วน ๒๖2 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้าฝาง นํ้าเบญจกูล ต้มก็ได้ ๑ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๖๒ ๒ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๒๖ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาก�ำบังสินธ์ุ


174 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปรา สาททอง หน้าปล ายที่ ๓๓


175 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๓ อมุธาตุ ให้กินแก้ในกองอติสารปัถวี อันบังเกิดในชาติบุพรูป แก้ในกอง อติสารก็ได้ ปฉัณธาตุ แก้ลามกพิณธาตุก็ได้ ให้แพทยพึงประกอบกระสายพิกัดไปตามกระบวนโรคนั้นเถิดวิเสศนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ ๔๓ ยาชื่ออินทประสาท เอาตรีผลาวะลัง ตรีสาระวะรา สุพัณถันทังสอง การะบูน ผลจันเทด ผลตะบูน ผลปราย ผลเอน สุรามฤทธิ การพลู สิ่งละส่วน ไพลหมก กะทือหมก กะเทียมสดขั้ว ใบเสนียด เปลือกสะเดา สิ่งละ ๒ ส่วน ผลตะลุมภุก เปลือกฝิ่นต้น สิ่งละ ๔ ส่วน ๒๒ ทำเปนจุณ เพกา เอาน้าเปลือก ํแคแดง ต้มเปนกระสายบททำแท่งไว้ ลายน้าเบญมูลตามพิกัดต้มให้กิน ํฝางเสน รัตตะ แก้ในกองบูราณธาตุอติสารอันบังเกิดขึ้นในบุพรูป แลแก้ทัง ธาตุอติสารก็ได้ มุศกาย คำอ่านปัจจุบัน ให้กินแก้ในกองอติสารปัถวี อันบังเกิดในชาติบุพรูป แก้ในกองอมุธาตุอติสาร ปฉัณณธาตุอติสารก็ได้ แก้ลามกพิณธาตุก็ได้ ให้แพทย์พึงประกอบกระสายพิกัดไปตามกระบวนโรคนั้นเถิดวิเศษนัก อาจารย์สรรเสริญไว้ดังนี้ ๚ ๔๓ 1 ยาชื่ออินทประสาท เอาตรีผลาวะลัง ตรีสาระวะรา สุพรรณถันทั้งสอง การบูร ผลจันทน์เทศ ผลตะบูน ผลปราย ผลเอ็น สุรามฤต กานพลู สิ่งละส่วน ไพลหมก กะทือหมก กระเทียมสดคั่ว ใบเสนียด เปลือกสะเดา สิ่งละ ๒ ส่วน ผลตะลุมพุก เปลือกฝิ่นต้น สิ่งละ ๔ ส่วน ๒๒ 2 ท� ำเปนจุณ เอานํ้าเปลือกเพกา เปลือกแคแดง เปลือกฝางเสน ต้มเป็นกระสายบดท� ำแท่งไว้ ละลายนํ้าเบญจมูลตามพิกัดต้มให้กิน แก้ในกองบูราณธาตุอติสารอันบังเกิดขึ้นในบุพรูป แลแก้ทั้งรัตตะธาตุอติสาร มุศกายธาตุอติสารก็ได้ ๑ ที่ถูกควรเป็นล� ำดับที่ ๖๓ ๒ ใต้ค� ำว่าส่วนมีเลข ๒๒ หมายถึง จ� ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาอินทประสาท


176 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๔


177 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง ค�ำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๔ ให้ประกอบกระสายวางตามการโรคนั้นเถิด ๚ ๔๔ ยาชื่อชาติวารีเอาการบูน ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง ว่านเปราะป่า เบญกานีสีเสียดทังสอง สิ่งละส่วน ผลจันเกาะ ผลสแก ผลฝาง ผลปราย เปลือกเพกา การพลูกะเทียมราง สิ่งละ ๒ ส่วน เปลือกหามกราย เปลือกฝิ่นต้น เปลือกตะเคียน สิ่งละ ๔ ส่วน เปลือกช้างน้าว สะเดา หกส่วน ทำ เปนจุณเอาเปลือก มะกอก ต้มเปนกระสายบดทำแท่งไว้ละลายนํ้าตรีศุขติสมุถาณ มฃามเทศ ต้มให้กิน แก้ในกองอชิรณธาตุอติสารอันบังเกิดในอติสารวัคก็ดีแลเกิดในอุจารธาตุก็ดี ใด แลเกิดในอัน ซึ่งหาเหตุนั้นก็ดีหายสิ้นทุกประการวิเสศนัก ๚ ๔๕ ยาชื่อนัทีสุวรรณ หนึ่ง เอาสุพรรณถัน กฤษนา กลำ ภัก ชะลูด อบเชย การบูน ผลจัน ค�ำอ่านปัจจุบัน ให้ประกอบกระสายวางตามการโรคนั้นเถิด ๚ ๔๔1 ยาชื่อชาติวารีเอาการบูร ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง ว่านเปราะป่า เบญกานีสีเสียดทั้งสอง สิ่งละส่วน ผลจันทน์เกาะ ผลสะแก ผลฝาง ผลปราย เปลือกเพกา กานพลูกระเทียมราง สิ่งละ ๒ ส่วน เปลือกหามกราย เปลือกฝิ่นต้น เปลือกตะเคียน สิ่งละ ๔ ส่วน เปลือกช้างน้าว หกส่วน ทำเป็นจุณเอาเปลือกสะเดา เปลือกมะกอก เปลือกมะขามเทศ ต้มเป็นกระสายบดทำแท่งไว้ละลายนํ้า ตรีสุคติสมุฏฐาน ต้มให้กิน แก้ในกองอชิรณธาตุอติสารอันบังเกิดในอติสารวรรคก็ดีแลเกิดในอุจจาระธาตุก็ดี แลเกิดในอันใดอันหนึ่ง ซึ่งหาเหตุนั้นก็ดีหายสิ้นทุกประการวิเศษนัก ๚ ๔๕2 ยาชื่อนัทีสุวรรณ เอาสุพรรณถัน กฤษณา กระลำพัก ชะลูด อบเชย การบูร ผลจันทน์ ๑ ที่ถูกควรเป็นลำดับที่ ๖๔ ๒ ที่ถูกควรเป็นลำดับที่ ๖๕


178 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๕


179 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๕ ดอกจัน กะชาย กะทือ ไพล ฃ่าตาแดง ขมิ้นอ้อย สิ่งละส่วน มตูมอ่อน กะเทียมราง การพลู สิ่งละ ๒ ส่วน มหาสะดำ เนียระภูสีเทด แก่นจันเทด สิ่งละ ๔ ส่วน จันแดง ๒๐ ส่วน ๒๐ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ลายนํ้าเบญกูลตามพิกัด ต้มให้กินแก้ในกองจะละณธาตุอติสาร ซึ่งกระทำให้ปวดมวนมีศรีเหลืองเปนต้น แลให้ตกบุพโพโลหิตเปนที่สุด อันบังเกิดเปนอะชิรณขึ้นในอติสารอันใดก็ดีหายสิ้นทุก ประการวิเสศนัก ๚ ๔๖ ยาชื่อหิรัญคงคา เอาพริกไทอ่อนส่วน ๑ ชะลูด อบเชย กฤษนา ฝางเสน แกแล ขมิ้นอ้อย แห้งหมู รากขัดมอน ผลกะดอม บระเพด หนัง แรตเผา สิ่งละ ๒ ส่วน มตูมอ่อน ตาอ้อยแดง จันทังสอง กกรังกา เปลือก คำอ่านปัจจุบัน ดอกจันทน์ กระชาย กะทือ ไพล ข่าตาแดง ขมิ้นอ้อย สิ่งละส่วน มะตูมอ่อน กระเทียมราง กานพลู สิ่งละ ๒ ส่วน มหาสด�ำ เนระพูสีเทศ แก่นจันทน์เทศ สิ่งละ ๔ ส่วน จันทน์แดง ๒๐ ส่วน ๒๐1 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ละลายนํ้าเบญจกูลตามพิกัด ต้มให้กินแก้ในกองจลณธาตุอติสาร ซึ่งกระท�ำให้ปวดมวนมีสีเหลืองเป็นต้น แลให้ตกบุพโพโลหิตเป็นที่สุด อันบังเกิดเป็นอชิรณะขึ้นในอติสารอันใดก็ดีหายสิ้นทุก ประการวิเศษนัก ๚ ๔๖2 ยาชื่อหิรัญคงคา เอาพริกไทยอ่อนส่วน ๑ ชะลูด อบเชย กฤษณา ฝางเสน แกแล ขมิ้นอ้อย แห้วหมู รากขัดมอน ผลกระดอม บอระเพ็ด หนัง แรดเผา สิ่งละ ๒ ส่วน มะตูมอ่อน ตาอ้อยแดง จันทน์ทั้งสอง กกรังกา เปลือก ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๒๐ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยานัทีสุวรรณ ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๖๖


180 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๖


181 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๖ ฝิ่นต้น สิ่งละ ๔ ส่วน แก่นจันชะมด ๑๙ ส่วน ๑๙ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ลายนํ้า เบญกูลตามพิกัดต้มด้วยวิทธีให้กิน แก้ในกองชาติธาตุอันเปนจลณให้ลงเปนฟองแลนํ้า เหลืองเปนมูกเลือด เปนเสมหะเจือระคนกันออกมาดังนํ้ามูกก็ดี บางทีเหลวเปนไข่เน่า บางทีเปนมูลโคข้นเปนประเมหะระคนเปนมันออกมาก็ดี แลแก้ปวดมวนในสรรพอติสาร ทังปวงก็ดี แลจำเริญอาหารให้มีรศวิเสศนัก ๚ ๔๗ ยาชื่อธารารัต เอาโกฎพุงปลา โกฎสอ โกฎเขมา เทียรดำ บระเพด มะตูมอ่อน แห้วหมู กกรังกา สิ่งละส่วน ฝางเสน ครั่งดุ้น เปลือกขี้อ้ายนา สิ่งละ ๒ ส่วน จันแดง เกสรสาระภี คำอ่านปัจจุบัน ฝิ่นต้น สิ่งละ ๔ ส่วน แก่นจันทน์ชะมด ๑๙ ส่วน ๑๙1 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้า เบญจกูลตามพิกัดต้มด้วยวิธีให้กิน แก้ในกองชาติธาตุอันเป็นจลณะให้ลงเป็นฟองแลนํ้า เหลืองเป็นมูกเลือด เป็นเสมหะเจือระคนกันออกมาดังนํ้ามูกก็ดี บางทีเหลวเป็นไข่เน่า บางทีเป็นมูลโคข้นเป็นปรเมหะระคนเป็นมันออกมาก็ดี แลแก้ปวดมวนในสรรพอติสาร ทั้งปวงก็ดี แลจ�ำเริญอาหารให้มีรสวิเศษนัก ๚ ๔๗2 ยาชื่อธารารัต เอาโกฐพุงปลา โกฐสอ โกฐเขมา เทียนด�ำ บอระเพ็ด มะตูมอ่อน แห้วหมู กกรังกา สิ่งละส่วน ฝางเสน ครั่งดุ้น เปลือกขี้อ้ายนา สิ่งละ ๒ ส่วน จันทน์แดง เกสรสารภี ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๙ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาหิรัญคงคา ๒ ที่ถูกควรเป็นล�ำดับที่ ๖๗


182 คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง หน้าปลายที่ ๓๗


183 ค�ำคัดถ่ายถอดและค�ำอ่านปัจจุบัน ต�ำราพระโอสถปราสาททอง คำถ่ายถอด หน้าปลายที่ ๓๗ เกสรบัวหลวง ดอกพิกุน สิ่งละ ๔ ส่วน แก่นจันเทด ๑๖ ส่วน ๑๖ ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ลายนํ้าเบญกูลตามพิกัดต้มตามวิทธีให้กิน แก้สรรพอติสารทังปวง ซึ่งกระทำให้ลงหาเยื่อมิได้ มีสีอันฃาวดังนํ้าเข้าเชด แลแก้ธาตุสมุถาณให้ประชุมเข้าเปนปรกติ จำเริญอาหารวิเสศนัก คำอ่านปัจจุบัน เกสรบัวหลวง ดอกพิกุล สิ่งละ ๔ ส่วน แก่นจันทน์เทศ ๑๖ ส่วน ๑๖1 ท�ำเป็นจุณบดท�ำแท่งไว้ ละลายนํ้าเบญจกูลตามพิกัดต้มตามวิธีให้กิน แก้สรรพอติสารทั้งปวง ซึ่งกระท�ำให้ลงหาเยื่อมิได้ มีสีอันขาวดังนํ้าข้าวเช็ด แลแก้ธาตุสมุฏฐานให้ประชุมเข้าเป็นปรกติ จ�ำเริญอาหารวิเศษนัก ๑ ใต้ค�ำว่าส่วนมีเลข ๑๖ หมายถึง จ�ำนวนตัวยาทั้งหมดในสูตรยาธารารัต


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง ภาคผนวก พิธีบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เ นื่องในวาระการจัดพิมพ์ต�ำรายาหมอพร เล่มที่ ๒ ค�ำอธิบาย ต�ำราพระโอสถปราสาททอง โดยกรมแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลือก ร่วมกับมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ ได้จัดพิธีบวงสรวง สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ ปราสาท นครหลวง ต�ำบลนครหลวง อ�ำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ม.ร.ว.จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดี กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อ�ำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและ แพทย์พื้นบ้านไทย พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และกรรมการ มูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ ร่วมในพิธี ในการนี้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) ประธานพระครูพราหมณ์ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เป็นผู้กล่าวอัญเชิญ ทวยเทพ เทวดา และอ่านโองการในการขอพระบรมราชานุญาตสมเด็จ พระเจ้าปราสาททอง จัดท�ำต�ำรายาหมอพร เล่มที่ ๒ ค�ำอธิบายต�ำราพระโอสถ ปราสาททอง หนึ่งในจ�ำนวน ๑๕ เล่ม ที่กรมหลวงชุมพรฯ ทรงรวบรวมไว้ เพื่อเผยแพร่ในวาระ ๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ พลเรือเอก พระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ต�ำราพระโอสถปราสาททอง นับเป็นต�ำรายาโบราณอันทรงคุณค่า มีอายุกว่า ๓๐๐ ปี ปรากฏในรูปแบบสมุดไทยด�ำ มีจ�ำนวน ๖๗ ต�ำรับ โดยหมอหลวงในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ก�ำกับการ ปรุงต�ำรับยาไว้ มูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ ได้มอบให้กรมการแพทย์แผนไทย 184


ภาคผนวก และการแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นหน่วยงาน ภาครัฐมีหน้าที่โดยตรงในการดูแล พัฒนาปรับปรุง พิจารณากลั่นกรอง ประกาศต�ำรา/ต�ำรับยาให้เป็น ต�ำรา/ต�ำรับยาของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ต่อการศึกษาเผยแพร่การแพทย์แผนไทย ตลอดจน การต่อยอดทางการวิจัยพัฒนาและสร้างการ สาธารณสุขของประเทศชาติในอนาคตต่อไป 185


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปรา สาททอง 186


ภาคผนวก หมอหลวงที่ปรุงยา ห มอหลวง มีหลักฐานปรากฏเป็นครั้งแรกในกฎหมาย ตราสามดวง ซึ่งเป็นเอกสารส� ำคัญของชาติที่เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ไทย ทั้งด้านการเมือง การปกครอง สังคม เศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม ภาษา และอื่น ๆ หลักกฎหมายส่วนใหญ่ในกฎหมาย ตราสามดวงเป็นหลักกฎหมายที่สืบทอดมาแต่สมัยอยุธยา มีการช� ำระ แก้ไขเพิ่มเติมตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนกระทั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการปฏิรูประบบ กฎหมายให้เป็นแบบสากล ในที่สุดกฎหมายตราสามดวงจึงได้ยกเลิกไป เรื่องหมอหลวง ปรากฏในต� ำแหน่งนาพลเรือน อันเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับ การก� ำหนดศักดินา ต� ำแหน่งยศและหน้าที่ของข้าราชการฝ่ายพลเรือน โดยปัจจุบันเอกสารชั้นต้นอยู่ในความครอบครองของส� ำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร หมวดกฎหมายฉบับตราสามดวง ชื่อเอกสาร ต�ำแหน่งนาพลเรือน ประวัติที่มาบันทึกว่าได้มาจากกระทรวงมุรธาธรเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ สาระส� ำคัญเกี่ยวกับหมอหลวง ประกอบด้วย กรมแพทยา กรมแพทยาโรงพระโอสถ กรมหมอยา กรมหมอนวด กรมหมอยาตา และกรมหมอวรรณโรค ดังข้อมูลแสดง ๑. กรมแพทย า ๑.๑ พระศรีมโหสถราชแพทยาธิบดีศรีองครักษ เจ้ากรมแพทยาหน้า นา ๑๖๐๐ ๑.๒ ขุนราชแพทยา ปลัดทูลฉลอง กรมแพทยาหน้า นา ๖๐๐ ๑.๓ ขุนพรหมกวี ปลัดนั่งศาล กรมแพทยาหน้า นา ๔๐๐ ๑.๔ พระศรีศักราชแพทยาธิบดีศรีองครักษ์ เจ้ากรมแพทยาหลังตราเทพยดาถือปะด�ำ นา ๑๖๐๐ ๑.๕ ขุนรัตะแพทย์ ปลัดกรมทูลฉลอง กรมแพทยาหลัง นา ๖๐๐ ๑.๖ ขุนศรีกวี ปลัดนั่งศาล กรมแพทยาหลัง นา ๔๐๐ ๑.๗ พันในกรม นาคละ ๑๐๐ ๒. กรมแพทย าโรงพระโอสถ ออกญาแพทยพงษาวิสุทธาธิบดีอะไภยพิรียบรากรมภาหุ จางวางแพทยาโรงพระโอสถ นา ๒๐๐๐ ๓. กรมหมอย า ๓.๑ ออกพระทิพจักร เจ้ากรมหมอยาขวา นา ๑๔๐๐ ๓.๒ ออกพระสิทธิสาร เจ้ากรมหมอยาซ้าย นา ๑๔๐๐ ๓.๓ หลวงราชนิทานขวา ปลัดทิพจักร นาคละ ๘๐๐ ๓.๔ หลวงราชพรมมาซ้าย ปลัดทิพจักร นาคละ ๘๐๐ ๓.๕ หลวงสิทธิพรมมาซ้าย ปลัดสิทธิสาร นาคละ ๘๐๐ ๓.๖ หลวงเทวพรมมาขวา ปลัดสิทธิสาร นาคละ ๘๐๐ ๓.๗ ขุนในกรมหมอยา นาคละ ๔๐๐ ๓.๘ ขุนทิพโอสถ ขุนประเสริฐโอสถ พนักงานเครื่องต้น นาคละ ๖๐๐ ๓.๙ หมื่นในกรมหมอยา นาคละ ๒๐๐ ๓.๑๐ หัวหมื่นเครื่องต้น ๓.๑๐.๑ หมื่นทิพโอสถ นาคละ ๔๐๐ ๓.๑๐.๒ หมื่นเทพโอสถ นาคละ ๔๐๐ ๓.๑๑ พันในกรมหมอยา นาคละ ๑๐๐ ๓.๑๒ พันพนักงานเครื่องต้น นาคละ ๓๐๐ ๔. กรมหมอกุม า ร ๔.๑ ขุนกุมารเพช หมอกุมาร ขึ้นหลวงราชนิทาน นาคละ ๔๐๐ ๔.๒ ขุนกุมารแพทย์ หมอกุมาร ขึ้นหลวงราชนิทาน นาคละ ๔๐๐ หมอหลวงที่ปรุงยา 187


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง ๔.๓ ขุนกุมารประสิทธิ หมอกุมาร ขึ้นหลวงราชนิทาน นาคละ ๔๐๐ ๔.๔ ขุนกุมารประเสริฐ หมอกุมาร ขึ้นหลวงราชนิทาน นาคละ ๔๐๐ ๔.๕ พันมีชื่อเครื่องพระราชทาน ๔ พัน ๔.๕.๑ พันโรควินาศ นาคละ ๒๐๐ ๔.๕.๒ พันชาดประไลย นาคละ ๒๐๐ ๔.๕.๓ พันโรคประไลย นาคละ ๒๐๐ ๔.๕.๔ พันไกรโอสถ นาคละ ๒๐๐ ขุนอุมอนสมุบาญชีย นา ๔๐๐ ๕. กรมหมอนวด ๕.๑ หลวงราชรักษา เจ้ากรมหมอนวดขวา นาคละ ๑๖๐๐ ๕.๒ หลวงราโช เจ้ากรมหมอนวดซ้าย นาคละ ๑๖๐๐ ๕.๓ ขุนภักดีองค ปลัดกรมขวา นาคละ ๘๐๐ ๕.๔ ขุนองครักษา ปลัดกรมซ้าย นาคละ ๘๐๐ ๕.๕ หมื่นแก้ววรเลือก นาคละ ๖๐๐ ๕.๖ หมื่นวาโยวาด นาคละ ๖๐๐ ๕.๗ หมื่นวาโยนาศ นาคละ ๖๐๐ ๕.๘ หมื่นวาโยไชย นาคละ ๖๐๐ ๕.๙ ขุนในกรม นาคละ ๔๐๐ ๕.๑๐ หมื่นในกรม นาคละ ๒๐๐ ๕.๑๑ พันในกรม นาคละ ๑๐๐ ๕.๑๒ พันหมอ นาคละ ๑๐๐ ๕.๑๓ นายพะโรง นาคละ ๘๐ ๖. กรมหมอยาตา ๖.๑ ขุนราชเนตร เจ้ากรมหมอยาตาขวา นา ๘๐๐ ๖.๒ ขุนทิพเนตร เจ้ากรมหมอยาตาซ้าย นา ๘๐๐ ๖.๓ ขุนในกรม นาคละ ๔๐๐ ๖.๔ หมื่นในกรม นาคละ ๒๐๐ ๖.๕ พันในกรม นา ๑๐๐ ๗. กรมหมอวรรณโรค ๗.๑ หลวงสิทธิแพทย เจ้ากรมหมอวรรณโรค นา ๘๐๐ ๗.๒ ขุนมหาแพทย ปลัดกรมขวา นาคละ ๖๐๐ ๗.๓ ขุนสาระแพทย ปลัดกรมซ้าย นาคละ ๖๐๐ ๗.๔ ขุนไชยแพทย นา ๔๐๐ ๗.๕ ขุนในกรม นาคละ ๔๐๐ ๗.๖ หมื่นในกรม นาคละ ๒๐๐ ๗.๗ พันในกรม นาคละ ๑๐๐ ต�ำราพระโอสถปราสาททอง ปรากฎชื่อแพทย์ปรุงยาทั้งหมด ๖ คน ได้แก่ ออกพระสิทธิสาร ออกพระทิพจักรญาณ ออกญาแพทยพงษา ออกพระ สิทธิสารประเสริฐ ขุนเทวพรหมมา ปลัดกรมทูลฉลอง และหลวงประเสริฐโอสถ ๑. ออกพระสิทธิสาร สังกัดกรมหมอยา มีต�ำแหน่งเป็นเจ้ากรม หมอยาซ้าย ศักดินา ๑๔๐๐ ปรุงยา ๓ ต�ำรับ คือ ยาส�ำราญอากาศยาชาติสุวิโมค ยาไตรโลกย์ประชุม ๒. ออกพระทิพจักรญาณ สังกัดกรมหมอยา มีต�ำแหน่งเป็นเจ้ากรม หมอยาขวา ศักดินา ๑๔๐๐ ปรุงยา ๑๕ ต�ำรับ ได้แก่ ยาอากาศวิทธี ยาอัคนี สุริยกาล ยาขนาธารา ยาทิพาวาต ยาธาตุอะชิณคุณยาวิบูรรณาธาตุ ยาธาตุ พิศดาน ยาสมุถาณบรรจบ ยาอะชิณพิกัดยาวิปติสมุถาณ ยาโสฬศอัคนี ยาประสระ กะเทียมน้อย ยาประสระกะเทียมใหญ่ ยาประสระการพลูน้อย ยาประสระ การพลูใหญ่ ๓. ออกญาแพทยพงษา สังกัดกรมแพทยาโรงพระโอสถ มีต�ำแหน่ง เป็นจางวางแพทยาโรงพระโอสถ ศักดินา ๒๐๐๐ ปรุงยา ๑๒ ต�ำรับ ได้แก่ ยาอากาศ พิกัด ยารัศฆ�ำภร ยาทิณกอรจ�ำหรัด ยาแสงวิเชียรพรรณ ยาสุวรรณกะมุก ยาสุทธิ รังศรี ยาสุคนธหิรัญ ยาสุวรรณคันธา ยาหัทยพิสาน ยาส�ำราญนิทรา ยาโอชา อ�ำมฤตย ยานํ้ามันทิพยโสต ๔. ออกพระสิทธิสารประเสริฐ สังกัดกรมหมอยา ปรุงยา ๘ ต�ำรับ ได้แก่ ยาประสระมัทธุรศ ยาโสฬศไตรญาณ ยาวิรมยคุณ ยาอะดุลส�ำราญ ยาสิวาละทิพวาต ยานิลชาติสุวรรณ ยานํ้ามันเพชร์สังหาร ยานํ้ามันผลาญอัคนี ๕. ขุนเทวพรหมมา ปลัดกรมทูลฉลอง (ปรากฏในต�ำแหน่งนาพลเรือน ชื่อว่า หลวงเทวพรมมาขวา ปลัดสิทธิสาร) ปรุงยา ๔ ต�ำรับ ได้แก่ ยามหาวิเสศรศ ยาปสาวะพิศ ยามหาปสาวะพิศ ยาเนาวะหอยหอม ๖. หลวงประเสริฐโอสถ สังกัดกรมหมอยา ปรุงยา ๕ ต�ำรับ ได้แก่ ยามหาโอชา ยาทิพยธาระวาต ยาชาติอะชิรณ ยานํ้าษฎาโคลิกะมัถธุรศ ยาจิมส้ม 188


ภาคผนวก ต�ำรับยา สรรพคุณยา ๑. ยาชื่อส�ำราญอากาศ แก้ในกองอากาศประชุม เข้าในระวางสุขติให้บริบูรณ์ จ�ำเริญอัคนีธาตุ ๒. ยาชื่อชาติสุวิโมค แก้ในกองวาตะธาตุให้ประชุม มิให้ไปในระวางสมชวรได้ จ�ำเริญวาตะสมุฏฐาน ๓. ยาชื่อไตรโลกย์ประชุม แก้ในกองสมะธาตุสมุฏฐาน มิให้ตกไปในระวางจลณธาตุวิปริต จ�ำเริญตรีกาลสมุฏฐาน ฉกาลสมุฏฐาน เนาวกาลสมุฏฐาน ๔. ยาชื่อเบญจคีธาตุ แก้มันทเตโชเกิดในกองอุจาระคันธาธาตุ ซึ่งมีกลิ่นวิปริต ๔ ประการ จ�ำเริญสุขติผลธาตุให้บริบูรณ์ เกิดในเบญมูลธาตุ ๕. ยาชื่ออากาศวิทธี จ�ำเริญสุขติในที่สุดแห่งเตโช เกิดในกองอากาศวาตะ ซึ่งเป็นมันทธาตุ ท�ำให้บริโภคอาหารไม่มีรส ให้ระหอยหอบหิวหาแรงมิได้ จ�ำเริญผลธาตุให้บริบูรณ์ขึ้นทั้ง ๔ ประการ แก้ในกองอภิญาณธาตุมีชาติมีธาตุ เป็นต้น แลภิณธาตุเป็นที่สุด ๖. ยาชื่ออัคนีสุริยกาล จ�ำเริญผลธาตุในกองอากาศอภิญาณ ซึ่งหย่อนแลพิการนั้นให้กล้าขึ้นเป็นปรกติ เจริญอาหารให้บริบูรณ์ ให้นอนหลับแลเจริญก�ำลัง ๗. ยาชื่อขนาธารา แก้อาโปอันบังเกิดในกองอากาศอภิญาณ ซึ่งกระท�ำให้ก�ำเริบ หย่อน พิการ มันทเตโชในกองอากาศอภิญาณนั้น เป็นที่สุด แก้ก�ำเดาให้เดินสะดวกเป็นปรกติมิให้ขัดแข้งเข่า แลให้ผิวหนังมังสะบริบูรณ์ ๘. ยาชื่อทิพาวาต แก้ในกองวาตอภิญญาณอากาศให้บริบูรณ์ แลจ�ำเริญรูปจ�ำเริญก�ำลัง แก้นอนมิหลับ บริโภคอาหารมิได้ จ�ำเริญฉกาลวาตะให้วัฒนาขึ้น ในสุขติอากาศธาตุให้บังเกิดอัคนีผล ๙. ยาชื่อธาตุอะชิณคุณ แก้ในกองอากาศซึ่งบังเกิดเป็นบุพรูปก็ดี ลมคูถทวารปิดในกองอากาศปัถวีก็ดี กุจฉิสยาวาตาเป็นมันทวาโยก็ดี แลเตโชเป็นกติกธาตุก็ดี ๑๐. ยาชื่อวิบูรรณาธาตุ แก้ในกองอากาศปัถวี อันยิ่งไปด้วยเสมหะเกิดแต่มันทอากาศก็ดี แลลมโกฏฐาสยาวาตาเป็นกติกะวาโย ให้บังเกิดเพราะพวาตพัดเตโชเป็นมันทธาตุ แลกุจฉิสยาวาตากล้ามิได้หยัดทวาร แลอุจจาระเป็นส่าหยาบ แลละเอียดระคนกันหาก�ำหนดมิได้ มีกลิ่นอันร้ายต่าง ๆ ๑๑. ยาชื่อธาตุพิศดาน สะกดแก้ในเบญจมูลธาตุ มีสัมปัติธาตุเป็นต้น วิภาคยะธาตุเป็นที่สุด แก้ให้บริบูรณ์ขึ้นมิให้วิปริต จ�ำเริญรูปจ�ำเริญก�ำลัง ๑๒. ยาชื่อสมุถาณบันจบ สะกดในกองตรีกาลสมุฏฐานให้บริบูรณ์ขึ้น มิให้วิปริตในกองเบญจมูลธาตุ ๑๓. ยาชื่ออะชิณพิกัด ตัดอชิณโรคใน ๑๒ สมุฏฐาน ละโลงในกองเบญจมูลธาตุ อันเป็นกติกะ สรุปสรรพคุณของตำรับยาในตำราพระโอสถปราสาททอง 189


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง ต�ำรับยา สรรพคุณยา ๑๔. ยาชื่อวิปติสมุถาณ แก้อชิณธาตุพิบัติ กล่าวคือตัดเสียซึ่งส�ำแลงให้ตกมิให้ธาตุระสํ่าระสาย ให้ตั้งมั่นไว้ซึ่งสมุฏฐานทั้งปวง ๑๕. ยาชื่อโสฬศอัคนี แก้ในกองเบญจมูลธาตุ ซึ่งวิปริตเป็นกติกะนั้น ให้อันตรธาน ให้จ�ำเริญให้กายเป็นสุข ให้รู้รสอาหารทั้งจ�ำเริญ จตุกาลธาตุให้บริบูรณ์ ๑๖. ยาชื่อประสระกะเทียมน้อย แก้ลามกชวร อันบังเกิดแต่กองอชิณโรค ๔ ประการ แลกระท�ำให้ปรเมหะนั้นเป็นปรกติปลุกในกองเบญจมูลธาตุ แลจตุกาลธาตุ ๑๗. ยาชื่อประสระกะเทียมใหญ่ ปลุกในกองอุจจาระธาตุ แลคันธลามก อันบังเกิดแต่เบญจมูลธาตุ ๑๘. ยาชื่อประสระการพลูน้อย แก้ในกองอุจจาระธาตุแลคันธลามก อันเกิดในกองเบญจมูลธาตุ ๑๙. ยาชื่อประสระการพลูใหญ่ ปลุกเบญจมูลธาตุให้ตั้ง แก้ลามกชวรพิณธาตุ แก้อติสารวรรค ๑๑ มารยาทไปดุจไตปลา ระคนด้วยโลหิตช�้ำ ก็ดี ไปดุจนํ้าแตงโมสุ แลสมองเหน้าก็ดี เนื้อศีรษะกุ้งเน่าก็ดี แลให้ปวดมวนยิ่งนัก แลบ�ำรุงสมุฏฐานมิให้วิปริต จ�ำเริญสุขธาตุให้บังเกิดขึ้นเป็นปรกติ ๒๐. ยาชื่ออ�ำมชาติธารา แก้อมุธาตุอติสารโรคซึ่งบังเกิดแต่ชาติ จลณะ อาคันตุกะ คืออหิวาตกภัยก็ดี กระท�ำให้ลงเป็นเสมหะสด เน่า ก็ดี แก้ได้ทั้งอามาติสาร ปักวาติสาร ๒๑. ยาชื่อรัดตะธาระธาตุ แก้ในกองธาตุอภิญญาณ ๓ ประการ อสุริญธัญญาณ ๔ ประการ อันบังเกิดขึ้นในกองอติสารวรรค ในกองอุจจาระธาตุเป็นที่สุด ๒๒. ยาชื่อปฉันณวาตะพิณะ แก้ในกองปฉันณวาตอติสาร อันบังเกิดแต่อติสารวรรค ๑๑ อุจจาระธาตุ ๔ อชิณโรค ๔ บุพรูป ๓๒ ประการ ๒๓. ยาชื่อมุศกายะประชุม แก้มุศกายธาตุอติสาร ซึ่งกระท�ำให้ลงด�ำ ลงแดง ลงเหลือง ระคนกันออกมาเป็นมูกเลือดปวดมวน เป็นนํ้าล้างเนื้อก็ดี อันบังเกิดแต่ในอติสารวรรค ๑๑ ๒๔. ยาชื่อชุมกาลพิศ แก้ในกองเบญกาลอติสาร อันบังเกิดขึ้นในระวางอติสารวรรค ๑๑ ประการนั้น แก้สรรพอติสารพิษ ๒๕. ยาชื่อรัตตะวิบูรณ์ แก้โลหิตอติสารคือลงเป็นเลือดสดสดออกมา ลงเป็นลิ่มเป็นก้อน คล�้ำด�ำออกมาก มีกลิ่นเหม็นดังซากอาศพ หากลิ่นมิได้ ๒๖. ยาชื่อเนาวคุณ แก้ตกโลหิตทวารทั้งเก้า มีรัตตะปิตตะเป็นต้น มีอติสารโรคเป็นที่สุด ๒๗. ยาชื่ออากาศพิกัด แก้อากาศในกองเบญจมูลธาตุ ซึ่งบริโภคอาหารมิได้ไม่มีรสแลนอนมิหลับ อันหาเหตุมิได้ แก้พิษวาโย พิษโลหิต พิษก�ำเดา ในระวางอชิณธาตุแลสมุฏฐาน ๒๘. ยาชื่อรัศฆ�ำภร แก้ในกองอากาศ ๑๐ ประการ อันบังเกิดขึ้นในกองธาตุทั้ง ๔ แลสมุฏฐานทั้ง ๖ อันเจือระคนกันเป็นอชิรณธาตุ ก็ดี อชิรณโรคก็ดี ซึ่งหาเหตุมิได้นั้นเป็นอันส�ำเร็จ คือ หายโรคทั้งปวง แก้อาคันตุกะจลณโรค ซึ่งระคนเข้าใน กองธาตุ กองสมุฏฐานนั้นเป็นต้น พิณธาตุ เป็นที่สุดให้ส�ำราญขึ้นโดยสุขติ ขับสรรพก�ำเดาให้บริบูรณ์ 190


ภาคผนวก ต�ำรับยา สรรพคุณยา ๒๙. ยาชื่อทิณกอรจ�ำหรัด แก้ในกองอากาศพิกัดในเบญจมูลธาตุนั้น อันบังเกิดแต่พัทธะปิตตะ อพัทธะปิตตะ ก�ำเดา ๓๐. ยาชื่อแสงวิเชียรพรรณ แก้พิษเสมหะ พิษโลหิต ซึ่งกระท�ำให้ร้อน หอบ สะอึก แล้วให้หิวโหย ระหวย แก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แก้ทั้งดีเดือดเลือดพลุ่ง แก้ในกองอากาศธาตุ อันบังเกิดแต่ทศกาลพิบัติทั้งปวง ๓๑. ยาชื่อสุวรรณกะมุก แก้ในกองโลหิตอันบังเกิดแต่อากาศอภิญาณธาตุ ๓๒. ยาชื่อสุทธิรังศรี แก้อภิญาณโลหิต อันบังเกิดแต่กองอากาศก�ำเดา ซึ่งกระท�ำให้มึนตึงแลวิงเวียน ให้ร้อนทุรนทุรายกระหายหอบ บริโภคอาหารมิได้ให้นอนมิหลับ มักเป็นเมล็ดยอดผุดขึ้นทั้งกาย ดุจเมล็ดผดกระท�ำให้แสบ ร้อน คัน เป็นก�ำลัง ให้เสโทตก ๓๓. ยาชื่อสุคนธหิรัญ แก้ในกองเสมหะ ปิตตะ วาตะ สันนิบาต สมุฏฐานอันบังเกิดแต่อากาศธาตุพิบัติ ๑๐ ประการ ๓๔. ยาชื่อสุวรรณคันธา แก้ในกองก�ำเดาอันบังเกิดแต่สมุฏฐานตรีกาลเตโชธาตุพิกัด กล่าวคือแก้โลหิต ๑๐ ประการ ซึ่งกระท�ำให้ระหวยหอบกระหาย เชื่อมมึนมัวนั้นเป็นต้น ให้ปะทะสะอึกแล ผิวเนื้อซีดด�ำ แดง ขาว เหลือง ก็ดี แลหาสติมิได้นั้นเป็นที่สุด จ�ำเริญในกองเบญจมูลธาตุแลเนาวสมุฏฐาน ให้แพทย์พึงพิจารณาในนิทานโรค อาทานโรค ๓๕. ยาชื่อหัทยพิสาน แก้วิทราธิวาต ๑๖ จ�ำพวก อันบังเกิดแต่กองธาตุวิปริต ซึ่งเป็นมันทธาตุต่าง ๆ คือให้ลงเป็นต้น กระท�ำให้ขุ่นมัวอยู่ในใจแลให้สวิงสวาย ๓๖. ยาชื่อส�ำราญนิทรา แก้วิทราธิวาต กระท�ำให้นอนมิหลับให้สวิงสวาย บริโภคอาหารไม่มีรส อันบังเกิดแต่กองอากาศวิถี ๓๗. ยาชื่อโอชาอ�ำมฤตย แก้ในกองลม ๓ จ�ำพวก คือ วาตะสมุฏฐานเป็นต้น แลโสฬศอากาศ วาตะเป็นที่สุด ๓๘. ยาชื่อประสระมัทธุรศ บ�ำบัดพยาธิอันบังเกิดในคูถทวารก็ดี แลให้บังเกิดอัคนีผล แก้ลมปัตฆาตอันมีพิษ ซึ่งบังเกิดในชาติ แก้ทั้งลมวิหกวาต ลมวิตารวาต ลมพหิวาต อันเป็นจลณะ พึงให้ประกอบกระสายเข้า ตามในกระสายพิกัด ท่านกล่าวไว้ แก้ลมในกองอัมพฤกษ์ กองสุมนา กองทัศฎากาศ ซึ่งวิปริต ๓๙. ยาชื่อโสฬศไตรญาณ แก้ในกองทัศฎากาศวาต อันบังเกิดในเบญจมูลธาตุ ระคนด้วยวิทราธิ กล่าวคือลมใหญ่ ๖ จ�ำพวก คือ วิตกาวาต ๑ สติณาวาต ๑ วิหกวาต ๑ จลันตาวาต ๑วิตารวาต ๑ ชวารวาต ๑ อันบังเกิดแต่กองหัทยวาต เป็นต้น สุมนาวาตเป็นที่สุด กระท�ำให้สะครั่นสะคร่อกาย แลให้หิวหาแรงมิได้ ๔๐. ยาชื่อวิรมยคุณ แก้ในกองวิหกวาต กองสติณาวาต เกิดแต่หัทยวาต ซึ่งกระท�ำให้ระสํ่าระสายอยู่ภายใน แก้สรรพวิทราธิวาต อันบังเกิดเป็นอวสาร ๔๑. ยาชื่ออะดุลส�ำราญ แก้ในกองมหาวิทราธิวาต ๖ จ�ำพวก คือ วิตกาวาตเป็นอาทิ ชวารวาตเป็นที่สุดมีอาการกระท�ำให้มืดมัว แลให้สตินั้นลอยไป ให้หนักหลังจักษุลืมมิขึ้น จะกระท�ำสิ่งอันใดก็มักเคลิ้มหาสติมิได้ ให้ระสํ่าระสายในใจยิ่งนัก แลมักโกรธ มักให้จับกระท�ำให้ตัวร้อน จะบริโภคอาหารก็มิได้ให้อิ่มไปด้วยลม 191


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง ต�ำรับยา สรรพคุณยา ๔๒. ยาชื่อสิวาละทิพวาต แก้ในกองอากาศวาต ๑๖ จ�ำพวก อันบังเกิดในวิปติธาตุ ๕๒๐ ประการ ๔๓. ยาชื่อนิลชาติสุวรรณ แก้เสมหะ ๓ ประการ แลพิษเสมหะกาลระคนกัน บังเกิดในกองโสฬศอากาศ ซึ่งกระท�ำตีขึ้นไปในทรวงอกแลล�ำคอ มีเสียงอันดังพิลึก ๔๔. ยาชื่อมหาวิเสศรศ แก้หิวหาแรงมิได้เพื่อวาโยกระท�ำ แก้ลมมีพิษ แก้โลหิตมีพิษ แก้เสมหะมีพิษ แก้จับเจลียง ๔๕. ยาชื่อปสาวะพิศ แก้ในทางปัสสาวะด�ำ แดง ขาว เหลือง แลรสนั้นจืดหาเค็มมิได้ มีกลิ่นต่าง ๆ บ�ำรุงในกองอากาศวาต ให้รู้รสอาหาร แก้หืดไอ สรรพพิษมีพิษตะขาบแมลงป่อง ๔๖. ยาชื่อมหาปสาวะพิศ แก้ทุราวสาอันบังเกิดแต่ปถวี มีสัณฑะฆาตเป็นต้น แลกระษัยดานทั้ง ๔ ประการนั้นเป็นที่สุด บังเกิดขึ้นในระวางพิษเป็นโอปักกะมิกาโรค แลเป็นชาติ บ�ำรุงในกองเตโชธาตุ ๔๗. ยาชื่อเนาวะหอยหอม แก้ลงบิด แก้ลมโฮก แก้สะอึก แก้แน่นอก ๔๘. ยาชื่อมหาโอชา แก้สันนิบาตธาตุในทวดึงษาการ เป็นต้น เบญจมูลธาตุเป็นที่สุด ๔๙. ยาชื่อทิพยธาระวาต แก้ในกองมรรทะวิปัติธาตุ อันบังเกิดแต่วาตะสมุฏฐาน ๕๐. ยาชื่อชาติอะชิรณ แก้โรคคร�่ำคร่ามีเมล็ดยอด เป็นต้น มีเถาดานเป็นที่สุด เกิดเพื่อสัณฑะฆาต มุตฆาต รัตตฆาต แก้พยาธิทั้งปวง ให้ตกสิ้น แก้ทั้งเสมหะเหนียวปะทะอก คอ แก้อาเจียน แก้ให้อกชุ่ม แก้เขฬะฟูมคอแลสมานล�ำคอ ๕๑. ยาชื่อนํ้าษฎาโคลิกะมัถธุรศ แก้ไอ แก้เมล็ดยอดริดสีดวง สัณฑะฆาต ช�ำระเสมหะหน้าอกแลล�ำคอ ให้ตกลงไปสู่คูถทวาร ๕๒. ยาชื่อจิมส้ม แก้เสมหะปะอยู่ในคอ ในอก ให้ถ่มนํ้าเขฬะอยู่เนือง ๆ แก้เจ็บคอแก้สรรพไอทั้งปวง แก้คอแห้งอกแห้งเกิด เพื่อวาโย พัดเสมหะขึ้นเบื้องบน ๕๓. ยาชื่อรัตตะสุภัน ขับลมอากาศก�ำเดาอันมีพิษ เดินมิได้สะดวกแลขัดแข่งเข่า กระท�ำให้ผุดออกเป็นวงด�ำ แดง ขาว เหลือง ก็ดี แก้เนื้อส่าสาก แก้คัน แก้เมื่อยขบทั้งตัว ๕๔. ยาชื่อสวรรณวะลัง ขับก�ำเดาเสโทให้เดิน ถอนเสี้ยนฝีดาษ เหือด หัด ๕๕. ยาชื่อวังคาระวิเล่ห์ แก้โสภะโรคอันบังเกิดแต่กองลม ๖ จ�ำพวก แลเกิดแต่จลณะก็ดี เกิดแต่อาคันตุกะคืออหิวาตกภัยก็ดี เกิดแต่พิฆาต คืออชิณโรคให้บังเกิดเป็นที่สุด ๕๖. ยาชื่อกระไสยพินาศ แก้วาโยเดินตามล�ำเส้นมิได้เป็นปรกติ กระท�ำให้เมื่อยขบ ให้บวมลมเกิดแต่โสภะพิศ เกิดแต่มันทเตโช ๕๗. ยาชื่อนํ้ามันทิพยส�ำราญ แก้เมื่อยขบทั้งปวง แก้เส้นแข็งกระด้างตึง โทษในกองวาโยเดินตามล�ำเส้นมิได้สะดวก แก้ฟกบวมทั้งปวง ให้ขบตอด 192


ภาคผนวก ต�ำรับยา สรรพคุณยา ๕๘. ยาชื่อนํ้ามันเพชร์สังหาร แก้พยาธิซึ่งมีแม่มีตัว อันบังเกิดตามผิวพระมังสังเป็นเมล็ดยอดไปทั้งพระองค์ ให้ทรงคันยิ่งนัก อันเพื่อพระวาโย พระโลหิต พระก�ำเดา เสีย แลพิการต่าง ๆ สมมติว่าหิด แลฝีแรงวาโย แรงโลหิต ก็ว่า แลแก้กามวาตะ อันบังเกิดแต่พระคุยหฐานแลพระอัณฑะกระท�ำให้คันระคนด้วยพระบุพโพมีเกล็ด ซึ่งแพทย์สมมติว่า สางครางแลไส้ลามนั้น โทษทั้งนี้เกิดแต่กองอาโปธาตุสมุฏฐานระคนกันให้โทษ ๕๙. ยาชื่อนํ้ามันผลาญอัคนี แก้พยาธิอันบังเกิดแต่กามวาตซึ่งวิปริต กระท�ำให้คันไปทั้งพระองค์ ๖๐. ยาขีผึ้งพระต�ำราหลวง แก้พระเส้นทั้งปวง ซึ่งแข็งตึงขอดกระด้าง แลเคล็ดแคลงเมื่อยขบเสียดตามเถาพระเส้น แลถอนพระวาโย ให้เดินตามล�ำพระเส้น ให้ตลอดสะดวกเป็นปรกติแลปิดพระแผลก็ได้ ดูดพระบุพโพเรียกพระมังสัง ๖๑. ยาชื่อนํ้ามันทิพยโสต ทรงหยอดพระกรรณ แก้ตึง แก้คัน แก้โสตดังมะมี่ เกิดเพื่ออุทธังคมาวาตาก�ำเริบ ๖๒. ยาชื่อก�ำบังสินธุ์ แก้ในกองอติสารปัถวี อันบังเกิดในชาติบุพรูป แก้ในกองอมุธาตุอติสาร ปฉัณณธาตุอติสาร แก้ลามกพิณธาตุ ๖๓. ยาชื่ออินทประสาท แก้ในกองบูราณธาตุอติสาร อันบังเกิดขึ้นในบุพรูป แก้ทั้งรัตตะธาตุอติสาร มุศกายธาตุอติสาร ๖๔. ยาชื่อชาติวารี แก้ในกองอชิรณธาตุอติสารอันบังเกิดในอติสารวรรค แลเกิดในอุจจาระธาตุ ๖๕. ยาชื่อนัทีสุวรรณ แก้ในกองจลณธาตุอติสาร ซึ่งกระท�ำให้ปวดมวนมีสีเหลือง เป็นต้น แลให้ตกบุพโพโลหิตเป็นที่สุด อันบังเกิดเป็นอชิรณะขึ้นในอติสาร ๖๖. ยาชื่อหิรัญคงคา แก้ในกองชาติธาตุอันเป็นจลณะให้ลงเป็นฟองแลนํ้าเหลืองเป็นมูกเลือด เป็นเสมหะเจือระคนกันออกมาดังนํ้ามูก ก็ดี บางทีเหลวเป็นไข่เน่า บางทีเป็นมูลโคข้นเป็นปรเมหะระคนเป็นมันออกมาก็ดี แลแก้ปวดมวนในสรรพอติสาร ทั้งปวงก็ดี แลจ�ำเริญอาหาร ๖๗. ยาชื่อธารารัต แก้สรรพอติสารทั้งปวง ซึ่งกระท�ำให้ลงหาเยื่อมิได้ มีสีอันขาวดังนํ้าข้าวเช็ด แก้ธาตุสมุฐานให้ประชุมเข้า เป็นปรกติ จ�ำเริญอาหาร 193


คำ�อธิบายตำ�ราพระโอสถปราสาททอง กาฬธาตุอติสาร, กาลธาตุ อติสาร [กานทาด-, กาละทาด-] น. โบราณกรรมอติสารชนิดหนึ่ง ต�ำราการแพทย์แผนไทยว่า เกิดจากกาฬซึ่งเกิดที่อวัยวะภายใน ผู้ป่วยมีอาการแตกต่างกันไป แบ่งเป็น ๕ อย่าง ได้แก่ กาฬพิพิธ กาฬพิพัธ กาฬมูตร กาฬสูตร และกาฬสิงคลี. ก�ำเดา ดูใน สมุฏฐานปิตตะ. กุจฉิสยาวาตา [กุดฉิสะยาวาตา] น. ลมพัดในท้องแต่พัดนอกล�ำไส้ เป็นองค์ประกอบ ๑ ใน ๖ ชนิดของธาตุลม. โกฏฐาสยาวาตา [โกดถาสะยาวาตา] น. ลมพัดในล�ำไส้และกระเพาะอาหาร เป็นองค์ประกอบ ๑ ใน ๖ ชนิดของธาตุลม. เขฬะ, เขโฬ น. นํ้าลาย เป็นองค์ประกอบ ๑ ใน ๑๒ สิ่งของธาตุนํ้า. ไข้เจลียง น. โรคกลุ่มหนึ่ง ผู้ป่วยมีอาการไข้วันเว้นวัน ในทางการแพทย์แผนไทยมีหลายชนิด เช่น ไข้เจลียงอากาศ ไข้เจลียง พระสมุทร ไข้เจลียงไพร. คุยหฐาน, คุยหประเทศ น. อวัยวะเพศชายหรือนิมิตชาย ใช้ว่า พระคุยหฐาน หรือ พระคุยหประเทศ. คุลิการ, คุลีการ คลุกเคล้าเข้าด้วยกันแล้วปั้นก้อน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ดังคัมภีร์ประถมจินดา [๑/๔๐๑] ตอนหนึ่งว่า “... ยาตาแก้ต้อ สายโลหิตขนานนี้ท่านให้เอาบรเพช ขมิ้นอ้อย รากบานไม่รู้โรยฃาว รากหญ้างวงช้าง คุลิการรวม ยา ๕ สิ่ง นี้เอา เสมอภาค ...”. คูถทวาร น. ทวารหนัก. ฉกาลวาโย [ฉะกาละวาโย] น. ธาตุลม ๖ ประการ ได้แก่ ลมพัดตั้งแต่ปลายเท้าถึงศีรษะ (อุทธังคมาวาตา) ลมพัดตั้งแต่ศีรษะ ถึงปลายเท้า (อโธคมาวาตา) ลมพัดในท้องแต่พัดนอกล�ำไส้ (กุจฉิสยาวาตา) ลมพัดในล�ำไส้และกระเพาะอาหาร (โกฏฐาสยาวาตา) ลมพัดทั่วสรีระกาย (อังคมังคานุสารีวาตา) และลมหายใจเข้าออก (อัสสาสะปัสสาสะวาตา). (มาจากค�ำ ฉ แปลว่า หก, กาล แปลว่า เวลา กับ วาโย แปลว่า ลม). เตโชธาตุ ดูธาตุไฟ. ทวดึงษาการ, ทวดึงสาการ, ทวัตดึงสาการ, ทวัตติงสาการ ดูอาการ ๓๒. ธาตุเพลิง, ธาตุไฟ น. สิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายส่วนที่ท�ำให้ธาตุดิน ธาตุนํ้า และธาตุลมเปลี่ยนแปลงได้ เป็นพลังงานความร้อนหรือ พลังงานที่ท�ำให้เกิดการย่อยสลาย มี ๔ ชนิด ได้แก่ ไฟย่อยอาหาร (ปริณามัคคี) ไฟที่ท�ำให้ร้อนภายใน (ปริทัยหัคคี) ไฟที่เผาร่างกายให้แก่คร�่ำคร่า (ชิรณัคคี) และไฟที่ท�ำให้ร่างกายอบอุ่น (สันตัปปัคคี), เตโชธาตุ ก็เรียก. ธาตุสมุฏฐาน [ทาดสะหมุดถาน] น. ธาตุทั้ง ๔ เป็นที่ตั้งหรือที่แรกเกิดของโรค ได้แก่ ปถวีธาตุสมุฏฐาน ธาตุดินเป็นที่ตั้ง หรือที่แรกเกิด ของโรค อาโปธาตุสมุฏฐาน ธาตุนํ้าเป็นที่ตั้ง หรือที่แรกเกิดของโรค วาโยธาตุสมุฏฐาน ธาตุลมเป็นที่ตั้ง หรือที่แรกเกิด ของโรค และเตโชธาตุสมุฏฐาน ธาตุไฟเป็นที่ตั้งหรือที่แรกเกิดของโรค ธาตุทั้ง ๔ ซึ่งจ�ำแนกได้เป็น ๔๒ ประการนั้น (ดิน ๒๐, นํ้า ๑๒, ลม ๖, ไฟ ๔) แพทย์แผนไทยพิจารณาย่อลงเหลือเพียง ๓ กองสมุฏฐาน เรียกว่า สมุฏฐานปิตตะ สมุฏฐานวาตะ และสมุฏฐานเสมหะ. อภิธานศัพท์ 194


Click to View FlipBook Version