หลกั การส่ือสาร
หน่วยที่ ๑
ผศ. ดร.บษุ บา บวั สมบูรณ์
ความหมายการส่อื สาร
การส่อื สารเปน็ การติดตอ่
เพอ่ื ส่งและรับความหมายระหว่าง
ผสู้ ่งสารและผู้รับสาร โดยมสี ารท่ี
อาจเปน็ คาพดู หรอื ตวั หนังสือใน
เอกสาร หรือการส่งขอ้ ความผา่ นส่อื
อเิ ล็กทรอนกิ สต์ า่ ง ๆ การส่ือสารจะ
หมนุ เปน็ วงจร
องค์ประกอบของการสือ่ สาร
su203 หนว่ ยท่ี ๑
องคป์ ระกอบของการสือ่ สาร
ผู้ส่งสาร สาร สือ่ ผ้รู บั สาร
ปฏกิ ิริยาตอบกลบั
องคป์ ระกอบของการสอ่ื สาร
ผ้สู ่งสาร • ผ้ทู ่มี งุ่ หมายตดิ ตอ่ ให้ผอู้ น่ื รบั รคู้ วามต้งั ใจหรอื
ความมุ่งหมายของตน
• มขี อบเขตการแสดงความมงุ่ หมายด้วยการบอกเลา่ แสดง
ความคดิ เห็น หรอื ต้องการผลจากการส่อื สาร เชน่ การ
สง่ั การขอรอ้ ง การยอมรบั การปฏิเสธ ฯลฯ
• เป็นอนั ดับแรกสดุ ของวงจรการสือ่ สาร
องคป์ ระกอบของการสอื่ สาร
สาร • ขอ้ ความ ถอ้ ยคา เรอ่ื งราวทีถ่ ่ายทอดความมุ่งหมาย
ของผู้สง่ สาร
• ประกอบด้วย เนื้อหา ภาษา รูปแบบ
องคป์ ระกอบของการส่อื สาร
• คากริยา หมายถึง การตดิ ตอ่ ที่ใช้ในความหมายการสื่อสาร
สื่อ • คานาม หมายถึง ชอ่ งทางการติดตอ่ ได้แก่
สอ่ื มนุษย์ เช่น คนนาสาร โฆษก เปน็ ต้น
ส่อื สง่ิ พมิ พ์ ไดแ้ ก่ หนังสอื พิมพ์ เอกสารแผน่ พับ เปน็ ต้น
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เชน่ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น
องค์ประกอบของการส่ือสาร
ผู้รบั สาร • ผู้ถูกคาดหวังให้รับรู้ความมุ่งหมายของผู้ส่งสาร ผู้รับ
สารจงึ เปน็ คาท่ีเกดิ มาจากมุมมองของฝ่ายผูส้ ่งสาร
• ผู้ส่งสารคาดหมายว่า เม่ือมีการรับสารแล้วผู้รับสารอาจ
แสดงพฤติกรรมหรือทัศนคติกับสารน้ันในทางใดทาง
หน่ึงต่อสารที่ได้รับและมีปฏิกิริยาในทางใดทางหนึ่งกับ
ผสู้ ง่ สาร
คุณลกั ษณะของ
ผสู้ ง่ สาร-ผรู้ ับสาร-สาร-สื่อ
su203 หน่วยท่ี ๑
คุณลักษณะของผสู้ ง่ สาร
๑. รู้จักศาสตรข์ องเรือ่ งท่จี ะส่งสาร เชน่ การพูดในโอกาสสาคัญ
การเขียนเพือ่ กจิ ธรุ ะ การเขียนเพอ่ื งานอาชพี
๒. รจู้ ักศิลปะของการสง่ สาร คือกลวธิ ีในการนาเสนอสาร เช่น ลีลาและ
จังหวะการพดู การใช้นาเสียงดึงดดู ผูฟ้ ัง
๓. รูจ้ ักวิเคราะหผ์ รู้ ับสาร ได้แก่ เร่อื งเพศ วยั ระดบั การศึกษา อาชีพ
ฐานะทางเศรษฐกจิ และภูมหิ ลงั ของผรู้ ับสาร
คุณลกั ษณะของสาร
เนื้อหา ภาษา รูปแบบ
o ข้อเทจ็ จรงิ o วัจนภาษา o การกล่าวสุนทรพจน์
o ข้อคดิ เหน็ ภาษาพูดและ o การโฆษณา
o แสดง ภาษาเขยี น o การกลา่ วอวยพร
ความรูส้ ึก o อวัจนภาษา ฯลฯ
รหสั หรอื
สญั ลกั ษณ์
อวจั นภาษา
๑. เนตรภาษา (oculesics) ใชส้ ายตา
๒. อาการภาษา( kinesics) ใช้ท่าทาง
๓. ปริภาษา (paralanguage) ใช้นา้ เสียง
๔. สัมผัสภาษา (haptics) ใชส้ ัมผัส
๕. เทศภาษา (proxemics) ใช้พืน้ ท่ี
๖. กาลภาษา (chronemics) ใช้ระยะเวลาเพือ่ ใหค้ วามสาคญั กบั บคุ คล
๗. วัตถภุ าษา (objectics) ใช้สอ่ื ของเพื่อบอกฐานะ สถานภาพ
คณุ ลกั ษณะของส่อื ๒. สอ่ื ท่มี ีความซับซ้อน
๑. สือ่ ท่ีเปน็ ธรรมชาติ
◍ การสอ่ื ผา่ นทางตา ดว้ ยการเหน็ ◍ สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนงั สือพิมพ์
การอ่านและดู วารสาร ปา้ ยโฆษณา เปน็ ต้น
◍ การสอ่ื ผา่ นทางหู ด้วยการฟัง ◍ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น วิทยุ
โทรทัศน์ โทรศัพท์ เปน็ ตน้
◍ การส่อื ผ่านทางปาก ด้วยการพดู
ช่องทางของสอื่ ท่ีดีต้องมกี ารรบั รทู้ ่ถี ูกตอ้ ง และการสง่ ทแี่ มน่ ยา ตรงเป้าหมาย
คณุ ลกั ษณะของผู้รับสาร
ผู้รบั สารมี ๒ สถานะ ลักษณะทีค่ าดว่าผรู้ บั สารจะสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้
๑. ผู้รบั สารในมุมมองของผสู้ ง่ สาร ผ้รู ับสารสามารถใชท้ กั ษะทางภาษาในการจับ
ใจความ สรปุ ความ สารท่ไี ด้รับ
๒. ผูร้ บั สารจากมมุ มองของผู้รบั สาร ผู้รับสารสามารถคิดวเิ คราะห์ และคิดอยา่ งมี
วิจารณญาณ และคิดสร้างสรรค์ในการรับสาร
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ในการสื่อสาร
su203 หนว่ ยท่ี ๑
ประสิทธภิ าพและประสิทธิผลการสือ่ สารด้านบุคคล
ผู้สง่ สาร ผู้รับสาร
◍ ทักษะการสื่อสาร ◍ ทักษะการสื่อสาร
o วจั นภาษา : การพดู การเขียน o การฟัง การดู การอ่าน
(การเลอื กใช้คา) การวาดภาพ
o อวจั นภาพ : การแสดงออก การแสดง ฯลฯ
◍ ทศั นคติ : ตอ่ ตนเอง สาร คู่สอ่ื สาร
การแสดง ฯลฯ ◍ ระดบั ความรู้
◍ ทศั นคติ : ต่อตนเอง สาร คูส่ ื่อสาร ◍ สถานภาพทางสังคมและวฒั นธรรม
◍ ระดบั ความรู้
◍ สถานภาพทางสังคมและวัฒนธรรม
ประสิทธภิ าพและประสิทธิผลการสือ่ สารดา้ นสาร
หากสามารถจดั
o ถอ้ ยคา (วจั นภาษา + อวัจนภาษา)
o เน้ือหา
o รปู แบบ
ของสารได้อยา่ งมีคณุ ภาพ
ยอ่ มส่งผลใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสงู
ประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลการสือ่ สารดา้ นส่อื
มีส่อื อะไรในครอบครอง ที่จะเลอื กใชไ้ ด้บา้ ง ควรใชห้ ลายส่ือร่วมกันอย่างเหมาะสม
มเี งินทุนมากนอ้ ย เพยี งใด
ความช่ืนชอบ ของผรู้ บั สารทม่ี ีต่อสอื่ ใด ๆ
สื่อชนดิ ไหน ท่ีมีผู้รบั สารมากทส่ี ุด โดยเสยี
คา่ ใชจ้ า่ ยน้อยที่สุด
สื่อชนิดไหนท่ีมีอทิ ธิพลมากทสี่ ดุ
ส่อื ชนดิ ไหนท่ดี ดั แปลงให้กบั วัตถุประสงค์โดยเสยี
คา่ ใช้จา่ ยนอ้ ยที่สุด
สื่อชนิดไหนท่ปี รับใหเ้ หมาะสมกับเนือ้ หาของสารได้
ดีทีส่ ุด SU203 หนว่ ยท่ี ๑ ผศ.ดร.บุษบา บัวสมบรู ณ์และคณะ
การขจัดอุปสรรคที่บ่ันทอนประสทิ ธผิ ลของการสอื่ สาร
1. ความนา่ เชื่อถือ 2. บรบิ ทของการ 3. เนื้อหาสาระ 4. ความชดั เจน
สือ่ สาร
5. ความตอ่ เนื่อง 6. ช่องทางในการ 7. ความสามารถ
และการกลา่ วซา้ สื่อสาร ของผูส้ ่งสารและ
ผู้รับสาร
หลกั การส่อื สารเบื้องตน้
การใชภ้ าษา จาแนกระดบั การใช้ภาษาเป็น ๔ ระดบั
ภาษาแบบแผน ภาษากงึ่ แบบแผน ภาษาสนทนา ภาษาปาก
ภาษาพิธกี าร ภาษากงึ่ ทางการ ภาษาพดู ภาษาพูดเฉพาะกลมุ่
ธรรมดา คาหยาบ
คาสแลง
ภาษาราชการ คาด่า
หรอื ภาษาเขยี น
ตวั อยา่ งภาษาแบบพธิ กี าร
o มีระเบียบการใช้คา
ข้ึนตน้ เพ่ือกราบบงั คมทูล
o มีลกั ษณะและรูปแบบ
การใช้ภาษาทเ่ี ฉพาะ
เครง่ ครัด และตายตวั
ตวั อย่างภาษาแบบภาษาราชการหรือภาษาเขียน
o ภาษามีความเปน็
ทางการ
o ใชศ้ พั ทใ์ นวงวชิ าการ
o น้าเสียงการบรรยายมี
ความจริงจัง เป็นงาน
เปน็ การ
ตวั อยา่ งภาษาแบบภาษาก่งึ ทางการ
o ใชส้ นทนากับผูใ้ หญ่ หรอื
คนทีไ่ ม่คนุ้ เคย เพ่อื
ตอ้ งการแสดงความ
สุภาพ
o ใช้ในงานเขยี นประเภท
สารคดี
ตวั อย่างภาษาสนทนา
o เป็นการพูดคยุ ปกตกิ ับผทู้ ่ี
สนิทสนม
o ผนู้ ้อยไม่ใชค้ าหยาบกบั ผู้
อาวุโสกว่า
o หากเป็นเพอ่ื นกัน อาจใช้
ทง้ั ภาษาระดับสูงและระดบั
ตา่ แตย่ งั มีความสภุ าพ ไม่
ใชค้ าหยาบ
ตวั อยา่ งภาษาปาก
o ใช้กับผู้ที่สนิทสนมกันเอง
โดยไมร่ ะมัดระวังคาพูด
o มักมีคาหยาบปน
o เป็นการพดู เฉพาะกลุม่
ขอ้ บกพรอ่ งของการใชภ้ าษา
๑. ขอ้ บกพรอ่ งในการใชภ้ าษาท่ีมาจากความเลนิ เลอ่ ของผู้ใชภ้ าษา
๒. ขอ้ บกพร่องในการใชภ้ าษาทม่ี าจากการขาดความรู้ของผใู้ ชภ้ าษา
ข้อบกพร่องในการใช้ภาษาท่ีมาจากความไม่รู้ของผู้ใช้ภาษาว่าภาษาของ
๓. ตนมคี วามบกพรอ่ ง
มารยาทการใชภ้ าษา
มารยาทในการพูด มารยาทในการฟัง
- กริ ยิ าวาจาเรียบรอ้ ย - ไมอ่ คตติ อ่ ผ้พู ดู จนทาใหเ้ กดิ ความเบ่ือหนา่ ย
- หน้าตายมิ้ แยม้ แจม่ ใส - มคี วามอดทนตอ่ สภาพแวดล้อม
- มีการปฏิสนั ถารกับผู้ฟัง - ไม่พูดแข่ง หรอื พูดสวนขณะท่อี กี ฝ่ายยงั พูดอยู่
- ไมพ่ ดู จาขม่ ขู่ผ้ฟู ัง - ถ้าเป็นการฟังในท่ีประชมุ เมื่อมขี อ้ สงสยั
- ใช้คาสุภาพ
- รจู้ กั ระงับอารมณ์ ควรรอโอกาสซกั ถาม มีการยกมอื เพ่ือ
ขออนุญาต
มารยาทการใช้ภาษา
มารยาทในการเขียน มารยาทในการอา่ น
- ในการเขยี นอาจขึน้ อย่กู บั เรื่อง - ตั้งใจมีสมาธิในการอา่ นจะไดจ้ ับ
ทเี่ ขยี น เปน็ ต้นวา่ การเขยี น ประเด็นได้ถูกต้อง
จดหมาย ตอ้ งคานึงถึงความ
สะอาด เรียบรอ้ ย และการใช้
ภาษาสุภาพในการเขียน
ลงมอื ทากจิ กรรมทา้ ยบท
หน่วยที่ ๑
เฉลย แบบฝกึ หดั
หน่วยที่ ๑
SU203 หน่วยที่ ๑ ผศ.ดร.บษุ บา บวั สมบรู ณแ์ ละคณะ
1. อธบิ ายความหมายและคณุ ลกั ษณะของผู้สง่ สาร สาร ส่ือ และผู้รับสาร
คำ ควำมหมำย คุณลักษณะ
ผ้สู ง่ สาร ผู้ท่มี งุ่ หมายติดต่อกบั ผ้อู ืน่ และให้ผ้นู น้ั รับรู้ 1. รู้จักศาสตรข์ องเรอ่ื งทีจ่ ะส่งสาร
ความมุง่ หมายของตนเอง 2. รู้จักศลิ ปะของการส่งสาร
3. รู้จักวเิ คราะห์ผรู้ บั สาร
สาร เรอ่ื งราวทถ่ี า่ ยทอดความมงุ่ หมายของผู้ส่ง 1. เนื้อหา = ขอ้ เทจ็ จริง + ความรสู้ กึ
สารไปยังผูร้ ับสาร 2. ภาษา = วัจนภาษา + อวจั นภาษา
3. การเรยี บเรยี งตามรูปแบบของสาร
สื่อ ช่องทางการติดตอ่ เช่น คน สอ่ื สิง่ พิมพ์ สือ่ 1. เป็นสอ่ื ธรรมชาติ
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2. เป็นสื่อท่ีมคี วามซบั ซอ้ น
ผู้รับสาร ผ้ทู ีไ่ ด้รับการคาดหวังจากผู้สง่ สารว่า เม่ือ 1. ใชท้ ักษะทางภาษาในการจดั ใจความ สรปุ ความ สารทไ่ี ด้รบั
ได้รับสารแลว้ ผรู้ ับสารจะแสดงพฤตกิ รรม 2. สามารถคดิ วเิ คราะห์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ และคิด
หรอื ทศั นคตติ อ่ สารทไ่ี ดร้ บั
สร้างสรรค์ในการรบั สาร
2. อธิบายประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลในการส่ือสาร
ดา้ น ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลการส่ือสาร
บุคคล หมายถึงท้ังผูส้ ่งสารและผ้รู ับสาร ต้องมที ักษะ
1. การสื่อสาร ท้ังผสู้ ง่ สาร (การพดู การเขยี น การวาดภาพ การแสดงอากปั กริ ิยา) และผรู้ บั สาร (การฟัง การดู
และการอ่าน) แตท่ ั้งคตู่ อ้ งมที กั ษะในการคิดเลือกเลอื กสรรถ้อยคาให้เหมาะกับผู้รับสาร
2. ทศั นคติของผู้ส่งสารและผู้รบั สาร ได้แก่ ทัศนคตติ อ่ ตนเอง ต่อสาร และตอ่ คู่สอ่ื สาร
3. ระดบั ความร้ใู นเนอ้ื หาสาระของเรือ่ งท่จี ะส่อื สาร
4. สถานภาพในสงั คมและวัฒนธรรมของผู้ส่งสารและผู้รับสาร
สาร 1. รหสั ของสาร = ภาษา ทัง้ วัจนภาษา และอวจั นภาษา
2. เน้อื หาของสาร = เรอื่ งราวทีต่ อ้ งการสื่อสาร
3. การจดั รปู แบบของสาร ตอ้ งเหมาะสมกบั สังคมวัฒนธรรมนนั้ ๆ
ส่อื เป็นตัวเชื่อมโยงคู่สือ่ สาร ดังน้นั ผสู้ ง่ สารต้องเลือกส่อื ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทีส่ รา้ งการรับรกู้ ับผรู้ ับสาร
3. อธิบายแนวทางการขจัดอปุ สรรคทบ่ี น่ั ทองประสทิ ธิผลของการสอื่ สาร
1. ในการส่อื สาร ผสู้ ่งสารตอ้ งดาเนินไปอย่างถูกต้องและน่าเช่อื ถอื
2. สภาพแวดล้อมตอ้ งเออื้ อานวยต่อการสื่อสาร
3. เนอ้ื หาสาระตอ้ งสอดคล้องกบั ความคิดและคา่ นิยมของผ้รู ับสาร
4. ภาษาที่ใช้ตอ้ งชดั เจน เพื่อใหผ้ รู้ ับสารเข้าใจและตีความได้งา่ ยและตรงกบั ความตอ้ งการ
ของผ้สู ง่ สาร
5. ตอ้ งมีการกล่าวซ้าบอ่ ยๆ เพอ่ื ยา้ และเตอื นความจาของผู้รับสาร
6. เลอื กช่องทางให้เหมาะสมกบั สื่อทท่ี าใหเ้ ข้าถงึ ผรู้ บั สารได้งา่ ย
7. ผู้ส่งสารและผ้รู ับสารมคี วามรู้ ความสามารถในเรื่องทีส่ อ่ื สารกัน
4. อธิบายหลกั การสือ่ สารเบือ้ งต้น
เกีย่ วข้องกับการใช้ภาษาและมารยาทในการใช้ภาษา
1. การใช้ภาษา ตอ้ งเลือกระดบั การใช้ภาษาทเ่ี หมาะสมกบั โอกาส สถานท่ี กลุ่มและจานวนบคุ คล
1.1 ระดับภาษาแบบแผน
1.2 ระดับภาษาก่ึงแบบแผน
1.3 ระดบั ภาษาสนทนา
1.4 ระดบั ภาษาปาก
2. ผู้ใชภ้ าษาตอ้ งระมดั ระวังในการใช้ภาษา ทัง้ จากการเลนิ เลอ่ การขาดความรู้ และความไม่รวู้ ่า
ภาษาของตนมีความบกพรอ่ ง ดงั น้ันจงึ ตอ้ งคอยตรวจสอบและหมัน่ หาความรเู้ พอ่ื แกไ้ ข
ขอ้ บกพรอ่ งดังกล่าว
3. มารยาทในการใช้ภาษาทง้ั ในขณะพดู ฟงั เขยี น และอา่ น
5. การใชค้ าใหถ้ ูกต้องมคี วามสาคญั ตอ่ การส่อื สารอยา่ งไร
ทาให้การสื่อสารไดอ้ ยา่ งชดั เจน ตรงตามวัตถปุ ระสงคข์ องการสื่อสาร
6. เหตใุ ดจึงตอ้ งมีการแบ่งระดบั ของภาษาตา่ งกนั ออกไป เราสามารถใช้ภาษาระดบั เดยี วกนั
สอื่ สารในทกุ โอกาสได้หรอื ไม่
การแบ่งระดบั ภาษาแตกตา่ งกนั ออกไปเพอื่ ประโยชนใ์ นการสอ่ื สาร เพราะภาษาแตล่ ะระดบั ไม่
อาจสอ่ื สารกบั คนไดท้ กุ กลุม่ ผู้ที่มีพืน้ ฐานการศึกษา อายุ สภาพแวดล้อม ฐานะทางสังคม
เศรษฐกจิ ทอ้ งถ่นิ ฯลฯ ต่างกนั ย่อมตอ้ งใชภ้ าษาทต่ี า่ งกันออกไป
7. ใหน้ ักศกึ ษาศึกษาสารจาก ธรรมะหลวงพ่อจรญั แลว้ วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบการสอื่ สารตาม
หัวขอ้ ต่อไปนี้
1) ผู้สง่ สาร คือ พระธรรมสงิ หบรุ าจารย์
2) ผ้รู ับสาร คอื ญาตโิ ยม
3) สาร คอื (สรุปสาระสาคญั ) ใหม้ ีชีวติ อยู่กบั ปัจจุบนั
4) เจตนาในการสอื่ สาร คอื สอน
8. เปล่ียนภาษาปากต่อไปนใ้ี หเ้ ป็นภาษาก่ึงแบบแผนและภาษาแบบแผน
ลาดับ ภาษาปาก ภาษาก่ึงแบบแผน ภาษาแบบแผน
1 เลือด เลอื ด โลหิต
2 เมยี นอ้ ย
3 เมือง ภรรยานอ้ ย อนุภรรยา
4 เบอ้ เริม่ จงั หวัด จงั หวัด ประเทศ
5 เยอะแยะ ใหญ่
6 แซ่บ มาก ใหญ่
7 พ่อเฒ่า อร่อย มาก
8 ออกลูก คนชรา อร่อย
9 เจ๊ง คลอด ผสู้ ูงอายุ
10 กระซวก ขาดทุน คลอดบตุ ร
แทง ขาดทนุ
แทง
การส่อื สารอยา่ งสร้างสรรค์
หน่วยที่ ๒
ผศ.บญั ญตั ิ เรอื งศรี
การคดิ - การส่อื สาร
กระบวนการคิด กระบวนการใช้สมองเพื่อพัฒนา
มโนภาพให้เกดิ ขึ้นในระบบการรับรู้
กระบวนการใช้ภาษา การเลือกใชค้ าเพ่ือแทน
มโนภาพ => ใช้ในเงื่อนไขของระบบ => เกิดมโน
ภาพในระบบการรบั รู้ตรงกนั
SU203 หน่วยท่ี ๑ ผศ.ดร.บุษบา บัวสมบรู ณแ์ ละคณะ
ลักษณะของการคิด การคิดวิเคราะห์
การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ
ทกั ษะการคิดขน้ั สงู การคดิ สร้างสรรค์
o กระบวนการการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ
o กระบวนการคิดตดั สนิ ใจ
o กระบวนการคิดแกป้ ญั หา
o กระบวนการวจิ ยั
o กระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์
o กระบวนการคดิ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์
การใช้สมองเพอ่ื การคิด จาแนก แยกแยะ ตอ้ งมขี ้อมูล
พัฒนามโนภาพของ สง่ิ ใดส่ิงหนึ่งหรือ เพียงพอ
เรอื่ งใดเร่ืองหนง่ึ
ผรู้ ับสารและ
ผู้สง่ สาร เพื่อคน้ หาองค์ประกอบ และ
ความสมั พันธ์ระหว่าง
องค์ประกอบเหล่านน้ั
ความสามารถในการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ
กระบวนการคดิ เพื่อใหไ้ ด้ o เปน็ คนที่ยอมรับฟงั และ
ความคิดทรี่ อบคอบ พิจารณาความคิดของผอู้ น่ื
พจิ ารณาปัจจยั รอบด้าน o มใี จเปน็ กลาง
เพื่อคน้ หาสาเหตทุ ่ีจะเชอื่ o ตัดสนิ ใจโดยใชข้ ้อมลู
ประกอบ
ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ ความคิดรเิ ร่ิม
ความคดิ คลอ่ งแคลว่
ความคดิ ที่แปลกใหม่ที่จะนาไปสู่
สิง่ ตา่ งๆ ผลผลติ ใหม่ๆ ความคดิ ยดื หยนุ่
ทางเทคโนโลยแี ละ ความคดิ ละเอยี ดลออ
ความสามารถในการประดิษฐ์คดิ ค้น
สิง่ ใหม่
องค์ประกอบของการคิดสร้างสรรค์
คุณสมบัตขิ องผทู้ ี่มที กั ษะการคิดสรา้ งสรรค์-1
o สรา้ งความคดิ ใหล้ ่นื ไหล คล่องแคล่ว ไมต่ ิดขัด
o สรา้ งความคิดแปลกใหม่ ที่ไม่มีใครเหมอื นได้
o ถกั ทอโยงใยความคิดได้
o นาความคิดท่ตี ่างมาเช่อื มตอ่ กนั หรอื เอามาเกยี่ วกันอยา่ งเปน็ เร่อื งเปน็ ราว
o มีรปู แบบความคิดในเรอ่ื งเดียวกัน อยา่ งหลากหลายรูปแบบ
o จดั เรยี ง จดั ระบบ แนวคิด หรอื หลักการตา่ ง ๆ ในรปู แบบใหม่
o มองเหน็ ปญั หา
o มีวิสัยทัศนใ์ นเรอ่ื งต่าง ๆ ไดด้ ี
คุณสมบัตขิ องผู้ที่มที กั ษะการคิดสร้างสรรค์-2
o มีความฉับไวในการตอบสนองต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งดี
o มีความอดทดตอ่ ความยงุ่ ยาก และความไมแ่ น่นอนตา่ ง ๆ ได้ดี
o ตง้ั ขอ้ สงั เกต ข้อสมมตุ ฐิ าน
o กลา้ เสี่ยงในเรื่องตา่ ง ๆ
o สรา้ งความหมายใหมใ่ ห้กบั งาน
o สามารถสรา้ งสมาธกิ บั การทางานไดด้ ี
o ความสามารถที่จะรกั ษาความคดิ ของตนไว
ระดบั ของการคิดสรา้ งสรรค์
ลอกเลยี นแบบ ตอ่ เนื่อง (Extension) การสงั เคราะห์ สร้างนวตั กรรม
(Duplication) • เป็นโครงสรา้ งที่ (Synthesis) (Innovation)
• เป็นการปรับปรุง • เป็นการผสมผสาน . เป็นการสรา้ งสรรคส์ ิง่
กาหนดไว้กวา้ งๆ แต่มี ใหม่ เปน็ การคิดโดย
เปล่ยี นแปลงเพียง รายละเอียดต่อเน่ืองท่ี แนวคดิ จากแหลง่ ภาพรวมมากกวา่ แยกเป็น
เลก็ น้อยจาก จาเปน็ ในการ ตา่ งๆ แล้วก่อให้เกดิ ส่วนย่อย
ความสาเร็จอ่นื ๆ ปฏบิ ัตงิ านนัน้ แนวคดิ ใหมท่ ่ีมีคุณคา่
ปจั จัยท่ที าใหค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ประสบความสาเรจ็
ยกระดบั ความ
สรา้ งสรรค์
เปน็ ประโยชน์ เปน็ ที่ยอมรบั
ต่อสังคม
กรณีตัวอย่างลกั ษณะสรา้ งสรรค์ของการสือ่ สาร
1. บทสนทนาในบทความเรื่อง พอ่ แมเ่ ลี้ยงบวก ของ นพ.ประเวศ ตนั ตพิ ฒั นสกลุ
2. บทสขู่ วญั ในพิธีบวชดอยภซู าง จงั หวดั นา่ น ของพอ่ อาจารยห์ นานพรหม วงศศ์ ริ ิ
3. โครงสภุ าษติ นฤทุมนาการ พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ ฯ เจ้าอยู่หัว
4. บทกลอนล้อการเมอื ง เร่อื ง วฒั นธรรมวา่ ด้วยการไปตา่ งประเทศ ของ ม.ร.ว. คกึ ฤทธิ์ ปราโมช
5. บทความเรยี งรอ้ ยแกว้ เร่ือง ฟองคล่นื แหง่ เดอื นพฤศจกิ าฯ จาก หนังสอื ชีวิตของคณุ มอี ยู่เพยี งขณะ
เดียว ของ โกวิท เอนกชัย
6. บทโฆษณา “เกมล่าปลาใหญ่ คุณตอ้ งพร้อม” ของ สมนึก กาญจเวสารชั
7. งานประตมิ ากรรมกลางแจง้ รปู มดแดงโอบอุ้มผนื ปา่ / บุญเลศิ ศรสี ุขขา
8. บัตรอวยพรปีใหม่ งานประดษิ ฐด์ ้วยเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ พระราชกรณียกจิ สรา้ งสรรค์ในรัชกาลท่ี 9
ลงมือทากิจกรรมทา้ ยบท
หน่วยที่ ๒
SU203 หนว่ ยท่ี ๑ ผศ.ดร.บุษบา บัวสมบูรณแ์ ละคณะ