เฉลยกรณีตัวอย่าง
ผลงาน นวตั กรรม การสงั เคราะห์ ต่อเน่อื ง ลอกเลยี น
1. บทความเรอ่ื ง พอ่ แมเ่ ลย้ี งบวก / นพ.ประเวศ ตนั ติพัฒนสกลุ
✓ ✓ ✓
2. บทสู่ขวัญ ในพิธบี วชดอยภูซาง จังหวัดน่าน / พอ่ อาจารย์หนานพรหม วงศ์ศริ ิ ✓✓ ✓ ✓
✓
3. โครงสุภาษติ นฤทุมนาการ / พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าฯ เจ้าอยหู่ วั ✓ ✓ ✓
✓
4. บทกลอนล้อการเมืองเร่ือง วัฒนธรรมว่าด้วยการไปต่างประเทศ / ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ✓ ✓ ✓
ปราโมช
5. บทความเรยี งรอ้ ยแกว้ เรอื่ ง ฟองคลื่นแหง่ เดือนพฤศจกิ าฯ จาก หนงั สือชวี ิตของคณุ ✓ ✓ ✓
มอี ยู่เพียงขณะเดยี ว / โกวิท เอนกชยั ✓ ✓
6. บทโฆษณา “เกมล่าปลาใหญ่ คุณตอ้ งพรอ้ ม” / สมนึก กาญจนเวสารัช ✓✓ ✓
7. งานประติมากรรมกลางแจ้ง รูปมดแดงโอบอุ้มผนื ปา่ / บุญเลศิ ศรสี ขุ ขา
8. บัตรอวยพรปีใหม่ งานประดษิ ฐ์ด้วยเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ / รชั กาลที่ 9
เฉลยกรณีตวั อย่าง
ลกั ษณะของผู้ประพนั ธ์ ผลงาน
แปลกใหม่ 12345678
ถกั ทอโยงใยความคดิ
นาความคิดมาเช่อื มตอ่ ✓ ✓✓
รูปแบบใหม่
มองเป็นปัญหา ✓ ✓✓
มีวิสัยทศั น์
ต้ังข้อสังเกต ขอ้ สมมตฐิ าน ✓✓✓ ✓
ความใหม่
✓
✓ ✓✓ ✓
✓✓ ✓ ✓
✓✓ ✓
✓✓
SU203 หน่วยที่ ๑ ผศ.ดร.บุษบา บวั สมบูรณ์และคณะ
การอ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ
หน่วยท่ี ๓
ผศ.ดร.บษุ บา บวั สมบรู ณ์
อ. พณิ เพชร บูรณภิญโญ
อ. นวภรณ์ อ่นุ เรอื น
อ. ชลธิชา นานา
การอา่ น
การอา่ น เปน็ การรบั ร้สู ารท่ีเปน็ ตวั หนงั สอื ผา่ นลายลักษณอ์ กั ษร
เครอ่ื งหมาย สญั ลกั ษณ์
ระดบั การอ่าน ระดบั กลาง ระดับสูง
อ่านตีความ อ่านอยา่ งมวี ิจารณญาณ ประกอบ
ระดับตน้
อ่านเพอื่ รู้ การตดั สินใจและประเมินค่า
ความหมายของคา
SU203 หน่วยท่ี ๑ ผศ.ดร.บุษบา บวั สมบรู ณ์และคณะ
จุดประสงค์ของการอ่าน
เพือ่ ความรู้ เพ่ือความบนั เทงิ เพื่อจรรโลงใจ
เพ่อื รับรู้ข้อมลู เพือ่ รับรขู้ ่าวสาร
การอา่ นกับการคิด
การอา่ น การคดิ
ผอู้ ่านต้องเขา้ ใจความหมายของส่ิงทอี่ ่าน สัมพนั ธก์ ับประสบการณ์เดมิ ของผูอ้ ่าน
ทาให้เกดิ มโนทัศนข์ ้ึนในใจของผู้อา่ น ผา่ นกระบวนการทตี่ ้องแปลความของส่งิ ที่
อา่ น การมปี ฏิกิริยากบั สงิ่ ที่อ่าน การมีจดุ มงุ่ หมายในการอ่าน การจดั ระเบยี บ
ความคดิ ทไ่ี ด้จากการอา่ น
ระดับการอา่ น
ระดบั การ ระดับการ ระดบั
วิจารณ์ นาไปใช้ สังเคราะห์
ระดบั ระดบั ระดับการ
ความรู้ ความ วเิ คราะห์
ความจา เขา้ ใจ
แนวทางการอา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ
พจิ ำรณำทม่ี ำของบทอ่ำน : แหลง่ เผยแพร่ + ช่ือเสียงของผเู้ ขียน
พจิ ำรณำบทอำ่ น : ประเภทของบทอา่ น + เนือ้ หาอยา่ งละเอียด
พจิ ำรณำทศั นะของผู้เขยี น : ขอ้ เทจ็ จรงิ + ขอ้ คดิ เหน็
พจิ ำรณำภำษำของบทอำ่ น
แนวทางการอา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ
พจิ ำรณำทม่ี ำของบทอ่ำน : แหลง่ เผยแพร่ + ช่ือเสียงของผเู้ ขียน
พจิ ำรณำบทอำ่ น : ประเภทของบทอา่ น + เนือ้ หาอยา่ งละเอียด
พจิ ำรณำทศั นะของผู้เขยี น : ขอ้ เทจ็ จรงิ + ขอ้ คดิ เหน็
พจิ ำรณำภำษำของบทอำ่ น
แหล่งเผยแพร่
https:// www ชื่อองคก์ ร ประเภท
ขององคก์ ร
จดทะเบียนใน US จดทะเบยี นนอก US +
• com
• edu ตัวยอ่ ประเทศทจี่ ดทะเบยี น
• org • co
• net • ac
• gov • or
• net
• go
แนวทางการอา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ
พจิ ำรณำทม่ี ำของบทอ่ำน : แหลง่ เผยแพร่ + ช่ือเสียงของผเู้ ขียน
พจิ ำรณำบทอำ่ น : ประเภทของบทอา่ น + เนือ้ หาอยา่ งละเอียด
พจิ ำรณำทศั นะของผู้เขยี น : ขอ้ เทจ็ จรงิ + ขอ้ คดิ เหน็
พจิ ำรณำภำษำของบทอำ่ น
พจิ ารณาเนือ้ หา
คาสาคัญ เปน็ ขอ้ ความหรอื วลสี นั้ ๆ ทส่ี รปุ ความคิดสาคญั ของบทอ่าน
ใจความสาคญั เป็นประโยคทแ่ี สดงถงึ เรอ่ื งสาคญั ของย่อหน้า
แนวคิดสาคัญ เปน็ ประโยคหรือวลที แ่ี สดงถึงความคิดทนี่ าเสนอในเรอ่ื ง
การกาหนดคาสาคญั
ประวัติ “เชอริง ต๊อบเกย”์
o วนั เกิด
o การศึกษา
o การทางาน
การกาหนดใจความสาคญั
ปญั หาสาคญั ยิง่ ใหญข่ องการศกึ ษาไทย คอื การพฒั นาสมรรถภาพในการอา่ นหนงั สอื
การกาหนดแนวคิดสาคญั
ผ้หู ญงิ สมยั ก่อนยกย่องสามีเป็นผู้นา
แนวทางการอา่ นอย่างมีวจิ ารณญาณ
พจิ ำรณำทม่ี ำของบทอ่ำน : แหลง่ เผยแพร่ + ช่ือเสียงของผเู้ ขียน
พจิ ำรณำบทอำ่ น : ประเภทของบทอา่ น + เนือ้ หาอยา่ งละเอียด
พจิ ำรณำทศั นะของผู้เขยี น : ขอ้ เทจ็ จรงิ + ขอ้ คดิ เหน็
พจิ ำรณำภำษำของบทอำ่ น
ทศั นะของผูเ้ ขียน
ข้อเท็จจริง ความคิดเหน็
ข้อเขยี นท่ีมีหลักฐาน ข้อเขียนท่มี าจากความรู้สกึ การคาดคะเน การ
พิสจู น์ได้ มีความเปน็ เสนอแนะท่ีมาจากการคิด
เหตผุ ลกัน o ขอ้ คดิ เหน็ เชงิ ประเมนิ ค่า ผู้ส่งสารตดั สนิ คณุ คา่ แลว้
o ข้อคดิ เหน็ เชงิ แนะนา ผู้ส่งสารชักจูงให้ผรู้ ับสารคลอ้ ย
ตาม
o ขอ้ คดิ เห็นเชิงตง้ั ขอ้ สงั เกต ผู้ส่งสารให้ผรู้ ับสาร
ตดั สินใจเอง พร้อมชกั จงู นิดหนอ่ ย
แนวทางการสรปุ สารจากการอา่ น
เขียนดว้ ยภาษาของตนเองเพอ่ื สรุปส่วนสาคัญของบทท่อี า่ น รวมถึงประโยค
สาคัญในเร่อื งทค่ี ัดลอกมา เพอื่ การอา้ งองิ ประกอบความคดิ เห็น
แสดงความคิดเหน็ ท่ีเกดิ จากการอา่ นจนเข้าใจเนอื้ เรอื่ ง รวมถึงมขี ้อมลู และ
เหตผุ ลประกอบท่ีเพยี งพอ ก่อนตัดสนิ ใจว่าจะสรปุ เหมอื นหรอื ตา่ งจากผเู้ ขยี น
หากบทที่อา่ นสมบรู ณ์ ไมม่ ขี อ้ โต้แยง้ ผเู้ ขียนอาจแสดงความคดิ เห็นในแง่
คุณประโยชนข์ องสารทไี่ ด้จากการอ่าน
ลงมือทากิจกรรมทา้ ยบท
หน่วยที่ ๓
SU203 หนว่ ยท่ี ๑ ผศ.ดร.บุษบา บัวสมบูรณแ์ ละคณะ
เรื่องท่ี 1
1. พิจารณาความเช่อื ถือของสาร
น่าเชื่อถอื เพราะผเู้ ขียนเปน็ แม่ชีซึ่งเป็นนกั บวช ศึกษาพระธรรมวินัย ถือศลี 8 ข้อ เช่นเดยี วกบั
พระภกิ ษุสงฆ์ หนา้ ท่หี นึ่ง คอื แนะนาการดาเนินชวี ิตทีด่ งี าม
2. พจิ ารณาแนวคดิ ของเรอ่ื ง
การเกดิ และความตายเปน็ สง่ิ ที่เกดิ ขนึ้ คู่กนั ดงั นน้ั จึงต้องดาเนนิ ชวี ิตอย่างมคี วามหมายและตายอย่างมี
คณุ คา่ และตอ้ งไมท่ าให้คนที่อย่ตู รงหนา้ เราเปน็ ทกุ ข์เพราะเรา
เร่ืองท่ี 1
3. พจิ ารณาข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเหน็ และการใหเ้ หตุผล
ข้อเท็จจรงิ : ความตายเป็นส่งิ ท่หี ลกี เลีย่ งไม่ได้ เพราะเม่อื เกิดแลว้ ตอ้ งคกู่ บั การตาย
ขอ้ คิดเห็น : ความตายไม่ใชเ่ รอ่ื งนา่ กลวั เพราะถา้ รู้วา่ สิ่งที่เรารกั กาลงั จะตาย เราจะมองเหน็ สิ่งน้นั
สวยงาม ทาให้สิง่ นั้นอย่กู ับเราอยา่ งดี มีความสุข
4. พจิ ารณาการใช้ภาษาของบทอ่าน
อา่ นง่าย เขา้ ใจงา่ ย
การฟงั และการดอู ยา่ งมีวิจารณญาณ
หน่วยที่ ๔
ผศ. ดร.บุษบา บัวสมบูรณ์
อ. พณิ เพชร บูรณภิญโญ
อ. นวภรณ์ อนุ่ เรือน
อ. ชลธิชา นานา
ความสาคญั ของการฟังและการดู
o คนทั่วไปใชเ้ วลาในการฟัง 60% แตเ่ กบ็ ขอ้ มลู ไดเ้ พยี ง 25%
(https://www.ted.com/talks/julian_treasure_5_ways_to_listen_better/transcript?language=th)
o การฟงั ตอ้ งใชท้ ักษะการรบั สารและปฏิกริ ยิ าตอบสนองที่รวดเรว็ กวา่ การอา่ น
o การฝกึ ฟงั ทาให้สามารถรบั สารได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
o ผู้ฟังตอ้ งใชค้ วามพินิจนกึ ในการฟังระหวา่ งการสนทนา : การฟังอย่างลึกซึ้ง (deep
listening) ไมด่ ่วนสรุป ทาใหไ้ ด้รับฟงั ความคิดเห็นที่หลากหลาย “สุนทรียสนทนา”
กจิ กรรม
o ฟังและดคู ลิปวีดิโอ
o จดบันทึกแนวทางและประโยชนข์ องการฟังแบบสุนทรยี สนทนา
จดุ ประสงคข์ องการฟังและการดู
เพือ่ เตรยี มคาตอบ • การฟังในชวี ิตประจาวัน
• ใช้เวลาช่วงสนั้ ไมใ่ จลอย มสี มาธิ ฟังและดทู า่ ทางของคสู่ นทนา
เพอื่ ให้คาแนะนา • เป็นการฟงั เกี่ยวกบั หน้าท่ีการงาน หรือการสรา้ งมติ รภาพ
• ตอ้ งใช้ความคดิ และประสบการณเ์ พ่อื ให้ไดค้ าตอบจากเร่ืองทฟี่ ัง แล้วสือ่ สารกลบั
เพ่ือให้เกดิ ความเข้าใจ • เปน็ การฟังท่ีใชไ้ ด้กับทุกสถานการณ์
• ตอ้ งใช้ความคิดเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเข้าใจในตวั ผู้ฟัง จะมีการสื่อสารกลบั หรือไม่กไ็ ด้
ประโยชน์ของการฟงั และการดู
การรบั สาร (การ ไดร้ บั ความรู้ ไดร้ บั ความ
อ่าน + การฟงั + บันเทิงและ
จรรโลงใจ
การด)ู
แนวทางการฟงั และการดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ
ต้งั ในฟงั อย่างปราศจากอคติ วิเคราะห์กลวธิ กี ารสือ่ สาร ประเมินคา่ เหตผุ ล ความ
น่าเชอ่ื ถอื ของสาร
มีสมาธิ
เข้าใจและจบั ใจความได้ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง นาข้อคิดจากสารไปใช้
ข้อคดิ เหน็ ของสาร ประโยชน์
กจิ กรรม
1. ฟงั และดูคลิปวดี ิโอ 2. ฟังและดูคลิปวีดิโอ 3. ฟงั และดคู ลปิ วดี โิ อเรือ่ ง เรยี นอยา่ งมี
เรื่องการฟังอย่าง เรอื่ งการฝกึ สมอง ความสขุ
ลกึ ซ้ึง ดว้ ยการนบั น้วิ o จบั ใจความของสาร
o วิเคราะห์
o จดบันทกึ แนวทาง o บอกประเภทและ
และประโยชนข์ อง คณุ คา่ ของสาร o ข้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็น
การฟังแบบ o กลวธิ กี ารส่อื สาร
สนุ ทรยี สนทนา o ประเมินค่าของสาร เหตผุ ล และ
ความนา่ เชอ่ื ถือ
o การนาข้อคิดไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์
เฉลยกจิ กรรม : การฟงั อย่างลกึ ซึง้
1. แนวทางการฟงั อย่างลึกซ้ึง 2. ประโยชนข์ องการฟังอยา่ งลกึ ซงึ้
o ฟังอยา่ งต้งั ใจ o ลดความทุกข์
o ฟังอย่างเห็นอกเหน็ ใจ o ลดความเจบ็ ปวด
o ฟงั ด้วยความรักและความซ่ือสัตย์ o ลดความขัดแย้ง
o ไมแ่ สดงความคิดเห็นเพ่อื แก้ไข o ยตุ สิ งคราม
เฉลยกจิ กรรม : การฝึกสมองด้วยการนบั น้วิ
1. ประเภทของสาร : ข้อเทจ็ จรงิ ขนั้ ตอนการฝึกสมองด้วยวธิ ีการนับนว้ิ
2. คณุ คา่ ของสาร : รวู้ ิธีการบริหารสมองด้วยการนบั น้ิว ทาใหน้ ักศึกษาไม่เปน็ ความจาส้นั
เฉลยกิจกรรม : เรียนอย่างมีความสุข
1. จบั ใจความของสาร 2. วเิ คราะห์
o การศกึ ษาทาให้ความรกั และจินตนาการ o ขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เหน็ : เปน็ ข้อคดิ เหน็ เป็นส่วนมาก
o กลวธิ ีการสอ่ื สาร : เล่าเรือ่ งจากประสบการณ์ของตนเอง
หายไป และบุคคลใกล้เดคยง
o กระบวนการในโรงเรยี นทาใหเ้ ดก็ เชอื่ ฟัง o ประเมนิ คา่ ของสาร เหตุผล และความนา่ เช่ือถอื : ไมม่ ี
ขอ้ มลู ยนื ยนั อยา่ งชดั เจน แต่กลา่ วขนึ้ จากประสบการณ์
ทาตาม และหา้ มคิดต่าง ดงั น้ัน จึงมคี วามนา่ เช่อื ถอื ในระดับหนึ่ง
o สิ่งทโ่ี รงเรยี นควรสอน คอื สอนให้เดก็ o การนาข้อคดิ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ :
- ฐานะนกั ศึกษา ประยกุ ตเ์ รือ่ งวิธกี ารสอนของครู
เรยี นรเู้ รือ่ งใกลต้ วั ที่สามารถพ่ึงพาตนเองได้ - ฐานะพอ่ แม่ ปล่อยใหเ้ ดก็ เลน่ และเรียนรจู้ ากสิง่ รอบตวั
บนพนื้ ฐานของปจั จยั 4 ได้แก่ บา้ นเรอื น
อาหาร เครอ่ื งนงุ่ หม่ ยารักษาโรค และไม่
เปน็ ภาระแกเ่ ดก็ และผูป้ กครอง
การพดู อย่างมีวิจารณญาณ
หน่วยท่ี ๕
อาจารย์ ดร.สงั กมา สารวัตร
ความหมายของการพดู
o เปน็ กระบวนการส่อื สาร
o ใช้ถอ้ ยคา ภาษา นา้ เสียง อากัปกริ ยิ า แววตา สีหน้า ทา่ ทาง เปน็ สอื่
o เพอื่ ถา่ ยทอดความคิด ความรู้ ประสบการณ์ และความต้องการ ความรูส้ ึก อารมณไปยงั
ผู้ฟัง
o เพือ่ ให้ผูฟ้ ังรับรู้ และเข้าใจวัตถุประสงคข์ องผ้พู ดู รวมถึงมีปฏิกิรยิ าตอบสนองตาม
วัตถุประสงคท์ ีก่ าหนดไว้
ประเภทของการพูด
แบง่ ตาม • พูดเพ่อื ให้ความรู้
วตั ถุประสงค์ของการพดู • พูดเพ่ือจรรโลงใจหรอื โน้มนา้ วใจ
แบง่ ตามวิธีการพดู • พูดโดยไม่มกี ารเตรยี มตัวล่วงหนา้ • พดู โดยการท่องจาเน้ือหา
• พูดโดยอ่านตน้ ฉบับ • พูดโดยมกี ารบนั ทึกหรือเตรียมตวั ล่วงหนา้
แบง่ ตามรูปแบบ • พดู แบบเป็นทางการ
• พูดแบบไมเ่ ปน็ ทางการ
องค์ประกอบของการพูด
ผู้ส่งสาร สาร ส่อื ผู้รบั สาร
ปฏกิ ริ ยิ าตอบกลับ
ประโยชน์ของการพดู พูดดีเป็นศรีแก่ปาก
ต่อตวั บุคคล ตอ่ สังคม
เป็นเครื่องมือในการเลีย้ งชีพ
พัฒนาบุคลกิ ภาพ สร้างความเข้าใจในสังคม
เสริมสรา้ งภาวะผู้นา เป็นเครอ่ื งมอื ที่ทาให้มนุษยเ์ ปิดเผย
ตนเองไปสโู่ ลกกว้าง
ลกั ษณะการพูดที่ดี คิดกอ่ นพูด
มีความมงุ่ หมายและทัศนคตทิ ด่ี ี มีบุคลกิ ลกั ษณะทด่ี ี
ยอมรบั ความจรงิ
ทาใหผ้ ้ฟู งั เข้าใจตามที่ต้องการได้รวดเร็ว
เปิดโอกาสใหผ้ อู้ ื่นแสดงความคิดเหน็
ทาใหเ้ รอ่ื งยากเปน็ เร่อื งงา่ ย
ใชค้ าที่เปน็ จริงและมปี ระโยชน์
สรา้ งความศรทั ธาและประทับใจตอ่ ผู้ฟงั
เลือกเร่ืองทเ่ี หมาะกับกาลเทศะและบคุ คล
ทาใหผ้ ู้ฟงั คล้อยและปฏิบตั ติ าม
วธิ กี ารพัฒนาทักษะการพดู การพดู เปน็ ศาสตร์และศลิ ป์
หาจดุ แขง็ และ หาช่องทางการ เพ่ิมเทคนคิ
จดุ อ่อนของ พฒั นาทกั ษะการ วิธีการเพ่อื ดงึ ดูด
ตัวเอง พดู ความสนใจของ
ผู้ฟัง
มัน่ ใจในสารท่ี
ต้องการสื่อ
การพัฒนาทกั ษะการพดู
ช่องทางการพฒั นาทักษะการพดู เทคนคิ ดึงดูดความสนใจของผฟู้ ัง
o สร้างความสมั พันธก์ บั คนที่ไมเ่ คย o การสบตา
o การใช้ทา่ ทาง
ร้จู กั o การแสดงทัศนคตแิ ละความเชื่อที่
o เข้าร่วมกจิ กรรมในชมรมหรอื สโมสร
กอ่ ให้เกดิ ประโยชน์
ท่ีสนใจ o การทาน้าเสียงใหม้ ีชีวติ ชวี า
o ฝกึ จดจาและใชม้ ขุ ตลกประจาตัว o การพดู ใหเ้ สยี งดังพอสมควร
o เข้ารับการฝกึ อบรมกบั สถาบันพฒั นา o การไม่ขัดจงั หวะการพูดของผอู้ น่ื
บุคลกิ ภาพ
มารยาทในการพูดระหวา่ งบคุ คล
o พดู เร่ืองทที่ ง้ั สองฝ่ายมีความสนใจและพอใจรว่ มกนั
o ไมพ่ ดู เร่ืองของตนเองมากเกนิ ไป
o ควรฟงั ขณะทีอ่ ีกฝ่ายหน่งึ พดู และไมค่ วรพูดแทรก
o พูดตรงประเด็น
o เคารพความคดิ เห็นของผู้อ่นื
มารยาทการพูดในที่สาธารณะ
o แตง่ กายสภุ าพ o ใชค้ าพูดทใี่ หเ้ กียรตผิ ู้ฟงั พดู ดว้ ยวาจาสภุ าพไม่หยาบคาย ไม่เสียด
o มาถงึ สถานทกี่ อ่ นเวลา แทง รักษาอารมณ์
o แสดงความเคารพตอ่
o ไมพ่ ูดพาดพงิ เรอ่ื งส่วนตวั ของบคุ คอื่น และไมพ่ ดู แต่เรือ่ งของตนเอง
ผ้ฟู ังกอ่ นพดู o ไมพ่ ดู เรอื่ ง เช้ือชาติ ศาสนา การเมือง
o ไมแ่ สดงกิริยาที่ไมค่ วร o ไม่พดู แซง หากพูดขณะที่ผ้อู ่นื พูดยังไม่จบ ควรขอโทษ
o ไมช่ ีห้ น้าผฟู้ ัง
ต่อที่ประชุม o ไมต่ ะโกนหรอื พูดเบาเกินไป
o หนา้ ตายิ้มแยม้ แจ่มใส o ไมพ่ ดู อวดตนข่มผอู้ น่ื
o หากนาคากล่าวของผู้อ่ืนมา ตอ้ งระบแุ หล่งทม่ี า
ขณะพูด o ไม่พูดคยุ ข้างศรษี ะผูอ้ นื่
กิจกรรม
ทาแบบฝกึ หดั หน่วยที่ 5 หนา้ 72
เฉลยกิจกรรมหนว่ ยที่ 5
1. การพูด หมายถงึ การสอื่ สารโดยใชเ้ สียง ?
ไม่ใช่ ตอ้ งประกอบด้วยอื่นๆ เชน่ ถ้อยคา ภาษา อากัปกริ ิยา แววตา สหี นา้ ทา่ ทาง
2. ประเภทของการพูดตามเกณฑ์
2.1 วัตถุประสงค์ 1) เพ่อื ให้ความรู้ 2) เพอื่ จรรโลงใจหรอื โนม้ นา้ วใจ
2.2 รปู แบบ 1) อยา่ งเป็นทางการ 2) อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ
3. องคป์ ระกอบสาคัญของการพูด
1) ผสู้ ่งสาร 2) ผู้รับสาร 3) สาร 4) ชอ่ งทางการสอ่ื สาร 5) ปฏิกริ ิยาสนองกลับของผ้ฟู งั
เฉลยกจิ กรรมหนว่ ยที่ 5
4. ประโยชน์ของการพูด
4.1 ต่อตนเอง 1) เป็นเครอื่ งมอื เลยี้ งชพี 2) ชว่ ยพฒั นาบคุ ลิกภาพให้เหมาะสม 3) ช่วย
เสรมิ สรา้ งภาวะผนู้ า
4.2 ต่อสงั คม 1) ทาใหม้ นษุ ยเ์ ขา้ ใจซึ่งกันและกนั 2) เปน็ เครอ่ื งมือเปดิ เผยตนเองไปสโู่ ลกกว้าง
5. ลักษณะของการพดู ท่ีดี
1) มีความมงุ่ หมายและทศั นคตทิ ี่ดี 2) ยอมรบั ความเปน็ จริง 3) เปดิ โอกาสให้ผอู้ นื่ แสดงความ
คดิ เห็น 4) ใช้คาพูดทีเ่ ปน็ จริงและมีประโยชน์ 5) เรื่องมีความเหมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคล
6) ผู้พดู มลี กั ษณะดี 7) มีความสามารถทที่ าให้ผู้ฟงั เขา้ ใจได้เรว็ 8) พูดเรือ่ งยากให้เป็นเร่อื งงา่ ย 9
) สร้างศรัทธาและความประทบั ใจ 10) ทาใหผ้ ูฟ้ ังคล้อยตามและปฏบิ ัตติ าม
เฉลยกจิ กรรมหน่วยที่ 5
6. วเิ คราะหจ์ ุดเด่นและจดุ ดอ้ ยของนกั ศกึ ษา
6.1 การสนทนาในกลุ่มเพอื่ น
6.2 การเสนอรายงานหน้าช้นั เรยี น
7. วิเคราะห์มารยาทในการพดู ของนกั ศึกษา
7.1 มารยาทที่ดี
7.2 มารยาทท่ไี ม่ดี และควรทาอยา่ งไรเม่อื มโี อกาสพดู
การเขยี นอย่างมวี ิจารณญาณ
หน่วยท่ี ๖
อาจารย์ ดร.สงั กมา สารวัตร
ความหมายของการเขยี น
o ถา่ ยทอดเรอื่ งราว ความรู้ ความคิด ความรสู้ ึก ความต้องการ ตลอดจนประสบการณ์
o เป็นภาษา ตวั อักษร หรือสญั ลกั ษณ์
o สอื่ ไปยงั ผ้อู า่ นใหเ้ ข้าใจตามจุดประสงค์ทต่ี อ้ งการ โดยไม่มีสถานการณ์เหมอื นการพดู
ประเภทของการเขยี น
แบ่งตามจดุ มงุ่ หมาย • เขียนเพือ่ จดบนั ทึก
ของการเขยี น • เขยี นเพอื่ สื่อสาร
แบ่งตามรูปแบบ • เขียนทเ่ี ป็นแบบแผน • เขยี นวิพากษ์ วิจารณ์
ของการเขยี น • เขยี นที่ไม่เปน็ แบบแผน • เขียนบทความ รายงานการศกึ ษาวจิ ยั
แบง่ ตามลักษณะ • เขียนรอ้ ยแก้ว
ของการเขียน • เขยี นร้อยกรอง (บรรยาย พรรณนาหรือราพึงราพัน บทละคร)
องคป์ ระกอบของการเขยี น
ผู้ส่งสาร สาร เคร่อื งเขยี น/ส่อื ผู้รบั สาร
ความสาคญั และประโยชนข์ องการเขียน
o เป็นชอ่ งทางในการส่อื สารอารมณ์ ความคดิ ความปรารถนา ความต้องการ
o เป็นเอกลกั ษณข์ องชาติ
o เป็นเครือ่ งมอื ทีบ่ ุคคลในอาชีพตา่ งๆ ใชป้ ระกอบการทางาน
o เป็นเครื่องมอื ในการถ่ายทอดมรดกทางสตปิ ญั ญาของมนษุ ย์
o เปน็ เครือ่ งมือบนั ทึกความจา
o เป็นหลกั ฐานและเอกสารอา้ งองิ
o สรา้ งผลกระทบตอ่ สังคมได้