The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุนิสา มักเกษตรกิจ, 2024-02-22 01:34:24

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

Keywords: อุทัยธานี

แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 192 การท าไร่หมุนเวียน บรรพบุรุษยุคแรกที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) แห่งนี้ เห็นว่า ผืนดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มีเนินเขาและเชิงเขาที่ไม่สูงชันมากนัก เหมาะแก่การท าไร่หมุนเวียนตาม แบบวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยง มีป่าไม้นานาพรรณ มีล าห้วยไหลผ่านซึ่งจะเป็นแหล่งน้ าส าหรับการอุปโภคบริโภค เรียกได้ว่าสภาพแวดล้อมมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนอยู่ในบริเวณนี้จวบจน ป๎จจุบัน ในอดีตนั้นชุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นไม่ได้ปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ ปลูกเพียงข้าวไร่ ในไร่หมุนเวียนรวมถึงพืชผักที่ใช้ในการด ารงชีวิต ต่อมาชาวบ้านเลิกท าไร่หมุนเวียนไประยะหนึ่ง เนื่องจากพื้นที่ ท าการเกษตรมีจ านวนจ ากัด หลังจากที่ภาครัฐประกาศให้พื้นที่ชุมชนเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2528 รัฐจัดสรรที่ดินท ากินให้ชาวบ้านเพียงครอบครัวละ 25 – 30 ไร่เท่านั้น ไม่เพียงพอต่อการท าไร่หมุนเวียน จึงหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจกัน ป๎จจุบันชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรู้สึกเสียดายวิถีการท าไร่หมุนเวียนของบรรพบุรุษ จึงเริ่มรื้อฟื้นการท าไร่หมุนเวียนกลับมาใหม่ เพื่อการอนุรักษ์ สืบสาน มรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมของบรรพ ชน และป๎จจุบันนี้ผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่ท าไร่ข้าวไว้กินโดยไม่ต้องซื้อ พื้นที่ที่เหลือก็จะปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยว ไว้ขายแลกเงินมาใช้ในการด ารงชีพ เช่น มันส าปะหลัง ข้าวโพด สับปะรด ยางพารา ปาล์ม เป็นต้น “ไร่หมุนเวียน” พื้นที่ทางสังคมและวัฒนธรรม ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่มีการอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ชุมชนแห่งนี้มีเจ้าวัดถึง 3 คน คือมีเจ้าวัดผู้ชาย 2 คน และมีแม่ย่าอีก 1 คน ช่วยกันสืบสานวิถีผู้น าแห่งจิตวิญญาณ เป็นที่พึ่งทางใจให้กับผู้คนในชุมชน ประกอบพิธีกรรมทุก ๆ พิธีกรรมตลอดปีปฏิทิน นอกจากนี้ ยังมีวัดป่าภูเหม็นซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของ กะเหรี่ยงวิถีพุทธที่ยังคงไปวัดท าบุญที่วัดอยู่เสมอ และชาวกะเหรี่ยงโปว์ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของชุมชนก็มีความศรัทธา ในพระพุทธศาสนา จึงท าให้วัดป่าภูเหม็นเป็นอีกศาสนสถานหนึ่งที่เป็นพื้นที่ทางสังคมและวัฒนธรรมที่มี ความส าคัญอย่างยิ่งกับชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น วัดป่าภูเหม็น


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 193 ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นมีต้นไม้ขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี จ านวน 5 ต้น ขึ้นอยู่ในบริเวณ เดียวกัน คือ ต้นสมพงษ์ ป๎จจุบันนี้ต้นไม้ทั้ง 5 ต้นได้ล้มลงแล้วด้วยแรงลมพายุที่พัดผ่านชุมชนในช่วงเดือน เมษายน 2566 เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นพื้นที่ทางสังคม มีการประกอบพิธีท าบุญ ป่าชุมชน มีพิธีไหว้รุกขเทวดาเป็นประจ าทุกปี ต้นสมพงในอดีต ต้นสมพงในป๎จจุบัน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษVersion 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน”


ษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 194


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 195 6. ประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์ (กลุ่มกะเหรี่ยงบ้านอีซ่า) - ประชากรมีจ านวน 193 ครัวเรือน - ประชากรทั้งหมด 681 คน - ประชากรชาย 342 คน - ประชากรหญิง 339 คน - ประชากรทั้งหมดเป็นเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (โผล่ว) 681 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ระบบเครือญาติ ประชากรในชุมชนทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (โผล่ว) อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มี ผู้คนหลากหลายช่วงวัย มีเพียงบางส่วนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พูดภาษาอื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชน กะซอง ก่อ (อึมปี้) กะยัน กะแย กะเลิง กูย ก ามุ ขแมร์ลือ คะฉิ่น จีน จีนยูนนาน ชอง ซะโอจ ซ าเร โซ่ ทะวืง ญ้อ ญัฮกุร เยอ ดาราอาง ไตหย่า ไทขึน ไทด า ไทเบิ้ง ไทยโคราช ไทยวน ไทโย้ย ไทใหญ่ บรู บีซู ปกาเกอะญอ ปลัง ปะโอ ผู้ไท โพล่ว ไทยพวน ม้ง มละบริ มอแกน มอแกลน มอญ มานิ มลายู ยอง ละว้า ลัวะ(ปรัย) ลัวะ ลาวครั่ง ลาวแง้ว ลาวเวียง ลาหู่ ลีซู ไทลื้อ เวียด แสก โส้ อ่าข่า อาเคอะ อิ้วเมี่ยน อูรักลาโว้ย โอก๋อง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 196 7. โครงสร้างทางสังคม: องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ 7.1 กลุ่มที่เป็นทางการ 7.1.1 กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ ชุมชนบ้านภูเหม็นเคยมีการรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการออมทรัพย์ของชุมชน และใช้ในการระดมทุนให้คนในชุมชนได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพทางการเกษตร ในอัตราดอกเบี้ยต่ า ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ป๎จจุบันนี้ยังคงมีสมาชิกเหลืออยู่จ านวนมาก สมาชิก แต่ละคนจะต้องจ่ายเงินออมาเข้าสหกรณ์ออมทรัพย์ คนละ 360 บาท ต่อปี และป๎จจุบันนี้ เมื่อรัฐบาลได้จัด ให้มีกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์บ้านภูเหม็นส่วนหนึ่งหันไปใช้บริหาร กองทุนหมู่บ้านแทน แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังคงยืนหยัดร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ต่อไปอย่าง ไม่เปลี่ยนแปลง 7.1.2 กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ ประชากรในชุมชนมีการรวมตัวกันในนามกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งชุมชน โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของครอบครัวสมาชิก โดยให้ครอบครัวสมาชิกจ่ายเงิน ฌาปนกิจสงเคราะห์ครอบครัวละ 50 บาท ต่อ 1 ศพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของทาญาติในการจัดงานศพ แต่หากสมาชิกรายใดพอมีทุนทรัพย์ก็อาจจะให้มากกว่า 50 บาท ก็ได้ตามความสมัครใจ 7.2.3 กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดอุทัยธานี และกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้จัดท าโครงการส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎรชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น โดยเฉพาะเรื่องการทอผ้ากะเหรี่ยง และให้มีการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มอาชีพด้านการทอผ้า เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับกลุ่มแม่บ้านหลังจาก ฤดูกาลเกษตร กลุ่มแม่บ้านจะได้รวมตัวกันทอผ้ากะเหรี่ยง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงสร้างตลาดในการ จ าหน่ายในทุกแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกกลุ่มทอผ้าให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน 7.2.4 กลุ่มเลี้ยงสัตว์ มหาวิทยาราชภัฏนครสวรรค์ ได้เข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจให้กับชาว กะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นนั้นมีรายได้เสริมจากการท าไร่ท าสวน ในป๎จจุบัน เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และเพื่อให้ชาวบ้านมีเงินเพียงพอที่จะส่งบุตรหลานให้ได้เรียน หนังสือ และให้บุตรหลานมีงานที่ที่ดี ๆ ในอนาคต ซึ่งสัตว์เศรษฐกิจที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์สนับสนุน ให้มีการเลี้ยงในครัวเรือน ได้แก่ ปลาดุก หอย อ้น เป็ด เป็นต้น และป๎จจุบันนี้มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 50 คน และสมาชิกเริ่มมีรายได้จากการเลี้ยงสัตว์ดีขึ้นตามล าดับ คาดว่าในอนาคตสมาชิกจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในป๎จจุบัน 7.2 กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ 7.2.1 กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ มีการรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการ ส าหรับกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์บางกลุ่มหลังจาก เสร็จภารกิจจากการท าการเกษตร จะมานั่งกันเป็นกลุ่มตามใต้ถุนบ้านหรือใต้ต้นไม้นั่งทอผ้ากะเหรี่ยง ซึ่งเป็นผ้าทอมือ โดยใช้กี่เอวในการทอผ้า ส่วนใหญ่จะเป็นการทอผ้าไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน ไม่ได้ทอผ้าเพื่อการ จ าหน่ายหรือท าการตลาดแต่อย่างใด 7.2.2 กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่ชาวกะเหรี่ยงโปว์ได้มีการ รักษาประเพณีวัฒนธรรมและการท าพิธีกรรมในชุมชนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ประเพณีและวัฒนธรรมกะเหรี่ยง ที่บรรพชนมอบให้ไว้ ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นสามารถรักษาไว้ได้เกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์ เช่น การมีเจ้าวัด


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 197 (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) ถึง 3 คน ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในหนึ่งรอบปีปฏิทินของชุมชน และการ ประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีการด าเนินชีวิตของแต่ละครอบครัว ก็ได้อาศัยเจ้าวัดและแม่ย่าช่วยกันขจัด ป๎ดเป่าสิ่งที่เป็นโชคร้าย ผีสางนางไม้ และสิ่งที่เป็นอัปมงคลให้ออกไปจากชุมชน ซึ่งในการประกอบพิธีกรรมก็จะ มีการรวมตัวกันของชาวบ้านเป็นกลุ่ม ๆ แบ่งแยกกันไปตามเครือญาติที่สนิทชิดเชื้อ 7.2.3 กลุ่มศรัทธาวัด มีชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นกลุ่มหนึ่งที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ด้วยความศรัทธาได้รวมตัวกันไปท าบุญที่วัดป่าภูเหม็นเป็นประจ าทุกวันธรรมสวนะ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่มี พระสงฆ์จ าวัดอยู่ตลอดปี ป๎จจุบันนี้มีพระสงฆ์จ าวัด จ านวน 5 รูป จึงอีกสถานที่หนึ่งที่ท าให้ชาวบ้านได้มี สถานที่ในการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ หารือเรื่องการท าการเกษตร และมีการเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์ให้ผู้คน ในชุมชนมีความรักความผูกพันกัน ซึ่งเป็นที่มาของความรักความสามัคคีของในชุมชน 7.2.4 กลุ่มท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือญาติ 4 – 5 หลังคาเรือนที่เป็นกลุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะมีการรวมตัวช่วยเหลือกันทางการเกษตร เช่น มีการรวมตัวกัน ลงแขกปลูกข้าวไร่ ลงแขกเกี่ยวข้าว ลงแขกขุดมันส าปะหลัง โดยจะเป็นลักษณะของการเอาแรงกัน เริ่มจาก บ้านหนึ่งหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกบ้าน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการท าการเกษตรประจ าปี อังคาร ปราชญ์ ชาวบ้าน กลุ่ม ฌามปนกิจ กลุ่ม ธ.ก.ส. กลุ่มออม ทรัพย์ กลุ่มกองทุน หมู่บ้าน กลุ่ม การเกษตร กลุ่ม เลี้ยงสัตว์ กลุ่มศรัทธา วัด กลุ่มทอผ้า กลุ่มประเพณี วัฒนธรรม


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 198 8. วิถีชีวิต: ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจ าวัน ในรอบปีของผู้คนในชุมชนบ้านภูเหม็น หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี มี วิถีชีวิตที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังต่อไปนี้ 8.1 ปฏิทินประเพณีและวัฒนธรรม เดือน มกราคม 2566 ประเพณีกินข้าวใหม่การต าข้าวใหม่ และเรียกขวัญข้าว กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีความเชื่อเรื่องธรรมชาติ เพราะกะเหรี่ยงนั้นต้องพึ่งพาธรรมชาติ เป็นอย่างมาก และเป็นผู้รู้คุณค่าของธรรมชาติ ตลอดจนถึงทุกสิ่งที่มีคุณกับชาวกะเหรี่ยง โดยเฉพาะข้าวที่ใช้ รับประทานทุกวัน ชาวกะเหรี่ยงถือว่ามีพระคุณอย่างใหญ่หลวง จึงนับถือพระแม่โพสพ พร้อมทั้งอุปกรณ์ การเกษตรก็ถือว่ามีพระคุณต่อทุกคนในการประกอบอาชีพ การท าไร่ข้าวของชาวกะเหรี่ยง ปลูกไว้แค่เพียงพอ ในการรับประทานในครอบครัวในรอบ 1 ปี เท่านั้น จึงไม่เหลือพอที่จะขาย การกินข้าวใหม่ที่เพาะปลูกมาจึงมี ความหมายกับชาวกะเหรี่ยงมาก จึงถือก าเนิดการจัดพิธีการกินข้าวใหม่ ซึ่งถือเป็นประเพณีปฏิบัติมาตลอด ของทุกครอบครัว การท าพิธีนี้ทุกคนที่ท าไร่ข้าวและเก็บเกี่ยวนวดข้าว (ท าให้ข้าวเปลือกหลุดจากซังข้าว) เป็นข้าวเปลือกและน าข้าวเปลือกไปต าด้วยครกกระเดื่อง จึงได้ข้าวสารมา ดังนั้น ทุกคนในครอบครัวจะปรึกษากัน จัดพิธีกินข้าวใหม่ พร้อมเชิญแขกในหมู่บ้านมาร่วมงานกินข้าวใหม่ด้วย พิธีหุงข้าวใหม่ที่ได้จากการต าข้าว จากครกกระเดื่อง และสิ่งส าคัญที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ หอย ปู กุ้ง เผือก มาเป็นอาหารในมื้อนั้น อุปกรณ์เกษตร เช่น ไถ จอบ เสียม มีด น ามาวางไว้ที่หน้าเตาไฟ เมื่อหุงข้าวเสร็จ พร้อมด้วยแกง (หอย กุ้ง ปู เผือก) จะน าเอา ข้าวที่หุงพร้อมแกงมาวางที่อุปกรณ์การเกษตรที่วางไว้ พร้อมอธิษฐานบอกกล่าว ขอพรให้ท าข้าวได้ดีไม่มีศัตรู รบกวน เมื่อบอกกล่าวเสร็จ ทุกคนในครอบครัวพร้อมแขกที่มาร่วมงาน จึงเริ่มกินข้าวใหม่พร้อมกัน งานพิธี กินข้าวใหม่จะไม่มีเหล้า การท าพิธีจะท าในตอนเช้าถึงก่อนเที่ยงวัน ซึ่งจะไม่สามารถเลยเที่ยงวันได้ ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ข้าวไร่นั้นเป็นอาหารหลักของชาวกะเหรี่ยงมาตั้งแต่ยุค บรรพบุรุษ ป๎จจุบันประชากรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ยังคงท าไร่ข้าวเพื่อเลี้ยงชีพคนในครอบครัว ดังนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว จึงยังคงรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นตอนปลูกข้าว ตอน ที่ใบข้าวเริ่มโค้งงอลงมาถึงพื้นดิน ตอนข้าวออกรวง และตอนเก็บเกี่ยวข้าว ล้วนแต่มีพิธีกรรมในการบอกกล่าว เจ้าที่เจ้าทางขอให้ได้ผลผลิตเป็นจ านวนมาก ๆ และให้มีผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ เดือน กุมภาพันธ์ และ มีนาคม การท าบุญเจดีย์ (ไหว้เจดีย์ เดือน 3) ชาวกะเหรี่ยง (โปว์) กลุ่มผู้นับถือเจ้าวัดด้ายเหลือง (ล๊งบ่อง) จะจัดท าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือ สถานที่แห่งความเคารพย าเกรงส าหรับพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่ โดยจัดสร้างเป็นสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า เจดีย์ หรือ โกร่ง เป็นมูลดินที่ก่อสูงขึ้นเป็นชั้นจากใหญ่ไปหาเล็ก จ านวน 3 ชั้น หรือ 5 ชั้น (การก าหนดชั้นของมูลดินที่ ก่อนั้น ขึ้นอยู่กับจ านวนวันที่ท าบุญ ส่วนใหญ่จะก าหนดเพียง 3 วัน) เจดีย์หรือโกร่งที่ก่อขึ้นเป็นองค์วัตถุ ประธานในพิธีท าบุญใหญ่ประจ าปีของกลุ่มหรือ “มาโบงเดิ่งสะล่อง” ซึ่งเจดีย์ดังกล่าวจะมี 2 ชนิดคือเจดีย์ปิด และเจดีย์ปล่อย เจดีย์ปิด เป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นในกลุ่มหมู่บ้านและมีเจ้าวัดดูแลการประกอบพิธีกรรม โดยเจ้า วัดจะท าพิธีไหว้ทุกวันพระและประเพณีท าบุญใหญ่ประจ าปี (มาโบงเดิ่งสะล่อง) นอกจากนี้ เจดีย์ยังเป็นสิ่ง เคารพบูชา ที่เด็กเกิดใหม่เมื่อแข็งแรงดีแล้ว พ่อแม่จะพามาไหว้เจดีย์ คู่บ่าวสาวที่แต่งงานใหม่ ก็จะมาไหว้เจดีย์ เช่นกัน หรือหากมีคนในชุมชนท าผิดจารีตประเพณี ก็ต้องมาท าพิธีไหว้เพื่อเป็นเครื่องช าระล้างทางจิตใจ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 199 เจดีย์ปิดมีลักษณะที่มีกฎระเบียบเคร่งครัดในเรื่องการรักษาความสะอาด ห้ามใส่รองเท้าเข้าไปในบริเวณเจดีย์ ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ลักษณะของเจดีย์ที่ท าการก่อสร้างนั้น บุคคลที่ได้บวชเป็นเจ้าวัดแล้ว จะเป็นคนเลือกสถานที่ ที่มีความเหมาะสม เป็นลานกว้างสามารถจุคนได้จ านวนมากเพื่อสร้างเจดีย์ และเรือนส าหรับประกอบพิธีกรรม จุดที่ตั้งเจดีย์จะก่อมูลดินเป็นชั้น จ านวน 3 ชั้น ตรงกลางจะน าเสาไม้แข็งมาป๎ก โดยปลายเสาไม้ถูกเจาะรู แล้วน าไม้สอดเข้าไปในรูเป็นคล้าย ๆ ไม้กางเขน บนยอดเสาเจดีย์จะใช้ไม้แกะสลักรูปนกบิน ชาวกะเหรี่ยงเรียก ไม้นี้ว่า “สะเดิ่ง” นอกจากนี้ยังตกแต่งเสาเจดีย์ให้สวยงามด้วยดอกไม้ เส้นสายใยประดิษฐ์ไหมพรมโยงตาม ต้นเสาและถักทอเป็นรูปต่าง ๆ น ามาประดับบริเวณต้นเสาหรือเจดีย์ เพื่อให้เกิดความสวยงามแก่เสาเจดีย์ ระยะห่างประมาณ 2 – 3 วา จะน าไม้ไผ่มาท าเป็นรั้วล้อมรอบเจดีย์ ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีประตูเข้า 4 ด้าน เจดีย์ที่สร้างขึ้นจะเป็นลักษณะชั่วคราว มีการปรับปรุงดูแลเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม เจดีย์อาจมีการ พิจารณาเคลื่อนย้ายปรับปรุงได้ หลังจากใช้ประกอบพิธีกรรมครบ 3 ปีแล้ว จะก าหนดว่าจะตั้งเจดีย์ที่เดิมหรือ ที่ใหม่ที่เหมาะสมเพื่อเป็นเจดีย์ถาวร ซึ่งเมื่อตั้งถาวรแล้วจะเคลื่อนย้ายอีกไม่ได้ จนกว่าเจ้าวัดคนสร้าง จะเสียชีวิต บริเวณที่ตั้งเจดีย์ก็จะถูกยกเลิกไป แต่จะไม่มีการปลูกพืชหรือบ้านเรือนที่อยู่อาศัยหรือสิ่งก่อสร้าง ใด ๆ บริเวณนี้ตลอดไป ประเพณีการไหว้เจดีย์ของชาวกะเหรี่ยงกลุ่มด้ายเหลืองนี้ ถือเป็นประเพณีที่ถ่ายทอดสืบต่อ กันมาเป็นเวลาช้านาน โดยเชื่อว่าการไหว้เจดีย์จะท าให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งตนเองและครอบครัว เป็นการขอพรต่อเจ้าที่แม่พระธรณีที่จัดท าไว้ เป็นความเชื่อและความศรัทธาเป็นสิริมงคลต่อชีวิต ประเพณีการ ไหว้เจดีย์ซึ่งเป็นงานบุญใหญ่ประจ าปี จะมีในช่วงวันเพ็ญเดือน 3 ถึงเดือน 7 ของทุกปี ใช้เวลาในการประกอบ พิธีการไหว้เจดีย์ 3 วัน (ก่อนวันเพ็ญจนถึงหลังวันเพ็ญ) ประเพณีนี้จะมีการตกลงกันของเจ้าวัดกลุ่มด้ายเหลือง ในจังหวัดและบริเวณใกล้เคียงว่าจะเริ่มที่หมู่บ้านใดก่อน บ้านอื่นก็จะไปร่วมพิธีด้วย โดยเฉพาะเจ้าวัด เมื่อ เจ้าวัดประชุมตกลงกันเลือกว่าหมู่บ้านของตนจะมีงานบุญใหญ่ประจ าปีไหว้เจดีย์ ในวันเพ็ญเดือนใดก็จะแจ้งให้ ทุกคนในชุมชนทราบ เพื่อเตรียมวางแผนจัดงาน การบูรณะปรับปรุงเรือนประกอบพิธีกรรมให้สะอาดแข็งแรง เพื่อไว้ส าหรับเป็นที่พักของเจ้าวัดและผู้เข้าร่วมพิธีกรรม เรือนพิธีดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นที่ส าหรับเจ้าวัดและที่ส าหรับจัดวางเครื่องประกอบพิธีกรรม ส่วนที่สอง อยู่ต่ ากว่าเจ้าวัดลงมา เป็นบริเวณชานเรือน ด้านหน้าส าหรับบุคคลทั่วไปขึ้นมา ร่วมงานและรับประทานอาหาร ซึ่งจะมีบันไดขึ้นทั้งสองข้าง ส่วนที่สาม อยู่ด้านปีกขวาของที่ที่เจ้าวัดพัก และจะเป็นที่พักส าหรับผู้ชายที่มาร่วมงานด้วย ส่วนที่สี่ อยู่ด้านปีกซ้ายของที่ที่เจ้าวัดพัก จะเป็นที่พักของผู้หญิงที่มาร่วมงาน หลังจากได้ร่วมกันบูรณะเรือนพิธีแล้ว ก็จะร่วมกันจัดท าสะเดิ่ง เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดง บริเวณงาน พร้อมทั้งปรับปรุงตกแต่งบริเวณเจดีย์ให้สวยงาม เมื่อถึงก าหนดงานการไหว้เจดีย์วันแรกจะร่วมกัน น าวัสดุต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไว้ในงานมาตั้งขบวนแห่รอบเจดีย์และเรือนพิธี เพื่อน าเครื่องหมายวัสดุดังกล่าว ไปจัดตั้งตรงบริเวณที่วางแผนไว้ พิธีไหว้เจดีย์ในวันแรก จะเริ่มเวลาเย็น ผู้มาร่วมงานจะเดินขึ้นไปบนเรือนพิธี น าสิ่งของที่ มาร่วมในงาน เช่น ของกินของใช้ และเงินมอบให้กับเจ้าวัด เพื่อใช้ในการจัดงาน เงินจะน าไปติดไว้ที่ต้นเทียน ซึ่งท ามาจากขี้ผึ้งแท้ เพื่อร่วมเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานครั้งนี้ จากนั้น บางคนก็จะรับประทานอาหารที่เจ้าวัด กับชุมชนได้เตรียมไว้ สิ่งที่ชาวบ้านได้เตรียมมาร่วมงานไหว้เจดีย์ ได้แก่ การแต่งกายในชุดชาวกะเหรี่ยง เตรียม เทียนไขที่ท าจากขี้ผึ้งแท้ ดอกไม้ และน้ าขมิ้น ส าหรับปะพรมเจดีย์ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว จะมีการ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 200 ให้สัญญาณที่จะเริ่มพิธี กลุ่มคนกลุ่มแรกที่จะไหว้เจดีย์ก่อน จะเป็นกลุ่มผู้หญิงที่จะร่วมกันท าพิธีกรรม เสร็จแล้ว จึงจะเป็นการท าพิธีกรรมของเจ้าวัด โดยจะสวดขอพรเป็นภาษากะเหรี่ยงเป็นการขอพรแม่พระธรณีให้อยู่เย็น เป็นสุข ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อสวดจบเจ้าวัดจะน าเทียนและดอกไม้เข้าป๎กในรั้วที่โคนเจดีย์ การเดินเข้าประตู สามารถเข้าได้ทั้ง 4 ด้าน เมื่อผู้เข้าร่วมงานเข้าประตูใดเวลาออกต้องออกประตูนั้น เมื่อพิธีกรรมการไหว้ขอพร จบแล้ว จะเป็นการเต้นร าตามแบบของชาวกะเหรี่ยง โดยมีเครื่องดนตรี ประกอบด้วย กลอง ที่มีการจัดท า คล้ายกลองยาว ฆ้อง และ ฉาบ นักดนตรีจะบรรเลงดนตรีล้อกับเสียงเพลงในภาษากะเหรี่ยงที่มีผู้ขับร้อง เจ้าวัดผู้น าประกอบพิธีกรรมจะร าไหว้เจดีย์ ตามความเชื่อที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา พิธีกรรมการไหว้เจดีย์และ การร าจะแยกชายหญิงออกจากกัน โดยมีคณะของเจ้าวัดอยู่ตรงกลาง การไหว้เจดีย์จะปฏิบัติกันจนครบ 3 วัน แล้วในวันรุ่งขึ้นจะท าพิธีครั้งสุดท้าย แล้วจะท าการ กรวดน้ าด้วยน้ าขมิ้น ปะพรมบริเวณเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ถือเป็นการเสร็จสิ้นประเพณีการไหว้เจดีย์ “มาโบงเดิ่งสะล่อง” ข้อห้ามส าคัญในการประกอบพิธีนั้น ห้ามน าเครื่องดองของเมา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เข้าไปในบริเวณงาน ห้ามมิให้ถ่ายภาพหรือวีดิโอโดยเด็ดขาด การไหว้เจดีย์ เดือน 3 ของชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น จะเป็นเจดีย์ของแม่ย่าปรัง โดย ส่วนใหญ่จะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือ เดือนมีนาคม ซึ่งชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นทุกครัวเรือนพร้อมใจกัน เตรียมอาหารการกินไปร่วมงานบุญไหว้เจดีย์ เดือน 3 โดยพร้อมเพรียงกัน เดือน เมษายน 1) การท าบุญเจดีย์ (ไหว้เจดีย์ เดือน 5) การท าบุญไหว้เจดีย์ เดือน 5 โดยมากจะตรงกับเดือน เมษายน แต่จะมีบางปีล่วงเลยไปถึง เดือนพฤษภาคม การสร้างเจดีย์หรือความส าคัญของเจดีย์ก็จะเหมือนกันกับการไหว้เจดีย์ เดือน 3 ที่ได้กล่าว มาแล้วเบื้องต้น ในส่วนของการไหว้เจดีย์เดือน 5 ของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เป็นการไหว้เจดีย์ของ เจ้าวัดอ้วน เยปอง ซึ่งเป็นเจ้าวัดที่มีศักดิ์อาวุโสมากที่สุดในบรรดาเจ้าวัดและแม่ย่าทั้ง 3 คน ที่ชาวกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นให้ความเคารพนับถือ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 5 ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นทุกครัวเรือน พร้อมใจกันเตรียมอาหารการกินไปร่วมงานบุญไหว้เจดีย์ เดือน 5 โดยพร้อมเพรียงกัน 2) พิธีกรรมค้ าต้นไทร กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น มีประเพณีท าบุญต้นไม้ใหญ่ต่อชะตาชีวิตที่สืบทอดมา ตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ซึ่งชุมชนชาวกะเหรี่ยง มีความเชื่อว่าที่เกิดมาตั้งแต่เล็กจนตาย ทุกคนมีชีวิตเจริญเติบโต และมีชีวิตที่แตกต่างกัน มีความเชื่อว่าโชคชะตาเป็นผู้ก าหนดในการเจริญเติบโต วิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงผูกพันกับป่า คนกับป่าจึงคู่กัน การต่อชะตาจึงเป็นเรื่องส าคัญที่จะมีชีวิตที่เจริญงอกงาม เพื่อให้อายุยืนยาวและเป็นการขอพร จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการขอพรให้มีความเจริญรุ่งเรืองอายุยืนยาวเหมือนต้นไม้ จึงเกิดพิธีกรรมที่เรียกว่า “การท าบุญต่อชะตาอายุคนกับต้นไม้” การต่อชะตาชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยงจะเริ่มหลังวันปีใหม่ คือ หลังวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 5 ของทุกปี โดยแต่ละหมู่บ้านถือว่าวันต่อชะตาชีวิตนี้เป็นวันส าคัญ ทุกคนจะขาดการร่วมประเพณีไม่ได้ การก าหนดจัดงาน ผู้อาวุโสในชุมชนจะเป็นผู้ก าหนดวัน ทุกคนในหมู่บ้านเมื่อถึงวันท าพิธีจะมาช่วยกันท า ความสะอาดบริเวณต้นไม้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นต้นไทร เพราะมีความเชื่อว่าต้นไทรเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงา อายุยืน มั่นคง และเป็นต้นไม้ในพุทธประวัติ การท าความสะอาดบริเวณต้นไม้จะเป็นช่วงเช้าเวลา 07.00 – 10.00 น. พอถึงช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.00 น. ทุกคนทุกบ้านในชุมชนจะมาพร้อมกันบริเวณต้นไม้ที่จะท าพิธี ต่อชะตา โดยทุกคนจะเตรียมไม้ไผ่ล าพอดีและสูงท่วมหัว คนละ 1 ล า มาพร้อมกัน พร้อมกระบอกน้ า เทียน ดอกไม้ น้ าขมิ้น เตรียมมาเข้าพิธี บ้านใดที่มีสมาชิกในครอบครัวไม่มา ก็ให้ผู้น าครอบครัวน าไม้ไผ่มาแทน กระบอกน้ าและเมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผู้น าจะกล่าวอธิษฐานขอพรจากต้นไม้ ให้ทุกคนอธิษฐานขอพร


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 201 จากต้นไม้ พร้อมกับปล่อยสัตว์ ทุกคนจะเตรียมดอกไม้ที่เตรียมไว้ไปวางที่ต้นไม้ พร้อมกราบ 3 ครั้ง เป็นอัน เสร็จสิ้นพิธี 3) ประเพณีตากผ้า ต าขมิ้น ล้างเท้า ประเพณีตากผ้า ที่ได้รับการสืบสานมาจากบรรพชน เป็นเรื่องราวของความเชื่อว่า ชาว กะเหรี่ยงนั้นจะพร้อมในกันน าเสื้อผ้ากะเหรี่ยงออกมาตากพร้อม ๆ กัน ในวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 5 ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าที่ใส่แล้วหรือเสื้อผ้าใหม่ก็ตาม และเมื่อทุกบ้านน าผ้ามาตากนอกบ้านพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน จะมองเห็น หมู่บ้านเต็มไปด้วยสีสัน โดยเฉพาะสีแดงที่เป็นสีพื้นฐานของชุดเครื่องแต่งกายของกะเหรี่ยง ซึ่งจะมองเห็นได้ จากระยะไกล ดังนั้น จึงเป็นที่มาของความเชื่อทีว่า หากชาวบ้านน าผ้ามาตากจ านวนมาก เทวดาจะสามารถ มองเห็นและรู้ว่ายังมีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ตรงนี้ และเทวดาจะปกป๎กษ์รักษาให้ชุมชนกะเหรี่ยงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง และดลบันดาลให้ชาวกะเหรี่ยงอยู่เย็นเป็นสุข ประเพณีต าขมิ้น ขมิ้นถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีความส าคัญกับวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก ทุกบ้านจะมีไว้ติดบ้าน นอกจากนี้ ยังเป็นพืชที่มีความส าคัญกับความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมในหลาย พิธีกรรมอีกด้วย ประเพณีการล้างเท้า ลูกหลานชาวกะเหรี่ยงทุกคนจะได้รับการอบรมสั่งสอนให้บรรพบุรุษให้มี ความกตัญํูรู้คุณบิดามารดา ดังนั้น ลูกหลานชาวกะเหรี่ยงจะคุ้นชินกับการล้างเท้าบิดามารดา ไม่ว่าจะเป็น ชีวิตประจ าวัน หรือพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การแต่งงาน เป็นต้น เดือน พฤษภาคม 1) การอาบน้ ามนต์เป็นพิธีกรรมที่จะท าในเดือน 6 เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ และล้าง บาปให้กับตัวเองและคนในครอบครัว พอถึงรุ่งเช้าคนในครอบครัวจะไปผูกแขนด้วยด้ายเหลือง โดยเจ้าวัดหรือ ผู้อาวุโสในชุมชนเป็นคนผูกแขนให้ 2) การป๎กสะเดิ่งบ้าน ผู้อาวุโสหรือหัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้ท าพิธีป๎กสะเดิ่ง เพื่อเป็นการ ปกป๎กษ์รักษาคนในครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุข แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายใด ๆ ทั้งปวง เดือน มิถุนายน ประเพณีก่อเจดีย์ทราย เป็นพิธีกรรมที่ชุมชนร่วมกันก่อเจดีย์ให้ล าห้วย โดยการขุดบ่อท าที่วาง ของที่จะท าพิธี เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน น้ าขมิ้นในการท าพิธีจะต้องใช้คน 2 คน ลงไปอยู่ในบ่อ เพื่อเป็นตัวแทน ของจระเข้และพญานาค และคนที่อยู่นอกบ่อน้ าจะท าการร่ายร าท าเพลงในการประกอบพิธีกรรมเรียกฝน เดือน กรกฎาคม 1) การป๎กสะเดิ่งในไร่ข้าว เป็นการท าพิธีกรรมเพื่อปกป้องรักษาต้นข้าวให้สมบูรณ์ ไม่ให้มี ผีสางนางไม้หรือภัยธรรมชาติมาท าให้ไร่ข้าวเสียหาย และขอให้ได้ผลผลิตข้าวมาก ๆ ข้าวมีคุณภาพดี 2) การป๎กสะเดิ่งในล าห้วย พิธีกรรมนี้จะท าเฉพาะวันพระ ซึ่งทุกครัวเรือนจะต้องมารวมตัว กันในล าห้วย โดยมีความเชื่อว่าเป็นการขอขมาพระแม่คงคาและพระแม่ธรณี อีกทั้งเป็นการขอให้ฝนตกต้อง ตามฤดูกาล เดือน สิงหาคม พิธีกรรมการท าขนมจีนขี้เหนียว จัดขึ้นเป็นประจ าทุกปี ในหมู่บ้านจะต้องท าขนมจีนขี้เหนียว โดยจะต้องท าขนมจีนด้วยตัวเอง พิธีนี้จะเริ่มจากหมู่บ้านที่อยู่ต้นน้ าก่อน และไหลลงมาตามสายน้ าจนครบ ทุกหมู่บ้าน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 202 เดือน กันยายน และ เดือน ตุลาคม การถอนหญ้าในไร่ข้าว ในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม เป็นฤดูฝนและเป็นช่วงที่พืชผล ทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวไร่ก าลังงามและก าลังออกรวง ดังนั้น ช่วงนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ในไร่ข้าว ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง ดูแลข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตมาก ๆ และผลผลิตมีคุณภาพดี หาเห็ด หาหน่อไม้การเข้าสู่ฤดูผลอย่างเป็นทางการ และบางปีที่มีปริมาณน้ าฝนมาก ฝนก็จะ ตกยาวนานมาหลายเดือนแล้ว ท าให้ผลผลิตจากป่าก าลังออกดอกออกผลให้ชาวบ้านได้เก็บเกี่ยว น าไปบริโภค หรือน าไปจ าหน่าย สร้างรายได้ให้กับครัวเรือน เดือน พฤศจิกายน 1) พิธีกรรมในการเกี่ยวข้าว เมื่อข้าวเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จนสามารถน าไปใช้บริโภคได้ เมื่อ เก็บเกี่ยวเสร็จก็จะมีการท าพิธีขอบคุณเครื่องมือเกี่ยวข้าว โดยจะน าน้ าขมิ้น ดอกไม้ ธูป เทียน พร้อมทั้งอาหาร เซ่นไหว้ ในขณะที่เกี่ยวข้าว เพื่อจะให้ได้ข้าวในปริมาณมาก ๆ ในการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ หลังจากการเก็บเกี่ยวเสร็จ แล้ว ก็ท าพิธีเก็บข้าวเข้ายุ้ง โดยน าน้ าขมิ้น ดอกไม้ ธูป เทียน ไปไหว้ข้าวที่จะเก็บนั้น 2) ลอยกระทง ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นร่วมกันท ากระทงจากกาบกล้วยมาตัดเป็นท่อน และเหลาไม้ไผ่มาเสียบกันคล้าย ๆ แพ และท าการต่อกรงขึ้น กระทงนี้จะลอยในช่วงกลางคืน ทุกคนในหมู่บ้าน จะมารวมตัวกันที่ล าห้วย และน าข้าวที่เก็บจากไร่มาวางในกระทง มีพริกก็ใส่พริก มีดอกไม้ก็ใส่ดอกไม้ เมื่อ ชาวบ้านน าของมาใส่ในกระทงครบทุกครัวเรือนแล้ว เจ้าวัดหรือผู้อาวุโสจะท าการอธิษฐาน แล้วจุดเทียนป๎กไว้ที่ กระทงแล้วพรมด้วยน้ าขมิ้น เมื่อเสร็จแล้ว น ากระทงมาลอยพร้อมกันถือว่าเสร็จพิธี เชื่อว่าเป็นการขอขมา พระแม่คงคาและพระแม่ธรณี ซึ่งเป็นความเชื่อที่มีความสอดคล้องกับประเพณีลอยกระทงของคนไทย เดือน ธันวาคม 2566 ประเพณี “พิบือโย” การนวดข้าว และการน าข้าวเก็บในยุ้งฉาง จะมีการท าพิธีกรรมสู่ขวัญข้าว ก่อนที่น าข้าวเก็บในยุ้งฉาง ตามความเชื่อของบรรพบุรุษชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นที่มีการสืบทอดกันมา อย่างยาวนานกว่า 400 ปี 8.2 วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ (เกษตร เลี้ยงสัตว์ การค้า) ปฏิทินการเพาะปลูกและพิธีกรรมที่เกิดขึ้นจากการท าการเกษตร ในรอบ 1 ปี เดือน มกราคม จะมีพิธีป๎ดรังควานในหมู่บ้าน และพิธีท าบุญแม่โพสพ หรือ “พิ้งยิงโย”ของ กลุ่มด้ายเหลือง หรือ พิธี “ซุฟิ๊ หมี่” ของกลุ่มด้ายแดง เป็นพิธีบุญรับขวัญข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ เพื่อเก็บมาสู่ยุ้งฉาง ไว้บริโภค โดยเอาข้าวปากยุ้งมาท าบุญ พิธีนี้มีการท าขนมจีนด้วย เดือน กุมภาพันธ์เป็นการเลือกที่ปลูกข้าว โดยเลือกป่าปฐมภูมิ หรือ ทุติยภูมิ ในอาณาเขต ของชุมชนแล้วบากต้นไม้รอบ ๆ พื้นที่เป็นเครื่องหมายจับจอง (การถือครองที่ดินตามจารีต ถือว่าเป็นที่ดินของ ส่วนรวมของชุมชน ไม่มีการถือครอง ป๎จจุบันระบบการจองที่ดินบางแห่งเปลี่ยนแปลงไปจากจารีตเดิม) หากมี การจับจองพื้นที่ซ้ ากัน ผู้จองก่อนย่อมได้สิทธิ์ท ากินในพื้นที่แปลงนั้นโดยดูความเก่าของรอยบากไม้เป็นหลักฐาน เดือน มีนาคม จะท าการตัดฟ๎นไร่ในพื้นที่ที่ได้รับจอง เดือน เมษายน การเผาไร่เพื่อเตรียมการเพาะปลูกเมื่อฝนตกลงมาตามฤดูกาล เดือน พฤษภาคม ก่อนการหยอดข้าวหลังจากการเผาไร่และเก็บเศษไม้เศษหญ้าเรียบร้อยแล้ว จะท าพิธีตั้งขวัญไร่ข้าว หรือ “ขี่ลองสะเดิ่งเขาะกราพอง” เพื่อปลูกขวัญไร่ข้าวให้ปกป๎กรักษาข้าวในไร่และ บันดาลให้ข้าวงาม เมื่อท าพิธีแล้วห้ามตัดฟ๎นต้นไม้หรือตอไม้ในไร่ ทั้งห้ามขุดดินในไร่ข้าวให้เป็นหลุมหรือท าลาย สะเดิ่งที่ป๎กไว้ในไร่ข้าว เพราะถือว่าขวัญของข้าวได้มาอยู่ในไร่ข้าวแล้ว การล่วงข้อห้ามอาจท าให้ข้าวไร่เสียหายได้ เดือน มิถุนายน จะท าพิธีตัดเวรตัดกรรม หรือ “ไข่เว” เป็นพิธีท าบุญให้สัตว์ต่าง ๆ ที่ต้องตาย หรือถูกท าลายเมื่อฟ๎นไร่ เผาไร่ เพื่อท าการปลูกข้าว โดยเอาไม้ไผ่มาสานเป็นกระบะสี่เหลี่ยมค่อนข้างใหญ่ และ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 203 แข็งแรงพอสมควร ภายในกระบะใส่ของกิน ได้แก่ ข้าวปลาอาหารและพืชผักที่ปลูกไว้ในไร่ข้าวน าไปเซ่นไหว้ผี ที่ทางเข้าออกหมู่บ้าน แห่งละ 1 ชุด เพื่อให้ผีทั้งหลายมากินและไม่มารบกวนคนในหมู่บ้าน เดือน กรกฎาคม ชาวกะเหรี่ยงที่ท านาจะท าพิธีเลี้ยงผีนาและพิธีมัดมือควาย หรือ “คายะนาจู๊ง” เป็นพิธีที่ร าลึกถึงบุญคุณควาย และขอลุแก่โทษ ที่ได้ใช้แรงงานให้แก่มนุษย์ในการผลิตข้าวโดย น าเอาดอกไม้มาขอขมาควาย แล้วเอาด้ายสีขาวผูกโคนเขาควายทั้งสองข้าง พร้อมกับทอดหญ้าและน้ าให้กิน เป็นเสร็จพิธี พิธีมัดมือควายเป็นพิธีของกลุ่มด้ายขาว เดือน สิงหาคม และ เดือน กันยายน ชาวกะเหรี่ยงจะอยู่ในไร่เพื่อก าจัดศัตรูพืชและวัชพืช โดยการถางหญ้า และท าการดักอ้นและตุ่นที่มากัดกินรากพืชที่ท าการเพาะปลูกไว้ เดือน ตุลาคม ท าการเก็บเกี่ยวข้าวเบา เดือน พฤศจิกายน ท าการเก็บเกี่ยวข้าวหนัก เดือน ธันวาคม ท าการนวดข้าวและน าขึ้นเก็บในยุ้งฉาง กิจกรรม/เหตุการณ์ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. หมายเหตุ ปฏิทินเศรษฐกิจ เตรียมดินเพาะปลูก พืชเชิงเดี่ยวโดยรวม ฤดูเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ปลูกข้าวไร่ มันส าปะหลัง ดูแลพืชผลเกษตรในไร่ ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเกษตร ฤดูเกี่ยวข้าว หาหน่อไม้ หาเห็ดโคน ปฏิทินวัฒนธรรม ประเพณีกินข้าวใหม่ พิธีค้ าต้นไทร/ต าขมิ้น พิธีรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ พิธีผูกแขนด้ายเหลือง พิธีป๎กสะเดิ่งครัวเรือน ก่อเจดีย์ทราย/เรียกฝน พิธีป๎กสะเดิ่งไร่ข้าว พิธีป๎กสะเดิ่งในล าห้วย ต าขนมจีนขี้เหนียว ชุมชนต้นน้ าท าก่อน พิธีสู่ขวัญข้าว ประเพณีลอยกระทง ประเพณี “พิบือโย” 9. ประวัติชีวิต: ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้น า/บุคคลส าคัญของชุมชน 9.1 ชื่อ นายอ้วน นามสกุล เยปอง อายุ 65 ปี และเกิด พ.ศ. 2501 ที่อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 8 บ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 204 บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายอ้วน เยปอง เป็นเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) ป๎จจุบันเป็นเจ้าวัดที่อาวุโสสูงสุดในชุมชน ชาวบ้าน ให้ความเคารพนับถือมาก เป็นที่พึ่งทางใจให้กับลูกบ้าน เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามความเชื่อของบรรพ บุรุษกะเหรี่ยงโปว์ตั้งแต่เกิดจนตาย นอกจากนี้ ยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอสมุนไพรพื้นบ้าน สามารถรักษา อาการเจ็บป่วยเบื้องต้นส าหรับโรคภัยที่มีกระบวนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และโรคภัยที่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้หวัด เป็นต้น รวมถึงยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านเครื่องจักสาน สามารถท า เครื่องใช้ภายในบ้านไว้ใช้เอง และสอนเพื่อนบ้านท าเครื่องจักสานเครื่องใช้ในครัวเรือนในรายการง่าย ๆ เช่น ตะกร้า กระบุง กระด้ง ไซดักปลา เป็นต้น ที่ส าคัญ เจ้าวัดอ้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากะเหรี่ยงโปว์ ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน และยังอ่านภาษามอญได้อีกด้วย โดยจะเห็นได้ว่าเจ้าวัดอ้วนนั้นมีคัมภีร์ใบลานโบราณเก็บไว้ เป็นจ านวนมาก มีสภาพสมบูรณ์ และคัมภีร์ใบราณเหล่านี้ล้วนเขียนเป็นภาษามอญแทบทั้งสิ้น นับว่าเป็นปูชนียบุคคล คนส าคัญของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เพราะว่าในป๎จจุบันนี้ยังคงถ่ายทอดภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ให้กับ ลูกหลานอย่างต่อเนื่อง ชีวประวัติ นายอ้วน เยปอง เจ้าวัดหรือผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น ไม่ทราบวันเกิดและ เดือนเกิดที่แน่ชัด แต่เกิดในปี พ.ศ. 2501 ป๎จจุบันมีอายุ 65 ปี เกิดที่บ้านองค์พระ ต าบลวังยาว อ าเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ย้ายมาอยู่ที่บ้านภูเหม็นตั้งแต่วัยแบเบาะเพียง 3 – 4 เดือน ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ ภาษาไทย แต่มีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุราว ๆ 7 ขวบ โดยมีพระสงฆ์ที่เป็นชาวกะเหรี่ยงเป็น พระอุป๎ชฌาย์ ได้ศึกษาภาษากะเหรี่ยงอย่างแตกฉานทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน หลังจากนั้นได้ลาสิกขาบท ออกมาใช้ชีวิตในแบบฆราวาส และได้แต่งงานครองเรือนในวัย 20 ปี โดยสมรสกับนางนองเซอะเยียโพ่ เยปอง มีบุตรธิดาหลายคน อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขยาย(ครอบครัวใหญ่) ป๎จจุบันบุตรหลานที่แต่งงานแล้วจะแยกย้าย ไปใช้ชีวิตของตนเอง มีทั้งที่อยู่ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น และย้ายไปอยู่ในท้องถิ่นอื่นก็มี บางคนย้ายไป ท างานในเมืองหลวงก็มี เจ้าวัดอ้วนเริ่มท าหน้าที่เจ้าวัด เมื่ออายุได้ 40 ปี เป็นที่พึ่งทางใจและเป็นผู้ประกอบ พิธีกรรมตามความเชื่อของบรรพชนกะเหรี่ยงโปว์มาจนถึงทุกวันนี้ เจ้าวัดอ้วน เยปอง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 205 9.2 ชื่อ นายมองตะเลตะ นามสกุล ภูเหม็น อายุ 63 ปี และเกิด พ.ศ. 2503 ที่อยู่บ้านเลขที่ 38/1 หมู่ 8 บ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายมองตะเลตะ ภูเหม็น เป็นเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) อยู่ในป๎จจุบัน เป็นเจ้าวัดที่มีความอาวุโส ล าดับที่สองในชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก เป็นที่พึ่งทางใจให้กับลูกบ้าน เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม ต่าง ๆ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษกะเหรี่ยงโปว์ตั้งแต่เกิดจนตาย นอกจากนี้ ยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้า น หมอสมุนไพรพื้นบ้าน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นส าหรับโรคภัยที่มีกระบวนการรักษาที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน และโรคภัยที่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้หวัด เป็นต้น รวมถึงยังเป็นปราชญ์ ชาวบ้านด้านเครื่องจักสาน สามารถสานเครื่องใช้ภายในบ้านไว้ใช้เอง และสอนเพื่อนบ้านท าเครื่องจักสาน เครื่องใช้ในครัวเรือนในรายการง่าย ๆ เช่น ตะกร้า กระบุง กระด้ง ไซดักปลา เป็นต้น ชีวประวัติ นายมองตะเลตะ ภูเหม็น เจ้าวัดหรือผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น ไม่ทราบ วันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดในปี พ.ศ. 2503 ป๎จจุบันมีอายุ 63 ปี เกิดที่บ้านภูเหม็น และ เติบโตที่บ้านภูเหม็น ไม่เคยโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือภาษาไทย แต่มีโอกาสได้ศึกษา ภาษากะเหรี่ยงอย่างแตกฉานทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน ได้แต่งงานครองเรือนในวัย 20 ปีเจ้าวัดมองตะเลตะ เริ่มท าหน้าที่เจ้าวัด เมื่ออายุได้ 43 ปี เป็นที่พึ่งทางใจและเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของบรรพชน กะเหรี่ยงโปว์มาจนถึงทุกวันนี้ เจ้าวัด มองตะเลตะ ภูเหม็น 9.3 ชื่อ นางปรัง นามสกุล ภูเหม็น อายุ 60 ปี และเกิด พ.ศ. 2506 ที่อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 8 บ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นางปรัง ภูเหม็น มีสถานะเทียบเท่ากับเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงชาวบ้าน จึงไม่ได้เรียกว่าเจ้าวัด ชาวบ้านเรียกว่า “แม่ย่า” มีความอาวุโสเป็นล าดับที่สามของผู้ประกอบพิธีในชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก เป็นที่พึ่งทางใจให้กับลูกบ้าน เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามความเชื่อ ของบรรพบุรุษกะเหรี่ยงโปว์ตั้งแต่เกิดจนตาย นอกจากนี้ ยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการทอผ้ากะเหรี่ยง สามารถสอนลูกหลานในการทอผ้าได้ ให้ค าแนะน าในการครองเรือนและการด ารงวิถีชีวิตแบบสังคมกะเหรี่ยง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 206 ส าหรับชาวกะเหรี่ยงวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ และการเลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตเป็นชาวกะเหรี่ยงโปว์ ที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจ นอกจากนี้ ยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการท าการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท าไร่ หมุนเวียนแบบบรรพบุรุษ ชีวประวัติ แม่ย่าปรัง ภูเหม็น เป็นเจ้าวัดผู้หญิงหรือผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นที่เป็น สตรี ซึ่งชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นเรียกว่า “แม่ย่า” ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่เกิดในปี พ.ศ. 2506 ป๎จจุบันมีอายุ 60 ปี เกิดที่บ้านภูเหม็น และเติบโตที่บ้านภูเหม็น ไม่เคยโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ในวัยเด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือภาษาไทย และไม่ได้เรียนหนังสือภาษากะเหรี่ยงโปว์ เพียงพูดภาษากะเหรี่ยงโปว์ได้ด้วยการ สืบทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่เท่านั้น ได้แต่งงานครองเรือนในวัย 20 ปี แม่ย่าปรังเริ่มท าหน้าที่ผู้น าแห่งจิต วิญญาณ เมื่อตอนอายุได้ 40 ปี ป๎จจุบันสามีถึงแก่กรรมไปแล้ว แม่ย่าปรังจึงตัดสินใจเป็นผู้น าแห่งจิตวิญญาณ ของชุมชน ท าหน้าที่เป็นที่พึ่งทางใจและเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของบรรพชนกะเหรี่ยงโปว์มา จนถึงทุกวันนี้ แม่ย่าปรัง ภูเหม็น แม่ย่าปรัง ภูเหม็น 10. ทุนชุมชน 1. ทุนทางกายภาพ 1.1 ล าห้วยพุเม้ยง์ประวัติความเป็นมา สถานที่และช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง “ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง” มีต้นก าเนิดมาจากผืนป่าห้วยขาแข้งที่ แสนอุดมสมบูรณ์ ไหลผ่านหลายชุมชนในชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามชื่อชุมชนนั้น ๆ จนมาถึงชุมชนบ้านภูเหม็น ชาวบ้านเรียกกันว่า “ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง” แปลว่า มีดอกเข้าพรรษาจ านวนมากขึ้นอยู่เต็มสองฟากล าห้วย สีเหลืองอร่ามสวยงามมาก และอยู่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเริ่มก่อตั้งชุมชนมาจนถึงป๎จจุบัน ล าห้วย น้ าไม่เคยท่วมไม่เคยเกรี้ยวกราดจนท าให้ผู้คนล้มตาย แต่เคยแห้งจนผู้คนเกือบตายในฤดูแล้ง จนเกิดการสร้าง ฝายชุมชนแบบง่าย ๆ ด้วยไม้ไผ่กั้นแม่น้ าสายนี้อยู่เป็นช่วง ๆ ท าให้ผู้คนมีชีวิตชีวาขึ้น และบ่อยครั้งที่ล าห้วย แห่งนี้เกือบแห้งขอด ทางการจึงแก้ป๎ญหาด้วยการขุดบ่อบาดาลให้ชาวบ้านได้มีน้ ากินน้ าใช้มาจนถึงป๎จจุบัน ไม่ต้องอาศัยน้ าในล าห้วยทุกอย่าง และต่อมาชุมชนได้ขุดสระน้ าขนาดใหญ่เพื่อท าประปาหมู่บ้าน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน “ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง” เป็นเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยง ผู้คนในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน เป็นทั้งแหล่งน้ ากินน้ าใช้และน้ าในการ ท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีความผูกพันกับล าห้วยสายนี้มาอย่างยาวนาน สถานภาพป๎จจุบัน “ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง” จะมีมวลน้ าปริมาณมากในฤดูฝน บางปีไหลเชี่ยว บางปีมีน้ าพอใช้บางปีมีน้ าน้อย ล้วนเป็นไปตามสถานการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาของไทยและของโลก ที่ส าคัญมี ความเกี่ยวข้องกับผืนป่าที่โอบอุ้มล าห้วยแห่งนี้ด้วย เมื่อผืนป่าถูกท าลายเหลือน้อยลง สายน้ าก็เล็กลงเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ของผืนป่า แต่ถึงอย่างไรล าห้วยสายนี้ก็ยังคงมีความส าคัญต่อผู้คนในชุมชนไม่ลดน้อยลงเลย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 207 การสืบทอดและความยั่งยืน “ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง” มีปริมาณน้ าลดลงไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเป็น เพราะว่า ผืนป่าต้นน้ าและผืนป่าที่อยู่ระหว่างทางที่สายน้ าไหลผ่านนั้นค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถที่จะ ดูดซับความชุ่มชื้นของสายน้ าสายนี้ไว้ได้ตลอดปี ในฤดูแล้งจึงไม่มีน้ าในล าห้วย เพราะฉะนั้น การสืบทอด ทรัพยากรน้ าในชุมชนแห่งนี้ จึงยังไม่มีความยั่งยืน ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเอง ต้องขุดสระท าน้ าประปา และขุดบ่อ น้ าบาดาลไว้ใช้ดื่มกินและใช้ท าการเกษตร เพื่อเป็นการแก้ป๎ญหาที่ยั่งยืนทางการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ชุมชนควรปลูกป่าทดแทนผืนป่าที่สูญเสียไป เพื่อรักษาสมดุลทางระบบนิเวศสร้างความชุ่มชื้นให้ผืนป่าและและ รักษาสายน้ าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง 1.2 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิในที่ดินท ากิน 1) ยุคแรก พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ในราชอาณาจักรไทย พบว่า ยังไม่มีผลกระทบต่อชุมชนกะเหรี่ยง (โปว์) บ้านภูเหม็น เพราะยังไม่ได้ประกาศป่าสงวนแห่งชาติบริเวณพื้นที่ บ้านภูเหม็นตั้งอยู่ ชาวบ้านยังคงด ารงชีวิตตามวิถีวัฒนธรรม ด้วยการท าไร่หมุนเวียน ซึ่งพื้นที่ท ากินของชุมชน ชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่า “ไม่มีใครเป็นเจ้าของ” ป่าเป็นของธรรมชาติ น้ าเป็นของธรรมชาติมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูแล รักษาและปกป้อง เมื่อเราใช้ป่าเราก็ต้องรักษาป่า เราจะใช้น้ าเราต้องรักษาน้ า มีเจ้าแห่งป่า เจ้าแห่งผืนดิน และ เจ้าแห่งสายน้ า การท าไร่หมุนเวียน เป็นการใช้พื้นที่ท ากินในระยะสั้นแล้วปล่อยให้พื้นที่ฟื้นตัวในระยะยาว แล้วค่อยกลับมาท าใหม่ หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถือว่าเป็นวิถีวัฒนธรรมที่ สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยการหมุนเวียนปล่อยให้ที่ดินแปลงเดิมที่เคยท าไร่ทิ้งไว้ ให้ผืนดินและระบบนิเวศ ฟื้นตัวที่เรียกว่า“ไร่ซาก” หรือ“ไร่เหล่า” โดยปล่อยไว้ให้มีสภาพเป็นป่ารกร้าง เพื่อให้ฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับคืน มาสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปชาวบ้านจะปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7 – 10 ปี แล้วค่อยกลับมาท าใหม่ โดยไม่ต้อง ใช้ปุ๋ยเคมี เพื่อเป็นการรักษาหน้าดินภายในไร่หมุนเวียน ซึ่งในไร่หมุนเวียนนี้จะมีพืชผักหลายชนิด เช่น ฟ๎ก แตง ถั่ว งา พริก ฯลฯ ซึ่งปลูกผสมผสานกับข้าวไร่ เรียกได้ว่า ในไร่หมุนเวียนนอกจากจะมีข้าวเป็นหลักแล้ว ยังมี อาหารที่เป็นพืชผักชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นพื้นที่ชีวิต เป็นโรงครัวของชาวกะเหรี่ยง“ไร่หมุนเวียน” จึงคือ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 208 ความมั่นคงทางอาหารของชุมชน เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และยังเป็นระบบเกษตรเชิงนิเวศ ที่รักษา ระบบนิเวศทางธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างสมดุล ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นด ารงชีพตามวิถีวัฒนธรรม โดยการท าไร่หมุนเวียนมาโดยตลอด จนถือได้ว่าพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ในขณะนั้น กะเหรี่ยงคือองค์ประกอบส าคัญในการดูแลรักษา ผ่านภูมิป๎ญญา ของชุมชน จนมาถึงประมาณปี พ.ศ. 2526 – 2527 ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นได้ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การปกครอง จากเดิมเคยขึ้นกับอ าเภอบ้านไร่ ถูกย้ายมาเป็นอ าเภอห้วยคตจนถึงป๎จจุบัน และในช่วงเวลาที่ เปลี่ยนผ่านนี้เอง เจ้าหน้าที่รัฐได้ให้ชาวบ้านทุกคนได้แสดงความเป็นเจ้าของในพื้นที่ที่แต่ละคนท ากิน เพื่อแสดง สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ แล้วรัฐเก็บภาษีบ ารุงท้องที่ ส่งผลให้ชุมชนหลายคนเริ่มหันมาจับจองพื้นที่ เพื่ออ้างสิทธิ์ ในการใช้ประโยชน์ ซึ่งสวนทางกับวิถีวัฒนธรรมที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ดังอดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านภูเหม็น นายบ่อป่อย ภูเหม็น ได้อธิบายไว้ว่า “ตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นอ าเภอห้วยคต เจ้าหน้าที่รัฐก็ให้เราเริ่มจับจองพื้นที่ แสดงสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของ หลายคนก็เริ่มชี้บอกว่าที่ของตนตรงโน้น ตรงนี้ การท าไร่หมุนเวียนแบบเดิมก็เริ่ม ค่อย ๆ เลือนหายไปตั้งแต่ตอนนั้น จากสถานการณ์ที่รัฐเริ่มให้จับจองพื้นที่เพื่อแสดงสิทธิ์ ให้จับจองพื้นที่เป็นเจ้าของ ความขัดแย้ง ในตอนนั้นจึงเป็นความขัดแย้งระหว่างคนในชุมชนกันเอง แต่เป็นความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการเริ่ม จับจองพื้นที่ หลายคนหลายครอบครัวถูกเจ้าหน้าที่รัฐบีบให้ต้องหาที่เป็นของตนเอง ซึ่งแต่เดิมกะเหรี่ยงเชื่อว่า ที่ดินเป็นของเจ้าป่าเจ้าเขา เราเพียงมาขอใช้เท่านั้น ใช้แล้วเราก็คืนให้ธรรมชาติดูแล ด้วยวิธีการท าไร่หมุนเวียน แต่สถานการณ์ตอนนั้น ท าให้คนในชุมชนเริ่มแย่งพื้นที่ท ากินกันเอง เจ้าหน้าที่รัฐก็บีบบังคับให้ต้องจับจอง เพราะต้องแสดงสิทธิ์ว่าใครท ากินอยู่ตรงไหน แค่ไหน เป็นการให้กรรมสิทธิ์ความเป็นป๎จเจก ซึ่งขาดความเข้าใจ ในมิติวัฒนธรรมของชุมชนกะเหรี่ยง (โปว์) 2) ยุค “ป่าสงวนแห่งชาติ” ประกาศทับพื้นที่ท ากินและที่อยู่อาศัยบ้านภูเหม็น ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2528 บริเวณพื้นที่ท ากินและที่อยู่อาศัยของชุมชน กรมป่าไม้ได้ประกาศให้บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทับเสลาและป่าห้วยคอกควาย โดยอ้างเหตุผลว่าบริเวณพื้นที่นี้ เป็นพื้นที่ป่าไม้ ยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีต้นไม้ส าคัญทางธรรมชาติจ านวนมาก อาทิ ไม้ยาง ไม้ตะเคียน ไม้กระบาก ไม้ประดู่ ไม้เลียงมัน ไม้เต็งรัง และไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีค่าจ านวนมาก และมีของป่า กับทรัพยากรธรรมชาติอื่นด้วย จึงสมควรก าหนดให้หลาย ๆ พื้นที่ ตั้งแต่ต าบลลานสัก ต าบลป่าอ้อ อ าเภอ ลานสัก ต าบลไผ่เขียว ต าบลพลวงสองนาง อ าเภอสว่างอารมณ์ ต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ ต าบลทองหลาง ต าบลห้วยคต ต าบลเขากวางทองและต าบลเขาบางแกรก อ าเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี เป็นป่าสงวน แห่งชาติป่าห้วยทับเสลาและป่าห้วยคอกควาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2528 แผนที่ที่ตั้งหน่วยฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยทับเสลาและป่าห้วยคอกควาย ที่ 3 จังหวัดอุทัยธานี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 209 ภาพถ่ายดาวเทียมที่ตั้งหน่วยฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยทับเสลาและป่าห้วยคอกควาย ที่ 3 จังหวัดอุทัยธานี สถานการณ์หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ท าให้เกิด การทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ที่รัฐประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทับซ้อนพื้นที่ท ากินของชาวบ้านใน หลาย ๆ พื้นที่ โดยเฉพาะบ้านภูเหม็น ป่าสงวนแห่งชาติได้ทับซ้อนพื้นที่ท าไร่หมุนเวียนดั้งเดิมของชุมชน กะเหรี่ยง รัฐห้ามคนในชุมชนไม่ให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของรัฐ แจ้งว่าเป็นพื้นที่ที่ควรอนุรักษ์ไว้ ด้วยข้อกฎหมาย ตาม “มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง ท าประโยชน์หรืออยู่อาศัยใน ที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ท าไม้ เก็บหาของป่า หรือกระท าด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่ สภาพป่าสงวนแห่งชาติ” และถ้าหากฝืนหรือละเมิดตามที่เจ้าหน้าที่รัฐห้าม คนนั้นจะถูกจับกุมทันที ท าให้ ชาวบ้านหลายคนหวาดกลัว และไม่กล้าที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่เคยท ากิน หลายครอบครัวต้องถอยออกมาเพราะ เกรงกลัวต่อกฎหมาย ชาวบ้านหลายคนไม่มีพื้นที่ท าข้าวไร่ บางคนต้องไปขอแบ่งป๎นกับเพื่อนบ้าน เพื่อความอยู่รอด ซึ่งนายอังคาร คลองแห้ง ได้กล่าวไว้ว่า “บรรพบุรุษของเราอยู่ท าไร่หมุนเวียนมานาน กฎหมายมาทีหลัง รัฐมาทีหลัง แต่จะท าให้วิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงที่ดีงามสูญหาย ชาวบ้านจะท าอย่างไร” นับว่าเป็นบาดแผลและรอยปริแยกทางประวัติศาสตร์ของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมบนฐานคิดการอนุรักษ์ แต่ในทางกฎหมาย หรือ พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาตินั้น ก็ยังพยายามเปิดช่อง ให้ชุมชนไปแย้งสิทธิ์ โดยให้ตรวจแปลงที่ดินท ากินที่ชุมชนเคยใช้ประโยชน์ ให้ชุมชนท าเรื่องของสิทธิ์ โดยการ เขียนค าร้องขอ แต่คนในชุมชนหลาย ๆ คนไม่มีใครรู้เรื่องดังกล่าว และไม่มีใครกล้าแย้ง เพราะยังขาดความ เข้าใจที่ชัดเจน บางรายก็กลัวไปต่าง ๆ นานา ว่าถ้าหากใครไปแจ้งให้ตรวจแปลงที่เคยใช้ประโยชน์ท ากิน อาจจะถูกจับก็เป็นได้ หรืออาจจะท าให้เจ้าหน้าที่รู้ตัวว่าใครเข้าไปท ากิน ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อตัวเขาเอง ชาวบ้านจึงเลือกที่จะไม่แสดงตัวตน ในขณะที่อีกหลายคนท าเรื่องขอสิทธิ์ในการตรวจแปลง เพื่อรับการ ผ่อนปรน แต่ปรากฏว่าเรื่องก็เงียบหายไป จึงท าให้ชุมชนบ้านภูเหม็นไม่ได้รับการตอบรับจากการร้องขอแต่ อย่างใด ท าให้ภายใต้ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชุมชนในเรื่องการให้ประโยชน์ในที่ดินและป่าไม้ยังคงเป็น เหมือนเช่นเดิม คือ อยู่ร่วมกันอย่างหวาดระแวง กลัว และมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา ป๎ญหาความไม่มั่นคงในที่ดินและที่อยู่อาศัยจึงยังคงไม่หมดไปจากชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 210 3) ยุค “สวนป่า” ประกาศพื้นที่สวนป่าทับที่ดินท ากินชุมชนบ้านภูเหม็น เป็นยุคที่ทรัพยากร เป็นสินค้าทางเศรษฐกิจ ผ่านโครงการสร้างอ านาจรัฐ ประกาศเป็นพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 ท าให้ สวนป่าทับซ้อนกับพื้นที่ท ากินของชุมชนบ้านภูเหม็น โดยรัฐใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนชาวบ้าน จะท ากินในพื้นที่ดั้งเดิมที่เคยท ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ หรือพื้นที่ที่เคยเป็นไร่หมุนเวียน ต้องขออนุญาตและต้อง ได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐก่อน จึงจะเข้าไปใช้ประโยชน์ในทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ นั้นได้ เช่น จะตัด ไม้เพื่อมาใช้สร้างบ้าน หรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยก็ต้องขออนุญาต ส่วนป๎ญหาที่น าไปสู่ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับ ชุมชนด้านการจัดการทรัพยากรและป่าไม้ที่เห็นชัด คือ การใช้รูปแบบการจัดการโดย “สวนป่า” เป็นป๎ญหา ใหญ่ส าหรับคนในชุมชน เนื่องจากว่าสวนป่าได้ทับซ้อนพื้นที่ท ากินดั้งเดิม หรือพื้นที่ที่ชาวบ้านเคยท า ไร่หมุนเวียน และจากปี พ.ศ. 2535 – 2557 สวนป่าที่รัฐพยายามใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการเข้าใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรที่ดินและป่าไม้นั้น พื้นที่และจ านวนสวนป่าได้ขยายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนท าให้ชาวบ้านที่เคย อาศัยพื้นที่ใช้ประโยชน์มาก่อน ต่างก็สับสนและไม่รู้ว่าขอบเขตของสวนป่ามีแค่ไหนเพียงใด นอกจากความ ไม่ชัดเจนเรื่องแนวเขต และวิธีการปฏิบัติที่ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนในการท าความเข้าใจร่วมกัน 4) ยุค “ทวงคืนผืนป่า” นโยบาย “ทวงคืนผืนป่า” คือหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล คสช. ที่มี เป้าหมายเพื่อ “คืนความสุขและความเป็นธรรม” ให้กับประชาชนคนไทย ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ เป็นอีก นโยบายหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก โดยมีแนวคิดหลักจะเรียกคืนพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ ที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง หรือน ามาใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการจัดสรรที่ดิน เพื่อบรรเทาป๎ญหาการขาดแคลนที่ท ากิน ของเกษตรกรในอดีต คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) 14 มิถุนายน 2557 ได้ออกค าสั่ง คสช. ที่ 64/2557 เรื่อง การปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกท าลายทรัพยากรป่าไม้ เป็นจุดตั้งต้นของนโยบาย ทวงคืนผืนป่า หลังจากนั้น วันที่ 17 มิถุนายน 2557 คสช. ได้ออกค าสั่ง คสช. ที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติม หน่วยงานส าหรับการปราบปรามหยุดยั้งการบุกรุกท าลายทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการ ชั่วคราวในสภาวการณ์ป๎จจุบัน เพื่อเพิ่มกองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เข้าไปในนโยบาย ทวงคืนผืนป่า ด้วยถ้อยค าว่า การด าเนินการใด ๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินท ากิน ซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมนั้น ๆ ส่วนเกณฑ์ที่วัดว่าใครเป็นผู้ยากไร้นั้น ได้ใช้เกณฑ์ ความจ าเป็นพื้นฐาน รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์การถือครองที่ดินที่อยู่มาก่อนที่จะ ประกาศเขตฯ โดยกลับไปใช้มติคณะรัฐมนตรี30 มิถุนายน 2541 ที่น าไปสู่การถ่ายท าแผนที่ทางอากาศ ซึ่งเสร็จสิ้นในปี 2545 ดังนั้น คนที่ท ากินมาก่อนปี 2545 ถือว่าไม่บุกรุก อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่เข้าถือครอง ที่ดินหลังปี 2545 กลับเป็นคนส่วนใหญ่ จึงต้องน าเกณฑ์ผู้มีรายได้น้อยเข้าไปจับอีกเกณฑ์หนึ่ง 5) ยุค “วนอุทยานห้วยคต” สถานการณ์ความขัดแย้งด้านทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ระหว่าง รัฐกับชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นหลังจากรัฐบาล คสช. ประกาศนโยบายทวงคืนผืนป่า พบว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 บริเวณพื้นที่ท ากินและป่าไม้ในเขตพื้นที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ถูกกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศให้เป็นวนอุทยานห้วยคต โดยยกพื้นที่ที่เคยเป็นสวนป่า และพื้นที่บริเวณ ใกล้เคียงกันพื้นที่เพิ่มอีก ซึ่งทับซ้อนพื้นที่ท ากินและที่อยู่อาศัยของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น จ านวน 15,530 ไร่


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 211 แผนที่และพื้นที่วนอุทยานห้วยคต วนอุทยานห้วยคต อยู่ในเขตอ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี เป็นพื้นที่อนุรักษ์ตามประกาศ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สภาพที่ตั้งวนอุทยานห้วยคต เป็นพื้นที่ป่าที่ราบต่ า โดยพื้นที่นั้น ห่างจากแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ประมาณ 7 – 10 กิโลเมตร ผลจากการประกาศพื้นที่เป็นวนอุทยานห้วยคต ภายใต้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ท าให้พื้นที่ดังกล่าว ทับซ้อนกัน ระหว่างพื้นที่ท ากินที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์มาตั้งแต่บรรพบุรุษ นอกจากนั้น พื้นที่วนอุทยานห้วยคต ทับซ้อนกับพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น เจ้าหน้าที่รัฐเริ่มเข้าห้ามไม่ให้ชุมชนเข้าไปใช้ ประโยชน์ในพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นวนอุทยานห้วยคต และเริ่มมีการจับกุมชาวบ้านผู้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ที่ทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ท ากินดั้งเดิมของชาวบ้านกับพื้นที่วนอุทยานห้วยคต หลายคนต้องถูกด าเนินคดี และ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 212 เสียค่าปรับ โดยอ้างว่าชาวบ้านบุกรุกหลังปี 2545 โดยอาศัยภาพถ่าย ท าให้ต้องโดนจับเมื่อเข้าไปใช้ประโยชน์ ในพื้นที่ ซึ่งบางพื้นที่ชุมชนได้อธิบายว่า “พื้นที่ที่รัฐอ้างว่าบุกรุก จริง ๆ แล้วเป็นพื้นที่ท ากินดั้งเดิมของชาวบ้าน ทั้งนั้น ซึ่งแต่เดิมบางพื้นที่ชาวบ้านได้ปล่อยทิ้งไว้หลายปี เพื่อให้ป่าและระบบนิเวศฟื้นตัว แล้วก็จะกลับไป ท าใหม่ ซึ่งเป็นวิถีการท าไร่หมุนเวียน จากเหตุการณ์ข้างต้น มีชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น หมู่ที่ ๘ จ านวน 40 ครัวเรือน ที่มีพื้นที่ ท ากินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเดิมเมื่อปี 2528 และถูกประกาศให้เป็นสวนป่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2535 มาโดยตลอด และต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ให้ชาวบ้านไปแจ้งว่าใครใช้ประโยชน์ในที่ท ากินอยู่ตรงไหน ให้ไปแสดงสิทธิ์ในการใช้ท าประโยชน์ในพื้นที่สวนป่า ชาวบ้านไม่ทราบรายละเอียดว่าจะมีการรังวัดอะไร หรือ ให้แสดงสิทธิ์เพื่ออะไรบ้าง คิดแต่ว่ารัฐจะพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินที่ให้ใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้มา ด าเนินการถ่ายรูปและชูป้าย รวมทั้งให้ชี้ไปที่แปลงที่ดินที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์อยู่ ต่อมาทราบว่าการด าเนินการ ดังกล่าวเป็นการให้ชาวบ้านยินยอมคืนพื้นที่ท ากินที่เคยใช้ประโยชน์อยู่มอบให้กับรัฐ ท าให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่พอใจ ซึ่งน าไปสู่ความขัดแย้งของการรวมตัวกันลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์อันชอบธรรม โดยการไปร้องเรียน กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ด้านทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ รวมทั้งร้องเรียนกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะพื้นที่ที่ชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์มาก่อนที่จะประกาศเป็นป่าสงวนฯ และป๎จจุบันอยู่ในสวนป่า ซึ่งก าลังถูกประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ “วนอุทยานห้วยคต” มีพื้นที่ของชาวบ้านที่เคยใช้ประโยชน์ประมาณ 3,000 ไร่ โดยสภาพพื้นที่ไม่ค่อยมีต้นไม้ และอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยของชุมชน เป็นพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ในการท ากิน มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ในส่วนของภูเหม็นบน (เป็นกลุ่มบ้านที่อยู่ทางด้านบนของบ้านภูเหม็น) มีป๎ญหาเฉพาะ ที่ท ากินทับซ้อนกับเขตวนอุทยานห้วยคต ส่วนชุมชนกะเหรี่ยงภูเหม็นล่าง (กลุ่มบ้านที่อยู่ทางเข้าหมู่บ้าน ด้านล่างซึ่งอยู่ห่างจากภูเหม็นบนประมาณ 1 กิโลเมตร) มีป๎ญหาทับซ้อนทั้งพื้นที่ท ากินและที่อยู่อาศัย ของชาวบ้านด้วย จ านวนประมาณ 70 ครัวเรือน ทั้งนี้ การที่กรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เป็นพื้นที่ สวนป่าให้เป็นวนอุทยานห้วยคต เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 ซึ่งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทับเสลาและ ป่าห้วยคอกควาย ข้อมูลเมื่อปี 2545 – 2547 มีเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ มีแปลงปลูกไม้สักและประดู่ และมีการประกาศเป็นวนอุทยานห้วยคต เมื่อปี 2557 มีเนื้อที่รวม 15,530 ไร่ ซึ่งพบว่า มีชาวกะเหรี่ยง (โปว์) อาศัยท ากินอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงบุคคลภายนอกบ้านกะเหรี่ยงภูเหม็น จ านวน 203 ไร่ และเพื่อ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน เจ้าหน้าที่รัฐจึงได้มีมาตรการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ได้เป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงและให้ความยินยอม (MOU) ระหว่างราษฎรและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นวนอุทยานห้วยคต 1.3 เทือกเขาส าคัญ ประวัติความเป็นมา อย่างที่รู้กันดีว่าชาวกะเหรี่ยงโปว์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่นิยมตั้งถิ่นฐานบนที่ราบสูงที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น ก็เหมือนกัน บรรพบุรุษเล็งเห็นว่าบริเวณนี้มีเทือกเขาจ านวนมากสลับซับซ้อน แต่เป็นภูเขาที่ไม่สูงมากนัก เป็น เนินเขาที่มีผืนดินปกคลุมและมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีเทือกเขาเชื่อมโยงมาจากเขตมรดกโลก ห้วยขาแข้ง เหมาะแก่การถากถางท าไร่หมุนเวียนตามแนวทางของวิถีบรรพบุรุษที่ได้มีการถ่ายทอดต่อเนื่องมาจาก รุ่นสู่รุ่น บรรพบุรุษจึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐานในบริเวณชุมชนภูเหม็น (พุเม้ยง์) แห่งนี้ และตามที่ชาวบ้านเล่าให้ฟ๎ง คือ ชุมชนแห่งนี้ก่อตั้งมานานมากแล้วกว่า 400 ปี ดังนั้น จะพูดถึงเทือกเขาส าคัญ ๆ ที่ล้อมรอบชุมชนแห่งนี้ ได้แก่ 1. เทือกเขาตะน่องโหว่ว 2. เทือกเขาทิวาพร่อง 3. เทือกเขาคุหล่งจื๊อ(กะโหลกโศก) 4. เทือกเขาทิเหม่ง ไคร่เคร่ 5. เทือกเขาเฌ่อพะเพ่อ 6. เทือกเขาแก่งกะดุก 7. เทือกเขาหนองปลาร้า เป็นต้น เป็นกลุ่มเทือกเขาที่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของป่าและพืชพรรณธัญญาหาร หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนมายาวนาน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 213 คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน เทือกเขาส าคัญ ๆ 7 แห่งนี้ เป็นผืนป่าที่โอบล้อมชุมชน เป็นแนวป้องกันลมพายุไม่ให้พัดสร้างความเสียหายให้ชุมชน สร้างความชุ่มชื้นดึงฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล สร้าง อาหารป่าหล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เป็นแหล่งต้นน้ าท าให้มีน้ ากินน้ าใช้และน้ าในการ ท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีความผูกพันกับเทือกเขาเหล่านี้มาอย่างยาวนาน สถานภาพป๎จจุบัน จ านวนประชากรในชุมชนบ้านภูเหม็นมีจ านวนเพิ่มขึ้นมาก ชาวบ้านมี ความจ าเป็นต้องใช้ไม้จากป่าชุมชนในการสร้างบ้านเรือน ต้องถากถางเพื่อการท าการเกษตรเพื่อด ารงชีพ จึงท า ให้ป่าไม้ลดจ านวนลงมาก ท าให้ชุมชนมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวกว่าสมัยก่อน และเมื่อปี2566 ก็เกิดพายุพัด บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหายกว่า 28 หลัง และท าให้ต้นไม้ใหญ่คู่บ้าน (ต้นสมพงยักษ์) จ านวน 5 ต้น ที่มีอายุ กว่า 100 ปี มีอันต้องล้มลงอย่างไม่น่าเชื่อ ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เวลาฝนตกหนักน้ าก็เอ่อไหลหลาก อย่างน่ากลัว ฤดูแล้งก็แล้งยาวนานน้ าในล าห้วยแทบจะแห้งขอด อากาศไม่ชุ่มชื้นและไม่ร่มเย็นดังเช่นในอดีต การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวบ้านจะต้องหาวิธีปลูกป่าทดแทนป่าที่ถูกท าลายเพื่อเร่งสร้าง ระบบนิเวศให้กลับมาเป็นเหมือนในอดีต วิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นจะได้เป็นไปดังค าขวัญอีกครั้ง “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” และ “ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั้นมีป่า” ดังที่ผู้คนได้ขนานนามว่าชาวกะเหรี่ยงเป็น กลุ่มชาติพันธุ์ที่รักษาป่ามากที่สุด เพื่อให้ป่าไม้เกิดความยั่งยืนต่อไป 2. ทุนมนุษย์ กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้กว่า 400 ปี มาแล้ว บ้างก็เล่าว่าบรรพบุรุษย้ายมาจากชายแดนประเทศเมียนมาร์ เข้ามาทางอ าเภอสังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค ศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี แล้วเดินทางต่อเข้าอ าเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และเข้ามาจับจอง พื้นที่อยู่ในต าบลแก่นมะกรูด อ าเภอบ้านไร่ และพื้นที่ต าบลอื่น ๆ ของอ าเภอบ้านไร่ รวมถึงบางส่วนเข้ามาตั้ง ถิ่นฐานอยู่ในบริเวณบ้านภูเหม็นในป๎จจุบันนี้ บางส่วนก็กระจัดกระจายออกไปยังชุมชนอื่น ๆ ของอ าเภอ ห้วยคตในป๎จจุบัน หลักฐานทางประวัติศาสตร์อีกข้อมูลหนึ่ง เล่าว่าในสมัยที่กรุงสุโขทัยก าลังเจริญรุ่งเรืองอยู่นั้น ท้าวมหาพรหมได้พาผู้คนกลุ่มหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากสุโขทัยมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองอู่ไทย (ต าบลอุทัยเก่า อ าเภอหนองฉางในป๎จจุบัน) มาอยู่รวมกับชาวมอญและชาวกะเหรี่ยงที่อยู่มาก่อน ดังนั้น ปราชญ์ชาวบ้าน ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นจึงสันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของตนอาจจะอยู่ที่เมื่ออู่ไทยก็เป็นได้ เมื่อถูกคนไทย พื้นเมืองรุกราน จึงถอยร่นขึ้นภูเขาไปตั้งหลักป๎กฐานอยู่ที่ชุมชนบ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ในป๎จจุบัน ซึ่งบรรพบุรุษ กลุ่มแรกที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งชุมชนอยู่ในบริเวณนี้ คือ นายภุ่มเบิก นายภุ่มโถตา นายภุ่มโท่เค้า และนางพิไล เป็นต้น อย่างไรก็ตามเท่าที่มีการบันทึกเหตุการณ์จากอดีตถึงป๎จจุบัน และจากการเล่าเรื่องราวทาง ประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษปากต่อปาก ทราบว่า เมื่อบรรพบุรุษชาวกะเหรี่ยงโปว์ได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ใน พื้นที่นี้แล้วไม่เคยย้ายไปอยู่ที่ไหนอีก อยู่ที่นี่มายาวนานกว่า 400 ปี มีแต่กะเหรี่ยงโปว์กลุ่มอื่น ๆ ที่ย้ายเข้ามา อยู่เพิ่มเติมในชุมชนนี้ จากที่มีไม่กี่ครัวเรือนก็กลายเป็นหลักสิบหลักร้อย และป๎จจุบันนี้มีอยู่เกือบ 200 ครัวเรือน มีประชากรกว่า 700 คน ถือว่าเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงโปว์ที่ใหญ่มากของจังหวัดอุทัยธานี คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นตั้งแต่อดีตถึงป๎จจุบันมีปราชญ์ ชาวบ้าน ภูมิป๎ญญา และปูชนียบุคคลอยู่ในชุมชนมากมายหลายต่อหลายรุ่น กลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความส าคัญต่อ ชุมชนมากและผู้คนให้ความเคารพนับถือ คือ เจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) ที่มีการสืบทอดสายเลือดและจิตวิญญาณ กันมารุ่นต่อรุ่น ป๎จจุบันนี้ก็ยังคงมีอยู่ถึง 3 คนด้วยกัน และบุคคลที่มีความส าคัญไม่แพ้กันก็คือ ผู้น าชุมชน ทั้ง ผู้น าที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่ช่วยกันปกป้องคุ้มภัยดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านมาจนถึงป๎จจุบัน เฉพาะ ผู้ใหญ่บ้านที่ทางการแต่งตั้งก็เดินทางมาถึงคนที่ 12 แล้ว ถือได้ว่าทุนมนุษย์ในชุมชนนี้มีความส าคัญมาก


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 214 สถานภาพป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) จ านวน 3 คน คือ เจ้าวัด 2 คน และแม่ย่า 1 คน มีผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการเลือกตั้ง 1 คน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน สมาชิกองค์การบริหารส่วน ต าบลทองหลางประจ าหมู่ 8 บ้านภูเหม็น จ านวน 1 คน ประชาชนชาวภูเหม็นอีกกว่า 700 คน ถือได้ว่าเป็น ชุมชนที่มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าและมีความเข้มแข็งมากแห่งหนึ่ง อยู่อาศัยกันด้วยความรักความสามัคคี พึ่งพากันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและร่มเย็น การสืบทอดและความยั่งยืน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นแห่งนี้จะมีการสืบทอดเรื่องราว การเป็นเจ้าวัด วิถีวัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี มรดกภูมิป๎ญญา ปราชญ์ชาวบ้าน และอัตลักษณ์ความเป็น กะเหรี่ยงโปว์ต่อไปอีกหลายต่อหลายรุ่นอย่างมั่นคงและยั่งยืน 3. ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น 3.1 การทอผ้ากะเหรี่ยงและเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นได้มีการสืบทอดเรื่องของการทอผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน ถึงแม้ว่า ในทุกวันนี้จะไม่ได้แต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงเป็นประจ า มีแต่สุภาพสตรีที่อาวุโสมากจึงจะแต่งกายด้วยชุด กะเหรี่ยงให้เห็นอยู่เป็นประจ า แต่คนกะเหรี่ยงโปว์ทุกคนมีชุดกะเหรี่ยงไว้ติดบ้าน 2 – 3 ชุด หากเมื่อไหร่ที่ผู้น า ชุมชนต้องการให้สวมใส่ชุดกะเหรี่ยง ทุกคนก็พร้อมที่จะหยิบขึ้นมาใส่เพื่อแสดงอัตลักษณ์ของความเป็น กะเหรี่ยงโปว์ได้ทันที รวมถึงหากมีการรวมตัวกันเพื่อไปร่วมกิจกรรมในตัวอ าเภอหรือตัวจังหวัด ทุกคนจะสวม ใส่เสื้อผ้าด้วยชุดประจ ากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ ต่อหน้าสาธารณชนด้วยความภาคภูมิใจ ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในรอบระยะเวลา 1 ปี ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น จะมีการแต่งกายด้วย ชุดกะเหรี่ยงอย่างพร้อมเพรียงกันในหลายวาระ เช่น เทศกาลขึ้นปีใหม่ชาวกะเหรี่ยง งานไหว้เจดีย์ของชุมชน กะเหรี่ยง ประเพณีกินข้าวใหม่ งานสงกรานต์และประเพณีรดน้ าด าหัวผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยง งานแต่งงาน และ งานต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนชุมชน เป็นต้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน เครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงเป็นเครื่องแบบที่แสดงถึงอัตลักษณ์ ความเป็นกะเหรี่ยงที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้ ถึงแม้ว่าป๎จจุบันจะไม่ค่อยได้สวมใส่กันมากนัก แต่ชาวกะเหรี่ยง ทุกคนมีความรักและมีความผูกพันกับเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงมาก และมีความภาคภูมิใจในชาติพันธุ์ทุกครั้งที่ ได้สวมใส่ การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ทุกคนรักและหวงแหน ในอัตลักษณ์วัฒนธรรมเครื่องแต่งกายของตนเอง ทุกคนพร้อมใจกันที่จะร่วมกันอนุรักษ์สืบสานมรดกทาง วัฒนธรรมที่บรรพชนได้สรรค์สร้างเอาไว้ และจะสืบทอดต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานในอนาคตอย่างยั่งยืน การแต่งกายแบบ กะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์)


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 215 3.2 อาหารกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่แห่งหน ต าบลใดที่ไหนก็ตาม จะน าวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินไปด้วยเสมอ และชุมชนภูเหม็นก็เช่นเดียวกัน ได้รับ การสืบทอดเรื่องอาหารการกินแบบกะเหรี่ยงโปว์มาจากบรรพบุรุษ และทุกวันนี้ยังคงท าอาหารกะเหรี่ยงได้ทุก ครัวเรือน สถานที่และช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ชาวภูเหม็นสามารถท าอาหารกะเหรี่ยงได้ทุกวัน จะมีเพียง อาหารบางประเภทเท่านั้นที่มีข้อห้าม ส าหรับวัตถุดิบบางรายการ หรือข้อห้ามส าหรับอาหารบางรายการ ที่จะ ไม่ให้มีในพิธีกรรมใดพิธีกรรมหนึ่ง ส่วนใหญ่จะสามารถท าได้ในทุกฤดูกาล และเป็นรายการอาหารที่สามารถหา วัตถุดิบและเครื่องปรุงในท้องถิ่นได้ มีขั้นตอนและวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และส่วนใหญ่มีรสชาติเผ็ดร้อน คล้ายอาหารของคนไทยพื้นเมือง คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน อาหารพื้นบ้านกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นมีคุณค่าทาง โภชนาการครบ 5 หมู่ มีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มีการสืบทอดจากอดีตถึงป๎จจุบัน และมีการถ่ายทอดสู่ลูกหลานต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืนไม่มีวันจะสูญหาย สถานการณ์ป๎จจุบัน ถึงแม้ว่าจะได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกอย่างมากมาย แถมสื่อดิจิตอล และสื่อออนไลน์ยังโหมกระหน่ าใส่ลูกหลานชาวกะเหรี่ยงอย่างหนักหน่วง ท าให้ชาวกะเหรี่ยงวัยกลางคนและ เยาวชนรุ่นใหม่หันมาท าอาหารไทยและอาหารสากลกันมาก แต่เชื่อได้ว่าชาวกะเหรี่ยงจะยังคงอนุรักษ์ วัฒนธรรมด้านอาหารของบรรพบุรุษเอาไว้ได้ การสืบทอดและความยั่งยืน ป๎จจุบันนี้ชาวกะเหรี่ยงรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือรุ่นปู่รุ่นย่ายังคงสอนวิถี การด ารงชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์ให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ท าให้มั่นใจได้ว่าจะมีการถ่ายทอดมรดก ภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมด้านอาหารกะเหรี่ยงโปว์ต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง และจะด ารงคงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป แกงข้าวเบือ 3.3 ขนบธรรมเนียมประเพณีกะเหรี่ยงโปว์ ประวัติความเป็นมา อย่างที่ได้น าเสนอไป ตอนต้นว่า ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) มีการอนุรักษ์สืบสานวิถีวัฒนธรรมประเพณีของบรรพชน กะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากชุมชนกะเหรี่ยงโปว์แห่งนี้เป็นชุมชนขนาดใหญ่ ผู้คน อยู่อาศัยร่วมกันหลายช่วงวัย ท าให้มีผู้น าในการรักษาวัฒนธรรมประเพณีอยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบพิธีกรรม ตามความเชื่อก็มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีเทศกาลประเพณีผู้คนก็ไม่เขินอายที่จะสวมใส่เสื้อผ้ากระเหรี่ยง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 216 มาเข้าร่วมงาน เมื่อผู้อาวุโสน าลูกบ้านก็ตาม ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ชุมชนนี้จะมีการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม ประเพณีพื้นถิ่นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี สถานที่และช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง เป็นเวลากว่า 400 ปีแล้วที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ตั้งแต่อดีตมาจนถึงป๎จจุบัน โดยไม่มีวัฒนธรรมอื่นใดที่จะมาแทรกแซงวิถี วัฒนธรรมแบบกะเหรี่ยงโปว์ได้ จะมีก็เพียงเล็กน้อย คือ เยาวชนคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องของภาษาเขียน เท่าใดนัก ซึ่งเยาวชนอาจจะเห็นว่าไม่ค่อยจ าเป็นมากนักในยุคป๎จจุบัน แต่วิถีวัฒนธรรมอื่น ๆ ยังคงรักษาไว้ได้ อย่างครบถ้วน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาว กะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นที่กล่าวมาข้างต้น โดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยงโปว์วัยอาวุโสที่มีความภาคภูมิใจกับวิถี วัฒนธรรมที่ดีงามของตนเอง และมุ่งมั่นสืบทอดให้กับลูกหลานจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อไม่ให้เลือนหาย สถานการณ์ป๎จจุบัน ในปีหนึ่ง ๆ จะมีการรวมตัวกันเพื่อจัดงานประเพณีวัฒนธรรมทุกเดือน ตามปีปฏิทิน เพื่อแสดงออกถึงอัตลักษณ์วัฒนธรรมตามวิถีกะเหรี่ยงโปว์ โดยเฉพาะชุมชนนี้เป็นชุมชนที่มีเจ้าวัด ถึง 3 คน ดังนั้น ในแต่ละปีจะมีการไหว้เจดีย์ 3 ครั้ง คือ วันขึ้น 15 ค่ าเดือน 3 วันขึ้น 15 ค่ าเดือน 5 และวัน ขึ้น 15 ค่ าเดือน 7 และยังมีพิธีกรรมอื่น ๆ ตามความเชื่ออีกตลอดทั้งปี การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานรากวัฒนธรรม ของชนเผ่ากะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากมายแค่ไหน ก็ตาม ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นก็สามารถรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามเอาไว้ได้อย่างดีท าให้มั่นใจได้ว่า วัฒนธรรมกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นจะมีความยั่งยืนตลอดไป ประเพณีการกินข้าวใหม่ 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา ในอดีตบรรพบุรุษในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นแห่งนี้ นิยมปลูกข้าวไร่เป็นหลัก ที่ส าคัญเป็นการปลูกข้าวไร่ตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่าการท าไร่หมุนเวียน นั่นเอง เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือนในหนึ่งรอบปีปฏิทินเท่านั้น ไม่ได้ปลูกเพื่อการจ าหน่าย ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง จากยุคการท าไร่หมุนเวียนไปสู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืช เศรษฐกิจ ได้แก่ ยุคที่ที่ดินท ากินของชุมชนถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่า คอกควาย ชาวบ้านได้รับการจัดสรรที่ดินจ านวนจ ากัดมาก ไม่เพียงพอกับการท าไร่หมุนเวียน ประกอบกับ ความเจริญทางวัตถุของชุมชนเมืองเริ่มแพร่หลายเข้ามาสู่ชุมชน ชาวบ้านจ าเป็นต้องใช้เงินเป็นป๎จจัยหลักในการ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 217 ด ารงชีพ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนวิถีการเกษตรมาเป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อการ สร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัว คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผู้คนปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพหรือป๎จจุบัน ที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อจ าหน่ายและน าเงินมาเลี้ยงชีพ ทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่าและความหมายมากมายต่อ วิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นทั้งสิ้น สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก ข้าวโพด มันส าปะหลัง ปาล์ม อ้อย สับปะรด เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่โตเร็ว ทนแล้ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว และจะยังคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา จากอดีตถึงป๎จจุบันชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้าน ภูเหม็นให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากดังจะเห็นได้ว่า ชาวบ้านได้มีการแต่งตั้ง ผู้ปกครองชุมชนอย่างไม่เป็นทางการขึ้นมา เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับชุมชนและดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชน อย่างต่อเนื่อง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2415 ทางการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านคนแรกขึ้นดูแลชุมชน ชาวบ้านก็ให้ ความเคารพนับถือ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 ที่ชุมชนแห่งนี้มีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการที่ภาครัฐได้ แต่งตั้งให้ดูแลชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพและยอมรับในตัวผู้น าทุกรุ่นทุกยุคสมัย รวมถึงในระยะหลังที่ ภาครัฐก าหนดให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ไม่เคยมีป๎ญหา ความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเคารพในกติกาของบ้านเมือง มีส่วนร่วมทางการเมือง และยอมรับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จนป๎จจุบันนี้มีผู้ใหญ่บ้านถึง 12 คนแล้ว คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนแห่งนี้ผ่านทุกช่วงเวลาที่ยากล าบากจากอดีตจนถึง ถึงป๎จจุบัน ผ่านเหตุการณ์ร้ายและดีมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี ผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่ไปเป็น ทางการและไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและพร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ครั้ง ที่มีปรากฏการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมเรียนรู้และปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรู้คุณค่า สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ที่มีประชากรกว่า 700 คน เกือบ 200 ครัวเรือน จึงกลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ หมู่ที่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลางประจ าหมู่ 8 ดูแลความเรียบร้อยและความสงบสุขของชุมชน การสืบทอดและความยั่งยืน นับว่าเป็นความโชคดีที่ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นแห่งนี้ มี การสืบทอดการเมืองและการปกครองด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน ไม่เคยมีความขัดแย้ง และ ไม่เคยเสียเลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในทุกยุคสมัยที่ผ่านมา และจะมีการด ารงรักษาไว้ให้เกิด ความยั่งยืนเช่นนี้ตลอดไป 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นใช้ภาษากะเหรี่ยงโปว์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ในครัวเรือนและใช้ในการพูดคุยกันในชุมชน และใช้ในการสื่อสารกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในท้องถิ่น อื่น ๆ ทั่วประเทศ ที่ใช้ภาษาพูดเดียวกัน ส่วนภาษาที่เป็นทางการ ภาษาราชการ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกับ บุคคลทั่วไปหรือสังคมภายนอกชุมชน คือ ภาษาไทย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 218 ภาษาเขียน ภาษาเขียนของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น เป็นภาษาเฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ ทั่วประเทศ และกะเหรี่ยงโปว์จากทั่วโลก ใช้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ ลักษณะของตัวอักษร มีต้นแบบมาจากภาษาธิเบตและภาษาเมียนมาร์ ซึ่งมีใช้มายาวนานหลายศตวรรษ สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นในป๎จจุบันมีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนได้จ านวนน้อยมาก ประมาณร้อยละ 10 ของประชากรในชุมชน เนื่องจากเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์และประชาชนชาวกะเหรี่ยงโปว์ วัยกลางคนส่วนใหญ่หันมาใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เพราะมีโอกาสได้รับการศึกษาภาคบังคับจากรัฐบาล ส่วนใหญ่ จึงสามารถเขียนภาษาไทยได้และนิยมใช้ภาษาไทยมากกว่า จึงท าให้ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ค่อย ๆ เลือนหาย ไปจากวิถีชีวิตไปในที่สุด ส าหรับภาษาพูดกะเหรี่ยงโปว์ยังคงมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ในชุมชนบ้านภูเหม็นที่สามารถพูดได้ เนื่องจากชาวกะเหรี่ยงโปว์ให้ความส าคัญกับภาษาพูด และทุกครัวเรือนพยายามสอนให้ลูกหลานเยาวชนพูดด้วย ส่งผลให้ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นส่วนใหญ่ร้อยละ 90 พูดภาษากะเหรี่ยงโปว์ได้อย่างคล่องแคล่ว และเป็น การอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านภาษาพูดเอาไว้ได้เป็นอย่างดี วัตถุทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษา ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นมีเจ้าวัด 1 ท่าน ที่เป็น ปราชญ์ชาวบ้านด้านภาษา คือ เจ้าวัดอ้วน เยปอง ท่านได้ศึกษาต าราองค์ความรู้มรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์กะเหรี่ยงโปว์ ท่านศึกษาจนแตกฉานทั้งภาษากะเหรี่ยงโปว์และภาษามอญ เมื่อครั้งที่ท่าน บวชเณรในวัยเด็ก นอกจากนี้ ท่านยังได้เก็บรักษาคัมภีร์ใบลาน หนังสือองค์ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณี เรื่องเล่า ต านาน นิทานและบทเพลงพื้นบ้านในอดีตเอาไว้มากมาย แต่เป็นที่น่าเสียดาย อย่างยิ่ง เพราะไม่มีบุตรหลานคนใดสนใจศึกษาเล่าเรียนต่อจากท่าน และองค์ความรู้เหล่านี้ก็คงจะสูญหายไป พร้อมกับชีวิตของท่าน ผู้น าชุมชนควรให้ความส าคัญกับเรื่องของการถ่ายทอดองค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน สู่เยาวชน เพื่อให้องค์ความรู้ที่มีคุณค่าเหล่านี้อยู่คู่กับชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นต่อไปอย่างไม่มีวันเลือนหาย คัมภีร์ใบลาน 1


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 219 คัมภีร์ใบลาน 2 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงป๎จจุบัน ในยุคแรกมีการปกครองโดย ผู้น าชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสหรือปราชญ์ชาวบ้านที่เป็นที่ยอมรับของคนในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ ท าหน้าที่เป็นผู้ปกครองดูแลทุกข์สุขและความสงบเรียบร้อยในชุมชน ต่อมามีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านจากภาครัฐ เพื่อดูแลทุกข์สุขของราษฎร และภายหลังเปลี่ยนมาเป็นการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนต าบล มาช่วยผู้ใหญ่บ้านในการดูแลและเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนา ชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือกับผู้น าชุมชนและภาครัฐเป็นอย่างดี ในการเลือกตั้งทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติ ซึ่งได้แก่ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือระดับท้องถิ่น จากอดีตถึงป๎จจุบัน ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้งทางการเมืองหรือการเรียกร้องหรือการร้องเรียนใด ๆ เกิดขึ้นในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นแห่งนี้เลยสักครั้ง ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบันไปมาก เนื่องจากในอดีตชาวบ้านมีการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ มีการค้าขายพริกหรือของป่าเพียงเล็กน้อย หาเงินไว้ซื้อเกลือเพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่ต่อมาชาวบ้านถูกจ ากัดที่ดินท ากิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากินของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ด้วยการบริหารจัดการ พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจ ากัด ดังนั้น ในยุค 50 ทศวรรษหลังสุดที่ผ่านมานี้ ผู้คนในชุมชนจึงหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือพืชเศรษฐกิจเพื่อหาเงินมาใช้ในการด ารงชีพ จึงถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีเศรษฐกิจของชุมชนไปจาก อดีตอย่างสิ้นเชิง ด้านสังคมและประชากร ประชากรกะเหรี่ยงโปว์ในชุมชนบ้านภูเหม็นมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ช่วงเวลา กล่าวคือ ในระยะแรกที่มีชาวกะเหรี่ยงโปว์เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ท ากินในบริเวณบ้านภูเหม็นแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่ครัวเรือน เมื่อครอบครัวเหล่านี้ได้มาอยู่อาศัยและท ากินในผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ จึงได้บอกต่อไปยังญาติ ๆ ที่อยู่ในชุมชนอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง และญาติ ๆ จาก


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 220 ต่างจังหวัด ท าให้มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศย้ายเข้ามาอยู่ที่ชุมชนบ้านภูเหม็นแห่งนี้เป็นจ านวนมาก ราว ๆ 200 กว่าครัวเรือน และถึงแม้ว่าการท ามาหากินของชาวบ้านจะไม่ได้อิสระเสรีดังเช่นในอดีต เนื่องจากรัฐได้ประกาศ พื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติทับที่ท ากินของชาวบ้าน รัฐจัดสรรที่ท ากินให้ใหม่ โดยจ ากัดที่ดินท ากินให้ชาวบ้าน ท ากินเพียงครอบครัวละไม่กี่ไร่ ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถท าไร่หมุนเวียนซึ่งเป็นภูมิป๎ญญาที่ถูกถ่ายทอดมา จากบรรพชนได้ ชาวบ้านพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองเพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และยินดีที่จะอยู่ร่วมกันที่นี่ไม่ย้ายไปไหน มีผู้คนย้ายเข้าย้ายออกจากชุมชนอยู่บ้าง แต่สถิติก็ไม่มาก จนถึงกับเป็นประวัติการณ์ ป๎จจุบันนี้ก็ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ 193 ครัวเรือน ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นส่วนหนึ่งย้ายมาจากเมืองอู่ไทยเก่า บางส่วนย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศเมียนมาร์ บางส่วนย้ายมาจากชุมชนใกล้เคียง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี เหมือนกัน และเนื่องด้วยชุมชนนี้ตั้งมานานกว่า 400 ปีแล้ว ดังนั้น ผู้คนในชุมชนจึงไม่ค่อยประสบป๎ญหาเรื่อง สิทธิในสัญชาติ ทุกคนจึงมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย มีบัตรประชาชน มีสิทธิพลเมืองไทยทุกประการ รวมถึง ได้รับสวัสดิการแห่งรัฐเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคน ได้รับการศึกษาตามสิทธิขั้นพื้นฐาน ได้รับบริการทาง สาธารณสุขเท่าที่คนไทยคนหนึ่งพึงได้รับ มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามที่ชาวกะเหรี่ยงโปว์นั้นพึงประสงค์ ด้านระบบสาธารณูปโภค ในอดีตที่ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นแห่งนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ไม่มี แต่ชุมชนก็อาศัยภูมิป๎ญญาในการด ารงชีวิตได้อย่างปกติสุข ภายหลังรัฐได้เข้า มาช่วยด าเนินการเรื่องระบบสาธารณูปโภคให้ เช่น การท าประปาหมู่บ้าน เดินไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน ท าถนน คอนกรีตในหมู่บ้าน ท าให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้นตามล าดับ ป๎จจุบันยังคงขาดเพียงเรื่องเสาสัญญาณ โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังไม่มีเท่านั้น ภาพรวมในป๎จจุบันคนในชุมชนถือได้ว่ามีระบบสาธารณูปโภคที่เพียงพอใน การด าเนินชีวิต ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน จึงท าให้คนในชุมชนต้อง เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย และโรคเรื้อนไปเป็นจ านวนมาก แต่ป๎จจุบันชาวบ้านได้รับสวัสดิการ จากภาครัฐเกี่ยวกับการสาธารณสุขเท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน และมีห้องน้ าห้องส้วมที่ถูกสุขภาวะทุก บ้าน ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิดทุกคน ถือได้ว่าได้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีเทียบเท่าประชาชนคนไทย ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นได้รับการศึกษาแบบการศึกษาผู้ใหญ่เนื่องจาก ไม่มีโรงเรียนในชุมชน ต่อมามีโรงเรียนบ้านตลิ่งสูงตั้งอยู่ห่างเพียง 3 กิโลเมตร ท าให้เยาวชนได้รับการศึกษา ภาคบังคับ เด็กและเยาวชนที่เรียนจบชั้นประถมศึกษาแล้วบางคนไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยมในตัวอ าเภอห้วยคต ซึ่งมีหลาย ๆ โรงเรียนอยู่ใกล้กับชุมชน และส่วนใหญ่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 80 และ เยาวชนที่มีโอกาสเรียนต่อระดับอุดมศึกษาสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรีร้อยละ 10 เยาวชนส่วนหนึ่ง เมื่อเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วไม่ได้เรียนต่อ ขอออกมาหางานท าช่วยพ่อแม่ บ้างก็เข้ากรุงเทพเพื่อ หางาน บ้างก็แต่งงานสร้างครอบครัวอยู่ในชุมชนไปในที่สุด จึงถือเป็นความท้าทายของภาครัฐ ผู้ปกครอง และ ผู้น าชุมชน ในการหาวิธีการให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตรีกันทุกคนในอนาคต ด้านวัฒนธรรม ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นล้วนยึดมั่นรักษาอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ให้คงอยู่ ด้วยการ ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ถึงแม้ว่าจะมีวัฒนธรรมจากภายนอกชุมชน รวมถึง ความทันสมัยและความเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ที่เข้ามาแทรกซึมวิถีวัฒนธรรมในทุกมิติอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ ท าให้วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นเลือนหายไปบางส่วน จึงเป็นความท้าทายของผู้น า ชุมชนและปราชญ์ชาวบ้านทั้งหลาย ที่จะร่วมกันอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามที่บรรพบุรุษได้ สรรสร้างเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษา การทอผ้า การแต่งกาย วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ พิธีกรรม อาหาร สมุนไพร ฯลฯ ให้คงอยู่คู่ลูกหลานตราบนานเท่านาน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 221 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามค าพูดที่กล่าวว่า “ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั่นมีป่า” และ “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” ป๎จจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นแห่งนี้ ในยุคบุกเบิกยอมรับว่าที่ดินผืนนี้มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ เพราะเป็นกลุ่มเทือกเขาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง มาจากผืนป่าตะวันตกห้วยขาแข้ง ต่อมาเมื่อมีประชากรย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่จ านวนมากท าให้ผืนป่าที่ อุดมสมบูรณ์ถูกแปรสภาพเป็นที่อยู่อาศัย ไร่หมุนเวียน สวน และไร่เกษตรเชิงเดี่ยวของคนในชุมชน จาก ระยะเวลาที่ล่วงเลยมากว่า 4 ศตวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่าชุมชนลดลงเหลือเพียงร้อยละ 10 ของ พื้นที่ จึงนับว่าเป็นความโชคดีของนโยบายภาครัฐที่ได้มีการประกาศพื้นที่แห่งนี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับ เสลาและห้วยป่าคอกควาย รวมถึงมีการจ ากัดที่ดินท ากินของราษฎร จึงท าให้เหลือพื้นป่าเอาไว้รักษาระบบ นิเวศ ท าให้ฝนยังตกต้องตามฤดูกาล ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายส าหรับภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ และราษฎรในพื้นที่ ว่าจะบริหารจัดการพื้นที่ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมให้เกิดความสมดุลทางระบบนิเวศได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน ขอให้เลือกและให้ค าอธิบายเพิ่มเติมว่าทับซ้อนกับพื้นที่ลักษณะใด พร้อมระบุชื่อ พื้นที่ที่ทับซ้อน หรือชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ระบุ.............................. ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) วนอุทยาน (วนอุทยานห้วยคต) พื้นที่สวนป่า การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นเป็นชุมชนที่ผู้คนในชุมชนมีความรัก ความสามัคคี ความผูกพันความ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความร่วมมือร่วมใจ และเป็นน้ าหนึ่งใจเดียวกันตลอดมาตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน ดังนั้น ทุกครั้งที่เกิด สถานการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยคุกคาม ราคาพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น คน ในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้วิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ผู้น าแห่งจิตวิญญาณและความเชื่อ และกลุ่มผู้น า ชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญในแต่ละด้าน เช่น คณะกรรมการหมู่บ้าน อสม. ผู้น ากองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ จะเป็นแกนน า ในการเชิญสมาชิกลูกบ้านประชุม เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ก าหนดแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาและรับมือ กับความท้าทายจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากแม้ชาวบ้านช่วยกันเต็มความสามารถแล้วไม่สามารถ แก้ป๎ญหาวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ได้ ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้งจะน าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหารือหรือรายงานให้ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อหาวิธีช่วยเหลือชุมชนต่อไป ทั้งนี้ ชาวบ้านจะยังคงพร้อมใจให้ความ ร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขป๎ญหาตามที่ภาครัฐเห็นสมควร อย่างเต็มก าลังความสามารถ จนกว่าจะคลี่คลาย การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการเล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งผู้น าชุมชน พยายามขยายเครือข่ายต่าง ๆ ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนชุมชนไปสู่การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ที่จะน าไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 222 บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน กะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นอยู่หลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์ พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี เกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับบุคคลหรือองค์กรเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เช่น สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นต้น 13. ข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ได้มาตั้งถิ่นฐานท ามาหากินอยู่ในพื้นที่นี้กว่า 400 ปีแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า ชุมชนแห่งนี้ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีชุมโจรเข้ามาปล้นชาวบ้าน จนกลายเป็นต านานเล่าขานที่ น่าหวาดกลัวและระทึกขวัญอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนี้ชุมชนแห่งนี้เคยมีโรคระบาดที่น่าหวาดอยู่โรคหนึ่ง คือ โรคเรื้อน กว่าทางสาธารณสุขจะควบคุมโรคได้ใช้เวลาไปหลายปี เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงและมีการกระจาย ตัวอย่างรวดเร็ว ผู้คนต้องอพยพแยกย้ายกระจัดกระจายหนีเข้าไปอยู่ในป่า รอจนโรคเงียบหายจึงกลับออกจากป่า มาอยู่ในชุมชนดังเดิม ทั้งสองเหตุการณ์ใหญ่นี้ยังอยู่ในความทรงจ าของผู้คนอย่างไม่มีวันลืม โดยเฉพาะผู้อาวุโส ที่มีประสบการณ์ตรง ที่ยังจดจ ากับเหตุการณ์ดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้ 14. แหล่งอ้างอิง วรวิทย์ นพแก้ว และคณะ. 2563. วิจัยเรื่อง “แนวทางการจัดการเขตพื้นที่ท ากิน ที่อยู่อาศัย และการฟื้นฟู วิถีชีวิตวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัด อุทัยธานี อังคาร คลองแห้ง และคณะ. 2562. รายงานโครงการพัฒนาศักยภาพการจัดการข้อมูลชุมชนกะเหรี่ยง บ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี กิตติพัฒน์ คงมะกล่ า และ วรวิทย์ นพแก้ว. 2561 วิจัยเรื่อง “แนวทางการจัดการความขัดแย้งในด้าน ทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ของชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี” คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ 15. รายชื่อไฟล์ภาพประกอบ No. ชื่อภาพประกอบ ชื่อไฟล์ภาพ 1 แผนที่จังหวัดอุทัยธานี ชุมชนชาติพันธุ์ต าบลทองหลาง 2 แผนที่ต าบลทองหลาง ,, 3 ต้นไทรบ้านคลองแห้ง ,, 4 ป่าชุมชนบ้านคลองแห้ง ,, 5 บ้านเรือนบ้านคลองแห้ง 1 ,, 6 บ้านเรือนบ้านคลองแห้ง 2 ,, 7 วัดคลองแห้งวัฒนาราม 1 ,, 8 วัดคลองแห้งวัฒนาราม 2 ,, 9 ศูนย์เด็กเล็กบ้านคลองแห้ง ,,


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 223 No. ชื่อภาพประกอบ ชื่อไฟล์ภาพ 10 โรงเรียนบ้านคลองแห้งวิทยา ชุมชนชาติพันธุ์ต าบลทองหลาง 11 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ าต าบล ,, 12 ถนนอ าเภอบ้านไร่ – อ าเภอลานสัก ,, 13 ถนนคอนกรีตในชุมชนบ้านคลองแห้ง ,, 14 สภาพพื้นที่ทางกายภาพบ้านคลองแห้ง ,, 15 แผนที่เดินดินบ้านคลองแห้ง ,, 16 แม่น้ าคอกควาย ,, 17 สภาพแวดล้อมบ้านไซเบอร์ ,, 18 บ้านเรือนบ้านไซเบอร์ ,, 19 น้ าตกไซเบอร์ ,, 20 น้ าตกสาวน้อย ,, 21 นายทองอินทร์ บูโกรก ,, 22 วัดไซเบอร์ 1 ,, 23 วัดไซเบอร์ 2 ,, 24 วัดไซเบอร์ 3 ,, 25 วัดไซเบอร์ 4 ,, 26 ถนนคอนกรีตบ้านไซเบอร์ ,, 27 พื้นที่การเกษตรบ้านไซเบอร์ ,, 28 พื้นที่ชุมชนบ้านไซเบอร์ ,, 29 แม่น้ าคอกควาย ,, 30 ต้นไทรชุมชนไทรเบอร์ ,, 31 แผนที่เดินดินบ้านไซเบอร์ ,, 32 ผังเครือญาติบ้านไซเบอร์ ,, 33 นายเนซ่า คลองเคียน ,, 34 นายชราเอง ภูเหม็น ,, 35 นางโว ภูเหม็น ,, 36 น้ าตกสาวน้อย ,, 37 แม่น้ าคอกควาย ,, 38 ป่าชุมชนไซเบอร์ ,, 39 ต้นตะเคียนอายุกว่า 100 ปี ,, 40 สภาพบ้านเรือนบ้านคลองเคียน ,, 41 ที่พักสงฆ์บ้านคลองเคียน ,, 42 ถนนคอนกรีตในชุมชนบ้านคลองเคียน ,, 43 สภาพบ้านเรือนบ้านคลองเคียน ,, 44 แม่น้ าคอกควาย ,, 45 ล าห้วยคลองเคียน ,, 46 ต้นโพธิ์บ้านคลองเคียน ,,


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 224 No. ชื่อภาพประกอบ ชื่อไฟล์ภาพ 47 แผนที่เดินดิน ชุมชนชาติพันธุ์ต าบลทองหลาง 48 ผังเครือญาติ ,, 49 นายบรรเทา คลองแห้ง ,, 50 นางบุญมี คลองแห้ง ,, 51 นางมะวิงติง คลองแก ,, 52 แม่น้ าคอกควาย ,, 53 ล าห้วยคลองเคียน ,, 54 ป่าชุมชนบ้านคลองเคียน ,, 55 สภาพบ้านเรือนบ้านภูเหม็นโท ,, 56 วัดคลองแห้งวัฒนาราม ,, 57 โรงเรียนบ้านคลองแห้งวิทยา ,, 58 ถนนสายอ าเภอบ้านไร่-อ าเภอลานสัก ,, 59 ถนนคอนกรีตบ้านภูเหม็นโท ,, 60 ล าห้วยภูเหม็น ,, 61 นายสมพร คลองแห้ง ,, 62 สภาพแวดล้อมบ้านอีซ่า ,, 63 สภาพบ้านเรือนบ้านอีซ่า 1 ,, 64 สภาพบ้านเรือนบ้านอีซ่า 2 ,, 65 หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร ,, 66 วัดป่าเขามโนราห์ ,, 67 ส านักสงฆ์น้ าตกบ้านอีซ่า 1 ,, 68 ส านักสงฆ์น้ าตกบ้านอีซ่า 2 ,, 69 ถนนทางเข้าชุมชนบ้านอีซ่า ,, 70 ต้นมะขามอายุกว่า 100 ปี ,, 71 ต้นพญาสัตตบรรณอายุกว่า 100 ปี ,, 72 ฝายชะลอน้ า (ด้านหน้า) ,, 73 ฝายชะลอน้ า (ด้านหลัง) ,, 74 พื้นที่ทางการเกษตร 1 ,, 75 พื้นที่ทางการเกษตร 2 ,, 76 แผนที่เดินดินบ้านอีซ่า ,, 77 ผังเครือญาติบ้านอีซ่า ,, 78 นายเกี๊ยะ คลองแห้ง ,, 79 ล าคลองอีซ่า ,, 80 ป่าสงวนแห่งชาติ ,, 81 สภาพแวดล้อมบ้านกุดจะเลิด ,, 82 สภาพบ้านเรือนบ้านกุดจะเลิด ,, 83 ทางเข้าบ้านกุดจะเลิด ,,


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 225 No. ชื่อภาพประกอบ ชื่อไฟล์ภาพ 84 ถนนในหมู่บ้านกุดจะเลิด ชุมชนชาติพันธุ์ต าบลทองหลาง 85 สภาพแวดล้อมชุมชน ,, 86 พื้นที่ท าการเกษตร ,, 87 ต้นกะพงใหญ่อายุกว่า 100 ปี ,, 88 ต้นไทร ,, 89 แผนที่เดินดินบ้านกุดจะเลิด ,, 90 ผังเครือญาติ ,, 91 นายงิ้ว บูโกก ,, 92 แม่น้ าคอกควาย ,, 83 ป่าสงวนแห่งชาติ ,, 94 สภาพแวดล้อมชุมชน ,, 95 สภาพบ้านเรือน 1 ,, 96 สภาพบ้านเรือน 2 ,, 97 ศาลเจ้าที่หน้าหมู่บ้าน ,, 98 วัดใหม่แก้วศักดา ,, 99 พื้นที่ท าการเกษตร 1 ,, 100 พื้นที่ท าการเกษตร 2 ,, 101 อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ,, 102 แผนที่เดินดิน ,, 103 ผังเครือญาติ ,, 104 นายเป็กไป่ วงศ์ดวงค า ,, 105 นางเกรียน วงศ์ดวงค า ,, 106 นางแร่ พรรณเริง ,, 107 อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว 1 ,, 108 อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว 2 ,, 109 พืชเศรษฐกิจ ,, 110 ต้นปู่ไทร ,, 111 ต้นย่าไทร ,, 112 สวนยางพารา ,, 113 ไร่สับปะรด ,, 114 ไร่มันส าปะหลัง ,, 115 แผนที่เดินดิน ,, 116 ผังเครือญาติ ,, 117 นายขันธุ์ เยปอง ,, 118 นายสมชาย คลองสุขสันต์ ,, 119 ดอกเข้าพรรษา ,, 120 ทางเข้าชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ,,


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 226 No. ชื่อภาพประกอบ ชื่อไฟล์ภาพ 121 เจ้าวัดอ้วน เยปอง ชุมชนชาติพันธุ์ต าบลทองหลาง 122 เจ้าวัดมองตะเลตะ ภูเหม็น ,, 123 แม่ย่าปรัง ภูเหม็น ,, 124 สภาพแวดล้อมบ้านภูเหม็น ,, 125 ล าห้วยภูเหม็น “พุเม้ยง์” ,, 126 ไร่หมุนเวียน ,, 127 วัดป่าภูเหม็น ,, 128 ต้นสมพงในอดีต ,, 129 ต้นสมพงในป๎จจุบัน ,, 130 แผนที่เดินดิน ,, 131 ผังเครือญาติ ,, 132 เจ้าวัดอ้วน เยปอง ,, 133 เจ้าวัดมองตะเลตะ ภูเหม็น ,, 134 แม่ย่าปรัง ภูเหม็น ,, 135 ล าห้วยพุเม้ยง์บ่อง ,, 136 แผนที่ตั้งหน่วยฟื้นฟูสภาพป่าฯ 3 ,, 137 ภาพดาวเทียมหน่วยฟื้นฟูสภาพป่า ,, 138 แผนที่และพื้นที่วนอุทยานห้วยคต ,, 139 คัมภีร์ใบลาน 1 ,, 140 คัมภีร์ใบลาน 2 ,,


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 227


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 228 ประมวลภาพการลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลชุมชนชาติพันธุ์ระดับต าบล ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ลงพื้นที่ชุมชนบ้านคลองแห้ง หมู่ 1 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านไซเบอร์ หมู่ 1 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านคลองเคียน หมู่ 1


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 229 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านภูเหม็นโท หมู่ 1 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านอีซ่า หมู่ 3 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านกุดจะเลิด หมู่ 3


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 230 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย หมู่ 3 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านคลองหวาย หมู่ 7 ลงพื้นที่ชุมชนบ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) หมู่ 8


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 231 คณะผู้จัดท าข้อมูลชุมชนชาติพันธุ์ระดับต าบล ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 1. ที่ปรึกษา 1.1 นางสาวพรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง วัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี 1.2 นายสมชาย นาคทัพ นายกองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง 2. คณะผู้จัดท า 2.1 นายกิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ นักวิชาการวัฒนธรรมช านาญการพิเศษ 2.2 นายพวงทอง อยู่ค า รองนายกองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง 2.3 นายศิริโชค คลองแห้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง


Click to View FlipBook Version