แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 96 สืบทอดต่อ ๆ กันไป ซึ่งชาวกะเหรี่ยงโปว์ทุกคนมีความรักและมีความผูกพันกับเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงโปว์ และมีความภาคภูมิใจในชาติพันธุ์ของตนทุกครั้งที่ได้สวมใส่ การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านภูเหม็นโททุกคนรักและหวงแหน ในประเพณีวัฒนธรรม อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งมองเห็นถึงความยั่งยืนทางวัฒนธรรม การแต่งกายกะเหรี่ยงโปว์ 3.2 อาหารกะเหรี่ยง มีประวัติความเป็นมา คือ ชาวกะเหรี่ยงโปว์มีวัฒนธรรมด้านอาหาร การกินเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่แห่งหนต าบลใดก็ตาม มักจะน าวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็น มรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมติดตัวไปด้วยเสมอ และชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม้นโทแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน ได้ร่วมอนุรักษ์สืบสาน และสืบทอดเรื่องอาหารการกินของชาวกะเหรี่ยงโปว์และได้ถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ จากรุ่นสู่รุ่น ช่วงเวลาที่ส าคัญ การท าอาหารกะเหรี่ยงนั้นท าได้ง่าย ท าได้ทุกวันและทุกฤดูกาล และเป็น อาหารที่สามารถหาวัตถุดิบและเครื่องปรุงได้ง่ายในท้องถิ่น มีขั้นตอนและวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน อาหารพื้นบ้านกะเหรี่ยงโปว์ชุมชนกลุ่มบ้านภูเหม็นโท มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ และมีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ สถานการณ์ป๎จจุบัน ถึงแม้ว่าชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทจะได้รับอิทธิพลเรื่องอาหาร การกินจากโลกภายนอกอย่างมากมาย ท าให้ชาวกะเหรี่ยงวัยกลางคนและเยาวชนคนรุ่นใหม่หันไปท าอาหารไทย และอาหารสากลแทน แต่เชื่อได้ว่าชาวกะเหรี่ยงโปว์จะยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านอาหารต่อไป การสืบทอดและความยั่งยืน ป๎จจุบันนี้ชาวกะเหรี่ยงโปว์รุ่นพ่อรุ่นแม่ยังคงสอนลูกหลาน ให้ด ารงวิถีชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์อยู่เสมอ ท าให้มั่นใจได้ว่าการถ่ายทอดมรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรม ด้านอาหารของกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโท จะท าให้อาหารกะเหรี่ยงด ารงคงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป แกงข้าวคั่วหมูย่าง แบบเปรี้ยว
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 97 3.3 ขนบธรรมเนียมประเพณีกะเหรี่ยงโปว์ ประวัติและความเป็นมา ชุมชนบ้านภูเหม็นโท แห่งนี้เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์ ถึงแม้ชุมชนจะอยู่ปะปนกับชุมชนของคนไทยพื้นเมือง ได้รับ อิทธิพลในการใช้ชีวิตจากชุมชนเมืองค่อนข้างมาก แต่คนในชุมชนส่วนหนึ่งยังมีความเชื่อและความศรัทธาแห่ง วิถีกะเหรี่ยงโปว์ดั้งเดิม ท าให้ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทยังคงรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ช่วงเวลาที่ส าคัญ ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทมีการด ารงชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์ตาม แบบอย่างบรรพบุรุษได้เพียงระดับหนึ่ง เพราะมีวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามาแทรกแซงวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทยังคงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวกะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้จ านวนหนึ่ง สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นโทได้ร่วมกันแสดงสัญลักษณ์ชาติพันธุ์ เพื่อ แสดงถึงพลังของมวลชนชาวกะเหรี่ยงโปว์ในด้านของความเชื่อและความศรัทธาในวิถีวัฒนธรรมของตนเองอยู่บ้าง การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานรากฐาน วัฒนธรรมของชนเผ่ากะเหรี่ยงเอาไว้ได้พอสมควร 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา ในอดีตบรรพบุรุษของชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโท นิยมปลูกข้าวไร่เป็นหลัก เรียกว่าการท าไร่หมุนเวียน เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง จากยุคการท าไร่หมุนเวียนไปสู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือ พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ยุคที่ที่ดินท ากินของชุมชนถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและ ห้วยป่าคอกควาย ชาวบ้านได้รับการจัดสรรที่ดินจ านวนจ ากัดมาก ไม่เพียงพอกับการท าไร่หมุนเวียน ท าให้ ชาวบ้านเปลี่ยนมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ในการด ารงชีพให้เหมาะสมกับยุคสมัย ที่เปลี่ยนไป คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผู้คนปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพ หรือ ป๎จจุบันที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อจ าหน่ายและน าเงินมาด ารงชีพ ทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่าและมีความหมาย ต่อชีวิตของผู้คนในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโททั้งสิ้น สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก สับปะรด ข้าวโพด มันส าปะหลัง ปาล์ม อ้อย และยางพารา เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่โตเร็ว ทนแล้ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว และจะยังคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปในอนาคตอีกหลายทศวรรษข้างหน้า 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา คือ จากอดีตถึงป๎จจุบันชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นโทให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในอดีตชาวบ้านได้มีการตั้งผู้ปกครอง ชุมชนอย่างไม่เป็นทางการขึ้นมาดูแลความสงบสุขของชุมชน จนกระทั่งในระยะต่อมาภาครัฐได้มีการแต่งตั้ง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ขึ้นมาดูแลความสงบเรียบร้อยภายในชุมชน ชาวบ้านก็ยังให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นอย่างดี ด้วยการไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง และ ปฏิบัติตามธรรมนูญของชุมชนอย่างเข้มแข็ง ช่วงเวลาที่ส าคัญ ชาวบ้านให้ความเคารพและยอมรับในตัวผู้น าชุมชนทุกรุ่นทุกยุคทุกสมัย รวมถึงในระยะหลังที่ภาครัฐก าหนดให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือ อย่างดียิ่ง ไม่มีป๎ญหาความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นในชุมชน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 98 คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนแห่งนี้ผ่านช่วงเวลาที่ยากล าบากจากอดีตจนถึง ป๎จจุบัน ผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและพร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ครั้งที่มีปรากฏการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทเป็นชุมชนขนาดเล็ก ภาครัฐต้องน า จ านวนประชากรไปนับรวมกับชุมชนกลุ่มอื่น ๆ อีกหลายกลุ่ม จึงกลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ในนามของหมู่ที่ 1 บ้านคลองแห้ง ต าบลทองหลาง มีผู้ใหญ่บ้านจากบ้านคลองแห้งเป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านภูเหม็นโท การสืบทอดและความยั่งยืน นับว่าเป็นความโชคดีที่ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโท มีการสืบ ทอดการเมืองและการปกครองด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน ไม่เคยมีความขัดแย้ง และไม่เคยเสีย เลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา และจะมีการด ารงรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตย และความสงบเรียบร้อยเช่นนี้ตลอดไป 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ได้แก่ ภาษากะเหรี่ยงโปว์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในครัวเรือนและใช้ในการ สื่อสารกันในชุมชนบ้านภูเหม็นโท และใช้ในการสื่อสารกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์จากท้องถิ่นอื่น ๆ ภาษาเขียน ได้แก่ ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ทั่วประเทศ และกะเหรี่ยงโปว์จากทั่วโลก ซึ่งใช้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทในป๎จจุบัน มีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ ได้จ านวนน้อยมาก เนื่องจากเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์และประชาชนชาวกะเหรี่ยงโปว์ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เหลือไม่ถึงร้อยละ 2 ของประชากร ที่ยังสามารถใช้ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ได้ส าหรับภาษาพูดกะเหรี่ยงโปว์ ยังคงมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ร้อยละ 80 ที่สามารถพูดได้ 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึง ป๎จจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือกับผู้น าชุมชนเป็นอย่างดี ในการเลือกตั้งทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น ระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้ง ไม่มีการเรียกร้องหรือร้องเรียนใด ๆ ในชุมชน ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบัน จากอดีต เป็นการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ ต่อมาชาวบ้านถูกจ ากัดที่ดินท ากิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากินของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อความาอยู่รอด ด้วยการบริหาร จัดการพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจ ากัด โดยการหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ เพื่อหาเงินซึ่งเป็นป๎จจัยหลัก มาใช้ในการด ารงชีพ ด้านสังคมและประชากร ประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทมีการเปลี่ยนแปลงในหลายช่วงเวลา กล่าวคือ ในระยะแรกที่มีชาวกะเหรี่ยงโปว์เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ท ากินในบริเวณบ้านภูเหม็นโท มีทั้งผู้คนย้ายมาตั้งถิ่น ฐานเพิ่มเติมจ านวนมาก เมื่อรัฐได้ประกาศพื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติทับที่ท ากินของชาวบ้าน และรัฐจัดสรร ที่ดินท ากินให้ชาวบ้านใหม่ โดยจ ากัดที่ดินท ากิน ท าให้ชาวบ้านไม่สามารถท าไร่หมุนเวียนซึ่งเป็นภูมิป๎ญญาที่ ถูกถ่ายทอดมาจากบรรพชนได้ ชาวบ้านจึงทยอยย้ายออกไปจากชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ท าให้ป๎จจุบันนี้ ประชากรเหลือเพียง 12 ครัวเรือนเท่านั้น ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทส่วนใหญ่ย้ายมาจากบ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ซึ่งส่วนใหญ่มีสิทธิในสัญชาติอยู่แล้ว จึงไม่มีป๎ญหาเรื่องสิทธิในสัญชาติ ดังนั้น ทุกคนจึงมีสัญชาติไทย และเชื้อชาติไทย มีบัตรประชาชน มีสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานครบถ้วนทุกประการ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 99 ด้านระบบสาธารณูปโภค ในอดีตที่ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทแห่งนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอย่าง อุดมสมบูรณ์อยู่นั้น ระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ไม่ ต่อมาเมื่อชุมชนบ้านภูเหม็นโทมีประชากรมากขึ้น รัฐจึงเข้า มาช่วยเหลือในเรื่องระบบสาธารณูปโภคด้วยการท าประปาหมู่บ้าน ท าถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน ติดตั้ง ระบบไฟฟ้า ติดตั้งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีอินเตอร์เน็ตใช้ ท าให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน ท าให้เกิดโรคระบาดอยู่ บ่อยครั้ง แต่ป๎จจุบันชาวบ้านภูเหม็นโทได้รับสวัสดิการจากภาครัฐเกี่ยวกับการสาธารณสุขเท่าเทียมกับ ประชาชนคนไทยทุกคน โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ าต าบล ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทได้รับการศึกษาในลักษณะการศึกษา ผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่มีโรงเรียนในชุมชน ต่อมามีการสร้างโรงเรียนบ้านคลองแห้งวิทยา สร้างศูนย์เด็ก ท าให้เด็ก และเยาวชนทุกคนในชุมชนบ้านภูเหม็นโทได้รับการศึกษาภาคบังคับ เด็กและเยาวชนที่มีความประสงค์จะเรียน ต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมประจ าอ าเภอ ส่วนมากจะเรียนจบร้อยละ 80 และเยาวชนบางส่วนจะได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งมีประมาณร้อยละ 10 และสามารถเรียนจบ ด้านวัฒนธรรม ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทส่วนหนึ่งปรารถนาที่จะให้คนในชุมชนร่วมกันรักษา อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ให้คงอยู่ ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม และมีการสืบทอด ตลอดไป แต่ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมจากภายนอกมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมของชุมชน สามารถ เข้ามาแทรกซึมวิถีวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ในทุกมิติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท าให้วัฒนธรรมของ ชาวกะเหรี่ยงโปว์ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ท้ายที่สุดวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทอาจสูญหายไป แบบสิ้นเชิง จึงเป็นความท้าทายของภาครัฐ ผู้น าชุมชนว่าจะมีวิธีอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงาม ให้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านานได้ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามค าพูดที่กล่าวว่า “ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั่นมีป่า” และ “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” ในอดีตนั้นอาจจะใช่ แต่ป๎จจุบันนี้ไม่ถูกต้องเสมอไป ดังเช่น ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นโท จากระยะเวลาที่ล่วงเลยมากว่า 5 ทศวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่าชุมชนเหลือเพียง ร้อยละ 10 - 15 ของพื้นที่ เป็นความท้าทายส าหรับภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ และราษฎรในพื้นที่ว่าจะมีวิธี บริหารจัดการพื้นที่ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมให้เกิดความสมดุลทางระบบนิเวศได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์ และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ระบุ.............................. ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) วนอุทยาน ระบุ..................................... การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์หนึ่ง ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยคุกคาม ราคา พืชผลทางการเกษตร เป็นต้น คนในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้ไขวิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป ได้เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวม แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และกลุ่มผู้น าชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญในแต่ละด้าน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 100 จะเป็นแกนน าในการประชุม เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ก าหนดแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาและรับมือกับ ความท้าทายจากป๎ญหาวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ ชุมชน ยังคงมีการสร้างเครือข่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทให้มี คุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสงบสุขร่มเย็นสืบไป บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน กะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโทหลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์ พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานีเกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับบุคคลหรือองค์กรเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เช่น สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในพัฒนาชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นโท เป็นต้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 101 โครงสร้างหมู่บ้าน หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี หมายเหตุ หมู่ 3 มีชุมชนชาติพันธุ์ อยู่ในพื้นที่ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มบ้านอีซ่า เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ 2.กลุ่มบ้านกุดจะเลิด เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ 3.กลุ่มบ้านละหว้าใหม่คอกควาย เป็นชุมชนชาติพันธุ์ละว้า หมู่ 3 บ้านอีซ่า บ้านกุดจะเลิศ บ้านตลิ่งสูง บ้านละหว้า ใหม่คอกควาย บ้านสามโคก บ้านหนองบัว บ้านสุพรรณ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 102 แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วม 1.1 ผู้เรียบเรียงข้อมูล* กิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ 1.2 วันที่จัดท าข้อมูล 5/10/2566 1.3 ผู้ตรวจสอบข้อมูล พรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง 1.4 วันที่ตรวจสอบข้อมูล 28/11/2566 2. ชื่อชุมชน 2.1 ชื่อทางการ* บ้านละว้า หมู่ 3 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 2.2 ชื่อท้องถิ่น ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านอีซ่า 2.3 ความเป็นมาของชื่อ ชุมชน นายเบิกคลอง ภูเหม็น และกลุ่มญาติพี่น้องผองเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ราว ๆ 7 – 8 ครัวเรือน ได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในบริเวณบ้านอีซ่า คาดว่าย้ายมา จากบ้านภูเหม็นในป๎จจุบัน ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ราบเชิงเขา อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ของป่ามากมายในป่าไม้เบญจพรรณและป่าไม้ผลัดใบ พื้นที่มีเหมาะสมอย่างยิ่ง ในการท าไร่หมุนเวียนแบบวิถีชาวกะเหรี่ยง คาดว่าน่าจะย้ายมาราว ๆ ปีพ.ศ. 2416 บริเวณนี้มีล าคลองอีซ่าไหลผ่านชุมชน มีอยู่ช่วงหนี้ของล าคลองไหลลง มาจากพื้นที่สูงคล้ายน้ าตก และชาวบ้านจะได้ยินเสียงซู่ซ่าตลอดเวลา ซึ่งอาจ เป็นที่มาของชื่อคลอง “คลองอีซ่า” และเป็นล าคลองที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน ดังนั้น วิถีชีวิตคนในชุมชนจึงผูกพันกับสายน้ า เพราะ เป็นทั้งแหล่งน้ าที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคและท าการเกษตรมาแต่ครั้งอดีต คนใน ชุมชนในสมัยนั้น จึงพากันเรียนชุมชนนี้ว่า “ชุมชนบ้านอีซ่า” ตามชื่อของล า คลองอีซ่ามาจนถึงป๎จจุบัน 2.4 ประเภทชุมชน ☐ ชุมชนเมือง/ชาวเมือง ☒ ชุมชนชนบท ☒ ชุมชนชาติพันธุ์ ☐ เครือข่ายชุมชน (กลุ่มทางสังคม/องค์กรทาง สังคม) ☐ ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร ☐ ชุมชนอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเม้นท์ 2.5 จุดเด่นชุมชน 1. ใจกลางชุมชนบ้านอีซ่า มีต้นมะขามอยู่คู่หนึ่ง มีอายุราว ๆ 100 – 120 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่กลางหมู่บ้าน เป็นเสมือนพื้นที่จิตวิญญาณของผู้คนในชุมชน 2. ชุมชนบ้านอีซ่ามีล าคลองอีซ่าที่ไหลผ่านชุมชนเป็นระยะทางกว่า 700 เมตร เปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน 3. หล่อพ่อวิชา ลติยุโต ท่านเดินธุดงค์จากวัดแถว ๆ คุ้มส าเภา อ าเภอ มโนรมย์ จังหวัดชัยนาท มาถึงบริเวณนี้ จึงได้เมตตาสร้างฝายชะลอน้ าให้กับ ชุมชน เพื่อชะลอความรุนแรงของสายน้ าในฤดูฝน และกักเก็บน้ าไว้ใช้อุปโภค บริโภคและท าการเกษตรในฤดูแล้ง ท าให้ชุมชนบ้านอีซ่ามีน้ าใช้ตลอดปี
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 103 3. ที่ตั้ง 3.1 จังหวัด* อุทัยธานี 3.2 อ าเภอ/เขต* ห้วยคต 3.3 ต าบล/แขวง* ทองหลาง 3.4 หมู่บ้าน บ้านละว้า 3.5 รหัสไปรษณีย์ 61170 3.6 ที่อยู่ (หมู่ที่, ถนน) หมู่ที่ 3 3.7 ละติจูด* 15.31712195 3.8 ลองจิจูด* 99.53313679 3.9 ประเภทเขตการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ☐ เทศบาลนคร ระบุ………… ☐ เทศบาลเมือง ระบุ……………… ☐ เทศบาลต าบล ระบุ……… ☒ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ☐ กรุงเทพมหานคร ☐ เมืองพัทยา 4. ความเป็นมา: ประวัติศาสตร์ชุมชน นายเบิกคลองและผองเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ราว ๆ 7 – 8 ครัวเรือน ได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานจากบ้านภูเหม็น มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยของป่าและพืชพันธุ์ธัญญาหารส าหรับการด ารงชีพ มากมาย เป็นป่าไม้เบญจพรรณและป่าไม้ผลัดใบ พื้นที่มีเหมาะสมอย่างยิ่งในการท าไร่หมุนเวียนตามแบบวิถี ชาวกะเหรี่ยง และคาดว่าน่าจะย้ายมาราว ๆ ปีพ.ศ. 2416 น่าจะมีอายุราว ๆ 120 – 150 ปีเป็นอย่างน้อย ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่เขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เชิงเขา มีภูเขาขนาดไม่สูงมากนักล้อมรอบชุมชน และมีเนินเขาขนาดสูงต่ าสลับซับซ้อนลดหลั่นกันไปเป็น จ านวนมาก ในอดีตชาวบ้านท าไร่หมุนเวียนอย่างเดียว เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการ จ าหน่าย จะมีรายได้บ้างเพียงเล็กน้อยจากการขายพริกกะเหรี่ยงหรือของป่าเท่านั้น เพื่อเอาเงินไปซื้อเกลือ ไว้บริโภคในครัวเรือน สภาพแวดล้อมบ้านอีซ่า ในอดีตชุมชนแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่จ านวนมากกว่า 200 หลังคาเรือน มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่า มีผืนป่า ที่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีเจ้าวัดซึ่งเป็นผู้น าทางจิตวิญญาณ และ มีเจดีย์ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของชุมชนกะเหรี่ยงอยู่กลางชุมชน ต่อมาเกิดโรคระบาดกระจายไปทั่ว ชุมชน ได้แก่ ไข้มาลาเรีย ซึ่งมีการแพร่ระบาดราว ๆ ปีพ.ศ. 2522 – 2525 และเนื่องจากชุมชนแห่งนี้ อยู่กลางป่าที่ห่างไกลความเจริญ จึงไม่สามารถส่งตัวคนไข้ไปถึงโรงพยาบาลของรัฐได้ทัน จึงท าให้ผู้คนล้มตาย
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 104 ไปมากกว่า 25 คน และประกอบกับระยะหลัง ๆ พื้นที่นี้แห้งแล้ง ท าการเกษตรไม่ค่อยได้ผลผลิต จึงท าให้ผู้คน ย้ายออกไปจากชุมชนไปเป็นจ านวนมาก เหลืออยู่เพียง 41 หลังคาเรือนในป๎จจุบัน สภาพบ้านเรือนบ้านอีซ่า 1 สภาพบ้านเรือนบ้านอีซ่า 2 บริเวณใกล้ๆ กับชุมชนบ้านอีซ่า มีวัดป่าเขามโนราห์ตั้งอยู่ มีหลวงปู่สังวาลเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าเขา มโนราห์ ท่านเป็นหลานแท้ ๆ ของหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านเป็นลูกศิษย์และเคยธุดงค์กับพระเกจิสุปฏิป๎นโน หลายท่าน อาทิ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต , หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล , หลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่ชา สุภัทฺโท , หลวงปู่เกษม เขมโก , หลวงปู่บุดดา ถาวโร , หลวงปู่ดุลย์ อตุโล , หลวงปู่เทสก์ เทสร สี , หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปน์โน ซึ่งท่านได้เดินทางธุดงค์มาจากภาคอีสาน มาสร้างวัดป่าเขามโนราห์ที่บริเวณนี้ และท่านเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในชุมชนบ้านอีซ่า และเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ เข้าวัดฟ๎งธรรม ท าบุญตักบาตรของ ผู้คนในชุมชนตราบจนถึงป๎จจุบัน หลวงปู่สังวาลย์ ธมฺมสาโร วัดป่าเขามโนราห์ นอกจากวัดป่าเขามโนราห์ก็ยังมีส านักสงฆ์น้ าตกอีซ่าที่อยู่ใกล้กับชุมชนบ้านอีซ่า เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของชุมชนบ้านอีซ่า คอยเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่า และปฏิบัติศาสนกิจทาง พระพุทธศาสนาให้กับพุทธศาสนิกชนชาวบ้านอีซ่า และเนื่องด้วยส านักสงฆ์แห่งนี้อยู่ลึกเข้าไปในป่าสงวน แห่งชาติฯ จึงท าให้สามารถรักษาผืนป่าที่อยู่รอบ ๆ ส านักสงฆ์เอาไว้ได้ราว ๆ 200 ไร่ เป็นมรดกทางธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ หาของป่าของชาวบ้านมาตลอด 30 ปีที่
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 105 ส านักสงฆ์น้ าตกอีซ่า 1 ส านักสงฆ์น้ าตกอีซ่า 2 ชุมชนบ้านอีซ่า ไม่เคยมีโรงเรียนตั้งแต่อดีตถึงป๎จจุบัน เด็ก ๆ ที่มีอายุถึงเกณฑ์เรียนหนังสือจะไปเรียน ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านคลองชะนี ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก ส่วนเด็กมัธยมจะไปเรียนที่โรงเรียนสมอทอง ปทีป พลีผลอุปถัมภ์ ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนบ้านอีซ่าไปประมาณ 10 กิโลเมตร ในอดีตบรรพบุรุษชาวกะเหรี่ยงชุมชนบ้านอีซ่า ได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรมตามแบบวิถีชีวิต ชาวกะเหรี่ยงเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ป๎จจุบันถูกกลืนกินหายไปเป็นจ านวนมาก เนื่องจากชุมชนกะเหรี่ยงแห่งนี้ อยู่ปะปนกับคนไทยพื้นเมืองที่ขึ้นมาท าไร่รอบ ๆ ชุมชน จึงท าให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก การคมนาคมสัญจร ในอดีตชุมชนยังไม่มีถนนหนทาง ผู้คนในชุมชนบ้านอีซ่าต้องเดินเท้าไปตามทางเท้า ข้ามภูเขา ป่าไม้ ล าธาร เพื่อที่จะไปท าธุรกรรมที่อ าเภอ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 1 วัน พัก 1 คืน และเดินทาง กลับอีก 1 วัน จึงจะกลับถึงบ้าน หากจะต้องเดินทางไปที่ตัวจังหวัด จะต้องเดินทางถึง 2 วัน พักระหว่างทาง 3 คืน และเดินทางกลับอีก 2 วัน จึงจะถึงบ้าน ป๎จจุบันนี้ไม่มีรถโดยสารประจ าทางหากคนในชุมชนที่จะเดินทางไปท าธุรกรรมในตัวอ าเภอหรือจังหวัด ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์เป็นส่วนบุคคล หรืออาศัยเพื่อนบ้านไป และถึงแม้ว่าถนน ลูกรังจะเข้ามาถึงชุมชนบ้านอีซ่าไม่ต่ ากว่า 50 ปีมาแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นถนนลูกรังอยู่เช่นเดิม นายสุรัตน์ คลองแห้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง (ประจ าหมู่ 3 บ้านละว้า) ได้เล่าให้ฟ๎งว่า ชุมชนบ้าน อีซ่าอยู่ในพื้นที่ของหมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต แต่ทางเข้าชุมชนบ้านอีซ่า อยู่ในพื้นที่ของ ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก จึงเป็นการยากในการประสานของบประมาณ และเป็นเหตุผลว่าท าไมป๎จจุบันนี้ ถนนทางเข้าชุมชนบ้านอีซ่าจึงยังเป็นถนนลูกรัง ทั้ง ๆ ที่ถนนภายในชุมชนทางองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลางได้เทคอนกรีตให้แล้ว ถนนทางเข้าชุมชนบ้านอีซ่า
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 106 นายเบิกคลอง ภูเหม็น และญาติพี่น้องย้ายมาอยู่บ้านอีซ่า ทางการท าถนนลูกรังเข้าสู่ชุมชน ข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนเสื้อผ้า ไข้มาลาเรียระบาด ผู้คนเสียชีวิตกว่า 25 คน หลวงพ่อวิชาสร้างฝายชะลอน้ าช่วยชาวบ้าน อีซ่า ประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินชาวบ้าน ชาวบ้านอีซ่าเลิกท าไร่หมุนเวียน ชาวบ้านหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไฟฟ้าเข้ามาชุมชน ถนนคอนกรีตเข้าชุมชน ชาวบ้านย้ายออกจากชุมชน กว่า 50 ครัวเรือน ชุมชนบ้านอีซ่ามีผู้ใหญ่บ้านที่ทางการแต่งตั้ง น้ าประปาเข้าชุมชน มีระบบสุขาภิบาล/ห้องน้ า/ส้วม ตั้งหมู่บ้าน สาธารณูปโภค เปลี่ยนแปลง สงครามโลก แผนพัฒนา ศก. เริ่มศก. ยุค ศก. ยุคพัฒนา ป๎จจุบัน การปกครอง ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 1 ฟองสบู่ ฟองสบู่ สาธารณูปโภค 2415 2450 2475 2484 2488 2504 2533 2540 2555 2560 2566 2525 2528 2528 5. แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน - ระยะทางจากอ าเภอถึงชุมชน 25 กิโลเมตร - ระยะทางจากจังหวัดถึงชุมชน 66 กิโลเมตร - ระยะทางจากกรุงเทพถึงชุมชน 289 กิโลเมตร - เดินทางได้ทางบกทางเดียว คือ การคมนาคมสัญจรโดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านคลองชะนี หมู่ 3 ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านคลองแห้ง หมู่ 1 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านสมอทอง หมู่ 2 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกห้วยขาแข้ง
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 107 สภาพพื้นที่ทางกายภาพ /ขนาดพื้นที่ชุมชน/พื้นที่สาธารณะ/การสาธารณูปโภคชุมชน พื้นที่ชุมชนบ้านอีซ่า เป็นพื้นที่ราบเชิงเขาที่มีภูเขาขนาดไม่สูงมากและเนินเขาขนาดใหญ่ขึ้นสลับซับซ้อน อยู่เต็มพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 เป็นพื้นที่ท าการเกษตร พื้นที่ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นพื้นที่ป่าไม้ ภูเขา ล าธาร ฝายกั้นน้ า และเป็นพื้นที่ร้อยละ 20 เป็นพื้นที่ชุมชนตั้งบ้านเรือน จ านวน 41 ครัวเรือน ชุมชนบ้านอีซ่า มีต้นไม้ทรงคุณค่าอายุกว่า 100 ปี จ านวน 3 ต้น ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมความเชื่อวิถีชีวิต และจิตวิญญาณของผู้คนในชุมชน คือ ต้นมะขาม 2 ต้น และต้นพญาสัตบรรณ 1 ต้น ต้นมะขามอายุกว่า 100 ปี ต้นพญาสัตบรรณอายุกว่า 100 ปี ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่า มีล าคลองสายส าคัญไหลผ่านชุมชน ชื่อว่า ล าคลองอีซ่า มีต้นก าเนิดมา จากเทือกเขาบริเวณเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในพื้นที่มรดกโลกห้วยขาแข้ง มีระยะทางไหลผ่าน ชุมชนประมาณ 700 – 800 เมตร ในอดีตมีน้ าไหลผ่านตลอดทั้งปี ชาวบ้านมีน้ าอุปโภคบริโภคและใช้ในการ ท าการเกษตร ต่อมามีชาวบ้านย้ายเข้ามาอยู่อาศัยจ านวนมาก ท าให้ล าคลองอีซ่าเริ่มตื้นเขิน บางปีฝนแล้ง น้ าในล าคลองอีซ่าก็เหลือน้อย บางปีฝนตกมากน้ าก็หลาก สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านและเรือกสวนไร่นา พอสมควร หลวงพ่อวิชาเดินทางธุดงค์ผ่านมาเห็น จึงบริจาคทรัพย์สินส่วนตัวท่านร่วมกับชาวบ้านจัดท าฝาย ชะลอน้ าเอาไว้ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน เพื่อชะลอน้ าในฤดูฝนไม่ให้ไหลเชี่ยวและกักเก็บน้ าไว้ใช้ในฤดูแล้ง ฝายชะลอน้ า (ด้านหน้า) ฝายชะลอน้ า (ด้านหลัง)
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 108 บรรพบุรุษยุคแรกที่ย้ายเข้ามาอาศัยเห็นว่าผืนดินมีความอุดมสมบูรณ์มีเนินเขาและเชิงเขาที่ไม่สูงชันมาก นัก เหมาะแก่การท าไร่หมุนเวียนตามแบบวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยง มีป่าไม้นานาพรรณ มีคลองอีซ่าเป็นแหล่งน้ า อุปโภคบริโภค จึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนอยู่ในบริเวณนี้จวบจนป๎จจุบัน ในอดีตนั้นชุมชนชาวกะเหรี่ยง บ้านอีซ่าไม่ได้ปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ ปลูกเพียงข้าวไร่ในไร่หมุนเวียน แต่ป๎จจุบันไม่มีการท า ไร่หมุนเวียนแล้ว เนื่องจากพื้นที่ท าการเกษตรมีจ านวนจ ากัด ผู้คนในชุมชนท าไร่ข้าวไว้กินในหนึ่งรอบปีเท่านั้น พื้นที่ที่เหลือก็จะปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยวไว้ขายแลกเงินมาใช้ในครัวเรือน เช่น มันส าปะหลัง ข้าวโพด สับปะรด ยางพารา ปาล์ม เป็นต้น พื้นที่ท าการเกษตร 1 พื้นที่ท าการเกษตร 2 พื้นที่กิจกรรมทางสังคม ในอดีตเคยมีเจ้าวัดเคยมีเจดีย์ให้ผู้คนในชุมชนได้ร่วมกิจกรรมไหว้เจดีย์ ซึ่งเป็น ความเชื่อทางจิตวิญญาณของชนกะเหรี่ยง แต่ป๎จจุบันนี้ไม่มีแล้ว เหลือเพียงร่องรอยเนินดินที่คนเฒ่าคนแก่บอก กับลูกหลานว่าบริเวณนี้คือเจดีย์เก่าเท่านั้น ประเพณีวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงก็เหลือเพียงประเพณีการกินข้าวใหม่มีการ ป๎กสะเดิ่งไว้ตามบ้านและตามไร่ข้าว เพื่อป้องกันภูตผีหรือสิ่งชั่วร้ายรังควาน สถานที่ส าคัญทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่จะมีการนัดพบพูดคุยหารือเรื่องส าคัญในบ้านของ ผู้อาวุโสของชุมชนหรือบ้านผู้น าชุมชนหรือที่บ้านของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง(คุณสุรัตน์ คลองแห้ง) นอกจากนี้ ยังจับกลุ่มหารืออย่างไม่เป็นทางการที่วัดป่าเขามโนราห์ในเวลาที่พากันไปท าบุญร่วมกัน แต่หากเป็นการประชุมหารืออย่างเป็นทางการ จะไปประชุมกันที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน พื้นที่ที่อยู่อาศัยของชุมชน รวมทั้งพื้นที่ท าการเกษตรของคนในชุมชน ล้วนเป็นพื้นที่ของป่าสงวน แห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย ซึ่งได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวน ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2528 ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นการประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหลังจากที่ ชาวบ้านได้อยู่อาศัยและท ามาหากินเป็นระยะเวลากว่า 100 ปี และภายหลังการประกาศพื้นที่ป่าสงวน แห่งชาติ เจ้าหน้าที่รัฐจัดสรรที่ดินท ากินครอบครัวละไม่เกิน 25 – 30 ไร่ และไม่อนุญาตให้ท าไร่หมุนเวียนอีก จึงท าให้วิถีการท าไร่หมุนเวียนเลือนหายไป ป่าชุมชนบ้านอีซ่า
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษVersion 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน”
ษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 109
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 110 6. ประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์ (กลุ่มกะเหรี่ยงบ้านอีซ่า) - ประชากรมีจ านวน 41 ครัวเรือน - ประชากรทั้งหมด 115 คน - ประชากรชาย 60 คน - ประชากรหญิง 55 คน - ประชากรทั้งหมดเป็นเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (โผล่ว) 115 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ระบบเครือญาติ ประชากรในชุมชนทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (โผล่ว) อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มี ผู้คนหลากหลายช่วงวัย มีเพียงบางส่วนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พูดภาษาอื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชน กะซอง ก่อ (อึมปี้) กะยัน กะแย กะเลิง กูย ก ามุ ขแมร์ลือ คะฉิ่น จีน จีนยูนนาน ชอง ซะโอจ ซ าเร โซ่ ทะวืง ญ้อ ญัฮกุร เยอ ดาราอาง ไตหย่า ไทขึน ไทด า ไทเบิ้ง ไทยโคราช ไทยวน ไทโย้ย ไทใหญ่ บรู บีซู ปกาเกอะญอ ปลัง ปะโอ ผู้ไท โพล่ว ไทยพวน ม้ง มละบริ มอแกน มอแกลน มอญ มานิ มลายู ยอง ละว้า ลัวะ(ปรัย) ลัวะ ลาวครั่ง ลาวแง้ว ลาวเวียง ลาหู่ ลีซู ไทลื้อ เวียด แสก โส้ อ่าข่า อาเคอะ อิ้วเมี่ยน อูรักลาโว้ย โอก๋อง
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 111 7. โครงสร้างทางสังคม: องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ 7.1 กลุ่มที่เป็นทางการ 7.1.1 กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในอดีตชุมชนบ้านอีซ่าเคยมีการรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการออมทรัพย์ และใช้ในการระดมทุนไว้ให้คนในชุมชนได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ ทางการเกษตรในอัตราดอกเบี้ยต่ า แต่เมื่อรัฐบาลได้จัดให้มีกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มบ้านอีซ่าส่วนหนึ่งจึงไปเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาล ป๎จจุบันมีสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อการผลิตอยู่เพียง 17 คน และมีทุนส ารองในการบริหารกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ จ านวน 380,000 บาท (สามแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) 7.1.2 กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ มีการรวมตัวกันในนามกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งชุมชน โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของครอบครัวสมาชิก โดยให้ครอบครัวสมาชิกจ่ายเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ ครอบครัวละ 50 บาท ต่อ 1 ศพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของทายาทในการจัดงานศพ 7.1.3 กลุ่มสินเชื่อ ธ.ก.ส. มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย 4 – 5 คนต่อกลุ่ม ยื่นขอสินเชื่อการเกษตรกับ ธ.ก.ส. ซึ่งป๎จจุบันมีอยู่หลายกลุ่ม และยังมีการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น 7.2 กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ 7.2.1 กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยง มีการรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการส าหรับกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงหลังจากเสร็จภารกิจจาก การท าการเกษตร จะมานั่งรวมกันเป็นกลุ่มตามใต้ถุนบ้านหรือใต้ต้นไม้ นั่งทอผ้ากะเหรี่ยงซึ่งเป็นผ้าทอมือโดยใช้ กี่เอวในการทอผ้า ส่วนใหญ่จะเป็นการทอผ้าไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน ไม่ได้ทอผ้าเพื่อการจ าหน่าย 7.2.2 กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม การท าพิธีกรรมในชุมชนบ้านอีซ่า จะมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนจ านวนมาก ซึ่งมี นายสุรัตน์ คลองแห้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลางประจ าหมู่ 3 เป็นผู้น าพาผู้คนในชุมชน ร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน ร่วมแรงร่วมใจกันสืบสานประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรมตามแบบวิถีชีวิต ชาวกะเหรี่ยงโปว์ 7.2.3 กลุ่มศรัทธาวัด มีชาวบ้านอีซ่ากลุ่มหนึ่งที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา รวมตัวกันไปท าบุญที่วัด เป็นประจ าทุกวันธรรมสวนะ ณ วัดป่าเขามโนราห์ และที่พักสงฆ์บ้านน้ าตกอีซ่า ซึ่งเป็นศาสนสถานที่มีพระสงฆ์ จ าวัดอยู่ตลอดปี ท าให้ชาวบ้านได้มีสถานที่ในการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ หารือเรื่องการท าการเกษตร และมี การเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์ผู้คนในชุมชนท าให้เป็นที่มาของความรักความสามัคคีของในชุมชน 7.2.4 กลุ่มท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือญาติ 4 – 5 หลังคาเรือนที่เป็นกลุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะมีการรวมตัวช่วยเหลือกันทางการเกษตร เช่น มีการรวมตัวลง แขกปลูกข้าวไร่ ลงแขกเกี่ยวข้อง ลงแขกขุดมันส าปะหลัง เป็นต้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 112 8. วิถีชีวิต: ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจ าวัน 8.1 วิถีชีวิตทางสังคมและวัฒนธรรม 8.1.1 ประเพณีกินข้าวใหม่ หลังจากที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวไร่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะน าข้าวไร่ขึ้นเก็บในยุ้งฉาง ทุกบ้านที่ปลูกข้าวไร่ จะมีการประกอบพิธีกรรมกินข้าวใหม่เป็นรายหลังคาเรือน หรือบางกลุ่มอาจจะประกอบ พิธีกรรมเป็นกลุ่มญาติพี่น้อง โดยการจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร ให้ผู้อาวุโสในชุมชนบ้านอีซ่าที่เป็นปราชญ์ด้าน พิธีกรรมมาประกอบพิธี ด้วยการน าทุกคนในครอบครัวกล่าวขอบคุณและขอขมาเครื่องมือท าการเกษตรต่าง ๆ ที่ท าให้ข้าวไร่ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ข้าวไร่นั้นเป็นอาหารหลักของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ป๎จจุบันประชากรไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ยังคงท าไร่ข้าวเพื่อเลี้ยงชีพคนในครอบครัว ดังนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว จึงยังคงถูกรักษาเอาไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ 8.1.2 ประเพณีวันสงกรานต์ เมื่อถึงวันสงกรานต์ ผู้คนในชุมชนจะมีการรวมตัวกัน ณ บ้านของปราชญ์ชาวบ้าน หรือบ้านของผู้น าชุมชน เชิญชวนผู้อาวุโสทั้งหญิงและชายในชุมชนเข้าร่วมพิธีรดน้ าขอพร โดยปราชญ์ชาวบ้าน อาวุโสจะให้พรลูกหลาน หลังจากนั้นผู้น าชุมชนและลูกบ้านจะร่วมกันรดน้ าขอพรผู้อาวุโสจนครบทุกคน ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ประเพณีสงกรานต์นั้น เดิมทีเป็นของคนไทย พื้นเมือง แต่ป๎จจุบันได้แผ่อิทธิพลเข้ามาสู่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านอีซ่า ซึ่งเห็นว่าเป็นประเพณีที่ดีงามและ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสในชุมชน 8.1.3 ประเพณีไหว้เจดีย์ ในอดีตชุมชนบ้านอีซ่าแห่งนี้ เคยมีเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) จ านวน 1 คน และ ได้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามวิถีแห่งกะเหรี่ยงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเจ้าวัดได้ถึงแก่กรรมลงก็ไม่มีผู้ใด สืบทอด ดังนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เจ้าวัดเคยปฏิบัติ จึงค่อย ๆ สูญหายไปตามกาลเวลา ซึ่งล่วงเลยมากว่า 80 ปี สุรัตน์ (ส.อบต.) กลุ่ม ฌามปนกิจ กลุ่ม ธ.ก.ส. กลุ่มออม ทรัพย์ กลุ่มกองทุน หมู่บ้าน กลุ่ม การเกษตร กลุ่มร้านค้า กลุ่มประเพณี วัฒนธรรม
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 113 แต่คนในชุมชนบ้านอีซ่ายังคงมีความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับเจ้าวัด โดยเฉพาะประเพณีการไหว้เจดีย์ จึงได้ เดินทางไปไหว้เจดีย์ในชุมชนใกล้เคียงที่มีเจ้าวัดอย่างสม่ าเสมอ 8.1.4 ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณี ลอยกระทงของคนไทยพื้นเมือง ซึ่งเป็นความสอดคล้องของผู้น าแห่งจิตวิญญาณที่ต้องการให้มีการขอขมา พระแม่คงคา ที่ท าให้คนในชุมชนได้มีน้ ากินน้ าใช้ มีน้ าในการท าการเกษตรตลอดปี ดังนั้น จึงถือเอาวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 12 ซึ่งตรงกับวันลอยกระทงของคนไทย เป็นวันลอยกระทงของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่า แต่ลักษณะ กระทงของชาวกะเหรี่ยงจะมีความแตกต่างจากกระทงของคนไทย คือ กระทงจะมีขนาดใหญ่เป็นทรงสี่เหลี่ยม ท ามาจากต้นกล้วยและกาบกล้วย ในกระทงจะมีอาหารหวาน-คาว มีดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องสักการบูชาอื่น โดยทั้งหมู่บ้านท าเพียงกระทงเดียว ช่วยกันหามไปลอยกระทงในล าคลองอีซ่า เพื่อกราบขอขมาพระแม่คงคา 8.2 วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ (เกษตร เลี้ยงสัตว์ การค้า) 8.2.1 การเตรียมดินเพาะปลูก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมต้องมีการเตรียมดิน เช่น ถากถางวัชพืชหลังเก็บเกี่ยว เผาซากวัชพืช ไถบุก ไถแปรพลิกหน้าดินขึ้นมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมใต้ดิน และฆ่าไข่ของตัวหนอน และเพลี้ยชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ดินมีความพร้อมส าหรับการปลูกพืชรอบใหม่ 8.2.2 การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร เดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมหากฝนตกต้องตามฤดูกาลชาวบ้านจะท าการเพาะปลูก พืชผลทางการเกษตร หลังจากนั้นเกษตรกรจะดูแลพืชผลทางการเกษตรต่อไปอีกราว ๆ 4 – 6 เดือน จึงจะได้ เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละชนิด ดังนั้น ในช่วงของการดูแลพืชผลทางการเกษตรจึงถือได้ว่าเป็นช่วง ที่ส าคัญมาก เพราะเกษตรกรต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจก็คือ แมลง เพลี้ย หนอน ตั๊กแตน ฯลฯ อีกทั้งโรค เกี่ยวกับพืชต่าง ๆ เช่นเชื้อรา โรคใบไหม้ ใบหงิก เป็นต้น รวมถึงวัชพืชต่าง ๆ ในแปลงเกษตรด้วย กิจกรรม/เหตุการณ์ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. หมายเหตุ ปฏิทินเศรษฐกิจ เตรียมดินเพาะปลูก พืชเชิงเดี่ยวโดยรวม ฤดูเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ปลูกข้าวไร่ มันส าปะหลัง ดูแลพืชผลเกษตรในไร่ ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเกษตร ฤดูเกี่ยวข้าว ปฏิทินวัฒนธรรม ประเพณีกินข้าวใหม่ พิธีค้ าต้นไทร/ต าขมิ้น พิธีรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ พิธีผูกแขนด้ายเหลือง พิธีป๎กสะเดิ่งครัวเรือน พิธีป๎กสะเดิ่งไร่ข้าว พิธีป๎กสะเดิ่งในล าห้วย พิธีสู่ขวัญข้าว ประเพณีลอยกระทง ประเพณี “พิบือโย”
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 114 9. ประวัติชีวิต: ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้น า/บุคคลส าคัญของชุมชน ชื่อ นายเกี๊ยะ นามสกุล คลองแห้ง อายุ 72 ปี และเกิด พ.ศ. 2494 ที่อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายเกี๊ยะ คลองแห้ง เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอสมุนไพรพื้นบ้าน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย เบื้องต้นส าหรับโรคภัยที่มีกระบวนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และโรคภัยที่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้หวัด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นเสมือนผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชุมชน เช่น ช่วยเรียกขวัญให้ ลูกหลานช่วยชาวบ้านท าพิธีกรรมกินข้าวใหม่ เป็นหมอต าแย เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านเครื่องจักสาน สามารถ สานเครื่องใช้ภายในบ้านไว้ใช้เอง และสอนเพื่อนบ้านท าเครื่องจักสานเครื่องใช้ในครัวเรือนในรายการง่าย ๆ ชีวประวัติ นายเกี๊ยะ คลองแห้ง ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่เกิดในปี พ.ศ. 2494 ป๎จจุบันมีอายุ 72 ปี ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือภาษาไทย แต่มีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณรตอนอายุราว ๆ 7 ขวบ โดยมีพระสงฆ์ ที่เป็นชาวกะเหรี่ยงเป็นพระอุป๎ชฌาย์ ทั้งนี้ ได้ศึกษาภาษากะเหรี่ยงอย่างแตกฉานทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน หลังจากนั้นได้ลาสิกขาบทออกมาใช้ชีวิตแบบฆราวาส และได้แต่งงานครองเรือนในวัย 19 ปี โดยสมรสกับ นางทองแดง คลองแห้ง และมีบุตรธิดาด้วยกัน 6 คน มีบุตรหลานหลายคนที่ย้ายไปใช้ชีวิตในท้องถิ่นอื่น ตอนที่ตนยังเด็กชุมชนบ้านอีซ่าเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มีชาวกะเหรี่ยงโปว์อาศัยอยู่จ านวนมากราว ๆ 200 หลังคาเรือน ต่อมาชุมชนแห่งนี้เกิดโรคมาลาเรียระบาดใหญ่ ท าให้มีผู้คนในชุมชนล้มตายไปกว่า 25 คน ภายในปีเดียว เคราะห์ซ้ ากว่านั้น มีโจรมีเสือชุกชุม มีชาวบ้านถูกปล้นสะดมอย่างต่อเนื่อง บางปีก็เกิดภัยแล้ง ท าให้ผู้คนอดอยากยากแค้น ส่งผลให้ชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ท้องถิ่นใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าป๎จจุบันนี้ จึงคงเหลือเพียง 41 หลังคาเรือนเท่านั้น ปี พ.ศ. 2533 หลวงพ่อวิชา ละติยุโต ได้เดินทางธุดงค์ผ่านชุมชนกะเหรี่ยงอีซ่า มองเห็นถึงสภาพการ ประสบป๎ญหาภัยแล้งของพื้นที่ จึงมอบทรัพย์สินส่วนตัวและบอกบุญรับบริจาคเงินสมทบทุนสร้างฝายชุมชน กั้นล าคลองอีซ่า เพื่อให้ประชาชนได้มีน้ ากินน้ าใช้ตลอดปี แต่ป๎จจุบันนี้หน้าฝายตื้นเขินเต็มไปด้วยทราย สาเหตุ เกิดจากสายน้ าในฤดูฝนที่ผัดพาทรายมาจากต้นน้ า ไหลมารวมกันอยู่ที่หน้าฝาย จึงท าให้ฝายกักเก็บน้ าไว้ใช้ใน ฤดูแล้งไม่ค่อยได้สถานการณ์ภัยแล้งจึงค่อย ๆ แทรกซึมกลับมาเยือนชาวบ้านดังเช่นในอดีตกันอีกหน นายเกี๊ยะ คลองแห้ง
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 115 10. ทุนชุมชน 1. ทุนทางกายภาพ 1.1 ล าคลองอีซ่า ประวัติความเป็นมา ผู้อาวุโสเล่าให้ฟ๎งว่า ไม่ทราบว่าท าไมถึงเรียกล าคลอง นี้ว่าล าคลองอีซ่า และก็ไม่เคยถามรุ่นปู่ด้วยว่าท าไมถึงเรียกชื่อนี้ แต่คาดเดาว่าอาจจะเกิดจากเสียงสายน้ า กระทบกับ ก้อนหินและโขดหินด้วยความแรงของกระแสน้ าและมวลน้ าจ านวนมากในฤดูฝน จึงท าให้เกิดเสียง ซ่า อยู่ตลอดเวลา จึงเรียกว่าคลองอีซ่า หรือจะมีคนในอดีตชื่อว่าซ่าที่มีความหลังบางอย่างกับสายน้ าสายนี้ ก็อาจเป็นไปได้ ซึ่งไม่สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจน และไม่เคยมีใครพูดถึง สถานที่และช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง “ล าคลองอีซ่า” มีต้นก าเนิดมาจากผืนป่าห้วยขาแข้งที่แสน อุดมสมบูรณ์ ไหลผ่านหลายชุมชนที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามชื่อชุมชนนั้น ๆ จนมาถึงชุมชนอีซ่า ชาวบ้าน เรียกกันว่า “ล าคลองอีซ่า” อยู่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงป๎จจุบัน ไม่เคยเกรี้ยวกราดจนท าให้ ผู้คนล้มตาย แต่เคยแห้งจนผู้คนเกือบตาย จนเกิดการสร้างฝายกั้นล าคลองในเวลาต่อมา ท าให้ผู้คนมีชีวิตชีวา ขึ้นมาอีกครั้ง คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน “ล าคลองอีซ่า” เป็นเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงผู้คนใน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่ามาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน เป็นทั้งแหล่งน้ ากินน้ าใช้และน้ าในการท าการเกษตร สถานภาพป๎จจุบัน “ล าคลองอีซ่า” จะมีมวลน้ าปริมาณมากในฤดูฝน บางปีไหลเชี่ยว บางปีมี น้ าพอใช้ บางปีมีน้ าน้อย ล้วนเป็นไปตามสถานการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาของไทยและของโลก ที่ส าคัญยังคงมี ความส าคัญต่อผู้คนในชุมชนอย่างไม่ลดน้อยถอยลงเลย การสืบทอดและความยั่งยืนในการใช้งาน การที่ล าคลองสายนี้มีปริมาณน้ าลดลงไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ผืนป่าต้นน้ าและผืนป่าที่อยู่ระหว่างทางที่สายน้ าไหลผ่านนั้นค่อย ๆ หมดลงไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถที่จะดูดซับความชุ่มชื้นของสายน้ าสายนี้ไว้ได้ตลอดปี ในฤดูแล้งจึงไม่มีน้ าในล าคลอง จึงพูดได้ว่า การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ าในชุมชนแห่งนี้ยังไม่มีความยั่งยืนเท่าที่ควร ล าคลองอีซ่า 1.2 ป่าสงวนแห่งชาติ ประวัติความเป็นมา เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมป่าไม้ได้ประกาศเขตพื้นที่ ป่าสงวนห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไข เพิ่มเติม ซึ่งทับซ้อนพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี หลายชุมชน ไม่เว้นแม่แต่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านอีซ่าแห่งนี้รัฐจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านท ากินในพื้นที่ของบรรพบุรุษ ครัวเรือนละ 25 – 30 ไร่ และห้ามท าไร่หมุนเวียนตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงอีกต่อไป เนื่องจากรัฐมองว่าเป็นการ ท าลายป่า และต้องใช้ที่ดินจ านวนมากในการท าไร่หมุนเวียน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 116 สถานที่/ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง หลังการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและ ห้วยป่าคอกควาย ซึ่งมีผลกระทบกับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์ กะเหรี่ยงมีความผูกพันกับป่า ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่บนพื้นที่ราบสูงหรือในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้น การ ประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของรัฐ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างป๎ญหาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายรัฐกับ กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในหลายพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานีมาจนถึงป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงรู้ว่าคุณค่าของป่าไม้ว่ามีมากมายเพียงใด ดังค าพูดที่ว่า “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” และ “ที่ไหนมีกะเหรี่ยงที่นั่นมีป่า” ค าพูดนี้ยังคงเป็นความจริง มาจนถึงทุกวันนี้แบบที่ไม่มีวันจะเสื่อมสลายไป ดังจะเห็นได้ว่าหมู่บ้านกะเหรี่ยงทุกที่จะมีป่าชุมชนหรือป่าตาม ภูเขาที่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้านกะเหรี่ยง สถานภาพป๎จจุบัน แม้ป๎จจุบันนี้ป่าชุมชนหรือป่าไม้ตามไหล่เขาและบนภูเขารอบ ๆ ชุมชนจะ ลดลงไปมากหากเทียบกับอดีต แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ป่าอยู่ร้อยละ 15 – 20 ของพื้นที่ในป๎จจุบัน เพียงพอที่จะ ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านอีซ่า และเป็นแหล่งอาหารป่าของคนในชุมชนดังเช่นในอดีต ป่าสงวนแห่งชาติ 2. ทุนมนุษย์ ในชุมชนบ้านอีซ่ามีปราชญ์ชาวบ้านอยู่มากมาย เช่น เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอสมุนไพร พื้นบ้าน ปราชญ์ชาวบ้านด้านเครื่องจักสาน ปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร ปราชญ์ชาวบ้านด้านพิธีกรรม ปราชญ์ชาวบ้านด้านวิถีชีวิต ศิลปินพื้นบ้าน เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า มีศักยภาพ ในการพัฒนาชุมชน ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง กว่า 150 ปีมาแล้ว ที่ชุมชนบ้านอีซ่าได้ก่อตั้งมา บรรพบุรุษได้สรรสร้าง วัฒนธรรมที่ดีงามไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อรุ่น ลูกหลานก็สืบทอดไปสู่คนรุ่นต่อไป หมุนเวียนเป็นวัฏจักรของชีวิต คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านและผู้คนในชุมชนล้วนแต่เป็นผู้ท า คุณประโยชน์ต่อชุมชน เป็นที่พึ่งทางกาย เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาณ และท าคุณประโยชน์ต่อชุมชน สถานภาพป๎จจุบัน ปราชญ์ชาวบ้านทุกคนยังคงช่วยเหลือชาวบ้านอยู่เนือง ๆ ตามความรู้ ความสามารถและทักษะวิชาชีพที่ตนมี การสืบทอดและความยั่งยืน ประสบการณ์ของปราชญ์ชาวบ้านทุกคน จะถูกถ่ายทอดจากรุ่น สู่รุ่น และการมีการดูแลกันไปอย่างนี้ตราบนานเท่านาน 3. ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น 3.1 การทอผ้ากะเหรี่ยงและเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ บ้านอีซ่า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงในชีวิตประจ าวัน แต่ทุกคนมีชุดกะเหรี่ยงไว้ติดบ้าน หาก
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 117 เมื่อไหร่ที่ผู้น าชุมชนต้องการให้สวมใส่ชุดกะเหรี่ยง ทุกคนพร้อมที่จะหยิบขึ้นมาสวมใส่ เพื่อแสดงอัตลักษณ์ ความเป็นกะเหรี่ยงได้ทันที เช่น ร่วมพิธีกรรมหรือไปร่วมกิจกรรมกับทางราชการ และจะสวมใส่ชุดกะเหรี่ยง ต่อหน้าสาธารณชนอย่างภาคภูมิใจ ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง จะมีการแต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงในหลายวาระ เช่น เทศกาลขึ้นปีใหม่ งานไหว้เจดีย์ของหมู่บ้านใกล้เคียง งานสงกรานต์และประเพณีรดน้ าด าหัวผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยง งานกินข้าวใหม่ งานแต่งงาน และงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนชุมชน เป็นต้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน เครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงเป็นเครื่องแบบที่แสดงถึงอัตลักษณ์ ความเป็นกะเหรี่ยงที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้ ถึงแม้ว่าป๎จจุบันจะไม่ค่อยได้สวมใส่กันมากนัก แต่ชาวกะเหรี่ยง ทุกคนมีความรักและมีความผูกพันกับเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยง การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านอีซ่าทุกคนรักและหวงแหนอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมของตนเอง ทุกคนพร้อมใจกันที่จะร่วมกันอนุรักษ์สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพชนได้ สรรสร้างไว้ และพร้อมจะสืบทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปอย่างยั่งยืน การทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ด้วยกี่เอว 3.2 อาหารกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ไม่ว่าจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ไหน ก็ตาม จะน าวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินไปด้วยเสมอ และชุมชนอีซ่าแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้ยังคง ท าอาหารกะเหรี่ยงได้ในทุกครัวเรือน ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง การท าอาหารกะเหรี่ยงนั้นท าได้ทุกวันทุกฤดูกาล และเป็นรายการอาหาร ที่สามารถหาวัตถุดิบและเครื่องปรุงในท้องถิ่นได้ มีขั้นตอนและวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน อาหารพื้นบ้านกะเหรี่ยงโปว์มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ มีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มีการสืบทอดจากอดีตถึงป๎จจุบัน สถานการณ์ป๎จจุบัน ได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกมากมาย แถมสื่อดิจิตอลและสื่อออนไลน์ ยัง โหมกระหน่ าใส่ลูกหลานชาวกะเหรี่ยงบ้านอีซ่าอย่างหนักหน่วง ท าให้ชาวกะเหรี่ยงวัยกลางคนและเยาวชน รุ่นใหม่สามารถท าอาหารไทยและอาหารสากลได้ แต่เชื่อได้ว่าชาวกะเหรี่ยงจะยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมด้าน อาหารของ บรรพบุรุษเอาไว้ได้ในที่สุด การสืบทอดและความยั่งยืน ป๎จจุบันนี้ชาวกะเหรี่ยงรุ่นพ่อรุ่นแม่ยังคงสอนวิถีการด ารงชีวิต แบบกะเหรี่ยงให้กับเยาวชนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ท าให้มั่นใจได้ว่าการถ่ายทอดมรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมด้าน อาหารกะเหรี่ยงจะด ารงคงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 118 แกงขนุนอ่อนน้ าคลุกคลิก 3.3 ขนบธรรมเนียมประเพณีกะเหรี่ยงโปว์ ประวัติความเป็นมา ในยุคหนึ่งชุมชนบ้านอีซ่า เคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมกะเหรี่ยงถึงขีดสุด เพราะชุมชนแห่งนี้เคยมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ ย้ายมาอยู่กว่า 200 ครัวเรือน ส่งผลให้ชุมชนแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์ เคยมีเจ้าวัด จ านวน 1 คน ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อและความศรัทธาแห่งวิถีกะเหรี่ยงโปว์ ท าให้ชาวบ้านอีซ่ายกย่อง กันว่ายุคนั้นเป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองด้านวัฒนธรรมของชุมชน ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ชุมชนบ้านอีซ่าในยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม จากค าบอกเล่า น่าจะอยู่ราว ๆ พ.ศ. 2450 – 2525 เป็นระยะเวลากว่า 75 ปี ที่ชุมชนแห่งนี้มีประชากรกะเหรี่ยงโปว์อาศัย อยู่รวมกันหนาแน่นที่สุด และมีการด ารงชีวิตด้วยวิถีวัฒนธรรมแบบกะเหรี่ยงโปว์อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยไม่มี วัฒนธรรมอื่นใดที่จะมาแทรกแซงวิถีชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์ได้ ผู้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากกว่า ในห้วงเวลาอื่น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาว กะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่าที่กล่าวมาข้างต้น ยังคงตรึงตราตรึงใจชาวกะเหรี่ยงโปว์ในชุมชนบ้านอีซ่าทุกคน โดยเฉพาะ ชาวกะเหรี่ยงโปว์วัยอาวุโสที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตในยุคแห่งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมนั้น และได้เป็นส่วนหนึ่ง ของการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์อันดีงาม สถานการณ์ป๎จจุบัน ในปีหนึ่ง ๆ มีการรวมตัวกันเพื่อจัดงานประเพณีวัฒนธรรมน้อยมาก คนในชุมชนไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงอัตลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านอีซ่าได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานรากวัฒนธรรม ของชนเผ่ากะเหรี่ยงเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าจะให้ดีต้องเร่งด าเนินการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโดยเร่งด่วน ก่อนที่จะสูญหายไปตลอดกาล 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา ในอดีตบรรพบุรุษในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่านิยมปลูก ข้าวไร่เป็นหลัก ที่ส าคัญเป็นการปลูกข้าวไร่ตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงหรือที่ว่าการท าไร่หมุนเวียน เป็นการปลูก ข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการจ าหน่าย พืชผักสวนครัวก็ปลูกไว้ในไร่หมุนเวียนเช่นเดียวกัน ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง จากยุคการท าไร่หมุนเวียนไปสู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืช เศรษฐกิจ ได้แก่ ยุคที่ที่ดินท ากินของชุมชนถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ชาวบ้านได้รับการจัดสรร
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 119 ที่ดินท ากินจ านวนจ ากัด ไม่เพียงพอกับการท าไร่หมุนเวียน การปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพจึงเปลี่ยนมาเป็นการ ปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน การปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อ จ าหน่ายและน าเงินมาเลี้ยงชีพ ทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่าและความหมายต่อชีวิตของผู้คนในชุมชน สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก ข้าวโพด มันส าปะหลัง ปาล์ม อ้อย เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่โตเร็ว ทนแล้ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว และจะคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปอีกหลายทศวรรษ 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา จากอดีตถึงป๎จจุบันชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านอีซ่าให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังจะเห็นได้ว่า ชาวบ้านได้มีการตั้ง ผู้ปกครองชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชน เรียบล าดับได้ ดังนี้ 1. นายเบิกคลอง ภูเหม็น 2. เหวียโว่ คลองแห้ง 3. นายเกี๊ยะ คลองแห้ง ส่วนผู้น าอย่างเป็นทางการหรือผู้น าที่รัฐแต่งตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านปกครองชุมชน มีดังนี้ 1. นายรัตน์ แกล้วการไร่ (ผู้ใหญ่บ้าน เริ่ม พ.ศ. 2510) 2. นายส ารวย อาสา (ผู้ใหญ่บ้าน) 3. นายศักดิ์ดา (ผู้ใหญ่บ้าน) 4. นายสมศักดิ์ บุญประกอบ (ผู้ใหญ่บ้าน) 5. นางพนม ทูลพัฒน์ (ผู้ใหญ่บ้าน) 6. นายประเวก อยู่รอบ (ผู้ใหญ่บ้านคนป๎จจุบัน ด ารงต าแหน่งมาแล้ว 14 ปี) ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ที่ชุมชนแห่งนี้มีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการที่ภาครัฐได้ แต่งตั้งให้ดูแลชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพและยอมรับในตัวผู้น าทุกรุ่นทุกยุคสมัย รวมถึงในระยะหลังที่ ภาครัฐก าหนดให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดีไม่มีป๎ญหาเรื่อง ความขัดแย้ง แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเคารพในกติกาของบ้านเมือง มีส่วนร่วมทางการเมือง และยอมรับ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนแห่งนี้ผ่านทุกช่วงเวลาที่ยากล าบากจากอดีตจนถึง ป๎จจุบัน ผ่านเหตุการณ์ร้ายและดีมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี ผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่เป็น ทางการและไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านอีซ่า เป็นชุมชนขนาดเล็ก ที่มีประชากรเพียง 41 หลังคาเรือน ภาครัฐต้องไปรวมกับชุมชนอื่น ๆ อีกหลายกลุ่ม จนกลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ในนามของหมู่ที่ 3 (บ้านละว้า) ต าบลทองหลาง โดยยินยอมให้กลุ่มอื่นเป็นผู้ใหญ่บ้าน และชุมชนบ้านอีซ่ารับต าแหน่งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง การสืบทอดและความยั่งยืน ชุมชนมีการสืบทอดการเมืองและการปกครองด้วยความ เรียบร้อยตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน ไม่มีป๎ญหาความขัดแย้ง และไม่เคยเสียเลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลง การปกครองในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ซึ่งเห็นถึงความยั่งยืนในการเมืองการปกครองระดับท้องถิ่น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 120 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ได้แก่ ภาษากะเหรี่ยงโปว์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในครัวเรือน และใช้ในการ สื่อสารกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ ภาษาเขียน ได้แก่ ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ทั่วประเทศ และกะเหรี่ยงโปว์จากทั่วโลก ใช้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ สถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ ชาวกะเหรี่ยงโปว์ในป๎จจุบัน มีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ได้ จ านวนน้อยมาก ประมาณร้อยละ 2 เนื่องจากส่วนใหญ่หันมาใช้ภาษาไทย จึงท าให้ในที่สุดภาษาเขียนกะเหรี่ยง โปว์ค่อย ๆ เลือนหายไปจากวิถีชีวิต ส าหรับภาษาพูดกะเหรี่ยงโปว์ยังคงมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่สามารถพูดได้ เนื่องจากชาว กะเหรี่ยงโปว์ให้ความส าคัญกับภาษาพูด และพยายามสอนให้ลูกหลานเยาวชนพูด ส่งผลให้ชาวกะเหรี่ยงโปว์ร้อยละ 80 ยังคงพูดภาษากะเหรี่ยงได้ 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงป๎จจุบัน โดยในยุคแรกมีการปกครอง โดยผู้น าชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ เป็นผู้อาวุโสหรือปราชญ์ชาวบ้านที่เป็นที่ยอมรับในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้าน อีซ่าเป็นผู้ปกครองดูแลทุกข์สุขและความสงบเรียบร้อยในชุมชน ต่อมามีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านจากภาครัฐ มาดูแลราษฎร และภายหลังเปลี่ยนมาเป็นการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนต าบลเพื่อพัฒนาชุมชน ชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือกับผู้น าชุมชนและภาครัฐเป็นอย่างดี ในการ เลือกตั้งทุกระดับ ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบัน จากอดีต เป็นการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ ต่อมาชาวบ้านถูกจ ากัดที่ดินท ากิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ป่า สงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากินของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ด้วยการหันมาปลูกพืช เชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจเพื่อหาเงินมาใช้ในการด ารงชีพ ด้านสังคมและประชากร ชุมชนกลุ่มบ้านอีซ่ามีการเปลี่ยนแปลงในหลายช่วงเวลา กล่าวคือ ใน ระยะแรกที่มีชาวกะเหรี่ยงโปว์เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ท ากินในบริเวณบ้านอีซ่า มีเพียงไม่กี่ครัวเรือน เมื่อมีการบอก ต่อไปยังญาติ ๆ ท าให้มีผู้คนย้ายเข้ามาอยู่ที่ชุมชนบ้านอีซ่าจ านวนราว ๆ 200 กว่าหลังคาเรือน เพียง ระยะเวลาไม่กี่ปี หลังจากนั้นชุมชนแห่งนี้ประสบเคราะห์กรรมมีโรคระบาด ได้แก่ โรคไข้เลือดออกและไข้ มาลาเรีย พรากชีวิตผู้คนไปกว่า 25 คน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้อยู่ไกลจากโรงพยาบาล สร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้คนในชุมชนเป็นอย่างมาก กอปรกับป๎ญหาภัยแล้งท ามาหากินไม่ได้ เคราะห์ซ้ าไปกว่านั้นรัฐได้ประกาศ พื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติทับที่ท ากินของชาวบ้าน รัฐจัดสรรที่ท ากินให้ใหม่เพียงครอบครัวละ 25 – 30 ไร่ ชาวบ้านไม่สามารถท าไร่หมุนเวียน ส่งผลให้ชาวบ้านทยอยย้ายออกไปจากชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ท าให้ ป๎จจุบันนี้ประชากรเหลือเพียง 41 หลังคาเรือนเท่านั้น ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านอีซ่าส่วนใหญ่ย้ายมาจากบ้านภูเหม็น และบ้านคลองแห้ง จึงไม่ค่อยประสบป๎ญหาเรื่องสิทธิในสัญชาติ ทุกคนจึงมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย มีบัตร ประชาชน มีสิทธิพลเมืองไทยทุกประการ รวมถึงได้รับสวัสดิการแห่งรัฐเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคนใน ประเทศ ด้านระบบสาธารณูปโภค ในอดีตไม่มีระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ ต่อมาเมื่อชุมชนกลุ่มบ้านอีซ่า มีประชากรมากขึ้น รัฐจึงเข้ามาช่วยเหลือด้วยการท าประปาหมู่บ้าน เดินไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน ท าถนนคอนกรีตใน หมู่บ้าน มีเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ชุมชน จนถึงป๎จจุบันชุมชนมีระบบสาธารณูปโภคที่เพียงพอ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 121 ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน จึงท าให้คนในชุมชนต้อง เสียชีวิตด้วยโรคภัยต่าง ๆ แต่ป๎จจุบันชาวบ้านอีซ่าได้รับสวัสดิการจากภาครัฐเกี่ยวกับการสาธารณสุขเท่าเทียม กับประชาชนคนไทยทุกคน และมีห้องน้ าห้องส้วมที่ถูกสุขภาวะทุกบ้าน ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านอีซ่าได้รับการศึกษาแบบการศึกษาผู้ใหญ่ เนื่องจาก ไม่มีโรงเรียนในชุมชน ต่อมาเริ่มมีโรงเรียนแต่อยู่ห่างไกล มีเพียงเยาวชนบางคนที่ได้รับการศึกษา แต่ป๎จจุบันนี้ เด็กและเยาวชนทุกคนได้รับการศึกษาภาคบังคับ เพราะมีโรงเรียนหลายแห่งอยู่ใกล้ชุมชน เด็กและเยาวชนที่มี โอกาสได้เข้าเรียนสามารถเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 80 เยาวชนที่มีโอกาสเรียนระดับปริญญาตรี สามารถเรียนจบปริญญาตรีร้อยละ 10 เป็นความท้าทายของรัฐ ผู้ปกครอง และผู้น าชุมชน ในการหาวิธีการให้ เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตรีจ านวนมากขึ้นกว่าป๎จจุบัน ด้านวัฒนธรรม ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านอีซ่าล้วนยึดมั่นรักษาอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ให้คงอยู่ ด้วยการ ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่สามารถทัดทานวัฒนธรรมจากภายนอก ซึ่งมี ความทันสมัยที่เข้ามาแทรกซึมวิถีวัฒนธรรมในทุกมิติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท าให้วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย แต่ส่วนหนึ่งเยาวชนก็หลงลืมวัฒนธรรมของตนเอง อีกส่วนหนึ่งพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ได้ถ่ายทอดให้ ส่งผลให้อัตลักษณ์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์ของชุมชนนี้ จะรับรู้กันในกลุ่มคนวัยกลางคนและ ผู้สูงอายุเท่านั้น ในอนาคตอันใกล้นี้มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงที่จะสูญหายไปหมด จึงเป็นความท้าทาย ของผู้น าชุมชนที่จะอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไป ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามค าพูดที่กล่าวว่า “ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั่นมีป่า” และ “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” ในอดีตนั้นอาจจะใช่ แต่ป๎จจุบันนี้ไม่ถูกต้องเสมอไป เมื่อมีประชากรย้ายถิ่นฐาน เข้ามาอยู่จ านวนมาก ท าให้ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ถูกแปรสภาพเป็นที่อยู่อาศัย ไร่หมุนเวียน สวน และไร่เกษตร จากระยะเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบ 2 ศตวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่าชุมชนเหลือเพียงร้อยละ 10 ของ พื้นที่ ภาครัฐที่ได้มีการประกาศพื้นที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย มีการจ ากัด ที่ดินท ากินของราษฎร ท าให้รักษาผืนป่าไว้ได้มากขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องท้าทายส าหรับภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ และ ว่าจะบริหารจัดการพื้นที่ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมให้เกิดความสมดุลได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์ และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ระบุ.............................. ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) วนอุทยาน ระบุ..................................... การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ผู้คนในชุมชนมีความรัก ความสามัคคีความผูกพันความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความร่วมมือร่วมใจ และเป็น น้ าหนึ่งใจเดียวกันตลอดมา ดังนั้น ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติภัยคุกคาม ป๎ญหาพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น คนในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้วิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ผู้น าแห่งจิตวิญญาณและความเชื่อ และกลุ่มผู้น า ชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญในแต่ละด้าน เชิญสมาชิกลูกบ้านประชุมเพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ก าหนดแนวทาง ในการแก้ไขป๎ญหาและรับมือกับความท้าทายจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 122 การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ และจะยังคงมี การขยายเครือข่ายทั้งสองประเภทต่อไปอย่างต่อเนื่อง บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน หลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัด อุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด อุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี เกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับบุคคลหรือองค์กรเอกชนที่ เข้ามามีส่วนร่วม เช่น หลวงพ่อวิชา ลติยุโต สร้างฝายน้ าถาวรให้ชุมชน สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน เป็นต้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 123 แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วม 1.1 ผู้เรียบเรียงข้อมูล* กิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ 1.2 วันที่จัดท าข้อมูล 10/10/2566 1.3 ผู้ตรวจสอบข้อมูล พรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง 1.4 วันที่ตรวจสอบข้อมูล 28/11/2566 2. ชื่อชุมชน 2.1 ชื่อทางการ* บ้านละว้า หมู่ 3 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 2.2 ชื่อท้องถิ่น ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด 2.3 ความเป็นมาของชื่อ ชุมชน นายงิ้ว บูโกก ผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ชาวบ้านกลุ่มบ้านกุดจะเลิดให้ความ เคารพนับถือ เล่าให้ฟ๎งว่า มีชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มหนึ่งได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน มาจากชุมชนสมอทองมาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ น่าจะไม่ต่ ากว่า 200 ปี ด้วยพื้นที่ บริเวณนี้เป็นที่ราบเชิงเขาและหุบเขาเป็นส่วนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติในผืนป่าไม้เบญจพรรณและป่าไม้ผลัดใบ มีเหมาะสมอย่างยิ่ง ในการท าไร่หมุนเวียนแบบวิถีชาวกะเหรี่ยง มีแม่น้ าคอกควายไหลผ่านชุมชน เป็นแม่น้ าที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน เป็นทั้งแหล่ง น้ าในการอุปโภคบริโภคและท าการเกษตรมาแต่ครั้งอดีตกาล นอกจากนี้ คนใน ชุมชนยังเล่าให้ฟ๎งว่า ในอดีตนายกุยจะลอะ (ภาษากะเหรี่ยง) ชาวบ้านในชุมชน นี้ได้ตกน้ าในแม่น้ าและจมน้ าตายในแม่น้ าคอกควาย และเชื่อกันว่าในแม่น้ า คอกควายมีวังวนอยู่จุดหนึ่ง ชาวบ้านจึงพากันเรียกชุมชนนี้ว่า “กุยจะลอะ” ตามชื่อของคนที่เสียชีวิตนั้นมาจนถึงป๎จจุบัน ส่วนทางการไม่สามารถเรียกตาม ภาษากะเหรี่ยงได้ จึงออกเสียงว่า “กุดจะเลิด” และใช้ชื่อ “กุดจะเลิด”เป็นชื่อ ชุมชนมาจนถึงป๎จจุบัน 2.4 ประเภทชุมชน ☐ ชุมชนเมือง/ชาวเมือง ☒ ชุมชนชนบท ☒ ชุมชนชาติพันธุ์ ☐ เครือข่ายชุมชน (กลุ่มทางสังคม/องค์กรทาง สังคม) ☐ ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร ☐ ชุมชนอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเม้นท์ 2.5 จุดเด่นชุมชน 1. ใจกลางชุมชนบ้านกุดจะเลิด มีต้นกะพงษ์ขนาดใหญ่ อายุกว่า 100 ปี และมีต้นไทรอายุกว่า 100 ปี อยู่ท้ายหมู่บ้าน เป็นเสมือนศูนย์รวมความเชื่อ และจิตวิญญาณของผู้คนในชุมชน 2. ในชุมชนบ้านกุดจะเลิดมีแม่น้ าคอกควายที่ไหลผ่านชุมชนเป็นระยะทาง กว่า 500 เมตร ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน 3. ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่กลางหุบเขา มีภูเขาขนาดใหญ่ล้อมรอบดูผิวเผินเหมือน ทิวทัศน์ในประเทศสวิสแลนด์มีความงดงามทางธรรมชาติ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 124 3. ที่ตั้ง 3.1 จังหวัด* อุทัยธานี 3.2 อ าเภอ/เขต* ห้วยคต 3.3 ต าบล/แขวง* ทองหลาง 3.4 หมู่บ้าน บ้านละว้า 3.5 รหัสไปรษณีย์ 61170 3.6 ที่อยู่ (หมู่ที่, ถนน) หมู่ที่ 3 3.7 ละติจูด* 15.31712195 3.8 ลองจิจูด* 99.53313679 3.9 ประเภทเขตการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ☐ เทศบาลนคร ระบุ………… ☐ เทศบาลเมือง ระบุ……………… ☐ เทศบาลต าบล ระบุ……… ☒ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ☐ กรุงเทพมหานคร ☐ เมืองพัทยา 4. ความเป็นมา: ประวัติศาสตร์ชุมชน นายงิ้ว บูโกก เล่าให้ฟ๎งว่า บรรพบุรุษของตนและกลุ่มญาติพี่น้องผองเพื่อนกลุ่มหนึ่งได้อพยพโยกย้าย ถิ่นฐานจากบ้านสมอทองในป๎จจุบัน มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ราบเชิงเขาที่เต็มไปด้วยภูเขาและ หุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของป่าและพืชพรณธัญญาหารส าหรับการด ารงชีพมากมาย เป็นป่าไม้เบญจพรรณ และป่าไม้ผลัดใบ พื้นที่บริเวณนี้มีเหมาะสมอย่างยิ่งในการท าไร่หมุนเวียนตามแบบวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง และ คาดว่าน่าจะย้ายมาอยู่บริเวณนี้ไม่น้อยกว่า 200 ปีมาแล้วเป็นอย่างน้อย ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย โซน 3 พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นที่ราบเชิงเขา หุบเขา และมีภูเขาขนาดไม่สูงมากนักล้อมรอบชุมชน มีลักษณะเหมือนชุมชนอยู่ในแอ่งกระทะ และมีเนินเขาขนาดสูงต่ าสลับซับซ้อนลดหลั่นกันไปเป็นจ านวนมาก ในอดีตชาวบ้านท าไร่หมุนเวียนอย่างเดียว เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการค้าขาย สภาพแวดล้อมบ้านกุดจะเลิด ในอดีตชุมชนแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่จ านวนมากกว่า 100 หลังคาเรือน มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่า มีผืนป่า ที่อุดมสมบูรณ์โอบล้อมชุมชน ผู้คนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีเจ้าวัดซึ่งเป็นผู้น าทาง จิตวิญญาณ และมีเจดีย์ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมอยู่กลางชุมชน ต่อมาระยะหลัง ๆ ชุมชนประสบภัยแล้ง
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 125 บ่อยครั้ง รวมถึงประสบภัยน้ าท่วมเป็นบางปี เนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ าคอกควาย การท าการเกษตรไม่ค่อยได้ผล ผลิตเท่าที่ควร จึงท าให้ผู้คนในชุมชนย้ายออกไปจากชุมชนเป็นจ านวนมาก และคงเหลืออยู่เพียง 25 หลังคาเรือน ในป๎จจุบัน สภาพบ้านเรือนบ้านกุดจะเลิด ชุมชนบ้านกุดจะเลิด เคยมีโรงเรียน เด็ก ๆ ที่มีอายุถึงเกณฑ์เรียนหนังสือจะได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ แต่ป๎จจุบันไม่มีแล้ว เนื่องจากจ านวนนักเรียนน้อย โรงเรียนจึงถูกปิดตัวไป เด็ก ๆ ต้องไปเรียนหนังสือในชุมชน อื่นในพื้นที่ใกล้เคียง ในอดีตบรรพบุรุษชาวกะเหรี่ยงชุมชนบ้านกุดจะเลิด ได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรมตามแบบ วิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ป๎จจุบันถูกกลืนกินหายไปเป็นจ านวนมาก เนื่องจากชุมชนกะเหรี่ยง แห่งนี้อยู่ใกล้กับคนไทยพื้นเมืองที่อยู่รอบ ๆ ชุมชน การคมนาคมสัญจร ในอดีตชุมชนยังไม่มีถนนหนทาง ผู้คนในชุมชนบ้านกุดจะเลิดต้องเดินเท้าไปตาม ทางเท้า ข้ามภูเขา ป่าไม้ ล าธาร เพื่อที่จะไปท าธุรกรรมที่อ าเภอ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 1 วัน พัก 1 คืน และ เดินทางกลับอีก 1 วัน จึงจะกลับถึงบ้าน หากจะต้องเดินทางไปที่ตัวจังหวัด จะต้องเดินทางถึง 2 วัน พักระหว่างทาง 3 คืน และเดินทางกลับอีก 2 วัน จึงจะถึงบ้าน ต่อมาเมื่อทางการเข้ามาพัฒนาถนนหนทาง มีถนนลูกรังเข้ามาถึง ชุมชนบ้านกุดจะเลิด มีรถโดยสารประจ าทางรับ-ส่งผู้คนในชุมชน ไปที่ตลาดทุ่งนา ต าบลเขาบางแกรก อ าเภอ หนองฉาง 1 จุด และเดินทางไปที่ตัวจังหวัดอุทัยธานี อีก 1 จุด ป๎จจุบันนี้ไม่มีรถโดยสารประจ าทางแล้ว หากคนในชุมชนที่จะเดินทางไปท าธุรกรรมในตัวอ าเภอหรือจังหวัด ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์เป็นส่วนบุคคลเป็นหลัก หรืออาศัยเพื่อนบ้านไป ทางเข้าบ้านกุดจะเลิด ถนนในหมู่บ้านกุดจะเลิด
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 126 ชาวกะเหรี่ยงย้ายมาอยู่บ้านกุดจะเลิด ทางการท าถนนลูกรังเข้าสู่ชุมชน ข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนเสื้อผ้า ประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินชาวบ้าน ชาวบ้านกุดจะเลิดเลิกท าไร่หมุนเวียน ชาวบ้านหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไฟฟ้าเข้ามาชุมชน ถนนคอนกรีตเข้าชุมชน ชาวบ้านย้ายออกจากชุมชน กว่า 50 ครัวเรือน ชุมชนบ้านอีซ่ามีผู้ใหญ่บ้านที่ทางการแต่งตั้ง น้ าประปาเข้าชุมชน มีระบบสุขาภิบาล/ห้องน้ า/ส้วม ถนนคอนกรีต ไฟฟ้า ชาวกะเหรี่ยงชุดแรกเข้าอาศัย มีพระธรรมจาริกมาเผยแผ่ ประปา เข้ามาในชุมชน อยู่ในบริเวณชุมชนกุดจะเลิด พระพุทธศาสนาในชุมชน ท าให้คุณภาพชีวิต ราวปี 2360 ราวปี 2540 ของคนในชุมชนดีขึ้น 2555 2300 2400 2500 2550 2566 มีถนนลูกรังเข้ามา เกิดอุทกภัยน้ าท่วมบ้านเรือน ในชุมชน ท าให้ และเรือกสวนไร่นาเสียหาย การคมนาคมสะดวกขึ้น มากเป็นพิเศษท าให้ผู้คน ราวปี 2435 ย้ายออกจากชุมชนไปมากกว่า 150 ครัวเรือน ราวปี 2554 ประกาศพื้นที่เป็น เขตป่าสงวนแห่งชาติ ตั้งหมู่บ้าน สาธารณูปโภค เปลี่ยนแปลง สงครามโลก แผนพัฒนา ศก. เริ่มศก. ยุค ศก. ยุคพัฒนา ป๎จจุบัน การปกครอง ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 1 ฟองสบู่ ฟองสบู่ สาธารณูปโภค 2415 2450 2475 2484 2488 2504 2533 2540 2555 2560 2566 2525 2528 2528 ผังประวัติศาสตร์ชุมชน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 127 5. แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน - ระยะทางจากอ าเภอถึงชุมชนบ้านกุดจะเลิด 19 กิโลเมตร - ระยะทางจากจังหวัดถึงชุมชน 68 กิโลเมตร - ระยะทางจากกรุงเทพถึงชุมชน 251 กิโลเมตร - เดินทางได้ทางบกทางเดียว คือ การคมนาคมสัญจรโดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านคลองชะนี หมู่ 3 ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านมอสามโค้ง หมู่ 1 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านสมอทอง หมู่ 2 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกห้วยขาแข้ง สภาพพื้นที่ทางกายภาพ /ขนาดพื้นที่ชุมชน/พื้นที่สาธารณะ/การสาธารณูปโภคชุมชน พื้นที่ชุมชนบ้านกุดจะเลิดเป็นพื้นที่ราบเชิงเขา มีหุบเขาและภูเขาขนาดใหญ่ มีเนินเขาจ านวนมากที่มี ความสลับซับซ้อนตั้งอยู่รอบ ๆ ชุมชน และบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากิน พื้นที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 60 เป็น พื้นที่ท าการเกษตร พื้นที่ร้อยละ 20 เป็นที่อยู่อาศัยเป็นที่ตั้งชุมชน และพื้นที่ร้อยละ 20 เป็นพื้นที่ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ าคอกควาย และพื้นที่ป่าชุมชน ป๎จจุบันมีผู้คนอาศัยอยู่ในชุมชน จ านวน 25 ครัวเรือน สภาพแวดล้อมชุมชน พื้นที่ท าการเกษตร ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด มีแม่น้ าสายส าคัญไหลผ่านชุมชน ชื่อว่า “แม่น้ าคอกควาย” มีต้น ก าเนิดมากจากเทือกเขาบริเวณเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในพื้นที่มรดกโลกห้วยขอแข้ง มีระยะทาง เฉพาะช่วงที่ไหลผ่านชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกุดจะเลิดยาวประมาณ 500 – 700 เมตร มีน้ าไหลผ่านตลอดทั้งปี ท าให้ชาวบ้านมีน้ าอุปโภคบริโภคและท าการเกษตรตลอดทั้งปี ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด มีต้นไม้ใหญ่ที่ชาวบ้านเก็บรักษาไว้คู่บ้านคู่ชุมชน เป็นเสมือนพื้นที่ จิตวิญญาณซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ เป็นความผูกพันระหว่างป่าและต้นไม้กับชาวกะเหรี่ยงโปว์ ที่ดูแลกันมากว่า 100 ปีจ านวน 2 ต้น ต้นแรกคือต้นกะพง ในฤดูแล้งต้นไม้จะผลัดใบในช่วงน้ าน้อย และจะ ผลิใบใหม่ในช่วงฤดูฝนเมื่อมีน้ าฝนมาหล่อเลี้ยงล าต้นอย่างเต็มที่ ส่วนต้นที่สองคือต้นไทร ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ ชาวกะเหรี่ยงโปว์เชื่อว่ามีเทพยาดาอารักษ์ปกป๎กษ์ดูแลรักษาประจ าต้นไม้ ชาวกะเหรี่ยงโปว์จึงมีพิธีกรรมค้ าต้นไทร เพื่อให้เทพยาดาคุ้มครองทุกครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดทั้งปี
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 128 ต้นกะพงใหญ่อายุกว่า 100 ปี ต้นไทร บรรพบุรุษยุคแรกที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านกุดจะเลิด เห็นว่าผืนดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีเนินเขาและเชิงเขาที่ไม่สูงชันมากนัก เหมาะแก่การท าไร่หมุนเวียนตามแบบวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยง มีป่าไม้ พืชพรรณธัญญาหารสมบูรณ์มีแม่น้ าคอกควายเป็นแหล่งน้ าอุปโภคบริโภค เรียกได้ว่าสภาพแวดล้อมมีความ พร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนอยู่ในบริเวณนี้จวบจนป๎จจุบัน พื้นที่กิจกรรมทางสังคมในอดีตเคยมีเจ้าวัดเคยมีเจดีย์ให้ผู้คนในชุมชนได้ร่วมกิจกรรมไหว้เจดีย์ ซึ่งเป็น ความเชื่อทางจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยง แต่ป๎จจุบันนี้ไม่มีแล้ว เหลือเพียงร่องรอยเนินดินที่คนเฒ่าคนแก่ บอกกับลูกหลานว่า บริเวณนี้คือเจดีย์เก่าเท่านั้น สถานที่ส าคัญทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่จะมีการนัดพบพูดคุยหารือเรื่องส าคัญในบ้านของ ผู้อาวุโสของชุมชน หรือบ้านผู้น าชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการจับกลุ่มหารือกันอย่างไม่เป็นทางการตามบ้านต่าง ๆ แต่หากเป็นการประชุมหารืออย่างเป็นทางการแล้ว จะไปประชุมกันที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน หรือที่องค์การ บริหารส่วนต าบล หรือที่อ าเภอห้วยคต ที่อยู่อาศัยของชุมชน รวมทั้งพื้นที่ท าการเกษตรของคนในชุมชน ล้วนเป็นพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ ห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย โซนซี ซึ่งได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2528 ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นการประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยและท ามาหากินเป็นระยะเวลากว่า 100 ปี และภายหลังการประกาศพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติ เจ้าหน้าที่รัฐจัดสรรที่ดินให้ท ากินครอบครัวละ 25 – 30 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จ ากัดมาก ไม่เพียงพอ ที่จะแบ่งสรรพื้นที่ท าไร่หมุนเวียนตามที่บรรพบุรุษเคยท า ชาวบ้านจึงหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจแทน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษVersion 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน”
ษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 129
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 130 6. ประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์ - ประชากรมีจ านวน 25 ครัวเรือน - ประชากรทั้งหมด 71 คน - ประชากรชาย 36 คน - ประชากรหญิง 35 คน - ประชากรทั้งหมดเป็นเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ 71 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ระบบเครือญาติ ประชากรในชุมชนทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มี ผู้คนหลากหลายช่วงวัยอาศัยอยู่ร่วมกัน มีเพียงบางส่วนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พูดภาษาอื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชน กะซอง ก่อ (อึมปี้) กะยัน กะแย กะเลิง กูย ก ามุ ขแมร์ลือ คะฉิ่น จีน จีนยูนนาน ชอง ซะโอจ ซ าเร โซ่ ทะวืง ญ้อ ญัฮกุร เยอ ดาราอาง ไตหย่า ไทขึน ไทด า ไทเบิ้ง ไทยโคราช ไทยวน ไทโย้ย ไทใหญ่ บรู บีซู ปกาเกอะญอ ปลัง ปะโอ ผู้ไท โพล่ว ไทยพวน ม้ง มละบริ มอแกน มอแกลน มอญ มานิ มลายู ยอง ละว้า ลัวะ(ปรัย) ลัวะ ลาวครั่ง ลาวแง้ว ลาวเวียง ลาหู่ ลีซู ไทลื้อ เวียด แสก โส้ อ่าข่า อาเคอะ อิ้วเมี่ยน อูรักลาโว้ย โอก๋อง
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 131 7. โครงสร้างทางสังคม: องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ 7.1 กลุ่มที่เป็นทางการ 7.1.1 กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในอดีตชุมชนบ้านกุดจะเลิด เคยมีการรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการ ผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการออมทรัพย์ และใช้ในการระดมทุนไว้ให้คนในชุมชนได้กู้ยืมไปประกอบ อาชีพทางการเกษตรในอัตราดอกเบี้ยต่ า แต่เมื่อรัฐบาลได้จัดให้มีกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อ การผลิต จึงไปเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาลแทน 7.1.2 กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ ชุมชนมีการรวมตัวกันในนามกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งชุมชน โดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของครอบครัวสมาชิก โดยให้ครอบครัวสมาชิกจ่ายเงินฌาปนกิจ สงเคราะห์ครอบครัวละ 50 บาท ต่อ 1 ศพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของทายาทผู้เสียชีวิต 7.1.3 กลุ่มสินเชื่อ ธ.ก.ส. ชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ยื่นขอสินเชื่อการเกษตรกับ ธ.ก.ส. ซึ่งป๎จจุบันมีหลายกลุ่มที่มีการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น 7.2 กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ 7.2.1 กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ มีการรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการส าหรับกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ หลังจากเสร็จ ภารกิจจากการท าการเกษตร จะมานั่งกันเป็นกลุ่มตามใต้ถุนบ้านหรือใต้ต้นไม้ นั่งทอผ้ากะเหรี่ยงซึ่งเป็นผ้าทอมือ โดยใช้กี่เอวในการทอผ้า ส่วนใหญ่จะเป็นการทอผ้าไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน 7.2.2 กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม การท าพิธีกรรมในชุมชนบ้านกุดจะเลิด จะมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชน น าโดย ผู้อาวุโสหรือปราชญ์ชาวบ้านในชุมชน ทุกคนมีความร่วมแรงร่วมใจกันสืบสานประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม ตามแบบวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโปว์อย่างสม่ าเสมอ 7.2.3 กลุ่มพลังศรัทธา มีชาวบ้านกุดจะเลิดกลุ่มหนึ่งที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา รวมตัวกันไปท าบุญ ที่วัดคลองแห้งซึ่งเป็นวัดใกล้บ้าน เป็นประจ าทุกวันธรรมสวนะ ท าให้ชาวบ้านได้มีสถานที่ในการพูดคุยเรื่องการ ท ามาหากิน หารือเรื่องการท าการเกษตร ท าให้มีการเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์ผู้คนในชุมชนให้มีความผูกพันกัน ซึ่ง เป็นที่มาของความรักความสามัคคีของคนในชุมชน 7.2.4 กลุ่มท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือญาติ 4 – 5 หลังคาเรือน ที่เป็นกลุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะมีการรวมตัวช่วยเหลือกันทางการเกษตร เช่น มีการรวมตัวกัน ลงแขกปลูกข้าวไร่ ลงแขกเกี่ยวข้าว ลงแขกขุดมันส าปะหลัง เป็นต้น โดยจะเป็นลักษณะของการเอาแรงกัน เริ่ม จากบ้านหนึ่งหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนครบทุกบ้านในกลุ่มสมาชิก เพื่อลดต้นทุนในการท าการเกษตรประจ าปี
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 132 8. วิถีชีวิต: ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจ าวัน 8.1 วิถีชีวิตทางสังคมและวัฒนธรรม 8.1.1 ประเพณีกินข้าวใหม่ หลังจากที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวไร่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะน าข้าวไร่ขึ้นเก็บในยุ้งฉาง ทุกบ้านที่ปลูกข้าวไร่ จะมีการประกอบพิธีกรรมกินข้าวใหม่เป็นรายหลังคาเรือน หรือบางกลุ่มอาจจะประกอบ พิธีกรรมกินข้าวใหม่เป็นกลุ่มญาติพี่น้อง โดยการจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร ส ารับอาหารหวาน-คาว ที่มี คุณสมบัติเหมาะสมกับการประกอบพิธี ให้ผู้อาวุโสในชุมชนที่เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านพิธีกรรมมาประกอบพิธี ด้วยการน าทุกคนในครอบครัวกล่าวขอบคุณและขอขมาเครื่องมือทางการเกษตรต่าง ๆ ที่ท าให้ข้าวไร่ได้ผลผลิตดี มีคุณภาพ ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ข้าวไร่เป็นอาหารหลักของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ป๎จจุบันประชากรร้อยละ 20 ยังคงท าข้าวไร่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเลี้ยงชีพคนในครอบครัว ดังนั้นพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว จึงยังคงถูกรักษาเอาไว้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ 8.1.2 ประเพณีไหว้เจดีย์ ในอดีตชุมชนบ้านกุดจะเลิดแห่งนี้ เคยมีเจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) จ านวน 1 คน และได้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามวิถีแห่งกะเหรี่ยงโปว์มาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเจ้าวัดได้ถึงแก่กรรมลง ก็ไม่มี ผู้ใดสืบทอดต่อ ดังนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เจ้าวัดเคยปฏิบัติจึงค่อย ๆ สูญหายไปตามกาลเวลา คนในชุมชนบ้าน กุดจะเลิดยังคงมีความเชื่อและความศรัทธาเกี่ยวกับเจ้าวัดไม่เสื่อมคลาย ถึงแม้ในชุมชนบ้านกุดจะเลิดจะไม่มี เจ้าวัดและไม่มีเจดีย์ แต่คนในชุมชน ยังคงเดินทางไปไหว้เจดีย์ในชุมชนใกล้เคียงที่มีเจ้าวัดและมีเจดีย์ งิ้ว บูโกก ปราชญ์ ชาวบ้าน กลุ่ม ฌามปนกิจ กลุ่ม ธ.ก.ส. กลุ่มกองทุน หมู่บ้าน กลุ่ม การเกษตร กลุ่มประเพณี วัฒนธรรม
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 133 8.1.3 ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีลอยกระทง ของคนไทยพื้นเมือง ซึ่งเป็นความสอดคล้องของผู้น าแห่งจิตวิญญาณที่ต้องการให้มีการขอขมาพระแม่คงคา ที่ท าให้คนในชุมชนได้มีน้ ากินน้ าใช้ มีน้ าในการท าการเกษตรตลอดปี และถือเอาวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 12 ซึ่ง ตรงกับวันลอยกระทงของคนไทย เป็นวันลอยกระทงของชาวกะเหรี่ยงโปว์ด้วย โดยกระทงจะมีขนาดใหญ่ เป็นทรงสี่เหลี่ยมท ามาจากต้นกล้วยและกาบกล้วย ในกระทงจะมีอาหารหวาน-คาว มีดอกไม้ธูปเทียน และ เครื่องสักการบูชาอื่น ๆ ตามสมควร โดยทั้งหมู่บ้านจะท าเพียงกระทงเดียว ช่วยกันหามไปลอยกระทงในแม่น้ า คอกควาย เพื่อขอขมาพระแม่คงคา 8.2 วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ 8.2.1 การเตรียมดินเพาะปลูก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม จะต้องมีการเตรียมดิน เช่น ถากถางวัชพืชหลัง เก็บเกี่ยว เผาซากวัชพืช ไถบุก ไถแปรพลิกหน้าดินขึ้นมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมใต้ดิน และฆ่าไข่ของ ตัวหนอนและเพลี้ยชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ดินมีความพร้อมส าหรับการเพาะปลูกรอบใหม่ 8.2.2 การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร เดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม หากฝนตกตามฤดูกาลชาวบ้านก็จะเพาะปลูก หลังจากนั้น เกษตรกรจะดูแลพืชผลทางการเกษตรต่อไปอีกราว ๆ 4 – 6 เดือน จึงจะได้เวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ในแต่ละชนิด ดังนั้น ในช่วงของการดูแลพืชผลทางการเกษตร จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่ส าคัญมาก กิจกรรม/เหตุการณ์ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. หมายเหตุ ปฏิทินเศรษฐกิจ เตรียมดินเพาะปลูก พืชเชิงเดี่ยวโดยรวม ฤดูเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ปลูกข้าวไร่ มันส าปะหลัง ดูแลพืชผลเกษตรในไร่ สับปะรด ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเกษตร ฤดูเกี่ยวข้าว หาหน่อไม้ หาเห็ดโคน ปฏิทินวัฒนธรรม ประเพณีกินข้าวใหม่ พิธีค้ าต้นไทร/ต าขมิ้น พิธีรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ พิธีผูกแขนด้ายเหลือง พิธีป๎กสะเดิ่งครัวเรือน ก่อเจดีย์ทราย/เรียกฝน พิธีป๎กสะเดิ่งไร่ข้าว พิธีป๎กสะเดิ่งในล าห้วย ต าขนมจีนขี้เหนียว ชุมชนต้นน้ าท าก่อน พิธีสู่ขวัญข้าว ประเพณีลอยกระทง ประเพณี “พิบือโย”
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 134 9. ประวัติชีวิต: ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้น า/บุคคลส าคัญของชุมชน ชื่อ นายงิ้ว นามสกุล บูโกก อายุ 69 ปี เกิด พ.ศ. 2497 ที่อยู่บ้านเลขที่ 69 ชุมชนกุดจะเลิด หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายงิ้ว บูโกก เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านสมุนไพรพื้นบ้าน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นส าหรับ โรคภัยที่มีกระบวนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และโรคภัยที่ไม่มีอาการรุนแรง เป็นปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ เรื่องการประกอบพิธีกรรมพื้นถิ่น จึงเป็นตัวแทนผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชุมชน เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการ แสดงพื้นบ้าน เช่น ร าตง และการขับร้องบทเพลงพื้นบ้านทั่วไป ชีวประวัติ นายงิ้ว บูโกก ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่ตามบัตรประชาชนเกิดในปี พ.ศ. 2497 เกิดที่ บ้านกุดจะเลิด และอยู่ที่นี่มาจนถึงป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีอายุ 69 ปี ในวัยเด็กได้เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน และได้แต่งงานครองเรือนในวัย 18 ปี โดยสมรสกับนางเตเลียงซ่า บูโกก และมีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดี่ยว ที่มีพ่อแม่และบุตรที่ยังไม่แต่งงานอยู่ร่วมกัน ส่วนบุตรที่แต่งงานแล้วได้ย้ายไปใช้ชีวิตในท้องถิ่นอื่น และบุตรบางคนย้ายไปรับราชการยังท้องถิ่นอื่น นายงิ้ว บูโกก เล่าให้ฟ๎งว่า ในตอนที่ยังเด็ก ชุมชนบ้านกุดจะเลิดแห่งนี้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีชาว กะเหรี่ยงโปว์อาศัยอยู่จ านวนมาก ราว ๆ สัก 100 หลังคาเรือน ต่อมาชุมชนแห่งนี้เกิดอุทกภัยน้ าท่วมสูง เนื่องจากปริมาณน้ าฝนในปีนั้นมาก และชุมชนแห่งนี้อยู่ใกล้แม่น้ าสายใหญ่ แม่น้ าคอกควายระบายไม่ทันเอ่อ ท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา เคราะห์ซ้ ามีโจรมีเสือชุกชุม ปล้นสะดมชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง บางปีก็เกิดภัยแล้ง ท าให้ผู้คนอดอยากยากแค้น เป็นเหตุให้ชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ท้องถิ่นอื่น นายงิ้ว บูโกก 10. ทุนชุมชน 1. ทุนทางกายภาพ 1.1 แม่น้ าคอกควาย ประวัติความเป็นมา บรรพบุรุษรุ่นปู่และรุ่นย่าเล่าต่อ ๆ กันมาว่า “แม่น้ าคอกควาย” เป็นแม่น้ าที่ไหลมาจากต้นน้ าในเขตป่าตะวันตกห้วยขาแข้ง ไหลมารวมกับล าห้วยล าธาร สายเล็ก ๆ หลายสาย จนเป็นแม่น้ าขนาดใหญ่ ไหลผ่านต าบลคอกควาย ผ่านป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าคอกควาย และไหลผ่านชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด ดังนั้น แม่น้ าคอกควายจึงเป็นแม่น้ าสายส าคัญที่หล่อเลี้ยงผู้คน ในชุมชนมานานหลายชั่วอายุคน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 135 ช่วงเวลาที่ส าคัญ “แม่น้ าคอกควาย” ในอดีตที่ป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ มีความเชื่อกันว่า ในแม่น้ าคอกควายช่วงบริเวณที่ไหลผ่านชุมชนแห่งนี้ มีวังวนหรือเมืองบาดาลอยู่ เคยมีคนจมน้ าตายในวังวน แห่งสายน้ า ชื่อว่า “กุยจะลอะ” (เป็นภาษากะเหรี่ยง) เชื่อกันว่าอาจเป็นเพราะเมืองบาดาลต้องการตัวไปอยู่ด้วย และในเวลาต่อมาชื่อคนคนนี้จึงกลายเป็นชื่อหมู่บ้าน ชื่อว่า “กุดจะเลิด” คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน “แม่น้ าคอกควาย” เป็นเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงผู้คน ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน เป็นทั้งแหล่งน้ ากินน้ าใช้และน้ าในการ ท าการเกษตร สถานการณ์ป๎จจุบัน “แม่น้ าคอกควาย” เป็นแม่น้ าขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านกุดจะเลิดและอยู่ใกล้กับชุมชนมาก ดังนั้น ในปีใดที่มีปริมาณน้ าฝนมากน้ าจะเอ่อล้นท่วมที่อยู่อาศัยและ ท่วมเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน ที่ส าคัญแม่น้ ามักจะไหลเปลี่ยนทิศ ท าให้กัดเซาะริมตลิ่งกินเนื้อที่ไร่สวนของ ชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แม่น้ ากว้างขึ้นแต่ที่ดินในการท าไร่สวนของชาวบ้านลดลง แถมพัดพากองทราย จ านวนมากมาทับถมอยู่ในบริเวณนี้ ท าให้แม่น้ ามีขนาดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตื้นเขินและหญ้ารกทึบ การสืบทอดและความยั่งยืน “แม่น้ าคอกควาย” แม่น้ าสายนี้มีปริมาณน้ าลดลงไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ผืนป่าต้นน้ าและผืนป่าที่อยู่ระหว่างทางที่แม่น้ าไหลผ่านนั้นค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถที่จะดูดซับความชุ่มชื้นของสายน้ าสายนี้เอาไว้ได้ตลอดปี ในฤดูแล้งจึงไม่มีน้ าในแม่น้ ามากนัก จึงสามารถพูดได้ว่า การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ าในชุมชนแห่งนี้ยังไม่มีความยั่งยืนเท่าที่ควร แม่น้ าคอกควาย 1.2 ป่าสงวนแห่งชาติ ประวัติความเป็นมา เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมป่าไม้ได้ประกาศเขตพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทับซ้อนพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในพื้นที่จังหวัด อุทัยธานีหลายชุมชน รวมถึงชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกุดจะเลิดด้วย หลังจากนั้น รัฐได้จัดสรรให้ชาวบ้านมีที่ท ากิน ในพื้นที่ของบรรพบุรุษ ครัวเรือนละ 25 – 30 ไร่ และห้ามไม่ให้ท าไร่หมุนเวียนตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงอีก ช่วงเวลาที่ส าคัญ เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลา และห้วยป่าคอกควาย ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกทาง ธรรมชาติ เกิดผลกระทบกับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีความ ผูกพันกับป่า ส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่บนพื้นที่ราบสูงหรือในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 136 สร้างป๎ญหาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายรัฐกับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในหลายพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานีมาจนถึง ป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงรู้ว่าคุณค่าของป่าไม้ว่ามีมากมายเพียงใด ดังค าพูดที่ว่า “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” และ “ที่ไหนมีกะเหรี่ยงที่นั่นมีป่า” เพราะชาวกะเหรี่ยงเป็นกลุ่มชาติ พันธุ์ที่รักป่ามากที่สุด จะเห็นได้ว่าหมู่บ้านกะเหรี่ยงทุกที่จะมีป่าชุมชนหรือป่าตามภูเขาที่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน กะเหรี่ยง ที่โอบล้อมชุมชนกะเหรี่ยงเอาไว้ สถานการณ์ป๎จจุบัน ป่าชุมชนหรือป่าไม้ตามไหล่เขาและบนภูเขารอบ ๆ ชุมชนกะเหรี่ยง ลดน้อยลงไปมากหากเทียบกับในอดีต แต่ก็ยังคงเหลือพื้นที่ป่าอยู่ร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่อยู่อาศัยและ พื้นที่ท ากินในป๎จจุบัน เพียงพอที่จะช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกุดจะเลิด และเอาไว้เป็น แหล่งอาหารป่าและสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ชุมชนต่อไป ป่าสงวนแห่งชาติ 2. ทุนมนุษย์ ในชุมชนแห่งนี้มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่ายิ่ง มีปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอสมุนไพรพื้นบ้าน ปราชญ์ชาวบ้านด้านการแสดงศิลปวัฒนธรรม ปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร ปราชญ์ชาวบ้านด้านวิถีชีวิต และด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ช่วงเวลาที่ส าคัญ ปราชญ์ชาวบ้านด้านต่าง ๆ ได้ร่วมกันท าคุณประโยชน์ให้กับชุมชนกะเหรี่ยง บ้านกุดจะเลิดมาอย่างยาวนาน จวบจนถึงป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชนของ ปราชญ์ชาวบ้านเป็นที่พึ่งทางกายด้วยการเป็นหมอ สมุนไพร ได้ช่วยชาวบ้านยามทุกข์ร้อนเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นที่พึ่งทางใจด้วยการเป็นผู้ท าพิธีกรรมตามศาสตร์ของ ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ ช่วยชาวบ้านให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข เป็นศิลปินพื้นบ้านช่วยอนุรักษ์ สืบสาน สืบทอด มรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรม สถานการณ์ป๎จจุบัน ปราชญ์ชาวบ้านด้านต่าง ๆ ยังคงช่วยเหลือชาวบ้านอยู่อย่างต่อเนื่อง ตามความรู้ความสามารถและทักษะวิชาชีพที่ตนมีอยู่ ส่วนศิลปินพื้นบ้านและบทเพลงพื้นบ้านนั้น ไม่ค่อยมีเวที ให้ท าการแสดง จึงไม่ได้ถ่ายทอดให้ลูกหลาน ผู้น าชุมชนควรเร่งให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เยาวชนคนรุ่นใหม่ เพราะหากสิ้นปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปินพื้นบ้าน และภูมิป๎ญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมกะเหรี่ยงอาจจะสูญหายหมดสิ้น การสืบทอดและความยั่งยืน ต้องยอมรับว่าปราชญ์ชาวบ้านไม่ค่อยได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ สู่ลูกหลาน วัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์จึงไม่เกิดความยั่งยืน และก่อนจะสายเกินไป ควรเร่งให้มีการถ่ายทอดสู่เยาวชน คนรุ่นใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะปราชญ์บ้านอายุมากขึ้นทุกวัน
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 137 3. ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น 3.1 การทอผ้ากะเหรี่ยงและเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ ไม่ได้แต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงเป็นประจ า แต่ทุกคนมีชุดกะเหรี่ยงไว้ติดบ้าน พร้อมที่จะหยิบขึ้นมาใส่ได้ทันที หากมีการรวมตัวกันเพื่อไปร่วมกิจกรรมในตัวอ าเภอหรือจังหวัด ทุกคนจะสวมใส่ชุดประจ ากลุ่มชาติพันธุ์ กะเหรี่ยงด้วยความภาคภูมิใจ ช่วงเวลาที่ส าคัญของการแต่งกายด้วยผ้าทอกะเหรี่ยงโปว์ การแต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงโปว์ มีหลายวาระ เช่น เทศกาลขึ้นปีใหม่ชาวกะเหรี่ยงโปว์ งานไหว้เจดีย์ของชุมชนกะเหรี่ยงโปว์หมู่บ้านใกล้เคียง งานสงกรานต์และประเพณีรดน้ าด าหัวผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยง พิธีกินข้าวใหม่ งานแต่งงาน เป็นต้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน การแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงโปว์เป็นเครื่องแบบที่แสดง ถึงอัตลักษณ์ความเป็นกะเหรี่ยงโปว์ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และมอบไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อ ๆ กันไป การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านกุดจะเลิดทุกคนรักและหวงแหนใน อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมของตนเอง โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายได้มีการอนุรักษ์ สืบสาน และสืบทอดไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลานต่อไปโดยไม่มีวันจะสูญหายอย่างแน่นอน การแต่งกายสตรีกะเหรี่ยงโปว์ 3.2 อาหารกะเหรี่ยง มีประวัติความเป็นมา คือ ชาวกะเหรี่ยงโปว์รักษาวัฒนธรรมเรื่อง อาหารการกินซึ่งเป็นมรดกภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีและทุกวันนี้ทุกครัวเรือนยังคง ท าอาหารกะเหรี่ยงเป็น ช่วงเวลาที่ส าคัญ การท าอาหารกะเหรี่ยงท าได้ทุกวัน ท าได้ในทุกฤดูกาล และเป็นรายการ อาหารที่สามารถหาวัตถุดิบและเครื่องปรุงได้ง่ายในท้องถิ่น มีขั้นตอนและวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และ ส่วนใหญ่มีรสชาติเผ็ดร้อนคล้ายอาหารของคนไทยพื้นเมืองทั่วไป คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน อาหารพื้นบ้านกะเหรี่ยงโปว์มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ และมีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มีการถ่ายทอดสู่ลูกหลานอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ป๎จจุบัน ได้รับอิทธิพลเรื่องอาหารการกินจากโลกภายนอก ท าให้ชาวกะเหรี่ยง วัยกลางคนและเยาวชนรุ่นใหม่สามารถท าอาหารไทยและอาหารสากลได้แต่เชื่อได้ว่าชาวกะเหรี่ยงจะยังคง อนุรักษ์วัฒนธรรมด้านอาหารการกินเอาไว้ได้
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 138 การสืบทอดและความยั่งยืน รุ่นพ่อรุ่นแม่หรือรุ่นปู่รุ่นย่ายังคงสอนลูกหลานให้ด ารงวิถีชีวิต แบบกะเหรี่ยงโปว์โดยเฉพาะด้านอาหารการกินให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ท าให้มั่นใจได้ว่ามรดก ภูมิป๎ญญาทางวัฒนธรรมด้านอาหารกะเหรี่ยงโปว์ จะด ารงคงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป แกงส้มป่า 3.3 ขนบธรรมเนียมประเพณีกะเหรี่ยงโปว์ ประวัติและความเป็นมา ชุมชนบ้านกุดจะเลิด เคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมถึงขีดสุด เพราะชุมชนแห่งนี้เคยมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์โยกย้าย ถิ่นฐานมาอยู่ที่ชุมชนบ้านกุดจะเลิดแห่งนี้จ านวนมาก กว่า 100 หลังคาเรือน ส่งผลให้ชุมชนแห่งนี้เป็นแหล่ง มรดกทางวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ส าคัญ ช่วงเวลาที่ส าคัญ ในยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม จากค าบอกเล่าน่าจะอยู่ราว ๆ พ.ศ. 2450 – 2525 เป็นระยะเวลากว่า 75 ปี ที่ชุมชนแห่งนี้มีประชากรกะเหรี่ยงโปว์อาศัยอยู่รวมกันอย่าง หนาแน่นมากที่สุด และมีการด ารงชีวิตด้วยวิถีวัฒนธรรมแบบกะเหรี่ยงโปว์อย่างสมบูรณ์ที่สุด โดยไม่มี วัฒนธรรมอื่นใดที่จะมาแทรกแซงวิถีชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์ได้ ผู้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในห้วง เวลาเหล่านั้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน พูดถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาว กะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นยังคงตรึงตราตรึงใจชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดทุกคน โดยเฉพาะวัยอาวุโสที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในยุคแห่งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมนั้น และได้เป็นส่วนหนึ่งของ การอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์อันดีงาม สถานการณ์ป๎จจุบัน มีจัดงานประเพณีวัฒนธรรมน้อยมาก คนในชุมชนไม่ค่อยมีโอกาสได้ แสดงอัตลักษณ์วัฒนธรรมของตนเอง แต่ถึงกระนั้น โอกาสเพียงน้อยนิดที่มีเพียง 2 – 3 ครั้งต่อปี ชาวกะเหรี่ยง โปว์บ้านกุดจะเลิดก็ร่วมกันแสดงอัตลักษณ์วัฒนธรรมกันอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงถึงพลังของชาวกะเหรี่ยงในด้าน ของความเชื่อความศรัทธาในวิถีวัฒนธรรมของตนเอง การสืบทอดและความยั่งยืน ได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานรากฐานวัฒนธรรมของชนเผ่ากะเหรี่ยงเอาไว้ ได้ระดับหนึ่งซึ่งยังไม่ยั่งยืนนัก อาจต้องเร่งถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมจากปราชญ์ชาวบ้านสู่เยาวชน เพื่อ ป้องกันไม่ให้สูญหายไปกับปราชญ์ชาวบ้านที่มีอายุมาก ๆ กันแล้วทั้งนั้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 139 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา คือ ในอดีตบรรพบุรุษในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด นิยมปลูกข้าวไร่เป็นหลัก ที่ส าคัญเป็นการปลูกข้าวไร่ตามวิถีชนเผ่าด้วยการการท าไร่หมุนเวียน เป็นการปลูก ข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการจ าหน่าย ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง จากยุคการท าไร่หมุนเวียนไปสู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืช เศรษฐกิจ ได้แก่ ยุคที่ที่ดินท ากินของชุมชนถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่า คอกควาย ชาวบ้านได้รับการจัดสรรที่ดินจ านวนจ ากัดมาก ไม่เพียงพอกับการท าไร่หมุนเวียน จึงเปลี่ยนมาเป็น การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพหรือการปลูกพืช เชิงเดี่ยวเพื่อจ าหน่ายและน าเงินมาด ารงชีพ ซึ่งทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิตของผู้คน ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดทั้งสิ้น สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก ข้าวโพด มันส าปะหลัง ปาล์ม อ้อย เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่โตเร็ว ทนแล้ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว มั่นคงยั่งยืนและจะคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปในอนาคตอีกหลายทศวรรษ 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา คือ จากอดีตถึงป๎จจุบันชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านกุดจะเลิดให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ชาวบ้านได้มีการตั้งผู้ปกครองชุมชน อย่างไม่เป็นทางการขึ้นมาดูแลความสงบสุขของชุมชน เมื่อครั้งที่ยังไม่มีผู้ใหญ่บ้านที่ภาครัฐแต่งตั้งอย่างเป็น ทางการ จนกระทั่งในระยะต่อมาภาครัฐได้มีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนต าบล ขึ้นมาดูแลความสงบเรียบร้อยภายในชุมชน ชาวบ้านก็ยังให้ความเคารพนับถือ และปฏิบัติตาม ธรรมนูญชุมชนอย่างเข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและเคารพในระบอบประชาธิปไตย ช่วงเวลาที่ส าคัญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 มีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการที่ภาครัฐได้แต่งตั้งให้ดูแล ชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพและยอมรับ เมื่อภาครัฐก าหนดให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แสดงว่าชาวบ้าน เคารพในกติกาของบ้านเมือง มีส่วนร่วมทางการเมือง และยอมรับการเมืองการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนแห่งนี้ ผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่เป็น ทางการและไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและพร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ครั้ง ที่มีปรากฏการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมเรียนรู้และปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าง รู้คุณค่า สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดเป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 25 หลังคาเรือน ภาครัฐต้องน าจ านวนประชากรไปนับรวมกับกลุ่มอื่น ๆ อีกหลายกลุ่มจนกลายเป็นหมู่บ้าน ขนาดใหญ่ในนามของหมู่ที่ 3 (บ้านละว้า) ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต โดยผู้คนในชุมชนยินยอมให้กลุ่มอื่น เป็นผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการ และชุมชนบ้านกุดจะเลิดรับต าแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพื่อดูแลความเรียบร้อย และความสงบสุขของคนในชุมชน การสืบทอดและความยั่งยืน มีการสืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองและการปกครองตั้งแต่อดีต จนถึงป๎จจุบัน ไม่เคยมีความขัดแย้ง และไม่เคยเสียเลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในทุกยุคทุกสมัย ที่ผ่านมา และจะมีการด ารงรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตยให้ยั่งยืนตลอดไป
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 140 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ได้แก่ ภาษากะเหรี่ยงโปว์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในครัวเรือนและใช้ในการพูด ในชุมชนบ้านกุดจะเลิด และใช้ในการสื่อสารกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ ภาษาเขียน ได้แก่ ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ทั่วประเทศ และกะเหรี่ยงโปว์จากทั่วโลก ซึ่งใช้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ สถานการณ์ปัจจุบัน มีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ได้จ านวนน้อยมาก เนื่องจากเยาวชน กะเหรี่ยงโปว์และประชาชนชาวกะเหรี่ยงโปว์ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เพราะมีโอกาสได้รับการศึกษาภาค บังคับจากรัฐบาล ส าหรับภาษาพูดกะเหรี่ยงโปว์ยังคงมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่สามารถพูดได้จ านวนมาก เนื่องจาก ชาวกะเหรี่ยงโปว์ให้ความส าคัญกับภาษาพูด และพยายามสอนให้ลูกหลานเยาวชนพูด ส่งผลให้ชาวกะเหรี่ยงโปว์ ในกลุ่มบ้านกุดจะเลิดส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ยังพูดภาษากะเหรี่ยงได้อย่างคล่องแคล่ว 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึง ป๎จจุบัน โดยในยุคแรกมีการปกครองโดยผู้น าชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ ต่อมามีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านจาก ภาครัฐมาดูแลราษฎร และภายหลังเปลี่ยนมาเป็นการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภา องค์การบริหารส่วนต าบล มาช่วยในการพัฒนาชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือกับผู้น าชุมชนและ ภาครัฐเป็นอย่างดีในการเลือกตั้งทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้ง การเรียกร้องหรือร้องเรียนใด ๆ เกิดขึ้นในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิด ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบัน จากอดีต เป็นการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ ต่อมาชาวบ้านถูกจ ากัดที่ดินท ากิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากินของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ด้วยการบริหาร จัดการพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจ ากัด ดังนั้น ในยุค 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ผู้คนในชุมชนจึงหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือ พืชเศรษฐกิจเพื่อหาเงินมาใช้ในการด ารงชีพ ด้านสังคมและประชากร ประชากรกะเหรี่ยงโปว์มีการเปลี่ยนแปลงในระยะแรก คือ เดิมมีเพียงไม่กี่ ครัวเรือน เมื่อครอบครัวเหล่านี้ได้มาอยู่อาศัย จึงได้บอกต่อไปยังญาติ ๆ ที่อยู่ในชุมชนอื่น ๆ ท าให้มีผู้คนจากทั่ว ทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ามาอยู่ที่ชุมชนบ้านกุดจะเลิดเป็นจ านวนมาก ราว ๆ 100 กว่าหลังคาเรือน ในช่วง ระยะเวลาไม่กี่ปี หลังจากนั้นชุมชนแห่งนี้ประสบป๎ญหาน้ าท่วมและฝนแล้งสลับกันไป การท ามาหากินไม่ดี ดังเช่นในอดีต เคราะห์ซ้ าไปกว่านั้นภาครัฐได้ประกาศพื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติทับที่ท ากินของชาวบ้าน รัฐจัดสรรที่ท ากินให้ชาวบ้านใหม่ โดยจ ากัดที่ดินท ากินให้ชาวบ้านท ากินเพียงครอบครัวละ 25 – 30 ไร่ ท าให้ ชาวบ้านไม่สามารถท าไร่หมุนเวียนได้ ส่งผลให้ชาวบ้านทยอยย้ายออกไปจากชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ท าให้ ป๎จจุบันนี้ประชากรเหลือเพียง 25 หลังคาเรือนเท่านั้น ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านกุดจะเลิดส่วนใหญ่ย้ายมาจากบ้าน สมอทอง ภูเหม็น และบ้านคลองแห้ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้คนในชุมชนจึงไม่ค่อยประสบป๎ญหาเรื่อง สิทธิในสัญชาติ ดังนั้น ทุกคนจึงมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย มีบัตรประชาชน มีสิทธิพลเมืองไทยครบถ้วน ทุกประการ รวมถึงได้รับสวัสดิการแห่งรัฐเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคน ด้านระบบสาธารณูปโภค เดิมทีระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ไม่มี แต่ชุมชนก็อาศัยภูมิป๎ญญาใน การด ารงชีวิตได้อย่างปกติสุข ต่อมาเมื่อชุมชนมีประชากรมากขึ้น รัฐจึงเข้ามาช่วยเหลือด้วยการท าประปา หมู่บ้าน ท าถนนคอนกรีตบริเวณทางเข้า จนถึงป๎จจุบันคนในชุมชนมีระบบสาธารณูปโภคที่ดีขึ้นแต่ยังไม่เพียงพอ
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 141 ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน จึงท าให้คนในชุมชนต้อง เสียชีวิตด้วยโรคระบาดต่าง ๆ แต่ป๎จจุบันชาวบ้านกุดจะเลิดได้รับสวัสดิการจากภาครัฐเกี่ยวกับการสาธารณสุข เท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน และมีห้องน้ าห้องส้วมที่ถูกสุขอนามัยทุกบ้าน ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านกุดจะเลิดได้รับการศึกษาภาคบังคับ ต่อมา โรงเรียนถูกยกเลิกเนื่องจากนักเรียนน้อยไม่คุ้มค่างบประมาณ แต่ป๎จจุบันนี้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาภาค บังคับทุกคน เพราะมีโรงเรียนหลายแห่งที่อยู่ใกล้ ๆ ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนที่มีโอกาสได้เข้าเรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถเรียนจบร้อยละ 80 และเยาวชนที่มีโอกาสเรียนระดับปริญญาตรี เรียนจบร้อยละ 10 ด้านวัฒนธรรม ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านกุดจะเลิดล้วนยึดมั่นรักษาอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ให้คงอยู่ ด้วย การร่วมกันอนุรักษ์สืบสานสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่ไม่สามารถทัดทาน วัฒนธรรมจากภายนอกได้เข้ามาแทรกซึมวิถีวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ในทุกมิติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท าให้วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ป๎จจุบันนี้อัตลักษณ์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์ ของชุมชนจะรับรู้กันในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุเท่านั้น เด็กและเยาวชนแทบจะไม่รู้เรื่องวัฒนธรรมของ ตนเอง และในอนาคตอันใกล้นี้มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงที่วัฒนธรรมกะเหรี่ยงโปว์จะสูญหาย จึงเป็น ความท้าทายของภาครัฐและผู้น าชุมชนที่จะอนุรักษ์ สืบสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่ต่อไป ตราบนานเท่านาน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านกุดจะเลิดแห่งนี้ ในยุคบุกเบิก ยอมรับว่าที่ดินผืนนี้มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ เพราะเป็นกลุ่มเทือกเขาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงมาจากผืนป่า ตะวันตกห้วยขาแข้ง ต่อมาเมื่อมีประชากรย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่จ านวนมากท าให้ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ถูกแปร สภาพเป็นที่อยู่อาศัย ไร่หมุนเวียน สวน และไร่เกษตรเชิงเดี่ยว จากระยะเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบ 2 ศตวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่าชุมชนเหลือเพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่ ภาครัฐได้มีการประกาศพื้นที่เป็น ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย และจ ากัดที่ดินท ากินของราษฎร จึงท าให้เหลือพื้นป่า เอาไว้รักษาระบบนิเวศอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเรื่องท้าทายส าหรับภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ ว่าจะบริหารจัดการพื้นที่ ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมให้เกิดความสมดุลได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์ และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน ขอให้เลือกและให้ค าอธิบายเพิ่มเติมว่าทับซ้อนกับพื้นที่ลักษณะใด พร้อมระบุชื่อ พื้นที่ที่ทับซ้อน หรือชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ระบุ.............................. ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติหรือสถานการณ์ใด ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยคุกคาม ราคาพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น คนในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้วิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนรวม แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ผู้น าแห่งจิตวิญญาณและความเชื่อ และกลุ่มผู้น า ชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญในแต่ละด้าน จะเป็นแกนน าในการเชิญสมาชิกลูกบ้านประชุม เพื่อร่วมกันระดมความ คิดเห็น ก าหนดแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาและรับมือกับความท้าทายจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 142 การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการ ส่วนมากจะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งผู้น าชุมชนพยายาม ผลักดันให้เกิดการขยายเครือข่ายชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน กะเหรี่ยงบ้านกุดจะเลิดหลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์พัฒนา ราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี เกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับ บุคคลหรือองค์กรเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เช่น สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่เข้า มาร่วมพัฒนาชุมชน เป็นต้น
แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 143 แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วม 1.1 ผู้เรียบเรียงข้อมูล* กิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ 1.2 วันที่จัดท าข้อมูล 20/10/2566 1.3 ผู้ตรวจสอบข้อมูล พรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง 1.4 วันที่ตรวจสอบข้อมูล 28/11/2566 2. ชื่อชุมชน 2.1 ชื่อทางการ* บ้านละว้า หมู่ 3 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 2.2 ชื่อท้องถิ่น ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย 2.3 ความเป็นมาของชื่อ ชุมชน นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า ผู้อาวุโสชาวละว้าที่ชาวบ้านละว้าใหม่คอกควายให้ ความเคารพนับถือ เล่าให้ฟ๎งว่า เดิมทีบริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ บรรพบุรุษของตนซึ่งเป็นชาวละว้า ได้พากันอพยพโยกย้ายถิ่นฐานมาจาก จังหวัดลพบุรี มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณฝ๎่งอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว(ในป๎จจุบัน) ซึ่งเป็นฝ๎่งตรงกันข้ามกับที่อยู่อาศัยของพวกตนในป๎จจุบันนี้ เดิมทีฝ๎่งนั้นยังไม่ได้ เป็นอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว มีเพียงล าน้ าห้วยขุนแก้วที่ไหลผ่าน ต่อมาทางการมี นโยบายให้สร้างอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้วขึ้น โดยการกั้นล าน้ าห้วยขุนแก้วให้เป็น อ่างเก็บน้ าไว้ใช้ในการบริโภคของชุมชนที่อาศัยอยู่รายรอบล าน้ าห้วยขุนแก้ว ทางการจึงให้ชาวละว้าย้ายที่อยู่อาศัยมาอยู่ฝ๎่งตรงข้ามกับอ่างเก็บน้ า ซึ่งเป็น แนวถนนตัดไปตามแนวเขาที่กั้นอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ดูแล้วมีความมั่นคง แข็งแรงและน้ าไม่ท่วม ด้วยเกรงว่าถ้าชาวละว้ายังอาศัยอยู่ฝ๎่งอ่างเก็บน้ า อาจจะเกิดเหตุอุทกภัยได้ หากปีหนึ่งปีใดที่ฝนตกชุก ปริมาณน้ าในอ่างเก็บน้ ามี ปริมาณมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน จึงจัดสรรพื้นที่ให้ใหม่และให้ชาวละว้า ย้ายมาอยู่ในพื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยในป๎จจุบันมาจนถึงทุกวันนี้ แรก ๆ ที่ย้ายมา อยู่ในบริเวณนี้ยังมีไม่กี่หลังคาเรือน ต่อมาญาติพี่น้องทราบข่าวจึงย้ายตามกันมา เพิ่มอีกจ านวนหนึ่ง จนป๎จจุบันนี้มีอยู่ 30 ครัวเรือน ผู้คนในชุมชนด ารงวิถีชีวิต อยู่กันอย่างเรียบง่าย ภายใต้บริบทของวิถีชีวิตที่พึ่งพาป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยกันรักษาระบบนิเวศไว้อย่างยั่งยืน ด ารงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง และด้วย ความที่แม่น้ าคอกควายและเทือกเขาคอกควายเชื่อมโยงผ่านชุมชนแห่งนี้ ทางการ จึงตั้งชื่อชุมชนแห่งนี้ว่า “บ้านละหว้าใหม่คอกควาย” มาจนถึงป๎จจุบัน 2.4 ประเภทชุมชน ☐ ชุมชนเมือง/ชาวเมือง ☒ ชุมชนชนบท ☒ ชุมชนชาติพันธุ์ ☐ เครือข่ายชุมชน (กลุ่มทางสังคม/องค์กรทาง สังคม) ☐ ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร ☐ ชุมชนอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเม้นท์