The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุนิสา มักเกษตรกิจ, 2024-02-22 01:34:24

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

ชุมชนชาติพันธุ์ตำบลทองหลาง-อุทัยธานี

Keywords: อุทัยธานี

แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 144 2.5 จุดเด่นชุมชน 1. หน้าหมู่บ้านละหว้าใหม่คอกควายมีถนนทางหลวงชนบทที่ตัดผ่าน ซึ่งฝ๎่งที่ อยู่ตรงกันข้ามกับหมู่บ้าน เป็นอ่างเก็บน้าขนาดใหญ่ชื่อ “อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว” สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการบริโภค การเกษตร ประมงและการท่องเที่ยว มีความสวยงามและมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการด ารงชีวิตของผู้คนในชุมชน 2. หน้าหมู่บ้านมีศาลเจ้าเก่า ๆ ซึ่งบรรพบุรุษชาวละว้าได้สร้างไว้ตามความเชื่อ โบราณประเพณี เป็นที่เคารพสักการะและเป็นสถานที่ประกอบพิธีท าบุญกลางบ้าน ของชุมชน 3. วัดแก้วศักดา เป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวละว้า คนในชุมชนไปท าบุญ ทุกวันธรรมสวนะ 3. ที่ตั้ง 3.1 จังหวัด* อุทัยธานี 3.2 อ าเภอ/เขต* ห้วยคต 3.3 ต าบล/แขวง* ทองหลาง 3.4 หมู่บ้าน บ้านละว้า 3.5 รหัสไปรษณีย์ 61170 3.6 ที่อยู่ (หมู่ที่, ถนน) หมู่ที่ 3 3.7 ละติจูด* 15.31712195 3.8 ลองจิจูด* 99.53313679 3.9 ประเภทเขตการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ☐ เทศบาลนคร ระบุ………… ☐ เทศบาลเมือง ระบุ……………… ☐ เทศบาลต าบล ระบุ……… ☒ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ☐ กรุงเทพมหานคร ☐ เมืองพัทยา 4. ความเป็นมา: ประวัติศาสตร์ชุมชน นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า เล่าให้ฟ๎งว่า บรรพบุรุษของตนและกลุ่มญาติพี่น้องผองเพื่อนรวมกลุ่มกันได้อพยพ โยกย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดลพบุรี (ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเป็นหมู่บ้าน ต าบลและอ าเภออะไรของจังหวัดลพบุรี) มาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ราบเชิงเขาที่เต็มไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่จ านวนมากสลับซับซ้อน เรียงรายเต็มพื้นที่ และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหารและของป่ามากมายส าหรับการด ารงชีพ ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้เบญจพรรณและป่าไม้ผลัดใบ พื้นที่บริเวณนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการ ท าการเกษตร ตามแบบวิถีชีวิตของชาวละว้า และคาดว่าชาวละว้ากลุ่มนี้น่าจะย้ายมาอยู่บริเวณนี้นานมากแล้วไม่น้อยกว่า 100 ปี ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย โซน 3 มีลักษณะ เหมือนชุมชนที่อยู่ในแอ่งกระทะ มีเนินเขาขนาดสูงต่ าสลับซับซ้อนลดหลั่นกันไปเป็นจ านวนมาก เหมาะส าหรับ การท าการเกษตร ในอดีตชาวบ้านท าข้าวไร่อย่างเดียว เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการ จ าหน่าย ที่มาของชื่อชุมชน ทางการเรียกชื่อชุมชนนี้ว่า “บ้านละหว้าใหม่คอกควาย” เนื่องจากชาวละว้าเรียก ตัวเองว่าละหว้าและบริเวณนี้อยู่ใกล้กับแม่น้ าคอกควาย และอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและ ห้วยป่าคอกควาย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 145 สภาพแวดล้อมชุมชน ในอดีตชุมชนแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่จ านวนมากกว่า 100 หลังคาเรือน มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่า มีผืนป่า ที่อุดมสมบูรณ์โอบล้อมชุมชน ผู้คนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีปราชญ์ชาวบ้านด้าน พิธีกรรมท าหน้าที่ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ มีเทศกาลประเพณีต่าง ๆ ในชุมชน เช่น พิธีเรียกขวัญ พิธีท าบุญ กลางบ้าน พิธีโกนจุก เป็นต้น และมีศาลเจ้าเก่าเป็นสถานที่ประกอบพิธีท าบุญกลางบ้านตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน ซ้ายมือบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน มีทั้งชาวละว้าที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ในชุมชน และชาวละว้าที่ย้ายออกไปอยู่ชุมชน อื่นในต่างจังหวัด สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามวิถีชีวิตที่แต่ละครอบครัวเลือกเดิน ซึ่งป๎จจุบันนี้คงเหลือ จ านวน 30 ครัวเรือน สภาพบ้านเรือน 1 สภาพบ้านเรือน 2 ในชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย มีศาลเจ้าที่หรือศาลพระภูมิหรือศาลเพียงตาอยู่หน้าหมู่บ้าน บริเวณฝ๎่งซ้ายมือของทางเข้าหมู่บ้านติดถนนใหญ่ เป็นศูนย์รวมความเชื่อ พิธีกรรม และจิตวิญญาณของ ชาวบ้านละหว้าใหม่คอกควาย ทุก ๆ ปีชาวละว้าจะมารวมตัวกันเพื่อประกอบพิธีท าบุญกลางบ้านบริเวณนี้ เพื่อ เลี้ยงผีบ้านผีเรือนผีเจ้าป่าเจ้าเขา เพื่อให้ช่วยปกป๎กษ์รักษา ปกป้องคุ้มครองชีวิตผู้คนในชุมชนได้อยู่เย็นเป็นสุข ปลอดภัยจากสิ่งเลวร้ายอุบัติเหตุเพศภัย ปราศจากโรคภัยที่จะมากล้ ากลายผู้คนในชุมชน ซึ่งก็ท าให้ทุกคน ในชุมชนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งคนในชุมชนเชื่อ ว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลเพียงตาประจ าหมู่บ้านแห่งนี้


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 146 ศาลเจ้าที่หน้าหมู่บ้าน ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควายมีวัดป่าแก้วศักดา(ธรรมยุติ) ที่เป็นแหล่งศรัทธาและเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของชาวละว้ามาอย่างยาวนาน ป๎จจุบันมีพระสงฆ์จ าวัด 5 รูป มีวิหาร มีอุโบสถ มีศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นศาสนสถาน ส าคัญที่ชาวละว้านิยมมาท าบุญในวันธรรมสวนะ มีสถาป๎ตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีความงดงามมาก ตั้งเด่นสง่าอยู่บนไหล่เขาจนถึงยอดเขา ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย วัดใหม่แก้วศักดา ชุมชนชาวละว้า ไม่เคยมีโรงเรียนในชุมชนตั้งแต่อดีตถึงป๎จจุบัน เด็ก ๆ ที่มีอายุถึงเกณฑ์เรียนหนังสือ จะไปเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านสมอทอง โรงเรียนบ้านคลองแห้ง และโรงเรียนบ้านตลิ่งสูง ต าบล ทองหลาง อ าเภอห้วยคต และโรงเรียนบ้านคลองชะนี ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก ส่วนเด็กมัธยมจะไปเรียนที่


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 147 โรงเรียนสมอทองปทีปพลีผลอุปถัมภ์ และโรงเรียนห้วยคตพิทยาคม ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต ซึ่งอยู่ห่าง จากชุมชนชาวละว้าไม่เกิน 10 กิโลเมตร ในอดีตบรรพบุรุษชาวละว้า ได้อนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรมตามแบบวิถีชีวิตชาวละว้าภาคกลาง เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ป๎จจุบันประเพณีวัฒนธรรมของชาวละว้าที่นี่ถูกกลืนกินหายไปเป็นจ านวนมาก แทบจะ ไม่หลงเหลือไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้ เนื่องจากชุมชนชาวละว้าแห่งนี้ตั้งอยู่ปะปนกับชุมชนคนไทยพื้นเมือง ที่มาตั้งถิ่นฐานท ามาหากินอยู่รอบ ๆ ชุมชนชาวละว้า จึงท าให้วิถีชีวิตชาวละว้าเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก การคมนาคมสัญจร ในอดีตชุมชนชาวละว้ายังไม่มีถนนหนทาง ดังนั้น ผู้คนในชุมชนจึงต้องเดินเท้าไปตาม ทางเท้า ข้ามภูเขา ป่าไม้ ล าธาร เพื่อที่จะไปท าธุรกรรมที่อ าเภอ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 1 วัน พักระหว่างทาง 1 คืน และเดินทางกลับอีก 1 วัน จึงจะกลับถึงบ้าน หากจะต้องเดินทางไปที่ตัวจังหวัด จะต้องเดินทางถึง 2 วัน พัก ระหว่างทาง 3 คืน และเดินทางกลับอีก 2 วัน จึงจะกลับถึงบ้าน ป๎จจุบันนี้ไม่มีรถโดยสารประจ าทางแล้ว หากคนในชุมชนที่จะเดินทางไปท าธุรกรรมในตัวอ าเภอหรือจังหวัด ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์เป็นส่วนบุคคลเป็นหลัก หรืออาศัยเพื่อนบ้านไป เป็นต้น และป๎จจุบันถนนสายหลักที่ผ่านหมู่บ้านเป็นถนนลาดยาง ส่วนถนนภายในหมู่บ้านมีทั้งถนนคอนกรีตและถนนลูกรัง ถนนคอนกรีต ไฟฟ้า ชาวละว้าชุดแรกย้ายเข้าอาศัย บ้านละว้าเดิมขึ้นกับ ประปา เข้ามาในชุมชน อยู่ในบริเวณชุมชนละว้า ต.คอกควาย อ.บ้านไร่ ท าให้คุณภาพชีวิต ราวปี 2395 เปลี่ยนมาขึ้นกับ ต.ทองหลาง ของคนในชุมชนดีขึ้น 2555 อ.ห้วยคต 2527 2300 2400 2500 2550 2566 มีถนนลูกรังเข้ามา มีการสร้างอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ในชุมชน ท าให้ ในบริเวณที่ชุมชนชาวละว้าอาศัย การคมนาคมสะดวกขึ้น จึงท าให้ชุมชนต้องย้ายออกจากที่ตั้ง ราวปี 2450 มาตั้งชุมชนอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน หน้าหมู่บ้าน ปี 2539 ประกาศพื้นที่ป่าสงวน แห่งชาติทับซ้อนที่ท ากิน ของชุมชน ปี 2528


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 148 ยุคบุกเบิกชาวละว้าย้ายมาอยู่บริเวณนี้เป็นครั้งแรก ทางการท าถนนลูกรังเข้าสู่ชุมชน ข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนเสื้อผ้า ประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินชาวบ้าน ชาวบ้านหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไฟฟ้าเข้ามาชุมชน ถนนคอนกรีตเข้าชุมชน ชาวบ้านย้ายออกจากชุมชน กว่า 50 ครัวเรือน มีผู้ใหญ่บ้านที่ทางการแต่งตั้ง น้ าประปาเข้าชุมชน มีระบบสุขาภิบาล/ห้องน้ า/ส้วม ตั้งหมู่บ้าน สาธารณูปโภค เปลี่ยนแปลง สงครามโลก แผนพัฒนา ศก. เริ่มศก. ยุค ศก. ยุคพัฒนา ป๎จจุบัน การปกครอง ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 1 ฟองสบู่ ฟองสบู่ สาธารณูปโภค 2395 2415 2450 2475 2484 2488 2504 2533 2540 2555 2560 2566 2525 2528 5. แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน - ระยะทางจากอ าเภอถึงชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย 15 กิโลเมตร - ระยะทางจากจังหวัดถึงชุมชน 65 กิโลเมตร - ระยะทางจากกรุงเทพถึงชุมชน 248 กิโลเมตร - เดินทางได้ทางบกทางเดียว คือ การคมนาคมสัญจรโดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านคลองชะนี หมู่ 3 ต าบลป่าอ้อ อ าเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านภูเหม็น หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านสมอทอง หมู่ 2 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านคลองแห้ง หมู่ 1 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 149 สภาพพื้นที่ทางกายภาพ /ขนาดพื้นที่ชุมชน/พื้นที่สาธารณะ/การสาธารณูปโภคชุมชน พื้นที่ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควาย เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา มีหุบเขาและภูเขาขนาดใหญ่ และเนินเขา จ านวนมาก เรียงรายสลับซับซ้อนอยู่รอบ ๆ ชุมชน อยู่เต็มบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากิน พื้นที่ส่วนใหญ่ ร้อยละ 60 เป็นพื้นที่ท าการเกษตร พื้นที่ร้อยละ 20 เป็นที่อยู่อาศัยเป็นที่ตั้งชุมชน และพื้นที่ร้อยละ 20 เป็น พื้นที่ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ าคอกควาย และพื้นที่ป่าชุมชน เดิมทีชุมชนแห่งนี้ขึ้นกับต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ภายหลังมีการแยกกิ่งอ าเภอ ห้วยคตออกจากอ าเภอบ้านไร่ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2527 ท าให้ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควายย้ายมาสังกัด หมู่ 3 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พื้นที่ท าการเกษตร 1 พื้นที่ท าการเกษตร 2 ชุมชนชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอกควาย มีแม่น้ าสายส าคัญไหลผ่านชุมชน ชื่อว่า “แม่น้ าคอกควาย” และ “ล าห้วยขุนแก้ว” ที่มีต้นก าเนิดมากจากเทือกเขาบริเวณเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในพื้นที่มรดกโลก ห้วยขอแข้ง มีน้ าไหลผ่านตลอดทั้งปี ชาวบ้านมีน้ าอุปโภคบริโภคและท าการเกษตรตลอดทั้งปี ต่อมาเมื่อ ชาวบ้านย้ายเข้ามาอยู่อาศัยและท าการเกษตรจ านวนมาก กอปรกับทางการมีแผนที่จะสร้างอ่างเก็บน้ า “ห้วยขุนแก้ว” และได้เริ่มด าเนินการสร้างอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ในปี 2539 แต่บังเอิญพื้นที่ที่ใช้ในการสร้าง อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้วเป็นพื้นที่ตั้งของชุมชน ดังนั้น ทางการจึงให้ชาวบ้านย้ายชุมชนไปอยู่ฝ๎่งตรงข้าม คนละฟากถนนกับที่ตั้งชุมชนเดิม และได้ตั้งชุมชนมาจนถึงป๎จจุบัน อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 150 บรรพบุรุษยุคแรกที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควายแห่งนี้ เห็นว่าผืนดินบริเวณนี้ มีความอุดมสมบูรณ์มีเนินเขาและเชิงเขาที่ไม่สูงชันมากนัก เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวไร่และการท าการเกษตร ตามแบบวิถีกลุ่มชาติพันธุ์ชาวละว้า รวมถึงมีป่าไม้นานาพรรณ มีแม่น้ าคอกควายเป็นแหล่งน้ าอุปโภคบริโภค เรียกได้ว่าสภาพแวดล้อมมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงตัดสินใจตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนอยู่ในบริเวณนี้จวบจนป๎จจุบัน พื้นที่กิจกรรมทางสังคม มีศาลเจ้าที่ตั้งเด่นสง่าอยู่หน้าชุมชน ป๎จจุบันศาลเจ้าที่ยังคงอยู่แต่มีสภาพที่ ทรุดโทรมมาก และยังมีการสืบทอดพิธีกรรมตามความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ละว้ามาจนถึงป๎จจุบัน คือพิธีกรรม ท าบุญกลางบ้าน ส่วนพิธีกรรมตามความเชื่ออื่น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสมัยนิยมและตามสังคมรอบข้าง เพราะชุมชนคนไทยพื้นเมืองที่อยู่รอบ ๆ ชุมชน เข้ามามีอิทธิพลกับชุมชนละว้า สถานที่ส าคัญทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่ชาวละว้าจะมีการนัดพบพูดคุยหารือเรื่องส าคัญ ในบ้านของผู้อาวุโสของชุมชน หรือบ้านผู้น าชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการจับกลุ่มหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ ตามบ้านต่าง ๆ แต่หากเป็นการประชุมหารืออย่างเป็นทางการแล้ว จะไปประชุมกันที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน หรือที่องค์การบริหารส่วนต าบล หรือที่ว่าการอ าเภอห้วยคต ที่อยู่อาศัยของชุมชน รวมทั้งพื้นที่ท าการเกษตรของคนในชุมชน ล้วนอยู่ในพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ ห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย โซนซี ซึ่งได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2528 ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นการประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังจากที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยและท ามาหากินมาเป็นระยะเวลากว่า 100 ปี และภายหลังการประกาศพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติ เจ้าหน้าที่รัฐจัดสรรที่ดินท ากินให้ครอบครัวละ 25 – 30 ไร่ เพื่อท ามาหากินอยู่กับที่ ไม่อนุญาตให้ท าไร่เลื่อนลอย จึงท าให้พื้นที่ท าการเกษตรลดลง และเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มขึ้น


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษVersion 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน”


ษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 151


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 152 6. ประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์ - ประชากรมีจ านวน 30 ครัวเรือน - ประชากรทั้งหมด 84 คน - ประชากรชาย 43 คน - ประชากรหญิง 41 คน - ประชากรทั้งหมดเป็นเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า 84 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ระบบเครือญาติ ประชากรในชุมชนทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มีผู้คน หลากหลายช่วงวัยอาศัยอยู่ร่วมกัน มีเพียงบางส่วนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว จากรากฐานความสัมพันธ์เชิง เครือญาติ ท าให้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พูดภาษาอื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชน กะซอง ก่อ (อึมปี้) กะยัน กะแย กะเลิง กูย ก ามุ ขแมร์ลือ คะฉิ่น จีน จีนยูนนาน ชอง ซะโอจ ซ าเร โซ่ ทะวืง ญ้อ ญัฮกุร เยอ ดาราอาง ไตหย่า ไทขึน ไทด า ไทเบิ้ง ไทยโคราช ไทยวน ไทโย้ย ไทใหญ่ บรู บีซู ปกาเกอะญอ ปลัง ปะโอ ผู้ไท โพล่ว ไทยพวน ม้ง มละบริ มอแกน มอแกลน มอญ มานิ มลายู ยอง ละว้า ลัวะ(ปรัย) ลัวะ ลาวครั่ง ลาวแง้ว ลาวเวียง ลาหู่ ลีซู ไทลื้อ เวียด แสก โส้ อ่าข่า อาเคอะ อิ้วเมี่ยน อูรักลาโว้ย โอก๋อง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 153 7. โครงสร้างทางสังคม: องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ 7.1 กลุ่มที่เป็นทางการ 7.1.1 กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในอดีตชุมชนบ้านละว้าเคยมีการรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการออมทรัพย์ และใช้ในการระดมทุนไว้ให้คนในชุมชนได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ ทางการเกษตรในอัตราดอกเบี้ยต่ า ต่อมารัฐบาลได้จัดให้มีกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท กลุ่มสหกรณ์ ออมทรัพย์เพื่อการผลิตกลุ่มบ้านละหว้าใหม่คอกควายจึงค่อย ๆ เริ่มถอนตัวออกจากสมาชิก ไปเป็นสมาชิก กองทุนหมู่บ้านแทน 7.1.2 กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ ประชาชนในชุมชนมีการรวมตัวกันในนามกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ทั้งชุมชน โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของครอบครัวสมาชิก 7.1.3 กลุ่มสินเชื่อ ธ.ก.ส. ชาวบ้านมีการรวมตัวเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน เพื่อยื่นขอสินเชื่อกับ ธ.ก.ส. เพื่อการเกษตร ป๎จจุบันนี้ยังคงเหลืออยู่หลายกลุ่ม และมีการรวมตัวกันอย่างหนาแน่น 7.2 กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ 7.2.1 กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม เมื่อมีประเพณีวัฒนธรรมและการท าพิธีกรรมตามความเชื่อในชุมชนบ้านละหว้าใหม่ คอกควาย จะมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนจ านวนมาก และจะมีผู้น าด้านพิธีกรรมพาผู้คนในชุมชนร่วมกิจกรรม โดยพร้อมเพรียงกัน 7.2.2 กลุ่มพลังศรัทธา มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา รวมตัวกันไปท าบุญที่วัดแก้ว ศักดาซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านเป็นประจ าทุกวันธรรมสวนะ 7.2.3 กลุ่มท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือญาติ4 – 5 หลังคาเรือน ที่เป็นกลุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะมีการรวมตัวช่วยเหลือกันทางการเกษตร เป๊ กไป่ ปราชญ์ ชาวบ้าน กลุ่ม ฌามปนกิจ กลุ่ม ธ.ก.ส. กลุ่มกองทุน หมู่บ้าน กลุ่ม การเกษตร กลุ่มประเพณี วัฒนธรรม


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 154 8. วิถีชีวิต: ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจ าวัน 8.1 วิถีชีวิตทางสังคมและวัฒนธรรม 8.1.1 ประเพณีวันสงกรานต์ เมื่อถึงวันสงกรานต์ ผู้คนในชุมชนจะมีการรวมตัวกัน ณ บ้านของปราชญ์ชาวบ้านหรือ บ้านผู้อาวุโสหรือบ้านของผู้น าชุมชน จะเชิญชวนผู้อาวุโสทั้งหญิงและชายในชุมชนเข้าร่วมพิธีรดน้ าขอพร โดย ปราชญ์ชาวบ้านอาวุโสจะให้พรลูกหลาน หลังจากนั้นผู้น าชุมชนและลูกบ้านจะร่วมกันรดน้ าขอพรจากผู้อาวุโส จนครบทุกคน ซึ่งพิธีกรรมดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากคนไทยพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่รอบชุมชน ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ประเพณีสงกรานต์นั้น เดิมทีเป็นของคนไทย พื้นเมือง แต่ป๎จจุบันได้แผ่อิทธิพลเข้ามาสู่กลุ่มชาติพันธุ์ละว้าบ้านใหม่คอกควาย ซึ่งเห็นว่าเป็นประเพณีที่ดีงาม และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ละว้าที่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสในชุมชน 8.1.2 ประเพณีท าบุญกลางบ้าน ขั้นตอนในการประกอบพิธีท าบุญกลางบ้าน เริ่มจากชาวบ้านเตรียมท ากระทงกระบาน เพื่อท าพิธีเสียกระบาน โดยชาวบ้านจะเอากาบกล้วยมาท าเป็นกระทงกระบาน โดยมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า หากงานบุญกลางบ้านก าหนดท าในวันข้างขึ้นให้ท าเป็น "กระบานสี่" (สี่เหลี่ยม) แต่หากเป็นวันข้างแรมให้ท า เป็น "กระบานสาม" (สามเหลี่ยม) ป๎กธงกบิล ๔ ทิศ โดยใส่ข้าวพล่า ปลาย า หมากพลูพริกแห้ง เกลือ หัว หอม ข้าวสาร ป๎กธูปลงในกระทงกระบาน ใส่สตางค์และใช้ดินเหนียวป๎้นเป็นรูปคนเท่าจ านวนคนในบ้านรวมไปถึงวัว กระบือ ไก่หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ใส่เสื้อผ้าให้รูปคน ใส่ลงไปในกระทงกระบานด้วย เรียกว่า ตุ๊กตาเสียกระบาน (หมายถึง เสียตุ๊กตาไปกับกระทงกระบาน เพราะคติของชาวบ้านไม่ได้ทุบหัวตุ๊กตาแต่อย่างใด) โดยป๎้นจากดินให้ เป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ เลียนแบบท่าทางของคน มีทั้งดินเหนียวและดินเผา เพื่อให้มารับเคราะห์แทนตัว เป็นการ สะเดาะเคราะห์ ในวันจัดงานท าบุญกลางบ้าน ชาวบ้านจะถือกระทงกระบานน าไปวางไว้บริเวณปร าพิธี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพระพุทธรูป โดยจะมีการก่อเจดีย์ทรายป๎กธงบนยอดเจดีย์(กลางบ้าน) และประดับด้วยใบมะพร้าว ธงกบิลฯลฯ พร้อมกับท าก าแพงล้อมทั้ง 4 ทิศ พร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์จากวัดแก้วศักดามาเจริญพระพุทธมนต์ พระปริตรในเวลาเย็น ในระหว่างพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เมื่อพระสวดจบบทหนึ่งก็จะมีการตีฆ้อง 3 ครั้ง ครั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบในช่วงค่ า พระสงฆ์จะสวดบท สุมงฺคลคาถา (สุนกฺขตฺต สุมงฺคล ) และชาวบ้าน ก็จะจุดธูปเทียนในกระทงกระบานและเดินไปวางกระทงกระบานไว้บนบกที่ ริมฝ๎่งแม่น้ าพร้อมกัน โดยก่อนวาง จะกล่าวค าขอขมาลาโทษ บอกเล่าเจ้าที่เจ้าทาง ผีสางเทวดา ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มารับเครื่องเซ่น เพื่อเป็น การปล่อยเคราะห์ปล่อยโศกให้หมดไป จากนั้นจึงมีการละเล่นต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ในวันที่สองจะนิมนต์ พระสงฆ์มาฉันภัตตาหารเช้า ถวายจตุป๎จจัย จึงเป็นอันเสร็จพิธี การท ากระทงกระบานใส่ดินป๎้นผู้อาศัยในครัวเรือนของตน ๆ ไปวางไว้ตามทางสามแพร่ง เพื่อสะเดาะห์เคราะห์ ซึ่งเป็นอุบายของคนโบราณในการส ารวจประชากรและสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านคุ้งตะเภาได้ อย่างดียิ่ง 8.1.3 ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงของชาวละว้า ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีลอยกระทงของคน ไทยพื้นเมือง ซึ่งเป็นความสอดคล้องกับความเชื่อของชาวละว้าที่ต้องการให้มีการขอขมาพระแม่คงคา เพื่อท า ให้คนในชุมชนได้มีน้ ากินน้ าใช้ มีน้ าในการท าการเกษตรตลอดปี และถือเอาวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 12 ซึ่งตรงกับ วันลอยกระทงของคนไทย เป็นวันลอยกระทงของชาวละว้าด้วย ซึ่งลักษณะกระทงของชาวละว้าจะมีความ คล้ายคลึงกับกระทงของคนไทย น าไปลอยกระทงในอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว เพื่อขอขมาพระแม่คงคา


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 155 8.2 วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ 8.2.1 การเตรียมดินเพาะปลูก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมจะต้องมีการเตรียมดิน เช่น ถากถางวัชพืชหลัง เก็บเกี่ยว เผาซากวัชพืช ไถบุก ไถแปรพลิกหน้าดินขึ้นมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมใต้ดิน และฆ่าไข่ของ ตัวหนอนและเพลี้ยชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ดินมีความพร้อมส าหรับการเพาะปลูกรอบใหม่ 8.2.2 การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมเกษตรกรจะท าการเพาะปลูก หลังจากนั้นเกษตรกร จะดูแลพืชผลทางการเกษตรต่อไปอีกราว ๆ 4 – 6 เดือน จึงจะได้เวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละชนิด ดังนั้น ในช่วงของการดูแลพืชผลทางการเกษตร จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่ส าคัญมาก 8.2.3 การเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เมื่อพืชผลทางการเกษตรได้เวลาที่จะต้องเก็บเกี่ยว ชาวบ้านจะเก็บเกี่ยวข้าวไร่ทั้งหมดที่ ยังอยู่ในไร่มาเก็บไว้ในยุ้งฉาง เพื่อเอาไว้ทานภายในครัวเรือน จนกว่าจะมีผลผลิตรอบใหม่เข้ามาสู่ยุ้งฉางเพิ่มเติม ในปีต่อไป กิจกรรม/เหตุการณ์ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. หมายเหตุ ปฏิทินเศรษฐกิจ เตรียมดินเพาะปลูก พืชเชิงเดี่ยวโดยรวม ฤดูเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ปลูกข้าวไร่ มันส าปะหลัง ดูแลพืชผลเกษตรในไร่ ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเกษตร ฤดูเกี่ยวข้าว หาหน่อไม้ หาเห็ดโคน ปฏิทินวัฒนธรรม พิธีรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ พิธีท าบุญกลางบ้าน พิธีสู่ขวัญข้าว ประเพณีลอยกระทง 9. ประวัติชีวิต: ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้น า/บุคคลส าคัญของชุมชน 9.1 ชื่อ นายเป๊กไป่ นามสกุล วงศ์ดวงค า อายุ 74 ปี เกิด พ.ศ. 2492 ที่อยู่บ้านเลขที่ 80 ชุมชนละหว้าใหม่คอกควาย หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านสมุนไพรพื้นบ้าน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย เบื้องต้นส าหรับโรคภัยที่มีกระบวนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และโรคภัยที่ไม่มีอาการรุนแรงมากนัก เป็น ปราชญ์ชาวบ้านด้านการจักสาน ได้จักสานเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน และได้สอนให้เพื่อนบ้านรวมถึง เยาวชนจักสานเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือนอยู่เป็นประจ า นอกจากนี้ ท่านยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านเพลง พื้นบ้านอีกด้วย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 156 ชีวประวัติ นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่ตามบัตรประชาชนเกิดในปี พ.ศ. 2492 เกิดที่บ้านละหว้าใหม่คอกควายแห่งนี้ และอยู่ที่นี่มาจนถึงป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีอายุ 74 ปี ในวัยเด็กไม่ได้เรียน หนังสือ ได้แต่งงานครองเรือนในวัย 20 ปี โดยสมรสกับนางดา วงศ์ดวงค า และมีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวขยาย ที่มีพ่อแม่บุตรและหลานที่ยังไม่แต่งงานอยู่ร่วมกัน ส่วนบุตรที่แต่งงานแล้ว ได้ย้ายไปใช้ชีวิตในท้องถิ่นอื่นหลังจากแต่งงาน บุตรบางคนย้ายไปท างานในเมืองหลวง นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า 9.2 ชื่อ นางเกรียน นามสกุล วงศ์ดวงค า อายุ 77 ปี เกิด พ.ศ. 2490 ที่อยู่บ้านเลขที่ 51 ชุมชนละหว้าใหม่คอกควาย หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นางเกรียน วงศ์ดวงค า เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการทอผ้าและการแต่งกายพื้นบ้านของชาวละว้า และ เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการจักสาน ได้จักสานเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน และได้สอนให้เพื่อนบ้านรวมถึง เยาวชนจักสานเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือนอยู่เป็นประจ า และเป็นปราชญ์ด้านงานบ้านงานเรือนของชาวละว้า ชีวประวัติ นางเกรียน วงศ์ดวงค า ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่ตามบัตรประชาชนเกิดในปี พ.ศ. 2490 เป็นพี่สาวของนายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า เกิดที่บ้านละหว้าใหม่คอกควายแห่งนี้ และอยู่ที่นี่มาจนถึงป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีอายุ 77 ปี ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ ได้แต่งงานครองเรือนในวัย 18 ปี เป็นครอบครัวขยายที่มี พ่อแม่บุตรและหลานที่ยังไม่แต่งงานอยู่ร่วมกัน ส่วนบุตรที่แต่งงานแล้วได้ย้ายไปใช้ชีวิตในท้องถิ่นอื่น นางเกรียน วงศ์ดวงค า


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 157 9.3 ชื่อ นางแร่ นามสกุล พรรณเริง อายุ 62 ปี เกิด พ.ศ. 2504 ที่อยู่บ้านเลขที่ 30 ชุมชนละหว้าใหม่คอกควาย หมู่ 3 บ้านละว้า ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นางแร่ พรรณเริง เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านพิธีกรรมและความเชื่อ เป็นผู้ประกอบพิธีท าบุญกลางบ้าน ของชุมชน และเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการจักสาน ได้จักสานเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน และได้สอนให้ เพื่อนบ้านรวมถึงเยาวชนจักสานเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือนอยู่เป็นประจ า ชีวประวัติ นางแร่ พรรณเริง ไม่ทราบวันเกิดและเดือนเกิดที่แน่ชัด แต่ตามบัตรประชาชนเกิดในปี พ.ศ. 2504 เป็นน้องสาวของนายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า เกิดที่บ้านละหว้าใหม่คอกควายแห่งนี้ และอยู่ที่นี่มาจนถึงป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีอายุ 62 ปี ในวัยเด็กได้เรียนหนังสือบ้างเล็กน้อย จบการศึกษาผู้ใหญ่ชั้น ป.4 ได้แต่งงานครองเรือน ในวัย 20 ปี เป็นครอบครัวขยายที่มีพ่อแม่และบุตรหลานที่ยังไม่แต่งงานอยู่ร่วมกัน ส่วนบุตรที่แต่งงานแล้วได้ ย้ายไปใช้ชีวิตในท้องถิ่นอื่น นางแร่ พรรณเริง 10. ทุนชุมชน 1. ทุนทางกายภาพ 1.1 อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ประวัติความเป็นมา ในอดีตบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ภูเขา ป่าไม้ ต้นน้ า ล าธาร มีแม่น้ าสายส าคัญเช่น แม่น้ าคอกควาย และล าห้วยขุนแก้ว ที่ไหลลงมารวมตัวกันที่อ่างห้วยขุนแก้ว ช่วงเวลาที่ส าคัญ ทางการเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เหมาะแก่การท าอ่างเก็บน้ าไว้ให้ประชาชนได้ ใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งน้ าส าหรับท าการเกษตร การท าประมงและเพาะพันธุ์สัตว์น้ า รวมถึงจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ าไว้ใช้ในฤดูแล้ง เป็นแหล่งกักเก็บน้ าในฤดูฝนเพื่อลดความแรงของกระแสน้ า และ ป้องกันอุทกภัยในฤดูฝน โดยด าเนินการสร้างอ่างเก็บน้ าในปี พ.ศ. 2539 คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน “อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว” เป็นเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยง ผู้คนในชุมชนมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอุทัยธานีอีกด้วย ท าให้ ผู้คนในชุมชนมีความผูกพันกับอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้วนมาอย่างยาวนาน สถานการณ์ป๎จจุบัน “อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว” เป็นอ่างเก็บน้ าขนาดใหญ่ใช้ในการรองรับ ปริมาณน้ าฝนในฤดูฝน ช่วยป้องกันน้ าท่วมเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน และเป็นแหล่งกักเก็บน้ าไว้ใช้ในฤดูแล้ง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 158 ดังนั้น ตั้งแต่มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยประสบป๎ญหาน้ าท่วม และไม่เคยประสบ ภัยแล้ง การสืบทอดและความยั่งยืนในการใช้งาน “อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว” ป๎จจุบันอ่างเก็บน้ า ห้วยขุนแก้วก็มีปริมาณน้ าลดลงไปมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผืนป่าต้นน้ าค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ในฤดูแล้ง จึงมีน้ าในอ่างไม่มากนัก ในฤดูฝนน้ าก็ไหลเชี่ยวมากจนบางปีดูเหมือนว่าอ่างเก็บน้ าจะไม่สามารถรองรับปริมาณ น้ าฝนทั้งหมดไว้ได้แต่ท้ายที่สุดแล้ว ชุมชนแห่งนี้ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ าไว้ได้อย่างยั่งยืน อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ภาพ 1 อ่างเก็บน้ าห้วยขุนแก้ว ภาพ 2 1.2 ป่าสงวนแห่งชาติ ประวัติความเป็นมา เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมป่าไม้ได้ประกาศเขตพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทับซ้อนพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากินของกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า ซึ่งที่ดินของบรรพบุรุษ ที่ได้สั่งสมไว้เป็น 100 ไร่ต่อครัวเรือน รัฐจัดสรรให้ชาวบ้านได้มีที่ท ากินในพื้นที่ของบรรพบุรุษ ครัวเรือนละ 25 – 30 ไร่ และห้ามไม่ให้ท าไร่เลื่อนลอยตามวิถีกลุ่มชาติพันธุ์ละว้าอีกต่อไป ช่วงเวลาที่ส าคัญ เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลา และห้วยป่าคอกควาย ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างป๎ญหาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายรัฐกับกลุ่มชาติพันธุ์ละว้ามาจนถึงป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวละว้ารู้ว่าคุณค่าของป่าไม้ดังจะเห็นได้ว่ารอบ ๆ หมู่บ้าน ละว้าแห่งนี้เต็มไปด้วยป่าชุมชนหรือป่าตามภูเขาที่อยู่รายรอบหมู่บ้าน เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้ดี สถานการณ์ป๎จจุบัน แม้ป๎จจุบันนี้ป่าชุมชนหรือป่าไม้ตามไหล่เขาและบนภูเขารอบ ๆ ชุมชน จะลดลงไปมากหากเทียบกับในอดีต แต่ก็ยังคงเหลือพื้นที่ป่าชุมชนอยู่ร้อยละ 10 – 15 ของพื้นที่เพียงพอที่จะ ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ชุมชนชาวละว้า 2. ทุนมนุษย์ นายเป๊กไป่ วงศ์ดวงค า ผู้อาวุโสในชุมชนที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เล่าให้ฟ๎งว่า ชาวละว้า เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีความส าคัญยิ่ง ในชุมชนนี้มีทั้งปราชญ์ชาวบ้านด้านหมอสมุนไพรพื้นบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน ด้านผ้าทอพื้นบ้าน ปราชญ์ชาวบ้านด้านเครื่องจักสานพื้นถิ่น ปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร ปราชญ์ชาวบ้าน ด้านความเชื่อและพิธีกรรมที่เป็นเสมือนผู้น าแห่งจิตวิญญาณของชุมชน นอกจากนี้ ยังมีปราชญ์ชาวบ้านด้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีกด้วย ช่วงเวลาที่ส าคัญ คือ กาลเวลาที่ผ่านไป กว่า 2 ศตวรรษ วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า โดยเฉพาะทรัพยากรมนุษย์ เป็นทรัพยากรหลักในการสืบสานและสืบทอดเรื่องราวของชาวละว้า ที่ได้รับการ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 159 ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หากแต่ชุมชนชาวละว้าแห่งนี้ ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากภายนอกโหมกระหน่ า อย่างหนักหน่วง และการที่ชุมชนแห่งนี้อยู่ท่ามกลางชุมชนที่เป็นคนไทยพื้นเมืองดั้งเดิม ส่งผลให้วัฒนธรรม ดั้งเดิมของชาวละว้านั้นสูญหายไปแทบหมดสิ้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมชุมชนชาวละว้าจะสูญหายไปแทบหมด และถูกทดแทนด้วยวัฒนธรรมของคนไทยพื้นเมือง แต่ชาวละว้าทุกคนก็ภาคภูมิใจในความเป็นลูกหลาน บรรพบุรุษกลุ่มชาติพันธุ์ละว้า และยอมรับอย่างเต็มใจว่าตนเองนั้นเป็นลูกหลานชาวละว้าและไม่เคยลืมในชาติ ก าเนิดของตน สถานการณ์ป๎จจุบัน ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมแบบก้าวกระโดด ส่งผล ให้ชาวละว้าในชุมชนนี้ แทบไม่เหลือวัฒนธรรมละว้าให้จดจ า อาทิ ภาษาพูดและภาษาเขียนที่สูญหายไปโดย สิ้นเชิง อัตลักษณ์ด้านเสื้อผ้าและการแต่งกายที่ไม่มีใครหลงเหลือไว้ให้ลูกหลานดูต่างหน้า วัฒนธรรมประเพณี ที่เหลืออยู่ที่สามารถจับต้องได้ คือ ประเพณีท าบุญกลางบ้านเพียงอย่างเดียวที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็น วัฒนธรรมของชาวละว้า การสืบทอดและความยั่งยืนของวัฒนธรรมละว้า อาจจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า แทบจะไม่มี การสืบทอดวัฒนธรรมชาวละว้าอีกเลย ยังเหลือวัฒนธรรมประเพณีการท าบุญกลางบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ก็ ไม่มีการถ่ายทอดสู่เยาวชน หากแม้นผู้อาวุโสที่ได้สืบสานประเพณีท าบุญกลางบ้านคนป๎จจุบันไม่อยู่แล้ว คาดว่า จะไม่เหลือวัฒนธรรมชาวละว้าอีกเลย 3. ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณีชาวละว้า บรรพบุรุษของชุมชนชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอก ควายแห่งนี้ โยกย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดลพบุรีมาอยู่อาศัยบริเวณนี้กว่า 2 ศตวรรษแล้ว เดิมทีบรรพบุรุษได้ น าวัฒนธรรมชาวละว้าติดตัวมามากมาย และได้มีการอนุรักษ์ สืบสาน สืบทอดกันมาในระยะหนึ่ง ต่อมาได้รับ อิทธิพลความเจริญทางวัตถุจากโลกภายนอก และการไม่มีผู้สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวละว้า ท าให้ประเพณีวัฒนธรรมค่อย ๆ ถูกกลืนกินหายไปทีละน้อย จนใกล้จะสูญสิ้น ช่วงเวลาที่ส าคัญ คือ ช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของชาวละว้า ได้แก่ 1 ศตวรรษแรกที่ชาวละว้าย้ายมาอยู่ในบริเวณนี้ ชุมชนนี้เป็นชุมชนใหญ่มีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 100 ครัวเรือน มีการรักษาวัฒนธรรมประเพณีเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์เข้มแข็งและยั่งยืน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน เมื่อพูดถึงขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของ ชาวละว้า ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ผู้คนในยุคป๎จจุบันไม่มีใครจ าได้ว่า ในยุคหนึ่งวัฒนธรรมชาวละว้าเคยมีความ เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในพื้นที่นี้ แต่ป๎จจุบันนี้คงเป็นเพียงต านานที่จะมีการเล่าขานสู่รุ่นลูกรุ่นหลานฟ๎งเท่านั้น สถานการณ์ป๎จจุบัน น่าเสียดายที่ป๎จจุบันนี้มีเพียงประเพณีท าบุญกลางบ้านเท่านั้น ที่คนใน ชุมชนชาวละว้ารักษาเอาไว้ได้ การสืบทอดและความยั่งยืน ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอกควายไม่ค่อยได้ สืบทอดวัฒนธรรมละว้าจากบรรพบุรุษ และที่มีอยู่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดสู่เยาวชน ส่งผลให้ไม่เกิดความยั่งยืน และวัฒนธรรม ที่ดีงามจวนสูญหายไปหมดสิ้นในอนาคตอันใกล้นี้ 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา คือ ในอดีตบรรพบุรุษชาวละว้านิยมปลูกข้าวไร่เป็นหลัก เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้บริโภคในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการจ าหน่าย ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ จากยุคที่มีการปลูกพืชเพื่อด ารงชีพ สู่การปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ยุคที่ที่ดินท ากินของชุมชนถูกประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและ ห้วยป่าคอกควาย ชาวบ้านได้รับการจัดสรรที่ดินจ านวนจ ากัดมาก ประกอบกับความเจริญทางวัตถุเริ่มแพร่หลาย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 160 เข้ามาสู่ชุมชน ท าให้ชาวบ้านจ าเป็นต้องใช้เงินเป็นป๎จจัยหลักในการด ารงชีวิต ดังนั้น ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาเป็น การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจเพื่อการจ าหน่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผู้คนปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพ กับ ป๎จจุบันที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการจ าหน่ายและน าเงินมาด ารงชีพ ซึ่งทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่า สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก ข้าวโพด มันส าปะหลัง ปาล์ม อ้อย เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่โตเร็ว ทนแล้ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว และจะคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปอนาคตอีกหลายทศวรรษข้างหน้า พืชเศรษฐกิจ 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา คือ จากอดีตถึงป๎จจุบันชาวละว้ากลุ่มบ้าน ละหว้าใหม่คอกควายให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาก ให้ความเคารพนับถือ ผู้น าชุมชนที่ได้รับการแต่งจากภาครัฐ และปฏิบัติตามธรรมนูญของชุมชนอย่างเข้มแข็ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ เชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ช่วงเวลาที่ส าคัญ ในระยะหลังที่ภาครัฐก าหนดให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ในการลงคะแนน เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเคารพในกติกาของบ้านเมือง มีส่วนร่วมทางการเมือง และยอมรับการเมืองการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและพร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ครั้งที่มี ปรากฏการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมเรียนรู้และปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรู้คุณค่า สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอกควาย เป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีประชากร เพียง 30 ครัวเรือน ภาครัฐจึงน าประชากรชาวละว้าไปรวมกับกลุ่มอื่น ๆ จนกลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในนามของหมู่ที่ 3 (บ้านละว้า) ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต โดยผู้คนในชุมชนยินยอมให้ผู้น าจากกลุ่มอื่น เป็นผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการ หรือเป็นสมาชิก อบต. เพื่อดูแลความเรียบร้อยและความสงบสุขของคนในชุมชน การสืบทอดและความยั่งยืน มีการสืบทอดการเมืองและการปกครองด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่ อดีตจนถึงป๎จจุบัน ไม่มีความขัดแย้งและไม่เคยเสียเลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 161 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ได้แก่ ภาษาละว้า เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในครัวเรือนและใช้ในการพูดในชุมชน บ้านละว้าใหม่คอกควาย ป๎จจุบันเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังสามารถพูดภาษาละว้าได้ ส่วนใหญ่จะมีอายุ 50 ปีขึ้น จึงจะสามารถพูดภาษาละว้าได้ ภาษาเขียน ได้แก่ ภาษาเขียนละว้า เป็นภาษาอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ละว้าทุกภูมิภาคในประเทศไทย แต่ป๎จจุบันภาษาเขียนให้สูญหายไปจากชุมชนแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว เนื่องด้วยไม่มีผู้สืบทอด สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวละว้าในชุมชนป๎จจุบันไม่มีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนละว้าได้เนื่องจากเยาวชน ชาวละว้าและประชาชนชาวละว้าในชุมชนส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เพราะมีโอกาสได้รับการศึกษาภาคบังคับ จากรัฐบาล ส่วนใหญ่จึงสามารถเขียนภาษาไทยได้และนิยมใช้ภาษาไทยมากกว่า จึงท าให้ภาษาเขียนละว้า เลือนหายไปจากวิถีชีวิตของชาวละว้าจนหมดสิ้น ส าหรับภาษาพูดชาวละว้ายังคงมีประชากรชาวละว้าที่ยังสามารถพูดภาษาละว้าได้บ้าง เนื่องจาก ชาวละว้าที่เป็นผู้อาวุโสที่ได้รับการถ่ายทอดภาษาพูดละว้าหลายคนยังมีชีวิตอยู่ จึงยังพูดภาษาละว้าได้ แต่เนื่องด้วย ไม่ค่อยได้พูดจึงหลง ๆ ลืมไปบ้าง แต่ไม่ได้สอนให้กับลูกหลานเยาวชนพูด จึงท าให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่สามารถพูด และสื่อสารด้วยภาษาละว้าได้ เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง และอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าจะสูญหายไปอย่างถาวร 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนชาวละว้ามีวิวัฒนาการด้านการเมืองการปกครองอย่างต่อเนื่อง ตามล าดับจากอดีตถึงป๎จจุบัน ป๎จจุบันมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนต าบล ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านให้ความร่วมมือกับผู้น าชุมชนและภาครัฐเป็นอย่างดีในการเลือกตั้งในพื้นที่ ทุกระดับ ไม่เคยมีป๎ญหาความขัดแย้ง การเรียกร้องหรือร้องเรียนใด ๆ ในชุมชนชาวละว้า ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบัน จากอดีต เป็นการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ ต่อมามีการประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากิน ของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยการหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจเพื่อหา เงินมาใช้ในการด ารงชีพ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีเศรษฐกิจของชุมชนไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ด้านสังคมและประชากร มีการเปลี่ยนแปลงในหลายช่วงเวลา กล่าวคือ ในระยะแรกที่มีชาวละว้าเข้า มาบุกเบิกพื้นที่ท ากินในบริเวณนี้เพียงไม่กี่ครัวเรือน ได้บอกต่อไปยังญาติ ๆ จากต่างจังหวัด ท าให้มีผู้คนจาก หลายท้องที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่ชุมชนบ้านละหว้าใหม่คอกควายแห่งนี้เป็นจ านวนมาก ราว ๆ 100 ครัวเรือน หลังจากนั้นชุมชนแห่งนี้ประสบป๎ญหาน้ าท่วมในปีที่มีปริมาณน้ าฝนมาก และประสบป๎ญหาภัยแล้งในปีที่ฝน ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เคราะห์ซ้ าไปกว่านั้นภาครัฐได้ประกาศพื้นที่นี้เป็นป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ท ากิน ของชาวบ้าน รัฐจัดสรรที่ท ากินให้ชาวบ้านใหม่ โดยจ ากัดที่ดินท ากินให้ชาวบ้านท ากินเพียงครอบครัวละ 25 – 30 ไร่ ส่งผลให้ชาวบ้านทยอยย้ายออกไปจากชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ท าให้ป๎จจุบันนี้ประชากรเหลือเพียง 30 ครัวเรือน ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอกควายส่วนใหญ่ย้ายมาจากจังหวัด ลพบุรีกว่า 100 ปี ดังนั้น ทุกคนจึงมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย มีบัตรประชาชน มีสิทธิพลเมืองไทยครบถ้วน ทุกประการ รวมถึงได้รับสวัสดิการแห่งรัฐเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคน ด้านระบบสาธารณูปโภค ในอดีตไม่มีระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ ต่อมาเมื่อชุมชนชาวละว้า มีจ านวนประชากรเพิ่มมากขึ้น รัฐจึงเข้ามาช่วยเหลือด้วยการท าประปาหมู่บ้าน เดินไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน ท าถนน คอนกรีตในหมู่บ้าน มีเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ชุมชน จนถึงป๎จจุบันชุมชนมีระบบสาธารณูปโภค ใช้อย่างเพียงพอในระยะ 20 ปีหลังสุดนี้


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 162 ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน จึงท าให้คนในชุมชนต้อง เสียชีวิตด้วยโรคภัยต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่ป๎จจุบันชาวละว้าได้รับสวัสดิการจากภาครัฐเกี่ยวกับการสาธารณสุข เท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน และมีห้องน้ าห้องส้วมที่ถูกสุขอนามัยครบทุกบ้าน ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนชาวละว้าในชุมชนแห่งนี้ได้รับการศึกษาแบบการศึกษาผู้ใหญ่ เนื่องจาก ไม่มีโรงเรียนในชุมชน ต่อมาเริ่มมีโรงเรียนแต่อยู่ห่างไกล มีเพียงเยาวชนบางคนที่ได้รับการศึกษา แต่ป๎จจุบันนี้ เด็กและเยาวชนทุกคน ได้รับการศึกษาภาคบังคับ เพราะมีโรงเรียนหลายแห่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับชุมชน เด็กและ เยาวชนมีโอกาสได้เข้าเรียนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และเรียนจบร้อยละ 60 และเยาวชนที่มีโอกาสเรียน ต่อในระดับปริญญาตรีน้อยมาก ป๎จจุบันมีเพียง 1 คน ด้านวัฒนธรรม ชาวละว้าบ้านละหว้าใหม่คอกควาย ยึดมั่นรักษาอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ได้ในระดับหนึ่ง แต่ ต้องยอมรับว่าไม่สามารถทัดทานวัฒนธรรมจากภายนอกได้ซึ่งมีความทันสมัยและเจริญก้าวหน้ามาก เข้ามา แทรกซึมวิถีวัฒนธรรมของชาวละว้าในทุกมิติ ท าให้วัฒนธรรมของชาวละว้าค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย ๆ โดยที่เจ้าของวัฒนธรรมไม่ทันรู้ตัว ป๎จจุบันวัฒนธรรมชาวละว้าถูกกลืนกินหายไปเกือบสูญสิ้น จึงเป็นความท้าทาย ของภาครัฐ และผู้น าชุมชนที่จะร่วมกันหาแนวทางในการอนุรักษ์ สืบสาน อัตลักษณ์วัฒนธรรมละว้าที่ดีงาม ให้คงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชุมชนชาวละว้าแห่งนี้ ในยุคบุกเบิกยอมรับว่าที่ดินผืนนี้ มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ จากระยะเวลาที่ล่วงเลยมากว่า 1 ศตวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่า ชุมชนเหลือเพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่ จึงเป็นเรื่องท้าทายส าหรับภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ และราษฎรในพื้นที่ ว่า จะบริหารจัดการพื้นที่ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมเหล่านี้ให้เกิดความสมดุลได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์ และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน ขอให้เลือกและให้ค าอธิบายเพิ่มเติมว่าทับซ้อนกับพื้นที่ลักษณะใด พร้อมระบุชื่อ พื้นที่ที่ทับซ้อน หรือชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ระบุ.............................. ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) วนอุทยาน ระบุ..................................... การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยคุกคาม ราคาพืชผลทาง การเกษตร คนในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้วิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป เพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชนส่วนรวม แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่ไม่เป็นทางการที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และกลุ่มผู้น าชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญ ในแต่ละด้าน จะเป็นแกนน าในการเชิญสมาชิกลูกบ้านประชุม เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ก าหนดแนวทาง ในการแก้ไขป๎ญหาและการรับมือกับความท้าทายจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการเล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ และยังคงมีความ พยายามในการขยายเครือข่ายต่าง ๆ ที่จ าเป็นกับชุมชนอยู่เสมอ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 163 บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ชาวละว้าหลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่ สูงจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดอุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี เกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับบุคคลหรือองค์กร เอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่เข้ามาช่วยพัฒนาชุมชน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 164 แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วม 1.1 ผู้เรียบเรียงข้อมูล* กิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ 1.2 วันที่จัดท าข้อมูล 30/10/2566 1.3 ผู้ตรวจสอบข้อมูล พรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง 1.4 วันที่ตรวจสอบข้อมูล 29/11/2556 2. ชื่อชุมชน 2.1 ชื่อทางการ* บ้านคลองหวาย หมู่ 7 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 2.2 ชื่อท้องถิ่น กลุ่มชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย “ทิ่ง พุ คี” 2.3 ความเป็นมาของชื่อ ชุมชน นายสมชาย คลองสุขสันต์ ปราชญ์ชาวบ้านกลุ่มบ้านกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย ผู้อาวุโสชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ชาวบ้านคลองหวายให้ความเคารพนับถือ เล่าให้ฟ๎งว่า ชาวกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มบ้านคลองหวาย เป็นกลุ่มชุมชนเล็ก ๆ ป๎จจุบันมีประชากร เพียง 8 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ย้ายมาจากบ้านภูเหม็น หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต เดิมทีหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 100 ครัวเรือน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติสุข แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นคนที่ ชาวบ้านเคารพรัก ถูกยิงตายกลางบ้านพัก สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้แก่ ครอบครัวและญาติมิตรเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนหวาดกลัวต่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขวัญเสียไม่มีก าลังใจในการอยู่ต่อ จึงพากันย้ายไปอยู่หมู่บ้านอื่น กันหมด ส่วนใหญ่จะย้ายกลับไปอยู่บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ดังเดิม เพราะว่า 2 ชุมชนนี้อยู่ใกล้กัน ห่างกันเพียง 1 กิโลเมตร และมีบางส่วนที่ย้ายไปอยู่ไกลถึง ต าบลแก่นมะกรูด อ าเภอบ้านไร่ ในชุมชนบ้างคลองหวายมีล าคลองอยู่สายหนึ่ง ชื่อ “คลองหวาย” เปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนตลอดมา และในอดีต บริเวณนี้เป็นป่าดิบชื้น ท าให้มีต้นหวายจ านวนมากขึ้นอยู่สองฟากคลองตลอด สาย จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน “บ้านคลองหวาย” มาจนถึงป๎จจุบัน 2.4 ประเภทชุมชน ☐ ชุมชนเมือง/ชาวเมือง ☒ ชุมชนชนบท ☒ ชุมชนชาติพันธุ์ ☐ เครือข่ายชุมชน (กลุ่มทางสังคม/องค์กรทาง สังคม) ☐ ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร ☐ ชุมชนอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเม้นท์ 2.5 จุดเด่นชุมชน 1. มีล าคลอง ชื่อ “คลองหวาย”ไหลผ่านชุมชน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือด ใหญ่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนบ้านคลองหวาย 2. วัดคลองหวาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านคลองหวาย 3. มีต้นไทรขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี จ านวน 2 ต้น ขึ้นอยู่ข้างกัน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ต้นปู่ไทร” และ“ต้นย่าไทร”


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 165 3. ที่ตั้ง 3.1 จังหวัด* อุทัยธานี 3.2 อ าเภอ/เขต* ห้วยคต 3.3 ต าบล/แขวง* ทองหลาง 3.4 หมู่บ้าน บ้านคลองหวาย 3.5 รหัสไปรษณีย์ 61170 3.6 ที่อยู่ (หมู่ที่, ถนน) หมู่ที่ 7 3.7 ละติจูด* 15.25570562 3.8 ลองจิจูด* 99.53218594 3.9 ประเภทเขตการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ☐ เทศบาลนคร ระบุ………… ☐ เทศบาลเมือง ระบุ……………… ☐ เทศบาลต าบล ระบุ……… ☒ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ☐ กรุงเทพมหานคร ☐ เมืองพัทยา 4. ความเป็นมา: ประวัติศาสตร์ชุมชน จากรายละเอียดข้างต้นท าให้ทราบว่า ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย หมู่ 7 ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสองหมู่บ้านนี้อยู่ห่างกันเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ย้ายมาอาศัยอยู่บริเวณนี้กว่า 200 ปีแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งในยุคที่หมู่บ้านนี้ก าลังรุ่งเรืองถึงขีดสุด ผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้นได้ถูกลอบยิงเสียชีวิตคาบ้าน ไม่มีใครพบเห็นคนร้าย ผู้คนต่างหวานกลัวและเสียขวัญ ทั้งนี้ เหตุการณ์สะเทือนดังกล่าว ก็เป็นสาเหตุให้ผู้คนอพยพย้ายถิ่นฐานออกไปทีละน้อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จนป๎จจุบัน เหลืออยู่เพียง 8 ครัวเรือน ซึ่งเป็นญาติสนิทกันจริง ๆ และได้ตัดสินใจอยู่หมู่บ้านคลองหวายต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยชุมชนแห่งนี้มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่า มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์โอบล้อมชุมชน ผู้คนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ ไม่เคยมีเจ้าวัด ไม่มีการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ทุกครอบครัวได้รักษา ประเพณีวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงโปว์อยู่บ้าง แต่หลงเหลืออยู่ไม่มากนัก ถ้าหากคนในชุมชนอยากจะเข้าร่วม ในพิธีกรรมส าคัญของกะเหรี่ยงโปว์ เช่น พิธีไหว้เจดีย์ ก็จะเดินทางไปร่วมในพิธีไหว้เจดีย์ที่บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) ซึ่งมีเจ้าวัดถึง 3 คน หรือจะไปที่ชุมชนบ้านไซเบอร์ ซึ่งมีเจ้าวัด 1 คน ชุมชนแห่งนี้ อยู่ใกล้ ๆ กับวัดคลองหวาย แต่ผู้คนในชุมชนไม่ค่อยได้เข้าวัด สาเหตุเป็นเพราะว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพกรีดยาง ต้องตื่นกลางดึกมากรีดยางจนถึงเช้าตอนสาย ๆ กลางวันต้องนอนพักผ่อน จึงท าให้เวลาในการด ารงชีวิตนั้นไม่ตรงกับอาชีพอื่น ๆ และไม่สอดคล้องกับวิถีชาวพุทธที่จะต้องไปท าบุญแต่เช้า จึงท าให้การท าบุญที่วัดนั้นห่างไกลจากวิถีชีวิตผู้คนในชุมชน ในชุมชนบ้านคลองหวายแห่งนี้ มีล าคลองที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อหมู่บ้าน คือ “คลองหวาย” ซึ่งมีต้นน้ า ที่ไหลลงมาจากเทือกเขา “เขาค้อ” เป็นเทือกเขาที่อยู่ในพื้นที่ป่าตะวันตกแหล่งมรดกโลกห้วยขาแข้ง ไหลลงมา รวมกับล าธารสายเล็ก ๆ หลายสาย รวมกันเข้าเป็นล าคลองสายนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานและอยู่คู่กับชุมชนนี้ มานานกว่า 200 ปี ป๎จจุบันน้ ามีไม่มากดังเช่นแต่ก่อน ในฤดูแล้งน้ าลดลงมากจนถึงเกือบแห้งขอดคลอง แต่ โดยรวมแล้วก็ยังมีน้ ากินน้ าใช้ไม่ขาดแคลน ใจกลางชุมชนมีต้นไทรขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี จ านวน 2 ต้น ขึ้นคู่กันเด่นสง่าอยู่กลางหมู่บ้าน และมีถนนทางเข้าหมู่บ้านผ่านกลางระหว่างต้นไทรทั้งสองต้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นต้นไม้คู่บุญบารมีของชุมชน เป็นรุกขมรดกที่ส าคัญของชุมชน ชาวบ้านเรียกว่า “ต้นปู่ไทร” “ต้นย่าไทร”


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 166 “ต้นปู่ไทร” “ต้นย่าไทร” ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย ถนนคอนกรีต ไฟฟ้า ผู้คนย้ายมาอยู่ มีวัดคลองหวาย ประปา เข้ามาในชุมชน ที่บ้านคลองหวาย บ้านคลองหวาย ท าให้คุณภาพชีวิต เป็นชุดแรก มาเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของคนในชุมชนดีขึ้น 2555 2300 2400 2500 2550 2566 มีถนนลูกรังเข้ามา ผู้ใหญ่บ้านถูกฆาตกรรม ชุมชนเลิกท าไร่หมุนเวียน ในชุมชน ท าให้ ถูกยิงตายคาบ้าน หันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว การคมนาคมสะดวกขึ้น ปี พ.ศ. 2530 ส่งผลให้ และพืชเศรษฐกิจแทน ราวปี 2405 ผู้คนย้ายออกจากชุมชน เช่น ยางพารา สับปะรด ประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทับซ้อนพื้นที่ท ากินของชุมชน ปี พ.ศ. 2528


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 167 ชาวบ้านชุดแรกมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านคลองหวาย ทางการท าถนนลูกรังเข้าสู่ชุมชน ข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนเสื้อผ้า ประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินชาวบ้าน ชาวบ้านยกเลิกการท าไร่หมุนเวียน ชาวบ้านหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไฟฟ้าเข้ามาชุมชน ถนนคอนกรีตเข้าชุมชน ชาวบ้านย้ายออกจากชุมชนกว่า 80 ครัวเรือน ชุมชนมีผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ น้ าประปาเข้าชุมชน มีระบบสุขาภิบาล/ห้องน้ า/ส้วม ตั้งหมู่บ้าน สาธารณูปโภค เปลี่ยนแปลง สงครามโลก แผนพัฒนา ศก. เริ่มศก. ยุค ศก. ยุคพัฒนา ป๎จจุบัน การปกครอง ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 1 ฟองสบู่ ฟองสบู่ สาธารณูปโภค 2415 2450 2475 2484 2488 2504 2533 2540 2555 2560 2566 2528 2528 5. แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน - ระยะทางจากอ าเภอถึงชุมชนบ้านคลองหวาย 15 กิโลเมตร - ระยะทางจากจังหวัดถึงชุมชนบ้านคลองหวาย 71 กิโลเมตร - ระยะทางจากกรุงเทพถึงชุมชนคลองหวาย 251 กิโลเมตร - เดินทางได้ทางบกทางเดียว คือ การคมนาคมสัญจรโดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านหนองจอก หมู่ 7 ต าบลห้วยคต อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านน้ าดี หมู่ 12 ต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านชุมทหาร หมู่ 1 ต าบลห้วยคต อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านภูเหม็น หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 168 สภาพพื้นที่ทางกายภาพ /ขนาดพื้นที่ชุมชน/พื้นที่สาธารณะ/การสาธารณูปโภคชุมชน พื้นที่ชุมชนบ้านคลองเป็นพื้นที่ราบลุ่มเชิงเขา มีเนินเขาต่ า ๆ จ านวนมาก ซึ่งมีความสลับซับซ้อนอยู่รายรอบ ชุมชน พื้นที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นพื้นที่ท าการเกษตร และส่วนใหญ่ปลูกยางพารา จึงท าให้พื้นที่โดยทั่วไป ดูเป็นสีเขียวร่มรื่นชุ่มชื้น พื้นที่ร้อยละ 10 เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ตั้งชุมชน และพื้นที่ร้อยละ 10 เป็นพื้นที่ป่า ภูเขา ล าคลองคลองหวาย และพื้นที่ป่าชุมชน ป๎จจุบันมีผู้คนอาศัยอยู่ในชุมชน จ านวน 8 ครัวเรือน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย มีล าคลอง ชื่อ “คลองหวาย” ไหลผ่านชุมชนบ้านคลองหวาย มีต้น ก าเนิดมาจากเทือกเขา “เขาค้อ” อยู่ในบริเวณเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในพื้นที่มรดกโลกห้วยขาแข้ง กลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านคลองหวายในอดีต เห็นว่าผืนดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีเนินเขาและเชิงเขากว้าง ๆ ที่ไม่สูงชันมากนัก เหมาะแก่การท าไร่หมุนเวียนตามแบบวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยง จึง ตัดสินใจตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนอยู่ในบริเวณนี้จวบจนป๎จจุบัน พื้นที่กิจกรรมทางสังคม ป๎จจุบันชุมชนบ้านคลองหวาย ไม่มีเจ้าวัดหรือผู้น าทางจิตวิญญาณ ดังนั้น คนในชุมชนบางส่วนจึงเดินทางไปร่วมพิธีไหว้เจดีย์ที่ชุมชนใกล้เคียงที่มีเจ้าวัด เช่น บ้านภูเหม็น บ้านไซเบอร์ หรือทางต าบลแก่นมะกรูด อ าเภอบ้านไร่ ซึ่งเป็นความเชื่อทางจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงโปว์ สถานที่ส าคัญทางสังคมและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่จะมีการนัดพบพูดคุยหารือเรื่องส าคัญในบ้านของ ผู้อาวุโสของชุมชน หรือบ้านผู้น าชุมชน แต่หากเป็นการประชุมหารืออย่างเป็นทางการแล้ว จะไปประชุมกันที่ ศาลาประชาคมหมู่บ้าน หรือที่องค์การบริหารส่วนต าบล หรือที่อ าเภอห้วยคต สวนยางพารา ชาวบ้านนิยมท าการเกษตรแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ เช่น ยางพารา สับปะรด มัน ส าปะหลัง เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามสมัยนิยมและเป็นไปตามกลไกตลาด และพืชเศรษฐกิจเหล่านี้เป็นพืชที่ทนแล้ง และให้ผลผลิตดี ช่วยเสริมเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้เข้มแข็งมายาวนานกว่า 5 ทศวรรษ


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 169 ไร่สับปะรด ไร่มันส าปะหลัง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษVersion 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน”


ษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 170


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 171 6. ประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์ - ประชากรมีจ านวน 8 ครัวเรือน - ประชากรทั้งหมด 34 คน - ประชากรชาย 18 คน - ประชากรหญิง 16 คน - ประชากรทั้งหมดเป็นเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ 34 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ระบบเครือญาติ ประชากรในชุมชนทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ทั้งสิ้น อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยาย ที่มีผู้คนหลากหลายช่วงวัยอาศัยอยู่ร่วมกัน มีเพียงบางส่วนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวเดี่ยว กลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่พูดภาษาอื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชน กะซอง ก่อ (อึมปี้) กะยัน กะแย กะเลิง กูย ก ามุ ขแมร์ลือ คะฉิ่น จีน จีนยูนนาน ชอง ซะโอจ ซ าเร โซ่ ทะวืง ญ้อ ญัฮกุร เยอ ดาราอาง ไตหย่า ไทขึน ไทด า ไทเบิ้ง ไทยโคราช ไทยวน ไทโย้ย ไทใหญ่ บรู บีซู ปกาเกอะญอ ปลัง ปะโอ ผู้ไท โพล่ว ไทยพวน ม้ง มละบริ มอแกน มอแกลน มอญ มานิ มลายู ยอง ละว้า ลัวะ(ปรัย) ลัวะ ลาวครั่ง ลาวแง้ว ลาวเวียง ลาหู่ ลีซู ไทลื้อ เวียด แสก โส้ อ่าข่า อาเคอะ อิ้วเมี่ยน อูรักลาโว้ย โอก๋อง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 172 7. โครงสร้างทางสังคม: องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ 7.1 กลุ่มที่เป็นทางการ 7.1.1 กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในอดีตชุมชนบ้านคลองหวายเคยมีการรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการออมทรัพย์ และใช้ในการระดมทุนไว้ให้คนในชุมชนได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ ทางการเกษตรในอัตราดอกเบี้ยต่ า ภายหลังมีกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านคลองหวาย จึงเปลี่ยนไปเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านแทน 7.1.2 กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ มีการรวมตัวกันในนามกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ทุกครัวเรือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของครอบครัวสมาชิก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของทายาทผู้เสียชีวิต ในการจัดงานศพ 7.1.3 กลุ่มสินเชื่อ ธ.ก.ส. ชาวบ้านมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ยื่นขอสินเชื่อเพื่อ การเกษตรกับ ธ.ก.ส. เพื่อน ามาประกอบอาชีพทางการเกษตร ป๎จจุบันมี 2 กลุ่ม 7.2 กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ 7.2.1 กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ มีการรวมกลุ่มกันอย่างไม่เป็นทางการส าหรับกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ หลังจากเสร็จ ภารกิจจากการท าการเกษตร จะมานั่งรวมกันเป็นกลุ่มตามใต้ถุนบ้านหรือใต้ต้นไม้ นั่งทอผ้ากะเหรี่ยงโปว์ซึ่งเป็น ผ้าทอมือที่ใช้กี่เอวในการทอผ้า ส่วนใหญ่จะเป็นการทอผ้าไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้สวมใส่ในครัวเรือน 7.2.2 กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมและพิธีกรรม การท าพิธีกรรมในชุมชนบ้านคลองหวาย จะมีการรวมกลุ่มของคนในชุมชน มีผู้อาวุโส ที่ชาวบ้านนับถือท าหน้าที่เป็นผู้น าในการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ และมี สมาชิกของชุมชนเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน 7.2.3 กลุ่มท าการเกษตร ผู้คนในชุมชนมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเครือญาติ 4 – 5 หลังคาเรือน ที่เป็นกลุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะมีการรวมตัวช่วยเหลือกันทางการเกษตร เช่น มีการรวมตัวกัน ลงแขกปลูกยางพารา ปลูกสับปะรด ปลูกมันส าปะหลัง เป็นต้น สมชาย กลุ่ม ฌามปนกิจ กลุ่ม ธ.ก.ส. กลุ่มทอผ้า กลุ่มกองทุน หมู่บ้าน กลุ่ม การเกษตร กลุ่มประเพณี วัฒนธรรม


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 173 8. วิถีชีวิต: ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจ าวัน 8.1 วิถีชีวิตทางสังคมและวัฒนธรรม 8.1.1 ประเพณีกินข้าวใหม่ หลังจากที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวไร่เสร็จ ก่อนที่จะน าข้าวไร่ขึ้นเก็บในยุ้งฉาง ทุกบ้านที่ ปลูกข้าวไร่ จะมีการประกอบพิธีกรรมกินข้าวใหม่เป็นรายครัวเรือน หรือบางกลุ่มอาจจะประกอบพิธีกรรม กินข้าวใหม่เป็นกลุ่มญาติพี่น้อง โดยการจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร เชิญเจ้าวัดหรือผู้อาวุโสประกอบพิธี ด้วยการ น าทุกคนในครอบครัวกล่าวขอบคุณและขอขมาเครื่องมือทางการเกษตรต่าง ๆ ที่มีส่วนโดยตรงในการท าให้ ข้าวไร่ได้ผลผลิตดีมีคุณภาพ ความสัมพันธ์และอิทธิพลที่มีต่อวิถีชีวิต ข้าวไร่เป็นอาหารหลักของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ป๎จจุบันประชากรร้อยละ 30 ยังคงท าข้าวไร่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเลี้ยงชีพคนในครอบครัว ดังนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว จึงยังคงถูกรักษาเอาไว้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ 8.1.2 ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ได้รับอิทธิพลมาจากประเพณีลอยกระทง ของคนไทยพื้นเมือง ซึ่งเป็นความสอดคล้องของผู้น าแห่งจิตวิญญาณที่ต้องการให้มีการขอขมาพระแม่คงคา ที่ท าให้คนในชุมชนได้มีน้ ากินน้ าใช้ มีน้ าในการท าการเกษตรตลอดปี และถือเอาวันขึ้น 15 ค่ า เดือน 12 ซึ่ง ตรงกับวันลอยกระทงของคนไทย เป็นวันลอยกระทงของชาวกะเหรี่ยงโปว์ด้วย โดยลักษณะกระทงจะมี ความแตกต่างจากกระทงของคนไทย คือ กระทงจะมีขนาดใหญ่เป็นทรงสี่เหลี่ยมท ามาจากต้นกล้วยและกาบ กล้วย ในกระทงจะมีอาหารหวาน-คาว มีดอกไม้ธูปเทียน และเครื่องสักการบูชาอื่น ๆ ตามสมควร ทั้งนี้ ทั้งหมู่บ้านจะท าเพียงกระทงเดียว และช่วยกันหามไปลอยกระทงในล าคลองคลองหวาย เพื่อขอขมาพระแม่คงคา 8.2 วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ 8.2.1 การเตรียมดินเพาะปลูก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม จะต้องมีการเตรียมดิน เช่น ถากถางวัชพืช หลังเก็บเกี่ยว เผาซากวัชพืช ไถบุก ไถแปรพลิกหน้าดินขึ้นมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่สะสมใต้ดิน และฆ่าไข่ ของตัวหนอนและเพลี้ยชนิดต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูพืช เพื่อให้ดินมีความพร้อมส าหรับการเพาะปลูกรอบใหม่ 8.2.2 การเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร เดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมหากฝนตกต้องตามฤดูกาลชาวบ้านก็จะท าการ เพาะปลูกพืชในไร่ หลังจากนั้นเกษตรกรจะดูแลพืชผลทางการเกษตรต่อไปอีกราว ๆ 4 – 6 เดือน จึงจะได้เวลา เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละชนิด 8.2.3 การเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เมื่อพืชผลทางการเกษตรได้เวลาที่จะต้องเก็บเกี่ยว ราว ๆ เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม โดยเฉพาะข้าวไร่ ชาวบ้านจะท าการ เกี่ยวข้าวชุดหนึ่งมาท าพิธีกินข้าวใหม่ เสร็จแล้วจึงจะเก็บเกี่ยวข้าวไร่ทั้งหมด ที่ยังอยู่ในไร่มาเก็บไว้ในยุ้งฉาง เพื่อเอาไว้บริโภคภายในครัวเรือนตลอดระยะเวลา 1 ปี จนกว่าจะมีผลผลิตรอบ ใหม่ ส่วนพืชผลชนิดอื่น ๆ ที่เป็นพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ ในป๎จจุบันไม่มีพิธีกรรมใด ๆ เพราะจะเป็นการ เพาะปลูกตามฤดูกาล เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีรถของพ่อค้าคนกลางมาจอดรับผลผลิตของชาวบ้านถึงในไร่


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 174 กิจกรรม/เหตุการณ์ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. หมายเหตุ ปฏิทินเศรษฐกิจ เตรียมดินเพาะปลูก พืชเชิงเดี่ยวโดยรวม ฤดูเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด ปลูกข้าวไร่ มันส าปะหลัง ดูแลพืชผลเกษตรในไร่ ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลเกษตร ฤดูเกี่ยวข้าว กรีดยางพารา หาหน่อไม้ หาเห็ดโคน ปฏิทินวัฒนธรรม ประเพณีกินข้าวใหม่ พิธีค้ าต้นไทร/ต าขมิ้น พิธีรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ พิธีผูกแขนด้ายเหลือง พิธีป๎กสะเดิ่งครัวเรือน ก่อเจดีย์ทราย/เรียกฝน พิธีป๎กสะเดิ่งไร่ข้าว พิธีป๎กสะเดิ่งในล าห้วย ต าขนมจีนขี้เหนียว ชุมชนต้นน้ าท าก่อน พิธีสู่ขวัญข้าว ประเพณีลอยกระทง ประเพณี “พิบือโย” 9. ประวัติชีวิต: ปราชญ์ชาวบ้าน/ผู้น า/บุคคลส าคัญของชุมชน 9.1 ชื่อ นายขันธุ์ นามสกุล เยปอง อายุ 57 ปี เกิด 2509 ที่อยู่บ้านเลขที่ 66 ชุมชนบ้านคลองหวาย หมู่ 7 บ้านคลองหวาย ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายขันธุ์ เยปอง เป็นปราชญ์ชาวบ้านการท าการเกษตร มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการท าการเกษตร ส าหรับพืชทุกชนิด โดยเฉพาะยางพารา สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับลูกบ้านที่เพิ่งเริ่มต้นท าการเกษตรได้ นอกจากนี้ ยังเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการจักสาน สามารถจักสานเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน และสอนการท า เครื่องจักสานได้ รวมถึงท าหน้าที่เป็นผู้น าในการประกอบพิธีกรรมตามแบบวิถีชาวกะเหรี่ยงโปว์ได้อีกด้วย ชีวประวัติ นายขันธุ์ เยปอง เกิดที่บ้านคลองหวายแห่งนี้ ไม่ได้เรียนหนังสือภาคบังคับ เพราะสมัยนั้นไม่มีโรงเรียน ต่อมาได้เรียนศึกษาผู้ใหญ่จนจบ ป. 4 เติบโตขึ้นที่บ้านคลองหวาย และได้แต่งงานกับลูกสาวผู้ใหญ่บ้านตอน อายุ 22 ปี ต่อจากนั้นไม่นานผู้ใหญ่บ้านถูกฆาตกรรมถูกยิงตายคาบ้าน ท าให้ผู้คนขวัญเสียทยอยย้ายไปอยู่ หมู่บ้านอื่น ท าให้ตนเองตัดสินใจพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ชุมชนกะเหรี่ยงแก่นมะกรูด 3 ปี คือ ปีพ.ศ. 2531 – 2533 หลังจากนั้นจึงย้ายกลับมาที่บ้านคลองหวายอีกครั้ง และด ารงวิถีชีวิตอยู่ที่นี่จวบจนถึงป๎จจุบัน มีบุตรธิดา 5 คน เป็นหญิง 1 คน ชาย 4 คน ป๎จจุบันเริ่มมีหลาน ๆ วิ่งเล่นในบ้านแล้ว


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 175 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดในการใช้ชีวิตที่ชุมชนบ้านคลองหวายแห่งนี้ คือ ตอนที่ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นพ่อตา ของตนได้ถูกฆาตกรรม ถูกปืนยิงตายคาบ้าน ในปี พ.ศ. 2530 นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดและสะเทือนขวัญ มากที่สุด ส่งผลให้ผู้คนย้ายออกจากบ้านคลองหวายจนเกือบหมด จาก 100 ครัวเรือน เหลือเพียงลูกหลานของ ผู้ใหญ่ที่ป๎กหลักอยู่ที่ชุมชนคลองหวายแห่งนี้เพียง 8 ครัวเรือน จนถึงป๎จจุบัน นายขันธุ์ เยปอง 9.2 ชื่อ นายสมชาย นามสกุล คลองสุขสันต์ อายุ 52 ปี เกิด 5 กรกฎาคม 2514 ที่อยู่บ้านเลขที่ 67 ชุมชนบ้านคลองหวาย หมู่ 7 บ้านคลองหวาย ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี บทบาทและความส าคัญในชุมชน ความช านาญ/ทักษะที่มี นายสมชาย คลองสุขสันต์ เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการท าการเกษตร เชี่ยวชาญในงานเกษตรหลาย สาขา เป็นที่ปรึกษาด้านการท าสวนยางพาราให้แก่ชาวบ้าน เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองในระดับชุมชนให้กับ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง เป็นที่ปรึกษาให้กับลูกหลานในการครองตนและครองเรือนแบบวิถีชีวิต ชาวกะเหรี่ยงโปว์ ชีวประวัติ นายสมชาย คลองสุขสันต์ เกิดที่บ้านดง ต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ต่อมาคุณพ่อ ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่บ้านคลองหวายตอนที่นายสมชายยังเป็นเด็กอายุได้ประมาณ 10 ขวบ หลังจากนั้นได้ เดินทางไปบวชเป็นสามเณรเพื่อโอกาสในการเล่าเรียน ณ จังหวัดปทุมธานี จนจบนักธรรมโท ในระหว่างนั้นได้ ถูกใส่ร้ายว่าลักทรัพย์หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท าให้ตนมีความเจ็บปวดทรมานใจในสิ่งที่ตนไม่ได้ท า เป็นตราบาปอยู่ ในใจตลอดมา จึงตัดสินใจลาสิกขากลับมาอยู่บ้านคลองหวาย ท าการเกษตรตามวิถีกะเหรี่ยงโปว์จนเติบใหญ่ และได้แต่งงานคลองเรือนตอนอายุ 23 ปี ป๎จจุบันมีบุตรด้วยกัน 3 คน บุตรคนแรกเรียนจบระดับปริญญาตรี ท างานอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง บุตรคนที่ 2 ก าลังเรียนอยู่ชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และบุตรคนเล็ก เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนห้วยคตพิทยาคม อ าเภอห้วยคต เหตุการณ์ที่ทรมานจิตใจ คือ เหตุการณ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีในสมัยที่ไปบวชสามเณรเรียนหนังสือ ได้ ตัดสินใจลาสิกขาออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ และยังไม่ได้กราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาส ซึ่งท่าน เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีใจเมตตามาก และท่านก็เอ็นดูสามเณรสมชายเป็นพิเศษ จนป๎จจุบันนี้หลวงพ่อท่าน ได้มรณภาพไปแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านอีก เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็เจ็บปวด ทุกครั้งไม่เคยลางเลือนไปจากใจเลย คงจะเป็นตราบาปที่ไม่มีวันลบเลือนจนตราบสิ้นชาตินี้ นายสมชายกล่าว


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 176 เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่สุดในการใช้ชีวิตที่ชุมชนบ้านคลองหวายแห่งนี้ คือ ตอนที่ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นพ่อ แท้ ๆ ของตนได้ถูกฆาตกรรม ถูกปืนยิงตายคาบ้าน ในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2530 นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เศร้า สลดและเจ็บปวดใจมากที่สุดที่ได้สูญเสียบุพการีอันเป็นที่รักไป ที่ส าคัญไม่ได้จากไปตามวิถีธรรมชาติ แต่จากไปด้วย เหตุการณ์ทางการเมืองท้องถิ่นหรือธุรกิจก็ไม่อาจทราบได้ ทุกวันนี้ก็จับคนร้ายไม่ได้ เหตุการณ์นี้จึงเป็นเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในรอบ 2 ศตวรรษ ของชุมชนบ้านคลองหวายแห่งนี้ ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนทยอยย้ายออกจาก บ้านคลองหวายจนเกือบหมด จาก 100 ครัวเรือน เหลือเพียงลูกหลานของพ่อของตนซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต ที่ป๎กหลักต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ อยู่ที่ชุมชนคลองหวายแห่งนี้เพียง 8 ครัวเรือน ไม่ย้ายไปไหนจนถึงป๎จจุบัน นายสมชาย คลองสุขสันต์ 10. ทุนชุมชน 1. ทุนทางกายภาพ 1.1 ล าคลอง ประวัติความเป็นมา “คลองหวาย” เป็นแหล่งน้ าที่มีต้นน้ าอยู่ในพื้นที่เขตป่า ตะวันตกมรดกโลกห้วยขาแข้ง ชื่อว่าเทือกเขาเขาค้อ ไหลลงมาผ่านชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายแห่งนี้ ดังนั้น ล าคลองคลองหวายจึงเป็นแหล่งน้ าสายส าคัญที่หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชนบ้านคลองหวายมาหลายต่อหลาย ชั่วอายุคนมาอย่างยาวนาน ช่วงเวลาที่ส าคัญ “คลองหวาย” ในฤดูแล้งบางปีน้ าในล าคลองแทบจะแห้งสนิทจนแทบไม่มี น้ าไว้บริโภค ไม่มีน้ าท าการเกษตร ส่วนช่วงฤดูฝนในบางปีที่มีปริมาณน้ าฝนมาก น้ าในล าคลองก็มีปริมาณมาก เป็นพิเศษ แต่ยังไม่เคยหลากท่วมเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน “คลองหวาย” เป็นเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงผู้คนใน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน เป็นทั้งแหล่งน้ ากินน้ าใช้และน้ าในการท าเกษตร ผู้คน ในชุมชนมีความผูกพันกับล าคลองสายนี้มาอย่างยาวนาน สถานการณ์ป๎จจุบัน “คลองหวาย” เป็นล าคลองขนาดเล็กที่ไหลผ่านชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านคลองหวายและชุมชนใกล้เคียงอีกหลายสิบชุมชน เป็นแหล่งน้ ากินน้ าใช้ของผู้คนในชุมชน บางปีน้ าแล้ง น้ าก็แห้งขอดคลอง ชาวบ้านจึงแก้ป๎ญหาน้ าแล้งด้วยการขุดบ่อน้ าบาดาล แล้วใช้น้ าบาดาลในการบริโภคและ การท าการเกษตรมากกว่าการใช้น้ าในล าคลอง การสืบทอดและความยั่งยืน “คลองหวาย” มีปริมาณน้ าลดลงไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ผืนป่าต้นน้ าและผืนป่าที่อยู่ระหว่างทางที่ล าคลองไหลผ่าน มีจ านวนลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จึงไม่สามารถที่จะดูดซับ ความชุ่มชื้นของสายน้ าสายนี้เอาไว้ได้ตลอดปี ในฤดูแล้งจึงมีน้ าในล าคลองน้อยมากจนเกือบแห้ง จึงสามารถพูด


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 177 ได้ว่าการรักษาทรัพยากรต้นน้ าไม่ค่อยดีควรเร่งให้มีการปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าที่ถูกท าลายไปกับการท า การเกษตรโดยเร่งด่วน 1.2 ป่าสงวนแห่งชาติ ประวัติความเป็นมา เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมป่าไม้ได้ประกาศเขตพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทับซ้อนพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ท ากินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ในพื้นที่จังหวัด อุทัยธานีหลายชุมชน รวมถึงชุมชนกะเหรี่ยงบ้านคลองหวายแห่งนี้ด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยท ามาหากินและเป็น พื้นที่ท าไร่หมุนเวียนตามวิถีชนเผ่าแห่งกะเหรี่ยงชนอย่างอิสรเสรี หลังจากที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแล้ว รัฐได้จัดสรรให้ชาวบ้านได้มีที่ท ากินในพื้นที่ของตนเองเพียงครัวเรือนละ 25 – 30 ไร่ และห้ามไม่ให้ท าไร่ หมุนเวียนตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงอีกต่อไป ช่วงเวลาที่ส าคัญ เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลังการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลา และห้วยป่าคอกควาย เป็นจุดเริ่มต้นของป๎ญหาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายรัฐกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ กะเหรี่ยงโปว์ในหลายพื้นที่ในจังหวัดอุทัยธานีรวมถึงชุมชนบ้านคลองหวายมาจนถึงป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงโปว์รู้ดีว่าคุณค่าของป่าไม้มีมากมายเพียงใด ดังค าพูดที่ว่า “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” และ “ที่ไหนมีกะเหรี่ยงที่นั่นมีป่า” เพราะชาวกะเหรี่ยงเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่รักป่ามากที่สุด ดังจะเห็นได้ว่าหมู่บ้านกะเหรี่ยงทุกหมู่บ้านจะมีป่าชุมชนหรือป่าตามภูเขาอยู่เสมอ สถานการณ์ป๎จจุบัน แม้ป๎จจุบันนี้ป่าชุมชนหรือป่าไม้ตามไหล่เขาและบนภูเขารอบ ๆ ชุมชน จะลดลงไปมากหากเทียบกับป่าในอดีต แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ป่าอยู่ร้อยละ 10 – 15 ของพื้นที่ที่อยู่อาศัยและ พื้นที่ท ากิน และที่ส าคัญชุมชนนี้ท าสวนยางพาราเป็นจ านวนมาก จึงท าให้พื้นที่นี้ชุ่มชื้นและเป็นสีเขียวเต็มพื้นที่ ตลอดปี เพียงพอที่จะเก็บรักษาความชุ่มชื้นของระบบนิเวศให้เกิดความสมดุลแก่ชุมชนสืบไป 2. ทุนมนุษย์ ชุมชนบ้านคลองหวายมีปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนหลายคน เป็นปราชญ์ชาวบ้านที่มีคุณค่า บางคนมีความรู้เรื่องการท าการเกษตร บางคนมีความรู้เรื่องพิธีกรรมและความเชื่อ บางคนมีความรู้เรื่อง สมุนไพร เป็นต้น สามารถที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ท าให้ชุมชนบ้านคลองหวายซึ่งเป็น ชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ช่วงเวลาที่ส าคัญ ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นคุณพ่อของนายสมชาย คลองสุขสันต์ เสียชีวิตจากไป ชุมชนที่เคยเจริญรุ่งเรืองมีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 100 หลังคาเรือน ก็เงียบเหงาดุจต้องค าสาป ผู้คนในชุมชนย้าย ออกไปเกือบหมดจนเหลือเพียงญาติสนิทและลูกหลานของผู้ใหญ่บ้านผู้อาภัพ จ านวน 8 หลังคาเรือน อยู่เฝ้า ดูแลทรัพย์สินที่บรรพบุรุษได้สรรสร้างเอาไว้ สืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยเพียงแต่หวังว่าสักวันหนึ่งชุมชนแห่ง นี้จะกลับมารุ่งเรืองเหมือนดังเดิม คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านทุกคนเป็นผู้ท าคุณประโยชน์ต่อชุมชน อย่างอเนกอนันต์ เป็นที่พึ่งทางกายด้วยการเป็นหมอสมุนไพร ได้ช่วยชาวบ้านยามทุกข์ร้อนเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นที่ พึ่งทางใจด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านการประกอบพิธีกรรม รวมถึงผู้อาวุโสในชุมชนหลายคนที่ช่วยท าให้คนใน ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข สถานการณ์ป๎จจุบัน ปราชญ์ชาวบ้านหลายคนอายุมากแล้ว ผู้น าชุมชนควรเร่งด าเนินการจัด ให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านไปสู่ลูกหลานเยาวชนคนรุ่นใหม่โดยเร็ว ก่อนที่องค์ความรู้ เหล่านี้จะสูญหายไปตลอดกาล การสืบทอดและความยั่งยืน ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าไม่ค่อยได้มีถ่ายทอดองค์ความรู้ของปราชญ์ ชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมุนไพร ประเพณีวัฒนธรรม วิถีการท าไร่หมุนเวียน เครื่องจักสาน รวมถึงไม่ได้


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 178 ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องศิลปะการแสดงพื้นบ้าน บทเพลงพื้นบ้าน และนิทานพื้นบ้านให้แก่ลูกหลาน หากไม่เร่ง ด าเนินการถ่ายทอดให้ลูกหลานโดยเร็ว เกรงว่าอาจสูญหายไปอย่างถาวร ซึ่งถือได้ว่ายังไม่มีความยั่งยืน 3. ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น 3.1 การทอผ้ากะเหรี่ยงและเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยง ประวัติความเป็นมา ชาวกะเหรี่ยงโปว์ บ้านคลองหวายในอดีตทุกบ้านทอผ้าเป็น และมีการทอผ้าอยู่เสมอ แต่ป๎จจุบันนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งกายด้วย ชุดกะเหรี่ยงโปว์อยู่เป็นประจ า แต่ทุกคนมีชุดกะเหรี่ยงของตนเองติดบ้านไว้ หากแม้นเมื่อไหร่ที่ผู้น าชุมชน ต้องการให้สวมใส่ชุดกะเหรี่ยง ทุกคนพร้อมที่จะหยิบขึ้นมาสวมใส่ได้ทันที เพื่อแสดงอัตลักษณ์ความเป็น กะเหรี่ยงโปว์ ช่วงเวลาที่ส าคัญ การแต่งกายด้วยผ้าทอกะเหรี่ยงโปว์ ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย จะ แต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงโปว์เต็มรูปแบบโดยพร้อมเพรียงกัน ในหลายวาระ เช่น เทศกาลขึ้นปีใหม่ชาวกะเหรี่ยง โปว์งานไหว้เจดีย์ของชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านใกล้เคียง เป็นต้น คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน เครื่องแต่งกายและการแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงโปว์ เป็นเครื่องแบบที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นกะเหรี่ยงโปว์ ที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และมอบไว้ให้ลูกหลานได้ สืบทอดต่อ ๆ กันไป ถึงแม้ว่าป๎จจุบันจะไม่ค่อยได้สวมใส่ในชีวิตประจ าวัน แต่ชาวกะเหรี่ยงโปว์ทุกคนมีความรัก และมีความผูกพันกับเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงโปว์ และมีความภาคภูมิใจในชาติพันธุ์ของตนทุกครั้งที่ได้สวมใส่ การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายทุกคนเข้าใจอัตลักษณ์ของตน ช่วยกันอนุรักษ์ สืบสาน อัตลักษณ์การแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี การแต่งกายแบบกะเหรี่ยงโปว์ 3.2 อาหารกะเหรี่ยง มีประวัติความเป็นมา คือ ชาวกะเหรี่ยงโปว์มีวัฒนธรรมด้านอาหารการ กินเป็นของตนเอง ได้ร่วมกันอนุรักษ์ สืบสาน และสืบทอดเรื่องอาหารการกินของชาวกะเหรี่ยงโปว์ และได้ ถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่จากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง และทุกวันนี้ทุกครัวเรือนยังคงท าอาหารกะเหรี่ยงเป็น ช่วงเวลาที่ส าคัญ การท าอาหารกะเหรี่ยงนั้นท าได้ง่าย ท าได้ทุกวันและทุกฤดูกาล เป็นรายการ อาหารที่สามารถหาวัตถุดิบและเครื่องปรุงได้ง่ายในท้องถิ่น มีขั้นตอนและวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน อาหารพื้นบ้านกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายมีคุณค่าทาง โภชนาการครบ 5 หมู่ และมีความส าคัญต่อการด ารงชีวิตของชาวกะเหรี่ยงโปว์ มีการสืบทอดจากอดีตถึง ป๎จจุบัน และมีการถ่ายทอดสู่ลูกหลานในป๎จจุบันและในอนาคตอย่างต่อเนื่อง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 179 สถานการณ์ป๎จจุบัน ถึงแม้ว่าชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายจะได้รับอิทธิพลเรื่องอาหาร การกินจากโลกภายนอกอย่างมากมาย ท าให้ชาวกะเหรี่ยงวัยกลางคนและเยาวชนคนรุ่นใหม่หันไปท าอาหาร ไทยและอาหารสากลกันมาก แต่เชื่อได้ว่าชาวกะเหรี่ยงโปว์จะยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมด้านอาหารการกินเอาไว้ได้ การสืบทอดและความยั่งยืน ป๎จจุบันนี้ชาวกะเหรี่ยงโปว์รุ่นพ่อรุ่นแม่หรือรุ่นปู่รุ่นย่ายังคงสอน ลูกหลานให้ด ารงวิถีชีวิตแบบกะเหรี่ยงโปว์ให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ ท าให้มั่นใจได้ว่ามรดกภูมิป๎ญญา ทางวัฒนธรรมด้านอาหารของกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย จะด ารงคงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป หมิ่งสิทอด 3.3 ขนบธรรมเนียมประเพณีกะเหรี่ยงโปว์ ประวัติและความเป็นมา ประเพณีวัฒนธรรม ของชุมชนบ้านคลองหวายในป๎จจุบันนี้สูญหายไปจนเกือบหมดสิ้น เพราะชุมชนแห่งนี้อยู่ปะปนกับชุมชนของคน ไทยพื้นเมืองที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ บ้างก็เป็นนายทุนที่มาซื้อที่ดินปลูกยางพารา บ้างก็มารับจ้างนายทุน กรีดยางพารา มาอยู่อาศัยรอบ ๆ พื้นที่และอยู่ปะปนกับกลุ่มพี่น้องกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย ท าให้ชาว กะเหรี่ยงคลองหวายได้รับอิทธิพลในการใช้ชีวิตจากชุมชนเมืองค่อนข้างมาก ท าให้ความเชื่อและความศรัทธา แห่งวิถีกะเหรี่ยงโปว์ดั้งเดิมสูญหายไปจนเกือบหมดสิ้น ช่วงเวลาที่ส าคัญ ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายมีการด ารงชีวิตด้วยวิถีวัฒนธรรมแบบ กะเหรี่ยงโปว์ตามแบบอย่างบรรพบุรุษได้เล็กน้อย เพราะมีวัฒนธรรมจากภายนอกเข้ามาแทรกแซงวิถีชีวิต ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายอย่างหนักในป๎จจุบัน คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายพยายามยื้อรักษา ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวกะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ แต่ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมจากภายนอก ได้ล้อมกรอบชุมชนเอาไว้และบีบรัดมากเหลือเกิน จนชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายสูญเสียวัฒนธรรม กะเหรี่ยงไปจนแทบหมดสิ้น สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนบ้านคลองหวายจะมีการรวมตัวกันเพื่อจัดงานประเพณีวัฒนธรรม ตามปฏิทินประเพณีและพิธีกรรมที่ชุมชนได้ตกลงร่วมกันเพียงเล็กน้อย เช่น การไปร่วมพิธีไหว้เจดีย์ที่บ้าน ภูเหม็น หรือไปร่วมพิธีกรรมอื่น ๆ กับชุมชนใกล้เคียง การสืบทอดและความยั่งยืน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายแทบจะอนุรักษ์สืบสานรากฐาน วัฒนธรรมของชนเผ่ากะเหรี่ยงเอาไว้ไม่ได้เลย ด้วยวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป และวัฒนธรรมจากภายนอกที่ โหมกระหน่ าสู่ชุมชนกะเหรี่ยงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้อย่างหนัก จึงท าให้วัฒนธรรมกะเหรี่ยงถูกกลืนกินหายไปจนเกือบ หมดสิ้น แต่ยังดีที่ชุมชนบ้านคลองหวายอยู่ใกล้กับชุมชนกะเหรี่ยงโปว์หมู่บ้านใหญ่ คือ บ้านภูเหม็น(พุเม้ยง์) ซึ่งเป็น


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 180 ชุมชนกะเหรี่ยงที่มีประชากรเกือบ 200 หลังคาเรือนในป๎จจุบัน ยังคงรักษาวัฒนธรรมกะเหรี่ยงเอาไว้ได้อย่าง สมบูรณ์ จึงท าให้ชุมชนบ้านคลองหวายแห่งนี้ไปร่วมพิธีกรรมกับบ้านภูเหม็นอยู่บ่อย ๆ ท าให้ยังไม่ลืมวัฒนธรรม กะเหรี่ยงโปว์ซึ่งเป็นรากเหง้าของตนเอง ถือได้ว่ามีความมั่นคงยั่งยืนในระดับหนึ่ง 4. ทุนทางเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจ ประวัติความเป็นมา ในอดีตบรรพบุรุษของชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย แห่งนี้นิยมปลูกข้าวไร่เป็นหลัก ที่ส าคัญเป็นการปลูกข้าวไร่ตามวิถีชนเผ่ากะเหรี่ยงที่เรียกว่าการท าไร่หมุนเวียน เป็นการปลูกข้าวไร่ไว้กินในครัวเรือน ไม่ได้ปลูกเพื่อการจ าหน่าย ช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านคนส าคัญในประวัติศาสตร์ได้ถูกฆาตกรรม ถูกยิงตายคาบ้าน ผู้คนในชุมชนได้ย้ายหนีไปซบอกญาติพี่น้องที่ชุมชนอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง ไปอยู่กับญาติต่าง อ าเภอและต่างจังหวัดกันหมด ผู้คนได้ขายที่ดินท ากินให้กับนายทุนจนหมดสิ้น นายทุนได้น าพื้นที่ท าไร่ หมุนเวียนเหล่านี้มาปลูกยางพาราแบบเต็มพื้นที่ ส่วนชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ยังคงอยู่บ้านคลองหวายก็เปลี่ยนวิถี การท าการเกษตรจากการปลูกข้าวในไร่หมุนเวียน มาเป็นสับปะรดบางส่วน มันส าปะหลังบางส่วน อีกส่วนหนึ่ง ก็ทยอยปลูกยางพาราตามนายทุน ท าให้สวนยางพารากระจายตัวออกไปเต็มพื้นที่ในที่ดินของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ที่เคยท ามาหากินกันในอดีต คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผู้คนปลูกพืชเพื่อการด ารงชีพด้วยการ ท าไร่หมุนเวียน หรือป๎จจุบันที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อจ าหน่ายและน าเงินมาเลี้ยงชีพ ทั้งสองแนวทางล้วนมีคุณค่า และมีความหมายในตัวเอง สถานการณ์ป๎จจุบัน ชาวบ้านนิยมปลูกพืชเศรษฐกิจจ าพวก สับปะรด มันส าปะหลัง และ ยางพารา เป็นต้น แต่จะเป็นยางพารามากที่สุด เพราะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี การสืบทอดและความยั่งยืน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเติบโตอย่าง รวดเร็ว และจะยังคงด ารงอยู่เช่นนี้ต่อไปในอนาคตอีกหลายทศวรรษข้างหน้า 5. ทุนทางสังคม/การเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ประวัติความเป็นมา คือ จากอดีตถึงป๎จจุบันชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ บ้านคลองหวายให้ความส าคัญกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างมากด้วยการไปใช้สิทธิ์ใน การเลือกตั้ง และปฏิบัติตามธรรมนูญของชุมชนอย่างเข้มแข็ง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความเคารพใน ระบอบประชาธิปไตย ช่วงเวลาที่ส าคัญ ตั้งแต่ที่ชุมชนแห่งนี้มีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทางการที่ภาครัฐได้แต่งตั้งให้ดูแล ชุมชน ชาวบ้านให้ความเคารพและยอมรับในตัวผู้น าชุมชนทุกรุ่นทุกยุคทุกสมัย รวมถึงในระยะหลังที่ภาครัฐ ก าหนดให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง ไม่เคยมีป๎ญหาหรือ ความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเคารพในกติกาของบ้านเมือง มีส่วนร่วมทางการ เมือง และยอมรับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข คุณค่าและความหมายที่มีต่อชุมชน ชุมชนแห่งนี้ผ่านช่วงเวลาที่ยากล าบากจากอดีตจนถึง ป๎จจุบัน ผ่านการปกครองโดยผู้น าชุมชนทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตย มีส่วนร่วมและพร้อมให้ความร่วมมือ และทุก ๆ ครั้งที่มีปรากฏการณ์ทางการเมืองในรูปแบบต่าง ๆ ทุกคน พร้อมเรียนรู้และปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรู้คุณค่า สถานการณ์ป๎จจุบัน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย เป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีประชากร เพียง 8 ครัวเรือน ภาครัฐต้องน าจ านวนประชากรไปนับรวมกับกลุ่มอื่น ๆ อีกหลายกลุ่ม จึงกลายเป็นหมู่บ้าน ขนาดใหญ่ในนามของหมู่ที่ 7 บ้านคลองหวาย ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี โดยผู้คนในชุมชน ส่วนใหญ่เป็นคนไทยพื้นเมือง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 181 การสืบทอดและความยั่งยืน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย มีการสืบทอดการเมืองและ การปกครองมาตั้งแต่อดีตจนถึงป๎จจุบัน ไม่เคยมีความขัดแย้ง และไม่เคยเสียเลือดเนื้อกับการเปลี่ยนแปลง การปกครองในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ถือได้ว่าการเมืองการปกครองของชุมชนมีความมั่นคงยั่งยืน 11. ภาษา ภาษาพูดพื้นถิ่น ได้แก่ ภาษากะเหรี่ยงโปว์ เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในครัวเรือนและใช้ในการ สื่อสารกันในชุมชนบ้านคลองหวาย และใช้ในการสื่อสารกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์จากท้องถิ่นอื่น ๆ ภาษาเขียน ได้แก่ ภาษาเขียนกะเหรี่ยงโปว์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโปว์ทั่วประเทศ แต่ป๎จจุบันนี้ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายไม่มีใครเขียนภาษากะเหรี่ยงโปว์ได้ สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายในป๎จจุบัน ไม่มีผู้ที่สามารถใช้ภาษาเขียนกะเหรี่ยง โปว์ได้เลย เนื่องจากเยาวชนกะเหรี่ยงโปว์และประชาชนชาวกะเหรี่ยงโปว์ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เพราะ ส่วนใหญ่มีโอกาสได้รับการศึกษาภาคบังคับจากรัฐบาล ส าหรับภาษาพูดกะเหรี่ยงโปว์ ยังคงมีประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์ร้อยละ 50 ที่สามารถพูดได้ โดยเฉพาะวัยกลางคนไปจนถึงวัยอาวุโส ส่วนวัยรุ่นและเยาวชนไม่สามารถพูดได้ ส่วนใหญ่นิยมพูดภาษาไทย 12. สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วม ด้านการเมืองการปกครอง ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึง ป๎จจุบัน โดยในยุคแรกมีการปกครองโดยผู้น าชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ เป็นผู้อาวุโสหรือปราชญ์ชาวบ้านที่เป็น ที่ยอมรับในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายเป็นผู้ปกครองดูแลทุกข์สุขและความสงบเรียบร้อยในชุมชน ต่อมามีการแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านจากภาครัฐมาดูแลราษฎร และภายหลังเปลี่ยนมาเป็นการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล มาช่วยผู้ใหญ่บ้านในการพัฒนาชุมชน ด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากอดีตถึงป๎จจุบัน จากอดีต เป็นการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อการด ารงชีพ ต่อมาชาวบ้านถูกจ ากัดที่ดินท ากิน เนื่องจากการประกาศพื้นที่ป่า สงวนแห่งชาติทับซ้อนที่ดินท ากินของชาวบ้าน ชาวบ้านจึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยหันมาปลูกพืช เชิงเดี่ยวหรือพืชเศรษฐกิจ เพื่อหาเงินซึ่งเป็นป๎จจัยหลักมาใช้ในการเลี้ยงชีพ ด้านสังคมและประชากร ประชากรชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ช่วงเวลา กล่าวคือ ในระยะแรกที่มีชาวกะเหรี่ยงโปว์เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ท ากินในบริเวณบ้านคลองหวายแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่ครัวเรือน ต่อมามีผู้คนย้ายมาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้น จ านวนกว่า 100 หลังคาเรือน เมื่ออดีตผู้ใหญ่บ้าน คนส าคัญได้ถูกฆาตกรรมถูกยิงตายคาบ้านในปี พ.ศ. 2530 ท าให้ผู้คนหวาดกลัวและย้ายไปอยู่ชุมชนใกล้เคียง ต่างอ าเภอ และต่างจังหวัดกันหมด ป๎จจุบันเหลืออยู่เพียง 8 หลังคาเรือนเท่านั้น ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายย้ายมาจากหลายพื้นที่ทั้งใน พื้นที่จังหวัดอุทัยธานี และต่างจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่มีสิทธิในสัญชาติอยู่แล้วก่อนย้ายมาอยู่ที่ชุมชนบ้านคลองหวาย ผู้คนในชุมชนจึงไม่มีป๎ญหาเรื่องสิทธิในสัญชาติ ดังนั้น ทุกคนจึงมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย มีบัตรประชาชน มีสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานครบถ้วนทุกประการ รวมถึงได้รับสวัสดิการแห่งรัฐเทียบเท่าประชาชนคนไทยทุกคน ด้านระบบสาธารณูปโภค ในอดีตที่ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายยังมีทรัพยากรธรรมชาติอย่าง อุดมสมบูรณ์อยู่นั้น ระบบสาธารณูปโภคที่รัฐจัดให้ไม่มี แต่ชุมชนก็อาศัยภูมิป๎ญญาในการด ารงชีวิตท าให้สามารถ ด าเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ต่อมาเมื่อชุมชนบ้านคลองหวายมีประชากรมากขึ้น รัฐจึงเข้ามาช่วยเหลือในเรื่อง ระบบสาธารณูปโภคด้วยการท าประปาหมู่บ้าน ท าถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน ติดตั้งระบบไฟฟ้า ติดตั้ง สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีอินเตอร์เน็ตใช้ ท าให้มีระบบสาธารณูปโภคอยู่ในระดับที่ดี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 182 ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ ในอดีตระบบสาธารณสุขเข้าไม่ถึงชุมชน จึงท าให้คนในชุมชนต้อง เสียชีวิตด้วยโรคระบาดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ป๎จจุบันชาวบ้านคลองหวายได้รับสวัสดิการจากภาครัฐเกี่ยวกับ การสาธารณสุขเท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทุกคน จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลและป๎จจุบันนี้ ชาวบ้านมีห้องน้ าห้องส้วมที่ถูกสุขอนามัยครบทุกครัวเรือน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก ด้านการศึกษา ในอดีตเยาวชนชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายได้รับการศึกษาในลักษณะการศึกษา ผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่มีโรงเรียนในชุมชน เยาวชนส่วนหนึ่งไปเรียนต่อที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ชัยนาทซึ่งเป็น จังหวัดติดต่อกัน ต่อมามีการสร้างโรงเรียนบ้านคลองหวาย สร้างศูนย์เด็ก ท าให้เด็กและเยาวชนทุกคนในชุมชน บ้านคลองหวายได้รับการศึกษาภาคบังคับ เด็กและเยาวชนที่มีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมประจ าอ าเภอ ส่วนมากจะเรียนจบร้อยละ 80 และเยาวชนบางส่วนจะ ได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี ซึ่งมีประมาณร้อยละ 10 ท าให้เยาวชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้านวัฒนธรรม ชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายส่วนหนึ่งปรารถนาที่จะให้คนในชุมชนร่วมกันรักษา อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ให้คงอยู่ ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีที่มีการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถทัดทานวัฒนธรรมจากภายนอกได้ ซึ่งวัฒนธรรมจากภายนอกชุมชนนั้น มีความทันสมัยและเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด สามารถเข้ามาแทรกซึมวิถีวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ ในทุกมิติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท าให้วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ค่อย ๆ เลือนหายไปจนเกือบหมดสิ้น จึง เป็นความท้าทายของภาครัฐและผู้น าชุมชนว่าจะมีวิธีอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามที่บรรพบุรุษได้ สรรสร้างเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไปได้อย่างไร ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามค าพูดที่กล่าวว่า “ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั่นมีป่า” และ “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง” ในอดีตนั้นอาจจะใช่ แต่ป๎จจุบันนี้ไม่ถูกต้องเสมอไป ดังเช่น ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์ แห่งนี้ ในยุคบุกเบิกยอมรับว่าที่ดินผืนนี้เป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ จากระยะเวลาที่ล่วงเลยมากว่า 2 ศตวรรษ ผืนป่าตามธรรมชาติและผืนป่าชุมชนเหลือเพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่ แต่ก็เป็นเรื่องท้าทายส าหรับ ภาครัฐ ท้องถิ่น ท้องที่ และราษฎรในพื้นที่ว่าจะมีวิธีบริหารจัดการพื้นที่ท ากินและผืนป่าเสื่อมโทรมให้เกิด ความสมดุลทางระบบนิเวศได้อย่างไร ในกรณีชุมชนที่มีพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ท ากิน พื้นที่พิธีกรรม พื้นที่ใช้ประโยชน์ และพื้นที่อนุรักษ์ทับซ้อน กับพื้นที่อื่นของรัฐหรือเอกชน ขอให้เลือกและให้ค าอธิบายเพิ่มเติมว่าทับซ้อนกับพื้นที่ลักษณะใด พร้อมระบุชื่อ พื้นที่ที่ทับซ้อน หรือชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุ............. อุทยานแห่งชาติ ระบุ...................... ป่าสงวนแห่งชาติ ระบุ (ป่าสงวนแห่งชาติห้วยป่าทับเสลาและห้วยป่าคอกควาย) วนอุทยาน ระบุ..................................... การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและนอกชุมชน เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายเป็นชุมชนที่ผู้คนในชุมชนมีความรัก ความสามัคคีความผูกพัน ความ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ าหนึ่งใจเดียวกันตลอดมานับตั้งแต่มีการก่อตั้งชุมชน ดังนั้น ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุบ้านการเมือง ภัยธรรมชาติ ภัยคุกคาม ราคาพืชผลทางการเกษตร คนในชุมชนจะมีความร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันแก้ไขวิกฤติต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน แนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทาย ผู้น าชุมชนที่ภาครัฐแต่งตั้ง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนต าบล ทองหลาง และผู้น าที่เป็นผู้อาวุโสที่ชาวบ้านเคารพนับถือ และกลุ่มผู้น าชุมชนที่เป็นหัวใจส าคัญในแต่ละด้าน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 183 จะเป็นแกนน าในการเชิญสมาชิกลูกบ้านประชุม เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็น ก าหนดแนวทางในการแก้ไข ป๎ญหาและรับมือกับความท้าทายจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การรวมกลุ่มและการสร้างเครือข่าย ในชุมชนมีเครือข่ายที่เป็นทางการเล็กน้อย และส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ ชุมชน ยังคงมีการสร้างเครือข่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเครือข่ายที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อน วิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโปว์ให้สงบสุขร่มเย็นสืบไป บทบาทของหน่วยงาน/องค์กรภายนอกที่เข้ามามีส่วนร่วม จากอดีตถึงป๎จจุบันมีหน่วยงานภายนอกที่เป็นภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน กะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวายหลายหน่วยงาน เช่น อ าเภอห้วยคต องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ศูนย์ พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานี ส านักงานพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุทัยธานี เกษตรอ าเภอห้วยคต เป็นต้น ส าหรับบุคคลหรือองค์กรเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เช่น สถาบันธรรมชาติพัฒนา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในพัฒนาชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านคลองหวาย


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 184 แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน 1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สร้างและผู้มีส่วนร่วม 1.1 ผู้เรียบเรียงข้อมูล* กิตติพัฒน์ อธิวัฒน์ธนาวงศ์ 1.2 วันที่จัดท าข้อมูล 10/11/2566 1.3 ผู้ตรวจสอบข้อมูล พรทิพย์ ก าเหนิดแจ้ง 1.4 วันที่ตรวจสอบข้อมูล 29/11/2566 2. ชื่อชุมชน 2.1 ชื่อทางการ* บ้านภูเหม็น หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี 2.2 ชื่อท้องถิ่น (พุเม้ยง์) 2.3 ความเป็นมาของชื่อ ชุมชน ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น (พุเม้ยง์) หมู่ 8 ต าบลทองหลาง อ าเภอ ห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี เป็นชุมชนกะเหรี่ยยงโปว์ที่มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐาน มาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 400 ปี มีความผูกพันกับผืนป่า วิถีชีวิตสัมพันธ์กับ ธรรมชาติและการท าไร่หมุนเวียน ค าว่า “ภูเหม็น” ชาวบ้านเล่าว่าเพี้ยนมาจากค าว่า “พุเม้ยง์” ซึ่งเป็นชื่อของพืชตระกูลว่าน คนไทยเรียกกันว่า “ว่านเข้าพรรษา” คล้าย ๆ ต้นข่าใบใหญ่มีดอกสีเหลือง บ้างก็สีขาวอมชมพูสวยงามมาก ในอดีตพื้นที่บริเวณชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น “พุเม้ยง์” เต็มไปด้วย ดอกเข้าพรรษาที่มีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริเวณข้าง ๆ ล าห้วยที่เต็มไปด้วย ทุ่งว่านดอกเข้าพรรษาตลอดทั้งล าห้วย เดิมชาวบ้านเรียกล าห้วยนี้ว่า“พุเม้ยง์บ่อง” ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “ว่านสุกเหลือง” หรือ “ว่านเข้าพรรษา” ซึ่งค าว่า “พุ” แปลว่า“ว่าน”ค าว่า“เม้ยง์”แปลว่า“สุก”ส่วนค าว่า“บ่อง”แปลว่า“เหลือง” ดังนั้น ชื่อของหมู่บ้านจึงถูกเรียกตามชื่อของล าห้วยนั่นเอง แต่ระยะเวลาผ่านไป ค าเรียกชื่อหมู่บ้านก็สั้นลง เหลือเพียงค าว่า “พุเม้ยง์” และเนื่องจากชาว กะเหรี่ยงในสมัยก่อนพูดภาษาไทยไม่ชัด และเป็นอัตลักษณ์เฉพาะของส าเนียง ภาษาโผล่ว จึงฟ๎งเป็น “พุเม้น” บ้าง “พุเหม้น” บ้าง สุดท้ายเรียก “ภูเหม็น” นอกจากนั้น ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นในอดีตถูกรายล้อมด้วย ทรัพยากรธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพันธุ์พืชอันหลากหลายนานาชนิดและอุดม สมบูรณ์ อาศัยอยู่ป่าเขาและล าห้วย ค าว่า “ภูเหม็น” ในป๎จจุบันนั้น จึงคาดว่า มาจากการที่ทางราชการได้ส ารวจรายชื่อหมู่บ้าน และเห็นว่าหมู่บ้านนี้อยู่บน ภูเขา และชาวบ้านเรียกชื่อหมู่บ้านว่า “พุเม้ยง์” ทางการอาจจะฟ๎งไม่ถนัด จึงบันทึกชื่อหมู่บ้านเป็น “ภูเหม็น” และกลายเป็นชื่อหมู่บ้านมาจนถึงป๎จจุบัน ดอกเข้าพรรษา “พุเม้ยง์บ่อง”


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 185 2.4 ประเภทชุมชน ☐ ชุมชนเมือง/ชาวเมือง ☒ ชุมชนชนบท ☒ ชุมชนชาติพันธุ์ ☐ เครือข่ายชุมชน (กลุ่มทางสังคม/องค์กรทาง สังคม) ☐ ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร ☐ ชุมชนอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม แฟลต อพาร์ทเม้นท์ 2.5 จุดเด่นชุมชน 1. ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นได้รับการประกาศเป็น “พื้นที่คุ้มครองทาง วัฒนธรรมพิเศษ” โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นไปตาม แนวทางการฟืนฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 2. ในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นมี “ล าห้วยพุเม้ยง์” ซึ่งเป็นเสมือนเส้น เลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นมายาวนานกว่า 400 ปี เป็น แหล่งน้ าในการอุปโภคบริโภค แหล่งน้ าในการท าการเกษตร และเป็นแหล่ง อาหารตามธรรมชาติของชุมชน 3. ในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม มีจ านวน 5 ต้น ชื่อว่า “ต้นสมพงษ์” แต่ละต้นมีอายุกว่า 100 ปี เป็นศูนย์รวมความเชื่อ ความศรัทธาทางจิตวิญญาณของคนที่อยู่กับป่า แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เมื่อ เดือน เมษายน 2566 เกิดลมพายุพัดผ่านชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นอย่าง รุนแรง ส่งผลให้ต้นสมพงษ์ขนาดใหญ่ทั้ง 5 ต้น ล้มทั้งยืน บางต้นล้มแบบหัก ขาดครึ่งกลางล าต้นลงมา จากนี้ไปคงเหลือเพียงชื่อที่เป็นต านานเท่านั้น 4. ในชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น เป็นแหล่งรวมอารยธรรมกะเหรี่ยงโปว์ ทางด้านจิตวิญญาณและความเชื่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า ในชุมชนแห่งนี้ในป๎จจุบันมี เจ้าวัด (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) ถึง 3 คน คือ เจ้าวัดผู้ชาย 2 คน ผู้น าจิตวิญญาณ ที่เป็นผู้หญิง (แม่ย่า) อีก 1 คน ในทุก ๆ ปี จะมีพิธีการไหว้เจดีย์ถึง 3 ครั้ง ได้แก่ การไหว้เจดีย์ในเดือน 3 เดือน 5 และเดือน 7 ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ ยิ่งใหญ่และน่าเหลือเชื่อมาก เพราะชุมชนกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าวัดกันแล้ว 5. ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นเห็นถึงความส าคัญของการท าไร่หมุนเวียน จึงพยายามรื้อฟื้นวิถีการท าไร่หมุนเวียนให้กลับคืนมาดังเช่นในอดีต แต่พื้นที่ ส าหรับการท าไร่หมุนเวียนนั้นอาจจะน้อยลง เพราะป๎จจุบันทุกคนมีพื้นที่จ ากัด และการพักฟื้นหน้าดินหลังจากการท าไร่หมุนเวียนก็คงจะไม่นานถึง 7 – 8 ปี ดังเช่นในอดีต อาจจะเป็นการหมุนเวียนระหว่างการปลูกข้าวไร่กับพืชชนิดอื่น แทนการทิ้งร้างของพื้นที่ท าไร่หมุนเวียน 3. ที่ตั้ง 3.1 จังหวัด* อุทัยธานี 3.2 อ าเภอ/เขต* ห้วยคต 3.3 ต าบล/แขวง* ทองหลาง 3.4 หมู่บ้าน บ้านภูเหม็น 3.5 รหัสไปรษณีย์ 61170


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 186 3.6 ที่อยู่ (หมู่ที่, ถนน) หมู่ที่ 8 3.7 ละติจูด* 15.30448052 3.8 ลองจิจูด* 99.5136264 3.9 ประเภทเขตการ ปกครองส่วนท้องถิ่น ☐ เทศบาลนคร ระบุ………… ☐ เทศบาลเมือง ระบุ……………… ☐ เทศบาลต าบล ระบุ……… ☒ องค์การบริหารส่วนต าบลทองหลาง ☐ กรุงเทพมหานคร ☐ เมืองพัทยา 4. ความเป็นมา: ประวัติศาสตร์ชุมชน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ชุมชนกะเหรี่ยงในภาคกลางที่เก่าแก่ที่สุดตามหลักฐาน ที่มี คือ ประมาณ 300 – 400 ปี ชาวกะเหรี่ยงบางส่วนได้อพยพจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณปี พ.ศ. 2310 และมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณลุ่มแม ่น้ าแควใหญ ่ และ ลุ ่มแม ่น้ าแม ่กลองตอนบน ส ่วนชาวกะเหรี ่ยงโผล ่ว หรือ โปว์ ที ่อพยพมาตั้งถิ ่นฐานบริเวณรอบ ๆ ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี เป็นการอพยพจากทวายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้ามาอยู่ ในจังหวัดอุทัยธานีประมาณปี พ.ศ. 2366 ต่อมาเมื่อมีการปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในพื้นที่ดังกล่าว รัฐบาลจึงจัดสรรที่ดินท ากินนอกผืนป่าห้วยขาแข้งให้กับชุมชนกะเหรี่ยงได้ท ามาหากิน และเป็นที่อยู่อาศัย ในพื้นที่อ าเภอบ้านไร่ อ าเภอห้วยคต และอ าเภอลานสัก ในป๎จจุบัน อีกหลักฐานหนึ่ง พบว่า ในสมัยที่กรุงสุโขทัยก าลังเจริญรุ่งเรืองนั้น ท้าวมหาพรหมได้เข้ามา สร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่า คือ อ าเภอหนองฉางในป๎จจุบันนี้ โดยพาคนไทยกลุ่มหนึ่งเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้าน คนมอญและคนกะเหรี่ยง จึงเรียกว่า "เมืองอู่ไทย" ตามกลุ่มหรือที่อยู่ของคนไทยซึ่งพากันตั้งบ้านเรือนอยู่อย่าง หนาแน่น มีพืชพรรณและอาหารอุดมสมบูรณ์กว่าแห่งอื่น ต่อมากระแสน้ าเปลี่ยนทางเดินและเกิดกันดารน้ า เมืองอู่ไทยจึงถูกทิ้งร้าง จนในที่สุด พะตะเบิด ได้เข้ามาปรับปรุงเมืองอู่ไทย โดยขุดที่เก็บกักน้ าไว้ใกล้เมือง และ พะตะเบิดได้เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ไทยเป็นคนแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์จังหวัดอุทัยธานีข้างต้น จะเห็นได้ว่า ในสมัยที่กรุงสุโขทัยก าลัง เจริญรุ่งเรืองนั้น ท้าวมหาพรหมได้เข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่า คือ อ าเภอหนองฉางในป๎จจุบันนี้ โดยการ พาคนไทยเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านคนมอญและคนกะเหรี่ยง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ชาวกะเหรี่ยงได้เข้ามาอยู่ ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีก่อนคนพื้นเมืองเสียอีก แต่ไม่สามารถระบุปี พ.ศ.ที่แน่ชัดได้น่าจะราว ๆ 700 – 800 ปี เห็นจะได้หรืออาจจะอยู่มาก่อนยุคสุโขทัยอีกด้วย เนื่องจากอุทัยธานีเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผืนป่า ได้แก่ผืนป่า มรดกโลกห้วยขาแข้ง และเทือกเขาในอ าเภอลานสักและอ าเภอบ้านไร่ที่เชื่อมโยงไปถึงทุ่งใหญ่นเรศวรจังหวัด กาญจนบุรี และยังเชื่อมโยงไปถึงเทือกเขาตะนาวศรีบริเวณเขตแดนประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ อีกทั้ง ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่เหมาะแก่การตั้งหลักป๎กฐานท ามาหากิน ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเป็นอย่างยิ่ง ตามค าขวัญที่ว่า “ที่ไหนมีป่า ที่นั่นมีกะเหรี่ยง ที่ไหนมีกะเหรี่ยง ที่นั่นมีป่า” จึงสันนิษฐานว่า ชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดอุทัยธานีนั้น ได้เล็งเห็นผืนป้าห้วยขาแข้งที่อุดมสมบูรณ์ จึงอพยพมาอยู่อาศัยผืนป่า แห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัย และได้ท ามาหากินด ารงชีพอยู่รอบ ๆ ป่าห้วยขาแข้ง และพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดอุทัยธานี มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์สุโขทัย มาจนถึงป๎จจุบัน บรรพบุรุษรุ่นแรกที่ย้ายมาอยู่ภูเหม็น อาทิ ภู่มเบิก ภู่มโถตา ภู่มโท่เค้า นางพิไล เป็นต้น มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในกลุ่มเทือกเขาตะน่องโหว่ว เทือกเขาทิวาพร่อง เทือกเขาหล่งจื๊อ เทือกเขาเหม่งไคร่เคร่ เทือกเขาเช่อไผเพ่อ เทือกเขาแก่งกะดุก และเทือกเขาหนองปลาร้า


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 187 ส าหรับชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นนั้น จากการศึกษาค้นคว้าและการพูดคุยกับปราชญ์ ชาวบ้านในชุมชน ทราบว่า ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้มาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่า 400 ปี ในยุคแรก ๆ นั้นมาอยู่กันไม่กี่ครัวเรือน หลังจากนั้น มีการเชิญชวนญาติพี่น้องจากชุมชนใกล้เคียงในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี และชุมชนกะเหรี่ยงโปว์จากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ ป๎จจุบันนี้มีประชากร ตั้งถิ่นฐานกว่า 193 ครัวเรือน จ านวนประชากรกว่า 700 คน เดิมทีชุมชนกะเหรี่ยงแห่งนี้ใช้การปกครองอย่าง ไม่เป็นทางการโดยผู้น าชุมชนที่ชาวบ้านเคารพนับถือและร่วมกันคัดเลือกให้ดูแลชุมชน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2415 ชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นมีผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ มีผู้ใหญ่บ้านเป็นของตนเอง อยู่ในเขต พื้นที่การปกครองของ หมู่ที่ 1 บ้านคลองแห้ง ต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีผู้ใหญ่บ้านที่ ได้รับการแต่งตั้งจากทางการปกครองดูแลลูกบ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 – 2533 จ านวน 9 คน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2527 ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบ่งเขตการปกครองพื้นที่รับผิดชอบใหม่ให้ขึ้นกับกิ่งอ าเภอห้วยคต และแยก หมู่บ้านจากหมู่ที่ 1 บ้านคลองแห้ง ต าบลคอกควาย อ าเภอบ้านไร่ เป็นหมู่ 8 บ้านภูเหม็น ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2533 เป็นต้นมา และมีผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้ง จากทางการปกครองชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็นมาแล้ว 3 คน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 – 2566 ในป๎จจุบัน ทางเข้าชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ในชุมชนกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น มีเจ้าวัดชาย (ผู้น าแห่งจิตวิญญาณ) จ านวน 2 คน และ แม่ย่าอีก 1 คน ซึ่งเป็นผู้น าในการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อและประเพณีวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโปว์ บ้านภูเหม็นมายาวนาน ท าให้ในแต่ละปีชุมชนบ้านกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็นจะต้องมีการประกอบพิธีไหว้เจดีย์ จ านวน 3 ครั้ง ได้แก่ การไหว้เจดีย์ในเดือน 3 เดือน 5 และเดือน 7 และนอกจากพิธีกรรมไหว้เจดีย์ของเจ้าวัด และแม่ย่าประจ าปี และประกอบพิธีกรรมอื่น ๆ ตามวิถีชาวกะเหรี่ยงโปว์ที่มีการสืบสานมาจากบรรพชน ในป๎จจุบันนี้ถือว่าเจ้าวัดนั้นมีความส าคัญยิ่งกับวิถีการด ารงชีวิตของผู้คนในชุมชนบ้านภูเหม็นตั้งแต่เกิดจนตาย เช่นเมื่อแรกเกิดให้เจ้าวัดเรียกขวัญ ตั้งชื่อ โกนจุก ผูกข้อมือด้วยด้ายเหลือง เมื่อเริ่มเป็นสาวอายุ 15 ปี เจ้าวัด จะท าพิธีเปลี่ยนผ้านุ่งจากผ้าขาวยาวกรอมข้อเท้า เป็นเสื้อและผ้าถุงสีแดง เมื่อแต่งงานเจ้าวัดท าพิธีให้ เมื่อถึง แก่กรรมเจ้าวัดก็ท าพิธีให้ เพราะฉะนั้นชาวกะเหรี่ยงจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับเจ้าวัดตลอดทั้งชีวิต ในอดีตมี เจ้าวัดคนแรกของชาวภูเหม็น คือ จะโหม่ง ภูเหม็น คนที่ 2 ไบคู ภูเหม็น คนที่ 3 เด๊กเดามา ภูเหม็น ซึ่งถึงแก่กรรม ไปแล้ว ส่วนแม่ย่าปรังคนป๎จจุบันนี้ เป็นภรรยาของเจ้าวัดเด็กเอามา ภูเหม็น ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วนั่นเอง


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 188 เจ้าวัดอ้วน เยปอง เจ้าวัดมองตะเลตะ ภูเหม็น แม่ย่าปรัง ภูเหม็น ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านภูเหม็น มีศูนย์เด็กเล็กส าหรับรับเลี้ยงและดูแลเด็ก ๆ ก่อนวัยเรียน ส่วนเด็กชั้น ประถมศึกษาเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านตลิ่งสูงซึ่งอยู่ห่างไกลจากชุมชนเพียง 2 กิโลเมตร ส่วนระดับ มัธยมศึกษาเรียนที่โรงเรียนห้วยคตพิทยาคม อ าเภอห้วยคต ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนบ้านภูเหม็นราว ๆ 7 กิโลเมตร โดยภาพรวมแล้วในส่วนของการศึกษาของเด็ก ๆ ในชุมชน ไม่มีป๎ญหาแต่อย่างใด เด็ก ๆ ทุกคนมีโอกาสศึกษา จนจบการศึกษาภาคบังคับ ชุมชนชาวกะเหรี่ยงโปว์บ้านภูเหม็น ได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามตามแบบ วิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโปว์เอาไว้ได้เป็นอย่างดีในหนึ่งปีชาวกะเหรี่ยงโปว์จะมีปฏิทินประเพณีวัฒนธรรมรวมถึง พิธีกรรมและความเชื่อตลอดทั้งปี


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 189 การคมนาคมสัญจรในอดีตชุมชนยังไม่มีถนนหนทาง ผู้คนในชุมชนต้องเดินเท้าไปตามทางเท้า ข้ามภูเขา ป่าไม้ ล าธาร เพื่อที่จะไปท าธุรกรรมที่อ าเภอบ้านไร่ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 1 วัน พัก 1 คืน และเดินทางกลับ อีก 1 วัน จึงจะกลับถึงบ้าน เพราะสมัยนั้นชุมชนนี้ขึ้นอยู่กับอ าเภอบ้านไร่ หากจะต้องเดินทางไปที่ตัวจังหวัด จะต้อง เดินทางถึง 2 วัน พักระหว่างทาง 3 คืน และเดินทางกลับอีก 2 วัน จึงจะถึงบ้าน แถมเส้นทางก็เต็มไปด้วยอันตราย จากสัตว์ป่า แมลงมีพิษ และการเดินทางที่ยากล าบากในฤดูฝน หากเจ็บป่วยหนักต้องพึ่งหมอยาสมุนไพรในชุมชน เป็นหลัก เพราะการที่จะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ยากมาก และเสี่ยงกับการเสียชีวิตระหว่างเดินทางสูง ต่อมาเมื่อทางการเข้ามาพัฒนาถนนหนทาง มีถนนลูกรังเข้ามาถึงชุมชน มีรถโดยสารประจ าทางรับ-ส่งผู้คน ในชุมชน ไปที่ตลาดทุ่งนา ต าบลเขาบางแกรก อ าเภอหนองฉาง 1 จุด และเดินทางไปที่จังหวัดอุทัยธานี อีก 1 จุด ป๎จจุบันนี้ไม่มีรถโดยสารประจ าทางแล้ว หากคนในชุมชนที่จะเดินทางไปท าธุรกรรมในตัวอ าเภอหรือจังหวัด ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์เป็นส่วนบุคคลเป็นหลัก หรืออาศัยเพื่อนบ้านไป เป็นต้น ครม. มีมติฟื้นฟูวิถีชีวิต ชาวกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 กรมป่าไม้ประกาศ มีถนนคอนกรีต ไฟฟ้า ชาวบ้านท าไร่หมุนเวียน มีผู้ใหญ่บ้านคนแรก เขตป่าสงวนแห่งชาติ ประปา เข้ามาในชุมชน ตามวิถีชาวกะเหรี่ยง ที่ทางการแต่งตั้ง ทับซ้อนพื้นที่อยู่อาศัย ท าให้คุณภาพชีวิต พ.ศ. 2515 และพื้นที่ท ากินของชุมชน ของคนในชุมชนดีขึ้น 2300 2400 2500 2550 2566 มีการปกครองชุมชน มีถนนลูกรังเข้ามา เปลี่ยนแปลงเขตการปกครอง พายุฤดูร้อนพัดผ่าน โดยผู้อาวุโสในชุมชน ในชุมชน ท าให้ พื้นที่จากหมู่ 1 ต.คอกควาย บ้านเรือนเสียหาย ที่ผู้คนเคารพนับถือ การคมนาคมสะดวกขึ้น อ าเภอบ้านไร่ เป็น หมู่ 8 28 หลัง ต้นไม้ใหญ่ พ.ศ. 2405 ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต อายุกว่า 100 ปี จ.อุทัยธานี ปี พ.ศ. 2533 5 ต้น ล้มตายด้วย แรงพายุ ศมส.ประกาศพื้นที่ เขตวัฒนธรรมพิเศษ 8 ธ.ค. 2563


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 190 มีผู้ใหญ่บ้านที่ทางการแต่งตั้งดูแลชุมชน ทางการท าถนนลูกรังเข้าสู่ชุมชน ข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนเสื้อผ้า มีชุมเสือโจรปล้นสะดมชาวบ้าน ประกาศพื้นที่ป่าสงวนทับที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินชาวบ้าน ชาวบ้านเลิกท าไร่หมุนเวียน ชาวบ้านหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไฟฟ้าเข้ามาชุมชน ถนนคอนกรีตเข้าชุมชน น้ าประปาเข้าชุมชน มีระบบสุขาภิบาล/ห้องน้ า/ส้วม ประกาศพื้นที่ คุ้มครองทาง วัฒนธรรม ตั้งหมู่บ้าน สาธารณูปโภค เปลี่ยนแปลง สงครามโลก แผนพัฒนา ศก. เริ่มศก. ยุค ศก. ยุคพัฒนา ป๎จจุบัน การปกครอง ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 1 ฟองสบู่ ฟองสบู่ สาธารณูปโภค 2415 2450 2475 2484 2488 2504 2533 2540 2555 2560 2566 2528 2528 5. แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน - ระยะทางจากอ าเภอถึงชุมชน 20 กิโลเมตร - ระยะทางจากจังหวัดถึงชุมชน 60 กิโลเมตร - ระยะทางจากกรุงเทพถึงชุมชน 280 กิโลเมตร - เดินทางได้ทางบกทางเดียว คือ การคมนาคมสัญจรโดยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านละว้า หมู่ 3 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านคลองหวาย หมู่ 7 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านหนองจอก หมู่ 7 ต าบลสุขฤทัย อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านคลองแห้ง หมู่ 1 ต าบลทองหลาง อ าเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี สภาพพื้นที่ทางกายภาพ /ขนาดพื้นที่ชุมชน/พื้นที่สาธารณะ/การสาธารณูปโภคชุมชน


แบบฟอร์มข้อมูลชุมชน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Version 1.0 (2023-01-27) *ใช้คู่กับ “คู่มือการกรอกแบบฟอร์มข้อมูลชุมชน” 191 พื้นที่ชุมชนบ้านภูเหม็นเป็นพื้นที่ราบเชิงเขา มีภูเขาขนาดไม่สูงมากและเนินเขาขนาดใหญ่สลับซับซ้อน เต็มพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นพื้นที่ท าการเกษตร พื้นที่ที่เหลือร้อยละ 30 เป็นพื้นที่ป่าไม้ชุมชน ภูเขา ล าธาร และเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชุมชน จ านวน 193 ครัวเรือน สภาพแวดล้อมบ้านภูเหม็น ชุมชนบ้านภูเหม็น มีล าห้วยภูเหม็นหรือพุเม้ยง์ไหลผ่านชุมชน มีต้นก าเนิดมากจากเทือกเขาบริเวณเขต อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในพื้นที่มรดกโลกห้วยขาแข้ง ในอดีตนั้นมีน้ าไหลผ่านตลอดทั้งปี ชาวบ้านมีน้ า อุปโภคบริโภคและท าการเกษตรตลอดทั้งปี ต่อมาเมื่อชาวบ้านย้ายเข้ามาอยู่อาศัยและท าการเกษตรเป็น จ านวนมาก ท าให้ล าห้วยภูเหม็นเริ่มตื้นเขิน บางปีฝนแล้งน้ าในล าห้วยเกือบแห้งขอด บางปีฝนตกมากน้ าก็จะ ไหลหลาก สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนของชาวบ้านและเรือกสวนไร่นาพอสมควร ชาวบ้านช่วยกันสร้าง ฝายน้ าชุมชนด้วยไม้ไผ่แบบง่าย ๆ อยู่หลายจุด วางต าแหน่งไว้ห่าง ๆ กัน ตลอดแนวล าห้วยภูเหม็น เพื่อชะลอน้ า ในฤดูฝน และเป็นการกักเก็บน้ าไว้ใช้ในฤดูแล้ง ล าห้วยภูเหม็น “พุเม้ยง์”


Click to View FlipBook Version