คู่มือกรณีตัวอย่างความผิดทางวินัย ของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๔ ภารกิจเสริม ริ สร้างและมาตรฐานวินั วินั ย สำ นักงาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธิการ
คู่มือ กรณีตัวอย่างความผิดทางวินัย ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2557 - 2564 ภารกิจเสริมสร้าง และมาตรฐานจริยธรรรม สำนักงาน ก.ค.ศ. กระทรวงศึกษาธิการ
คำนำ คู่มือกรณีตัวอย่างความผิดทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเล่มนี้ ได้รวบรวมจาก กรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้รับรายงานการลงโทษทางวินัยจากหน่วยงานการศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่รายงานมายัง ก.ค.ศ. โดยผ่านการพิจารณาของ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการแล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2557- 2564 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อความสะดวกในการศึกษาค้นคว้า การนำไปใช้อ้างอิง หรือเป็นกรณีเทียบเคียงประกอบการพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นไป ในแนวทางและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเผยแพร่ให้แก่หน่วยงานการศึกษา และหน่วยงานอื่น ๆ ในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ และสามารถใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษา นิติกรและเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นไปตามดำริและนโยบาย ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อนึ่ง กรณีตัวอย่างในคู่มือเล่มนี้ ชื่อบุคคลต่าง ๆ ในกรณีตัวอย่างที่ปรากฏเป็นชื่อสมมุติทั้งสิ้น ส่วนระดับโทษเดิมเป็นโทษที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งไว้ หากเหมาะสมแก่กรณีความผิดแล้ว ก.ค.ศ. จะมี มติรับทราบ หากยังไม่เหมาะสมก็จะมีมติให้เปลี่ยนแปลงโทษให้เหมาะสมต่อไป สำนักงาน ก.ค.ศ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือเล่มนี้จะอำนวยความสะดวกและเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี สำนักงาน ก.ค.ศ. กันยายน ๒๕๖๖
สารบัญ เรื่อง หน้า 1. กรณีความผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาว 1 - 13 2. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศเด็กนักเรียน 14 - 38 3. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับการเสพสุรา ยาเสพติดและการเล่นพนัน 39 - 56 4. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับการเรียกรับเงิน 57 - 64 5. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับการเงินและบัญชีทุจริตหน้าที่ราชการ 65 - 77 6. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับพัสดุ 78 - 79 7. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับการละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ 80 - 92 8. กรณีความผิดฐานประพฤติชั่ว 93 - 103 9. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับคดีอาญา 104 - 130 10. กรณีความผิดลอกเลียนผลงานทางวิชาการ 131 - 134 11. กรณีความผิดเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา 135 - 136 12. กรณีความผิดเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ 137 - 138 แบบแผนของทางราชการฯ 13. กรณีความผิดเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ (ลงโทษเด็กนักเรียน) 139 - 146 14. กรณีความผิดตามกฎหมายอื่น 147 - 150 ภาคผนวก แนวทางการพิจารณาโทษข้าราชการครูกระทำผิดวินัย
๑ 1. กรณีความผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาว รายที่ ๑-๐๐๔/๒๕๕๗ ชื่อ นายวิท ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นประพฤติผิดประเวณีโดยสมัครใจกับนางกมล จนทำให้ครอบครัวนางกมลแตกแยก ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายวิทได้รู้จักคบหารักใคร่ชอบพอกันกับนางกมลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งทั้งบิดามารดา ญาติพี่น้องของนางกมล ต่างก็รับรู้ว่าทั้งคู่นั้นคบหากันในฐานะคนรัก โดยบิดามารดาของ นางกมลต่างก็รักใคร่นายวิทเสมือนลูกตนเอง โดยหลังจากที่นายวิทมีโอกาสได้ไปเยี่ยมบิดามารดาของนางกมล ที่บ้านเกิด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ นายวิทก็ทราบเป็นอย่างดีว่านางกมลได้แต่งงานมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ก็ยัง ลักลอบติดต่อ แอบไปพบเจอกับนางกมลอยู่ และในช่วงที่นายวิทกำลังศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยจนเป็นสาเหตุ ให้ครอบครัวของนางกมลเดือดร้อน ต้องแยกกันอยู่กับสามี และไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนายวิท ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ และหย่าขาดจากกันในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และจากข้อเท็จจริงซึ่งปรากฏว่าขณะที่นางกมลอยู่กินกับนายชายสามี ก็ได้มีการสร้างฐานะจนมีฐานะที่ดี ซึ่งไม่มีสาเหตุอื่นใดที่จะทำให้ครอบครัวของนางกมลมีปัญหาได้ มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาชายหรือหญิงมีความสัมพันธ์ทางเพศฉันชู้สาว ถึงขั้นประพฤติผิดประเวณีโดยความสมัครใจ และกระทำการอันชื่อได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ตัดเงินเดือน ๕% เป็นเวลา ๒ เดือน มติ ให้เพิ่มโทษจากตัดเงินเดือน ๕% เป็นเวลา ๒ เดือน เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557
๒ รายที่ 1-164/2557 ชื่อ นายเค็ม ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นได้เสียกับนางหอมหวานภรรยาโดยชอบ ด้วยกฎหมายของนายสรรพคุณ จนทำให้ครอบครัวแตกแยก ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเค็ม ขับรถพานางหอมหวาน ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสรรพคุณ เข้าโรงแรมซึ่งเป็นโรงแรมม่านรูด โดยอ้างว่าจะแวะเข้าห้องน้ำ ซึ่งโดยสภาพของโรงแรมดังกล่าวไม่มีห้องน้ำ ที่ตั้งอยู่นอกห้องพักไว้บริการบุคคลทั่วไปแต่อย่างใด และเมื่อออกจากโรงแรมจึงพบกับนายสรรพคุณสามีของนางหอมหวาน ที่ดักรออยู่หน้าโรงแรมดังกล่าว ต่างตกใจรีบขึ้นรถและขับรถออกไป หลังจากนั้นนายสรรพคุณ ได้เข้ามา ทำร้ายร่างกายนางหอมหวานและแยกกันอยู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 11/2557 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557
๓ รายที่ 1-206/2558 ชื่อ นายยุทธ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นได้เสียกับภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ของบุคคลอื่น จนมีบุตรด้วยกัน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายยุทธ มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้รู้จักสนิทสนมกับนางบี ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายทอง ซึ่งไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดจนกระทั่งได้เสียกันนางบีจึงได้ลาออก จากงานไปอยู่กินฉันสามีภริยากับนายยุทธ จนกระทั่งนางบีตั้งครรภ์ ต่อมานายทองทราบเรื่องจึงได้ฟ้องหย่ากับ นางบีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด และเรียกค่าเสียหาย จำนวน 80,000 บาท และศาลพิพากษา ให้นายทองหย่าขาดกับนางบี ให้นายยุทธจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับนายทอง จำนวน 80,000 บาท ต่อมานางบี ได้คลอดบุตร นายยุทธไม่รับผิดชอบส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตร นางบีจึงนำเรื่องมาร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชา และยื่นฟ้องนายยุทธ ให้นายยุทธรับรองเด็กชายเทพเป็นบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากนายยุทธด้วย ต่อมามีการประนีประนอมยอมความ โดยนายยุทธยินยอมจดทะเบียนรับเด็กชายเทพเป็นบุตร จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นรายเดือน ๆ ละ 3,000 บาท และศาลพิพากษาตามยอม มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษจากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 10/2558 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2558
๔ รายที่1-226/2558 ชื่อ นางสาวหงษ์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ จ.ส.ต. สุรเดช จนถูกนางดาภรรยาโดยชอบด้วย กฎหมายยื่นฟ้องเรียกค่าทดแทน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางสาวหงษ์ได้ถูกนางดาภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ จ.ส.ต. สุรเดช ฟ้องต่อศาลจังหวัดแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเรียกค่าทดแทนจากนางสาวหงษ์จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท จากพฤติกรรมกรณีมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ จ.ส.ต. สุรเดช ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดแผนกคดีเยาวชน และครอบครัว โจทก์บรรยายฟ้องว่าเป็นภรรยา จ.ส.ต. สุรเดช มีบุตรด้วยกัน ๑ คน เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๙ ถึงประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ จำเลยรู้อยู่แล้วว่า จ.ส.ต. สุรเดช เป็นสามีโจทก์แต่จำเลยแสดงตนเปิดเผย แสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ จ.ส.ต. สุรเดช ในทำนองชู้สาว และโจทก์ก็ได้ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าทดแทน เป็นเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๑ โจทก์และจำเลยตกลงกันได้โดยทำสัญญา ประนีประนอมยอมความ สาระสำคัญข้อหนึ่งว่าจำเลยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสามีโจทก์อีกต่อไป หากจำเลยยุ่งเกี่ยว กับสามีโจทก์อีกจนโจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่ จำเลยยินยอมชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมานางดายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นคดีใหม่ เรื่องผิดสัญญา เรียกค่าทดแทน ศาลพิพากษาให้นางสาวหงษ์ชำระเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย กรณีที่จำเลย ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่าจะไม่ยุ่งกับสามีโจทก์อีก กรณีที่นางสาวหงษ์อ้างว่าตนได้ จดทะเบียนสมรสกับนายหมีแล้ว ไม่สามารถที่จะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจ.ส.ต. สุรเดชนั้น เป็นเรื่องที่ได้ดำเนินการในภายหลังจากวันที่นางดากล่าวอ้างว่านางสาวหงษ์อยู่ในบ้านพักตำรวจ กับจ.ส.ต. สุรเดชสองต่อสอง และหลังจากที่นางดามีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับบัญชาแล้ว มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษจากโทษลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 12/2558 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558
๕ รายที่ 1-022/2559 ชื่อ นายอัม ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่ม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสาวณัฐ จนมีบุตรด้วยกัน ทั้งที่ตนมีภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางสาวณัฐได้มาฝึกงานที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และได้รู้จักกับ นายอัม ผู้อำนวยการกลุ่ม จนสนิทสนมและได้คบหากัน โดยนายอัมบอกกับนางสาวณัฐว่า มีปัญหากับภรรยา และได้สัญญาว่าจะหย่ากับภรรยาและมาสู่ขอนางสาวณัฐเป็นภรรยา จนกระทั่งปี 2554 นางสาวณัฐ ตั้งครรภ์และคลอดบุตร โดยนายอัมยอมรับเป็นบิดา แต่ไม่ยอมรับผิดชอบเลี้ยงดูนางสาวณัฐและบุตร เป็นเหตุให้นางสาว ณัฐยื่นหนังสือร้องเรียน ฉบับลงวันที่ 4 มกราคม 2555 หลังจากมีการร้องเรียนนายอัมได้ดูแลนางสาวณัฐ โดยหางานให้ทำ และได้เลี้ยงดูบุตรด้วยกัน โดยนายอัมรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 5,000 บาท และจะส่งเสียค่าการศึกษา จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ ต่อมานางสาวณัฐจึงได้ทำหนังสือขอถอนเรื่องร้องเรียน ฉบับลงวันที่ 1 มิถุนายน 2556 ซึ่งขณะที่ดำเนินการสอบสวน นายอัมได้ออกมาอยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่ร่วมกับภรรยาคนเดิมมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559
๖ รายที่ 1-054/2559 ชื่อ นายเอก ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง นายเอกกระทำอนาจารนางโย (สตรีมีสามี) โดยการลูบไล้ไหล่ โอบกอดจาก ด้านหลังและใช้อวัยวะเพศชายที่อยู่ในร่มผ้าโดนหลังนางโย ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเอกได้อาศัยจังหวะที่นางโยกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เข้าไปใช้มือ ทั้งสองข้างลูบไล้บริเวณไหล่ของนางโย นางโยพยายามขัดขืน แต่นายเอกไม่ยอมหยุด ซึ่งในขณะที่นายเอก กระทำการดังกล่าว มีบางจังหวะนางโยรู้สึกว่าอวัยวะเพศของนายเอกมาถูไถด้านหลัง ด้วยความกลัวนางโย จึงรีบปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องสมุด ในขณะที่จะเดินออกจากห้องสมุด นายเอกได้เข้าไป สวมกอดจากทางด้านหลัง นางโยรีบสะบัดตัวออกและเดินกลับไปบ้านพักครู แต่นายเอกก็ยังตามไปที่ บ้านพักครู พยายามจะเข้าไปในบ้านพักครูเพื่อจะลวนลามนางโย นางโยจึงรีบหันไปหยิบค้อนที่วางอยู่ตรง บันไดของบ้านพักเพื่อป้องกันตัว และได้พูดขู่อยู่หลายครั้งว่า ให้ออกไปจากบ้านพักเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะใช้ ค้อนทุบหัว นายเอกจึงยอมเดินออกไปจากบ้านพักครูหลังดังกล่าว มาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ งดโทษภาคทัณฑ์เป็นทำทัณฑ์บนเป็นลายลักษณ์อักษร มติ ลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ประชุมครั้งที่ 4/2559 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559
๗ รายที่ 1-117/2559 ถึงรายที่ 1-118/2559 ชื่อ (1) นายชัด ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา (2) นางเจน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นได้เสียในขณะที่ทั้งคู่มีคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย อยู่แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายชัด และนางเจน ได้พากันไปเปิดห้องพักที่กาสะลอง รีสอร์ท เวลา ประมาณ 00.00 – 02.00 น. โดยเข้าไปร่วมหลับนอนกัน จนกระทั่ง ด.ต. ชาติ สามีโดยชอบด้วยกฎหมาย ของนางเจน ตามไปพบ ต่อมา ด.ต. ชาติ และนางเจน หย่าขาดจากกัน มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน ทั้งสองราย มติ เพิ่มโทษจากโทษตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน เป็นโทษปลดออกจากราชการทั้งสองราย ประชุมครั้งที่ 7/2559 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559
๘ รายที่ ๑-262/๒๕60 ชื่อ นายสมพร ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะรองผู้อำนวยการ สถานศึกษาชำนาญการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางสาวน้ำ ทั้งที่ฝ่ายชายมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายสมพรมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย คือ นางรุ่ง และมีบุตรด้วยกัน 4 คน แต่นายสมพรกลับมีพฤติการณ์ที่มีความสนิทชิดชอบกับนางสาวน้ำเกินสมควรแก่เหตุ เป็นเหตุทำให้นายสมพร ต้องทะเลาะกับนางรุ่งประกอบกับนายสมพรมีพฤติการณ์กลับบ้านไม่ตรงเวลา แยกตัวไปคุยโทรศัพท์ เป็นเวลานาน ๆ พร้อมก่อหนี้สินให้กับครอบครัวและในวันคล้ายวันเกิดของนายสมพร นางสาวน้ำก็ได้โทรศัพท์มาหานายสมพร แล้วบอกว่า “ขอให้แบ่งเวลาไปหาตนสัปดาห์ละ 2-3 วันบ้าง เนื่องจากตนเป็นภรรยาคนหนึ่ง”จนกระทั่ง นางรุ่งได้ไปร้องทุกข์ต่อผู้ใหญ่บ้านและได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยขึ้น จนนายสมพรให้การยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ ฉันชู้สาวกับนางสาวน้ำจริง และก็มีพฤติการณ์ที่ดีขึ้น เอาใจใส่ครอบครัวมากขึ้น มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น มติ ให้เพิ่มโทษจากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560
๙ รายที่ 1-055/2561 ชื่อ นางเดือน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง จดทะเบียนสมรสซ้อนกับนายหมื่น และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับความเป็นครู โดยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายหมื่น ซึ่งเป็นสามีตามกฎหมายของนางปี ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางเดือนได้จดทะเบียนสมรสซ้อนกับนายหมื่น ซึ่งมีนางปีเป็นภรรยาโดยชอบ ด้วยกฎหมาย เนื่องจากนายหมื่นนำทะเบียนหย่ามาแสดงให้นางเดือนดู ทำให้นางเดือนเชื่อโดยสนิทใจว่า นายหมื่นได้หย่าขาดกับนางปีแล้ว จึงตกลงใจจดทะเบียนสมรสกับนายหมื่น โดยมิได้รู้ข้อเท็จจริงว่านายหมื่น ได้จดทะเบียนสมรสกับนางปีอีกครั้ง ก่อนที่จะจดทะเบียนสมรสกับนางเดือน หลังจากนั้นนางเดือน กับนายหมื่นมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาจนตั้งครรภ์ และแท้งลูกในเวลาต่อมา ภายหลังเมื่อนางเดือน ทราบความจริงจึงได้หย่ากับนายหมื่น และไม่ปรากฏว่านายหมื่นและนางเดือนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว อีกต่อไป การที่นางเดือนหลงเชื่อนายหมื่นว่าหย่าขาดกับภรรยา โดยมิได้ไตร่ตรอง ตรวจสอบ ซักถามให้ได้ความจริง ที่แน่ชัดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่หลงผิดจดทะเบียนสมรสและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายหมื่น จนเกิดความเดือดร้อนเสียหายกับภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ ภาคทัณฑ์ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561
๑๐ รายที่ 1-141/2562 ชื่อนางสาวเพลง ตำแหน่งครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติกรรมฉันชู้สาวกับสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้อื่นและมี พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางสาวเพลงมีความสัมพันธ์ถึงขั้นได้เสียกับนายองอาจ จนมีบุตรด้วยกันถึง 2 คน ได้แก่ เด็กชายเอ และเด็กชายบีแต่จงใจปกปิดและเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงเพื่อที่จะให้ตนไม่ถูกดำเนินการ ทางวินัย โดยการจดทะเบียนสมรสกับนายโท จนกระทั่ง กศจ. มีมติให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการ สอบสวนเพิ่มเติม จึงได้ยอมรับว่าได้กระทำการปกปิดและเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงเพื่อที่จะให้ตนไม่ถูกดำเนินการ ทางวินัยและสงสารลูกกลัวมีปัญหาในภายหลัง มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษจากโทษลดเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษปลดออก ประชุมครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562
๑๑ รายที่ 1-165/2562 ชื่อนางสาวแสบ ตำแหน่งครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง ได้ติดต่อคบหากับนายธนิต สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของ ร.ต.ท. หญิง ในลักษณะชู้สาวมาตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2555 จนกระทั่งปัจจุบัน โดยมีการนัดหมายพบกันทั้งที่โรงแรม บ้านพักครูและที่อื่น ๆ รวมถึงแสดงออกต่อบุคคลอื่น ๆ ในลักษณะทำนองว่า นางสาวแสบกับนายธนิต เป็นสามี ภรรยาซึ่งนางสาวแสบทราบอยู่แล้วว่า นายธนิตมีร.ต.ท. หญิง เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายและมีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นเหตุให้ ร.ต.ท. หญิงต้องพาบุตรทั้งสองคนไปอาศัยอยู่บ้านของบิดาและได้ทำการบันทึกตกลงว่าจะหย่ากับ นายธนิต ข้อเท็จจริงได้ความว่า ข้อเท็จจริงปรากฏหลักฐานจากทางการสอบสวนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นางสาวแสบมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับนายธนิต เกินสมควรโดยได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นจำนวน หลายครั้งและได้นัดพบกันบ่อยครั้งทั้งกลางวันและกลางคืนในเชิงลอบรักสมัครสังวาสดังคู่รัก (ชู้) และปรากฏตามพยานเอกสารสำเนาบันทึกจะหย่า ฉบับลงวันที่ 8 มกราคม 2558 ระหว่างนายธนิต กับ ร.ต.ท. หญิง เป็นผลทำให้ครอบครัวของผู้ร้องผู้เป็นภริยาเดือดร้อน ครอบครัวแตกแยก แม้ยังไม่ จดทะเบียนหย่า แต่แยกกันอยู่และมีบันทึกจะหย่าก็ตาม มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้ เสื่อมเสียเป็นการกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน มติ เพิ่มโทษเป็นปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 9/2562 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562
๑๒ รายที่ 1-056/2561 และรายที่ 1-057/2561 ชื่อ นายมา ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ พิเศษ และนางนี ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวจนเป็นเหตุให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายมามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วคือนางเอ แต่กลับไปมี ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนางนีซึ่งมีครอบครัวอยู่แล้วและมีบุตร ๑ คน โดยมีเพื่อนข้าราชการครูได้บอกว่า เห็นนางนีสนิทสนมกับนายมาเกินสมควร เดินทางไปกลับบ้าน รับประทานอาหารพร้อมกัน และเวลาไปศึกษา ดูงานต่างจังหวัดก็จะพักนอนห้องเดียวกันเป็นประจำและพยานที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ให้การว่านายมากับนางนี เป็นสามีภรรยากัน ซึ่งที่ผ่านมานายมาได้ขอเงินนางเอ (ภรรยา) บอกว่าจะไปซ่อมเครื่องมือเกษตร แต่กลับ นำไปให้นางนีเพื่อช่วยให้หลานไม่ถูกเกณฑ์ทหาร ต่อมาเมื่อนางเอทราบเรื่องจึงเดินทางไปดูด้วยตนเองที่บ้าน ของนางนีในช่วงเช้า ซึ่งพบว่านายมากำลังล้างรถอยู่พร้อมกับนางนี นายอุดมสามีของนางนีได้ทราบถึง พฤติกรรมของบุคคลทั้งสอง นางนีบอกว่าจะให้เงินเป็นค่าตอบแทน และบอกให้นายอุดมหย่าให้ ส่วนนายมา กับนางเอก็ได้ทะเลาะกัน และนายมาก็ได้เรียกเงินจากนางเอเป็นจำนวน ๑ ล้านบาท เพื่อที่จะหย่าให้ นางเอ ขณะนั้นเป็นโรคไต ซึ่งไม่เคยได้รับการดูแลจากนายมาเลย และตอนที่ทะเลาะกัน นายมาก็ทำร้ายร่างกาย นางเอซึ่งเพิ่งทำการผ่าตัดมะเร็งผิวหนังที่ศรีษะ นายมาขอหย่าโดยเรียกเงิน จำนวน ๑ ล้านบาท แต่นางเอ ไม่ตกลง นายมาจึงออกจากบ้านและไม่กลับมาอีกเลย นางเอได้ขอเงินค่าเลี้ยงดูบุตร ๒ คน เป็นจำนวน ๑ หมื่นบาทต่อเดือน นายมาให้บ้างมากบ้างน้อยบ้าง แต่ในขณะเดียวกันนายมาได้ซื้อรถใหม่ ๒ คัน มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี การกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น ทั้งสองราย มติ เพิ่มโทษ เป็นปลดออกทั้งสองราย ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563
๑๓ รายที่ 1-270/2562 สืบเนื่องในคราวประชุม อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ ครั้งที่ 12/2564 เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายฉัตร ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยการอาชีพ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทางชู้สาวกับนางสาวพลอย ทั้งที่ตนมีภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายฉัตรซึ่งมีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ได้ไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ถึงขั้นประพฤติผิดประเวณี กับนางสาวพลอยโดยนางสาวพลอยได้ให้ถ้อยคำว่า ตนได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศในครั้งแรก เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 โดยที่ตนไม่ได้ยินยอม และยังถูกข่มขู่ว่า ถ้านำเรื่องนี้ไปบอกให้ใครรู้ จะประจานให้อับอาย จนไม่สามารถทำงานในวิทยาลัยการอาชีพต่อไปได้ ตนเกิดความกลัวจึงไม่กล้า ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวแก่ผู้บังคับบัญชาและไม่กล้าแจ้งความ แต่ในหนังสือร้องเรียนของนางสาวพลอย กลับมีข้อความที่เขียนว่า “ตลอดระยะเวลาที่คบหากับนายฉัตร นั้น ถ้ามีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการ ต่างจังหวัด นายฉัตร ก็จะพาดิฉันเดินทางไปด้วยตลอด (ถ้าตรงกับวันหยุดราชการ) และในระหว่างนั้น นายฉัตร ก็พาดิฉันไปที่บ้านมารดาของตนและได้ให้ความหวังกับดิฉันว่า ขอเวลาเคลียร์กับนางสอง ซึ่งเป็น ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเวลา 6 เดือนดิฉันก็รับปากว่าจะรอ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือน นายฉัตร ก็มาบอกกับดิฉันว่า เขาไม่สามารถทำตามคำพูดอย่างที่รับปากกับดิฉันได้ เนื่องจากนางสอง ไม่ยินยอม” จากข้อความดังกล่าวจึงเชื่อไม่ได้ว่า นางสาวพลอย นั้นถูกนายฉัตร ล่วงละเมิดทางเพศโดยการ บังคับหรือข่มขู่ แต่แสดงให้เห็นว่า นางสาวพลอย นั้น ยินยอมมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายฉัตร โดยสมัครใจ มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษ จากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564
๑๔ 2. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศเด็กนักเรียน กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ ๑-๐๕๘/๒๕๕๗ ชื่อ นายดำ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ปรากฏคลิปภาพนายดำซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยอยู่กับเด็กหญิง ในสถานที่ไม่สมควร โดยอยู่ในสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่า และมีการเล้าโลมกับเด็กหญิงในคลิปภาพ ในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของฝ่ายวิชาการ โรงเรียนซึ่งในขณะบันทึกภาพนั้นเด็กหญิงยังมีสภาพ เป็นนักเรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า พฤติกรรมของนายดำ แม้ยังไม่ปรากฏถึงขั้นได้มีการกระทำชำเราเด็กผู้หญิง ที่ปรากฏในคลิปภาพ แต่เด็กผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปภาพอยู่ร่วมกับนายดำมีลักษณะเปลือยเปล่าของร่างกาย และกระทำการกอดจูบลูบไล้กัน เป็นการล่วงละเมิดทางเพศผู้เรียนหรือนักศึกษาแล้ว แม้ผู้ปกครองของฝ่าย เด็กผู้หญิงไม่เอาความ ก็เป็นเรื่องของคดีส่วนแพ่งและอาญา พฤติการณ์เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มาตรา มาตรา ๙๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี ความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศต่อผู้เรียน โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
๑๕ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-058/2557 ชื่อ นายเขียว ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ปรากฏคลิปภาพของนายเขียว มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยอยู่กับเด็กหญิง ในสถานที่ไม่สมควร ซึ่งอยู่ในสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าและมีการเล้าโลมกับเด็กหญิงในคลิปภาพ ในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของฝ่ายวิชาการโรงเรียน ซึ่งในขณะบันทึกภาพนั้นเด็กหญิงยังมีสภาพ เป็นนักเรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า เด็กหญิงที่ปรากฏในคลิปภาพอยู่ร่วมกับนายเขียวมีลักษณะเปลือยเปล่า ของร่างกายและได้มีการกระทำการกอดจูบลูบไล้กัน แม้ยังไม่ถึงขั้นกระทำชำเรา แต่เป็นการล่วงละเมิด ทางเพศผู้เรียนหรือนักศึกษาแล้ว แม้ผู้ปกครองของฝ่ายเด็กหญิงไม่เอาความ ก็เป็นเรื่องของคดีส่วนแพ่ง และอาญา มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 5/2557 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
๑๖ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ ๑-๐๖๔/๒๕๕๗ ชื่อ นางสมบัติ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง วางแผนให้เด็กหญิงกมล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ไปนอนค้างที่บ้าน ของนางสมบัติ แล้วให้เด็กนักเรียนหญิงอยู่บ้านตามลำพัง โดยสั่งห้ามไม่ให้เด็กหญิงกมลเปิดไฟห้ามล๊อค ประตูบ้านและประตูห้องนอน เพื่อให้ความสะดวกแก่คนร้ายที่ร่วมกันวางแผนกันมาก่อนเข้าไปข่มขืน กระทำชำเรานักเรียนหญิงในวันที่ ๗ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๐ นางสมบัติ ไปหาเด็กหญิงกมลที่บ้านพักและชวน นอนค้างที่บ้าน เมื่อไปถึงนางสมบัติให้เด็กหญิงกมลรับประทานอาหารส่วนนางสมบัติออกไปงานเลี้ยงข้างนอก โดยบอกเด็กหญิงกมลว่าให้ไปนอนในห้องของบุตรของนางสมบัติและสั่งห้ามไม่ให้เปิดไฟ ไม่ให้ล๊อคประตู บ้านและประตูห้องนอน ซึ่งเด็กหญิงกมลก็ปฏิบัติตาม เมื่อเด็กหญิงกมลนอนหลับมีชายเข้ามาในห้อง แล้วข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงกมลแล้วออกจากห้องไป เด็กหญิงกมลก็นอนหลับและกลับบ้าน ในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๐ นางสมบัติได้กระทำการแบบเดียวกันอีก คือชักชวนเด็กหญิงกมลให้ไปนอนที่บ้านของตน ส่วนตนจะออกไปข้างนอก โดยบอกให้เด็กหญิงกมลเข้าไปนอนในห้อง ไม่ให้เปิดไฟ ไม่ให้ล๊อคประตูบ้าน และห้องนอนเมื่อนอนหลับก็มีชายคนเดิมเข้ามาในห้องและข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงกมล วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๐นางสมบัติไปชวนให้เด็กหญิงกมลไปนอนที่บ้านอีก แต่เด็กหญิงกมลไม่ได้ไป โดยที่บ้าน นางสมบัติเลี้ยงสุนัขไว้ ๒-๓ ตัว สุนัขดุ หากมีคนแปลกหน้าเข้ามาสุนัขจะเห่าและกัด แต่คนที่เข้ามาข่มขืน กระทำชำเราเด็กหญิงกมลสุนัขไม่เห่า จึงเชื่อว่าคนที่เข้ามาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงกมลเป็นคนในบ้าน ของนางสมบัติส่วนเหตุที่เด็กหญิงกมลมานอนที่บ้านนางสมบัติเพราะนางสมบัติเคยนำเสื้อผ้าและอุปกรณ์ การเรียนมาให้ และให้พ่อแม่เด็กหญิงกมลไปช่วยทำงานบ้าน พ่อแม่เด็กหญิงกมลจึงยอมให้เด็กหญิงกมล มานอนที่บ้านนางสมบัติ วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ นางสมใจ ครูประจำชั้นเห็นความผิดปกติของท้อง เด็กหญิงกมล จึงพาไปตรวจร่างกาย ปรากฏว่าเด็กหญิงกมลท้อง 4 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ศาลมีคำพิพากษาว่า มีความผิด ให้ลงโทษจำคุก ๑๐ ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาว่านางสมบัติให้ความสะดวกแก่คนร้าย ที่ร่วมกันวางแผนกันมาก่อนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงกมลในวันที่ ๘-๙ มีนาคม ๒๕๕๐ อันเป็นการ กระทำเพื่อสนองความใคร่ ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงอายุไม่เกิน สิบห้าปี พิพากษายืนตามคำพิพากษาชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก ๑๐ ปี มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและกรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ไล่ออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 5/2557 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
๑๗ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-085/2557 ชื่อ นายพันธ์ภูภาตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง จับอวัยวะเพศของเด็กหญิงน้ำฟ้า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เป็นการล่วงละเมิด ทางเพศต่อผู้เรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายพันธ์ภูภา ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนในช่วง ก่อนปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษา ๒๕๕๕ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลาใกล้เลิกเรียน เด็กนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนทุ่งไม้เรียว จำนวน ๖ คน ได้เข้าไปเรียนการใช้แท็ปเล็ตกับนายพันธ์ภูภา ที่ห้องเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ซึ่งนายพันธ์ภูภาเป็นครูประจำชั้น ขณะที่นายพันธ์ภูภากำลังสอนการใช้แท็ปเล็ตอยู่นั้น ได้เอื้อมมือขวามาจับบริเวณอวัยวะเพศของเด็กหญิงน้ำฟ้า และบีบเบา ๆ เป็นการกระทำละเมิดในทางเพศ ต่อเด็กหญิงน้ำฟ้า มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กรณีกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแล รับผิดชอบของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ เพิ่มโทษจากโทษปลดออกจากราชการเป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 6/2557 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557
๑๘ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ ๑-๐๙๔/๒๕๕๗ ชื่อ นายชื่น ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำ ความผิดวินัยในเรื่อง กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียน โดยการข่มขืนกระทำชำเรา ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นายชื่น ได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวภัทร ซึ่งเป็นนักเรียน ที่บ้านพักและมีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้เพื่อข่มขู่ให้นางสาวภัทร มาหาเพื่อทำการข่มขืนกระทำชำเราอีก หลังจากนั้นนายชื่นก็ได้ใช้คลิปวีดีโอข่มขู่และข่มขืนกระทำชำเรา นางสาวภัทรอีกหลายครั้ง จนนางสาวภัทรทนไม่ไหวจึงบอกกล่าวให้ผู้ปกครองทราบ และไปแจ้งความ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งต่อมานายชื่นได้ถูกฟ้องคดีอาญาต่อศาล ในข้อหาข่มขืน กระทำชำเรา และความผิดต่อเสรีภาพ และศาลได้มีคำพิพากษาว่านายชื่นกระทำผิดอาญา ฐานพรากผู้เยาว์ อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ วรรคสาม รวม ๒ กระทง จำคุกกระทงละ ๖ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยให้การ รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทง ละ ๓ ปี และปรับกระทงละ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมลงโทษทุกกระทงเป็นจำคุก ๖ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท แต่เนื่องจากนายชื่นให้การรับสารภาพ และไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับมารดาของนางสาวภัทร และนางสาวภัทรได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายจากนายชื่นจนเป็นที่พอใจ โดยไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและถอน คำร้องทุกข์ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด ๒ ปี แต่ให้คุม ความประพฤตินายชื่นโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ จำนวน ๔ ครั้ง ภายในกำหนด ๑ ปี กับให้ร่วมทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา ๑๒ ชั่วโมง มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ เพิ่มโทษ จากโทษปลดออกจากราชการ เป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗
๑๙ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-221/2558 ชื่อ นายสันติตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ใช้คำพูดไม่เหมาะสมด้วยคำพูดหยาบคายและส่อไปทางลามกอนาจาร และถูกเนื้อต้องตัวเด็กนักเรียนหญิง ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายสันติใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อช่วยสอนเสริมในวิชาสังคมศึกษา มีนักเรียนเข้าเป็นสมาชิกทางเฟซบุ๊กหลายคน แต่กลับใช้เฟซบุ๊กไปในทางไม่เหมาะสมด้วยการสนทนา กับนักเรียนหญิงชั้น ม.๕ ในเวลากลางคืน เวลา ๒๐.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. เป็นประจำ โดยใช้คำพูดในเชิงเกี้ยว ของผู้ชายกับผู้หญิงที่ตนรักและชื่นชอบ แสดงถึงความเจ้าชู้ส่อไปในทางล่วงละเมิดด้วยวาจากับศิษย์ เช่น คำว่า “เจ้าเขี้ยว” “ยายเขี้ยว” “กัดคอเบา ๆ” เป็นประจำ จนกระทั่งผู้ปกครองนักเรียนได้พบเห็น เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจพฤติกรรมของครูคนดังกล่าว และมักใช้คำพูดลามก คำพูดเสียดสีและพูดสองแง่สองง่ามส่อไปในทางเพศกับนักเรียนหญิงเป็นประจำ พูดติดปาก และเป็นนิสัย ที่ไม่ดีเช่น “กระดุมเสื้อติดเสียด้วยแบนเหมือนไม้กระดานยังจะโชว์” “ไม้กระดานเจาะรูไม่มีอะไรเลย” “หอยจุ๊บแจงแดง ๆ ดูดดังจ๊วบ ๆ” “คารูบาน” เธอเคยกินไข่มั๊ย” “หอยเธอสีอะไร” “ของฉันใหญ่” เป็นต้น ขณะสอนนักเรียนมักพูดคำหยาบไม่เหมาะสมกับนักเรียนในห้องเรียน เช่น คำว่า “เด็กเปรต” “ไอ้เด็กเวร” เป็นต้น และในวันเปิดเรียนเมื่อพบตัวนักเรียนหญิง ชั้น ม.๕ จะเรียกไปพบจะพูดจาหยอกล้อ จับไหล่ และลูบศีรษะนักเรียนหญิงเป็นประจำ บางครั้งยังใช้คำพูดไม่เหมาะสม เช่น “เธอทาแป้งอะไรทำไม หอมจังครูขอหอมได้ไหม”เป็นต้น มาตรา 94วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ ตัดเงินเดือน ๕% เป็นเวลา ๑ เดือน มติ รับทราบ และให้ติดตามความประพฤติเป็นเวลา ๑ ปี ประชุมครั้งที่ 11/2558 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2558
๒๐ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-123/2558 ชื่อ นายอั๋น ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันที่ 23 ธันวาคม 2555 ก่อนที่ครูเวรจะให้สัญญาณเรียกนักเรียน เข้าอบรมสวดมนต์ไหว้พระก่อนโรงเรียนเลิก ได้เรียกผู้เสียหายขึ้นไปพบที่ห้องศิลปะซึ่งนายอั๋นใช้เป็นห้อง สอนประจำวิชาศิลปะ เมื่อผู้เสียหายขึ้นไปพบ นายอั๋นได้ใช้กำลังฉุดผู้เสียหายไปที่หน้าตู้เก็บเอกสารซึ่งเปิดประตู บังสายตาคนอื่นไว้ ทำการกอด จูบ จับนม จับอวัยวะเพศ ใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย หลังจากนั้นได้รูดซิปกางเกงแล้วเอาอวัยวะเพศสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย แล้วกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แต่ยังไม่สำเร็จความใคร่ เนื่องจากครูเวรได้กดกริ่งให้สัญญาณเรียกร่วมทำกิจกรรมก่อนเลิกเรียน ประจำวันเสียก่อน นายอั๋นจึงปล่อยผู้เสียหายกลับไปรวมกลุ่มกับนักเรียน มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูและรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ยุติเรื่อง มติ ไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2559
๒๑ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-82/2560ชื่อ นายเบนท์ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการ ชำนาญการพิเศษ สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กระทำผิดวินัยในเรื่อง และล่วงละเมิดทางเพศลูกจ้างชั่วคราว ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเบนท์ได้พานางสาวแอสตันซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวไปเปิดห้องพักที่โรงแรม และใช้กำลังปลุกปล้ำนางสาวแอสตันใช้นิ้วแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศ และพยายามสอดใส่อวัยวะเพศของตนเอง แต่ไม่สามารถสอดใส่ได้ เนื่องจากอวัยวะเพศไม่แข็งตัว จนนางสาวแอสตันดิ้นรนรอมาได้และเข้าแจ้งความ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. ผลตรวจร่างกายพบว่า เยื่อพรหมจารีฉีกขาดแต่ไม่มีเลือดออก และพนักงานอัยการจังหวัดยื่นฟ้องนายเบนท์แต่มีการไกล่เกลี่ย ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน นางสาวแอสตันจึงได้ถอนคำร้องทุกข์ ศาลจึงจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ มาตรา มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น มติ ให้เพิ่มโทษจากโทษลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น เป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ ๓/2560 เมื่อวันที่ 2๑ เมษายน 2560
๒๒ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-235/2562 ชื่อนายอิ่ม ตำแหน่งครูชำนาญการสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารนางสาวบิว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยการกอด หอม แก้ม จูบปาก และใช้มือล้วงเข้าไปจับหน้าอก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 14.30 น. ที่ห้องทำงานของนายอิ่ม ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 14.30 น. นายอิ่มได้เรียกนางสาวบิว เข้าไปพบเพื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัว เสร็จแล้วนางสาวบิวก็ออกไปพบเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงม้าหินหน้าโรงอาหาร แล้วพาไปที่เวทีมวย โดยมีนายอิ่มขี่จักรยานตามไปที่เวทีมวย โดยนายอิ่มได้วานใช้ให้นางสาวบิวเอาน้ำอุ่นไปให้ดื่ม และนำไปเก็บไว้ที่เดิม จากนั้นนางสาวบิวได้เข้าไปดื่มน้ำในห้องทำงานของนายอิ่มแล้วได้เรียกให้นางสาวบิว เข้าไปพบนายอิ่มในห้องทำงาน ซึ่งในห้องนั้นมีนายเวทย์และนักเรียนชายได้มาพูดคุยกับนายอิ่มในเรื่องการส่งนักมวย ไปแข่งขันและชั่งน้ำหนัก เมื่อนางสาวบิวได้มาถึงห้องทำงานของนายอิ่ม นางสาวบิวได้มอบกล้องถ่ายรูป ให้นายอิ่ม จากนั้นนายอิ่มได้ปิดประตูห้องทำงานและลงกลอนประตูแล้วทำการกอด หอมแก้ม แต่นางสาวบิวขัดขืน จากนั้นนางสาวบิว ได้ลุกเดินออกจากห้อง และนายอิ่มได้ลุกขึ้นมากอด หอมแก้ม จูบปาก แล้วใช้มือจับหน้าอก ด้านนอกแล้วล้วงเข้าไปจับด้านใน จนกระทั่งเพื่อนของนางสาวบิวได้มาเคาะประตูเรียกให้นางสาวบิวไปเรียน จึงได้กลับเข้าไปแต่งตัวอีกครั้ง เนื่องจากชุดชั้นในหลุด จากนั้นนายอิ่มได้กอด จูบปาก และจับหน้าอกอีกครั้ง นางสาวบิวจึงได้ดันนายอิ่มออกไป ยัดเสื้อผ้าและวิ่งออกไปหาเพื่อน มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้นเป็นปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 7/2560 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2560
๒๓ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-267/2560 ชื่อ นายเดช ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิง ในเวลาหลังเลิกเรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายเดชได้กอดจูบเด็กหญิงนุ่น และได้ส่งข้อความในลักษณะเกี้ยวพาราสี ทั้งส่งรูปอวัยวะเพศของตนให้เด็กหญิงนุ่นดู มาตรา 94 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลและรับผิดชอบของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560
๒๔ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ ๑-025/๒๕61 ชื่อ นายวิทย์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำการลวนลามเด็กหญิงน้ำ นักเรียนในปกครองของตนจนเป็นเหตุให้ เด็กหญิงน้ำไม่อยากไปโรงเรียน ข้อเท็จจริงได้ความว่า วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 นายวิทย์ให้นักเรียนออกไปอ่านหนังสือหน้าห้อง ทีละคน เมื่ออ่านแล้วออกไปข้างนอกห้องลงไปชั้นล่าง เด็กหญิงน้ำอ่านเป็นคนสุดท้ายขณะนั้นไม่มีนักเรียน อยู่ในห้อง นายวิทย์ใช้มือล้วงเข้าไปในกระโปรงนักเรียนของเด็กหญิงน้ำ แล้วใช้นิ้วมือสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ แล้วดึงเข้าออก และจับหน้าอกบีบหน้าอกอย่างแรง เด็กหญิงน้ำรู้สึกเจ็บจึงรีบหนีลงไปชั้นล่าง โดยนายวิทย์ ให้เงินเด็กหญิงน้ำ 10 บาท ต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน 2556 ช่วงเช้า เด็กหญิงน้ำเรียนอยู่ที่ห้องชั้น ป.5 นายวิทย์ให้นักเรียนออกไปอ่านหนังสือที่หน้าห้องทีละคนเมื่ออ่านเสร็จให้ออกไปข้างนอกห้องลงไปชั้นล่าง นายวิทย์ใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็กหญิงน้ำแล้วดึงออกและจับหน้าอกของเด็กหญิงน้ำอย่างแรง แล้วนายวิทย์ให้เงินเด็กหญิงน้ำ 9 บาท ซึ่งในวันที่ 5 มิถุนายน 2556 เด็กหญิงน้ำได้นำเรื่อง บอกกับนางแพนเค้กมารดา โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นางแพนเค้กฟัง วันรุ่งขึ้นได้พาเด็กหญิงน้ำไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาล นายวิทย์โทรศัพท์หาพยาบาลที่นายวิทย์รู้จักไม่ให้ตรวจร่างกายเด็กหญิงน้ำ เพราะอยากให้มีการ คุยกันก่อน นายวิทย์ยอมรับว่าได้กระทำผิดต่อเด็กหญิงน้ำจริง และเสนอชดใช้เงิน 50,000 บาท โดยนางแพนเค้ก ยอมรับเงินดังกล่าวมีการบันทึกข้อตกลงไว้เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556 แพทย์ผู้ตรวจร่างกายให้ความเห็นว่า น่าจะมีการร่วมประเวณีในส่วนคดีศาลจังหวัด พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค มีคำพิพากษาว่าจำเลย มีความผิดผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานกระทำชำเราซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุด ในการนำสืบของจำเลย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างทั้งจำเลยบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายให้แก่มารดาของผู้เสียหายมีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 13 ปี4 เดือน มาตรา 94 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกรณีกระทำการล่วงละเมิด ทางเพศต่อผู้เรียน ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ ให้เพิ่มโทษจากโทษปลดออกจากราชการเป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561
๒๕ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-026/2561 ชื่อ นายมิ่ง ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง นัดพบกับเด็กหญิงรัตน์ ที่ใต้ถุนอาคารเรียนและที่พักของนายมิ่ง ซึ่งโดยทั้งสองคน ได้กอดจูบลูบคลำกัน เหตุเกิดที่โรงเรียนทั้งกลางวันและกลางคืน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายมิ่งมีพฤติกรรมแอบติดต่อทางไลน์กับเด็กหญิงรัตน์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยมีข้อความติดต่อกันเหมือนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง เช่น ข้อความจากนายมิ่ง “ว่าเมียบ้า หรือเมียกู” นายมิ่งและเด็กหญิงรัตน์มีการนัดกันสี่ครั้ง ที่ใต้ถุนอาคารเรียนและที่พักของนายมิ่ง โดยทั้งสองคนได้กอดจูบลูบคลำ และมีร่องรอยการใช้ปากดูดที่ซอกคอของนายมิ่ง มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแล โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561
๒๖ (ล่วงละเมิดทางเพศด้วยวาจา) รายที่ 1-050/2561 ชื่อ นายพัน ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน พื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ใช้คำพูดไม่เหมาะสมและใช้มือจับแตะต้องตัวเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายพันได้เรียกเด็กหญิงสร้อยให้ออกมาหน้าห้องเรียนเพื่อพูดคุยสอบถาม เรื่องต่างๆ ทั่วไป และได้พูดกับเด็กหญิงสร้อยว่า “เป็นสาวตอนอายุเท่าไร มีประจำเดือนตอนอายุเท่าไร มีหน้าอกตอนอายุเท่าไร ประมาณไหน มีขนขึ้นในที่ลับตอนอายุเท่าไร ขึ้นเยอะไหม” ทั้งนายพันได้เคยแตะเนื้อต้องตัว ของเด็กหญิงสร้อยด้วย ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้เด็กหญิงสร้อยยิ่งเกิดความหวาดกลัว จนทำให้ ไม่มีสมาธิในการเรียน ทั้งเด็กหญิงสร้อยเคยเล่าให้ผู้ปกครอง (ยาย) ทราบ ประกอบกับในขณะที่เกิดเหตุ ได้มีนักเรียนให้การยืนยันว่า นายพันได้เข้ามาพูดคุยด้วยคำพูดแบบนั้นกับเด็กหญิงสร้อยจริง มาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำ การอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ งดโทษภาคทัณฑ์โดยให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร มติ ให้ลงโทษตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 1 เดือน ประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561
๒๗ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-066/2561 ชื่อ นายมงคล ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำความผิดอาญาในเรื่อง อนาจารและความผิดต่อพระราชบัญญัติ คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 3 ปี ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายมงคลมีพฤติกรรมกระทำอนาจารเด็กนักเรียน ความทราบถึงผู้ปกครอง จึงเข้าร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานต่างๆ จนนำไปสู่การดำเนินคดีอาญา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา นายมงคลมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 การกระทำเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จำคุก 3 ปี มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โทษ ไล่ออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561
๒๘ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-112/2561 ชื่อ สิบเอกพิมาย ตำแหน่งครูวิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรานักเรียนหญิง ซึ่งเป็นศิษย์ในความดูแล ข้อเท็จจริงได้ความว่า สิบเอกพิมายมักจะให้นักเรียนมานั่งตักบ้าง หอมแก้มบ้าง ทั้งเด็กนักเรียน เห็นสิบเอกพิมาย เรียกให้เด็กหญิงกุ้งและเด็กหญิงปลา ไปพบเป็นประจำและเคยเห็นสิบเอกพิมายถอดกางเกง แล้วสักพักเด็กหญิงกุ้งออกมาในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยประกอบกับสิบเอกพิมาย เคยให้อมอวัยวะเพศด้วย และมีพยานอื่นเคยถูกสิบเอกพิมาย ขอหอมอวัยวะเพศ ดูดซอกคอ และในส่วนเด็กนักเรียนผู้ชายก็ให้ใช้มือจับ อวัยวะเพศ อีกทั้งเด็กหญิงปลาก็เคยถูกสิบเอกพิมายสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปได้เพียงเล็กน้อยและใช้อะไรไม่รู้ ทาที่อวัยวะเพศของตนเอง ซึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นสารหล่อลื่นซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะไม่เกิดการฉีกขาดของ อวัยวะเพศก็มีมาก มาตรา 94 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำการอันได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกรณีล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียน โทษ ปลดออกจากราชการ มติ ให้เพิ่มโทษจากโทษปลดออกจากราชการ เป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 7/2561 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2561
๒๙ กรณีความผิดเกี่ยวกับเพศและการอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-037/2562 ชื่อ นายเด่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่ออนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงกระทำชำเรา เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กอยู่ในภาวะ ไม่สามารถขัดขืนได้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ช่วงเกิดเหตุเด็กหญิงมานี มีอายุ 8 ปี ก่อนวันเกิดเหตุนายเด่นได้ชักชวนเด็กหญิง มานีเข้าร่วมแข่งขันศิลปะที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และฝากใบสมัครไปให้กับนางสาวแดงมารดาเด็กหญิงมานี ซึ่งความจริงแล้วไม่มีโครงการเข้าค่ายศิลปะดังกล่าวแต่อย่างใด ในวันที่ 23 มีนาคม 2558 นายเด่นพาเด็กหญิงมานี เข้าพักห้องเดียวกันในสถานที่ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องนอนโดยไม่ทราบว่าเป็นสถานที่ใด หลังจากเด็กหญิงมานี อาบน้ำเสร็จแล้วได้เผลอหลับไป นายเด่นได้ถอดกางเกงเด็กหญิงมานีออกแล้วใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปใน อวัยวะเพศมานี ชักเข้าออกหลายครั้ง เด็กหญิงมานีรู้สึกเจ็บและร้องไห้ แต่ไม่กล้าขัดขืนจนรู้สึกว่ามีน้ำเหนียว ๆ อยู่ที่อวัยวะเพศและบนท้องของตน ในวันรุ่งขึ้นนายเด่นพาเด็กหญิงมานีไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสงขลา โดยซื้อเสื้อผ้า กางเกง รองเท้า และอุปกรณ์วาดรูป แล้วบอกให้เด็กหญิงมานีไปบอกกับมารดา ว่า อุปกรณ์วาดรูปดังกล่าวโครงการศิลปะเป็นผู้แจกให้ แล้วพาเด็กหญิงมานีไปว่ายน้ำ เมื่อถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พักแห่งใหม่ นายเด่นให้เด็กหญิงมานี กินยาแก้เมารถจนรู้สึกง่วงและหลับไป เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เด็กหญิงมานีพบว่ากางเกงถูกถอดออกมีน้ำเหนียว ๆ อยู่บนท้อง และรู้สึกเจ็บอวัยวะเพศ แล้วนายเด่นได้ส่ง เด็กหญิงมานีกลับถึงบ้านวันที่ 25 มีนาคม 2558 เวลาประมาณ 14 นาฬิกา จากผลการตรวจร่างกายผล ปรากฏว่า เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด จึงเชื่อว่าเด็กหญิงมานีผ่านการร่วมประเวณีมาแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษนายเด่น ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน สิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร รวมจำคุก 12 ปี 9 เดือน ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับคดีไว้พิจารณา คดีจึงถึงที่สุด มาตรา 94 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ไล่ออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562
๓๐ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-043/2562 ชื่อ นายรุ่งโรจน์ตำแหน่งผู้อำนวยสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการชำนาญการ พิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารเด็กนักเรียนที่อยู่ในความปกครองของตน ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายรุ่งโรจน์กระทำอนาจารเด็กหญิงกานดาและเด็กหญิงดาวเด่น โดยการ เรียกไปติววิชาคณิตศาสตร์ แล้วมีการกอด จูบ จับหน้าอก และใช้มือแหย่อวัยวะเพศของเด็กนักเรียน จนเป็นเหตุให้มีการแจ้งความและดำเนินคดีตามกฎหมาย มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน มติ เพิ่มโทษจากโทษตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน เป็นโทษไล่ออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562
๓๑ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-103/2562 ชื่อ นายธนบัตรตำแหน่งผู้อำนวยสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกความผิดฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจาร และความผิดฐานค้ามนุษย์ และไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จนถึงปัจจุบัน ข้อเท็จจริงได้ความว่า ประเด็นที่ 1 นายธนบัตรถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกรวมจำคุก 11 ปี ฐานพรากเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจาร และความผิดฐานค้ามนุษย์ กรณีดังกล่าวต้องด้วยกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. 2549 ข้อ 2 (1) ประเด็นที่ 2 นายธนบัตรไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนว่านายธนบัตร ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เรื่อยมาจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 นายธนบัตรได้มารายงานตัว กับผู้บังคับบัญชา และชี้แจงเหตุผลที่ขาดราชการว่า ตนได้รับทราบคำพิพากษาศาลฎีกาจากทนายความว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คือ จำคุก 11 ปี เมื่อทราบข่าวจึงตกใจเกิดการป่วย แน่นหน้าอก และไปรักษาตัวที่คลินิกแห่งหนึ่ง เมื่ออาการดีขึ้นจึงกลับมาชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาด้วยวาจา และได้ลงชื่อ ในบัญชีลงเวลาการปฏิบัติราชการ แต่ไม่ได้อยู่ปฏิบัติราชการแต่อย่างใด และไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการอีกเลย จนถึงปัจจุบัน สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่านายธนบัตร ไม่ได้ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังนายธนบัตร (จำเลย) และสั่งออกหมายจับนายธนบัตรในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 เมื่อปรากฏว่านายธนบัตร ได้หลบหนีหมายจับตามคำสั่งศาลทำให้คณะกรรมการสอบสวน ไม่อาจติดต่อบุคคลดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงส่ง สว. 3 ลงทะเบียนตอบรับ ณ ที่อยู่ ซึ่งปรากฏตามหลักฐานของ ทางราชการ มาตรา 87 วรรคสอง และ94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ไล่ออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562
๓๒ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-120/2562 ชื่อนายเปียว ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติกรรมล่วงเกินทางเพศนักเรียน โดยการจับมือเพื่อขอดูลายมือ จับแขนและพยายามโอบกอดนักเรียนหลายคน หลายครั้ง ข้อเท็จจริงได้ความว่า พยานซึ่งเป็นนักเรียนหญิงที่เข้าไปเสิร์ฟน้ำ ชงกาแฟ หรือนำอาหารเข้าไปส่ง ให้แก่นายเปียวและมักจะถูกนายเปียวเรียกให้บีบนวดบริเวณหัวไหล่ ต้นขา และขาทั้ง 2 ข้าง และขอจับมือนักเรียน โดยบอกว่าจะดูลายมือให้ ทั้งมีนักเรียนหญิงบางคนที่ถูกนายเปียวพยายามจะโอบกอดหรือพูดในทำนองว่าขอ กอดหน่อยนะ ตัวคงจะนิ่มมาก หรือขอหอมแก้มหน่อยนะ แล้วพูดว่า แก้มจะหอมเหมือนแก้มสาว ๆ หรือเปล่า ซึ่งจากถ้อยคำให้การของพยานดังกล่าว แม้จะรับฟังไม่ได้ว่านายเปียวมีเจตนากระทำการล่วงละเมิด ทางเพศต่อนักเรียนหญิง แต่พฤติการณ์ของนายเปียวที่เรียกให้นักเรียนหญิงมาบีบนวดตัว จับมือ หรือพยายามจะโอบกอด หอมแก้มนักเรียน ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่ครูพึงกระทำต่อศิษย์ทั้งที่มี ตำแหน่งเป็นผู้บริหาร มาตรา 88 วรรคหนึ่ง และ 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม และกรณีไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ ตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 7/2562 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562
๓๓ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-134/2562 ชื่อนายศรี ตำแหน่งครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติกรรมกระทำลวนลามเด็กนักเรียนหญิงในความปกครอง โดยใช้มือ จับบริเวณเอว เสื้อชั้นใน ใต้ราวนม ต้นขา จับหน้าอก ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายศรีได้ให้นางสาวเสมอไปที่ห้องสมุดเพื่อจะช่วยงานตัดต่อวีดีทัศน์และงานโรงเรียน โดยไปกับเพื่อนนักเรียนหญิง คือ นางสาวหมิวเมื่อเข้าในบริเวณห้องสมุดจะมีครูทิมนั่งทำงานอยู่โต๊ะด้านหน้า ขณะปฏิบัติงานนายศรีได้ใช้มือข้างซ้ายแตะที่เข็มขัดด้านหลังบริเวณบั้นเอว และใช้มือขวาจับที่ไหล่ด้านขวาบริเวณ สายเสื้อชั้นใน นางสาวเสมอจึงเบี่ยงตัวออกและขอตัวไปเข้าแถวกลับบ้าน ส่วนเพื่อนนักเรียนหญิงที่ไปด้วย ให้ถ้อยคำว่าไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไร ต่อมาวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 คาบเรียนที่ 5-6 ชั่วโมง เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ขณะที่นางสาวเสมอไปใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่โต๊ะทำงานของนายศรีเพื่อออกจาก เฟซบุ๊กที่คัดลอกข้อมูลภาพ นายศรีได้ใช้มือซ้ายจับที่ต้นขา มือขวาจับไหล่ จากนั้นก็จะใช้มือซ้ายจับที่ไหล่ และลงมาลูบที่ต้นขา ส่วนมือขวาจะเลื่อนลงจับใต้ราวนมด้านขวา ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 วิชาคอมพิวเตอร์นายศรีเดินมาด้านหลังนั่งลงข้างเก้าอี้แล้วใช้มือซ้ายโอบบั้นเอวใช้มือขวาจับใต้ราวนมด้านขวา สัมผัสด้านล่างของเต้านมเล็กน้อย นางสาวเสมอตกใจจึงรีบเดินหนีออกไป และเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 วิชาคอมพิวเตอร์ นายศรีเดินมาด้านหลังของนางสาวเสมอแล้วใช้มือซ้ายวางและจับขาซ้าย มือขวาโอบไหล่ขวา นางสาวเสมอจึงได้เรียกเพื่อนให้มานั่งใกล้ ๆ แต่ในขณะที่เพื่อนยังไม่มา นายศรีได้ใช้มือจับ หน้าอกจากทางด้านหลังทั้งสองมือพร้อมทั้งหอมต้นแขนด้านซ้ายและทำเสียงหัวเราะในลำคอ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้าง เท้าแขนของนางสาวเสมอและวางมือลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ เมื่อนางสาวติ๋มมานั่งใกล้จึงหยุดทำ มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาซึ่งเป็นศิษย์อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตน โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562
๓๔ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-207/2562 ชื่อนายอำนวย ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง ล่วงละเมิดทางเพศ นางสาวพิมพ์นักเรียนโรงเรียน ระหว่างวันที่ 21 – 23 เมษายน 2560 ณ รีสอร์ท เอ ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายอำนวยได้รับคำสั่งจากผู้อำนวยการโรงเรียนให้ไปควบคุมดูแลเด็กนักเรียน ไปแข่งขันกีฬาเปตองคัดเลือกไปโอลิมปิก ระหว่างวันที่ 22 – 24 เมษายน 2560 ณ สวนสาธารณะ อำเภอ เมือง มีนักกีฬาไปร่วมแข่งขัน รวม 6 คน เป็นนักเรียนชาย 3 คน นักเรียนหญิง 3 คน พักที่รีสอร์ท เอแยกกันพักเป็น 3 ห้อง ชาย 1 ห้อง หญิง 1 ห้อง และนายอำนวยพักคนเดียว 1 ห้อง ในคืนวันที่ 23 เมษายน 2560 นายอำนวย ชักชวนให้นักเรียนหญิง 3 คน ไปดื่มเบียร์ที่ห้องจนเมา นายอำนวยได้ล่วงละเมิดทางเพศนางสาวพิมพ์ โดยกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ต่อมานางแมวมารดานางสาวพิมพ์ทราบเรื่องจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่ออนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา โดยนายอำนวยได้ชดใช้เงิน ให้นางแมวเป็นเงิน 200,000 บาท และให้ค่าเลี้ยงดูอีกเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี โดยชำระเป็นงวด จำนวน 2 งวด งวดละ 54,000 บาท มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ ตนหรือไม่ โทษ ไล่ออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 10/2562 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562
๓๕ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-257/2562 ชื่อนายธรรมะตำแหน่งครูชำนาญการสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการจับต้องของสงวน (นม) ของนางสาวโย นักเรียน ในขณะที่กำลังเดินแบบชุดรีไซเคิลของนักเรียนในกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์ อันมีลักษณะเป็นการ อนาจารต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 เวลาประมาณ 10.00 น. โรงเรียนได้จัดกิจกรรม วันวิทยาศาสตร์ โดยนางสาวโยได้เดินแบบชุดรีไซเคิล รอบที่ 2 ให้คณะกรรมการดูจากนั้นนายธรรมะ ได้เดินมาด้านหลังแล้วจับหางบั้งไฟ และประชิดตัวโอบกอดจากทางด้านหลังนางสาวโยแล้วเอามือขวาจับหน้าอก ขณะที่นางสาวโย มือขวาจับบั้งไฟ มือซ้ายถือร่ม จึงได้เบี่ยงตัวหลบจนนายภูมิพิธีกรดำเนินรายการบนเวที มาดึงแขนนายธรรมะ ลงจากเวทีและนายธรรมะให้การรับสารภาพว่า กระทำผิดตามข้อกล่าวหาจริง มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณี กระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 11/2562 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562
๓๖ กรณีความผิดเกี่ยวกับอนาจารทางเพศนักศึกษาฝึกสอน รายที่ 1-126/2559 ชื่อ นายเอ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อำนวยการ ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารนักศึกษาจีนด้วยการลูบคลำหน้าอก ในการงานนิทรรศการพื้นเมือง ที่ทางโรงเรียนจัดต้อนรับ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กระทำการไม่เหมาะสมกับนักศึกษาจีน (นักศึกษาฝึกประสบการณ์สอนที่โรงเรียน ตามโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด กับมหาวิทยาลัยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน) นายเอได้สัมผัสและลูบคลำหน้าอกนักศึกษาจีน จนนักศึกษาจีนคนดังกล่าวเกิดอาการช็อค นั่งนิ่ง ตกใจและร้องไห้ จนในที่สุดก็ได้โทรศัพท์แจ้งให้ผู้ปกครอง อาจารย์ผู้ประสานงาน และมหาวิทยาลัยที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนทราบเรื่องดังกล่าว มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 3/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563
๓๗ กรณีความผิดเกี่ยวกับอนาจารทางเพศ รายที่ 1-143/2563 ชื่อ นายหะทัย ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง กระทำอนาจารนางดวง โดยถลกเสื้อตัวนอกและเสื้อชั้นในแล้วดูดนม และละเมิดด้วยวาจา และกระทำอนาจารนางฐิติ โดยจับแขน ตีก้น เอานิ้วมือแทงนมและละเมิดด้วยวาจา ข้อเท็จจริงได้ความว่า กรณีนางสาวดวง ได้รับมอบหมายจากนางเพ็ชร หัวหน้าแม่บ้าน ให้ไปทำความสะอาด แทนพนักงานชื่อเล็ก นางดวงจึงได้เข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนายหะทัย โดยนายหะทัยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน นางดวงได้เข้าไปทำความสะอาดบริเวณโต๊ะทำงานของนายหะทัย ขณะที่นางดวงกำลังเช็ดโต๊ะคอมพิวเตอร์ นายหะทัยได้ชวนนางดวงคุยและสอบถามว่าขอเป็นแฟนได้หรือไม่ นางดวงตอบว่าไม่ได้ เนื่องจากตนเอง มีครอบครัวแล้ว นายหะทัยจึงได้เดินมาด้านหลัง มายืนตรงด้านข้าง จากนั้นได้ใช้มือขวาถลกเสื้อและชุดชั้นในด้านขวา นางดวงได้ยื้อและพยายามดึงเสื้อกลับ นายหะทัยก็ได้ถลกเสื้อและชุดชั้นในขึ้นอีกพร้อมทั้งใช้ปากดูดหน้าอก บริเวณหัวนม ขณะที่มือของนายหะทัยด้านซ้ายล้วงกระเป๋าของตนเอง มือขวาถลกเสื้อชั้นใน แต่นายหะทัย ได้ใช้ปากเข้ามาดูดบริเวณหน้าอก อีกประมาณ 5 นาที และนายหะทัยได้ยืนรูดซิปกางเกงเอามือขึ้นลงโดยไม่ได้ นำอวัยวะเพศออกมา แล้วพูดว่า “ขอเอาทีได้ไหม” จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้อง นางดวงจึงได้วิ่งสวนออกไป หลักจากเหตุการณ์ดังกล่าว นางดวงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจไว้เป็น หลักฐาน และได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากผู้อำนวยการโรงเรียน โดยนายหะทัยอ้างว่าในวันเกิด เหตุในห้องมีนางฐิติและนายสินนั่งอยู่ในห้องด้วย แต่นางฐิติปฏิเสธว่าในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในห้อง กรณีนางฐิติ ได้ถูกนายหะทัยกระทำอนาจารและล่วงละเมิดด้วยวาจาหลายครั้ง เช่น จับมือ ตีก้น เอานิ้วจิ้มนม และพูดจาลามกอนาจาร และชักชวนไปร่วมหลับนอน มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 3/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563
๓๘ กรณีความผิดที่เกี่ยวกับเพศและอนาจารทางเพศ (เด็ก) รายที่ 1-0012/2564 ชื่อ นายละเมิด ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กระทำความผิดในเรื่อง กระทำอนาจารแก่เด็กนักเรียนอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายละเมิดได้กระทำอนาจารแก่ผู้เรียน คือ เด็กหญิงฝ้าย และเด็กหญิงบุษ ซึ่งมีอายุยังไม่เกิน 15 ปี และเป็นนักเรียนในความดูแลของตน โดยการจูบหน้าผากและใช้มือจับหน้าอก (นม) ของนักเรียนทั้งสองคน ซึ่งต่อมาได้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัด จำนวน 2 คดีโดย นายละเมิด ให้การรับสารภาพ ว่ากระทำความผิดฐานอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จริงศาลจังหวัดพิพากษาให้จำคุกนายละเมิด คดีละ 1 ปี รวมสองคดีเท่ากับ 2 ปี ต่อมานายละเมิด อุทธรณ์คำพิพากษาทั้งสองคดี ศาลอุทธรณ์ พิจารณา และพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี ทั้งสองคดี ต่อมาโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิจารณา และพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ทั้งสองคดี มาตรา 94 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียน ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564
๓๙ 3. กรณีความผิดที่เกี่ยวกับการเสพสุรา ยาเสพติดและการเล่นพนัน รายที่ 1-036/2561 ชื่อ นายสุชาติ ตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา (พนันบอล) กระทำผิดวินัยในเรื่อง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและดำเนินคดีอาญาในกรณีเล่นการพนันฟุตบอล (ต่างประเทศ) อันเป็นการพนันประเภทนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และถูกศาลจังหวัดพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายสุชาติได้ถูกจับกุมข้อหาลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร และลีกต่างประเทศ เอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับ แจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารโรงเรียนนายร้อย จปร. ว่าได้ควบคุมตัวชายต้องสงสัย (นายสุชาติ) และได้รับตัว นายสุชาติไปดำเนินคดีพร้อมโพยพนันทายผลฟุตบอลยูโรและลีกต่างประเทศเป็นสมุด 1 เล่ม จำนวน 57 แผ่น ยอดเงินรวม 285,560 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพบของกลางดังกล่าวในถุงพลาสติกแบบฝาเปิดขณะ นายสุชาติถืออยู่ และนายสุชาติก็ได้รับสารภาพว่าโพยพนันทายผลฟุตบอลทั้งหมดว่าเป็นของตน จึงได้นำตัว นายสุชาติพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อศาลจังหวัด ศาลจังหวัดมีคำพิพากษาว่า นายสุชาติมีความผิดพิเคราะห์แล้วไม่สมควรลดโทษแก่จำเลย คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปีโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๆ 3 เดือนต่อครั้ง กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลย เห็นสมควรเป็นเวลา 12 ชั่วโมง มาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ลดเงินเดือน 1 ขั้น มติ เพิ่มโทษจากโทษลดเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561
๔๐ รายที่ 1-137/2562 ชื่อนายพงษ์ ตำแหน่งผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กับตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเล่นการพนัน (ไฮโล) เพื่อเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย (เล่นการพนัน) ข้อเท็จจริงได้ความว่า นายพงษ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เดินทางไปร่วมงาน ทำบุญอัฐิของบุตรชายนายเทวา นายพงษ์กับพวกได้ลักลอบเล่นการพนัน (ไฮโล) ภายในเต็นท์ที่กางอยู่บนถนน สาธารณะหน้าบ้านนายเทวา ซึ่งต่อมาศาลแขวงได้มีคำพิพากษาว่า นายพงษ์กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 12 (2) กรณีร่วมกันเล่นการพนันไฮโล เพื่อเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย อัน เป็นการพนันตามที่ระบุไว้ในบัญชี ก. อันดับที่ 23 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่มีกฎหมายอนุญาตให้เล่นได้ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษปรับ 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับ ซึ่งตามหนังสือกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ น.ว. 208/2496 ลงวันที่ 3 กันยายน 2496 ประกอบกับหนังสือ สำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 7 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2550 ได้วางแนวการลงโทษข้าราชการครูเล่นการพนัน ประเภทที่กฎหมายห้ามขาด ในระดับตามความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มาตรา 94 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ไม่รักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย และกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562
๔๑ กรณีความผิดฐานประพฤติชั่วยาเสพติด รายที่ ๑-๐๑๕/๒๕๕๗ ชื่อ นายยิ้ม ตำแหน่งครู สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง ถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑ ไว้ในครองครอง โดยมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ลงโทษจำคุก ๙ เดือน และปรับ ๑๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ เป็นเวลา ๒ ปี ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับ แจ้งว่ามีบุคคลต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในช่วงเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการ จับกุมตัวผู้ต้องสงสัย ทราบชื่อคือ นายยิ้ม พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน 11 เม็ด เจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงตรวจยึดและนำของกลางพร้อมนำตัวนายยิ้ม ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีซึ่งทางผู้ต้องหาก็ให้การรับ สารภาพตามข้อหาว่ายาบ้าที่ตรวจค้นพบนั้นเป็นของตนจริง พนักงานอัยการจึงได้มีคำสั่งฟ้องนายยิ้ม ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน-โฮโดรคลอไรด์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายยิ้มได้ถูกศาลจังหวัด พิพากษาเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ พิพากษาจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก ๙ เดือน ปรับ ๑๕,๐๐๐ บาท โดยจำคุก ให้รอการลงโทษเป็นเวลา ๒ ปี และริบเมทแอมเฟตามีน มาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557
๔๒ กรณีความผิดเกี่ยวกับการเสพสุราและยาเสพติด รายที่ ๑-๐๑๕/๒๕๕๗ ชื่อ นายพร ตำแหน่งครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดในเรื่อง ถูกดำเนินคดีอาญาข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครองครอง โดยมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ๙ เดือน และปรับ ๑๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา ๒ ปี ข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับทางโทรศัพท์ว่าพบผู้ต้องสงสัยได้มาที่เพิงพัก ไม่มีหมายเลขที่ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังเพิงพักไม่มีหมายเลขที่ เมื่อไปถึงพบผู้ต้องสงสัยเดินพูดคุยโทรศัพท์อยู่ นอกเพิงพักจึงขอตรวจค้น ซึ่งผู้ต้องสงสัยก็ยินยอมให้ตรวจค้นผลการตรวจค้นได้พบวัตถุ ดังนี้ ๑. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน ๘ เม็ด ลักษณะสีส้ม กรม แบน ด้านหนึ่งเรียบ อีกด้าน มีสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ WY บรรจุด้วยหลอดกาแฟสีลายคลาดสีขาวใช้ไฟแช็คลนปิด ๒. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน ๓ เม็ด ลักษณะเม็ดสีส้ม กลม แบบ ด้านหนึ่งเรียบ อีกด้านมีสัญลักษณ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษ WY บรรจุด้วยกระดาษฟลอยด์ด้านนอกเป็นกระดาษสีขาว รวมของกลางทั้งสองรายการ จำนวน ๑๑ เม็ด ซึ่งทั้งสองรายการพบรวมกันอยู่ในกระเป๋าเล็กของกางเกงยีนส์ ขายาวสีน้ำเงินของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทราบว่าคือ นายพร พร้อมของกลางโดยกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงตรวจยึดและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ นำของกลางพร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนนายพรและให้การรับสารภาพตามข้อหาว่ายาบ้าที่ตรวจค้นพบนั้นเป็นของ ตนจริงพนักงานอัยการจังหวัดได้มีคำสั่งฟ้องนายพรข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนโฮโดร คลอไรด์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายพร ได้ถูกศาลจังหวัดพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ พิพากษาจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก ๙ เดือน ปรับ ๑๕,๐๐๐ บาทโดยจำคุก ให้รอการลงโทษเป็นเวลา ๒ ปี และริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ มาตรา ตามมาตรา ๙๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
๔๓ กรณีความผิดเกี่ยวกับการเสพสุราและยาเสพติด รายที่ ๑-๐๑๘/๒๕๕๗ ชื่อ นายยิ่ง ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา กระทำผิดวินัยในเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมที่บ้านพักโดยเสพยาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้าเม็ดสีส้ม จำนวน ๑/๔ เม็ด เมล็ดกัญชา ๑๘ กรัม อาวุธปืนลูกซองยาวเบอร์ ๑๒ จำนวน ๑ กระบอก และเครื่องกระสุน จำนวน ๑๓ นัด อาวุธปืนยาว ขนาด .๒๒ จำนวน ๑ กระบอก และเครื่องกระสุน จำนวน ๗๘ นัดและ ผลการตรวจปัสสาวะเป็นบวก ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลจังหวัดได้ออกหมายค้นบ้านของนายยิ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายยิ่ง ได้พบและจับกุมนายยิ่ง พร้อมของกลางยาบ้า เม็ดสีส้มจำนวน ๑/๔ เม็ด เม็ดกัญชา ๑๘ กรัม อาวุธปืนลูกซองยาว เบอร์ ๑๒ จำนวน ๑ กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน จำนวน ๑๓ นัด และอาวุธปืนยาวขนาด ๒๒ จำนวน ๑ กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน ๗๘ นัดกรณีเสพยาเสพติดนั้น ผลการตรวจปัสสาวะของโรงพยาบาลปรากฏว่าเป็นบวก ซึ่งหมายถึงอาจมีสารเสพติดให้โทษ ในร่างกาย ทั้งนายยิ่งได้ให้ถ้อยคำรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้จริงพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดีอาญา ต่อศาลจังหวัด โดยนายยิ่งให้การรับสารภาพ ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดตามคำพิพากษาหมายเลขแดง พิพากษาว่านายยิ่งได้กระทำความผิดจริง ให้ลงโทษจำคุก ๑๗ เดือนและปรับ ๑๙,๐๐๐ บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปีและให้ริบอาวุธปืนทั้งสองกระบอก มาตรา ตามมาตรา ๙๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี ความผิดเกี่ยวกับการเสพสุราและยาเสพติด โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
๔๔ กรณีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด รายที่ ๑-๐๘๙/๒๕๕๗ ชื่อ นายสุ ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. ขณะที่นายสุ ขับรถยนต์ไปพร้อมกับพวก ๒ คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่นายสุได้รับ สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนได้เสพยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) มาก่อนขับรถ จึงถูกจับกุมตัวไปสถานีตำรวจ แล้วนำตัวไปตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ เบื้องต้นพบว่ามีสารเมทแอมเฟตามีน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัว ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และได้ส่งตัวอย่างไปตรวจหาสารเสพติดที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ผลการตรวจพบมีสารเมทแอมเฟตามีนaพนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีอาญา และมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องนายสุ เป็นจำเลยต่อศาล ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาว่านายสุมีความผิดฐานเสพและเป็นผู้ขับรถโดยเสพยาเสพติด ให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พิพากษาลงโทษจำคุก ๘ เดือน และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท แต่นายสุรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเป็นลงโทษจำคุก ๔ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนด ๖ เดือน คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว มาตรา ๙๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี เสพยาเสพติด โทษ ลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น มติ เพิ่มโทษ จากโทษลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น เป็นโทษปลดออกจากราชการ ประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗
๔๕ กรณีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด รายที่ ๑-๑๒๕/๒๕๕๗ ชื่อ นายชัย ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง เสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ นายชัยได้รวบรวมเงินกับนายสิทธิ์ จำนวน ๒,๗๐๐ บาท ไปซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นไม่ทราบชื่อและที่อยู่ จำนวน ๑๐ เม็ด แล้วแบ่งกันคนละ ๕ เม็ด จากนั้นนายสิทธิ์ ได้กลับบ้านและเสพยาบ้าจนเหลือ จำนวน ๓ เม็ดครึ่ง ต่อมาในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ นายสิทธิ์ได้ขับรถยนต์ กระบะส่วนตัวไปพบนายชัยที่โรงเรียน และนำยาบ้าจำนวนครึ่งเม็ดไปเสพร่วมกับนายชัย และนางสาวผกา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน ๒ เม็ด เมื่อตรวจปัสสาวะ นายชัยกับพวกแล้วพบสารเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาเสพ และมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และนายชัยได้รับสารภาพว่าเสพ ยาบ้าก่อนที่จะถูกตรวจปัสสาวะ ซึ่งคณะอนุกรรมการฟื้นฟูของจังหวัดได้วินิจฉัยว่า นายชัยเป็นผู้เสพยาเสพติดให้ เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ในทางคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอยืนยันการกระทำความผิดของ นายชัย มาตรา ๙๔ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกรณีเสพยาเสพติด โทษ ปลดออกจากราชการ มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗
๔๖ กรณีความผิดเกี่ยวกับการเสพสุรา รายที่ ๑-๑๓๐/๒๕๕๗ ชื่อ นายรัตน์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษา กระทำความผิดวินัยในเรื่อง เมาสุรามาปฏิบัติหน้าที่ราชการในโรงเรียน และแสดงกิริยาไม่สุภาพ ต่อผู้บังคับบัญชา ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นายรัตน์ มีอาการเมาสุราขับรถยนต์เข้ามา ปฏิบัติหน้าที่ราชการในโรงเรียน และได้พูดจาโต้เถียงกับผู้อำนวยการโรงเรียน ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย กับแม่ค้าในโรงเรียน และขับรถยนต์เสียงดัง ต่อมาได้รับสารภาพว่ากระทำผิดจริงและขอขมาผู้อำนวยการ โรงเรียนแล้ว มาตรา ๘๘ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๙๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ กรณี ไม่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม ไม่สุภาพเรียบร้อย และกรณีไม่รักษา ชื่อเสียงเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษ ลดขั้นเงินเดือน ๑ ขั้น มติ รับทราบ ประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗