รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั สำระกำร
- ข้อปฏิบตั ใิ นการใช
อปุ กรณ์ เช่น ไมข่ ดี
สะอาด ใช้อปุ กรณอ์
- การใชง้ านอย่างเห
ถกู ต้อง การพักสาย
เวลานาน ระมดั ระว
รเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนรูท้ ้องถน่ิ
ชง้ านและการดูแลรักษา
ดเขยี นบนอุปกรณ์ ทาความ
อยา่ งถูกวธิ ี
หมาะสม เชน่ จดั ทา่ นัง่ ให้
ยตาเมอื่ ใชอ้ ปุ กรณ์เป็น
วังอุบตั ิเหตุจากการใชง้ าน
หลักสตู รสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
ตัวช้วี ัดและสำระกำรเ
ชน้ั ประถมศึกษ
สำระที่ 1 วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธ์ระหว
ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความ
ส่ิงแวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม
รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ัด สำระกำร
- -
สำระที่ 1 วิทยำศำสตรช์ วี ภำพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชวี ติ หน่วยพ้ืนฐานของสง่ิ มีชวี ติ การล
ของสัตว์และมนษุ ย์ที่ทางานสมั พันธ์กนั ความสมั พันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทีข่ องอว
รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชี้วดั สำระกำร
ว 1.2 ป 2/1 - พืชตอ้ งการนา้ แส
1. ระบุว่าพชื ตอ้ งการแสงและนา้ เพื่อการ
ว 1.2 ป 2/2 เจรญิ เตบิ โต โดยใชข้ อ้ มูลจากหลกั ฐานเชงิ - พชื ดอกเมื่อเจรญิ
ประจักษ์ การสบื พนั ธเุ์ ปล่ยี น
ว 1.2 ป 2/3
2. ตระหนกั ถึงความจาเป็นท่ีพืชตอ้ งได้รับ
นา้ และแสงเพ่ือการเจรญิ เตบิ โต โดยดูแล
พืชใหไ้ ด้ รบั สิ่งดงั กล่าวอยา่ งเหมาะสม
3. สร้างแบบจาลองที่บรรยายวฏั จกั รชวี ิต
ของพชื ดอก
เรยี นรแู้ กนกลำง
ษำปีที่ 2
ว่างสง่ิ ไม่มีชีวิตกบั สง่ิ มีชวี ิตและความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวติ กับสิ่งมีชีวิตต่าง
มหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
มรวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรูท้ อ้ งถิ่น
- -
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ
วัยวะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างานสัมพนั ธ์กนั รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
สง เพ่ือการเจริญเตบิ โต
-นาพชื ทอ้ งถน่ิ มาทดลองเกย่ี วกบั ปัจจัยในการ
เจรญิ เติบโตของพืช
-
ญเติบโตและมีดอก ดอกจะมี
นแปลงไปเป็นผล ภายในผล
หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชี้วัด สำระกำร
มเี มล็ด เมอ่ื เมล็ดงอ
เมลด็ จะเจริญ เตบิ โ
ใหมจ่ ะเจรญิ เติบโต
ต่อไปได้อกี หมุนเวีย
ของพชื ดอก
สำระที่ 1 วทิ ยำศำสตรช์ ีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณ
สง่ิ มีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต รวมท้งั นาความรไู้
รหัสตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สำระกำร
ว 1.3 ป 2/1 1. เปรียบเทียบลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตและ - สง่ิ ทีอ่ ยรู่ อบตัวเรา
สิ่งไม่มชี ีวติ ส่ิงมีชวี
ส่งิ ไมม่ ชี วี ติ จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ หายใจ เจรญิ เตบิ โต
ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ลักษณะคล้ายคลงึ ก
จะไม่มลี กั ษณะดังก
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
อก ต้นออ่ นที่อยภู่ ายใน
โตเป็นพืชต้นใหม่ พชื ตน้
ต ออกดอกเพ่ือสบื พนั ธม์ุ ผี ล
ยนต่อเน่ืองเปน็ วัฏจกั รชวี ิต
ณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อ
ไปใชป้ ระโยชน์
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
ามีท้งั ท่เี ป็นสิง่ มีชีวิตและ -สารวจส่งิ มชี ีวติ และสิ่งไม่มีชีวติ บรเิ วณ
วติ ตอ้ งการอาหาร มีการ ชายหาด
ต ขบั ถ่าย เคลอ่ื นไหว
า และสบื พันธไุ์ ดล้ ูกที่มี
กับพอ่ แม่ สว่ นส่งิ ไมม่ ชี ีวติ
กลา่ ว
หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
สำระท่ี 2 วทิ ยำศำสตรก์ ำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพ
หลกั และธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชีว้ ดั สำระกำร
ว 2.1 ป 2/1 1. เปรียบเทียบสมบัตกิ ารดดู ซบั น้าของ
ว 2.1 ป 2/2 วสั ดโุ ดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และระบุ - วัสดุแต่ละชนิดมีส
การนาสมบตั ิการดูดซับนา้ ของวสั ดไุ ป แตกตา่ งกนั จงึ นาไ
ว 2.1 ป 2/3 ประยุกต์ใช้ ในการทาวัตถุในชวี ิตประจาวนั ได้แตกตา่ งกัน เชน่
2. อธิบายสมบัติที่สงั เกตไดข้ องวัสดทุ ี่เกดิ ผ้าเช็ดตัว ใช้พลาสต
ว 2.1 ป 2/4 จากการนาวสั ดมุ าผสมกัน โดยใชห้ ลกั ฐาน
เชิงประจกั ษ์ - วสั ดุบางอย่างสา
ไดส้ มบัตทิ ีเ่ หมาะสม
3. เปรยี บเทยี บสมบตั ิที่สงั เกตได้ของวสั ดุ ตามต้องการ เชน่ แ
เพอ่ื นามาทาเป็นวตั ถุในการใชง้ านตาม นา้ กะทิ ใชท้ าขนมไ
วตั ถุประสงค์ และอธิบายการนาวัสดุทีใ่ ช้ เยือ่ กระดาษใช้ทาก
แล้วกลบั มาใชใ้ หมโ่ ดยใช้หลักฐานเชิง ทราย และน้าใชท้ า
ประจกั ษ์
4. ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องการนาวสั ดทุ ี่ - การนาวสั ดุมาทาเ
ใชแ้ ลว้ กลบั มาใช้ใหม่ โดยการนาวัสดทุ ีใ่ ช้ วัตถปุ ระสงค์ข้นึ อย
แล้วกลับมาใชใ้ หม่ ใช้แล้วอาจนากลบั ม
ใชแ้ ลว้ อาจนามาท
ดอกไมป้ ระดิษฐ์ ถงุ
พันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค
รเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
รเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ
สมบตั ิการดูดซบั นา้ -
ไปทาวัตถุเพ่ือใชป้ ระโยชน์
ใช้ผา้ ทีด่ ดู ซบั นา้ ได้มากทา
ตกิ ซงึ่ ไม่ดูดซับน้าทาร่ม
ามาถนามาผสมกันซ่งึ ทาให้ -
มเพื่อนาไปใช้ประโยชน์
แปง้ ผสมนา้ ตาลและ
ไทย ปนู ปลาสเตอรผ์ สม
กระปกุ ออมสนิ ปนู ผสมหนิ
าคอนกรตี
เปน็ วัตถุในการใชง้ าน ตาม - นาวัสดุท่พี บในท้องถิน่ มาออกแบบ และ
ยู่กบั สมบัติของวสั ดุ วสั ดุที่ สร้างชิน้ งานใหม่ท่ีใช้ประโยชน์ได้
มาใชใ้ หม่ได้ เชน่ กระดาษ
ทาเปน็ จรวดกระดาษ
งใส่ของ เป็นตน้
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
สำระที่ 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวนั ผลของแรงท่ีกระ
ประโยชน์
รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชวี้ ดั สำระกำร
ว 2.2 ป 2/1 1. ทดลองและอธบิ ายแรงที่เกิดจาก - แม่เหล็กมีแรงด
แมเ่ หล็ก รอบแท่ง
แมเ่ หลก็ และสามารถดงึ ดดู ว
ว 2.2 ป 2/2 2. อธบิ ายการนาแมเ่ หล็กมาใช้ประโยชน์ - แม่เหล็กมปี ระโย
ของใช้ และนาไปแ
ว 2.2 ป 2/3 3. ทดลองและอธบิ ายแรงไฟฟา้ ที่เกดิ จาก วตั ถอุ ่ืนได้
การถวู ัตถบุ างชนิด
- เมื่อถวู ตั ถบุ างชน
จะดงึ ดูดหรือผลักก
เรยี กวา่ แรงไฟฟ้า แ
เบา ๆได้
ะทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้
รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
ดงึ ดูดหรือผลกั ระหว่างแท่ง -
งแม่เหลก็ มีสนามแม่เหล็ก
วตั ถุทีท่ าด้วยสารแม่เหล็ก -
ยชนใ์ นการทาของเลน่
แยกสารแม่เหลก็ ออกจาก -
นิดแลว้ นาเขา้ ใกล้กนั
กันได้ แรงทีเ่ กิดขึ้นน้ี
และวัตถุนนั้ จะดงึ ดดู วตั ถุ
หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
สำระท่ี 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลง
พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วข้องกบั เสยี
รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ดั สำระกำร
ว 2.3 ป 2/1
1. บรรยายแนวการเคลอ่ื นที่ของแสงจาก - แสงเคลอ่ื นท่ีจากแ
ว 2.3 ป 2/2 แหล่งกาเนิดแสง และอธิบายการมองเห็น เป็นแนวตรง เมือ่ มแี
วตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ทาให้มองเห็นวัตถนุ
แหลง่ กาเนดิ แสง แ
2. ตระหนกั ในคณุ คา่ ของความร้ขู องการ โดยตรง สว่ นการมอ
มองเหน็ โดยเสนอแนะแนวทางการปอ้ งกัน แหลง่ กาเนิดแสง ต
อนั ตราย จากการมองวตั ถุที่อยู่ในบริเวณที่ แสงไปกระทบวัตถุแ
มีแสงสว่าง ไม่เหมาะสม แสงท่สี ว่าง มาก ๆ
ตอ่ ตาได้ จึงต้องหล
กรองแสงที่มีคุณภา
ความสว่างใหเ้ หมาะ
ต่าง ๆ เช่น การอ่าน
จอโทรทศั น์ การใช
เล็ต
งและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน
ยง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
-
แหล่งกาเนิดแสงทกุ ทิศทาง
แสงจากวตั ถมุ าเข้าตาจะ
นั้น การมองเห็นวัตถุท่เี ป็น
แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสูต่ า
องเห็นวตั ถุที่ไม่ใช่
ต้องมีแสงจากแหล่งกาเนิด
แลว้ สะท้อนเขา้ ตา ถา้ มี
เข้าสูต่ าอาจเกิดอนั ตราย
ลกี เล่ียงการมองหรือใช้แผน่
าพเมื่อจาเปน็ และตอ้ งจัด
ะสมกับ การทากจิ กรรม
นหนงั สือ การดู
ชโ้ ทรศพั ทเ์ คลื่อนทแี่ ละแท็บ
หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
สำระที่ 3 วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาก
ระบบสรุ ิยะที่ส่งผลต่อสิง่ มีชีวติ และการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ
รหัสตวั ชี้วดั ตวั ช้ีวดั สำระกำร
- -
สำระที่ 3 วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระ
เปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมท้ังผลตอ่ ส่ิงมีชวี ติ และสิง่ แวดล้อม
รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชี้วัด สำระกำร
ว 2.3 ป 2/1
1. ระบสุ ว่ นประกอบของดนิ และจาแนก - ดินประกอบด้วยเ
ว 2.3 ป 2/2 ชนิดของดนิ โดยใชล้ ักษณะเน้ือดินและการ ผสมอย่ใู นเนอื้ ดิน ม
จับตวั เปน็ เกณฑ์ ตามชอ่ งวา่ ง ในเน้ือ
รว่ น ดินเหนยี ว แล
2. อธิบายการใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ จาก เน้ือดินและการจับต
ขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ อุ้มน้าที่แตกต่างกัน
- ดนิ แต่ละชนดิ นาไ
กนั ตามลกั ษณะแล
การของเอกภพ กาแล็กซดี าวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทงั้ ปฏสิ มั พันธ์ภายใน
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิ่น
- -
ะบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ
รเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิ่น
เศษหิน ซากพืชซากสัตว์ -สังเกต เปรยี บเทยี บลกั ษณะของทรายทะเล
มีอากาศและน้าแทรกอยู่ กับทรายจากแหล่งอื่น
อดนิ ดินจาแนกเปน็ ดิน -ทดลองปลกู พชื อยา่ งงา่ ยในดินทราย
ละ ดินทราย ตามลกั ษณะ -ดนิ ในท้องถิ่น และการนาไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ของดนิ ซง่ึ มีผลต่อการ
น
ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้แตกต่าง
ละสมบัติของดนิ
หลักสตู รสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
สำระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคม
คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ นื่ ๆ เพ่อื แก้ปัญหา หรือพฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สรา้ งสรร
โดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสง่ิ แวดล้อม
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชี้วดั สำระกำร
- -
สำระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชีวติ
ในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมจี ริย
รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด สำระกำร
ว 4.2 ป 2/1
1. แสดงลาดบั ข้ันตอนการทางาน หรือ - การแสดงขัน้ ตอน
ว 4.2 ป 2/2
การแกป้ ัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ การเขยี น บอกเล่า
สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ สัญลักษณ์
ปญั หาอยา่ งงา่ ย เช
การแต่งตวั มาโรงเร
๒. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ - ตัวอยา่ งโปรแกรม
ซอฟตแ์ วรห์ รอื ส่อื และตรวจหาข้อผดิ พลาด ตวั ละครทางานตาม
ของโปรแกรม ข้อผิดพลาด ปรับแ
กาหนด
- การตรวจหาขอ้ ผดิ
คาสงั่ ท่ีแจ้งขอ้ ผดิ พ
มท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
รค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม
รเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู ้องถน่ิ
- -
ตจริงอย่างเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
ยธรรม
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ
-
นการแกป้ ญั หาทาไดโ้ ดย
วาดภาพ หรอื ใช้
ชน่ เกมตัวต่อ 6-12 ชิ้น
รยี น
ม เชน่ เขยี นโปรแกรมสงั่ ให้
มที่ต้องการ และตรวจสอบ
แก้ไขให้ไดผ้ ลลัพธต์ ามท่ี
ดพลาดทาได้โดยตรวจสอบ
พลาด หรอื หากผลลพั ธ์ไม่
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชีว้ ัด สำระกำร
ว 4.2 ป 2/3
3. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ เป็นไปตามที่ต้องกา
ว 4.2 ป 2/4 คน้ หา จัดเก็บ เรยี กใชข้ อ้ มูลตาม ทลี ะคาสั่ง
วตั ถุประสงค์ ซอฟต์แวร์ หรือสอื่
เชน่ ใชบ้ ตั รคาสั่งแส
4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย Code.org
ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์
รว่ มกนั ดูแลรกั ษาอุปกรณ์เบื้องต้น ใช้งาน - การใชง้ านซอฟต
อยา่ งเหมาะสม และออกจากโปรแก
จดั เก็บ การเรียกใช
เอกสาร ทาได้ ในโป
ประมวลคา โปรแก
นาเสนอ
- การสร้าง คัดลอก
หมวดหมู่ไฟล์และโฟ
ทาให้เรยี กใช้ ค้นหา
- การใช้เทคโนโลยีส
เช่น ร้จู ักขอ้ มลู ส่วน
เผยแพรข่ ้อมลู สว่ นต
สว่ นตวั กบั บุคคลอืน่
แจง้ ผ้เู กีย่ วขอ้ งเม่ือต
เก่ียวกบั การใชง้ าน
- ข้อปฏิบัตใิ นการใช
อุปกรณ์ เชน่ ไมข่ ีด
สะอาด ใช้อปุ กรณอ์
รเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
ารให้ตรวจสอบการทางาน
อท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรม
สดงการเขียนโปรแกรม,
ต์แวรเ์ บอ้ื งต้น เชน่ การเข้า
กรม การสร้างไฟล์ การ
ช้ไฟล์ กรแกไ้ ขตกแต่ง
ปรแกรม เชน่ โปรแกรม
กรมกราฟิก โปรแกรม
ก ยา้ ย ลบ เปลี่ยนช่อื จัด
ฟลเดอรอ์ ยา่ งเป็นระบบจะ
าข้อมลู ไดง้ ่ายและรวดเร็ว
สารสนเทศอย่างปลอดภยั
นตวั อันตรายจากการ
ตวั และไม่บอกขอ้ มลู
นยกเว้นผปู้ กครอง หรอื ครู
ตอ้ งการ ความชว่ ยเหลือ
ชง้ านและการดแู ลรกั ษา
ดเขยี นบนอุปกรณ์ ทาความ
อย่างถกู วิธี
หลกั สตู รสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวช้วี ัด สำระกำร
- การใชง้ านอย่างเห
ถกู ต้อง การพกั สาย
เวลานาน ระมัดระว
รเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
หมาะสม เชน่ จัดท่าน่ังให้
ยตาเมือ่ ใชอ้ ปุ กรณ์เป็น
วงั อบุ ตั ิเหตุจากการใช้งาน
หลักสตู รสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
ตวั ชว้ี ัดและสำระกำรเ
ช้นั ประถมศึกษ
สำระที่ 1 วทิ ยำศำสตร์ชวี ภำพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธร์ ะหว
ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความ
สิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อม
รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั สำระกำร
- -
สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตร์ชีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวติ การล
ของสัตวแ์ ละมนุษย์ที่ทางานสัมพนั ธ์กัน ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ทขี่ องอว
รหัสตวั ชี้วดั ตัวชวี้ ัด สำระกำร
ว 1.2 ป 3/1
1. บรรยายสงิ่ ทจี่ าเป็นตอ่ การดารงชีวิต -มนุษย์และสัตวต์ ้อ
ว 1.2 ป 3/2 และการเจริญเตบิ โตของมนุษยแ์ ละสตั ว์ อากาศ เพื่อการดาร
โดยใชข้ อ้ มูลที่รวบรวมได้ เจรญิ เติบโต
2. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องอาหาร น้า - อาหารชว่ ยใหร้ ่าง
และอากาศ โดยการดแู ลตนเองและสัตว์ให้ เจรญิ เติบโต น้าช่วย
ไดร้ ับ สงิ่ เหล่านี้อย่างเหมาะสม ปกติ อากาศใช้ ในก
เรียนรแู้ กนกลำง
ษำปที ี่ 3
ว่างสง่ิ ไม่มชี วี ิตกับสิ่งมชี ีวิตและความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมีชีวติ กับสิ่งมชี วี ิตต่าง
มหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
มรวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถน่ิ
- -
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ
วยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ีทางานสัมพันธก์ นั รวมทง้ั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
องการอาหาร น้า และ -ศกึ ษา ชีวติ ของหอยเสยี บ บริเวณชายหาด
รงชวี ติ และการ หน้าโรงเรยี น
งกายแข็งแรงและ -
ยใหร้ า่ งกายทางานได้อยา่ ง
การหายใจ
หลักสตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ัด สำระกำร
ว 1.2 ป 3/3
3. สร้างแบบจาลองท่ีบรรยายวัฏจักรชีวิต - สัตว์เม่อื เป็นตัวเต
ว 1.2 ป 3/4 ของสตั ว์ และเปรยี บเทยี บวฏั จักรชีวิตของ ลูกเจรญิ เตบิ โตเป็น
สัตว์ บางชนิด ตอ่ ไปได้อีกหมนุ เวีย
ของสตั ว์ ซง่ึ สตั ว์ แต
4. ตระหนักถึงคุณคา่ ของชีวติ สัตว์ โดยไม่ ไก่ มนุษยจ์ ะมวี ัฏจัก
ทาให้วฏั จักรชีวติ ของสตั วเ์ ปลี่ยนแปลง แตกตา่ งกนั
สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตร์ชีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถา่ ยทอ
พันธุกรรมทมี่ ผี ลต่อสิง่ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวฒั นาการขอ
รหัสตวั ชี้วดั ตวั ช้ีวัด สำระกำร
- -
รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถน่ิ
-
ตม็ วยั จะสืบพันธมุ์ ีลกู เมื่อ
นตัวเต็มวัยก็สบื พันธุม์ ลี กู -
ยนต่อเน่ืองเปน็ วฏั จกั รชีวติ
ตล่ ะชนดิ เชน่ ผีเส้อื กบ
กรชีวติ ท่ีเฉพาะ และ
อดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทาง
องสิ่งมีชวี ติ รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ
- -
หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
สำระท่ี 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ควา
ระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร กา
รหัสตัวชี้วดั ตวั ช้ีวัด สำระกำร
ว 2.1 ป 3/1 1. อธบิ ายวา่ วตั ถปุ ระกอบขน้ึ จากช้นิ
สว่ นยอ่ ย ๆ ซง่ึ สามารถแยกออกจากกันได้ - วตั ถอุ าจทาจากช้ิน
ว 2.1 ป 3/2 และประกอบกันเป็นวัตถชุ ิ้นใหมไ่ ด้ โดยใช้ มีลกั ษณะเหมือนกนั
หลักฐานเชิงประจักษ์ เมอ่ื แยกช้นิ สว่ นย่อ
จากกัน สามารถนา
2. อธิบายการเปล่ียนแปลงของวัสดุเมอื่ ทา ประกอบเป็นวตั ถุช
ให้รอ้ นขนึ้ หรือทาใหเ้ ยน็ ลง โดยใชห้ ลกั ฐาน มกี อ้ นอฐิ หลาย ๆ ก
เชิงประจักษ์ และสามารถนาก้อน
ประกอบเปน็ พื้นทา
- เมอื่ ใหค้ วามร้อนห
เมอ่ื ลดความร้อนห
จะเกดิ การเปลี่ยนแ
รูปรา่ งเปลยี่ น
ามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยว
ารเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
-
นสว่ นยอ่ ย ๆ ซง่ึ แตล่ ะชน้ิ
นมาประกอบเขา้ ด้วยกนั -
อย ๆ แตล่ ะชน้ิ ของวตั ถุออก
าช้ินส่วนเหลา่ นนั้ มา
ชน้ิ ใหม่ได้ เช่น กาแพงบ้าน
ก้อน ประกอบเข้าดว้ ยกนั
นอฐิ จากาแพงบา้ นมา
างเดนิ ได้
หรือทาใหว้ ัสดรุ ้อนขน้ึ และ
หรอื ทาใหว้ ัสดุเยน็ ลง วสั ดุ
แปลงได้ เช่น สีเปลีย่ น
หลกั สตู รสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
สำระท่ี 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวัน ผลของแรงท่ีกระ
ประโยชน์
รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชีว้ ัด สำระกำร
ว 2.2 ป 3/1 1.ระบุผลของแรงทีม่ ตี ่อการเปลยี่ นแปลง
การเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุจากหลกั ฐานเชิง - การดงึ หรือการผ
ว 2.2 ป 3/2 ประจักษ์ กระทาต่อวัตถุ แรง
วตั ถุ แรงอาจทาให้ว
2.เปรียบเทียบและยกตัวอยา่ งแรงสัมผสั เปลี่ยนตาแหนง่ จาก
และแรงไม่สมั ผัสที่มีผลต่อการเคลือ่ นที่ของ การเปลีย่ นแปลงกา
วตั ถุ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ วัตถทุ ่ีอยู่น่ิงเปลย่ี นเ
เคลื่อนที่เปลี่ยนเป็น
หรอื หยดุ น่ิง หรือเป
การดึงหรอื การผลกั
จากวตั ถุหนึ่งกระทา
ทั้งสองอาจสมั ผสั ห
การออกแรงโดยใช้ม
เคล่อื นทเี่ ป็นการออ
แรงนจ้ี งึ เป็นแรงสัม
ดงึ ดูดหรือผลกั ระห
เกดิ ขน้ึ โดยแม่เหล็ก
แรงแมเ่ หลก็ น้ีจงึ เป
ว 2.2 ป 3/3 3. จาแนกวตั ถุโดยใช้การดงึ ดูดกับแม่เหล็ก - แมเ่ หลก็ สามารถด
เปน็ เกณฑ์จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ะทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้ังนาความรู้ไปใช้
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
ผลกั เป็นการออกแรง -
งมีผลตอ่ การเคลอ่ื นที่ของ
วัตถุเกิดการเคล่ือนทโ่ี ดย
กท่หี นงึ่ ไปยงั อีกทหี่ นง่ึ - -
ารเคลอื่ นที่ของวัตถุ ได้แก่
เป็นเคล่อื นที่ วตั ถุที่กาลงั
นเคลือ่ นท่เี รว็ ข้ึนหรอื ชา้ ลง
ปลย่ี นทิศทางการเคล่ือนที่
กเป็นการออกแรงทเี่ กิด
ากับอีกวัตถุหน่ึง โดยวตั ถุ
หรือไม่ต้องสัมผัสกนั เชน่
มอื ดึงหรือการผลักโตะ๊ ให้
อกแรงทว่ี ัตถุตอ้ งสมั ผสั กัน
มผสั ส่วนการที่แม่เหล็ก
หวา่ งแม่เหล็กเป็นแรงท่ี
กไม่จาเป็นตอ้ งสัมผสั กนั
ป็นแรงไมส่ ัมผสั
ดึงดดู สารแม่เหล็กได้
หลักสตู รสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ัด สำระกำร
ว 2.2 ป 3/4
4. ระบขุ ัว้ แมเ่ หล็กและพยากรณ์ผลที่ - แรงแมเ่ หล็กเป็น
เกดิ ขึ้นระหว่างข้วั แมเ่ หล็กเมื่อนามาเข้าใกล้ แม่เหลก็ กับสารแม
กนั จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ แม่เหลก็ แมเ่ หล็ก ม
ขัว้ ใต้ ข้ัวแมเ่ หลก็ ช
ชนดิ กันจะดึงดดู กนั
สำระท่ี 2 วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงแล
พลงั งานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเก่ยี วข้องกับเสีย
รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วัด สำระกำร
ว 2.3 ป 3/1
1. ยกตวั อย่างการเปล่ียนพลังงานหนึง่ ไป - พลงั งานเปน็ ปรมิ า
เปน็ อีกพลังงานหน่ึงจากหลกั ฐานเชงิ ความสามารถ ในก
ประจกั ษ์ แบบ เชน่ พลงั งาน
พลงั งานแสง พลังง
ความร้อน โดยพลงั
พลังงานหนึง่ ไปเปน็
การถมู ือจนรสู้ ึกร้อน
กลเปน็ พลังงานควา
เปลย่ี นพลังงานแสง
เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เปล่ีย
พลังงานอน่ื
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
-
นแรงทเี่ กิดข้ึนระหวา่ ง
มเ่ หลก็ หรือแม่เหล็กกบั
มี 2 ขว้ั คือ ขว้ั เหนือและ
ชนดิ เดียวกันจะผลกั กัน ตา่ ง
น
ละการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลงั งาน
ยง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
รเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถ่ิน
-
าณท่แี สดงถงึ
การทางาน พลงั งานมีหลาย
นกล พลังงานไฟฟ้า
งานเสยี ง และพลงั งาน
งงานสามารถเปลีย่ นจาก
นอีกพลังงานหนงึ่ ได้ เชน่
น เป็นการเปลยี่ นพลงั งาน
ามรอ้ น แผงเซลล์สรุ ยิ ะ
ง เป็นพลงั งานไฟฟ้าหรือ
ยนพลงั งานไฟฟ้าเปน็
หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สำระกำร
ว 2.3 ป 3/2
2. บรรยายการทางานของเคร่อื งกาเนิด - ไฟฟา้ ผลติ จากเคร
ว 2.3 ป 3/3
ไฟฟา้ และระบแุ หลง่ พลงั งานในการผลติ พลงั งานจากแหลง่ พ
ไฟฟ้า จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ แหล่ง เชน่ พลงั งาน
พลงั งานจากแก๊สธร
3. ตระหนักในประโยชนแ์ ละโทษของไฟฟ้า - พลงั งานไฟฟา้ มีค
โดยนาเสนอวิธกี ารใชไ้ ฟฟ้าอย่างประหยดั ชวี ติ ประจาวัน การ
และปลอดภยั อย่างถูกวธิ ี ประหย
คานงึ ถงึ ความปลอด
สำระที่ 3 วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และ
ปฏสิ ัมพนั ธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะทส่ี ง่ ผลต่อสิ่งมชี วี ิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโล
รหัสตัวช้ีวัด ตวั ช้วี ัด สำระกำร
ว 3.1 ป 3/1
1. อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการขึน้ และตก - คนบนโลกมองเห็น
ว 3.1 ป 3/2 ของดวงอาทติ ย์โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ทางดา้ นหนึ่งและต
หมุนเวียนเปน็ แบบ
2. อธิบายสาเหตกุ ารเกดิ ปรากฏการณ์การ - โลกกลมและหมุน
ขนึ้ และตกของดวงอาทติ ย์ การเกิดกลางวัน ดวงอาทิตย์ ทาให้บ
กลางคืน และการกาหนดทิศ โดยใช้ แสงอาทติ ย์ไม่พร้อม
แบบจาลอง จากดวงอาทิตยจ์ ะเ
รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถ่ิน
-
รื่องกาเนดิ ไฟฟ้าซึ่งใช้
พลงั งานธรรมชาติหลาย -
นจากลม พลงั งานจากน้า
รรมชาติ
ความสาคญั ต่อ
รใชไ้ ฟฟ้านอกจากตอ้ งใช้
ยัด และคมุ้ ค่าแล้ว ยังตอ้ ง
ดภัยดว้ ย
ะวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้ง
ลยีอวกาศ
รเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ
-
นดวงอาทิตยป์ รากฏข้นึ
ตกทางอีกด้านหน่งึ ทกุ วนั -
บรปู ซา้ ๆ
นรอบตวั เองขณะโคจรรอบ
บรเิ วณของโลกไดร้ ับ
มกนั โลกด้านท่ีได้รบั แสง
เป็นกลางวัน สว่ นด้านตรง
หลักสตู รสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหัสตัวช้ีวัด ตัวชว้ี ดั สำระกำร
ว 3.1 ป 3/3
3.ตระหนักถงึ ความสาคญั ของดวงอาทติ ย์ ข้ามท่ีไม่ได้รับแสงจ
โดยบรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อ คนบนโลกจะมองเห
ส่งิ มีชีวิต ทางดา้ นหนง่ึ ซง่ึ กาห
และมองเหน็ ดวงอา
ซงึ่ กาหนดใหเ้ ป็นทิศ
ขวามืออยทู่ างทศิ ต
ทางทศิ ตะวนั ตก ด้า
และด้านหลงั จะเป็น
- ในเวลากลางวันโล
และพลังงานความร
ส่ิงมชี วี ิตดารงชวี ติ อ
สำระท่ี 3 วิทยำศำสตร์โลก และอวกำศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพนั ธข์ องระบบโล
กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมท้ังผลตอ่ ส่ิงมีช
รหัสตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ัด สำระกำร
ว 3.2 ป 3/1
1. ระบสุ ว่ นประกอบของอากาศ บรรยาย - อากาศโดยทว่ั ไป
ความสาคัญของอากาศ และผลกระทบของ ประกอบด้วย แก๊สไ
มลพิษทางอากาศต่อส่ิงมีชวี ติ จากข้อมูล ที่ แกส๊ คาร์บอนไดออ
รวบรวมได้ น้า และ ฝุ่นละออง
รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถน่ิ
-
จะเปน็ กลางคืน นอกจากนี้
หน็ ดวงอาทิตย์ปรากฏขึน้
หนดให้เปน็ ทิศตะวันออก
าทิตยต์ กทางอกี ด้านหนงึ่
ศตะวนั ตก และเมื่อให้ดา้ น
ตะวันออก ด้านซา้ ยมืออยู่
านหนา้ จะเปน็ ทิศเหนือ
นทศิ ใต้
ลกจะได้รับพลังงานแสง
ร้อนจากดวงอาทติ ย์ ทาให้
อยู่ได้
ลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณพี ิบัติภัย
ชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรูท้ ้องถน่ิ
-
ปไม่มีสี ไม่มีกลนิ่
ไนโตรเจน แก๊สออกซเิ จน
อกไซด์ แกส๊ อน่ื ๆ รวมทงั้ ไอ
ง อากาศมีความสาคญั ต่อ
หลักสตู รสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
รหัสตัวชี้วัด ตวั ชว้ี ดั สำระกำร
ว 3.2 ป 3/2 2. ตระหนักถึงความสาคญั ของอากาศ โดย
นาเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ิตนในการลด ส่ิงมีชีวติ หากสว่ นป
ว 3.2 ป 3/3 การเกดิ มลพิษทางอากาศ เหมาะสม เน่ืองจาก
ว 3.2 ป 3/4 ละอองในปริมาณม
3. อธิบายการเกดิ ลมจากหลักฐานเชงิ ส่ิงมีชวี ิตชนิดตา่ ง ๆ
ประจักษ์ อากาศ
- แนวทางการปฏบิ
4.บรรยายประโยชน์และโทษของลม จาก มลพิษทางอากาศ เ
ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ หรอื เลอื กใชเ้ ทคโนโ
- ลม คืออากาศทเี่
แตกต่างกนั ของอณุ
ใกลก้ ัน โดยอากาศ
ลอยตวั สงู ขึ้น และอ
ต่ากวา่ จะเคลอื่ นเข
-ลมสามารถนามาใช
ทดแทน ในการผลิต
ประโยชน์
รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ
ประกอบของอากาศไม่ -ระบุปัญหามลพิษทางอากาศในชมุ ชน และ
กมแี กส๊ บางชนิดหรือฝุ่น เสนอแนวทางแก้ไขปญั หา
มาก อาจเป็นอันตรายต่อ
ๆ จัดเป็นมลพิษ ทาง
บัตติ นเพ่ือลดการปล่อย - ระบุทิศทางลมในเวลาต่าง ๆ รมิ ทะเลได้
เช่น ใช้พาหนะร่วมกนั (เช้า กลางวัน ก่อนเลิกเรียน)
โลยีทล่ี ดมลพิษทางอากาศ
-
เคลือ่ นท่ี เกิดจากความ
ณหภมู ิอากาศบรเิ วณที่อยู่
ศบริเวณทม่ี ีอณุ หภูมสิ งู จะ
อากาศบริเวณทีม่ อี ุณหภูมิ
ข้าไปแทนท่ี
ช้เปน็ แหลง่ พลังงาน
ตไฟฟ้า และนาไปใช้
หลักสตู รสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
สำระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีว
ทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพ่ือแก้ปัญหา หรือพัฒ
วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต ส
รหัสตวั ชี้วัด ตัวชีว้ ัด สำระกำร
- -
สำระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ิต
ในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี ริย
รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชี้วัด สำระกำร
ว 3.2 ป 3/1 1. แสดงอลั กอรทิ ึมในการทางาน หรือ การ
แก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ - อลั กอริทึมเปน็ ขน้ั
ว 3.2 ป 3/2 หรอื ข้อความ - การแสดงอลั กอรทิ
บอกเลา่ วาดภาพ ห
2. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ - ตัวอย่างปัญหา เช
ซอฟตแ์ วร์หรอื ส่ือ และตรวจหาข้อผิดพลาด เกม Tetris เกม OX
ของโปรแกรม การทาความสะอาด
- การเขียนโปรแกร
คาส่งั ให้คอมพวิ เต
- ตัวอยา่ งโปรแกรม
ให้ ตวั ละครทางาน
วิตในสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะ
ฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง
สงั คม และส่ิงแวดล้อม
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ
- -
ตจรงิ อย่างเปน็ ขัน้ ตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
ยธรรม
รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถนิ่
-
นตอนที่ใชใ้ นการแกป้ ัญหา
ทึมทาไดโ้ ดยการเขยี น -
หรือใช้สัญลกั ษณ์
ชน่ เกมเศรษฐี เกมบนั ไดงู
X การเดนิ ไปโรงอาหาร
ดห้องเรียน
รมเป็นการสร้างลาดับของ
ตอรท์ างาน
ม เชน่ เขียนโปรแกรมที่ส่ัง
นซา้ ไม่ส้นิ สดุ
หลกั สตู รสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ชว้ี ัด สำระกำร
ว 3.2 ป 3/3 3.ใชอ้ ินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ - การตรวจหาขอ้ ผิด
คาส่ังท่ีแจ้งข้อผดิ พ
เปน็ ไปตามท่ีตอ้ งกา
นทีละคาสั่ง
- ซอฟตแ์ วรห์ รอื ส่ือ
เชน่ ใช้บัตรคาสง่ั แส
Code.org
- อินเทอร์เนต็ เป็นเ
การติดต่อสอื่ สารทา
และ เปน็ แหล่งข้อม
และการดาเนนิ ชีวิต
- เวบ็ เบราวเ์ ซอร์เป
เอกสารบนเวบ็ เพจ
- การสบื ค้นข้อมูลบ
เวบ็ ไซต์สาหรบั สบื ค
ทเ่ี หมาะสมจงึ จะได
ข้อมลู ความรู้ เช่น ว
กระดาษ เป็นรูปตา่
ชาติไทย (อาจเปน็ ค
เรอ่ื งท่ีเปน็ ประเด็นท
- การใช้อนิ เทอร์เน
การดูแลของครู หร
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรูท้ อ้ งถ่ิน
ดพลาดทาไดโ้ ดยตรวจสอบ -
พลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่
ารให้ตรวจสอบการทางา
อที่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม
สดงการเขียนโปรแกรม,
เครือขา่ ยขนาดใหญช่ ว่ ยให้
าได้สะดวกและรวดเรว็
มลู ความรทู้ ี่ชว่ ยในการเรยี น
ต
ปน็ โปรแกรมสาหรับอา่ น
จ
บนอนิ เทอร์เน็ตทาได้โดยใช้
ค้น และต้องกาหนดคาคน้
ดข้ ้อมูลตามตอ้ งการ –
วิธที าอาหาร วธิ ีพบั
าง ๆ ข้อมูลประวตั ิศาสตร์
ความรู้ในวชิ าอื่น ๆ หรือ
ที่สนใจ ในชว่ งเวลานัน้ )
นต็ อยา่ งปลอดภัยควรอยู่ใน
รือผู้ปกครอง
หลกั สตู รสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชวี้ ัด สำระกำร
ว 3.2 ป 3/4 4. รวบรวม ประมวลผล และนาเสนอ
ขอ้ มลู โดยใชซ้ อฟตแ์ วรต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ - การรวบรวมขอ้ มูล
ว 3.2 ป 3/5 ตอ้ งการ เตรียมอุป
5. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย - การประมวลผลอ
ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต จัดกลมุ่ เรยี งลาดับ
- การนาเสนอข้อมูล
ความเหมาะสม เช่น
เอกสารรายงาน กา
- การใช้ซอฟตแ์ วร์ท
เช่น ใชซ้ อฟตแ์ วรน์
ฟกิ สร้างแผนภมู ริ ปู
ประมวลคา ทาป้าย
เอกสารรายงาน ใช
การประมวลผลข้อม
- การใชเ้ ทคโนโลยีส
เชน่ ปกป้องข้อมลู ส
- ขอความช่วยเหลอื
เม่ือเกดิ ปญั หาจากก
หรือบุคคลที่ทาให้ไ
- การปฏบิ ตั ติ ามข้อ
อนิ เทอร์เนต็ จะทา
ตนเองและผ้อู ื่น เชน่
ด่าทอ ทาใหผ้ ู้อืน่ เส
รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ
-
ล ทาไดโ้ ดยกาหนดหวั ขอ้ ท่ี
ปกรณ์ในการจดบันทกึ -
อยา่ งง่าย เช่น เปรียบเทยี บ
บ
ลทาได้หลายลกั ษณะตาม
น การบอกเลา่ การทา
ารจัดทาป้ายประกาศ
ทางานตามวตั ถุประสงค์
นาเสนอหรือซอฟต์แวร์กรา
ปภาพ ใชซ้ อฟต์แวร์
ยประกาศ หรอื
ชซ้ อฟต์แวร์ตารางทางานใน
มลู
สารสนเทศอย่างปลอดภยั
สว่ นตัว
อจากครู หรือผ้ปู กครอง
การใชง้ าน เมอ่ื พบข้อมูล
ไม่สบายใจ
อตกลงในการใช้
าให้ไม่เกิดความเสียหายต่อ
น ไม่ใชค้ าหยาบ ลอ้ เลียน
สยี หาย หรือเสียใจ
หลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
ตัวชวี้ ัดและสำระกำรเ
ชั้นประถมศึกษ
สำระท่ี 1 วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะหว
ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความ
ส่ิงแวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
รหัสตัวชี้วดั ตวั ชวี้ ดั สำระกำร
- -
สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพืน้ ฐานของสิ่งมีชวี ิต การล
ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ่ีทางานสมั พันธก์ ัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าทีข่ องอว
รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ช้ีวดั สำระกำร
ว 1.2 ป 4/1
1. บรรยายหนา้ ท่ขี องราก ลาต้น ใบ และ - สว่ นตา่ ง ๆ ของพ
ดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมูลทร่ี วบรวมได้ กัน
- รากทาหนา้ ท่ดี ูดน
ต้น
- ลาต้นทาหน้าทล่ี า
ๆ ของพืช
- ใบทาหน้าทีส่ ร้างอ
ขึ้นคอื น้าตาลซ่ึงจะเ
เรยี นรูแ้ กนกลำง
ษำปีท่ี 4
ว่างสิ่งไม่มชี ีวิตกบั สิง่ มีชีวิตและความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมีชวี ิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง
มหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
มรวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ
- -
ลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหน้าทขี่ องระบบต่าง ๆ
วยั วะต่าง ๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์กนั รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถิ่น
พืชดอกทาหนา้ ทแ่ี ตกต่าง
- ศึกษา โครงสร้างของพืชท่ีพบในบริเวณ
นา้ และแร่ธาตขุ ึ้นไปยังลา ชายหาด หนา้ โรงเรยี น เช่น ผกั บุ้งทะเล ต้น
สน เปน็ ต้น
าเลียงน้าต่อไปยังส่วนต่าง
อาหาร อาหารท่พี ืชสรา้ ง
เปลีย่ นเป็นแปง้
หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
รหสั ตัวชี้วัด ตวั ช้ีวัด สำระกำร
- ดอกทาหน้าท่ีสบื พ
สว่ นประกอบตา่ ง ๆ
ดอก เกสรเพศผู้ แล
ส่วนประกอบแตล่ ะ
แตกต่างกัน
สำระที่ 1 วิทยำศำสตร์ชีวภำพ
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณ
สิ่งมชี วี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการของสิ่งมชี วี ติ รวมทงั้ นาความรไู้
รหัสตวั ชี้วดั ตัวช้ีวดั สำระกำร
ว 1.3 ป 4/1
1. จาแนกสิง่ มีชวี ิตโดยใชค้ วามเหมือนและ - สงิ่ มชี ีวติ มหี ลายช
ว 1.3 ป 4/2
ความแตกตา่ งของลกั ษณะของสง่ิ มีชวี ติ ใช้ ความเหมือนแล
ออกเปน็ กล่มุ พืช กลุม่ สัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่ ลกั ษณะต่าง ๆ เชน่
พืชและสตั ว์ ได้ และเคล่ือนท่ีดว้
สงิ่ มีชวี ิตอื่นเปน็ อาห
ไม่ใช่พชื และสัตว์ เช
2. จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มี - การจาแนกพืช ส
ดอก โดยใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ เกณฑ์ ในการจาแน
ขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ ไม่มดี อก การจาแน
กระดูกสนั หลัง เป็น
เปน็ สตั ว์มีกระดูกสัน
สันหลงั
รเรยี นร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถิน่
พันธุ์ ประกอบดว้ ย
ๆ ได้แก่ กลีบเล้ียง กลบี
ละเกสรเพศเมีย ซึง่
ะสว่ นของดอก ทาหน้าที่
ณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อ
ไปใชป้ ระโยชน์
รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
ชนดิ สามารถจดั กลุ่มได้โดย - สารวจ จัดกล่มุ สง่ิ มชี ีวติ ท่พี บบรเิ วณ
ละความแตกต่างของ ชายหาดหน้าโรงเรยี น และบรเิ วณชมุ ชน
น กลุ่มพืชสร้างอาหารเอง โดยรอบ
วยตนเองไม่ได้ กล่มุ สตั วก์ ิน
หารและเคลอ่ื นท่ไี ด้ กลมุ่ ที่
ช่น เหด็ รา จุลินทรยี ์
สามารถใช้การมดี อกเป็น -
นก ไดเ้ ป็นพืชดอกและพชื
นกสตั ว์ สามารถใช้การมี
นเกณฑใ์ นการจาแนก ได้
นหลังและสตั วไ์ ม่มกี ระดกู
หลักสตู รสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
รหสั ตวั ชี้วัด ตัวชว้ี ดั สำระกำร
ว 1.3 ป 4/3
3. จาแนกสตั วอ์ อกเปน็ สัตวม์ ีกระดูกสัน - สัตวม์ ีกระดกู สันห
ว 1.3 ป 4/4
หลังและสัตว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง โดยใช้การ กลมุ่ ปลา กลุ่มสัตว์ส
มกี ระดูกสันหลังเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่ สตั วเ์ ลอื้ ยคลาน กล
รวบรวมได้ ลูกด้วยนา้ นม ซ่งึ แต
4. บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตไดข้ อง เฉพาะที่สังเกตได้
สตั วม์ กี ระดูกสนั หลังในกลุ่มปลา กลุม่ สตั ว์
สะเทินนา้ สะเทนิ บก กลมุ่ สัตว์เล้อื ยคลาน
กล่มุ นก และกลมุ่ สตั ว์เลี้ยงลกู ด้วยน้านม
และยกตัวอยา่ งสง่ิ มีชวี ติ ในแต่ละกลมุ่
สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตรก์ ำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพ
หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ
รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วัด สำระกำร
ว 2.1 ป 4/1
1. เปรียบเทยี บสมบัตทิ างกายภาพดา้ น - วัสดแุ ต่ละชนิดมีส
ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน กัน วสั ดทุ ม่ี ีความแ
และการนาไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใช้หลกั ฐานเชิง ที่มีสภาพยดื หย่นุ จ
ประจักษ์จากการทดลองและระบกุ ารนา แรงมากระทาและก
สมบัตเิ ร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนา ความรอ้ นจะรอ้ นได
ความรอ้ น และการนาไฟฟา้ ของวัสดุไปใช้ใน และวสั ดทุ ี่นาไฟฟ้า
ชีวิตประจาวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบ ผ่านได้ ดังน้ันจงึ อา
ช้ินงาน
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถิน่
-
หลังมหี ลายกลมุ่ ไดแ้ ก่
สะเทนิ น้าสะเทินบก กลมุ่
ลมุ่ นก และกลมุ่ สัตวเ์ ลยี้ ง
ต่ละกลุ่มจะมลี ักษณะ
พันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค
รเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถนิ่
สมบตั ิทางกายภาพแตกต่าง - สารวจ ขยะที่พบบริเวณชายหาด และ
แข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วสั ดุ เปรียบเทยี บสมบัตขิ องวสั ดุ
จะเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งเมือ่ มี
กลับสภาพเดิมได้ วสั ดทุ ีน่ า
ดเ้ ร็วเมื่อได้รบั ความร้อน
าได้ จะให้กระแสไฟฟา้ ไหล
าจนาสมบัติต่าง ๆ มา
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ดั สำระกำร
ว 2.1 ป 4/2
ว 2.1 ป 4/3 2. แลกเปล่ียนความคดิ กับผู้อ่ืนโดยการ พจิ ารณาเพอ่ื ใชใ้ นก
ว 2.1 ป 4/4 อภิปรายเกยี่ วกับสมบัตทิ างกายภาพของ ชิ้นงานเพอื่ ใช้ประโ
วสั ดุอย่างมีเหตผุ ลจากการทดลอง
3. เปรยี บเทียบสมบตั ิของสสารทัง้ 3 - วสั ดเุ ป็นสสารเพร
สถานะ จากขอ้ มูลที่ได้จากการสังเกต มวล สสารมีสถานะเปน็ ข
การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของ แก๊ส ของแขง็ มีปร
สสาร ของเหลวมปี รมิ าตร
4. ใช้เคร่ืองมอื เพื่อวัดมวล และปรมิ าตรของ ตามภาชนะเฉพาะส
แก๊สมีปริมาตรและ
สสารทัง้ 3 สถานะ
ภาชนะทีบ่ รรจุ
สำระท่ี 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจาวัน ผลของแรงท่ีกระ
ประโยชน์
รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สำระกำร
ว 2.2 ป 4/1
1. ระบุผลของแรงโนม้ ถว่ งทีม่ ีตอ่ วตั ถจุ าก - แรงโนม้ ถ่วงของ
ว 2.2 ป 4/2 หลักฐานเชิงประจักษ์ กระทาตอ่ วตั ถุ มีท
และเปน็ แรงไม่สมั ผ
2. ใชเ้ ครื่องชง่ั สปรงิ ในการวัดนา้ หนกั ของ กบั วตั ถุหน่ึง ๆ ทาใ
วัตถุ ทาใหว้ ัตถุมีน้าหนัก
เคร่อื งชง่ั สปรงิ นา้ ห
รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถ่ิน
กระบวนการออกแบบ
โยชน์ในชวี ิตประจาวัน
ราะมีมวลและตอ้ งการท่ีอยู่
ของแขง็ ของเหลว หรอื
ริมาตรและรูปร่างคงท่ี
รคงที่ แตม่ ีรปู รา่ งเปลยี่ นไป
ส่วนทีบ่ รรจุของเหลว สว่ น
ะรปู รา่ งเปลยี่ นไปตาม
ะทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาควา มรู้ไปใช้
รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิ่น
-
งโลกเป็นแรงดึงดดู ทโ่ี ลก
ทศิ ทางเข้าสศู่ ูนยก์ ลางโลก
ผัส แรงดงึ ดูดทโี่ ลกกระทา
ใหว้ ตั ถุตกลงสพู่ ้ืนโลก และ
ก วัดน้าหนกั ของวัตถุไดจ้ าก
หนกั ของวตั ถุขึน้ กับมวล
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา